พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู เลม่ ๒ พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ย การตรวจเงนิ แผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วย วธิ ีพิจารณาคดอี าญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
เรอ่ื ง พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ เลม่ ๒ ปที ีพ่ ิมพ ์ ตุลาคม ๒๕๖๒ จำ�นวนหน้า ๔๒๘ หน้า พมิ พค์ รัง้ ท่ี ๒ จำ�นวนพิมพ์ ๑,๐๐๐ เลม่ จดั ทำ�โดย กลุม่ งานผลิตเอกสาร สำ�นกั ประชาสมั พนั ธ์ สำ�นกั งานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร เลขท่ี ๑๑๐ ถนนประดพิ ทั ธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๔-๕ โทรสาร ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๒ พิสจู นอ์ กั ษร/คำ�ค้น อารียว์ รรณ พูลทรพั ย์ จฬุ ีวรรณ เติมผล อรทัย แสนบตุ ร นิธิมา ประเสริฐภกั ดี พิมพ ์ เสาวลักษณ ์ ธนชยั อภิภัทร ดลธี จลุ นานนท์ จรยิ าพร ดกี ลั ลา ออกแบบปก ณัฐนันท ์ วชิ ิตพงศเ์ มธี ศิลปกรรม มานะ เรอื งสอน พมิ พ์ท ่ี สำ�นักการพมิ พ์ สำ�นกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร
คำ� น�ำ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่ตราข้ึน เพ่ือก�ำหนดสาระส�ำคัญในรายละเอียดในเร่ืองท่ีรัฐธรรมนูญก�ำหนด หลักการไว้ เพื่อขยายบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้มีความชัดเจน สมบูรณ์ครบถ้วนย่ิงขึ้น การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จ ะ ก ร ะ ท� ำ ไ ด ้ ก็ แ ต ่ เ ฉ พ า ะ เ ร่ื อ ง ท่ี รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ บั ง คั บ ไ ว ้ เ ท ่ า น้ั น ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๐ ได้บัญญัติให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จ�ำนวนท้ังสิ้น ๑๐ ฉบับ โดยให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นผู้จัดท�ำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวเสนอ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ หากเห็นชอบ ให้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเพอ่ื บงั คบั ใช้เปน็ กฎหมายต่อไป ทั้งน้ี ส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รวบรวม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จ�ำนวน ๑๐ ฉบับ มาจัดท�ำเป็น รูปเล่ม จ�ำนวน ๒ เล่ม คือ “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม ๑” และ “พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม ๒” ส�ำหรับหนังสือเล่มนี้ “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม ๒” ประกอบด้วย
- พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงิน แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา คดอี าญาของผ้ดู ำ� รงตำ� แหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะผู้จัดท�ำหวังว่าหนังสือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ ในการค้นคว้า อ้างอิง และเพ่ิมความสะดวกแก่การปฏิบัติหน้าท ่ี ของสมาชิกรัฐสภา คณะกรรมาธิการ บุคคลท่ีเกี่ยวข้องในวงงานรัฐสภา และประชาชนทว่ั ไป สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร
สารบัญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกนั ๑๑ และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๑ คณะกรรมการป้องกนั และปราบปราม ๒๔ การทุจรติ แหง่ ชาต ิ (มาตรา ๙–๔๕) สว่ นท ่ี ๑ คณะกรรมการป้องกนั และ ๒๔ ปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ (มาตรา ๙–๒๗) สว่ นที่ ๒ หนา้ ท่ีและอํานาจของคณะกรรมการ ๔๓ ป.ป.ช. (มาตรา ๒๘–๔๑) สว่ นท่ ี ๓ การตรวจสอบการปฏิบตั ิหน้าท่ี ๕๖ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. (มาตรา ๔๒–๔๕) หมวด ๒ การไตส่ วน (มาตรา ๔๖–๗๕) ๕๙ หมวด ๓ การดําเนนิ การกับผู้ดาํ รงตาํ แหน่งทางการเมือง ๘๔ และผดู้ ํารงตาํ แหนง่ เฉพาะ (มาตรา ๗๖–๘๙) ส่วนที่ ๑ การดาํ เนนิ คดที ุจริตต่อหนา้ ท่ี ๘๔ หรอื จงใจปฏิบตั ิหนา้ ทห่ี รอื ใช้อํานาจ ขดั ต่อบทบญั ญตั ิแหง่ รฐั ธรรมนูญ หรอื กฎหมาย (มาตรา ๗๖–๘๖)
ส่วนที ่ ๒ การดําเนินคดกี รณีฝา่ ฝนื หรือ ๙๓ ไมป่ ฏบิ ตั ิตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรม อย่างรา้ ยแรง (มาตรา ๘๗) ส่วนท ่ี ๓ การดําเนนิ การกรณีฝา่ ฝืน ๙๔ มาตรา ๑๔๔ ของรฐั ธรรมนญู (มาตรา ๘๘–๘๙) หมวด ๔ การดาํ เนินการกับเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ๙๖ (มาตรา ๙๐–๑๐๑) สว่ นท ่ี ๑ การดาํ เนินคดีกับเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ๙๘ (มาตรา ๙๓–๙๗) ส่วนท่ ี ๒ การดาํ เนินการทางวินยั กบั เจ้าหน้าที ่ ๑๐๐ ของรัฐ (มาตรา ๙๘-๑๐๑) หมวด ๕ การดาํ เนนิ การเก่ยี วกบั ทรัพย์สิน ๑๐๕ (มาตรา ๑๐๒–๑๒๕) สว่ นที่ ๑ การย่ืนบญั ชีทรพั ย์สนิ และหนีส้ ิน ๑๐๕ และการตรวจสอบ (มาตรา ๑๐๒–๑๑๔) ส่วนท่ี ๒ การดาํ เนินการกรณรี ่ำ� รวยผิดปกติ ๑๑๕ (มาตรา ๑๑๕–๑๒๕) หมวด ๖ การขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ นบคุ คล ๑๒๔ กบั ประโยชนส์ ่วนรวม (มาตรา ๑๒๖–๑๒๙) หมวด ๗ การสง่ เสรมิ การปอ้ งกันและปราบปราม ๑๒๗ การทุจริต (มาตรา ๑๓๐–๑๓๗)
หมวด ๘ ความร่วมมอื กบั ตา่ งประเทศ ๑๓๔ (มาตรา ๑๓๘–๑๔๐) หมวด ๙ สํานกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และ ๑๓๖ ปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ (มาตรา ๑๔๑–๑๖๑) หมวด ๑๐ กองทุนป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาต ิ ๑๕๕ (มาตรา ๑๖๒–๑๖๖) หมวด ๑๑ บทกําหนดโทษ (มาตรา ๑๖๗–๑๘๔) ๑๕๗ บทเฉพาะกาล (มาตรา ๑๘๕–๒๐๐) ๑๖๕ พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการตรวจเงิน ๑๗๙ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๑ บททวั่ ไป (มาตรา ๑๐-๑๑) ๑๙๒ หมวด ๒ คณะกรรมการตรวจเงินแผน่ ดนิ ๑๙๓ (มาตรา ๑๒ - ๓๙) หมวด ๓ ผวู้ า่ การตรวจเงนิ แผ่นดิน ๒๑๕ (มาตรา ๔๐-๕๗) หมวด ๔ สำ� นกั งานการตรวจเงินแผน่ ดนิ ๒๒๔ (มาตรา ๕๘-๗๗) หมวด ๕ กองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงนิ แผ่นดิน ๒๓๖ (มาตรา ๗๘-๘๔) หมวด ๖ หน้าที่และอ�ำนาจในการตรวจสอบของผ้วู ่าการ ๒๔๐ (มาตรา ๘๕-๙๔)
หมวด ๗ วนิ ยั การเงนิ การคลงั (มาตรา ๙๕-๑๐๓) ๒๔๗ หมวด ๘ บทก�ำหนดโทษ (มาตรา ๑๐๔-๑๐๗) ๒๕๑ บทเฉพาะกาล (มาตรา ๑๐๘-๑๑๕) ๒๕๒ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณา ๒๕๙ ของศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๑ ศาล (มาตรา ๗) ๒๖๗ หมวด ๒ องค์ประกอบของศาล (มาตรา ๘–๒๖) ๒๖๙ หมวด ๓ การพิจารณา (มาตรา ๒๗–๗๑) ๒๘๗ ส่วนท่ ี ๑ บททั่วไป (มาตรา ๒๗–๔๐) ๒๘๗ ส่วนท ่ี ๒ การยน่ื คาํ ร้องและการยื่นหนงั สอื ๒๙๔ ขอใหศ้ าลพจิ ารณาวินิจฉัย (มาตรา ๔๑–๕๑) สว่ นท ่ี ๓ องค์คณะและการพจิ ารณาคดี ๓๐๔ (มาตรา ๕๒–๗๑) หมวด ๔ การทําคําวนิ ิจฉยั หรือคาํ สงั่ (มาตรา ๗๒–๗๘) ๓๑๓ บทเฉพาะกาล (มาตรา ๗๙–๘๓) ๓๑๗ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยวธิ พี จิ ารณา ๓๒๓ คดอี าญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๑ บทท่วั ไป (มาตรา ๙–๒๒) ๓๓๑ หมวด ๒ การดําเนนิ คดีอาญา (มาตรา ๒๓–๔๔) ๓๔๐
หมวด ๓ การดาํ เนินคดรี อ้ งขอใหท้ รพั ย์สิน ๓๕๕ ตกเปน็ ของแผ่นดนิ (มาตรา ๔๕–๔๘) ๓๕๗ หมวด ๔ การดาํ เนนิ คดตี อ่ กรรมการ ป.ป.ช. ๓๖๔ (มาตรา ๔๙–๕๖) หมวด ๕ การดําเนินคดีเก่ียวกบั การย่ืนบญั ช ี ๓๖๖ แสดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนส้ี ิน ๓๖๘ (มาตรา ๕๗–๕๙) ๓๗๐ หมวด ๖ อุทธรณ์ (มาตรา ๖๐–๖๔) หมวด ๗ การบังคับคด ี (มาตรา ๖๕–๖๗) บทเฉพาะกาล (มาตรา ๖๘–๗๐) พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยคณะกรรมการ ๓๗๓ สทิ ธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๑ คณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแห่งชาติ ๓๘๐ (มาตรา ๘-๓๒) หมวด ๒ การด�ำเนนิ การตามหน้าทข่ี องคณะกรรมการ ๔๐๓ (มาตรา ๓๓-๔๖) หมวด ๓ สำ� นักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหง่ ชาต ิ ๔๑๓ (มาตรา ๔๗-๕๘) หมวด ๔ บทกำ� หนดโทษ (มาตรา ๕๙) ๔๒๑ บทเฉพาะกาล (มาตรา ๖๐-๖๗) ๔๒๑
พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๖๑
13 พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ สมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ใหไ้ ว ้ ณ วันท่ี ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีท ่ี ๓ ในรชั กาลปจั จุบนั สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกรู มพี ระราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู นม้ี บี ทบญั ญตั ิ บางประการเก่ียวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๘ มาตรา ๓๒
14 มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๗ และมาตรา ๔๐ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัยอาํ นาจตามบทบญั ญัติแหง่ กฎหมาย เหตุผลและความจําเป็นในการจํากัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าท่ีของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สามารถ ดําเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ ต่อสาธารณะ ซ่ึงการตราพระราชบัญญัติประกอบ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ นี้ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ เ งื่ อ น ไ ข ท่ี บั ญ ญั ติ ไ ว ้ ใ น มาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญข้ึนไว้โดยคําแนะนําและ ยิ น ย อ ม ข อ ง ส ภ า นิ ติ บั ญ ญั ติ แ ห ่ ง ช า ติ ทํ า ห น ้ า ท่ี รั ฐ ส ภ า ดงั ต่อไปนี ้ มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู นี้ เรียกว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑” เริ่มบังคับใช้ มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี ใหใ้ ชบ้ งั คบั ตง้ั แตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เป็นตน้ ไป
15 มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ ผลการบังคบั ใช้ (๑) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ (๒) ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับท่ี ๓๑ เร่ือง การดําเนินการตามอํานาจหน้าท่ีของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๔๙ (๓) พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมพระราช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ว ่ า ด ้ ว ย ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. ๒๕๕๐ (๔) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ (๕) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ (๖) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
16 (๗) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๒๔/๒๕๕๗ เร่ือง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มีผลบังคับใช้ต่อไป ลงวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต (๘) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๒/๒๕๕๗ เรื่อง การดําเนินการตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต ลงวนั ท่ี ๒๗ มถิ ุนายน ๒๕๕๗ นยิ ามของ มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี ค�ำทีใ่ ชใ้ น “เจา้ พนกั งานของรฐั ” หมายความวา่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั พ.ร.ป.ฯ นี้ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผดู้ าํ รงตาํ แหนง่ ในองค์กรอิสระ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. “เจ้าหน้าท่ีของรัฐ” หมายความว่า ข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งมีตําแหน่งหรือ เงินเดือ น ประจาํ ผปู้ ฏิบตั ิงานในหนว่ ยงานของรฐั หรือในรฐั วิสาหกิจ ผู้บรหิ ารท้องถ่ิน รองผบู้ รหิ ารท้องถ่นิ ผชู้ ่วยผบู้ รหิ ารท้องถ่ิน และสมาชิกสภาท้องถ่ินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ หรือเจ้าพนักงานอ่ืนตามท่ีกฎหมายบัญญัติ และให้ หมายความรวมถึงกรรมการ อนุกรรมการ ลูกจ้างของ ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ และ บุคคลหรือคณะบุคคล บรรดาซ่ึงมีกฎหมายกําหนดให้ใช้
17 อํานาจหรือได้รับมอบให้ใช้อํานาจทางปกครองที่จัดต้ังข้ึน ในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการอ่ืนของรัฐด้วย แต่ไม่รวมถึงผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาล รัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ และคณะ กรรมการ ป.ป.ช. “เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ” หมายความว่า ผู้ซ่ึงดํารงตําแหน่งด้านนิติบัญญัติ บริหาร ปกครอง หรือตุลาการ ของรัฐต่างประเทศ และบุคคลใด ๆ ซึ่งปฏิบัติหน้าท่ีให้แก่รัฐต่างประเทศ รวมทั้งการปฏิบัติ หน้าที่สําหรับหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าโดยการแต่งตั้งหรือเลือกต้ัง มีตําแหน่งประจํา หรือชั่วคราว และได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนอื่น หรือไม่ก็ตาม “เจ้าหน้าท่ีขององค์การระหว่างประเทศ” หมายความว่า ผู้ซ่ึงปฏิบัติหน้าท่ีในองค์การระหว่าง ประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากองค์การระหว่าง ประเทศให้ปฏิบัติหน้าที่ในนามขององค์การระหว่าง ประเทศนน้ั “ผดู้ ํารงตาํ แหนง่ ทางการเมือง” หมายความว่า (๑) นายกรัฐมนตรี (๒) รฐั มนตรี (๓) สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร (๔) สมาชกิ วุฒิสภา
18 (๕) ขา้ ราชการการเมืองอน่ื นอกจาก (๑) และ (๒) ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการการเมือง (๖) ขา้ ราชการรฐั สภาฝา่ ยการเมอื งตามกฎหมาย ว่าดว้ ยระเบียบขา้ ราชการรัฐสภา “ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ” หมายความว่า ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ยกเว้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. และให้หมายความ รวมถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินด้วย ยกเว้นกรณีตาม มาตรา ๑๑ (๑) “ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถ่ิน” หมายความว่า ผู้ทํา หน้าท่ีช่วยเหลือผู้บริหารท้องถ่ิน และให้หมายความ ร ว ม ถึ ง ผู ้ ทํ า ห น ้ า ที่ ช ่ ว ย เ ห ลื อ ส ภ า ท ้ อ ง ถ่ิ น ห รื อ ส ม า ชิ ก สภาท้องถ่ินขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินด้วย ทั้งน้ี ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด “ผู้ดํารงตําแหน่งระดับสูง” หมายความว่า ผู้ดํารงตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ทบวง ก ร ม ห รื อ ส ่ ว น ร า ช ก า ร ที่ มี ฐ า น ะ เ ป ็ น นิ ติ บุ ค ค ล ซ่ึ ง มิ ใ ช ่ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองสําหรับข้าราชการพลเรือน และปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพสําหรับข้าราชการทหาร และ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และให้หมายความรวมถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดกรุงเทพมหานคร กรรมการ
19 และผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หัวหน้าหน่วยงาน ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่รวมถึงผู้ว่าการ ตรวจเงินแผ่นดิน กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของ หน่วยงานอื่นของรัฐ ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นตามท่ีกฎหมาย กําหนด หรือผู้ซึ่งดํารงตําแหน่งเทียบเท่าตามที่คณะ กรรมการ ป.ป.ช. กาํ หนด “ผู้ถูกกล่าวหา” หมายความว่า ผู้ซึ่งคณะ กรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ดําเนินการไต่สวน ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ไม่ว่าจะในฐานะ เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนในการกระทําความผิด ดังกล่าว “คณะกรรมการ ป.ป.ช.” หมายความว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ “ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธาน กรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และให้หมายความ รวมถงึ ประธานกรรมการดว้ ย “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาต ิ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ
20 “พนกั งานเจา้ หนา้ ที่” หมายความว่า เลขาธกิ าร และข้าราชการในสังกัดสํานักงาน และให้หมายความ รวมถึงข้าราชการหรือพนักงานซ่ึงมาช่วยราชการในสํานักงาน ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งให้ปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู น ี้ “หัวหน้าพนักงานไต่สวน” หมายความว่า ผู้ท่ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. แตง่ ตั้งจากพนักงานไต่สวน “ไต่สวน” หมายความว่า การแสวงหา รวบรวม และการดําเนินการอ่ืนใด เพื่อให้ได้มาซ่ึงข้อเท็จจริงและ พยานหลกั ฐาน “ทุจริตต่อหน้าท่ี” หมายความว่า ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจ ทําให้ผู้อ่ืนเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่ ท้ังท่ีตนมิได้มี ตําแหน่งหรือหน้าท่ีนั้น หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือ หน้าท่ี ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้โดยชอบ สําหรับตนเองหรือผู้อ่ืน หรือกระทําการอันเป็นความผิด ต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตาม กฎหมายอืน่ “ร�่ำรวยผิดปกติ” หมายความว่า การมีทรัพย์สิน มากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มข้ึนมากผิดปกติ หรือ การมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมา
21 โดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจาก การปฏิบัติตามหน้าท่ีหรือใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่ ร ว ม ท้ั ง ก ร ณี มี ท รั พ ย ์ สิ น เ พิ่ ม ข้ึ น ผิ ด ป ก ติ สื บ เ นื่ อ ง จ า ก ก า ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ บั ญ ชี แ ส ด ง ร า ย ก า ร ท รั พ ย ์ สิ น แ ล ะ หน้ีสนิ ดว้ ย “พนักงานสอบสวน” หมายความว่า พนักงาน สอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้หมายความรวมถึงพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการสอบสวนคดีพเิ ศษดว้ ย มาตรา ๕ ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ีมิได้กําหนดไว้เป็นประการอื่น การใด ท่ีกําหนดให้แจ้ง ยื่น หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้บุคคลใด เป็นการเฉพาะ ถ้าได้แจ้ง ยื่น หรือส่งหนังสือหรือเอกสาร ให้บุคคลน้ัน ณ ภูมิลําเนาหรือที่อยู่ท่ีปรากฏตามหลักฐาน ท า ง ท ะ เ บี ย น ต า ม ก ฎ ห ม า ย ว ่ า ด ้ ว ย ก า ร ท ะ เ บี ย น ร า ษ ฎ ร ให้ถือว่าได้แจ้ง ย่ืน หรือส่งโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีแล้ว และในกรณีที่พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีกําหนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้ ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ให้ถือว่าการประกาศหรือ เผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือ วิธีการอ่ืนใด ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดย สะดวก เป็นการดําเนินการโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนแี้ ลว้
22 ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ กําหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเลขาธิการ มีอํานาจกําหนดหรือมีคําส่ังเรื่องใด ถ้ามิได้กําหนดวิธีการ ไว้เป็นการเฉพาะ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ เลขาธิการกําหนดโดยทําเป็นประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่ง แล้วแต่กรณี และถ้าประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําส่ังน้ันใช้บังคับแก่บุคคลทั่วไป ให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้ดําเนินการประกาศ ตามวรรคหนง่ึ ดว้ ย ทงั้ น ้ี ถา้ ประกาศ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั หรือคําส่ังใดมีการกําหนดขั้นตอนการดําเนินงานไว ้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเลขาธิการต้องกําหนด ระยะเวลาการดําเนินงานในแต่ละขัน้ ตอนให้ชดั เจนดว้ ย ผูก้ ระท�ำการ มาตรา ๖ ในการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการ ไมช่ อบด้วย ป.ป.ช. ต้องให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือองค์กร กฎหมายอยใู่ น อิสระทุกองค์กร ในกรณีท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า อ�ำนาจหนา้ ที่ มีผู้กระทําการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันอยู่ในหน้าที่ องค์กรอสิ ระอื่น และอํานาจขององค์กรอิสระอื่น ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มี ห นั ง สื อ แ จ ้ ง อ ง ค ์ ก ร อิ ส ร ะ ที่ เ ก่ี ย ว ข ้ อ ง เ พื่ อ ดํ า เ นิ น ก า ร ตามหน้าทแ่ี ละอํานาจต่อไปโดยไม่ชกั ชา้ ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า ก า ร ดํ า เ นิ น ก า ร เ ร่ื อ ง ใ ด ที่ อ ยู ่ ใ น ห น ้ า ท่ี แ ล ะ อํ า น า จ ข อ ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจเข้าลักษณะเป็นการกระทํา
23 ความผิดที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจขององค์กรอิสระอื่นด้วย ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ปรกึ ษาหารอื รว่ มกบั องคก์ รอสิ ระ อ่ื น ที่ เ กี่ ย ว ข ้ อ ง เ พ่ื อ กํ า ห น ด แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ดํ า เ นิ น ง า น ร่วมกันเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กรเป็นไป อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและไมซ่ ้าํ ซอ้ นกนั เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามวรรคสอง ให้ประธานกรรมการมีอํานาจเชิญประธานองค์กรอิสระอื่น มาร่วมประชุมเพ่ือหารือและกําหนดแนวทางร่วมกันได้ และใหอ้ งคก์ รอสิ ระทุกองคก์ รปฏิบัตติ ามแนวทางดงั กลา่ ว มาตรา ๗ ในการดําเนินคดีอาญาตามพระราช ผูถ้ ูกกล่าวหา บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ถ้าผู้ถูกกล่าวหา หรือ หรอื จ�ำเลย จําเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดําเนินคดีหรือระหว่าง หลบหนีระหว่าง การพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาท่ีผู้ถูกกล่าวหา ถูกด�ำเนนิ คดี หรือจําเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และ เมื่อได้มีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจําเลย ถ้าจําเลย หลบหนีไปในระหว่างต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นําบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ มาใชบ้ งั คบั มาตรา ๘ ให้ประธานกรรมการป้องกันและ การรกั ษาการ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรักษาการตามพระราช ตาม พ.ร.ป.ฯ น้ี บญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญน้ี
24 หมวด ๑ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจรติ แห่งชาต ิ สว่ นที่ ๑ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตแหง่ ชาต ิ คณะกรรมการ มาตรา ๙ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม ป.ป.ช. การทุจริตแห่งชาติ ประกอบด้วยกรรมการจํานวนเก้าคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคําแนะนําของวุฒิสภา จากผู้ซงึ่ ไดร้ บั การสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา คณุ สมบตั ิ ผู้ซึ่งได้รับการสรรหาต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านกฎหมาย บัญชี เศรษฐศาสตร์ การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการอ่ืนใด อันเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และต้องมคี ณุ สมบตั ิอยา่ งหนง่ึ อย่างใด ดงั ต่อไปน้ีด้วย (๑) รับราชการหรือเคยรับราชการในตําแหน่ง ไม่ตํ่ากว่าอธิบดีผู้พิพากษา อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารกลาง หรืออธิบดี อัยการมาแลว้ ไมน่ ้อยกว่าห้าป ี
25 (๒) รับราชการหรือเคยรับราชการในตําแหน่ง ไม่ตํ่ากว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการท่ีเทียบเท่า มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่าห้าป ี (๓) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดํารงตําแหน่งผู้บริหาร สูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่เป็น ส่วนราชการหรือรฐั วสิ าหกิจมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่าห้าป ี (๔) ดํารงตําแหน่งหรือเคยดํารงตําแหน่ง ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้ว ไม่น้อยกว่าห้าปี และยังมีผลงานทางวิชาการเป็นท่ี ประจกั ษ ์ (๕) เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพท่ีมี กฎหมายรับรองการประกอบวิชาชีพโดยประกอบวิชาชีพ อ ย ่ า ง ส ม่ํ า เ ส ม อ แ ล ะ ต ่ อ เ น่ื อ ง ม า เ ป ็ น เ ว ล า ไ ม ่ น ้ อ ย ก ว ่ า ย่ีสิบปีนับถึงวันที่ได้รับการเสนอชื่อและได้รับการรับรอง การประกอบวิชาชีพจากองค์กรวิชาชีพนนั้ (๖) เปน็ ผมู้ คี วามรคู้ วามชาํ นาญและประสบการณ์ ทางด้านการบริหาร การเงิน การคลัง การบัญชี หรือ การบริหารกิจการวิสาหกิจในระดับไม่ต่ํากว่าผู้บริหาร ระดบั สูงของบริษัทมหาชนจาํ กดั มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ สบิ ปี (๗) เคยเป็นผู้ดํารงตําแหน่งตาม (๑) (๒) (๓) (๔) หรอื (๖) รวมกันไม่น้อยกว่าสบิ ปี
26 การนับระยะเวลาตามวรรคสอง ให้นับถึงวันท่ีได้ รบั การเสนอช่อื หรอื วนั สมัครเขา้ รบั การสรรหาแลว้ แต่กรณี คณุ สมบัตอิ ืน่ ๆ มาตรา ๑๐ นอกจากคณุ สมบัตติ ามมาตรา ๙ แล้ว กรรมการตอ้ งมีคณุ สมบตั ิ ดังตอ่ ไปนี้ดว้ ย (๑) มสี ญั ชาติไทยโดยการเกดิ (๒) มอี ายไุ มต่ ำ�่ กวา่ สส่ี บิ หา้ ป ี แตไ่ มเ่ กนิ เจด็ สบิ ปี (๓) สําเร็จการศึกษาไม่ต�่ำกว่าปริญญาตรีหรือ เทียบเท่า (๔) มีความซื่อสตั ย์สุจรติ เป็นทปี่ ระจกั ษ ์ (๕) มีสุขภาพท่ีสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ลักษณะ มาตรา ๑๑ กรรมการต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ตอ้ งหา้ มของ ดงั ต่อไปน้ี กรรมการ ป.ป.ช. (๑) เป็นหรือเคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผดู้ ํารงตาํ แหนง่ ในองคก์ รอสิ ระใด (๒) ติดยาเสพตดิ ให้โทษ (๓) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคล ลม้ ละลายทุจริต (๔) เป็นเจา้ ของหรือผถู้ อื หุ้นในกจิ การหนงั สอื พมิ พ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ (๕) เปน็ ภกิ ษ ุ สามเณร นกั พรต หรอื นกั บวช (๖) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังไม่ว่า คดนี ้นั จะถึงทส่ี ุดแลว้ หรอื ไม ่
27 (๗) วกิ ลจริตหรือจิตฟนั่ เฟอื นไม่สมประกอบ (๘) อยรู่ ะหวา่ งถกู ระงับการใชส้ ิทธิสมคั รรับเลอื กตัง้ เปน็ การชัว่ คราวหรือถูกเพกิ ถอนสิทธสิ มคั รรบั เลือกตั้ง (๙) ต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่ โดยหมายของศาล (๑๐) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงาน ของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าท่ี หรือ ถือวา่ กระทําการทุจริตหรอื ประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ (๑๑) เคยต้องคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล อันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร�่ำรวย ผิดปกติ หรือเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุก เพราะกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ ริต (๑๒) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทํา ความผิดต่อตําแหน่งหน้าท่ีราชการหรือต่อตําแหน่งหน้าท่ี ในการยุติธรรม หรือกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วย ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเก่ียวกับทรัพย์ท่ีกระทําโดยทุจริตตาม ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วย การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วย ยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐาน เป็นเจ้ามือหรือเจ้าสํานัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ
28 ปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการ ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ฟ อ ก เ งิ น ใ น ค ว า ม ผิ ด ฐ า น ฟอกเงนิ (๑๓) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําการ อันเปน็ การทุจริตในการเลอื กตง้ั (๑๔) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมือง (๑๕) เคยพน้ จากตาํ แหนง่ เพราะศาลรฐั ธรรมนญู วินิจฉัยว่ามีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทํา ด้วยประการใด ๆ ท่ีมีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรง หรอื ทางออ้ มในการใช้งบประมาณรายจา่ ย (๑๖) เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง มีคําพิพากษาว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ํารวย ผิดปกติ หรือกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ี หรือ จงใจปฏิบัติหน้าท่ีหรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย (๑๗) เคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษา ถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท หรือความผิดลหโุ ทษ
29 (๑๘) เป็นหรือเคยเป็นสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง หรือสมาชิกสภาท้องถ่ิน หรอื ผ้บู รหิ ารท้องถ่นิ ในระยะสิบปกี อ่ นเข้ารับการสรรหา (๑๙) เปน็ หรอื เคยเปน็ สมาชกิ หรอื ผดู้ าํ รงตาํ แหนง่ อืน่ ของพรรคการเมืองในระยะสบิ ปีก่อนเข้ารบั การสรรหา (๒๐) เป็นข้าราชการซึ่งมีตําแหน่งหรือเงินเดือน ประจาํ (๒๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงาน ของรฐั รฐั วสิ าหกจิ หรอื ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื กรรมการ หรือที่ปรกึ ษาของหน่วยงานของรัฐหรือรฐั วิสาหกิจ (๒๒) เป็นผู้ดํารงตําแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรท่ีดําเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกําไร หรือ รายไดม้ าแบ่งปันกัน หรอื เป็นลกู จ้างของบคุ คลใด (๒๓) เป็นผปู้ ระกอบวิชาชพี อสิ ระ (๒๔) มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานทางจริยธรรมอยา่ งรา้ ยแรง มาตรา ๑๒ เมอ่ื มกี รณีที่จะต้องสรรหาผูส้ มควร คณะกรรมการ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตามมาตรา ๙ ให้เป็นหน้าท่ี สรรหา และอํานาจของคณะกรรมการสรรหา ซง่ึ ประกอบด้วย (๑) ประธานศาลฎกี า เป็นประธานกรรมการ (๒) ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นําฝ่ายค้าน ในสภาผแู้ ทนราษฎร เปน็ กรรมการ
30 (๓) ประธานศาลปกครองสงู สดุ เปน็ กรรมการ (๔) บุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ท่ีมิใช่คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติ และไมม่ ีลักษณะตอ้ งหา้ มตามท่บี ญั ญัตไิ ว้ในรัฐธรรมนญู ให้เลขาธิการวุฒิสภาเป็นเลขานุการของคณะกรรมการ สรรหา และใหส้ ํานักงานเลขาธกิ ารวุฒสิ ภา ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ เปน็ หน่วยธรุ การของคณะกรรมการสรรหา ในการดาํ เนินการแตง่ ตงั้ บุคคลตาม (๔) ใหศ้ าล รัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่มิใช่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดําเนินการเสนอชื่อบุคคลซึ่งองค์กรน้ันแต่งต้ังเป็น กรรมการสรรหาภายในยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก เลขาธิการวุฒิสภา โดยให้คัดเลือกจากบุคคลซึ่งม ี ความเป็นกลาง ซ่ือสัตย์สุจริต และมีความเข้าใจใน ภารกิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และผู้จะได้รับ การคัดเลือกเป็นกรรมการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียง เกินกึ่งหน่ึงของจํานวนทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการองค์กรอิสระ แล้วแต่กรณี ใ น ก ร ณี ท่ี ไ ม ่ มี บุ ค ค ล ใ ด ไ ด ้ รั บ ค ะ แ น น เ สี ย ง เ กิ น กึ่ ง ห นึ่ ง ให้ลงคะแนนใหม่อีกคร้ังหนึ่ง ในการลงคะแนนครั้งน ี้ ถ้ามีผู้เข้ารับการคัดเลือกเกินสองคน ให้นําเฉพาะคนที่ได้ คะแนนสูงสุดสองลําดับแรกมาลงคะแนนใหม่ ในกรณีท่ีมี ผู้ได้คะแนนสูงสุดเท่ากันจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้คะแนนสูงสุด สองลําดับแรกเกินสองคน ให้ผู้เข้ารับการคัดเลือกซึ่งได้
31 คะแนนเท่ากันนั้นจับสลากเพ่ือให้เหลือผู้ท่ีได้คะแนนสูงสุด สองลําดับแรกเพียงสองคน ในการลงคะแนนคร้ังหลังน ้ี ถ้ายังไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหน่ึงของจํานวน ท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการ องค์กรอิสระ แล้วแต่กรณี ให้ดําเนินการเพ่ือคัดเลือกใหม่ โดยจะคัดเลือกผู้เข้ารับการคัดเลือกที่มีช่ืออยู่ในการคัดเลือก คร้งั แรกมิได ้ ให้เลขาธิการวุฒิสภาประกาศรายช่ือกรรมการ สรรหาตาม (๔) ใหป้ ระชาชนทราบเป็นการทวั่ ไป ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งกรรมการสรรหา ตาม (๒) หรือกรรมการสรรหาตาม (๔) มีไม่ครบ ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือพ้นกําหนดเวลาการคัดเลือกตาม วรรคสามแล้วมิได้มีการเสนอชื่อ ให้คณะกรรมการสรรหา เท่าที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจไปพลางก่อนได ้ โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่าคณะกรรมการสรรหาประกอบ ดว้ ยกรรมการสรรหาเทา่ ท่มี อี ยู ่ ใหก้ รรมการสรรหาตาม (๔) อยใู่ นวาระการดาํ รง ตําแหน่งจนถึงวันก่อนวันที่มีกรณีท่ีต้องสรรหากรรมการใหม่ แ ต ่ ไ ม ่ ร ว ม ถึ ง ก า ร ส ร ร ห า ใ ห ม ่ ห รื อ ส ร ร ห า เ พิ่ ม เ ติ ม ต า ม มาตรา ๑๓ วรรคสี่ มาตรา ๑๔ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๑๕ และให้กรรมการสรรหาดังกล่าวพ้นจาก ตาํ แหน่งก่อนวาระเมื่อตาย ลาออก ขาดคณุ สมบตั ิ หรอื มี ลักษณะตอ้ งห้าม
32 ผซู้ ึ่งไดร้ ับแต่งตง้ั ใหเ้ ปน็ กรรมการสรรหาตาม (๔) แลว้ จะเป็นกรรมการสรรหาในคณะกรรมการสรรหาสําหรับ ศาลรัฐธรรมนญู หรอื องค์กรอิสระอื่นในขณะเดยี วกันมิได้ ให้ประธานกรรมการสรรหา และกรรมการสรรหา เป็นเจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา การสรรหา มาตรา ๑๓ ในการสรรหากรรมการ ให้คณะ กรรมการ ป.ป.ช. กรรมการสรรหาปรึกษาหารือเพ่ือคัดสรรให้ได้บุคคลซึ่งมี ความรับผิดชอบสูง มีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าท่ี มีพฤติกรรมทางจริยธรรม เป็นตัวอย่างท่ีดีของสังคม รวมตลอดทั้งมีทัศนคติที่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ให้เกิดผลสําเร็จ โดยนอกจากการประกาศรับสมัครแล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาดําเนินการสรรหาจากบุคคลซ่ึงมี ความเหมาะสมท่ัวไปได้ด้วย แต่ต้องได้รับความยินยอม ของบุคคลน้ัน ทั้งน้ี โดยคํานึงถึงความหลากหลายของ ประสบการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละด้านประกอบด้วย และเพื่อประโยชน์แห่งการน้ี ให้คณะกรรมการสรรหา ใช้วิธีการสัมภาษณ์หรือให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ เก่ียวกับหนา้ ที่และอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรอื วธิ ีการอนื่ ใดทเ่ี หมาะสม เพ่อื ประกอบการพจิ ารณาด้วย ในการสรรหา ให้ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย และให้กรรมการสรรหาแต่ละคนบันทึกเหตุผลในการเลือก ไวด้ ้วย
33 ผู้ซึ่งจะได้รับการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียง ถึงสองในสามของจํานวนท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของคณะ กรรมการสรรหา ถ้าไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงตามวรรคสาม หรือมีแต่ยังไม่ครบจํานวนท่ีจะต้องสรรหา ให้มีการลง คะแนนใหม่สําหรับผู้ได้คะแนนไม่ถึงสองในสาม ถ้ายังได้ ไมค่ รบตามจํานวนใหม้ กี ารลงคะแนนอีกครั้งหนึ่ง ในกรณี ที่การลงคะแนนคร้ังหลังนี้ยังได้บุคคลไม่ครบตามจํานวน ที่จะต้องสรรหา ให้ดําเนินการสรรหาใหม่สําหรับจํานวน ทยี่ ังขาดอย ู่ ภายในสามวันนับแต่วันปิดรับสมัครให้เลขาธิการ วุฒิสภาประกาศรายช่ือผู้เข้ารับการสรรหาให้ประชาชนทราบ เปน็ การทั่วไป ประกาศดังกล่าวใหร้ ะบุรายละเอยี ดเกี่ยวกับ คุณสมบัติและประวัติการทํางานตามที่คณะกรรมการสรรหา กําหนดด้วย มาตรา ๑๔ ผไู้ ดร้ ับการสรรหาเพอื่ แต่งตั้งใหด้ ํารง ผไู้ ด้รับการสรรหา ตําแหน่งกรรมการต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วย เป็นกรรมการ คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงของจํานวนสมาชิกท้ังหมด ป.ป.ช. ตอ้ งได้รับ เท่าท่มี อี ย่ขู องวฒุ ิสภา ความเหน็ ชอบ ในกรณีท่ีวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับ จากวฒุ สิ ภา การสรรหารายใด ให้ดําเนินการสรรหาบุคคลใหม่แทน ผู้นั้น แล้วเสนอต่อวุฒิสภาเพ่ือให้ความเห็นชอบต่อไป
34 โดยผู้ซึ่งไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาในคร้ังน ี้ จะเขา้ รับการสรรหาในครั้งใหม่นไี้ ม่ได้ เม่ือมีผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว หากเป็นกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตําแหน่งด้วย ให้ผู้ได้รับความเห็นชอบประชุมร่วมกับกรรมการซ่ึงยัง ดํารงตําแหน่งอยู่ ถ้ามี เพื่อเลือกกันเองให้คนหน่ึง เป็นประธานกรรมการแล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ ในกรณีที่ผู้ซ่ึงวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ยังได้ไม่ครบ จํานวนที่ต้องสรรหา แต่เม่ือรวมกับกรรมการซึ่งยัง ดํารงตําแหน่งอยู่ ถ้ามี มีจํานวนถึงเจ็ดคน ก็ให้ดําเนินการ ประชุมเพ่ือเลือกประธานกรรมการได้ และเมื่อโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดําเนินการตามหน้าท่ีและอํานาจต่อไปพลางก่อนได้ โดย ในระหว่างนั้นให้ถือว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบ ด้วยกรรมการเท่าทม่ี อี ยู่ และให้ดาํ เนนิ การสรรหาเพิ่มเติม ให้ครบตามจาํ นวนท่ตี ้องสรรหาต่อไปโดยเร็ว ให้ประธานวุฒิสภานําความกราบบังคมทูล เพ่ือทรงแต่งต้ังประธานกรรมการและกรรมการ และเป็น ผ้ลู งนามรับสนองพระบรมราชโองการ ผู้ไดร้ ับ มาตรา ๑๕ ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ความเห็นชอบเป็น ให้เป็นกรรมการ โดยท่ียังมิได้พ้นจากตําแหน่ง ตาม กรรมการ ป.ป.ช. มาตรา ๑๑ (๒๐) (๒๑) หรือ (๒๒) หรือยังประกอบ ยงั มิได้พน้ วิชาชีพตามมาตรา ๑๑ (๒๓) อยู่ ต้องแสดงหลักฐานว่า จากต�ำแหน่ง
35 ได้ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพดังกล่าวแล้ว ต่อประธาน วฒุ สิ ภาภายในเวลาทีป่ ระธานวฒุ ิสภากําหนด ซึง่ ตอ้ งเปน็ เวลาก่อนท่ีประธานวุฒิสภาจะนําความกราบบังคมทูล เพื่อทรงแต่งต้ังกรรมการ ในกรณีที่ไม่แสดงหลักฐาน ภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าผู้นั้นสละสิทธิ และ ใหด้ ําเนนิ การสรรหาใหม่ มาตรา ๑๖ ในกรณที มี่ ปี ญั หาเกยี่ วกบั คณุ สมบตั ิ กรณีมปี ญั หา หรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครหรือผู้ได้รับการสรรหา เกยี่ วกบั คณุ สมบัติ ให้เป็นหน้าท่ีและอํานาจของคณะกรรมการสรรหาเป็น หรือลักษณะ ผวู้ นิ จิ ฉยั คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการสรรหาใหเ้ ปน็ ทส่ี ดุ ตอ้ งห้ามของ การเสนอเร่ืองเพื่อให้คณะกรรมการสรรหา ผู้สมัครหรือผู้ได้รบั วินิจฉัยตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ การสรรหา ที่คณะกรรมการสรรหากาํ หนด การวินิจฉัย ให้ใชว้ ิธลี งคะแนนโดยเปดิ เผย ใหน้ าํ ความในวรรคหนงึ่ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับแก่กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและ ลักษณะต้องห้ามของกรรมการสรรหาด้วยโดยอนุโลม แต่กรรมการสรรหาท่ีถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติหรือ มีลักษณะต้องห้ามจะอยู่ในท่ีประชุมในขณะพิจารณาและ วนิ ิจฉัยมิได ้ มาตรา ๑๗ ให้ประธานกรรมการสรรหาและ เบี้ยประชุม กรรมการสรรหาได้รับเบ้ียประชุมและค่าตอบแทนอื่น และค่าตอบแทน ตามที่ประธานวุฒิสภากําหนด แต่สําหรับเบี้ยประชุม ประธานกรรมการ สรรหาและ กรรมการสรรหา
36 ใ ห ้ กํ า ห น ด ใ ห ้ ไ ด ้ รั บ เ ป ็ น ร า ย ค ร้ั ง ที่ ม า ป ร ะ ชุ ม ใ น อั ต ร า ไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่งของประธานกรรมการหรือกรรมการใน คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการรัฐสภาไดร้ ับในแต่ละเดือน แลว้ แตก่ รณี วาระ มาตรา ๑๘ กรรมการ มวี าระการดาํ รงตาํ แหนง่ การด�ำรงต�ำแหน่ง เจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้ัง และให้ดํารง กรรมการ ป.ป.ช. ตําแหนง่ ได้เพยี งวาระเดยี ว ในกรณีท่ีกรรมการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ ให้กรรมการท่ีพ้นจากตําแหน่งปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปจนกว่า จะมกี รรมการใหมแ่ ทน การพน้ จาก มาตรา ๑๙ นอกจากการพน้ จากตาํ แหน่งตามวาระ ต�ำแหน่ง กรรมการพ้นจากตําแหนง่ เมอ่ื กรรมการ ป.ป.ช. (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคณุ สมบัติตามมาตรา ๙ หรอื มาตรา ๑๐ หรือมีลักษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๑๑ (๔) พน้ จากตาํ แหนง่ ดว้ ยเหตุอนื่ ตามรฐั ธรรมนญู เมื่อประธานกรรมการพ้นจากตําแหน่งประธานกรรมการ ใหพ้ น้ จากตําแหนง่ กรรมการด้วย ในกรณที มี่ ปี ญั หาวา่ กรรมการผใู้ ดพน้ จากตาํ แหนง่ ตาม (๒) หรือ (๓) หรือไม่ ให้เป็นหน้าท่ีและอํานาจ ของคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัย ค�ำวินิจฉัยของ คณะกรรมการสรรหาใหเ้ ป็นทสี่ ดุ
37 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งประธานกรรมการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการเลือกกรรมการ คนหน่ึงทาํ หนา้ ทีแ่ ทนประธานกรรมการ ในระหว่างที่กรรมการพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระ และยังไม่มีการแต่งต้ังกรรมการแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้กรรมการ เท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปได้ เว้นแต่จะมีกรรมการ เหลืออยูไ่ ม่ถึงห้าคน ในกรณีท่ีกรรมการจะพ้นจากตําแหน่งตามวาระ ให้ดําเนินการสรรหากรรมการใหม่ภายในหน่ึงร้อยยี่สิบวัน ก่อนวันที่กรรมการครบวาระ แต่ถ้ากรรมการพ้นจาก ตําแหน่งด้วยเหตุอ่ืนนอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ ให้ดําเนินการสรรหากรรมการภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ ตําแหน่งว่างลง มาตรา ๒๐ เม่ือมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานตาม กรณีมผี รู้ อ้ งขอ สมควรว่ากรรมการผู้ใดพ้นจากตําแหน่งตามมาตรา ๑๙ (๒) มหี ลักฐานว่า หรือ (๓) ให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเร่ืองต่อประธาน กรรมการ ป.ป.ช. กรรมการสรรหาภายในห้าวัน นับแต่วันท่ีได้รับการร้องขอ พ้นจากต�ำแหน่ง และให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ในการวนิ ิจฉยั ใหถ้ ือเสยี งขา้ งมาก ในกรณีที่มเี สียงเท่ากัน ให้ประธานกรรมการสรรหาออกเสียงเพ่ิมข้ึนอีกเสียงหน่ึง เปน็ เสยี งชขี้ าด หลักฐานตามวรรคหนึง่ ใหเ้ ปน็ ไปตามที่คณะกรรมการ สรรหากําหนด
38 กรณีมี มาตรา ๒๑ ในกรณีที่กรรมการ ต้องหยุด กรรมการ ป.ป.ช. ปฏิบัติหน้าท่ีเพราะถูกกล่าวหาและศาลฎีกาหรือศาลฎีกา เหลือไม่ถึงก่ึงหนงึ่ แผนกคดอี าญาของผดู้ าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมอื งประทบั ฟอ้ ง และมีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึงก่ึงหนึ่ง ให้ประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครองสูงสุดร่วมกันแต่งต้ังบุคคลซ่ึงมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกับกรรมการ ทําหน้าท่ีเป็นกรรมการ เป็นการชั่วคราวให้ครบเก้าคน โดยให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งทําหน้าท่ีในฐานะกรรมการจนกว่า กรรมการท่ีตนทําหน้าท่ีแทนจะปฏิบัติหน้าท่ีได้ หรือ จนกว่าจะมกี ารแต่งตง้ั ผ้ดู ํารงตําแหน่งแทน การประชุมของ มาตรา ๒๒ การประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าห้าคนจึงจะเป็น ป.ป.ช. องค์ประชุม ในกรณีท่ีกรรมการคนใดไม่อาจมาประชุมได้ ใหจ้ ดแจ้งเหตุนนั้ ไวใ้ นรายงานการประชุม การลงมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ใช้ คะแนนเสยี งขา้ งมากของจาํ นวนกรรมการทั้งหมดเทา่ ท่มี ีอยู่ เว้นแต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กําหนดไว้ เป็นอย่างอ่ืน โดยประธานในท่ีประชุม และกรรมการท่ีมา ประชุมต้องลงคะแนนเสียงเพื่อมีมติ และให้กรรมการคนหนึ่ง มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ในกรณีมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงเพ่ิมขึ้นอีกเสียงหนึ่ง เปน็ เสยี งช้ขี าด
39 การไม่เข้าประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุมหรือ ไม่ออกเสียงลงมติโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่า เป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรม แต่ไม่เป็นการตัดสิทธิที่จะลาออกจากตําแหน่ง ก่อนมกี ารลงมต ิ ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในท่ีประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุม ให้กรรมการที่มา ประชุมเลือกกรรมการคนหน่ึงเป็นประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประชุมท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กาํ หนด ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับเบ้ีย ประชุมเป็นรายคร้ังเท่ากับกรรมการตามพระราชกฤษฎีกา วา่ ดว้ ยเบี้ยประชมุ กรรมการ มาตรา ๒๓ การลงมติเพื่อมีความเห็นว่า การลงมติ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ มีพฤติการณ์ร�่ำรวย ผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าท่ี หรือใช้ อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ห รื อ ฝ ่ า ฝ ื น ห รื อ ไ ม ่ ป ฏิ บั ติ ต า ม ม า ต ร ฐ า น ท า ง จ ริ ย ธ ร ร ม อย่างร้ายแรง ต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ก่ึงหนงึ่ ของกรรมการทง้ั หมดเทา่ ทมี่ อี ยู่
40 ความในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับการลงมติเพื่อมี ความเห็นว่าผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ และ เจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหน้ีสิน หรือจงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มา แห่งทรัพย์สินหรือหน้ีสินนั้น หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐร่�ำรวย ผิดปกติ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทํา ความผิดต่อตําแหน่งหน้าท่ีราชการ หรือความผิดต่อ ตาํ แหน่งหนา้ ทีใ่ นการยตุ ธิ รรมด้วยโดยอนโุ ลม การลงมติ มาตรา ๒๔ ในการลงมติของกรรมการตาม เป็นหนังสอื มาตรา ๒๓ หรือในเรื่องอ่ืนใดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด ให้กรรมการลงมติเป็นหนังสือตามแบบท ่ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. กาํ หนด ซงึ่ อยา่ งน้อยตอ้ งมีชอ่ื เร่ือง และประเด็นท่ีลงมติ มติที่ลง และลายมือช่ือของกรรมการ ทล่ี งมติ และใหเ้ ลขาธิการเก็บรวบรวมไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน มตทิ ไี่ ดด้ าํ เนนิ การตามวรรคหนง่ึ แลว้ ใหด้ าํ เนนิ การ ต่อไปได้โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุมของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และในกรณีที่ต้องทําคําวินิจฉัย เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ความเห็นชอบร่างคําวินิจฉัยนั้น และประธานกรรมการหรือผ้ทู ําหน้าทแี่ ทนประธานกรรมการ
41 ได้ลงนามในคําวินิจฉัยน้ันแล้ว ให้ถือว่าเป็นคําวินิจฉัย ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. การให้ความเห็นชอบตามวรรคสอง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมอบหมายให้กรรมการคนหน่ึง หรือหลายคน เปน็ ผพู้ ิจารณาให้ความเหน็ ชอบแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. กไ็ ด้ ในกรณีท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. พ้นจาก ตําแหน่งหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ทั้งคณะก่อนลงนาม ในคําวินิจฉัย ให้เลขาธิการบันทึกเหตุดังกล่าวไว้ใน คําวินิจฉัยและให้เลขาธิการเป็นผู้ลงนามในคําวินิจฉัย น้ันแทน เมื่อเลขาธิการลงนามในคําวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว ใหค้ ําวนิ จิ ฉัยน้นั เปน็ อันใช้บังคบั ได ้ มาตรา ๒๕ กรรมการตอ้ งปฏบิ ตั ิหนา้ ท่เี ตม็ เวลา การปฏิบัติหน้าท่ี และการปฏิบัติหน้าท่ีและการใช้อํานาจของคณะกรรมการ และการใชอ้ �ำนาจของ ป.ป.ช. ต้องเป็นไปโดยสุจริต เท่ียงธรรม กล้าหาญ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และปราศจากอคตทิ งั้ ปวงในการใช้ดุลพนิ ิจ และปฏิบตั ิตน ตอ้ งเปน็ ไปโดย ให้ถูกต้องตามมาตรฐานทางจริยธรรม ในระหว่างการดํารงตําแหน่ง สุจริต เที่ยงธรรม กรรมการจะเข้ารับการศึกษาหรืออบรมในหลักสูตรหรือ โครงการใด ๆ มิได้ เว้นแต่เป็นหลักสูตรหรือโครงการ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้จัดข้ึนโดยเฉพาะสําหรับ กรรมการ
42 เงินเดือน มาตรา ๒๖ เงินเดือน เงินประจําตําแหน่ง เงินประจ�ำ และประโยชน์ตอบแทนอ่ืนของประธานกรรมการและ ต�ำแหน่งของ กรรมการใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการน้ัน ประธานกรรมการ ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับเงิน ค่ารับรองเหมาจ่ายเป็นรายเดือนตามอัตราที่กระทรวง และกรรมการ การคลังกําหนดซ่ึงต้องไม่น้อยกว่าเงินประจําตําแหน่งของ ป.ป.ช. ประธานกรรมการหรือกรรมการ สิทธิไดร้ ับบ�ำเหนจ็ มาตรา ๒๗ ประธานกรรมการและกรรมการ ตอบแทนของ ซ่ึงดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าหนึ่งปี มีสิทธิได้รับบําเหน็จ ประธานกรรมการ ตอบแทนเป็นเงินซ่ึงจ่ายคร้ังเดียวเมื่อพ้นจากตําแหน่ง และกรรมการ ดว้ ยเหตอุ ยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ดงั ตอ่ ไปนี้ ป.ป.ช. (๑) ครบวาระ (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) มอี ายุครบเจด็ สบิ ปี ในการคํานวณบําเหน็จตอบแทนนั้น ให้นําอัตรา เงินเดือนตามมาตรา ๒๖ คูณด้วยจํานวนปีที่ดํารงตําแหน่ง เศษของปใี หน้ ับเปน็ หนึง่ ป ี สิทธิในบําเหน็จตอบแทนนั้นเป็นสิทธิเฉพาะตัว จะโอนไม่ได้ เว้นแต่กรณีตาย ให้ตกได้แก่คู่สมรส และทายาท ท่ีได้แจ้งไว้ และถ้าการตายน้ันเกิดข้ึนเพราะเหตุปฏิบัติ หน้าท่ีหรือในการปฏิบัติหน้าท่ี ให้ได้รับเป็นสองเท่าของ บําเหนจ็ ตอบแทนทก่ี าํ หนดไวต้ ามวรรคสอง
43 สว่ นที่ ๒ หนา้ ทีแ่ ละอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาตรา ๒๘ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าท่ี อ�ำนาจหนา้ ทขี่ อง และอํานาจ ดงั ตอ่ ไปน้ ี คณะกรรมการ (๑) ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหา ป.ป.ช. ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ใดมีพฤติการณ์ ร�่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าท่ี หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จรยิ ธรรมอย่างรา้ ยแรง (๒) ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร�่ำรวยผิดปกติ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือ กระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิด ต่อตาํ แหนง่ หน้าทใี่ นการยตุ ธิ รรม (๓) กําหนดให้ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ และเจ้าหน้าที่ของรัฐย่ืนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งตรวจสอบ และเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของ บุคคลดังกล่าว
44 (๔) ไต่สวนเพ่ือดําเนินคดีในฐานความผิดอ่ืน ท่ี พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ น้ี กํ า ห น ด ห รื อ ท่ี มี ก ฎ ห ม า ย กํ า ห น ด ใ ห ้ อ ยู ่ ใ น ห น ้ า ที่ แ ล ะ อํ า น า จ ข อ ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. (๕) หน้าท่ีและอํานาจอ่ืนตามท่ีบัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน ี้ หรอื กฎหมายอ่ืน ในการดําเนินการตาม (๔) ในส่วนท่ีเก่ียวกับ ค ว า ม ผิ ด ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ น ้ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะดาํ เนนิ การเอง หรอื มอบหมาย ให้หน่วยงานท่ีมีหน้าที่และอํานาจในการดําเนินการเป็น ผดู้ ําเนินการกไ็ ด้ การรายงาน มาตรา ๒๙ ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงาน ผลการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบและผลการปฏบิ ัติหนา้ ท ่ี พร้อมข้อสงั เกต และผลการปฏิบตั ิ ต่อรัฐสภาทุกปี ทั้งน้ี ให้ประธานกรรมการ หรือกรรมการ หนา้ ที่ของคณะ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย มาแถลงรายงาน ดังกล่าวต่อรัฐสภา และให้ประกาศรายงานดังกล่าวใน กรรมการ ป.ป.ช. ราชกิจจานเุ บกษาและเปิดเผยตอ่ สาธารณะ การปฏบิ ตั หิ น้าท่ี มาตรา ๓๐ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี ามมาตรา ๒๘ ของคณะ (๑) (๒) และ (๔) ให้รวมถึงการดําเนินการกับบุคคลอื่น กรรมการ ป.ป.ช. ซ่ึงเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนรวมทั้งผู้ให้ ผู้ขอให้ หรือรับว่าจะให้หรือนิติบุคคลที่เก่ียวข้องกับการให้
45 ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่บุคคลตามมาตรา ๒๘ (๑) (๒) และ (๔) เพ่ือจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมชิ อบด้วยกฎหมายดว้ ย ในการดําเนินคดีตามมาตรา ๒๘ (๑) (๒) และ (๔) ให้ใช้บังคับกับการดําเนินการในคดีท่ีม ี การกระทําอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทและ บทใดบทหน่ึงจะต้องดําเนินการตามมาตรา ๒๘ (๑) (๒) และ (๔) และคดีที่มีการกระทําความผิดเก่ียวข้องกัน และความผิดเร่ืองใดเรื่องหนึ่งที่จะต้องดําเนินการในคราว เดียวกันดว้ ย มาตรา ๓๑ ในการปฏบิ ตั หิ น้าทีต่ ามมาตรา ๒๘ จัดใหม้ มี าตรการ (๑) (๒) (๓) และ (๔) ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือแนวทางใน หรือผู้ท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ให้เป็นหน้าท่ี การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ีจะต้องจัดให้มีมาตรการ หรือแนวทางท่ีจะทําให้การปฏิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพ เกดิ ความรวดเรว็ สุจรติ และเที่ยงธรรม มาตรา ๓๒ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่ อ�ำนาจหนา้ ท่ี และอํานาจเสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะ เสนอมาตรการ ต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือ ความเห็น องคก์ รอยั การในเรือ่ งดังต่อไปน้ี และข้อเสนอแนะ (๑) ปรบั ปรงุ การปฏบิ ตั ริ าชการ หรอื วางแผนงาน โครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ
46 เพอื่ ปอ้ งกนั หรอื ปราบปรามการทจุ รติ การกระทาํ ความผิด ต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือการกระทําความผิด ต่อตาํ แหน่งหน้าทใี่ นการยุติธรรม (๒) จัดให้มีมาตรการและกลไกท่ีมีประสิทธิภาพ เ พ่ื อ ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ข จั ด ก า ร ทุ จ ริ ต แ ล ะ ป ร ะ พ ฤ ติ มิ ช อ บ ทง้ั ในภาครฐั และภาคเอกชนอยา่ งเข้มงวด (๓) เสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมาตรการใดที่เป็นช่องทางให้มี การทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเป็นเหตุให้เจ้าหน้าท่ี ของรัฐไม่อาจปฏบิ ตั ิหน้าทใ่ี หเ้ กิดผลดตี ่อราชการได้ ในการจัดทํามาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะ ตามวรรคหน่ึง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจัดให้มี การรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในเร่ืองที่กระทบต่อ ประโยชน์สาธารณะก็ได้ ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์และ วิธีการท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กาํ หนด เมื่อองค์กรตามวรรคหนึ่งได้รับแจ้งมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว หากเป็นกรณีที่ไม่อาจดําเนินการได้ ให้แจ้งปัญหาและ อุปสรรคต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบต่อไป ท้ังนี้ ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.
47 มาตรา ๓๓ เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงาน ก�ำหนดมาตรการ ของรัฐมีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการป้องกันและ กลไกเพื่อให้ ปราบปรามการทุจริต ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด ประชาชน มาตรการและกลไกที่จําเป็นต่อการดําเนินการในเร่ือง มีส่วนรว่ ม ดังตอ่ ไปน้ ี (๑) การส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพ่ือมี ส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือช้ีเบาะแส โดยได้รับความคุ้มครอง รวมทั้งจัดให้มีช่องทางการแจ้งข้อมูล เบาะแส หรือพยานหลักฐานสําหรับการกระทําความผิดท่ี อยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยช่องทาง ดังกล่าวต้องมีวิธีการท่ีง่าย สะดวก ไม่มีข้ันตอนยุ่งยาก และไม่ก่อผลร้ายกับผู้แจ้งดังกล่าว รวมทั้งดําเนินการ เพื่อป้องกันการทุจริต ตลอดจนเสริมสร้างทัศนคติและ คา่ นยิ มเกยี่ วกบั ความซอ่ื สัตย์สุจรติ (๒) ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนหน่วยงาน ของรัฐในการจัดให้มีกลไกการแจ้งเตือน กรณีพบว่ามี พฤตกิ ารณ์ที่ส่อว่าอาจมกี ารทุจรติ ในหน่วยงานของตน (๓) ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ ค ว า ม เ ข ้ า ใ จ ท่ี ถู ก ต ้ อ ง เ ก่ี ย ว กั บ อั น ต ร า ย ข อ ง ก า ร ทุ จ ริ ต รวมถึงค่านิยมที่เน้นการพ่ึงพาระบบอุปถัมภ์ในสังคม เ พื่ อ ใ ห ้ เ กิ ด ก า ร ต ่ อ ต ้ า น ก า ร ทุ จ ริ ต แ ล ะ ป ร ะ พ ฤ ติ มิ ช อ บ อยา่ งกว้างขวาง
48 (๔) รับฟังข้อเสนอแนะจากประชาชนหรือ หน่วยงานของรัฐเพ่ือนําไปปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสํานักงานให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งข้นึ ในการดําเนินการตาม (๑) (๒) และ (๓) ให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งต้ังคณะกรรมการขนึ้ คณะหน่ึง เพอ่ื ใหค้ าํ เสนอแนะ ชว่ ยเหลอื และรว่ มมอื กนั ดาํ เนนิ การ คณะกรรมการตามวรรคสองให้ประกอบด้วย ประธานกรรมการเป็นประธาน กรรมการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายจํานวนหน่ึงคน เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ประธาน กรรมการการอุดมศึกษา ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เป็นกรรมการโดยตําแหน่ง ผู้แทนจากภาคเอกชนและ ภาคประชาสังคมท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปราม การทุจริตไม่เกินสี่คน และผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสามคน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งต้ังเป็นกรรมการ การแต่งตั้งผู้แทนจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด โดยให้ผู้แทนจาก ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระ การดํารงตําแหน่งคราวละสามปี ให้เลขาธิการเป็นกรรมการ และเลขานุการ โดยให้เลขาธิการแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าท่ี
49 เป็นผู้ช่วยเลขานุการไม่น้อยกว่าสองคน ทั้งน้ี คณะกรรมการ ดังกล่าวอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อช่วยเหลือ ในการปฏิบัตหิ นา้ ท่ ี หรือปฏบิ ัติการใด ๆ ตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย มาตรา ๓๔ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราช อ�ำนาจในการ บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ มีอํานาจ ดังต่อไปน้ ี ตาม พ.ร.ป.ฯ (๑) มีคําสั่งให้ข้าราชการ พนักงาน หรือ ลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถนิ่ มาให้ถอ้ ยคาํ หรือสง่ มอบเอกสาร หรือหลกั ฐานท่ีเก่ยี วข้องมา เพื่อประโยชนใ์ นการไต่สวน (๒) ให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคํา หรือส่งบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานใด ๆ มาเพื่อประโยชน์ในการ ไตส่ วน (๓) ดําเนินการขอให้ศาลท่ีมีเขตอํานาจออกหมาย เพื่อเข้าไปในเคหสถาน สถานท่ีทําการ หรือสถานท่ีอ่ืนใด รวมทั้งยานพาหนะของบุคคลใด ๆ ในเวลาระหว่าง พระอาทิตย์ข้ึนและพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาท่ี มีการประกอบกจิ การ เพื่อตรวจสอบ ค้น ยึด หรอื อายัด เอกสาร ทรัพย์สิน หรือพยานหลักฐานอ่ืนใดซึ่งเก่ียวข้อง กับเรื่องที่ไต่สวน และหากยังดําเนินการไม่แล้วเสร็จ ในเวลาดังกล่าว ให้สามารถดําเนินการต่อไปได้จนกว่าจะ แล้วเสรจ็
50 (๔) มีคําสั่งให้หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถ่ิน หรือหน่วยงานเอกชน ช้ีแจงข้อเท็จจริง อํานวยความสะดวก หรือให้ความช่วยเหลือ ในการปฏิบตั ิหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. (๕) จา้ งทปี่ รกึ ษาหรอื ผเู้ ชยี่ วชาญในการตรวจสอบ หาข้อมูลเก่ียวกับทรัพย์สินหรือหนี้สิน และการดําเนินคดี ในการติดตามทรัพย์สินในต่างประเทศได้ ทั้งน้ี ตามระเบียบ ทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด กรณีมีเหตุ มาตรา ๓๕ ในกรณีท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนั ควรสงสัย มเี หตอุ นั ควรสงสยั วา่ มกี ารดาํ เนนิ การอยา่ งใด ในหนว่ ยงาน วา่ มกี ารทจุ รติ ของรัฐอันอาจนําไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริต หรอื สอ่ วา่ อาจ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดําเนินการตรวจสอบโดยเร็ว ถ้าผลการตรวจสอบปรากฏว่ากรณีมีเหตุอันควรระมัดระวัง มกี ารทุจรติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงไมน่ อ้ ยกว่า สองในสามของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ มีหนังสือแจ้ง ใ ห ้ ห น ่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ ดั ง ก ล ่ า ว แ ล ะ ค ณ ะ รั ฐ ม น ต รี ท ร า บ พร้อมด้วยข้อเสนอแนะแนวทางการแกไ้ ข หน่วยงานของรัฐและคณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้อง ดําเนินการตามควรแก่กรณีเพ่ือป้องกันมิให้เกิดการทุจริต หรือเกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน โดยเร็วและถ้าไม่เก่ียวกับความลับของทางราชการให ้ เปิดเผยใหป้ ระชาชนทราบเปน็ การท่ัวไป
51 มาตรา ๓๖ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พนักงาน ห้ามเปิดเผยขอ้ มลู เจ้าหน้าที่ และบุคคลซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งต้ัง ซึง่ มีลักษณะ หรือมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างใด จะเปิดเผยข้อมูล เป็นข้อมูล ซ่ึงมีลักษณะเป็นข้อมูลเฉพาะของบุคคล บรรดาท่ีได้มา เฉพาะบุคคล จากการปฏิบัตหิ นา้ ที่มไิ ด ้ การเปิดเผยข้อมูลการดําเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในแต่ละขั้นตอน ห้ามเปิดเผยข้อมูลท่ีเป็นรายละเอียดของ ผู้กล่าวหา ผู้แจ้งเบาะแส และผู้ซ่ึงเป็นพยาน หรือกระทําการใด อั น จ ะ ทํ า ใ ห ้ ท ร า บ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เ ก่ี ย ว กั บ บุ ค ค ล ดั ง ก ล ่ า ว การเปิดเผยข้อมูลอื่นใดเพ่ือให้สาธารณชนได้ทราบ ให้อยู่ ภายใต้เง่ือนไขดังตอ่ ไปน้ี (๑) ในช้ันก่อนการไต่สวน ห้ามเปิดเผยชื่อ ผู้ถูกร้อง เว้นแต่มีเหตุอันจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการ ไต่สวนหรือไต่สวนเบ้ืองต้น และได้รับอนุญาตจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. แลว้ (๒) เม่ือได้ดําเนินการไต่สวนหรือไต่สวนเบ้ืองต้น แล้วมีพยานหลักฐานพอสมควรก่อนท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาวนิ จิ ฉัย การเปิดเผยข้อมลู ให้เป็นไปตามวิธีการ และเงอื่ นไขที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด (๓) เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความเห็น ห รื อ วิ นิ จ ฉั ย ว ่ า ผู ้ ถู ก ก ล ่ า ว ห า มี พ ฤ ติ ก า ร ณ ์ ก า ร ก ร ะ ทํ า ความผิด ให้เปิดเผยความเห็นหรือคําวินิจฉัยได้ เว้นแต่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423