246 (๘) การอ่ืนใดอันจำ�เป็นต่อการกำ�กับหรือ ควบคุมการดำ�เนินงานของสำ�นักงานหรือการบังคับบัญชา เลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำ�นักงาน หรือการ ท�ำ ใหบ้ คุ คลดงั กล่าวทำ�งานไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ การดำ�เนินการตาม (๑) ต้องคำ�นึงถึงความมี ประสทิ ธิภาพ ความคุ้มค่า และความคลอ่ งตวั การกำ�หนดตาม (๒) ต้องคำ�นึงถึงค่าครองชีพ และความเพียงพอในการดำ�รงชีพและภาระความรับผิดชอบ ท่ีแตกต่างกันของพนักงานและลูกจ้างแต่ละสายงานและ ระดับด้วย ในการออกระเบียบเก่ียวกับการบริหารงานบุคคล ตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการคำ�นึงถึงความเที่ยงธรรม ขวญั และก�ำ ลงั ใจของบคุ ลากร โดยจะก�ำ หนดใหม้ คี ณะบคุ คล เพ่อื กำ�กับ ดูแล หรือพจิ ารณาค�ำ รอ้ งทุกข์หรือค�ำ อุทธรณ์ ท่ีเป็นอสิ ระดว้ ยก็ได้ ขอ้ ก�ำ หนด มาตรา ๕๓ ให้คณะกรรมการออกข้อกำ�หนด ทางจรยิ ธรรม ทางจริยธรรมข้ึนใช้บังคับแก่พนักงานและลูกจ้างของ ของส�ำ นกั งานฯ ส�ำ นักงาน ทั้งน้ี ขอ้ กำ�หนดทางจริยธรรมดงั กล่าวต้องระบุ ดว้ ยวา่ การฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามจะตอ้ งไดร้ บั โทษอยา่ งใด ในกรณีท่ีมีเหตุอันควรสงสัยโดยมีหลักฐานตาม สมควรว่าพนักงานหรือลูกจ้างของสำ�นักงานผู้ใดกระทำ� การใดโดยไม่สุจริตหรือเอ้ือประโยชน์หรือกล่ันแกล้งผู้ใดใน การปฏบิ ตั หิ นา้ ทห่ี รอื ในการด�ำ เนนิ การเลอื กตง้ั ใหด้ �ำ เนนิ การ ทางวนิ ยั โดยเร็ว และในระหว่างนัน้ ให้คณะกรรมการย้าย
247 ผู้นั้นให้พ้นจากตำ�แหน่งหน้าที่หรือจากท้องท่ีที่ผู้นั้นปฏิบัติ หน้าท่ีอยทู่ ันที ให้นำ�ความในวรรคสองมาใช้บังคับแก่เลขาธิการ ด้วยโดยอนุโลม โดยให้คณะกรรมการมีอำ�นาจสั่งให้หยุด ปฏบิ ัติหน้าท่ีไว้พลางก่อนได้ มาตรา ๕๔ ให้สำ�นักงานมีเลขาธิการคนหน่ึง เลขาธกิ าร ซ่ึงประธานกรรมการแต่งต้ังตามมติของคณะกรรมการ คณะกรรมการ เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำ�นักงาน และ การเลอื กต้ัง รบั ผดิ ชอบการปฏบิ ตั งิ านของส�ำ นกั งานขน้ึ ตรงตอ่ คณะกรรมการ คณะกรรมการจะกำ�หนดให้มีรองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยส่ัง และปฏบิ ตั ิงานรองจากเลขาธกิ ารกไ็ ด้ ให้เลขาธิการทำ�หน้าที่เป็นเลขานุการของ คณะกรรมการ มาตรา ๕๕ เลขาธิการต้องเป็นผู้มีความเป็น คณุ สมบตั ิและวาระ กลางทางการเมือง ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด การด�ำ รงต�ำ แหนง่ ในระยะเวลาสิบปีก่อนได้รับแต่งต้ัง มีความซ่ือสัตย์สุจริต ของเลขาธิการ เป็นที่ประจักษ์ มีสัญชาติไทยมีอายุไม่เกินหกสิบปีในวันท่ี คณะกรรมการ ได้รับแต่งตั้งและมีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีในขณะดำ�รง การเลอื กต้ัง ตำ�แหน่งเลขาธกิ ารและมีคุณวุฒิ ประสบการณ์ และความ เชี่ยวชาญอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของ สำ�นักงานตามทคี่ ณะกรรมการกำ�หนด เลขาธิการมีวาระการดำ�รงตำ�แหน่งคราวละห้าปี นับแต่วันท่ีได้รับแต่งต้ัง และอาจได้รับแต่งต้ังใหม่ได้ แต่ ไมเ่ กนิ สองวาระติดต่อกัน
248 การพน้ จาก มาตรา ๕๖ นอกจากการพ้นจากตำ�แหน่งตาม ต�ำ แหนง่ วาระ เลขาธกิ ารพ้นจากตำ�แหน่งเมอ่ื (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา ๕๕ (๔) ไม่สามารถทำ�งานไดเ้ ต็มเวลา (๕) คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากตำ�แหน่งด้วย คะแนนเสียงเกินก่ึงหน่ึงของจำ�นวนกรรมการทั้งหมดเท่าท่ี มีอยู่ เนื่องจากมีความประพฤติเส่ือมเสีย หรือมีการ กระทำ�หรือมีคุณลักษณะไม่เหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการ (๖) เปน็ ไปตามเงอ่ื นไขทก่ี �ำ หนดไวใ้ นสญั ญาจา้ ง หน้าทแ่ี ละอ�ำ นาจ มาตรา ๕๗ ภายใต้บงั คับมาตรา ๕๙ เลขาธิการ ของเลขาธิการฯ มีหน้าที่และอำ�นาจควบคุมดูแลการปฏิบัติงานโดยท่ัวไป ของสำ�นักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติของคณะกรรมการและให้มีหน้าที่และอำ�นาจ ดังตอ่ ไปน้ีดว้ ย (๑) บรรจุ แต่งต้ัง ถอดถอน เลอ่ื น ลดเงินเดอื น หรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัยพนักงานหรือลูกจ้างของ สำ�นักงาน ตลอดจนให้พนักงานหรือลูกจ้างของสำ�นักงาน ออกจากต�ำ แหนง่ ทัง้ นี้ ตามระเบยี บของคณะกรรมการ
249 (๒) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ สำ�นักงานเท่าท่ีไม่ขัดกับระเบียบหรือประกาศหรือมติของ คณะกรรมการ (๓) หน้าที่และอำ�นาจตามท่ีกำ�หนดไว้ในพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายอ่ืนและ ตามทคี่ ณะกรรมการกำ�หนด มาตรา ๕๘ ในกิจการของสำ�นักงานท่ีเกี่ยวกับ การปฏิบัติงานแทน บุคคลภายนอก ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของสำ�นักงาน เลขาธกิ ารฯ เพ่ือการนี้ เลขาธิการจะมอบอ�ำ นาจใหบ้ ุคคลใดปฏิบัตงิ าน แทนกไ็ ด้ ตามระเบยี บทคี่ ณะกรรมการก�ำ หนด ในการดำ�เนินการตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นกิจการ ส�ำ คัญเก่ียวกับการเลือกต้ัง การงบประมาณของส�ำ นกั งาน และกิจการอ่ืนใดที่มีผลต่อการปฏิบัติภารกิจของคณะ กรรมการตามท่ีคณะกรรมการกำ�หนด ให้เลขาธิการขอ ความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน มาตรา ๕๙ คณะกรรมการมีอำ�นาจแต่งต้ัง การแต่งตั้ง พนักงานของสำ�นักงานเป็นผู้อำ�นวยการการเลือกตั้ง ผู้อำ�นวยการ ประจำ�จังหวัดในแต่ละจังหวัดเพื่อปฏิบัติหน้าท่ีและมี การเลอื กตัง้ อ�ำ นาจตามท่คี ณะกรรมการก�ำ หนด ประจำ�จังหวดั หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้ง ผู้อำ�นวยการการเลือกตั้งประจำ�จังหวัดให้เป็นไปตามที่ คณะกรรมการก�ำ หนด
250 ใหน้ ำ�ความในมาตรา ๕๓ วรรคสอง มาใชบ้ งั คบั แก่ผู้อ�ำ นวยการการเลอื กตง้ั ประจ�ำ จังหวดั ดว้ ย การเสนอ มาตรา ๖๐ ให้คณะกรรมการเสนองบประมาณ งบประมาณ รายจ่าย เพ่ือจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนของคณะกรรมการ รายจา่ ยฯ และสำ�นักงานไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำ�ปีหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ในกรณีท่คี ณะกรรมการเห็นว่างบประมาณรายจ่าย ที่ได้รับการจัดสรรให้ไม่เพียงพอให้คณะกรรมการเสนอ คำ�ขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ ของสภาผแู้ ทนราษฎรได้โดยตรง ในการเสนองบประมาณรายจ่ายตามวรรคหน่ึง และวรรคสอง ใหค้ ณะกรรมการแจง้ ให้คณะรฐั มนตรที ราบ ถึงรายได้และทรัพย์สินที่มีอยู่ดว้ ย ในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังมากกว่า งบประมาณที่สำ�นักงานได้รับ ให้รัฐอุดหนุนค่าใช้จ่ายให้ เพียงพอกบั การด�ำ เนินงานของคณะกรรมการ การจดั ทำ� มาตรา ๖๑ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณ งบประมาณ รายจ่ายประจำ�ปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย รายจา่ ยฯ เพ่ิมเตมิ ตามมาตรา ๖๐ ใช้บงั คบั แล้ว ให้ส�ำ นกั งานจดั ทำ� งบประมาณรายจ่ายประจำ�ปีเพ่ือขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการ และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการ ทั่วไป
251 การใช้จ่ายเงินของสำ�นักงานต้องเป็นไปตามที่ ระบุไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำ�ปีตามวรรคหน่ึงเว้น แตจ่ ะไดร้ บั อนุมตั ิจากคณะกรรมการเป็นการเฉพาะกรณี ในการเบิกงบประมาณท่ีได้รับการจัดสรร ให้ สำ�นักงานส่งข้อมูลคำ�ขอเบิกงบประมาณต่อกรมบัญชีกลาง โดยใหร้ ะบจุ �ำ นวนเงนิ ทจ่ี ะตอ้ งใชใ้ นแตล่ ะงวด งวดละสามเดอื น และให้กรมบัญชีกลางสั่งจ่ายเงินให้แก่สำ�นักงานภายใน สามวันก่อนวันขึ้นงวดใหม่ แต่ในกรณีที่สำ�นักงานมีความ จ�ำ เปน็ ตอ้ งใชเ้ งนิ มากกวา่ ทไ่ี ดแ้ จง้ ไวใ้ นงวดใด ใหก้ รมบญั ชกี ลาง จา่ ยใหต้ ามทสี่ �ำ นักงานร้องขอ มาตรา ๖๒ รายได้และทรัพย์สินในการดำ�เนิน รายได้และทรพั ยส์ ิน กิจการของสำ�นกั งาน ประกอบดว้ ย ของสำ�นกั งานฯ (๑) เงินอดุ หนนุ ทีไ่ ด้รับตามมาตรา ๖๑ (๒) รายได้จากค่าธรรมเนียมหรือทรัพย์สินของ ส�ำ นกั งาน (๓) ทรพั ยส์ นิ ทีม่ ีผ้อู ุทิศใหแ้ กส่ ำ�นกั งาน (๔) ดอกผลหรือผลประโยชน์ของเงินหรือ ทรพั ย์สนิ ของส�ำ นักงาน (๕) รายได้อืน่ ตามท่ีกฎหมายก�ำ หนด ในการรับทรัพย์สินตาม (๓) ให้คำ�นึงถึงความ เปน็ กลางในการปฏิบัติหน้าที่ และในกรณีทคี่ ณะกรรมการ เห็นว่าการรับทรัพย์สินดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อความ เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าท่ีของสำ�นักงาน จะสั่งให้
252 สำ�นักงานไม่รับทรัพย์สินน้ันหรือให้คืนทรัพย์สินน้ันแก่ ผอู้ ุทิศให้กไ็ ด้ การจัดทำ�รายงาน มาตรา ๖๓ ร า ย ไ ด้ ข อ ง สำ � นั ก ง า น ไ ม่ เ ป็ น การรบั และ รายได้ท่ีต้องนำ�ส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง การใช้จา่ ย กฎหมายว่าดว้ ยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายอื่น ใหส้ �ำ นกั งานจดั ท�ำ รายงานการรบั และการใชจ้ า่ ยเงนิ ตามวรรคหนึ่งเสนอต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีเมื่อ สนิ้ ปงี บประมาณทกุ ปี อสงั หารมิ ทรพั ยซ์ ง่ึ ส�ำ นกั งานไดก้ รรมสทิ ธม์ิ าไมว่ า่ จากการซื้อ หรอื มผี ู้ยกให ้ ใหเ้ ปน็ ท่ีราชพสั ดแุ ตส่ ำ�นกั งาน มีอำ�นาจในการปกครองดูแล ใช ้ หรอื หาประโยชนไ์ ด้ มาตรา ๖๔ ทรัพย์สินของสำ�นักงานไม่อยู่ใน ความรับผดิ แห่งการบังคับคดี และผใู้ ดจะยกอายคุ วามขึ้น เปน็ ข้อต่อสมู้ ไิ ด้ การจดั ทำ�งบดุล มาตรา ๖๕ ให้สำ�นักงานจัดทำ�งบดุล งบการ งบการเงิน เงนิ และบญั ชีท�ำ การ สง่ ผู้สอบบัญชีภายในเกา้ สิบวันนบั และบัญชี แต่วันสิ้นปบี ญั ชี ให้สำ�นักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบ บัญชีของสำ�นักงาน โดยให้ทำ�การตรวจสอบรับรองบัญชี และการเงินทุกประเภทของสำ�นักงาน รวมทั้งประเมิน ผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำ�นักงาน โดยแสดง ให้เห็นด้วยว่าการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยดั ไดผ้ ลตามเปา้ หมายมปี ระสทิ ธภิ าพ เกดิ ผลสมั ฤทธ์ิ
253 และคุ้มค่าเพียงใด แล้วทำ�รายงานเสนอผลการสอบบัญชี ต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี โดยไม่ชักชา้ หมวด ๔ บทก�ำ หนดโทษ มาตรา ๖๖ ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ บทก�ำ หนดโทษ คณะกรรมการ กรรมการ เลขาธิการ ผู้อำ�นวยการการ เลอื กตัง้ ประจำ�จังหวัด ผตู้ รวจการเลือกตัง้ กรรมการหรอื อนุกรรมการซ่ึงคณะกรรมการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหม่ืนบาทหรอื ท้งั จ�ำ ทงั้ ปรบั ถ้าการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหน่ึง ได้กระทำ�โดยใช้กำ�ลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำ�ลัง ประทุษร้าย หรือเพ่ือให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเท่ียงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้กระท�ำ ต้องระวางโทษจ�ำ คกุ ไมเ่ กินหา้ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กิน หน่งึ แสนบาท หรอื ท้งั จ�ำ ท้งั ปรบั มาตรา ๖๗ ผู้ ใ ด ไ ม่ ป ฏิ บั ติ ต า ม คำ � สั่ ง ข อ ง คณะกรรมการที่ส่ังตามมาตรา ๒๔ (๒) ต้องระวางโทษ จำ�คกุ ไม่เกนิ หกเดอื น หรือปรับไม่เกนิ หน่งึ หมน่ื บาท หรือ ทั้งจำ�ทั้งปรบั
254 มาตรา ๖๘ ผู้ใดซ่ึงได้ล่วงรู้ข้อมูลหรือแหล่ง ข้อมูลทคี่ ณะกรรมการไดร้ บั แจ้งตามมาตรา ๓๒ (๓) แลว้ เปิดเผยข้อมูลหรือแหล่งข้อมูลน้ันต่อบุคคลอื่นซ่ึงมิใช่ คณะกรรมการหรือผู้มีหน้าที่และอำ�นาจในการใช้ข้อมูล นัน้ ตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู นี้ หรอื ฝ่าฝนื มาตรา ๔๑ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกินห้าปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนึง่ แสนบาท หรือทั้งจ�ำ ทง้ั ปรบั ถ้าผู้กระทำ�ความผิดตามวรรคหน่ึงเป็นกรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกต้ังหรือเป็นพนักงานหรือ ลูกจ้างของส�ำ นักงาน ต้องระวางโทษเป็นสองเทา่ ของโทษ ที่ก�ำ หนดไว้ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๖๙ กรรมการ เลขาธกิ าร ผูอ้ �ำ นวยการ การเลือกตั้งประจำ�จังหวัด ผู้ตรวจการเลือกตั้ง กรรมการ หรืออนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งต้ังตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ พนักงานและลูกจ้างของ สำ�นักงาน และเจ้าหน้าที่ที่เก่ียวข้องกับการเลือกตั้ง ผู้ใด กระทำ�การหรือละเว้นการกระทำ�อันมิชอบด้วยหน้าท่ี ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนง่ึ แสนบาท หรือท้ังจำ�ท้ังปรับและให้ศาลส่ังเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็น เวลาสบิ ปี ถ้าการกระทำ�ตามวรรคหนึ่งได้กระทำ�โดยทุจริต ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๔๙ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ สมัครรบั เลอื กต้งั ของผ้นู ้นั ด้วย
255 บทเฉพาะกาล มาตรา ๗๐ ให้ประธานกรรมการการเลือกต้ัง บทเฉพาะกาล และกรรมการการเลือกตั้งซ่ึงดำ�รงตำ�แหน่งอยู่ในวันก่อน วันท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ พ้นจากตำ�แหน่งนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ แต่ให้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าประธานกรรมการการเลือกต้ังและกรรมการการ เลือกต้งั ทแ่ี ตง่ ตั้งข้นึ ใหม่จะเข้ารบั หน้าที่ ให้ผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปตามวรรคหน่ึง มีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำ�ตำ�แหน่งและประโยชน์ ตอบแทนอ่ืนตามท่ีได้รับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับและให้มีสิทธิได้รับบำ�เหน็จ ตอบแทนตามมาตรา ๔๐ โดยให้ถือว่าเป็นการพ้นจาก ตำ�แหน่งเพราะลาออกโดยให้คำ�นวณระยะเวลาตั้งแต่วันท่ี ไดร้ บั โปรดเกล้าฯ แตง่ ตง้ั จนถึงวันท่ีหยุดปฏิบัติหน้าท่ี ในกรณีผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปตามวรรคหน่ึง ตาย ลาออก หรอื ไมอ่ าจปฏิบตั ิหนา้ ทไี่ ดไ้ มว่ ่าดว้ ยเหตใุ ด และมีผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ให้นำ�ความ ในมาตรา ๑๗ วรรคสาม มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม มาตรา ๗๑ ภายในย่ีสิบวันนับแต่วันท่ีพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับให้ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระที่มิใช่คณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่งตั้ง
256 และส่งชื่อผู้แทนให้สำ�นักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพ่ือ ประกอบเป็นคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา ๑๑ มาตรา ๗๒ ให้คณะกรรมการสรรหาตาม มาตรา ๗๑ และท่ีประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำ�เนินการสรรหา หรือคัดเลือกผู้สมควรได้รับการแต่งต้ังเป็นกรรมการการ เลือกต้ังตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้ว เสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู นใี้ ชบ้ งั คับ มาตรา ๗๓ ให้เลขาธิการคณะกรรมการการ เลือกต้ังซ่ึงดำ�รงตำ�แหน่งอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับและมีคุณสมบัติและไม่มี ลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ยังคงเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกต้ังตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ท้ังนี้ ตามสัญญา จา้ งท่ที ำ�ไว้ต่อกนั ในกรณีท่ีมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะ ต้องห้ามของเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งตาม วรรคหนึง่ ใหค้ ณะกรรมการการเลือกตงั้ เปน็ ผูว้ นิ ิจฉัย มาตรา ๗๔ ให้กรรมการการเลือกตั้งประจำ� จังหวัดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นอันพ้นจาก ตำ�แหน่งตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ใช้บงั คบั
257 มาตรา ๗๕ บรรดาระเบยี บข้อกำ�หนดประกาศ คำ�ส่ัง หรือมติของคณะกรรมการการเลือกต้ังที่ออกตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ การเลือกต้ัง พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่ึงใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันท่ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้มีผล ใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีระเบียบ ข้อกำ�หนด ประกาศ คำ�ส่ัง หรือมติตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญนี้ มาตรา ๗๖ ให้สำ�นักงานคณะกรรมการการ เลือกต้ังตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกต้ัง พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นสำ�นักงาน คณะกรรมการการเลือกต้ังตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ี บรรดาสิทธิ หน้าท่ี และความผูกพันใด ๆ ที่สำ�นักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๕๐ มีอยู่กับบุคคลใดในวันก่อนวันท่ีพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้โอนมาเป็นของ สำ�นักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู น้ี
258 มาตรา ๗๗ ให้โอนบรรดาพนักงานและลูกจ้าง ของสำ�นักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราช บญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลอื กตง้ั พ.ศ. ๒๕๕๐ มาเป็นของสำ�นักงานคณะกรรมการการ เลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี และ ให้ถือว่าสิทธิและประโยชน์อื่นใดซึ่งพนักงานหรือลูกจ้าง ดังกล่าวได้รับตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตัง้ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นสิทธแิ ละ ประโยชน์อ่ืนใดที่ได้รับต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ เวน้ แต่จะมีระเบยี บทอ่ี อกตามมาตรา ๕๒ (๒) กำ�หนดไวเ้ ป็นอยา่ งอน่ื มาตรา ๗๘ การดำ�เนินการสืบสวนสอบสวน การไต่สวน การดำ�เนินคดีหรือการดำ�เนินการอื่นใดตาม อำ�นาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือสำ�นักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกต้งั พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่ ง ดำ � เ นิ น ก า ร ก่ อ น วั น ที่ พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รฐั ธรรมนญู น้ใี ชบ้ ังคบั ให้ถือวา่ การนนั้ เปน็ การดำ�เนนิ การ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และการ ดำ�เนินการต่อไปให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้
259 ในกรณีท่ีมีปัญหาในการดำ�เนินการในเรื่องใดที่ ยังค้างพิจารณาอยู่ และมิได้บัญญัติวิธีดำ�เนินการไว้ใน พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญนี้ การด�ำ เนนิ การนน้ั ต่อไปให้ด�ำ เนนิ การตามมติของคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ผู้รบั สนองพระราชโองการ พลเอก ประยทุ ธ์ จันทร์โอชา นายกรฐั มนตรี
260 หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับน้ี คือ โดยที่บทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้มีพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการ เลือกต้ัง เพื่อให้มีคณะกรรมการการเลือกต้ังปฏิบัติหน้าท่ี ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามกฎหมายที่กำ�หนดให้เป็นหน้าท่ีและอำ�นาจของ คณะกรรมการการเลอื กตง้ั จงึ จ�ำ เปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนูญนี้ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๓๓๔ ตอนท่ี ๙๓ ก วนั ท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐
261 พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐
263 พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจา้ อยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันท่ี ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เปน็ ปีท่ี ๒ ในรชั กาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกรู มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยท่ีเป็น การสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยพรรคการเมือง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ น้ี มี บทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำ�กัดสิทธิและเสรีภาพ ของบคุ คล ซึง่ มาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๔ และ มาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย บัญญตั ิ ให้กระทำ�ได้โดยอาศัยอำ�นาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
264 เหตุผล และความจำ�เป็นในการจำ�กัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพ่ือให้การจัดต้ัง การบริหารงาน และการดำ�เนินกิจกรรม ของพรรคการเมืองเป็นไปโดยเปิดเผยและตรวจสอบได้ เปดิ โอกาสใหส้ มาชกิ มสี ว่ นรว่ มอยา่ งกวา้ งขวางในการก�ำ หนด นโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกต้ัง รวมท้ังมีมาตรการ กำ�กับให้พรรคการเมืองสามารถดำ�เนินการโดยอิสระ ไม่ถูกครอบงำ�หรือช้ีนำ�โดยบุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกของ พรรคการเมือง ซ่ึงการตราพระราชบัญญัติประกอบ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ น้ี ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ เ ง่ื อ น ไ ข ท่ี บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ น มาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยแลว้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นไว้โดยคำ�แนะนำ�และ ยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำ�หน้าท่ีรัฐสภา ดังต่อไปนี้ เร่มิ บงั คบั ใช้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี เรียกว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐” มาตรา ๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ให้ใช้บังคับต้งั แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ต้นไป ผลการ มาตรา ๓ ให้ยกเลิก บังคบั ใช้ (๑) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐
265 (๒) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี นยิ ามของคำ� “พรรคการเมือง” หมายความว่า คณะบุคคล ทใ่ี ชใ้ น พ.ร.ป. น้ี ท่ีรวมตัวกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยได้จดทะเบียน ตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี “สมาชิก” หมายความว่า สมาชกิ พรรคการเมือง “นายทะเบียนสมาชิก” หมายความว่า ผู้ดำ�รง ต�ำ แหนง่ นายทะเบยี นในพรรคการเมอื ง “ ข้ อ บั ง คั บ ” ห ม า ย ค ว า ม ว่ า ข้ อ บั ง คั บ พรรคการเมอื ง “บริจาค” หมายความวา่ การใหเ้ งนิ หรอื ทรัพยส์ ิน แก่พรรคการเมืองนอกจากค่าธรรมเนียมและค่าบำ�รุง พรรคการเมอื ง และใหห้ มายความรวมถงึ การให้ประโยชน์ อ่ืนใดแก่พรรคการเมือง บรรดาท่ีสามารถคำ�นวณเป็นเงิน ได้ตามทค่ี ณะกรรมการกำ�หนดด้วย “ประโยชนอ์ นื่ ใด” หมายความรวมถงึ การใหใ้ ช้ ทรัพย์สิน การให้บริการ หรือการให้ส่วนลด โดยไม่มี ค่าตอบแทนหรือมีคา่ ตอบแทนท่ไี ม่เปน็ ไปตามปกตทิ างการคา้ และการทำ�ให้หนี้ท่ีพรรคการเมืองเป็นลูกหน้ีลดลงหรือ ระงับส้ินไปดว้ ย “กองทนุ ” หมายความวา่ กองทนุ เพือ่ การพัฒนา พรรคการเมอื ง
266 “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการ การเลือกตั้ง “นายทะเบียน” หมายความว่า นายทะเบียน พรรคการเมอื ง ตามมาตรา ๖ “ส�ำ นกั งาน” หมายความวา่ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการ การเลอื กตงั้ “จงั หวดั ” หมายความรวมถงึ กรงุ เทพมหานครดว้ ย “เขตเลือกต้งั ” หมายความว่า ทอ้ งทท่ี ่กี ำ�หนด เป็นเขตเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต เลอื กตง้ั หรือเขตเลือกสมาชิกวฒุ ิสภา แล้วแตก่ รณี การรักษาการ มาตรา ๕ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ฯ น้ี รกั ษาการตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู น้ี นายทะเบียน มาตรา ๖ ให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกต้งั พรรคการเมือง เป็นนายทะเบียนและมีหน้าที่และอำ�นาจตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ ภายใต้การกำ�กับและควบคุม ของคณะกรรมการ การปฏบิ ัติหน้าท่ี มาตรา ๗ ในการปฏิบัติหน้าท่ีของนายทะเบียน ของนายทะเบียน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ ี ให้นายทะเบียน พรรคการเมอื ง มีอำ�นาจเรียกบุคคลที่เก่ียวข้องมาให้คำ�ช้ีแจงหรือให้ ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เก่ียวข้องมาเพื่อประกอบการ พิจารณาได้ การแจง้ ยื่นหรือส่ง มาตรา ๘ ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบ เอกสารใหบ้ คุ คล รัฐธรรมนูญนี้มิได้กำ�หนดไว้เป็นประการอื่น การใดที่
267 กำ�หนดให้แจง้ ยนื่ หรอื ส่งหนงั สือหรอื เอกสารให้บคุ คลใด เป็นการเฉพาะ ถา้ ได้แจ้ง ย่นื หรอื ส่งหนงั สอื หรอื เอกสาร ใหบ้ ุคคลนน้ั ณ ภูมิลำ�เนาหรือทอี่ ยู่ทปี่ รากฏตามหลกั ฐาน ทางทะเบยี นตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการทะเบยี นราษฎร ใหถ้ อื วา่ ได้แจ้ง ยื่น หรือส่งโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ีแล้ว และในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้กำ�หนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้ประชาชน ทราบเป็นการทั่วไปให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการ อ่ืนใดท่ีประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก เป็นการดำ�เนินการโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญน้ีแล้ว ในกรณีท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี กำ�หนดให้คณะกรรมการหรือนายทะเบียนมีอำ�นาจกำ�หนด หรือมีคำ�ส่งั เร่อื งใด ถ้ามิได้กำ�หนดวิธีการไว้เป็นการเฉพาะ ให้คณะกรรมการหรือนายทะเบียนกำ�หนดโดยทำ�เป็น ประกาศ ระเบยี บ หรอื ค�ำ สง่ั แลว้ แตก่ รณี และถา้ ประกาศ ระเบยี บ หรอื ค�ำ สง่ั นน้ั ใชบ้ งั คบั แกบ่ คุ คลทว่ั ไปใหป้ ระกาศใน ราชกจิ จานเุ บกษาและใหด้ �ำ เนนิ การประกาศตามวรรคหนง่ึ ดว้ ย ทง้ั น ้ี ถา้ ประกาศ ระเบยี บ หรอื ค�ำ สง่ั ใดมกี ารก�ำ หนด ข้นั ตอนการดำ�เนินงานไว้ คณะกรรมการหรือนายทะเบียน ต้องกำ�หนดระยะเวลาการดำ�เนินงานในแต่ละขั้นตอนให้ ชัดเจนดว้ ย
268 หมวด ๑ การจัดตัง้ พรรคการเมอื ง คุณสมบัติ มาตรา ๙ บุคคลซึ่งมีอุดมการณ์ทางการเมือง ของสมาชิก ในแนวทางเดียวกัน และมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ พรรคการเมอื ง ตอ้ งหา้ มดงั ตอ่ ไปน ้ี จ�ำ นวนไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ รอ้ ยคนอาจรว่ มกนั ดำ�เนินการเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนไี้ ด้ (๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ในกรณีเป็น ผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ต้องได้สัญชาติไทย มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ ห้าปี (๒) มีอายไุ ม่ต�ำ่ กวา่ ยส่ี บิ ปี (๓) ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับ เลอื กตง้ั ตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๔) (๑๖) (๑๗) หรือ (๑๘) ของรัฐธรรมนญู (๔) อย่ใู นระหว่างถูกส่งั ห้ามมิให้ดำ�รงตำ�แหน่งใด ในพรรคการเมอื งตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู นี้ (๕) ไม่เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอ่ืนหรือ ผยู้ น่ื ค�ำ ขอจดทะเบยี นจดั ตง้ั พรรคการเมอื งอน่ื ตามมาตรา ๑๑ หรือผู้แจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองอื่นตาม มาตรา ๑๘ เพ่อื ประโยชน์ในการดำ�เนินการของพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องมีทุนประ๋เดิมไม่น้อยกว่าหน่ึงล้านบาท โดยผ้รู ่วมกันจัดต้งั พรรคการเมืองทุกคนต้องร่วมกันจ่ายเงิน
269 เพ่ือเป็นทุนประเดิมคนละไม่น้อยกว่าหนึ่งพันบาทแต่ ไมเ่ กนิ คนละห้าหม่นื บาท มาตรา ๑๐ ก่อนยื่นคำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้ง การด�ำ เนินการ พรรคการเมอื ง ผรู้ ว่ มกนั จดั ตง้ั พรรคการเมอื ง ตามมาตรา ๙ กอ่ นย่นื คำ�ขอจดั ต้ัง ต้องประชุมร่วมกันโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า พรรคการเมอื ง สองรอ้ ยหา้ สิบคนเพ่อื ด�ำ เนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ก�ำ หนดช่ือ ชือ่ ยอ่ และภาพเคร่ืองหมายของ พรรคการเมือง คำ�ประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของ พรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมือง และขอ้ บงั คับ (๒) เลือกหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการ พรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียน สมาชกิ และกรรมการบรหิ ารอน่ื ของพรรคการเมอื ง (๓) ดำ�เนินการอ่ืนอันจำ�เป็นต่อการจัดตั้ง พรรคการเมอื งตามทค่ี ณะกรรมการก�ำ หนด ชอ่ื ชอ่ื ยอ่ และ ภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองตาม (๑) ต้องไม่มี ลักษณะตามมาตรา ๑๔ และต้องไมซ่ ้�ำ พ้อง หรือคลา้ ยคลึง กับช่ือ ชื่อย่อ หรือภาพเคร่ืองหมายของพรรคการเมืองที่ จดทะเบยี นหรอื ทย่ี น่ื ขอจดทะเบยี นตามมาตรา ๙ อยกู่ อ่ นแลว้ หรือของพรรคการเมืองท่ีถูกยุบและยังไม่พ้นยี่สิบปีนับแต่ วันที่พรรคการเมืองนั้นถูกยุบ หรือของพรรคการเมืองท่ี มีผแู้ จ้งไวแ้ ล้วตามมาตรา ๑๘ และต้องไมซ่ �้ำ พอ้ ง หรอื คล้ายคลึงกับพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์หรือ พระนามของพระราชวงศ์ หรือท่ีมุ่งหมายให้หมายถึง พระมหากษัตริยห์ รอื พระราชวงศ์
270 การประชุมตามวรรคหน่ึงต้องมีบันทึกการประชุม เป็นลายลักษณ์อักษร และมติของที่ประชุมให้เป็นไปตาม เสียงข้างมากของผู้เข้าร่วมประชุม โดยผู้เข้าร่วมประชุม คนหน่งึ มีเสยี งหนง่ึ ในการลงคะแนน ซ่งึ ตอ้ งทำ�โดยเปิดเผย และการมอบหมายให้ลงคะแนนแทนกนั จะกระทำ�มิได้ ในกรณีท่ีนายทะเบียนรับจดทะเบียนจัดตั้ง พรรคการเมืองตามมาตรา ๑๗ ให้ถือว่าการประชุม ตามวรรคหน่ึงเป็นการประชุมใหญ่สามัญคร้ังที่หน่ึงของ พรรคการเมอื ง การยน่ื ค�ำ ขอ มาตรา ๑๑ ในการย่ืนคำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้ง จดทะเบยี นจดั ต้ัง พรรคการเมือง ให้ผ้ซู ่งึ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง พรรคการเมอื ง ตามมาตรา ๑๐ (๒) เปน็ ผยู้ น่ื ค�ำ ขอตอ่ นายทะเบยี นพรอ้ มดว้ ย เอกสารและหลักฐานท่ีเก่ียวข้องตามท่ีคณะกรรมการ กำ�หนด และให้นายทะเบียนออกใบรับคำ�ขอให้แก่ผู้ยื่น ค�ำ ขอไว้เปน็ หลักฐาน คำ�ขอจดทะเบียน การย่ืนคำ�ขอจดทะเบียน และ การออกใบรบั ค�ำ ขอตามวรรคหนง่ึ ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบหลกั เกณฑ์ และวิธีการทีค่ ณะกรรมการกำ�หนด ค�ำ ขอจดทะเบยี น มาตรา ๑๒ ค�ำ ขอจดทะเบยี นจดั ตง้ั พรรคการเมอื ง จดั ตง้ั พรรคการเมอื ง ตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ชอ่ื และชอื่ ยอ่ ของพรรคการเมือง (๒) ภาพเครอ่ื งหมายของพรรคการเมอื ง
271 (๓) ทต่ี ้งั สำ�นักงานใหญ่พรรคการเมือง (๔) ชอ่ื ทอ่ี ยู่เลขประจ�ำ ตวั ประชาชนและลายมอื ชอ่ื ของหวั หนา้ พรรคการเมอื ง เลขาธกิ ารพรรคการเมอื ง เหรญั ญกิ พรรคการเมอื ง นายทะเบยี นสมาชกิ และกรรมการบรหิ ารอน่ื ของพรรคการเมอื ง มาตรา ๑๓ เอกสารและหลักฐานท่ีต้องย่ืนไป หลกั ฐานสำ�หรบั พรอ้ มกบั ค�ำ ขอจดทะเบยี นจดั ตง้ั พรรคการเมอื ง ตามมาตรา ๑๑ การขอจดทะเบยี น วรรคหนึง่ อยา่ งนอ้ ยตอ้ งประกอบดว้ ย จดั ตง้ั พรรคการเมอื ง (๑) ชอ่ื ทอ่ี ยู่ เลขประจ�ำ ตวั ประชาชน และลายมอื ชอ่ื ของผู้ร่วมกันจัดต้ังพรรคการเมืองทกุ คน (๒) หลกั ฐานการช�ำ ระเงนิ ทนุ ประเดมิ ของผรู้ ว่ มกนั จดั ตัง้ พรรคการเมืองทุกคน (๓) ขอ้ บังคบั (๔) บันทึกการประชมุ ตามมาตรา ๑๐ วรรคสาม ซึ่งผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองรับรองความ ถูกต้อง (๕) หนังสือรับแจ้งของนายทะเบียนในกรณีที่มี การแจง้ การเตรียมการจัดตงั้ พรรคการเมืองตามมาตรา ๑๘ มาตรา ๑๔ ขอ้ บงั คบั ตอ้ งไมม่ ลี กั ษณะ ดงั ตอ่ ไปน้ี ลกั ษณะตอ้ งหา้ ม (๑) เปน็ ปฏปิ กั ษต์ อ่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ของขอ้ บงั คบั อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ และตอ้ งไมเ่ ปลย่ี นแปลง พรรคการเมือง รูปแบบของรัฐ
272 (๒) ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน (๓) อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชน ในชาติ (๔) ครอบงำ�หรือเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าท่ี โดยอสิ ระของสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรตามรฐั ธรรมนญู ข้อบงั คับ มาตรา ๑๕ ข้อบังคับอย่างน้อยต้องมีรายการ พรรคการเมอื ง ดงั ต่อไปนี้ (๑) ชื่อและช่ือย่อของพรรคการเมอื ง (๒) ภาพเครื่องหมายของพรรคการเมือง (๓) คำ�ประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของ พรรคการเมอื งและนโยบายของพรรคการเมือง (๔) ท่ีตั้งสำ�นักงานใหญ่ของพรรคการเมืองซ่ึง ต้องตงั้ อยู่ในราชอาณาจกั ร (๕) โครงสร้างการบริหารพรรคการเมือง และ ต�ำ แหนง่ ตา่ ง ๆ ในพรรคการเมือง (๖) หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกหรือการให้ความ เห็นชอบให้ดำ�รงตำ�แหน่ง การดำ�รงตำ�แหน่ง การพ้นจาก ตำ�แหน่ง และหน้าท่แี ละอำ�นาจของหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบยี นสมาชกิ กรรมการบรหิ ารอ่นื ของพรรคการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าและกรรมการ สาขาพรรคการเมอื ง และตวั แทนพรรคการเมอื งประจ�ำ จงั หวดั
273 (๗) การบริหารจัดการสาขาพรรคการเมือง และของตวั แทนพรรคการเมืองประจ�ำ จังหวดั (๘) การประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองและ การประชมุ ใหญ่ของสาขาพรรคการเมอื ง (๙) คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิก การรบั เขา้ เปน็ สมาชกิ และการพน้ จากการเปน็ สมาชิก (๑๐) สทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องสมาชกิ ความรบั ผดิ ชอบ ของสมาชิกต่อพรรคการเมือง และความรับผิดชอบของ พรรคการเมืองตอ่ สมาชกิ (๑๑) มาตรฐานทางจรยิ ธรรมของกรรมการบรหิ าร พรรคการเมืองและสมาชิก โดยมาตรฐานทางจริยธรรม ของกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งอยา่ งนอ้ ยตอ้ งเทยี บเคยี ง ได้กับมาตรฐานทางจริยธรรมท่ีใช้บังคับแก่สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร (๑๒) หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกสมาชิก เพ่ือส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั และแบบบญั ชรี ายชอ่ื และการคดั เลอื ก บุคคลซึ่งพรรคการเมืองเห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับ การพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๘๘ ของรฐั ธรรมนูญ ซ่ึงต้องก�ำ หนดใหส้ มาชิกมสี ว่ นรว่ มในการ คัดเลือกด้วยอยา่ งกวา้ งขวาง
274 (๑๓) หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลดำ�รง ตำ�แหน่งทางการเมืองซึ่งต้องกำ�หนดให้สมาชิกมีส่วนร่วม ในการคดั เลอื กดว้ ยอยา่ งกว้างขวาง (๑๔) วิธีการบริหารการเงินและทรัพย์สิน และ การจัดทำ�บัญชีของพรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัด ซ่ึงต้องกำ�หนด ให้เป็นไปโดยเปิดเผยและให้สมาชิกตรวจสอบได้โดย สะดวก (๑๕) รายได้ของพรรคการเมือง และอัตราค่า ธรรมเนียมและค่าบำ�รุงพรรคการเมืองซ่ึงต้องเรียกเก็บจาก สมาชิกไม่น้อยกว่าปลี ะหน่งึ รอ้ ยบาท (๑๖) การเลิกพรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจ�ำ จังหวดั การพิจารณาเพื่อออกข้อบงั คับตาม (๖) (๘) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๔) (๑๕) และ (๑๖) ตอ้ งใหส้ มาชิกมี ส่วนรว่ มพิจารณาอยา่ งกว้างขวาง การกำ�หนดข้อบังคับในลักษณะท่ีเป็นการให้ บุคคลอื่นซ่ึงมิใช่สมาชิกกระทำ�การอันเป็นการควบคุม ครอบง�ำ หรอื ชี้นำ� กิจกรรมของพรรคการเมืองในลกั ษณะ ที่ทำ�ให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระไม่ว่า โดยตรงหรือโดยออ้ มจะกระทำ�มิได้
275 พรรคการเมืองอาจกำ�หนดให้เรียกเก็บค่า บำ�รุงพรรคการเมืองจากสมาชิกแบบตลอดชีพตามอัตรา ทีก่ �ำ หนดในขอ้ บงั คบั ก็ได้ แตต่ ้องไม่นอ้ ยกวา่ สองพนั บาท เพ่ือประโยชน์ในการอำ�นวยความสะดวกในการ จัดเก็บค่าบำ�รุงพรรคการเมืองตาม (๑๕) ให้สำ�นักงาน ประสานกับธนาคาร ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี คณะกรรมการก�ำ หนด มาตรา ๑๖ หัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการ คณะกรรมการ พรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียน บริหาร สมาชิก และกรรมการบริหารอื่นของพรรคการเมืองต้อง พรรคการเมือง เป็นสมาชิกที่มีอายุไม่ต่ำ�กว่าย่ีสิบปีและมีวาระการดำ�รง ตำ�แหน่งตามท่ีกำ�หนดในข้อบังคับแต่ต้องไม่เกินคราวละส่ีปี มาตรา ๑๗ ในกรณีท่ีคำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้ง การย่นื คำ�ขอ พรรคการเมืองและเอกสารและหลักฐานท่ีย่ืนพร้อมกับ จดทะเบียนจดั ตง้ั คำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองถูกต้องและครบถ้วน พรรคการเมอื ง ตามมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ และ มาตรา ๑๖ ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการรับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองและให้ ประกาศการจดั ตัง้ พรรคการเมืองนั้นในราชกิจจานเุ บกษา หากนายทะเบียนเห็นว่าคำ�ขอจดทะเบียนจัดต้ัง พรรคการเมือง หรือเอกสารหรือหลักฐานท่ีย่ืนพร้อมกับ คำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองในเร่ืองใดไม่ถูกต้อง หรือไมค่ รบถ้วนตามมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔
276 มาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๑๖ ให้นายทะเบียนโดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้ผู้ย่ืนคำ�ขอ จดทะเบียนทราบพร้อมด้วยเหตุผลเพื่อแก้ไขให้แล้วเสร็จ ภายในหกสบิ วันนับแต่วันทไ่ี ดร้ ับหนงั สือนั้น เมื่อพน้ ระยะ เวลาดังกล่าวแล้วไม่มีการแก้ไขหรือยังแก้ไขไม่ถูกต้องหรือ ไม่ครบถ้วน ให้นายทะเบียนรายงานคณะกรรมการเพื่อ พิจารณาและมีมติไม่รับจดทะเบียนจัดต้ังพรรคการเมือง และให้นายทะเบียนแจ้งมติของคณะกรรมการให้ผู้ย่ืน คำ�ขอจัดตั้งพรรคการเมืองทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ คณะกรรมการมมี ติ กรณที ขี่ อ้ บงั คบั ในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าข้อบังคับของ พรรคการเมอื ง พรรคการเมืองที่ได้ย่ืนไม่เป็นไปตามมาตรา ๑๔ หรือ ไมถ่ กู ตอ้ ง มาตรา ๑๕ ให้นายทะเบียนรายงานคณะกรรมการเพื่อ พิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับน้ันและให้แจ้งมติ ของคณะกรรมการให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่คี ณะกรรมการมีมติ ในการน้ี คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องดำ�เนินการแก้ไข ข้อบังคับให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายในหกสิบวันนับแต่ วันที่ได้รับหนังสือนั้น เม่ือพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วหาก ไม่มีการแก้ไขหรือยังแก้ไขไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ใหพ้ รรคการเมืองน้ันส้ินสภาพความเปน็ พรรคการเมอื ง ผู้ย่ืนคำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองหรือ หัวหน้าพรรคการเมืองมีสิทธิย่ืนคำ�ร้องคัดค้านมติของคณะ
277 กรรมการตามวรรคสองหรือวรรคสามต่อศาลรัฐธรรมนูญ ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับหนังสือแจ้งมติของ คณะกรรมการ มาตรา ๑๘ บคุ คลซง่ึ มคี ณุ สมบตั แิ ละไมม่ ลี กั ษณะ การย่นื ค�ำ ขอแจง้ ต้องห้ามตามมาตรา ๙ จำ�นวนไม่น้อยกว่าสิบห้าคน จดั ตง้ั พรรคการเมอื ง จะยื่นคำ�ขอแจ้งการเตรียมการจัดต้ังพรรคการเมืองต่อ นายทะเบียนไว้ก่อน แล้วดำ�เนินการรวบรวมผู้จัดต้ัง พรรคการเมืองให้ได้ครบจำ�นวนตามมาตรา ๙ กไ็ ด้ แต่ตอ้ ง ย่ืนคำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองตามมาตรา ๑๑ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนรับแจ้ง ถ้ามิได้ย่ืนคำ�ขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองภายใน ระยะเวลาดงั กลา่ ว ให้คำ�ขอน้ันเปน็ อนั สิ้นผล ค�ำ ขอแจง้ การยื่นค�ำ ขอแจ้ง และการรบั แจง้ ให้ เป็นไปตามแบบ หลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารที่คณะกรรมการ ก�ำ หนด ท้ังน้ี ค�ำ ขอแจ้งนน้ั อยา่ งน้อยต้องประกอบด้วยชอ่ื ชื่อย่อ ภาพเครื่องหมายของพรรคการเมือง ชื่ อ ช่ื อ ย่ อ แ ล ะ ภ า พ เ ค รื่ อ ง ห ม า ย ข อ ง พรรคการเมืองที่แจ้งตามวรรคสอง ต้องไม่มีลักษณะตาม มาตรา ๑๔ และต้องไมซ่ ้ำ� พ้อง หรอื คล้ายคลึงกบั ชอ่ื ช่อื ยอ่ และภาพเคร่ืองหมายของพรรคการเมืองที่มีผู้แจ้งตาม วรรคหน่งึ ไว้แล้วหรือของพรรคการเมืองท่จี ดทะเบียนจัดต้งั ไว้แลว้ หรือท่ีย่ืนขอจดทะเบยี นตามมาตรา ๙ อยูก่ อ่ นแล้ว
278 มาตรา ๑๙ หากนายทะเบียนเห็นว่าการแจ้งการ เตรียมการจัดต้ังพรรคการเมืองไม่เป็นไปตามมาตรา ๑๘ ให้มีหนังสือแจ้งให้ผู้แจ้งทราบพร้อมด้วยเหตุผลเพ่ือแก้ไข ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในเวลาทน่ี ายทะเบยี นก�ำ หนดหรอื ทข่ี ยายให้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้อง ครบถว้ น ให้คำ�ขอน้นั เป็นอนั สน้ิ ผล หมวด ๒ การด�ำ เนนิ กจิ กรรมของพรรคการเมือง การด�ำ เนนิ มาตรา ๒๐ ให้พรรคการเมืองท่ีนายทะเบียน กิจกรรมของ รับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองแล้วเป็นนิติบุคคล พรรคการเมอื ง มีวัตถุประสงค์สำ�คัญเพื่อดำ�เนินกิจกรรมทางการเมืองตาม หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ และเพ่อื ส่งผ้สู มัครลงรบั เลอื กตงั้ พรรคการเมืองต้องไม่ดำ�เนินกิจการอันมีลักษณะ เปน็ การแสวงหาก�ำ ไรมาแบ่งปันกนั มาตรา ๒๑ พรรคการเมืองต้องมีคณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองเป็นผู้รับผิดชอบดำ�เนินกิจกรรมของ พรรคการเมอื งใหเ้ ปน็ ไปตามรฐั ธรรมนญู กฎหมาย นโยบาย และข้อบังคับของพรรคการเมือง มติของท่ีประชุมใหญ่ ของพรรคการเมอื ง รวมตลอดทง้ั ระเบยี บ ประกาศและค�ำ สัง่ ของคณะกรรมการซึ่งต้องกระทำ�ด้วยความรอบคอบ
279 ระมดั ระวงั และซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ เพอื่ ประโยชนข์ องประเทศชาติ และประชาชน และต้องให้สมาชิกมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ อย่างแท้จริงในการดำ�เนินกิจกรรมทางการเมือง และการ คัดเลือกสมาชิกหรือบุคคลซ่ึงมีความร้คู วามสามารถซ่ือสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรม จริยธรรม เข้าสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือตำ�แหน่งอ่ืน หรือเพ่ือ แตง่ ตง้ั เปน็ ผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ทางการเมอื ง คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองประกอบด้วย หวั หนา้ พรรคการเมอื ง เลขาธกิ ารพรรคการเมอื ง เหรญั ญกิ พรรคการเมอื ง นายทะเบยี นสมาชกิ และกรรมการบรหิ ารอน่ื ตามท่ีกำ�หนดในข้อบังคบั กรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบ ร่วมกันในบรรดามตขิ องคณะกรรมการบริหารพรรคการเมอื ง และในการด�ำ เนนิ การตามหนา้ ทแ่ี ละอ�ำ นาจของคณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ี กฎหมาย และข้อบังคับ รวมตลอดทั้ง ระเบียบ ประกาศ และคำ�สั่งของคณะกรรมการ เว้นแต่ จะพิสูจน์ได้ว่า ตนได้คัดค้านในที่ประชุมคณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองโดยปรากฏหลักฐานการคัดค้าน นั้นในรายงานการประชุมหรือได้ทำ�หนังสือคัดค้านยื่นต่อ ประธานในท่ีประชุมภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีการประชุม นั้นส้ินสดุ ลง
280 ให้หัวหน้าพรรคการเมืองเป็นผู้แทนของ พรรคการเมืองในกิจการอันเก่ียวกับบุคคลภายนอกเพ่ือ การน้ี หัวหน้าพรรคการเมืองจะมอบหมายเป็นหนังสือ ให้เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก หรือกรรมการบริหารอ่ืนของ พรรคการเมืองคนหนงึ่ หรือหลายคนเปน็ ผ้ทู ำ�การแทนก็ได้ หนา้ ที่ของ มาตรา ๒๒ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง คณะกรรมการ และกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีหน้าท่ีควบคุม บรหิ าร และกำ�กับดูแลมิให้สมาชิกกระทำ�การอันเป็นการฝ่าฝืน พรรคการเมอื ง รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับรวมตลอดท้ังระเบียบ ประกาศ และค�ำ สั่งของคณะกรรมการ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรหรือให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา แล้ว แต่กรณี คณะกรรมการบริหารพรรคการเมอื งและกรรมการ บริหารพรรคการเมืองมีหน้าท่ีควบคุมและกำ�กับดูแลมิให้ สมาชิกหรือผู้ดำ�รงตำ�แหน่งในพรรคการเมืองกระทำ�การใน ลักษณะที่อาจทำ�ให้การเลือกต้ังหรือการเลือกมิได้เป็นไป โดยสุจรติ หรือเท่ยี งธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรอื อาจ เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดซึ่งสมัครเข้ารับเลือกเป็น สมาชกิ วุฒสิ ภา ไม่ว่าโดยทางตรงหรอื ทางอ้อม เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือ เมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้รับแจ้งจาก
281 นายทะเบียนว่าสมาชิกกระทำ�การอันอาจมีลักษณะ เป็นการฝ่าฝืนวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง ให้คณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองมีมติหรือส่ังการให้สมาชิกยุติ การกระทำ�นั้นโดยพลัน และกำ�หนดมาตรการหรือวิธีการ ที่จำ�เป็นเพ่ือมิให้สมาชิกผู้ใดกระทำ�การอันอาจมีลักษณะ ดังกล่าวอีก แล้วแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในเจ็ดวัน นับแตว่ นั ที่มีมติ ในกรณีท่ีความปรากฏต่อนายทะเบียนว่าคณะ กรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่ปฏิบัติตามวรรคสาม ให้นายทะเบียนเสนอเร่ืองต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา มีคำ�สั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นพ้นจาก ตำ�แหน่งทั้งคณะ คำ�สั่งดังกล่าวให้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษา และห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมือง ซึ่งพ้นจากตำ�แหน่งเพราะเหตุดังกล่าวดำ�รงตำ�แหน่งใดใน พรรคการเมืองจนกว่าจะพ้นเวลายี่สิบปีนับแต่วันที่พ้นจาก ต�ำ แหนง่ กรรมการบริหารพรรคการเมืองซ่ึงพ้นจาก ตำ�แหน่งตามวรรคสี่มีสิทธิยื่นคำ�ร้องคัดค้านคำ�ส่ังของ คณะกรรมการต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสามสิบวัน นบั แตว่ นั ท่ไี ดร้ ับหนังสือแจ้งคำ�ส่ังดังกลา่ ว ห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองซ่ึงพ้น จากตำ�แหน่งตามวรรคส่ีกระทำ�การอันมีลักษณะเป็นการ กา้ วกา่ ยหรอื แทรกแซงการด�ำ เนนิ กจิ กรรมของพรรคการเมอื งนน้ั
282 เว้นแต่จะเป็นการดำ�เนินการตามสิทธิและหน้าที่ของสมาชกิ ตามท่กี ำ�หนดไว้ในข้อบังคับ และห้ามมิให้มีส่วนร่วมในการ สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือตำ�แหน่งอ่ืนหรือการสรรหาบุคคลเพ่ือแต่งตั้งเป็น ผู้ด�ำ รงต�ำ แหน่งทางการเมือง การดำ�เนิน มาตรา ๒๓ ในการดำ�เนินกิจกรรมทางการเมือง กจิ กรรม ตามหลกั การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ทางการเมือง ทรงเป็นประมุข อย่างน้อยในแต่ละปีพรรคการเมืองต้องมี กิจกรรมอย่างใดอย่างหน่งึ หรือหลายอยา่ ง ดงั ต่อไปน้ี (๑) ส่งเสริมให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข การใช้ สิทธิและเสรีภาพอย่างมีเหตุผลและมีความรับผิดชอบต่อ สงั คม และความรู้เกยี่ วกับหนา้ ท่ขี องปวงชนชาวไทย (๒) ร่วมกับประชาชนในการหาแนวทางการ พฒั นาประเทศ และการแก้ไขปญั หาตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสงั คม อย่างมีเหตุผลโดยคำ�นึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนา ด้านวัตถุกับการพัฒนาด้านจิตใจและความอยู่เย็นเป็นสุข ของประชาชนประกอบกนั (๓) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ดำ�เนินกิจกรรมทางการเมือง รวมตลอดท้ังการตรวจสอบ การใช้อำ�นาจรัฐและการดำ�เนินงานขององค์กรอิสระอย่าง มีเหตผุ ล
283 (๔) ส่งเสริมให้สมาชิกและประชาชนมีความ สามัคคีปรองดอง รู้จักยอมรับในความเห็นทางการเมืองโดย สุจริตท่แี ตกต่าง และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง โดยสันติวิธี เพ่ือประโยชน์สุขของประเทศชาติและ ประชาชน (๕) กิจกรรมอ่ืนอันจะยังประโยชน์ต่อการพัฒนา ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทง้ั การพฒั นาพรรคการเมอื งใหเ้ ปน็ สถาบนั ทางการเมอื ง ของประชาชน ทั้งนี้ ตามที่ได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง จัดทำ�แผนหรือ โครงการท่ีจะดำ�เนินกิจกรรมตามวรรคหนึ่งในแต่ละปีส่งให้ นายทะเบียนทราบภายในเดือนเมษายนของทุกปี และให้ นายทะเบยี นเผยแพร่ใหป้ ระชาชนทราบเปน็ การทว่ั ไป มาตรา ๒๔ สมาชิกต้องมีคุณสมบัติและไม่มี คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามตามท่ีกำ�หนดในข้อบังคับซ่ึงอย่างน้อย ของสมาชกิ ต้องมีอายุไม่ต่ำ�กว่าสิบแปดปีและมีคุณสมบัติและไม่มี พรรคการเมอื ง ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙ (๑) (๓) และ (๕) มาตรา ๒๕ ให้นายทะเบียนสมาชิกมีหน้าท่ี หน้าทขี่ อง ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร นายทะเบียน เข้าเป็นสมาชิก และจัดทำ�ทะเบียนสมาชิกให้ตรงตาม พรรคการเมือง ความเป็นจริงและต้องให้สมาชิกตรวจดูได้โดยสะดวก
284 ณ สำ�นักงานใหญ่ของพรรคการเมือง รวมทั้งประกาศชื่อ และนามสกุลของสมาชิกให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ด้วย เพ่อื ประโยชน์ในการตรวจสอบความถูกต้อง ให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งรายละเอียดเก่ยี วกับ สมาชิกให้นายทะเบียนทราบตามรายการหลักเกณฑ์ วิธกี าร และระยะเวลาทนี่ ายทะเบยี นกำ�หนด ในกรณีท่ีพรรคการเมืองใดแอบอ้างว่าผู้ใดสมัคร เป็นสมาชิกโดยผู้น้ันไม่รู้เห็นหรือไม่สมัครใจผู้ท่ีถูกแอบอ้าง หรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายจากผู้ถูกแอบอ้าง อาจแจ้งต่อ นายทะเบียนเพ่ือตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาลบช่ือ ของผู้น้ันออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองน้ัน โดยให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง ดงั กล่าวมาต้ังแตต่ ้น มาตรา ๒๖ ให้นายทะเบียนมีหน้าท่ีตรวจสอบ ความซำ้�ซอ้ นของสมาชกิ ของทกุ พรรคการเมือง ในกรณีที่ปรากฏต่อนายทะเบียนว่าบุคคลใดเป็น สมาชิกหลายพรรคการเมือง ให้นายทะเบียนมีหนังสือ แจ้งให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่เก่ียวข้องทราบและลบ ช่ือผู้นั้นออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองนั้น และให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งให้สมาชิกผู้นั้นทราบ โดยเร็ว แล้วแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในระยะเวลาท่ี นายทะเบียนก�ำ หนด
285 ใหส้ ำ�นกั งานจดั ใหม้ รี ะบบฐานขอ้ มูลพรรคการเมอื ง เ พ่ื อ อำ � น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใ ห้ แ ก่ พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง แ ล ะ ประชาชนท่ัวไป ทั้งน้ี ตามทคี่ ณะกรรมการกำ�หนด มาตรา ๒๗ สมาชิกภาพของสมาชิกเร่ิมต้ังแต่ การสน้ิ สุด ได้ชำ�ระค่าบำ�รุงพรรคการเมืองตามจำ�นวนท่ีกำ�หนดใน สมาชิกภาพ ข้อบังคับแล้ว โดยจะสิ้นสุดลงตามที่กำ�หนดในข้อบังคับ ของสมาชิก ซ่งึ อย่างน้อยต้องประกอบดว้ ยเหตุดังตอ่ ไปนี้ พรรคการเมอื ง (๑) ลาออก (๒) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา ๒๔ เวน้ แตเ่ ปน็ กรณมี ลี กั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๙๖ (๑) ของรัฐธรรมนูญ และเป็นการบวชตามประเพณีนิยม แต่ในระหว่างมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวจะใช้สิทธิในฐานะ สมาชกิ มิได้ (๓) ไม่ชำ�ระค่าบำ�รุงพรรคการเมืองเป็นเวลาสองปี ตดิ ต่อกัน การลาออกตาม (๑) ให้ถือว่าสมบูรณ์เมื่อได้ ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกหรือนายทะเบียน ในกรณีที่ย่ืนต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนแจ้งให้ นายทะเบียนสมาชกิ ทราบโดยเร็ว ในกรณีท่ีข้อบังคับกำ�หนดให้สมาชิกพ้นจาก สมาชิกภาพตามมติของพรรคการเมือง หากสมาชิกผู้นั้น ดำ�รงตำ�แหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้อบังคับต้อง กำ�หนดให้มติของพรรคการเมืองดังกล่าวมีคะแนนเสียง
286 ไม่น้อยกว่าสามในสี่ของท่ีประชุมร่วมของคณะกรรมการ บริหารของพรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ สังกัดพรรคการเมืองน้ัน ข้อห้ามของ มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอม พรรคการเมอื ง หรือกระทำ�การใดอันทำ�ให้บุคคลอื่นซ่ึงมิใช่สมาชิกกระทำ� การอนั เป็นการควบคุม ครอบง�ำ หรอื ชน้ี ำ� กิจกรรมของ พรรคการเมืองในลักษณะที่ทำ�ให้พรรคการเมืองหรือ สมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดย ทางอ้อม มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำ� การใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ� หรือช้ีนำ�กิจกรรม ของพรรคการเมืองในลักษณะท่ีทำ�ให้พรรคการเมืองหรือ สมาชกิ ขาดความอสิ ระ ทั้งน้ี ไม่วา่ โดยทางตรงหรอื โดย ทางออ้ ม มาตรา ๓๐ ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผ้ใู ดให้ เสนอให้ หรือสัญญาวา่ จะใหเ้ งนิ ทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชน์ อ่ืนใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพ่ือจูงใจให้ บุคคลหนึ่งบคุ คลใดสมัครเขา้ เป็นสมาชกิ ท้งั น้ี เวน้ แต่สทิ ธิ หรือประโยชน์ซง่ึ บุคคลจะพงึ ได้รบั ในฐานะที่เปน็ สมาชกิ มาตรา ๓๑ ห้ามมิให้ผใู้ ดเรียก รับ หรอื ยอมจะ รบั เงิน ทรัพยส์ ิน หรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใดจากพรรคการเมือง หรือจากผู้ใดเพอื่ สมคั รเข้าเปน็ สมาชกิ
287 มาตรา ๓๒ ห้ามมิให้ผู้ใดซ่ึงมิใช่พรรคการเมือง การใช้ชื่อ ชื่อยอ่ ใช้ช่ือ ช่ือย่อ ภาพเคร่ืองหมายของพรรคการเมืองหรือ ภาพเครอ่ื งหมาย ถ้อยคำ�ในประการท่ีน่าจะทำ�ให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็น หรอื ถอ้ ยค�ำ ท่ี พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง ห รื อ ใ ช้ ชื่ อ ที่ มี อั ก ษ ร ไ ท ย ป ร ะ ก อ บ ว่ า ท�ำ ให้เข้าใจว่าเปน็ “พรรคการเมือง” หรอื อักษรต่างประเทศซงึ่ แปลหรอื อา่ น พรรคการเมือง ว่า “พรรคการเมอื ง” มาตรา ๓๓ ภ า ย ใ น ห นึ่ ง ปี นั บ แ ต่ วั น ที่ การด�ำ เนนิ การของ นายทะเบยี นรับจดทะเบียน พรรคการเมอื งตอ้ งด�ำ เนินการ พรรคการเมอื ง ดังต่อไปน้ี ภายในหนงึ่ ปี (๑) ดำ�เนินการให้มีจำ�นวนสมาชิกไม่น้อยกว่า ห้าพันคน และต้องเพิ่มจำ�นวนสมาชิกให้มีจำ�นวนไม่น้อย กว่าหนึ่งหมื่นคนภายในส่ีปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจด ทะเบียน (๒) จัดให้มีสาขาพรรคการเมืองในแต่ละภาค ตามบัญชีรายช่ือภาคและจังหวัดที่คณะกรรมการกำ�หนด อยา่ งน้อยภาคละหน่งึ สาขา โดยสาขาพรรคการเมืองแตล่ ะ สาขาต้องมีสมาชิกที่มีภูมิลำ�เนาอยู่ในเขตพื้นท่ีที่รับผิด ชอบของสาขานน้ั ตง้ั แต่หา้ ร้อยคนขนึ้ ไป เม่ือจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองขึ้นในภาคใดแล้ว ให้หัวหน้าพรรคการเมืองมีหนังสือแจ้งการจัดตั้งสาขา ต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีจัดตั้งสาขา นั้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีนายทะเบียนกำ�หนดโดย
288 ความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้ประกาศให้ ประชาชนทราบเปน็ การทว่ั ไปดว้ ย หนังสอื แจ้งการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง ต้องมี รายการตามที่นายทะเบียนกำ�หนด ซึ่งอย่างน้อยต้อง มีแผนผังแสดงที่ตั้งสาขาพรรคการเมือง และช่ือ ท่ีอยู่ และเลขประจำ�ตัวประชาชนของคณะกรรมการสาขา พรรคการเมืองซ่ึงประกอบด้วยหัวหน้าและกรรมการสาขา พรรคการเมือง ตามจำ�นวนที่กำ�หนดในข้อบังคับซึ่งต้อง ไม่นอ้ ยกว่าเจ็ดคน ในกรณที ม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงทต่ี ง้ั สาขาพรรคการเมอื ง ห รื อ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ส า ข า พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง ใ ห้ หั ว ห น้ า พรรคการเมืองมีหนังสือแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายใน สิบห้าวันนับแต่วันท่ีมีการเปลี่ยนแปลงนั้นตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่นายทะเบียนกำ�หนดโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ และให้ประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการ ทั่วไปดว้ ย ภายหลังท่ีไดจ้ ัดตงั้ สาขาพรรคการเมอื งแลว้ สาขา พรรคการเมืองใดไม่เป็นไปตาม (๒) ให้นายทะเบียน มีหนังสือแจ้งให้พรรคการเมืองน้ันดำ�เนินการให้ถูกต้อง ภายในระยะเวลาทน่ี ายทะเบยี นก�ำ หนดหากพรรคการเมอื งใด ไม่ดำ�เนินการหรือดำ�เนินการแล้วไม่ถูกต้องให้สาขา พรรคการเมอื งนนั้ สน้ิ สภาพไป
289 มาตรา ๓๔ กรรมการสาขาพรรคการเมือง คณุ สมบตั ิของ ต้องเป็นสมาชิกและมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม กรรมการสาขา เช่นเดียวกบั กรรมการบริหารพรรคการเมอื ง พรรคการเมอื ง การได้มา การดำ�รงตำ�แหน่ง วาระการดำ�รง ตำ�แหน่ง การพ้นจากตำ�แหน่ง วิธีการบริหารและหน้าท่ี และอำ�นาจของคณะกรรมการสาขาพรรคการเมอื ง ให้เปน็ ไปตามที่กำ�หนดในข้อบังคับโดยอย่างน้อยต้องกำ�หนดให้ มีหนา้ ที่ดำ�เนินการตามมาตรา ๒๓ ในเขตพืน้ ที่รับผิดชอบ ของสาขาพรรคการเมอื งน้ันด้วย มาตรา ๓๕ เขตเลือกตั้งในจังหวัดใดท่ีมิได้ ตัวแทน เป็นที่ต้ังสำ�นักงานใหญ่หรือสาขาพรรคการเมือง ถ้า พรรคการเมือง พรรคการเมืองน้นั มีสมาชิกซ่งึ มีภูมิลำ�เนาอยู่ในเขตเลือกต้ัง ประจ�ำ จังหวดั ในจังหวัดน้ันเกินหนึ่งร้อยคนให้พรรคการเมืองนั้นแต่งต้ัง สมาชิกซึ่งมีภูมิลำ�เนาอยู่ในเขตเลือกต้ังในจังหวัดนั้น ซ่ึงมาจากการเลือกของสมาชิกดังกล่าวเป็นตัวแทน พรรคการเมืองประจำ�จังหวัดเพ่ือดำ�เนินกิจกรรมของ พรรคการเมืองในเขตพ้ืนท่ีท่ีรับผิดชอบน้ันและให้นำ�ความ ในมาตรา ๓๔ มาใชบ้ ังคบั แก่ตวั แทนพรรคการเมืองประจำ� จังหวัดด้วยโดยอนุโลม ให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนทราบ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการแต่งต้ังหรือเปลี่ยนแปลง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัดตามหลักเกณฑ์และ
290 วิธีการท่ีนายทะเบียนกำ�หนดโดยความเห็นชอบของคณะ กรรมการ มาตรา ๓๖ สาขาพรรคการเมืองและตัวแทน พรรคการเมืองประจำ�จังหวัดจะจัดต้ังข้ึนนอกราชอาณาจักร มิได้ การประชุมใหญ่ มาตรา ๓๗ พรรคการเมืองต้องจัดให้มีการ ของพรรคการเมือง ประชมุ ใหญ่อย่างนอ้ ยปลี ะหนึ่งครัง้ กจิ กรรมทต่ี อ้ งกระท�ำ มาตรา ๓๘ การดำ�เนินกิจการดังต่อไปน้ี ให้ โดยทีป่ ระชมุ ใหญ่ กระท�ำ โดยทปี่ ระชุมใหญข่ องพรรคการเมอื ง พรรคการเมอื ง (๑) ก า ร แ ก้ ไ ข เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง คำ � ป ร ะ ก า ศ อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมืองหรือนโยบาย ของพรรคการเมอื ง (๒) การแก้ไขเปล่ียนแปลงข้อบังคบั (๓) การเลอื กตง้ั หวั หนา้ พรรคการเมอื ง เลขาธกิ าร พรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียน สมาชกิ และกรรมการบรหิ ารอน่ื ของพรรคการเมือง (๔) การเลือกต้ังคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร รบั เลือกต้ังของพรรคการเมือง (๕) ให้ความเห็นชอบรายงานการเงินและการ ด�ำ เนนิ กจิ การของพรรคการเมอื งทไ่ี ดด้ �ำ เนนิ การไปในรอบปี ทผี่ ่านมา (๖) กิจการที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมอื งหรอื หวั หน้าสาขาพรรคการเมอื ง
291 (๗) กิจการอ่ืนตามที่กำ�หนดไว้ในพระราช บญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญนี้ กฎหมาย หรือข้อบังคบั กิจการตาม (๑) (๒) และ (๓) เมอื่ ได้รับความ เห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองแล้วให้ พรรคการเมืองมีหนังสือแจ้งให้นายทะเบียนทราบเพ่ือ แก้ไขเปล่ียนแปลงการจดทะเบียนภายในสิบห้าวัน นับแต่วันท่ีได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของ พรรคการเมือง และให้นายทะเบียนประกาศการแก้ไข เปลย่ี นแปลงดงั กล่าวในราชกจิ จานเุ บกษา ในกรณีท่กี รรมการบริหารพรรคการเมืองครบวาระ ตาย ลาออก เปล่ยี นช่อื ตัว เปล่ยี นช่อื สกุลหรือเปล่ยี นแปลง ดว้ ยเหตุใด ๆ ใหห้ วั หนา้ พรรคการเมอื งแจ้งให้นายทะเบียน ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีมีเหตุดังกล่าว และให้ นายทะเบยี นประกาศเหตดุ งั กลา่ วในราชกจิ จานเุ บกษาดว้ ย มาตรา ๓๙ องค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ให้ องคป์ ระชมุ เป็นไปตามที่กำ�หนดในข้อบังคับซ่ึงอย่างน้อยต้องประกอบ ของทปี่ ระชมุ ใหญ่ ด้วยกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึง พรรคการเมอื ง ของจำ�นวนกรรมการบริหารพรรคการเมืองท้งั หมด ผ้แู ทน ของสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่งของจำ�นวน สาขาพรรคการเมืองซ่ึงในจำ�นวนนี้จะต้องประกอบด้วย ผู้แทนของสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสองสาขาซึ่งมา จากภาคต่างกันท่ีคณะกรรมการกำ�หนดตามมาตรา ๓๓ ตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัดไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึง
292 ของตัวแทนพรรคการเมอื งประจ�ำ จังหวัด และสมาชิก ท้ังนี้ มจี �ำ นวนรวมกนั ท้ังหมดไมน่ ้อยกว่าสองร้อยหา้ สบิ คน องค์ประชุมของท่ปี ระชุมใหญ่สาขาพรรคการเมือง ให้เป็นไปตามท่ีกำ�หนดในข้อบังคับซ่ึงอย่างน้อยต้อง ประกอบด้วยกรรมการสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า กึ่งหน่ึงของกรรมการสาขาพรรคการเมืองทั้งหมด และ สมาชิกสาขาพรรคการเมอื ง ท้ังนี้ มจี ำ�นวนรวมกันทง้ั หมด ไมน่ ้อยกว่าหนึ่งรอ้ ยคน การลงมติ มาตรา ๔๐ การลงมติในท่ีประชุมใหญ่ให้ ในทป่ี ระชุมใหญ่ กระทำ�โดยเปิดเผย แต่การลงมติเลือกบุคคลตามมาตรา ๓๘ (๓) และ (๔) ใหล้ งคะแนนลับ การเข้าช่อื มาตรา ๔๑ สมาชิกซ่ึงเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ใหจ้ ดั การ ราษฎรจำ�นวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสี่ของจำ�นวนสมาชิก ประชุมใหญ่ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือกรรมการบริหาร วสิ ามัญ พรรคการเมืองจำ�นวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำ�นวน กรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือสมาชิกจำ�นวน ของพรรคการเมอื ง ไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบของจำ�นวนสมาชิกท้ังหมดท่ีมีอยู่ ของพรรคการเมืองหรือไม่น้อยกว่าสองร้อยห้าสิบคน แล้ว แต่จำ�นวนใดจะน้อยกว่า มีสิทธิเข้าช่ือกันยื่นคำ�ร้องขอให้ จัดการประชมุ ใหญ่วสิ ามญั ของพรรคการเมืองนัน้ ได้ กรณีท่ีมติของ มาตรา ๔๒ ในกรณีสมาชิกซ่ึงเป็นสมาชิกสภา พรรคการเมอื ง ผู้แทนราษฎรคนหนึ่งคนใด หรือสมาชิกจำ�นวนไม่น้อย ขดั ตอ่ พ.ร.ป. กว่าหน่ึงร้อยคน เห็นว่ามติของพรรคการเมืองท่ีตนเป็น หรอื กฎหมายอ่นื สมาชิกอยู่ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี
293 หรือกฎหมายอื่น ให้มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเพ่ือ พิจารณาวินจิ ฉยั ถา้ คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั วา่ มตใิ ดของพรรคการเมอื ง ขดั ตอ่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายอื่น ใหค้ ณะกรรมการมอี ำ�นาจสง่ั เพิกถอนมติดังกลา่ วได้ มาตรา ๔๓ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองจัดทำ� การจัดทำ�รายงาน รายงานการดำ�เนนิ กจิ การของพรรคการเมอื งในรอบปีปฏทิ นิ การดำ�เนินกิจการ ท่ีผ่านมาเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองเพ่ือ ของพรรคการเมือง อนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี ท้งั น้ ี รายงานดังกล่าว อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีรายการตามท่ีคณะกรรมการกำ�หนด พรรคการเมืองใดที่จดทะเบียนยังไม่ถึงหนึ่งร้อย แปดสิบวันนับถึงวันส้ินปีปฏิทิน ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้อง ด�ำ เนินการตามวรรคหนงึ่ ส�ำ หรับปีน้นั ให้หัวหน้าพรรคการเมืองส่งรายงานการดำ�เนิน กจิ การของพรรคการเมอื งซง่ึ ทป่ี ระชมุ ใหญข่ องพรรคการเมอื ง อนุมตั แิ ล้วตามวรรคหนึ่ง ต่อนายทะเบยี นภายในสบิ หา้ วัน นับแต่วันที่ท่ีประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองอนุมัติ ตาม หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทน่ี ายทะเบยี นก�ำ หนดโดยความเหน็ ชอบ ของคณะกรรมการ และให้ประกาศให้ประชาชนทราบ เปน็ การท่ัวไปด้วย มาตรา ๔๔ ห้ามมิให้พรรคการเมือง ผู้ดำ�รง ขอ้ ห้าม ตำ�แหน่งในพรรคการเมือง และสมาชิกรับบริจาคจาก ในการรับบริจาค ผู้ใดเพื่อกระทำ�การหรือสนับสนุนการกระทำ�อันเป็นการ
294 บ่อนทำ�ลายความมั่นคงของราชอาณาจักรราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรอื ราชการแผน่ ดิน หา้ มใหก้ ารสนบั สนนุ มาตรา ๔๕ ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำ�รง กระทำ�การกอ่ กวน ต�ำ แหนง่ ในพรรคการเมอื งกระทำ�การหรือสง่ เสรมิ สนับสนุน หรือคุกคาม ให้ผู้ใดกระทำ�การอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบ ความสงบเรยี บรอ้ ย เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำ�การ อันเปน็ การท�ำ ลายทรพั ยากรธรรมชาตขิ องประเทศ การเรยี กรบั มาตรา ๔๖ ห้ามมิให้พรรคการเมือง สมาชิก หรือยอมรบั เงนิ หรอื ผใู้ ด เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั เงนิ ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์ ทรัพย์สนิ หรอื อ่ืนใดจากผู้ใด เพ่ือให้ผู้น้ันหรือบุคคลอ่ืนได้รับแต่งต้ัง หรือ ประโยชนอ์ น่ื ใด สญั ญาวา่ จะใหไ้ ดร้ บั แตง่ ตง้ั หรอื เพราะเหตทุ ไ่ี ดร้ บั การแตง่ ตง้ั ของพรรคการเมือง ใหด้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ทางการเมอื ง หรอื ต�ำ แหนง่ ใดในการบริหาร ราชการแผ่นดนิ หรือในหน่วยงานของรัฐ ห้ามมิให้ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อ่ืนใดแก่พรรคการเมือง สมาชิก หรือผู้ใด เพ่ือจูงใจให้ตนหรือบุคคลอื่นได้รับการแต่งตั้งให้ ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมืองหรือตำ�แหน่งใดในการบริหาร ราชการแผ่นดินหรอื ในหน่วยงานของรฐั
295 หมวด ๓ การส่งผู้สมคั รรบั เลือกต้ัง มาตรา ๔๗ พรรคการเมืองซ่ึงประสงค์จะส่ง การสง่ ผสู้ มคั ร ผู้สมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต รบั เลือกตงั้ เลือกตั้งในเขตเลือกต้ังใด ต้องมีสาขาพรรคการเมืองหรือ ตัวแทนพรรคการเมืองประจำ�จังหวัดท่มี ีเขตพ้นื ท่รี ับผิดชอบ ในเขตเลอื กตง้ั น้นั การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ร า ษ ฎ ร แ บ บ แ บ่ ง เ ข ต เ ลื อ ก ต้ั ง ใ น เ ข ต เ ลื อ ก ต้ั ง ใ ด ใ ห้ พรรคการเมืองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งจากผู้ซึ่งได้รับเลือก จากสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำ� จังหวัดท่ีมีเขตพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกต้ังน้ันเป็น ผู้สมคั รรบั เลอื กต้ัง มาตรา ๔๘ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก การจัดท�ำ บญั ชี สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือให้พรรคการเมืองจัดทำ� รายชื่อ บัญชีรายชื่อ เพ่ือส่งให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำ�จังหวัดโดยให้คำ�นึงถึงผู้สมัครรับ เลือกต้งั จากภมู ิภาคตา่ ง ๆ และความเทา่ เทียมกนั ระหว่าง ชายและหญงิ ดว้ ย คณะกรรมการจะกำ�หนดอัตราส่วนขั้นต่ำ�ของ ผู้สมัครซ่ึงเป็นชายและหญิงที่พรรคการเมืองจะต้องส่ง ลงสมัครรับเลือกตั้งก็ได้ ในกรณีท่ีพรรคการเมืองใดไม่
296 อาจส่งผู้สมคั รตามอัตราสว่ นดงั กล่าวได้ ให้แจง้ เหตุผลให้ ประชาชนทราบเป็นการทวั่ ไปกอ่ นวนั สมคั รรบั เลอื กตงั้ การกำ�หนดอัตราส่วนตามวรรคสอง ให้คณะ กรรมการหารอื กบั พรรคการเมอื งด้วย การสง่ ผู้สมคั ร มาตรา ๔๙ ในการเลือกต้งั ท่วั ไป การส่งผ้สู มัคร รับเลอื กตง้ั ส.ส. รับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ัง และแบบบัญชีรายชื่อ ให้ดำ�เนินการสรรหาตามวิธีการ ที่กำ�หนดในมาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๑ เว้นแต่กรณี ที่เป็นการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกต้ัง สำ�หรับการเลือกตั้งแทนการเลือกตั้ง ที่เป็นโมฆะ หรือการเลือกตั้งใหม่ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดได้รับ เลือกต้งั หรือกรณีผ้สู มัครตายก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกต้งั ใหด้ ำ�เนินการตามข้อบงั คบั คณะกรรมการ เ มื่ อ มี ก ร ณี ต้ อ ง ส ร ร ห า ผู้ ส มั ค ร รั บ เ ลื อ ก ต้ั ง สรรหาผสู้ มคั ร ให้พรรคการเมืองจัดให้มีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับ รับเลอื กตงั้ เลือกตั้งประกอบด้วยบุคคลและจำ�นวนตามท่ีกำ�หนดใน ข้อบังคับ ซ่ึงอย่างน้อยต้องประกอบด้วยกรรมการบริหาร พรรคการเมืองไม่เกินก่ึงหน่ึงของคณะกรรมการสรรหา ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองและ ตวั แทนพรรคการเมอื งประจำ�จังหวดั ทง้ั น้ี จ�ำ นวนหวั หนา้ สาขาพรรคการเมอื งและตวั แทนพรรคการเมอื งประจ�ำ จงั หวดั ให้เป็นไปตามข้อบังคับ แต่อย่างน้อยต้องมีหัวหน้าสาขา พรรคการเมืองไม่น้อยกว่าส่ีสาขาซ่ึงมาจากภาคต่างกัน ท่ีคณะกรรมการกำ�หนดตามมาตรา ๓๓ และให้มีหน้าที่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410