Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 1

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 1

Published by flowerz_uk, 2019-12-02 23:35:45

Description: พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 1

Search

Read the Text Version

พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม ๑ l พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ วา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร  พ.ศ. ๒๕๖๑ l พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการได้มาซง่ึ สมาชกิ วฒุ ิสภา พ.ศ. ๒๕๖๑ l พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยคณะกรรมการการเลือกต้ัง พ.ศ. ๒๕๖๐ l พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ l พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ ว่าดว้ ยผตู้ รวจการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐

เรื่อง พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ เล่ม ๑ - พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร  พ.ศ. ๒๕๖๑ - พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยการได้มา ซ่ึงสมาชิกวฒุ สิ ภา พ.ศ. ๒๕๖๑ - พระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐ - พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ - พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ ว่าดว้ ยผู้ตรวจการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ ปีทีพ่ มิ พ์ ตลุ าคม ๒๕๖๒ จำ�นวนหนา้ ๔๐๖ หน้า พิมพค์ รง้ั ท่ี ๒ จำ�นวนพมิ พ์ ๑,๐๐๐ เลม่ จดั ท�ำ โดย กลุ่มงานผลิตเอกสาร สำ�นกั ประชาสัมพนั ธ์ ส�ำ นกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร ถนนประดพิ ทั ธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๔-๕ โทรสาร ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๒ พิสจู นอ์ ักษร/ค�ำ คน้ อารียว์ รรณ พลู ทรพั ย์ พิมพ์ ดลธ ี จุลนานนท์ ศลิ ปกรรม ณฐั นนั ท ์ วิชิตพงศเ์ มธี พมิ พท์ ี ่ ส�ำ นกั การพิมพ์ สำ�นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร

ค�ำ นำ� พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  คือ  บทบัญญัติ แห่งกฎหมายท่ีตราข้ึนเพื่อกำ�หนดสาระสำ�คัญในรายละเอียดเร่ือง ที่รัฐธรรมนูญกำ�หนดหลักการไว้เพื่อขยายบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ให้มีความชัดเจนสมบูรณ์ครบถ้วนย่ิงขึ้น  การตราพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ  จะกระทำ�ได้ก็แต่เฉพาะเร่ืองท่ีรัฐธรรมนูญ ก�ำ หนดไว้เทา่ นัน้ ซึง่ ในรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐  ในมาตรา  ๑๓๐  ได้กำ�หนด  ให้ตราพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญ จ�ำ นวน ๑๐ ฉบับ  โดยให้คณะกรรมการร่างรฐั ธรรมนญู เป็นผู้จัดทำ�ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว  เสนอต่อ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ  หากเห็นชอบ ให้ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เพื่อบังคบั ใช้เป็นกฎหมายตอ่ ไป ทั้งนี้  สำ�นักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  ได้รวบรวม พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ จำ�นวน ๑๐ ฉบับ มาจัดทำ�เปน็ รูปเล่ม จ�ำ นวน ๒ เลม่ คือ “พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญ เลม่ ๑” และ“พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู เล่ม ๒” สำ�หรับหนังสือเล่มน้ี  “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม ๑” ประกอบด้วย - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  พ.ศ. ๒๕๖๑ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซ่ึง สมาชกิ วฒุ สิ ภา พ.ศ. ๒๕๖๑

- พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยคณะกรรมการ การเลือกตงั้ พ.ศ. ๒๕๖๐ - พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะผู้จัดทำ�หวังว่าหนังสือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการ คน้ ควา้ อา้ งองิ และเพม่ิ ความสะดวกแก่การปฏบิ ตั ิหน้าทีข่ องสมาชิก รัฐสภา  คณะกรรมาธิการ  บุคคลท่ีเก่ียวข้องในวงงานรัฐสภา  และ ประชาชนทว่ั ไป สำ�นักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร

สารบญั ๑ พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ย การเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๑ บทท่ัวไป ๑๑ หมวด ๒ เจา้ พนักงานผ้ดู �ำเนนิ การเลอื กต้ัง ๑๖ หมวด ๓ การจัดการเลอื กตั้ง ๒๒ สว่ นท่ี ๑ จ�ำนวนสมาชิก เขตเลือกตง้ั ๒๒ หนว่ ยเลอื กต้งั และทีเ่ ลือกต้งั สว่ นที่ ๒ ผู้มีสิทธเิ ลอื กตงั้ ๒๗ สว่ นท่ี ๓ การแจ้งเหตุท่ไี มอ่ าจไปใชส้ ทิ ธเิ ลือกตง้ั ๒๘ สว่ นที่ ๔ บญั ชีรายชอ่ื ผูม้ สี ิทธิเลือกตง้ั ๓๑ หมวด ๔ ผู้สมคั รและการสมคั รรบั เลือกต้งั ๓๖ ส่วนท่ี ๑ ผสู้ มัครรับเลอื กต้ัง ๓๖ สว่ นที่ ๒ การสมคั รรบั เลอื กตง้ั แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ๔๐ สว่ นท่ี ๓ การสมคั รรบั เลอื กตั้งแบบบญั ชรี ายช่ือ ๔๗ สว่ นท่ี ๔ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเลอื กตงั้ และวธิ กี ารหาเสยี ง ๕๐ หมวด ๕ การออกเสียงลงคะแนนและการนับคะแนน ๖๒ สว่ นท่ี ๑ การออกเสยี งลงคะแนน ๖๒ ส่วนท่ี ๒ การออกเสยี งลงคะแนนก่อนวนั เลือกตัง้ ๗๐ สว่ นท่ี ๓ การนับคะแนนและการรวมคะแนน ๗๖ หมวด ๖ การประกาศผลการเลอื กตงั้ ๘๑ หมวด ๗ การด�ำเนินการกรณีการเลอื กต้งั มิได้เปน็ ไป ๙๐ โดยสุจรติ หรือเท่ยี งธรรม

หมวด ๘ บทก�ำหนดโทษ ๙๘ บทเฉพาะกาล ๑๑๐ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ ๑๑๕ วา่ ด้วยการได้มาซ่งึ สมาชกิ วุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๑ ผ้สู มัครและการสมคั รรับเลอื ก ๑๒๓ หมวด ๒ ผูด้ �ำเนินการเกีย่ วกับการเลอื ก ๑๓๖ หมวด ๓ การเลอื ก ๑๔๔ หมวด ๔ การควบคมุ การเลอื กใหเ้ ปน็ ไปโดยสจุ รติ ๑๖๑ และเท่ยี งธรรม ๑๖๔ หมวด ๕ การคดั คา้ น ๑๖๕ หมวด ๖ บทก�ำหนดโทษ ๑๗๕ บทเฉพาะกาล ๑๙๑ พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ วา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑๙๙ หมวด ๑ คณะกรรมการการเลือกต้ัง ๒๓๔ หมวด ๒ การสืบสวน การไตส่ วน และการด�ำเนินคด ี ๒๔๓ หมวด ๓ ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลือกตง้ั ๒๕๓ หมวด ๔ บทก�ำหนดโทษ ๒๕๕ บทเฉพาะกาล

พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ ๒๖๑ ว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๑ การจดั ตง้ั พรรคการเมอื ง ๒๖๘ หมวด ๒ การด�ำเนินกจิ กรรมของพรรคการเมอื ง ๒๗๘ หมวด ๓ การส่งผูส้ มคั รรบั เลือกต้ัง ๒๙๕ หมวด ๔ การเงนิ และการบัญชขี องพรรคการเมือง ๓๐๔ หมวด ๕ รายได้ของพรรคการเมอื ง ๓๐๖ หมวด ๖ กองทุนเพอ่ื การพฒั นาพรรคการเมือง ๓๑๕ หมวด ๗ การใชจ้ ่ายของพรรคการเมือง ๓๒๔ หมวด ๘ การสิ้นสดุ ของพรรคการเมือง ๓๒๖ หมวด ๙ การควบรวมพรรคการเมือง ๓๓๑ หมวด ๑๐ บทก�ำหนดโทษ ๓๓๓ บทเฉพาะกาล ๓๔๔ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ๓๕๕ ว่าด้วยผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๑ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ๓๖๓ หมวด ๒ การด�ำเนินการตามหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดนิ ๓๘๕ หมวด ๓ ส�ำนักงานผู้ตรวจการแผน่ ดนิ ๓๙๒ หมวด ๔ บทก�ำหนดโทษ ๔๐๑ บทเฉพาะกาล ๔๐๑

1 พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการเลือกตัง้ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑

3 พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เปน็ ปีที่ ๓ ในรชั กาลปจั จุบนั สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ  บดินทร เทพยวรางกูร มพี ระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศวา่ โดยท่ีเป็นการสมควรมีกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้มี ีบทบัญญัติ บางประการเกี่ยวกับการจำ�กัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซง่ึ มาตรา ๒๖ ประกอบกบั มาตรา ๒๗ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และมาตรา  ๓๗  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำ�ได้โดยอาศัยอำ�นาจตามบทบัญญัติ แหง่ กฎหมาย

4 เหตุผลและความจำ�เป็นในการจำ�กัดสิทธิและ เสรภี าพของบคุ คลตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ ี เพื่อให้การดำ�เนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปโดยสุจริตและเท่ยี งธรรม  ซ่งึ การตราพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้สอดคล้องกับเงื่อนไขท่ีบัญญัติไว้ใน มาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยแลว้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ตราพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญข้นึ ไว้โดยคำ�แนะนำ�และยินยอม ของสภานติ บิ ัญญตั ิแหง่ ชาติทำ�หนา้ ท่รี ัฐสภา ดงั ตอ่ ไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ นเ้ี รียกวา่ “พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการ เลือกต้งั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑” เรม่ิ บังคบั ใช้ มาตรา ๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ น้ีให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกำ�หนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผลการบังคับใช้ มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ (๑) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มา ซง่ึ สมาชิกวฒุ สิ ภา พ.ศ. ๒๕๕๐ เฉพาะในส่วนทเ่ี กีย่ วกบั การเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (๒) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มา ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔

5 (๓) ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาต ิ ฉบบั ท่ี ๕๗/๒๕๕๗ เรือ่ ง ให้พระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ บางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป  ลงวันที่  ๗  มิถุนายน พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ เฉพาะในส่วนทเ่ี กย่ี วกบั การเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี นิยามของค�ำ ท่ใี ช้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการ ใน พ.ร.ป.ฯ นี้ การเลือกต้ังตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะ กรรมการการเลอื กต้ัง “กรรมการ”  หมายความวา่   กรรมการการเลอื กตง้ั ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ การเลือกตั้ง  และให้หมายความรวมถึงประธานกรรมการ การเลือกตงั้ ด้วย “ผูต้ รวจการเลือกตง้ั ” หมายความว่า ผู้ตรวจ การเลือกตั้งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะ กรรมการการเลอื กตง้ั “ผู้อำ�นวยการการเลือกต้ังประจำ�จังหวัด” หมายความวา่ ผูอ้ ำ�นวยการการเลือกต้งั ประจำ�จังหวัดตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการ เลอื กต้ัง “เจา้ พนกั งานผดู้ �ำ เนนิ การเลอื กตง้ั ” หมายความวา่ ผู้อำ�นวยการการเลือกตั้งประจำ�เขตเลือกต้ัง  ประธาน กรรมการและกรรมการการเลือกตั้งประจำ�เขตเลือกต้ัง

6 ประธานกรรมการและกรรมการประจำ�หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัย  และผู้ซ่ึงได้รับแต่งต้ังให้ ชว่ ยเหลือการปฏิบตั งิ านในการเลอื กตง้ั “ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ”  หมายความวา่   ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร “ผู้สมัคร”  หมายความว่า  ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “วนั เลือกตง้ั ” หมายความวา่ วนั ที่คณะกรรมการ ประกาศกำ�หนดใหเ้ ปน็ วนั เลอื กต้ัง “การเลอื กตัง้ ” หมายความว่า การเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร “เขตเลือกตั้ง”  หมายความว่า  ท้องท่ีท่ีกำ�หนด เป็นเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต เลอื กตง้ั “หน่วยเลือกต้งั ” หมายความวา่ ทอ้ งที่ท่ีก�ำ หนด ให้ท�ำ การออกเสียงลงคะแนน “ท่ีเลือกตั้ง”  หมายความว่า  สถานท่ีท่ีกำ�หนด ให้ทำ�การออกเสียงลงคะแนน  และให้หมายความรวมถึง บรเิ วณทีก่ �ำ หนดข้ึนโดยรอบท่ีเลือกต้ังด้วย “จังหวัด”  หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานคร ด้วย “อ�ำ เภอ” หมายความรวมถึงเขตด้วย “ต�ำ บล” หมายความรวมถึงแขวงด้วย

7 “ศาลากลางจังหวัด”  หมายความรวมถึงศาลา ว่าการกรงุ เทพมหานครด้วย “ที่ว่าการอำ�เภอ”  หมายความรวมถึงสำ�นักงาน เขตดว้ ย “เทศบาล”  หมายความรวมถงึ เมืองพทั ยา และ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอ่ืนท่ีมีกฎหมายจัดต้ังข้ึนเป็น องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ รูปแบบพเิ ศษด้วย “กองทุน”  หมายความว่า  กองทุนเพ่ือการ พัฒนาพรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่า ดว้ ยพรรคการเมือง “สำ�นักงาน”  หมายความว่า  สำ�นักงานคณะ กรรมการการเลือกตั้งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่า ดว้ ยคณะกรรมการการเลอื กตั้ง “เลขาธิการ”  หมายความว่า  เลขาธิการคณะ กรรมการการเลือกตั้งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยคณะกรรมการการเลอื กต้งั มาตรา ๕ ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบ การแจ้ง ย่นื หรอื รฐั ธรรมนญู นม้ี ไิ ดก้ �ำ หนดไวเ้ ปน็ ประการอน่ื   การใดทก่ี �ำ หนด ส่งหนังสอื หรือ ให้แจง้ ยื่น หรือส่งหนงั สือหรือเอกสารให้บุคคลใดเปน็ การ เอกสาร เฉพาะ  ถ้าได้แจ้ง  ยื่น  หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้ บุคคลนั้น  ณ  ภูมิลำ�เนาหรือที่อยู่ท่ีปรากฏตามหลักฐาน ทางทะเบยี นตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการทะเบยี นราษฎร  ใหถ้ อื วา่ ได้แจ้ง  ย่ืน  หรือส่งโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบ

8 รัฐธรรมนูญน้ีแล้ว  และในกรณีท่ีพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ีกำ�หนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้ประชาชน ทราบเป็นการท่ัวไป  ให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใด ท่ีประชาชนท่ัวไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก  เป็นการ ดำ � เ นิ น ก า ร โ ด ย ช อ บ ด้ ว ย พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รัฐธรรมนูญน้แี ล้ว ในกรณีท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ก�ำ หนดใหค้ ณะกรรมการมอี �ำ นาจก�ำ หนดหรอื มคี �ำ สง่ั เรอ่ื งใด ถ้ามิได้กำ�หนดวิธีการไว้เป็นการเฉพาะ  ให้คณะกรรมการ ก�ำ หนดโดยท�ำ เปน็ ระเบยี บ  ประกาศ  หรอื ค�ำ สง่ั แลว้ แตก่ รณี และถา้ ระเบยี บ ประกาศ หรอื ค�ำ ส่งั นัน้ ใช้บงั คับแกบ่ คุ คล ทั่วไปให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา  และให้ดำ�เนินการ ประกาศตามวรรคหนึ่งด้วย  ทั้งนี้  ถ้าระเบียบ  ประกาศ หรือคำ�สั่งใดมีการกำ�หนดขั้นตอนการดำ�เนินงานไว้  คณะ กรรมการต้องกำ�หนดระยะเวลาการดำ�เนินงานในแต่ละ ขน้ั ตอนให้ชัดเจนดว้ ย อำ�นาจของ มาตรา ๖ เพ่ือประโยชน์ในการดำ�เนินการ คณะกรรมการ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ให้คณะ การเลอื กตัง้ กรรมการมีอำ�นาจวางระเบียบเก่ียวกับการปฏิบัติหน้าท่ี ของเจา้ พนกั งานผดู้ �ำ เนนิ การเลอื กตง้ั รวมทง้ั ก�ำ หนดหลกั เกณฑ์ และวิธีการอื่นใดที่จำ�เป็นได้เท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งหรือท่ีมิได้ มีบัญญัติไว้แล้วเป็นการเฉพาะในพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้

9 มาตรา ๗ ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ข อ ง ค ณ ะ การประชุม กรรมการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ใน คณะกรรมการ ระหว่างเวลานับแต่วันท่ีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งใน ใช้บังคับจนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้ง  หากมีความ กรณเี ร่งดว่ น จำ�เป็นเร่งด่วนต้องมีการประชุมคณะกรรมการ  ให้คณะ กรรมการมีอำ�นาจประชุมผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์  โดย กรรมการแต่ละคนอาจอยู่ ณ สถานที่แตกตา่ งกันได้ และ ให้เลขาธิการดำ�เนินการบันทึกเสียงและภาพเก็บไว้เป็น หลักฐาน ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารที่คณะกรรมการ กำ�หนด มาตรา ๘ การพิจารณาและมีคำ�วินิจฉัยของ การปฏิบัติหนา้ ท่ี ศาลฎีกาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  ให้ ของศาลฎกี า เป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา  ซึ่งต้องกำ�หนดให้การพิจารณาเป็น ไปโดยรวดเร็วและเท่ียงธรรม  ในการน้ี  อาจกำ�หนดให้ ศาลช้ันต้นท่ีมีเขตอำ�นาจในเขตเลือกต้ังน้ันเป็นผู้รับคำ�ร้อง แทนเพ่ือจัดส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัย  หรืออาจให้ศาลชั้นต้น ดังกล่าวเป็นผู้ไต่สวนพยานหลักฐานหรือดำ�เนินการอ่ืนท่ี จำ�เปน็ แทนศาลฎีกาก็ได้ การปฏิบัติหน้าท่ขี องศาลฎีกาเก่ยี วกับการเลือกต้งั ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ผู้พิพากษาซง่ึ ร่วมประชุมใหญ่ศาลฎีกา  องค์คณะผู้พิพากษา  ตลอดจน บุคคลซ่ึงองค์คณะผู้พิพากษามอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่มี

10 สิทธิไดร้ บั เบยี้ ประชมุ หรอื คา่ ตอบแทน แลว้ แต่กรณี ตาม ระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบยี บบริหารราชการศาลยตุ ิธรรมกำ�หนด การแจง้ เบาะแส มาตรา ๙ ในการจัดให้มีการเลือกต้ัง  ให้คณะ หรือขอ้ มูล กรรมการส่งเสริมและสนับสนุนให้สภาองค์กรชุมชนตาม ตอ่ คณะกรรมการ กฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน  ชุมชน  รวมตลอดท้ัง การเลอื กต้งั ประชาชนทั่วไป ใหม้ ีส่วนรว่ มในการแจง้ เบาะแสหรือข้อมูล ต่อคณะกรรมการ เพอ่ื ใหก้ ารเลือกต้ังเป็นไปโดยสจุ รติ และ เทีย่ งธรรม การสง่ เสรมิ สนับสนุน และการแจง้ เบาะแสหรอื ข้อมูลตามวรรคหนึง่ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี าร ที่คณะกรรมการกำ�หนด  โดยอย่างน้อยต้องมีมาตรการ คุ้มครองมิให้เกิดอันตรายแก่ผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูล รวมตลอดทั้งมาตรการรักษาความลับของผู้แจ้งเบาะแส หรือข้อมลู ดว้ ย เบาะแสหรอื ข้อมลู ที่องค์กร ชุมชน หรอื บคุ คล ตามวรรคหน่ึงแจ้งต่อคณะกรรมการ  จะนำ�ไปเป็นเหตุใน การดำ�เนินคดีแก่ผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลนั้นในทางใดมิได้ เวน้ แตเ่ ป็นเบาะแสหรือข้อมูลทผ่ี ูแ้ จง้ รอู้ ยูแ่ ล้วว่าเป็นเท็จ ผู้รักษาการ มาตรา ๑๐ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ฯ น้ี รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญนี้

11 หมวด ๑ บททว่ั ไป มาตรา ๑๑ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการ การด�ำ เนินการ เลือกตั้งทั่วไปข้ึนใช้บังคับ  ให้คณะกรรมการดำ�เนินการ ของคณะกรรมการ ดงั ตอ่ ไปน้ี การเลอื กตั้ง (๑) จัดให้มีการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรแบบแบ่งเขตเลอื กตัง้ จำ�นวนสามรอ้ ยหา้ สิบคน (๒) ดำ�เนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง รวมจำ�นวนหนึ่งร้อยห้าสิบคนตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก�ำ หนดไวใ้ นพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญน้ี มาตรา ๑๒ ภายในห้าวันนับแต่วันท่ีพระราช ประกาศเก่ียวกับ กฤษฎีกาให้มีการเลือกต้ังทั่วไปใช้บังคับให้คณะกรรมการ การเลือกต้งั ใน ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเกย่ี วกบั การเลอื กตง้ั   ดงั ตอ่ ไปน้ี ราชกิจจานุเบกษา (๑) ก�ำ หนดวนั เลือกต้ัง (๒) กำ�หนดวันรับสมัครรับเลือกต้ังแบบแบ่งเขต เลือกต้ัง  โดยเร่ิมรับสมัครไม่เกินย่ีสิบห้าวันนับแต่วันที่ พระราชกฤษฎีกาใหม้ ีการเลือกต้ังท่วั ไปใชบ้ งั คับ และต้อง กำ�หนดวนั รบั สมคั รไม่น้อยกว่าห้าวนั (๓) จำ�นวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่ง เขตเลือกตั้งท่ีแต่ละจังหวัดจะพึงมีและจำ�นวนเขตเลือกตั้ง แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ของแตล่ ะจงั หวดั   ซง่ึ ตอ้ งมรี ายละเอยี ด เก่ยี วกบั อ�ำ เภอหรือเขตพน้ื ทที่ อี่ ยใู่ นเขตเลอื กต้งั

12 (๔) กำ�หนดสถานท่ีที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชี รายช่ือผูส้ มัครแบบบญั ชีรายชอื่ ในกรณีท่ีมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการ เลือกตง้ั แทนตำ�แหน่งทวี่ า่ ง ให้น�ำ ความใน (๑) และ (๒) มา ใชบ้ งั คับด้วยโดยอนุโลม พรรคการเมือง มาตรา ๑๓ ในการเลอื กตง้ั ทว่ั ไปใหพ้ รรคการเมอื ง แจ้งรายช่ือเพ่ือเปน็ ท่ีส่งผู้สมัครแจ้งรายช่ือบุคคลซึ่งพรรคการเมืองน้ันมีมติวา่ นายกรัฐมนตรี จะเสนอให้สภาผ้แู ทนราษฎรเพ่อื พิจารณาให้ความเห็นชอบ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะ กรรมการก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกต้ัง  และให้คณะ กรรมการประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวพร้อมกับช่ือของ พรรคการเมืองน้นั ให้ประชาชนทราบเป็นการทัว่ ไป เมอ่ื พรรคการเมอื งแจง้ รายชอ่ื บคุ คลใดตามวรรคหนง่ึ แล้ว  บุคคลน้ันหรือพรรคการเมืองนั้นจะถอนรายชื่อหรือ เปลี่ยนแปลงรายช่ือบุคคลนั้นได้เฉพาะกรณีบุคคลน้ัน ตายหรือขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม  และต้อง กระทำ�ก่อนปิดการรบั สมคั รรับเลอื กตั้ง การคัดเลือกรายชื่อบุคคลตามวรรคหน่ึง  ให้เป็น ไปตามกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พรรคการเมืองจะไม่เสนอรายช่ือบุคคลตาม วรรคหนงึ่ ก็ได้ หลักเกณฑ์ในการ มาตรา ๑๔ การเสนอรายชอ่ื บคุ คลตามมาตรา  ๑๓ เสนอรายช่อื บุคคล ต้องเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ ดังตอ่ ไปน้ี

13 (๑) ตอ้ งมหี นังสอื ยนิ ยอมของบคุ คลซึ่งได้รับการ เสนอช่อื โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการกำ�หนด (๒) ผู้ได้รับการเสนอช่ือต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรีตามที่บัญญัติไว้ ในรฐั ธรรมนูญ และไมเ่ คยท�ำ หนงั สือยนิ ยอมตาม (๑) ให้ พรรคการเมอื งอืน่ ในการเลอื กต้ังคราวน้นั การเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามวรรคหน่ึง ใหถ้ อื ว่าไม่มีการเสนอช่ือบุคคลน้นั มาตรา ๑๕ กรณที ม่ี เี หตจุ �ำ เปน็ อนั มอิ าจหลกี เลย่ี ง กรณีมเี หตทุ ่ี ได้  เป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งทั่วไปพร้อมกัน ไม่สามารถจัดการ ท่ัวราชอาณาจักรตามวันท่ีคณะกรรมการประกาศกำ�หนด เลือกต้งั ท่วั ไป ตามมาตรา ๑๒ (๑) อนั มิใชเ่ ปน็ กรณีตามมาตรา ๑๐๒ และ พรอ้ มกนั ได้ คณะกรรมการมีมติด้วยคะแนนไม่น้อยกว่าสองในสามของ กรรมการท้ังหมดเท่าที่มีอยู่  ว่าการดำ�เนินการเลือกตั้ง ต่อไปตามกำ�หนดวันเดิมจะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมหรือ เรียบร้อย  คณะกรรมการจะประกาศกำ�หนดวันเลือกต้ัง ใหม่ก็ได้  แต่ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายในสามสิบวัน นับแตว่ ันทีเ่ หตดุ งั กล่าวสนิ้ สดุ ลง ในกรณีที่มีเหตุตามวรรคหนึ่งเกิดขึ้นในระหว่าง เวลาเปิดการลงคะแนน  คณะกรรมการจะส่ังยกเลิกการ เลอื กตง้ั และประกาศกำ�หนดวนั เลือกต้ังใหม่กไ็ ด้

14 เพ่ือประโยชน์ในการนับอายุของผู้มีสิทธิเลือกต้ัง และอายุของผู้สมัคร  ให้นับถึงวันเลือกตั้งท่ีคณะกรรมการ ได้กำ�หนดไวต้ ามมาตรา ๑๒ (๑) กรณี มาตรา ๑๖ ในการเลอื กตง้ั ทว่ั ไปหรอื การเลอื กตง้ั มกี ารเลือกตงั้ ใหม่ แทนต�ำ แหนง่ ทว่ี า่ ง  หากคณะกรรมการสง่ั ใหม้ กี ารเลอื กตง้ั ใหม่ ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง  ให้คณะกรรมการมีอำ�นาจ ออกประกาศกำ�หนดวันเลือกต้ังและให้ย่นหรือขยาย ระยะเวลาหรืองดเว้นการดำ�เนินการท่ีเก่ียวกับการเลือกต้ัง ตามท่ีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เฉพาะในการเลือกต้ังน้ัน  เพื่อให้เหมาะสมและจำ�เป็น แก่การดำ�เนินการเลือกต้ังให้เป็นไปโดยรวดเร็ว  สุจริต และเทย่ี งธรรมได้ ในกรณีท่ีมีการเลือกตั้งใหม่ตามวรรคหน่ึง  ให้ ถือว่าผู้สมัครเดิมท่ีมีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะ ต้องห้ามยังคงเป็นผู้สมัครในการเลือกต้ังที่จะจัดข้ึนใหม่ โดยไมต่ ้องรับสมัครใหม่ เวน้ แต่จะไมม่ ีผูส้ มัครเดิมเหลืออยู่ การฟ้องคดีหรอื มาตรา ๑๗ ในกรณีท่ีพระราชบัญญัติประกอบ การยน่ื ค�ำ ร้อง รัฐธรรมนูญนี้มิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอ่ืน  การฟ้องคดีหรือ เกี่ยวกบั การ การย่ืนคำ�ร้องเกี่ยวกับการดำ�เนินการของคณะกรรมการ ดำ�เนนิ การให้มีการ ในการจัดหรือดำ�เนินการให้มีการจัดการเลือกต้ังอันมิใช่ เป็นการใช้อำ�นาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญ  ให้ยื่นต่อ จัดการเลือกตั้ง ศาลปกครองสูงสุดภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีเหตุท่ีจะ ฟ้องคดีหรือยื่นคำ�ร้อง  แต่มิให้นำ�มาตรการหรือวิธีการ

15 ช่ัวคราวตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ังศาลปกครองและวิธี พิจารณาคดปี กครองมาใช้บังคับ การพิจารณาคดีและการทำ�คำ�พิพากษาหรือ การปฏบิ ัติหน้าท่ี คำ�ส่ังของศาลปกครองสูงสุดตามวรรคหน่ึง  ให้เป็นไปตาม ของศาลปกครอง ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งต้องกำ�หนดให้การ พจิ ารณาเปน็ ไปโดยรวดเรว็ และเทย่ี งธรรม  ทง้ั น ้ี ค�ำ พพิ ากษา หรือคำ�สั่งของศาลปกครองสูงสุดไม่กระทบถึงการด�ำ เนนิ การ เ ลื อ ก ต้ั ง ห รื อ ก า ร ก ร ะ ทำ � อ่ื น ใ ด ท่ี ไ ด้ ดำ � เ นิ น ก า ร ไ ป ก่ อ น ศาลปกครองสงู สดุ มีคำ�พิพากษาหรอื คำ�ส่งั การปฏิบัติหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับ การเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ตุลาการซึ่งร่วมประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด องค์คณะตุลาการ  ตลอดจนบุคคลซึ่งองค์คณะตุลาการ มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่มีสิทธิได้รับเบ้ียประชุมหรือ ค่าตอบแทน  แล้วแต่กรณีตามระเบียบที่คณะกรรมการ บริหารศาลปกครองตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ัง ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดีปกครองก�ำ หนด การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดตามมาตรานี้ ให้ดำ�เนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกต้งั ไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้มีคำ�พิพากษาหรือ คำ�ส่ังให้การพิจารณาเป็นอันยุติและให้ดำ�เนินการไปตาม คำ�สง่ั ของคณะกรรมการ

16 หมวด ๒ เจ้าพนกั งานผู้ด�ำ เนนิ การเลอื กตัง้ เจ้าพนกั งาน มาตรา ๑๘ ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง  ให้คณะ ผดู้ �ำ เนนิ การเลอื กตง้ั กรรมการมีอำ�นาจแต่งตั้งบุคคลเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำ�เนิน การเลือกต้ัง ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ผู้อำ�นวยการการเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกต้ัง หนึ่งคน มีหนา้ ท่เี ก่ยี วกับการรับสมัครรบั เลอื กตงั้ แบบแบ่ง เขตเลือกต้งั   และดำ�เนินกิจการท่จี ำ�เป็นเก่ยี วกับการเลือกต้งั ให้เป็นไปตามพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู นี้ (๒) คณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจ�ำ เขตเลอื กตง้ั ไม่น้อยกว่าสามคน  มีหน้าท่ีเก่ียวกับการกำ�หนดหน่วย เลอื กต้งั ทเ่ี ลอื กตัง้ การจดั ทำ�บญั ชีรายชอ่ื ผู้มีสทิ ธเิ ลอื กตัง้ การเพ่มิ ช่อื และการถอนชอ่ื ผมู้ ีสทิ ธเิ ลอื กต้ังในเขตเลือกต้งั รวมทั้งมีหน้าท่ีกำ�กับดูแลการออกเสียงลงคะแนน  การนับ คะแนน และการประกาศผลการนบั คะแนน การแตง่ ตง้ั และการพน้ จากต�ำ แหนง่ ของผอู้ �ำ นวยการ การเลอื กตง้ั ประจ�ำ เขตเลอื กตง้ั และคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประจำ�เขตเลือกต้ัง ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการท่ี คณะกรรมการก�ำ หนด เพื่อประโยชน์ในการดำ�เนินการเลือกต้ัง  ให้ คณะกรรมการมอี �ำ นาจแตง่ ตง้ั หรอื มอบหมายใหผ้ อู้ �ำ นวยการ ก า ร เ ลื อ ก ต้ั ง ป ร ะ จำ � เ ข ต เ ลื อ ก ต้ั ง ห รื อ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร

17 การเลือกตั้งประจำ�เขตเลือกตั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะบคุ คล หรือบุคคลใด เปน็ ผชู้ ว่ ยเหลอื การปฏบิ ตั งิ านใน การเลือกตั้งไดต้ ามสมควร การใดท่ีเป็นหน้าที่และอำ�นาจของผู้อำ�นวยการ การเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกต้ังหรือคณะกรรมการการ เลือกตั้งประจำ�เขตเลือกต้ัง  คณะกรรมการจะออกระเบียบ ให้ผู้อำ�นวยการการเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกตั้งหรือ คณะกรรมการการเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกต้ังมีอำ�นาจ มอบหมายใหค้ ณะอนุกรรมการ คณะบุคคลหรือบคุ คลตาม วรรคสามท�ำ หนา้ ทแ่ี ทนกไ็ ด ้ ในกรณเี ชน่ นน้ั   การด�ำ เนนิ การ การแจง้ หรอื การยน่ื ทก่ี ระท�ำ ตอ่ ผซู้ ง่ึ ไดร้ บั มอบหมาย ใหถ้ อื วา่ เป็นการดำ�เนินการ  แจ้ง  หรือได้ยื่นต่อผู้อำ�นวยการ การเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกต้ังหรือคณะกรรมการการ เลือกต้ังประจ�ำ เขตเลือกตง้ั แลว้ มาตรา ๑๙ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง เจ้าพนกั งาน ประจำ�เขตเลือกตั้งแต่งต้ังผู้มีสิทธิเลือกต้ังเป็นเจ้าพนักงาน ผู้ด�ำ เนินการ ผูด้ ำ�เนนิ การเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้ เลอื กต้งั (๑) คณะกรรมการประจำ�หน่วยเลือกต้ังห้าคน มีหน้าที่เกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนนในที่เลือกตั้งและ นับคะแนนของหน่วยเลือกตั้งแต่ละแห่ง  ในกรณีท่ีหน่วย เลือกตั้งใดมีผู้มีสิทธิเลือกต้ังเกินแปดร้อยคนอาจแต่งตั้ง กรรมการประจำ�หน่วยเลือกต้ังเพ่ิมได้ตามหลักเกณฑ์ ทีค่ ณะกรรมการกำ�หนด

18 (๒) เจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยอย่างน้อย หน่ึงคน  ซึ่งแต่งต้ังจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเพ่ือทำ�หน้าที่ รักษาความปลอดภัยและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าท่ีของ คณะกรรมการประจ�ำ หน่วยเลือกตัง้ การแต่งตั้งและการฝึกอบรมคณะกรรมการ ประจำ�หน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยให้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีคณะกรรมการกำ�หนด โดยในการฝึกอบรมจะดำ�เนินการฝึกอบรมผู้มีคุณสมบัติ ตามวรรคหน่ึงเพื่อสำ�รองไว้มากกว่าจำ�นวนที่ต้องใช้จริงแต่ ไมเ่ กนิ จ�ำ นวนท่คี ณะกรรมการกำ�หนดกไ็ ด้ กรณพี บเห็น ในกรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกต้ังประจำ�เขต กรรมการประจ�ำ เลือกตั้งหรือผู้ตรวจการเลือกตั้งพบเห็นกรรมการประจำ� หนว่ ยเลอื กตัง้ หรอื หน่วยเลือกต้ังหรือเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยผู้ใด เจ้าหน้าที่รักษา กระทำ�ผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ความปลอดภัย หรือกระทำ�การใดอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกต้ังมิได้เป็น ไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม  หรือเป็นไปโดยมิชอบด้วย กระทำ�ผิด พ.ร.ป. กฎหมาย  ให้รายงานคณะกรรมการหรือกรรมการโดย ทันที  และให้คณะกรรมการหรือกรรมการมีอำ�นาจสั่ง เปล่ียนกรรมการประจำ�หน่วยเลือกต้ังหรือเจ้าหน้าท่ีรักษา ความปลอดภยั ไดต้ ามทเี่ หน็ สมควร ในกรณที เ่ี กี่ยวกบั การ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ให้ผู้ตรวจการเลือกตั้ง มีอำ�นาจแจ้งเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้องได้  ถ้าไม่มีการ ดำ�เนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามที่แจ้งเตือน  ให้รายงานให้ คณะกรรมการหรือกรรมการทราบโดยเรว็

19 ในกรณีท่ีกรรมการเป็นผู้พบเห็นการกระทำ�ตาม อำ�นาจของ วรรคสาม  ให้กรรมการมีอำ�นาจส่ังเปล่ียนกรรมการประจำ� กรรมการ หนว่ ยเลอื กตง้ั หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ตามท่ี การเลอื กต้ัง เห็นสมควร  ท้ังนี้  ในกรณีท่ีเห็นว่าการกระทำ�หรือการงด เว้นการกระทำ�ดังกล่าวเป็นการกระทำ�ของเจ้าหน้าที่ของ รัฐ  ให้มีอำ�นาจสั่งให้ระงับ  ยับย้ัง  แก้ไขเปล่ียนแปลง  หรือสั่งให้กระทำ�การอย่างใดอย่างหน่ึงได้ตามท่ีเห็น สมควร  ถ้าเป็นการกระทำ�ของบุคคลซ่ึงมิใช่เป็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐ  ให้มีอำ�นาจส่ังให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำ�รวจ  หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำ�รวจชั้นผู้ใหญ่ดำ�เนินการ ตามหน้าท่ีและอำ�นาจ  หรือสั่งให้ผู้อำ�นวยการการเลือกตั้ง ประจำ�จังหวัดบันทึกพฤติกรรมแห่งการกระทำ�และ รวบรวมพยานหลักฐานไว้เพื่อดำ�เนินการต่อไปได้ตามที่ จำ�เป็น  หรือในกรณีจำ�เป็นอันไม่อาจหลีกเล่ียงได้จะส่ังให้ ระงับหรือยับย้ังการดำ�เนินการเลือกต้ังในหน่วยเลือกต้ัง บางหน่วยหรือทุกหน่วยในเขตเลือกต้ังท่ีพบเห็นการ กระทำ�หรือการงดเว้นการกระทำ�นั้นก็ได้แล้วรายงาน ต่อคณะกรรมการเพือ่ ทราบโดยเรว็ ท้งั นี้ ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงอ่ื นไขท่ีคณะกรรมการกำ�หนด มาตรา ๒๐ ก่อนวันเลือกตั้ง  หากกรรมการ กรรมการประจ�ำ ประจำ�หน่วยเลือกตั้งมีไม่ครบจำ�นวนไม่ว่าด้วยเหตุใด  ให้ หนว่ ยเลอื กตง้ั คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ�เขตเลือกต้ังแต่งตั้งบุคคล มไี มค่ รบจ�ำ นวน ผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา  ๑๙  เป็นกรรมการประจำ�หน่วย เลือกตงั้ ให้ครบจ�ำ นวน

20 มาตรา ๒๑ ในวันเลือกต้ัง  ถ้าถึงเวลาเปิดการ ออกเสียงลงคะแนนแล้วมีกรรมการประจำ�หน่วยเลือกต้ัง มาปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบจำ�นวน  แต่มาไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่ง ของคณะกรรมการประจ�ำ หน่วยเลือกต้ังที่ได้รับแต่งตัง้ ให้ กรรมการประจำ�หน่วยเลือกตั้งท่ีมาปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ปฏิบัติหน้าท่ีได้และให้กรรมการประจำ�หน่วยเลือกต้ังท่ีมา ปฏิบัติหน้าท่ีอยู่ในขณะนั้นรายงานต่อคณะกรรมการการ เลือกตง้ั ประจำ�เขตเลือกต้งั เพ่อื แต่งต้งั บคุ คลผ้มู ีคณุ สมบตั ิ ตามมาตรา ๑๙ เป็นกรรมการประจ�ำ หนว่ ยเลือกต้งั เพม่ิ เติม ให้ครบจำ�นวนก่อนการนบั คะแนน กรณมี ีกรรมการ ในกรณีท่ีกรรมการประจำ�หน่วยเลือกตั้งมาปฏิบัติ ประจ�ำ หนว่ ยเลอื กตง้ั หนา้ ทไ่ี ม่ถงึ กง่ึ หน่ึง ให้กรรมการประจำ�หนว่ ยเลอื กต้ังทม่ี า ไมถ่ ึงกง่ึ หนง่ึ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะน้ันรายงานต่อคณะกรรมการการ เลือกต้ังประจำ�เขตเลือกต้ังเพื่อแต่งต้ังบุคคลผู้มีคุณสมบัติ ตามมาตรา ๑๙ เป็นกรรมการประจำ�หนว่ ยเลือกต้ังใหค้ รบ จำ�นวนโดยเรว็ กรณีไมม่ ี ในกรณีที่ไม่มีกรรมการประจำ�หน่วยเลือกตั้งมา กรรมการประจ�ำ ปฏิบัติหน้าที่เลย  ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประจำ�เขต หนว่ ยเลอื กตัง้ เลย เลือกต้ังแต่งตั้งบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา  ๑๙  เป็น กรรมการประจำ�หน่วยเลือกต้ังเพื่อปฏิบัติหน้าท่ีในหน่วย เลอื กตั้งนน้ั การแต่งตั้งและการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ ประจำ�หนว่ ยเลือกต้ังให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และ เง่ือนไขท่คี ณะกรรมการก�ำ หนด

21 มาตรา ๒๒ ในกรณีท่มี ีหลักฐานอันควรเช่อื ได้ว่า กรณีมหี ลกั ฐานว่า หรือมีเหตุอันควรสงสัยวา่ เจา้ พนักงานผ้ดู ำ�เนินการเลอื กตง้ั เจา้ พนกั งาน ผู้ใดขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าท่ี  หรือละทิ้ง ผดู้ �ำ เนนิ การเลอื กตง้ั หน้าท่ี  หรือไม่ยอมปฏิบัติหน้าท่ีให้กรรมการมีอำ�นาจ ขาดประสทิ ธภิ าพ ส่ังให้ผู้นั้นพ้นจากการปฏิบัติหน้าท่ีแล้วรายงานให้คณะ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี กรรมการทราบ มาตรา ๒๓ ห้ามมิให้กรรมการ  เลขาธิการ  ขอ้ หา้ มในการ ผู้ตรวจการเลือกต้งั   ผ้อู ำ�นวยการการเลือกต้งั ประจำ�จังหวัด  ปฏบิ ัติหน้าที่ หรือเจ้าพนักงานผู้ดำ�เนินการเลือกต้ัง  หลีกเล่ียงไม่ปฏิบัติ ตามหนา้ ท ่ี ทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท ่ี หรอื กระท�ำ การอน่ื ใดอนั เปน็ การ ขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย  ระเบียบ  ประกาศ หรือคำ�ส่งั ของคณะกรรมการ  หรือคำ�ส่งั ของศาลอันเก่ยี วกับ การเลอื กตั้งตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญนี้ กรรมการ  เลขาธิการ  ผู้ตรวจการเลือกตั้ง  ผู้อำ�นวยการการเลือกตั้งประจำ�จังหวัด  หรือเจ้าพนักงาน ผู้ดำ�เนินการเลือกต้ัง  ซ่ึงปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู นี้ หรอื กฎหมาย ระเบยี บ ประกาศ หรอื ค�ำ ส่งั ของคณะกรรมการ หรอื ปฏิบัติตามค�ำ ส่งั ของศาล อนั เก่ยี วกับการเลือกต้ังหากได้กระทำ�โดยสจุ ริต ย่อมไดร้ บั ความคมุ้ ครอง ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ทั้งทางแพง่ ทางอาญา หรอื ทางปกครอง

22 เจ้าพนักงาน มาตรา ๒๔ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราช ตามประมวล บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  ให้บุคคลดังต่อไปน้ีเป็น กฎหมายอาญา เจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา (๑) กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลอื กตั้ง และ ผูอ้ ำ�นวยการการเลอื กต้งั ประจ�ำ จงั หวดั (๒) เจา้ พนกั งานผูด้ �ำ เนนิ การเลือกตั้ง ส�ำ หรับบุคคลตาม (๒) ให้เป็นเจา้ พนักงานตาม ประมวลกฎหมายอาญานับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งจนสิ้น สดุ แหง่ การงานในหน้าที่ คา่ ตอบแทน มาตรา ๒๕ ค่าตอบแทนของเจ้าพนักงาน ของเจ้าพนักงาน ผดู้ �ำ เนนิ การเลือกตั้งให้เปน็ ไปตามทคี่ ณะกรรมการก�ำ หนด ผู้ด�ำ เนนิ การ เลือกตัง้ หมวด ๓ การจัดการเลอื กต้ัง สว่ นที่ ๑ จ�ำ นวนสมาชกิ เขตเลือกตง้ั หนว่ ยเลอื กตงั้ และท่ีเลอื กตัง้ การก�ำ หนดจ�ำ นวน มาตรา ๒๖ การกำ�หนดจำ�นวนสมาชิกสภา ส.ส. และการ ผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี  และการแบ่งเขต แบ่งเขตเลือกตั้ง เลือกตัง้ ใหด้ �ำ เนินการตามวธิ ีการ ดงั ตอ่ ไปนี้

23 (๑) ให้ใช้จำ�นวนราษฎรท้ังประเทศตามหลักฐาน การทะเบียนราษฎรท่ีประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการ เลือกตั้ง  เฉล่ียด้วยจำ�นวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามร้อยห้าสิบคน  จำ�นวนท่ีได้รับให้ถือว่าเป็นจำ�นวน ราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน (๒) จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำ�นวน ราษฎรต่อสมาชิกหน่ึงคนตาม (๑) ให้มสี มาชิกสภาผู้แทน ราษฎรในจังหวัดนั้นได้หน่ึงคน  โดยให้ถือเขตจังหวัดเป็น เขตเลือกตงั้ (๓) จังหวัดใดมีราษฎรเกินจำ�นวนราษฎรต่อ สมาชิกหน่ึงคน  ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัด น้ันเพิ่มข้ึนอีกหนึ่งคนทุกจำ�นวนราษฎรท่ีถึงเกณฑ์จำ�นวน ราษฎรตอ่ สมาชิกหนึง่ คน (๔) เมื่อได้จำ�นวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ แตล่ ะจังหวดั ตาม (๒) และ (๓) แลว้ ถ้าจ�ำ นวนสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรยงั ไม่ครบสามร้อยหา้ สิบคน จงั หวัดใดมีเศษ ทเ่ี หลอื จากการค�ำ นวณตาม (๓) มากทีส่ ดุ ให้จังหวัดนั้น มสี มาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรเพมิ่ ขึน้ อีกหนึง่ คน และให้เพ่มิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวิธีการดังกล่าวแก่จังหวัด ท่ีมีเศษที่เหลือจากการคำ�นวณน้ันในลำ�ดับรองลงมาตาม ลำ�ดับจนครบจ�ำ นวนสามร้อยห้าสิบคน (๕) จังหวัดใดมีการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรไดเ้ กนิ หนง่ึ คน ใหแ้ บง่ เขตจงั หวดั ออกเปน็ เขตเลอื กตง้ั

24 เท่าจำ�นวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ีพึงมี  โดยต้องแบ่ง พื้นท่ีของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกันและต้องจัดให้มี จ�ำ นวนราษฎรในแตล่ ะเขตใกลเ้ คยี งกัน การแบง่ เขตเลอื กตง้ั มาตรา ๒๗ ให้คณะกรรมการดำ�เนินการแบ่ง เขตเลือกต้ังสำ�หรับการเลือกต้ังแบบแบ่งเขตเลือกตั้งไว้ ทุกจังหวัด  เพ่ือให้ประชาชนได้ทราบล่วงหน้าซ่ึงจะต้อง กำ�หนดตามหลักเกณฑ์ท่ีบญั ญัตไิ วใ้ นมาตรา ๒๖ และตอ้ ง แบ่งพ้ืนท่ีของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกันและต้อง จัดให้มีจำ�นวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกต้ังใกล้เคียงกัน  โดยถือเกณฑด์ ังต่อไปน้ี (๑) ให้รวมอำ�เภอต่าง  ๆ  เป็นเขตเลือกต้ัง  โดยคำ�นึงถึงพ้ืนท่ีที่ติดต่อใกล้ชิดกัน  ความสะดวกใน การคมนาคมระหว่างกัน  และการเคยอยู่ในเขตเลือกตั้ง เดียวกัน  ถ้าการรวมอำ�เภอในลักษณะนี้จะทำ�ให้มีจำ�นวน ราษฎรมากหรือน้อยเกินไป  ให้แยกตำ�บลของอำ�เภอออก เพ่อื ให้ได้จำ�นวนราษฎรพอเพียงสำ�หรับการเป็นเขตเลือกต้งั แต่จะแยกหรือรวมเฉพาะเพียงบางสว่ นของตำ�บลไมไ่ ด้ (๒) ในกรณที ่ีการกำ�หนดพ้ืนท่ีตามเกณฑ์ใน (๑) จะทำ�ให้จำ�นวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกต้ังมีจำ�นวนไม่ใกล้ เคียงกันหรือไม่มีสภาพเป็นชุมชนเดียวกัน  ให้ดำ�เนินการ แบ่งเขตเลือกตั้งตามสภาพของชุมชนที่ราษฎรมีการติดต่อ กันเป็นประจำ�ในลักษณะท่ีเป็นชุมชนเดียวกันหรือใกล้ เคียงกันและสามารถเดินทางติดต่อกันได้โดยสะดวก  โดย จะตอ้ งท�ำ ใหจ้ �ำ นวนราษฎรมีจ�ำ นวนใกล้เคยี งกนั มากที่สดุ

25 (๓) เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและประชาชนมี สว่ นรว่ มแสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาเกย่ี วกบั การแบง่ เขตเลอื กตง้ั ตาม (๑) และ (๒) ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารที่คณะกรรมการกำ�หนด มาตรา ๒๘ เม่ือได้ดำ�เนินการแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกาศเขตเลอื กตง้ั แลว้ ให้คณะกรรมการประกาศในราชกิจจานเุ บกษาและให้ ใชเ้ ขตเลอื กต้งั นน้ั จนกว่าจะมกี ารเลือกต้ังทัว่ ไปครงั้ ใหม่ ในกรณีที่มีการกำ�หนดเขตเลือกต้ังใหม่และมีผล ให้พื้นท่ีของเขตเลือกตั้งเปล่ียนแปลงไปให้การดำ�เนินการ ใดท่ีได้ดำ�เนินการไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วก่อนมีการ ก�ำ หนดเขตเลอื กต้ังใหมเ่ ป็นอันใชไ้ ด้ มาตรา ๒๙ ในกรณที จ่ี ะมกี ารเลอื กตง้ั ทว่ั ไปครง้ั ใหม่ กรณที ม่ี กี ารเลอื กตง้ั ใหค้ ณะกรรมการถอื เขตเลอื กตง้ั ทม่ี กี ารประกาศก�ำ หนดไวแ้ ลว้ ท่ัวไปคร้งั ใหม่ เป็นหลกั และปรบั ปรุงแก้ไขตามหลักเกณฑต์ ามมาตรา ๒๗ และใหน้ ำ�ความในมาตรา ๒๘ มาใชบ้ งั คับด้วยโดยอนโุ ลม มาตรา ๓๐ กอ่ นวนั เลอื กตง้ั ไมน่ อ้ ยกวา่ ยส่ี บิ หา้ วนั หลกั เกณฑ์ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกต้ังกำ�หนด การกำ�หนด หน่วยเลอื กตงั้ ทจ่ี ะพงึ มใี นแตล่ ะเขตเลือกตง้ั และที่เลือกตง้ั หน่วยเลือกตง้ั ของแตล่ ะหน่วยเลอื กตัง้ ตามหลกั เกณฑ์ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ให้ใช้เขตหมู่บ้านเป็นเขตของหน่วยเลือกตั้ง เว้นแต่ในกรณีท่มี ีผ้มู ีสิทธิเลือกต้งั จำ�นวนน้อยจะรวมหม่บู ้าน ที่อยู่ติดกันต้ังแต่สองหมู่บ้านข้ึนไปเป็นหน่วยเลือกต้ัง เดียวกันก็ได้  สำ�หรับในเขตเทศบาลเขตกรุงเทพมหานคร

26 หรอื เขตชมุ ชนหนาแน่น อาจกำ�หนดให้ใชเ้ ขตชมุ ชน แนว ถนน ตรอก ซอย คลองหรอื แมน่ �ำ้ เปน็ เขตของหนว่ ยเลอื กตง้ั ก็ได้  โดยคำ�นึงถึงความสะดวกในการเดินทางมาใช้สิทธิ เลือกตง้ั ของผ้มู ีสิทธเิ ลือกต้งั (๒) ให้ถือเกณฑ์จำ�นวนผู้มีสิทธิเลือกต้ังหน่วย ละหน่ึงพันคนเป็นประมาณ  แต่ถ้าเห็นว่าไม่เป็นการ สะดวกหรือไม่ปลอดภัยในการไปออกเสียงลงคะแนนของ ผู้มสี ทิ ธเิ ลือกตงั้ อาจกำ�หนดจำ�นวนผู้มีสิทธิเลือกต้ัง มากกว่าจ�ำ นวนดังกลา่ วก็ได้ หรือจะก�ำ หนดหน่วยเลอื กต้งั เพิ่มข้ึนโดยให้มีจำ�นวนผู้มีสิทธิเลือกต้ังน้อยกว่าจำ�นวนดัง กล่าวก็ได้ (๓) ท่ีเลือกต้ังต้องเป็นสถานที่ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เข้าออกได้สะดวก  เพื่อการออกเสียงลงคะแนนมีความ เหมาะสม  มีขนาดพอสมควร  และควรต้ังอยู่ในย่านกลาง ของหน่วยเลือกตั้ง  พร้อมทั้งให้มีป้ายหรือเครื่องหมาย อ่ืนใดเพ่ือแสดงขอบเขตบริเวณของท่ีเลือกตั้งไว้ด้วย ตามลักษณะของท้องที่และภูมิประเทศในการออกเสียง ลงคะแนนของผู้มีสิทธิเลือกต้ัง  ในท้องที่ใดถ้าเห็นว่าจะ เป็นการอำ�นวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  หรือเพ่ือ ความปลอดภัยของผู้มีสิทธิเลือกต้ัง  อาจประกาศกำ�หนด ที่เลือกตั้งนอกเขตของหน่วยเลือกต้ังก็ได้  แต่ต้องอยู่ใน บรเิ วณใกลเ้ คยี งกับหน่วยเลือกตงั้ นน้ั

27 ให้ปิดประกาศการกำ�หนดหน่วยเลือกตั้งและที่ เลือกต้ังไว้ ณ ทีเ่ ลอื กตง้ั หรอื บริเวณใกลเ้ คียงกบั ทเ่ี ลอื กตัง้ การเปล่ียนแปลงเขตของหน่วยเลือกต้ังหรือที่ เลือกตั้ง  ให้กระทำ�ได้โดยประกาศก่อนวันเลือกต้ังไม่น้อย กว่าสิบวัน  เว้นแต่ในกรณีเกิดจลาจล  อุทกภัย  อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย  หรือเหตุจำ�เป็นอย่างอื่นจะประกาศก่อนวัน เลือกตัง้ นอ้ ยกว่าสบิ วนั กไ็ ด้ และให้นำ�ความในวรรคสองมา ใชบ้ ังคับดว้ ยโดยอนโุ ลม สว่ นท่ี ๒ ผมู้ ีสทิ ธิเลอื กต้งั มาตรา ๓๑ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้เป็น คณุ สมบัติ ผมู้ ีสทิ ธเิ ลอื กต้งั และมหี นา้ ทไ่ี ปใชส้ ิทธเิ ลือกตง้ั อยา่ งอิสระ ของผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั โดยค�ำ นงึ ถงึ ประโยชนส์ ่วนรวมของประเทศเป็นส�ำ คญั (๑) มีสัญชาติไทย แตบ่ ุคคลผู้มสี ัญชาติไทยโดย การแปลงสัญชาติ  ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า ห้าปี (๒) มอี ายไุ มต่ ำ�่ กวา่ สิบแปดปีในวนั เลือกตง้ั (๓) มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกต้ัง มาแล้วเป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ เกา้ สิบวันนบั ถึงวนั เลือกตั้ง มาตรา ๓๒  บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวัน บคุ คลตอ้ งห้ามมิให้ เลอื กต้ัง เปน็ บคุ คลต้องหา้ มมิใหใ้ ชส้ ทิ ธิเลอื กต้งั ใชส้ ทิ ธิเลือกตั้ง

28 (๑) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรอื นักบวช (๒) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังไม่ว่า คดีนั้นจะถึงทีส่ ดุ แล้วหรือไม่ (๓) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดย คำ�สงั่ ที่ชอบดว้ ยกฎหมาย (๔) วกิ ลจรติ หรือจิตฟ่นั เฟือนไม่สมประกอบ สว่ นที่ ๓ การแจง้ เหตุท่ไี ม่อาจไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กต้งั การแจง้ เหตุ มาตรา ๓๓ ในการเลือกตั้งครั้งใด  ถ้าผู้มีสิทธิ ทไ่ี ม่อาจไปใช้สิทธิ เลือกตั้งไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกต้ังได้เน่ืองจากมีเหตุอัน เลอื กตัง้ สมควร ให้แจ้งเหตุทีไ่ ม่อาจไปใชส้ ิทธเิ ลือกต้งั ตอ่ บคุ คลซงึ่ คณะกรรมการแต่งต้ังไว้ในแต่ละเขตเลือกต้ังภายในเจ็ดวัน ก่อนวันเลือกตั้งหรือภายในเจ็ดวันนับแต่วันเลือกตั้ง  แต่ ถา้ มีเหตุจ�ำ เปน็ ไมอ่ าจแจ้งไดภ้ ายในเจ็ดวันกอ่ นวันเลอื กตงั้ ใหด้ �ำ เนินการแจง้ ตามทคี่ ณะกรรมการกำ�หนด  ทง้ั น้ี การ แจ้งเหตุดังกล่าวไม่เป็นการตัดสิทธิที่ผู้นั้นจะไปใช้สิทธิ เลอื กตั้ง ในการแจง้ เหตตุ ามวรรคหนึง่   ใหผ้ มู้ ีสทิ ธิเลือกตัง้ ทำ�เป็นหนังสือหรือโดยวิธีการอื่นเพื่อช้ีแจงเหตุดังกล่าว โดยอาจมอบหมายใหบ้ คุ คลใดไปยน่ื ตอ่ บคุ คลซง่ึ คณะกรรมการ

29 แต่งต้ังแทน  หรือจัดส่งหนังสือช้ีแจงเหตุนั้นทางไปรษณีย์ ลงทะเบยี น หรอื แจ้งโดยวธิ ีการทางอเิ ล็กทรอนิกส์กไ็ ด้ ในกรณีที่บุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งต้ังพิจารณา กรณเี หตทุ ่ีแจง้ แล้วเห็นว่า  เหตุที่ผู้มีสิทธิเลือกต้ังแจ้งน้ันมิใช่เหตุอัน มิใช่เหตุอนั สมควร สมควร  ให้แจ้งให้ผู้มีสิทธิเลือกต้ังทราบภายในสามวันนับ แต่วนั ทไี่ ด้รบั แจง้ ผมู้ ีสทิ ธิเลอื กตง้ั ที่ได้รบั แจ้งตามวรรคสาม มีสทิ ธิ ย่ืนอุทธรณ์ต่อผู้อำ�นวยการการเลือกต้ังประจำ�จังหวัด ภายในสามสบิ วนั นบั แต่วนั เลือกต้ัง การแจ้งเหตุ  วิธีการแจ้งเหตุทางอิเล็กทรอนิกส์ บคุ คลทีจ่ ะรบั แจง้ เหตุ สถานท่ีรับแจง้ เหตุ การพจิ ารณาการ แจง้ เหตุ และการอุทธรณ์ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธี การท่ีคณะกรรมการกำ�หนดโดยในการกำ�หนดดังกล่าวให้ ค�ำ นงึ ถงึ การอ�ำ นวยความสะดวกแกป่ ระชาชนดว้ ย  ในการน้ี ให้คณะกรรมการกำ�หนดรายละเอียดของเหตุที่ทำ�ให้ผู้มี สิทธเิ ลือกตั้งไม่อาจไปใชส้ ิทธเิ ลอื กตงั้ ไว้ เพ่ือเปน็ แนวทาง ในการพิจารณาของบุคคลซง่ึ คณะกรรมการแตง่ ต้ังดว้ ย มาตรา ๓๔ เมื่อครบกำ�หนดหกสิบวันนับแต่ การประกาศรายช่อื วนั เลอื กตง้ั ใหบ้ คุ คลซง่ึ คณะกรรมการแตง่ ตง้ั ตามมาตรา ๓๓ ผไู้ มไ่ ปใชส้ ิทธิ วรรคหนึ่ง  ประกาศรายช่ือผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้ เลอื กตั้ง แจง้ เหตตุ ามมาตรา ๓๓ หรือแจง้ เหตไุ วแ้ ลว้ แตเ่ หตนุ ้นั มิใช่ เหตอุ นั สมควร

30 ในกรณีที่ประกาศรายช่ือตามวรรคหนึ่งมีความ ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง  ให้ผู้มีส่วนได้เสีย ยื่นคำ�ร้องต่อผู้อำ�นวยการการเลือกต้ังประจำ�จังหวัดหรือ บุคคลซงึ่ คณะกรรมการแต่งตัง้ ตามมาตรา ๓๓ เพื่อดำ�เนนิ การแกไ้ ข ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารทค่ี ณะกรรมการ ก�ำ หนด การจ�ำ กดั สิทธิ มาตรา ๓๕ ผู้มีสิทธิเลือกต้ังผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิ ต่าง ๆ ของผู้ท่ีไม่ เลือกต้ังและมิได้แจ้งเหตุท่ีไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือ ไปใชส้ ิทธิเลอื กตั้ง แจ้งเหตุท่ีไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกต้ังแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุ อนั สมควร ผู้น้ันถกู จำ�กัดสทิ ธิ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ย่ืนคำ�ร้องคัดค้านการเลือกต้ังสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎร (๒) สมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร หรือสมาชกิ สภาท้องถน่ิ หรือผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินหรือ สมคั รรบั เลอื กเปน็ สมาชกิ วุฒิสภา (๓) สมัครรับเลือกเป็นกำ�นันและผู้ใหญ่บ้านตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยลกั ษณะปกครองทอ้ งท่ี (๔) ด�ำ รงต�ำ แหนง่ ขา้ ราชการการเมอื งตามกฎหมาย วา่ ด้วยระเบยี บขา้ ราชการการเมือง และขา้ ราชการรัฐสภา ฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ รฐั สภา (๕) ด�ำ รงต�ำ แหนง่ รองผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ เลขานกุ าร ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ   ผชู้ ว่ ยเลขานกุ ารผบู้ รหิ ารทอ้ งถิน่ ประธาน

31 ท่ีปรึกษาผู้บริหารท้องถ่ิน  ท่ีปรึกษาผู้บริหารท้องถ่ิน หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วย การจัดตั้งองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ การจ�ำ กดั สทิ ธติ ามวรรคหนง่ึ ใหม้ กี �ำ หนดเวลาครง้ั ละ สองปีนับแต่วันเลือกตั้งคร้ังท่ีผู้มีสิทธิเลือกต้ังไม่ไปใช้สิทธิ เลือกตั้ง  และหากในการเลือกต้ังครั้งต่อไปผู้น้ันไม่ไปใช้ สิทธิเลือกต้ังอีกให้นับเวลาการจำ�กัดสิทธิครั้งหลังน้ีโดยนับ จากวันท่มี ิไดไ้ ปใชส้ ิทธเิ ลอื กต้ังคร้ังใหม่ หากกำ�หนดเวลา การจำ�กัดสิทธิครั้งก่อนยังเหลืออยู่เท่าใดให้กำ�หนดเวลา การจำ�กดั สทิ ธนิ ้นั สนิ้ สุดลง สว่ นท่ี ๔ บญั ชีรายชอ่ื ผมู้ สี ิทธิเลือกตง้ั มาตรา ๓๖ เม่อื มีการประกาศกำ�หนดวันเลือกต้งั การจดั ท�ำ ครง้ั ใดแล้ว  ให้คณะกรรมการการเลือกต้งั ประจำ�เขตเลือกต้งั บัญชรี ายชอ่ื หรือผู้ซ่ึงคณะกรรมการมอบหมาย  จัดทำ�บัญชีรายช่ือ ผู้มสี ทิ ธเิ ลือกต้งั ผู้มีสิทธิเลือกตั้งของแต่ละหน่วยเลือกตั้งและปิดประกาศไว้ ณทเี่ ลอื กตัง้ หรือบรเิ วณใกลเ้ คยี งกบั ท่เี ลือกต้งั หรอื สถานที่ ที่ประชาชนสะดวกในการตรวจสอบก่อนวันเลือกต้ัง ไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าวัน  กับให้แจ้งรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกต้ังใน ทะเบยี นบา้ นไปยงั เจา้ บา้ นใหท้ ราบกอ่ นวนั เลอื กตง้ั ไมน่ อ้ ยกวา่ ย่ีสบิ วัน ท้งั นี้ ตามทีค่ ณะกรรมการก�ำ หนด

32 บัญชีรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกต้ังตามวรรคหนึ่ง  มิให้ ระบุเลขประจำ�ตัวประชาชนของผู้มสี ทิ ธิเลอื กต้ัง บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกต้ังท่ีจัดทำ�ข้ึนเพ่ือ ประโยชน์ของเจ้าหน้าท่ีในการตรวจสอบผู้มาใช้สิทธิ เลอื กตัง้ ณ ทเ่ี ลอื กตง้ั ใหร้ ะบเุ ลขประจ�ำ ตวั ประชาชนของ ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กต้ังด้วย การย่นื คำ�รอ้ ง มาตรา ๓๗ ในกรณที ผ่ี มู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั หรอื เจา้ บา้ น ขอเพิ่มชือ่ ในบญั ชี ผู้ใดเห็นว่าตนหรือผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของตนไม่มี รายช่อื ผมู้ ีสิทธิ รายช่ืออยู่ในบัญชีรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกต้ังแห่งหน่วยเลือกต้ัง เลอื กตง้ั ที่ตนหรือผู้นั้นสมควรมีช่ือเป็นผู้มีสิทธิเลือกต้ังในหน่วย เลือกต้ังนั้น  ให้มีสิทธิยื่นคำ�ร้องขอเพิ่มช่ือต่อคณะ กรรมการการเลือกตั้งประจำ�เขตเลือกตั้งก่อนวันเลือกต้ัง ไมน่ ้อยกว่าสบิ วัน เมื่อได้รับคำ�ร้องตามวรรคหน่ึงแล้ว  ให้คณะ กรรมการการเลือกต้งั ประจำ�เขตเลือกต้งั ตรวจสอบหลักฐาน และถ้าเห็นว่าผู้ยื่นคำ�ร้องหรือผู้มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านเป็น ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  ให้ส่ังเพิ่มช่ือตามที่ยื่นคำ�ร้องลงในบัญชี รายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเร็ว  ถ้าคณะกรรมการการ เลือกตั้งประจำ�เขตเลือกตั้งเห็นว่าผู้ยื่นคำ�ร้องหรือผู้มีช่ือ อยู่ในทะเบียนบ้านเป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้งก็ให้ส่ังยกคำ�ร้อง และแจ้งให้ผู้ย่ืนคำ�ร้องทราบภายในสามวันนับแต่วันท่ีได้ รับค�ำ ร้องโดยแสดงเหตผุ ลไว้ดว้ ย

33 เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคสองแล้ว  ผู้ย่ืนคำ�ร้องมี สิทธิย่ืนคำ�ร้องต่อศาลจังหวัดที่ตนมีภูมิลำ�เนาอยู่หรือต่อ ศาลแพ่งสำ�หรับผู้ท่ีมีภูมิลำ�เนาอยู่ในกรุงเทพมหานครก่อน วันเลอื กตงั้ ไมน่ ้อยกว่าห้าวัน โดยไม่ตอ้ งเสียค่าธรรมเนยี ม ศาลในการดำ�เนินกระบวนการพิจารณา  เพ่ือให้ศาล วินิจฉัยว่าจะให้เพิ่มชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งตาม ที่ได้รับคำ�ร้องหรอื ไม่ เมื่อศาลได้รับคำ�ร้องตามวรรคสามแล้ว  ให้ศาล ด�ำ เนนิ การพิจารณาโดยเรว็ ค�ำ ส่งั ของศาลใหเ้ ป็นทส่ี ดุ และ ให้ศาลแจ้งคำ�ส่ังไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ� เขตเลือกต้ัง  เพ่ือปฏิบัติการตามคำ�ส่ังโดยเร็วท่ีสุดและใน กรณีที่มีการประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปก่อน ได้รับคำ�ส่ังศาล  ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ�เขต เลือกต้ังดำ�เนินการแก้ไขบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกต้ังทุก ฉบับใหถ้ กู ต้องด้วย การใดท่ีได้ปฏิบัติไปตามคำ�ส่ังของคณะกรรมการ การเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกต้ังก่อนได้รับคำ�สั่งศาลให้เป็น อันสมบรู ณ์ตามกฎหมาย มาตรา ๓๘ ผู้มีสิทธิเลือกต้ังผู้ใดเห็นว่าในบัญชี การถอนชือ่ รายช่ือผู้มีสิทธิเลือกตั้งท่ีได้ประกาศตามมาตรา  ๓๖  มีช่ือ ผู้ไมม่ ีสทิ ธเิ ลอื กตง้ั ผซู้ ง่ึ ไมม่ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั   หรอื เจา้ บา้ นผใู้ ดเหน็ วา่ ในบญั ชรี ายชอ่ื ออกจากบญั ชี ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ปรากฏชอ่ื บคุ คลอน่ื อยใู่ นทะเบยี นบา้ นของตน รายชอ่ื ผู้มีสิทธิเลือกต้ังหรือเจ้าบ้านผู้น้ันมีสิทธิย่ืนคำ�ร้องต่อคณะ

34 กรรมการการเลือกต้งั ประจำ�เขตเลอื กตง้ั ไดก้ อ่ นวนั เลอื กต้ัง ไมน่ อ้ ยกวา่ สบิ วนั เพอื่ ให้ถอนช่อื ผู้ซึง่ ไมม่ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั นั้น ออกจากบญั ชีรายชื่อผ้มู สี ทิ ธเิ ลอื กตัง้ เมื่อคณะกรรมการการเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกตั้ง พิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรส่งั ถอนช่อื ผ้ซู ่งึ ไม่มีสิทธิเลือกต้งั ออกจากบัญชีรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  หรือสมควรยก ค�ำ รอ้ ง ก็ใหม้ ีคำ�สัง่ ถอนช่อื ผนู้ น้ั หรือยกคำ�รอ้ ง แลว้ แตก่ รณี และใหแ้ จ้งคำ�สงั่ ใหผ้ ู้น้นั หรือเจา้ บา้ นทราบ และใหน้ �ำ ความ ในมาตรา ๓๗ วรรคสาม วรรคส่ี และวรรคห้า มาใช้บงั คับ ด้วยโดยอนุโลม กรณที ม่ี กี ารเพกิ ถอน มาตรา ๓๙ ในกรณีท่ีศาลมีคำ�พิพากษาให้ สิทธิการเลือกตง้ั เพิกถอนสิทธิเลือกต้ังของบุคคลใดแม้คำ�พิพากษายัง ไม่ถึงท่ีสุดก็ตาม  ให้สำ�นักงานจัดทำ�ทะเบียนผ้ถู ูกเพิกถอน สิทธิเลือกต้ังและบันทึกการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ บุคคลน้ันไว้  และในกรณีที่ได้มีการประกาศบัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกต้ังแล้ว  ให้สำ�นักงานแจ้งให้คณะกรรมการ การเลอื กตั้งประจำ�เขตเลอื กต้งั ถอนชื่อผซู้ ่ึงศาลสงั่ เพกิ ถอน สิทธิเลือกต้ังโดยการขีดช่ือบุคคลน้ันออกจากบัญชีรายช่ือ ผูม้ ีสิทธเิ ลือกตงั้ พร้อมทง้ั หมายเหตไุ วด้ ้วยว่าถกู เพกิ ถอน สิทธเิ ลอื กต้งั ตามค�ำ สัง่ ศาล กรณีตามวรรคหน่ึง  ให้สำ�นักงานศาลยุติธรรม แจ้งคำ�พิพากษาดังกล่าวต่อสำ�นักงาน  เพ่ือดำ�เนินการ แก้ไขบัญชรี ายชอ่ื ผู้มสี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ใหส้ อดคลอ้ งกัน

35 มาตรา ๔๐ ห้ามมิให้ผู้ใดดำ�เนินการหรือ การย้ายบุคคล ยินยอมให้มีการย้ายบุคคลใดเข้ามาในทะเบียนบ้านของตน เพือ่ ประโยชน์ เพ่อื ประโยชนใ์ นการเลอื กตง้ั โดยมชิ อบ ในการเลอื กต้ัง กรณีดังต่อไปนี้  ให้สันนิษฐานว่าเป็นการย้าย โดยมชิ อบ บุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้านเพ่ือประโยชน์ในการเลือกตั้ง โดยมชิ อบ (๑) การย้ายบุคคลตั้งแต่ห้าคนข้ึนไปซ่ึงไม่มีช่ือ สกุลเดียวกับเจ้าบ้านเข้ามาในทะเบียนบ้านเพื่อให้บุคคล ดังกล่าวมีสิทธิเลือกต้ังท่ีจะมีข้ึนภายในสองปีนับแต่วันที่ ยา้ ยเขา้ มาในทะเบยี นบา้ น (๒) การย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้านโดย บุคคลน้นั มไิ ด้อยู่อาศยั จริงโดยไมม่ เี หตุอนั สมควร (๓) การย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้านโดย มไิ ดร้ ับความยนิ ยอมจากเจ้าบา้ น ความในวรรคสอง (๑) มิให้ใชบ้ งั คับแกห่ น่วยงาน ของรัฐ  สถานศึกษา  หรือสถานประกอบการหรือสถานที่ อ่ืนใดที่คณะกรรมการประกาศกำ�หนด  ท่ีย้ายเจ้าหน้าที่ นกั ศกึ ษา หรอื พนักงานของตน หรือบคุ คลทคี่ ณะกรรมการ ประกาศก�ำ หนด เขา้ มาในทะเบยี นบ้านของตน ท้งั น้ี ตาม หลักเกณฑ์และเงือ่ นไขทค่ี ณะกรรมการก�ำ หนด

36 หมวด ๔ ผสู้ มัครและการสมคั รรับเลอื กต้ัง ส่วนท่ี ๑ ผูส้ มัครรับเลือกตั้ง ผมู้ ีสทิ ธสิ มคั ร มาตรา ๔๑ บ คุ คลผ้มู ีคุณสมบัติดังต่อไปน้ ี เป็น รบั เลอื กตง้ั เปน็ ส.ส. ผู้มีสิทธิสมัครรบั เลือกตั้งเปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร (๑) มสี ัญชาตไิ ทยโดยการเกิด (๒) มีอายุไมต่ ำ�่ กว่ายีส่ บิ หา้ ปนี ับถงึ วนั เลือกต้งั (๓) เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมือง หน่ึงแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกต้ัง  เว้นแต่ในกรณีท่ีมี การเลือกต้ังท่ัวไปเพราะเหตุยุบสภา  ระยะเวลาเก้าสิบวัน ดงั กล่าวใหล้ ดลงเหลอื สามสบิ วนั (๔) ผูส้ มคั รแบบแบ่งเขตเลือกตง้ั ตอ้ งมลี กั ษณะ อย่างใดอยา่ งหนง่ึ ดังตอ่ ไปน้ีดว้ ย (ก) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่ สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี นบั ถึงวนั สมัครรับเลือกต้งั (ข) เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับ เลือกตัง้ (ค) เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ต้ังอยู่ใน จังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า ห้าปีการศึกษา

37 (ง) เคยรบั ราชการหรอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นหนว่ ยงาน ของรัฐ  หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดท่ีสมัคร รับเลอื กตั้ง แลว้ แต่กรณี เป็นเวลาตดิ ต่อกนั ไมน่ อ้ ยกว่าหา้ ปี มาตรา ๔๒ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้  เป็น บุคคลต้องหา้ ม บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิก มใิ ห้ใชส้ ทิ ธิ สภาผูแ้ ทนราษฎร สมัครรบั เลอื กต้งั (๑) ติดยาเสพติดให้โทษ (๒) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคล ล้มละลายทุจรติ (๓) เปน็ เจา้ ของหรอื ผถู้ อื หนุ้ ในกจิ การหนงั สอื พมิ พ์ หรือส่ือมวลชนใด ๆ (๔) เปน็ ภกิ ษุ สามเณร นักพรต หรอื นกั บวช (๕) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังไม่ว่า คดนี ั้นจะถงึ ทีส่ ดุ แล้วหรอื ไม่ (๖) วกิ ลจรติ หรอื จิตฟน่ั เฟือนไมส่ มประกอบ (๗) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับ เลือกต้ังเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลอื กต้งั (๘) ต้องคำ�พิพากษาให้จำ�คุกและถูกคุมขังอยู่ โดยหมายของศาล (๙) เคยได้รับโทษจำ�คุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกต้ัง  เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำ� โดยประมาทหรือความผิดลหโุ ทษ

38 (๑๐) เคยถูกส่ังให้พ้นจากราชการ  หน่วยงาน ของรัฐ หรือรัฐวสิ าหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าท่ี หรอื ถือว่า กระทำ�การทุจริตหรอื ประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ (๑๑) เคยต้องคำ�พิพากษาหรือคำ�ส่ังของศาล อันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำ�รวย ผิดปกติ  หรือเคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงท่ีสุดให้ลงโทษ จำ�คุกเพราะกระทำ�ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการ ป้องกนั และปราบปรามการทุจริต (๑๒) เคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำ� ความผิดต่อตำ�แหน่งหน้าท่ีราชการหรือต่อตำ�แหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรม  หรือกระทำ�ความผิดตามกฎหมายว่า ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของ รัฐ  หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำ�โดยทุจริตตาม ประมวลกฎหมายอาญาความผิดตามกฎหมายว่าด้วย การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน  กฎหมายว่าด้วย ยาเสพตดิ ในความผดิ ฐานเปน็ ผู้ผลติ นำ�เขา้ ส่งออก หรือ ผู้ค้า  กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือ หรือเจ้าสำ�นัก  กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการค้ามนุษย์  หรือกฎหมายว่าด้วยการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงินในความผดิ ฐานฟอกเงิน (๑๓) เคยต้องคำ�พิพากษาอันถึงท่ีสุดว่ากระทำ� การอันเปน็ การทจุ รติ ในการเลือกตั้ง

39 (๑๔) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำ�แหน่งหรือเงินเดือน ประจ�ำ นอกจากขา้ ราชการการเมือง (๑๕) เปน็ สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรอื ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ (๑๖) เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิก วุฒิสภาและสมาชกิ ภาพสนิ้ สดุ ลงยังไม่เกินสองปี (๑๗) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วย ราชการ  หน่วยงานของรัฐ  หรือรัฐวิสาหกิจ  หรือเป็น เจ้าหน้าทอี่ น่ื ของรฐั (๑๘) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  หรือผู้ดำ�รง ต�ำ แหน่งในองค์กรอสิ ระ (๑๙) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำ�รงตำ�แหน่ง ทางการเมือง (๒๐) เคยพ้นจากตำ�แหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่ามีการเสนอ  การแปรญัตติ  หรือการกระทำ�ด้วย ประการใด  ๆ  ท่มี ีผลให้สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร  สมาชิก วุฒิสภา  หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือ ทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย (๒๑) เคยพ้นจากตำ�แหน่งเพราะศาลฎีกาหรือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง มีคำ�พิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำ�รวยผิดปกติ  หรือ กระทำ�ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ีหรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำ�นาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมาย  หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรมอย่างร้ายแรง

40 สว่ นที่ ๒ การสมัครรบั เลือกตัง้ แบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ การสมคั ร มาตรา ๔๓ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั รบั เลือกต้ังแบบ ต้องเป็นผู้ซ่ึงพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิกส่งสมัครรับ แบ่งเขตเลือกตง้ั เลือกต้ังและได้รับการสรรหาตามวิธีการที่กำ�หนดไว้ใน กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  โดย จะสมัครรับเลือกต้ังเกินหนึ่งเขตมิได้และต้องไม่เป็นบุคคล ทม่ี ีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายช่ือผสู้ มัครแบบบัญชรี ายชอื่ การประกาศ มาตรา ๔๔ ให้ผู้อำ�นวยการการเลือกตั้งประจำ� วธิ ีการหรือสถานท่ี เขตเลือกต้ังประกาศวิธีการหรือสถานที่รับสมัครภายใน รบั สมคั ร สามวันนับแต่วนั ทีค่ ณะกรรมการกำ�หนดวนั เลือกต้งั กรณี มีเหตุจำ�เป็นอันมิอาจหลีกเล่ยี งได้  อาจมีการเปล่ียนวิธีการ หรือสถานที่รับสมัครก็ได้  ทั้งน้ี  ตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะ กรรมการก�ำ หนด โดยจะก�ำ หนดให้การรบั สมคั รของแต่ละ เขตเลือกต้ังในจังหวัดเดียวกันกระทำ�ในสถานท่ีเดียวกัน ก็ได้ เอกสารและ มาตรา ๔๕ ในการสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่ง หลกั ฐานในการ เขตเลือกต้ัง  ให้ผู้สมัครยื่นสมัครรับเลือกต้ังตามท่ีกำ�หนด ย่นื สมัคร ตามมาตรา  ๔๔  ภายในระยะเวลาการรับสมัคร  โดยมี เอกสารและหลกั ฐาน ดังต่อไปนี้ รบั เลอื กตงั้ (๑) หนังสือรับรองการส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขต เลือกต้ังของหวั หน้าพรรคการเมือง ซง่ึ ต้องมีคำ�รับรองด้วย

41 ว่าได้ดำ�เนินการถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้วตามแบบที่คณะ กรรมการกำ�หนด (๒) หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกันสามปีนับถึงปีท่สี มัครรับเลือกต้งั ของผู้สมัคร  เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้  ให้ทำ� หนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษีพร้อมทั้งสาเหตุแห่งการ ไมไ่ ด้เสยี ภาษี (๓) เงนิ คา่ ธรรมเนยี มการสมคั รคนละหนง่ึ หมน่ื บาท (๔) เอกสารและหลักฐานอ่นื ตามท่คี ณะกรรมการ กำ�หนดเท่าทีจ่ �ำ เป็นต่อการด�ำ เนินการเลอื กตง้ั ให้ส�ำ นกั งานจัดทำ�ขอ้ มลู หลักฐานตาม (๒) และ เปิดเผยให้ประชาชนทราบเปน็ การทว่ั ไป มาตรา ๔๖ ให้เป็นหน้าที่ของผู้อำ�นวยการ การตรวจสอบ การเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกตั้งที่จะต้องตรวจสอบ หลักฐาน การสมัครของผู้สมัครว่าได้ส่งเอกสารและหลักฐานตาม และคุณสมบัติ มาตรา  ๔๕ ถูกต้องครบถ้วนหรอื ไม่  ถ้าเห็นวา่ ไมถ่ กู ต้อง ของผสู้ มคั ร ครบถ้วนให้คนื เอกสารและหลักฐานทงั้ หมดให้ผู้สมัครนนั้ ในกรณีท่ีผู้สมัครได้ส่งเอกสารและหลักฐานตาม มาตรา ๔๕ ถกู ตอ้ งครบถว้ นแลว้ ใหผ้ อู้ �ำ นวยการการเลอื กตง้ั ประจำ�เขตเลือกตั้งออกหลักฐานการรับสมัครรับเลือกต้ัง ให้แก่ผู้สมัครนั้นเรียงตามลำ�ดับการย่ืนสมัคร  และให้ทำ� สำ�เนาคู่ฉบับไว้เป็นหลักฐานและให้ประกาศรายช่ือผู้สมัคร

42 ภายในเจ็ดวันนับแต่วันปิดรับสมัครไว้โดยเปิดเผย  ณ  ที่ เลอื กต้ัง หรอื บริเวณใกล้เคยี งกบั ทเ่ี ลือกตงั้ หรือสถานทอ่ี ่ืน ท่เี ห็นสมควร ประกาศตามวรรคสองอย่างน้อยให้มีช่ือตัว  ช่ือ สกลุ และรูปถ่ายของผูส้ มคั ร พรรคการเมืองท่ีสังกดั และ หมายเลขประจำ�ตัวผู้สมัครท่ีจะใช้ในการออกเสียงลง คะแนน กรณมี ีเหตุจ�ำ เปน็ มาตรา ๔๗ ใ น ก ร ณี มี เ ห ตุ จำ � เ ป็ น เ ฉ พ า ะ เฉพาะพน้ื ที่ พื้นท่ีทำ�ให้ไม่สามารถดำ�เนินการรับสมัครรับเลือกต้ังได้ ไมส่ ามารถ ตามมาตรา ๔๕ เนอ่ื งจากเกิดจลาจล อทุ กภยั อคั คีภยั ดำ�เนินการ เหตุสุดวิสัย  หรือเหตุจำ�เป็นอื่น  ในเขตเลือกตั้งให้คณะ รบั สมคั รรบั เลอื กตง้ั กรรมการมีอำ�นาจประกาศกำ�หนดวันรับสมัครเพิ่มเติมโดย อาจกำ�หนดให้ดำ�เนินการรับสมัครรับเลือกตั้งในท้องที่อ่ืน ได้ ให้นำ�ความในมาตรา  ๑๖  มาใช้บังคับแก่การ จดั การเลือกตัง้ ในเขตเลือกต้ังตามมาตรานดี้ ว้ ยโดยอนโุ ลม การกำ�หนด มาตรา ๔๘ ในการสมัครรับเลือกตั้ง  ให้ผู้สมัคร หมายเลข ได้รับหมายเลขประจำ�ตัวผู้สมัครเรียงตามลำ�ดับเลขที่ของ ประจ�ำ ตวั ผสู้ มคั ร หลักฐานการรับสมัครรับเลือกต้ังท่ีผู้อำ�นวยการการเลือกต้ัง ประจ�ำ เขตเลือกตัง้ ออกให้ตามมาตรา ๔๖ ในกรณีที่มีผู้มาสมัครพร้อมกันหลายคนและ ไม่อาจตกลงลำ�ดับในการย่ืนใบสมัครได้  ให้ใช้วิธีจับสลาก ระหวา่ งผู้สมคั รที่มาพร้อมกัน

43 เม่ือได้กำ�หนดหมายเลขประจำ�ตัวผู้สมัครแล้วจะ เปล่ียนแปลงหมายเลขประจำ�ตัวผู้สมัครไม่ได้  ไม่ว่าด้วย ประการใด ๆ มาตรา ๔๙ กรณีท่ีผู้อำ�นวยการการเลือกต้ัง กรณีไม่รับสมคั ร ประจ�ำ เขตเลือกตง้ั ไม่รบั สมคั รผูใ้ ด หรอื ไมป่ ระกาศรายชือ่ หรอื ไมป่ ระกาศ บุคคลใดเป็นผู้สมัครตามมาตรา  ๔๖  ให้บุคคลนั้นมีสิทธิ รายชอื่ ยื่นคำ�ร้องต่อศาลฎีกาภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีไม่รับสมัคร หรอื วันทีป่ ระกาศรายชอื่ ผ้สู มคั ร แลว้ แต่กรณี โดยไมต่ อ้ ง เสยี คา่ ธรรมเนียมศาลในการด�ำ เนนิ กระบวนพจิ ารณา โดย ในการพิจารณาและวินิจฉัยของศาลฎีกา  ให้ดำ�เนินการ ให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกต้ังไม่น้อยกว่าสามวัน  และเม่ือ ศาลฎีกามีคำ�วินิจฉัยเช่นใดแล้ว  ให้ศาลแจ้งคำ�วินิจฉัย ไปยังผู้อำ�นวยการการเลือกต้ังประจำ�เขตเลือกตั้งเพื่อ ดำ�เนินการตามคำ�วินิจฉัยต่อไปโดยเร็ว  แต่ท้ังน้ีไม่กระทบ กระเทือนถงึ การปฏบิ ัตกิ อ่ นทราบคำ�วินิจฉัยของศาล มาตรา ๕๐ เม่อื ผ้อู ำ�นวยการการเลือกต้งั ประจำ� การถอนการสมัคร เขตเลือกต้ังได้ออกหลักฐานการรับสมัครรับเลือกต้ังให้แก่ หรอื เปลยี่ นแปลง ผู้สมัครตามมาตรา  ๔๖  แล้ว  ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ผู้สมคั ร จะถอนการสมัครหรือเปล่ียนแปลงผู้สมัครได้เฉพาะกรณี ผู้สมัครตายหรือขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม  และตอ้ งกระทำ�กอ่ นปดิ การรบั สมคั รรับเลือกต้ัง ทง้ั น้ี ตาม หลกั เกณฑ์และวิธีการท่ีคณะกรรมการก�ำ หนด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook