196 “เลือกตั้ง” หมายความว่า การเลือกตั้งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ สภาท้องถน่ิ หรอื ผบู้ ริหารทอ้ งถน่ิ และให้หมายความรวมถึงการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และ การออกเสียงประชามติด้วยแลว้ แตก่ รณี “ผ้สู มัคร” หมายความว่า ผสู้ มคั รรบั เลอื กตั้งเป็น สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร สมาชกิ สภาทอ้ งถ่ินหรือผบู้ ริหาร ท้องถ่ิน และให้หมายความรวมถึงผู้สมัครรับเลือกเป็น สมาชกิ วุฒสิ ภาดว้ ย แล้วแตก่ รณี “หนว่ ยเลอื กต้ัง” หมายความว่า หน่วยเลือกตั้ง ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน่วยเลือกต้ังตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาท้องถ่นิ หรือผ้บู ริหารท้องถ่นิ และให้หมายความรวมถึง หน่วยเลือกตามกฎหมายว่าด้วยการได้มาซ่ึงสมาชิก วุฒิสภา และหน่วยออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่า ด้วยการออกเสียงประชามตดิ ้วย แลว้ แตก่ รณี “จังหวัด” หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานคร ดว้ ย “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถ่ิน รัฐวสิ าหกจิ และหน่วยงานอ่นื ของรฐั “สำ�นักงาน” หมายความว่า สำ�นักงาน คณะกรรมการการเลือกต้งั
197 “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการ คณะกรรมการการเลอื กต้ัง มาตรา ๕ ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบ การแจ้ง ยื่น รัฐธรรมนูญน้ีมิได้กำ�หนดไว้เป็นประการอ่ืนการใดท่ีกำ�หนด หรือสง่ หนังสือ ให้แจง้ ยืน่ หรอื สง่ หนงั สือหรือเอกสารใหบ้ คุ คลใดเปน็ การ หรือเอกสาร เฉพาะ ถ้าได้แจ้ง ยื่น หรือส่งหนังสือ หรือเอกสารให้ บุคคลนั้น ณ ภูมิลำ�เนาหรือที่อยู่ที่ปรากฏตามหลักฐาน ทางทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ใหถ้ อื ว่าได้แจ้ง ยื่น หรือส่งโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้แล้วและในกรณีท่ีพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้กำ�หนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้ ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ให้ถือว่าการประกาศหรือ เผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธี การอ่ืนใดท่ีประชาชนท่ัวไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก เป็นการดำ�เนินการโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญนีแ้ ลว้ ในกรณีท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี กำ�หนดให้คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีอำ�นาจกำ�หนด หรือมีคำ�ส่ังเร่ืองใด ถ้ามิได้กำ�หนดวิธีการไว้เป็นการ เฉพาะ ให้คณะกรรมการหรือเลขาธิการกำ�หนดโดยทำ�เปน็ ประกาศ ระเบยี บ หรอื ค�ำ สง่ั แล้วแตก่ รณี และถา้ ประกาศ ระเบียบ หรือคำ�สง่ั น้นั ใชบ้ งั คบั แก่บคุ คลท่วั ไป ใหป้ ระกาศ ในราชกิจจานุเบกษา และให้ดำ�เนินการประกาศตาม
198 วรรคหนง่ึ ดว้ ย ทงั้ นี้ ถ้าประกาศ ระเบียบ หรอื คำ�สัง่ ใดมี การกำ�หนดขั้นตอนการดำ�เนินงานไว้ คณะกรรมการหรือ เลขาธิการต้องกำ�หนดระยะเวลาการดำ�เนินงานในแต่ละ ขน้ั ตอนใหช้ ดั เจนด้วย ให้สำ�นักงานมีหน้าท่ีเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับการ เลือกตั้งท่ีมิได้มีผลเป็นการเปิดเผยถึงตัวบุคคลผู้ลงคะแนน เลือกต้ังเป็นการเฉพาะและมิได้ห้ามเปิดเผยตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถ เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้ การปฏบิ ตั หิ น้าท่ี มาตรา ๖ ในการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการ ของคณะกรรมการ ต้องให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือองค์กรอิสระ การเลือกต้ังรว่ มกับ ทุกองค์กร ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่ามีผู้กระทำ�การ องค์กรอสิ ระ อันไม่ชอบด้วยกฎหมายอันอยู่ในหน้าที่และอำ�นาจของ องค์กรอิสระอ่ืน ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งองค์กร อิสระท่ีเกี่ยวข้องเพื่อดำ�เนินการตามหน้าที่และอำ�นาจต่อไป โดยไมช่ ักชา้ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าการกระทำ�ท่ี ทำ�ให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม หรือมิชอบด้วยกฎหมาย อาจเข้าลักษณะเป็นการกระทำ� ความผิดที่อยู่ในหน้าท่ีและอำ�นาจขององค์กรอิสระอ่ืนด้วย ให้คณะกรรมการปรึกษาหารือร่วมกับองค์กรอิสระอ่ืน ที่เกี่ยวข้องเพ่ือกำ�หนดแนวทางในการดำ�เนินงานร่วมกัน เพ่ือให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กรเป็นไปอย่าง มีประสทิ ธิภาพและไม่ซ�ำ้ ซ้อนกนั
199 เพื่อประโยชน์ในการดำ�เนินการตามวรรคสอง ให้ประธานกรรมการการเลือกต้ังมีอำ�นาจเชิญประธาน องค์กรอิสระอ่ืนมาร่วมประชุมเพ่ือหารือและกำ�หนด แนวทางร่วมกันได้ และให้องค์กรอิสระทุกองค์กรปฏิบัติ ตามแนวทางดงั กลา่ ว มาตรา ๗ ให้ประธานกรรมการการเลือกต้ัง การรกั ษาการ รักษาการตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี ตาม พ.ร.ป. น้ี หมวด ๑ คณะกรรมการการเลอื กตง้ั มาตรา ๘ คณะกรรมการการเลือกต้ังประกอบ คณะกรรมการ ด้วยกรรมการจำ�นวนเจ็ดคน ซ่งึ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้งั การเลอื กต้ัง ตามค�ำ แนะน�ำ ของวฒุ ิสภา จากบุคคลดังตอ่ ไปนี้ (๑) ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาการ ต่าง ๆ ที่จะยังประโยชน์แก่การบริหารและจัดการการ เลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเท่ียงธรรม ซึ่งได้รับการ สรรหาจากคณะกรรมการสรรหาจำ�นวนห้าคน จากผู้ซึ่งมี คุณสมบัตอิ ย่างหนึง่ อย่างใด ดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) รับราชการหรือเคยรับราชการในตำ�แหน่ง ไม่ตำ่�กว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้ว ไมน่ อ้ ยกว่าห้าปี
200 (ข) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำ�รงตำ�แหน่งผู้บริหาร สูงสุดของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่เป็น สว่ นราชการหรอื รัฐวสิ าหกจิ มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี (ค) ดำ�รงตำ�แหน่งหรือเคยดำ�รงตำ�แหน่ง ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้ว ไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี และยงั มผี ลงานทางวชิ าการเปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ (ง) เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพท่ีมี กฎหมายรับรองการประกอบวิชาชีพโดยประกอบวิชาชีพ อย่างสมำ่�เสมอและต่อเนื่องมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่ายี่สิบปี นับถึงวันที่ได้รับการเสนอช่ือและได้รับการรับรองการ ประกอบวิชาชีพจากองค์กรวชิ าชพี นัน้ (จ) เ ป็ น ผู้ มี ค ว า ม รู้ ค ว า ม ชำ � น า ญ แ ล ะ ประสบการณท์ างดา้ นการบรหิ าร การเงนิ การคลงั การบญั ชี หรือการบริหารกิจการวิสาหกิจในระดับไม่ตำ่�กว่าผู้บริหาร ระดับสงู ของบริษัทมหาชนจ�ำ กัดมาแล้วไมน่ ้อยกว่าสบิ ปี (ฉ) เคยเป็นผู้ดำ�รงตำ�แหน่งตาม (ก) (ข) (ค) หรอื (จ) รวมกนั ไมน่ ้อยกว่าสบิ ปี (ช) เป็นผู้ทำ�งานหรือเคยทำ�งานในภาค ประชาสังคมมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าย่ีสิบปีตามท่ี คณะกรรมการสรรหากำ�หนด (๒) ผมู้ คี วามรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ด้านกฎหมาย และเคยดำ�รงตำ�แหน่งไม่ตำ่�กว่าอธิบดี ผู้พิพากษา หรือตำ�แหน่งไม่ต่ำ�กว่าอธิบดีอัยการมาแล้ว
201 เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี ซึ่งได้รับการคัดเลือกจาก ทปี่ ระชุมใหญ่ศาลฎกี าจำ�นวนสองคน มาตรา ๙ นอกจากคณุ สมบตั ติ ามมาตรา ๘ แลว้ คุณสมบัติ กรรมการต้องมีคุณสมบัติ ดงั ต่อไปน้ีด้วย ของกรรมการ (๑) มสี ัญชาติไทยโดยการเกิด การเลอื กตงั้ (๒) มีอายุไมต่ ่ำ�กวา่ ส่ีสบิ หา้ ปี แตไ่ ม่เกินเจ็ดสิบปี (๓) สำ�เร็จการศึกษาไม่ตำ่�กว่าปริญญาตรีหรือ เทยี บเทา่ (๔) มคี วามซอ่ื สัตยส์ ุจรติ เป็นท่ปี ระจักษ์ (๕) มีสุขภาพท่ีสามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มาตรา ๑๐ กรรมการต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ลักษณะตอ้ งหา้ ม ดงั ต่อไปนี้ ของกรรมการ (๑) เป็นหรือเคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ การเลอื กต้ัง หรือผ้ดู �ำ รงตำ�แหน่งในองค์กรอสิ ระใด (๒) ติดยาเสพติดให้โทษ (๓) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคล ลม้ ละลายทจุ ริต (๔) เป็นเจ้าของหรือผ้ถู ือห้นุ ในกิจการหนังสือพิมพ์ หรอื สอื่ มวลชนใด ๆ (๕) เปน็ ภิกษุ สามเณร นักพรต หรอื นักบวช (๖) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่า คดนี ้นั จะถึงท่ีสุดแลว้ หรือไม่
202 (๗) วกิ ลจริตหรอื จิตฟั่นเฟอื นไมส่ มประกอบ (๘) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับ เลือกตั้งเป็นการช่ัวคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลอื กตง้ั (๙) ต้องคำ�พิพากษาให้จำ�คุกและถูกคุมขังอยู่ โดยหมายของศาล (๑๐) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงาน ของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่า กระทำ�การทจุ รติ หรือประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ (๑๑) เคยต้องคำ�พิพากษาหรือคำ�สั่งของศาล อันถึงท่ีสุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะรำ่�รวย ผิดปกติ หรือเคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษ จำ�คุกเพราะกระทำ�ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการ ปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ (๑๒) เคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำ� ความผิดต่อตำ�แหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำ�แหน่งหน้าท่ี ในการยุติธรรม หรือกระทำ�ความผิดตามกฎหมายว่าด้วย ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเก่ียวกับทรัพย์ท่ีกระทำ�โดยทุจริตตาม ประมวลกฎหมายอาญาความผิดตามกฎหมายว่าด้วย การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วย ยาเสพตดิ ในความผดิ ฐานเปน็ ผผู้ ลติ น�ำ เขา้ สง่ ออก หรอื ผคู้ า้ กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือ
203 เจ้าสำ�นัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงินในความผดิ ฐานฟอกเงิน (๑๓) เคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงท่ีสุดว่ากระทำ� การอันเปน็ การทุจรติ ในการเลือกตง้ั (๑๔) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำ�รงตำ�แหน่ง ทางการเมอื ง (๑๕) เคยพ้นจากตำ�แหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่ามีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำ�ด้วย ประการใด ๆ ท่มี ผี ลใหส้ มาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร สมาชกิ วุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือ ทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย (๑๖) เคยพ้นจากตำ�แหน่งเพราะศาลฎีกาหรือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง มีคำ�พิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำ�รวยผิดปกติ หรือ กระทำ�ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ีหรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำ�นาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรมอย่างรา้ ยแรง (๑๗) เคยไดร้ บั โทษจ�ำ คกุ โดยค�ำ พพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ ให้จำ�คุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำ�โดยประมาทหรือ ความผิดลหุโทษ
204 (๑๘) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา ขา้ ราชการการเมอื งหรอื สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรือผู้บริหารท้องถ่ินในระยะสิบปีก่อนเข้ารับการคัดเลือก หรือสรรหา (๑๙) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ดำ�รง ตำ�แหน่งอื่นของพรรคการเมืองในระยะสิบปีก่อนเข้ารับ การคดั เลือกหรือสรรหา (๒๐) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำ�แหน่งหรือเงินเดือน ประจำ� (๒๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงาน ของรัฐ รฐั วิสาหกจิ หรอื ราชการส่วนท้องถ่นิ หรือกรรมการ หรือทป่ี รึกษาของหน่วยงานของรฐั หรือรฐั วิสาหกจิ (๒๒) เป็นผู้ดำ�รงตำ�แหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรท่ีดำ�เนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำ�ไรหรือ รายได้มาแบง่ ปันกัน หรือเป็นลกู จ้างของบคุ คลใด (๒๓) เป็นผปู้ ระกอบวชิ าชพี อิสระ (๒๔) มพี ฤตกิ ารณอ์ นั เปน็ การฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ิ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมอยา่ งร้ายแรง องคป์ ระกอบ มาตรา ๑๑ เม่ือมีกรณีที่จะต้องสรรหาผู้สมควร คณะกรรมการ ไดร้ บั การแตง่ ตั้งเป็นกรรมการตามมาตรา ๘ (๑) ใหเ้ ป็น สรรหา หน้าท่ีและอำ�นาจของคณะกรรมการสรรหา ซึ่งประกอบ ด้วย
205 (๑) ประธานศาลฎีกา เปน็ ประธานกรรมการ (๒) ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร และผนู้ �ำ ฝา่ ยคา้ น ในสภาผแู้ ทนราษฎร เป็นกรรมการ (๓) ประธานศาลปกครองสงู สดุ เปน็ กรรมการ (๔) บุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ทมี่ ใิ ช่คณะกรรมการการเลอื กตง้ั แตง่ ต้งั จากผู้มีคุณสมบัติ ตามมาตรา ๘ และมาตรา ๙ และไม่มีลักษณะตอ้ งหา้ มตาม มาตรา ๑๐ และไมเ่ คยปฏิบัตหิ น้าท่ีใด ๆ ในศาลรัฐธรรมนูญ หรอื องค์กรอสิ ระ องค์กรละหน่งึ คน เป็นกรรมการ ให้เลขาธิการวุฒิสภาเป็นเลขานุการของ คณะกรรมการสรรหา และให้สำ�นักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหนา้ ทีเ่ ป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหา ในการดำ�เนินการแต่งต้ังบุคคลตาม (๔) ให้ ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่มิใช่คณะกรรมการ การเลือกตั้งดำ�เนินการเสนอช่ือบุคคลซึ่งองค์กรน้ันแต่งตั้ง เป็นกรรมการสรรหาภายในยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง จากเลขาธิการวุฒิสภา โดยให้คัดเลือกจากบุคคลซึ่งมี ความเป็นกลาง ซ่ือสัตย์สุจริต มีความเข้าใจในภารกิจ ของคณะกรรมการการเลือกต้งั และไม่มีพฤติการณ์ยอมตน อยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ และผู้จะได้รับการ คัดเลือกเป็นกรรมการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียง เกินก่ึงหน่ึงของจำ�นวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการองค์กรอิสระ แล้วแต่กรณี
206 ในกรณีท่ไี ม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงเกินก่งึ หน่งึ ให้ลง คะแนนใหม่อีกคร้งั หน่งึ ในการลงคะแนนคร้งั น้ ี ถ้ามีผ้เู ข้ารับ การคัดเลือกเกินสองคนให้นำ�เฉพาะคนท่ีได้คะแนนสูงสุด สองลำ�ดับแรกมาลงคะแนนใหม่ ในกรณีท่ีมีผู้ได้คะแนน สูงสุดเท่ากันจนเป็นเหตุให้มีผ้ไู ด้คะแนนสูงสุดสองลำ�ดับแรก เกินสองคน ให้ผ้เู ข้ารับการคัดเลือกซ่งึ ได้คะแนนเท่ากันน้นั จับสลากเพ่ือให้เหลือผู้ท่ีได้คะแนนสูงสุดสองลำ�ดับแรก เพียงสองคน ในการลงคะแนนคร้ังหลังนี้ถ้ายังไม่มีผู้ใด ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำ�นวนทั้งหมดเท่าที่มี อยู่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการองค์กรอิสระ แลว้ แตก่ รณ ี ใหด้ �ำ เนนิ การเพอ่ื คดั เลอื กใหม ่ โดยจะคดั เลอื ก ผเู้ ขา้ รับการคดั เลอื กที่มีชือ่ อยู่ในการคัดเลือกคร้ังแรกมไิ ด้ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำ�รงตำ�แหน่งกรรมการสรรหา ตาม (๒) หรอื กรรมการสรรหาตาม (๔) มีไมค่ รบ ไมว่ ่า ด้วยเหตุใด หรือพ้นก�ำ หนดเวลาการคดั เลอื กตามวรรคสาม แล้วมิได้มีการเสนอช่ือ ให้คณะกรรมการสรรหาเท่าท่ีมีอยู่ ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำ�นาจไปพลางก่อนได้โดยในระหว่าง นั้นให้ถือว่าคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการ สรรหาเท่าทีม่ อี ยู่ ให้กรรมการสรรหาตาม (๔) อย่ใู นวาระการดำ�รง ตำ�แหน่งจนถึงวันก่อนวันท่มี ีกรณีท่ตี ้องสรรหากรรมการใหม่ และให้กรรมการสรรหาดังกล่าวพ้นจากตำ�แหน่งก่อนวาระ เมือ่ ตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติหรือมลี กั ษณะต้องห้าม
207 ผซู้ งึ่ ได้รับแตง่ ตัง้ ใหเ้ ปน็ กรรมการสรรหาตาม (๔) แล้ว จะเป็นกรรมการสรรหาในคณะกรรมการสรรหา สำ�หรับศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอ่ืนในขณะเดียวกัน มไิ ด้ ใหป้ ระธานกรรมการสรรหา และกรรมการสรรหา เปน็ เจา้ พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๒ ในการสรรหากรรมการ ใหค้ ณะกรรมการ การสรรหา สรรหาปรึกษาหารือเพ่ือคัดสรรให้ได้บุคคลซ่ึงมีความ กรรมการ รับผิดชอบสูง มีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ การเลอื กต้งั มีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นตัวอย่างท่ีดีของสังคม และ ไม่มีพฤติการณ์ยอมตนอย่ใู ต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ รวมตลอดท้ังมีทัศนคติท่ีเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าท่ีให้ เกิดผลสำ�เร็จ โดยนอกจากการประกาศรับสมัครแล้วให้ คณะกรรมการสรรหาดำ�เนินการสรรหาจากบุคคลซึ่งมี ความเหมาะสมท่ัวไปได้ด้วยแต่ต้องได้รับความยินยอม ของบุคคลน้ัน ทั้งน้ี โดยคำ�นึงถึงความหลากหลายของ ประสบการณ์ทแี่ ตกตา่ งกนั ในแตล่ ะด้านประกอบดว้ ย และ เพื่อประโยชน์แห่งการน้ี ให้คณะกรรมการสรรหาใช้วิธี การสัมภาษณ์หรือให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เก่ียวกับ หน้าท่ีและอำ�นาจของคณะกรรมการ หรือวิธีการอื่นใดที่ เหมาะสมเพ่อื ประกอบการพจิ ารณาด้วย ให้นำ�ความในวรรคหน่ึงมาใช้บังคับแก่การ คดั เลอื กผสู้ มควรไดร้ บั แตง่ ตง้ั เปน็ กรรมการของทป่ี ระชมุ ใหญ่ ศาลฎกี าดว้ ยโดยอนโุ ลม
208 วิธกี ารสรรหา ในการสรรหาหรือคัดเลือก ให้ใช้วิธีลงคะแนน หรอื คัดเลือก โดยเปิดเผยและให้กรรมการสรรหาแต่ละคนบันทึกเหตุผล ในการเลือกไวด้ ว้ ย ผู้ซ่ึงจะได้รับการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียง ถึงสองในสามของจำ�นวนทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของคณะ กรรมการสรรหา ผซู้ ง่ึ จะไดร้ บั การคดั เลอื กจากทป่ี ระชมุ ใหญศ่ าลฎกี า ต้องได้รับคะแนนเสียงเกินก่ึงหนึ่งของจำ�นวนท้ังหมดเท่าที่ มีอยูข่ องผู้พพิ ากษาในศาลฎีกา ถ้าไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงตามวรรคสี่ หรือวรรคห้า หรือมีแต่ยังไม่ครบจำ�นวนท่ีจะต้องสรรหา หรือคัดเลือก ให้มีการลงคะแนนใหม่สำ�หรับผู้ได้คะแนน ไม่ถึงสองในสามหรือไม่เกินก่ึงหน่ึงแล้วแต่กรณี ถ้ายังได้ ไม่ครบตามจำ�นวนให้มีการลงคะแนนอีกคร้ังหนึ่ง ในกรณี ท่ีการลงคะแนนคร้ังหลังนี้ยังได้บุคคลไม่ครบตามจำ�นวน ที่จะต้องสรรหาหรือคัดเลือก ให้ดำ�เนินการสรรหาหรือ คัดเลือกใหม่สำ�หรบั จ�ำ นวนที่ยังขาดอยู่ เม่ือคณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาสรรหาหรือคัดเลือกได้บุคคลใดแล้วให้เสนอช่ือ ไปยังวุฒิสภาเพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยผู้ได้รับ การสรรหาหรือคัดเลือกน้ันต้องได้รับความเห็นชอบจาก วุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำ�นวน สมาชกิ ท้งั หมดเทา่ ที่มีอยูข่ องวฒุ ิสภา
209 ในกรณีท่ีวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการ กรณวี ุฒิสภาไม่ให้ สรรหาหรอื คดั เลอื กรายใด ใหด้ �ำ เนนิ การสรรหาหรอื คดั เลอื ก ความเหน็ ชอบ บคุ คลใหมแ่ ทนผนู้ น้ั แลว้ เสนอตอ่ วฒุ สิ ภาเพอ่ื ใหค้ วามเหน็ ชอบ ต่อไป โดยผ้ซู ่งึ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาในคร้งั น้ี จะเขา้ รับการสรรหาในครง้ั ใหมน่ ้ไี มไ่ ด้ เม่ือมผี ไู้ ดร้ ับความเหน็ ชอบจากวฒุ สิ ภาแล้ว หาก กรณีวฒุ สิ ภา เป็นกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำ�แหน่งด้วย ให้ผู้ ใหค้ วามเห็นชอบ ได้รับความเห็นชอบประชุมร่วมกับกรรมการซึ่งยังไม่พ้น จากตำ�แหน่ง ถา้ มีเพ่ือเลอื กกนั เองให้คนหนงึ่ เป็นประธาน กรรมการแล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ ในกรณีท่ี ผู้ซ่ึงวุฒิสภาให้ความเห็นชอบยังได้ไม่ครบจำ�นวนท่ีต้อง สรรหาหรือคัดเลือก แต่เมื่อรวมกับกรรมการซึ่งยังดำ�รง ตำ�แหนง่ อยู่ ถ้ามี มีจำ�นวนถึงหา้ คนกใ็ ห้ดำ�เนนิ การประชมุ เพ่ือเลือกประธานกรรมการได้ และเมื่อโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมแต่งตั้งแล้วให้คณะกรรมการดำ�เนินการตาม หน้าที่และอำ�นาจต่อไปพลางก่อนได้ โดยในระหว่างนั้น ให้ถือว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าท่ีมีอยู่ และให้ดำ�เนินการสรรหาหรือคัดเลือกเพิ่มเติมให้ครบตาม จ�ำ นวนทีต่ ้องสรรหาหรอื คัดเลือกต่อไปโดยเร็ว ในการสรรหาเพิ่มเติมตามวรรคเก้าให้เป็นหน้าท่ี และอ�ำ นาจของคณะกรรมการสรรหาชดุ เดมิ เปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การ
210 ให้ประธานวุฒิสภานำ�ความกราบบังคมทูลเพื่อ ทรงแต่งต้ังประธานกรรมการและกรรมการและเป็นผู้ลง นามรบั สนองพระบรมราชโองการ การแสดงหลกั ฐาน มาตรา ๑๓ ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ของกรรมการ ให้เป็นกรรมการโดยที่ยังมิได้พ้นจากตำ�แหน่งตามมาตรา การเลือกต้ัง ๑๐ (๒๐) (๒๑) หรอื (๒๒) หรอื ยงั ประกอบวชิ าชพี ตามมาตรา ๑๐ (๒๓) อยู่ ต้องแสดงหลักฐานว่าได้ลาออกหรือเลิก ประกอบวิชาชีพดังกล่าวแล้วนั้นต่อประธานวุฒิสภาภายใน เวลาที่ประธานวุฒิสภากำ�หนด ซึ่งต้องเป็นเวลาก่อนท่ี ประธานวุฒิสภาจะนำ�ความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงแต่งตั้ง กรรมการในกรณีที่ไม่ได้แสดงหลักฐานภายในกำ�หนดเวลา ดังกลา่ ว ให้ถอื ว่าผนู้ ้ันสละสทิ ธิ และให้ดำ�เนินการสรรหา หรือคัดเลือกใหม่ และใหน้ �ำ ความในมาตรา ๑๒ วรรคสิบ มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม ค�ำ วินิจฉัย มาตรา ๑๔ ในกรณที ม่ี ปี ญั หาเกย่ี วกบั คณุ สมบตั ิ ของคณะกรรมการ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ผู้ได้รับการคัดเลือกหรอื สรรหา ไดร้ บั การสรรหา ใหเ้ ปน็ หนา้ ทแ่ี ละอ�ำ นาจของคณะกรรมการ สรรหาเป็นผู้วินิจฉัย คำ�วินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหา ใหเ้ ปน็ ท่ีสุด การเสนอเรื่องเพ่ือให้คณะกรรมการสรรหา วินิจฉัยตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่คณะกรรมการสรรหากำ�หนด การวินจิ ฉยั ให้ใชว้ ธิ ีลงคะแนนโดยเปดิ เผย
211 ให้นำ�ความในวรรคหนง่ึ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับแก่กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและ ลกั ษณะตอ้ งหา้ มของกรรมการสรรหาดว้ ยโดยอนุโลม แต่ กรรมการสรรหาที่ถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติหรือมี ลักษณะต้องห้ามจะอยู่ในท่ีประชุมในขณะพิจารณาและ วินจิ ฉัยมไิ ด้ มาตรา ๑๕ กรรมการมีวาระการดำ�รงตำ�แหน่ง วาระการดำ�รง เจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและให้ดำ�รง ตำ�แหน่ง ตำ�แหน่งไดเ้ พียงวาระเดยี ว ในกรณีท่ีกรรมการพ้นจากตำ�แหน่งตามวาระ ให้กรรมการท่ีพ้นจากตำ�แหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า จะมกี รรมการใหมแ่ ทน มาตรา ๑๖ นอกจากการพ้นจากตำ�แหน่งตาม การพน้ จาก วาระ กรรมการพ้นจากต�ำ แหนง่ เมือ่ ตำ�แหน่ง (๑) ตาย ของกรรมการ (๒) ลาออก การเลือกต้ัง (๓) ขาดคณุ สมบัติตามมาตรา ๘ หรอื มาตรา ๙ หรือมลี กั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๑๐ เม่ือประธานกรรมการพ้นจากตำ�แหน่งประธาน กรรมการ ใหพ้ น้ จากตำ�แหนง่ กรรมการดว้ ย เมื่อมีปัญหาว่ากรรมการผู้ใดพ้นจากตำ�แหน่งตาม (๒) หรอื (๓) หรือไม่ ใหเ้ ปน็ หน้าทีแ่ ละอำ�นาจของคณะ
212 กรรมการสรรหาเป็นผ้วู ินิจฉัย คำ�วินิจฉัยของคณะกรรมการ สรรหาให้เปน็ ทสี่ ดุ ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดำ�รงตำ�แหน่งประธานกรรมการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการเลือกกรรมการ คนหน่ึงทำ�หน้าที่แทนประธานกรรมการ ในระหว่างที่กรรมการพ้นจากตำ�แหน่ง และยัง ไมม่ กี ารแตง่ ตง้ั กรรมการแทนต�ำ แหนง่ ทว่ี า่ ง ใหค้ ณะกรรมการ เท่าท่ีเหลืออยู่ปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปได้ แต่ถ้ามีกรรมการ เหลืออยู่ไม่ถึงสี่คน ให้กระทำ�ได้แต่เฉพาะการท่ีจำ�เป็น อันไม่อาจหลกี เลีย่ งได้ ในกรณีที่กรรมการจะพ้นจากตำ�แหน่งตามวาระ ให้ดำ�เนินการสรรหาหรือคัดเลือกกรรมการใหม่ภายใน หนึ่งร้อยยี่สิบวันก่อนวันท่ีกรรมการครบวาระ แต่ถ้า กรรมการพ้นจากตำ�แหน่งด้วยเหตุอ่ืนนอกจากการพ้น จากตำ�แหน่งตามวาระ ให้ดำ�เนินการสรรหาหรือคัดเลือก กรรมการภายในเกา้ สิบวันนบั แต่วนั ทตี่ ำ�แหนง่ วา่ งลง การวินิจฉยั พน้ จาก มาตรา ๑๗ เม่ือมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานตาม ตำ�แหน่งกรรมการ สมควรว่ากรรมการผู้ใดพ้นจากตำ�แหน่งตามมาตรา ๑๖ การเลอื กต้งั (๒) หรือ (๓) ให้เลขาธกิ ารวฒุ สิ ภาเสนอเร่อื งตอ่ ประธาน กรรมการสรรหาภายในห้าวันนับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ และให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ในการวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมาก กรณีที่มีเสียงเท่ากันให้
213 ประธานกรรมการสรรหามีเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็น เสยี งชี้ขาด หลกั ฐานตามวรรคหนง่ึ ใหเ้ ปน็ ไปตามทค่ี ณะกรรมการ สรรหาก�ำ หนด ในกรณีท่ีกรรมการต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะ ถูกกล่าวหาและศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้อง และมี กรรมการเหลืออยู่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งให้ประธานศาลฎีกาและ ประธานศาลปกครองสูงสุดร่วมกันแต่งต้ังบุคคลซ่ึงมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกับกรรมการ ท�ำ หน้าที่เป็นกรรมการเปน็ การช่วั คราวใหค้ รบเจ็ดคน โดย ให้ผู้ซ่ึงได้รับแต่งตั้งทำ�หน้าที่ในฐานะกรรมการได้จนกว่า กรรมการท่ีตนทำ�หน้าที่แทนจะปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือ จนกว่าจะมีการแตง่ ตงั้ ผู้ด�ำ รงต�ำ แหนง่ แทน มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคบั มาตรา ๑๖ วรรคหา้ องค์ประชมุ ของ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุม คณะกรรมการ ไม่น้อยกว่าห้าคน จึงจะเป็นองค์ประชุม ในกรณีท่ี การเลือกต้ัง กรรมการคนใดไม่อาจมาประชุมได้ให้จดแจ้งเหตุน้ันไว้ใน รายงานการประชมุ การลงมติในการประชุมของคณะกรรมการให้ ใช้คะแนนเสียงข้างมาก โดยประธานในท่ีประชุมและ กรรมการที่มาประชุมต้องลงคะแนนเสียงเพ่ือมีมติ และให้ กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ในกรณีมี
214 คะแนนเสยี งเท่ากนั ใหป้ ระธานในที่ประชมุ มีสทิ ธอิ อกเสยี ง เพิ่มขึ้นอีกเสียงหนงึ่ เปน็ เสยี งชขี้ าด การไมเ่ ขา้ ประชมุ หรอื ไมอ่ ยใู่ นทป่ี ระชมุ ตามวรรคสอง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือ ไมป่ ฏิบัตติ ามมาตรฐานทางจริยธรรม ให้ประธานกรรมการเปน็ ประธานในท่ีประชุม ถ้า ประธานกรรมการไม่มาประชุม ให้กรรมการท่ีมาประชุม เลือกกรรมการคนหน่ึงเป็นประธานในที่ประชุม ทั้งน้ี หลักเกณฑ์และวิธีการประชุมของคณะกรรมการให้เป็นไป ตามระเบียบทีค่ ณะกรรมการก�ำ หนด การลงมติ มาตรา ๑๙ ในกรณีท่ีคณะกรรมการต้องมีมติ ค�ำ วนิ จิ ฉัย วนิ จิ ฉัยในเรื่องดังต่อไปนี้ กรรมการทกุ คนทีอ่ ย่ใู นท่ีประชมุ ต้องลงมติ การงดออกเสียงหรือการออกเสียงท่ีแตกต่าง ไปจากประเดน็ ทจี่ ะต้องลงมติจะกระท�ำ มิได้ แตไ่ มเ่ ป็นการ ตดั สทิ ธิทีจ่ ะลาออกจากตำ�แหน่งก่อนมีการลงมติ (๑) การวินิจฉัยว่าการเลือกต้ังใดมิได้เป็นไปโดย สจุ ริตหรือเท่ยี งธรรม หรอื เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (๒) การใหค้ วามเหน็ ชอบค�ำ วนิ จิ ฉยั ตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง (๓) การแตง่ ต้งั ผู้ตรวจการเลือกตัง้ ตามมาตรา ๓๐ (๔) การส่ังระงับการดำ�เนินการอันจะทำ�ให้การ เลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรมหรือเป็นไป โดยมชิ อบดว้ ยกฎหมายตามมาตรา ๓๓
215 (๕) การส่ังระงับสิทธิสมัครรับเลือกต้ังตาม มาตรา ๒๖ วรรคสาม หรือมาตรา ๔๑ (๖) การยน่ื ค�ำ รอ้ งตอ่ ศาลฎกี าเพอ่ื สง่ั เพกิ ถอนสทิ ธิ สมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัคร รับเลือกต้ังตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึง่ สมาชิกวุฒสิ ภา (๗) การสง่ั ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื ง พน้ จากต�ำ แหนง่ ทง้ั คณะ และการวนิ จิ ฉยั วา่ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ผู้ใดรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อ่ืนเพ่ือประโยชน์ ในการดำ�เนินกิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้ ตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง (๘) เรื่องอ่ืนใดท่ีคณะกรรมการมีมติกำ�หนดด้วย คะแนนสองในสามของกรรมการท้งั หมดเท่าที่มอี ยู่ มาตรา ๒๐ ในการลงมติของกรรมการตาม การลงมติ มาตรา ๑๙ หรือในเรื่องอื่นใดที่คณะกรรมการกำ�หนด เป็นหนงั สอื ให้กรรมการลงมติเป็นหนังสือตามแบบที่คณะกรรมการ กำ�หนด ซึ่งอย่างน้อยต้องมีชื่อเรื่องและประเด็นที่ลงมติ มติที่ลง และลายมือชื่อของกรรมการท่ีลงมติ และให้ เลขาธกิ ารเกบ็ รวบรวมไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน มติท่ไี ด้ดำ�เนินการตามวรรคหน่งึ แล้ว ให้ดำ�เนินการ ต่อไปได้โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุมของ คณะกรรมการ และในกรณีท่ีต้องทำ�คำ�วินิจฉัย เม่ือ
216 คณะกรรมการให้ความเห็นชอบร่างคำ�วินิจฉัยน้ันและ ประธานกรรมการหรือผู้ทำ�หน้าท่ีแทนประธานกรรมการ ได้ลงนามในคำ�วินิจฉัยน้ันแล้วให้ถือว่าเป็นคำ�วินิจฉัยของ คณะกรรมการ การใหค้ วามเหน็ ชอบตามวรรคสอง คณะกรรมการ จะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนเป็น ผู้พจิ ารณาให้ความเห็นชอบแทนคณะกรรมการก็ได้ คำ�วินิจฉัยตามวรรคสองให้เผยแพร่ให้ประชาชน ทราบเปน็ การทัว่ ไป ในกรณีที่คณะกรรมการพ้นจากตำ�แหน่งหรือ ไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ท้ังคณะก่อนลงนามในคำ�วินิจฉัย ให้เลขาธิการบันทึกเหตุดังกล่าวไว้ในคำ�วินิจฉัยและ ให้เลขาธิการเป็นผู้ลงนามในคำ�วินิจฉัยน้ันแทน เมื่อ เลขาธิการลงนามในคำ�วินิจฉัยดังกล่าวแล้ว ให้คำ�วินิจฉัย น้ันเปน็ อันใชบ้ ังคบั ได้ การปฏบิ ัตหิ น้าท่ี มาตรา ๒๑ กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่เต็ม และการใช้อ�ำ นาจ เวลา และการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำ�นาจของคณะ ของคณะกรรมการ กรรมการต้องเป็นไปโดยสุจริต เทีย่ งธรรม กลา้ หาญ และ การเลอื กต้งั ปราศจากอคติท้ังปวงในการใช้ดุลพินิจและปฏิบัติตนให้ ถูกต้องตามมาตรฐานทางจริยธรรม ในระหว่างการดำ�รง ต�ำ แหนง่ กรรมการจะเขา้ รับการศึกษาหรืออบรมในหลกั สูตร หรือโครงการใด ๆ มิได้ เว้นแต่เป็นหลักสูตรหรือโครงการท่ี คณะกรรมการเป็นผ้จู ดั ขนึ้ โดยเฉพาะสำ�หรบั กรรมการ
217 มาตรา ๒๒ นอกจากหน้าท่ีและอำ�นาจตามที่ หนา้ ทแี่ ละอำ�นาจ บญั ญตั ไิ ว้ในรฐั ธรรมนูญแลว้ ใหค้ ณะกรรมการมีหนา้ ท่แี ละ ของคณะกรรมการ อำ�นาจ ดังต่อไปน้ดี ว้ ย การเลอื กตั้ง (๑) หน้าที่และอำ�นาจท่ีกำ�หนดไว้ในพระราช บญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนูญนี้และกฎหมายอนื่ (๒) ออกข้อกำ�หนด ระเบียบ หรือประกาศ ตามท่ีกำ�หนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และกฎหมายอ่นื (๓) วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับ ขอ้ ก�ำ หนด ระเบยี บ หรอื ประกาศของคณะกรรมการ (๔) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าท่ีของ ผู้ปฏิบัติงานของสำ�นักงาน ข้าราชการ พนักงาน หรือ ลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าท่ีอื่นของรัฐ ในการปฏิบัติหน้าท่ีเกี่ยวกับการเลือกต้ังการสืบสวน และไต่สวน และการอื่นใดท่ีจำ�เป็น เพ่ือให้เป็นไปตาม กฎหมายเก่ยี วกับการเลอื กตัง้ และพรรคการเมอื ง (๕) ส่งเสริม สนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐ สถาบนั การศกึ ษา และองค์กรเอกชน ในการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเก่ียวกับการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน หรือ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกต้ัง และ ความร้ทู ่ถี กู ตอ้ งเกยี่ วกับรัฐธรรมนูญ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่อื นไขทค่ี ณะกรรมการก�ำ หนด
218 (๖) วางระเบียบเก่ียวกับการชำ�ระค่าเสียหายและ คา่ ใชจ้ า่ ยส�ำ หรบั การจดั การเลอื กตง้ั และดอกเบย้ี หรอื เบย้ี ปรบั รวมตลอดทั้งวิธีการและเง่ือนไขในการลดหรือยกเว้น ดอกเบย้ี หรอื เบย้ี ปรับ (๗) กำ�กับและติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุน ที่พรรคการเมืองได้รับการจัดสรรตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเพ่ือให้เป็นไปโดยถูกต้อง ตามกฎหมายดังกลา่ ว (๘) รายงานผลการปฏิบัติงานประจำ�ปีและ ข้อสังเกตต่อรัฐสภา และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ เปน็ การทวั่ ไป (๙) จดั ให้มกี ารศึกษา วเิ คราะห์ หรือวิจัย เพอ่ื กำ�หนดวิธีการหรือมาตรการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดย สุจริตและเท่ียงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย (๑๐) ออกระเบียบกำ�หนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับการปฏิบัติหน้าที่ ของคณะกรรมการและส�ำ นกั งาน ในการควบคุม กำ�กับ ดูแลการเลือกตั้งให้เป็น ไปโดยสุจริตและเท่ียงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วย กฎหมาย ให้ถือเป็นหน้าที่และอำ�นาจของคณะกรรมการ ที่จะต้องดำ�เนินการสอดส่อง สืบสวน หรือไต่สวนเพ่ือ ป้องกันและขจัดการกระทำ�หรือการงดเว้นการกระทำ�ใด อันจะก่อให้เกิดความไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมในการ
219 เลอื กตง้ั ได้ ไม่ว่าจะเปน็ เวลาในระหวา่ งประกาศใชพ้ ระราช กฤษฎีกาใหม้ ีการเลอื กตง้ั หรือไมก่ ต็ าม การกำ�หนดตาม (๑๐) ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และต้องคำ�นึงถึง ผลกระทบตอ่ บคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ประโยชนท์ ส่ี าธารณชนจะพงึ ไดร้ ับ หลกั ธรรมาภบิ าล และความเป็นธรรมประกอบกนั มาตรา ๒๓ ในกรณที พ่ี รรคการเมอื งหรอื ผสู้ มคั ร การตอบ ผู้ใดสอบถามเก่ียวกับการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขอ้ สอบถาม เก่ียวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือข้อกำ�หนด ของคณะกรรมการ ระเบียบ หรือประกาศของคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการ การเลือกตง้ั ตอบข้อสอบถามให้แล้วเสร็จโดยเร็วแต่ต้องไม่ช้ากว่า สามสบิ วนั นบั แตว่ นั ไดร้ บั การสอบถาม ในการน ้ี คณะกรรมการ จะมอบหมายให้กรรมการคนใดคนหน่ึงหรือเลขาธิการเป็น ผู้ตอบขอ้ สอบถามแทนคณะกรรมการกไ็ ด้ และเมื่อไดต้ อบ แล้วให้เผยแพร่ใหป้ ระชาชนทราบเป็นการทวั่ ไป ในกรณีท่ีคณะกรรมการหรือผู้ซ่ึงได้รับมอบหมาย ตอบข้อสอบถามไม่ทันภายในเวลาท่ีกำ�หนดตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจรยิ ธรรม วิธีการสอบถามและวิธีการตอบข้อสอบถามให้ เปน็ ไปตามระเบียบทค่ี ณะกรรมการก�ำ หนด มาตรา ๒๔ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราช อ�ำ นาจของ บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจ คณะกรรมการ ดังตอ่ ไปน้ี การเลอื กตั้ง
220 (๑) ให้หน่วยงานของรัฐมีหนังสือช้ีแจงข้อเท็จจริง หรือให้ความเห็นในการปฏิบัติงาน หรือส่งเอกสารหลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นท่เี กย่ี วข้องเพ่อื ประกอบการพิจารณา (๒) ใหเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องหนว่ ยงานตาม (๑) พนกั งาน อัยการ พนักงานสอบสวน หรอื บุคคลใดมหี นังสือชแ้ี จงข้อ เท็จจริง หรือมาให้ถ้อยคำ� หรือส่งเอกสารหลักฐาน หรือ พยานหลกั ฐานท่เี ก่ยี วขอ้ งภายในระยะเวลาท่คี ณะกรรมการ ก�ำ หนดเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา (๓) ขอความร่วมมือให้ศาลส่งเอกสาร หลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือประกอบการ พจิ ารณา (๔) เขา้ ไปหรอื แตง่ ตง้ั ใหบ้ คุ คลเขา้ ไปในทเ่ี ลอื กตง้ั ทอี่ อกเสียงประชามติ หรือสถานทน่ี ับคะแนนเลอื กตั้งหรอื นบั คะแนนการออกเสยี งประชามติ ให้ผู้ตรวจการเลือกต้ังมีอำ�นาจตาม (๔) ตาม หลกั เกณฑ์และเง่ือนไขท่คี ณะกรรมการก�ำ หนดด้วย มาตรา ๒๕ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี ามมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ รับผิดชอบร่วมกันเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายให้การเลือกต้ัง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยสุจริตและเที่ยงธรรม และเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ท้ังนี้ โดยคำ�นึงถึง ประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการท�ำ งาน
221 มาตรา ๒๖ ในระหวา่ งการเลอื กตง้ั ใหก้ รรมการ หน้าที่และอำ�นาจ แต่ละคนมหี นา้ ทแี่ ละอ�ำ นาจ ดงั ต่อไปน้ี ของกรรมการ การเลอื กต้ัง (๑) ก�ำ กบั และตรวจสอบการด�ำ เนนิ การทเ่ี กย่ี วกบั ในระหว่าง การเลือกต้ังให้เป็นไปโดยสุจริตและเท่ียงธรรมและเป็นไป การเลือกตงั้ โดยชอบด้วยกฎหมาย (๒) มีคำ�ส่ังให้ดำ�เนินการสืบสวนหรือไต่สวน เม่อื พบเห็นการกระทำ�ใดท่มี ีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกต้งั มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดย มิชอบด้วยกฎหมาย (๓) เมอ่ื พบการกระท�ำ หรอื การงดเวน้ การกระท�ำ ใด อันอาจเป็นเหตุให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือ เท่ยี งธรรม หรอื เป็นไปโดยมชิ อบด้วยกฎหมาย ถ้าการน้ัน เป็นการกระทำ�หรือการงดเว้นการกระทำ�ของเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ใหม้ อี �ำ นาจสงั่ ใหร้ ะงับ ยับยง้ั แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือส่ังให้กระทำ�การอย่างใดอย่างหน่ึงได้ตามท่ีเห็น สมควร ถ้าเป็นการกระทำ�ของบุคคลซ่ึงมิใช่เป็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ให้มีอำ�นาจสั่งให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือ ตำ�รวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำ�รวจช้ันผู้ใหญ่ ดำ�เนินการตามหน้าที่และอำ�นาจ หรือสั่งให้ผู้อำ�นวยการ การเลือกต้งั ประจำ�จังหวัด บันทึกพฤติกรรมแห่งการกระทำ� และรวบรวมพยานหลักฐานไว้เพื่อดำ�เนินการต่อไปได้ตาม ที่จำ�เป็น หรือในกรณีจำ�เป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จะส่ัง ให้ระงับหรือยับย้ังการดำ�เนินการเลือกต้ังในหน่วยเลือกต้ัง
222 บางหน่วยหรือทุกหน่วยในเขตเลือกต้งั ท่พี บเห็นการกระทำ� หรือการงดเว้นการกระท�ำ นนั้ ก็ได้ ในกรณที กี่ รรมการสงั่ ใหผ้ อู้ ำ�นวยการการเลือกตงั้ ประจำ�จังหวัดบันทึกพฤติกรรมแห่งการกระทำ�และ รวบรวมพยานหลกั ฐานตาม (๓) ให้ถอื วา่ การด�ำ เนนิ การ ตามคำ�ส่ังดังกล่าวของผู้อำ�นวยการการเลือกต้ังประจำ� จังหวัดเป็นการดำ�เนินการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ในกรณที ผ่ี ลการสบื สวนหรอื ไตส่ วนตาม (๒) จะตอ้ ง มีคำ�ส่ังระงับสิทธิสมัครรับเลือกต้ังของผู้สมัครผู้ใดไว้เปน็ การ ช่วั คราว หรือดำ�เนินการอ่นื ใด ให้เสนอต่อคณะกรรมการ เพื่อวินจิ ฉัย เมอ่ื กรรมการผใู้ ดออกค�ำ สง่ั ตาม (๒) หรอื (๓) แลว้ ให้รายงานต่อคณะกรรมการเพ่ือทราบโดยเร็ว ในการน้ี ถ้าคณะกรรมการเห็นสมควรจะมีมติให้แก้ไขเพิ่มเติม ยกเลิกคำ�ส่งั หรือมีมติให้ดำ�เนินการอย่างใดตามท่เี หมาะสม ก็ได้ หลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขการปฏิบตั ิหนา้ ที่ ของกรรมการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะ กรรมการกำ�หนด หนา้ ทแี่ ละอ�ำ นาจ มาตรา ๒๗ การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทน ของคณะกรรมการ ราษฎรการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และการออกเสียง การเลอื กต้ัง ประชามติ ให้เป็นหน้าที่และอำ�นาจของคณะกรรมการ ในการจดั การเลือกตั้ง หรอื เลอื ก หรอื ออกเสียงประชามติ
223 การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหาร ท้องถิ่น ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจดำ�เนินการให้องค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื หนว่ ยงานอน่ื ของรฐั เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ ในการจดั การเลอื กตง้ั ภายใตก้ ารควบคมุ ดแู ลของคณะกรรมการ กับให้มีอำ�นาจแต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลซ่ึงรับผิดชอบ ในการจัดการเลอื กตง้ั แต่งตงั้ เจ้าหนา้ ทีผ่ ปู้ ฏิบัติงาน และ กำ�หนดหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการปฏบิ ตั ิงานในการเลอื กตง้ั ในการดำ�เนินการตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ให้ คณะกรรมการมีหน้าที่และอำ�นาจควบคุมดูแลการจัดการ เลอื กตง้ั ใหเ้ ป็นไปโดยสุจริตและเทย่ี งธรรม และเป็นไปโดย ชอบด้วยกฎหมาย ตามหน้าท่ีและอำ�นาจท่ีบัญญัติไว้ใน รฐั ธรรมนญู พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู นี้ และ กฎหมายอ่นื มาตรา ๒๘ ในการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทน ผ้ตู รวจการเลอื กต้งั ราษฎรหรือการเลือกสมาชิกวุฒิสภาแต่ละครั้ง ให้คณะ กรรมการจัดให้มีผู้ตรวจการเลือกต้ังซ่ึงคณะกรรมการ แต่งตั้งข้ึน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละจังหวัดในระหว่าง เวลาที่มีการดำ�เนินการเลือกตั้ง เพ่ือทำ�หน้าท่ีตรวจสอบ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีที่ดำ�เนินการเลือกต้ัง และ การกระทำ�ความผิดกฎหมายเก่ียวกับการเลือกตั้งและ พรรคการเมือง หรือการกระทำ�ใดท่ีจะเป็นเหตุทำ�ให้การ เลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม หรือเป็นไป โดยมิชอบด้วยกฎหมายแล้วรายงานให้คณะกรรมการหรือ
224 กรรมการทราบเพ่ือดำ�เนินการตามหน้าท่ีและอำ�นาจต่อไป ในกรณีท่ีเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี ให้ผู้ตรวจ การเลอื กตง้ั มอี �ำ นาจแจง้ เตอื นใหป้ ฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ตอ้ งได ้ ถา้ ไมม่ ี การดำ�เนินการแก้ไขให้ถูกต้องให้รายงานให้คณะกรรมการ หรอื กรรมการทราบโดยเรว็ ในการนใ้ี หส้ �ำ นกั งานคณะกรรมการ การเลือกต้ังประจำ�จังหวัดมีหน้าที่สนับสนุนและอำ�นวย ความสะดวกในการปฏิบัติงานของผู้ตรวจการเลือกตัง้ ดว้ ย คณะกรรมการจะมอบหมายให้ผ้ตู รวจการเลือกต้งั ปฏิบัติหน้าท่ีอื่นตามท่ีเห็นสมควรก็ได้แต่จะมอบอำ�นาจ ของคณะกรรมการหรือกรรมการที่มีตามบทบัญญัติของ รฐั ธรรมนูญมิได้ ระหวา่ งเวลาทม่ี กี ารด�ำ เนนิ การเลอื กตง้ั ตามวรรคหนง่ึ หมายความถงึ เวลาตง้ั แตม่ พี ระราชกฤษฎกี าใหม้ กี ารเลอื กตง้ั จนถงึ วนั ทม่ี กี ารประกาศผลการเลอื กตง้ั หรอื ภายหลงั จากนน้ั อีกไม่เกนิ หกสบิ วันตามทคี่ ณะกรรมการก�ำ หนด วิธีการรายงานตามวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามท่ี คณะกรรมการกำ�หนด ซึ่งต้องกำ�หนดให้สามารถรายงาน ได้โดยรวดเร็วและมีประสทิ ธิภาพ หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ปี ฏบิ ตั งิ านของผตู้ รวจการเลอื กตง้ั ให้เป็นไปตามทค่ี ณะกรรมการก�ำ หนด ในกรณีท่ีมีการเลือกต้ังเพิ่มเติมหรือการเลือกต้ัง แทนตำ�แหน่งท่ีว่าง หรือมีการออกเสียงประชามติ หรือ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถิ่น
225 คณะกรรมการจะส่ังให้ผู้ตรวจการเลือกต้ังไปปฏิบัติหน้าที่ ตามกำ�หนดเวลาที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ในการแต่งตั้ง ผ้ตู รวจการเลือกต้ังตอ้ งค�ำ นึงถงึ หลกั เกณฑต์ ามมาตรา ๓๐ มาตรา ๒๙ ให้คณะกรรมการดำ�เนินการ จ�ำ นวนผู้ตรวจ คัดเลือกบุคคลซ่ึงมีภูมิลำ�เนาในแต่ละจังหวัด จังหวัดละ การเลอื กตั้ง ไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินแปดคน เพื่อแต่งต้ังเป็น ผู้ตรวจการเลือกต้ังตามจำ�นวนที่เพียงพอแก่การปฏิบัติ หน้าท่ีครบทุกจังหวัด โดยจัดทำ�เป็นบัญชีรายชื่อข้ึนไว้ บัญชีรายชื่อดังกล่าวให้ใช้ได้เป็นเวลาตามท่ีคณะกรรมการ กำ�หนดแตต่ ้องไม่เกนิ ห้าปี เมอ่ื คดั เลอื กบคุ คลตามวรรคหนง่ึ แลว้ กอ่ นด�ำ เนนิ การ แต่งตั้ง ให้คณะกรรมการประกาศรายชื่อผู้ได้รับการ คัดเลือกให้ประชาชนทราบเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน และให้นำ�ข้อมูลท่ีได้รับจากประชาชนมาประกอบการ พิจารณาแต่งตั้งดว้ ย จังหวัดใดไม่อาจแต่งต้ังบุคคลซึ่งมีภูมิลำ�เนาใน จังหวัดครบตามจำ�นวนตามวรรคหน่ึงไม่ว่าด้วยเหตุใด คณะกรรมการจะไม่แต่งต้ังผู้มีภูมิล�ำ เนาจากจังหวัดน้ันเลย หรือจะแต่งตั้งน้อยกว่าท่ีกำ�หนดไว้ในวรรคหนึ่งก็ได้ ในกรณีเช่นน้ันคณะกรรมการจะแต่งต้ังบุคคลซ่ึงมีภูมิลำ�เนา จากจังหวัดอื่นแทนให้ครบจำ�นวนก็ได้ ผู้ตรวจการเลือกต้ังต้องไม่เป็นข้าราชการซ่ึงมี คุณสมบัติผู้ตรวจ ตำ�แหน่งหรือเงินเดือนประจำ� พนักงานหรือลูกจ้างของ การเลือกต้ัง
226 หนว่ ยงานของรฐั หรอื กรรมการหรอื ทป่ี รกึ ษาของหนว่ ยงาน ของรฐั ไมเ่ ปน็ สมาชกิ พรรคการเมอื งใดในเวลาหา้ ปที ผ่ี า่ นมา ก่อนการแต่งต้ัง เป็นบุคคลซึ่งเช่ือได้ว่ามีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีความประพฤติเส่ือมเสียและต้องมีคุณสมบัติ อ่ืนตามท่ีคณะกรรมการกำ�หนดและไม่มีลักษณะต้องห้ามท่ี กำ�หนดไว้สำ�หรับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ท้งั ต้องไมเ่ ปน็ ผมู้ ีบพุ การี คสู่ มรส หรือบตุ รเปน็ หรือสมัครรับเลือกต้ังหรือรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถ่ิน หรือ ผ้บู ริหารทอ้ งถน่ิ ผสู้ มัครเขา้ รับการคดั เลอื กเปน็ ผ้ตู รวจการเลือกตง้ั ต้องยืนยันในใบสมัครว่ามีความพร้อมที่จะไปปฏิบัติหน้าท่ี ในจังหวัดใด ๆ ท่ีได้รับมอบหมายหรือได้รับการแต่งตั้ง ตามมาตรา ๓๐ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสมัคร การคัดเลือก การประเมินผล การปฏิบัติงาน และการ พ้นจากตำ�แหน่งของผู้ตรวจการเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่ คณะกรรมการกำ�หนด ไม่ว่าในเวลาใด ๆ ถ้าคณะกรรมการมีหลักฐาน อันควรเช่อื ได้ หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผ้ตู รวจการเลือกต้งั ผูใ้ ดขาดความสจุ ริต ขาดความเท่ยี งธรรม มคี วามประพฤติ เสอ่ื มเสีย ขาดคุณสมบตั ิหรือมลี กั ษณะต้องหา้ ม หรอื ขาด ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าท ่ี ละทิ้งหน้าท่ีหรือไม่ยอม
227 ป ฏิ บั ติ ห น้ า ท่ี ใ ห้ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร มี ม ติ ใ ห้ ผู้ น้ั น พ้ น จ า ก ต�ำ แหนง่ และคดั ออกจากบญั ชรี ายชอ่ื ทันที มาตรา ๓๐ เม่ือมีกรณีที่ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการเลือกตั้ง จะต้องปฏิบัติหน้าท่ี ให้คณะกรรมการดำ�เนินการแต่งต้ัง ประจำ�จังหวัด บุคคลจากบัญชีรายช่อื ตามมาตรา ๒๙ มีจำ�นวนไม่น้อยกว่า ห้าคนแต่ไม่เกินแปดคนโดยคำ�นึงถึงพื้นท่ีของจังหวัดหรือ พ้ืนที่ท่ีจะต้องปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการ เลือกต้ังประจำ�จังหวดั ทกุ จังหวัด ให้ผู้ตรวจการเลือกต้ังปฏิบัติหน้าที่ได้นับแต่วัน ท่ีมีคำ�สั่งแต่งต้ัง แม้จะยังมีจำ�นวนไม่ครบตามวรรคหนึ่ง ก็ตาม การแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำ�จังหวัด แต่ละจังหวัดตามวรรคหน่ึง ให้แต่งตั้งจากบุคคลซึ่ง กรรมการท่คี ณะกรรมการมอบหมาย จับสลากจาก (๑) รายช่ือตามบัญชีรายช่ือตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง ที่มีภูมิลำ�เนาอยู่ในจังหวัดท่ีจะแต่งตั้งจำ�นวน สองคน (๒) รายชื่อตามบัญชีรายชื่อตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง ที่มิได้มีภูมิลำ�เนาในจังหวัดท่ีจะแต่งตั้งให้ครบ ตามจ�ำ นวนท่กี �ำ หนดสำ�หรบั จังหวดั น้นั ในกรณีที่ไม่อาจแต่งต้ังผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำ� จงั หวดั ตาม (๑) ได้ ไมว่ า่ ดว้ ยเหตใุ ดคณะกรรมการจะแตง่ ตง้ั ผตู้ รวจการเลือกตง้ั ประจำ�จงั หวัดตาม (๒) แทนผูต้ รวจการ เลือกตงั้ ประจ�ำ จังหวดั ตาม (๑) กไ็ ด้
228 ให้คณะกรรมการดำ�เนินการแต่งต้ังตามวรรคหนึ่ง ให้แล้วเสร็จไม่ช้ากว่าสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกตั้งมีผลใชบ้ งั คับ แต่ตอ้ งไม่เรว็ กวา่ สามสบิ วนั ก่อนวนั ท่ีพระราชกฤษฎีกาใหม้ ีการเลือกต้ังมผี ลใช้บังคับ เมอ่ื พน้ เวลาระหวา่ งเวลาทม่ี กี ารด�ำ เนนิ การเลอื กตง้ั ตามมาตรา ๒๘ แลว้ ใหค้ �ำ สั่งแตง่ ต้ังผตู้ รวจการเลอื กต้งั เป็นอันสิ้นผล เว้นแต่ในกรณีท่ีผู้ตรวจการเลือกต้ังประจำ� จังหวัดใดยังมีความจำ�เป็นจะต้องดำ�เนินการต่อไป คณะ กรรมการจะประกาศให้ปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปตามเวลาที่ ก�ำ หนดก็ได้ สิทธขิ องผู้ตรวจ มาตรา ๓๑ ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ผู้ตรวจ การเลือกต้งั การเลือกตั้งมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายหรือการสงเคราะห์อ่ืนตาม ระเบียบทค่ี ณะกรรมการก�ำ หนด การควบคมุ ดแู ล มาตรา ๓๒ เพ่ือประโยชน์ในการดำ�เนินการ การเลอื กต้ัง ตามหน้าที่และอำ�นาจในการควบคุมดูแลการเลือกต้ังให้ เปน็ ไปโดยสุจรติ และเท่ยี งธรรม และเปน็ ไปโดยชอบดว้ ย กฎหมาย คณะกรรมการอาจขอใหม้ ีการด�ำ เนินการ ดงั ต่อ ไปนี้ (๑) ให้สำ�นักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สอบบัญชีของพรรคการเมืองโดย อาจขอใหต้ รวจสอบอยา่ งเรง่ ดว่ นในชว่ งเวลาทม่ี กี ารเลอื กตง้ั ด้วยก็ได้
229 (๒) เม่ือปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อหรือมีเหตุ อันควรสงสัยว่ามีการกระทำ�ความผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมาย เกย่ี วกบั การเลอื กตง้ั และพรรคการเมอื ง ใหส้ �ำ นกั งานปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงินแจ้งรายงานการทำ�ธุรกรรมของ พรรคการเมือง ผู้ดำ�รงตำ�แหน่งในพรรคการเมือง หรือ ผู้สมัคร ตามท่ีคณะกรรมการแจ้งให้ทราบ หรือให้ธนาคาร แหง่ ประเทศไทย หรอื สถาบนั การเงนิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยธรุ กจิ สถาบันการเงินแจ้งให้ทราบถึงการโอนหรือการเบิกจ่ายเงิน ในกรณดี ังกลา่ วตามที่คณะกรรมการรอ้ งขอ ท้ังน้ี ภายใน เวลาท่ีคณะกรรมการกำ�หนด และมิให้นำ�บทบัญญัติ ของกฎหมายที่ห้ามหน่วยงานใดเปิดเผยข้อมูลในความ ครอบครองมาใชบ้ งั คบั แกก่ ารแจง้ ขอ้ มลู ตามทค่ี ณะกรรมการ ร้องขอ (๓) ใหห้ นว่ ยงานของรฐั ทกุ หนว่ ยทเ่ี กย่ี วกบั การขา่ ว แจ้งข้อมูลเบาะแสตามที่คณะกรรมการร้องขอ แต่เม่ือ ได้รับแจ้งข้อมูลใดแล้วให้คณะกรรมการใช้ข้อมูลน้ันเพื่อ ประโยชน์ในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำ�ความผิดหรือวาง มาตรการป้องกันการกระทำ�ความผิดในส่วนที่เป็นหน้าท่ี และอำ�นาจของคณะกรรมการ แต่คณะกรรมการจะเปิดเผย ข้อมลู และแหลง่ ขอ้ มลู มไิ ด้ และเพอ่ื ประโยชนใ์ นการดำ�เนนิ งานของหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจ จัดสรรเงินงบประมาณท่ีสำ�นักงานได้รับจัดสรรมาให้แก่ หนว่ ยงานน้นั เป็นเงนิ อดุ หนนุ ทั่วไปของหนว่ ยงานนนั้ ได้
230 ในการส่ังให้ดำ�เนินการตาม (๑) คณะกรรมการ มีอำ�นาจจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่สำ�นักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตาม ระเบยี บทคี่ ณะกรรมการกำ�หนด การสัง่ ให้บุคคล มาตรา ๓๓ เมื่อปรากฏหลักฐานอันควรเช่ือได้ ระงบั การด�ำ เนนิ การ ว่ามีบุคคลใดดำ�เนินการด้านธุรกรรมทางการเงินผลิตหรือ เปน็ การชวั่ คราว เตรียมการผลิตวัสดุอุปกรณ์ท่ีอาจใช้ในการจัดการเลือกตั้ง โดยไม่มีอำ�นาจ ใช้เงินหรือทรัพย์สินหรืออิทธิพลคุกคาม เพ่ือให้คุณให้โทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หรือ ดำ�เนินการอื่นตามที่คณะกรรมการกำ�หนดอันจะเป็นผล ให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม หรือ เปน็ ไปโดยมิชอบดว้ ยกฎหมาย ใหค้ ณะกรรมการมอี �ำ นาจ ส่ังให้บุคคลน้ันระงับการดำ�เนินการนั้นไว้เป็นการช่ัวคราว ภายในเวลาทก่ี ำ�หนดแต่ต้องไมเ่ กนิ หกสบิ วนั ผู้ได้รับคำ�ส่ังตามวรรคหนึ่งมีสิทธิร้องขอต่อ ศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนคำ�สั่งนั้นได้ และถ้าศาล ปกครองสูงสุดเห็นว่าการดำ�เนินการของบุคคลน้ันมิได้เป็น ไปเพ่ือให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ให้ศาลปกครองสูงสุด สง่ั เพกิ ถอนค�ำ ส่ังนั้น การชว่ ยเหลือ มาตรา ๓๔ ให้เป็นหน้าท่ีของหน่วยงานของ และสนบั สนนุ รัฐท่ีจะต้องดำ�เนินการช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติ การเลือกตัง้ หนา้ ทข่ี องคณะกรรมการเกย่ี วกบั การเลอื กตง้ั การสนบั สนนุ
231 การเลือกต้ัง หรือการสืบสวน หรือไต่สวนตามท่ีคณะ กรรมการรอ้ งขอเปน็ หนงั สอื เพ่ือประโยชน์ในการดำ�เนินการให้การเลือกต้ัง เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบ ด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจสั่งหรือแต่งตั้ง ข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐให้ ปฏิบัติการอันจำ�เป็นเก่ียวกับการเลือกตั้ง การสนับสนุน การเลือกต้ัง หรือการสืบสวนหรือไต่สวนได้ตามท่ีเห็น สมควร และให้แจ้งให้หน่วยงานของรัฐที่ข้าราชการ พนักงาน หรอื ลูกจา้ งนน้ั สังกดั อยู่ทราบโดยเรว็ ข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงาน ของรัฐซ่ึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำ�สั่งของคณะกรรมการ ตามวรรคสองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำ�ส่ังโดยไม่มีเหตุอัน สมควร ใหถ้ อื ว่าผนู้ ั้นกระทำ�ความผิดทางวนิ ัย และถ้าเปน็ ผลใหเ้ กดิ ความเสียหายแกก่ ารดำ�เนนิ การเลือกตั้ง ใหถ้ ือวา่ เปน็ การกระท�ำ ความผิดทางวนิ ัยอย่างรา้ ยแรง และให้คณะ กรรมการส่งเร่ืองให้ผู้มีอำ�นาจดำ�เนินการทางวินัยดำ�เนิน การตามหน้าท่ีและอำ�นาจแก่ผู้นั้นโดยเร็ว และแจ้งผลให้ คณะกรรมการทราบด้วย มาตรา ๓๕ เพื่อประโยชน์ในการดำ�เนินการ แต่งตั้งผู้ช่วยเหลือ เลือกต้ังให้เป็นไปโดยสุจริตและเท่ียงธรรมหรือเป็นไป การเลอื กตง้ั โดยชอบด้วยกฎหมาย คณะกรรมการอาจแต่งต้ังบุคคล กลุ่มบุคคลองค์กรชุมชน หรือสถาบันการศึกษาซ่ึงสมัครใจ
232 ปฏิบัติหน้าท่ีเป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานหรือเป็น ผสู้ งั เกตการณใ์ นการเลือกต้ังเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการ หรือกรรมการทราบได้ตามสมควร หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติงาน การสนับสนุนทางการเงิน การรายงาน และการประเมิน ผลการปฏิบัตงิ าน ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบท่คี ณะกรรมการ กำ�หนด และให้เผยแพร่ผลการปฏิบัติงานและผล การประเมนิ ให้ประชาชนทราบเป็นการทว่ั ไปด้วย จดั ท�ำ ทะเบยี นรายชอ่ื มาตรา ๓๖ ให้คณะกรรมการจัดให้มีการทำ� ผู้มีสทิ ธเิ ลือกตง้ั ทะเบียนรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกต้ังจากหลักฐานทะเบียนบ้าน ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรและเผยแพร่ให้ ประชาชนทราบ ทะเบียนรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง ใหผ้ ู้มสี ่วนได้เสียมสี ทิ ธิตรวจสอบและขอแก้ไขใหถ้ กู ตอ้ งได้ ในการดำ�เนินการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการ อาจขอเชื่อมโยงฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรเพ่ือนำ�มา ดำ�เนินการจัดทำ�ทะเบียนรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกต้ังหรืออาจ มอบหมายให้นายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการ ทะเบียนราษฎรหรือบุคคลอื่นท่ีเห็นสมควรเป็นผู้จัดทำ� แทนได้ ท้งั นี้ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารทค่ี ณะกรรมการ ก�ำ หนด การแตง่ ต้งั มาตรา ๓๗ ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจแต่งตั้ง ต�ำ แหนง่ ต่าง ๆ คณะกรรมการอ่นื คณะอนกุ รรมการ บคุ คลหรอื คณะบคุ คล เพื่อปฏิบตั หิ นา้ ทตี่ ามท่คี ณะกรรมการมอบหมายได้
233 หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งต้งั การพ้นจากตำ�แหน่ง ค่าตอบแทน และการสงเคราะห์อ่ืนรวมท้ังวิธีปฏิบัติงาน และการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคคลตามวรรคหน่ึง ให้เปน็ ไปตามระเบียบทคี่ ณะกรรมการก�ำ หนด การดำ�เนินการตามวรรคหนึ่งให้คำ�นึงถึง ประสทิ ธิภาพการท�ำ งาน ความคุ้มค่าและความรวดเรว็ ด้วย มาตรา ๓๘ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ให้กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง และบุคคลซ่ึงคณะกรรมการแต่งต้ัง ตามมาตรา ๓๗ เปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙ เงนิ เดอื น เงนิ ประจำ�ตำ�แหน่ง และ เงินเดอื น ประโยชน์ตอบแทนอ่ืนของประธานกรรมการและกรรมการ ค่าตอบแทน ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการน้ัน และให้ได้รับเบี้ย คณะกรรมการ ประชุมเป็นรายคร้ังเท่ากับกรรมการตามพระราชกฤษฎีกา การเลอื กตงั้ ว่าด้วยเบีย้ ประชมุ กรรมการ ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับเงินค่า รับรองเหมาจ่ายเป็นรายเดือนตามอัตราท่กี ระทรวงการคลัง กำ�หนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่าเงินประจำ�ตำ�แหน่งของประธาน กรรมการหรอื กรรมการ มาตรา ๔๐ ประธานกรรมการและกรรมการ สิทธิรบั บำ�เหนจ็ ซ่ึงดำ�รงตำ�แหน่งไม่น้อยกว่าหน่ึงปีมีสิทธิได้รับบำ�เหน็จ ตอบแทน ตอบแทนเป็นเงินซึ่งจ่ายครั้งเดียวเม่ือพ้นจากตำ�แหน่งด้วย คณะกรรมการ เหตอุ ยา่ งใดอย่างหน่งึ ดงั ตอ่ ไปน้ี การเลือกต้งั
234 (๑) ครบวาระ (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) มอี ายคุ รบเจ็ดสิบปี ในการคำ�นวณบำ�เหน็จตอบแทนนั้น ให้นำ�อัตรา เงินเดือนตามมาตรา ๓๙ คณู ด้วยจ�ำ นวนปที ี่ด�ำ รงตำ�แหน่ง เศษของปีให้นบั เป็นหน่ึงปี สิทธิในบำ�เหน็จตอบแทนน้ัน เป็นสิทธิเฉพาะตัว จะโอนไม่ได้ เว้นแต่กรณีตาย ให้ตกได้แก่คู่สมรสและ ทายาทท่ีได้แจ้งไว้ และถ้าการตายนั้นเกิดข้ึนเพราะเหตุ ปฏบิ ัติหน้าท่ีหรือในการปฏิบตั ิหน้าท่ี ใหไ้ ดร้ ับเปน็ สองเท่า ของบ�ำ เหนจ็ ตอบแทนท่กี �ำ หนดไว้ตามวรรคสอง หมวด ๒ การสบื สวน การไต่สวน และการดำ�เนินคดี การสืบสวน มาตรา ๔๑ เม่ือมีเหตุอันควรสงสัยหรือความ การไต่สวน ปรากฏต่อคณะกรรมการไม่ว่าโดยทางใดไม่ว่าจะมีผู้แจ้ง และการดำ�เนินคดี หรือผ้กู ลา่ วหาหรือไม่ ถา้ มีหลกั ฐานพอสมควรหรอื มีข้อมลู เพียงพอที่จะสืบสวนต่อไปว่ามีการกระทำ�ใดอันเป็นการ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกต้ังและ พรรคการเมือง หรือจะมีผลให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดย สุจริตหรือเท่ียงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
235 คณะกรรมการมีหน้าที่ต้องดำ�เนินการให้มีการสืบสวน หรือไต่สวน เพ่ือแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานโดยพลัน ถ้าผลการสืบสวนหรือไต่สวนปรากฏว่าไม่มีมูลความผิดให้ สง่ั ยตุ เิ รอ่ื ง หากปรากฏหลกั ฐานอนั ควรเชอ่ื วา่ มผี กู้ ระท�ำ การ ตามท่ีมีการสืบสวนหรือไต่สวน ให้คณะกรรมการส่ังให้ ด�ำ เนินคดโี ดยเร็ว หรอื ในกรณีจ�ำ เป็นจะส่ังระงบั สทิ ธิสมัคร รับเลือกต้ังของผู้กระทำ�การดังกล่าวไว้เป็นการช่ัวคราว ก็ได้ การดำ�เนินการให้มีการสืบสวนหรือไต่สวน การ สบื สวนและการไตส่ วน และการสง่ั ระงบั สทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตง้ั ของผูถ้ ูกกล่าวหาไว้เปน็ การชัว่ คราวตามวรรคหนึ่ง ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ กำ�หนด ห้ามมิให้บุคคลใดเปิดเผยข้อมูลอันทำ�ให้สามารถ ระบตุ วั ตนของผแู้ จ้ง รวมทง้ั ข้อมูลข่าวสารที่ไดม้ าเน่อื งจาก การด�ำ เนนิ การตามมาตราน้ี มาตรา ๓๒ (๓) หรอื มาตรา ๔๗ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่และ อำ�นาจหรอื ตามกฎหมายหรอื ตามคำ�สง่ั ศาล ในการสืบสวนหรือไต่สวนตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ให้บุคคลซ่ึงคณะกรรมการแต่งต้ัง ให้สืบสวนหรือไต่สวนตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานตาม ประมวลกฎหมายอาญา
236 อำ�นาจการสบื สวน มาตรา ๔๒ ให้กรรมการมีอ�ำ นาจสบื สวน ไต่สวน ไต่สวน หรือดำ�เนินคดีตามมาตรา ๔๑ และเพื่อให้การดำ�เนินการ สืบสวนหรือไต่สวน หรือการดำ�เนินคดีดังกล่าวเป็นไปโดย รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจแต่งต้งั เลขาธิการหรือพนักงานของสำ�นักงานเป็นเจ้าพนักงานมี อำ�นาจในการสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวน หรือดำ�เนินคดี ได้ตามระเบียบท่ีคณะกรรมการกำ�หนด ซึ่งอย่างน้อยต้อง กำ�หนดระยะเวลาในการดำ�เนินการ และขอบเขตแห่งหน้าท่ี และอำ�นาจของผู้ได้รับแต่งตั้งแต่ละระดับไว้ให้ชัดเจนรวม ตลอดท้ังการออกบัตรประจำ�ตัวเจ้าพนักงานท่ีเก่ียวข้อง ดว้ ย พนักงานของสำ�นักงานที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น เจา้ พนกั งานตามวรรคหนง่ึ ตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามรคู้ วามสามารถ ทางกฎหมาย การสืบสวน การไต่สวน หรอื การดำ�เนนิ คดี และผา่ นการฝกึ อบรมหลักสูตรทีค่ ณะกรรมการก�ำ หนดแลว้ ในกรณีมีความจำ�เป็น คณะกรรมการจะแต่งตั้ง เจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานอ่ืนของรัฐให้เป็นเจ้าพนักงานตาม วรรคหน่ึง เพื่อปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกาลหรือเฉพาะเร่ือง ตามทค่ี ณะกรรมการกำ�หนดก็ได้ ให้เจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่ง เป็นพนักงานฝ่าย ปกครองหรือตำ�รวจช้ันผู้ใหญ่ ตามประมวลกฎหมายวิธี พจิ ารณาความอาญา และใหม้ ีอำ�นาจเช่นเดียวกบั พนักงาน สอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา
237 ความในวรรคหนง่ึ ไมเ่ ปน็ การตดั อ�ำ นาจคณะกรรมการ ท่ีจะดำ�เนินการให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ดำ�เนินการไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา ๔๓ ภายใต้บงั คับมาตรา ๔๑ วรรคสาม สทิ ธผิ ู้ถกู กลา่ วหา และมาตรา ๔๕ วรรคหน่ึงและวรรคสองในการไต่สวน ให้ถอ้ ยค�ำ หรอื กรรมการหรือเจ้าพนักงานต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา แสดงหลกั ฐาน ทราบขอ้ กลา่ วหา ข้อเทจ็ จริงและพยานหลักฐานโดยสรุป ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะให้ถ้อยคำ� หรือแสดง พยานหลักฐานภายในเวลาท่ีกรรมการหรือเจ้าพนักงาน กำ�หนด และมีสิทธิท่ีจะให้ทนายความหรือบุคคลซึ่งไว้ วางใจเข้าร่วมฟังการไต่สวนได้ ในกรณีท่ีผู้ถูกกล่าวหา ไม่มาให้ถ้อยคำ�หรือแสดงพยานหลักฐานภายในเวลาที่ กำ�หนด ให้กรรมการหรือเจ้าพนักงานมีอำ�นาจดำ�เนินการ ไตส่ วนต่อไปได้ ในการแจ้งตามวรรคหนงึ่ เจา้ พนกั งานจะแจง้ โดย วิธปี ดิ หมาย หรือสง่ ณ ภูมิล�ำ เนาหรือทอ่ี ยู่ที่ปรากฏตาม หลักฐานทางทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียน ราษฎร หรอื แจง้ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ สก์ ็ได้ ตามวธิ กี ารและ เง่ือนไขที่คณะกรรมการกำ�หนด และเม่ือได้ดำ�เนินการ ดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหา แลว้
238 ในการสืบสวนหรือไต่สวน เจ้าพนักงานอาจจัด ให้มีการบันทึกภาพหรือเสียงของผู้ถูกกล่าวหาหรือพยาน ดว้ ยกไ็ ด้ การด�ำ เนนิ คดี มาตรา ๔๔ เมือ่ มกี รณีทจี่ ะตอ้ งด�ำ เนนิ คดีอาญา ผูก้ ระท�ำ ความผดิ กบั บคุ คลใดเพราะเหตกุ ระท�ำ ความผดิ ตามกฎหมายเกย่ี วกบั กฎหมายเกยี่ วกบั การเลือกต้ังและพรรคการเมือง ให้คณะกรรมการแจ้งให้ การเลือกตงั้ และ พนกั งานอยั การทม่ี เี ขตอ�ำ นาจ เพอ่ื พจิ ารณาด�ำ เนนิ การตอ่ ไป พรรคการเมอื ง โดยให้ส่งสำ�นวนการไต่สวนหรือสำ�นวนการสอบสวนให้ พนักงานอัยการ เพื่อใช้เป็นสำ�นวนในการดำ�เนินคดีโดย ถือว่าสำ�นวนการไต่สวนหรือสำ�นวนการสอบสวนดังกล่าว เป็นสำ�นวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยจะส่งตัว ผู้ต้องหาไปพร้อมกับสำ�นวนการไต่สวนหรือสำ�นวนการ สอบสวนหรือไม่ก็ได้ แต่พนักงานอัยการมีอำ�นาจสั่งให้ เจา้ พนกั งานตามมาตรา ๔๒ ไต่สวนเพม่ิ เตมิ หรือพนกั งาน อัยการจะดำ�เนินการไต่สวนหรือสอบสวนเพ่ิมเติมเองก็ได้ ถ้าพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาล และเป็นกรณีท่ีไม่มี ตัวผู้ถูกกล่าวหาให้ศาลออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ ผู้ถูกกล่าวหาตามควรแก่กรณี เพื่อดำ�เนินคดีต่อไป แต่ถ้า พนกั งานอยั การเห็นควรส่งั ไมฟ่ ้อง ให้เสนอเรอื่ งต่ออยั การ สูงสุดเพื่อวินิจฉัย เมื่ออัยการสูงสุดวินิจฉัยประการใดให้ แจ้งให้คณะกรรมการทราบ ในกรณีอยั การสูงสดุ สง่ั ไมฟ่ อ้ ง ใหแ้ จ้งเหตุผลให้คณะกรรมการทราบ และให้คณะกรรมการ เผยแพรเ่ หตผุ ลดงั กลา่ วให้ประชาชนทราบเปน็ การทว่ั ไป
239 ในการดำ�เนินการตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการ กระทำ�ความผิดเก่ียวกับกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชกิ สภาทอ้ งถิน่ หรือผูบ้ ริหารท้องถ่ิน คณะกรรมการจะ มอบอำ�นาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่จัดให้มีการ เลือกตั้งเป็นผู้ดำ�เนินการตามวรรคหนึ่งแทนคณะกรรมการ กไ็ ด้ เมื่อมีกรณีที่จะต้องร้องขอต่อศาลฎีกาหรือ ศาลอุทธรณ์เพื่อส่ังเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ เพิกถอนสิทธิเลือกต้ังตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ใหค้ ณะกรรมการมอี �ำ นาจยน่ื ค�ำ รอ้ งตอ่ ศาลฎกี าหรอื ศาลอทุ ธรณ์ ได้โดยตรง หรอื จะมอบหมายใหก้ รรมการหรือเจ้าพนักงาน ตามมาตรา ๔๒ เป็นผู้ด�ำ เนินการแทนคณะกรรมการกไ็ ด้ และให้ศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์แล้วแต่กรณี นำ�สำ�นวน การสบื สวนหรือไต่สวนของคณะกรรมการมาใชเ้ ปน็ หลกั ใน การพิจารณา แต่เพ่อื ประโยชน์แหง่ ความยุติธรรมใหศ้ าลมี อ�ำ นาจส่งั ไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลกั ฐานเพ่ิมเตมิ ได้ ในคดีท่ีต้องย่ืนคำ�ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายเป็นผู้มี อำ�นาจในการยื่นคำ�รอ้ งต่อศาลรฐั ธรรมนญู ในการดำ�เนินคดแี พ่ง คดอี าญา หรอื คดีปกครอง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ใี ห้คณะกรรมการ ไดร้ ับยกเวน้ คา่ ฤชาธรรมเนยี มทั้งปวง
240 มาตรการคุม้ ครอง มาตรา ๔๕ ใหค้ ณะกรรมการก�ำ หนดมาตรการ พยาน คุ้มครองพยานมิให้เกิดอันตรายแก่พยาน รวมตลอด ท้งั มาตรการรักษาความลับให้แก่ผ้เู ป็นพยาน ในมาตรการ ดังกล่าวจะกำ�หนดให้มีการจ่ายค่าที่อยู่หรือค่าเดินทางหรือ คา่ ใชจ้ า่ ยอ่นื ทีจ่ �ำ เปน็ ดว้ ยกไ็ ด้ การคุ้มครองพยานตามวรรคหนึ่งให้หมายความ รวมถงึ ผ้ใู ห้ขอ้ มูล หรือผู้ช้เี บาะแสดว้ ย และให้กระท�ำ ไดเ้ มื่อ ไดร้ บั คำ�รอ้ งขอจากบคุ คลดงั กล่าว ในกรณีที่กรรมการ เจ้าหน้าท่ีของสำ�นักงาน ผู้ตรวจการเลือกต้ัง หรืออนุกรรมการ รวมทั้งเจ้าหน้าท่ี ท่ีดำ�เนินการเลือกต้ัง ผู้ใดถูกดำ�เนินคดีไม่ว่าเป็นคดีแพ่ง คดอี าญา หรอื คดปี กครอง และไมว่ า่ จะถกู ฟอ้ งในขณะด�ำ รง ตำ�แหน่งหรือเม่อื พ้นจากตำ�แหน่งแล้ว ถ้าการถูกดำ�เนินคดี ดังกล่าวเป็นเพราะเหตุที่ได้มีมติ คำ�ส่ัง หรือปฏิบัติหน้าที่ และมิใช่พนักงานอัยการเป็นผู้ฟ้อง ให้คณะกรรมการมี อำ�นาจให้ความช่วยเหลือในการต่อส้คู ดีแก่บุคคลดังกล่าวได้ และให้พนักงานอัยการเข้าแก้ต่างให้แก่บุคคลเหลา่ นน้ั ตาม ท่คี ณะกรรมการร้องขอ การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวให้ รวมถงึ คา่ ฤชาธรรมเนียมและคา่ ทนายความดว้ ย มาตรการในการคุ้มครองพยานตามวรรคหนึ่ง และการให้ความช่วยเหลือตามวรรคสามให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขทีค่ ณะกรรมการกำ�หนด
241 มาตรา ๔๖ บุคคลซ่ึงมีส่วนเก่ียวข้องในการ การแจง้ เบาะแส กระทำ�ความผิดตามกฎหมายเก่ียวกับการเลือกต้ังและ การกระท�ำ ความผิด พรรคการเมือง หากได้ให้ถ้อยคำ� หรือแจ้งเบาะแสหรือ กฎหมายเกยี่ วกบั ข้อมูลอันเป็นสาระสำ�คัญในการที่จะใช้เป็นพยานหลักฐาน การเลือกตง้ั และ ในการวินิจฉัยการกระทำ�ความผิด คณะกรรมการอาจ พรรคการเมือง จะไม่ดำ�เนินคดีก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เง่ือนไขท่ีกำ�หนดไว้ในกฎหมายเก่ียวกับการเลือกตั้งและ พรรคการเมืองและเมื่อคณะกรรมการมีมติไม่ดำ�เนินคดีกับ บุคคลดังกล่าวแล้วให้สิทธิในการดำ�เนินคดีอาญาเป็นอัน ระงับไป มาตรา ๔๗ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนหรือ คา่ ใชจ้ ่ายในการ ไต่สวน ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจจัดตั้งงบประมาณเพื่อ แสวงหาข้อมูล เป็นค่าใช้จ่ายในการแสวงหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการ การฝ่าฝืนกฎหมาย กระทำ�ใดอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เกีย่ วกบั การเลอื กต้งั เกีย่ วกบั การเลือกตัง้ และพรรคการเมือง หรือจะมผี ลให้การ และพรรคการเมอื ง เลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็น ไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมตลอดทั้งให้รางวัลแก่ผู้ช้ี เบาะแสการกระทำ�การอันไม่สุจริตหรือเท่ียงธรรมในการ เลือกต้งั ในการแสวงหาข้อมูลข่าวสารตามวรรคหน่ึง ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจจัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ให้ข้อมูล ข่าวสารซ่ึงมิได้เป็นเจ้าหน้าที่ของสำ�นักงานโดยไม่ต้องระบุ
242 ช่อื ผ้รู ับเงิน แต่คณะกรรมการต้องมีหนังสือรับรองค่าใช้จ่าย ดังกลา่ ว การใช้จ่ายเงินตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองให้เป็น ไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีคณะกรรมการ กำ�หนด ในกรณีจำ�เป็นคณะกรรมการจะจัดสรรเงินจาก กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองหรือจากเงินรายได้ ของสำ�นักงานมาเพ่ือใช้จ่ายตามมาตราน้ีตามท่ีเห็นสมควร กไ็ ด้ สำ�นวนการไต่สวน มาตรา ๔๘ ในกรณีท่ีคณะกรรมการได้รับแจ้ง จากผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินว่ามีหลักฐานอันควรเช่ือได้ วา่ การใชจ้ า่ ยเงนิ แผน่ ดนิ มพี ฤตกิ ารณอ์ นั อาจท�ำ ใหก้ ารเลอื กตง้ั มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรมและเป็นกรณีท่ี ผวู้ ่าการตรวจเงินแผน่ ดนิ ไม่มอี �ำ นาจจะด�ำ เนินการใดได ้ ให้ คณะกรรมการดำ�เนินการสืบสวน ไต่สวน หรือดำ�เนินคดี ตามหมวดนี้โดยพลัน โดยให้ถือว่าเอกสารและหลักฐาน ที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบหรือจัดทำ�ขึ้น เป็นส่วนหน่ึงของสำ�นวนการไต่สวนหรือสอบสวนของ คณะกรรมการ การโอนเรอื่ ง มาตรา ๔๙ เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ การสอบสวน ว่าหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนได้รับเร่ือง ใหค้ ณะกรรมการ การกระทำ�ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกต้ัง การเลอื กต้งั และพรรคการเมืองไว้พิจารณา และคณะกรรมการเห็น
243 ว่าเป็นการสมควรที่คณะกรรมการจะดำ�เนินการเองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการ มีหนังสือแจ้งใหห้ น่วยงานของรัฐหรอื พนกั งานสอบสวนนั้น โอนเร่ืองหรือส่งสำ�นวนการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำ� ความผิดนั้นมาให้คณะกรรมการเพื่อดำ�เนินการต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ในกรณีเช่นน้ี ให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนโอนเรื่องหรือ ส่งส�ำ นวนการสอบสวนในส่วนท่เี กย่ี วกบั การกระทำ�ความผิด ตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองมา ให้คณะกรรมการภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีได้รับหนังสือ แจง้ ดงั กล่าว หมวด ๓ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการเลอื กต้ัง มาตรา ๕๐ ให้มีสำ�นักงานคณะกรรมการ ส�ำ นักงาน การเลือกต้ังมีฐานะเป็นนิติบุคคลและอยู่ภายใต้การบังคับ คณะกรรมการ บญั ชา ก�ำ กับดแู ล และรับผิดชอบของคณะกรรมการ การเลอื กตง้ั กิจการของสำ�นักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่ง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วย แรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และ กฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่พนักงานและลูกจ้าง ของสำ�นักงานต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าท่ี
244 ก�ำ หนดไวใ้ นกฎหมายวา่ ดว้ ยการคมุ้ ครองแรงงาน กฎหมาย วา่ ดว้ ยการประกนั สงั คม และกฎหมายวา่ ดว้ ยเงนิ ทดแทน หน้าทแี่ ละอ�ำ นาจ มาตรา ๕๑ สำ�นักงานมีหน้าที่และอำ�นาจ ของสำ�นกั งาน ดงั ตอ่ ไปนี้ คณะกรรมการ (๑) รับผิดชอบงานธุรการ และด�ำ เนินการเพอื่ ให้ การเลือกตง้ั คณะกรรมการบรรลุภารกิจและหน้าที่ตามที่กำ�หนดไว้ใน รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี และ กฎหมายอื่น (๒) อำ�นวยความสะดวก ช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนบั สนุน การปฏบิ ัตงิ านของคณะกรรมการ กรรมการ และผตู้ รวจการเลอื กต้งั (๓) ดำ�เนินการเพื่อให้พรรคการเมือง เจ้าหน้าท่ี พรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกต้ัง มีความรู้ความเขา้ ใจ หน้าท่ีท่ีต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำ�สัง่ และมตขิ องคณะกรรมการ (๔) ปฏิบัติหน้าที่อ่ืนใดตามท่ีมีกฎหมายกำ�หนด หรือท่คี ณะกรรมการมอบหมาย การกำ�กับดแู ล มาตรา ๕๒ ในการกำ�กับดูแลสำ�นักงาน ให้ สำ�นักงาน คณะกรรมการมีอำ�นาจออกระเบียบหรือประกาศ ในเร่ือง คณะกรรมการ ดงั ต่อไปนี้ การเลือกตั้ง (๑) การจัดแบ่งส่วนงานของสำ�นักงาน และ ขอบเขตหนา้ ท่ีของส่วนงานดงั กลา่ ว
245 (๒) การก�ำ หนดต�ำ แหนง่ อตั ราเงนิ เดอื น เงนิ เพม่ิ พิเศษสำ�หรับตำ�แหน่งและค่าตอบแทนหรือสิทธิและ ประโยชน์อ่ืนของเลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของ ส�ำ นักงาน (๓) การคัดเลือก การบรรจุ การแต่งตั้ง การถอดถอน การกำ�หนดมาตรฐานทางจริยธรรม สมรรถภาพ การประเมินผลการปฏบิ ตั งิ าน วินัยและการ ลงโทษทางวนิ ัย การออกจากต�ำ แหนง่ การร้องทุกข์ และ การอุทธรณ์การลงโทษ สำ�หรับเลขาธิการและพนักงาน ของส�ำ นักงาน รวมท้งั วิธกี ารและเงอื่ นไขในการจา้ งลกู จ้าง ของส�ำ นกั งาน (๔) การบริหารและจัดการการเงินและทรัพย์สิน การงบประมาณ และการพัสดุของสำ�นกั งาน (๕) การจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อ่ืนซ่ึง รวมถึงการจัดให้มีกองทุนสำ�รองเลี้ยงชีพแก่เลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำ�นักงาน และหลักเกณฑ์และ เง่ือนไขการจ่ายเงินชดเชยในกรณีเลขาธิการดำ�รงตำ�แหน่ง ครบวาระ (๖) การกำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการการได้มา ซงึ่ เลขาธิการ (๗) การก�ำ หนดเครอ่ื งแบบและการแตง่ เครอ่ื งแบบ ของคณะกรรมการ เลขาธกิ าร พนกั งาน และลูกจ้างของ สำ�นักงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410