Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

Description: สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

Search

Read the Text Version

๓) เป็นผู้บุกเบิกการใช้ศิลปวัฒนธรรมเป็นสื่อในการเปิดประตูสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา กับประเทศเพ่ือนบ้าน ท�ำให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา มีความสัมพันธ์อันดี กบั สถานศึกษาในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ๔) เปน็ ผบู้ กุ เบกิ ในการเปดิ สอนปรญิ ญาโททม่ี หาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ สงขลา ซง่ึ นบั วา่ เปน็ การเปดิ สอน ปรญิ ญาทางการศกึ ษาเป็นแห่งแรกในภาคใต้ ๕) เป็นผู้บุกเบิกในการติดต่อ ประสานงาน และร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ กับ Illinois State University โครงการความร่วมมือนี้เป็นผลท�ำให้อาจารย์และข้าราชการจาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ศึกษาดูงานและฝึกอบรมที่ Illinois State University มีจ�ำนวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐๐ คน ๖) มีส่วนร่วมในการสร้างหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา และเป็นประธานคนแรก ของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปน็ มหาวทิ ยาลัยไทยแห่งแรกที่เปดิ สอนปรญิ ญาเอก สาขาการบริหารการศกึ ษา ๗) เป็นที่ปรึกษาโครงการปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา ของมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ซึง่ เปน็ มหาวทิ ยาลัยเอกชนแห่งแรกที่เปิดสอนปรญิ ญาเอกทางการศกึ ษา ผลงานส�ำคัญอีกประการหน่ึง คือ เมื่อมีการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะการปฏิรูปวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง มีการตราพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ โดยก�ำหนดให้มีคณะกรรมการคุรุสภา มีอ�ำนาจหน้าท่ีด�ำเนินงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ ได้รับแต่งต้ัง โดยมติคณะรัฐมนตรีให้เป็นประธานกรรมการคุรุสภา ซ่ึงเป็นประธานกรรมการคุรุสภาคนแรกตามพระราชบัญญัติ สภาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พทุ ธศักราช ๒๕๔๖ ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ ได้ปฏบิ ัติหนา้ ทีป่ ระธาน กรรมการคุรุสภา ระหว่าง พุทธศักราช ๒๕๔๗-๒๕๕๑ โดยได้ร่วมกับคณะกรรมการคุรุสภาก�ำหนดข้อบังคับคุรุสภา ประกาศและระเบียบต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติของคุรุสภา เช่น ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๗ ขอ้ บงั คบั ครุ สุ ภาวา่ ดว้ ยมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณของวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๘ ขอ้ บงั คบั ครุ สุ ภา วา่ ดว้ ยการรบั รองความรแู้ ละประสบการณว์ ชิ าชพี เพอื่ การประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ และ ประกาศคณะกรรมการครุ สุ ภา เรอื่ งสาระความรแู้ ละสมรรถนะของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครู ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา และผบู้ รหิ าร การศกึ ษา ตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชพี พุทธศักราช ๒๕๔๙ เปน็ ต้น รวมท้งั ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศกั ดิ์ วิศาลาภรณ์ ยังเป็นประธานอนุกรรมการจัดท�ำสารานุกรมวิชาชีพครู เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสจัดงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี (๒๕๔๙) ก�ำหนดค�ำศัพท์ไว้ ๖๐ ค�ำ เน่ืองในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา (๒๕๕๐) ก�ำหนดค�ำศัพท์ไว้ ๘๐ ค�ำ และเน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ (๒๕๕๔) ซึ่งก�ำหนดค�ำศัพท์ไว้ ๘๔ ค�ำ เป็นการสร้างสรรค์ องค์ความร้ขู องวชิ าชพี ทางการศึกษา เป็นแหล่งสืบค้นของคนร่นุ หลงั และเป็นประโยชนต์ ่อวงการวชิ าชีพสืบไป 151 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

เกยี รตยิ ศและคุณงามความดี นอกเหนือจากการได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่งศาสตราจารย์ในสาขาวิชาการบริหารการศึกษา อันเป็นต�ำแหน่งสูงสุดทางวิชาชีพครูแล้ว ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักด์ิ วิศาลาภรณ์ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นราชบัณฑิตในประเภทสังคมศาสตร์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ ต้ังแต่วันท่ี ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙ ต่อจาก ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี และศาสตราจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ ซ่ึงเป็นราชบัณฑิตทางศึกษาศาสตร์คนท่ี ๓ ของประเทศ 152 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

เกียรติยศและคุณงามความดีของ ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักด์ิ วิศาลาภรณ์ อีกประการหนึ่งก็คือ การได้รับ พระราชทาน เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา ประจ�ำปี ๒๕๕๔ ซ่ึงเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา เป็นเหรียญ ท่ีพระมหากษัตริย์พระราชทานเพ่ือเป็นการเชิดชูเกียรติแก่บุคคล ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในทางศิลปวิทยา อันได้แสดง ใหป้ ระจกั ษเ์ ปน็ พเิ ศษวา่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ ประเทศชาติ โดยในการขอพระราชทานใหค้ ำ� นงึ อยา่ งรอบคอบถงึ กรณคี วามชอบ ทไี่ ด้ใช้ศิลปวทิ ยาเปน็ คณุ ประโยชน์แกป่ ระเทศชาติ วา่ มีลักษณะถงึ ขนาดจะได้รับบ�ำเหน็จเหรยี ญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา การได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาศึกษาศาสตร์นี้ เป็นการได้รับพระราชทานต่อเนื่อง จากศาสตราจารยพ์ เิ ศษ หมอ่ มหลวงปน่ิ มาลากลุ (๒๕๒๕) และศาสตราจารยส์ ุมน อมรวิวัฒน์ (๒๕๔๖) นับเปน็ คนท่ี ๓ ของประเทศไทย เครื่องราชอสิ ริยาภรณ์ ซ่งึ รบั พระราชทานเปน็ บำ� เหน็จแห่งคุณงามความดี มีดังนี้ พุทธศักราช ๒๕๒๗ ประถมาภรณม์ งกฎุ ไทย (ป.ม.) พุทธศักราช ๒๕๒๙ ประถมาภรณช์ ้างเผือก (ป.ช.) พุทธศักราช ๒๕๓๒ มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.) พทุ ธศักราช ๒๕๓๗ มหาปรมาภรณช์ า้ งเผือก (ม.ป.ช.) 153 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาการศึกษา ของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น และได้รับยกย่องเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของสถาบันท่ีได้ศึกษาเล่าเรียนมาหลายแห่ง รวมท้ังเป็นนักเรียนเก่าต่างชาติ เพียงคนเดยี วทีไ่ ดร้ บั การจารกึ ชื่อในหอเกียรติยศ (Hall of Fame) ของ Illinois State University เม่อื วนั ท่ี ๒๓ กนั ยายน ๒๕๓๘ ศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศกั ดิ์ วศิ าลาภรณ์ ราชบณั ฑติ ถงึ แกอ่ นจิ กรรม เมอื่ วนั ที่ ๑๔ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ สิริอายุ ๗๔ ปี ๓ เดือน ๑๖ วัน ผลงานและคุณงามความดีท่ีได้สร้างสรรค์ให้ไว้แก่วงการศึกษา จะส่งให้ศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศักดิ์ วศิ าลาภรณ์ ราชบณั ฑติ คงความเปน็ ปชู นียาจารยข์ องวงการศกึ ษาไทยตลอดไป บรรณานกุ รม เกียรติคุณทางการบรหิ ารการศกึ ษา ศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศักดิ์ วศิ าลาภรณ์ ราชบณั ฑิต (สิงหาคม ๒๕๕๗). (ม.ป.พ.). ค�ำบอกเล่าให้ข้อมูลเพ่ิมเติม จาก อาจารย์ไพศาล วิศาลาภรณ์ อดีตผู้อ�ำนวยการส�ำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ รองเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยยูเนสโก ประเทศไทย หัวหน้าส�ำนักงาน อามรี ุล้ ฮจั ยไี ทย ประจ�ำประเทศซาอุดิอาระเบยี . บนเสน้ ทางชวี ติ ศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศกั ด์ิ วศิ าลาภรณ์ ราชบณั ฑติ เนอ่ื งในโอกาสเกษยี ณอายรุ าชการ. (ม.ป.พ.). (ม.ป.ป.). รวบรวมประวตั แิ ละผลงาน ศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศกั ด์ิ วศิ าลาภรณ์ และ ดร.สนุ งนาถ สตู ะบตุ ร ในโอกาสเขา้ รบั พระราชทาน ปริญญาบัตร การศกึ ษาดษุ ฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ มหาวิทยาลัยบูรพา ประจ�ำปี ๒๕๕๑. (ม.ป.พ.). (ม.ป.ป.). หลักบริหารการศึกษาเกียรติคุณ ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ ราชบัณฑิต เนื่องในโอกาสอายุครบ ๖ รอบ วันที่ ๓๑ สงิ หาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ (สงิ หาคม ๒๕๕๕). (ม.ป.พ.). หลักวิชาชพี ทางการศึกษาเกียรติยศ ศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศักด์ิ วศิ าลาภรณ์ ราชบณั ฑติ เนอื่ งในโอกาสได้รบั พระราชทาน เหรยี ญดษุ ฎมี าลา เขม็ ศลิ ปวทิ ยา (สงิ หาคม ๒๕๕๖). (ม.ป.พ.). 154 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

กรอบความคดิ ของความรู้ในการสอนเนอ้ื หา โดยการน�ำเทคโนโลยมี าใช้ ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ไสว ฟักขาว ความเป็นมาของ TPACK TPACK มาจากชื่อเต็มว่า Technological Pedagogical and Content Knowledge เป็นกรอบความคิดที่ อธบิ ายถงึ ความรทู้ จี่ ำ� เปน็ ในการสอนเนอื้ หาอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพโดยการใชเ้ ทคโนโลยซี งึ่ มคี วามสมั พนั ธท์ ซี่ บั ซอ้ นระหวา่ ง องค์ความรู้ ๓ ด้าน คือ ความรู้ในด้านเนื้อหา ความรู้ในด้านการสอน และความรู้ในด้านเทคโนโลยี ท้ังในทางทฤษฎีและ การปฏิบัติ กรอบความคิดน้ีขยายมาจากกรอบความคิดของชูลแมน (Shulman, 1986) ที่เช่ือว่าความรู้ในเนื้อหาวิชา (Content Knowledge) และความรู้ในการสอน (Pedagogical Knowledge) เป็นส่ิงท่ีมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ดังน้ัน หลักสูตรหรือโปรแกรมทางครุศึกษา (Teacher Education) ควรต้องรวมความรู้ท้ังสองด้านข้างต้นเข้าด้วยกัน (Hlas and Hilderbrandt, 2010) ซง่ึ เรียกวา่ ความรใู้ นการสอนเน้อื หา (Pedagogical Content Knowledge: PCK) PCK เปน็ ความรขู้ องครทู เี่ กยี่ วกบั การนำ� เสนอและการสรา้ งความคดิ รวบยอดในเนอ้ื หาวชิ าทสี่ อน การใชเ้ ทคนคิ การสอน การให้ความส�ำคัญของความรู้เดิมท่ีจะช่วยเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจในความรู้ใหม่ที่สอนอย่างถูกต้อง ซ่ึงครู จะต้องมีความรู้ท้ังด้านการสอนและด้านเนื้อหาอย่างชัดแจ้ง เช่น ครูท่ีสอนวิชาคณิตศาสตร์จะต้องมีความรู้ด้านการสอน และเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์อย่างดี และเข้าใจบทบาทของตนว่าไม่ใช่สอนเน้ือหาวิชาคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ตอ้ งน�ำความรู้ในการสอนมาใชใ้ นการสอนคณิตศาสตรใ์ หน้ กั เรยี นเข้าใจอยา่ งลึกซึ้งและถูกต้อง 155 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

แผนภาพท่ี ๑ กรอบความคดิ PCK ในการสอนคณติ ศาสตร์ ที่มา: https://reflectionsinthewhy.files.wordpress.com/2013/04/pk-pck-ck.jpg องค์ประกอบของ TPACK ต่อมา เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทส�ำคัญในการจัดการเรียนการสอนจึงมีการขยายกรอบความคิดของ PCK โดยบูรณาการความรู้ด้านเทคโนโลยีเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งด้าน เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพของการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยี จนกลายเป็นกรอบความคิดที่กว้างข้ึนท่ีเรียกว่า Technological Pedagogical Content Knowledge ใช้ตัวย่อว่า TPCK หรอื ในปัจจบุ นั นยิ มใช้ TPACK ซ่งึ มี ๗ องคป์ ระกอบ ดังแผนภาพที่ ๒ แผนภาพที่ ๒ กรอบความคิดของ TPACK และความรทู้ ่อี งค์ประกอบ ๗ ประการ ทมี่ า: http://www.tpack.org 156 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

จากแผนภาพที่ ๒ แสดงให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์ ขององค์ประกอบพ้ืนฐาน ๓ อย่างภายใต้กรอบความคิด TPACK คอื ความร้ใู นเนอ้ื หา (CK) ความร้ใู นการสอน (PK) และความรู้ในเทคโนโลยี (TK) นอกจากนี้ยังมีความรู้ ที่เกดิ จากการมีปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งองค์ประกอบทั้ง ๓ อยา่ ง แต่ละคู่ ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับการสอนเนื้อหา (PCK) ความรู้ เกย่ี วกบั การนำ� เทคโนโลยมี าใช้ในเน้อื หา (TCK) และความรู้ เกย่ี วกบั การสอนโดยใชเ้ ทคโนโลยี (TPK) ตรงกลางของแผนภาพ แสดงถึงปฏสิ มั พันธข์ ององคป์ ระกอบท้งั ๓ ดา้ น คอื ความรู้ ในการสอนเนอื้ หาโดยการน�ำเทคโนโลยีมาใช้ (TPACK) การสอนเนื้อหาวิชาใด ๆ โดยการน�ำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพครูต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง ความรู้แต่ละด้านท่ีเป็นองค์ประกอบเหล่าน้ีและการประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมตามบริบท โคห์เลอร์และมิชรา (Koehler & Mishra, 2009) ไดอ้ ธบิ ายความรแู้ ตล่ ะองคป์ ระกอบใน TPACK ไวด้ งั นี้ ความรู้ในเน้ือหา (Content Knowledge: CK)  เป็นความรู้ของครูเก่ียวกับเน้ือหาวิชาท่ีสอนหรือจัดให้ผู้เรียน ในระดับต่าง ๆ ได้เรียน เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ เป็นต้น ซึ่งครอบคลุม ความคิดรวบยอด ทฤษฎี กรอบความคิด กระบวนการพิสจู น์ หรอื สรา้ งความรู้ ตลอดจนแนวทางในการพัฒนาความรู้ในเนอ้ื หาวชิ าเหลา่ นัน้ การท่ีครูมีความรู้ไม่เพียงพอและไม่ชัดเจนในเนื้อหาท่ีสอนจะท�ำให้นักเรียนได้รับข้อมูลท่ีไม่ถูกต้องและท�ำให้เกิด ความคดิ รวบยอดทค่ี ลาดเคล่ือน (misconception) ในเน้ือหาที่สอน (National Research Council, 2000; Pfundt & Duit, 2000) ความรู้ในการสอน (Pedagogical Knowledge: PK) เป็นความรู้ของครูเก่ียวกับกระบวนการจัดการเรียน การสอน วิธีการและเทคนิคในการสอนแบบต่าง ๆ กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน จุดประสงค์ในการจัดการศึกษา การจัดการช้ันเรียน การวางแผนการสอน และการประเมินผลการเรียนของนักเรียน ธรรมชาติของผู้เรียน ครูที่มีความรู้ ในการสอนอย่างลึกซ้ึงจะเข้าใจพัฒนาการทางสติปัญญา วิธีการสร้างความรู้ การพัฒนาทักษะที่ส�ำคัญ การสร้างนิสัยที่ดี รวมทงั้ การสรา้ งเจตคตทิ ่ีดตี อ่ การเรยี นใหเ้ กดิ ข้นึ ในตวั ผ้เู รยี นได้ ความรใู้ นเทคโนโลยี (Technological Knowledge: TK) เปน็ ความรขู้ องครเู กย่ี วกบั การทำ� งานดว้ ยเทคโนโลยี เครื่องมือและแหล่งเทคโนโลยีต่าง ๆ ตลอดจนความเข้าใจในเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างกว้างขวางและเพียงพอ ในการประยุกต์ใช้ในการสอน ความหมายของความรู้ในเทคโนโลยี(TK) ในกรอบความคิดของ TPACK ท่ีเสนอ โดย Committee of Information Technology Literacy of the National Research Council (NRC, 1999) จะเน้นไปที่ ความคล่องแคล่ว ช�ำนาญในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Fluency of Information Technology: FITness) และสามารถ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานท่ีรับผิดชอบอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ ดงั นั้น ความรู้ดา้ นเทคโนโลยีจงึ ตอ้ งมกี ารพัฒนาอยา่ งต่อเนือ่ ง 157 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความรู้ในการสอนเนื้อหา (Pedagogical Content Knowledge: PCK) เป็นความรู้ในการสอนวิชาเฉพาะ ซึ่งครูต้องสามารถแปลงเนื้อหาไปสู่การสอนได้อย่างเหมาะสม โดยการตีความเน้ือหา ใช้วิธีการในการน�ำเสนอเนื้อหา ทหี่ ลากหลาย ปรบั เปลย่ี นและสรา้ งสอื่ การสอนทสี่ อดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาและความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี นเพอ่ื ชว่ ยใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ สงิ่ ทเี่ รยี นอยา่ งลกึ ซงึ้ ความรใู้ นการสอนเนอื้ หาครอบคลมุ ความรเู้ กย่ี วกบั วธิ กี ารจดั การเรยี นการสอน การเรยี นรขู้ องนกั เรยี น หลักสูตรการจัดการช้ันเรียน การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนและการรายงาน ซ่ึงการประยุกต์ ใช้ความรดู้ า้ นนี้ ครูต้องมีความยืดหยุ่นและปรบั ใหส้ อดคลอ้ งกับบรบิ ทของหอ้ งเรียนและนักเรยี นทีต่ นเองรับผิดชอบ ความรู้ในการน�ำเทคโนโลยีมาใช้ในเนื้อหา (Technological Content Knowledge: TCK)  เป็นความรู้และ ความเข้าใจถึงอิทธิพลของเทคโนโลยีกับเน้ือหาวิชา ครูควรมีความรู้มากกว่าเน้ือหาวิชาที่สอน แต่จะต้องมีความเข้าใจ การนำ� เทคโนโลยมี าใชใ้ นการสอนเนอื้ หาวชิ าเฉพาะอยา่ งเหมาะสม และรวู้ า่ เทคโนโลยใี ดดที สี่ ดุ ในการนำ� มาใชใ้ นการสอน แต่ละเรื่อง เทคโนโลยีจะช่วยให้การน�ำเสนอหรืออธิบายเน้ือหาเข้าใจง่ายและเป็นรูปธรรม ในอดีตมีการใช้ความรู้เร่ือง รังสเี อก็ ซ์ ชว่ ยในการอธบิ ายความรู้ทางการแพทย์ การใช้เทคนคิ Carbon-14 dating ชว่ ยอธิบายการหาอายุของวัตถโุ บราณ ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการท�ำให้เน้ือหาในวิชาต่าง ๆ เรียนรู้ได้ง่ายข้ึน เช่น การใช้ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ ในการสร้างสถานการณ์จ�ำลองภาพจ�ำลองในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และวิชาอื่น ๆ อกี มากมาย ดังน้ัน ครทู ส่ี อนวิชาใดควรศกึ ษาเทคโนโลยีท่ีมีการนำ� มาใช้ในวิชาน้นั ด้วย ความรู้ในการน�ำเทคโนโลยีมาใช้ในการสอน (Technological Pedagogical Knowledge: TPK) เป็นความรู้ และความเข้าใจของครูในการน�ำเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมาใช้ในการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนและวิธีการเรียนรู้ ของนักเรียน ซ่ึงจะน�ำไปสู่การออกแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยี ครูต้องศึกษาข้อดีและข้อจ�ำกัดของ เทคโนโลยีทน่ี �ำมาใช้ในการจัดการเรยี นการสอนแต่ละชนิด ตวั อย่างเทคโนโลยีทม่ี ีการนำ� มาใช้ในการจดั การเรียนการสอน ทเ่ี ปน็ อปุ กรณ์ เชน่ กระดานอจั ฉรยิ ะ (Genius Board) เครอ่ื งVisualizer เครอ่ื ง Projector เปน็ ตน้ เทคโนโลยที เี่ ปน็ ซอฟตแ์ วร์ ซ่ึงมีการน�ำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เช่น ไมโครซอฟต์เวิร์ด (Microsoft Word) ไมโครซอฟต์เอ็กเซล (Microsoft Excel) ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยต์ (Microsoft Power Point) มายด์แมปเปอร์(Mind Mapper) สเก็ตแพต (Sketchpad) โปรแกรมผลติ บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน(CAI) และโปรแกรมทใ่ี ชต้ ดิ ตอ่ ทางเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ตน้ ความรู้ในการน�ำเทคโนโลยีมาใช้ในการสอนเนื้อหา (Technological Pedagogical Content Knowledge: TPACK)  เปน็ ความรู้ ความเขา้ ใจของครใู นความสมั พนั ธข์ องความรใู้ นเนอื้ หาความรู้ ในการสอน และความรู้ในเทคโนโลยี ในลักษณะองค์รวมไม่แยกส่วน การน�ำเทคโนโลยีมาใช้ในการน�ำเสนอเนื้อหาท่ีสอนจะช่วยให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้เน้ือหาท่ียากได้ง่ายและเข้าใจอย่างลึกซ้ึงข้ึน เนื่องจาก เทคโนโลยจี ะชว่ ยทำ� ใหเ้ นอ้ื หาทเ่ี ปน็ นามธรรมเหน็ เปน็ รปู ธรรม นอกจากน้ี ครคู วรสง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นใชเ้ ทคโนโลยเี ปน็ เครอ่ื งมอื ในการเรยี นรแู้ ละ การท�ำงาน การน�ำเทคโนโลยีมาใช้ในการสอนเน้ือหาอย่างเหมาะสม จะชว่ ยใหค้ รสู อนอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 158 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ประโยชนข์ องกรอบความคิดของความรู้ในการสอนเนอื้ หา โดยการนำ� เทคโนโลยีมาใช้ (TPACK ) กรอบความคดิ ของความรใู้ นการสอนเนอื้ หาโดยการนำ� เทคโนโลยมี าใชด้ งั กลา่ วขา้ งตน้ มปี ระโยชนต์ อ่ วงการศกึ ษา ดงั ต่อไปน้ี ๑. เป็นแนวทางในการก�ำหนดโครงสร้างของความรู้ของครูท่ีส�ำคัญในหลักสูตรการผลิตครูของสถาบัน การศึกษาต่าง ๆ ๒. เปน็ แนวทางในการกำ� หนดหลกั สตู รฝกึ อบรมเพอื่ พฒั นาวชิ าชพี ครแู ละคณาจารย์ ใหส้ ามารถจดั การเรยี นการสอน ในวิชาตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ๓. เป็นแนวทางในการก�ำหนดประเดน็ การวจิ ยั เพอ่ื พัฒนาการผลติ และพัฒนาวชิ าชพี ครูให้เป็นวชิ าชีพชน้ั สงู ๔. เป็นแนวทางในการประเมนิ สมรรถนะของครูและคณาจารยท์ ีส่ อนในแตล่ ะวชิ า บรรณานุกรม Hlas, A. & Hildebrandt, S. (2010). Demonstrations of pedagogical content knowledge: Spanish liberal arts and Spanish education majors’ writing. L2 Journal, 2(1), 1- 22. Koehler, M. J., & Mishra, P. (2009). What is technological pedagogical content Knowledge? Contemporary Issues in Technology and Teacher Education, 9 (1), 60-70. National Research Council. (1999). Being fluent with information technology literacy. Computer science and telecommunications board commission on physical sciences, mathematics, and applications. Washington, DC: National Academy Press. _________. (2000).  How people learn: Brain, mind, experience, and school. Washington, DC: National Academy Press. Pfundt, H., & Duit, R. (2000).  Bibliography: Student’s alternative frameworks and science education. (5th ed.). Kiel, Germany: University of Kiel. Shulman, L.S. (1986). Those who understand: Knowledge growth in teaching. Educational Researcher, 15 (2), 4-14. 159 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

กรอบมาตรฐานคุณวุฒแิ หง่ ชาติ ศาสตราจารยก์ ิตตคิ ณุ ดร.ไพฑูรย์ สนิ ลารัตน์ ดร.ศรเนตร อารีโสภณพิเชฐ ดร.สริ ภิ กั ตร์ ศริ โิ ท กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิ (Qualifications Framework) คอื ระบบทแี่ สดงความเชอ่ื มโยงเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ของการศึกษาของชาติ ระบบดังกล่าวจะบ่งบอกโครงสร้างของการศึกษา ความต่อเน่ืองและเชื่อมโยงของแต่ละระดับ การเข้าสู่แต่ละระดับ รวมทั้งวุฒิหรือผลลัพธ์ของผู้จบการศึกษาแต่ละระดับ ในบางกรณีจะแสดงผู้จัดหรือผู้รับผิดชอบ การศึกษาแต่ละระดับด้วย ค�ำนิยามนี้เป็นการประมวลภาพของกรอบมาตรฐานคุณวุฒิที่สมบูรณ์ครบถ้วน ท�ำให้เห็นภาพ ของกรอบมาตรฐานคุณวุฒิได้ชัดเจน ซ่ึงโดยส่วนใหญ่แล้ว รายละเอียดของค�ำนิยามก็จะออกมาในลักษณะของผลลัพธ์ (Outcome) เป็นหลักอยู่แล้ว จากค�ำนิยามของกรอบมาตรฐานคุณวุฒิดังกล่าวท�ำให้เห็นภาพว่า กรอบคุณวุฒิน้ันแสดงถึง ระบบการศึกษาในแต่ละระดับสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ละระดับเม่ือส�ำเร็จการศึกษาแล้ว จะมีคุณวุฒิอะไรเป็นหลัก คุณวุฒิน้ันเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการส่ือสารถึงกันในหมู่ ผู้ให้การศึกษาและผู้ใช้การศึกษาเอง และจะเป็นหลักประกัน ว่าผ้สู �ำเรจ็ การศึกษาในระดบั นนั้ มีคณุ สมบตั ิตรงตามที่เข้าใจกนั หรอื ไม่ เมื่อพิจารณาตามค�ำนิยามดังกล่าวแล้ว ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่ากรอบมาตรฐานคุณวุฒินั้น เป็นกระบวนการหรือ เป็นเคร่ืองมือในการประกันคุณภาพในลักษณะหนึ่งน่ันเอง เป็นการประกันคุณภาพในระบบของการศึกษาเองและ เป็นเครอ่ื งมือใหบ้ ุคคลภายนอกได้รู้ เข้าใจและตรวจสอบได้ 160 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความเป็นมาของกรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิแห่งชาติ แนวคิดของการพัฒนากรอบมาตรฐานคุณวุฒิในลักษณะน้ี เร่ิมต้นขึ้นก่อนในประเทศสกอตแลนด์ในปี 1984 เม่ือรัฐบาลสกอตแลนด์เร่ิมใช้ระบบ Module ที่แสดงคุณสมบัติของผู้เรียนและผู้เข้าอบรมในทางวิชาชีพ พร้อมกับ ก�ำหนดช่ัวโมงเรียนแทนระบบอาชีวศึกษาแบบเดิม เม่ือจบ Module หน่ึงแล้ว ก็จะได้วุฒิบัตรของสภาการอาชีวศึกษา ของสกอตแลนด์ (Scottish Vocational Education Council) หลังจากน้ัน สกอตแลนด์ก็ได้พัฒนาขึ้นเป็นกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับชาติ เมื่อปี 2001 จุดเร่ิมต้นท่ีเป็นแรงผลักดันอีกแห่งหนึ่งคือ การพัฒนาคุณวุฒิทางอาชีพระดับชาติ (National Vocational Qualification: NVQ) ของประเทศอังกฤษเมื่อปี 1986 ซ่ึงได้ประกาศใช้ไปทั่วประเทศ และน�ำไปสู่ การเปล่ียนแปลงทางด้านการศึกษาและการฝึกอบรมของอังกฤษอย่างมาก จนได้พัฒนามาเป็นกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดบั ชาตขิ ององั กฤษในเวลาตอ่ มา (Young, 2003) หลงั จากไดม้ กี ารพฒั นาและนำ� ไปใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางในสกอตแลนดแ์ ละ อังกฤษแล้วก็ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างกว้างขวางในกลุ่มประเทศเครือจักรภพอังกฤษ โดยเฉพาะในออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และนวิ ซแี ลนด์ ทไ่ี ดพ้ ฒั นาขึ้นอยา่ งสมบรู ณ์แบบอยา่ งมาก เหตุทีท่ ำ� ใหม้ กี ารพัฒนากรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิ การพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เป็นเคร่ืองมือหน่ึงในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศ ท่ีเช่ือมโยงกับ ระบบประกันคุณภาพ เป็นการสร้างมาตรฐานการศึกษาระดับชาติ โดยใช้ระบบคุณวุฒิเป็นองค์ประกอบส�ำคัญ ในการ ประเมินศกั ยภาพการเรยี นรขู้ องบคุ คลทเี่ ชอ่ื มโยงกบั คณุ วฒุ ิ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ระบบหนว่ ยกติ การเทยี บโอนประสบการณ์ การเรยี นรทู้ ่มี ีมาก่อน ปัจจยั ส�ำคญั ที่ทำ� ให้เกิดการพัฒนากรอบคุณวฒุ ิแหง่ ชาติของประเทศตา่ ง ๆ มีดงั นี้ ๑. การปฏิรปู ระบบการศึกษาในสหภาพยุโรปตามปฏญิ ญาโบโลญญ่า การปฏิรูประบบการศึกษาในสหภาพยุโรปตามปฏิญญาโบโลญญ่า (Bologna Declaration, 1999) ทม่ี งุ่ พฒั นาเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษายโุ รป (European Higher Education Area: EHEA) กำ� หนดใหป้ ระเทศตา่ ง ๆ ในสหภาพยโุ รป พัฒนาระบบการเทียบคุณวุติของแต่ละประเทศให้สามารถเทียบเคียงกันได้ และพัฒนาระบบการศึกษาของแต่ละประเทศ ให้มีมาตรฐานสากล เพ่ือที่จะสามารถเทียบเคียงคุณวุฒิระหว่างประเทศได้ รวมไปถึงการพัฒนามิติในการสร้างความร่วมมือกัน ในการพัฒนาหลักสูตรระหว่างสถาบัน (Joint degree) และส่งเสริมให้เกิดการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ นอกจากน้ี สหภาพยุโรปมีการก�ำหนดข้อตกลงร่วมกันของประเทศสมาชิกในกระบวนการโคเปนเฮเกน (Copenhagen process) ให้แต่ละประเทศมีการพัฒนากรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ (National Qualification Framework: NQF) โดยจัดท�ำเป็น ตารางเมตริกซ์ ท่ีระบุสมรรถนะและจัดท�ำรายละเอียดแยกกันในแต่ละสาขาวิชาชีพ เพื่อให้เกิดมาตรฐานของการเรียน และการฝกึ อบรมระดบั อนปุ รญิ ญา (Diploma) หรือการศึกษานอกระบบ (Non-formal) โดยกรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิยุโรป (EQF) ท่ีจัดท�ำข้ึน สามารถอ้างอิงและเทียบเคียงกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติของประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มสมาชิกได้ 161 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ทั้งในด้านเน้ือหา/กิจกรรม ระดับการศึกษา จ�ำนวนหน่วยกิตและระยะเวลาเรียน/ฝึกอบรม และในการประชุมท่ี เบอร์เจน (Bergen) ได้ก�ำหนดให้การพัฒนาพ้ืนที่อุดมศึกษาของยุโรปเช่ือมโยงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของประเทศ ต่าง ๆ ในยุโรป (National framework) พร้อมท้ังก�ำหนดมาตรฐานและแนวทางการประกันคุณภาพการจัดการการศึกษา ในพนื้ ทอ่ี ดุ มศกึ ษายุโรป จากกระแสการพัฒนาระบบการศึกษา และการพัฒนาความร่วมมือทางการศึกษาดังกล่าวของยุโรป ท�ำให้ประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลก เกิดความต่ืนตัวในการปฏิรูประบบการศึกษา รวมถึงการปฏิรูประบบคุณวุฒิระดับชาติ ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ สามารถเทียบโอนความรู้และประสบการณ์เป็นวุฒิการศึกษา เพ่ือการศึกษาต่อท้ังในประเทศและต่างประเทศ เน่ืองจากหลายประเทศมีความแตกต่างกันเก่ียวกับระบบการศึกษา และด�ำเนินงานมาตรฐานคุณวุฒิทางการศึกษาเป็นอิสระจากกันในแต่ละรัฐ ไม่ได้ใช้ระบบคุณวุฒิที่เป็นแกนกลาง ของประเทศ เช่น ประเทศออสเตรเลีย นอกจากน้ี บางประเทศยังมีระบบมาตรฐานคุณวุฒิที่มีแยกเฉพาะสาขาวิชาชีพ ต่างหาก เช่น ประเทศฮ่องกง ความหลากหลายเกี่ยวกับระบบคุณวุฒิของแต่ละประเทศ ท�ำให้เกิดความไม่ม่ันใจ ในคุณภาพและความเท่าเทียมกันของคุณวุฒิ การสร้างกรอบมาตรฐานคุณวุฒิที่มีเกณฑ์การประเมินท่ีชัดเจน สามารถ เทียบโอนคุณวุฒิระหว่างรัฐต่าง ๆ ภายในประเทศและระหว่างประเทศ จึงเป็นแนวทางส�ำคัญท่ีช่วยให้เกิดการพัฒนา คุณภาพการศกึ ษาและทำ� ให้เกดิ ความโปรง่ ใสในการเทียบโอนคณุ วุฒิ ๒. การพัฒนาระบบคุณวฒุ ใิ ห้เกดิ ความโปรง่ ใส การเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วทเี่ กดิ ขนึ้ จากกระแสโลกาภวิ ตั น์ เปน็ ปจั จัยหลกั ทสี่ ำ� คญั ทำ� ให้เกิดการปฏริ ปู การศกึ ษาและการพฒั นาระบบการศกึ ษาในประเทศตา่ ง ๆ ทวั่ โลก มงุ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาการศกึ ษาทม่ี คี ณุ ภาพและมาตรฐาน เป็นท่ียอมรับในระดับชาติและนานาชาติ การพัฒนาระบบคุณวุฒิของประเทศให้ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ และนานาชาติ เป็นแนวทางส�ำคัญในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศให้ก้าวไปสู่ความเป็นสากล การพัฒนา ระบบคุณวุฒิไม่ใช่เร่ืองใหม่ในด้านการศึกษา แต่การพัฒนาให้คุณวุฒิของแต่ละประเทศ สามารถเทียบเคียงกันได้ ในระดับนานาชาติ นับเป็นพัฒนาการในการสร้างมาตรฐานของระบบคุณวุฒิ จากกระแสการปฏิรูประบบการศึกษา ตามปฏิญญาโบโลญญ่าในสหภาพยุโรป นับจุดเร่ิมต้นในการพัฒนากรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติของประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป และส่งผลไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เกิดความต่ืนตัวและตระหนักถึงความจ�ำเป็นในการพัฒนาระบบคุณวุฒิ ของประเทศ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติเป็นการสร้างมาตรฐานระดับชาติในการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ ของบคุ คลทอ่ี ยใู่ นระบบและนอกระบบการศกึ ษา โดยมเี กณฑม์ าตรฐานรองรบั มคี วามโปรง่ ใส (Transparency) ในการเทยี บโอน คณุ วฒุ ิ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ ละการเทยี บโอนประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ม่ี มี ากอ่ น เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ในคนทกุ ระดบั การศกึ ษา นอกจากนี้ การสง่ เสรมิ ใหภ้ าคเอกชนเขา้ มามบี ทบาทในการจดั การศกึ ษามากขนึ้ ในหลายประเทศ ตามนโยบายของภาครัฐ ท�ำให้มีสถาบันการศึกษาเพ่ิมจ�ำนวนขึ้นอย่างมาก จึงจ�ำเป็นต้องดูแลเร่ืองการรับรองมาตรฐาน และการรบั รองหลกั สูตรให้มคี วามโปร่งใส และเทยี บเคียงกนั ได้ 162 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๓. การปฏริ ปู และการจดั การระบบคุณวุฒิเพอื่ สง่ เสริมการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ (Lifelong Learning) เปน็ เปา้ หมายหลกั สำ� คญั ในการสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การพฒั นาศกั ยภาพ การเรียนรู้ของบุคคล ในยุคที่มีการแข่งขันและยุคเศรษฐกิจฐานความรู้เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานในยุคของการแข่งขันที่เพิ่ม มากขึน้ การส่งเสริมให้เกิดการเรยี นรตู้ ลอดชีวิตในทกุ ระดบั การศึกษา ทงั้ ในระบบและนอกระบบการศึกษา เป็นแนวทาง ส�ำคัญที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาคนอย่างยั่งยืน การส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเป้าหมายส�ำคัญท่ีประเทศต่าง ๆ ตระหนักถึงในการพัฒนากรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ โดยใช้หลักการเทียบโอนประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีมีมาก่อน และได้รับการรับรอง (Accreditation of Prior Experiential Learning) หรือ การเรียนรู้ท่ีมีมาก่อน (Recognition of Prior Learning: RPL) ซงึ่ ครอบคลุมทงั้ ทเ่ี ปน็ การเรยี นรูใ้ นระบบปกติ และประสบการณท์ ่เี กดิ จากการเรยี นร้ทู ไ่ี ม่มีคณุ วฒุ ิ ความสำ� คญั ของกรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิแห่งชาติ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ มีความส�ำคัญและเป้าหมายในการพัฒนามาตรฐานการศึกษาของชาติ ที่สอดแทรกกลไกในการควบคุมคุณภาพการศึกษาท้ังระบบ ซึ่งหากพิจารณาประเด็นส�ำคัญของกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิแหง่ ชาติ มีหลกั สำ� คัญ ดงั นี้ ๑) กลไกในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา กรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ เป็นเครื่องมือ ชว่ ยในการพฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานการศกึ ษาตามทกี่ ำ� หนด ไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๔๕ และ ท่ีก�ำหนดไว้ในมาตรฐานการศึกษาของชาติ ไปสู่การปฏิบัติ ไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม ดว้ ยการนำ� ไปเปน็ หลกั ในการพฒั นาหลกั สตู ร การเรียนการสอน และการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน และเป็นกรอบส�ำคัญในการกำ� หนดมาตรฐานผลการเรียนรู้ของ ผเู้ รยี นทคี่ าดหวงั เปน็ การบรู ณาการทงั้ ทฤษฎแี ละการปฏบิ ตั จิ รงิ เข้าไว้ด้วยกันในการออกแบบหลักสูตร ตลอดจนเป็นกลไก ควบคุมคุณภาพที่ต้องมีการส�ำรวจข้อมูลจากผู้ที่เก่ียวข้องกับ หลกั สตู ร ทงั้ ผเู้ รยี นทเ่ี ปน็ กลมุ่ เปา้ หมาย ผจู้ า้ งงาน อตุ สาหกรรมทง้ั ระดบั ทอ้ งถนิ่ และระดบั ชาติ โดยเฉพาะในสายการศกึ ษา ท่ีเก่ียวข้องกับการฝึกอาชีพและความช�ำนาญเฉพาะทาง และยังเป็นการสร้างความเข้าใจและความม่ันใจในคุณภาพของ ผูส้ �ำเร็จการศกึ ษาหรอื บณั ฑิตให้แกผ่ ทู้ ่ีเกีย่ วขอ้ ง 163 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๒) การรับรองสมรรถนะทตี่ ดิ ตัวผู้เรยี น การใช้หน่วยมาตรฐานเป็นหน่วยวัดส�ำหรับทุกหลักสูตร ทุกคุณวุฒิ จะเป็นเสมือนใบรับรองสมรรถนะ ที่ติดตัวผู้เรียนไปทุกท่ีทุกแห่งทุกเวลา ไม่ว่าผู้เรียนจะเรียนอยู่ที่ไหนในโลก เนื่องจากหน่วยมาตรฐานนั้นประเมินผลลัพธ์ การเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน โดยอยู่บนฐานของความต้องการของอุตสาหกรรมและผู้จ้างงานเป็นหลัก คุณค่า ของความรู้ของผเู้ รยี นจึงไม่ถกู จำ� กัดโดยสถานทท่ี ี่เรยี นอกี ต่อไป การใช้หนว่ ยมาตรฐานเช่นนเ้ี ปน็ การสนบั สนนุ หลกั การ เร่ืองการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ซ่ึงเป็นแกนกลางส�ำคัญของการพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และยังลดความยุ่งยากเรื่องความซ้�ำซ้อนของเนื้อหาท่ีจะเรียน ท�ำให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการและความก้าวหน้าในการเรียนรู้ มากขึ้น ๓) การพัฒนามาตรฐานการศกึ ษาของชาตสิ สู่ ากล การพัฒนากรอบคุณวุฒิ เป็นความพยายามในการบูรณาการระบบการศึกษาในหลายมิติ เพ่ือสร้างความ เป็นหน่ึงเดียวกันของระบบ (Unify or Integration) ท้ังในมิติของการบูรณาการระหว่างระบบการศึกษาภาคปกติ และการศึกษานอกระบบ ระหว่างสายการศึกษาสามัญกับสายการฝึกอบรม ฝึกประสบการณ์และอาชีพ เข้าด้วยกัน เป็นหน่ึงเดียว เป็นระบบท่ีสามารถเทียบเคียงคุณวุฒิระหว่างประเทศได้ และเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ได้ ท้ังนี้ มาตรฐานดังกล่าวนับว่าเป็นตัวแทนของคุณภาพการศึกษาของประเทศ ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร และเป็น มาตรฐานการศึกษาท่ีได้รับการรับรองจากหน่วยงานของชาติ ซ่ึงเป็นการสร้างความน่าเช่ือถือในคุณภาพการศึกษา ท้ังในระดับชาติและระดับนานาชาติ และเป็นการเชื่อมโยงระดับและจุดเน้นของการศึกษาให้เป็นระบบ รวมท้ัง เพ่ือให้บคุ คลได้มโี อกาสเพมิ่ พูนความร้ไู ด้อยา่ งตอ่ เน่อื งและหลากหลายตามหลกั การศกึ ษาตลอดชีวติ 164 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

โครงสร้างกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ โครงสร้างกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติของประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลก มีทิศทางในการก�ำหนดกรอบ ในการพัฒนาทใ่ี กลเ้ คยี งกนั ซง่ึ มีองคป์ ระกอบหลกั ท่ใี ชใ้ นการอธบิ ายคณุ วุฒิ ดงั น้ี ๑) ระดับคุณวุฒิ (Level) การพัฒนากรอบคุณวุฒิทางการศึกษาของประเทศต่าง ๆ มีระดับการศึกษา เป็นองค์ประกอบส�ำคัญในการพิจารณาคุณวุฒิ โดยแบ่งระดับบนฐานของผลลัพธ์ การเรียนรู้ที่ได้จากการศึกษา ในระดับน้ัน ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วระดับคุณวุฒิแบ่งตามระดับการศึกษา ต้ังแต่ระดับการศึกษาภาคบังคับ การศึกษา ระดบั อาชวี ศกึ ษาจนถงึ ระดบั อดุ มศกึ ษา ซง่ึ การแบง่ ระดบั การศกึ ษาในกรอบคณุ วฒุ ิ ของประเทศตา่ ง ๆ มคี วามแตกตา่ งกนั ไปตามระบบการศึกษาของประเทศนัน้ ๆ ๒) ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน (Learning outcomes) แนวคิดผลลัพธ์การเรียนรู้เป็นฐาน (Outcomes-based approaches) ได้ถูกน�ำมาใช้ในการก�ำหนดแนวทางการประเมินผลการเรียนรู้ของบุคคลในการรับรองคุณวุฒิระดับชาติ โดยผลลัพธ์การเรียนรู้ หรือ ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนจะเพ่ิมระดับของความซับซ้อนในด้านต่าง ๆ ตามระดับการศึกษา ซึ่งเป็นผลจากการออกแบบหลักสูตร วิธีการเรียนการสอน การเรียนรู้และการประเมินผล ผลลัพธ์การเรียนรู้ไม่ได้ เป็นเพียงเครื่องมือท่ีใช้ในการแบ่งระดับคุณวุฒิ หรือระดับของหลักสูตรเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทส�ำคัญในการบูรณาการ การจดั การศกึ ษากบั การประเมนิ ผลไว้ โดยบรู ณาการความรทู้ างวชิ าการเขา้ กบั การอาชวี ศกึ ษาและฝกึ อบรม เพอื่ เปดิ โอกาส ในการเรยี นรใู้ หแ้ กผ่ เู้ รยี นและสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ เรยี นรตู้ ลอดชวี ติ สว่ นการประเมนิ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรทู้ มี่ ากอ่ นนน้ั มหี ลกั การสำ� คญั คือ ต้องมีความชัดเจนและสามารถพิจารณาประเมินความรู้ทักษะท่ีผู้เรียนได้รับจากการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับความส�ำเร็จ ของผู้เรยี นมากกวา่ พจิ ารณาจากความตัง้ ใจของผู้สอน กรอบมาตรฐานคุณวุฒแิ หง่ ชาตขิ องไทย พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ และทแ่ี กไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๒) พุทธศกั ราช ๒๕๔๕ กำ� หนดใหม้ รี ะบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา เพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานการศกึ ษาทกุ ระดบั และเพอ่ื เปน็ การ พฒั นาไปอกี ขนั้ หนงึ่ ของการประกนั คณุ ภาพ สำ� นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา จงึ ไดด้ ำ� เนนิ การโครงการจดั ทำ� กรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาขึ้นเป็นหน่วยงานหลักของประเทศไทย เพ่ือสร้างความเข้าใจตรงกันของผู้เกี่ยวข้องกับ การอุดมศึกษา ท้ังสถาบันอุดมศึกษา ผู้ควบคุมมาตรฐาน และผู้ใช้บัณฑิต ทั้งน้ีเพื่อให้มีหลักประกันท่ีชัดเจนในคุณภาพ ของบัณฑิตระดับอุดมศึกษา อีกทั้งเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้แต่ละสถาบันพัฒนาคุณภาพให้สูงข้ึน ซึ่งแนวทางการปฏิบัติ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิจะเชื่อมโยงกับมาตรฐานทั้ ๓ ด้าน ของมาตรฐานการอุดมศึกษาอย่างเป็นระบบ ได้แก่ มาตรฐานด้านที่ ๑ มาตรฐานด้านคุณภาพบัณฑิต มาตรฐานด้านที่ ๒ ด้านการบริหารจัดการการอุดมศึกษา และมาตรฐานด้านท่ี ๓ ดา้ นการสรา้ งและพฒั นาสังคมฐานความรูแ้ ละสังคมแห่งการเรยี นรู้ 165 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (Thai Qualifications Framework for Higher Education: TQF: HEd) คือ กรอบท่ีแสดงระบบคุณวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศซ่ึงประกอบดวย ระดับคุณวุฒิ การแบงสายวิชา ความเช่ือมโยงตอเน่ืองจากคุณวุฒิระดับหนึ่งไปสูระดับที่สูงข้ึน มาตรฐานผลการเรียนรูของแตละระดับ คุณวุฒิซ่ึงเพิ่มสูงข้ึนตามระดับของคุณวุฒิ ลักษณะของหลักสูตรในแตละระดับคุณวุฒิ ปริมาณการเรียนรูที่สอดคลองกับ เวลาที่ตองใช การเปดโอกาสใหเ ทียบโอนผลการเรียนรจู ากประสบการณ ซงึ่ เปนการสง เสริมการเรียนรตู ลอดชวี ติ รวมท้งั ระบบและกลไกท่ีใหความม่ันใจในประสิทธิผลการดําเนินงานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแหงชาติ ของสถาบนั อุดมศกึ ษา วา สามารถผลิตบัณฑิตใหบ รรลุคุณภาพตามมาตรฐานผลการเรียนรู การด�ำเนินงานน้ันเร่ิมต้นด้วยส�ำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้มอบให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศาสตราจารย์ ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ จัดท�ำเร่ืองกรอบมาตรฐานคุณวุฒิขึ้น และขณะเดียวกันก็ได้จัดนักวิชาการ ของมหาวิทยาลัยไปศึกษา โดยได้รับเงินสนับสนุนจากวิทยาลัยออสเตรเลีย หลังจากน้ัน ส�ำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จงึ ไดท้ �ำโครงการเพ่อื พัฒนาวิชานข้ี ้นึ มาโดยเฉพาะ โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของกรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดบั อดุ มศกึ ษาของไทย แบง่ ระดบั คณุ วฒุ เิ ปน็ ๖ ระดบั ดังน้ี เริ่มตนท่ีระดับที่ ๑ อนุปริญญา (๓ ป) และสิ้นสุดที่ระดับท่ี ๖ ปริญญาเอก โดยแบงสายวิชาเปน ๒ สาย ไดแก สายวิชาการ เนน ศาสตรบ รสิ ุทธิ์ดา นศลิ ปศาสตรหรอื ดา นวิทยาศาสตร โดยมงุ ศกึ ษาสาระและวิธีการของศาสตรส าขาวิชานน้ั ๆ เปนหลัก ไมไดสัมพันธโดยตรงกับการประกอบอาชีพ และสายวิชาชีพ มุงเนนการศึกษาในลักษณะของศาสตรเชิงประยุกต เพือ่ ใหน ักศึกษามคี วามรแู ละทักษะระดับสงู ซง่ึ จาํ เปนตอ การประกอบอาชีพ และนาํ ไปสูการปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานวชิ าชพี กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดบั อดุ มศกึ ษาแหง ชาตกิ าํ หนดผลการเรยี นรทู ค่ี าดหวงั ใหบ ณั ฑติ มี อยา งนอ ย ๕ ดา น ดังนี้ (๑) ดานคุณธรรม จรยิ ธรรม (Ethics and Moral) หมายถึง การพฒั นานสิ ยั ในการประพฤตอิ ยา งมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และดว ยความรบั ผดิ ชอบ ทงั้ ในสว นตนและสว นรวม ความสามารถในการปรบั วถิ ชี วี ติ ในความขดั แยง ทางคา นยิ ม การพฒั นานสิ ยั และการปฏิบัตติ นตามศีลธรรม ทง้ั ในเรือ่ งสวนตัวและสังคม (๒) ดานความรู (Knowledge) หมายถึง ความสามารถในการเขาใจ การนึกคิดและการนําเสนอขอมูล การวเิ คราะหและจําแนกขอเทจ็ จรงิ ในหลักการ ทฤษฎี ตลอดจนกระบวนการตา ง ๆ และสามารถเรียนรดู้ วยตนเองได (๓) ดานทักษะทางปญญา (Cognitive Skills) หมายถึง ความสามารถในการวิเคราะหสถานการณ และใชค วามรคู วามเขา ใจในแนวคดิ หลกั การ ทฤษฎี และกระบวนการตา ง ๆ ในการคดิ วเิ คราะหแ์ ละการแกป้ ญ หาเมอ่ื ตอ ง เผชญิ กบั สถานการณใ์ หม ๆ ท่ีไมไดค าดคดิ มากอน (๔) ดา นทกั ษะความสมั พนั ธร ะหวา งบคุ คลและความรบั ผดิ ชอบ (Interpersonal Skills and Responsibility) หมายถงึ ความสามารถในการทํางานเปน กลุม การแสดงถงึ ภาวะผนู าํ ความรับผดิ ชอบตอตนเองและสังคม ความสามารถ ในการวางแผนและรับผิดชอบในการเรียนรขู องตนเอง 166 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

(๕) ดานทักษะการวิเคราะหเชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Numerical Analysis, Communication and Information Technology Skills) หมายถึง ความสามารถในการวิเคราะหเชิงตัวเลข ความสามารถในการใชเทคนิคทางคณิตศาสตรและสถิติ ความสามารถในการส่ือสาร ทั้งการพูด การเขียน และการ ใชเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากผลการเรียนรูทั้ง ๕ ดานนี้ บางสาขาวิชาตองการทักษะทางกายภาพสูง เชน การเตนรํา ดนตรี การวาดภาพ การแกะสลัก พลศึกษา การแพทยและวิทยาศาสตรการแพทย จึงตองเพ่ิมการเรียนรูดานทักษะพิสัย (Domain of Psychomotor Skill) ความสัมพันธระหวางระดับคุณวุฒิจํานวนหนวยกิตข้ันต�่ำของหลักสูตร และมาตรฐานผลการเรียนรู เป็นไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร นอกจากน้ี กรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาก�ำหนดให้มีการทวนสอบมาตรฐาน เพื่อยืนยันพิสูจนวาส่ิงที่กําหนดขึ้นนั้นไดมีการดําเนินการและ บรรลุเปาหมายตามวัตถุประสงค การทวนสอบมาตรฐานผลการเรียนรูของนักศึกษาเปนสวนหนึ่งของความรับผิดชอบ ในระบบการประกันคุณภาพภายในของสถาบันอุดมศึกษาทุกแหง ซ่ึงจะตองดําเนินการที่ใหความมั่นใจไดวา มาตรฐาน ผลการเรียนรูท่ีคาดหวังเปนที่เขาใจตรงกันทั้งสถาบันฯ และมีการดําเนินการจัดการเรียนการสอน จนบรรลุผลสําเร็จน้ัน คือตองมีการทวนสอบซ่ึงผูประเมินภายนอกอาจตองการตรวจสอบดวยวา ไดมีการทวนสอบมาตรฐานผลการเรียนรู อยางเพียงพอและเช่ือถอื ได บรรณานกุ รม ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ และคณะ. (๒๕๕๒). รายงานการวจิ ยั เรอื่ ง กรอบคณุ วฒุ แิ หง่ ชาติ (National Qualifications Framework): กรณศี กึ ษากรอบคณุ วฒุ ิทางการศึกษาของตา่ งประเทศ. น�ำเสนอ สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. ไพฑูรย์ สินลารัตน์ สมสุข ธีรพิจิตร และ วัชนีย์ เชาว์ด�ำรงค์. (๒๕๕๒). กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาของ ประเทศไทย: จากการวจิ ัยสกู่ ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ส�ำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (๒๕๕๒). ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ  เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับ อดุ มศกึ ษาแห่งชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๕๒. (ออนไลน์) http://www.mua.go.th/users/tqf-hed/. _________. (๒๕๕๒). ความเป็นมาและขั้นตอนการด�ำเนินการ โครงการกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา. (ออนไลน)์ http://www.mua.go.th/users/tqf-hed/. _________. (๒๕๕๒). ประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เร่ือง แนวทางการปฏิบัติตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๕๒. (ออนไลน์) http://www.mua.go.th/users/tqf-hed/. 167 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การจัดการศึกษาฐานราก รองศาสตราจารย์ ดร.กลา้ ทองขาว ความเปน็ มา แนวความคิดเรื่อง การจัดการศึกษาโดยองค์กรในชุมชนมีส่วนร่วม เป็นแนวความคิดที่มีมานานแล้ว ในประเทศไทย รูปแบบท่ีคุ้นเคยคือ การจัดการศึกษาโดยความร่วมมือระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน หรือมัสยิด ที่เรียกย่อ ๆ ว่า บวร ผลการจัดการศึกษาโดยความร่วมมือขององค์กรหลักทั้งสามองค์กรของชุมชนนี้ ส่วนดีก็คือ การจัดการศึกษา แบบ บวร สามารถตอบสนองความตอ้ งการในการพฒั นาสถานศกึ ษาของชมุ ชน สามารถระดมความคดิ และระดมทรพั ยากร เพ่ือการพัฒนาได้ดี อย่างไรก็ตาม เม่ือมีการปฏิรูปการศึกษา ได้มีการน�ำแนวความคิดและหลักการบริหารโดยใช้โรงเรียน เป็นฐาน (School-based Management) ท่ีปรากฏในกฎหมายการศึกษา มาใช้ในการจัดการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน แต่สาระของกระบวนการเรียนรู้ (learning substance process) ของสถานศึกษาก็ยังคงไม่เปล่ียนไปจากเดิม จุดมุ่งหมาย หรือผลของการศึกษายังคงเหมือนเดิม ซ่ึงนายแพทย์ประเวศ วะสี เห็นว่า สาเหตุหลักอาจจะเป็นเพราะสภาพของแนวคิด ที่ฝังแน่นอยู่กับการจัดการเรียนรู้ ยังเป็นการเอาเน้ือหาวิชาเป็นตัวต้ัง ไม่ได้เอาความจริงของชีวิตและการอยู่ร่วมกัน หรือเอาสังคมเป็นตัวต้ัง ท�ำให้การศึกษาอยู่นอกสังคม ไม่เข้าใจว่าสังคมมีปัญหาอะไร การศึกษาไม่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่ร่วมแก้ปัญหาอ่อนแอทางปัญญา ทั้ง ๆ ที่สังคมปัจจุบันเป็นระบบที่ซับซ้อน เช่ือมโยง เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ยากต่อความเข้าใจและยากต่อการจัดการให้เกิดความก้าวหน้าอย่างสมดุล และประเทศไทยยังไม่มีสมรรถนะเพียงพอท่ีจะ เผชิญกับความซับซ้อน และความยากของปัญหาสังคมปัจจุบัน เรื่องท่ียากและซับซ้อนจะต้องใช้ความรู้และปัญญา เข้าไปแก้ไข (ประเวศ วะสี, ๒๕๕๕: ๒) การสร้างสังคมความรู้และสังคมภูมิปัญญา คือแนวทางและเป้าหมายส�ำคัญ ทก่ี ำ� หนดไวใ้ นแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ (สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, ๒๕๕๒) แตส่ งั คมภมู ปิ ญั ญาและสงั คมความรู้ ที่แท้จริงควรมาจาก ฐานรากของสังคม การพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างบูรณาการต้องเอาพื้นท่ีเป็นตัวต้ัง (area-based) เพราะชุมชนคือฐานรากของประเทศ ถ้าชุมชนทั้งหมดเข้มแข็งทุกด้าน ท้ังเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สขุ ภาพ การศึกษา ประชาธปิ ไตย ประเทศไทยก็จะมั่นคง (ประเวศ วะส,ี ๒๕๕๕:๒) 168 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความส�ำคัญ การจัดการศึกษาฐานราก (Community-based Education Management = CEM) มีแนวความคิดเก่ียวกับ ระบบการจัดการศึกษาของไทยว่า สถานศึกษาเป็นกลไกการพัฒนาคนและพัฒนาประเทศ ให้คนไทยก้าวทันโลก รู้เท่าทันประเทศ มีความเจริญก้าวหน้าในสังคมการแข่งขัน คนไทยให้ความส�ำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ใช้ความรู้ เป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพชีวิต สามารถใช้ความรู้ในการจัดการตนเองได้เพิ่มมากข้ึน แต่ในทางกลับกัน แบบแผน การจัดการศึกษาโดยสถานศึกษา ได้แยกคนออกจากชุมชน สังคม วัฒนธรรม จิตวิญญาณของความเป็นท้องถ่ิน จนท�ำให้ ลืมรากเหง้า วิถีชีวิตและความเป็นตัวตนเกือบส้ินเชิง แยกการศึกษาออกจากครอบครัว ชุมชน ท้องถ่ิน วัด ศาสนสถาน ที่มีบรรพบุรุษ ธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและคุณธรรม ศีลธรรมท่ีเป็นกลไกเชื่อมโยงคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ (พิณสุดา สิริธรังศรี, ๒๕๕๕: ๑๒) หากมองในภาพกว้างเก่ียวกับอนาคตด้านสังคมกับการศึกษา กลุ่มคนท่ีเข้าไม่ถึง การศึกษาและการเรียนรู้ จะถูกละเลยและถูกทอดท้ิงโดยระบบการแข่งขัน คุณธรรม จริยธรรมและศีลธรรมของคน จะลดลง เด็กและเยาวชนให้ความส�ำคัญในโลกของตนเอง ห่างเหินและละเลยบุพการี บรรพชนและความเป็นไป ในสงั คม (ส�ำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๕๒: ๒๑) เพราะโลกกวา้ งของผเู้ รียนถกู จำ� กดั ให้แคบลง เป็นการศึกษา ตามรอยตะวนั ตกแบบตอ่ ทอ่ ความรู้ เนน้ ท่องจ�ำตำ� รา ไม่เนน้ การเรยี นรวู้ ถิ ชี วี ติ การจดั การศกึ ษาฐานราก หรอื การจัดการศกึ ษาฐานชุมชน มเี ป้าหมายและขอบเขตการเรียนรทู้ ่ีกว้างขวางมาก เป็นการจัดการศึกษาท่ีมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ในการสร้างฐานรากของชีวิตให้ม่ันคง ท่ีเพิ่มพูนความรู้ รักษาความดี ยึดหลกั การท�ำเพอ่ื สว่ นรวม หมนั่ ฝกึ หัดฝึกฝน ไมท่ ำ� รา้ ยตนเอง ไมส่ รา้ งความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อน่ื แมใ้ นชว่ งชีวติ จะล้มลุกคลุกคลาน แต่หากรากฐานมั่นคง การก่อร่างสร้างตัวคงมิใช่เรื่องเกินเอื้อม (นฤตย์ เสกธีระ, ๒๕๕๕: ๑๓) การจัดการศึกษาฐานราก หรือการศึกษาแบบมีส่วนร่วมขององค์กรในชุมชน ตามแนวคิด หลักการ แนวทางและ ประสบการณข์ องชมุ ชน นับเปน็ ทางเลือกจดุ เปลย่ี นประเทศไทย ความหมาย การจัดการศึกษาฐานราก หมายถึง ระบบการบริหารจัดการศึกษาท่ีภาคประชาชน องค์กรในชุมชน เข้ามา มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาทั้งระบบ โดยให้ความส�ำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งที่ฐานรากของชุมชนร่วมกัน ท�ำให้การศึกษาเป็นกลไกปลูกฝังและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างบูรณาการ ท้ังเร่ืองเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ประชาธิปไตย วิถีชีวิต วัฒนธรรมของสังคม รากเหง้า ประวัติศาสตร์ชุมชน คุณธรรม จริยธรรม จรรยามารยาท ประเพณแี ละวฒั นธรรมของครอบครวั ชมุ ชนและทอ้ งถน่ิ โดยสาระการเรยี นรทู้ เ่ี นน้ การเอาชวี ติ เปน็ ตวั ตง้ั แทนการเอาวชิ า เปน็ ตวั ตง้ั แบบเดมิ เนน้ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั ในการปฏบิ ตั ิ เปน็ การศกึ ษาระบบเปดิ ทบี่ รู ณาการการศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สามารถรองรับผู้จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ท่ีไม่ประสงค์เข้ารับการศึกษาในระบบ แต่หาก ต้องการกลับเข้าสู่การศึกษาในระบบ ก็สามารถเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ได้ และการจัดการศึกษาฐานราก มีรฐั และทอ้ งถ่นิ สนับสนุน 169 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

พืน้ ฐานแนวคิดและหลกั การจัดการศึกษา แนวคิดในการจัดการศึกษาฐานราก เป็นการศึกษาที่เชื่อว่า ทุกคนมีศักยภาพท่ีจะเรียนรู้ได้ บนหลักการ การศึกษาเพื่อมวลชน และมวลชนเพอื่ การศกึ ษา โดยชว่ ยกนั ทำ� ใหก้ ารศกึ ษาเป็นกลไกปลกู ฝงั และพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ ท่ีบูรณาการเข้ากับวิถีชีวิต วัฒนธรรม รากเหง้า ประวัติศาสตร์ชุมชน ท้องถิ่นและประเทศชาติ สาระส�ำคัญของแนวคิด สรุปได้ ดังน้ี (กลา้ ทองขาว, ๒๕๕๗: ๔๑-๔๙) ๑) การจัดการศึกษาฐานราก เป็นระบบการศึกษา ท่ีให้ความส�ำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งที่ฐานราก ของชุมชนและสังคม ท่ีภาคประชาชนหันมาให้ความส�ำคัญกับเยาวชนและบุตรหลาน โดยครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น สถาบนั ศาสนา เอกชน องคก์ รเอกชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และองคก์ รอน่ื ๆ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา ท้ังระบบ ร่วมกันปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ประเพณีและวัฒนธรรม เสริมสร้างครอบครัวเข้มแข็ง ท่ีเป็นฐานราก ของสังคม และเติมเต็มการจัดการศึกษาที่ด�ำเนินอยู่ในปัจจุบัน เพื่อน�ำไปสู่สุขภาวะของคนไทย ท้ังด้านสติปัญญา จิตใจ ร่างกายและสงั คม ๒) การจัดการศึกษาฐานราก เป็นการศึกษาที่สามารถรองรับผู้จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ที่ไม่ประสงค์เข้ารับ การศึกษาในระบบ แต่สามารถศึกษาต่อด้วยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยได้รับการสนับสนุน จากรัฐและการยอมรับจากสังคม ผู้จบการศึกษาสามารถเลือกรับการศึกษาระดับอุดมศึกษา และการอาชีวศึกษา หรือ เลือกท่ีจะมีอาชีพอิสระ มีสถานประกอบการ และหากต้องการกลับเข้าสู่การศึกษาในระบบ ก็สามารถเทียบความรู้ และประสบการณ์ โดยองค์กรเทียบโอนความรแู้ ละประสบการณท์ ่ีสามารถเชือ่ มโยงกันได้อย่างเปน็ องคร์ วม ๓) การจัดการศึกษาฐานราก เป็นการศึกษาที่เอา “ชีวิตเป็นตัวตั้ง” แทนการเอา “วิชาเป็นตัวต้ัง” ตามแบบแผนเดมิ โดยมจี ดุ มงุ่ หมายใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั ความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรม จรยิ ธรรม รปู แบบการจดั การศกึ ษา เป็นการศึกษาระบบเปิด ที่บูรณาการทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ที่ทุกคนมีสิทธิท่ีจะ ให้ความเหน็ หรอื เขา้ ไปมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา เป็นการศึกษาท่ฟี งั เสยี งประชาชน ๔) การจดั การศกึ ษาฐานราก เปน็ การจดั การศกึ ษาทเ่ี นน้ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั ในการปฏบิ ตั ิ (Interactive Learning Through Action) กระบวนการชุมชนคือหัวใจของการพัฒนา แผนการพัฒนาของชุมชน เป็นแผนอย่างบูรณาการ คือ เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ การศึกษาและประชาธิปไตย เพราะเชื่อว่า การเรียนรู้ร่วมกัน ในการปฏิบัติ จะน�ำไปสู่ชีวิตและการอยู่ร่วมกันท่ีดี เป็นการเรียนรู้ท่ีส�ำคัญที่สุด ไม่ใช่การท่องวิชา การเรียนรู้ร่วมกัน ในการปฏบิ ัตทิ �ำให้ชวี ิต เศรษฐกิจและสังคมพฒั นาอยา่ งบรู ณาการ จะเห็นว่าแนวความคิดในการจัดการศึกษาฐานราก เป็นการจัดการศึกษาท่ีมุ่งสร้างความเข้มแข็งแก่รากฐาน ที่จ�ำเป็นของชุมชนโดยภาคประชาชน เป็นการศึกษาท่ีเอาชีวิตเป็นตัวตั้ง เพื่อสุขภาวะท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและสังคม เปน็ การเรียนรจู้ ากการปฏิบตั ิ เป็นการจัดการศึกษาแบบบูรณาการ ทีไ่ ดร้ บั การสนบั สนุนจากรัฐและท้องถน่ิ ชุมชนรว่ มกนั ทำ� ใหก้ ารศกึ ษาเป็นกลไกปลกู ฝงั คุณคา่ และชีวิตท่ีดีงาม เพราะกระบวนการชมุ ชนคือหวั ใจของการพฒั นา 170 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

มีหลกั การจัดการศึกษา ดังน้ี ๑) หลักการกระจายอ�ำนาจแก่ประชาชนและชุมชน (Empowering People) ให้ประชาชนและชุมชนมีสิทธิ มีอิสระในการคิด ในการก�ำหนดเป้าหมายและแนวทางการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา หรือก�ำหนดประเด็นที่ต้องการเรียนรู้ ด้วยตนเอง เช่น ความต้องการเรียนรู้ในส่ิงที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยท�ำ เรียนรู้ท่ีจะค้นหาและพัฒนาตน รวมทั้งการเรียนรู้ท่ีจะอยู่ ร่วมกนั อย่างมคี วามสขุ เป็นต้น ๒) หลักการมีส่วนร่วมขององค์กรในชุมชน (Participatory Learning) องค์กรในชุมชน หมายถึง องค์กร ท่ีได้รับการจัดต้ังเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ประกอบกันเป็นชุมชนท้องถิ่น มีส่วนร่วม ซง่ึ หมายถงึ กระบวนการท่ปี ระชาชนหรอื ผูน้ �ำ หรอื ผูแ้ ทนองค์กรในชมุ ชน มบี ทบาทในทุกข้นั ตอนของกระบวนการมสี ่วนร่วม ต้งั แตก่ ารร่วมคดิ กระทั่งถึงการรว่ มเรยี นรู้ประสบการณ์ หรือบทเรียนของกนั และกันในการจัดกระบวนการเรียนรู้ ๓) หลักการเอาพืน้ ทเี่ ปน็ ฐาน (Area-based Education) การจัดการศกึ ษาฐานราก ใชก้ ระบวนการชมุ ชนเป็นกลไก มีสภาผูน้ �ำชุมชน โดยการรวมตวั ของผู้นำ� ชมุ ชน ทั้งผู้น�ำเปน็ ทางการและผู้นำ� ตามธรรมชาติ มกี ารศกึ ษาและสำ� รวจขอ้ มลู ชุมชน เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ฐานความคดิ และใชท้ ำ� แผนชมุ ชน แผนชมุ ชนจะเปน็ แผนพฒั นาทบ่ี รู ณาการและตงั้ เปา้ หมายได้ มสี ภาประชาชน ที่คนในชุมชนมีส่วนร่วม ก�ำหนดทิศทางและเป้าหมายของชุมชน ทั้งทางสังคมและสัมมาชีพเป็นประชาธิปไตย มีสถาบนั อดุ มศกึ ษาร่วมทำ� งานกบั พนื้ ท่บี รู ณาการทรัพยากรในชุมชนและทอ้ งถิ่น และรัฐบาลสนับสนนุ ๔) หลกั การยดึ ชวี ติ หรอื ยดึ ผเู้ รยี นเปน็ ตวั ตงั้ (Life, Learners Centered) ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรตู้ ามความสนใจและ ความต้องการ เรียนรู้อย่างมีความสุข เต็มศักยภาพ เช่น ผู้เรียนเลือกท่ีจะเรียนรู้รากเหง้า รู้ท้องถิ่น รู้ศาสนา รู้วัฒนธรรม จารตี ประเพณี รปู้ ระวตั ศิ าสตรช์ มุ ชน รวู้ ชิ าสามญั รวู้ ชิ าอาชพี รรู้ กั ษาสขุ ภาพ รศู้ ลิ ปะดนตรแี ละกฬี า การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นา ส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนรู้เท่าทันโลก การเป็นพลเมืองดี พลโลกท่ีดี มีสัมมาอาชีพและมีสันติสุข น�ำไปสสู่ ุขภาวะท่ยี ง่ั ยืน สาระการเรียนรูเ้ น้นวถิ ชี วี ิต เป็นกระบวนการทางสังคม และเปน็ การเรยี นรู้ร่วมกันในการปฏบิ ตั ิ ๕) หลักการบูรณาการระบบการศึกษา (Integrated Education Systems Approach) เป็นการจัดการศึกษา ท่ีไม่แยกการศึกษาในระบบ นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยออกจากกัน แต่จะเป็นการบูรณาการเชื่อมโยงกัน เปน็ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ขนี้ อยกู่ บั ประเภทของหลกั สตู รและกระบวนการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นและผสู้ อนมหี ลากหลายวยั และวฒุ ิ องค์ประกอบเกย่ี วกับแนวคดิ และหลกั การจดั การศึกษาฐานราก แสดงให้เหน็ ในลักษณะดังภาพ 171 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การนำ� ไปประยุกตใ์ ช้ ในการประยุกต์ใช้ค�ำ “การจัดการศึกษาฐานราก” ควรท�ำความเข้าใจค�ำ ๆ น้ีว่า เป็นค�ำสร้าง (construct) ที่มีผู้ประดิษฐค�ำนี้ขึ้นมา เพ่ือใช้ในการเรียกแบบแผนการจัดการศึกษาตามความหมายท่ีกล่าวมาแล้ว ซ่ึงถือว่าเป็นแนวคิด ท่ีมีมาจากรากฐานเดิมของการศึกษาไทยในอดีต ก่อนท่ีการศึกษาแผนตะวันตกจะเข้ามาในประเทศไทย เป็นการศึกษาที่ มรี ากฐานอยบู่ นความตอ้ งการของบคุ คล ครอบครวั และชมุ ชน โดยเฉพาะเปน็ การศกึ ษาเพอื่ ใหแ้ ตล่ ะคนในชมุ ชนไดม้ ชี วี ติ อยรู่ อด ด้วยการเรยี นรกู้ ิจกรรมเพอื่ ด�ำรงชีวติ ของแต่ละคน เป็นการศึกษาท่ีทกุ คนในชมุ ชนได้คดิ และทำ� เพือ่ ประโยชน์ของตนเอง และชุมชนเองเป็นส�ำคัญ (ไพฑูรย์ สินลารัตน์, ๒๕๕๗: ๑๑) กรณีโครงการน�ำร่องการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมขององค์กร ในชมุ ชน เพอื่ สขุ ภาวะคนไทย เปน็ โครงการทนี่ ำ� แนวคดิ และหลกั การจดั การศกึ ษาฐานรากไปประยกุ ตใ์ ช้ ลกั ษณะโครงการ เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา ๓ แห่ง กับเขตพ้ืนที่การศึกษาใน ๔ ภูมิภาค ระหว่างปีการศึกษา ๒๕๕๔-๒๕๕๖ สนับสนุนโครงการโดยส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็น ศนู ย์อำ� นวยการ องคก์ รชมุ ชนท่เี ขา้ ร่วมทั้งประเทศมี ๓๓ องคก์ ร ชมุ ชนมีอสิ ระในการคิดแผนงานและกจิ กรรมการเรยี นรู้ ตามความหลากหลายของบริบทแต่ละท้องถิ่น กิจกรรมการเรียนรู้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว จัดการศึกษาแบบบูรณาการ เชื่อมโยงระหว่างการศึกษาในระบบ นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เรียนรู้ จากการปฏิบัติ เรียนรู้อย่างมีความสุข ผู้เรียนคือเยาวชน สมาชิกวัยท�ำงานในชุมชนและผู้สูงอายุ ตัวอย่างสาระการเรียนรู้ เชน่ การสบื สานวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาและประวัตศิ าสตรช์ มุ ชน การกฬี าและสุขภาพชุมชน การพฒั นาความรแู้ ละปัญญา การพัฒนาจิตใจ คุณธรรมและจริยธรรม การเรียนรู้ศิลปะและดนตรี การพัฒนาอาชีพในชุมชน การพัฒนาผู้น�ำและ เครือข่ายชุมชน การเรียนรู้เรื่องครอบครัวและการรักถ่ิน การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม การเรียนรู้การใช้สมุนไพร ในชุมชน การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในชุมชน การต่อต้านยาเสพติดและ ละ เลิกอบายมุข การพัฒนาอัตลักษณ์และการ มสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน เปน็ ตน้ องคก์ รอำ� นวยการกลางจากมหาวทิ ยาลยั ใหก้ ารสนบั สนนุ ทางวชิ าการ รว่ มวางกรอบแนวคดิ และแนวทางในการท�ำงานร่วมกัน จากการติดตามผลพบว่า องค์กรชุมชนมีการรวมตัวเป็นเครือข่าย ร่วมมือร่วมใจกัน ท�ำแผนพัฒนา และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของชุมชนอย่างบูรณาการ (กล้า ทองขาว, ๒๕๕๗: ๒๔๐-๒๔๓) การเรียนรู้ จากการปฏิบัติเป็นกระบวนการส�ำคัญ ที่ส่งเสริมพลังให้ชุมชนมีความรู้สึกผูกพันต่อกัน เห็นคุณค่าในการท�ำงานและ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั 172 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (๒๕๕๒). แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ฉบบั ปรบั ปรงุ (พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๒ – ๒๕๕๙). กล้า ทองขาว. (๒๕๕๗). “การจัดการศึกษาฐานชุมชน” และ “การศึกษาแบบมีส่วนร่วม: กรณีการประเมินโครงการ ภาคปฏิบัติ” ในการจัดการศึกษาฐานราก การจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมขององค์กรในชุมชน: แนวคิด สกู่ ารปฏบิ ตั ศิ นู ยว์ จิ ยั และฝกึ อบรมทางการศกึ ษา วทิ ยาลยั ครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ ย์ หนา้ ๔๑-๔๙ และ หน้า ๒๑๕ – ๒๔๕. นฤตย์ เสกธีระ. (๒๕๕๕). คอลัมน์ “แทง็ คค์ วามคดิ ” ใน มติชนรายวัน ปีท่ี ๓๕ ฉบบั บท่ี ๑๒๕๖๖ ประจ�ำวันอาทติ ยท์ ่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ หนา้ ๘. ประเวศ วะสี. (๒๕๕๕). “จุดเปล่ียนมหาวิทยาลัยไทย- จุดเปล่ียนประเทศไทย” ใน โพสต์ทูเดย์ ปีท่ี ๑๐ ฉบับท่ี ๓๔๖๓ ประจำ� วนั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ หน้า ๒. พณิ สดุ า สริ ธิ รงั ศร.ี (๒๕๕๕) “การศกึ ษาทฟ่ี งั เสยี งประชาชน” ใน การจดั การศกึ ษาแบบมสี ว่ นรว่ มขององคก์ รในชมุ ชน การศึกษาฐานรากทางเลือกประเทศไทย ศูนย์ฝึกอบรมทางการศึกษา วิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจ บัณฑติ ย.์ ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (๒๕๕๗). “จากรากฐานการศึกษาสู่การศึกษาฐานราก” ใน การจัดการศึกษาฐานราก การจัด การศึกษาแบบมีส่วนร่วมขององค์กรในชุมชน: แนวคิดสู่การปฏิบัติ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทางการศึกษา วทิ ยาลยั ครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธุรกจิ บัณฑติ ย์ หนา้ ๑๑ – ๑๔. วรากรณ์ สามโกเศศและคณะ. (๒๕๕๓). ข้อเสนอทางเลือกระบบการศึกษาท่ีเหมาะสมกับสุขภาวะคนไทย ส�ำนักงาน กองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.). 173 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การบริหารจดั การการศกึ ษาเชงิ พ้นื ที่ นคร ตังคะพภิ พ รองศาสตราจารย์ ดร.กลา้ ทองขาว ความน�ำ แนวความคดิ ในการบรหิ ารจดั การการศกึ ษาเชงิ พน้ื ที่ (Area-based Educational Management) จดั เปน็ มาตรการ หรือกลยุทธ์ส�ำคัญในการปฏิรูปการศึกษา ท่ีเป็นผลมาจากแนวความคิดเกี่ยวกับการกระจายอ�ำนาจการจัดการศึกษาไปยัง พืน้ ท่รี ะดับจังหวัด กล่มุ จงั หวัด หรือทอ้ งถิ่น ระดบั สถานศกึ ษาและระดบั หอ้ งเรียน โดยรฐั บาลกลางยังคงบทบาทในการ กำ� หนดเปา้ หมาย และมาตรฐานคณุ ภาพการศกึ ษากำ� หนดเกณฑม์ าตรฐานหรอื การสอบวดั ผลมาตรฐานการศกึ ษาระดบั ชาติ ที่ท้องถ่ินและโรงเรียนจะต้องคงรักษามาตรฐานและคุณภาพเอาไว้ ท้ังนี้ท้องถ่ิน พ้ืนท่ีจะมีอ�ำนาจในการก�ำหนดนโยบาย การศึกษาของพื้นท่ีตนเอง เพิ่มเติมจากมาตรฐานกลางของประเทศ โดยความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษา และองคก์ รตา่ ง ๆ ของพน้ื ทแ่ี ละทอ้ งถน่ิ สามารถระดมทรพั ยากรมาใชใ้ นการจดั การศกึ ษา โรงเรยี นสามารถกำ� หนดหลกั สตู ร สาขาวิชา และมีการจัดการเรียนการสอน และกิจกรรมการพัฒนาทักษะที่จ�ำเป็นแก่ผู้เรียนได้หลากหลาย เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ชุมชนและท้องถิ่น ด้วยหลักการที่ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมคิดร่วมท�ำและ รว่ มรบั ผดิ ชอบ ผา่ นการทำ� งานรว่ มกนั กับโรงเรียน องคก์ รการศึกษาและอื่น ๆ ในพน้ื ที่ 174 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความหมาย การบริหารจัดการการศึกษาเชิงพื้นที่ มีค�ำในภาษาอังกฤษใช้อยู่หลายค�ำ เช่น site-based management decentralization, school-based management, school-site autonomy, school-site management, school-centered management, decentralized management, school-based budgeting, site-based decision-making, responsible autonomy, school-lump sum budgeting, shared government, the autonomous school concept, school-based curriculum development เปน็ ตน้ ส่วนคำ� ในภาษาไทยมีใชอ้ ยู่ ๒ คำ� ไดแ้ ก่ การจัดการศกึ ษาทีย่ ึดพืน้ ทเ่ี ปน็ ฐาน และการบรหิ ารจัดการการศึกษาเชิงพนื้ ท่ี ความหมายของการจดั การการศึกษาเชิงพนื้ ที่ หมายถงึ การบริหารจดั การการศกึ ษาทุกระดับและทุกประเภท ตามหลักการกระจายอ�ำนาจลงสู่พ้ืนท่ีจังหวัด โรงเรียน และห้องเรียน ท่ีคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานระดับชาติ เพอื่ พฒั นาก�ำลังคนทีส่ ามารถตอบสนองความตอ้ งการ ความจ�ำเป็นของพ้นื ท่ที ้องถ่นิ และระดบั ชาติ ดว้ ยหลักการส่งเสรมิ ให้ทกุ ภาคส่วนมีส่วนรว่ มคิด ร่วมท�ำ และรว่ มรบั ผดิ ชอบ ร่วมกนั จัดหลกั สตู ร และจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทย่ี ึดโยงกบั สภาพภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม วัฒนธรรม และทิศทางการพัฒนาเฉพาะพื้นที่ ท้องถิ่น และชมุ ชนของตนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยพน้ื ที่ ทอ้ งถน่ิ สามารถระดมทรพั ยากรทางวชิ าการ และการจดั การมาใชไ้ ดเ้ อง และไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งพ่ึงพาการสนบั สนนุ จากรัฐบาลแตเ่ พียงฝ่ายเดยี ว แนวคดิ พ้ืนฐานทีเ่ กี่ยวขอ้ ง แนวคิดพ้ืนฐานส�ำคัญของการบริหารจัดการการศึกษาเชิงพ้ืนท่ี เป็นเร่ืองของการกระจายอ�ำนาจในการ จัดการศึกษา เป็นมิติใหม่ท่ีน�ำมาใช้เป็นแนวทางการปฏิรูประบบบริหารการศึกษาของไทย หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหน่ึง การบริหารจัดการการศึกษาเชิงพื้นท่ี เป็นมาตรการหรือกลยุทธ์การกระจายอ�ำนาจการจัดการศึกษาจากรัฐส่วนกลางลงสู่ ภูมิภาค พื้นท่ีเฉพาะ ท้องถิ่น และโรงเรียน โดยอ้างอิงผลการศึกษาวิจัยที่พบว่า ปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้ประเทศต่าง ๆ ประสบผลส�ำเร็จในการปฏิรูปการศึกษา คือ การกระจายอ�ำนาจทางการศึกษา โดยแนวทางการกระจายอ�ำนาจให้พ้ืนท่ี ท้องถ่ิน และโรงเรียน จะช่วยส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา ให้ตรงกับความต้องการของระบบ เศรษฐกิจของภมู ิภาคและทอ้ งถิ่น ทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปอยา่ งต่อเนอื่ ง สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ ให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะท่ีจ�ำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละท้องถิ่นและภูมิภาค ที่มี ความแตกต่างกัน การกระจายอ�ำนาจการจัดการศึกษาดังกล่าว ส่วนกลางจะมีบทบาทหลักเพียงเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริม ใหเ้ กดิ คณุ ภาพ และลดความเหลอื่ มลำ้� ทางการศกึ ษา โดยเฉพาะพน้ื ทที่ มี่ จี ดุ ดอ้ ยดา้ นทรพั ยากร ซง่ึ การสนบั สนนุ จากรฐั บาล สว่ นกลาง จะสะทอ้ นใหเ้ หน็ ในรปู ของ นโยบาย แผนงาน การกำ� กบั ตดิ ตาม การจดั สรรงบประมาณ การจดั การงานบคุ คล และการสนับสนนุ ทางด้านวิชาการ เช่น มาตรฐานหลักสูตร (curriculum standard) การทดสอบมาตรฐาน (standard test) 175 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ส่วนพ้ืนท่ีและโรงเรียนมีอ�ำนาจหน้าที่ในการออกแบบหลักสูตร และจัดกิจกรรมทางวิชาการเพ่ือพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริม การเรยี นการสอนตามมาตรฐานของหลกั สูตรตามขอ้ ตกลงกับสว่ นกลาง ใหส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ทและความตอ้ งการเฉพาะ พน้ื ท่ี และสนบั สนนุ ทรพั ยากรทางกายภาพ โครงสรา้ งพนื้ ฐานและกจิ การดา้ นสาธารณปู โภคตามความจำ� เปน็ โดยทอ้ งถนิ่ จะมีการระดมทรพั ยากรเพ่อื เสรมิ ศกั ยภาพด้านสาธารณูปโภคให้มีประสิทธิภาพและไดค้ ณุ ภาพ การบรหิ ารจดั การการศกึ ษาเชงิ พน้ื ท่ี ทเ่ี ปน็ ขอ้ เสนอระบบการกระจายอำ� นาจ การจดั การศกึ ษาไปยงั พนื้ ทร่ี ะดบั จงั หวดั ท้องถิ่น ระดับโรงเรยี น และระดบั หอ้ งเรยี น เพ่อื ลดความเหลื่อมล�้ำดา้ นคณุ ภาพการศกึ ษา มลี กั ษณะดังภาพ การกระจายอำ� นาจเพือ่ ลดความเหลือ่ มลำ้� ในคุณภาพการศึกษา • ฐานข้อมูลสถานศึกษาในพนื้ ที่ ระบบข้อมลู กลไกจงั หวัด • สถานะทางการทีเ่ ช่อื มโยง • ฐานข้อมลู ทรพั ยากร งบประมาณ ท้ังระบบ • ฐานขอ้ มลู ผลสัมฤทธิ์ ประสทิ ธภิ าพ ระบบ การมสี ่วนรว่ ม • บทบาทของภาคีและกลไก • ภาวะผนู้ �ำในโรงเรยี น ความคมุ้ คา่ โรงเรยี น ความคลอ่ งตัว • นำ� รอ่ ง Area Based Education • คณุ ภาพครู คุณภาพ • ระเบยี บและกฎหมาย • ทีมพ่เี ลี้ยงสนับสนนุ • งบประมาณเพื่อรเิ รม่ิ นวตั กรรม คณุ ภาพ ความเป็นอิสระ • สถานะทางกฎหมายนิติบคุ คล ของบคุ ลากร ของโรงเรียน เสนอโดย ดร.ลลี าภรณ์ บัวสาย คณะอนกุ รรมการปฏริ ปู ระบบกระจายอ�ำนาจ ในคณะกรรมการอำ� นวยการปฏริ ปู การศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ก.พ. ๕๘ ทม่ี า : ลีลาภรณ์ บวั สาย ขอ้ เสนออนกุ รรมการปฏิรปู ระบบกระจายอ�ำนาจ ในคณะกรรมการอ�ำนวยการปฏิรปู การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒๕๕๘ 176 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

หลักคดิ และหลักปฏิบตั ิของสถานศึกษา การบริหารจัดการการศึกษาเชิงพื้นท่ี (Areal-based Educational Management System) มีหลักคิดและ หลกั ปฏิบัติที่ส�ำคัญอยู่ ๕ ประการ (๑) เป็นระบบการจัดการศึกษาท่ีมีแบบแผนของการจัดหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ และการจัด ประสบการณเ์ รยี นรู้ ทยี่ ดึ โยงเขา้ กบั สภาพทางภมู ศิ าสตรเ์ ศรษฐกจิ ทรพั ยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ ม วถิ ชี วี ติ และวฒั นธรรม รวมทงั้ ทิศทางการพัฒนาทอ้ งถน่ิ ชมุ ชนและสังคมของพน้ื ท่ี (๒) โรงเรียนมีหน้าท่ีท�ำการศึกษา วิเคราะห์ความต้องการหลักสูตรและโปรแกรมการเรียน ตามศักยภาพ ของผเู้ รยี นและศกั ยภาพของพน้ื ท่ี แสวงหาและประสานความรว่ มมอื กบั สถาบนั อดุ มศกึ ษาผสู้ รา้ งหลกั สตู ร และโปรแกรม การเรียนทีส่ อดคลอ้ ง และตอบสนองความตอ้ งการจำ� เป็นของผู้เรียนและพน้ื ท่ี (๓) ผู้เรียนและผู้ปกครองจะเป็นผู้เลือกหลักสูตรและโปรแกรมการเรียนตามความสนใจ ความถนัดและ ตามศกั ยภาพของตนเอง (๔) สถาบันอุดมศึกษาท่ีโรงเรียนเลือก จะรับผิดชอบร่วมกับโรงเรียน ในการสร้างหลักสูตร จัดโปรแกรม การเรียน จัดท�ำคู่มือการใช้หลักสูตร จัดท�ำแผนการสอนแบบบูรณาการ จัดท�ำห้องปฏิบัติการ พัฒนาสื่อการเรียนการสอน รูปแบบตา่ ง ๆ จัดอบรมเพอ่ื พัฒนาความพรอ้ มในการใช้หลกั สูตรใหแ้ กค่ รู ในการพฒั นาการเรียนร้แู ก่ผเู้ รยี น (๕) การจัดการเรียนการสอนและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แก่ผู้เรียน จะต้องด�ำเนินไปตลอดหลักสูตร ตง้ั แตเ่ รม่ิ เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จนผเู้ รยี นสำ� เรจ็ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เปน็ รปู แบบการเรยี นการสอนทสี่ รา้ งโอกาส ให้นักเรียน สามารถพัฒนาตนเองเข้าสู่เส้นทางในการประกอบอาชีพ ท่ีตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจ สนับสนุน การสร้างอาชีพ การสร้างรายได้ และมีความสอดคล้องกับศักยภาพของท้องถ่ินและสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับ ทกุ ภาคสว่ นทีเ่ กยี่ วข้องในพ้ืนที่ 177 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การบริหารจัดหลักสูตรการศึกษาในแนวทางการยึดพื้นท่ีเป็นฐาน (school-based educational management) นับเป็นแนวทางการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ๒๕๕๗ : ๒) โดยฐานของพื้นท่ีการจัดการศึกษา ไม่ได้หมายถึงเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษา ท่ีมีการแบ่งตามโครงสร้างการบริหารการศึกษาขั้นพ้ืนฐานในปัจจุบัน แต่จะหมายถึงพ้ืนที่ท่ีรัฐเห็นความส�ำคัญและ ความจ�ำเป็นตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เช่น พ้ืนที่สามเหลี่ยมเศรษฐกิจท่ีภาคเหนือตอนบน พ้ืนที่ เขตอตุ สาหกรรมภาคตะวนั ออก หรอื พนื้ ทตี่ ามการจดั กลมุ่ จงั หวดั ๑๘ กลมุ่ ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เมอื่ วนั ท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑ ท่ีส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เสนอ โดยมีแนวทางการจัดกลุ่มจังหวัด คือ เป็นกลุ่มจังหวัดท่ีอยู่ ในเขตพ้ืนท่ีติดต่อกันหรือต่อเนื่องกันเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน มียุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสอดคล้องกัน หรอื เกอ้ื หนนุ กนั และมคี วามเกยี่ วเนอื่ งทางเศรษฐกิจ การผลิต การค้า และการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่า เพ่ิมการได้เปรียบ ในการแข่งขันร่วมกัน เช่น กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๒ ได้แก่ จังหวัดนครพนม มุกดาหาร และสกลนคร มีจังหวัดสกลนครเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบ่ี และตรัง มีภูเก็ตเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด (มติคณะรัฐมนตรี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑) เป็นต้น นอกจากนี้การจัดการศึกษาอาจใช้พื้นที่ตามเขตปกครองระดับจังหวัดแต่ละจังหวัด หรือพ้ืนท่ีพิเศษลักษณะอ่ืนเป็นฐาน ของการจัดการศึกษาตามความเหมาะสม สถานศึกษาผู้ร่วมสร้างหลักสูตรเพ่ือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตามแนวทางการบริหารจัดการศึกษาเชิงพ้ืนท่ี คอื สถาบนั อดุ มศกึ ษาทอ่ี าจตง้ั อยใู่ นหรอื นอกฐานพน้ื ท่ี ทเี่ หมาะสมสำ� หรบั ผเู้ รยี น ใหม้ ที กั ษะอาชพี และความรคู้ วามสามารถ ตามกลุ่มอาชีพหลักของประเทศ และสอดคล้องกับศักยภาพเชิงพื้นที่ ตลอดจนเพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพ ในการศึกษาตอ่ ในระดบั สูง เปน็ การบรู ณาการความรว่ มมือระหว่างสถาบนั อุดมศกึ ษาและสถานศึกษาในสังกัดส�ำนกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ส่งเสริมการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และใช้พ้ืนท่ีสถาบันการศึกษา ทกุ ระดบั เป็นแหลง่ เรยี นร้ตู ลอดชีวติ ส�ำหรับสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยทั่วไปจะมุ่งเน้น การให้ผเู้ รยี นไดร้ ับความรู้ คกู่ ับการพัฒนาให้เกิดคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ความมุ่งหมายของการจดั การศึกษาสว่ นใหญ่ จะเน้นให้ผู้เรียนได้ศึกษาเป็นหลัก แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงพบว่า โรงเรียนมัธยมศึกษาส่วนใหญ่ ท่ีมีการจัดการศึกษา ต้ังแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยเฉพาะโรงเรียนมัธยมศึกษาประจ�ำอ�ำเภอส่วนใหญ่ มีผสู้ �ำเรจ็ การศึกษาช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ที่ประสบความสำ� เร็จในการเข้าศึกษาตอ่ ในมหาวทิ ยาลยั เพียงรอ้ ยละ ๑๐ - ๒๐ เท่านน้ั (โรงเรยี นสงู เมน่ ชนปู ถมั ภ์ ๒๕๕๖ : ๑๓) นกั เรยี นสว่ นใหญไ่ มป่ ระสบความสำ� เรจ็ ในการสอบเขา้ ศกึ ษาตอ่ ในมหาวทิ ยาลยั นักเรียนบางคนจ�ำเป็นต้องศึกษาต่อในสาขาวิชาที่ตนเองไม่ชอบและไม่ถนัด บางคนศึกษาต่อเพียงเพ่ือให้ได้ปริญญาบัตร แต่เมื่อศึกษาส�ำเร็จแล้วไม่สามารถน�ำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการประกอบอาชีพที่มุ่งหวังได้ ท�ำให้เกิด ความสูญเปล่าและไม่คุม้ ค่า 178 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การประยกุ ตใ์ ช้ ๑) โรงเรียนมัธยมศึกษาที่ตั้งอยู่ในฐานพื้นที่ (Area Based) จะต้องท�ำการศึกษาผลงานวิจัยเก่ียวกับศักยภาพ ของพน้ื ทร่ี ะดบั จงั หวดั หรอื กลมุ่ จงั หวดั หรอื พน้ื ทพี่ เิ ศษทม่ี ผี ศู้ กึ ษาไว้ เพอ่ื คน้ หาประเดน็ สำ� คญั เกย่ี วกบั ศกั ยภาพของพน้ื ท่ี ขณะเดยี วกนั กจ็ ะตอ้ งศกึ ษา และคน้ หาสาเหตขุ องการจดั การศกึ ษาทไี่ มส่ อดคลอ้ งกบั สภาพทอ้ งถนิ่ และความตอ้ งการของ ผู้เรียน เพ่ือให้เข้าใจถ่องแท้ในปัญหาและทิศทางของการจัดการศึกษาของสถานศึกษา นอกจากน้ีโรงเรียนยังต้องท�ำการ วิเคราะห์สภาวการณ์ปัจจุบันที่สังคมเผชิญ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีท่ีเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว วิเคราะห์ สภาวการณอ์ นาคต เชน่ การกา้ วเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น จะทำ� ใหท้ กุ ภาคสว่ นของสงั คมไทยตน่ื ตวั อยา่ งไร การสง่ เสรมิ และ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ดว้ ยการศกึ ษา เพอื่ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนไทยมศี กั ยภาพในการแขง่ ขนั ควรทำ� อยา่ งไร วตั ถปุ ระสงคแ์ ละ เปา้ หมายการพฒั นาผเู้ รยี นทกุ คนของโรงเรยี นควรเปน็ อยา่ งไร เปน็ ตน้ ผลของการศกึ ษา จะนำ� ไปสกู่ ารกำ� หนดทศิ ทางของ หลักสูตรการศึกษาของสถานศึกษา ที่เน้นการฝึกปฏิบัติให้เกิดทักษะจนสามารถน�ำไปประกอบอาชีพได้ และศึกษาต่อ ในระดับอุดมศึกษาได้ ในกระบวนการวิเคราะห์สภาวการณ์ปัจจุบันและสภาวการณ์อนาคต เพื่อก�ำหนดความต้องการ หลกั สูตรสถานศึกษาน้ี ทุกภาคส่วนควรมีสว่ นร่วมอย่างกว้างขวางและหลากหลายทีส่ ดุ ๒) โรงเรยี นรว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั และสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน กำ� หนดสดั สว่ นโครงสรา้ ง ของหลักสูตรสถานศึกษาท่ีโรงเรียนและพื้นท่ีต้องการ ในขั้นตอนของการจัดท�ำหลักสูตร หากหลักสูตรใดจัดอยู่ในกลุ่ม หลกั สตู รบม่ เพาะดา้ นวทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นจะตอ้ งนำ� หลกั สตู รดงั กลา่ วไปวพิ ากษก์ บั สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) ดว้ ย ๓) ในส่วนของมหาวิทยาลัยท่ีสมัครใจเข้าร่วมโครงการ หลังจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการพฒั นาการศกึ ษา เพื่อพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์เชงิ บรู ณาการ กบั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา จะตอ้ งทำ� ประเมินความพร้อมและศักยภาพของโรงเรียน ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ประเมินความพร้อมของพื้นที่ และระดม ความคิดเพื่อวางแผนรูปแบบธุรกิจ ข้ันตอนการบริหารจัดการธุรกิจ และศึกษาแนวทางในการพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้อง กับความต้องการของโรงเรียน สร้างความเข้าใจด้านหลักสูตรกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พัฒนาหลักสูตรและโปรแกรม การเรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียน จัดท�ำคู่มือการสอน จัดเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการ เพ่ือรองรับการเรียนการสอน จัดหาและพัฒนาส่ือการเรียนการสอน จัดอบรมครูผู้สอนและผู้เก่ียวข้องให้มีทักษะ และความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ จัดกิจกรรมฝึกทักษะและประสบการณ์แก่ผู้เรียนร่วมกับโรงเรียน ตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผล รายงานผลและปรับปรุงผลการด�ำเนินงานโครงการร่วมกับโรงเรียน เป็นแผนระยะกลาง และระยะยาว (๕-๑๐ ปี) แลว้ แต่กรณี ๔) ในส่วนของโรงเรียน ประกาศรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนหลักสูตร ฝ่ายวิชาการและงานแนะแนวจะต้อง สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรบ่มเพาะ หรือหลักสูตรศักยภาพแก่นักเรียนและผู้ปกครอง โรงเรียนจะมีการจัดประชุม ผปู้ กครองและนกั เรยี นเพอื่ เลอื กหลกั สตู ร ในโอกาสนที้ กุ มหาวทิ ยาลยั ทรี่ ว่ มโครงการจะไดร้ บั เชญิ มาจดั นทิ รรศการเพอ่ื ให้ ความร้แู กน่ ักเรยี นและผปู้ กครอง เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนและผู้ปกครองร่วมกันตัดสนิ ใจเลือกหลกั สตู รและกรอกใบสมัคร 179 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๕) ในส่วนของนักเรียน เมื่อเข้าเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ในโรงเรียนท่ีมีการจัดการเรียนการสอน แบบยดึ พน้ื ทเี่ ปน็ ฐานจะตอ้ งเรยี นรายวชิ าใน ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ จำ� นวน ๒๒ หนว่ ยกติ และรว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑๒๐ ช่ัวโมงตามปกติ แต่เม่ือเลื่อนระดบั ขึ้นไปชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ทกุ คนตอ้ งพจิ ารณาเลอื กเขา้ เรียนหลกั สูตรบ่มเพาะ หรือหลักสูตรศักยภาพ (สาระเพ่ิมเติม) ตามการประกาศของโรงเรียน โรงเรียนน�ำใบสมัครของนักเรียนมาพิจารณา เพื่อจดั เขา้ เรียนในหลักสูตร โดยพิจารณาจากความรู้ ความสนใจ ความถนัด และความต้องการพืน้ ฐานของแตล่ ะหลกั สูตร จากน้ันนักเรียนจะได้รับการศึกษาอบรม พัฒนาทักษะและประสบการณ์ ตามโครงสร้างหลักสูตรและโครงสร้างรายวิชา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และเม่ือเลื่อนข้ึนไปเรียนระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ นักเรียนจะเรียนตามโครงสร้างหลักสูตร ระดับมัธยมตอนปลาย ซึ่งประกอบด้วยหลักสูตรแกนกลาง ๔๑ หน่วยกิต และหลักสูตรบ่มเพาะหรือหลักสูตรศักยภาพ (สาระเพม่ิ เตมิ ) อกี ๔๐ หนว่ ยกติ ควบคกู่ นั ไป พรอ้ มกบั เขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นอกี ๓๖๐ ชว่ั โมง นอกจากจะตอ้ งเรยี น รายวิชา และฝึกปฏิบัติทักษะให้ครบตามเกณฑ์ของหลักสูตรดังกล่าวแล้ว นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทุกคน จะตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมสง่ เสริมการศกึ ษาเพ่ิมเตมิ ตามทหี่ ลักสตู รกำ� หนด ๖) ในสว่ นของคณุ ครู คณุ ครขู องโรงเรยี นจะไดร้ บั การพฒั นาและฝกึ อบรมทางดา้ นการสอนในหลกั สตู รบม่ เพาะ หรือหลักสูตรศักยภาพ และได้รับการฝึกทักษะการจัดประสบการณ์การสอนด้านต่าง ๆ ของหลักสูตร เม่ือคุณครูผ่าน กระบวนการพฒั นาและฝกึ อบรมความรู้ และทกั ษะในการจดั การเรียนการสอน จากทีมคณาจารยผ์ ูส้ อนของมหาวิทยาลัย แล้ว คณุ ครจู ะได้รบั มอบหมายให้เปน็ ผู้สอนประจ�ำหลักสตู รศักยภาพหรือหลักสตู รบม่ เพาะ ร่วมสอนกบั คณาจารย์ผู้สอน จากมหาวทิ ยาลัยที่ร่วมโครงการ สรุปความ การบรหิ ารจดั การการศกึ ษาเชงิ พน้ื ท่ี หรอื การจดั การศกึ ษาทย่ี ดึ พน้ื ทเ่ี ปน็ ฐาน เปน็ แนวความคดิ ในการคน้ หา แนวทางการปฏบิ ตั เิ พอื่ การปฏริ ปู การศกึ ษา โดยอาศยั ระบบการกระจายอำ� นาจการบรหิ ารและการจดั การการศกึ ษาใหไ้ ดค้ ณุ ภาพ มาตรฐาน สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการการพฒั นาของพนื้ ทแ่ี ละทอ้ งถนิ่ การพฒั นามสี ว่ นรว่ ม การบรหิ ารจดั การศกึ ษาเชงิ พน้ื ที่ เปน็ นวตั กรรมการบรหิ ารการศกึ ษา เพอ่ื พฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยเ์ ชงิ บรู ณาการ ทใี่ หค้ วามสำ� คญั กบั แบบแผนการจดั หลกั สตู ร และประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ทสี่ รา้ งโอกาสใหน้ กั เรยี นในโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สามารถพฒั นาตนเองเขา้ สเู่ สน้ ทางการประกอบ อาชพี ตรงกบั ความตอ้ งการของภาคธรุ กจิ สนบั สนนุ การสรา้ งอาชพี และการสรา้ งรายได้ ทสี่ อดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของพน้ื ที่ โดยสถานศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน สถาบนั อดุ มศกึ ษา และสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน รว่ มกนั กำ� หนดโครงสรา้ ง หลักสูตรสถานศึกษา สถาบันอุดมศึกษาและโรงเรียนจัดท�ำโครงสร้างรายวิชา พัฒนาหลักสูตรและโปรแกรมการเรียน ให้สอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียน จัดท�ำคู่มือการสอน จัดเตรียมห้องปฏิบัติการ เตรียมส่ือ จัดอบรมครูผู้สอน รว่ มกนั จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน และประสบการณก์ ารเรยี นรแู้ กผ่ เู้ รยี น อยา่ งไรกต็ าม ความสำ� เรจ็ หรอื ความลม้ เหลวของ การดำ� เนนิ งานตามโครงการนใี้ นอนาคต นา่ จะขน้ึ อยกู่ บั ความคงอยขู่ องนโยบายและการไดร้ บั การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ จากรฐั บาล ความเขม้ แขง็ และความเอาจรงิ เอาจงั ในความรว่ มมอื ของมหาวทิ ยาลยั กบั โรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา ความตงั้ ใจจรงิ ของผรู้ บั ผดิ ชอบ หลกั สตู รจากคณะตา่ ง ๆ ของมหาวทิ ยาลยั และการไดร้ บั การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ จากผนู้ ำ� ฝา่ ยตา่ ง ๆ ในพนื้ ทอ่ี ยา่ งตอ่ เนอื่ ง 180 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

บรรณานกุ รม กระทรวงวัฒนธรรม. ความเปน็ มาของการแบง่ กลุ่มจังหวดั . (ออนไลน์) เขา้ ถึงไดจ้ าก www.m-culture.go.th/.../file/.../osml.pdf (ค้นคืนเม่อื ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘). กลา้ ทองขาว. “การจดั การศกึ ษาแบบยดึ พืน้ ทเี่ ปน็ ฐาน: แนวคดิ แนวทาง และกรณีศึกษา” ในวารสารราชภฏั สุราษฎร์ธานี ปที ี่ ๒ ฉบับท่ี ๒ หน้า ๒๑-๓๖. มติคณะรัฐมนตรี เร่ืองการบูรณาการแผนงาน/โครงการในการขับเคล่ือนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพ้ืนท่ีจังหวัด (Area Based) (ออนไลน)์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก www.cabinet.soc.go.th/000/Program2-3.jpg... (คน้ คนื เมอื่ ๑๐ มนี าคม ๒๕๕๘). มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. (๒๕๕๗). รายงานผลการดำ� เนินงานโครงการพัฒนาหลกั สูตรดา้ นโลจิสตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทานภายใต้ โครงการปฏริ ปู หลักสูตรการศึกษาแหง่ ชาติ คร้งั ท่ี ๑. (เอกสารอัดสำ� เนา). มหาวทิ ยาลัยพะเยา. (๒๕๕๕). รายงานผลการด�ำเนินงานสงู เมน่ โมเดล (ฉบบั สมบูรณ์) คณะเทคโนโลยสี ารสนเทศและ การส่อื สาร. (เอกสารอัดสำ� เนา). มหาวทิ ยาลยั แม่ฟ้าหลวง. (๒๕๕๗). สรปุ ผลการด�ำเนินงานโครงการปฏิรูปหลักสูตรการศกึ ษาแหง่ ชาติ โครงการจดั ทำ� หลกั สตู รวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพทางการแพทยแ์ ผนไทย. (เอกสารอัดส�ำเนา). มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนดุสิตศนู ยล์ ำ� ปาง. (๒๕๕๖). หลักสูตรอตุ สาหกรรมอาหารและบริการ โรงเรียนสูงเมน่ ชนูปถัมภ์ โครงการปฏริ ปู หลกั สตู รการศกึ ษาแหง่ ชาต.ิ (เอกสารอัดส�ำเนา). มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. (๒๕๕๗). โครงการปฏริ ปู หลกั สตู รการศกึ ษาแหง่ ชาตใิ นเขตจงั หวดั แพร่ และการบม่ เพาะผปู้ ระกอบการ ด้านอาหาร. (เอกสารอดั สำ� เนา). โรงเรยี นสงู เมน่ ชนปู ถมั ภ.์ (ม.ป.ป.). หนงึ่ โรงเรยี นหนงึ่ นวตั กรรม โรงเรยี นสงู เมน่ ชนปู ถมั ภ์ สำ� นกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา เขต ๓๗ สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (เอกสารอดั สำ� เนา). ลลี าภรณ์ บวั สาย. (๒๕๕๘). ขอ้ เสนออนกุ รรมการปฏริ ปู ระบบกระจายอำ� นาจ ในคณะกรรมการอำ� นวยการปฏริ ปู การศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ. Area Based Planning/ Integrated Education Northern Ireland, (ออนไลน)์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก www.nicie.org/.../area based planning/ (คน้ คนื เม่อื ๔ มนี าคม ๒๕๕๘). 181 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเป็นพเี่ ลีย้ งทางวชิ าการและการชแ้ี นะ รองศาสตราจารย์ ดร.วชิ ยั วงษใ์ หญ่ การเป็นพี่เลี้ยงทางวิชาการและการชี้แนะ (Mentoring & Coaching) คือ วิธีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ และความสามารถ รวมท้ังเจตคติทดี่ ีต่อการปฏิบตั งิ าน มลี กั ษณะเด่นที่สำ� คัญร่วมกัน คือการมอบหมายให้บคุ ลากร ที่มีความรู้และประสบการณ์สูง ท�ำหน้าท่ีสอนงาน ช่วยเหลือ ให้ค�ำปรึกษา แนะน�ำ เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและ การพัฒนางานให้แก่บุคลากรคนอ่ืน ๆ ท่ีมีความรู้และประสบการณ์น้อยกว่า เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ ของตนเองอยา่ งต่อเนื่อง ความหมายของการเป็นพ่ีเลี้ยงทางว­ ิชาการและการช้ีแนะ (Mentoring และ Coaching) การเป็นพี่เลี้ยง (Mentoring) คือ วิธีการพัฒนาบุคลากรในองค์กร โดยการให้บุคลากรที่มีความรู้และ ประสบการณ์มากกว่าท�ำหน้าที่ให้ค�ำปรึกษา แนะน�ำ และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในการท�ำงานให้แก่บุคลากรท่ีมี ความรู้และประสบการณ์น้อยกว่า มีรากฐานความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรีก Mentor เป็นชื่อของพระสหายของกษัตริย์กรีก ซง่ึ ทำ� หน้าท่เี ปน็ พ่ีเลยี้ งใหแ้ ก่ พระราชโอรส ของกษัตรยิ ์ในยามทกี่ ษตั ริยอ์ อกไปรบในศึกสงคราม 182 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การชี้แนะ (Coaching) คือ วิธีการที่ผู้สอนงานให้ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง รวมถึงการฝึกทักษะ การปฏิบัติงานให้แก่ผู้ท่ีได้รับการสอนงาน ด้วยวิธีการที่หลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสอนงาน โดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ท่ีได้รับการสอนงานมีความรู้ ทักษะ ความช�ำนาญ ความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน ตลอดจนเจตคติ ท่ีดีตอ่ การปฏบิ ัตงิ านโดยมีการชแี้ นะในหลายสาขาวิชาชพี เชน่ การชี้แนะด้านการด�ำรงชีวิต (Life Coaching) การชีแ้ นะ ดา้ นธรุ กจิ (Business Coaching) การช้ีแนะด้านบริหาร (Executive Coaching) การชแ้ี นะด้านอาชพี (Career Coaching) การช้ีแนะด้านการเงิน (Financial Coaching) และการช้ีแนะด้านสุขภาพ (Health Coaching) เป็นต้น การเป็นพ่ีเลี้ยง (Mentoring) และการชแ้ี นะ (Coaching) มีลักษณะเดน่ รว่ มกันคอื เปน็ วธิ ีการพัฒนาบคุ ลากรให้มคี ณุ ภาพท้ังด้านความรู้ ทกั ษะ ความสามารถ และเจตคติท่ดี ตี อ่ วิชาชีพ Mento ring Mentoring ความรู้ ความสามารถ Coaching เจตคตทิ ่ดี ี แผนภาพ ๑ การเปน็ พ่เี ลีย้ ง (Mentoring) และการชแี้ นะ (Coaching) ทีน่ ำ� ไปสู่การพัฒนาคุณภาพ 183 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ลกั ษณะเฉพาะของการเป็นพเี่ ลี้ยง (Mentoring) และการช้ีแนะ (Coaching) ถึงแม้ การเป็นพี่เลี้ยง (Mentoring) และการชี้แนะ (Coaching) จะมีลักษณะเด่นร่วมกัน แต่ก็มีลักษณะ เฉพาะท่ีแตกตา่ งกนั ดงั ตารางต่อไปนี้ ตาราง การเปรยี บเทยี บลักษณะเฉพาะของการเป็นพเ่ี ลย้ี ง (Mentoring) และการชี้แนะ (Coaching) การเปน็ พเ่ี ลย้ี ง (Mentoring) การชีแ้ นะ (Coaching) ม่งุ พฒั นาความกา้ วหนา้ ในวิชาชีพ มงุ่ พัฒนาความร้แู ละทักษะเฉพาะด้าน ให้ความสำ� คญั กับประสบการณข์ อง Mentor ให้ความส�ำคัญกบั ความรูข้ อง Coach เร่ิมต้นท่ีสมั พนั ธภาพที่ดีระหว่างกนั เร่มิ ตน้ ท่งี านทตี่ ้องการพฒั นา มงุ่ เนน้ ความกา้ วหนา้ ในวิชาชพี มุง่ เน้นการพัฒนาความรูค้ วามสามารถ ใชร้ ะยะเวลาท่ยี าวนาน มุง่ เนน้ การเรียนรู้ วธิ กี ารคดิ การแก้ ใช้ระยะเวลาสั้น มุ่งเน้นเฉพาะความรู้หรือทักษะท่ีต้องการ ปัญหา การตดั สินใจ ของผู้มปี ระสบการณ์สงู (Mentor) สอนงาน ใช้วธิ กี ารที่ไมม่ ีรปู แบบเปน็ ทางการ สว่ นมากจะสอดคล้อง ใช้วิธีการที่เป็นก่ึงทางการหรือเป็นทางการในการถ่ายทอด กับบรบิ ทการปฏบิ ตั ิงานประจ�ำ ความรู้หรือทกั ษะท่ีต้องการ หลกั การการเป็นพ่เี ล้ียง (Mentoring) ๑. สรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี แี กผ่ รู้ บั การเปน็ พเี่ ลย้ี ง (Mentee) ซงึ่ เปน็ ปจั จยั สำ� คญั อยา่ งแรกทผ่ี เู้ ปน็ พเ่ี ลยี้ ง (Mentor) จะต้องสร้างให้เกิดขึ้น เพราะการมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันจะเป็นปัจจัยหล่อเล้ียงให้ผู้รับการเป็นพี่เล้ียงพร้อมที่จะรับฟัง เปิดใจกวา้ ง และเรยี นรู้ส่งิ ท่ผี ้เู ปน็ พ่เี ลีย้ งมอบให้ ๒. ยอมรับและยินดีกับความส�ำเร็จของผู้เป็นพ่ีเล้ียง (Mentee) ซ่ึงการแสดงความยินดี การช่ืนชม การให้ก�ำลังใจ ในการพฒั นาต่อยอด จะทำ� ให้ผ้เู ปน็ พีเ่ ลยี้ งเกดิ ก�ำลังใจในการพฒั นาตนเองอย่างต่อเน่ือง ๓. สร้างแรงจูงใจภายใน (inner motivation) ให้แก่ผู้เป็นพี่เลี้ยง (Mentee) โดยการกระตุ้นและจูงใจให้ผู้เป็น พี่เลี้ยงพยายามพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื งและเตม็ ความสามารถ ๔. เป็นตัวแบบ (role model) ที่ดีให้แก่ผู้เป็นพี่เลี้ยงทั้งในการปฏิบัติงานในวิชาชีพและการด�ำรงชีวิต เพ่ือใช้ เป็นแนวทางในการวางแผนชวี ติ และปฏบิ ตั ิงานให้มคี วามก้าวหนา้ ในวิชาชีพ 184 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

หลกั การชีแ้ นะ (Coaching) ๑. การสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ เน่ืองจากการสอนงานเกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ผู้สอนงาน (Coacher) และผู้รับการสอนงาน (coachee) ไม่ว่าจะเป็นการสอนงานรายบุคคลหรือสอนงานกลุ่มก็ตาม ความเช่ือถือและความไว้วางใจของผู้รับการสอนงานที่มีต่อผู้สอนงาน จึงเป็นปัจจัยส�ำคัญล�ำดับแรกท่ีท�ำให้การสอนงาน ดำ� เนนิ ไปดว้ ยความเรยี บร้อย ๒. ใช้พลังค�ำถาม (power questions) สร้างแรงบันดาลใจ การคิดแก้ปัญหาการสร้างสรรค์ นวัตกรรม ทำ� ให้ผูร้ ับการสอนงานคน้ พบพลงั ในตนเอง สามารถพัฒนาการจัดการเรยี นรูไ้ ด้ดว้ ยตนเอง กำ� กบั ตนเองได้ ๓. สอนงานอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย การก�ำหนดวัตถุประสงค์ของการสอนงาน การวางแผน การสอนงาน การด�ำเนินการสอนงาน และการประเมินผลการสอนงาน รวมทั้งการน�ำผลการสอนงานมาปรับปรุงและ พัฒนาผู้รับงานอยา่ งต่อเนอ่ื ง ๔. การเชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานจริง การสอนงานท่ีดีจะต้องเช่ือมโยงกับการปฏิบัติงานจริงของผู้สอน ผู้สอนงานควรช้ีแนะหรือสอนงานอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อมโยงความรู้เชิงทฤษฎีกับบริบท การปฏิบัติงานจริงจนผู้รับ การสอนงานมคี วามเขา้ ใจชดั เจนสามารถนำ� ความรแู้ ละทกั ษะทไ่ี ดร้ บั จากการสอนงานไปใชใ้ นการจดั การเรยี นรใู้ นชนั้ เรยี น ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ ๕. การทบทวนและสะท้อนผลการสอนงาน เป็นการประเมินผลและทบทวนการด�ำเนินการสอนงานว่า บรรลุวัตถปุ ระสงค์หรือไมอ่ ยา่ งไร เพ่ือน�ำผลการประเมนิ มาปรบั ปรงุ และพฒั นาการสอนงานอย่างตอ่ เนื่อง คุณลักษณะของการเปน็ พี่เลย้ี ง (Mentor) และผู้ช้ีแนะ (Coach) ๑. การสร้างสัมพันธภาพท่ีดี (interpersonal skills) เป็นคุณลักษณะท่ีส�ำคัญอย่างแรกของการเป็น พ่ีเล้ียง (Mentor) และการชี้แนะ (Coach) เพราะการมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันจะเป็นปัจจัยให้เกิดการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และนำ� ไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมการจัดการเรยี นรใู้ ห้ดขี ึ้น ๒. การมีบารมีทางวิชาการ (influence skills) เป็นปัจจัยท่ีท�ำให้ข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นต่าง ๆ ของ ผเู้ ปน็ พเี่ ลยี้ งและผสู้ อนงาน มคี วามหนกั แนน่ เชอ่ื ถอื ไดว้ า่ เปน็ สง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง ผเู้ ปน็ พเ่ี ลย้ี งและผสู้ อนงานทมี่ บี ารมที างวชิ าการ มีความรแู้ ละประสบการณส์ งู จะท�ำให้เกดิ การพฒั นาอยา่ งรวดเรว็ ๓. การยอมรับและยินดีกับความส�ำเร็จในการท�ำงานของผู้อื่น (recognized other’s accomplishment) การแสดงความยินดี การช่ืนชม การให้ก�ำลังใจในการพัฒนาต่อยอด สิ่งเหล่านี้จะท�ำให้ผู้ท่ีรับการเป็นพี่เลี้ยงและผู้รับ การสอนงานเกิดก�ำลงั ใจในการพฒั นาเรียนร้อู ย่างตอ่ เน่อื ง 185 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๔. การมที กั ษะในการกำ� กบั ดแู ลทดี่ ี (supervisory skills) เปน็ ทกั ษะสำ� คญั ทผ่ี เู้ ปน็ พเ่ี ลยี้ งและผสู้ อนงานจะคอย กระตนุ้ และชกั จงู ใจใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลง รวมทง้ั การประคบั ประคองใหผ้ สู้ อนจดั การเรยี นรอู้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ เนอื่ ง ๕. มีความรู้และประสบการณ์ในสายวิชาชีพหรือสายงานของตน (technical knowledge) ซึ่งส่งผลให้ การเสนอแนะและค�ำแนะน�ำต่าง ๆ ตั้งอยู่บนพ้ืนฐานทางวิชาการ และให้ประสบการณ์ตรงที่สามารถน�ำไปประยุกต์ ใช้ไดจ้ ริง แนวทางการประยกุ ตใ์ ช้ สถานศึกษาต่าง ๆ สามารถน�ำแนวคดิ หลกั การการเป็นพเี่ ลยี้ ง (Mentoring) และการชแี้ นะ (Coaching) ไปใช้ ในการพัฒนาบุคลากรได้ตามบริบท โดยจะใช้การเป็นพ่ีเลี้ยง (Mentoring) หรือการช้ีแนะ (Coaching) อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือใชท้ ง้ั สองประการกไ็ ดต้ ามความเหมาะสม ถ้าสถานศึกษามีบุคลากรท่ีมีประสบการณ์ในการท�ำงานสูง และเป็นที่น่าเคารพยกย่อง ควรก�ำหนดให้เป็น ผเู้ ปน็ พเ่ี ลย้ี ง (Mentoring) เพอ่ื จะไดพ้ ฒั นาบคุ ลากรรนุ่ ใหมใ่ หม้ กี ารพฒั นาความกา้ วหนา้ ในวชิ าชพี ในอนาคต โดยใหแ้ นวคดิ หรือวิธคี ิด หลกั การดำ� รงตน การพัฒนาบคุ ลิกภาพ ตลอดจนการก�ำหนดเป้าหมายในการประกอบวชิ าชีพ ส่วนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถหรือทักษะเฉพาะด้านท่ีส�ำคัญ ควรก�ำหนดให้ท�ำหน้าท่ีเป็นผู้ชี้แนะ (Coaching) ใหแ้ กบ่ คุ ลากรทตี่ อ้ งการไดร้ บั การพฒั นาความรคู้ วามสามารถเฉพาะทาง เชน่ การวจิ ยั ในชน้ั เรยี น การออกแบบ ส่ือแอนนเิ มชน่ั โดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เป็นต้น โดยไมม่ ขี ้อจำ� กัดในเรื่องของอายหุ รอื ประสบการณ์ บรรณานุกรม Aguilar, Elena. (2013). The Art of Coaching: Effective Strategies for School Transformation. San Francisco: Jossey – Bass. Costa, Arthur L. and Garmston, Robert J. (2002). Cognitive Coaching A Foundation For Renaissance Schools. 2nd ed. Massachusetts: Christopher – Gordon Publishers, Inc. Knight, Jim. (2009). Coaching Approaches & Perspectives. California: Corwin Press. Marzano, Robert J. and Simms, Julia. (2012). Coaching Classroom Instruction: The Classroom Strategies Series. Bloomington: Marzano Research Laboratory. Sweeney, Diane. (2011). Student – Centered Coaching: A Guide for K – 8 Coachers and Principles. California: Corwin Press. 186 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรยี นการสอนดว้ ยการตกผลึกทางปญั ญา ศาสตราจารยก์ ิตติคณุ ดร.ไพฑรู ย์ สินลารัตน์ รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีศกั ดิ์ จนิ ดานรุ ักษ์ ความหมายและความส�ำคญั การตกผลึกทางปัญญา เป็นความสามารถของผู้เรียนที่จะประเมินค่างานวิชาการหรือองค์ความรู้ที่ได้ศึกษา หรือสร้างข้ึนใหม่ แล้วน�ำมาท�ำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ครบถ้วน และรอบด้าน รู้ถึงเหตุผลเบื้องหลัง ท้ังในทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนนานาชาติ จนประจักษ์อย่างชัดแจ้งในความรู้น้ัน พร้อมท้ังสามารถบูรณาการเข้ากับสังคม ไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ เพื่อเป็นฐานส�ำหรบั แนวคดิ ใหม่ได้ (ไพฑูรย์ สนิ ลารัตน์, ๒๕๔๗) การเรียนการสอนโดยการตกผลึกทางปัญญา จึงมีความจ�ำเป็นและส�ำคัญต่อผู้เรียนในระดับปริญญาบัณฑิต หรอื บณั ฑติ ศกึ ษา เพราะเปน็ ผเู้ รยี นทเ่ี รมิ่ เปน็ หรอื จะเปน็ ผใู้ หญม่ ปี ระสบการณเ์ กย่ี วกบั ศาสตรท์ ศ่ี กึ ษามาในระดบั หนง่ึ แลว้ และเป็นรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญโดยแท้จริง เนื่องด้วยเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สรรค์สร้าง ความรู้ความคิดด้วยตนเอง โดยการรวบรวม ท�ำความเข้าใจ สรุป วิเคราะห์ และสังเคราะห์จากการศึกษาด้วยตนเอง แล้วสร้างเปน็ ผลงานเขียนขน้ึ เปน็ ส�ำคญั 187 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การสร้างผลงานที่จะสะท้อนการตกผลึกทางปัญญาได้ดีที่สุด คือ การเขียน เพราะการเขียนเป็นเครื่องมือ ในการสื่อความคิด ประสบการณ์ และส่ืออารมณ์ความรู้สึกของผู้เรียนได้อย่างดี ผู้สอนมีบทบาทในการกระตุ้นให้ผู้เรียน ได้คิดและมีมุมมองที่กว้างข้ึน การเรียนการสอนโดยการสร้างผลงานการเขียนจะเกิดผลสมบูรณ์ได้ หากผู้สอนและผู้เรียน ได้วิเคราะห์ผลงานร่วมกัน ผู้สอนควรสอดแทรกการสอน การคิด ค่านิยม และจริยธรรม รวมท้ังส่ือสารกับผู้เรียน เพอ่ื ประเมินว่า กระบวนการถา่ ยทอดการคดิ ของผเู้ รียนออกมาเปน็ ผลงานนนั้ เขียนสอดคล้องกนั หรือไม่ เหตุท่ีการสอนและผลจากการสอนอันเกิดจากการตกผลึกทางปัญญามีความส�ำคัญ เพราะนอกจากผลงาน จากการศึกษาท่ีเกิดจากกระบวนการทางปัญญาแล้ว จะต้องมีความชัดเจนว่าเป็นผลผลิต (Product) ท่ีเหมาะสม แต่ความชัดเจน ท่ีเราเห็นอาจจะเป็นภาพลวงอยู่ก็ได้ จึงจ�ำเป็นต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเข้มข้นจนกว่าผลงานที่เราศึกษาจากความรู้ ที่เราพบนั้นมีความเหมาะสมจริง ปราศจากเหตุผลหรือส่ิงซ่อนเร้นในทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม เนื่องจากความรู้ ทางวิชาการอาจจะมเี หตุผลซ่อนเรน้ ทางการเมือง นานาชาติ และวฒั นธรรมอยู่เสมอ (อุรวดี รจุ ิเกยี รตกิ �ำจร, ๒๕๕๐) กระบวนการและขน้ั ตอน กระบวนการเรียนรู้จากการตกผลึกทางปัญญา ประกอบไปด้วยกระบวนการพ้ืนฐานหลัก ๕ ประการ คอื การคดิ วจิ ารณญาณ (Criticalization) หมายถงึ การท�ำความเขา้ ใจให้แจ่มแจ้งในเรอ่ื งท่ีศกึ ษาก่อนวา่ มีเหตผุ ลทีม่ าซอ่ นเร้น อยู่บ้างหรือไม่ หมายถึง ไม่เช่ือหรือไม่ยอมรับอะไรง่าย ๆ หลังจากนั้น จึงเป็นการสร้างองค์ความรู้ขึ้นใหม่ (Creation) ซึ่งอาจจะได้มาจาก การคิด การสอน การวิจัย การสร้างขึ้นเอง เพื่อให้มีความรู้และผลงานใหม่ข้ึนมา ขั้นตอนที่ ๓ คือ การประเมินในเชิงคุณค่า (Valuation) เมื่อได้งานใหม่ขึ้นมาแล้ว ต้องด�ำเนินการวิพากษ์วิจารณ์ก่อนว่าเหมาะสมเพียงใด แล้วจึงให้คุณค่าว่ามีความหมายมากน้อยเพียงใด หลังจากน้ันจึงน�ำไปสู่การบูรณาการ (Integration) ว่าสิ่งท่ีได้ศึกษา และพัฒนาจนเป็นผลงานน้ัน สามารถเชื่อมโยงเข้ากับบุคคลและสังคมได้มากน้อยเพียงใด อธิบายความสัมพันธ์เก่ียวข้อง กับสังคมสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ข้ันตอนสุดท้าย คือ การสื่อสาร (Communication) กับบุคคลต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ งานเขยี นจึงเป็นภาพสะท้อนสิ่งที่สำ� คัญของ การตกผลึกทางปญั ญา (Crystallization) 188 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

แผนภมู แิ สดงวงจรของการตกผลกึ ทางปญั ญา การด�ำเนินการสอนในแนวน้ี ควรเร่ิมต้นด้วยการท�ำความเข้าใจกับผู้เรียนให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของการสอน ในแนวนี้ก่อนว่า มีวัตถุประสงค์อย่างไร ต้องการให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างไร และจะมีประโยชน์ต่อผู้เรียนในลักษณะใด ได้บา้ ง แลว้ จงึ ใหผ้ ู้เรียนได้ฝึกฝนและพัฒนาทักษะพนื้ ฐานทัง้ ๕ ประการก่อน ตอ่ จากนั้นจึงใหเ้ รยี นเขา้ สูเ่ นื้อหาตามล�ำดับ การด�ำเนนิ การเรยี นรแู้ นวนี้ มีขั้นตอนส�ำคญั ดังน้ี ข้นั การพัฒนางาน ๑. หลังจากบอกจุดประสงค์แล้ว จึงท�ำความเข้าใจในเน้ือหาและประเด็นหลัก ๆ ของรายวิชาว่า ครอบคลุม ประเด็นส�ำคัญอะไรบ้าง แล้วจัดแบ่งประเด็นออกเป็นประเด็นหลักประมาณ ๔ – ๕ ประเด็น แล้วให้ผู้เรียนไปศึกษา วเิ คราะห์เอกสาร แนวคิดตามประเดน็ ตา่ ง ๆ เหล่าน้ัน ใหก้ ว้างขวางท่สี ดุ เท่าท่จี ะกวา้ งได้ โดยอาจศกึ ษาจากงานวจิ ยั ต่าง ๆ ประกอบดว้ ยก็ได้ เมอื่ ได้ประเดน็ แลว้ ผู้เรยี นตอ้ งวเิ คราะหใ์ นแง่มมุ ตา่ ง ๆ ร่วมกับเพื่อน เปน็ กระบวนการวเิ คราะหเ์ นอื้ หา อยา่ งเข้มข้น (Criticalizing the Knowledge) หลังจากนน้ั ให้ผ้เู รยี นพฒั นาแนวคดิ ในประเดน็ ตา่ ง ๆ แยกทีละประเด็น แลว้ ให้เขยี นประเด็นตา่ ง ๆ เหลา่ น้นั ออกมาเป็นผลงานในลักษณะท่ีเป็นแนวคิดของตนเอง ท่ีได้ผ่านการกลั่นกรอง วิเคราะห์เจาะลึกจนตกผลึกทางความคิด ของตนเองในขนั้ แรกแลว้ 189 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ขัน้ การทดสอบ ๒. เม่ือผู้เรียนเขียนและแก้ไขจนแน่ใจว่า เป็นความคิดตกผลึกของผู้เรียนแล้ว ให้ผู้เรียนแต่ละคนน�ำเสนอ ในกลุ่ม เพื่อให้เพ่ือนผู้เรียนในกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์วิจารณ์อีกครั้งหนึ่ง ด�ำเนินการในลักษณะน้ีไปแต่ละประเด็นจนครบ ๔ – ๕ ประเดน็ ท่ีวางไวแ้ ต่ต้น เมื่อจบแต่ละประเด็นของผู้เรียนแล้ว ผู้สอนควรจะประเมินเชิงให้คุณค่า (Value) และช้ีแนะในเชิงเนื้อหาและ กระบวนการเขียนของแต่ละคนให้ชัดเจน ให้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคนเพ่ือการเรียนรู้และการปรับแก้ไข ในครงั้ ต่อ ๆ ไป การเขยี นประเดน็ ตา่ ง ๆ เหลา่ น้ี อาจจะเปน็ ประเดน็ ใหญห่ รอื เลก็ กไ็ ด้ แลว้ แตค่ วามเหมาะสมและการตกลงกนั ของผู้เรียนและผู้สอน แต่ควรจะต้องให้ครอบคลุมประเด็นที่เป็นเนื้อหาของรายวิชาน้ัน ๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย (ไพฑูรย์ สินลารัตน์, ๒๕๔๙) ขน้ั การปรบั แก้ ๓. เมอ่ื วเิ คราะหว์ จิ ารณจ์ นเพยี งพอแลว้ ผเู้ รยี นจะตอ้ งนำ� งานชนิ้ นน้ั ไปปรบั แก้ ดว้ ยการทบทวนทำ� ความเขา้ ใจ จนชดั เจน ให้มีความเขม้ ข้น มีความคมคายมากย่งิ ขึ้น และเชอ่ื มโยงกับส่ิงตา่ ง ๆ ใหช้ ดั เจนยิง่ ขึ้น ๔. เมื่อปรับแก้แล้ว จะต้องน�ำผลงานนั้นมาเสนอในช้ันเรียนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เพ่ือนและผู้สอนสะท้อน ความชัดเจน ความเข้มข้น และความจริงจังอีกครั้งหน่ึง โดยประเด็นวิจารณ์จะต้องระบุเหตุผล ความรู้ ข้อมูลเบื้องหลัง ของเรื่องนน้ั อย่างชัดเจน และมองเห็นแนวทางของการประยุกตใ์ ช้ ขนั้ การตกผลึก ๕. เปน็ การปรบั แกใ้ หเ้ ปน็ งานทต่ี กผลกึ ของตนเอง ถา้ ยงั ไมแ่ นใ่ จอาจนำ� ไปสกู่ ารวเิ คราะหว์ จิ ารณใ์ นชนั้ เรยี นไดอ้ กี บทบาทของผ้สู อนและผเู้ รียน การสอนในแนวน้ี ผู้สอนจะต้องก�ำหนดเป้าหมายและท�ำความเข้าใจกับผู้เรียนให้ชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ และจุดหมาย จากนั้นจึงช้ีแนะแนวทางการสร้างผลงานการเขียนในรูปแบบต่าง ๆ แล้วตกลงกันก่อนว่า ผู้เรียนต้องการ สรา้ งผลงานการเขยี นแนวไหน ต่อจากนัน้ จึงกำ� หนดใหผ้ เู้ รียนดำ� เนนิ การ การด�ำเนนิ งานชแ้ี นะและช้ีนำ� ในการสอนแนวน้ี ควรต้ังค�ำถามว่า ผู้เรียนต้องการอะไร จึงเขียนแนวน้ัน สิ่งท่ีเขียนมีจุดมุ่งหมายอะไร ควรมีความชัดเจนว่า มีเบ้ืองหลัง ของเนอ้ื หาในประเด็นใดบา้ ง เป็นต้น ในส่วนของผู้เรียนเอง ต้องแสวงหาแนวคิด และพัฒนาความคิดของตนซ�้ำหลาย ๆ คร้ัง จนเป็นภาพรวม ของตนเองอย่างเด่นชัด แล้วจึงถ่ายทอดความคิดน้ันออกมาให้ชัดเจน รวมทั้งพร้อมที่จะรับความคิดของคนอื่น ๆ มาเพ่ือ ปรบั แกค้ วามคิดของตนเองด้วย 190 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

หลักใหญ่ของการสอนแนวนี้ คือ การทดสอบตนเองแล้วอธิบายความคิดของตนเองด้วยงานเขียนว่า ตนเองมคี วามชัดเจนเพยี งใด (Crystalization) และมองแงม่ มุ ตา่ ง ๆ จนครบถว้ นแลว้ หรือไม่ บรรณานกุ รม ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น.์ (๒๕๔๙). การศกึ ษาเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละผลติ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร: สาขาวชิ าอดุ มศกึ ษา จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. _________. (๒๕๔๙). สตั ตศลิ า: หลกั เจด็ ประการสำ� หรบั การเปลยี่ นผา่ นการศกึ ษาเขา้ สยู่ คุ เศรษฐกจิ ฐานความร.ู้ กรงุ เทพมหานคร: คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. อรุ วดี รจุ เิ กยี รตกิ ำ� จร. (๒๕๕๐). โพสตโ์ มเดริ น์ : ปรชั ญาและกระบวนทศั นแ์ มแ่ บบการศกึ ษา. ขอนแกน่ : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. 191 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรยี นรู้ชีวติ กว้าง ดร.อสุ ริ า อโนมะศิริ แนวทางการศึกษาของประเทศไทยในปัจจุบัน มีลักษณะของแนวคิดดั้งเดิมท่ียึดครูผู้สอนเป็นหลักในการเรียนรู้ นกั เรยี นเป็นผ้ทู ำ� ตามคำ� สงั่ และการเรยี นการสอนสว่ นใหญจ่ ะอยูแ่ ต่ในห้องเรยี น ในบรเิ วณโรงเรยี นเท่าน้นั สว่ นการสอน ที่ถือว่าออกนอกสถานท่ีมักจะเป็นการไปทัศนศึกษาหรือออกค่ายพักแรม โดยไม่ได้ตระหนักถึงความส�ำคัญของการเรียนรู้ ท่ีตอ้ งเกดิ ขน้ึ ในบรบิ ททห่ี ลากหลายในชวี ิตของผู้เรียน ไม่วา่ จะเปน็ ในโรงเรยี น ทบ่ี ้าน หรอื ในชมุ ชน การศึกษาชีวิตกว้าง เป็นแนวคิดที่เปรียบเทียบกับการศึกษาตลอดชีวิต ซ่ึงไม่เพียงแต่เป็นการเรียนรู้ต่อเนื่อง เท่าน้ัน แต่จะเรียนรู้ได้ในวงกว้างทุกสถานการณ์ แนวคิดน้ีเกิดขึ้นครั้งแรกจากรายงานที่จัดท�ำในหน่วยงานการศึกษา แห่งชาติของประเทศสวีเดน เป็นมิติท่ีแสดงให้เห็นสิ่งท่ีคนได้เรียนรู้ตลอดทั้งช่วงชีวิต ท�ำให้เห็นว่าความรู้เดิมล้าสมัย จึงมคี วามจ�ำเป็นตอ้ งปรบั ปรงุ ความรู้ความสามารถในกระบวนการทต่ี ่อเนือ่ งของการเรยี นรู้ การศึกษาไม่สามารถจ�ำกัดเวลาที่ใช้ในโรงเรียนเท่านั้น ต้องให้โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และคนที่ เรยี นรู้ตลอดชวี ิต Life Long Learning (LLL) ตามมติ ิของการเรียนรแู้ บบชวี ติ กวา้ ง หมายถงึ ความเป็นจริงท่วี ่า การเรยี นรู้ จะเกิดข้ึนหลากหลายตามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่ต่างกัน ไม่จ�ำกัดเฉพาะระบบการศึกษาแบบเป็นทางการหรือ แบบไมเ่ ปน็ ทางการเทา่ นน้ั นกั การศกึ ษาจงึ ควรใหค้ วามสำ� คญั และศกึ ษาเรอื่ งการเรยี นรชู้ วี ติ กวา้ งเพอื่ ประโยชนข์ องผเู้ รยี น 192 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรยี นรชู้ วี ติ กวา้ ง Life Wide Learning (LWL) เปน็ กลยทุ ธก์ ารเรยี นการสอนทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั บรบิ ทจรงิ และ พ้ืนที่จริง มีเป้าหมายท่ีแตกต่างจากการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่นักเรียนเรียนรู้จากในห้องเรียนเท่าน้ัน การรวมวิธี การสอนแบบใหม่ แบบเรียนรู้ชีวิตกว้าง กับแบบห้องเรียนดั้งเดิม ท�ำให้นักเรียนได้รับการจัดเตรียมที่ดีกว่า ที่จะได้รับ การพัฒนาแบบองค์รวมและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งในฮ่องกงได้ใช้ทักษะการเรียนรู้แบบนี้เป็นจุดส�ำคัญ ในการจัดการศึกษา การเรียนรู้ชีวิตกว้าง เป็นวิธีการหนึ่งท่ีท�ำให้การเรียนมองเห็นและจับต้องได้ และสามารถพัฒนาคน ไดท้ ง้ั ชวี ติ แนวคิดนไี้ ด้พัฒนาในระดับอดุ มศึกษาท่ีมหาวทิ ยาลยั เซอรเ์ รย่ ์ ประเทศอังกฤษ การเรียนรู้ชีวิตกว้าง ได้เพ่ิมรายละเอียดที่ส�ำคัญให้แก่รูปแบบในวงกว้างของการพัฒนามนุษย์ ท่ีเราเรียกว่า การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ในขณะทชี่ วี ติ ดำ� เนนิ ไป เราไดเ้ รยี นรแู้ ละพฒั นาตลอดเวลา กรอบระยะเวลาของการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ และช่องวา่ งของการเรยี นรชู้ ีวติ กว้าง จะผสมลกั ษณะพเิ ศษเข้าดว้ ยกนั เปน็ ผลท�ำให้เกิดความเป็นเราขนึ้ มา เราด�ำเนินชีวิตในพ้ืนที่ที่แตกต่างกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ได้เลือกพื้นท่ีเอง และรู้วิธีท่ีจะจัดการว่าเขาจะเก่ียวข้อง กบั อะไร มคี วามสมั พนั ธแ์ ละเลอื กใชบ้ ทบาทและบคุ ลกิ ลกั ษณะทแี่ ตกตา่ งกนั มคี วามคดิ พฤตกิ รรม และวธิ กี ารตดิ ตอ่ ถงึ กนั ที่แตกต่างกัน ในความแตกต่างของพื้นที่เหล่านี้ เราต้องประสบกับปัญหา ความท้าทายที่แตกต่างกัน มีความต้องการ ท่ีจะมีชีวิตอยู่ และท�ำให้จุดหมายประสบผลส�ำเร็จ นั่นคือพ้ืนท่ีท่ีเราคิดสร้างสรรค์ความหมายในชีวิตของเรา ข้อดี ของการศึกษาชวี ติ กว้างคอื เราสามารถทำ� ส่งิ ที่ชอบไดเ้ ต็มที่ และให้คณุ คา่ กับชีวติ ของเราตามศกั ยภาพท่ีมอี ยู่ เพ่อื ทำ� ใหเ้ รา กลายเปน็ คนตามท่ีเราตอ้ งการจะเปน็ หรือกลา่ วอีกอย่างคอื ทางเดินในชีวติ ของเราได้เป็นของเราจริง ๆ LWL-ยกตัวอย่างการศึกษาวิชาภาษาอังกฤษ ไม่ใช่จ�ำกัดเฉพาะในห้องเรียนเท่าน้ัน มันเกิดข้ึนได้ไม่ว่า เวลาไหนหรือท่ีไหน (รวมท้ังที่บ้านและในชุมชน) และเกิดข้ึนในรูปแบบต่าง ๆ เพ่ือช่วยสร้างส่ิงแวดล้อมในการใช้ภาษา เพอื่ สนบั สนุนการเรียนรู้ชีวิตกวา้ ง และเพ่อื ชว่ ยกระตุน้ ครใู ห้ ๑. มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนด้านภาษาอังกฤษ ทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน (เช่น ครูแสดงความช่ืนชม ในการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนเพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์หรือการอภิปรายท้ังภายในและภายนอกห้องเรียน และยืนยัน ท่ีจะส่งเสริมการฝึกฝนเช่นน้ี ในการท�ำให้นักเรียนกล้าเข้าร่วมค่ายภาษาอังกฤษในฐานะเป็นผู้ตั้งค่าย ผู้ช่วยค่าย หรือ ผ้นู �ำคา่ ย) ๒. จดั เตรยี มโอกาสส�ำหรับผเู้ รยี น ใหม้ ปี ฏสิ ัมพนั ธ์กบั คนอืน่ โดยใชภ้ าษาอังกฤษ ๓. จดั เตรยี มให้นักเรียนได้สมั ผัสกบั การใชภ้ าษาอังกฤษ (เช่น การเชญิ นักพูดภาษาองั กฤษให้มาแสดงสนุ ทรพจน์ หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียน ใช้ส่ือเป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านภาษา ไปเย่ียมชมโรงเรียนนานาชาติ องค์กรและ สถาบันทางธุรกิจหรอื องคก์ รทางการกศุ ล) ๔. สง่ เสรมิ ผเู้ รยี นใหแ้ สวงหาและสรา้ งโอกาสในการเรยี นรแู้ ละใชภ้ าษาองั กฤษ ใหเ้ ปน็ ธรรมชาตใิ นสถานการณจ์ รงิ (ตัวอย่าง คือ การรวบรวมวัสดุอุปกรณ์ของจริงหรือตัวอย่างของการใช้ภาษาอังกฤษในสังคมและแบ่งปันกับเพ่ือน ๆ การคน้ หาขอ้ มลู ทางอนิ เทอรเ์ นต็ การดภู าพยนตรห์ รอื โปรแกรมตา่ ง ๆ ทางโทรทศั นเ์ ปน็ ภาษาองั กฤษ และการมปี ฏสิ มั พนั ธ์ กบั ผู้คนโดยใช้ภาษาอังกฤษเปน็ สอื่ ) 193 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๕. เพ่ิมการใช้พื้นที่และทรัพยากรในโรงเรียน เช่น ท�ำให้แน่ใจว่าผู้เรียนสามารถเข้าถึงการใช้คอมพิวเตอร์ เพ่ือเรียนภาษาได้สะดวกนอกเวลาเรียน จัดเตรียมมุมภาษาอังกฤษหรือติดวัสดุของจริงและงานของผู้เรียน บนป้าย จัดนิทรรศการ พืน้ ผนังหรอื อินเทอร์เนต็ เพอ่ื อำ� นวยความสะดวกในการเข้าถึงผูอ้ า่ นได้อย่างกวา้ งขวาง ๖. ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมตามหลักสูตรท้ังในระบบและนอกระบบ เช่น การประกวดเรียงความ กิจกรรมการแสดง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง การอภิปราย โต้วาที การออกรายการวิทยุสั้น ๆ การไปเย่ียมชม และบรกิ ารชมุ ชน เป็นตน้ การยกตวั อยา่ งวธิ ที ค่ี รสู ามารถจดั เตรยี มเพอ่ื การเรยี นรชู้ วี ติ กวา้ ง โดยการวางแผนและออกแบบงานและกจิ กรรม ในการเรียนภาษา ระดับประถมและมธั ยม กลยทุ ธใ์ นการเรยี นรู้ชวี ติ กว้าง การเรียนรู้ชีวิตกว้าง เป็นกลยุทธ์ท่ีมีเป้าหมายท่ีจะเคลื่อนย้ายนักเรียนจากห้องเรียนไปยังสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ในการเรียนรู้ โดยต้องการให้ครูน�ำทรัพยากรไปใช้และจัดให้ใช้ประโยชน์ได้ทั้งที่โรงเรียนและในชุมชน เพ่ือที่จะสร้าง บริบทการเรียนที่เหมาะสม (รวมทั้งเวลา สถานที่ และผู้คน) เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการศึกษาโดยเฉพาะ การเรียน ผา่ นประสบการณเ์ ชน่ น้ี ทำ� ใหน้ กั เรยี นสามารถไดร้ บั ผลสำ� เรจ็ ตามเปา้ หมายของการเรยี น ทย่ี ากจะไดร้ บั จากการเรยี นเฉพาะ ในห้องเรียนเทา่ น้ัน รฐั บาล สื่อมวลชน ต่างประเทศ โรงเรยี น โรงเรยี น เพ่อื น สภาพแวดล้อม การพฒั นา การพฒั นาร่างกาย องคก์ รให้บริการ ทางธรรมชาติ ความฉลาด ทางสังคมและ การเรียน และสุนทรยี ศาสตร์ กล่มุ ทเ่ี หมือนกัน องค์กร โรงเรียน ของนักเรยี น ทางศาสนา โรงเรยี น บรกิ าร อาชีพที่เกย่ี วขอ้ ง ชุมชน กบั ประสบการณ์ ครอบครวั อินเทอร์เน็ต ในทางอุตสาหกรรม และองค์กรการคา้ แผนภาพ: การเรยี นรูช้ วี ิตกวา้ งท้งั ในโรงเรียนและสงิ่ แวดล้อมอน่ื ๆ 194 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

เป้าหมายและความหมายของการเรยี นร้ชู วี ติ กว้าง การเรียนรู้ชีวิตกว้าง กล่าวถึงการเรียนของนักเรียนในบริบทจริงและเครื่องแวดล้อมของจริง การเรียนรู้ ท่ีได้มาจากประสบการณ์เช่นน้ี ท�ำให้นักเรียนสามารถประสบผลส�ำเร็จตามเป้าหมายการเรียนรู้ที่ค่อนข้างยากที่จะได้รับ จากการเรียนในห้องเรียนเท่านั้น ตัวอย่างเช่น การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาในชีวิตประจ�ำวัน และทัศนคติเชิงบวก ต่อการปรับปรุงสังคมและมนุษยชาติในความต้องการโดยท่ัว ๆ ไป การคบหาสมาคมกับผู้คนจ�ำนวนที่แตกต่างกันไป และการคลุกคลีกับส่ิงแวดล้อมและสถานการณ์ต่าง ๆ ความต้องการในการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ผ่านการเรียนในชีวิตกว้าง ช่วยให้นักเรียนประสบความส�ำเร็จในการพัฒนาตน และท�ำให้พวกเขาสามารถพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ชีวิตกว้าง ที่จ�ำเป็นในสังคมของเราทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปตลอดเวลา ประโยชน์ของการเรียนร้ชู วี ติ กว้าง ผลประโยชน์ที่จะกล่าวถึงนี้เป็นเร่ืองของการวิจารณ์และแสดงความคิดเห็นจากครูและนักเรียนในฮ่องกง และจากการค้นพบค�ำตอบในงานวิจัยจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเม่ือ ๑๐ กว่าปีท่ีแล้ว ซ่ึงยังได้เน้นหนัก ไปท่ีเร่ืองของการไม่มีผลประโยชน์ภายใน เช่น ทักษะ ทัศนคติ วิธีการ รูปแบบและค่านิยม ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่า ไดร้ ับผลกระทบทยี่ ่ังยนื มากกวา่ ส�ำหรบั ชีวิตของเด็ก ประโยชนใ์ นระดับนกั เรียน ๑. เพ่ิมทศั นคตินักเรียนในการเรียนรู้ ๒. ส่งเสริมให้มีวธิ ีการเรียนร้ทู ี่ดกี วา่ ๓. นักเรยี นมนี สิ ัยการเรียนรู้ทีด่ ียิ่ง ๆ ข้ึน ๔. ปลกู ฝังลกั ษณะนิสัยใฝเ่ รยี น ๕. เป็นผู้เรยี นทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยิ่งข้ึน ๖. เป็นผู้เรยี นทก่ี ำ� กบั ตนเองได้ ๗. ยกระดับความมั่นใจในตนเอง ๘. ค้นหาทักษะชีวติ ทสี่ �ำคญั ได้ ประโยชน์ในระดับครู ๑. มมี นุษยสมั พนั ธ์ระหวา่ งครแู ละนกั เรียนท่ีดีกวา่ ๒. มีการเรียนรู้โลกทัศนใ์ หม่ ๆ ๓. เรียนรเู้ ก่ียวกบั นกั เรยี นมากข้ึน 195 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ระดับการพัฒนาโรงเรียน ๑. มกี ารเรียนร้ทู ด่ี ีกวา่ ดา้ นวฒั นธรรม ๒. สรา้ งการเรียนรูช้ มุ ชนภายในโรงเรียน ๓. มีการใช้ทรพั ยากรทย่ี ืดหยุ่นมากขึ้นทง้ั ในโรงเรยี นและนอกโรงเรยี น ระดับชมุ ชน ๑. เพิม่ ตน้ ทนุ ทางสงั คมและความไว้วางใจสังคม ๒. ตรงกันข้ามกบั ความเสียหาย ๓. ปลกู ฝังวัฒนธรรมการเรยี นรู้ตลอดชีวติ ๔. สง่ เสริมสังคมการเรียนรู้ ภายใต้กรอบของวัตถุประสงค์ที่ส�ำคัญของดีเลอร์ ๔ ประการส�ำหรับการศึกษาในศตวรรษที่ ๒๑ เราสามารถ ทจ่ี ะจดั กลุม่ ใหม่ในผลประโยชนท์ ่เี ป็นไปไดภ้ ายใต้หวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี ๑. เรยี นเพอื่ รู้ (Learning to know) เรียนเพ่ือรู้ให้มากข้ึนเก่ียวกับการท�ำงานและงานท่ีท�ำ เก่ียวกับการบริการชุมชน เก่ียวกับค่านิยม ทางศีลธรรม เกยี่ วกับกีฬา ศิลปะและดนตรี ๒. เรียนเพ่อื เป็น (Learning to be) เรียนเพ่ือเป็นผู้เรียนที่ดีย่ิงขึ้นส�ำหรับการท�ำงานในอนาคต มีคุณภาพส่วนบุคคลดี เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพดี มีการทำ� งานเป็นทีมทด่ี ี เป็นผู้เรยี นทีม่ ีแรงจงู ใจนอกห้องเรียนท่ดี ี 196 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๓. เรียนเพ่ือทำ� (Learning to do) เรียนเพอื่ ได้มกี ารเรยี นรู้กว้างไกลนอกห้องเรยี น เรยี นรมู้ ากขนึ้ เกย่ี วกับกีฬาและศลิ ปะ เรยี นร้มู ากขน้ึ เกย่ี วกับการบรกิ ารชมุ ชน เรียนร้มู ากข้นึ เกี่ยวกบั การเตรียมการเพ่ืออาชพี ในอนาคต เรยี นรมู้ ากขน้ึ เพื่อไดค้ ิดสะท้อนกลบั เรื่องการเรียนของตนเอง ๔. เรยี นเพอ่ื อยูร่ ว่ มกนั (Learning to together) เรียนเพอ่ื การอย่รู ่วมกัน เพอื่ ท�ำความสงบสันตใิ ห้เกิด เรยี นเพ่ือเปน็ ผรู้ จู้ กั การใหแ้ ละเอ้อื เฟอ้ื เผ่อื แผ่ เรียนรู้เกี่ยวกับชมุ ชน และเป็นผตู้ ดิ ต่อส่ือสารทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ ผู้น�ำในตนเองและเปน็ ผตู้ ามในตนเอง การเรียนรู้ชีวิตกว้างส�ำหรบั ประสบการณ์การเรยี นร้ทู จ่ี �ำเปน็ ๕ ประการ นักเรียนทุกคนควรได้รับโอกาสในการเรียนรู้ชีวิตกว้าง เพื่อจะได้ช่วยพวกเขาให้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ ท่ีจ�ำเปน็ ๕ ประการ คือ ๑. การพัฒนาด้านสติปัญญา (สว่ นใหญ่ผา่ นการเรียนในห้องเรยี น) ๒. การศึกษาเกย่ี วกบั ศลี ธรรมและพลเมอื ง (การสรา้ งบุคลกิ ลกั ษณะ) ๓. การบรกิ ารชุมชน ๔. การพฒั นาดา้ นร่างกายและดา้ นสนุ ทรียะ ๕. ประสบการณท์ ีเ่ กย่ี วข้องกบั อาชีพ การเรยี นรชู้ วี ติ กวา้ งสำ� หรบั ประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ จ่ี ำ� เปน็ ๕ ประการ สามารถจดั ขน้ึ นอกโรงเรยี นในบรเิ วณ ทีแ่ ตกต่างกนั ไป และองคก์ รท่แี ตกตา่ งกันอาจจะเสนอโอกาสในการเรียนร้ทู ่เี ก่ียวกัน 197 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

นกั เรยี นไดเ้ รยี นรูอ้ ะไร การเรียนรู้และพัฒนาผ่านประสบการณ์ท้ังหมดในชีวิตคนเราตั้งแต่แรกเกิดจนตาย ช่วยให้มีชีวิตที่เป็นตัว ของตัวเอง ได้ช่ืนชมและใฝ่หาความรู้อย่างไม่สิ้นสุดตามแบบของการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning: LLL) ซ่ึงช่วยเสริมและสอดคล้องไปกันได้กับการเรียนรู้ชีวิตกว้าง (LWL) ที่เกิดขึ้นในระบบโรงเรียน ในสถานท่ีท�ำงาน ในครอบครัวในงานอดิเรกตา่ ง ๆ ที่นา่ สนใจ และในสถานทที่ ุก ๆ แหง่ ในโลกท่สี ามารถเป็นแหล่งการเรยี นรู้ชวี ติ กว้าง ได้เป็นอย่างดี บริบทท่ีแตกต่างกันท้ังสถานท่ีและผู้คนท�ำให้การเรียนรู้ในโลกกว้างไม่มีท่ีส้ินสุด เทคโนโลยีจึงกลายเป็น เคร่ืองมือส�ำคัญในการเรียนรู้เพื่อเพ่ิมศักยภาพและความสามารถของผู้คน ช่วยย่นระยะเวลาและเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ ชวี ติ ในโลกกวา้ ง ดังนั้น การเรยี นรูเ้ ฉพาะภายในห้องเรียนของนกั เรียนท่ไี ดร้ ับมาจากครูและตำ� ราเรยี น จึงเป็นสง่ิ ทีล่ า้ สมัย ไมเ่ หมาะกบั ความกา้ วหน้าของสงั คมในทกุ วันนี้ การเรียนรู้ชีวิตกว้าง จึงเป็นค�ำตอบท่ีเหมาะสมส�ำหรับการศึกษาในปัจจุบัน “ให้นักเรียนได้เรียนรู้ในการ แสวงหาความรู้ผ่านประสบการณ์” และผลจากประสบการณ์ท่ีเขาได้รับจะท�ำให้เขาสามารถจัดการความรู้ได้เป็นอย่างดี โดยที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง หน้าท่ีส�ำคัญของครู ผู้ปกครองหรือสังคม คือ การดูแลเอาใจใส่และปกป้องเขาเหล่าน้ันให้ได้มี โอกาสพัฒนาเต็มตามศักยภาพทงั้ ด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปัญญา ซ่งึ กระบวนการในการพัฒนาเหลา่ น้ี จะเพมิ่ ขนึ้ ทลี ะนอ้ ยอยา่ งไมร่ บี เรง่ และลกั ษณะการใหก้ ารศกึ ษากบั นกั เรยี น ตอ้ งทำ� ควบคแู่ ละสอดคลอ้ งไปกบั ลกั ษณะนสิ ยั และบคุ ลกิ ลกั ษณะสว่ นตวั ของเขาเหลา่ นน้ั โดยไมท่ ำ� ใหเ้ ขาเกดิ ความกดดนั ในทส่ี ดุ เขากจ็ ะสามารถเรยี นรวู้ ธิ กี ารและขนั้ ตอน การจดั การการเรียนรดู้ ้วยตนเอง และมีปฏสิ มั พันธท์ ่ีดใี นการชว่ ยเหลอื กันระหว่างเพอ่ื น ครู ครอบครัวและชุมชน อันจะ เปน็ พ้นื ฐานของการเป็นพลเมืองทีด่ สี บื ไป บรรณานกุ รม Basic Education Curriculum Guide --- Building on Strengths “Curriculum Development Council” Education Bureau : The Government of the Hong Kong Special Administrative Region. Exemplars of Curriculum Development in Schools “Curriculum Development Council” LKLieefayer-LwneiinadrgentiLnoegLaArenarerinan/gG-:-S-BTuCihulderriWincgualLyumiFfeoG-rlouwniadgredsC“irnCeaCutriuvrriitrcyiucluulmumDDeveevleolpompmenetnCt “oCunucrirl”iculum Development Council”. NLiofaem-w,iGde(LESdeaa.n)r.nF(irn2a0gn0:c4Ei,sxcStoep.nrJidnoigsn)sg.e,yAE-Bfntaresircs-h.Sicnhgo,oElnWabolrilndgs Creating a New Directors for youth Development, no 101, Norman J. JHacikstsoorny. o((2f20a01n101i))d..eLaC.ihfeapwtiedreCL6eaIrmnminegr, sEivdeuEcaxtpioenriaenndcePs,e2rs0o1n4a:l Development e-book Life wide Learning : . Jackson. Originally (Campbell and Jackson 2011). hhttttpp::////lwifwewwi.daecmccaegssa.zgionve..hcko.uk www.edb.gov.hk 198 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรยี นร้ทู ุกหนทกุ แห่ง รองศาสตราจารย์ ดร.ยนื ภวู่ รวรรณ ความเป็นมาและความหมาย ในช่วงเวลากว่าห้าสิบปีท่ีผ่านมา พัฒนาการเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มีความก้าวหน้าอย่างต่อเน่ือง การพัฒนา เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ยังเป็นไปตามกฎของมัวร์ (Moore’s law) ที่กล่าวโดยสรุปว่า การสร้างวงจรบนชิพคอมพิวเตอร์ มีความหนาแน่นของจ�ำนวนทรานซิสเตอร์ต่อพ้ืนที่เพิ่มข้ึนเท่าตัวทุก ๆ สองปีโดยประมาณ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของ คอมพิวเตอร์ดีขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ สิบแปดเดือนโดยประมาณ และขีดความสามารถในการประมวลผลเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถประมวลผลงานท่ีซับซ้อนได้มากขึ้น ขนาดรูปร่างของคอมพิวเตอร์เล็กลง ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง อีกท้ังมีแนวโน้ม ดา้ นราคาลดลงดว้ ย ท�ำให้มีผู้ใชง้ านกันได้อยา่ งแพร่หลาย การพัฒนาขีดความสามารถ ด้านความจุการเก็บข้อมูล ท�ำให้มีความจุเพิ่มขึ้น จากการใช้แผ่นบันทึกมาเป็น การใช้ฮาร์ดดิสก์ทมี่ คี วามจุเพิม่ ข้ึน จนมาใช้แผน่ วงจรบนั ทกึ (SSD-Solid State Drive) ทำ� ให้มขี นาดเล็กลง จุข้อมูลได้เพมิ่ ขึ้น การประมวลผลโดยรวมเร็วขึ้น และใชเ้ ก็บข้อมลู ขา่ วสารไดเ้ พ่มิ ขึน้ ประจวบกับการพฒั นาดา้ นการเช่ือมตอ่ และเครอื ขา่ ย คอมพิวเตอร์มีความก้าวหน้าเป็นล�ำดับ โดยเฉพาะเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ที่สามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ประกอบเขา้ เปน็ เครอื ขา่ ยสอ่ื สารขอ้ มลู รว่ มกนั ไดท้ ว่ั โลก ทำ� ใหข้ อบเขตการใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละการสอื่ สารขยายการประยกุ ตใ์ ชง้ าน ไดก้ วา้ งขวาง สามารถเรยี กใช้ เขา้ ถึงขอ้ มลู ขา่ วสารได้ทกุ ที่ ทกุ เวลา เช่ือมโยงผคู้ นใหส้ อ่ื สารถึงกันไดท้ กุ ท่ี ตลอดเวลา 199 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

เม่ือคอมพิวเตอร์มีราคาลดลง มีขีดความสามารถสูงข้ึน พัฒนาการด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ก้าวหน้ามากข้ึน ตามล�ำดับ จนทำ� ให้ประยกุ ต์ใชป้ ระโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ ในชีวิตประจ�ำวันได้มากขึ้น มีการแทนท่ีสอื่ ตา่ ง ๆ ท้ังขอ้ ความ ตัวหนังสอื รูปภาพ วีดิโอ เสียง ในรูปแบบดิจิทัล ฯลฯ สามารถจัดเก็บและน�ำข้อมูลดิจิทัลมาใช้งานได้ง่าย อีกทั้งการเช่ือมต่อท�ำได้ดี สามารถส่ือสารข้อมูลดิจิทัลระหว่างกันได้ท่ัวโลก คอมพิวเตอร์จึงเป็นอุปกรณ์ท่ีทุกคนสามารถจัดหาและน�ำมาใช้งาน เพอ่ื เพ่มิ คณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ีข้นึ และใช้ไดท้ กุ หนทุกแห่ง ด้วยเหตุนี้ จึงมีการน�ำศัพท์ค�ำว่า Ubiquitous ซ่ึงมาจากภาษาลาตินมาใช้ ค�ำว่า Ubiquitous หมายความว่า มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง จากพจนานุกรม แปลว่า existing or being everywhere เม่ือน�ำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ จึงมีความหมายว่า คอมพิวเตอร์ทุกหนทุกแห่ง หรือใช้คอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง หรือใช้ค�ำนวณได้ทุกท่ี หรือใช้ค�ำเต็มว่า Ubiquitous computing จนในทุกวันนี้ คอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองค�ำนวณท่ีพกพา (Mobile computer) ไปกับตัว หรือติดอยู่กับตัว เช่น อยใู่ นนาฬิกา แวน่ ตา ตดิ ตัวไปไดท้ กุ แหง่ สามารถเชื่อมโยงเขา้ สเู่ ครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ เพ่อื ใช้งานร่วมกนั ได้ทกุ ท่ี สามแนวทางของการพฒั นาเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ แผนภาพที่ ๑ พัฒนาการทางเทคโนโลยีที่มผี ลท�ำใหก้ ารใชง้ านไดท้ ุกที่ ทกุ เวลา 200 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘