รายงานการศึกษาวจิ ัยเร่อื ง เสรภี าพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวธุ ตามบทบัญญัตแิ หง่ กฎหมาย โดย เสนอตอ่ ศนู ย์วิจัยและพฒั นากฎหมาย สำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนญู คณะนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล หัวหนา้ คณะผวู้ ิจัย
รายงานการศึกษาวิจยั เร่อื ง เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวธุ ตามบทบญั ญัติแหง่ กฎหมาย โดย ศูนย์วจิ ยั และพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ รองศาสตราจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกลุ หวั หนา้ คณะผ้วู ิจัย เสนอ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ
ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของสำ� นักหอสมุดแหง่ ชาติ สมชาย ปรีชาศิลปกลุ หวั หนา้ คณะผ้วู ิจยั คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ รายงานการศึกษาวิจัย เรอื่ ง โครงการ เสรภี าพในการชมุ นมุ โดยสงบและ ปราศจากอาวธุ ตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย.-- กรงุ เทพฯ : ส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ, 2558. 624 หน้า. 1. สิทธิการชมุ นมุ . I. ช่อื เร่อื ง. 323.47 ISBN 978-974-7725-94-0 ชื่อหนงั สอื รายงานการศกึ ษาวิจยั เรื่อง โครงการ เสรภี าพในการชุมนมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธตามบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมาย ปที ี่พิมพ์ สิงหาคม 2558 จำ� นวนพมิ พ์ 500 เล่ม เจา้ ของ สำ� นกั งานศาลรัฐธรรมนญู ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกยี รติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (อาคารราชบรุ ีดเิ รกฤทธ์)ิ เลขท่ี 120 หมทู่ ่ี 3 ถนนแจ้งวฒั นะ แขวงท่งุ สองหอ้ ง เขตหลักส่ี กรงุ เทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0-2141-7777 โทรสาร 0-2143-9500 www.constitutionalcourt.or.th ด�ำเนนิ การจดั ท�ำโดย กลมุ่ งานวิจยั และพัฒนารัฐธรรมนูญ สถาบนั รฐั ธรรมนญู ศกึ ษา สำ� นกั งานศาลรัฐธรรมนูญ พมิ พ์ที่ บริษทั ธนาเพรส จำ� กดั 9 ซ.ลาดพรา้ ว 64 แยก 14 ถ.ลาดพร้าว แขวงวงั ทองหลาง เขตวงั ทองหลาง กรงุ เทพฯ 10310 โทร. 0-2530-4114 โทรสาร 0-2108-8951 E-mail: [email protected]
โครงการศกึ ษาวจิ ยั เรอ่ื ง “เสรภี าพในการชมุ นมุ โดยสงบและปราศจากอาวธุ ตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย” ขอ้ มลู โครงการ หัวหนา้ โครงการวจิ ยั รับทุน : รองศาสตราจารยส์ มชาย ปรชี าศิลปกลุ สงั กดั คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ โครงการเริม่ เม่อื วันท่:ี วันท่ี 29 เมษายน 2556 ถงึ 28 สิงหาคม 2557 นักวจิ ยั : อาจารย์ ดร.นทั มน คงเจรญิ อาจารย์ ดร.อุษณยี ์ เอมศิรานันท์ อาจารยก์ ฤษณ์พชร โสมณวตั ร นายทนิ กฤต นุตวงษ์ นางสาวนิฐิณี ทองแท้
คำ� น�ำ พระราชบญั ญตั สิ �ำนักงานศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2542 กำ� หนดให้สำ� นกั งาน ศาลรัฐธรรมนูญมีพันธกิจหลักในการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าท่ีของคณะตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู ในทกุ ดา้ น โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การสนบั สนนุ กระบวนการพจิ ารณาคดี การศกึ ษาวเิ คราะหด์ า้ นคดแี ละกฎหมาย และการศกึ ษาวจิ ยั ทางวชิ าการ โดยในดา้ น การศึกษาวิจัยน้ัน ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ร่วมมือกับนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบนั การศึกษาและข้าราชการภายในสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ ผลิตผลงาน ทางวิชาการท่ีเก่ียวข้องกับรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญเสนอให้คณะตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาใชป้ ระโยชนแ์ ละจดั พมิ พเ์ ผยแพร่แลว้ เป็นจำ� นวนมาก รายงานการศกึ ษาวจิ ัย เรอ่ื ง “เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจาก อาวุธตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย” โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ซงึ่ มีรองศาสตราจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล เปน็ หวั หนา้ คณะผวู้ จิ ยั ไดท้ ำ� การศกึ ษาเกย่ี วกบั ววิ ฒั นาการของเสรภี าพและบรบิ ททาง การเมอื งในกระบวนการแสดงความคดิ เหน็ ของประชาชนและกระบวนการเคลอื่ นไหว ในการชุมนุมทางการเมืองของไทยและต่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐฝร่ังเศส สหรัฐอเมรกิ า ประเทศญปี่ ุน่ และสาธารณรฐั เกาหลี และทำ� การศกึ ษาเปรียบเทยี บ กฎหมายที่เก่ียวข้องกับการควบคุมเสรีภาพการชุมนุมของไทยและต่างประเทศ รวมถึงศึกษาและวิเคราะห์บทบาทและอ�ำนาจหน้าที่ของฝ่ายตุลาการหรือองค์กร ทที่ ำ� หนา้ ทว่ี นิ จิ ฉยั ในเรอื่ งสทิ ธเิ สรภี าพในการชมุ นมุ ของประชาชนในตา่ งประเทศดว้ ย ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานการศึกษาวิจัยฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อการเพิ่มพูนองค์ความรู้ และการอ้างอิงในทางวิชาการ รวมถงึ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การขยายเครอื ขา่ ยวทิ ยบรกิ ารของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ในการกระจายฐานความรสู้ สู่ าธารณะออกไปไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวางมากขนึ้ ดงั เจตนารมณ์ ของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ทม่ี งุ่ มนั่ ในการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตาม รัฐธรรมนูญบนพื้นฐานของการ “ยึดหลักนิติธรรม ค�้ำจุนประชาธิปไตย ห่วงใย สิทธิเสรีภาพของประชาชน” เพ่ือธ�ำรงไว้ซึ่งระบบนิติรัฐของประเทศ ภายใต้ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ สบื ไป (นายปัญญา อุดชาชน) เลขาธิการสำ� นักงานศาลรัฐธรรมนูญ
(1) บทสรปุ ส�ำหรบั ผู้บรหิ าร เสรีภาพในการชุมนุมถือเป็นหลักการพ้ืนฐานท่ีส�ำคัญประการหน่ึงส�ำหรับ การปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย โดยแต่ละประเทศที่ยึดถือแนวคิดเสรี ประชาธิปไตยต่างก็ได้ยอมรับให้การชุมนุมให้เป็นเสรีภาพประการหน่ึงในระบบ กฎหมายของตน ซง่ึ อาจมกี ารรบั รองอยใู่ นรฐั ธรรมนญู พระราชบญั ญตั ิ หรอื กฎหมาย อ่ืนๆ รวมทั้งในกฎหมายระหว่างประเทศที่ส�ำคัญหลายฉบับก็ได้รับรองถึงเสรีภาพ ในการชุมนุมไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นสิ่งท่ีต้องได้รับการเคารพ อย่างไรก็ตามเสรีภาพ ในการชมุ นมุ ก็ย่อมมขี อบเขตและข้อจำ� กัดเช่นเดียวกนั กับเสรภี าพด้านอื่นๆ ซ่ึงต้อง ค�ำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวมควบคู่ ไปพรอ้ มกนั แตก่ ารจะจดั วางเสรภี าพในการชมุ นมุ กบั สงั คมสว่ นรวมนน้ั กเ็ ปน็ ประเดน็ ทมี่ ีความยากล�ำบากไมน่ อ้ ย เนือ่ งจากการนิยามความหมาย ขอบเขตและการจำ� กดั เสรีภาพของการชุมนุมเป็นประเด็นที่มีแง่มุมต่างๆ เข้ามาพิจารณาประกอบอย่าง กว้างขวาง หากพจิ ารณาจากประสบการณข์ องประเทศตา่ งๆ ในการวจิ ยั ครง้ั น้ี จะพบวา่ มีปัจจัยส�ำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเนื้อหาและรูปแบบของการชุมนุมที่เกิดข้ึนใน 3 ประเด็นส�ำคัญ คือ ความมีเสถียรภาพของระบบการเมือง ส�ำนึกร่วมทางสังคม และความไว้วางใจต่อกลไกรัฐ โดยความมีเสถียรภาพของระบบการเมือง หมายความถงึ ความเหน็ พ้องต่อ สถาบันการเมืองในห้วงเวลาน้ันๆ ของผู้คนในสังคมว่า มีความยอมรับต่อระบบ การเมืองมากหรือน้อยเพียงใด หากยังไม่มีการยอมรับเกิดข้ึนอย่างกว้างขวางแล้ว ก็อาจมีการโต้แย้งต่อระบบการเมืองท่ีเป็นอยู่ เสถียรภาพของระบบการเมืองที่ อยใู่ นระดบั ตำ่� กส็ ามารถสง่ ผลตอ่ การชมุ นมุ อยา่ งมาก อนั ทำ� ใหก้ ารชมุ นมุ อาจเปน็ ทงั้ ที่อยภู่ ายในระบบการเมืองหรอื ม่งุ เปล่ียนระบบการเมือง ส�ำหรับส�ำนึกร่วมทางสังคม จะเป็นการแสดงออกทรรศนะของประชาชน ภายในสงั คมวา่ มคี วามรสู้ กึ รว่ มหรอื มกี ารแบง่ แยกออกเปน็ ฝกั ฝา่ ย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ อันเป็นผลสบื เนอื่ งมาจากจุดยนื ในทางการเมืองซ่ึงอาจปรากฏในหลายรปู แบบ เช่น ระหวา่ งฝา่ ยสนบั สนนุ ระบอบกษตั รยิ /์ ฝา่ ยสนบั สนนุ สาธารณรฐั หรอื อาจเปน็ ทรรศนะ ต่อกลุ่มบุคคลต่างๆ ในสังคมว่ากลุ่มเหล่าน้ันได้รับการยอมรับและมีความเป็นกลุ่ม รว่ มกับคนกลมุ่ อนื่ หรอื ไม่ ซ่ึงอาจปรากฏขน้ึ ในกรณขี องชนกลมุ่ น้อย กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ
(2) เปน็ ตน้ หากสงั คมใดมรี ะดบั สำ� นกึ รว่ มทางสงั คมในระดบั ตำ�่ โดยไมย่ อมรบั การดำ� รง อยรู่ ว่ มกนั หรอื มคี วามเกลยี ดชงั ระหวา่ งกนั สงู กอ็ าจสง่ ผลตอ่ เนอ้ื หาและรปู แบบของ การชุมนมุ อยา่ งสำ� คัญ ความไว้วางใจตอ่ กลไกลรฐั หมายถึง ระดับความเชือ่ ถอื ของประชาชนทีม่ ตี ่อ หนว่ ยงานทท่ี �ำหน้าท่ใี นการรบั มอื กับการชมุ นุมวา่ มีความเป็นอสิ ระ ความเป็นกลาง สามารถถูกตรวจสอบได้มากน้อยหรือไม่ จะพบว่า หากความไว้วางใจต่อกลไกรัฐ มีอยใู่ นระดับสงู ก็จะส่งผลใหบ้ คุ คลทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การชมุ นมุ ยอมรบั ความเห็น ค�ำสั่ง หรอื ปฏบิ ตั กิ ารของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั แตถ่ า้ ประชาชนมคี วามไวว้ างใจตอ่ กลไกรฐั ในระดบั ตำ่� ก็อาจท�ำให้เปลี่ยนการชุมนุมไปเป็นความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ โดยงา่ ย และอาจทำ� ใหก้ ารชมุ นมุ เปลย่ี นไปสคู่ วามรนุ แรงอนั สง่ ผลกระทบทกี่ วา้ งขวาง ติดตามมา ซึ่งในประเทศที่มีรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตยก็อาจให้การรับรอง กับเสรีภาพในการชุมนุมในลักษณะท่ีแตกต่างกันออกไป บางประเทศได้ให้การ รับรองเสรีภาพในการชุมนุมไว้อย่างสมบูรณ์ ขณะท่ีบางประเทศอาจมีการจ�ำแนก การชมุ นมุ ซง่ึ อาจสง่ ผลกระทบตอ่ สว่ นรวมเพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารจำ� กดั เสรภี าพดงั กลา่ วไมใ่ ห้ สง่ ผลกระทบรนุ แรงบงั เกดิ ขน้ึ รวมทง้ั ระบบกฎหมายในการจดั การกบั การชมุ นมุ กอ็ าจ มลี ักษณะที่ไม่เหมือนกนั ท้ังระบบแต่อย่างใด แมว้ ่าโดยทั่วไปแลว้ การใหค้ วามหมาย ตอ่ เสรภี าพในการชมุ นมุ จะมลี กั ษณะส�ำคญั รว่ มกนั ดว้ ยการยอมรบั วา่ การรวมตวั กนั ของกลมุ่ คนในการแสดงความเหน็ ทางการเมอื งอยา่ งสงบ ถอื เปน็ เสรภี าพขน้ั พนื้ ฐาน ของประชาชน ดังปรากฏทั้งในกฎหมายระหวา่ งประเทศและรัฐธรรมนญู ของหลาย ประเทศ ซึ่งยนื ยนั ถึงความส�ำคญั ในการให้การรบั รองและใหก้ ารปกป้องต่อเสรภี าพ ดังกล่าว แต่ก็มิได้หมายความว่าการนิยามความหมาย การให้การรับรองในระบบ กฎหมาย และมาตรการตา่ งๆ ในการคมุ้ ครองเสรภี าพในการชมุ นมุ ของแตล่ ะประเทศ จะมีรูปแบบที่เป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้งหมด โดยแต่ละประเทศอาจมีความ แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเด็น ดังนั้น ในการพิจารณาถึงประเด็นเสรีภาพ ในการชมุ นมุ ไมอ่ าจใชร้ ปู แบบจากประเทศใดประเทศหนง่ึ มาตน้ แบบไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ หากต้องพิจารณาถึงประเด็นท่ีมีลักษณะเฉพาะแตกต่างพร้อมกันไปด้วย แต่ทั้งนี้ ควรตอ้ งตระหนกั วา่ ไมว่ า่ จะมคี วามแตกตา่ งกนั มากหรอื นอ้ ยเพยี งใดกต็ าม แตก่ ย็ อ่ ม วางอยู่บนหลักการของความพยายามในการรับรองเสรีภาพในการชุมนุมให้มี ประสิทธิภาพพร้อมกับการปกป้องและคุ้มครองประโยชน์ของสังคมส่วนรวมให้ ด�ำเนินควบคกู่ นั ไปอยา่ งไดส้ มดลุ
(3) 1. รปู แบบของการชมุ นมุ ในฝรง่ั เศส สหรฐั อเมรกิ า ญปี่ นุ่ สาธารณรฐั เกาหลี และไทย สำ� หรบั การพจิ ารณาเกยี่ วกบั การชมุ นมุ ทปี่ รากฏขนึ้ ในแตล่ ะประเทศ จะพบวา่ ความหมายของการชุมนุมนั้นจะมีลักษณะท่ีร่วมกันคือ เป็นการกระท�ำที่เป็นการ แสดงออกซงึ่ ความคดิ เหน็ ของกลมุ่ บคุ คลและสมั พนั ธก์ บั พนื้ ทสี่ าธารณะอยา่ งใกลช้ ดิ ทง้ั นอ้ี าจเปน็ การชมุ นมุ เพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ ทางการเมอื งหรอื ทรรศนะตอ่ ประเดน็ ปญั หาตา่ งๆ หรืออาจเปน็ การชมุ นมุ โดยมีข้อเรียกรอ้ งให้มีการปฏบิ ัตติ ามบงั เกดิ ข้นึ ในบางประเทศอาจไมม่ กี ารกำ� หนดรายละเอยี ดเอาไวอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ ความหมายของ การชุมนมุ ท่อี ยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายเปน็ อยา่ งไร การกระทำ� แบบใดซึ่งถอื วา่ เป็นการก่อความไม่สงบเรียบร้อยต่อสังคมส่วนรวมที่ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แต่ในบางประเทศได้มีความพยายามในการจ�ำแนกรูปแบบของการชุมนุมเพื่อ ให้เกิดความชัดเจนว่า เสรีภาพในการชุมนุมน้ันมีความหมายอย่างใด ขอบเขตของ การชมุ นมุ มอี ยมู่ ากนอ้ ยเพียงใด แตท่ ัง้ นีก้ ารนิยามความหมายดงั กล่าวกอ็ าจมีความ แตกตา่ งกนั ไปได้ ส�ำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ จะมุ่งพิจารณาเสรีภาพใน “การชุมนุมสาธารณะ” เป็นส�ำคัญ อันมีความหมายถึงการรวมตัวกันของบุคคลเพ่ือแสดงความคิดเห็นหรือ ความตอ้ งการของกลมุ่ ตนซงึ่ อาจเปน็ การชมุ นมุ ในพนื้ ทส่ี าธารณะหรอื ทางสาธารณะ กไ็ ด้ และไมไ่ ดม้ กี ารจำ� แนกระหวา่ งการชมุ นมุ กบั การประทว้ งออกจากกนั เปน็ พเิ ศษ แต่อยา่ งใด ทงั้ นี้ หากพจิ ารณาถงึ ลกั ษณะสำ� คญั ของการชมุ นมุ ทก่ี ฎหมายในประเทศตา่ งๆ ใหก้ ารรบั รองไว้นนั้ อาจจ�ำแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื ประเภทแรก เปน็ การชุมนุม ท่ีได้รับการรับรองเอาไว้อย่างสมบูรณ์ และประเภทที่สอง เป็นการรับรองเสรีภาพ ในการชมุ นมุ เอาไวแ้ ตม่ เี งอ่ื นไขบางประการก�ำกบั การชมุ นมุ เอาไว้ ซงึ่ จะเปดิ โอกาสให้ เจ้าหนา้ ทร่ี ฐั สามารถเข้าไปควบคุมหรือตรวจสอบการชมุ นมุ ได้ ส�ำหรับการชุมนุมที่ได้รับการรับรองไว้อย่างสมบูรณ์มักจะเป็นการชุมนุมท่ีมี ลกั ษณะเปน็ การเฉพาะกลมุ่ ไมไ่ ดเ้ ปดิ กวา้ งใหก้ บั บคุ คลใดกไ็ ดท้ จี่ ะเขา้ รว่ ม ไมไ่ ดอ้ ยใู่ น พืน้ ทสี่ าธารณะ โดยธรรมชาตขิ องการชุมนมุ ในลักษณะนีไ้ มไ่ ดม้ งุ่ เนน้ ที่จะกระท�ำใน พ้ืนท่ีสาธารณะหรือมีการเดินขบวนแต่อย่างใด จึงท�ำให้เป็นการกระท�ำที่ไม่ได้มี ผลกระทบกบั บคุ คลอน่ื หรอื ประโยชนข์ องสว่ นรวมโดยตรงแตอ่ ยา่ งใด ซงึ่ การรบั รองไว้ ในลกั ษณะสมบรู ณจ์ ะปรากฏขนึ้ ใน 2 รปู แบบดว้ ยกนั คอื แบบทห่ี นง่ึ เปน็ การบญั ญตั ิ รบั รองเอาไว้อย่างชดั เจนเป็นลายลักษณ์อักษร กับแบบท่สี อง เปน็ การรับรองในเชิง
(4) ปฏิเสธ โดยการรับรองในลักษณะนี้แม้จะไม่มีกฎหมายรับรองเอาไว้อย่างชัดแจ้ง แต่จะมีกฎหมายมาก�ำหนดให้การชุมนุมบางประเภทต้องมีการถูกควบคุมหรือ ตรวจสอบ เช่น การก�ำหนดให้การชุมนุมในที่สาธารณะหรือการชุมนุมในช่วงเวลา กลางคืน ให้ถือเป็นการชุมนุมท่ีต้องแจ้งกับเจ้าหน้าท่ีก่อน เป็นต้น เพราะฉะน้ัน ส�ำหรับการชุมนุมที่ไม่เข้าข่ายตามท่ีกฎหมายได้ก�ำหนดไว้ก็ย่อมเป็นเสรีภาพของ บุคคลที่สามารถจะกระท�ำไดโ้ ดยไมม่ ขี อ้ หา้ มแต่อย่างใด ส�ำหรับในกรณีของการชุมนุมท่ีมีเง่ือนไขบางประการก�ำกับเอาไว้ จะเป็น “การชุมนุมสาธารณะ” อันหมายความถึง การชุมนุมในลักษณะท่ีสามารถสร้าง ผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของส่วนรวมหรือภายใต้เงื่อนไขอื่นที่เป็นการ ค�ำนึงถงึ แงม่ มุ ของสงั คมเปน็ ส�ำคญั ทง้ั นี้ การจำ� กดั เสรภี าพในการชุมนมุ จึงเปน็ ส่งิ ท่ี สามารถกระท�ำได้ ดังนั้น เม่ือพิจารณาถึงเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะจึงเป็นท่ี ยอมรบั กนั วา่ เสรภี าพดงั กลา่ วไมใ่ ชเ่ สรภี าพสมบรู ณ์ หากเปน็ สงิ่ ทสี่ ามารถถกู จำ� กดั ได้ หากสง่ ผลกระทบตอ่ สิทธิข้ันพนื้ ฐานหรอื ต่อส่วนรวม ในหลายประเทศได้เคยมีประสบการณ์เก่ียวกับการชุมนุมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นท่ีสาธารณะอันอาจน�ำมาซ่ึงผลกระทบต่อบุคคลอื่นๆ ในการใช้ประโยชน์ใน พื้นท่ีสาธารณะ หรือการชุมนุมดังกล่าวอาจเป็นการชุมนุมที่ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพ ของบคุ คลอน่ื เชน่ กนั จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ความจำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งมมี าตรการบางประการก�ำกบั การชมุ นมุ ประเภทนี้ อนั เปน็ ความพยายามในการถว่ งดลุ ระหวา่ งเสรภี าพในการชมุ นมุ และสิทธิของส่วนรวมหรือบุคคลอ่ืนที่อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุมนั้นๆ ดังตัวอย่างในฝร่ังเศส หากเป็นการชุมนุมโดยท่ัวไปจะไม่สามารถกระท�ำในท่ี สาธารณะได้ การชุมนุมที่กระท�ำในพื้นท่ีสาธารณะจะถูกเรียกว่า “การประท้วง” ซง่ึ เมอ่ื เปน็ การประทว้ งกจ็ ะตอ้ งอยภู่ ายใตร้ ะบบ “การแจง้ เพอ่ื ทราบ” ซง่ึ ผทู้ ม่ี หี นา้ ที่ หลกั ในการจดั การชมุ นมุ ตอ้ งแจง้ เกย่ี วกบั ลกั ษณะของการชมุ นมุ ใหแ้ กท่ างเจา้ หนา้ ที่ รัฐทราบก่อนลว่ งหนา้ ตามระยะเวลาท่ีได้มกี ารกำ� หนดเอาไว้ ทั้งนี้เง่ือนไขที่จะน�ำมาสู่การจ�ำแนกประเภทของการชุมนุมที่ต้องได้รับ การควบคมุ หรอื ตรวจสอบ มีประเดน็ ส�ำคัญในการพจิ ารณา ดงั น้ี ประการแรก สถานท่ขี องการชมุ นมุ โดยในส่วนของพ้ืนท่ีสาธารณะซึ่งมักจะเป็นสถานที่ของการชุมนุมก็สามารถ แบง่ ออกได้ ดงั น้ี แบบแรก พน้ื ทสี่ าธารณะแบบเปดิ กวา้ งซงึ่ ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ และใช้ประโยชนไ์ ดโ้ ดยมีขอ้ จ�ำกดั ในระดบั ต�่ำ เช่น สวนสาธารณะ ท้องถนน เปน็ ตน้ แบบท่ีสอง พ้ืนท่ีสาธารณะท่ีจ�ำกัดการเข้าถึง พื้นที่เหล่าน้ีโดยทั่วไปสามารถให้
(5) ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ได้แต่จะมีข้อจ�ำกัดเพ่ิมมากขึ้น หากจะมีการใช้พื้นที่ต้อง ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เช่น มหาวิทยาลัย หอประชุมขององค์กร ปกครองส่วนท้องถนิ่ เปน็ ต้น แบบทีส่ าม พน้ื ท่ีสาธารณะซึง่ มีความสำ� คัญต่อสังคม โดยรวม เช่น รัฐสภา สนามบนิ สถานทตู สถานท่ีพกั ของประมขุ ประเทศ เปน็ ต้น พ้ืนที่ดังกล่าวนี้มักจะถูกห้ามมิให้มีการชุมนุมในพื้นท่ีโดยรอบและรวมถึงในบริเวณ ใกล้เคียง เน่ืองจากพ้ืนท่ีดังกล่าวเป็นท่ีต้ังของหน่วยงานท่ีมีความส�ำคัญและจ�ำเป็น ทั้งตอ่ ภาครัฐหรือ ระบบเศรษฐกิจของประเทศ กรณดี ังกล่าวนี้ในหลายประเทศไดม้ ี การจำ� แนกไว้เป็นกรณพี เิ ศษซ่ึงการชมุ นมุ ไมส่ ามารถจะดำ� เนินการได้ ประการท่ีสอง ลกั ษณะการเขา้ รว่ ม ซึ่งจะพิจารณาว่าเป็นการเปิดกว้างให้บุคคลท่ัวไปสามารถเข้าร่วมการชุมนุม ได้อย่างเสรีหรือเป็นการเจาะจงตัวผู้เข้าร่วมการชุมนุม โดยท่ัวไปส�ำหรับการชุมนุม สาธารณะน้ันมักจะเป็นการเปิดกว้างให้บุคคลสามารถเข้าร่วมได้อย่างเสรี กรณีนี้ นบั เปน็ เงอื่ นไขสำ� คญั ทฝ่ี รง่ั เศสไดน้ ำ� มาเปน็ เงอ่ื นไขทเี่ รยี กวา่ “การเจาะจงตวั ผชู้ มุ นมุ ” โดยหากผเู้ ขา้ รว่ มการชมุ นมุ มใิ ชเ่ ปน็ การระบตุ วั บคุ คลแตเ่ ปดิ ใหบ้ คุ คลทว่ั ไปสามารถ เข้าร่วมไดแ้ ล้วก็ถอื วา่ เป็นการชุมนมุ ทตี่ ้องได้รับการควบคุม ประการทส่ี าม ช่วงระยะเวลาของการจัดการชมุ นุม ชว่ งเวลาของการชมุ นมุ อาจจะเปน็ การชมุ นมุ ทม่ี รี ะยะเวลาจำ� กดั หรอื อาจเปน็ การชุมนมุ ที่มรี ะยะเวลาต่อเน่ืองทยี่ าวนานหรือเป็นเวลากลางคืน การจดั การชมุ นมุ ในลกั ษณะเชน่ นอ้ี าจมคี วามเสย่ี งตอ่ การทำ� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ อาคารสถานที่ หรอื ความสูญเสยี กบั บคุ คลเกดิ ข้นึ ได้ ประการท่ีส่ี ลกั ษณะของการชมุ นมุ ตามปกตสิ ามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ การชมุ นมุ แบบอยกู่ บั ที่(sitandstill)กบั การชมุ นมุ แบบทม่ี ีการเคลื่อนท่ี (public procession) ส�ำหรบั การชมุ นมุ แบบอย่กู ับที่เป็นการ รวมตัวกันของประชาชนเพื่อแสดงความคิดเห็นในทางการเมือง โดยอยู่ในพ้ืนที่ สาธารณะแตไ่ มม่ กี ารเคลอื่ นยา้ ยการชมุ นมุ สว่ นการชมุ นมุ แบบทม่ี กี ารเคลอื่ นทเ่ี ปน็ การรวมตวั กนั ของประชาชนเพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ เชน่ เดยี วกนั แตจ่ ะมกี ารเคลอ่ื นท่ี ไปยังพื้นท่ีต่างๆ ทั้งในพื้นที่สาธารณะหรือเอกชน การชุมนุมแบบเคล่ือนที่จะถูก พจิ ารณาว่าสามารถส่งผลกระทบตอ่ สงั คมส่วนรวม นอกจากนั้นในปัจจุบันยังปรากฏลักษณะของการชุมนุมในรูปแบบของการ ยึดครอง (occupy) การชุมนุมในลักษณะเช่นนี้เป็นการเข้ายึดครองสถานท่ีแห่งใด แห่งหนง่ึ เปน็ ระยะเวลานาน เฉพาะอย่างยงิ่ พน้ื ท่ที ม่ี ีความสำ� คัญไมว่ ่าจะเป็นในทาง
(6) เศรษฐกิจ การเมืองหรือในด้านอ่ืนใด โดยมีเป้าหมายไม่เพียงการแสดงความเห็น หรือความตอ้ งการของฝ่ายตนเทา่ นั้น หากยังรวมไปถึงการขัดขวางหรอื ท�ำใหร้ ะบบ การทำ� งานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั สถานทนี่ นั้ ๆ ไมส่ ามารถจะดำ� เนนิ ไปไดต้ ามปกติ การชมุ นมุ ในรปู แบบของการยดึ ครองมกั จะมแี นวโนม้ ทสี่ ง่ ผลกระทบรนุ แรงมากกวา่ การชมุ นมุ แบบอยู่กับท่ีหรือแบบท่ีมีการเคล่ือนย้าย ดังน้ัน การชุมนุมแบบยึดครองจึงไม่ได้ รับการยอมรับให้การชุมนุมท่ีสามารถกระท�ำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในหลาย ประเทศ 2. กฎหมายทรี่ บั รองและจำ� กดั เสรภี าพการชมุ นมุ ในฝรง่ั เศส สหรฐั อเมรกิ า ญป่ี ุน่ สาธารณรฐั เกาหลี และไทย การชุมนุมท่ีได้รับการรับรองตามกฎหมายนั้นมีทั้งการชุมนุมส่วนตัวและ สาธารณะ ส�ำหรับในที่นี้จะมุ่งพิจารณาไปยังการชุมนุมสาธารณะ ซ่ึงอาจเรียกว่า การชุมนุมในพนื้ ท่เี ปิดโลง่ การเดินขบวน หรือการประท้วง แตกตา่ งกนั ไปในแต่ละ ประเทศ แต่โดยรวมหมายถึงการชุมนุมอันเป็นการรวมกลุ่มของบุคคลเพื่อแสดง ความคิดเห็นในทางการเมืองในรูปแบบท่ีสัมพันธ์กับพื้นท่ีของสาธารณะหรือเปิดให้ สาธารณชนสามารถเข้ารว่ มได้ ทงั้ นไี้ ม่ว่าจะเปน็ การชมุ นุมในรูปแบบทอ่ี ย่กู บั ทหี่ รอื เป็นการเดินขบวน 2.1 กฎหมายท่รี บั รองและจำ� กดั เสรภี าพในการชุมนุม จากการศึกษาถึงกฎหมายที่เก่ียวข้องกับการรับรองและจ�ำกัดเสรีภาพ ในการชมุ นมุ ใน 5 ประเทศ พบวา่ บทบัญญตั ขิ องกฎหมายทีม่ ีความส�ำคัญต่อการ รับรองเสรีภาพในการชุมนุมส่วนมากจะปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญของประเทศน้ันๆ โดยบทบญั ญตั ใิ นรฐั ธรรมนญู ทร่ี บั รองเสรภี าพในการชมุ นมุ เปน็ การรบั รองในลกั ษณะ ทวั่ ไป รวมถงึ จะมบี ทบญั ญตั กิ ลา่ วถงึ เหตทุ อี่ นญุ าตใหม้ กี ารจำ� กดั เสรภี าพในการชมุ นมุ ของประชาชนว่าจะสามารถกระท�ำได้ภายใต้เง่ือนไขเช่นใด ซึ่งเงื่อนไขในการจ�ำกัด เสรภี าพในการชมุ นมุ จะใหค้ วามสำ� คญั กบั ประโยชนข์ องสว่ นรวม หรอื สวสั ดภิ าพของ สาธารณะเปน็ ส�ำคัญ นอกจากการรับรองเสรีภาพในรัฐธรรมนูญแล้ว บทบัญญัติในกฎหมาย ระหว่างประเทศก็สามารถมีผลต่อการรับรองเสรีภาพภายในของรัฐได้เช่นเดียวกัน เช่น กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) อยา่ งไรกต็ าม บทบญั ญตั ดิ งั กลา่ วจะมผี ลในทางกฎหมายกบั ประเทศทไ่ี ดใ้ หส้ ตั ยาบนั แก่สนธิสัญญาฉบับน้ี จะต้องเป็นประเทศที่ยอมรับให้กฎหมายระหว่างประเทศ
(7) สามารถมีผลใช้บังคับภายในรัฐได้ทันทีตามแนวความคิดแบบเอกนิยม (Monism) โดยไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารบญั ญตั กิ ฎหมายภายในขนึ้ มารองรบั กอ่ น จงึ ทำ� ใหบ้ ทบญั ญตั ิ ของกฎหมายระหว่างประเทศสามารถมีผลใช้บังคับต่อประเด็นเร่ืองเสรีภาพในการ ชมุ นุมได้ ส�ำหรับกฎหมายท่ีจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมน้ัน จะปรากฏในกฎหมาย ล�ำดับพระราชบัญญัติซ่ึงเป็นการบัญญัติข้ึนให้เป็นการสอดคล้องกับบทบัญญัติใน รัฐธรรมนูญ โดยปรากฏใน 2 รปู แบบส�ำคัญ ประการแรก เป็นกฎหมายท่ีต้องการควบคุมและตรวจสอบการชุมนุม โดยตรง ซง่ึ เป็นกฎหมายทเี่ ปน็ การกำ� หนดรายละเอียดของการชุมนมุ กระบวนการ ขั้นตอนและขอบเขตของการชุมนุมไว้อย่างชัดเจน ซึ่งหากบุคคลใดต้องการท่ีจะ จัดการชุมนุมก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ได้ก�ำหนดเอาไว้ กฎหมายลักษณะนี้จะ เกิดขึ้นอย่างชัดเจนในประเทศที่ใช้ระบบการบริหารจัดการก่อน ซึ่งกฎหมายใน ลักษณะน้ีนอกจากจะเป็นกฎหมายล�ำดับพระราชบัญญัติแล้ว ส�ำหรับบางประเทศ ก็ได้ให้อ�ำนาจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการพิจารณาออกค�ำสั่งเก่ียวกับ การชมุ นมุ ซงึ่ จะทำ� ใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เขา้ มามบี ทบาทและอำ� นาจหนา้ ท่ี อยา่ งส�ำคัญ ในการอนุญาตหรอื สงั่ ห้ามการชมุ นุมในข้ันต้น ประการท่ีสอง เป็นกฎหมายที่จ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมโดยอ้อม โดยกฎหมายประเภทน้ีจะมิได้มีความมุ่งหมายในการควบคุมและตรวจสอบการ ชุมนุมโดยตรง แต่บทบัญญัติของกฎหมายจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม และมีผลกระทบต่อเสรีภาพในการชุมนุมไม่น้อย เช่น กฎหมายที่เก่ียวข้องกับการ จราจร ประมวลกฎหมายอาญาในส่วนทเี่ กีย่ วกับความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชน เป็นต้น 2.2 รปู แบบของการจ�ำกดั และตรวจสอบเสรีภาพในการชุมนุม จากการศกึ ษาถงึ กฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การจำ� กดั และตรวจสอบเสรภี าพ ในการชุมนมุ จะพบว่า โดยท่วั ไปมี 2 รปู แบบส�ำคัญ คือ ระบบการบรหิ ารจัดการ กอ่ นและระบบการควบคมุ ภายหลงั 1) ระบบการบรหิ ารจดั การกอ่ น มี 2 รปู แบบ คอื ระบบการขออนญุ าต และระบบการแจ้งเพ่ือทราบ 1.1) ระบบการขออนุญาต ส�ำหรับระบบการขออนุญาตเป็นระบบท่ีมีความเข้มงวดในการ จำ� กดั เสรภี าพในการชมุ นมุ เปน็ อยา่ งมาก โดยหากกลมุ่ บคุ คลใดตอ้ งการทจี่ ะจดั ใหม้ ี
(8) การชุมนุมเกิดข้ึนก็จะต้องด�ำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพ่ือให้ได้รับอนุญาต จดั การชมุ นมุ ขน้ึ ทง้ั น้ี หนว่ ยงานรฐั จะเปน็ ผทู้ ม่ี อี ำ� นาจในการพจิ ารณาวา่ จะอนญุ าต ให้สามารถมีการชุมนุมเกิดข้ึนได้หรือไม่ ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐจะมีอ�ำนาจค่อนข้าง กว้างขวางในการทจ่ี ะใชด้ ลุ พนิ ิจไมใ่ หม้ กี ารชุมนมุ เกดิ ขึ้น 1.2) ระบบการแจง้ เพื่อทราบ การชุมนุมในประเทศที่ใช้ระบบแจ้งเพ่ือทราบจะเป็นระบบที่ให้ เสรีภาพกับประชาชนในการชุมนุมในระดับท่ีสูง โดยส�ำหรับกลุ่มบุคคลท่ีต้องการ จดั การชมุ นมุ สามารถทจ่ี ะดำ� เนนิ การได้ แตท่ งั้ นจ้ี ะตอ้ งมกี ารแจง้ ใหก้ บั หนว่ ยงานรฐั ท่ีเกี่ยวข้องได้รับทราบถึงรายละเอียดของการชุมนุม ตามระบบนี้การชุมนุมจะเป็น เสรีภาพท่ีประชาชนสามารถกระท�ำได้ การแจ้งให้หน่วยงานรัฐได้รับทราบเป็น กระบวนการทม่ี งุ่ คมุ้ ครองเสรภี าพและลดระดบั ผลกระทบของฝา่ ยอนื่ ๆ ทอี่ าจเปน็ ผล มาจากการชมุ นมุ ภายใตแ้ นวความคดิ ดงั กลา่ วนจ้ี งึ จะไมม่ ี“การชมุ นมุ ทไี่ ดร้ บั อนญุ าต” อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าท่ีรัฐก็สามารถสั่งห้ามได้ในกรณีท่ีคาดหมายได้ว่าการชุมนุม ท่ีก�ำลังจะด�ำเนินการนั้นอาจน�ำมาซึ่งผลกระทบต่อความสงบของสังคมอย่างชัดเจน แตอ่ ำ� นาจในการสงั่ หา้ มในระบบแจง้ เพอื่ ทราบนตี้ อ้ งเปน็ กรณที เ่ี ปน็ ขอ้ ยกเวน้ ในการ ใช้อำ� นาจของเจ้าหน้าทรี่ ัฐเท่านัน้ ท้ังน้ี หากเปรียบเทียบระหว่างระบบการขออนุญาตกับระบบ การแจ้งเพ่ือทราบ จะพบว่าระบบการแจ้งเพื่อทราบเป็นขั้นตอนที่รับรองเสรีภาพ ในการชมุ นมุ ของประชาชนกวา้ งขวางกวา่ ระบบการขออนญุ าต โดยระบบขออนญุ าต เป็นระบบที่การชุมนุมต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนจึงจะสามารถกระท�ำได้ ขณะทร่ี ะบบการแจง้ เพอ่ื ทราบเปน็ เพยี งกระบวนการในการใหข้ อ้ มลู กบั เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั เพื่อที่จะได้เตรียมการในด้านต่างๆ รวมท้ังลดผลกระทบท่ีจะอาจเกิดข้ึนจากการ ชุมนุม ทัง้ น้ี หลายประเทศในระยะเร่ิมต้นไดใ้ ช้ระบบการขออนญุ าต แต่ในภายหลัง ตอ่ มาไดเ้ ปลย่ี นเปน็ ระบบแจง้ เพอื่ ทราบ อนั สะทอ้ นใหเ้ หน็ การยอมรบั เสรภี าพในการ ชุมนุมของประชาชนที่มากขึน้ 2) ระบบการควบคุมภายหลัง ส�ำหรบั ในประเทศทไี่ มม่ บี ทบญั ญตั ิของกฎหมายซ่งึ ก�ำหนดเก่ียวกบั รปู แบบและลกั ษณะของการชมุ นมุ เอาไวอ้ ยา่ งชดั เจน โดยอาจมเี พยี งบทบญั ญตั ขิ อง รัฐธรรมนูญให้การรับรองเสรีภาพในการชุมนุมและก�ำหนดเง่ือนไขจ�ำกัดการชุมนุม ไวเ้ ปน็ การทวั่ ไป ในกรณเี ชน่ นก้ี ารตรวจสอบและควบคมุ เกย่ี วกบั การชมุ นมุ ไดเ้ กดิ ขนึ้ ภายหลงั จากการชมุ นมุ วา่ จะเปน็ การชมุ นมุ ทส่ี อดคลอ้ งกบั กฎหมายทร่ี บั รองไวห้ รอื ไม ่
(9) ซึ่งกระบวนการทางศาลเป็นกลไกส�ำคัญในระบบควบคุมภายหลัง ทั้งนี้อาจปรากฏ ได้ใน 2 ลักษณะส�ำคัญ คือ ประการแรก เป็นกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีรัฐฟ้องผู้ชุมนุมเป็น จ�ำเลยเน่ืองจากเห็นว่าเป็นการชุมนุมนอกขอบเขตท่ีกฎหมายได้รับรองเสรีภาพ ในการชุมนุมไว้ ประการที่สอง เป็นกรณีท่ีผู้ชุมนุมฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐเป็นจ�ำเลยโดย เหน็ วา่ การกระทำ� ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การชมุ นมุ ไมว่ า่ จะการสลายการชมุ นมุ การควบคมุ การชุมนุมเปน็ การละเมิดต่อเสรภี าพในการชมุ นุมของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในการจ�ำแนกรูปแบบการควบคุมการชุมนุมเป็นระบบ การบริหารจัดการก่อนและหลังน้ัน ไม่ได้หมายความว่า ในแต่ละประเทศจะได้มี การใชเ้ พยี งระบบใดระบบหนงึ่ โดยแยกขาดจากกนั อยา่ งเดด็ ขาด แตใ่ นหลายประเทศ ได้เลอื กใช้ทง้ั สองระบบในการควบคมุ การชมุ นุมควบคกู่ นั 3. บทบาทและอ�ำนาจหน้าท่ีของฝ่ายตุลาการ หรือองค์กรท่ีท�ำหน้าที่ วนิ ิจฉัยในเรอื่ งเสรีภาพในการชมุ นมุ ในฝรัง่ เศส สหรัฐอเมริกา ญ่ีปุ่น สาธารณรฐั เกาหลี และไทย 3.1 บทบาทและอำ� นาจหนา้ ทข่ี องฝา่ ยตลุ าการหรอื องคก์ รทที่ ำ� หนา้ ท่ี วินิจฉยั เร่ืองเสรีภาพในระบบการบรหิ ารจดั การก่อน ส�ำหรับในระบบการบริหารจัดการก่อนไม่ว่าจะเป็นระบบการขออนุญาต หรือการแจ้งเพื่อทราบ จะมีองค์กรที่ท�ำหน้าท่ีในการพิจารณาและตรวจสอบเร่ือง เสรภี าพในการชุมนุมอยู่ใน 2 องคก์ ร คือ องคก์ รลำ� ดบั แรก เปน็ องค์กรท่ที �ำหนา้ ท่ี วินิจฉัยในการอนุญาตหรือสั่งห้ามการชุมนุมตามท่ีกฎหมายได้บัญญัติเอาไว้ และ องค์กรล�ำดับที่สอง ซ่ึงส่วนมากจะเป็นองค์กรตุลาการท่ีจะเข้ามาท�ำหน้าที่ในการ ตรวจสอบการใชอ้ ำ� นาจขององคก์ รแรกอกี ครั้งหนงึ่ องคก์ รลำ� ดบั แรกนน้ั โดยมากจะมใิ ชฝ่ า่ ยตลุ าการแตจ่ ะเปน็ องคก์ รทที่ ำ� หนา้ ที่ เกยี่ วขอ้ งโดยตรงกบั การอนญุ าตหรอื สง่ั หา้ มการชมุ นมุ องคก์ รประเภทนส้ี ว่ นใหญม่ กั ไดแ้ ก่ ตำ� รวจซง่ึ มหี นา้ ทใ่ี นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย และตอ้ งมบี ทบาทเกยี่ วขอ้ งกบั การชมุ นมุ อยา่ งใกลช้ ดิ จงึ ควรเปน็ องคก์ รทม่ี คี วามรแู้ ละความสามารถในการประเมนิ ถงึ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการชุมนุมได้ แต่ในบางประเทศก็ได้ก�ำหนดให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินในระดับรัฐหรือจังหวัดเป็นผู้ที่มีอ�ำนาจในการวินิจฉัยต่อการ ห้ามหรืออนุญาตการชมุ นมุ สว่ นฝา่ ยตลุ าการซง่ึ มหี นา้ ทใี่ นการตรวจสอบอำ� นาจในการสง่ั การขององคก์ ร ล�ำดับแรกน้ัน จะท�ำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าท่ีรัฐ
(10) วา่ ไดก้ ระทำ� ไปโดยชอบดว้ ยกฎหมายหรอื ไม่ หรอื มเี หตผุ ลทมี่ ากเพยี งพอหรอื ไมใ่ นการ สงั่ การทเ่ี กดิ ขน้ึ ระบบการตรวจสอบโดยฝา่ ยตลุ าการจงึ ทำ� ใหอ้ งคก์ รลำ� ดบั แรกตอ้ งใช้ อำ� นาจโดยอยภู่ ายใตก้ รอบของกฎหมาย รวมทงั้ การสงั่ การใดๆ กต็ อ้ งมกี ารใชเ้ หตผุ ลท่ี สามารถอธบิ ายไดอ้ ยา่ งชัดเจน 3.2 บทบาทและอ�ำนาจหน้าที่ของฝ่ายตุลาการในระบบการควบคุม ภายหลัง ส�ำหรับในระบบการควบคุมภายหลัง บทบาทและอ�ำนาจหน้าท่ีของฝ่าย ตุลาการมักจะจ�ำกัดอยู่ในการวินิจฉัยข้อประเด็นปัญหาของการชุมนุมท่ีได้เกิดขึ้น และกลายเปน็ ขอ้ โตแ้ ยง้ วา่ เปน็ การชมุ นมุ ทช่ี อบดว้ ยกฎหมายหรอื ไม่ หรอื ปฏบิ ตั กิ าร ของเจา้ หน้าทีร่ ัฐตอ่ ผ้ชู มุ นุมน้นั เปน็ การกระท�ำทชี่ อบด้วยกฎหมายหรอื ไม่ หรอื อาจ เป็นการวนิ จิ ฉยั ความผดิ ของผู้ชุมนมุ ที่ได้ฝา่ ยกระท�ำในระหว่างการชุมนุม หรอื อาจ เปน็ การฟอ้ งรอ้ งเรยี กคา่ เสยี หายจากเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ในกรณที ผ่ี ชู้ มุ นมุ เหน็ วา่ การปฏบิ ตั ิ ของเจา้ หนา้ ท่ีรัฐเป็นการละเมดิ ตอ่ เสรีภาพในการชมุ นมุ ของประชาชน 4. สภาพปญั หาและขอ้ ถกเถยี งเรอ่ื งเนอ้ื หาและขอบเขตของเสรภี าพในการ ชมุ นุมตามกฎหมายในฝร่งั เศส สหรฐั อเมรกิ า ญปี่ ุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และไทย 4.1 ปัญหาเรื่องเนือ้ หาของเสรภี าพในการชมุ นมุ 1) การรบั รองเสรภี าพในการชมุ นมุ สว่ นมากจะปรากฏในรฐั ธรรมนญู ของประเทศ ทั้งนี้ นอกจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญท่ีมีการรับรองเสรีภาพในการ ชมุ นมุ แลว้ กย็ งั มกี ฎหมายอน่ื ๆ ทมี่ ผี ลตอ่ เนอื้ หาของเสรภี าพในการชมุ นมุ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกฎหมายล�ำดับพระราชบัญญัติซ่ึงอาจเป็นบทบัญญัติท่ีเก่ียวข้องกับรูปแบบ ของการชมุ นุมโดยตรง หรือกฎหมายนน้ั อาจไมไ่ ดเ้ ก่ียวขอ้ งโดยตรงแตเ่ ป็นกฎหมาย ทเ่ี จา้ หนา้ ทรี่ ฐั สามารถจะนำ� มาบงั คบั ใชก้ บั การชมุ นมุ ได้ ดงั นน้ั การพจิ ารณาเสรภี าพ ในการชุมนุมจึงไม่อาจจ�ำกัดไว้เพียงบทบัญญัติที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญแต่เพียง อย่างเดยี ว 2) ส�ำหรับประเทศที่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรับรองเสรีภาพในการ ชมุ นมุ โดยไมม่ กี ฎหมายลำ� ดบั พระราชบญั ญตั ทิ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การชมุ นมุ โดยตรง กจ็ ะมี ปญั หาในเรอ่ื งความชดั เจนของการชมุ นมุ วา่ จะมอี ยอู่ ยา่ งกวา้ งขวางเพยี งใด ซง่ึ ปรากฏ ให้เห็นอย่างชัดเจนในระบบกฎหมายของไทยที่มีบทบัญญัติรับรองเสรีภาพในการ ชุมนุมแต่ยังไม่มีกฎหมายอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับกฎหมายโดยตรง โดยรัฐธรรมนูญ ไดร้ บั รองเสรีภาพในการชมุ นุม “โดยสงบและปราศจากอาวุธ” การปราศจากความ
(11) ชดั เจนในขอบเขตของการชมุ นมุ ในลกั ษณะเชน่ นเี้ ปน็ ผลใหส้ ง่ ผลกระทบอยา่ งรนุ แรง ต่อฝ่ายต่างๆ ท่ีอาจต้องเก่ียวข้อง ไม่ว่าจะเป็นประชาชนท่ัวไปหรือสังคมส่วนรวม ซ่ึงต้องเผชิญกับผลของการชุมนุมท่เี กิดข้ึน 3) ส�ำหรับในประเทศที่มีกฎหมายล�ำดับพระราชบัญญัติก�ำหนด เกยี่ วกบั เนือ้ หาของการชมุ นมุ ไว้อยา่ งชัดเจนนน้ั ในแตล่ ะประเทศอาจมีการกำ� หนด เงื่อนไขในการจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมไว้แตกต่างกัน ซึ่งก็เป็นผลจากบริบทท่ี แตกตา่ งกนั ของแตล่ ะประเทศ เพราะฉะนนั้ ในการทำ� ความเขา้ ใจเนอื้ หาของเสรภี าพ ในการชมุ นมุ จงึ ตอ้ งตระหนกั ถงึ เงอ่ื นไขตา่ งๆ เหลา่ นป้ี ระกอบ อนั จะชว่ ยทำ� ใหส้ ามารถ เข้าใจไดถ้ ึงลักษณะส�ำคญั ที่ปรากฏอยู่ในกฎหมายของแต่ละประเทศ 4.2 ปญั หาเรือ่ งขอบเขตของเสรีภาพในการชมุ นมุ ประเด็นส�ำคัญในการพิจารณาเรื่องการชุมนุมก็คือ ระหว่างเสรีภาพของ ผู้ชุมนุมกับประชาชนหรือสังคมส่วนรวมท่ีจะได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากการ ชุมนุมไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม เสรีภาพในการชุมนุมเป็นสิทธิพื้นฐานท่ีส�ำคัญ ในระบอบประชาธิปไตยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ในขณะเดียวกัน การใช้เสรีภาพ ดงั กลา่ วนกี้ ต็ อ้ งไมเ่ ปน็ การละเมดิ หรอื ทำ� ลายตอ่ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คลอน่ื ๆ ทง้ั น้ี จะพบว่าในระบบกฎหมายของประเทศต่างๆ สามารถจ�ำแนกการจ�ำกัดเสรีภาพ ในการชมุ นมุ ไดเ้ ปน็ สถานการณ์ปกตกิ ับสถานการณท์ ่ีไม่ปกติ 1) ปญั หาเรอื่ งขอบเขตเสรภี าพในการชมุ นมุ ในสถานการณท์ ไี่ มป่ กติ สำ� หรบั สถานการณท์ ไ่ี มป่ กติ โดยทว่ั ไปมคี วามหมายถงึ วา่ ในหว้ งเวลา น้ันมีสถานการณ์บางอย่างซึ่งอาจคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคง ปลอดภยั ของสงั คม เชน่ การจลาจล สงคราม ภยั ธรรมชาตทิ ม่ี รี ะดบั ความรนุ แรงมาก เป็นต้น ซึ่งในสถานการณ์เช่นน้ีก็จะมีกฎหมายที่ให้อ�ำนาจแก่เจ้าหน้าท่ีรัฐอย่าง เดด็ ขาดในการสั่งห้ามการชมุ นมุ ทุกประเภท แมจ้ ะเปน็ ทย่ี อมรบั กนั โดยทว่ั ไปวา่ เจา้ หนา้ ทรี่ ฐั ควรมอี ำ� นาจในการ สั่งห้ามการชุมนุมในสถานการณ์ที่ไม่ปกติโดยอาศัยอ�ำนาจตามกฎหมายต่างๆ อย่างไรก็ตาม ประเด็นท่ีมีความส�ำคัญประการหน่ึงก็คือว่า การบังคับใช้กฎหมาย ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติน้ันมักจะมีแนวโน้มในการคุกคามเสรีภาพข้ันพื้นฐานของ ประชาชนอย่างกว้างขวาง ซ่ึงไม่จ�ำกัดไว้เพียงเสรีภาพในการชุมนุมเท่าน้ัน ปัญหา เบ้ืองต้นของการบังคับใช้กฎหมายในสถานการณ์ท่ีไม่ปกติกับเสรีภาพในการชุมนุม จงึ เปน็ ประเดน็ ทส่ี มั พนั ธก์ บั การเปดิ โอกาสใหม้ กี ารประกาศใชก้ ฎหมายเหลา่ นไ้ี ดม้ าก หรอื นอ้ ยเพยี งใด ซง่ึ สำ� หรบั ประเทศทเี่ ปดิ โอกาสใหม้ กี ารประกาศใชก้ ฎหมายสำ� หรบั
(12) สถานการณไ์ มป่ กตไิ ดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย กม็ แี นวโนม้ ทจี่ ะมกี ารใชอ้ ำ� นาจในการละเมดิ ตอ่ เสรีภาพข้ันพ้นื ฐานของประชาชนไดใ้ นลักษณะเช่นเดียวกัน 2) ปญั หาเร่ืองขอบเขตเสรีภาพการชุมนุมในสถานการณ์ปกติ ส�ำหรับในสถานการณ์ปกติไดม้ กี ารจำ� แนกการจำ� กัดเสรีภาพในการ ชุมนุมเป็นระบบการบรหิ ารจดั การก่อนและระบบการควบคุมภายหลงั ทงั้ 2 ระบบ ก็มปี ระเด็นพิจารณา ดงั นี้ 2.1) ระบบการบรหิ ารจดั การกอ่ น (prior management system) แม้ว่าระบบการบริหารจัดการก่อนในด้านหน่ึงอาจช่วยท�ำให้ มกี ารตรวจสอบการชมุ นมุ กอ่ นการดำ� เนนิ การจรงิ แตภ่ ายใตร้ ะบบการบรหิ ารจดั การ กอ่ นนนั้ ประกอบดว้ ย 2 รปู แบบ คอื ระบบการขออนญุ าตและระบบการแจง้ เพอ่ื ทราบ แมว้ ่าตามบทบญั ญัตขิ องกฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการชมุ นุมอาจมลี ักษณะของระบบ การแจง้ เพอ่ื ทราบดว้ ยการก�ำหนดใหผ้ ชู้ มุ นมุ ตอ้ งแจง้ แกห่ นว่ ยงานรฐั แตใ่ นทางปฏบิ ตั ิ ท่ีเป็นจริงจะพบว่า ในบางประเทศเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ใช้อ�ำนาจไปในลักษณะของ ระบบการขออนญุ าตดว้ ยการบงั คบั ใชก้ ารสงั่ หา้ มเกดิ ขน้ึ อยา่ งกวา้ งขวาง อนั เปน็ ผลให้ ระบบการแจ้งเพ่ือทราบในทาง “นิตินัย” กลายเป็นระบบการขออนุญาตในการ “ปฏบิ ตั จิ รงิ ” กรณเี ชน่ นกี้ ารจะพจิ ารณาวา่ ในประเทศใดใชร้ ะบบการขออนญุ าตหรอื ระบบการแจ้งเพื่อทราบ จึงไม่อาจที่จะพิจารณาเฉพาะบทบัญญัติของกฎหมายแต่ เพียงอยา่ งเดยี ว 2.2) ระบบการควบคมุ หลงั โดยปกติระบบการควบคุมหลังใช้ส�ำหรับการชุมนุมท่ีไม่ส่งผล ต่อสาธารณะ โดยถือว่าผู้ชุมนุมจะเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือ ผลกระทบที่จะเกิดข้ึน ซ่ึงจะบังคับใช้ควบคู่ไปกับระบบการบริหารจัดการก่อนกับ การชมุ นุมทมี่ ีแนวโน้มส่งผลตอ่ สาธารณะ อันท�ำให้การชุมนุมทอ่ี าจส่งผลกระทบตอ่ ส่วนรวมจะมีการตรวจสอบก่อนซ่ึงจะเป็นผลในการคุ้มครองต่อประโยชน์ของ ส่วนรวมได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าในประเทศใดใช้ระบบการควบคุมภายหลังแต่เพียง อย่างเดียวอาจเป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการชุมนุมท่ีส่งผลต่อสาธารณะ เนอ่ื งจากจะไมม่ กี ระบวนการในการตรวจสอบถงึ ผลกระทบทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กบั การชมุ นมุ นอกจากนปี้ ญั หาอกี ประการทต่ี ดิ ตามจากระบบการควบคมุ ภายหลงั กค็ อื ไมส่ ามารถเปน็ ระบบทใี่ ชป้ อ้ งกนั หรอื ควบคมุ ความเสยี หายทบ่ี งั เกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ ง มปี ระสิทธภิ าพ เนอื่ งจากเป็นระบบการจัดการในภายหลัง อนั ท�ำให้ผลกระทบบาง ประการซงึ่ อาจหลกี เลยี่ งไดไ้ มส่ ามารถจะดำ� เนนิ การไดแ้ ตอ่ ยา่ งใด หากตอ้ งปลอ่ ยใหม้ ี
(13) การละเมิดต่อกฎหมายหรือผลกระทบต่อสาธารณะเกิดขึ้นก่อนจึงจะด�ำเนินการได้ ภายใต้ระบบนี้ 4.3 ปัญหาในเร่อื งการตีความของฝ่ายตลุ าการ หากพิจารณาบทบาทของฝ่ายตุลาการในกรณีเสรีภาพในการชุมนุม ในเบ้ืองต้นจะพบว่า ความแตกต่างของระบบกฎหมายมีผลต่ออ�ำนาจหน้าท่ีของ ฝ่ายตุลาการ และในขณะเดียวกันในการวินิจฉัยข้อพิพาทเกี่ยวกับการชุมนุมมีใน 2 ลักษณะส�ำคัญด้วยกัน คือ เป็นการทบทวนการใช้อ�ำนาจขององค์กรซ่ึงมีอ�ำนาจ หน้าท่ีในการอนุญาตหรือส่ังห้ามการชุมนุมว่าเป็นค�ำสั่งท่ีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเป็นการวินิจฉัยช้ีขาดในกรณีพิพาทเม่ือมีข้อโต้แย้งหรือประเด็นพิพาทเก่ียวกับ การชุมนุมเกิดข้ึนโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างฝ่ายผู้ชุมนุมกับฝ่ายเจ้าหน้าท่ีรัฐ ซึ่งมี ประเด็นในการพจิ ารณาดงั ตอ่ ไปนี้ ประการแรก ความแตกตา่ งของระบบศาลในประเทศทใี่ ช้ Common Law และ Civil Law ส�ำหรบั ประเทศที่ใชร้ ะบบกฎหมายแบบ Common Law ค�ำวนิ ิจฉยั ของ ฝ่ายตุลาการจะมีบทบาทส�ำคัญต่อการวางบรรทัดฐานในการวินิจฉัยและผูกพันให้ องคก์ รของรฐั ตา่ งๆ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามเนอ่ื งจากถอื วา่ คำ� พพิ ากษาของศาลเปน็ ทมี่ าของ กฎหมายประเภทหน่ึง แต่ในระบบ Civil Law ค�ำวินิจฉัยของศาลจะถือเป็นเพียง การปรบั ใชก้ ฎหมายเขา้ กบั ขอ้ พพิ าทในกรณใี ดกรณหี นงึ่ เปน็ การเฉพาะเทา่ นน้ั ดงั นนั้ ฝา่ ยตลุ าการในประเทศทใี่ ชร้ ะบบ Common Law จงึ สามารถมบี ทบาทอยา่ งสำ� คญั ในการวางหลักการในทางกฎหมายทั้งเพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีรัฐหรือทางฝ่ายผู้ชุมนุม สามารถปฏิบัตติ ามเกยี่ วกับเสรภี าพในการชมุ นมุ ประการที่สอง การทบทวนการใช้อ�ำนาจขององค์กรซ่ึงมีอ�ำนาจหน้าที่ ในการอนุญาตหรือสัง่ หา้ มการชุมนุมว่าเปน็ ค�ำสัง่ ท่ีชอบด้วยกฎหมายหรอื ไม่ ส�ำหรับบทบาทดังกล่าวน้ี จะพบว่าการท�ำหน้าที่ของฝ่ายตุลาการน้ัน ในด้านหนึ่งจะเป็นการตรวจสอบความถูกต้องในการใช้อ�ำนาจขององค์กรที่มีหน้าที่ ในการวินิจฉัยต่อการอนุญาตหรือสั่งห้ามการชุมนุม อันถือเป็นกระบวนการหน่ึงใน การตรวจสอบการใช้อ�ำนาจขององค์กรท่ีท�ำหน้าที่ในเบ้ืองต้นว่าจะต้องด�ำเนิน ไปด้วยการใช้เหตุผลและเงื่อนไขตามที่ได้รับมอบอ�ำนาจไว้ตามกฎหมายอย่าง เคร่งครัดเท่าน้ัน ซึ่งจากการศึกษาตัวอย่างในประเทศต่างๆ จะพบว่า โดยทั่วไป ฝ่ายตุลาการมีแนวโน้มที่จะวินิจฉัยไปในทิศทางเดียวกันกับความเห็นขององค์กรที่ ท�ำหน้าท่ีอนุญาตหรือสั่งห้ามการชุมนุม ด้วยการยอมรับในการใช้ดุลพินิจของ
(14) เจา้ หนา้ ทใี่ นฝา่ ยดงั กลา่ ว เนอื่ งจากตอ้ งเปน็ การประเมนิ จากสถานการณเ์ ฉพาะหนา้ และความจ�ำเป็นในช่วงเวลาน้ันๆ ซึ่งองค์กรท่ีท�ำหน้าที่วินิจฉัยในเบ้ืองต้นจะเป็น ผทู้ ม่ี ปี ระสบการณแ์ ละความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ธรรมชาตขิ องการชมุ นมุ มากกวา่ แตฝ่ า่ ย ตุลาการก็อาจมีความเห็นที่แตกต่างออกไปได้ ในกรณีที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่า การใชอ้ ำ� นาจขององคก์ รทที่ ำ� หนา้ ทวี่ นิ จิ ฉยั ในเบอื้ งตน้ นน้ั เปน็ การใชอ้ ำ� นาจทไ่ี มช่ อบ ด้วยกฎหมายหรอื ไม่มเี หตผุ ลทห่ี นกั แน่นเพยี งพอรองรบั อย่างไรก็ตาม แต่ในการท�ำหน้าที่ของฝ่ายตุลาการในส่วนน้ีก็จะพบว่า อาจมีทิศทางของการวินิจฉัยซ่ึงขึ้นอยู่กับมุมมองในการให้ความส�ำคัญกับความ สงบสุขของสังคมหรือเสรีภาพของในการชุมนุมของปัจเจกชนบุคคลมากกว่ากันได้ เฉพาะอย่างยิ่งในประเทศท่ีให้ความส�ำคัญกับเสรีภาพในการชุมนุมก็ได้มีการวาง หลกั การเพ่ิมมากข้ึนในการพจิ ารณาสัง่ หา้ มการชมุ นุม ประการที่สาม การวินิจฉัยข้อพิพาทในเรื่องขอบเขตของเสรีภาพในการ ชมุ นมุ วา่ มอี ยมู่ ากนอ้ ยเพยี งใดในการวนิ จิ ฉยั ขอ้ พพิ าทเรอ่ื งเสรภี าพในการชมุ นมุ โดย ฝ่ายตุลาการน้ัน มักจะเป็นข้อพิพาทในเร่ืองขอบเขตของการชุมนุมสาธารณะหรือ การดำ� เนนิ การของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั วา่ เปน็ ไปโดยชอบดว้ ยกฎหมายหรอื ไม่ ซงึ่ การวนิ จิ ฉยั ในประเดน็ นมี้ กั จะเปน็ ปรากฏอยใู่ นระบบการควบคมุ ภายหลงั ทไ่ี ดเ้ กดิ กรณพี พิ าทขน้ึ ก่อนแล้วและฝ่ายตุลาการจะเข้ามาท�ำหน้าท่ีช้ีขาด ซ่ึงอาจปรากฏปัญหาจากการ วินจิ ฉยั ไดใ้ นประเด็นดังต่อไปน้ี ประเดน็ แรก คอื ความคงเสน้ คงวาของแนวทางการวนิ จิ ฉัย เน่อื งจากการ ชี้ขาดข้อพิพาทเก่ียวกับเสรีภาพในการชุมนุมมักจะเป็นประเด็นปัญหาท่ีมีลักษณะ เฉพาะของการชุมนุมที่เกิดขึ้นในแต่ละคร้ัง ท�ำให้อาจมีการให้ความส�ำคัญกับ รายละเอยี ดทเ่ี กิดขนึ้ ในแต่ละคดีแตกต่างกนั ไปได้ ประเด็นท่ีสอง การวางหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยท่ีไม่มีความชัดเจนมาก เพียงพอ ดังจะพบว่า ค�ำวินิจฉัยของฝ่ายตุลาการในเรื่องเสรีภาพในการชุมนุมได้มี ความพยายามของฝ่ายตุลาการในการวางหลักเกณฑ์ที่น�ำมาปรับใช้ส�ำหรับคดีว่ามี เหตผุ ลและแนวความคดิ อยา่ งไร แตใ่ นการวางหลกั เกณฑด์ งั กลา่ วกม็ กั จะเปน็ การให้ ความหมายในลกั ษณะทว่ั ไป โดยการวางหลกั เกณฑใ์ นแตล่ ะคดนี นั้ กย็ งั คงมลี กั ษณะ เป็นนามธรรมที่ต้องอาศัยการตีความอีกเช่นเดียวกัน ซ่ึงอาจท�ำให้มีการประเมินถึง ผลทจี่ ะเกดิ ขึน้ แตกตา่ งกันไปไดใ้ นระหวา่ งฝา่ ยตลุ าการในแต่ละคดี
(15) 5. บทวิเคราะห์สภาพปัญหาของเสรีภาพการชุมนุม แนวทางการรับรอง และจ�ำกดั เสรภี าพการชมุ นุมในประเทศไทย 5.1 สภาพปญั หาของเนอื้ หา ขอบเขต เงอ่ื นไขของเสรภี าพในการชมุ นมุ 5.1.1 ข้อสังเกตในเชิงบรบิ ททม่ี ตี อ่ เสรภี าพในการชุมนมุ การชุมนุมท่ีเกิดขึ้นอย่างบ่อยคร้ังในสังคมไทยโดยเฉพาะในรอบ ทศวรรษที่ผา่ นมา ไดท้ �ำให้เกิด ความยุ่งยากติดตามมาเปน็ อย่างมาก ดงั จะพบได้วา่ แม้เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธแต่ก็อาจเป็นการชุมนุมที่มีผลกระทบ อย่างรุนแรงและกว้างขวางให้บังเกิดข้ึน ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสี/ฝ่าย นำ� มาซง่ึ การชมุ นมุ ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ประเดน็ ขอ้ ถกเถยี งเปน็ อยา่ งมาก รวมทงั้ ในการชมุ นมุ หลายคร้ังก็ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในด้านต่างๆ ซ่ึงท�ำให้เกิดค�ำถามถึงความ ชอบธรรมของการชุมนมุ ขึน้ ในหลายดา้ น ซงึ่ การชมุ นมุ ในลกั ษณะดงั กลา่ วนเี้ ปน็ ปรากฏการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ บอ่ ยครงั้ นบั ตงั้ แตค่ วามขดั แยง้ ทางการเมอื งกอ่ นหนา้ การรฐั ประหาร 19 กนั ยายน พ.ศ. 2549 สืบเนอ่ื งต่อมาจนกระท่ังเกดิ การรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 อันเป็น รูปแบบของการชุมนุมที่แตกต่างไปอย่างมากจากการชุมนุมโดยทั่วไปท่ีเกิดข้ึนใน หว้ งเวลากอ่ นหนา้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในทศวรรษ 2530 มาจนกระทง่ั ถงึ ทศวรรษ 2540 ทก่ี ารชมุ นมุ สว่ นใหญจ่ ะประกอบดว้ ยประชาชนทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจากการพฒั นาหรอื การดำ� เนนิ โครงการขนาดใหญข่ องรฐั ในพนื้ ทช่ี นบท อนั เปน็ การเรยี กรอ้ งสทิ ธใิ นการ จดั การทรพั ยากรของตนเองเปน็ สว่ นมาก หรอื เปน็ การชมุ นมุ ของผใู้ ชแ้ รงงานในการ เรยี กรอ้ งระบบการจา้ งงานทเ่ี ปน็ ธรรม ซง่ึ รปู แบบของการชมุ นมุ ในหว้ งเวลาดงั กลา่ ว ก็มีความแตกต่างเป็นอย่างมากท้ังในแง่ของจ�ำนวนผู้เข้าร่วม ระยะเวลา พื้นท่ีการ ชมุ นมุ เปา้ หมายหรอื ขอ้ เรยี กรอ้ งของการชมุ นมุ แมก้ ารชมุ นมุ ทกี่ ลา่ วมาจะปรากฏขน้ึ บอ่ ยครงั้ แตก่ เ็ ปน็ การชมุ นมุ ทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ สงั คมทมี่ ขี อบเขตจำ� กดั อนั เนอ่ื งมาจาก จ�ำนวนผู้เข้าร่วม ระยะเวลา แม้ว่าบางครั้งอาจมีการชุมนุมเป็นระยะเวลานานแต่ก็ ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยส�ำคัญต่อส่วนรวม ดังการชุมนุมของสมัชชาคนจนที่ เกิดข้ึนอย่างต่อเน่ือง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในลักษณะดังกล่าวน้ีได้ลดน้อยลง ในหว้ งเวลาทค่ี วามขดั แยง้ ทางการเมอื งระหวา่ งส/ี ฝา่ ย ไดท้ วคี วามเขม้ ขน้ ขน้ึ ปญั หา ตา่ งๆ เหลา่ นก้ี ย็ งั คงไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ขอยา่ งเปน็ ระบบ ซงึ่ สำ� หรบั ประชาชนทเี่ ผชญิ กบั ปญั หาเหลา่ นก้ี ารชมุ นมุ เปน็ วธิ กี ารทส่ี ำ� คญั ในการผลกั ดนั เพอื่ ใหเ้ กดิ การแกไ้ ขปญั หา ของตน และประเด็นนี้นับเป็นสิ่งที่จะต้องตระหนักถึงเป็นอย่างมากในกรณีที่ต้อง มีการพิจารณากฎหมายที่เก่ียวข้องกับการชุมนมุ สาธารณะในสงั คมไทย
(16) ทั้งนี้ หากพิจารณาจากปัจจัยท่ีจะส่งผลต่อรูปแบบและเน้ือหาของ การชุมนมุ ใน 3 ปัจจัยส�ำคัญทมี่ ีผลต่อการชมุ นุม จะพบวา่ มลี กั ษณะดงั น้ี ในด้านของเสถียรภาพของระบบการเมือง จะพบว่า มีการความ ไม่ม่ันใจและการโต้แย้งต่อความชอบธรรมของระบบการเมืองในระดับสูง ระบบ รัฐสภาที่มาจากการเลือกต้ังไม่สามารถสถาปนาความชอบธรรมในทางการเมืองได้ มีการเคล่ือนไหวเพ่ือคัดค้านรัฐบาล รัฐสภา รวมทั้งการพยายามปรับแก้ระบบ การเมอื งใหเ้ ปน็ ไปตามความตอ้ งการของตน ระบบการเมอื งทย่ี งั ปราศจากเสถยี รภาพ เปน็ ผลอยา่ งสำ� คญั ใหก้ ารชมุ นมุ สามารถทจ่ี ะกลายไปเปน็ รปู แบบและเนอ้ื หาทท่ี ง้ั เปน็ การสั่นคลอนตวั ระบบการเมอื งในขณะนัน้ ในดา้ นของสำ� นกึ รว่ มทางสงั คม ความแตกแยกระหวา่ งกลมุ่ /ฝา่ ยตา่ งๆ เกดิ ขน้ึ อยา่ งไพศาลซง่ึ สง่ ผลตอ่ ทรรศนะในการเมอื งทม่ี องไปยงั บคุ คลซงึ่ อยใู่ นฝา่ ยท่ี แตกต่างไปจากตนให้กลายสภาพเป็นศัตรู จึงไม่จ�ำเป็นที่จะต้องเคารพในศักด์ิศรี ความเป็นมนุษย์หรือยอมรับสิทธิเสรีภาพข้ันพื้นฐาน ความเสมอภาคตามระบอบ ประชาธปิ ไตย การขาดสำ� นกึ รว่ มกนั ทางสงั คมในฐานะพลเมอื งแหง่ รฐั ยอ่ มทำ� ใหก้ าร แสดงออกทางการเมือง เช่น การชุมนุมสามารถกระท�ำไปด้วยการใช้ความรุนแรง ในรปู แบบตา่ งๆ ใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้ ในดา้ นของความไว้วางใจต่อกลไกรฐั ส�ำหรับสังคมไทย หนว่ ยงานท่ี เก่ียวข้องกับการชุมนุมไม่ได้มีการให้ความส�ำคัญในการสร้างกลไกในการตรวจสอบ การปฏิบัติหน้าท่ีของหน่วยงานรัฐเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านต�ำรวจจะถูกมองว่าเป็น บทบาทที่มิได้มีความเป็นกลาง หากต้องอยู่ภายใต้อ�ำนาจของรัฐบาล ด้วยปัจจัย แวดล้อมในลักษณะเช่นจึงท�ำให้กลไกรัฐในสังคมไทยแปรสภาพไปเป็นฝ่ายตรงข้าม ของผู้ชมุ นุม ปัจจัยทั้ง 3 ด้านจะส่งอยา่ งส�ำคญั ต่อการรับรองและจ�ำกดั เสรีภาพ ของการชุมนุมภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ในสังคมที่มีปัจจัยทั้งสามด้านมีทิศทาง ไปในด้านบวกก็จะส่งผลให้รูปแบบการชุมนุมสามารถได้ดำ� เนินไปได้พร้อมกับการ ตระหนกั ถงึ สทิ ธเิ สรภี าพขนั้ พนื้ ฐานของบคุ คลอน่ื หรอื สงั คมสว่ นรวม แตถ่ า้ หากปจั จยั ต่างๆ เป็นไปในทางลบก็มีแนวโน้มที่จะเป็นผลให้การชุมนุมที่เกิดข้ึนน�ำไปสู่ ผลกระทบอย่างรุนแรงติดตามมาหากพิจารณาจากปัจจัยทั้ง 3 ด้าน จะพบว่า สังคมไทยอยู่ภายใต้ของบรบิ ทของความเสี่ยงอยา่ งรุนแรง เพราะในการพจิ ารณาถงึ ปจั จัยทัง้ หมดจะพบวา่ ล้วนมที ศิ ทางไปในทางด้านลบเปน็ ส่วนใหญ่ ซงึ่ สามารถเป็น ค�ำตอบได้ว่าเพราะเหตุใดในการเคล่ือนไหวในรอบทศวรรษ 2540 สืบเน่ืองมาถึง
(17) ทศวรรษ 2550 จึงกลายเป็นการชุมนุมท่ีได้สร้างความยุ่งยากให้กับสังคมไทยมา อย่างต่อเน่ือง 5.1.2 ปญั หาของเนอื้ หา ขอบเขต เงอื่ นไขของเสรภี าพในการชมุ นมุ เสรภี าพในการชมุ นมุ ภายใตร้ ะบบกฎหมายของไทยนนั้ ไดม้ บี ทบญั ญตั ิ รับรองเสรีภาพดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะเจาะจงในรัฐธรรมนูญของไทยมาอย่าง ต่อเน่ืองโดยเฉพาะอย่างย่ิงในรัฐธรรมนูญท่ีมีความมุ่งหมายให้เป็นรัฐธรรมนูญ แบบถาวร ซ่งึ ในรฐั ธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 63 ไดบ้ ญั ญตั ริ บั รองเสรีภาพในการ ชุมนุมและการจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมไว้อย่างชัดเจน แม้อาจจะมีข้อยกเว้นให้ สามารถจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมไว้ตามรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองการใช้ท่ี สาธารณะหรอื ในกรณที เ่ี ปน็ ชว่ งสถานการณท์ ไี่ มป่ กติ แตก่ ระทงั่ ปจั จบุ นั กย็ งั ไมม่ กี าร บัญญัติเก่ียวกับการชุมนุมสาธารณะบังเกิดข้ึน การชุมนุมในห้วงเวลาปัจจุบันจึงอยู่ ภายใตเ้ ง่อื นไขของการชมุ นุมโดยสงบและปราศจากอาวธุ เป็นสำ� คญั โดยทกี่ ารรบั รองเสรภี าพตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู นนั้ กำ� หนดไว้ แตเ่ พยี งเนอื้ หาของการชมุ นมุ วา่ จะตอ้ งเปน็ ไปโดยสงบและปราศจากอาวธุ ทำ� ใหก้ าร ชุมนุมภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญสามารถกระท�ำได้อย่างกว้างขวาง ซ่ึงในการ พิจารณาเกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะ หากไม่ปรากฏว่าเป็นการกระท�ำที่ขัดกับ บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู หรอื ละเมดิ ตอ่ กฎหมายอยา่ งชดั เจน หนว่ ยงานของรฐั กม็ ี ความยงุ่ ยากในการทจ่ี ะเขา้ ควบคมุ หรอื ตรวจสอบการชมุ นมุ เพราะอาจถกู กลา่ วหาวา่ เปน็ การกระทำ� ทล่ี ะเมดิ ตอ่ เสรภี าพในการชมุ นมุ ของประชาชน เสรภี าพในการชมุ นมุ ในห้วงเวลาปัจจุบันจึงยังขาดความชัดเจนถึงการจ�ำแนกการชุมนุมที่ต้องได้รับการ ตรวจสอบหรอื การหา้ ม ผลทต่ี ดิ ตามมากค็ อื ผลกระทบตอ่ บคุ คลอนื่ หรอื ประโยชนข์ อง สาธารณะหรือส่วนรวมไมไ่ ดร้ ับการคมุ้ ครองอยา่ งพอเพียง หากเปรียบเทียบกับระบบกฎหมายของหลายประเทศจะพบว่า บทบัญญัติเรื่องเสรีภาพในการชุมนุมนั้น จะไม่ได้เพียงรับรองเสรีภาพในการชุมนุม ของผู้ชุมนุมแต่เพียงฝ่ายเดียวหากยังมีการค�ำนึงถึงประโยชน์ของสาธารณะหรือ บคุ คลอน่ื ๆ ทอี่ าจไดร้ บั ผลกระทบตดิ ตามมาจากการชมุ นมุ ซงึ่ ในหลายประเทศกไ็ ดม้ ี บทบัญญัติจ�ำแนกให้มีการชุมนุมที่สามารถกระท�ำได้อย่างเสรีและการชุมนุมที่มี เงอื่ นไขจะตอ้ งปฏบิ ตั กิ อ่ นบางประการ สำ� หรบั การชมุ นมุ ทสี่ ามารถกระทำ� ไดโ้ ดยไมม่ ี เงอื่ นไขใดกำ� กบั กจ็ ะเปน็ การชมุ นมุ ทกี่ ระทำ� ขนึ้ ในลกั ษณะเฉพาะกลมุ่ ไมไ่ ดก้ ระทำ� ขนึ้ ในพื้นทส่ี าธารณะ แตส่ ำ� หรับการชุมนมุ ที่สามารถสง่ ผลกระทบตอ่ ส่วนรวมก็จะเป็น การชุมนุมท่ีทางฝ่ายผชู้ ุมนมุ ต้องด�ำเนนิ การกอ่ นท่ีจะได้มกี ารชมุ นุม
(18) ดงั นน้ั ประเดน็ เบอ้ื งตน้ สำ� หรบั การพจิ ารณาประเดน็ เสรภี าพของการ ชุมนุมในระบบกฎหมายไทยน้ัน จ�ำเป็นท่ีจะต้องมีการจ�ำแนกการชุมนุมที่สามารถ ส่งผลกระทบตอ่ สว่ นรวมและการชมุ นมุ ท่ไี ม่ส่งผลกระทบหรือมคี วามเป็นไปได้นอ้ ย ท่ีจะส่งผลกระทบต่อส่วนรวม โดยการจ�ำแนกประเภทของการชุมนุมจะท�ำให้มี มาตรการบางประการตดิ ตามมาสำ� หรบั ทางฝา่ ยผชู้ มุ นมุ หรอื ผจู้ ดั การชมุ นมุ อนั เปน็ ระบบการบรหิ ารจดั การกอ่ นซง่ึ จะทำ� ใหเ้ กดิ การตรวจสอบตอ่ การชมุ นมุ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ซึ่งสามารถเป็นไปไดท้ งั้ รปู แบบของการแจ้งเพ่อื ทราบและการขออนุญาต 5.2 แนวทางแกไ้ ขสภาพปญั หาทางกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การรบั รอง และจ�ำกดั เสรภี าพในการชมุ นมุ 5.2.1 สภาพปัญหาทางกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการรับรองและ จำ� กดั เสรภี าพในการชุมนุม ในการรับรองเสรีภาพและการจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมภายใต้ ระบบกฎหมายของไทยนัน้ ปรากฏวา่ มีเพยี งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ทใ่ี หก้ ารรบั รองเสรภี าพในการชมุ นมุ ไวอ้ ยา่ งชดั เจน รวมทงั้ เปดิ โอกาสใหส้ ามารถจำ� กดั เสรภี าพในการชมุ นมุ ดว้ ยบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายทเ่ี กยี่ วกบั การชมุ นมุ สาธารณะหรอื กฎหมายอ่ืนๆ ท่ีมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของส่วนรวม แต่ก็ยังไม่มี กฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั การชมุ นมุ โดยตรงไดร้ บั การบญั ญตั ขิ น้ึ กฎหมายทถ่ี กู นำ� มาใชบ้ งั คบั เกี่ยวกับการชุมนุมในห้วงเวลาปัจจุบันจึงเป็นกฎหมายท่ีมิได้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ การชมุ นมุ โดยตรง ดงั จะปรากฏในกฎหมายท่มี ี 2 รูปแบบสำ� คัญ คือ รปู แบบแรก กฎหมายทใ่ี หอ้ ำ� นาจเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ในการหา้ มการชมุ นมุ อนั ประกอบด้วย พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 พระราชก�ำหนดบรหิ าร ราชการในสถานการณฉ์ กุ เฉนิ พ.ศ. 2548 และพระราชบญั ญตั กิ ารรกั ษาความมนั่ คง ภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 แต่การใช้อ�ำนาจตามกฎหมายน้ีในการควบคุม การชมุ นมุ มีปญั หา ดงั ต่อไปน้ี ประการแรก เมอ่ื พจิ ารณาถึงกฎหมายในกลุ่มนี้จะเปน็ การบงั คับใช้ เมอ่ื สถานการณโ์ ดยรวมของประเทศหรอื ในบางพน้ื ทต่ี อ้ งเผชญิ สถานการณท์ ไี่ มป่ กติ และเห็นได้ชัดเจนว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบต่อประโยชน์สาธารณะหรือ ความม่ันคงของรัฐ การบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้ในการห้ามการชุมนุมจึงเป็นส่ิงท่ี ไม่สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ของกฎหมาย
(19) ประการที่สอง รูปแบบของวิธีการในการปฏิบัติการตามกฎหมาย เหล่าน้ีจะเป็นการใช้ก�ำลังทั้งหน่วยงานของต�ำรวจและรวมถึงทหารท่ีไม่มีความ เชี่ยวชาญในการปฏิบัติหน้าท่ีได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ อนั อาจนำ� มาซงึ่ การสูญเสียหรือความเสยี หายเกิดข้นึ อย่างรนุ แรงให้บังเกิดข้นึ ได้ ประการท่ีสาม การขาดการตรวจสอบและความรับผิดเนื่องจาก กฎหมายบางฉบับไดย้ กเวน้ ใหเ้ จ้าหนา้ ที่รัฐไมต่ อ้ งมีความรบั ผดิ ในปฏิบัตกิ ารของตน ท�ำให้เมื่อเกิดความเสียหายหรือความสูญเสียข้ึน อันเน่ืองจากการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าทีร่ ัฐแต่กลับไมต่ ้องมคี วามรบั ผดิ เกิดขนึ้ รปู แบบทส่ี องกฎหมายทเ่ี ปน็ อปุ สรรคตอ่ การชมุ นมุ กฎหมายประเภทน้ี เปน็ กลมุ่ กฎหมายทไี่ มไ่ ดใ้ หอ้ ำ� นาจในการสง่ั หา้ มการชมุ นมุ แกเ่ จา้ หนา้ ทรี่ ฐั หรอื เปน็ กฎหมายท่ีให้อ�ำนาจในการก�ำหนดว่าการชุมนุมเป็นความผิดอย่างชัดเจนแต่มักถูก หน่วยงานภาครัฐใช้มาด�ำเนินคดีกับผู้ชุมนุม เช่น ความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา พระราชบญั ญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ. 2522 พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ การโฆษณา โดยใชเ้ คร่อื งขยายเสยี ง พ.ศ. 2493 เปน็ ต้น การน�ำกฎหมายเหล่าน้มี าบงั คบั ใชก้ ับ ประเดน็ เสรภี าพในการชุมนุมท�ำให้ มีปัญหา ดังต่อไปน้ี ประการแรก กฎหมายเหล่านี้มุ่งควบคุมการกระท�ำท่ีละเมิดต่อ กฎหมายแตล่ ะประเภทโดยตรง ซงึ่ การกระทำ� เหลา่ นแ้ี ตกตา่ งไปจากการใชเ้ สรภี าพ ในการชุมนุมถือว่าอันเป็นการใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรองรับไว้ อันอาจ ท�ำให้เป็นการกระท�ำท่ีเป็นความผิดตามกฎหมายเหล่านี้เกิดข้ึนสืบแต่ก็จะเป็นผล สบื เนอ่ื งมาจากการใชส้ ทิ ธิตามรัฐธรรมนูญ ประการท่ีสอง มีความไม่สม่�ำเสมอในการบังคับใช้กฎหมายเหล่าน้ี โดยเจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐ ซ่งึ เจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐอาจตง้ั ข้อกลา่ วหาแกผ่ ูช้ ุมนุมบางกลุม่ ดว้ ย บางขอ้ หา ในขณะทไ่ี ม่มกี ารตง้ั ข้อกล่าวหาแก่ผู้ชมุ นมุ บางกลมุ่ เม่ือพิจารณาถึงกฎหมายท้ัง 2 รูปแบบ ก็จะพบว่าเป็นกฎหมาย ทไี่ มส่ ามารถนำ� มาปรบั ใชก้ บั การชมุ นมุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เนอ่ื งจากมไิ ดเ้ ปน็ กฎหมาย ที่มิได้ถูกออกแบบมาบังคับส�ำหรับการชุมนุมเป็นการเฉพาะ ในการบังคับใช้ก็จะมี การละเมิดต่อเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนเกิดข้ึน จึงจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีการ ปรับปรุงระบบกฎหมายที่เก่ียวข้องกับการชุมนุมท่ีมีความเข้าใจถึงลักษณะของการ ใช้เสรีภาพในชุมนุมพร้อมกับการค�ำนึงถึงผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวมท่ีจะต้อง ได้รบั การปกปอ้ งไปพร้อมกัน
(20) 5.2.2 แนวทางแก้ไขสภาพปัญหาทางกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับ การรบั รองและจำ� กัดเสรภี าพในการชุมนมุ ส�ำหรับแนวทางในการแก้ไขกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับการรับรองและ จำ� กดั เสรีภาพในการชมุ นมุ น้ัน มีประเด็นเสนอดงั ตอ่ ไปน้ี ประการแรก จ�ำเป็นที่จะต้องมีการบัญญัติกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับ เสรีภาพในการชุมนุมขึ้นมาเป็นการเฉพาะ แม้รัฐธรรมนูญจะได้มีบทบัญญัติรับรอง เสรีภาพในการชุมนุมแต่เป็นการรับรองในเชิงหลักการท่ัวไปที่จ�ำเป็นต้องมีการ กำ� หนดถงึ รายละเอยี ดเพม่ิ มากขนึ้ และรปู แบบของกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การชมุ นมุ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ไม่มีความสอดคล้องกับลักษณะของการชุมนุม เน่ืองจากเป็น กฎหมายทใี่ ชก้ บั สถานการณอ์ นื่ ๆ ทำ� ใหบ้ ทบญั ญตั ขิ องกฎหมายมไิ ดค้ ำ� นงึ ถงึ หลกั การ ของเสรีภาพในการชมุ นมุ และการบังคับใช้กฎหมายเหล่านน้ั กน็ ำ� มาซ่ึงปญั หาต่างๆ เพม่ิ มากขนึ้ จงึ ควรทจี่ ะตอ้ งมกี ารบญั ญตั กิ ฎหมายทร่ี บั รองเสรภี าพในการชมุ นมุ ขนึ้ มา โดยตรง ประการทส่ี อง ตอ้ งมีการจำ� แนกการชมุ นุมระหว่างการชมุ นมุ ท่เี ป็น เสรีภาพอันสมบูรณ์กับการชุมนุมซ่ึงอาจส่งผลกระทบต่อสาธารณะหรือส่วนรวม ใหเ้ กดิ ขนึ้ ทง้ั นี้ สำ� หรบั การชมุ นมุ ทอี่ าจสง่ ผลกระทบตอ่ สว่ นรวมหรอื สาธารณะควรท่ี จะต้องน�ำเอาระบบการบริหารจัดการก่อนเข้ามาเป็นกระบวนการในการตรวจสอบ ซง่ึ เงอ่ื นไขในการพจิ ารณาเกย่ี วกบั การชมุ นมุ วา่ จะสง่ ผลกระทบตอ่ สาธารณะหรอื ไม่ สามารถน�ำปัจจัยต่างๆ เหล่าน้ีมาพิจารณาประกอบ คือ สถานท่ี บุคคลผู้เข้าร่วม ระยะเวลา ลักษณะของการชมุ นมุ และนอกจากนี้ในกรณขี องสังคมไทย การชมุ นุม ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมในห้วงทศวรรษที่ผ่านมาเป็นการชุมนุมในทาง การเมือง การออกกฎหมายเพ่ือจ�ำแนกการชุมนุมจึงควรต้องให้ความส�ำคัญไปที่ การชุมนมุ ทางการเมืองเป็นหลกั ประการทสี่ าม โดยรปู แบบทจี่ ะมคี วามเหมาะสมตอ่ การนำ� มาปรบั ใช้ ในสังคมไทย คือ ระบบการแจ้งเพ่ือทราบ เนื่องจากระบบการขออนุญาตนั้นอาจ ทำ� ใหเ้ จา้ หนา้ ทรี่ ฐั มคี ำ� สง่ั ไปในทศิ ทางทล่ี ะเมดิ ตอ่ เสรภี าพในการชมุ นมุ ของประชาชน เฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมในสังคมไทยในห้วงเวลาปัจจุบันมักเป็นการชุมนุมท่ีมี ความเหน็ แตกตา่ งจากรฐั บาลหรอื หนว่ ยงานรฐั อยา่ งไรกต็ าม อำ� นาจของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั ภายใต้ระบบการแจ้งเพื่อทราบน้ีสามารถส่ังห้ามการชุมนุมได้ ในกรณีที่มีเหตุผล หรือมีความชัดเจนอย่างเพียงพอว่า การชุมนุมท่ีนั้นจะท�ำให้เกิดความวุ่นวายหรือ สง่ ผลกระทบตอ่ ส่วนรวม แต่อ�ำนาจในการสั่งห้ามการชมุ นมุ จะต้องอยภู่ ายใต้กรอบ
(21) ดลุ พนิ จิ และมเี หตผุ ลรองรบั อยา่ งชดั เจน เพอ่ื มใิ หเ้ ปน็ การใชอ้ ำ� นาจของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั อย่างกว้างขวางจนกลายเป็นระบบการแจ้งเพื่อทราบในทางนิตินัยแต่เป็นระบบ ขออนุญาตในทางปฏิบตั ิจริง ส�ำหรับการชุมนุมที่ได้มีการแจ้งกับหน่วยงานรัฐเพื่อให้ทราบถึง รายละเอียดของการชุมนุมแล้วก็ต้องมีการให้ความคุ้มครองกับการชุมนุมที่จะได้ เกิดขึ้น ดว้ ยการบญั ญัติใหก้ ารกระทำ� ใดๆ ทีเ่ ปน็ การคุกคามหรือขดั ขวางการชุมนุม เปน็ ความผดิ ทต่ี อ้ งไดร้ บั การลงโทษ กรณเี ชน่ นจ้ี ะทำ� ใหก้ ารชมุ นมุ เปน็ เสรภี าพทไ่ี ดร้ บั การปกปอ้ งจากกฎหมาย ประการที่ส่ี ต้องมีระบบตรวจสอบค�ำวินิจฉัยในการส่ังห้ามของ เจ้าหน้าที่รัฐท่ีรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ แม้ในระบบของการแจ้งเพ่ือทราบจะ ให้อ�ำนาจแก่เจ้าหน้าท่ีรัฐในการสั่งห้ามการชุมนุมได้ในกรณีท่ีมีความชัดเจนว่า การชมุ นมุ ดังกล่าวอาจสรา้ งผลกระทบใหบ้ ังเกดิ ข้นึ ต่อส่วนรวม แตใ่ นขณะเดยี วกนั ก็จ�ำเป็นท่ีจะต้องมีระบบการตรวจสอบค�ำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ เพ่ือเปิดโอกาสให้มี การโตแ้ ยง้ ในกรณที ฝี่ ่ายผู้ทจ่ี ะจดั การชมุ นมุ ไมเ่ ห็นด้วยกบั ค�ำสัง่ ดงั กล่าว ประการท่ีห้า กฎหมายท่ีให้อ�ำนาจแก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐในการห้าม การชุมนุมในสถานการณ์ท่ีไม่ปกติต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้มีความรัดกุมมาก ยิ่งข้นึ ในการประกาศใช้ เน่ืองจากการประกาศใช้กฎหมายเหล่านี้จะเป็นการคกุ คาม และสน่ั คลอนตอ่ เสรภี าพในการชมุ นมุ อยา่ งชดั เจน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ พระราชบญั ญตั ิ 3 ฉบบั คอื พระราชบญั ญตั กิ ฎอยั การศกึ พ.ศ. 2457 พระราชกำ� หนดบรหิ ารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และพระราชบญั ญัตกิ ารรกั ษาความม่นั คงภายใน ราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ต้องมีการก�ำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนและเปิดโอกาสให้มี การโต้แย้งต่อการประกาศใช้กฎหมายท้ัง 3 ฉบับ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้ ดลุ พินิจวา่ ดำ� เนนิ ไปอยา่ งเหมาะสมหรือไม่ 5.3 สภาพปัญหาของบทบาทและอ�ำนาจหน้าท่ีของฝ่ายตุลาการ ในเรื่องเสรภี าพในการชมุ นมุ และแนวทางแกไ้ ข 5.3.1 สภาพปญั หาของบทบาทและอำ� นาจหนา้ ทขี่ องฝา่ ยตลุ าการ ในเรอื่ งเสรภี าพในการชมุ นมุ เมอื่ พจิ ารณาจากระบบกฎหมายในเรอ่ื งเสรภี าพในการชมุ นมุ แลว้ จะ พบว่า บทบาทและอ�ำนาจหนา้ ท่ีของฝา่ ยตุลาการมีประเดน็ ทคี่ วรพจิ ารณา ดังนี้ ประการแรก ไม่สามารถมีบทบาทในเชงิ ป้องกนั ผลกระทบลว่ งหน้า เนื่องจากระบบกฎหมายของไทยในเรื่องเสรีภาพในการชุมนุมจะ
(22) เปน็ รปู แบบของการควบคมุ ภายหลงั ทำ� ใหฝ้ า่ ยตลุ าการเขา้ มามบี ทบาทได้ เมอ่ื มกี าร ชุมนุมเกิดข้ึนรวมทั้งกลายเป็นประเด็นข้อพิพาทเกิดขึ้นว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็น การกระท�ำท่ีสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หน้าท่ีขององค์กร ตุลาการจึงเป็นไปได้เฉพาะเพียงการวินิจฉัยเหตุการณ์ท่ีได้เกิดข้ึนแล้ว แต่จะ ไมส่ ามารถมบี ทบาทในเชงิ ของการปอ้ งกนั ลว่ งหนา้ ในกรณที ม่ี เี หตผุ ลรองรบั เพยี งพอ ว่าการชุมนุมนนั้ จะก่อให้เกิดผลกระทบอยา่ งรนุ แรงติดตามมาตอ่ สังคม ประการท่ีสอง ข้อจ�ำกัดในการคุ้มครองผลประโยชน์ของส่วนรวม หรอื บคุ คลอ่นื ทไ่ี ดร้ ับผลกระทบจากการชุมนุม หากพจิ ารณาถงึ ลกั ษณะของขอ้ พพิ าททขี่ น้ึ สกู่ ารวนิ จิ ฉยั ของศาลกจ็ ะ เป็นขอ้ โต้แย้งระหวา่ งฝา่ ยผชู้ มุ นมุ กบั เจา้ หน้าทรี่ ัฐเป็นสำ� คญั โดยประเด็นขอ้ พิพาท ส�ำคัญก็คือ ผู้ชุมนุมได้ชุมนุมอยู่ภายใต้ขอบเขตที่รัฐธรรมนูญก�ำหนดไว้หรือไม่ ในขณะทีข่ อ้ โตแ้ ยง้ กับฝ่ายเจา้ หน้าทีร่ ัฐกค็ ือวา่ การออกค�ำสั่ง ปฏบิ ตั ิการหรือการใช้ ก�ำลังของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีความเหมาะสมตาม บทบัญญัติของกฎหมายหรือไม่ ขณะท่ีสิทธิของผู้ได้รับผลกระทบหรือความสงบ เรียบร้อยของฝ่ายอื่นๆ จะไม่ได้รับการค�ำนึงมากเพียงพอในการวินิจฉัยช้ีขาด เพราะฉะนน้ั ภายใตร้ ะบบการควบคมุ ภายหลงั ในระบบกฎหมายของไทย ประโยชน์ ของส่วนรวมหรอื บุคคลอืน่ ๆ ทีไ่ ม่ได้เขา้ มาเกย่ี วขอ้ งโดยตรงจงึ ไม่ได้รับการคุ้มครอง อยา่ งเพยี งพอ ประการที่สาม ปัญหาในด้านของกระบวนวิธีพิจารณาท่ีไม่มีระยะ เวลาอันชดั เจน เน่ืองจากข้อพิพาทท่ีขึ้นสู่การพิจารณาขององค์กรตุลาการแต่ละ ประเภท ไมว่ า่ จะเปน็ ศาลรฐั ธรรมนญู ศาลปกครอง หรอื ศาลยตุ ธิ รรม จะเปน็ องคก์ ร ที่มหี นา้ ที่ในการพจิ ารณาคดีตามขอบเขตของหน่วยงานตน และโดยที่ไม่มกี ฎหมาย กำ� หนดเกยี่ วกบั กระบวนการในการพจิ ารณาอนั ชดั เจน ทำ� ใหก้ ารพจิ ารณาขอ้ พพิ าท ในประเด็นเสรีภาพในการชุมนุมก็จะเป็นไปตามข้อก�ำหนดของศาลแต่ละประเภท ซง่ึ คดที เ่ี กย่ี วกบั เสรภี าพใน การชมุ นมุ บางประเภทนน้ั ระยะเวลาในการพจิ ารณาอาจ ไม่เป็นประเด็นส�ำคัญของคดีแต่อย่างใด เช่น การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นการสลายการชมุ นมุ อนั ไมช่ อบดว้ ยกฎหมายของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั เปน็ ตน้ แตใ่ นขอ้ พพิ าททเ่ี กยี่ วกบั การชมุ นมุ บางแงม่ มุ นนั้ มคี วามสำ� คญั ทค่ี วร จะตอ้ งไดร้ บั การพจิ ารณาอยา่ งเรง่ ดว่ น เชน่ การชมุ นมุ ทไ่ี ดม้ กี ารจดั ขน้ึ นนั้ ถอื วา่ เปน็ การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธหรือไม่ หรือเป็นการชุมนุมท่ีอยู่ภายใต้การ
(23) รับรองของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นต้น ข้อพิพาทในกรณีเช่นน้ีจ�ำเป็นต้องได้รับ การพิจารณาอย่างเร่งด่วนให้ทันกับสถานการณ์ ทั้งเพื่อเป็นการคุ้มครองต่อบุคคล ผู้เข้าร่วมการชุมนุมในกรณีที่การชุมนุมน้ันอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ และ เพอื่ เปน็ การคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพหรอื ความมน่ั คงของสงั คม แมว้ า่ ในศาลบางประเภท อาจมกี ารใชม้ าตรการให้การคุ้มครองชว่ั คราวในกรณที ่เี หน็ ว่ามีความจำ� เปน็ เรง่ ดว่ น แต่กรณีดังกล่าวก็เป็นดุลพินิจของศาลในแต่ละคดีไปซึ่งอาจท�ำให้ต้องขึ้นอยู่กับ รายละเอยี ดของแตล่ ะคดี รวมทง้ั ความเหน็ ของผพู้ พิ ากษาในคดนี น้ั ๆ วา่ จะมมี มุ มอง อยา่ งไรกบั การชมุ นมุ ทเี่ กดิ ขน้ึ กรอบระยะเวลาในการพจิ ารณาคดเี กย่ี วกบั การชมุ นมุ จงึ มคี วามส�ำคัญเป็นอย่างยิ่ง ประการทส่ี ่ี จะสามารถวนิ จิ ฉยั ไดเ้ ฉพาะประเดน็ ทพี่ พิ าท แตป่ ระเดน็ ท่ีไมเ่ ปน็ ข้อพิพาทก็จะยงั คงมีความคลมุ เครือ ข้อจ�ำกัดประการหน่ึงของระบบการควบคุมภายหลัง คือ หากมี ประเดน็ เปน็ ขอ้ พพิ าทเกดิ ขน้ึ สกู่ ารพจิ ารณาคดขี องศาลกจ็ ะมวี นิ จิ ฉยั ชขี้ าดในประเดน็ ทเี่ ปน็ ขอ้ โตแ้ ยง้ กนั อนั จะเปน็ การทำ� ใหเ้ กดิ ความกระจา่ งตอ่ ขอ้ สงสยั ในขอ้ พพิ าทของ คู่กรณี และอาจรวมไปถึงความรับผิดท่ีจะติดตามมาหากการกระท�ำที่เก่ียวข้องกับ การชุมนุมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้ชุมนุมหรือเจ้าหน้าท่ีรัฐก็ตาม อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก การชมุ นมุ เปน็ กจิ กรรมทางการเมอื งทม่ี กี ระบวนการ ขนั้ ตอนและรายละเอยี ดตา่ งๆ เป็นจ�ำนวนมาก ซ่ึงหากประเด็นเหล่าน้ีไม่ได้ถูกหยิบยกข้ึนข้อโต้แย้งในการวินิจฉัย ของศาลก็จะท�ำให้เป็นความคลุมเครือว่า การกระท�ำท่ีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมใน กระบวนการหรือข้ันตอนตา่ งๆ นนั้ สามารถกระทำ� ไดห้ รือไม่ เชน่ การจัดวางหน่วย รกั ษาความปลอดภยั ของผชู้ มุ นมุ และการตรวจตราบคุ คลทเี่ ขา้ ไปในบรเิ วณใกลเ้ คยี ง การใช้ผ้าปิดหน้าอ�ำพรางตนเองในการชุมนุม การปิดกั้นการจราจรในขณะที่ต้อง มีการเคลื่อนขบวนไปยังสถานท่ีต่างๆ การเข้าไปปิดกั้นทางเข้าออกของหน่วยงาน ราชการ การตดิ ตามและรบกวนบคุ คลซง่ึ ตกเปน็ เปา้ หมายของฝา่ ยผชู้ มุ นมุ ในลกั ษณะ ตา่ งๆ การไปใชส้ ถานทข่ี องหนว่ ยงานรฐั เปน็ ทชี่ มุ นมุ โดยเปดิ ใหย้ งั คงสามารถทำ� งานได้ เป็นตน้ ซ่ึงปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นที่สร้างความยุ่งยากเพ่ิม มากขึ้น อันเน่ืองมาจากเมื่อไม่ได้เป็นข้อพิพาทเพ่ือให้มีการวินิจฉัยในกระบวนการ หรือปฏิบัติการเหล่านั้น การชุมนุมท่ีเกิดข้ึนในภายหลังก็อาจใช้รูปแบบหรือวิธีการ ในลกั ษณะเดยี วกนั กบั ทไี่ ดเ้ คยเกดิ ขน้ึ ยงิ่ หากเปน็ การกระทำ� ทม่ี ผี ลกระทบอยา่ งมาก ก็จะย่ิงเท่ากับว่าเสรีภาพในการชุมนุมได้กลายเป็นส่ิงท่ีก�ำลังส่ันคลอนต่อสิทธิและ เสรีภาพของบุคคลอืน่ ๆ ที่อยู่รว่ มในสงั คมลงไป
(24) 5.3.2 แนวทางแก้ไขสภาพปัญหาของบทบาทและอ�ำนาจหน้าที่ ของฝา่ ยตุลาการในเรอ่ื งเสรีภาพในการชุมนุม ในการพจิ ารณาถงึ แนวทางแกไ้ ขสภาพปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ จงึ จะออกแบง่ เปน็ 2 ลักษณะด้วยกัน คือ ประการแรก แนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระหว่างท่ียังไม่มี บทบัญญตั ิทเ่ี กยี่ วกับการชมุ นมุ โดยตรงเกิดขนึ้ ประเด็นส�ำคญั ในการด�ำเนนิ บทบาท หน้าท่ีของฝ่ายตุลาการนอกจากการค�ำนึงถึงเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน อำ� นาจหนา้ ที่ของเจา้ หน้าท่รี ฐั ในการจดั การกบั การชมุ นุมแล้ว กย็ ังควรต้องให้ความ ส�ำคัญกับประโยชน์ของสังคมหรือสาธารณะท่ีอาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการวินิจฉัยช้ีขาดข้อพิพาทในคดี เพ่ือให้เกิดการเคารพ อย่างเท่าเทียมทั้งต่อเสรีภาพในการชุมนุมและสิทธิของบุคคลอ่ืนๆ หรือประโยชน์ สาธารณะ เพราะการใหค้ วามสำ� คญั กบั เสรภี าพในการชมุ นมุ หรอื ประโยชนข์ องสงั คม ส่วนรวมด้านใดด้านหน่ึงจนมากเกินไปก็อาจน�ำมาซึ่งผลเสียได้ท้ังส้ิน จึงควรต้องมี การถ่วงดุลระหว่างการชมุ นุมและผลกระทบท่ีจะเกิดข้นึ อยา่ งรอบคอบ ในสว่ นของกระบวนวธิ พี จิ ารณาในคดที มี่ ขี อ้ พพิ าทเกยี่ วกบั การชมุ นมุ ขน้ึ สกู่ ารพจิ ารณา ฝา่ ยตลุ าการตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ ระยะเวลาในการพจิ ารณาเปน็ อย่างมาก เน่ืองจากระยะเวลาเป็นปัจจัยท่ีมีความส�ำคัญท้ังต่อการปกป้องเสรีภาพ ในการชมุ นุมและประโยชนส์ ขุ ของสงั คมส่วนรวม ประการที่สอง แนวทางแก้ไขปญั หาในระยะยาว สำ� หรบั แนวทางแกไ้ ขสภาพปญั หาของบทบาทและอำ� นาจหนา้ ทข่ี อง ฝา่ ยตลุ าการในเรอื่ งเสรีภาพในการชุมนมุ ในระยะยาวน้ัน เปน็ ประเด็นทส่ี ัมพันธก์ ับ การออกแบบระบบกฎหมายเพ่ือจัดการกับเสรีภาพในการชุมนุมอย่างไม่อาจ หลกี เลยี่ ง ซง่ึ ในกฎหมายดงั กลา่ วกค็ วรจะประกอบดว้ ยการควบคมุ หรอื การตรวจสอบ การชมุ นมุ ใหด้ ำ� เนนิ ไปโดยสอดคลอ้ งกบั เสรภี าพของการชมุ นมุ ในระบอบประชาธปิ ไตย และในขณะเดียวกันก็จะให้ฝ่ายตุลาการสามารถเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบ การใชด้ ลุ พนิ จิ ของเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ทมี่ ตี อ่ การชมุ นมุ เฉพาะอยา่ งยงิ่ ในกรณที เี่ จา้ หนา้ ทร่ี ฐั ได้ส่ังห้ามการชุมนุม อันจะเป็นการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐอีก ขน้ั ตอนหน่ึง ซงึ่ บทบาทของฝา่ ยตุลาการในลกั ษณะเช่นนีก้ ็เป็นสงิ่ ท่ีเกิดข้นึ ในระบบ กฎหมายของหลายประเทศ อันจะเป็นส่วนส�ำคัญต่อการวางแนวทางการปฏิบัติ ทงั้ ของฝา่ ยผูช้ ุมนุมและเจา้ หน้าทขี่ องรัฐใหม้ คี วามชดั เจนข้ึน
(25) สารบญั หน้า บทสรุปผ้บู รหิ าร.......................................................................................... (1)-(24) บทท่ี 1 บทน�ำ.......................................................................................................1 1.1 หลักการและเหตผุ ล........................................................................1 1.2 ค�ำถามงานวิจยั ................................................................................3 1.3 วตั ถุประสงค์....................................................................................3 1.4 ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ..............................................................4 1.5 ขอบเขตงานวจิ ยั ..............................................................................4 1.6 ระเบียบวิธีวจิ ยั ................................................................................5 1.6.1 วจิ ยั เอกสาร (Documentary Research)...........................6 1.6.2 เสวนากลุม่ ...........................................................................7 1.6.3 จดั ประชุมรับฟงั ความคิดเหน็ ...............................................8 1.7 ข้ันตอนการวจิ ยั ...............................................................................8 บทท่ี 2 แนวคิด ทฤษฏีและงานวิจยั ทีเ่ กยี่ วข้อง...............................................10 2.1 แนวคิด ทฤษฎ.ี..............................................................................10 2.1.1 แนวคิดเสรนี ยิ มทางการเมอื งและประชาธปิ ไตย................10 (Political Liberalism and Democracy) 2.1.2 แนวคดิ เก่ยี วกบั เสรีภาพในการชุมนมุ .................................15 2.1.3 แนวคิดวา่ ด้วยการเมืองภาคประชาชน...............................20 (Concept of People’s Politic) 2.1.4 แนวคดิ ว่าดว้ ยกฎหมายกบั สงั คม........................................28 (Concept of Law and Society) 2.2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง.....................................................30 2.2.1 หลกั การและแนวปฏบิ ัตแิ ห่งเสรีภาพในการชุมนุม.............30 2.2.2 การชุมนมุ กับสงั คมการเมือง..............................................36 บทที่ 3 เสรภี าพในการชมุ นุมของประเทศฝรั่งเศส...........................................52 3.1 บรบิ ททางการเมือง เศรษฐกจิ และสังคม ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั ..............53 การชุมนมุ ของประเทศฝรงั่ เศส
(26) สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ 3.1.1 การปฏิวัติ 1789 : การสรา้ ง “ธรรมเนียมการปฏวิ ัติ”.......56 3.1.2 สาธารณรฐั ท่ี 3 (ค.ศ. 1870-1940) : การลงรากฐาน.........58 ของระบอบเสรปี ระชาธปิ ไตยแบบสาธารณรัฐ 3.1.3 สาธารณรฐั ที่ 4 (ค.ศ. 1946-1958) : ความต่อเนือ่ ง..........62 ของความไรเ้ สถยี รภาพทางการเมอื ง 3.1.4 สาธารณรัฐท่ี 5 : เสถียรภาพทางการเมือง.........................64 และความเขม้ แข็งของฝ่ายบริหาร 3.2 แนวโนม้ และรปู แบบของการชุมนุม...............................................70 3.2.1 ชว่ งที่ 1 : ค.ศ. 1789-1870 : การชุมนุมประท้วง..............70 ภายใต้ความรนุ แรง 3.2.2 ช่วงที่ 2 : ค.ศ. 1870-1940 : ความเปน็ เอกเทศ................73 ของการชมุ นมุ ประท้วงจากการลม้ ระบบการปกครอง 3.2.3 ชว่ งที่ 3 (ค.ศ.1940-1980): การชมุ นมุ ประท้วง.................79 ในฐานะเครอ่ื งมอื ตอ่ ตา้ นอ�ำนาจและเรยี กร้อง ความเปล่ียนแปลง 3.2.4 ช่วงที่ 4 (ค.ศ. 1980- ปัจจุบัน) : ความแพร่หลาย..............85 และการเป็น “ประชามตทิ ่รี ิเร่ิมโดยประชาชน” ของการชมุ นุมประทว้ งโดยสงบ 3.3 กฎหมายวา่ ด้วยการชมุ นุมสาธารณะและการประทว้ ง..................92 ของประเทศฝรง่ั เศส 3.3.1 ววิ ฒั นาการของกฎหมายเกี่ยวกับการชมุ นมุ ......................93 และการประทว้ งของประเทศฝร่งั เศส 3.3.2 กฎหมายเกย่ี วกบั การชมุ นุมและการประทว้ ง.....................97 ในปัจจบุ นั 3.4 บทบาทและอ�ำนาจหน้าท่ีของฝ่ายตลุ าการที่เก่ียวขอ้ งกบั .......... 122 เสรีภาพในการชุมนมุ และการประท้วง 3.4.1 บทบาทของศาลตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ............... 122 ทีม่ ผี ลผูกพนั ประเทศฝรั่งเศส
(27) สารบัญ (ต่อ) หนา้ 3.4.2 บทบาทของศาลภายในของประเทศฝรั่งเศส................... 127 3.5 ภาพรวมของการรับรองและการจ�ำกดั เสรภี าพ.......................... 137 ในการชมุ นุมและการประท้วงตามกฎหมายฝร่ังเศส 3.5.1 สถานะของเสรีภาพในการชุมนมุ และการประท้วง.......... 137 ตามกฎหมายฝรั่งเศส: เสรภี าพระดับรัฐบญั ญตั ทิ ี่ไดร้ ับ ความคุ้มครองภายใตก้ รอบของกฎหมายระหว่างประเทศ 3.5.2 ระบอบของเสรภี าพในการชมุ นมุ และการประท้วง.......... 139 ตามกฎหมายฝร่งั เศส: การผอ่ นคลายการควบคุม การใช้เสรภี าพ ภายใต้เงอ่ื นไขความเคารพบทบัญญตั ิ ของกฎหมาย 3.5.3 แนวโนม้ การตีความเสรีภาพในการชมุ นมุ ....................... 142 และการประทว้ งโดยศาลและองคก์ รตลุ าการ บทท่ี 4 เสรีภาพในการชุมนุมของสหรัฐอเมริกา............................................ 150 4.1 บริบททางการเมือง เศรษฐกจิ และสังคม ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับ........... 150 การชุมนุมของประเทศสหรัฐอเมรกิ า 4.1.1 ช่วงแรก – ก่อนปี 1945: จากยคุ ฟน้ื ฟมู าส.ู่ .................... 151 หลังสงครามโลกครง้ั ทีส่ อง 4.1.2 ช่วงทีส่ อง – ระยะ ค.ศ.1945 – 1964............................ 160 ยุคแห่งความรุนแรงและความเงียบกับแสงสวา่ ง ท่ปี ลายอโุ มงค์ 4.1.3 ชว่ งท่สี าม – ระยะ ค.ศ.1964 – 1980............................ 163 ยุคแหง่ การเรยี กรอ้ งและความรนุ แรง 4.1.4 ช่วงท่สี ี่ – ระยะ ค.ศ.1980 – 2001................................ 168 4.1.5 ชว่ งปจั จุบัน ต้นศตวรรษท่ี 21......................................... 172 4.1.6 ลักษณะและอิทธพิ ลจากสภาพทางสงั คม........................ 174 เศรษฐกิจและการเมอื งตอ่ การเคลื่อนไหวและชุมนุม ของคนอเมริกัน
(28) สารบัญ (ตอ่ ) หน้า 4.2 รปู แบบและแนวโน้มของการชุมนุม............................................ 176 4.2.1 การชุมนุมเรยี กรอ้ งเกี่ยวกบั แรงงาน................................ 176 และการจา้ งงาน (Labor) 4.2.2 การชมุ นมุ เรียกร้องเก่ยี วกบั ความเสมอภาคทางเพศ....... 184 (Gender Equality) 4.2.3 การชมุ นมุ เรียกรอ้ งสทิ ธิเสมอภาคของสีผิว...................... 187 (Racial Equality) 4.2.4 การชุมนมุ เรยี กร้องเพ่ือสทิ ธขิ องส่วนรวม........................ 191 4.2.5 ข้อสังเกตในการชุมนุมรูปแบบตา่ งๆ................................ 196 4.3 กฎหมายท่ีเก่ยี วข้องกับการรับรองและจ�ำกัดเสรีภาพ................ 198 ในการชมุ นุม 4.3.1 หลกั กฎหมายท่ีคุ้มครองสิทธิและเสรภี าพ....................... 198 ในการชมุ นมุ 4.3.2 หลกั กฎหมายท่เี ปน็ ขอ้ จ�ำกดั ในการชมุ นุม....................... 202 4.4 บทบาทและอ�ำนาจหนา้ ทข่ี องฝา่ ยตุลาการ หรือองค์กร............. 205 ท่ีท�ำหนา้ ทว่ี นิ จิ ฉัยในเร่ืองสทิ ธเิ สรภี าพในการชุมนมุ 4.4.1 การใช้กฎหมายไปในทางคุม้ ครองสิทธแิ ละเสรภี าพ........ 205 ในการชุมนุม 4.4.2 การใชก้ ฎหมายไปในทางจ�ำกัดสทิ ธแิ ละเสรภี าพ............. 209 ในการชมุ นมุ 4.5 บทวิเคราะหเ์ ก่ียวกับเสรภี าพในการชมุ นมุ ในสหรัฐอเมรกิ า....... 214 4.5.1 ปจั จยั พื้นฐานในการรับรองสทิ ธิและเสรีภาพ.................. 215 ในการชมุ นมุ 4.5.2 ลกั ษณะส�ำคญั ของการชมุ นุม และขอ้ สังเกต................... 217 ต่อบทบาทของรฐั ในการจดั การกับการชุมนุม 4.5.3 แนวทางของค�ำวนิ จิ ฉัยของศาลเกีย่ วกบั เสรีภาพ............. 219 ในการชุมนมุ
(29) สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ บทที่ 5 เสรภี าพในการชมุ นุมของประเทศญปี่ นุ่ ............................................ 228 5.1 บริบททางการเมอื ง เศรษฐกิจ และสงั คม ทเ่ี ก่ียวข้องกบั ........... 229 การชุมนมุ ของประเทศญี่ปนุ่ 5.1.1 สงั คมวัฒนธรรมญป่ี นุ่ ...................................................... 230 5.1.2 เศรษฐกิจญ่ีปุ่น................................................................ 233 5.1.3 การเมอื งญีป่ นุ่ ................................................................. 237 5.2 รูปแบบและลกั ษณะของการชุมนมุ ในประเทศญีป่ ุ่น.................. 247 5.3 กฎหมายเก่ยี วกับการรบั รองและจ�ำกัดเสรีภาพการชมุ นมุ ......... 259 ในญป่ี ุน่ 5.3.1 รฐั ธรรมนูญ..................................................................... 259 5.3.2 พระราชบญั ญัติ............................................................... 262 5.3.3 กฎหมายระดับท้องถนิ่ .................................................... 265 5.4 บทบาทและอ�ำนาจหนา้ ท่ีของศาลในการกำ� กบั การชุมนุม......... 278 5.4.1 บทบาทศาลในการวางหลักการทั่วไปตามรฐั ธรรมนญู ..... 278 5.4.2 บทบาทศาลในการพจิ ารณาข้อพพิ าทระหวา่ งสทิ ธิ......... 281 ในการชมุ นมุ ตามรฐั ธรรมนูญกบั กฎหมายระดับท้องถิน่ 5.4.3 บทบาทของศาลในข้อพพิ าทระหว่างเสรีภาพ.................. 289 ตามรฐั ธรรมนูญกับกฎหมายระดบั พระราชบัญญัติ 5.5 ระบอบของเสรีภาพการชุมนุมญ่ปี นุ่ ........................................... 292 5.5.1 “หวั ใจ” ของกลไกการบรหิ ารเสรีภาพในการชมุ นุม........ 295 ของญปี่ นุ่ 5.5.2 วธิ กี ารบรหิ ารจดั การการใช้เสรีภาพในการชุมนุม............ 296 ของญ่ปี ุ่น 5.5.3 ต�ำแหน่งแห่งท่ีของศาลในกลไกการจดั การเสรีภาพ........ 297 ในการชุมนุมของญปี่ ุน่ ภาคผนวก........................................................................................... 300
(30) สารบญั (ตอ่ ) หน้า บทท่ี 6 เสรีภาพในการชุมนมุ ของสาธารณรฐั เกาหลี (เกาหลใี ต)้ ................. 342 6.1 บรบิ ททางการเมอื ง เศรษฐกิจ และสังคม ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับ........... 343 การชุมนมุ ของประเทศสาธารณรฐั เกาหลี 6.1.1 ช่วงที่ 1 ค.ศ.1948– 1959 การชมุ นมุ เพอื่ การใช้สิทธ.ิ..... 343 เรียกรอ้ งประชาธิปไตยจากรฐั บาลเผดจ็ การ 6.1.2 ยคุ ท่ีสอง 1960 – 1979 การชมุ นุมเพื่อเรียกรอ้ ง............. 346 ประชาธปิ ไตย การรวมชาติของสองเกาหลี รวมถงึ การเรียกร้องด้านสวสั ดกิ ารแรงงาน จากรัฐบาลเผดจ็ การทหาร 6.1.3 ยคุ ที่ 3 ค.ศ. 1980– 1986 การชมุ นมุ เพอ่ื เรยี กร้อง........ 351 ประชาธปิ ไตย การรวมชาติของสองเกาหลี รวมถงึ การเรยี กรอ้ งด้านสวสั ดกิ ารแรงงาน จากรฐั บาลเผด็จการทหาร โดยมกี ารรวมกลมุ่ 6.1.4 ยคุ ท่ี 4 ค.ศ. 1987-2007 การชุมชนเพือ่ เรียกร้อง.......... 357 สวสั ดิการแรงงานโดยขบวนการแรงงาน 6.2 รูปแบบในการชมุ นุม.................................................................. 357 6.2.1 กลุม่ ทางสงั คมในการชุมนุมประท้วง................................ 358 6.2.2 ปัญหาทนี่ �ำไปสกู่ ารชมุ นมุ ................................................ 365 6.3 กฎหมายท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การรับรองและการจ�ำกดั ....................... 367 สิทธิ เสรีภาพในการชมุ นุม 6.3.1 การรบั รองสทิ ธิ เสรภี าพในการชมุ นมุ ภายใตก้ ติกา......... 367 ระหวา่ งประเทศว่าสิทธพิ ลเมืองและสิทธทิ างการเมอื ง 6.3.2 การรบั รองสิทธิ เสรีภาพภายใตร้ ฐั ธรรมนญู .................... 368 แห่งสาธารณรฐั เกาหลี 6.3.3 การชุมนุมภายใต้รฐั บญั ญัติว่าดว้ ยการชุมนุมและ........... 370 การเดินขบวน (The Assembly and Demonstration Act) 6.3.4 การชุมนุมสาธารณะของสาธารณรัฐเกาหลีภายใต้.......... 386 กฎอยั การศกึ
(31) สารบัญ (ต่อ) หน้า 6.4 บทบาทและอ�ำนาจหน้าท่ีของฝา่ ยตุลาการ................................ 389 หรอื องค์กรทที่ �ำหนา้ ท่ีวินิจฉยั ในเร่อื งสทิ ธิ เสรีภาพในการชมุ นุม 6.4.1 องค์กรทห่ี นา้ ท่ีวินิจฉยั สิทธิ เสรภี าพในการชุมนมุ ........... 389 ตามรฐั บัญญตั วิ ่าด้วยการชมุ นมุ และเดนิ ขบวน 6.4.2 ศาลยุตธิ รรม.................................................................... 393 6.4.3 ศาลรัฐธรรมนูญแหง่ สาธารณรฐั เกาหลี............................ 394 6.4.4 คดีทขี่ ้ึนสู่ศาลรฐั ธรรมนูญเกาหลีใต้................................. 396 6.5 ขอบเขตของเสรีภาพในการชุมนุมและเดนิ ขบวน....................... 404 6.5.1 การรบั รองเสรีภาพในการชุมนมุ และเดินขบวน............... 404 ตามบทบัญญัติของกฎหมาย 6.5.2 ระบบการจดั การชมุ นมุ ของสาธารณรัฐเกาหลี................ 406 6.5.3 แนวโน้มการวนิ ิจฉัยของศาลรฐั ธรรมนูญ.......................... 407 ภาคผนวก........................................................................................... 411 บทที่ 7 เสรีภาพในการชมุ นมุ ของประเทศไทย.............................................. 433 7.1 บริบททางการเมอื ง เศรษฐกิจ และสังคม ท่ีเก่ียวข้องกบั ........... 433 การชมุ นมุ ของประเทศไทย 7.1.1 บรบิ ททางการเมืองไทย................................................... 434 7.1.2 บริบททางเศรษฐกิจ........................................................ 439 7.2 พฒั นาการของการใช้เสรภี าพในการชุมนมุ ภายใต้บริบท............ 441 ทางเศรษฐกจิ สงั คมการเมอื ง 7.2.1 ชว่ งท่ี 1 พ.ศ. 2475-2530 : นกั ศึกษา ชาวนา................ 442 กรรมกร 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 ถงึ ยคุ ประชาธิปไตยครึ่งใบ 7.2.2 ชว่ งที่ 2 พ.ศ. 2530-2549 : NGO ชนชัน้ กลาง............... 450 คนจน 7.2.3 ชว่ งท่ี 3 ปี 2549-2556 : เหลอื ง-แดง............................. 457 7.3 กฎหมายท่เี กี่ยวข้องกับการชุมนุม.............................................. 463 7.3.1 กฎหมายทีร่ ับรองเสรีภาพในการชมุ นุม........................... 463 7.3.2 กฎหมายท่หี ้ามการชมุ นุม................................................ 468
(32) สารบญั (ต่อ) หนา้ 7.3.3 กฎหมายทีเ่ ป็นอปุ สรรคกบั การชมุ นุม............................. 472 7.3.4 รา่ งกฎหมายวา่ ด้วยการชมุ นุมสาธารณะ......................... 483 7.3.5 แนวทางปฏิบัตแิ ละบงั คบั ใชก้ ฎหมายกบั การชุมนุม........ 493 ของส�ำนกั งานต�ำรวจแหง่ ชาติ 7.4 แนวโนม้ ในการวนิ ิจฉัยขององค์กรตุลาการ................................. 498 7.4.1 สถติ คิ ดคี วามทข่ี ้นึ สกู่ ารพจิ ารณาของศาล....................... 498 7.4.2 บทบาทและอ�ำนาจหน้าที่ของศาลที่ทำ� หนา้ ทีว่ ินจิ ฉัย...... 501 7.4.3 บทบาทขององค์กรอืน่ ๆ.................................................. 525 7.5 บทสรุป....................................................................................... 526 7.5.1 การรบั รองเสรีภาพในการชมุ นุม..................................... 526 ตามระบบกฎหมายไทย 7.5.2 ระบบการบริหารจดั การชุมนมุ ของประเทศไทย.............. 529 7.5.3 แนวโนม้ การวินจิ ฉัยคดขี ององคก์ รตุลาการ..................... 529 ประเทศไทย บทท่ี 8 บทวิเคราะห์เปรียบเทยี บเสรีภาพในการชุมนมุ ของฝรง่ั เศส............. 534 สหรัฐอเมรกิ า ญป่ี นุ่ สาธารณรฐั เกาหลี และไทย 8.1 รูปแบบของการชมุ นุมในฝรัง่ เศส สหรฐั อเมริกา ญป่ี ่นุ ............... 537 สาธารณรฐั เกาหลี และไทย 8.2 กฎหมายท่รี ับรองและจ�ำกัดเสรภี าพการชุมนุม.......................... 542 ในฝรงั่ เศส สหรฐั อเมรกิ า ญี่ปุ่น สาธารณรฐั เกาหลี และไทย 8.2.1 กฎหมายที่รบั รองและจ�ำกัดเสรีภาพในการชมุ นมุ ........... 543 8.2.2 รูปแบบของการจ�ำกดั และตรวจสอบเสรีภาพ.................. 544 ในการชมุ นมุ 8.3 บทบาทและอ�ำนาจหน้าท่ีของฝา่ ยตุลาการ หรอื องค์กร............. 548 ทท่ี �ำหนา้ ท่ีวินิจฉัยในเรือ่ งเสรีภาพในการชมุ นมุ ในฝร่งั เศส สหรฐั อเมรกิ า ญ่ปี ุ่น สาธารณรฐั เกาหลี และไทย 8.3.1 บทบาทและอ�ำนาจหน้าทีข่ องฝา่ ยตลุ าการ..................... 548 หรือองคก์ รทท่ี �ำหนา้ ทวี่ นิ จิ ฉยั เร่อื งเสรีภาพ ในระบบการบรหิ ารจัดการกอ่ น
(33) สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ 8.3.2 บทบาทและอ�ำนาจหนา้ ทข่ี องฝา่ ยตลุ าการ..................... 549 ในระบบการควบคมุ ภายหลัง 8.4 สภาพปัญหาและข้อถกเถียงเร่อื งเนื้อหาและขอบเขต................. 549 ของเสรภี าพในการชุมนุมตามกฎหมายในฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ญ่ีป่นุ สาธารณรฐั เกาหลี และไทย 8.4.1 ปญั หาเร่อื งเนื้อหาของเสรีภาพในการชุมนมุ .................... 549 8.4.2 ปัญหาเรอื่ งขอบเขตของเสรภี าพในการชุมนมุ ................. 550 8.4.3 ปญั หาในเรอ่ื งการตีความของฝา่ ยตลุ าการ...................... 553 บทที่ 9 บทวิเคราะหส์ ภาพปญั หาของเสรีภาพการชุมนมุ แนวทางการ....... 556 รบั รองและจ�ำกัดเสรภี าพการชมุ นุมในประเทศไทย 9.1 สภาพปัญหาของเน้ือหา ขอบเขต เงอ่ื นไขของเสรีภาพ............... 556 ในการชมุ นมุ 9.1.1 ข้อสังเกตในเชงิ บริบทท่ีมีตอ่ เสรภี าพในการชุมนมุ ........... 556 9.1.2 ปญั หาของเนื้อหา ขอบเขต เง่ือนไขของเสรภี าพ............. 559 ในการชมุ นมุ 9.2 แนวทางแกไ้ ขสภาพปัญหาทางกฎหมายทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั .............. 562 การรับรองและจ�ำกัดเสรภี าพในการชมุ นมุ 9.2.1 สภาพปญั หาทางกฎหมายที่เกย่ี วขอ้ งกับการรับรอง........ 562 และจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนมุ 9.2.2 แนวทางแกไ้ ขสภาพปญั หาทางกฎหมายที่เกีย่ วข้อง........ 565 กับการรบั รองและจ�ำกัดเสรภี าพในการชมุ นุม 9.3 สภาพปัญหาของบทบาทและอ�ำนาจหนา้ ทข่ี องฝ่ายตลุ าการ...... 567 ในเร่ืองเสรีภาพในการชมุ นุมและแนวทางแกไ้ ข 9.3.1 สภาพปญั หาของบทบาทและอ�ำนาจหนา้ ที่ของ.............. 567 ฝ่ายตลุ าการในเรื่องเสรีภาพในการชุมนุม 9.3.2 แนวทางแก้ไขสภาพปญั หาของบทบาทและ.................... 570 อ�ำนาจหนา้ ที่ของฝ่ายตุลาการในเรื่องเสรภี าพในการชุมนุม
(34) สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ 10 บทสรุปและขอ้ เสนอแนะ................................................................. 573 10.1 บทสรุป.................................................................................... 573 10.1.1 บรบิ ททสี่ ง่ ผลตอ่ รปู แบบและเน้ือหาการชุมนมุ ......... 573 10.1.2 ระบบกฎหมายในการรบั รองและจ�ำกดั เสรภี าพ........ 574 ในการชมุ นมุ 10.1.3 บทบาทของฝา่ ยตลุ าการและองคก์ รทท่ี �ำหนา้ ท.ี่ ....... 576 วนิ ิจฉยั เร่ืองเสรภี าพในการชมุ นมุ 10.2 ข้อเสนอแนะ........................................................................... 577 10.2.1 ข้อเสนอในเชงิ หลักการ............................................... 578 10.2.2 ขอ้ เสนอต่อรา่ งกฎหมายทเ่ี กี่ยวกบั ............................ 580 การชุมนุมสาธารณะ
(35) สารบัญตาราง หนา้ ตารางท่ี 5.1 วารสารขา่ วขบวนการเคล่ือนไหวทางสงั คมตามเนอ้ื หา.............. 248 ตารางที่ 6.1 Social Groups Participating in Protest Events.................. 358 (1970-1992) ตารางท่ี 6.2 Specific Issues Raised in Protest Events (1970-1992)........ 365 ตารางที่ 7.1 แสดงการเดนิ ขบวน ชมุ นุมประท้วงชว่ งก่อนเหตกุ ารณ.์ ............. 445 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 ตารางที่ 7.2 แสดงการเดินขบวนของประชาชนในยคุ รฐั บาลอำ� นาจนยิ ม....... 446 หลังเหตกุ ารณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ตารางท่ี 7.3 แสดงการเดนิ ขบวน ชมุ นุมประท้วงในช่วงรัฐบาลชาตชิ าย......... 452 พ.ศ. 2533 ตารางท่ี 7.4 แสดงจำ� นวนการเดนิ ขบวนของประชาชนในประเดน็ ปัญหา....... 453 ตา่ งๆ พ.ศ. 2537, 2538 ตารางที่ 7.5 แสดงจำ� นวนการชมุ นมุ รอ้ งเรียนของประชาชนระหว่าง............. 454 พ.ศ. 2539 - 2545 ตารางท่ี 7.6 แสดงความรนุ แรงของการปะทะกนั ทางการเมอื งในสงั คมไทย...... 459 นับแต่เหตกุ ารณ์ 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2514 ถึง 2553 ตารางท่ี 7.7 แสดงบทบัญญตั ิทเี่ กีย่ วกับเสรีภาพในการชมุ นมุ ......................... 464 ในกฎหมายรฐั ธรรมนญู ไทย ตารางที่ 7.8 แสดงจำ� นวนค�ำวนิ จิ ฉยั และคำ� สง่ั ที่เกย่ี วกับเสรภี าพ................... 498 ในการชมุ นมุ ของศาลรฐั ธรรมนูญ ตารางที่ 7.9 แสดงจำ� นวนคดที ่เี ขา้ สศู่ าลปกครอง........................................... 499 ตารางท่ี 7.10 แสดงจำ� นวนคดีความทขี่ ้นึ สูก่ ารพจิ ารณาของศาลยตุ ิธรรม........ 500 ตารางที่ 8.1 กฎหมายที่มีผลตอ่ การรับรองและจ�ำกัดเสรภี าพ........................... 544 ในการชุมนมุ ของแต่ละประเทศ ตารางท่ี 8.2 ระบบกฎหมายในการรบั รองและจำ� กดั เสรภี าพ......................... 547 ในการชมุ นมุ ในประเทศตา่ งๆ
(36) สารบญั ภาพ หน้า แผนภาพท่ี 5.1 โครงสรา้ งองคก์ ารบรหิ ารส่วนทอ้ งถิ่นญีป่ นุ่ ........................... 243 แผนภาพท่ี 6.1 แสดงปริมาณการประท้วงของนกั ศกึ ษา................................. 361 ชว่ ง ค.ศ. 1970 – 1992 แผนภาพที่ 6.2 แสดงปรมิ าณการประทว้ งของขบวนการแรงงาน................... 362 ชว่ ง ค.ศ. 1970 – 1992 แผนภาพท่ี 6.3 แสดงปริมาณการประท้วงของกลุ่มคริสเตียน......................... 363 ชว่ ง ค.ศ.1970 – 1992 แผนภาพที่ 6.4 แสดงปริมาณการประท้วงของกลุ่มสื่อมวลชน....................... 365 ชว่ ง ค.ศ. 1970 – 1992 แผนภาพท่ี 6.5 แสดงโครงสรา้ งของส�ำนักงานต�ำรวจแหง่ ชาต.ิ....................... 390 สาธารรฐั เกาหลี แผนภาพท่ี 6.6 แสดงโครงสร้างของต�ำรวจนครบาลกรุงโซล........................... 391 แผนภาพที่ 6.7 แสดงโครงสรา้ งการบรหิ ารสถานตี �ำรวจ................................ 392 แผนภาพที่ 7.1 แสดงขอบเขตของการใช้เสรีภาพในการชุมนุม....................... 528 แผนภาพท่ี 8.1 ปัจจัยท่สี ง่ ผลตอ่ การรบั รองและการจ�ำกดั เสรภี าพ................. 536 ในการชมุ นมุ แผนภาพที่ 8.2 ภาพแสดงถงึ เงอ่ื นไขในการจ�ำกดั เสรีภาพในการชมุ นุม.......... 542
เสรีภาพในการชุมนมุ โดยสงบและปราศจากอาวธุ ตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย 1 บทท่ี 1 บทนำ� 1.1 หลักการและเหตผุ ล ในสังคมประชาธิปไตยที่มีความหลากหลายและแตกต่างในทางความคิด การแสดงออกทางความคิดทางการเมืองในระบบรัฐสภาและการเคลื่อนไหวทาง การเมืองท่ีมีรูปแบบเป็นการชุมนุมทางการเมืองในท่ีสาธารณะเป็นปรากฏการณ์ท่ี แพรห่ ลาย เฉพาะในประเทศทม่ี กี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยซง่ึ ไดใ้ หเ้ สรภี าพแก่ ประชาชนในการชมุ นมุ โดยสงบ โดยอาจอยใู่ นรปู ของบทบญั ญตั ติ ามรฐั ธรรมนญู หรอื บทบัญญัติแห่งกฎหมายตามแต่กรณี และส�ำหรับไทยก็ได้มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย ส่วนท่ี 11 เสรีภาพในการชมุ นุมและการสมาคม มาตรา 63 ก�ำหนดให้ “บคุ คลยอ่ มมเี สรีภาพในการชมุ นมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำ� กดั เสรภี าพตามวรรคหนง่ึ จะกระทำ� มไิ ดเ้ วน้ แตโ่ ดยอาศยั อำ� นาจ ตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายเฉพาะในกรณกี ารชมุ นมุ สาธารณะและเพอ่ื คมุ้ ครอง ความสะดวกของประชาชนทจ่ี ะใชท้ สี่ าธารณะหรอื เพอื่ รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย ในระหวา่ งเวลาทป่ี ระเทศอยใู่ นภาวะสงครามหรอื ในระหวา่ งเวลาทม่ี ปี ระกาศ สถานการณ์ฉกุ เฉนิ หรอื ประกาศใชก้ ฎอยั การศกึ ” การแสดงออกทางความคดิ ทางการเมอื งทหี่ ลากหลายและแตกตา่ งกนั ภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์ในปัจจุบันซ่ึงพัฒนาเป็นรูปแบบการเคล่ือนไหวทางการเมืองท่ี หลากหลาย เปน็ ผลให้ในหลายประเทศไดม้ ีกฎหมายท่มี าก�ำหนดหลักเกณฑใ์ นการ ชุมนุม เช่น ฝรั่งเศส สาธารณรฐั เกาหลี เปน็ ต้น สำ� หรบั ประเทศไทยยังไม่มกี ฎหมาย ในระดับพระราชบัญญัติที่มาก�ำหนดหลักเกณฑ์ในการชุมนุมตามบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนญู มาตรา 63 โดยตรง แมไ้ ทยจะไม่มกี ฎหมายก�ำหนดหลักเกณฑ์ในการ ชมุ นุมโดยตรง แตก่ ็อาจบังคบั ใชก้ ฎหมายท่มี คี วามเกยี่ วข้องกบั การควบคมุ เสรภี าพ ในการชมุ นมุ ได้ เชน่ พระราชบญั ญตั จิ ราจรทางบก พ.ศ. 2522 ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 และ พระราชบญั ญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 เปน็ ต้น
2 เสรีภาพในการชมุ นมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมาย เน่ืองจากการชุมนุมเป็นการกระท�ำท่ีสามารถส่งผลกระทบถึงความสงบสุข หรือประโยชน์ของส่วนรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมในท่ีสาธารณะ จึงมีความ จำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งมกี ฎหมายเพอื่ ควบคมุ ดแู ลมใิ หก้ ารชมุ นมุ นน้ั ละเมดิ สทิ ธเิ สรภี าพของ ผู้อ่ืน เพ่ือให้การใช้เสรีภาพในการชุมนุมมิใช่เป็นการละเมิดต่อสิทธิพ้ืนฐานของ บคุ คลอนื่ ทงั้ ตอ้ งมหี ลกั เกณฑใ์ นการเขา้ ควบคมุ การชมุ นมุ ทชี่ ดั เจนดว้ ย ซงึ่ หลกั เกณฑ์ ดงั กลา่ วอาจพจิ ารณาไดจ้ ากบทบญั ญตั ใิ นรฐั ธรรมนญู ประกอบกบั แนวคำ� พพิ ากษาที่ ฝา่ ยตลุ าการวางหลกั เปน็ แนวทางไว้ แตใ่ นระบบกฎหมายของไทยจะพบวา่ บทบญั ญตั ิ ในรัฐธรรมนูญและแนวค�ำพิพากษาของฝ่ายตุลาการยังมีข้อจ�ำกัดอย่างมากต่อการ ควบคุมและตรวจสอบการชุมนุม อันท�ำให้การชุมนุมหลายครั้งส่งผลกระทบอย่าง รุนแรงต่อสิทธิของบุคคลอื่นหรือต่อสังคมส่วนรวม อันเป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึน บอ่ ยครง้ั นับตงั้ แต่ พ.ศ. 2549 มาจนกระทง่ั ตน้ ปีของ พ.ศ. 2557 จึงมีความจ�ำเป็นท่ีจะต้องท�ำการศึกษาวิจัยถึงขอบเขตของเสรีภาพใน เรื่องการชุมนุมอันหมายความถึงการรับรองและการจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุม เฉพาะอย่างย่ิงการชุมนุมที่อาจมีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม โดยจะท�ำการศึกษา เปรยี บเทยี บกบั แนวคดิ และระบบกฎหมายของตา่ งประเทศ และพจิ ารณาถงึ อำ� นาจ หน้าท่ีของฝ่ายตุลาการในการวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากเสรีภาพในการ ชมุ นมุ เปน็ เสรภี าพขั้นพืน้ ฐานของประชาชนระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม งานศึกษาเก่ียวกับเสรีภาพในการชุมนุมตามกฎหมายน้ัน มักจ�ำกัดอยู่เฉพาะในแวดวงการศึกษากฎหมาย ซ่ึงท�ำให้มิติในการศึกษา ค้นคว้า และเปรยี บเทยี บเรอ่ื งเสรภี าพในการชมุ นมุ นนั้ กลายเปน็ งานศกึ ษาทใี่ ชก้ ระบวนทศั น์ ทางกฎหมายในการศึกษาวิจัยเป็นหลัก เช่น ศึกษาเปรียบเทียบโดยเลือกจาก ประเทศที่มรี ะบบกฎหมายใกล้เคียง หรือเป็นประเทศทม่ี ีชอ่ื เสียงด้านกฎหมาย เช่น สหรฐั อเมรกิ า องั กฤษ ฝรง่ั เศสหรอื เยอรมนี โดยปราศจากมติ ทิ เี่ ปน็ บรบิ ทอนั เกยี่ วเนอ่ื ง กันกับการชุมนุม เช่น ประสบการณ์ ประวัติศาสตร์ทางการเมือง โครงสร้างทาง การเมือง วัฒนธรรมทางการเมือง ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น งานศึกษาท่ีมีอยู่เก่ียวกับ เสรีภาพในการชุมนุมน้ันยังมีแนวโน้มเป็นการตอบค�ำถามเชิงหลักการทางกฎหมาย แตไ่ ม่ได้ตอบปญั หาของการเมอื งไทย งานเหลา่ นี้จงึ ไม่ได้อธิบาย เนน้ ประเดน็ หรอื เปรียบเทียบเสรีภาพในการชุมนุมของประเทศต่างๆ ที่สามารถน�ำมาใช้ตอบปัญหา ของการเมืองไทยได้จริง ดังน้ัน ในงานวิจัยช้ินน้ีพยายามวางหลักการแห่งเสรีภาพในการชุมนุมตาม กฎหมายให้ชัดเจนว่า การรับรองและการจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมปรากฏขึ้นใน
เสรีภาพในการชมุ นุมโดยสงบและปราศจากอาวธุ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย 3 ลักษณะอย่างไร โดยท�ำการวิเคราะห์ภายใต้เงื่อนไขบริบทของสังคมไทยและ ต่างประเทศที่น�ำมาศึกษาเปรียบเทียบ รวมทั้งการอธิบายถึงระบบกฎหมายที่ เก่ียวข้องกับการรับรองและการจ�ำกัดเสรีภาพในการชุมนุมว่ามีปรากฏในรูปแบบ อยา่ งใด และวเิ คราะหถ์ งึ ขอ้ ดขี อ้ เสยี ของแตล่ ะระบบเพอื่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การน�ำมา ปรับใชก้ บั การรับรองและจำ� กดั เสรีภาพการชมุ นุมในระบบกฎหมายของไทย 1.2 ค�ำถามงานวิจัย 1.2.1 เนอื้ หาของสทิ ธเิ สรภี าพในการชมุ นมุ และขอ้ จำ� กดั ของเสรภี าพในการ ชมุ นมุ มอี ยอู่ ยา่ งไร ในทางทฤษฎแี ละในระบบกฎหมาย โดยพจิ ารณาเปรยี บเทยี บกบั ฝรัง่ เศส สหรัฐอเมริกา ญป่ี ุน่ และสาธารณรัฐเกาหลี 1.2.2 เสรีภาพการชุมนุมในสังคมไทยมีความหมายและขอบเขตอย่างไร ภายใต้บริบทและประสบการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย โดยพิจารณา เปรยี บเทยี บกบั ฝรั่งเศส สหรฐั อเมริกา ญีป่ ่นุ และสาธารณรัฐเกาหลี 1.2.3 การคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมและการจ�ำกัดขอบเขตของการใช้ สิทธิดังกล่าวควรมีหลักการอย่างไร รวมถึงควรมีกลไกในลักษณะอย่างไรบ้าง (เช่น มีกฎหมายกำ� หนดรายละเอยี ด มีหน่วยงานทางปกครองดูแลโดยเฉพาะ หรือให้ศาล เปน็ ผวู้ างหลกั การ ฯลฯ) 1.2.4 บทบาทของสถาบันศาลในการพิจารณาการชุมนุมทางการเมืองควร มีอยอู่ ย่างไร โดยพิจารณาจากเนอื้ หาแหง่ สิทธิ ข้อจ�ำกัดแหง่ สทิ ธิ บรบิ ทสังคมไทย และโดยเปรยี บเทียบกับฝร่ังเศส สหรัฐอเมริกา ญ่ีป่นุ และสาธารณรัฐเกาหลี 1.3 วัตถปุ ระสงค์ 1.3.1 เพื่อศึกษาพัฒนาการของเสรีภาพในกระบวนการแสดงออกซึ่งความ คดิ เหน็ ของประชาชนและเสรภี าพกระบวนการเคลอ่ื นไหวในการชมุ นมุ ทางการเมอื ง (political movement) ของไทยและตา่ งประเทศคอื ฝร่งั เศส สหรัฐอเมริกา ญ่ปี นุ่ และสาธารณรัฐเกาหลี 1.3.2 เพอื่ ศึกษาเปรียบเทียบเสรีภาพในการชมุ นมุ ของไทยและต่างประเทศ โดยพจิ ารณาจากบรบิ ทและประสบการณท์ างการเมอื งทเ่ี ปน็ ประโยชนก์ บั สงั คมไทย 1.3.3 เพอื่ ศกึ ษาเปรยี บเทยี บกฎหมาย บรบิ ทและประสบการณท์ างการเมอื ง ท่ีเก่ียวข้องกับเสรีภาพในการชุมนุมของไทยกับกฎหมายท่ีก�ำหนดหลักเกณฑ์และ ควบคุมการชุมนมุ ในตา่ งประเทศ
4 เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย 1.3.4 เพ่ือศึกษาและวิเคราะห์บทบาทและอ�ำนาจหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ หรือองค์กรท่ีท�ำหน้าท่ีวินิจฉัยในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนใน ตา่ งประเทศ 1.4 ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ บั 1.4.1 ข้อเสนอในเชิงเน้ือหาและข้อจ�ำกัดหรือขอบเขตของเสรีภาพในการ ชุมนมุ ตามกฎหมาย 1.4.2 ข้อเสนอในเชิงกลไกในการคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม และดูแลมิ ให้เกิดการชุมนุมโดยขัดต่อหลักการแห่งเสรีภาพในการชุมนุม ตามท่ีเสนอไว้ในข้อ 1.4.1 1.4.3 ขอ้ เสนอตอ่ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู เกย่ี วกบั บทบาทของศาลรฐั ธรรมนญู ในการคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม และดูแลมิให้เกิดการใช้เสรีภาพในการชุมนุม จนเลยเกินขอบเขตแหง่ สิทธิ 1.4.4 ขอ้ เสนอในทางวชิ าการสำ� หรบั ผลงานวจิ ยั ขอ้ จำ� กดั ของงานวจิ ยั ปญั หา และอปุ สรรคในการทำ� วจิ ยั ในเชงิ วชิ าการ และขอ้ เสนอแนะสำ� หรบั งานวจิ ยั ชนิ้ ตอ่ ไป 1.5 ขอบเขตงานวจิ ัย 1.5.1 ศกึ ษาววิ ฒั นาการของเสรภี าพและบรบิ ททางการเมอื งในกระบวนการ แสดงออกซงึ่ ความคดิ เหน็ ของประชาชนและเสรภี าพกระบวนการเคลอื่ นไหวในการ ชมุ นมุ ทางการเมอื ง (Political movement) ของไทยและตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ ฝรงั่ เศส สหรัฐอเมริกา ญป่ี นุ่ และสาธารณรฐั เกาหลี 1.5.2 ศกึ ษาเปรยี บเทยี บเสรภี าพในการชมุ นมุ ของไทยและตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ ฝรงั่ เศส สหรฐั อเมริกา ญป่ี ุน่ และสาธารณรฐั เกาหลี 1.5.3 ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการควบคุมเสรีภาพการ ชมุ นมุ ของไทยกบั กฎหมายทก่ี ำ� หนดหลกั เกณฑแ์ ละควบคมุ การชมุ นมุ ในตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ ฝร่งั เศส สหรฐั อเมรกิ า ญ่ปี นุ่ และสาธารณรัฐเกาหลี 1.5.4 ศึกษาและวิเคราะห์บทบาทและอ�ำนาจหน้าท่ีของฝ่ายตุลาการ หรือองค์กรท่ีท�ำหน้าที่วินิจฉัยในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนใน ตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ญปี่ นุ่ และสาธารณรฐั เกาหลี 1.5.5 จัดการประชุม/สัมมนาเพ่ือรับฟังความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ เกยี่ วกบั ผลการศกึ ษาเพอื่ นำ� ขอ้ เสนอแนะทไี่ ดร้ บั จากการประชมุ /สมั มนามาปรบั ปรงุ
เสรีภาพในการชุมนมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย 5 ผลการศกึ ษาใหถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณโ์ ดยจะเชญิ ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างนติ ศิ าสตร์ หรอื รฐั ศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ หรอื ผ้เู ชี่ยวชาญในสาขาทีเ่ กยี่ วข้อง รวมถงึ สว่ นราชการที่ เกย่ี วขอ้ ง เชน่ สำ� นกั งานศาลปกครอง สำ� นกั งานศาลยตุ ธิ รรม สำ� นกั งานคณะกรรมการ กฤษฎีกา และส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เข้าร่วมการประชุม/สัมมนา ดงั กล่าวด้วย 1.6. ระเบยี บวธิ ีวิจัย เพื่อตอบค�ำถามวิจัยว่าเนื้อหาแห่งเสรีภาพในการชุมนุมคืออะไร มีขอบเขต และข้อจำ� กดั เพียงไร ตลอดจนเปรียบเทยี บหลกั การทางกฎหมาย แนวค�ำพิพากษา และประสบการณ์ทางการเมืองการชุมนุมของต่างประเทศ ตลอดจนกลไกในการ รบั รองและดแู ลการใช้เสรภี าพในการชุมนุมไม่ให้นอกลูน่ อกทางนนั้ ดว้ ยสภาพของ คำ� ถามและคำ� ตอบทน่ี า่ จะไดร้ บั ผวู้ จิ ยั จงึ เลอื กใชว้ ธิ กี ารวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research) เปน็ แนวทางในการทำ� วจิ ยั โดยแบง่ เปน็ วธิ วี จิ ยั ออกเปน็ อกี สามวธิ ยี อ่ ย คอื การวจิ ยั เอกสาร (Documentary Research) การจดั เสวนากล่มุ (Focus Group) และการจัดประชมุ รบั ฟงั ข้อเสนอแนะเกยี่ วกับงานวจิ ัย อยา่ งไรกต็ าม กอ่ นทจี่ ะพจิ ารณาวธิ กี ารวจิ ยั ตา่ งๆ ทใ่ี ชใ้ นงานวจิ ยั ชนิ้ น้ี เพอื่ ให้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการท�ำวิจัยที่ต้องการศึกษาเปรียบเทียบประเทศต่างๆ เพอื่ ใชเ้ ปน็ ประสบการณแ์ ละขอ้ คดิ ส�ำหรบั ประเทศไทยในการพจิ ารณาปญั หาเนอ้ื หา และขอบเขตของเสรีภาพในประเทศไทย ผู้วิจัยได้คัดเลือกประเทศเพ่ือใช้ในการ เปรียบเทียบโดยพิจารณาถึงแนวคิดทฤษฎี ประกอบกับสภาพปัญหาเร่ืองการเมือง ของการชมุ นมุ ในประเทศไทย และสภาพการณข์ องประเทศนน้ั ๆ เก่ียวกบั การเมือง และการชมุ นมุ โดยผวู้ จิ ยั ไดค้ ดั เลอื กประเทศทจ่ี ะศกึ ษาเปรยี บเทยี บสป่ี ระเทศ ไดแ้ ก่ ฝร่ังเศส สหรัฐอเมริกา ญ่ีปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ในเบื้องต้นท้ังส่ีประเทศเป็น ประเทศทมี่ กี ารชมุ นมุ ประทว้ งคอ่ นขา้ งมาก และนอกจากนยี้ งั มเี หตผุ ลประกอบ คอื ส�ำหรับฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับกันว่าประชาชนมีเสรีภาพ อย่างกว้างขวางในทางการเมือง และเป็นประเทศท่ีการชุมนุมเป็นวิธีการส�ำคัญ ในการแสดงออกของประชาชนดังจะเห็นได้จากการชุมนุมที่เกิดขึ้นอย่างบ่อยครั้ง ซ่ึงในบางคร้ังก็เป็นการชุมนุมที่มีขนาดใหญ่และส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง แม้กระท่ังในห้วงเวลาปัจจุบันก็ตามก็ยังมีการชุมนุมในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น อย่างสม่�ำเสมอ อย่างไรก็ตามเสรีภาพในการชุมนุมในฝร่ังเศสมิเพียงได้รับการ รับรองไว้เท่านั้น หากยังรวมไปถึงการมีระบบกฎหมายในการจ�ำกัดเสรีภาพในการ
6 เสรีภาพในการชมุ นมุ โดยสงบและปราศจากอาวธุ ตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย ชุมนุมไว้เช่นกัน จึงนับเป็นตัวอย่างท่ีจะให้ประสบการณ์เกี่ยวกับระบบการชุมนุม ได้เปน็ อยา่ งดี สหรฐั อเมรกิ าเปน็ ประเทศทผ่ี ลติ ทง้ั งานวชิ าการและหลกั การในทางกฎหมาย เก่ียวกับเสรภี าพในการชุมนุมออกมาเปน็ จ�ำนวนมาก และถูกน�ำไปผลติ ท่วั โลก เช่น First Amendment ในรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาท่ีพิจารณาเรื่องเสรีภาพในการ แสดงออกและเสรภี าพในการชมุ นุมนนั้ เป็นยอดตวั อย่าง (Examplar) ท่ีสามารถใช้ เทยี บเคียงไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง เป็นต้น นอกจากน้ปี ระเทศสหรัฐก็ยงั มีประสบการณ์ ในการชมุ นมุ ของภาคประชาชนในหลายๆ ดา้ น เชน่ การชมุ นมุ เรยี กรอ้ งสทิ ธพิ ลเมอื ง (Civil Right Movement) การชุมนุมต่อต้านสงคราม (Anti-War Movement) การชมุ นมุ เคลอ่ื นไหวของนกั อนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งสดุ ขว้ั (Radical Environmen- talism) การชมุ นุมยดึ วอลสตที (Occupy Wall Street) ย่ิงไปกวา่ น้นั สหรฐั อเมริกา ยงั สามารถเปน็ ตวั อย่างของสงั คมทย่ี ดึ ถอื หลกั การเสรีนยิ มสูง โดยเฉพาะอุดมการณ์ ของสังคมท่ีเชื่อว่าปัจเจกชนเป็นผู้สร้างสังคมซึ่งต่างจากประเทศทางเอเชีย และ ทสี่ ำ� คญั ทส่ี ดุ อกี ประการหนง่ึ คอื สหรฐั อเมรกิ าเปน็ ประเทศทศี่ าลสงู ไดแ้ สดงบทบาท เกยี่ วกับเสรีภาพในการชมุ นุมหลายประการ ซ่งึ อาจน�ำมาเทยี บเคียงกับไทยได้ ในขณะท่ีท้ังญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีเป็นประเทศที่สร้างชาติมาด้วย อดุ มการณค์ นละอยา่ งกบั สหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ ทงั้ สองประเทศไดร้ บั การขนานนามวา่ เปน็ รฐั แบบเอเชยี (Asian State) ทร่ี ฐั และนโยบายของรฐั มสี ว่ นสำ� คญั มากในการสรา้ งชาติ ทง้ั ในดา้ นเศรษฐกจิ และวฒั นธรรม อำ� นาจและอทิ ธพิ ลของรฐั เหนอื ปจั เจกจงึ แตกตา่ ง จากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้สาธารณรัฐเกาหลียังเป็นประเทศท่ีมีประสบการณ์ เกี่ยวกับการชุมนุมที่ส�ำคัญคือ เป็นประเทศที่มียุคสมัยใหม่แลกมากับการชุมนุมที่ ถูกปราบปรามของประชาชนในวันท่ี 18 พฤษภาคมท่เี มืองกวางจู ซึง่ สอดคล้องกับ ประสบการณ์ของไทยท่ีผ่านการชุมนุมและการนองเลือดมาหลายคร้ัง ดังนั้น ประสบการณ์ของสาธารณรัฐเกาหลีสามารถน�ำมาวิเคราะห์พิจารณาได้ว่าส�ำหรับ ประเทศที่ประชาชนเคยถูกปราบปรามอย่างรุนแรง ได้มีการรับรองเสรีภาพในการ ชุมนุมของตนอย่างไรและบทบาทของศาลเป็นอย่างไรในบริบทดังกล่าว ด้วยเหตุ ดงั กลา่ วทง้ั 4 ประเทศจงึ มนี ัยสำ� คัญที่สามารถตอบปญั หาท่ีเกดิ ข้ึนกบั ไทยได้ 1.6.1 วจิ ัยเอกสาร (Documentary Research) งานวิจัยชิ้นนี้ใช้วิธีการวิจัยเอกสารเป็นวิธีการหลักในการเข้าถึงข้อมูลและ ความรู้ โดยพิจารณาจากสภาพของค�ำถามและข้อมูลท่ีต้องการ ซ่ึงเป็นกฎหมาย ค�ำพิพากษา สภาพการเมืองการชุมนุมและค�ำอธิบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม
เสรภี าพในการชุมนมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย 7 ซ่ึงข้อมูลเหล่าน้ีเป็นข้อมูลท่ีสามารถศึกษาค้นคว้าได้จากเอกสาร ท้ังน้ีโดยศึกษา เอกสารทุกประเภท เช่น ต�ำรา หนังสือ บทความวารสาร บทความหนังสือพิมพ์ บทความออนไลน์ ฯลฯ รวมถึงสื่ออ่ืนๆ ที่ศึกษาได้ในลักษณะเดียวกับการศึกษา เอกสาร เช่น สารคดี วดี ที ัศน์ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม คณะผู้วิจัยให้ความส�ำคัญกับการเลือกแหล่งท่ีมาของข้อมูล เป็นพิเศษ เพราะในงานวิจัยเอกสารน้ัน คณะผู้วิจัยไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับปัญหา และข้อมูลโดยตรง แต่ศึกษาเพ่ือตอบค�ำถามวิจัยผ่านเอกสารที่มีการจดบันทึก เปน็ หลกั และสอดคลอ้ งกบั สภาพของขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั กฎหมายและสงั คม ท่ัวไป จึงสามารถหาเอกสารท่ีเป็นทางการและเชื่อถือได้มากพอสมควร ดังน้ัน การเลอื กใชเ้ อกสาร ผวู้ จิ ยั เลอื กใชเ้ ฉพาะเอกสารทส่ี ามารถระบตุ วั ผใู้ หข้ อ้ มลู ได้ เวน้ แต่ งานท่ีไมป่ รากฏผ้ใู หข้ อ้ มลู นั้นจะมอี ทิ ธิพลส�ำคัญในทางวิชาการอยา่ งยง่ิ หลกั ในการเลอื กใชเ้ อกสารอกี ประการคอื คณะผวู้ จิ ยั จะเลอื กใชเ้ อกสารชนั้ ตน้ หรอื เอกสารในชน้ั ปฐมภมู เิ ปน็ อนั ดบั แรก ในแตล่ ะประเดน็ ทศี่ กึ ษา เวน้ แตไ่ มส่ ามารถ หาเอกสารช้ันต้นช้ินนั้นได้หรือเอกสารช้ินนั้นถูกเขียนในภาษาท่ีผู้วิจัยไม่สามารถ อา่ นได้ 1.6.2 เสวนากล่มุ เนื่องด้วยประเด็นท่ีถามในงานวิจัยน้ีเป็นการศึกษาเปรียบเทียบ และ ข้อจ�ำกัดโดยทั่วไปของคณะผู้วิจัยที่ไม่สามารถรู้รอบและลึกในปัญหาทางการเมือง และกฎหมายของสังคมอื่นๆ ได้ ในการท�ำงานวิจัยช้ินนี้ คณะผู้วิจัยจึงเลือกใช้การ เสวนากลุ่มในประเด็นท่ีเกี่ยวเนื่องกับการเปรียบเทียบสังคมและวัฒนธรรมทาง กฎหมาย การเมอื งกับตา่ งประเทศเพ่ือรวบรวมขอ้ มลู ประสบการณ์ เพ่อื ใช้เป็นฐาน ขอ้ มลู ในเบอื้ งตน้ ในการศึกษาค้นคว้าเอกสารอยา่ งมปี ระสิทธิภาพในลำ� ดบั ตอ่ ไป การเสวนากลมุ่ จะจดั ขนึ้ หลงั จากไดท้ บทวนวรรณกรรมชนั้ แรกเรยี บรอ้ ยแลว้ โดยเชิญผู้เช่ียวชาญทางดา้ นการเมืองการปกครอง หรือสงั คมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ เกยี่ วกบั ประเทศทท่ี ำ� การศกึ ษาเปรยี บเทยี บ ไดแ้ ก่ ฝรงั่ เศส สหรฐั อเมรกิ า ญป่ี นุ่ และ สาธารณรฐั เกาหลี พจิ ารณาจากประสบการณก์ ารทำ� งานหรอื ผลงานทเ่ี กย่ี วเนอ่ื งกบั ประเทศนนั้ ๆ รวมอยา่ งน้อย 6 คน โดยค�ำนงึ ถึงจุดยนื ทางวิชาการของผูเ้ ชี่ยวชาญ แต่ละคนท่เี ชญิ มารว่ มเสวนาดว้ ย เพอ่ื ไม่ให้เกิดข้อมลู ด้านเดียว หลังจากการเสวนากลุ่มแล้วน�ำข้อคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมาใช้เป็น แนวทางในการศึกษาค้นคว้าเอกสารต่อไป หรือน�ำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบในการ ศึกษาวิจยั ดว้ ย
8 เสรภี าพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย 1.6.3 จดั ประชมุ รบั ฟงั ความคดิ เห็น การจดั ประชมุ รบั ฟงั ความคดิ เหน็ จากผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างนติ ศิ าสตร์ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ทางรฐั ศาสตร์ จากสถาบนั การศกึ ษา องคก์ รภาคประชาชนตา่ งๆ และสว่ นราชการท่ี เกยี่ วขอ้ ง อาทิ สำ� นกั งานตำ� รวจแหง่ ชาติ สำ� นกั นายกรฐั มนตรี สำ� นกั งานคณะกรรมการ กฤษฎกี า กองทพั บก ศาลปกครองสูงสุด ศาลฎกี า ศาลรัฐธรรมนญู เปน็ ต้น 1.7 ข้นั ตอนการวจิ ยั เดือนที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ข้ันตอนการวิจัย 1. ศึกษาทบทวนกรอบแนวคิดและ ทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ งแผนการดำ� เนนิ การ โครงการ ขั้นตอนการด�ำเนินการ และขอบเขตการศกึ ษา 2. ศึกษาวิวัฒนาการของเสรีภาพและ บรบิ ททางการเมอื งในกระบวนการ แสดงออกซึ่งความคิดเห็นของ ประชาชนและเสรภี าพกระบวนการ เคลอ่ื นไหวในการชมุ นมุ ทางการเมอื ง ของไทยและตา่ งประเทศ 3. ศึกษาเปรียบเทียบเสรีภาพในการ ชุมนุมของไทยและตา่ งประเทศ 4. ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายท่ี เกี่ยวข้องกับการควบคุมเสรีภาพ การชุมนุมของไทยกับกฎหมายท่ี ก�ำหนดหลักเกณฑ์และควบคุม การชมุ นุมในต่างประเทศ 5. ศึกษาและวิเคราะห์บทบาทและ อ�ำนาจหน้าที่ของฝ่ายตุลาการหรือ องค์กรท่ีท�ำหน้าที่วินิจฉัยในเร่ือง สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของ ประชาชนในต่างประเทศ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 626
Pages: