Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 1

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 1

Published by flowerz_uk, 2019-12-02 23:35:45

Description: พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 1

Search

Read the Text Version

347 คะแนนเสียงในการแก้ไขข้อบังคับและเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบรหิ ารพรรคดว้ ย (๗) จัดต้ังสาขาพรรคการเมือง  และตัวแทน พรรคการเมืองประจำ�จังหวัดให้ครบถ้วนตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีพร้อมทั้งแจ้งรายการตาม มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๕ ภายในหนง่ึ ร้อยแปดสบิ วนั นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ ในกรณีที่ได้มีการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองโดยชอบตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.  ๒๕๕๐  ให้ถือว่าเป็นการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีและให้ดำ�เนินการให้เป็นไปตามที่ กำ�หนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  แล้ว ให้แจ้งเป็นหนังสือยืนยันให้นายทะเบียนทราบภายในระยะ เวลาดังกลา่ วด้วย ระยะเวลาท่ีกำ�หนดให้พรรคการเมืองต้องดำ�เนิน การให้แล้วเสร็จตามวรรคหนึ่ง  พรรคการเมืองอาจทำ� หนังสือขอขยายเวลาออกไปตามท่ีจ�ำ เป็นก็ได้ แตเ่ มอื่ รวม แล้วต้องไม่เกินสามปีนับแต่วันส้ินกำ�หนดระยะเวลาตาม วรรคหนึ่ง  เมื่อครบระยะเวลาตามวรรคหนึ่งหรือครบระยะ เวลาท่ีได้รับการขยายแล้วพรรคการเมืองใดยังมิได้ดำ�เนิน การใหแ้ ล้วเสรจ็ ใหพ้ รรคการเมอื งน้ันส้ินสภาพไป ทัง้ นี้ ใน ระหว่างเวลาที่พรรคการเมืองยังปฏิบัติตามวรรคหน่ึง  (๑) (๒) (๓) (๔) (๖) และ (๗) เฉพาะในสว่ นท่ีเก่ียวกับการตัง้

348 สาขาพรรคการเมือง ไมค่ รบถว้ น จะส่งผสู้ มคั รรบั เลือกตัง้ ไม่ได้ การยื่นขอขยายระยะเวลาตามวรรคสองให้ทำ� เป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนก่อนสิ้นสุดระยะเวลาท่ีจะ ต้องปฏิบัติ  และให้นายทะเบียนมีอำ�นาจอนุญาตให้ขยาย เวลาได้แต่ในกรณีทจ่ี ะไม่อนญุ าตใหเ้ สนอต่อคณะกรรมการ เพอื่ พิจารณาวนิ จิ ฉัย การวินจิ ฉยั เรอ่ื งใด ๆ ตามมาตรานที้ ี่มผี ลกระทบ ต่อพรรคการเมือง  ให้เป็นอำ�นาจของคณะกรรมการท่ีจะ วนิ ิจฉยั ในกรณที พ่ี รรคการเมืองไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั ค�ำ วินจิ ฉัย ของคณะกรรมการให้ยื่นคำ�ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพ่ือ วินิจฉัยได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับทราบคำ�วินิจฉัย ของคณะกรรมการ มาตรา ๑๔๒ ในระหว่างท่ีพรรคการเมืองใดยัง ด�ำ เนนิ การตามมาตรา ๑๔๑ วรรคหน่ึง (๑) (๒) (๓) (๔) (๖) และ (๗) ไมค่ รบถว้ น หา้ มมใิ หจ้ ดั สรรเงนิ สนบั สนนุ จาก กองทนุ เพอ่ื การพฒั นาพรรคการเมอื งใหแ้ กพ่ รรคการเมอื งนน้ั การจัดสรรเงินให้ มาตรา ๑๔๓ ในวาระเริ่มแรก  การจัดสรรเงิน พรรคการเมือง ให้พรรคการเมืองตามมาตรา  ๘๓  (๓)  ให้จัดสรรให้ พรรคการเมืองภายหลังจากการเลือกตั้งท่ัวไปคร้ังแรกที่มี ข้ึนภายหลังจากวันท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ใช้บงั คบั

349 มาตรา ๑๔๔ ในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกต้ัง กรณสี าขา สำ�หรับพรรคการเมืองท่ขี อจดทะเบียนจัดต้งั พรรคการเมือง พรรคการเมือง ภายหลังวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้ ไมค่ รบ บงั คบั   ยงั มสี าขาพรรคการเมอื งไมค่ รบถว้ นตามมาตรา  ๓๓ ใหค้ ณะกรรมการสรรหาผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ ตามมาตรา ๔๙ ของพรรคการเมืองดังกล่าว  ประกอบด้วยกรรมการบริหาร พรรคการเมอื งจ�ำ นวนสค่ี น  และหวั หนา้ สาขาพรรคการเมอื ง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัดซ่ึงเลือกกันเอง จนครบจ�ำ นวนเจด็ คน  ในกรณที พ่ี รรคการเมอื งใดมหี วั หนา้ สาขา พรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัด รวมกันไม่ถึงเจ็ดคนให้พรรคการเมืองจัดให้มีการเลือก ตัวแทนสมาชิกเพ่ือให้ได้จำ�นวนที่ยังขาดอยู่จนครบ จำ�นวนเจ็ดคน  ทั้งน้ี  การเลือกกันเองของหัวหน้าสาขา พรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัด หรือการเลอื กตวั แทนสมาชิกใหเ้ ป็นไปตามข้อบังคับ มาตรา ๑๔๕ ในการเลือกต้ังท่ัวไปคร้ังแรกท่ีมี ขน้ึ ภายหลังจากวันท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ใชบ้ งั คบั   หากพรรคการเมอื งใดไดจ้ ดั ตง้ั สาขาพรรคการเมอื ง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัดไว้แล้วในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองน้ันสามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ ทุกเขตเลอื กต้งั ในจังหวดั นน้ั มาตรา ๑๔๖ ในการเรยี กเกบ็ คา่ บ�ำ รงุ พรรคการเมอื ง การเรยี กเกบ็ คา่ บ�ำ รงุ สำ�หรับปีแรกทีพ่ ระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนูญน้ี พรรคการเมอื ง

350 ใชบ้ งั คับตามมาตรา ๑๔๑ (๔) พรรคการเมืองจะเรยี กเกบ็ ต่ำ�กว่าอัตราทก่ี ำ�หนดตามมาตรา  ๑๕  (๑๕) ก็ได้ แต่ตอ้ ง ไม่น้อยกว่าหา้ สิบบาท ในการเรียกเก็บค่าบำ�รุงพรรคการเมืองตาม มาตรา ๑๔๑ (๔) พรรคการเมอื งใดมไิ ด้มีข้อบงั คับกำ�หนด ให้เรียกเก็บเงินค่าบำ�รุงพรรคการเมือง  หรือกำ�หนดให้ เรียกเก็บในอัตราตำ่�กว่าที่กำ�หนดในวรรคหน่ึงให้ถือว่าข้อ บังคับของพรรคการเมืองน้ันกำ�หนดให้เรียกเก็บในอัตรา ตามวรรคหนง่ึ การโอนกจิ การ มาตรา ๑๔๗ ใ ห้ โ อ น บ ร ร ด า กิ จ ก า ร   เ งิ น เงนิ   ทรพั ยส์ นิ ทรัพย์สิน  สิทธิ  หนี้สิน  ภาระผูกพัน  และงบประมาณ ของกองทุน ของกองทุนเพ่ือการพัฒนาพรรคการเมืองในสำ�นักงาน เพ่ือการพฒั นา คณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบ พรรคการเมือง รัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐ ทม่ี ีอยู่ในวนั ก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับไป เป็นของกองทุนเพ่ือการพัฒนาพรรคการเมืองตามพระราช บัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู น้ี มาตรา ๑๔๘ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.  ๒๕๕๐  ซึ่งดำ�รงตำ�แหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราช บัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญนใ้ี ชบ้ งั คับ  ดำ�รงต�ำ แหน่งตอ่ ไป จนกว่าคณะกรรมการจะแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

351 ขน้ึ ใหม่ ซึ่งตอ้ งดำ�เนนิ การใหแ้ ล้วเสร็จภายในเกา้ สบิ วนั นบั แตว่ ันท่พี ระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญนใี้ ช้บังคบั มาตรา ๑๔๙ ให้อธิบดีกรมสรรพากรออก หลักเกณฑว์ ธิ ีการ และเง่อื นไขตามมาตรา ๖๙ วรรคหนง่ึ และก�ำ หนดวิธกี ารหักคา่ ลดหย่อนตามมาตรา  ๗๐  วรรคสอง ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนใ้ี ช้บงั คบั มาตรา ๑๕๐ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี ไม่มีผลกระทบต่อการดำ�เนินการเพื่อยุบพรรคการเมือง หรือการดำ�เนินคดีแพ่งต่อบุคคลใดที่มีความรับผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.  ๒๕๕๐  และเพ่ือประโยชน์แห่งการนี้  ให้ถือว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังมผี ลใชบ้ ังคบั อยู่ การกระท�ำ ใด ๆ  อนั เปน็ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  พ.ศ.  ๒๕๕๐ ถ้าการกระทำ�นั้นยังเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีให้พนักงานสอบสวน  พนักงาน อัยการ  คณะกรรมการการเลือกตั้ง  และศาล  มีอำ�นาจ ดำ�เนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ถอื ว่าพระราช บญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง  พ.ศ.  ๒๕๕๐ ยงั มีผลใช้บังคับอยู่

352 การเพกิ ถอนสทิ ธิ มาตรา ๑๕๑ บรรดาผซู้ ง่ึ ถกู เพกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั เลือกต้ัง อยู่ก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้ บังคับและยังไม่พ้นระยะเวลาที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ให้ถือว่าถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  โดยให้นับต่อเน่ืองไปจนครบ ก�ำ หนดตามระยะเวลาท่ีถูกเพิกถอนสทิ ธิเลอื กต้งั นัน้ ผู้ใดถูกต้องห้ามมิให้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง กอ่ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู นใ้ี ชบ้ งั คบั   และ ยังไม่พ้นระยะเวลาท่ีถูกห้ามดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง ให้ถือว่าผู้นั้นถูกห้ามมิให้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้โดยให้นับ ต่อเน่ืองไปจนครบกำ�หนดตามระยะเวลาที่ถูกห้ามมิให้ ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง มาตรา ๑๕๒ ให้คณะกรรมการดำ�เนินการเพ่ือ ให้มีระเบียบ  ประกาศ  ข้อบังคับ  และคำ�สั่งตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ  ระยะเวลา ดงั กล่าว มใิ ห้นับรวมระยะเวลาที่มีกรรมการการเลอื กตง้ั ไม่ถึงห้าคนเข้าด้วยในระหว่างดำ�เนินการตามวรรคหนึ่ง  ให้บรรดาระเบียบ  ประกาศ  ข้อบังคับ  และคำ�ส่ังของ

353 ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ก า ร เ ลื อ ก ต้ั ง ห รื อ ข อ ง น า ย ท ะ เ บี ย น  ท่ีออกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง  พ.ศ.  ๒๕๕๐  ยังมีผลใช้บังคับต่อไปเท่าท่ี ไม่ขัดหรือแย้งต่อพระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู นี้ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี

354 หมายเหตุ  :-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้  คือ  โดยท่ีรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการ รวมกันจัดต้ังพรรคการเมืองตามวิถีทางการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่กฎหมายบัญญัติ  ซ่ึงอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติ เก่ียวกับการบริหารพรรคการเมืองท่ีต้องกำ�หนดให้เป็น ไปโดยเปิดเผยและตรวจสอบได้  เปิดโอกาสให้สมาชิก มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกำ�หนดนโยบายและ การส่งผู้สมัครรับเลือกต้ัง  และกำ�หนดมาตรการให้ สามารถดำ�เนินการโดยอิสระไม่ถูกครอบงำ�หรือช้ีนำ�โดย บุคคลซึ่งมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมือง  รวมทั้งจะ ต้องมีมาตรการกำ�กับดูแลมิให้สมาชิกของพรรคการเมือง กระทำ�การอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เกี่ยวกับการเลือกตั้ง  กรณีจึงสมควรกำ�หนดวิธีการจัดต้ัง พรรคการเมืองและการดำ�เนินกิจการของพรรคการเมือง ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ  จึงจำ�เป็นต้อง ตราพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู น้ี ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๑๐๕ ก วันที่ ๗ ตลุ าคม ๒๕๖๐

355 พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยผตู้ รวจการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐

357 พระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยผ้ตู รวจการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวมหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี ๒๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๒ ในรชั กาลปจั จุบนั สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ  บดินทร เทพยวรางกรู มพี ระราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยทเ่ี ปน็ การสมควรมกี ฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยผตู้ รวจการแผน่ ดิน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีมีบทบัญญัติ บางประการเก่ียวกับการจำ�กัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซง่ึ มาตรา ๒๖ ประกอบกบั มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และมาตรา  ๓๗  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำ�ได้โดยอาศัยอำ�นาจตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย

358 เหตุผลและความจำ�เป็นในการจำ�กัดสิทธิและ เสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ นี้เพ่ือให้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถ ดำ�เนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อ สาธารณะ  ซ่งึ การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี สอดคล้องกับเง่ือนไขท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา  ๒๖  ของ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ตราพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นไว้โดยคำ�แนะนำ�และ ยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำ�หน้าท่ีรัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี เรียกว่า  “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ผ้ตู รวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐” เรม่ิ บังคับใช้ มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเปน็ ต้นไป ผลการบังคับใช้ มาตรา ๓ ใหย้ กเลกิ (๑) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ผ้ตู รวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๒ (๒) พระราชบัญญัติสำ�นักงานผู้ตรวจการ แผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๕๒

359 (๓) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๒๔/๒๕๕๗ เรื่อง ใหพ้ ระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ มผี ลบงั คบั ใช้ต่อไป ลงวนั ท่ี ๒๓ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗  เฉพาะในส่วนท่ีเกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๕๒ (๔) คำ�ส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๖๐ เร่ือง มาตรการแกไ้ ขปญั หาความต่อเน่อื ง ของผ้ดู ำ�รงตำ�แหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ  ลงวันท่ี ๕ เมษายน พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ เฉพาะในส่วนท่ีเก่ยี วกับ ผตู้ รวจการแผน่ ดิน มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี ค�ำ นยิ าม “ผตู้ รวจการแผ่นดนิ ” หมายความรวมถึงประธาน ทใ่ี ชใ้ น พ.ร.ป. น้ี ผตู้ รวจการแผ่นดนิ ด้วย “กฎ”  หมายความว่า  พระราชกฤษฎีกา  กฎ กระทรวง ประกาศกระทรวง  ขอ้ บัญญตั ทิ ้องถ่นิ   ขอ้ บังคับ ระเบียบ หรือบทบัญญตั ิอ่ืนทม่ี ผี ลบังคับเปน็ การทว่ั ไป โดย ไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการ เฉพาะ “หน่วยงานของรัฐ”  หมายความว่า  กระทรวง ทบวง  กรม  หรอื สว่ นราชการท่เี รยี กชอ่ื อย่างอ่นื และมีฐานะ เป็นกรม  ราชการส่วนภูมิภาค  ราชการส่วนท้องถ่ิน รัฐวสิ าหกิจ องคก์ ารมหาชนหรอื หน่วยงานอ่นื ของรัฐ และ ให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นที่ใช้อำ�นาจหรือได้รับ

360 มอบให้ใช้อำ�นาจทางปกครองหรือให้ดำ�เนินกิจการทาง ปกครองด้วย “รัฐวิสาหกิจ”  หมายความว่า  รัฐวิสาหกิจตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยวิธกี ารงบประมาณ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ”  หมายความว่า  ข้าราชการ พนกั งานหรือลกู จ้างซงึ่ ปฏิบัตงิ านในหนว่ ยงานของรฐั และ เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องท่ี และให้หมายความรวมถึงกรรมการ  อนุกรรมการ  และ บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งใช้อำ�นาจหรือได้รับมอบให้ใช้ อ�ำ นาจทางปกครองหรอื ใหด้ �ำ เนนิ กิจการทางปกครองดว้ ย “ส�ำ นกั งาน”  หมายความวา่   ส�ำ นกั งานผตู้ รวจการ แผ่นดนิ “เลขาธกิ าร” หมายความว่า เลขาธกิ ารสำ�นกั งาน ผตู้ รวจการแผน่ ดิน “พนกั งานเจ้าหน้าท”่ี หมายความวา่ เลขาธกิ าร พนักงานและลูกจ้างของสำ�นักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซ่ึงผู้ตรวจการแผ่นดินแต่งตั้งเพ่ือปฏิบัติการตามพระราช บญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู นี้ การแจ้ง ย่ืน มาตรา ๕ ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบ หรือส่งหนังสือ รัฐธรรมนูญนม้ี ไิ ดก้ �ำ หนดไวเ้ ปน็ ประการอน่ื   การใดทก่ี �ำ หนด หรือเอกสาร ให้แจง้ ย่นื หรอื ส่งหนังสือหรอื เอกสารใหบ้ คุ คลใดเปน็ การ เฉพาะ ถา้ ไดแ้ จง้ ยน่ื หรอื สง่ หนงั สอื หรอื เอกสารใหบ้ คุ คลนน้ั ณ  ภูมิลำ�เนาหรือท่ีอยู่ท่ีปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียน

361 ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร  ให้ถือว่าได้ แจ้ง  ย่ืน  หรือส่งโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ีแล้วและในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ีกำ�หนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้ประชาชน ทราบเป็นการทั่วไป  ให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใด ท่ีประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก  เป็นการ ดำ � เ นิ น ก า ร โ ด ย ช อ บ ด้ ว ย พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รัฐธรรมนญู น้แี ลว้ ในกรณีท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี กำ�หนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือเลขาธิการมีอำ�นาจ กำ�หนดหรือมีคำ�สั่งเร่ืองใด  ถ้ามิได้กำ�หนดวิธีการไว้ เป็นการเฉพาะ  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือเลขาธิการ ก�ำ หนดโดยทำ�เปน็ ระเบยี บ  ประกาศ หรือคำ�สง่ั แลว้ แต่ กรณี  และถ้าระเบียบ  ประกาศ  หรือคำ�ส่ังนั้นใช้บังคับ แก่บุคคลท่ัวไป  ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา  และให้ ดำ�เนินการประกาศตามวรรคหนึ่งด้วย  ทั้งน้ี  ถ้าระเบียบ ประกาศ หรือคำ�สั่งใดมีการกำ�หนดขนั้ ตอนการด�ำ เนินงาน ไว้ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือเลขาธิการต้องกำ�หนดระยะเวลา การดำ�เนนิ งานในแต่ละข้นั ตอนใหช้ ดั เจนด้วย มาตรา ๖ ในการปฏิบัติหน้าท่ผี ้ตู รวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ต้องให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือองค์กรอิสระ กับองคก์ รอิสระ ทุกองค์กร  ในกรณีท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่ามีผู้กระทำ�

362 การอันไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อยู่ในหน้าที่และอำ�นาจของ องค์กรอิสระอ่ืน ให้ผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ มีหนังสือแจง้ องคก์ ร อิสระที่เกี่ยวข้องเพื่อดำ�เนินการตามหน้าท่ีและอำ�นาจ ตอ่ ไปโดยไมช่ ักช้า ในกรณีท่ผี ้ตู รวจการแผ่นดินเห็นว่าการดำ�เนินการ เร่ืองใดท่ีอยู่ในหน้าท่ีและอำ�นาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจเข้าลักษณะเป็นการกระทำ�ที่อยู่ในหน้าท่ีและอำ�นาจ ขององค์กรอิสระอื่นด้วย  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินปรึกษา หารือร่วมกับองค์กรอิสระอ่นื ท่เี ก่ยี วข้องเพ่อื กำ�หนดแนวทาง ในการดำ�เนินงานร่วมกันเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละ องค์กรเป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพและไมซ่ ำ้�ซ้อนกัน เพ่ือประโยชน์ในการดำ�เนินการตามวรรคสอง ให้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำ�นาจเชิญประธานองค์กร อิสระอื่นมาร่วมประชุมเพ่ือปรึกษาหารือและกำ�หนด แนวทางร่วมกันได้  และให้องค์กรอิสระทุกองค์กรปฏิบัติ ตามแนวทางดังกลา่ ว การรกั ษาการ มาตรา ๗ ให้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป. น้ี รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญน้ี

363 หมวด ๑ ผูต้ รวจการแผ่นดิน มาตรา ๘ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีจำ�นวนสามคน ผูต้ รวจการแผน่ ดนิ ซ่ึงพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำ�แนะนำ�ของวุฒิสภา จากบคุ คลดังตอ่ ไปนี้ (๑) ผ้มู ีความร้ ู ความเช่ยี วชาญ  และประสบการณ์ เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่ตำ่�กว่าอธิบดีหรือ หัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า  หรือหัวหน้าหน่วยงาน ของรัฐท่ีเทียบได้ไม่ตำ่�กว่ากรมตามที่คณะกรรมการสรรหา ประกาศกำ�หนด โดยต้องดำ�รงต�ำ แหน่งดงั กลา่ วเป็นเวลา ไม่นอ้ ยกวา่ หา้ ปี จำ�นวนสองคน (๒) ผู้มีประสบการณ์ในการดำ�เนินกิจการอัน เป็นสาธารณะมาแล้วไม่นอ้ ยกวา่ ยส่ี บิ ปี จ�ำ นวนหนึง่ คน ลักษณะการมีประสบการณ์  และกิจการอันเป็น สาธารณะตาม (๒) ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีคณะกรรมการสรรหา ประกาศกำ�หนด  ในการกำ�หนดดังกล่าวให้คำ�นึงถึงการ ท่ีจะได้บุคคลที่มีประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทผี่ ู้ตรวจการแผ่นดิน มาตรา ๙ นอกจากคณุ สมบตั ติ ามมาตรา  ๘ แลว้ คณุ สมบตั ิ ผตู้ รวจการแผ่นดนิ ต้องมีคุณสมบัติดงั ต่อไปนดี้ ้วย ของผตู้ รวจการ แผน่ ดนิ

364 (๑) มสี ญั ชาติไทยโดยการเกดิ (๒) มอี ายไุ มต่ �ำ่ กวา่ สส่ี บิ หา้ ปี แตไ่ มเ่ กนิ เจด็ สบิ ปี (๓) สำ�เร็จการศึกษาไม่ตำ่�กว่าปริญญาตรีหรือ เทียบเทา่ (๔) มีความซอื่ สตั ยส์ ุจริตเป็นทปี่ ระจกั ษ์ (๕) มีสุขภาพท่ีสามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มาตรา ๑๐ ผตู้ รวจการแผ่นดินตอ้ งไม่มีลักษณะ ลักษณะต้องห้าม ต้องห้าม ดงั ตอ่ ไปนี้ ของผู้ตรวจการ แผ่นดิน (๑) เป็นหรือเคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรอื ผู้ด�ำ รงตำ�แหนง่ ในองคก์ รอิสระใด (๒) ติดยาเสพติดใหโ้ ทษ (๓) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคล ลม้ ละลายทจุ รติ (๔) เปน็ เจา้ ของหรอื ผถู้ อื หนุ้ ในกจิ การหนงั สอื พมิ พ์ หรือสอื่ มวลชนใด ๆ (๕) เปน็ ภกิ ษุ สามเณร นกั พรต หรือนกั บวช (๖) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังไม่ว่า คดนี ั้นจะถึงทส่ี ดุ แลว้ หรือไม่ (๗) วิกลจริตหรอื จิตฟนั่ เฟอื นไม่สมประกอบ (๘) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับ เลือกตั้งเป็นการช่ัวคราว  หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลอื กตั้ง

365 (๙) ต้องคำ�พิพากษาให้จำ�คุกและถูกคุมขังอยู่ โดยหมายของศาล (๑๐) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ  หน่วยงาน ของรัฐ  หรือรัฐวิสาหกิจ  เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่า กระทำ�การทุจริตหรอื ประพฤติมิชอบในวงราชการ (๑๑) เคยต้องคำ�พิพากษาหรือคำ�ส่ังของศาล อันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำ�รวยผิด ปกติ  หรือเคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำ�คุก เพราะกระทำ�ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ (๑๒) เคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำ� ความผิดต่อตำ�แหน่งหน้าท่ีราชการหรือต่อตำ�แหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรม  หรือกระทำ�ความผิดตามกฎหมายว่าด้วย ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเก่ยี วกับทรัพย์ท่กี ระทำ�โดยทุจริตตามประมวล กฎหมายอาญา  ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืม เงินทเ่ี ป็นการฉ้อโกงประชาชน  กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผดิ ฐานเปน็ ผู้ผลติ นำ�เขา้ สง่ ออกหรือผคู้ า้ กฎหมาย ว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำ�นัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรอื กฎหมายวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ ในความผดิ ฐานฟอกเงิน

366 (๑๓) เคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงท่ีสุดว่ากระทำ� การอนั เปน็ การทุจริตในการเลอื กตงั้ (๑๔) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำ�รงตำ�แหน่ง ทางการเมอื ง (๑๕) เคยพ้นจากตำ�แหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่ามีการเสนอ  การแปรญัตติ  หรือการกระทำ�ด้วย ประการใด  ๆ ท่มี ผี ลใหส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชิก วุฒิสภา  หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือ ทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจา่ ย (๑๖) เคยพ้นจากตำ�แหน่งเพราะศาลฎีกาหรือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง มีคำ�พิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์รำ่�รวยผิดปกติ  หรือ กระทำ�ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ีหรือจงใจปฏิบัติ หน้าท่ีหรือใช้อำ�นาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรอื กฎหมาย หรอื ฝ่าฝืนหรอื ไม่ปฏิบตั ิตามมาตรฐานทาง จรยิ ธรรมอย่างรา้ ยแรง (๑๗) เคยได้รับโทษจำ�คุกโดยคำ�พิพากษาถึงท่ี สุดให้จำ�คุก  เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำ�โดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ (๑๘) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา ขา้ ราชการการเมอื ง หรอื สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรือผูบ้ ริหารทอ้ งถนิ่ ในระยะสิบปีกอ่ นเขา้ รบั การสรรหา

367 (๑๙) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ดำ�รง ตำ�แหน่งอ่ืนของพรรคการเมืองในระยะสิบปีก่อนเข้ารับ การสรรหา (๒๐) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำ�แหน่งหรือเงินเดือน ประจำ� (๒๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงาน ของรัฐ รัฐวสิ าหกิจ หรอื ราชการสว่ นทอ้ งถิ่น หรอื กรรมการ หรอื ท่ีปรกึ ษาของหน่วยงานของรฐั หรือรฐั วิสาหกจิ (๒๒) เป็นผู้ดำ�รงตำ�แหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท  หรือองค์กรท่ีดำ�เนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำ�ไรหรือ รายได้มาแบ่งปนั กัน หรอื เป็นลูกจา้ งของบุคคลใด (๒๓) เปน็ ผูป้ ระกอบวิชาชพี อิสระ (๒๔) มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือ ไม่ปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างรา้ ยแรง มาตรา ๑๑ เม่ือมีกรณีท่ีจะต้องสรรหาผู้สมควร องค์ประกอบ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินให้เป็นหน้าที่และ ของคณะกรรมการ อำ�นาจของคณะกรรมการสรรหา ซ่ึงประกอบด้วย สรรหา (๑) ประธานศาลฎกี า เป็นประธานกรรมการ (๒) ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร  และผนู้ �ำ ฝา่ ยคา้ น ในสภาผแู้ ทนราษฎร เปน็ กรรมการ (๓) ประธานศาลปกครองสงู สดุ เปน็ กรรมการ (๔) บุคคลซ่ึงศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ที่มิใช่ผู้ตรวจการแผ่นดิน  แต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตาม

368 มาตรา ๘ และมาตรา ๙ และไมม่ ีลักษณะตอ้ งหา้ มตาม มาตรา ๑๐ และไม่เคยปฏิบัติหน้าทใ่ี ด ๆ ในศาลรัฐธรรมนญู หรอื องค์กรอสิ ระ องคก์ รละหน่งึ คน เป็นกรรมการ ให้เลขาธิการวุฒิสภาเป็นเลขานุการของคณะ กรรมการสรรหา  และให้สำ�นักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าท่เี ปน็ หน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหา การแตง่ ต้งั ในการดำ�เนินการแต่งตั้งบุคคลตาม  (๔)  ให้ คณะกรรมการ ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่มิใช่ผู้ตรวจการแผ่นดิน สรรหา ดำ�เนินการเสนอช่ือบุคคลซ่ึงองค์กรนั้นแต่งต้ังเป็น กรรมการสรรหาภายในยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก เลขาธิการวุฒิสภา  โดยให้คัดเลือกจากบุคคลซึ่งมีความ เป็นกลาง  ซ่ือสัตย์สุจริต  และมีความเข้าใจในภารกิจ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน  ผู้จะได้รับการคัดเลือกเป็น กรรมการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ จำ�นวนท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือกรรมการองค์กรอิสระ  แล้วแต่กรณี  ในกรณีท่ีไม่มี บุคคลใดได้รับคะแนนเสียงเกินก่ึงหน่ึง  ให้ลงคะแนนใหม่ อกี ครง้ั หนง่ึ   ในการลงคะแนนครง้ั น ้ี ถา้ มผี เู้ ขา้ รบั การคดั เลอื ก เกนิ สองคน  ใหน้ �ำ เฉพาะคนทไ่ี ดค้ ะแนนสงู สดุ สองล�ำ ดบั แรก มาลงคะแนนใหม่  ในกรณีท่ีมีผู้ได้คะแนนสูงสุดเท่ากัน จ น เ ป็ น เ ห ตุ ใ ห้ มี ผู้ ไ ด้ ค ะ แ น น สู ง สุ ด ส อ ง ลำ � ดั บ แ ร ก เกินสองคน  ให้ผ้เู ข้ารับการคัดเลือกซ่งึ ได้คะแนนเท่ากันน้นั จับสลากเพื่อให้เหลือผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดสองลำ�ดับแรก

369 เพียงสองคน  ในการลงคะแนนคร้ังหลังนี้  ถ้ายังไม่มีผ้ใู ด ได้รับคะแนนเสียงเกินก่ึงหน่ึงของจำ�นวนท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการองค์กรอิสระ  แลว้ แตก่ รณ ี ใหด้ �ำ เนนิ การเพอ่ื คดั เลอื กใหม ่ โดยจะคดั เลอื ก ผเู้ ข้ารับการคัดเลอื กท่มี ีชือ่ อยูใ่ นการคดั เลือกครั้งแรกมิได้ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำ�รงตำ�แหน่งกรรมการสรรหา ตาม (๒) หรือกรรมการสรรหาตาม (๔) มีไม่ครบไมว่ ่าดว้ ย เหตุใด  หรือพ้นกำ�หนดเวลาการคัดเลือกตามวรรคสาม แลว้ มิได้มกี ารเสนอชือ่ ใหค้ ณะกรรมการสรรหาเทา่ ทีม่ ีอยู่ ปฏิบตั ิหนา้ ทแ่ี ละใชอ้ ำ�นาจไปพลางกอ่ นได้ โดยในระหว่าง น้ันให้ถือว่าคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการ สรรหาเทา่ ท่มี ีอยู่ ใหก้ รรมการสรรหาตาม (๔) อยู่ในวาระการด�ำ รง ตำ�แหน่งจนถึงวันก่อนวันที่มีกรณีท่ีต้องสรรหาผู้ตรวจการ แผ่นดินใหม่  แต่ไม่รวมถึงการสรรหาใหม่หรือสรรหา เพิม่ เตมิ ตามมาตรา ๑๒ วรรคสี่ มาตรา ๑๓ วรรคสองและ วรรคสาม และมาตรา ๑๔ และให้กรรมการสรรหาดังกลา่ ว พ้นจากตำ�แหน่งก่อนวาระเมื่อตาย  ลาออก  ขาด คุณสมบตั ิ หรอื มีลักษณะต้องห้าม ผู้ซ่ึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสรรหาตาม (๔)  แล้ว  จะเป็นกรรมการสรรหาในคณะกรรมการ สรรหาสำ�หรับศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอ่ืนในขณะ เดียวกนั มไิ ด้

370 ให้ประธานกรรมการสรรหาและกรรมการสรรหา เป็นเจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา การสรรหา มาตรา ๑๒ ในการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ้ตู รวจการแผน่ ดิน ให้คณะกรรมการสรรหาปรึกษาหารือเพ่ือคัดสรรให้ได้ บุคคลซึ่งมีความรับผิดชอบสูง  มีความกล้าหาญในการ ปฏิบัติหน้าที่  และมีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นตัวอย่าง ที่ดีของสังคม  รวมตลอดท้ังมีทัศนคติท่ีเหมาะสมในการ ปฏิบัติหน้าท่ีให้เกิดผลสำ�เร็จ  โดยนอกจากการประกาศ รับสมัครแล้ว  ให้คณะกรรมการสรรหาดำ�เนินการสรรหา จากบุคคลซ่งึ มีความเหมาะสมทวั่ ไปได้ดว้ ย แตต่ ้องไดร้ ับ ความยินยอมของบคุ คลนน้ั และเพ่ือประโยชน์แหง่ การน้ใี ห้ คณะกรรมการสรรหาใช้วิธีการสัมภาษณ์หรือให้แสดง ความคิดเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าท่ีและอำ�นาจของ ผู้ตรวจการแผ่นดิน  หรือวิธีการอ่ืนใดท่ีเหมาะสม  เพ่อื ประกอบการพิจารณาด้วย ในการสรรหา  ให้ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย และให้กรรมการสรรหาแต่ละคนบันทึกเหตุผลในการเลือก ไว้ด้วย ผู้ซึ่งจะได้รับการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียง ถึงสองในสามของจำ�นวนทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของคณะ กรรมการสรรหา ถ้าไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงตามวรรคสาม หรือมีแต่ยังไม่ครบจำ�นวนที่จะต้องสรรหา  ให้มีการ

371 ลงคะแนนใหม่สำ�หรับผู้ได้คะแนนไม่ถึงสองในสาม  ถ้ายัง ได้ไม่ครบตามจำ�นวนให้มีการลงคะแนนอีกคร้ังหนึ่ง  ในกรณีที่การลงคะแนนคร้ังหลังน้ียังได้บุคคลไม่ครบตาม จำ�นวนที่จะต้องสรรหาให้ดำ�เนินการสรรหาใหม่สำ�หรับ จ�ำ นวนทย่ี ังขาดอยู่ มาตรา ๑๓ ผู้ได้รับการสรรหาเพ่ือแต่งต้ังให้ ดำ�รงตำ�แหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินต้องได้รับความเห็นชอบ จ า ก วุ ฒิ ส ภ า ด้ ว ย ค ะ แ น น เ สี ย ง ไ ม่ น้ อ ย ก ว่ า ก่ึ ง ห นึ่ ง ของจ�ำ นวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ทีม่ อี ยู่ของวฒุ ิสภา ในกรณีที่วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการ กรณวี ุฒิสภา สรรหารายใด  ให้ดำ�เนินการสรรหาบุคคลใหม่แทนผู้นั้น ไมใ่ หค้ วามเหน็ ชอบ แลว้ เสนอต่อวฒุ ิสภาเพ่อื ให้ความเหน็ ชอบต่อไป โดยผซู้ ง่ึ ในการสรรหา ไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาในครั้งน้ีจะเข้ารับการ สรรหาในครง้ั ใหม่น้ไี มไ่ ด้ เมอื่ มผี ู้ไดร้ บั ความเห็นชอบจากวุฒสิ ภาแลว้ หาก กรณีวฒุ ิสภา เป็นกรณีท่ปี ระธานผ้ตู รวจการแผ่นดินพ้นจากตำ�แหน่งด้วย ให้ความเห็นชอบ ให้ผู้ได้รับความเห็นชอบประชุมร่วมกับผู้ตรวจการแผ่นดิน ในการสรรหา ซึง่ ยังด�ำ รงตำ�แหน่งอยู่ ถ้ามเี พ่ือเลอื กกันเองให้คนหนงึ่ เป็น ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภา ทราบ ในกรณที ี่ผู้ซง่ึ วุฒิสภาใหค้ วามเห็นชอบยังไดไ้ ม่ครบ จำ�นวนทต่ี ้องสรรหา แตเ่ มือ่ รวมกับผู้ตรวจการแผน่ ดินซง่ึ ยงั ด�ำ รงต�ำ แหนง่ อยู่ ถา้ มี มจี �ำ นวนถงึ สองคน กใ็ หด้ �ำ เนนิ การ ประชุมเพื่อเลือกประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้และเมื่อ

372 โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว  ให้ผู้ตรวจการ แผ่นดินดำ�เนินการตามหน้าท่แี ละอำ�นาจต่อไปพลางก่อนได้ โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่าผู้ตรวจการแผ่นดินประกอบ ด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินเท่าที่มีอยู่และให้ดำ�เนินการสรรหา เพม่ิ เติมให้ครบตามจำ�นวนทตี่ อ้ งสรรหาตอ่ ไปโดยเรว็ ให้ประธานวุฒิสภานำ�ความกราบบังคมทูลเพ่ือ ทรงแต่งตั้งประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการ แผน่ ดิน และเปน็ ผูล้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ กรณีผทู้ ่ีไดร้ ับ มาตรา ๑๔ ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ความเหน็ ชอบ ให้เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินโดยที่ยังมิได้พ้นจากตำ�แหน่ง จากวุฒสิ ภา ตามมาตรา ๑๐ (๒๐) (๒๑) หรอื (๒๒) หรือยังประกอบ แตย่ ังไมพ่ ้น วิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒๓) อยู่ต้องแสดงหลกั ฐานวา่ ได้ จากต�ำ แหน่งเดิม ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพดังกล่าวแล้ว  ต่อประธาน วุฒิสภาภายในเวลาที่ประธานวุฒิสภากำ�หนด  ซ่ึงต้องเป็น เวลาก่อนท่ีประธานวุฒิสภาจะนำ�ความกราบบังคมทูลเพ่ือ ทรงแตง่ ตง้ั ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ   ในกรณที ไ่ี มไ่ ดแ้ สดงหลกั ฐาน ภายในกำ�หนดเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่าผู้น้ันสละสิทธิและให้ ด�ำ เนนิ การสรรหาใหม่ คำ�วนิ จิ ฉยั ของ มาตรา ๑๕ ในกรณีท่มี ีปัญหาเก่ยี วกับคุณสมบัติ คณะกรรมการ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครหรือผู้ได้รับการสรรหา  สรรหา ให้เป็นหน้าท่ีและอำ�นาจของคณะกรรมการสรรหาเป็น ผูว้ ินิจฉัย  คำ�วนิ ิจฉยั ของคณะกรรมการสรรหาให้เปน็ ทสี่ ดุ

373 การเสนอเร่ืองเพื่อให้คณะกรรมการสรรหา วินิจฉัยตามวรรคหน่ึง  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ วิธีการทค่ี ณะกรรมการสรรหาก�ำ หนด การวนิ จิ ฉัย ให้ใชว้ ิธลี งคะแนนโดยเปิดเผย ให้นำ�ความในวรรคหน่งึ   วรรคสอง  และวรรคสาม มาใช้บังคับแก่กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและ ลักษณะต้องห้ามของกรรมการสรรหาด้วยโดยอนุโลม  แต่ กรรมการสรรหาที่ถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติหรือมี ลักษณะต้องห้ามจะอยู่ในที่ประชุมในขณะพิจารณาและ วินิจฉยั มิได้ มาตรา ๑๖ ให้ประธานกรรมการสรรหาและ คา่ ตอบแทน กรรมการสรรหาได้รับเบ้ียประชุมและค่าตอบแทนอ่ืนตาม ของคณะกรรมการ ท่ปี ระธานวุฒิสภาก�ำ หนด แต่ส�ำ หรบั เบย้ี ประชุมให้ก�ำ หนด สรรหา ให้ได้รับเป็นรายครั้งท่ีมาประชุมในอัตราไม่น้อยกว่า กง่ึ หนง่ึ ของประธานกรรมการหรอื กรรมการในคณะกรรมการ ข้าราชการรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ รัฐสภาไดร้ บั ในแตล่ ะเดือน แล้วแต่กรณี มาตรา ๑๗ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีวาระการ วาระการดำ�รง ดำ�รงตำ�แหน่งเจ็ดปีนับแต่วันท่ีพระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้ัง ต�ำ แหนง่ ของ และให้ดำ�รงต�ำ แหน่งไดเ้ พยี งวาระเดียว ผตู้ รวจการแผน่ ดิน ในกรณีท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำ�แหน่งตาม วาระ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทพี่ น้ จากตำ�แหนง่ ปฏิบตั หิ นา้ ที่ ต่อไปจนกว่าจะมีการแตง่ ต้งั ผูต้ รวจการแผน่ ดินใหม่แทน

374 การพ้นจาก มาตรา ๑๘ นอกจากการพ้นจากตำ�แหน่งตาม ตำ�แหน่งของ วาระ ผ้ตู รวจการแผน่ ดินพน้ จากตำ�แหนง่ เมือ่ ผู้ตรวจการแผน่ ดิน (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบตั ติ ามมาตรา ๘ หรอื มาตรา ๙ หรอื มลี ักษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๑๐ เม่ือประธานผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำ�แหน่ง ประธานผูต้ รวจการแผน่ ดิน ให้พน้ จากต�ำ แหนง่ ผตู้ รวจการ แผ่นดินดว้ ย ในกรณีที่มีปัญหาว่าผู้ตรวจการแผ่นดินผู้ใดพ้น จากต�ำ แหนง่ ตาม (๒) หรือ (๓) หรือไม่ ใหเ้ ป็นหน้าทแี่ ละ อำ�นาจของคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัย  คำ�วินิจฉัย ของคณะกรรมการสรรหาใหเ้ ป็นท่สี ุด ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำ�รงตำ�แหน่งประธานผู้ตรวจการ แผ่นดินหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ให้ผู้ตรวจการ แผ่นดินซ่ึงอาวุโสสูงสุดทำ�หน้าท่ีแทนประธานผู้ตรวจการ แผ่นดนิ ในระหว่างท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำ�แหน่ง ก่อนวาระ  และยังไม่มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินแทน ตำ�แหน่งท่ีว่าง  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเท่าท่ีเหลืออยู่ปฏิบัติ หน้าท่ีต่อไปได้  แต่ถ้ามีผู้ตรวจการแผ่นดินเหลืออยู่เพียง คนเดยี ว จะใชอ้ �ำ นาจหรอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี ามมาตรา ๒๖ ไมไ่ ด้ 

375 เว้นแต่กรณีมีความจำ�เป็นเร่งด่วนและหากไม่ดำ�เนินการ ในเรอื่ งดังกลา่ วจะก่อให้เกดิ ความเสียหายอย่างร้ายแรง ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะพ้นจากตำ�แหน่ง ตามวาระ  ให้ดำ�เนินการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินใหม่ ภายในหน่ึงร้อยยี่สิบวันก่อนวันที่ผู้ตรวจการแผ่นดินครบ วาระ  แต่ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำ�แหน่งด้วยเหตุอ่ืน นอกจากการพ้นจากตำ�แหน่งตามวาระ  ให้ดำ�เนินการ สรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ี ต�ำ แหนง่ ว่างลง มาตรา ๑๙ เมื่อมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานตาม สมควรว่าผู้ตรวจการแผ่นดินผู้ใดพ้นจากตำ�แหน่งตาม มาตรา ๑๘ (๒) หรือ (๓) ให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรอื่ ง ต่อประธานกรรมการสรรหาภายในห้าวันนับแต่วันท่ีได้ รับการรอ้ งขอ และใหค้ ณะกรรมการสรรหาวนิ จิ ฉยั ใหแ้ ล้ว เสร็จโดยเร็ว  ในการวินิจฉยั ใหถ้ อื เสยี งข้างมาก ในกรณที ่ี มีเสียงเท่ากันให้ประธานกรรมการสรรหาออกเสียงเพิ่มขึ้น อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชขี้ าด หลักฐานตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่คณะ กรรมการสรรหาก�ำ หนด มาตรา ๒๐ ในกรณีท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินต้อง กรณี หยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะถูกกล่าวหาและศาลฎีกาหรือ ผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง ต้องหยดุ ปฏบิ ัติ หนา้ ทเี่ พราะถูก กล่าวหา

376 ประทับรับฟ้องและมีผ้ตู รวจการแผ่นดินเหลืออย่ไู ม่ถึงสองคน ให้ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุดร่วมกัน แต่งต้ังบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่นเดียวกับผู้ตรวจการแผ่นดินทำ�หน้าที่เป็นผู้ตรวจการ แผ่นดินเป็นการช่ัวคราวให้ครบสามคน  โดยให้ผู้ซ่ึงได้รับ แต่งตั้งทำ�หน้าที่ในฐานะผู้ตรวจการแผ่นดินได้จนกว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินท่ีตนทำ�หน้าที่แทนจะปฏิบัติหน้าท่ีได้  หรอื จนกวา่ จะมกี ารแต่งต้ังผู้ดำ�รงต�ำ แหนง่ แทน การปฏิบตั ิหนา้ ที่ มาตรา ๒๑ ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องปฏิบัติ ของผู้ตรวจการ หน้าท่ีเต็มเวลา  และการปฏิบัติหน้าท่ีและการใช้อำ�นาจ แผน่ ดิน ของผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเป็นไปโดยสุจริต  เท่ียงธรรม กล้าหาญ  และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ และปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามมาตรฐานทางจริยธรรม ในระหว่างการดำ�รงตำ�แหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินจะเข้ารับ การศึกษาหรืออบรมในหลักสูตรหรือโครงการใด  ๆ  มิได้ เว้นแต่เป็นหลักสูตรหรือโครงการท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินมี มตใิ ห้จัดขน้ึ โดยเฉพาะสำ�หรบั ผตู้ รวจการแผน่ ดิน หน้าท่ีและอ�ำ นาจ มาตรา ๒๒ ผู้ตรวจการแผ่นดิน  มีหน้าท่ีและ ของผตู้ รวจการ อำ�นาจดังต่อไปนี้ แผ่นดนิ (๑) เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวข้อง เพ่อื ใหม้ ีการปรบั ปรุงกฎหมาย กฎ หรือค�ำ สง่ั หรือข้ันตอน การปฏิบตั งิ านใด ๆ บรรดาท่กี อ่ ใหเ้ กดิ ความเดือดร้อนหรือ

377 ความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนหรือเป็นภาระแก่ประชาชน โดยไมจ่ �ำ เปน็ หรอื เกนิ สมควรแกเ่ หตุ (๒) แสวงหาข้อเท็จจริงเม่ือเห็นว่ามีผู้ได้รับ ความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอันเน่ืองมาจากการ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าท่ีและ อำ�นาจตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐ  เพ่ือเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวข้องให้ ขจดั หรอื ระงับความเดอื ดรอ้ นหรือความไมเ่ ป็นธรรมน้นั (๓) เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบถึงการที่ หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตาม หมวด ๕ หนา้ ทข่ี องรฐั ของรฐั ธรรมนูญ (๔) หน้าที่และอำ�นาจอ่ืนตามท่ีกำ�หนดไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญนห้ี รอื กฎหมายอน่ื การด�ำ เนนิ การตามหนา้ ทแ่ี ละอ�ำ นาจตามวรรคหนง่ึ ต้องมุ่งหมายท่ีจะส่งเสริมสนับสนุนและให้คำ�แนะนำ�  เพื่อ ให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ ของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  ขจัดความเหลื่อมลำ้� อำ�นวยประโยชน์ใหแ้ กป่ ระชาชนอย่างทัดเทียมกัน และลด ภาระท่ีเกิดข้ึนกับประชาชนโดยไม่จำ�เป็นหรือเกินสมควร แก่เหตุ  รวมท้ังขจัดหรือระงับความเดือดร้อนหรือความ ไม่เป็นธรรมทห่ี นว่ ยงานของรัฐปฏบิ ัตติ ่อประชาชน ในการดำ�เนินการตาม (๑) หรือ (๒) หากเป็นกรณี ท่ีเก่ียวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน

378 ส่งเร่ืองให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดำ�เนินการ ต่อไป  และเพื่อขจัดความซ้ำ�ซ้อนในการปฏิบัติหน้าท่ี  ให้ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ และคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ ร่วมกันหารือและวางหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ ด�ำ เนนิ การต่อไปดว้ ย กรณีเสนอเรื่องต่อ มาตรา ๒๓ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี ามมาตรา  ๒๒ ศาลรัฐธรรมนญู (๑)  (๒)  หรือ  (๓)  ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจเสนอเร่ือง หรอื ศาลปกครอง ต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองได้เม่ือเห็นว่ามีกรณี ดงั ต่อไปน้ี (๑) บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดมีปัญหาเก่ียวกับ ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้เสนอเร่อื งพร้อมด้วยความเห็น ต่อศาลรัฐธรรมนูญ  และให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา วนิ จิ ฉยั โดยไมช่ กั ช้า ท้ังนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยวิธีพจิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ (๒) กฎ  ค�ำ สง่ั   หรอื การกระท�ำ อน่ื ใดของหนว่ ยงาน ของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐมีปัญหาเก่ียวกับความชอบ ด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย  ให้เสนอเร่ืองพร้อมด้วย ความเห็นต่อศาลปกครอง  และให้ศาลปกครองพิจารณา วินิจฉยั โดยไมช่ กั ช้า ทง้ั น้ี ตามกฎหมายว่าดว้ ยการจัดตง้ั ศาลปกครองและวธิ ีพิจารณาคดปี กครอง อำ�นาจ มาตรา ๒๔ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราช ของผ้ตู รวจการ บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน แผ่นดนิ มีอ�ำ นาจดงั ตอ่ ไปน้ี

379 (๑) ก�ำ หนดแนวทางการปฏบิ ตั งิ านของผตู้ รวจการ แผ่นดินให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันเพื่อให้เกิดความ รวดเรว็ และไมซ่ �ำ้ ซอ้ นกนั   แตต่ อ้ งไมท่ �ำ ใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ ขาดความเปน็ อิสระในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ (๒) ออกระเบียบกำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการ เก่ียวกับการแจ้ง  การร้องเรียน  การแสวงหาข้อเท็จจริง และการพิจารณา  รวมท้ังระเบียบเกี่ยวกับการมอบหมาย ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ดี ำ�เนินการแสวงหาข้อเท็จจริงเบ้อื งต้น เพ่ือรายงานต่อผตู้ รวจการแผน่ ดิน (๓) ออกระเบียบกำ�หนดหลักเกณฑ์การจ่าย ค่าใชจ้ ่าย ค่าเบยี้ เล้ียง และค่าเดนิ ทางของบุคคลซ่งึ มาให้ ความเห็นหรือถ้อยคำ�  และการปฏิบัติหน้าท่ีของพนักงาน เจา้ หน้าที่ (๔) ออกระเบียบหรือประกาศอ่ืนตามพระราช บัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู นี้ การออกระเบยี บตาม (๒) และ (๔) ตอ้ งไมม่ ลี กั ษณะ ลกั ษณะของการ เป็นการสร้างข้ันตอนโดยไม่จำ�เป็นเกิดความล่าช้า  หรือ ออกระเบยี บ ขาดประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องผตู้ รวจการแผน่ ดนิ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่  รวมทั้งต้องไม่เป็นการสร้างภาระ แก่ประชาชนเกินสมควร  หรือมีลักษณะเป็นการมุ่งหมาย ท่ีจะกล่าวหาหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐและ ในส่วนท่เี ก่ยี วกับการแจ้งหรือการร้องเรียน  ต้องดำ�เนินการ โดยมุ่งหมายให้การเสนอเร่ืองต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน

380 เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว  และไม่มีลักษณะบังคับให้ ต้องเปิดเผยตัวตนของผู้แจ้งหรือผู้ร้องเรียน  เว้นแต่เป็น เร่ืองการขอให้ขจัดหรือระงับความเดือดร้อนหรือความ ไม่เป็นธรรมใหแ้ กผ่ รู้ ้องเรยี นเปน็ การเฉพาะตัว ซง่ึ จำ�เป็น ต้องทราบตัวบุคคลเพื่อประโยชน์ในการติดต่อขอข้อมูล หรอื แจง้ ผลการด�ำ เนินการ อ�ำ นาจ มาตรา ๒๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราช ของผู้ตรวจการ บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมี แผ่นดนิ อ�ำ นาจดงั ต่อไปน้ี ซง่ึ ตอ้ งกระท�ำ เท่าทจ่ี �ำ เป็น (๑) ให้หน่วยงานของรัฐ  เจ้าหน้าท่ีของรัฐ  หรือ บคุ คลใด มหี นังสือชีแ้ จงขอ้ เท็จจรงิ หรือให้ความเหน็ ในการ ปฏบิ ตั งิ าน หรอื มาใหถ้ อ้ ยค�ำ หรอื สง่ วตั ถุ เอกสาร หลกั ฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นท่ีเกี่ยวข้องเพื่อประกอบการ พิจารณา (๒) เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด  ๆ  เพ่ือ ตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือรวบรวมพยานหลักฐานต่าง  ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง  ท้ังนี้  ในกรณีที่เคหสถานหรือสถานที่ที่จะ เข้าไปน้ันมิได้อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ  และเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ยินยอม  ให้เข้าไปได้เม่ือมี หมายของศาล ในการด�ำ เนนิ การตามวรรคหนง่ึ   ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ อาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีดำ�เนินการแทน ผตู้ รวจการแผ่นดนิ ได้ เว้นแต่การออกคำ�สง่ั ตาม (๑) ให้

381 มอบหมายได้เฉพาะเลขาธิการหรือรองเลขาธิการ  ทั้งนี้ ตามระเบยี บทผี่ ู้ตรวจการแผ่นดินกำ�หนด ในการด�ำ เนินการตาม (๒) ให้ด�ำ เนินการต่อหน้า ผู้ครอบครองหรือดูแลสถานที่หรือผู้ซ่ึงเกี่ยวข้องหรือถ้า หาบุคคลดังกล่าวไม่ได้  ก็ให้ดำ�เนินการต่อหน้าบุคคลอื่น อย่างน้อยสองคนซึ่งไดข้ อร้องใหม้ าเป็นพยาน ในการนี้ ให้ ผคู้ รอบครองหรอื ดูแลสถานท่ี หรอื ผู้ซ่งึ เกยี่ วขอ้ งให้ความ ร่วมมอื เพื่อใหก้ ารปฏบิ ตั หิ น้าท่ดี ังกล่าวเปน็ ไปโดยสะดวก มาตรา ๒๖ ในกรณีดังต่อไปนี้  ให้ผู้ตรวจการ กรณีทต่ี อ้ งปรกึ ษา แผน่ ดนิ ปรึกษาหารือและเห็นชอบร่วมกนั และเหน็ ชอบ (๑) การแต่งต้งั พนักงานเจ้าหน้าท่เี พ่อื ปฏิบัติการ รว่ มกนั ตามพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู นี้ (๒) การปรึกษาหารือร่วมกับองค์กรอิสระอื่น หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามมาตรา  ๖ และมาตรา ๒๒ วรรคสาม (๓) การเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมาย ตามมาตรา ๒๒ (๑) (๔) การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีตาม มาตรา ๒๒ (๓) (๕) การเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือ ศาลปกครองตามมาตรา ๒๓ (๖) การรายงานการไม่ปฏิบัติตามความเห็น หรือข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินหรือการส่งเรื่อง

382 ให้คณะรฐั มนตรีพจิ ารณาตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และ มาตรา ๓๙ (๗) การส่งเร่ืองให้คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  หรือคณะกรรมการ ตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ตามมาตรา ๓๖ (๓) (๘) การออกข้อกำ�หนดทางจริยธรรมตาม มาตรา ๔๓ (๙) การกำ�หนดคุณวุฒิ  ประสบการณ์  และ ความเชี่ยวชาญของเลขาธิการอันจะเป็นประโยชน์แก่การ ปฏิบัตงิ านของสำ�นักงานตามมาตรา ๔๕ (๑๐) การกำ�หนดกิจการท่ีมีผลต่อการปฏิบัติ ภารกิจของผตู้ รวจการแผ่นดนิ ตามมาตรา ๔๘ (๑๑) การเสนองบประมาณรายจา่ ยตามมาตรา ๔๙ และการให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำ�ปี รวมทง้ั การอนมุ ตั กิ ารใชจ้ า่ ยเงนิ ของส�ำ นกั งานตามมาตรา ๕๐ (๑๒) การพิจารณาการรับทรัพย์สินที่อาจมีผล กระทบต่อความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าท่ีของสำ�นักงาน ตามมาตรา ๕๑ (๑๓) การออกระเบียบ  ประกาศ  หรือการอื่นใด ที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีกำ�หนดให้เป็นไป ตามมติหรอื ต้องไดร้ ับความเห็นชอบของผู้ตรวจการแผน่ ดิน (๑๔) การอ่ืนใดท่ีผู้ตรวจการแผ่นดนิ ตกลงรว่ มกนั

383 มาตรา ๒๗ ในกรณีท่ีจำ�เป็นต้องได้ข้อมูลหรือ กรณีจัดจ้างบุคคล มีการศึกษาเร่ืองใด  ผู้ตรวจการแผ่นดินจะขอให้สำ�นักงาน หรอื สถาบัน จา้ งบคุ คลหรอื สถาบนั ซง่ึ มคี วามรคู้ วามเชย่ี วชาญด�ำ เนนิ การ ดำ�เนินการ ในเรอ่ื งนน้ั ไดต้ ามทจ่ี �ำ เปน็   หรอื ในกรณที ไ่ี มอ่ าจหลกี เลย่ี งได้ ในเรอ่ื งท่ีจ�ำ เปน็ จะแต่งต้ังคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวแทน ก็ได้  โดยต้องคำ�นึงถึงความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่จะ เกิดข้ึนทั้งน้ี  ก่อนการจ้างหรือแต่งตั้ง  ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตอ้ งกำ�หนดเปา้ หมาย ผลสมั ฤทธิ์ และระยะเวลาของการ ปฏิบัตหิ น้าทด่ี งั กล่าวไว้ให้ชดั เจน หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการจา้ ง และค่าตอบแทน ของ บุคคลหรือสถาบัน  หรือการแต่งตั้งอนุกรรมการ  การพ้น จากต�ำ แหนง่ คา่ ตอบแทนและประโยชนต์ อบแทนอนื่ และ วิธีปฏิบัติงานของอนุกรรมการ  ให้เป็นไปตามระเบียบท่ี ผู้ตรวจการแผ่นดนิ ก�ำ หนด มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลอัน ห้ามเปิดเผยข้อมูล ท�ำ ให้สามารถระบตุ ัวตนของผแู้ จง้ ผรู้ ้องเรียนรวมทัง้ ข้อมูล ของผแู้ จง้ ข่าวสารที่ได้มาเน่ืองจากการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ และผู้ร้องเรียน ประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  เว้นแต่เป็นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อ ปฏิบัติตามหน้าที่และอำ�นาจหรือตามกฎหมายหรือตาม ค�ำ ส่ังศาล ผูจ้ ดั ท�ำ และเผยแพร่รายงานตามมาตรา ๓๕ และ มาตรา ๓๙ หากได้กระท�ำ โดยสจุ รติ ผนู้ ั้นไมต่ อ้ งรบั ผิดท้งั ทางแพ่ง ทางอาญา ทางปกครอง หรอื ทางวนิ ยั

384 มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินและ พนักงานเจ้าหน้าท่ีเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมาย อาญา คา่ ตอบแทน มาตรา ๓๐ เงนิ เดือน เงินประจ�ำ ต�ำ แหนง่ และ ของผ้ตู รวจการ ประโยชน์ตอบแทนอ่ืนของผู้ตรวจการแผ่นดินให้เป็นไป แผ่นดนิ ตามกฎหมายว่าด้วยการน้ัน  และให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็น รายคร้ังเท่ากับกรรมการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย เบยี้ ประชมุ กรรมการ ให้ผ้ตู รวจการแผ่นดิน  ได้รับเงินค่ารับรองเหมาจ่าย เป็นรายเดือนตามอัตราท่ีกระทรวงการคลังกำ�หนดซ่ึงต้อง ไม่น้อยกว่าเงินประจำ�ตำ�แหน่งของประธานผู้ตรวจการ แผ่นดนิ หรอื ผ้ตู รวจการแผ่นดนิ แล้วแตก่ รณี สิทธใิ นบ�ำ เหน็จ มาตรา  ๓๑ ผ้ตู รวจการแผ่นดินซ่งึ ดำ�รงตำ�แหน่ง ตอบแทน ไม่นอ้ ยกว่าหนึง่ ปี มีสิทธิได้รับบำ�เหน็จตอบแทนเป็นเงิน ซึ่งจ่ายคร้ังเดียวเมื่อพ้นจากตำ�แหน่งด้วยเหตุอย่างใด อย่างหน่ึง ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ครบวาระ (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) มีอายุครบเจ็ดสิบปี

385 ในการคำ�นวณบำ�เหน็จตอบแทนน้ัน  ให้นำ�อัตรา เงินเดือนตามมาตรา ๓๐ คูณดว้ ยจำ�นวนปที ี่ดำ�รงต�ำ แหน่ง เศษของปใี ห้นบั เปน็ หน่งึ ปี สิทธิในบำ�เหน็จตอบแทนน้ัน  เป็นสิทธิเฉพาะตัว จะโอนไม่ได้  เว้นแต่กรณีตาย  ให้ตกได้แก่คู่สมรสและ ทายาทที่ได้แจ้งไว้  และถ้าการตายนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุ ปฏิบัติหน้าท่ีหรือในการปฏิบัติหน้าที่ให้ได้รับเป็นสองเท่า ของบำ�เหน็จตอบแทนที่ก�ำ หนดไว้ตามวรรคสอง หมวด ๒ การด�ำ เนนิ การตามหน้าท่ีของผูต้ รวจการแผ่นดนิ มาตรา ๓๒ เม่ือความปรากฏต่อผู้ตรวจการ การร้องเรยี น แผ่นดินไม่ว่าโดยทางใด  ไม่ว่าจะมีผู้แจ้งหรือผู้ร้องเรียน ตอ่ ผู้ตรวจการ หรือไม่ก็ตาม  ว่าบุคคลใดได้รับความเดือดร้อนหรือความ แผ่นดนิ ไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าท่ีและอำ�นาจตามกฎหมาย ของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  หรือมีกรณี ท่ีการปฏิบัติงานใด  ๆ  ของหน่วยงานของรัฐเป็นภาระแก่ ประชาชนโดยไม่จำ�เป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ  ให้เป็น หน้าท่ีของผู้ตรวจการแผ่นดินท่ีจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริง หรอื ดำ�เนินการอน่ื ใดดว้ ยความรอบคอบ เพ่อื เสนอแนะตอ่ หนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งใหข้ จดั หรอื ระงบั ความเดอื ดรอ้ น

386 หรือความไม่เป็นธรรมน้ัน  หรือปรับปรุงกฎหมาย  กฎ หรือคำ�ส่ัง  หรือข้ันตอนการปฏิบัติงานใด  ๆ  ต่อไปเพื่อ ให้การปฏิบัติหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ  ขจัดความเหล่ือมลำ้�  อำ�นวยประโยชน์ให้ แก่ประชาชนอย่างทัดเทียมกัน  และลดภาระที่เกิดข้ึนกับ ประชาชนโดยไม่จำ�เปน็ ก่อนการเสนอแนะตามวรรคหน่ึง  ผู้ตรวจการ แผน่ ดนิ ตอ้ งหารอื รว่ มกบั หน่วยงานของรฐั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง โดย คำ�นึงถึงประสิทธิภาพ  ความสามารถ  และอุปสรรคของ หน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวข้องที่จะดำ�เนินการตามแนวทางที่ เสนอแนะประกอบด้วย ในการแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ ตามวรรคหนง่ึ ผตู้ รวจการ แผ่นดินจะมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำ�เนินการ แสวงหาข้อเท็จจริงเบ้ืองต้นเพ่ือรายงานต่อผู้ตรวจการ แผน่ ดนิ ตามระเบยี บทอี่ อกตามมาตรา ๒๔ (๒) ก็ได้ กรณีหน่วยงาน มาตรา ๓๓ ภายใต้บังคับมาตรา  ๓๒  วรรคสอง ของรัฐไดร้ ับ เมื่อหน่วยงานของรัฐได้รับข้อเสนอแนะจากผู้ตรวจการ ข้อเสนอแนะ แผ่นดินเพ่ือให้มีการปรับปรุงกฎหมาย  กฎ  หรือคำ�ส่ัง ใหป้ รับปรงุ งาน หรอื ขัน้ ตอนการปฏิบัตงิ านใด ๆ บรรดาทก่ี อ่ ให้เกดิ ความ เดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน  หรือเป็น ภาระแก่ประชาชนโดยไม่จำ�เป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ  ให้หน่วยงานของรัฐนั้นดำ�เนินการให้แล้วเสร็จภายใน หน่ึงร้อยยี่สิบวัน  ในกรณีมีเหตุจำ�เป็นไม่อาจแก้ไขได้แล้ว

387 เสร็จภายในกำ�หนดเวลา  จะขยายเวลาออกไปอีกก็ได้เม่ือได้ แจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบแล้ว  โดยจะขยายเวลาได้อีก ไม่เกินหกสิบวัน  เม่ือพ้นกำ�หนดเวลาดังกล่าวแล้วหน่วยงาน ของรัฐน้ันยังดำ�เนินการไม่แล้วเสร็จ  โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าหัวหน้าหน่วยงานของรัฐน้ันจงใจไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายอันทำ�ให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่าง ร้ายแรง  และให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งให้คณะกรรมการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาตทิ ราบเพอ่ื ด�ำ เนนิ การ ตามหน้าท่ีและอำ�นาจโดยเร็ว  โดยให้ถือว่ารายงานของ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ เปน็ ส�ำ นวนการสอบสวนของคณะกรรมการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ ในกรณที หี่ น่วยงานของรฐั ตามวรรคหนึง่ เหน็ ว่า กรณหี นว่ ยงาน ข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินไม่อาจดำ�เนินการได้ ของรฐั ไม่อาจ ไม่ว่าด้วยเหตุใด  ให้เป็นหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐน้ันที่ ดำ�เนนิ การได้ จะแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบภายในกำ�หนดเวลาตาม วรรคหนง่ึ และปรกึ ษาหารือร่วมกับผตู้ รวจการแผ่นดนิ และ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพ่ือร่วมมือกันแก้ไขปัญหา อปุ สรรคนน้ั โดยเรว็   และเมอ่ื ไดข้ อ้ ยตุ ปิ ระการใดใหห้ นว่ ยงาน ของรัฐดำ�เนินการไปตามข้อยุตินั้น  ในกรณีท่ีไม่อาจหา ข้อยุติได้ให้ผ้ตู รวจการแผ่นดินเสนอเร่อื งต่อคณะรัฐมนตรีเพ่อื พิจารณาส่ังการตามท่ีเห็นสมควร  และให้หน่วยงานของรัฐ ท่เี ก่ยี วข้องดำ�เนินการไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว  และ ให้นำ�ความในวรรคหน่ึงมาใช้บังคับกับการดำ�เนินการตาม ขอ้ ยตุ หิ รอื ตามมตคิ ณะรฐั มนตรดี งั กลา่ วดว้ ยโดยอนโุ ลม

388 กรณเี สนอแนะให้ มาตรา ๓๔ ในกรณที ผ่ี ตู้ รวจการแผน่ ดนิ เสนอแนะ หน่วยงานของรฐั ต่อหน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวข้องให้ขจัดหรือระงับความ ระงบั ความเดอื ดรอ้ น เดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่บุคคลใด  ให้หัวหน้า หรอื ความไมเ่ ปน็ ธรรม หน่วยงานของรัฐดำ�เนินการให้เป็นไปตามคำ�เสนอแนะ นั้นภายในสามสิบวัน  เว้นแต่หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ แก่บุคคล เห็นว่าการดำ�เนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวจะขัดต่อ กฎหมาย กฎ หรอื คำ�สง่ั หรือขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน ให้แจ้ง ให้ผ้ตู รวจการแผน่ ดินทราบกอ่ นพน้ ก�ำ หนดเวลาสามสิบวนั ดังกล่าว  และให้ผู้ตรวจการแผ่นดินหารือร่วมกับหน่วยงาน ของรัฐท่ีเก่ียวข้องเพื่อหาข้อยุติโดยเร็วต่อไป  และให้นำ� ความในมาตรา ๓๓ วรรคสอง มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม กรณที ่หี น่วยงาน มาตรา ๓๕ ในกรณที ค่ี วามปรากฏตอ่ ผตู้ รวจการ ของรัฐยังมไิ ด้ แผ่นดินว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม ปฏิบตั ใิ ห้ถกู ตอ้ ง อันเนื่องมาจากหน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามหมวด ๕ ครบถ้วนตามหมวด  ๕  หน้าท่ีของรัฐ  ของรัฐธรรมนูญ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรายงานพร้อมข้อเสนอแนะให้ คณะรัฐมนตรีทราบเพ่ือพิจารณาดำ�เนินการต่อไปโดยเร็ว  โดยผู้ตรวจการแผ่นดินจะรายงานให้รัฐสภาและเผยแพร่ให้ ประชาชนทราบดว้ ยก็ได้ การดำ�เนนิ การ มาตรา ๓๖ ในการดำ�เนินการตามหน้าท่ีและ ตามหนา้ ท่แี ละ อำ�นาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ถ้า อ�ำ นาจตาม ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า  ความเดือดร้อน พ.ร.ป. นี้ หรือความไม่เป็นธรรมเร่ืองใดเป็นเรื่องเฉพาะตัวเป็น

389 รายกรณี  หรือเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำ�นาจของ หน่วยงานของรัฐท่ีจะขจัดความเดือดร้อนหรืออำ�นวยความ เปน็ ธรรมได้ตามหนา้ ทแี่ ละอำ�นาจของหน่วยงานของรัฐน้ัน อยู่แลว้ ใหด้ �ำ เนินการดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ในกรณีที่การดำ�เนินการในเร่ืองน้ันมี กฎหมายกำ�หนดให้มีการร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ไว้แล้วให้ ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเร่ืองดังกล่าวให้หน่วยงานของรัฐน้ัน พิจารณาดำ�เนินการตามหนา้ ที่และอ�ำ นาจตอ่ ไป (๒) ในกรณีที่เป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการ บริหารงานบุคคลหรือการดำ�เนินการทางวินัยของเจ้าหน้าท่ี ของรฐั   ใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ สง่ เรอ่ื งใหผ้ มู้ อี �ำ นาจด�ำ เนนิ การ เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลหรือการดำ�เนินการทางวินัย ในกรณีน้ันดำ�เนินการต่อไป  แต่ทั้งน้ีผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจแสวงหาข้อเท็จจริงในเร่ืองนั้นเพ่ือประโยชน์ในการ เสนอแนะให้มีการแก้ไขกฎหมาย  กฎ  หรือขั้นตอนการ ปฏิบัติงานท่ีกอ่ ให้เกดิ ปัญหาดังกลา่ วอยา่ งเปน็ ระบบได้ (๓) ในกรณีท่ีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือ ปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำ�นาจตามกฎหมายของ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเรื่องเกี่ยว กับการทุจริต  ให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  หรือคณะกรรมการตรวจเงิน แผน่ ดินพจิ ารณาดำ�เนนิ การตอ่ ไป แลว้ แตก่ รณี

390 ลกั ษณะเร่อื ง มาตรา ๓๗ ภายใต้บงั คับมาตรา ๖ หา้ มมิให้ ท่ไี ม่รบั พจิ ารณา ผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา แล้วเหน็ วา่ มลี กั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี ไวพ้ จิ ารณา (๑) เรื่องท่ีเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีกำ�หนด เว้นแต่นโยบายน้ันขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือมีผลให้มีการ ละเลยการปฏบิ ตั ิหน้าทีข่ องรัฐตามรฐั ธรรมนูญ (๒) เร่ืองท่ีมีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลหรือ เร่ืองท่ีศาลมีคำ�พิพากษา  คำ�ส่ัง  หรือคำ�วินิจฉัยเสร็จ เด็ดขาดแล้ว  เว้นแต่เป็นการศึกษาเพ่ือประโยชน์ในการ เสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมายหรือกฎที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการยุตธิ รรม (๓) เรอ่ื งทไ่ี มอ่ ยใู่ นหนา้ ทแ่ี ละอ�ำ นาจของผตู้ รวจการ แผน่ ดิน (๔) เรื่องที่อยู่ในหน้าท่ีและอำ�นาจขององค์กร อิสระอืน่ หรอื ที่องคก์ รอสิ ระอื่นรบั ไว้ด�ำ เนินการตามหน้าที่ และอ�ำ นาจขององคก์ รอิสระนนั้ แล้ว แตไ่ มต่ ดั อำ�นาจในการ ที่จะขอรับทราบผลการพิจารณาขององค์กรอิสระท่ีรับเรื่อง ไว้ดำ�เนินการ (๕) เป็นการร้องเรียนโดยใช้สิทธิไม่สุจริตและ การพิจารณาจะไม่เปน็ ประโยชนต์ ่อประชาชนโดยสว่ นรวม (๖) เรื่องท่ีผู้ร้องเรียนได้รับการแก้ไขความ เดอื ดร้อนหรอื ความไมเ่ ปน็ ธรรมอย่างเหมาะสมแลว้

391 (๗) เรื่องท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินเคยสรุปผล การพิจารณาแล้ว  เว้นแต่จะปรากฏพยานหลักฐานหรือ ข้อเทจ็ จริงใหมอ่ ันอาจทำ�ให้ผลการพจิ ารณาเปล่ยี นแปลงไป (๘) เร่อื งอื่นตามมติทผ่ี ตู้ รวจการแผ่นดินกำ�หนด ในกรณีท่ีความปรากฏในภายหลังว่าเป็นเร่ืองท่ีมี ลักษณะตามวรรคหนง่ึ ให้ผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ สั่งยุติเร่อื ง มาตรา ๓๘ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งผลการ แจง้ ผล ด�ำ เนนิ การตามมาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๖ หรือการไมร่ บั การดำ�เนินการ พิจารณาหรือยุติเรื่องตามมาตรา  ๓๗  ให้ผู้ร้องเรียนหรือ หน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้องทราบโดยในกรณีท่ีไม่รับไว้ พจิ ารณาหรอื ใหย้ ตุ เิ รอ่ื ง ใหร้ ะบเุ หตผุ ลใหผ้ รู้ อ้ งเรยี นทราบดว้ ย มาตรา ๓๙ ภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับ การจัดทำ�รายงาน แต่วันส้ินปีงบประมาณ  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำ�รายงาน ประจำ�ปี ประจำ�ปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา  โดยอย่างน้อย ให้ผ้ตู รวจการแผ่นดินสรุปปัญหาอุปสรรค  และข้อเสนอแนะ ในการดำ�เนินการด้วย  และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ เป็นการท่วั ไป ทั้งนี้ ใหผ้ ้ตู รวจการแผน่ ดินมาแถลงรายงาน ประจำ�ปตี ่อรฐั สภาด้วย ความในวรรคหน่งึ ไม่เป็นการตัดอำ�นาจผ้ตู รวจการ แผน่ ดนิ ทจ่ี ะรายงานใหค้ ณะรฐั มนตรหี รอื รฐั สภา  หรอื เผยแพร่ ให้ประชาชนทราบเป็นพิเศษเฉพาะเร่ือง  เพราะเป็นกรณี เร่งดว่ นหรอื จะเป็นประโยชน์ต่อการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ

392 การจัดทำ�รายงานตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ให้กระทำ�เป็นการสรุปโดยมิให้ระบุรายละเอียดอันเป็นการ เปิดเผยความลับของบุคคลหรือหน่วยงานของรัฐท่ี เกยี่ วข้องโดยไมจ่ ำ�เปน็ หมวด ๓ ส�ำ นกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ส�ำ นักงาน มาตรา ๔๐ ให้มีสำ�นักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผน่ ดิน มีฐานะเป็นนิติบุคคล  และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา กำ�กับดูแล และรับผดิ ชอบร่วมกนั ของผ้ตู รวจการแผน่ ดิน กจิ การของส�ำ นกั งานไมอ่ ยภู่ ายใตบ้ งั คบั แหง่ กฎหมาย วา่ ดว้ ยการคมุ้ ครองแรงงาน  กฎหมายวา่ ดว้ ยแรงงานสมั พนั ธ์ กฎหมายว่าดว้ ยการประกนั สงั คม และกฎหมายวา่ ด้วยเงนิ ทดแทน  แต่พนักงานและลูกจ้างของสำ�นักงานต้องได้รับ ประโยชน์ตอบแทน  ไม่น้อยกว่าที่กำ�หนดไว้ในกฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน  กฎหมายว่าด้วยการประกัน สงั คม และกฎหมายว่าดว้ ยเงินทดแทน หน้าทแ่ี ละอ�ำ นาจ มาตรา ๔๑ สำ�นักงานมีหน้าที่และอำ�นาจ ของสำ�นกั งาน ดงั ต่อไปน้ี ผู้ตรวจการแผน่ ดิน (๑) รับผิดชอบงานธุรการและดำ�เนินการเพ่ือให้ ผู้ตรวจการแผ่นดินบรรลุภารกิจและหน้าท่ีตามท่ีกำ�หนดไว้

393 ในรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และ กฎหมายอน่ื (๒) อำ�นวยความสะดวก  ช่วยเหลือ  ส่งเสริม และสนับสนนุ การปฏิบตั ิงานของผตู้ รวจการแผ่นดนิ (๓) ศึกษา  รวบรวม  วิเคราะห์ข้อมูล  และ สนับสนุนให้มกี ารวจิ ัยเกี่ยวกบั งานของผตู้ รวจการแผ่นดนิ (๔) ดำ�เนินการหรือส่งเสริมและสนับสนุนหรือ ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐหรือภาคเอกชนในการ เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเก่ียวกับการ ด�ำ เนินการตามหน้าทแี่ ละอำ�นาจของผูต้ รวจการแผ่นดิน (๕) ปฏิบัติหน้าที่อ่ืนใดตามท่ีมีกฎหมายกำ�หนด หรอื ทีผ่ ู้ตรวจการแผน่ ดินมีมตมิ อบหมาย มาตรา ๔๒ ในการกำ�กับดูแลสำ�นักงาน  ให้ อ�ำ นาจของ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำ�นาจออกระเบียบหรือประกาศ  ผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ ในเรอ่ื งดงั ต่อไปน้ี (๑) การจัดแบ่งส่วนงานของสำ�นักงานและ ขอบเขตหนา้ ทข่ี องส่วนงานดงั กล่าว (๒) การก�ำ หนดต�ำ แหนง่ อตั ราเงนิ เดอื น เงนิ เพม่ิ พิเศษสำ�หรับตำ�แหน่งและค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อ่นื ของเลขาธกิ าร พนกั งานและลูกจ้างของส�ำ นกั งาน (๓) การคดั เลอื ก  การบรรจ ุ การแตง่ ตง้ั   การก�ำ หนด มาตรฐานทางจริยธรรม  สมรรถภาพการประเมินผลการ

394 ปฏิบัติงาน  วินัยและการลงโทษทางวินัย  การออกจาก ต�ำ แหน่ง การรอ้ งทุกขแ์ ละการอุทธรณก์ ารลงโทษ สำ�หรับ เลขาธิการและพนักงานของสำ�นักงาน  รวมทั้งวิธีการและ เง่ือนไขในการจา้ งลูกจ้างของส�ำ นกั งาน (๔) การบริหารจัดการการเงินและทรัพย์สิน การงบประมาณ และการพัสดขุ องสำ�นักงาน (๕) การจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อ่ืนซ่ึง รวมถึงการจัดให้มีกองทุนสำ�รองเลี้ยงชีพแก่เลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำ�นักงาน  และหลักเกณฑ์และ เง่ือนไขการจ่ายเงินชดเชยในกรณีเลขาธิการดำ�รงตำ�แหน่ง ครบวาระ (๖) การกำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการการได้มา ซ่งึ เลขาธกิ าร (๗) การกำ�หนดเคร่อื งแบบและการแต่งเคร่อื งแบบ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน  เลขาธิการ  พนักงาน  และลูกจ้าง ของส�ำ นกั งาน (๘) การอ่ืนใดอันจำ�เป็นต่อการกำ�กับหรือ ควบคุมการดำ�เนินงานของสำ�นักงานหรือการบังคับบัญชา เลขาธิการ  พนักงานหรือลูกจ้างของสำ�นักงาน  หรือการ ท�ำ ใหบ้ ุคคลดังกล่าวท�ำ งานได้อย่างมีประสิทธภิ าพ การดำ�เนินการตาม  (๑)  ต้องคำ�นึงถึงความมี ประสิทธภิ าพ ความค้มุ คา่ และความคล่องตัว

395 การกำ�หนดตาม  (๒)  ต้องคำ�นึงถึงค่าครองชีพ และความเพยี งพอในการด�ำ รงชพี   และภาระความรบั ผดิ ชอบ ที่แตกต่างกันของพนักงานและลูกจ้างแต่ละสายงานและ ระดับด้วย ในการออกระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ตามวรรคหนง่ึ   ใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ ค�ำ นงึ ถงึ ความเทย่ี งธรรม ขวัญและกำ�ลังใจของบุคลากร  โดยจะกำ�หนดให้มี คณะบุคคลเพื่อกำ�กับ  ดูแล  หรือพิจารณาคำ�ร้องทุกข์หรือ คำ�อทุ ธรณ์ที่เป็นอสิ ระดว้ ยกไ็ ด้ มาตรา ๔๓ ใ ห้ ผู้ ต ร ว จ ก า ร แ ผ่ น ดิ น อ อ ก ขอ้ กำ�หนด ข้อกำ�หนดทางจริยธรรมข้ึนใช้บังคับแก่พนักงานและ ทางจรยิ ธรรม ลูกจ้างของสำ�นักงาน  ท้งั น้ ี ข้อกำ�หนดทางจริยธรรมดังกล่าว ต้องระบุด้วยว่าการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้ รับโทษอยา่ งใด มาตรา ๔๔ ให้สำ�นักงานมีเลขาธิการคนหนึ่ง เลขาธิการ ซ่งึ ประธานผ้ตู รวจการแผ่นดินแต่งต้งั ตามมติของผ้ตู รวจการ สำ�นกั งาน แผ่นดิน  เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ สำ�นักงาน  และรับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำ�นักงาน ขึ้นตรงต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน  ผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีมติ กำ�หนดให้มีรองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยส่ังและปฏิบัติงานรอง จากเลขาธิการก็ได้

396 ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินประชุมร่วมกัน  ให้ เลขาธิการท�ำ หนา้ ท่เี ป็นเลขานุการของทีป่ ระชมุ ผ้ตู รวจการ แผน่ ดิน คณุ สมบตั ิ มาตรา ๔๕ เลขาธิการต้องเป็นผ้มู ีความซ่อื สัตย์ ของเลขาธิการ สุจริตเป็นท่ปี ระจักษ์ มสี ญั ชาติไทย มอี ายุไมเ่ กนิ หกสบิ ปี สำ�นกั งาน ในวันท่ีได้รับแต่งตั้งและมีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีในขณะ ดำ�รงตำ�แหนง่ เลขาธกิ ารและมคี ณุ วุฒิ ประสบการณ์ และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ความเชี่ยวชาญอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของ ส�ำ นักงานตามระเบียบที่ผูต้ รวจการแผ่นดนิ ก�ำ หนด เลขาธิการมีวาระการดำ�รงตำ�แหน่งคราวละห้าปี นับแต่วันท่ีได้รับแต่งต้ัง  และอาจได้รับแต่งต้ังใหม่ได้แต่ ไมเ่ กินสองวาระติดต่อกัน การพ้น มาตรา ๔๖ นอกจากการพ้นจากตำ�แหน่งตาม จากตำ�แหน่ง วาระ เลขาธิการพ้นจากต�ำ แหนง่ เมื่อ ของเลขาธกิ าร (๑) ตาย (๒) ลาออก สำ�นักงาน (๓) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตาม ผู้ตรวจการแผ่นดนิ มาตรา ๔๕ (๔) ไม่สามารถทำ�งานได้เต็มเวลา (๕) ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้พ้นจากตำ�แหน่ง เนือ่ งจากมีความประพฤตเิ สื่อมเสีย หรือมกี ารกระท�ำ หรอื มี คุณลักษณะไมเ่ หมาะสมตอ่ การปฏิบัติหนา้ ทเี่ ลขาธกิ าร (๖) เปน็ ไปตามเงื่อนไขทก่ี ำ�หนดไว้ในสญั ญาจา้ ง

397 มาตรา ๔๗ เลขาธิการมีหน้าท่ีและอำ�นาจ หน้าทแ่ี ละอำ�นาจ ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานโดยทั่วไปของสำ�นักงานให้เป็น ของเลขาธกิ าร ไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติของผู้ตรวจการ สำ�นกั งาน แผน่ ดนิ และให้มหี น้าท่ีและอ�ำ นาจดงั ต่อไปน้ดี ว้ ย ผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ (๑) บรรจุ แต่งตงั้ เลือ่ น ลดเงนิ เดือนหรือคา่ จา้ ง ลงโทษทางวนิ ยั พนกั งานหรอื ลกู จา้ งของส�ำ นกั งาน ตลอดจน ให้พนักงานหรือลูกจ้างของสำ�นักงานออกจากตำ�แหน่ง ทั้งน้ี ตามระเบียบของผู้ตรวจการแผน่ ดนิ (๒) วางระเบียบเก่ียวกับการปฏิบัติงานของ สำ�นักงานเท่าที่ไม่ขัดกับระเบียบหรือประกาศหรือมติของ ผู้ตรวจการแผน่ ดิน (๓) หน้าท่ีและอำ�นาจตามท่ีกำ�หนดไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีหรือกฎหมายอื่น และตามที่ผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ ก�ำ หนด การออกระเบียบตาม  (๒)  ต้องไม่มีลักษณะ เป็นการสร้างข้ันตอนโดยไม่จำ�เป็น  เกิดความล่าช้าหรือ ขาดประสทิ ธิภาพในการปฏิบตั งิ าน มาตรา ๔๘ ในกิจการของสำ�นักงานท่ีเก่ียวกับ การปฏิบตั ิงานแทน บุคคลภายนอก  ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของสำ�นักงาน เลขาธกิ าร เพอื่ การนี้ เลขาธกิ ารจะมอบอ�ำ นาจใหบ้ คุ คลใดปฏบิ ตั ิงาน สำ�นกั งาน แทนกไ็ ด้ตามระเบียบที่ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ก�ำ หนด ผู้ตรวจการแผ่นดิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook