Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

Published by jarunpanakul, 2021-03-12 03:59:01

Description: แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แรงดึงดูดของ โลกต่อวัตถุมีค่าลดลงเมื่อวัตถุมีระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมากขึ้น ในขณะที่วัตถุมีปริมาณเนื้อสารคงท่ี มวลของวัตถุจึงมีค่าคงท่ีแม้วา่ วตั ถุจะมรี ะยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมากขนึ้ 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครอู ธบิ ายให้นักเรยี นเข้าใจวา่ ในอวกาศที่ห่างจากศูนยก์ ลางของโลกมาก น้ำหนักของวัตถุจะลดลง เกือบเป็นศูนยห์ รืออาจอย่ใู นสภาพไรน้ ้ำหนักได้ (2) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ โดยให้นักเรียนเข้าใจว่าดวงจันทร์ก็มีแรงโน้มถ่วง เช่นกนั แต่มีคา่ น้อยกวา่ แรงโนม้ ถ่วงของโลกถึง 6 เทา่ ทำให้เม่อื นกั บินอวกาศไปถึงดวงจนั ทร์ น้ำหนกั ของนักบิน อวกาศจะลดลง 6 เทา่ เมื่อเทยี บกับนำ้ หนักบนโลก (3) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลง สมดุ สง่ ครู 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เช่น – ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลตอ่ นำ้ หนักเพราะอะไร – ถ้าเราอยู่บนดวงจนั ทร์ น้ำหนักและมวลจะเปลยี่ นแปลงหรือไม่ เพราะอะไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรือผงั มโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 2. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศ 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรูเ้ ร่ืองความ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย สัมพนั ธข์ องนำ้ หนกั และมวล 1. ประเมนิ เจตคติทาง การสังเกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย 2. ประเมินเจตคติตอ่ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนน่ไี ม่ผ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมคี วามร้เู กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง นางอมลสริ ิ คำฟู แลว้ มีความเหน็ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่  นำไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการฝา่ ยวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 44 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ปกี ารศึกษา 2563 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 1 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง ผลของมวลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคลื่อนที่ (1) ครผู ูส้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอื่ นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี บรรยายมวลของวตั ถุท่มี ีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นท่ีของวัตถุจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สงั เกตผลของมวลตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนทขี่ องวตั ถุได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่ีเก่ียวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความรูเ้ รื่องผลของมวลตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนทไ่ี ปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ เมื่อออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่ วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนที่ โดยแรงต้านการ เคลื่อนท่ีแปรผันตามขนาดของมวล คือ มวลเพิม่ ข้ึน แรงต้านการเคล่ือนท่จี ะเพิ่มขึ้น 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถ่วง – ผลของมวลตอ่ การเปลีย่ นแปลงการเคล่อื นที่ 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชีวติ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน สงั เกตมวลกับการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1) ครูถามคำถามทบทวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวลว่า วัตถุที่มีน้ำหนักลดลงเกิดจาก สาเหตใุ ดได้บ้าง (แนวคำตอบ วัตถุมีมวลลดลงหรือวตั ถอุ ย่หู ่างจากศูนยก์ ลางของโลกมากขนึ้ ) 2) ครูถามนกั เรยี นเพ่ิมเตมิ ว่า นอกจากมวลมีผลต่อน้ำหนกั ของวัตถุแลว้ มวลมีผลต่อวตั ถุลักษณะใดอีก ได้ (แนวคำตอบ มวลมผี ลตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นทีข่ องวตั ถุ) 3) นักเรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเหน็ ของคำตอบจากคำถาม เพอื่ เชอื่ มโยงไปสู่การเรียนรู้ เร่อื ง ผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคล่อื นท่ี ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มขี ั้นตอนดังนี้ 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระต้นุ นกั เรียนโดยถามคำถามนกั เรยี นดงั น้ี – ถ้านกั เรียนต้องออกแรงดันกลอ่ งที่มีหนังสืออยูเ่ ต็มกับกล่องเปลา่ ให้เคลอ่ื นที่ นกั เรยี นต้องใชแ้ รง ในการดันกลอ่ งใดมากกวา่ กัน เพราะอะไร (แนวคำตอบ กล่องทม่ี หี นงั สอื อยเู่ ตม็ เพราะมมี วลมากกวา่ ) (2) นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่จากใบความรู้หรือในหนังสือ เรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัตถุที่มีมวลมากต้องใช้แรงมากเพื่อทำให้วัตถุเคลื่อนที่ ดังนั้น มวลจงึ มผี ลต่อการเคล่อื นท่ขี องวัตถุ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 14 สังเกตมวลกับการเปลี่ยนแปลงการ เคลือ่ นที่ แต่ละกลมุ่ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามขัน้ ตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดงั น้ี – วางแผน่ ไมบ้ นพื้นเรยี บแล้ววางถงุ ทราย 1 ถุงบนแผ่นไม้ – ใช้ขอเกี่ยวของเครื่องชั่งสปริงแบบแขวนเกี่ยวแผ่นไม้แล้วลากในแนวราบ อ่านค่าขนาดของ แรงทไ่ี ดจ้ ากเคร่อื งชงั่ สปรงิ แบบแขวนเม่อื แผ่นไม้เร่มิ เคล่ือนที่ บันทกึ ผล – ดำเนนิ การเช่นเดิมแต่เพ่ิมจำนวนถุงทรายเป็น 2 ถงุ และ 3 ถงุ ตามลำดับ (3) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปดิ โอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – การเพิ่มจำนวนถุงทรายมีผลต่อแรงที่ใช้ในการเคลื่อนที่หรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ การเพิ่มจำนวนถงุ ทรายมผี ลต่อแรงท่ีใชใ้ นการเคลื่อนท่ี สงั เกตไดจ้ ากเม่ือถงุ ทรายเพม่ิ จำนวนขน้ึ เครอ่ื งช่ังสปริง แบบแขวนอ่านคา่ ของแรงได้เพิ่มข้ึน)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – กอ่ นท่ีถงุ ทรายจะเคล่ือนท่ี มแี รงต้านการเคล่ือนท่ีเกิดขึน้ หรือไม่ สงั เกตจากอะไร (แนวคำตอบ มี สังเกตได้จากเครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนอ่านค่าของแรงได้เพิม่ ขึ้นจากศูนย์จนกระทั่งถึงค่าหนึ่ง แผ่นไม้จึงเริ่ม เคล่ือนท)ี่ – มวลมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุลักษณะใด (แนวคำตอบ เมื่อมวลของวัตถมุ ี คา่ เพิ่มขึ้น จึงตอ้ งใชแ้ รงเพ่ิมข้นึ ในการทำใหว้ ตั ถุเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ หรืออาจกล่าวได้ว่าวัตถุท่ีมีมวลมาก เคลือ่ นท่ีได้ยากกวา่ วัตถทุ มี่ มี วลนอ้ ย) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครูเนน้ ให้นักเรยี นเข้าใจว่า มวลมีผลตอ่ การ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ี เมือ่ วตั ถมุ ีมวลเพ่มิ ข้นึ แรงทใี่ ช้ทำให้วัตถเุ คลอ่ื นทก่ี เ็ พม่ิ ข้นึ ด้วย 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพิ่มเติมกบั นักเรียนว่า เมื่อเราออกแรงต่อวัตถใุ ห้เคลือ่ นที่ วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนท่ี และเมื่อเราออกแรงจนถึงแรงค่าหนึ่งที่เอาชนะแรงต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ วัตถุจะเริ่มเคลื่อนที่ ซึ่งขนาด ของแรงสดุ ทา้ ยทีก่ ระทำต่อวตั ถกุ ่อนวัตถุจะเรม่ิ เคล่ือนท่ี เรยี กวา่ แรงต้านการเคล่อื นทสี่ ูงสดุ ของวตั ถุ 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกจิ กรรมมีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่ เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – แรงต้านการเคล่ือนที่คืออะไร – ปัจจัยใดมผี ลตอ่ แรงต้านการเคลื่อนที่ ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนทค่ี วามคดิ หรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมท่ี 14 สงั เกตมวลกับการเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ี 2. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 5. หนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ืองผลของมวล 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นท่ี 1. ประเมินเจตคติทาง ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด ทางวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คล โดยการสังเกตและใช้แบบวัด 3. ประเมนิ ทักษะการ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกต การทำงานกลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกล่มุ โดย การสังเกตการทำงานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง นางอมลสริ ิ คำฟู แลว้ มีความเหน็ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่  นำไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการฝา่ ยวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 45 สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ปีการศกึ ษา 2563 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 1 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง ผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนที่ (2) ครผู ้สู อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่อื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว2.2 ป.4/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สงั เกตผลของมวลตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนทข่ี องวตั ถไุ ด้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ ้หู รืออยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นร้ทู เ่ี กยี่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผ้อู ืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนำความรู้เร่ืองผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ไี ปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั เมื่อออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่ วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนที่ โดยแรงต้านการ เคลอื่ นทีแ่ ปรผนั ตามขนาดของมวล คอื มวลเพม่ิ ข้นึ แรงต้านการเคล่ือนท่จี ะเพิ่มข้นึ 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโนม้ ถว่ ง – ผลของมวลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ี 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน ออกแบบการทดลองผลของพื้นผวิ ของวตั ถุต่อการเคล่ือนที่ของวัตถุ 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ โดยการให้นักเรียน อธิบายว่า มวลมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุลักษณะใด (แนวคำตอบ เมื่อมวลเพิ่ม วัตถุจะ เคลื่อนที่ยากข้นึ ) 2) นกั เรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั คำตอบของคำถาม เพอื่ เช่อื มโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่ือง ผลของมวลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลอื่ นท่ี ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีขั้นตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามว่า ถ้านักเรียนต้องการดันกล่องที่ใส่หนังสือจำนวนมากให้เคลื่อนที่ นกั เรียนจะทำวธิ ใี ด (แนวคำตอบ ใหเ้ พ่อื นชว่ ยดนั หรือนำผา้ มารองใต้กลอ่ งแล้วดงึ ) (2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุกับพื้นมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุที่มี มวลเท่ากัน ถา้ มพี ้นื ผวิ เรยี บกว่าจะเคลื่อนทีไ่ ด้ง่ายกวา่ วตั ถทุ มี่ ีพนื้ ผวิ ขรุขระ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบการทดลองผลของพื้นผิวของ วัตถุต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้อุปกรณ์ คือ เครื่องชั่งสปริงแบบแขวน แผ่นไม้ผิวเรียบ ถุงทราย เทปใส และแผ่นพื้นผิวที่ทำจากวสั ดุแตกต่างกัน คือ กระดาษทราย ผ้าลินิน และยาง อย่างละ 1 แผ่น แล้วบันทึกผล การทดลอง (3) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรยี นทกุ คนซกั ถามเมือ่ มีปญั หา 3) ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – นักเรียนทดสอบโดยวธิ ีใด (แนวคำตอบ นำถงุ ทรายวางบนแผ่นไมผ้ ิวเรียบ แล้วใช้เครอ่ื งชง่ั สปริง แบบแขวนดึงแผ่นไม้ผิวเรียบใหเ้ คลื่อนทีบ่ นแผน่ พน้ื ผวิ ทที่ ำจากวัสดแุ ตกต่างกัน) – แผน่ ไม้ผิวเรยี บเคล่อื นท่บี นแผ่นพน้ื ผวิ ชนดิ ใดงา่ ยท่สี ุด (แนวคำตอบ ผา้ ลนิ นิ ) – แผ่นไม้ผวิ เรยี บเคลื่อนทีบ่ นแผ่นพ้ืนผวิ ชนิดใดยากที่สุด (แนวคำตอบ กระดาษทราย) (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครเู นน้ ให้นักเรยี นเข้าใจวา่ ผวิ สัมผสั ระหว่าง วัตถกุ บั พืน้ มผี ลต่อการเคลอ่ื นท่ีของวัตถุ โดยพน้ื ผวิ ท่ีเรยี บกวา่ วัตถุจะเคล่ือนที่ได้ง่ายกวา่

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า แม้ว่าพื้นผิวเรียบจะทำให้วัตถุเคลื่อนที่ง่ายขึ้น แต่อาจทำให้เกิด อบุ ัติเหตุได้ เช่น ลอ้ รถจักรยานมีดอกยางเพ่ือใหเ้ คลื่อนทบี่ นถนนได้ดี (ยดึ เกาะถนนไดด้ ี) แต่เม่ือใช้จักรยานไป นาน ๆ ดอกยางจะสกึ และเรยี บขึน้ ทำให้ยดึ เกาะถนนได้ไม่ดี อาจทำให้ลนื่ และหลุดโคง้ จนเกิดอุบตั เิ หตไุ ด้ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้ง คำแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยงั ไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – การเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ขี องวตั ถุมผี ลจากอะไรบ้าง ขั้นสรุป 1) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปเก่ียวกับผลของมวลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนทคี่ วามคิดหรือผังมโนทัศน์ 2) ครูดำเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความก้าวหน้า/ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ของนักเรยี น 3) ครเู ชอ่ื มโยงเน้ือหาจากบทเรียนน้ีกับบทเรียนชั่วโมงหน้า เพือ่ ใหน้ ักเรียนเตรียมความพร้อมในการเรียน ชัว่ โมงต่อไป โดยการใช้คำถามกระต้นุ ดังนี้ – ถ้าเราตอ้ งการมองเห็นวตั ถุในทม่ี ืดต้องทำวิธีใด (แนวคำตอบ ตอ้ งใช้แหลง่ กำเนดิ แสงส่องแสงไปยัง วัตถุทเี่ ราต้องการมองเห็น) 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนชั่วโมงหน้าเพื่อจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยให้นักเรยี นศกึ ษาคน้ คว้าล่วงหน้าในหัวข้อการมองเห็นวัตถุ 5) ครใู หน้ กั เรียนเตรียมประเด็นคำถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพือ่ นำมาอภิปรายร่วมกันใน ชน้ั เรยี นครั้งตอ่ ไป 10. สื่อการเรียนรู้ 1. เคร่ืองชงั่ สปรงิ แบบแขวน 2. แผน่ ไม้ผิวเรยี บ 3. ถุงทราย 4. เทปใส 5. แผน่ พนื้ ผวิ ทีท่ ำจากวัสดุแตกต่างกัน คอื กระดาษทราย ผ้าลินนิ และยาง 6. หนงั สอื เรยี นภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอรเ์ น็ต 7. แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 9. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 10. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 11. หนังสอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องผลของมวล 1. ประเมินเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ต่อการเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ และใช้แบบวัดเจตคติทาง แบบวัดทกั ษะกระบวนการ กจิ กรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 3. ทดสอบหลงั เรียนโดยใช้ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย แบบทดสอบหลังเรียน เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่ และใช้แบบวัดเจตคตติ ่อ 3. ประเมินทักษะการ วิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสงั เกต การทำงานกลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบคุ คลหรอื รายกล่มุ โดย การสังเกตการทำงานกลุม่

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ........................................................................................................................................ .............. 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหน่ง ครผู ู้ช่วย

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง นางอมลสิริ คำฟู แลว้ มีความเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  นำไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวิเศษ ฟองตา) ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการฝา่ ยวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 46 สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ปกี ารศึกษา 2563 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 1 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง การมองเหน็ วัตถุ ครผู ูส้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์ทเี่ กย่ี วข้องกับเสียง แสง และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ชัน้ ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น สง่ิ ต่าง ๆ ผ่านวัตถุนน้ั เป็นเกณฑ์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการมองเหน็ วตั ถุได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรูท้ เ่ี กยี่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผ้อู นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนำความรู้เร่ืองการมองเหน็ วัตถไุ ปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั เม่ือมีแสงจากแหลง่ กำเนิดแสงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนมาเข้าตาเราจะทำให้เรามองเห็นวัตถุน้ันได้ 5. สาระการเรียนรู้ การมองเหน็ วัตถุ 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สังเกตการมองเห็นวัตถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ครดู ำเนนิ การทดสอบก่อนเรยี นโดยใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพรอ้ ม และพนื้ ฐานของนักเรยี น ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียน โดยการถามคำถามดงั ตอ่ ไปน้ี – ถ้านักเรียนอยู่ในห้องมืดสนิทจะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้หรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ มองไมเ่ หน็ สิง่ ตา่ ง ๆ เพราะไมม่ แี สงตกกระทบวัตถุแล้วสะทอ้ นเขา้ สู่ตาเรา) – สิ่งใดช่วยให้นักเรียนมองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้องที่มืดสนิทได้ (แนวคำตอบ แสงจากหลอดไฟฟ้า หรอื แสงจากไฟฉาย) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง การมองเห็น วัตถุ ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขน้ั ตอนดังนี้ 1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการมองเห็นวัตถุท่คี รู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอข้อมูลหน้า ห้องเรียน (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทกึ ของนักเรียน และถามคำถามเก่ยี วกบั ภาระงาน ดังน้ี – แหลง่ กำเนดิ แสงคอื อะไร (แนวคำตอบ วัตถุหรอื ส่ิงท่มี ีแสงสวา่ งในตวั เอง) – เรามองเห็นวัตถุได้อย่างไร (แนวคำตอบ เรามองเห็นวัตถุเมื่อแสงจากแหล่งกำเนิดแสงตก กระทบวตั ถแุ ล้วสะทอ้ นเข้าสตู่ าเรา) (3) ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนตั้งประเด็นคำถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทำภาระงานอย่างน้อย คนละ 1 คำถาม ซึ่งครใู ห้นักเรียนเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความคดิ เห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เรามองเห็น วตั ถุเมื่อแสงจากแหลง่ กำเนดิ แสงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสูต่ าเรา 2) ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตการมองเห็นวัตถุ แต่ละกลุ่ม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามข้ันตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดังน้ี – นำวัตถุชิ้นเล็ก ๆ 2 ชิ้น ใส่ในกล่องกระดาษทึบแสงที่เจาะรูเป็นช่องเล็กๆ ไว้สำหรับมอง จากนั้นปิดฝากลอ่ งแล้วมองดูวัตถทุ อี่ ยู่ในกล่อง สังเกตแลว้ บนั ทกึ ผล – นำไฟฉายทเี่ ปิดไฟวางไวใ้ นกล่องกระดาษ โดยฉายไฟไปทางวตั ถุ จากนน้ั ปดิ ฝากลอ่ งแลว้ มองดู วัตถุทอ่ี ยใู่ นกล่อง สังเกตแล้วบันทกึ ผล

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปดิ โอกาส ใหน้ กั เรยี นทกุ คนซักถามเม่ือมีปัญหา 3) ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นักเรียนและครูร่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปน้ี – นักเรยี นมองเหน็ วตั ถุในกล่องท่ีปิดสนิทเมื่อไม่มีไฟฉายหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่เห็น เพราะไม่มีแสงไปตกกระทบวตั ถแุ ล้วสะท้อนมาเขา้ ตาเรา) – ไฟฉายช่วยใหน้ ักเรียนมองเห็นวัตถุในกล่องหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ช่วย เพราะมีแสง จากไฟฉายไปตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนมาเขา้ ตาเรา) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เราไม่สามารถ มองเหน็ วัตถุที่ไมม่ ีแสงสว่างในตวั เองได้ ถ้าไม่มแี สงจากแหลง่ กำเนิดแสงไปตกกระทบวัตถุเหล่านั้นแล้วสะท้อน มาเขา้ ตาเรา 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครเู ขยี นแผนผงั การเคลื่อนท่ีของแสงทที่ ำใหเ้ รามองเห็นวัตถุ โดยแบ่งเปน็ 2 กรณี ดังน้ี – วัตถุท่ีมีแสงสว่างในตัวเอง วัตถุที่มีแสงสว่างในตัวเอง (แหล่งกำเนดิ แสง) → ตา – วัตถุทีไ่ มม่ แี สงสวา่ งในตวั เอง แหลง่ กำเนิดแสง → วตั ถุ → ตา (2) นักเรียนคน้ คว้าคำศัพทภ์ าษาตา่ งประเทศเกี่ยวกับการมองเห็น จากหนังสือเรยี น ภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แลว้ คัดคำศพั ท์พร้อมทงั้ คำแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – ถ้าไม่มีแสงมาตกกระทบวัตถุที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เราจะมองเห็นวัตถุเหล่านั้นได้หรือไม่ เพราะอะไร – ในหอ้ งมืด เรามองเหน็ เฉพาะวัตถทุ แ่ี สงจากไฟฉายส่องไปถงึ เพราะอะไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ เกยี่ วกับการมองเห็นวัตถุ โดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. กลอ่ งกระดาษทบึ แสงที่เจาะรเู ปน็ ชอ่ งเลก็ ๆ 3. ไฟฉาย 4. วัตถุชิ้นเล็ก ๆ 5. หนงั สอื เรยี นภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอร์เนต็ 6. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 8. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 9. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องการมองเห็น วัตถุ 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น และใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง แบบวัดทักษะกระบวนการ 3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคตติ ่อ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 3. วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคลโดย การสังเกตการทำงานกลมุ่ การสงั เกตและใช้แบบวดั เจตคติ 3. ประเมินทักษะการ ตอ่ วิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสงั เกต การทำงานกล่มุ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทำงานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนี่ไมผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) .................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................. ..................................... 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ......................................................................................... ............................................................. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ู้ช่วย

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ นางอมลสริ ิ คำฟู แล้วมคี วามเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 47 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ปกี ารศึกษา 2563 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 1 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง การจำแนกตัวกลางของแสง (1) ครูผสู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณท์ ่เี ก่ยี วข้องกับเสียง แสง และคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ช้ันปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น ส่ิงต่าง ๆ ผ่านวัตถุน้นั เป็นเกณฑ์ โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายลักษณะการเคล่อื นทขี่ องแสงผา่ นตวั กลางของแสงตา่ งชนดิ กันได้ (K) 2. จำแนกประเภทของตวั กลางของแสงตามสมบตั ิของการยอมใหแ้ สงเคลื่อนทีผ่ ่านได้ (K) 3. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรูอ้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ี่เกย่ี วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกับผ้อู ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สือ่ สารและนำความร้เู รื่องการจำแนกตัวกลางของแสงไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งทีแ่ สงผ่านได้เป็นตัวกลางของแสงและให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เป็นวัตถุ ทบึ แสง โดยตัวกลางของแสงแบ่งได้เปน็ ตัวกลางโปร่งใสและตวั กลางโปร่งแสง 5. สาระการเรียนรู้ ตัวกลางของแสง – การจำแนกตัวกลางของแสง 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ิต 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สังเกตแสงส่องผา่ นวตั ถุต่างชนิดกนั 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นำเข้าสูบ่ ทเรยี น 1) ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี น โดยการถามคำถามดังต่อไปนี้ – ถ้านักเรียนอยู่ในห้องที่มีหน้าต่างที่ทำจากกระจกแก้วใสแล้วมองออกไปภายนอกผ่านหน้าต่าง นักเรียนจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ มองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจน เพราะกระจก แกว้ มคี วามใส แสงเคลื่อนท่ผี า่ นได้ดี แสงจากวตั ถุจงึ สะทอ้ นเข้าสู่ตาเราทำใหเ้ ห็นวัตถชุ ัดเจน) – ถ้านักเรียนอยู่ในห้องที่มีหน้าต่างที่ทำจากกระจกฝ้าที่มีความขุ่น เมื่อมองออกไปภายนอกผ่าน หน้าต่าง นักเรียนจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ เหมือนกับที่มองเห็นจากหน้าต่างที่ทำจากกระจกแก้วใสหรือไม่ เพราะ อะไร (แนวคำตอบ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ชัดเจนเท่ากับการมองผ่านหน้าต่างที่ทำจากกระจกแก้วใส เพราะ กระจกฝ้ามีความขุ่น แสงเคลื่อนที่ผ่านได้บางส่วน แสงจากวัตถุจึงสะท้อนเข้าสู่ตาเราบางส่วนทำใหเ้ ห็นวัตถไุ ม่ ชดั เจน) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องตัวกลางของ แสง ข้นั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ้ันตอนดงั น้ี 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูนำอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงมาให้นักเรียนดู เช่น แก้วน้ำใส กระจกฝ้า และจานกระเบื้อง จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าวัตถุใดที่แสงเคลื่อนท่ี ผ่านได้และวัตถุใดที่แสงเคลื่อนที่ผ่านไม่ได้ (แนวคำตอบ แสงเคลื่อนที่ผ่านแก้วน้ำใสและกระจกฝ้าได้ แต่แสง เคล่ือนทีผ่ า่ นจานกระเบ้ืองไมไ่ ด)้ (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องตัวกลางของแสงจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจว่า แสงเคลื่อนที่ผ่านสิ่งต่างๆ ได้แตกต่างกัน เราใช้ความแตกต่างนี้ในการจำแนกสิ่งที่แสง เคล่อื นที่ผา่ นเปน็ กลุม่ ได้ (2) นักเรียนแบ่งกลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมที่ 15 สังเกตแสงส่องผ่านวัตถุต่างชนิดกัน แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กจิ กรรมตามขน้ั ตอนทไี่ ดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ – ใชค้ ลปิ หนบี กระดาษทำเป็นขาตง้ั หนบี กระดาษแข็งสขี าว 1 แผน่ นำมาต้ังขนึ้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – ปดิ หอ้ งเรียนเพ่ือให้ห้องมืด จากนนั้ ฉายแสงจากไฟฉายไปยังกระดาษแข็งสีขาว แล้วบันทึกผล การสงั เกต – ฉายแสงจากไฟฉายไปยังกระดาษแข็งสีขาว ขณะเดียวกันก็ถือพลาสติกใสกั้นไว้ด้านหน้าไฟ ฉาย บันทกึ ผลการสังเกต – ดำเนินการสงั เกตซ้ำตามขั้นตอนที่ 3 แตใ่ ช้พลาสตกิ ใสสี กระดาษไข กระดาษแข็งสขี าว ไม้อัด บางๆ กระจกฝา้ และแก้วนำ้ ใสแทน (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสใหน้ ักเรยี นทุกคนซกั ถามเม่อื มีปัญหา 3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปน้ี – แสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุได้ทุกชนิดหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ แสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุ ไม่ได้ทกุ ชนดิ สังเกตจากความชดั เจนของแสงบนกระดาษแข็งสีขาวทใี่ ช้เป็นฉากเมือ่ มีวตั ถุแตกต่างกันมาก้ันการ เคลอื่ นทข่ี องแสง) – แสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุได้กี่ลักษณะ และมีลักษณะใดบ้าง (แนวคำตอบ 3 ลักษณะ คือ 1) เคลอ่ื นท่ีผา่ นวตั ถไุ ด้ทง้ั หมด 2) เคลือ่ นที่ผา่ นวตั ถไุ ด้บางสว่ น และ 3) เคล่อื นผา่ นวตั ถไุ มไ่ ด้เลย) – จากการปฏิบัติกิจกรรมสามารถจำแนกวัตถุได้หรือไม่ และใช้อะไรเป็นเกณฑ์ (แนวคำตอบ สามารถจำแนกวตั ถุได้ โดยใช้การยอมใหแ้ สงเคลอื่ นทผี่ า่ นเปน็ เกณฑ์) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อมีสสารหรือ วัตถุมากัน้ การเคลื่อนที่ของแสง สสารหรอื วัตถุแต่ละชนิดจะยอมให้แสงส่องผ่านได้แตกต่างกันนักวิทยาศาสตร์ จำแนกให้สสารหรือวัตถุที่แสงผ่านได้เป็นตัวกลางของแสง และให้สสารหรือวัตถุที่แสงไม่สามารถผ่านได้เป็น วตั ถุทึบแสง 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูขยายความร้โู ดยอธิบายใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า ตวั กลางโปรง่ ใส แสงจะเคลื่อนท่ผี ่านตวั กลางได้ท้ังหมด ตัวกลางโปร่งแสง แสงจะเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางได้บางส่วน และวัตถุทึบแสง แสงจะเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางไม่ได้ เลย เม่ือแสงผ่านเข้าสู่ตาเราไมเ่ ทา่ กนั เราจงึ มองเห็นวตั ถชุ ัดเจนแตกต่างกนั หรอื อาจมองไมเ่ หน็ วัตถเุ ลย 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยงั ไม่ เข้าใจหรอื ยังมีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นกั เรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับประโยชนท์ ่ีได้รบั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – ตวั กลางของแสงแบง่ เปน็ ก่ีชนิด อะไรบ้าง – ตัวกลางของแสงและวตั ถทุ ึบแสงแตกตา่ งกนั ลกั ษณะใด

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ขนั้ สรปุ ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั การจำแนกตัวกลางของแสง โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือ ผังมโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทีเ่ ปน็ ตัวกลางโปร่งใส ตวั กลางโปรง่ แสง และวัตถุทบึ แสง 2. ใบกจิ กรรมท่ี 15 สังเกตแสงสอ่ งผา่ นวตั ถุตา่ งชนิดกนั 3. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 9. หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องการจำแนก ตัวกลางของแสง 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง แบบวดั ทักษะกระบวนการ วิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกล่มุ และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ 3. ประเมินทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสังเกต การทำงานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย การสังเกตการทำงานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ไี ม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผ้ชู ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ นางอมลสริ ิ คำฟู แล้วมคี วามเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 48 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ปกี ารศึกษา 2563 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 1 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง การจำแนกตัวกลางของแสง (2) ครูผสู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ ี่เกย่ี วข้องกับเสียง แสง และคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ช้ันปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น ส่ิงต่าง ๆ ผ่านวัตถุน้นั เป็นเกณฑ์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายลักษณะการเคล่อื นทขี่ องแสงผา่ นตัวกลางของแสงต่างชนิดกันได้ (K) 2. จำแนกประเภทของตวั กลางของแสงตามสมบัตขิ องการยอมให้แสงเคลื่อนที่ผา่ นได้ (K) 3. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ เี่ กยี่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกับผ้อู ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สือ่ สารและนำความร้เู ร่ืองการจำแนกตัวกลางของแสงไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งทีแ่ สงผา่ นได้เปน็ ตัวกลางของแสงและให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เป็นวัตถุ ทบึ แสง โดยตัวกลางของแสงแบ่งได้เปน็ ตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสง 5. สาระการเรียนรู้ ตัวกลางของแสง – การจำแนกตัวกลางของแสง 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน จำแนกวัตถุในชวี ติ ประจำวันเป็นตัวกลางโปร่งแสง ตวั กลางโปร่งใส และวตั ถุทบึ แสง 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการจำแนกตัวกลางของแสง โดยการถามคำถามนักเรียนว่า ตัวกลาง ของแสงคืออะไร (แนวคำตอบ สสารหรือวัตถทุ ี่แสงเคลื่อนท่ีผ่านได้) 2) นกั เรยี นช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับคำตอบของคำถาม เพอ่ื เช่อื มโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่ือง การจำแนกตัวกลางของแสง ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขัน้ ตอนดังน้ี 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามคำถามนักเรียนว่า สสารหรือวัตถุรอบตัวของนักเรียนเป็นตัวกลาง ชนดิ ใดบา้ ง ยกตัวอยา่ งคนละ 1 ขอ้ (แนวคำตอบ กระจกใสเปน็ ตวั กลางโปรง่ ใส) (2) นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบง่ กลมุ่ นกั เรียน กล่มุ ละ 5 – 6 คน แตล่ ะกลุ่มเขยี นตารางแสดงหวั ข้อ ตวั กลางโปรง่ ใส ตัวกลาง โปร่งแสง และวัตถุทึบแสงบนกระดาษ จากนั้นให้แต่ละคนในกลุ่ มช่วยกันบอกว่าสสารหรือวัตถุใน ชวี ติ ประจำวนั ชนดิ ใดจัดอยู่ในกลมุ่ ดังกลา่ ว (2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครเู ดินดรู อบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซกั ถามเมอ่ื มีปัญหา 3) ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ต่อไปน้ี – ตัวกลางโปรง่ ใสมีอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ อากาศและนำ้ เปลา่ ) – ตวั กลางโปร่งแสงมอี ะไรบา้ ง (แนวคำตอบ ผา้ ขาวบางและผา้ เช็ดหนา้ ) – วัตถุทบึ แสงมอี ะไรบา้ ง (แนวคำตอบ ไม้บรรทัดเหลก็ และรองเทา้ ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สสารหรือวัตถุ รอบตัวเรายอมให้แสงเคลื่อนที่ผ่านได้แตกต่างกัน ซึ่งจำแนกได้ 3 กลุ่ม คือ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถทุ บึ แสง

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการจำแนกตัวกลางของแสง จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพม่ิ เติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุม่ วา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและการ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – กระจกใสและกระจกเงาเป็นตัวกลางกลุ่มเดยี วกันหรือไม่ เพราะอะไร – วตั ถทุ เ่ี ปน็ ตวั กลางกลุ่มเดียวกันต้องมสี มบตั ใิ ดเหมอื นกัน ขนั้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกบั การจำแนกตัวกลางของแสง โดยร่วมกันเขียนเปน็ แผนท่ีความคิดหรือ ผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอรเ์ นต็ 2. คูม่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 3. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรูเ้ รื่องการจำแนก 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย ตวั กลางของแสง 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง การสังเกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย 2. ประเมินเจตคตติ ่อ การสงั เกตการทำงานกลมุ่ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบคุ คล โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั เจตคติต่อวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ นางอมลสริ ิ คำฟู แล้วมคี วามเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 49 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ปีการศกึ ษา 2563 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ตวั กลางของแสง ครูผู้สอน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ เี่ ก่ยี วข้องกับเสียง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น สิง่ ตา่ ง ๆ ผา่ นวัตถุนนั้ เปน็ เกณฑ์ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. จำแนกวตั ถุเป็นตวั กลางโปรง่ ใส ตวั กลางโปร่งแสง และวัตถทุ บึ แสงได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ หู้ รอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ทเี่ กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกับผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนำความรเู้ ร่ืองตวั กลางของแสงไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งทีแ่ สงผ่านได้เปน็ ตัวกลางของแสงและให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เปน็ วัตถุ ทบึ แสง โดยตวั กลางของแสงแบ่งได้เป็นตวั กลางโปร่งใสและตวั กลางโปร่งแสง 5. สาระการเรียนรู้ ตัวกลางของแสง คอื วตั ถหุ รือส่ิงทยี่ อมให้แสงผา่ น แบง่ เปน็ ตวั กลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสง ส่วน วตั ถุทบึ แสง คอื วตั ถุหรือสงิ่ ท่ีไมย่ อมใหแ้ สงผ่าน 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน ออกแบบการทดสอบวตั ถเุ พ่ือจำแนกเป็นตวั กลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั การจำแนกตวั กลางของแสง โดยการถามคำถามดังตอ่ ไปนี้ – การจำแนกตวั กลางของแสงใช้เกณฑใ์ ดในการจำแนก (แนวคำตอบ การยอมใหแ้ สงผา่ น) – จากเกณฑ์ที่ใช้จำแนกตัวกลางของแสง เราสามารถจำแนกสิ่งที่ขวางการเคลื่อนที่ของแสงได้ เปน็ กี่ชนดิ อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 3 ชนดิ คือ ตวั กลางโปร่งใส ตวั กลางโปรง่ แสง และวตั ถุทบึ แสง) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง ตัวกลางของ แสง ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มีข้นั ตอนดงั น้ี 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูให้นักเรียนช่วยกันสำรวจสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้องเรียน แล้วให้นักเรียนบอกว่า สิ่งนั้นเป็นตัวกลาง ชนดิ ใด เพราะอะไร (แนวคำตอบ หนา้ ปัดนาฬกิ าเป็นตวั กลางโปร่งใส เพราะแสงเคลื่อนท่ีผา่ นหนา้ ปดั นาฬิกาได้ ท้งั หมด ทำใหเ้ รามองเหน็ ตัวเลขและเข็มนาฬกิ าไดช้ ัดเจน) (2) นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเกีย่ วกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องตัวกลางของแสงจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจว่า แสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางโปร่งใสได้ทั้งหมด แสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางโปร่งแสงได้บางส่วน และแสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถทุ บึ แสงไม่ได้เลย (2) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเพื่อออกแบบการทดสอบวัตถุต่างๆ ในโรงเรียนว่าเป็นตัวกลางชนิดใด พร้อมกับนับจำนวนตัวกลางแต่ละชนดิ แล้วนำเสนอในรปู ของกราฟแท่ง (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ บริเวณที่สำรวจและ เปิดโอกาสให้นกั เรียนทุกคนซักถามเมื่อมีปญั หา 3) ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปนี้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – นกั เรยี นกำหนดปัญหาของกจิ กรรมว่าอะไร (แนวคำตอบ แสงเคลือ่ นทีผ่ า่ นวัตถใุ ดไดบ้ ้าง) – นกั เรียนทดสอบวตั ถุต่างๆ ด้วยวิธีใด (แนวคำตอบ นำไฟฉายไปสอ่ งวัตถตุ ่างๆ แล้วสังเกตความ สวา่ งของแสงดา้ นหลังวตั ถุนัน้ ๆ) – ตวั กลางชนิดใดทีน่ ักเรียนสำรวจไดม้ ากทีส่ ุด (แนวคำตอบ วตั ถทุ บึ แสง) (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ ผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู นน้ ให้นกั เรียนเขา้ ใจว่า ตัวกลางของแสง แตล่ ะชนิดยอมให้แสงผา่ นไดแ้ ตกต่างกัน 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชื่อมโยงความรู้เข้ากับหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยครูให้นักเรียนช่วยกันบอกวิธีการใช้พลังงาน ไฟฟ้าอย่างประหยัด โดยยึดหลักการทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของแสงผ่านตัวกลางต่างชนิดกัน เชน่ – หมั่นทำความสะอาดหลอดไฟฟ้าเป็นประจำ เพราะฝุ่นละอองที่มาเกาะหลอดไฟฟ้าทำให้แสง เคลื่อนที่ผ่านได้น้อยลง เราจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าหลอดไฟฟ้าใกล้หมดอายุการใช้งานและจะได้ไม่ต้องเปลี่ยน หลอดไฟฟา้ ใหมบ่ อ่ ยๆ – หมน่ั ทำความสะอาดหนา้ จอคอมพิวเตอร์และหนา้ จอโทรทศั น์เป็นประจำ เพื่อเปน็ การกำจัดฝุ่น ละอองทีม่ าเกาะบนหน้าจอ เพราะฝุ่นละอองท่ีมาเกาะหน้าจอทำใหแ้ สงเดนิ ทางผ่านไดน้ ้อยลง สง่ ผลให้เราต้อง ปรับหน้าจอใหส้ ว่างขึ้นซึ่งเปน็ การเปลืองพลงั งานไฟฟ้า – ใช้ม่านบังชนิดโปร่งแสงในเวลากลางวัน เพราะม่านชนิดโปรง่ แสงจะกันแสงและความร้อนจาก ดวงอาทติ ยบ์ างส่วน และยังทำให้เรามองเห็นส่งิ ต่างๆ ในหอ้ งได้ อากาศในห้องจะไดไ้ มร่ ้อนมากเกินไปและจะได้ ชว่ ยลดการทำงานของพดั ลมและเครื่องปรบั อากาศ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับตัวกลางของแสง จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยงั ไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถา้ มคี รชู ว่ ยอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมกลมุ่ ว่ามปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – ยกตวั อยา่ งตัวกลางโปร่งใส ตวั กลางโปร่งแสง และวตั ถทุ ึบแสงมาอยา่ งละ 1 ชนิด – ถ้านักเรียนจะลดความสว่างของแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้าต่างที่ทำจากกระจกใสลง นักเรียน จะทำวธิ ีใด ขนั้ สรปุ ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ เกย่ี วกบั ตวั กลางของแสง โดยร่วมกนั เขยี นเป็นแผนท่ีความคิดหรือผังมโนทัศน์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ไฟฉาย 2. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 3. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 4. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ ร่ืองตัวกลางของ แสง 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น และใช้แบบวดั เจตคตทิ าง แบบวัดทักษะกระบวนการ วทิ ยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกลมุ่ และใช้แบบวดั เจตคติตอ่ 3. ประเมินทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสงั เกต การทำงานกลมุ่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทำงานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรียนนไ่ี มผ่ ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ นางอมลสริ ิ คำฟู แลว้ มีความเห็นดงั น้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เน้นผูเ้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  นำไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวิเศษ ฟองตา) ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการฝา่ ยวชิ าการ

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 50 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 เร่ือง การเกิดเงา (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลีย่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์ ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจำวนั ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณ์ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวช้ีวัดชน้ั ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็นสิ่งต่างๆ ผา่ นวตั ถุนนั้ เปน็ เกณฑ์ โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายการเกดิ เงาของวตั ถุได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ท่เี กย่ี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกับผ้อู ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความร้เู รื่องการเกดิ เงาไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ เงาเกิดขึ้นเมื่อวัตถุทึบแสงกั้นการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสง ทำให้เกิดเป็นบริเวณมืด ด้านหลังวตั ถุทบึ แสง 5. สาระการเรยี นรู้ ตวั กลางของแสง – การเกิดเงา 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ มั่นในการทำงาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวิต 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สงั เกตการเกดิ เงา 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เกีย่ วกบั วตั ถทุ บึ แสง โดยการถามคำถามดงั ต่อไปน้ี – วัตถทุ ึบแสงมสี มบตั ิลกั ษณะใด (แนวคำตอบ ไม่ยอมใหแ้ สงเคล่อื นทีผ่ ่าน) – ยกตวั อยา่ งวตั ถุทึบแสงมา 3 ชนดิ (แนวคำตอบ แผน่ กระเบอื้ ง แผน่ ยาง และแผ่นไม้อดั ) 2) นกั เรยี นร่วมกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เพื่อเชอื่ มโยงไปสูก่ ารเรยี นรเู้ ร่ือง การเกิดเงา ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีขน้ั ตอนดังนี้ 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนกั เรยี น โดยการถามคำถามดังต่อไปนี้ – นักเรยี นเคยสงั เกตเงาของตวั เองหรือไม่ มีลักษณะใด (แนวคำตอบ เคย เงาของตวั เองมีลักษณะ คล้ายกับรูปร่างของตัวเองแต่จะมองเหน็ เปน็ บรเิ วณมืดท้งั หมด) – นักเรียนเห็นเงาของตัวเองในเวลาใด (แนวคำตอบ เวลาที่ออกไปยืนกลางแจ้งแล้วแสงอาทิตย์ กระทบตัว) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการเกิดเงาจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า เมื่อแสงเคลื่อนที่ไปยังวัตถุทึบแสงทีส่ ามารถก้ันแสงได้ท้ังหมดจะเกิดเป็นบริเวณมืดหลังวตั ถุทึบแสงท่ี เรียกว่า เงา (2) แบ่งกลุ่มนกั เรียน กลมุ่ ละ 5–6 คน เพื่อสังเกตการเกดิ เงาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังน้ี – ตัวแทนกลุ่มออกมารับไฟฉายและวัตถุทึบแสงที่มีรูปทรงแตกต่างกัน คือ วัตถุทรงกลม วัตถุ ทรงกระบอก และวตั ถุทรงลกู บาศก์ วตั ถทุ บึ แสงรูปทรงตา่ ง ๆ – สมาชิกในกลุ่มรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า เงาทเ่ี กดิ จากวัตถทุ บึ แสงแตล่ ะชิ้น มลี ักษณะใด

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – ทดสอบการเกดิ เงาของวตั ถุทบึ แสงทง้ั 3 ชิน้ โดยให้ระยะหา่ งระหว่างแหลง่ กำเนดิ แสง วัตถุทบึ แสง และฉาก เท่ากันเสมอ บันทึกผลการทดสอบ (3) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยครเู ดนิ ดรู อบ ๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซักถามเมือ่ มปี ญั หา 3) ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปนี้ – เงาเกดิ ข้นึ เม่ือเรยี งลำดบั อปุ กรณ์ท่ีได้รบั มาลักษณะใด (แนวคำตอบ ไฟฉาย → วัตถุทบึ แสง → ฉาก) – วัตถทุ บึ แสงใดเกิดเงาลกั ษณะเดยี ว (แนวคำตอบ วัตถุทรงกลมและวัตถทุ รงลกู บาศก์) – วตั ถุทึบแสงใดเกิดเงามากกวา่ 1 ลกั ษณะ (แนวคำตอบ วตั ถุทรงกระบอก) (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจว่า เม่ือมวี ัตถทุ ึบแสง มากั้นทางเดินของแสงจะเกิดเงา โดยเงาที่เกิดมีลักษณะต่างกันตามลักษณะของวัตถุทึบแสงที่กั้นทางเดินของ แสง 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูถามนักเรียนว่า ถ้านำวัตถุที่เป็นตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสงมากั้นแสงจากไฟฉายท่ี ฉายไปยงั วัตถจุ ะทำใหเ้ กิดเงาหรือไม่ เพราะอะไร (2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรียนในเร่ืองตัวกลางที่แสงผ่านและหลกั การเกิดเงา (3) ครูให้นักเรียนเล่นเกมจากหัวข้อสนุกทำ สนุกคิด กับวิทยาศาสตร์ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – หลักการของการเกิดเงาคืออะไร – ตัวกลางที่ทำใหเ้ กดิ เงาต้องมีลกั ษณะใด ขั้นสรปุ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเกยี่ วกบั การเกดิ เงา โดยร่วมกันเขยี นเป็นแผนทคี่ วามคดิ หรอื ผังมโนทศั น์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ไฟฉายและวตั ถุทึบแสงท่ีมีรูปทรงแตกต่างกนั 2. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 3. หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ือง การเกิดเงา 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ 1. ประเมินเจตคติทาง 2. ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น โดยการสังเกตและใชแ้ บบวัด แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสังเกตการทำงานกลุม่ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย การสงั เกตการทำงานกลุม่

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง นางอมลสริ ิ คำฟู แลว้ มีความเหน็ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่  นำไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการฝา่ ยวิชาการ

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 51 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่อื ง การเกิดเงา (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู ู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธ์ ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้ีวัดชัน้ ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็นสิ่งต่างๆ ผา่ นวตั ถุน้นั เปน็ เกณฑ์ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายการเกิดเงาของวัตถุได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนำความรูเ้ รื่องการเกิดเงาไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ เงาเกิดขึ้นเมื่อวัตถุทึบแสงกั้นการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสง ทำให้เกิดเป็นบริเวณมืด ดา้ นหลงั วัตถุทึบแสง 5. สาระการเรยี นรู้ ตัวกลางของแสง – การเกิดเงา 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ิต 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน สังเกตการเกดิ เงา 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรูเ้ ดมิ เกย่ี วกบั การเกิดเงา โดยการถามนักเรยี นว่า วัตถุทบึ แสงทำให้เกิดเงาได้เพราะ อะไร (แนวคำตอบ เพราะวตั ถุทบึ แสงสามารถก้นั แสงไมใ่ ห้เคลื่อนที่ผา่ นไปตกที่ฉากได้) 2) นักเรียนร่วมกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เพ่ือเชื่อมโยงไปสูก่ ารเรียนรู้เร่ือง การเกดิ เงา ข้นั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีขน้ั ตอนดังนี้ 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยการถามคำถามนักเรยี นว่า ถ้าเราเลือ่ นแหล่งกำเนดิ แสงเข้า ใกลว้ ตั ถุทบึ แสงมากข้ึนจะส่งผลต่อลกั ษณะของเงาหรือไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ สง่ ผล โดยเงาท่ีมีความชัดจะมี บริเวณมากขน้ึ ส่วนเงาที่ไมช่ ัดจะมีบรเิ วณลดลง) (2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนกั เรยี นเป็นกลุม่ กลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมที่ 16 สงั เกตการเกิดเงา แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กิจกรรมตามขัน้ ตอนทไ่ี ด้วางแผนไว้ ดงั น้ี – วางไฟฉายหา่ งจากฉากประมาณ 20 เซนติเมตร วางลูกปงิ ปองพร้อมฐานห่างจากฉากประมาณ 10 เซนติเมตร ดงั รูป เปิดไฟฉายให้สอ่ งไปทล่ี ูกปิงปอง สังเกตการเปล่ยี นแปลงทีเ่ กิดขนึ้ บนฉาก – เลื่อนลูกปิงปองเขา้ และออกจากฉาก สังเกตการเปลีย่ นแปลงทเี่ กิดขึน้ บนฉาก – เลอ่ื นฉากเขา้ และออกจากลกู ปิงปอง สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกดิ ขนึ้ บนฉาก – วาดเงาท่ีปรากฏบนฉากและบันทึกลกั ษณะของเงาในตาราง (2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดนิ ดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – นักเรยี นสามารถใช้ส่ิงใดแทนลูกปงิ ปองได้บา้ ง เพราะอะไร (แนวคำตอบ ลกู เทนนิสหรอื ลูกบอล ขนาดเลก็ เพราะเปน็ วตั ถุทบึ แสงเหมอื นลกู ปิงปอง) – ขนาดของเงาที่ปรากฏบนฉากขึ้นอยู่กับสิ่งใด (แนวคำตอบ ขนาดของเงาขึ้นอยู่กับระยะห่าง ระหวา่ งแหลง่ กำเนดิ แสงกับวัตถทุ ่ีกน้ั แสงและฉาก) – เงาทีป่ รากฏบนฉากในแต่ละครั้งเหมือนหรือแตกต่างกัน เพราะอะไร (แนวคำตอบ แตกต่างกัน เพราะระยะห่างระหว่างแหลง่ กำเนิดแสง วัตถุทกี่ ั้นแสง และฉากแตกต่างกนั ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เม่ือแสงเดินทาง ไปตกกระทบตวั กลางทบึ แสงจะไมส่ ามารถเคลอ่ื นทผ่ี ่านไปได้จึงทำให้เกิดเงาข้ึน เงาแบง่ เปน็ 2 ประเภท คอื เงา มืดและเงามัว เงามืด คือ บริเวณที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึงฉากเลย ส่วนเงามัว คือ บริเวณที่แสงสว่างส่องไปถึง ฉากบางสว่ น ขนาดของเงามดื ท่ปี รากฏบนฉากขนึ้ อยู่กบั ระยะห่างระหวา่ งแหลง่ กำเนิดแสงกับวัตถุทึบแสง และ ระยะหา่ งระหว่างวัตถุทึบแสงกับฉาก ถ้าฉากอยู่ใกล้วัตถทุ ึบแสง เงามืดจะมีขนาดใหญ่และเงามัวจะมีขนาดเล็ก แต่ถา้ ฉากอยูไ่ กลจากวัตถุทึบแสงมากขึ้น เงามดื จะมีขนาดเล็กลงและเงามัวจะมีขนาดใหญข่ ้ึน ในชวี ติ ประจำวัน ขนาดและรปู รา่ งของเงายงั ขน้ึ อยู่กับทิศทางของแหลง่ กำเนิดแสงอีกดว้ ย 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นคว้าคำศัพทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกับการเกิดเงา จากหนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศหรอื อนิ เทอรเ์ น็ต และนำเสนอใหเ้ พ่อื นในหอ้ งฟัง แล้วคดั คำศัพท์พร้อมทัง้ คำแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการปฏบิ ัติกิจกรรมและการ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – ขนาดของเงาข้ึนอยู่กบั ปัจจัยใดบ้าง – ถา้ ตอ้ งการใหเ้ งามืดมีขนาดเลก็ ลงตอ้ งทำวิธีใด ข้นั สรปุ ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปเก่ียวกับการเกดิ เงา โดยร่วมกันเขยี นเป็นแผนทีค่ วามคดิ หรอื ผังมโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 16 สงั เกตการเกิดเงา 2. หนงั สอื เรยี นภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอรเ์ น็ต 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรื่อง การเกดิ เงา 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง แบบวัดทกั ษะกระบวนการ วทิ ยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่ และใช้แบบวดั เจตคติตอ่ 3. ประเมินทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ัญหาโดยการสังเกต การทำงานกลมุ่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย การสังเกตการทำงานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................... .................................................. 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook