บทบาทของครูตามแนวคิดด้ังเดิม และบทบาทของครูผู้อ�ำนวยความสะดวกตามแนวคิดใหม่ มีสาระ สรุปได้ดังปรากฏในตารางต่อไปน้ี (Wittmer, J. & Myrick, R. D., 1989; Hogan, C. F., 2003; Reeve, J., 2006; วิจารณ์ พานิช, ๒๕๕๖.) ตารางท่ี ๑ : การเปรียบเทียบความแตกแต่งระหว่างบทบาทของครูตามแนวคิดดั้งเดิม และบทบาทของครูผู้อ�ำนวย ความสะดวก บทบาทครดู ง้ั เดมิ บทบาทของครผู ูอ้ ำ�นวยความสะดวก ๑. ใหค้ วามร้แู ละพฒั นาทักษะตา่ ง ๆ ใหแ้ กผ่ ู้เรยี น ๑. ช่วยให้ผ้เู รียนค้นพบและสร้างความเขา้ ใจในความรตู้ ่าง ๆ ดว้ ยตนเอง ๒. ม่งุ สอนเน้อื หาสาระตามทห่ี ลกั สูตรก�ำหนด ๒. รับความคิด และประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้เรียนสนใจ ให้ความสนใจใน ความตอ้ งการและความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมของผเู้ รยี น และสง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นศึกษาเรียนรูใ้ นเรอื่ งทีส่ นใจ ๓. เป็นผู้รู้ด้านเน้ือหา (content expert) เป็นผู้ให้ ๓. เป็นผู้รู้ด้านกระบวนการ (process expert) เป็นผู้ช่วยให้ค�ำแนะน�ำ ขอ้ มลู และแนวคดิ ตา่ ง ๆ ตามความเขา้ ใจของตน เก่ียวกับกระบวนการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ และกระบวนการอื่น ๆ ในสาระนั้น ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ๔. มุ่งสอนโดยเนน้ คำ�ตอบที่ถกู ตอ้ ง ๔. กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดหาค�ำตอบที่ถูก โดยใช้ค�ำถามที่ถูก ส่งเสริม ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน หรือค�ำตอบหลากหลายท่ีแตกต่างกัน และส่งเสริมการเรยี นรจู้ ากกนั และกนั ๕. การเรียนรู้ของผู้เรียนข้ึนกับพลังอ�ำนาจและ ๕. ช่วยเสริมพลังอ�ำนาจ (empowerment) ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ ความสามารถของครูท่สี อน ดว้ ยตนเอง และเรียนรู้จากกนั และกนั ๖. มีการสื่อสารทางเดียว จากครูไปยังผู้เรียน หรือ ๖. มีการสื่อสารหลายทาง ทั้งจากครูไปยังผู้เรียน ผู้เรียนไปยังครู และ จากผู้เรยี นมายังครู ระหวา่ งผ้เู รียนแต่ละคน ๗. มีสัมพันธภาพกับผู้เรียนในลักษณะผู้รู้กับผู้ไม่รู้ ๗. มสี ัมพันธภาพกับผู้เรียนในลกั ษณะของผรู้ ่วมงาน ช่วยกันเรียนรู้ เปน็ ความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ๘. ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างผู้เรียนในลักษณะ ๘. สง่ เสริมสมั พันธภาพระหวา่ งผู้เรียนในลักษณะของการร่วมมือ ของการแข่งขนั กนั รวมพลังกัน ๙. มีสัมพันธภาพกับเพ่ือนครูในลักษณะต่างคนต่างอยู่ ๙. มีสัมพันธภาพกับเพื่อนครูในลักษณะของผู้ร่วมงาน ผู้เรียนรู้ร่วมกัน ตา่ งคนตา่ งทำ� และเป็นตวั แบบใหแ้ กก่ ันและกัน ๑๐. เปน็ ผมู้ อี ำ� นาจในการตดั สนิ ใจ และแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ ๑๐. เปน็ ผชู้ แ้ี นะ ใหค้ ำ� ปรกึ ษาแนะนำ� และสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นรว่ มกนั คดิ และ ตดั สนิ ใจรว่ มกนั 301 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ครูท่ัวไปจ�ำนวนมากโดยเฉพาะครูใหม่ มักมีความห่วงใยและต้องการให้ผู้เรียนของตนเกิดการเรียนรู้ ตามทตี่ นตอ้ งการ และพยายามทจ่ี ะใหค้ วามรแู้ กผ่ เู้ รยี นอยา่ งมากทส่ี ดุ โดยทำ� ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งใหน้ กั เรยี นทง้ั หมด ซงึ่ แทนที่ จะเป็นการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ กลับเป็นการท�ำลายโอกาสการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูผู้อ�ำนวยความสะดวก จึงเป็นทางเลือกหน่ึงที่สามารถช่วยแก้ปัญหา และเติมเต็มความต้องการน้ี โดยครูยังสามารถท�ำหน้าที่เดิมของตน ในสว่ นของการเปน็ ผรู้ ู้ ผเู้ ชยี่ วชาญในสาขาวชิ าของตน เพอื่ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ ง และครอบคลมุ หลกั สตู ร ทกี่ ำ� หนด และเพ่ิมบทบาทของการเปน็ ผอู้ �ำนวยความสะดวกเข้าไป เพื่อส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรู้ของผ้เู รยี น ซง่ึ จะชว่ ย ใหผ้ ู้เรยี นสามารถเรียนรู้ไดด้ ้วยตนเองและเรยี นรไู้ ด้ดีขน้ึ บรรณานกุ รม วจิ ารณ์ พานชิ . (๒๕๕๖). การเรยี นรเู้ กิดข้นึ อยา่ งไร. กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ัท เอส อาร์ พริน้ ตง้ิ . . (๒๕๕๖). การสรา้ งการเรยี นรู้ส่ศู ตวรรษที่ ๒๑. กรงุ เทพมหานคร: ส. เจริญการพิมพ์. Hogan, C. F. (2003). Practical facilitation. London: Kogan Page. Kaner, S. et al. (2007). Facilitator’s guide to participatory decision-making. San Francisco, Ca: Jossy-Bass. Reeve, J. (2006). “Teachers as facilitators: what autonomy-supportive teachers do and why their students benefit” in The Elementary School journal, Vol. 106, No. 3, pp. 225-236. Wittmer, J. & Myrick, R. D. (1989). The teacher as facilitator. Minneapolis, Minnesota: Educational Media Corp. 302 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ครูมอื อาชพี รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีศกั ดิ์ จินดานุรกั ษ์ ครูเป็นบุคลากรที่มีความส�ำคัญอย่างมากในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ โดยท�ำหน้าท่ีปลูกฝังให้ผู้เรียนเป็นคนดี มีความสุข ใฝ่เรียนรู้ มีสมรรถนะในการประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อการพัฒนาชีวิต และสงั คม ครูโดยทั่วไปท�ำหน้าที่ตามบทบาทหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมาย คนที่เป็น “ครูมืออาชีพ” ไม่ใช่คนที่เป็นครู โดยทั่วไปที่มีอาชีพเป็นครู แต่เป็นครูที่มีความสามารถและคุณลักษณะเฉพาะ ที่ท�ำให้ท�ำงานในบทบาทหน้าที่ครู ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ครูมืออาชีพ หมายถึง ครูที่มีความรู้ดี โดยมีความรู้ในส่วนที่เป็นเน้ือหาความรู้ที่สอน และความรู้ในส่วนที่ เปน็ ศาสตร์การสอน มคี วามสามารถในการปฏิบัติการสอน ถ่ายทอดความรใู้ ห้แก่ผู้เรียนได้ดี เปน็ ผูท้ ่มี ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความเป็นครู สามารถท�ำงานร่วมกับผู้อ่ืนได้ และเป็นผู้ที่พัฒนาความรู้ของตนเองอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ รายละเอียด ขององค์ประกอบด้านตา่ ง ๆ มดี ังนี้ 303 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๑. มีความรู้ดี การเป็นผู้น�ำทางปัญญาเป็นคุณลักษณะส�ำคัญอันดับต้น ๆ ของการประกอบวิชาชีพครู เน่ืองจากครูมีหน้าที่โดยตรงในการพัฒนาปัญญาให้บุคคล เพ่ือน�ำไปใช้ในการพัฒนาตนและสังคม องค์ประกอบด้านความรู้ ได้แก่ ความรู้ในส่วนท่ีเป็นเน้ือหาสาระในศาสตร์หรือวิชาท่ีตนเองสอน และความรู้พ้ืนฐานในกลุ่มสาขาวิชาเฉพาะ ได้แก่ ความรู้ด้านภาษา คณิตศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เป็นต้น การท่ีจะเป็นครูท่ีมีความรู้ดีจะต้องติดตามความก้าวหน้าของความรู้ ในศาสตร์นั้น เพราะปัจจุบันความรู้มีการเปล่ียนแปลงและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครูจึงไม่หยุดท่ีจะหาความรู้ในศาสตร์ของตน อย่างตอ่ เน่อื ง โดยเฉพาะเน้อื หาดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีมีการเปลย่ี นแปลงและกา้ วหน้าอยา่ งรวดเร็วตลอดเวลา ความรู้ในส่วนที่เป็นศาสตร์การสอนเป็นส่ิงส�ำคัญไม่น้อยกว่าความรู้ในส่วนท่ีเป็นเนื้อหาสาระ เพราะความรู้ ด้านน้ีจะช่วยให้ครูสามารถถ่ายทอดเน้ือหาความรู้ได้อย่างดี ความรู้ในด้านนี้ ได้แก่ กลุ่มสาขาวิชาชีพครูด้านการศึกษา หลักสตู ร หลกั การสอน ทักษะและกระบวนการแสวงหาความรู้ การจดั การเรยี นรู้ จิตวทิ ยาพัฒนาการ จติ วทิ ยาการศึกษา ทฤษฎีการเรียนรู้ ทฤษฎีการสอน แหล่งการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน การวัดผลและประเมินผล การผลิต การใช้และ เก็บรักษาอปุ กรณก์ ารสอน การจัดการช้ันเรยี น และการวิจยั ในชัน้ เรียน ๒. มีความสามารถในการปฏิบัติการสอน องค์ประกอบด้านการปฏิบัติการสอน ได้แก่ ความสามารถ ในการจดั การเรียนการสอน และการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ เชน่ ๑) การวางแผนการจัดการเรียนรู้ ครอบคลุมด้านการวิเคราะห์หลักสูตร การก�ำหนดจุดประสงค์ของ การเรยี นรู้ การวางแผนการจดั การเรยี นรู้ การวางแผนรายคาบ การใชแ้ ผนการเรียนรู้ การปรบั ปรงุ แผนการเรียนรู้ ๒) วิธีการจัดการเรียนรู้ เช่น การบรรยาย การอภิปราย การสาธิต การทดลอง การใช้บทบาทสมมติ การใช้สถานการณจ์ �ำลอง การใชก้ รณีศกึ ษา การศกึ ษานอกสถานที่ การใช้ศูนยก์ ารเรยี น เปน็ ตน้ ๓) รูปแบบการสอน เช่น รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ การสอนแบบการสร้างองค์ความรู้ การสอนแบบวัฏจักรการเรยี นรู้ การสอนแบบร่วมมอื การสอนแบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน การสอนแบบโครงงาน เปน็ ตน้ 304 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๔) กจิ กรรมและเทคนคิ การสอน ตวั อยา่ งกจิ กรรมการสอนทค่ี รอู าจนำ� มาใช้ ไดแ้ ก่ การใชก้ ระบวนการกลมุ่ การจัดมุมวิทยาศาสตร์ การจัดป้ายนิเทศ ส�ำหรับเทคนิคการสอนท่ีควรใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น การน�ำเข้าสู่บทเรียน การเรา้ ความสนใจ การใชค้ ำ� ถาม การเลา่ เรอ่ื ง การใชท้ า่ ทางสอื่ ความหมาย การจดั บรรยากาศในชน้ั เรยี น การสรปุ บทเรยี น เป็นต้น ๕) แหลง่ การเรยี นรแู้ ละสอ่ื การเรยี นการสอน เชน่ การสรา้ งและการใชช้ ดุ การเรยี น-การสอน การเลอื กใช้ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ การผลิต การใช้และการเก็บรักษาส่ือและอุปกรณ์การสอน การสร้างเว็บไซต์ (Website) การสร้างเว็บบล็อก (Web Blog) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพ่ือประโยชน์ในการเรียน การสอน เป็นตน้ ๖) การวัดผลและประเมินผล เช่น การใช้วิธีการวัดผลท่ีหลากหลายและการสร้างข้อสอบแบบต่าง ๆ แบบสังเกต และแบบบันทึกพฤติกรรมของผู้เรียน แบบสอบถาม แบบส�ำรวจ แบบประเมินผลงาน นอกจากน้ียังใช้ การประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง แล้วน�ำผลการประเมินมาใช้เพ่ือปรับปรุงการเรียนการสอนและเพ่ือตัดสิน ผลการเรยี นการสอน เป็นต้น ๗) การพฒั นากระบวนการจดั การเรยี นรู้ เชน่ การวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ ารในชน้ั เรยี น โดยเรมิ่ จากการบนั ทกึ ผลของ การจัดการเรียนรู้ การวิเคราะหป์ ัญหา การกำ� หนดแนวทางการแก้ปญั หา เป็นต้น ๓. มคี ุณธรรม จริยธรรม ความเปน็ ครู การเปน็ ผู้น�ำทางดา้ นจติ ใจเป็นคณุ ลักษณะท่สี �ำคญั ยิง่ อีกประการหนง่ึ ของครมู อื อาชพี ซงึ่ มคี วามสามารถในการพฒั นาตนและบคุ คลอนื่ ใหเ้ ปน็ คนทมี่ จี ติ ใจดี การมจี ติ ใจดเี ปน็ เกณฑห์ ลกั ทใี่ ชใ้ น การตัดสินการเป็นคนดี ทั้งทางวิชาชีพและทางสังคม ท้ังซีกโลกตะวันตกและตะวันออก ครูทุกคนจึงต้องเป็นผู้น�ำ ทางจติ ใจ องคป์ ระกอบของคณุ ลกั ษณะของครูมอื อาชีพ ไดแ้ ก่ ๑) มีเจตคติท่ีดีต่อวิชาชีพครู เช่น ตระหนักรู้ว่าวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพที่ส�ำคัญ เป็นวิชาชีพช้ันสูง เห็นว่า วิชาชีพครูมีค่าและมีความส�ำคัญต่อประเทศชาติ มีศรัทธาและภาคภูมิใจในวิชาชีพครู มีความสุขท่ีได้ประกอบอาชีพครู สง่ เสรมิ สนบั สนนุ วชิ าชพี ครู ๒) มีเจตคติท่ีดีต่อการปฏิบัติงานวิชาชีพครู เช่น ตระหนักในความส�ำคัญของการศึกษา ต้ังใจสอนและ มีความมุ่งม่ันพัฒนาการเรียนการสอนอย่างมีระบบ พยายามปรับปรุงการจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ได้ผลตามจุดมุ่งหมายของ หลกั สูตร สนใจใฝห่ าความร้เู พม่ิ เติม มีความสุขและพอใจทไี่ ดป้ ฏบิ ัตงิ านวชิ าชีพครู ปฏิบตั ติ นเป็นแบบอย่างที่ดี ๓) มีเจตคติท่ีดีต่อศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น มีความรักและภาคภูมิใจในชาติไทย ตระหนักในคุณค่า ของศลิ ปวัฒนธรรมไทย มีความภาคภูมใิ จในศิลปวัฒนธรรมไทย สง่ เสริมสนับสนุนเพือ่ อนุรักษศ์ ิลปวัฒนธรรมไทย ๔) มีความเป็นผู้น�ำ เช่น กล้าตัดสินใจ ริเริ่มสร้างสรรค์ มีปฏิภาณไหวพริบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี สุขุม รอบคอบ สอ่ื ความหมายชดั เจน ชน้ี ำ� ใหผ้ อู้ นื่ คลอ้ ยตามและรว่ มปฏบิ ตั งิ านอยา่ งเตม็ ใจ เปน็ ผนู้ ำ� และผตู้ ามทดี่ ี มมี นษุ ยสมั พนั ธด์ ี มีน�้ำใจเป็นนักกีฬา ย้ิมแย้มแจ่มใส มีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี ควบคุมอารมณ์ได้ รู้จักปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างสุขภาพ ทางกายและทางจติ มคี วามมุง่ มั่นพัฒนาวิชาชีพครู 305 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๕) มีคุณธรรม จริยธรรม เช่น ใจกว้าง มีเหตุผล รักความยุติธรรม รักความสามัคคี ซ่ือสัตย์ ขยัน รักความก้าวหน้า มีขันติธรรม ยกย่องผู้ท�ำความดี เสียสละ เอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ รักษาช่ือเสียงของหมู่คณะ มีวินัยในตนเอง รบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่ี สขุ ุม รอบคอบ และมคี วามมนั่ ใจในตนเอง มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สังคม เป็นตน้ ครทู ่มี คี ุณธรรม จริยธรรม จะได้รบั ความเคารพจากศิษย์ ไดร้ บั การยอมรบั จากผู้ปกครอง ไดร้ บั การสนับสนุน จากเพื่อนและผู้บังคับบัญชา ท�ำให้มีความก้าวหน้าในการท�ำงานและการประกอบอาชีพ ซึ่งอาจได้รับการยกย่องประกาศ เกียรติคุณให้เป็นตัวอย่างท่ีดีของบุคลากรในวิชาชีพ เป็นผู้น�ำของสังคม ครูท่ีมีคุณธรรม จริยธรรมจะเป็นสมาชิกที่ดีของ สังคมท่ีตนเป็นสมาชิกอยู่ รวมท้ังเป็นเพื่อนมนุษย์ที่ดีของคนในกลุ่มสังคมอื่น ครูจึงเป็นตัวแบบท่ีดีของสังคม สามารถ น�ำใหส้ งั คมมคี ุณธรรม จรยิ ธรรมท่ดี ี และได้รับการยกยอ่ งให้เป็นผู้นำ� ที่ดีของสงั คม ๔. มีมนษุ ยสมั พนั ธด์ ี ครมู ืออาชพี สามารถทำ� งานรว่ มกับผอู้ ื่นไดด้ ี สามารถสร้างมนษุ ยสมั พนั ธก์ บั บคุ ลากร ภายในสถานศึกษาท้ังเพ่ือนครู นักเรียน ผู้บริหาร และยังสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับบุคลภายนอกด้วย ได้แก่ ผู้ปกครอง และคนในชุมชน สำ� หรบั แนวคิดในการสร้างมนุษยสมั พนั ธข์ องครูมี ดังน้ี ๑) ครูมืออาชีพมีแนวทางในการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้เรียน ดังน้ี รักนักเรียนและตั้งใจสอนนักเรียน รับฟังปัญหาของนักเรียน สนับสนุนนักเรียน ให้ก�ำลังใจนักเรียน ขยันอบรมจริยธรรมให้แก่นักเรียน ขยันดูแลเอาใจใส่ นักเรียน ท�ำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีของนักเรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้กว้างขวาง เป็นผู้มีความเพียร อดทน ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทที่ ำ� ร่วมกบั ผเู้ รยี น ใช้หลกั ประชาธิปไตยในการจัดกิจกรรมตา่ ง ๆ ร่วมกับผ้เู รียน (ทศั นยี ์ ชาติไทย, ๒๕๓๕) ๒) ครูมืออาชีพมีแนวทางในการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้เรียน ดังน้ี ทักทายและพบปะกันในโอกาส อันควร จริงใจต่อกัน เล่ียงการนินทา ไม่ซัดทอดความผิดให้คนอื่นเม่ือเป็นความผิดของตน ยกย่องตามโอกาสอันควร ด้วยความจริงใจ ใจกว้าง เอ้ือเฟื้อ และให้ความร่วมมือแก่เพื่อนด้วยความเต็มใจ รับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน ท�ำตน เสมอต้นเสมอปลาย และไม่ท�ำตัวเหนือเพ่ือน เห็นใจและช่วยเหลือเพื่อนในยามทุกข์ ให้เกียรติเพ่ือนร่วมงานทุกระดับ (ธนรัชฏ์ ศิรสิ วัสด,์ิ ๒๕๔๙) ๓) ครูมืออาชีพมีแนวทางในการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับ ผู้บังคับบัญชา ดังนี้ เข้าใจความคิดของผู้บังคับบัญชา พยายามหาทาง ให้ความคิดของผู้บังคับบัญชาเป็นความจริงและเกิดผลดี เรียนรู้นิสัย การท�ำงานของผู้บังคับบัญชา ท�ำงานให้ดีและเต็มความสามารถ พยายาม ทำ� ความคดิ ของผบู้ งั คบั บญั ชาใหเ้ ปน็ ความจรงิ และเกดิ ผลดี เลย่ี งการประจบ ยกย่องและสรรเสริญผู้บังคับบัญชาตามโอกาสอันควร เข้าพบและปรึกษา ผบู้ งั คบั บญั ชาในโอกาสและเวลาทเ่ี หมาะสม ทำ� งานโดยใชเ้ หตผุ ลเปน็ สำ� คญั ไม่นินทาผู้บังคับบัญชา และไม่รบกวนในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอดจน ไม่กล่าวถึงความยากล�ำบากในการปฏิบัติงานกับผู้บังคับบัญชา ประเมนิ การทำ� งานของตนเป็นระยะ ๆ (ธนรชั ฏ์ ศิริสวัสดิ์, ๒๕๔๙) 306 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๔) ครูมืออาชีพมีแนวทางในการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน ดังน้ี เข้าใจความต้องการ ของชุมชนและสังคม พยายามศึกษาความเปล่ียนแปลงของชุมชนอยู่เสมอ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดให้ ชุมชนรับทราบ และช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมของชุมชนด้วย พยายามใช้ทรัพยากรในท้องถ่ินให้เกิดประโยชน์ต่อการ จัดการศึกษาของสถานศึกษา และให้ชุมชนมีโอกาสมาใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในสถานศึกษาด้วย รับฟังความคิดเห็น ของประชาชนในชมุ ชนอยู่เสมอ มคี วามตืน่ ตวั ในการพัฒนาสถานศึกษาและทอ้ งถ่ินอยเู่ สมอ (ธนรัชฏ์ ศิริสวสั ดิ,์ ๒๕๔๙) ๕) พัฒนาความรู้ตนเองอย่างต่อเน่ืองอยู่เสมอ ครูมืออาชีพเป็นผู้น�ำในวิชาชีพ เป็นผู้ที่พัฒนาตนเอง อย่างสม�่ำเสมอ โดยพัฒนาท้ังด้านปัญญา ด้านจิตใจ และคุณลักษณะในวิชาชีพครู เป็นการพัฒนาตนอย่างรอบด้าน การพฒั นาตนเอง มีดังนี้ ๑) การแสวงหาความรู้เชิงวิชาการในหลายวิธี ได้แก่ การอ่าน ครูมืออาชีพจะต้องพัฒนาการอ่าน ทางวิชาการท้ังด้านเทคนิคการอ่านและขอบข่ายของการอ่าน ได้แก่ ด้านเทคนิคการอ่าน มีความสามารถในการอ่าน อย่างผิวเผิน เป็นการอ่านเพ่ือให้ทราบว่าสิ่งที่อ่านนั้นเป็นเร่ืองอะไร ตรงกับความสนใจของเราหรือไม่ หากไม่สนใจ ก็ผ่านไป ท�ำให้อ่านได้จ�ำนวนมากอย่างรวดเร็ว การอ่านจับใจความ เป็นการอ่านรายละเอียดของข้อความที่ไม่ยาก ในการเข้าใจ และการอ่านโดยใช้วิจารณญาณ เป็นการอ่านท่ีต้องใช้สมาธิและเวลามากจึงจะท�ำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในเน้ือหาท่ีอ่าน ด้านขอบเขตการอ่าน ครูมืออาชีพจะอ่านเอกสารวิชาการในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ต�ำรา วารสาร งานวิจัย ข้อมูลบนเว็บไซต์ เน่ืองจากสังคมปัจจุบันเป็นสังคมข่าวสารที่คนส่วนใหญ่มีโอกาสได้รับข้อมูลอย่างหลากหลาย รวมทั้ง ใช้เศรษฐกิจแบบฐานความรู้ ท�ำให้ครูผู้น�ำทางวิชาชีพต้องมีความรู้กว้างขวาง ลึกซึ้ง เป็นปัจจุบัน และมีคุณภาพส�ำหรับ การเรียนรขู้ องตนเองและการปฏบิ ัติงานในวชิ าชพี ๒) การประชุมสัมมนาทางวิชาการ ประชุมสัมมนาทางวิชาการเป็นช่องทางหนึ่งของการพัฒนา ความรู้ โดยมกี จิ กรรมในการสมั มนาหลายลกั ษณะ เชน่ การบรรยายพเิ ศษ การเสนอบทความวชิ าการ การประชมุ ปฏบิ ตั กิ าร การสาธิต การจัดนิทรรศการ การแนะน�ำต�ำราและเว็บไซต์ การประชุมสัมมนาจึงประกอบด้วยบุคคลท่ีมีบทบาท แตกต่างกัน ครูผู้น�ำทางวิชาชีพต้องเข้าร่วมประชุมสัมมนาทางวิชาการในบทบาทต่าง ๆ จึงควรพัฒนาให้มีคุณลักษณะ ทส่ี อดคลอ้ งกบั บทบาทของตนในการสมั มนา บทบาททสี่ ำ� คญั คอื ๑) เปน็ ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ เ่ี จา้ ภาพเชญิ มาบรรยาย มบี ทบาท ในการปูพื้นความรู้และให้แนวคิดท่ีเป็นมุมมองในเร่ืองนั้น ๒) เป็นผู้น�ำเสนอรายงาน มีบทบาทในการเสนอผลงาน ท่ีได้จัดเตรียมมาให้เหมาะสมกับเง่ือนไขในการสัมมนา เช่น ก�ำหนดในการเสนอผลงาน อุปกรณ์ท่ีใช้ในการเสนอผลงาน และเปิดใจรับฟังความคิดเห็นในการอภิปรายของผู้เข้าร่วม สัมมนา ๓) เป็นผู้เข้าร่วมประชุม มีบทบาทในการฟัง อย่างมีวิจารณญาณ ซักถามประเด็นที่ตนสนใจ และปฏิบัติ กจิ กรรมที่ไดร้ บั มอบหมายในการสมั มนา 307 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๓) การศึกษาอบรมโดยระบบทางใกล้ และระบบทางไกล การศึกษาอบรมโดยระบบทางใกล้เป็น การศกึ ษาอบรมทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั การศกึ ษาตอ่ หรอื การ เข้ารับการอบรมในหน่วยงาน เป็นวิธีท่ีปฏิบัติกันมากทั้ง ในอดีตและปัจจุบัน การศึกษาอบรมทางไกลเป็นการศึกษา ทผี่ ใู้ หแ้ ละผรู้ บั ความรมู้ กี ารพบปะกนั โดยตรงนอ้ ยกวา่ การศกึ ษา อบรมทางใกล้ การศึกษาอบรมทางไกลแบ่งเป็นระบบย่อยต่าง ๆ เช่น ระบบท่ีเน้นสื่อสิ่งพิมพ์ ระบบท่ีเน้นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ท้ังสองระบบอาจมีกิจกรรมการเรียนรู้แบบเผชิญหน้ากันโดยตรงและหรือกิจกรรมปฏิสัมพันธ์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (F2F: Face to Face หรือ B2B: Blog to Blog) อย่างไรก็ดี สังคมปัจจุบันส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Book, e-Class, e-Learning ทงั้ ในระดับครู ผ้เู รยี น และสงั คม การเรียนร้ดู ว้ ยระบบอเิ ล็กทรอนกิ สจ์ งึ เปน็ ทกั ษะใหม่ ท่คี รใู นปจั จุบันตอ้ งมคี วามรู้และพฒั นาจนเกิดความช�ำนาญ นอกจากครูมืออาชีพจะต้องพัฒนาคุณลักษณะในการแสวงหาความรู้แล้ว ยังต้องพัฒนาคุณลักษณะในการ ผลติ ผลงานทางวชิ าการ เช่น ต�ำรา เอกสารประกอบการสอน บทความทางวชิ าการ งานวิจยั รวมทง้ั ตอ้ งมีคุณลักษณะใน การวิพากษ์ และนำ� เสนอผลงานวชิ าการด้วย การพฒั นาน้ีจะเนน้ การพฒั นาด้วยตนเอง ครูมอื อาชพี จึงตอ้ งเป็นผมู้ วี ฒั นธรรม การเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งทจี่ ะสามารถเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองไดแ้ ละมกี ารเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ทง้ั ในวชิ าการดา้ นเนอ้ื หา วชิ าการดา้ น วิชาชีพครู วิชาการด้านการเป็นผู้น�ำ จากท่ีกล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ค�ำว่า “ครูมืออาชีพ” มีความหมายต่างจากค�ำว่า “อาชีพครู” ซึ่งหมายถึง ครูที่ใช้วิชาความรู้ที่ร่�ำเรียนมา เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพ ไม่ได้เป็นครูด้วยใจรัก หรือสมัครใจ ครูประเภทน้ี แค่สอนจบไปวัน ๆ หน่ึงก็พอแล้ว โดยไม่สนใจว่าศิษย์จะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจก็ตาม ขอให้มีเงินเดือนตามวิทยฐานะ กพ็ อ การเป็น “ครูมืออาชีพ” ต้องเป็นครดู ว้ ยใจรกั มีความรู้เนือ้ หาในศาสตรข์ องตนและศาสตร์ทางการสอน ประพฤตติ น ไดอ้ ย่างเหมาะสม เอาใจใสแ่ ละดแู ลศษิ ยอ์ ย่างตงั้ ใจ ปฏิบัติหนา้ ที่ดว้ ยจติ วิญญาณของความเปน็ ครู บรรณานกุ รม ทัศนีย์ ชาติไทย. (๒๕๓๕). “มนุษยสัมพันธ์และสภาพแวดล้อมในโรงเรียนกับการวัดและประเมินผลการศึกษา” หน่วยท่ี ๑๑ ในเอกสารการสอนชุดวิชาจิตวิทยาและสังคมวิทยาพื้นฐานเพื่อการวัด และประเมินผลการศึกษา สาขาวิชาศึกษาศาสตร์. นนทบรุ :ี สำ� นกั พิมพม์ หาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. ธนรัชฏ์ ศิริสวัสด์ิ. (๒๕๔๙). “มนุษยสัมพันธ์และการท�ำงานเป็นทีม” ในประมวลสาระชุดวิชาประสบการณ์วิชาชีพ มหาบัณฑิตหลักสูตรและการสอน หน่วยท่ี ๖ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์. นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. 308 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
คลาวด์เทคโนโลยี ดร.อธปิ ัตย์ คล่สี นุ ทร ความน�ำ เม่อื ก่อน บรษิ ทั ธุรกจิ ขนาดใหญ่ หรอื หน่วยงานราชการ ท่ีต้องผลิตสินคา้ หรอื ใหบ้ รกิ าร บริหารจดั การข้อมูล จ�ำนวนมาก จะจัดซื้อเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพื่อการเก็บข้อมูลและประมวลผลท่ีรวดเร็ว เป็นระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (mainframe computer) บางบรษิ ทั ทมี่ ขี นาดปรมิ าณงานและการประมวลผลนอ้ ยกวา่ ไมต่ อ้ งการความเรว็ มากจะซอ้ื มนิ คิ อมพวิ เตอร์ (minicomputer) เป็นแม่ข่ายของการท�ำงาน ส่วนบริษัทหรือธุรกิจขนาดเล็ก หรือคนท่ัวไปท่ีต้องการใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ในการท�ำงานไม่มาก จะซื้อคอมพิวเตอร์แบบต้ังโต๊ะ (desktop computer) หรือ คอมพิวเตอร์ขนาดสมุดบันทึก (notebook computer) โดยทั่วไปแล้ว คอมพิวเตอร์ดังกล่าวสามารถเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศ ประมวลผล รวมท้ังท�ำงาน หลายเร่ืองร่วมกันได้โดยมีระบบแม่ข่ายเป็นศูนย์ข้อมูล ประมวลผล หรือท�ำงานอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้แก่ลูกข่ายได้ ตามต้องการ ในขณะท่ีบุคคลท่ัวไปอาจจะใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะท�ำงานเบ็ดเสร็จด้วยตนเอง (stand-alone computer) แต่เมื่อต้องการสืบค้นจากฐานข้อมูลจ�ำนวนมาก หรือ ต้องการแลกเปล่ียนข้อมูลสารสนเทศ ก็จะสามารถเช่ือมโยงกับแม่ข่าย 309 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
หรอื เครอื ขา่ ยได้ อยา่ งไรกต็ าม การมคี อมพวิ เตอรข์ นาดใหญเ่ ปน็ แมข่ า่ ย ประกอบดว้ ย ระบบปฏบิ ตั กิ าร โปรแกรมประยกุ ต์ มกี ารบำ� รงุ รกั ษา มบี คุ ลากรทมี่ คี วามรคู้ วามสามารถพเิ ศษ มรี ะบบการเชอ่ื มโยงทซ่ี บั ซอ้ น รวมทงั้ ตอ้ งมรี ะบบสำ� รอง (backup) ป้องกันระบบลม่ ท�ำงานไมไ่ ด้ และอาจจะทำ� ให้ขอ้ มลู สูญหายหรือเสยี หาย จะมผี ลท�ำใหธ้ ุรกจิ หรือการงานเสยี หายไปด้วย การมีท้ังฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบเครือข่าย และบุคลากรบางกลุ่มท่ีช่วยพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ใช้ในหน่วยงาน ของตนเองดังกล่าว เดิมต้องมีค่าใช้จ่ายสูง หรือค่อนข้างสูง ซ่ึงจะท�ำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้า (goods) และการให้ บรกิ ารต่าง ๆ (services) มีราคาสงู ตามไปด้วย ๑) ความเปน็ มา เมอ่ื ไมน่ านมานี้ ผลของการพฒั นาของกลมุ่ ผผู้ ลติ เทคโนโลยี กอ่ ใหเ้ กดิ คลาวดเ์ ทคโนโลยี (cloud technology) ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปแต่เดิม และปัจจุบันเรียกว่า คลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing) สามารถช่วยให้ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่ายในการลงทุนซื้ออุปกรณ์ พัฒนาซอฟต์แวร์ รวมท้ังโครงสร้างพื้นฐาน แต่สามารถใช้งานได้แทบทุกสถานที่ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ (devices) ท่ีหลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนระบบหรือปรับปรุง ระบบได้ ใชง้ านงา่ ย มปี ระสทิ ธภิ าพสงู มพี นื้ ทร่ี องรบั การขยายตวั ของขอ้ มลู และของระบบไดด้ ี มรี ะบบรกั ษาความปลอดภยั โดยทั่วไปแล้ว คลาวด์เทคโนโลยี จะสามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจนานาชาติ ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก หน่วยงานราชการ รวมท้ัง แต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างย่ิง สามารถตอบสนองความต้องการ ในอนาคตที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทส�ำคัญย่ิงข้ึน ต่อธุรกิจ การท�ำงาน และการด�ำรงชีวิตซ่ึงความต้องการบางเร่ือง อาจจะคาดเดาไม่ไดใ้ นชว่ งเวลาปจั จุบนั รองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ได้บรรยายเรื่อง Challenges of Digital Learning in Education and its Applications ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เม่ือวันท่ี ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ซ่ึงมีสาระท่ีน่าสนใจมากหลายเร่ืองเก่ียวกับ ระบบดิจิทัล รวมท้ังบริบทของอนาคต การศึกษา การท�ำงาน ท่ีท้าทายต่อการด�ำเนินชีวิตของผู้คนแทบทุกอาชีพ อาทิ ชีวิตผู้คนจะยืนยาวขึ้น เครื่องจักรและเคร่ืองมือกลจะฉลาดมากขึ้น ผู้คนมีโอกาสรู้เห็นข้อมูลและเรื่องต่าง ๆ ได้มากข้ึน ผู้คนจะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เป็นส่ือใหม่ แสวงหาความรู้ แลกเปล่ียนความคิดได้กว้างขวางข้ึน ต้องรู้เท่าทันสื่อ เทคโนโลยจี ะปรบั เปลย่ี นวถิ ชี วี ติ วธิ กี ารทำ� งาน โครงสรา้ งองคก์ ารจะเปลยี่ นแปลงไป การบรหิ ารจดั การจะมคี วามเรว็ ขนึ้ มาก ผคู้ นของประเทศตา่ ง ๆ จะคอ่ ย ๆ กลายเปน็ ประชากรของโลก ครอู าจารยท์ เี่ กดิ มาเมอ่ื ๔๐-๕๐ ปกี อ่ น (digital immigrants) ต้องปรับตัวให้ทันกับศิษย์ท่ีเกิดมาในยุคน้ี (digital natives) และเร่ืองหน่ึงในการบรรยายคือ กลุ่มเมฆข้อมูลข่าวสาร คลาวด์ (cloud) หรือ คลาวด์ข้อมูลข่าวสาร (information cloud) ซึ่งเปรียบเสมือนกลุ่มเมฆล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า เป็นกลุ่มเมฆที่รวมของข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) ที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต สามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศเหล่าน้ัน ได้ตลอดเวลา โดยอุปกรณ์หลายอย่าง เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก เรื่องต่าง ๆ น้ีท�ำให้เชื่อได้ว่า ผู้ใหญ่บางกลุ่มท่ีอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยี (digital aliens) ในช่วงเวลาน้ี ควรตระหนักและพอรู้เท่าทัน ความเปล่ียนแปลง รวมทั้งควรต้องปรับตัวให้รับรู้เทคโนโลยีก้าวหน้าเหล่านี้บ้างเพื่อการด�ำรงชีวิตในสังคมท่ีก�ำลัง เปลี่ยนแปลงสงู นอ้ี ย่างมีคุณภาพตามสมควรได้ต่อไป 310 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
Cloud Computing Metaphor. Source: https://en.wikipedia.org/wiki/Cloud_computing ภาพแสดง ลักษณะ ความสามารถ องค์ประกอบ ของคลาวดค์ อมพวิ ต้งิ ๒) ความหมาย สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา (National Institute of Standard and Technology, U.S.Department of Commerce) กลา่ วถงึ เรอ่ื ง คลาวด์คอมพวิ ตงิ้ (Mell & Grance, 2011) สรุปได้ว่า เป็นแบบโครงสร้างท่ีมีเครือข่าย เป็นเคร่ืองบริการ เป็นหน่วยเก็บ มีโปรแกรมประยุกต์ และการบริการ เป็นการส่ือสารหลายช่องทาง โดยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเข้าถึงได้และใช้ท�ำงานได้ โดยผู้ต้องการใช้งานทุกระดับ ทง้ั ระดับบคุ คลทวั่ ไป หนว่ ยงานบริหาร ธรุ กจิ การใหบ้ รกิ าร จากทกุ หนทุกแห่งตลอดเวลา ดว้ ยความสะดวกและรวดเรว็ 311 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ค�ำว่า คลาวด์ (cloud) มีที่มา จากสัญลักษณ์ของรูปเมฆ หรือเขียนเป็นลักษณะเหมือนก้อนเมฆ ทีน่ ักออกแบบระบบใช้ในการออกแบบระบบ โดยเฉพาะในชว่ งการต่อเช่อื มเครอื ขา่ ย อกี นยั หนึ่งเปน็ สัญลกั ษณ์ แทนสง่ิ ท่ีเรามองเห็นหรืออยู่ไกลจนมองไม่เห็น ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งโดยท่ัวไปตลอดเวลา (แต่จับต้องมิได้) ซึ่งก็คือก้อนเมฆ ท่มี ีประโยชน์ทัง้ โดยตรงและโดยอ้อมต่อการดำ� รงชวี ติ ของมนุษย์ เทคโนโลยีนี้เข้ามามีบทบาทในธุรกิจการสื่อสารข้อมูลสารสนเทศอย่างรวดเร็วในด้านการส่งผ่านข้อมูล การเก็บรักษาข้อมูลท่ีมีจ�ำนวนมาก ในลักษณะการพัฒนาซอฟต์แวร์ท่ีผู้เขียนโปรแกรมเปิดเผยซอร์สโค้ด (open source) ซงึ่ สามารถพฒั นาตอ่ ได้ มรี ะบบอตั โนมตั ิ จดั ลำ� ดบั และระบบอนื่ ทจี่ ำ� เปน็ ซงึ่ ชว่ ยใหค้ า่ ใชจ้ า่ ยของผตู้ อ้ งการใชง้ านลดลง เปน็ อยา่ งมาก เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั การจดั ซอ้ื จดั หา หรอื จดั จา้ ง พฒั นาโปรแกรมประยกุ ตใ์ ชก้ บั ระบบคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ ทมี่ ศี กั ยภาพสงู ไวใ้ ชง้ านในหนว่ ยงานของตนเอง นอกจากจะใชใ้ นกระบวนการของธรุ กจิ สาขาตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งดแี ลว้ ยงั สามารถนำ� คลาวด์เทคโนโลยี มาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมคุณภาพของการศึกษาได้ด้วย (Ketal, 2014) ๓) คุณลกั ษณะส�ำคญั ลักษณะส�ำคัญของเทคโนโลยีนี้ มี ๕ ประการ (NIST, 2011; Cloud Apps, 2015) กล่าวโดยสังเขปได้ ดังน้ี ๑. ผใู้ ชง้ านสามารถสง่ั การหรอื กำ� หนดการทำ� งานตา่ ง ๆ ในชว่ งเวลาทต่ี อ้ งการไดด้ ว้ ยตนเอง (on-demand self-service) โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผใู้ หบ้ ริการ ๒. การเขา้ ถงึ หรอื การเขา้ ใชบ้ รกิ ารทำ� ไดอ้ ยา่ งสะดวก โดยอปุ กรณม์ าตรฐาน อาทิ โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ แทบ็ เลต็ แล็ปท็อปคอมพวิ เตอร์ เวริ ก์ สเตช่นั ทสี่ ามารถเชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ยเข้าสู่ระบบอนิ เทอร์เนต็ ได้ (broad network access) ๓. เป็นการรวมหน่วยความจำ� หลัก ความจใุ นการเกบ็ ข้อมลู การประมวลผล แบนดว์ ิดท์ เครอื่ งเสมอื น (virtual machines) เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ซง่ึ จะทำ� งานตามความตอ้ งการของผใู้ ชง้ านจำ� นวนมาก จากสถานทตี่ า่ ง ๆ ได้ (resource pulling) ๔. ระบบ หรอื กระบวนการทำ� งานทถ่ี กู สง่ั ใหท้ ำ� งานหลากหลาย จะทำ� งานโดยมคี วามยดื หยนุ่ สงู ปรบั เปลยี่ นได้ โดยอัตโนมัติ และรวดเร็ว เพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ท้ังงานท่ีมีปริมาณน้อยหรือมากอย่างไม่มีขีดจ�ำกัด ตลอดเวลา (rapid elasticity) ๕. ระบบจะควบคมุ และเปิดโอกาสใหผ้ ใู้ ช้งาน ท�ำงานกบั เทคโนโลยีน้อี ยา่ งเหมาะสมและเกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการใช้บริการต่าง ๆ เช่น การเก็บข้อมูล การประมวลผล การใช้แบนด์วิดท์ บัญชีการใช้งาน โดยการ พิมพร์ ายการตา่ ง ๆ ออกเปน็ รายงานการใช้งานได้ ซึง่ จะเป็นประโยชนท์ ง้ั ผ้ใู หบ้ รกิ ารและผูร้ บั บรกิ าร (measured service) 312 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๔) รูปแบบการให้บริการ คลาวด์ สามารถให้การบริการได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็ว ตามความต้องการของผู้ใช้หรือผู้ให้บริการ โดยสรุปเป็น ๓ รูปแบบ (Mell & Grace, 2011) ดังนี้ ๑. การใหบ้ รกิ ารเชงิ ซอฟตแ์ วร์ (software as a service: SaaS) ผใู้ หบ้ รกิ ารจะใหบ้ รกิ ารซอฟทแ์ วรต์ า่ ง ๆ บนคลาวด์เทคโนโลยี ผใู้ ชง้ านสามารถเข้าใชซ้ อฟทแ์ วร์ในรูปแบบตา่ ง ๆ ทผ่ี ้ใู หบ้ รกิ ารจัดไว้บนคลาวด์ และจ่ายค่าบริการ ตามปรมิ าณท่ีเขา้ ใชแ้ ละตามขอ้ ตกลงของผู้ใหบ้ รกิ าร หรือใช้บรกิ ารโดยไมเ่ สียค่าใช้จ่ายแล้วแตก่ รณี อาทิ โปรแกรมไปรษณีย์ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ โปรแกรมสำ� นักงาน (Office Software) ๒. การใหบ้ รกิ ารเชงิ แพลตฟอรม์ (platform as a service: PaaS) ผใู้ หบ้ รกิ ารจะใหบ้ รกิ ารระบบปฏบิ ตั กิ าร และชดุ โปรแกรมท่เี ก่ียวขอ้ งบนคลาวด์เทคโนโลยี เช่น โปรแกรมภาษา กลุม่ ของไฟล์ คลงั ส�ำหรบั เก็บรวบรวมโปรแกรม หรือชุดข้อมูล ระบบปฏิบัติการ การจัดการระบบแฟ้มข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ หรือตัวให้บริการ รวมท้ังระบบเครือข่ายและ คดิ ค่าใช้จ่ายตามระบบปฏิบตั กิ ารและทรพั ยากรทม่ี กี ารใช้งาน ๓. การให้บริการเชิงโครงสร้างพ้ืนฐาน (infrastructure as a service: IaaS) ผู้ให้บริการจะให้บริการ ที่ครอบคลุมถึงการประมวลผล พื้นที่เก็บข้อมูล ที่ต้องมีรหัสผ่านเมื่อต้องการเรียกใช้ มีเครือข่าย รวมท้ังกระบวนการ ประมวลผล คดิ คำ� นวณพื้นฐาน ที่ท้งั ผ้ใู ห้บรกิ ารและผู้ใชบ้ ริการต้องการ รูปแบบการให้บรกิ าร Source: https://hrushikeshzadgaonkar.files.wordpress.com/๒๐๑๑/๐๕/cloud_stack.gif 313 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ในการจัดใหบ้ ริการคลาวดเ์ พ่อื ใชง้ านดงั กล่าวแลว้ ผูใ้ ห้บริการแบง่ กวา้ ง ๆ เปน็ ๓ ลักษณะ คอื ๑) โดยบริษทั ใดบริษัทหน่งึ หรือภาคเอกชน (private cloud) หรอื ๒) เปน็ การรวมตวั ของชมุ ชนหรอื กลมุ่ ของบรษิ ทั เอกชนหลายบรษิ ทั รว่ มกนั ดำ� เนนิ การ (community cloud) และ ๓) เปน็ การใหบ้ รกิ ารของหนว่ ยงานของรฐั หรอื มลู นธิ ขิ องเอกชน ทจี่ ดั บรกิ ารเทคโนโลยนี ใี้ หแ้ กส่ าธารณชน เพื่อประโยชนท์ างธรุ กจิ โดยรวม และงานด้านวิชาการท่วั ไป (public cloud) ผปู้ ระสงคจ์ ะใชบ้ รกิ ารคลาวด์ ไมว่ า่ จะใชใ้ นการสง่ งานหรอื สง่ ขอ้ มลู ทม่ี ขี นาดใหญบ่ รกิ ารคลาวดน์ า่ จะมคี วาม เหมาะสมทส่ี ดุ ในการสมคั รใชบ้ รกิ าร ผใู้ ชส้ ามารถเลอื กใชบ้ รกิ ารคลาวดไ์ ดห้ ลากหลายตามความตอ้ งการ เชน่ การทำ� งาน ตามระบบออนไลน์ โดยใชซ้ อฟตแ์ วรผ์ า่ นระบบคลาวด์ ได้ หรือหากตอ้ งการบันทกึ งานหรือสง่ งานทม่ี ขี นาดใหญ่มาก ซ่งึ โดยทวั่ ไปไมส่ ามารถสง่ ผา่ นทางอเี มลไ์ ด้ ระบบของคลาวดส์ ามารถชว่ ยรองรบั ได้ บรกิ ารนส้ี ามารถอบั โหลดขอ้ มลู ขนาดใหญ่ เชน่ ไฟลเ์ วริ ด์ ไฟล์ MP 4 หรอื มลั ตมิ เี ดยี ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ หากผใู้ ชง้ านตอ้ งการพน้ื ทเ่ี กบ็ ขอ้ มลู เพมิ่ ขน้ึ ซงึ่ ผใู้ หบ้ รกิ าร จะคดิ คา่ ใชจ้ า่ ยเปน็ รายเดอื น ราคาอาจจะเรมิ่ ตน้ ตง้ั แต่ ๘๐ บาท สำ� หรบั รายบคุ คล หรอื หลายพนั บาท สำ� หรบั องคก์ ารหรอื หนว่ ยงานทต่ี อ้ งการพนื้ ทข่ี นาดใหญ่ โดยผใู้ ชส้ ามารถเชอื่ มตอ่ ขอ้ มลู ผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ ดว้ ยอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ได้ อาทิ สมารท์ โฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเลต็ เป็นตน้ นอกจากน้ี ผู้ใช้ระบบยังสามารถทำ� งานท่วั ไปกบั โปรแกรมประยุกตต์ า่ ง ๆ (applications) โดยโปรแกรมดงั กลา่ วจะใหบ้ ริการผา่ นระบบอินเทอร์เน็ต หรือทีเ่ รยี กว่า การประมวลผลแบบคลาวด์ (cloud computing) ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ไม่จ�ำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมประยุกต์หรือซอฟท์แวร์ลงในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อ่ืน ๆ อีก การประมวลผลแบบน้ี จะช่วยลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งซอฟต์แวร์ กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หากมีจ�ำนวนมาก เป็นการประหยัดเวลา ผตู้ อ้ งการใช้งานสามารถเข้าสรู่ ะบบทางเว็บเบราเซอร์ (web browser) และเร่ิมต้นใชง้ านไดท้ นั ที ๕) ความสรุป คลาวดเ์ ทคโนโลยี พฒั นาโดยกลมุ่ บรษิ ทั ขนาดใหญ่ ทเ่ี ปน็ ผใู้ หบ้ รกิ ารดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ใหบ้ รกิ าร แกผ่ ตู้ อ้ งการใชบ้ รกิ าร ทง้ั บคุ คลทวั่ ไป ธรุ กจิ ของเอกชน บรษิ ทั หา้ งรา้ น ซงึ่ คณุ ลกั ษณะของเทคโนโลยนี ้ี สามารถประยกุ ตใ์ ช้ เพื่อเป็นประโยชนใ์ นกจิ การต่าง ๆ ไดอ้ ีกหลายดา้ น อาทิ การทำ� งานในองคก์ าร อุตสาหกรรมการผลติ การธนาคาร กิจการ ท่องเท่ียว การพัฒนาผลผลิตด้านการเกษตร การประมง รวมถึงการศึกษา ท่ีต้องการเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล แลกเปลย่ี นสารสนเทศ ศึกษา คน้ คว้า เพื่อการพัฒนางาน ท�ำได้สะดวกข้นึ มากกวา่ ช่วงเวลาทีผ่ า่ นมา โดยไม่จ�ำเปน็ ต้อง ลงทุนจัดซ้ืออุปกรณ์ที่เป็นฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ ราคาสูง หรือจัดจ้างพัฒนาซอฟต์แวร์ และบ�ำรุงรักษาในราคาแพง และ สามารถขยายหรือลดปรมิ าณการใช้โดยเปลย่ี นแปลงค่าใช้จา่ ยได้ อยา่ งไรกต็ าม ผใู้ ชค้ วรตอ้ งระมดั ระวงั การใชง้ านบางประเภท โดยเฉพาะเรอื่ งของขอ้ มลู ทม่ี คี วามสำ� คญั อยา่ งยงิ่ ยวด แม้ว่า ระบบน้ีมีการป้องกันเก็บรักษาข้อมูลท่ีดีอยู่แล้ว หากผู้ใช้ไม่รอบคอบ ท�ำอุปกรณ์โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตสูญหาย ผู้ที่ได้อุปกรณ์เหล่าน้ีอาจจะโจรกรรมข้อมูลไปได้ เพราะอุปกรณ์เหล่าน้ันสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ตลอดเวลา เม่ือเกิด เหตุการณด์ งั กลา่ วขนึ้ ควรรีบเปลย่ี นรหสั ผ่านและควรแจ้งหนว่ ยงานรับผิดชอบที่เกย่ี วขอ้ งทันที ทางเลือกอีกทางหนง่ึ คอื ไมน่ �ำข้อมลู สำ� คัญยง่ิ ยวดเขา้ สูร่ ะบบ หรือหากจ�ำเปน็ ก็ควรมีส�ำเนาข้อมูลเหลา่ นนั้ เกบ็ ไว้ ณ ทท่ี ป่ี ลอดภยั อกี ท่ีหน่ึง 314 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
บรรณานกุ รม ยืน ภู่วรวรรณ. (๒๕๕๗). เอกสารการบรรยาย Challenges of Digital Learning in education and Its Applications วันที่ ๒๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๗ ณ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๔๓). ศพั ท์คอมพิวเตอร์ ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน. กรงุ เทพมหานคร: อรณุ การพมิ พ.์ รปู แบบ การใหบ้ รกิ าร From https://hrushikeshzadgaonkar.files.wordpress.com/2011/05/cloud_stack.gif Retrieved May 7, 2015. Cloud Apps. (2015). From http://www.totcloud.com/faq-cloud.html Retrieved May 8, 2015. Cloud Computing. (2015). From http://searchcloudcomputing.techtarget.com/definition/cloud-computing Retrieved May 10, 2015. Cloud Computing Explained. (2015). From http://blog.samisa.org/2011/07/cloud-computing-explained.html Retrieved May 12, 2015. Cloud Computing Metaphor. (2015). From https://en.wikipedia.org/wiki/Cloud_computing Retrieved May 9, 2015. Ketal, M. (2014). Cloud Services for E-learning. From file:///C:/Users/Administrator/Downloads/Cloud%20 services%20for%20e-learning.pdf Retrieved May 8, 2015. Mell, P. & Grance, T.(2011). The NIST Definition of Cloud Computing. From http://csrc.nist.gov/publications/nistpubs/800-145/SP800-145.pdf Retrieved May 9, 2015. Rhoton, J. (2513). Cloud Computing Protected. United States: Recursive Press. SPI Model. (2015). Software, Platform and Infrastructure Services. From http://blog.samisa.org/2011/07/cloud-computing- explained.html Retrieved May 12, 2015. Top 5 things the cloud is not. (2015). From http://www.wired. com/2012/0๖/top-5-things-the-cloud-is-not/ Retrieved May19, 2015. What is Cloud Computing Technology. (2015). From http://www.vensi.com/cloud-computing-technology Retrieved May 11, 2015. 315 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
คุรชุ น บญุ ชว่ ย ทองศรี แนวคิดและความหมายของ “คุรุชน” เป็นค�ำศัพท์ที่ร่วมสมัยซึ่ง นายบุญช่วย ทองศรี เป็นผู้บุกเบิก ผลักดัน และด�ำเนินการต่อเน่ืองมายาวนาน นายบุญช่วย ทองศรี จึงได้รับเขียนความหมาย ความคิด กิจกรรม ของค�ำนี้ เพื่อเป็นค�ำของสารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ความน�ำ และรากทางภาษา ค�ำว่า “คุรุชน” ในช่วงระยะห้าทศวรรษที่ผ่านมา (๒๕๐๐-๒๕๕๘) มิได้เป็นค�ำศัพท์จ�ำเพาะท่ีเกิดข้ึน เพื่อใช้ส่ือสารหรือก�ำหนดนิยามไว้เพ่ือการใดการหน่ึงในทางวิชาการ แต่เป็นการน�ำค�ำมา “สมาส” กัน เพ่ือใช้เฉพาะ จากเจตจำ� นงตามสภาวการณใ์ นยคุ สมยั หากหาคำ� นใี้ นพจนานกุ รมฉบบั ลา่ สดุ ของราชบณั ฑติ ยสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔ จะไม่พบค�ำว่า “ครุ ุชน” แต่จะพบ คำ� ว่า “ครุ” (บาล)ี และค�ำวา่ ครุ ุ (สันสกฤต) ซึ่งหมายถงึ หลกั , สำ� คัญ, ควรเคารพ, มีค่าสูง เท่านนั้ 316 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
พจนานกุ รมไทย ของ ดร.วิทย์ เท่ียงบรู ณธรรม (๒๕๓๒) อธิบายความหมาย คำ� ว่า “ครุ” ว่า เปน็ ค�ำนาม ภาษาบาลี และ “คุรุ” เป็นคำ� นามภาษาสันสกฤต แปลว่า ผู้ส่งั สอน ครู ผู้ใช้วชิ าความรู้ นายเปล้ือง ณ นคร อธิบายไว้ในหนังสือ พจนะ-สารานุกรม ฉบับทันสมัย เล่ม ๑ ว่า “ครุ” หมายถึง ครู ผู้มีใจหนกั แน่น ผคู้ วรเคารพ และ “ครุ ”ุ หมายถงึ ครู ผู้ใหว้ ชิ าความรู้ ค�ำว่า “คุรุชน” แม้มิได้รับการบัญญัติไว้เป็นค�ำศัพท์ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แต่ในทาง ภาษาศาสตร์ จัดได้ว่าเป็นค�ำศัพท์ร่วมสมัย (contemporary vocabulary) ท่ีมีนัยหลากหลายตามเจตจ�ำนงของบุคคล หรือกลุม่ คนทีบ่ ัญญัตขิ น้ึ ใชต้ ามยคุ สมยั โดยเปน็ ค�ำสมาสระหวา่ งคำ� ว่า ครุ ุ กับ ชน ค�ำว่า “ชน” น้ัน ในช่วงกว่า ๕ ทศวรรษที่ผ่านมา (๒๕๐๐ – ๒๕๕๘) มีปรากฏการณ์ทางสังคมกว้าง พอที่จะสรปุ การเกิดค�ำศัพทร์ ่วมสมัยท่ี “สมาส” และ “สนธ”ิ กับค�ำว่า “ชน” เปน็ ยุคต่าง ๆ ไดพ้ อสงั เขป ดงั น้ี ๒๕๐๐-๒๕๑๐ ยุค “มหาชน” เป็นช่วงสังคมเร่ิมต่ืนตัวทางการเมือง และค�ำนี้ก็มาจากพระราชด�ำรัส ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวในวนั บรมราชาภเิ ษกว่า... “เราจะครองแผน่ ดนิ โดยธรรม เพอ่ื ประโยชน์สุขแหง่ มหาชนชาวสยาม”... ๒๕๑๑-๒๕๒๐ ยุค “กรรมาชน” เกิดช่วงการต่ืนตัวจากกระแสสากลของผู้ใช้แรงงาน สิทธิ แรงงาน กรรมกร พูดถึงกันทัว่ ไปในสงั คม ๒๕๒๑-๒๕๓๐ ยคุ “ครุ ุชน” วงการครู ซง่ึ จดั เปน็ กลุ่ม “ปญั ญาชน” ก็ตื่นตวั มาวพิ ากษว์ จิ ารณก์ ารศกึ ษา มีหนังสือ วงดนตรี ใชช้ อ่ื คุรชุ นกนั หลายกลุ่ม ๒๕๓๑-๒๕๔๐ “ประชาชน” ค�ำนี้แม้เกิดมานานแต่ได้น�ำมาใช้กันมากในยุคท่ีบ้านเมืองมีความต่ืนตัว ทางการเมือง ซงึ่ พัฒนาและนำ� มาใช้กนั มาก ตลอดระยะเวลาทผ่ี ่านมา ๒๕๔๑-๒๕๕๘ ยคุ “มวลชน” คำ� นจ้ี ะพฒั นาตอ่ เนอื่ งมาเปน็ ระยะ จนกระทง่ั ขยายเปน็ “มวลมหาประชาชน” ในชว่ งท่ีสังคมเกิดวิกฤตการณท์ างการเมอื งร้อนแรง กล่าวเฉพาะค�ำว่า “คุรุชน” เมื่อหารือกับ พระมหาชัยวุธ ฐานุตฺตโม เจ้าอาวาสวัดยางทอง ต�ำบลบ่อยาง อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั สงขลา ผเู้ ชีย่ วชาญด้านบาลี-สันสกฤต ท่านวเิ คราะห์แยกศัพท์ อธบิ ายว่า.. .... คำ� วา่ “ครุ ชุ น” จดั วา่ เป็นค�ำสมาส มาจากศพั ท์วา่ ครุ ุ ผสมกับศพั ท์วา่ ชน คุรุ เป็น ค�ำสันสกฤต ถ้าเป็นค�ำบาลีจะใช้ว่า ครุ มีรากศัพท์เดิมเหมือนกัน คือมาจาก “คร” จากคัมภีร์ธาตุ ปฺปทปี กิ า อธบิ ายไวว้ า่ คร-อุคคเม แปลวา่ เป็นไปในเบอ้ื งสูง ขน้ึ ไป อยูส่ งู ส่วน ศัพท์ ค�ำว่า “ชน” ในพระคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา หน้า ๒๕ กล่าวว่าเป็นหน่ึงในจ�ำนวน ๑๑ ค�ำที่ใช้ เรยี กสตั ว์ ไดแ้ ก่ ปาโณ สรีรภี ูตํ สตโฺ ต เทหี ปุคคโล ชีโว ปาณี ปชา ชนตฺ ุ ชโน โลโก, ตถาคโต 317 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ตามนัยนี้ ค�ำว่า “ชน” (ชโน) เป็นค�ำกลาง ๆ นอกจากใช้เรียกคนแล้ว อาจเรียกสัตว์อ่ืนก็ได้ แต่เมื่อเป็น คำ� ไทย จะมีความหมายจำ� เพาะ หมายถงึ คน เทา่ นน้ั หากดรู ากศพั ท์ จากธาตเุ รมิ่ ตน้ ของศัพทท์ ่อี ธบิ ายมาแลว้ กบ็ ง่ ความหมายวา่ ... คน บคุ คลซงึ่ เป็นครู อนั เป็น คำ� แปลทรี่ วบรดั ชัดเจนทส่ี ุด แต่โดยนัยความหมายของค�ำว่า “คุรุชน” ในสถานการณ์ทางสังคมท่ีเคลื่อนไปแต่ละห้วงเวลา ย่อมมี ความหมายทขี่ ยายออกไปตามบรบิ ทและเจตจำ� นงของบุคคล หรือกลุ่มบคุ คลนัน้ ๆ แต่ทว่า รากเดิม ความหมายเดิม คือ ความเป็นครู ความหนักแน่น การวิวัฒนาไปสู่ท่ีดีกว่าสูงส่งกว่าน้ัน ยงั ไมผ่ ันแปร เพราะเมอ่ื ไดส้ มั ผัสกบั ค�ำวา่ คุรุชน กย็ ังมีจินตภาพของสภาวะความเปน็ “คร”ู อยู่เสมอ บรบิ ทของค�ำ “คุรุชน” ท่ีผ่านมา “คุรุชน” แมจ้ ะเป็นคำ� ทีถ่ กู น�ำมาใช้บอ่ ย แต่กไ็ ม่กว้างขวางมากนัก เพราะมีความหมายจำ� เพาะอยู่ในแวดวงครู และการศกึ ษาเทา่ นัน้ เช่น ๑. เป็นชื่อวงดนตรี “คุรุชน” ของนักศึกษาวิทยาลัยครูสวนสุนันทา ก่อต้ังในช่วงปี ๒๕๑๗ – ๒๕๑๙ เป็น วงดนตรที ี่เกดิ ในชว่ งสถานการณค์ วามตืน่ ตวั ของนักศกึ ษาแกน่ หลักยุคนัน้ คือ ศักดส์ิ ทิ ธิ์ เชื้อกลาง จากจังหวดั หนองคาย ศรทั ธา หนูแก้ว จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และลิขติ บญุ ปลวิ จากจังหวัดสุรนิ ทรแ์ ละมนี กั รอ้ งหญงิ ทเ่ี สยี งดมี ากคอื วไิ ลวรรณ (เลก็ ) ไมท่ ราบนามสกลุ เพลง “แดนตะราง” เป็นเพลงของ “คุรุชน” ท่ีแต่งเน้ือร้องโดยร้อยต�ำรวจตรีวาส สุนทรจามร โด่งดังอยา่ งมาก เพลงเด่น ๆ ของวงดนตรี “คุรุชน” ในยุคน้ัน ก็คือ ครูของมวลประชา คุรุธรรม เส้นทางหนุ่มสาว ชาวนาไทย แสงดาวแห่งศรทั ธา กล่นิ รวงทอง คนอสี าน เธอผเู้ สยี สละ แดนตะราง สงครามหรือสันติภาพ ชมรม ผู้ตกงาน นทิ านเมืองไทย แดเ่ พื่อน ภราดร 318 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๒. เป็นนามปากกา เพื่อใช้ในการเขยี นเร่ือง บทความ บทกวีนิพนธแ์ ละเรือ่ งส้ันต่าง ๆ ซงึ่ แน่นอนว่าบุคคล เหล่านั้น ในยุคแรก ๆ ช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา มีใช้กันบ้างแต่ไม่มากนัก และบุคคลเหล่าน้ี หรือไม่ก็เนื้อหาเหล่าน้ี จะเกีย่ วพันกับความเป็น “ครุ ุชน” เช่นกัน ๓. วารสารส่งิ พมิ พ์ (ประเภททำ� มอื ) กล่มุ ครปู ระชาบาลภาคตา่ ง ๆ มักจะรวมตวั กันทำ� วารสาร โรเนียวเยบ็ เล่ม เปน็ ประเภทวารสาร เนอื้ หาเกย่ี วกบั การศกึ ษา เรอ่ื งครู เรอื่ งเดก็ – เยาวชน ภาคใต้ ทเ่ี คยพบกม็ วี ารสารรายเดอื น “ครุ ชุ น” ของกลมุ่ ครูประชาบาล อำ� เภอรามัน จังหวัดยะลา ยุค นายสมพงษ์ ปานเกล้า นายสมบูรณ์ สบุ รรณวงศ์ นายนาม ขวญั เชอื้ นายเฉลมิ เอยี ดแกว้ เปน็ แกนนำ� (๒๕๒๓) ปจั จบุ นั นายสมพงษ์ ปานเกลา้ เปน็ รองเลขาธกิ ารครุ สุ ภา (๒๕๕๘) ๔. ชมรมคุรุชนจังหวัดกระบ่ี โดยนายบุญโรจน์ ภูมิภมร จัดตั้งเป็นองค์กรวิชาชีพครูข้ึนจากการท่ี นายบญุ ช่วย ทองศรี : ครุ ุชน ได้กำ� หนดแนวทางไว้ คุรุชน: ปรากฏการณ์รว่ มสมัย คุรุชน: นายบุญช่วย ทองศรี การก่อเกิดดังท่ีกล่าวมาแล้วเบื้องต้น แสดงว่าศัพท์คุรุชนน้ี มีปรากฏและ มีใช้กันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว แม้จะไม่ชัดเจนมากนักในบางเวลา แต่ก็ไม่สูญหาย และค�ำนี้ได้กลับมาปรากฏอย่างโดดเด่น และชดั เจนอีกครงั้ ในปี ๒๕๕๐ ซ่งึ นำ� มาใชก้ ับ นายบญุ ชว่ ย ทองศรี นายบุญช่วย ทองศรี ได้ประกาศลาออกจากความเป็นข้าราชการไปใช้ชีวิตและวิชาชีพครู ปฏิบัติภารกิจ ความเปน็ “ครุ ุชน” เพื่อทดแทนคณุ แผน่ ดนิ และนอ้ มถวายผลงานเป็นราชพลี แด่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ในโอกาส มหามงคลฉลองพระชนมายคุ รบ ๘๐ พรรษา... เปน็ การประกาศตนเป็น “ครุ ชุ น” ที่เรียบงา่ ย แต่หนักแนน่ ด้วยเหตแุ ละทมี่ าว่า... “กาลเวลาและผลึกแห่งวชิ าชพี ในตวั ตนซึ่งผา่ นไปเป็นเวลา ๔๐ ปี ทีเ่ รม่ิ ตง้ั แต่รา่ งกายและจติ วิญญาณของผม ได้เริ่มสั่งสมอุดมการณ์ความเป็นครูจากวิทยาลัยครูสงขลา (อดีต) ก้าวสู่การเป็นครูฝึกสอน ณ โรงเรียนบ้านทางควาย และโรงเรียนวรนารีเฉลิม แล้วเป็นข้าราชการครูตรี ณ โรงเรียนวัดท่าหิน (ริมทะเลสาบ) กับโรงเรียนวัดบ่อแดง (ทะเลอา่ วไทย) ตราบปจั จุบนั (๒๕๕๐) การเติบโตและความส�ำเร็จทางราชการกับอุดมการณ์แห่งวิชาชีพของผม นายบุญช่วย ทองศรี ได้ก้าวไป พรอ้ มกนั อยา่ งงดงาม เปน็ ความสำ� เรจ็ อนั เกดิ จากตนเองและความรว่ มมอื ของเพอ่ื นรว่ มงาน ตราบจนผมลาออกจากราชการ เมอ่ื พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในห้วง ๓ ทศวรรษ (๒๕๒๐ – ๒๕๕๐) ที่ผ่านมา ภารกิจแห่งอุดมการณ์กับงานในวิชาชีพ ท�ำให้ผมได้ สมั ผสั กบั งานการศกึ ษาจากฐานรากถงึ จดุ สงู สดุ อนั ไดแ้ กง่ านรา่ งกฎหมายและแนวนโยบายแหง่ รฐั การไดส้ มั ผสั กบั ปญั หา เดก็ ดอ้ ยโอกาสทหี่ ลากหลายทว่ั แผน่ ดนิ การไดพ้ บปะกบั ครสู ว่ นใหญท่ ยี่ ากแคน้ กรำ� งานอดุ มการณอ์ ยใู่ นซอกหลบื อกี มากหลาย ในชอ่ งวา่ งของประเทศ การเหน็ ความจริงของสิง่ แวดลอ้ มท่สี ญู สลายและเริม่ สง่ ผลกระทบต่อชมุ ชนและสังคม” 319 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
นน่ั คอื ปจั จัยพนื้ ฐานของความคิดทค่ี ่อย ๆ พัฒนามาถึงขอ้ สรุปทีว่ ่า... ...“ผมจะท�ำอะไรได้บ้างนอกจากความเป็นข้าราชการครปู กติ คือ ความคิดเม่ือปี ๒๕๔๕ จนกระท่ังมีข้อสรุป ซ่ึงค่อยแจ่มชัดเป็นล�ำดับ ว่าต้องลาออกจากระบบราชการ ปรับวิถีชีวิตให้เป็นอิสระและรู้จักพอเพียง ก้าวลงไปเผชิญกับ สภาพปัญหาดงั กล่าวข้างตน้ รว่ มคดิ เปน็ กำ� ลงั ใจกบั ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครทู ว่ั ประเทศ แลว้ ใชท้ กั ษะสะทอ้ นผา่ นส่ืออนั หลากหลาย สสู่ าธารณะ ให้ทกุ ฝ่ายช่วยอะไรกนั ไดก้ ็ท�ำกนั ตามกำ� ลังตามสภาพตอ่ ไป”... พัฒนาการจากฐานความคิดท่ีลงตัวด้วยเหตุด้วยผลเป็นล�ำดับน้ี ท�ำให้การสร้างอัตลักษณ์ความเป็น “คุรุชน” ของ นายบุญชว่ ย ทองศรี ซึ่งประกาศไปถงึ วงการครู และองคก์ รวิชาชพี ครทู ว่ั ประเทศในวันท่ี ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ น้ัน เร่มิ เปน็ รปู ธรรมขึ้นมาทันทีวา่ ... ...“บัดน้ี ทุกประการได้ก้าวมาถึงจุดลงตัวอันเหมาะสมที่จะกราบเรียนมาให้ท่านได้ทราบและเข้าใจจิตเจตนา แห่งอุดมการณ์ ดังที่ได้กล่าวมา ขอบพระคุณในบุญกุศล และกรรมดีท่ีผมและท่านได้ร่วมกันสรรค์สร้างเพ่ือการศึกษา เด็ก ครู และชุมชนตลอดมาดว้ ยความเชื่อม่นั และศรัทธาตอ่ กนั ก้าวตอ่ ไปของผม คอื ก้าวเลก็ ๆ ของ “ครุ ชุ น” แตจ่ ักเป็นกา้ วอนั ย่ิงใหญ่ของการเช่อื มประสานและบูรณาการทั้งแผน่ ดนิ จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบและกราบลาจากครูในระบบ (formal) เป็น คุรุชน (informal) ท้ังน้ี เราจักยังคง ดำ� รงปฏสิ ัมพันธแ์ ละพนั ธกจิ เดิม แต่ลักษณะเปน็ มติ ิท่ีกวา้ งลกึ ซ้งึ กว่าเดิม”... เรม่ิ ต้นการกา้ วเปน็ คุรชุ น ๒ เมษายน ๒๕๕๑ 320 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
กระบวนการของคุรชุ น หลังจากการจัดท�ำหนังสือแจ้งไปยังครู และองค์กรครูทั่วประเทศดังกล่าวแล้ว ยังมีกระบวนการอีกมาก ที่ต้องด�ำเนินการ เพราะเป็นปรากฏการณ์พิเศษ ซ่ึงยังไม่มีใครเคยท�ำ ไม่มีต้นแบบใด ๆ จึงต้องมีการตรวจสอบ ชุดความคิด ทงั้ หมดใหร้ อบคอบ และกำ� หนดเปน็ หลกั การในการดำ� เนนิ ชวี ติ ในวถิ ที างแหง่ “ครุ ชุ น” ทป่ี รบั มาจากแนวพระราชกรณยี กจิ และพระราชจรยิ วตั รในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ผนวกกับ หลกั แหง่ มานุษยวิทยา จงึ ทำ� ใหม้ ีความเชือ่ ม่ัน มองเห็นทศิ ทางแห่งกจิ กรรมแบบ “คุรุชน” น่ันคือ... “ใช้ความคิดจิตวิญญาณแห่งเสรี ปรับวิถีชีวิตสู่ความเรียบง่าย มองปัญหาด้วยใจเปิดกว้าง ไมย่ ดึ ตดิ กบั กรอบความรใู้ ด ๆ สงั เกตการณโ์ ดยไมต่ ดั สนิ ใจอะไรลว่ งหนา้ ใชส้ ญั ชาตญาณ หรอื สมองซกี ซา้ ยในการเขา้ ใจมนษุ ย์ พยายามมองสิง่ ต่าง ๆ ในแงม่ มุ ท่คี นอ่ืนมองไม่เห็นแลว้ บันทกึ แปรเป็นการส่ือสารสสู่ าธารณะต่อไป”... หากจะประมวลบุคลิกภาพแหง่ “คุรุชน” กน็ า่ จะเปน็ เช่นนี้ ซ่ึงเปน็ เจตนารมณ์เบ้ืองต้น แตห่ ากจะมคี วามเป็น “คุรชุ น” คนต่อ ๆ ไป หรือมีปรากฏการณ์อนื่ ของ “ครุ ุชน” กค็ งไดม้ กี ารบันทกึ สืบเน่อื งกันตอ่ ไป อย่างไรก็ตาม การเร่ิมต้นความเป็น “คุรุชน” ของ นายบุญช่วย ทองศรี ยุคแรกนั้นก็มีการเตรียมการอย่าง รอบคอบรดั กมุ จากหลกั การที่ไดป้ ระกาศไว…้ ดงั ต่อไปน้ี 321 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
คุรุชน: กับแผนสูฝ่ นั ข้นั ด�ำเนนิ งาน ๑. ทบทวนกระบวนการทางความคดิ โดยยดึ หลกั จากเอกสารสรปุ การปฏริ ปู การศกึ ษา “ความฝนั ของแผน่ ดนิ ” ของคณะศึกษา “การศกึ ษาไทยยุคโลกาภวิ ัตน”์ (๒๕๔๕ – ๒๕๕๐) ๒. นำ� เอากระบวนการทางความคดิ ทง้ั หมดใหอ้ งคก์ รวชิ าชพี ครวู พิ ากษว์ จิ ารณ์ ขณะเดยี วกนั กก็ ำ� หนดเสน้ ทาง และจุดพักท่ัวประเทศ ซ่ึงประกอบด้วย เขตวิกฤติชายแดนภาคใต้ เขตเด็กไร้สัญชาติที่ชายแดน เกาะแก่งฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย เขตป่าเขาภาคกลาง เขตดงดอยภาคเหนือ เขตแห้งแล้งยากไร้ภาคอีสาน และแหล่งสลัมในเมืองใหญ่ ซง่ึ ทงั้ หมดจะมงุ่ เน้นเร่อื งการศึกษา – ปัญหาเดก็ โดยมคี รเู ป็นฐาน ๓. กำ� หนดแกนน�ำประสานงานจากผู้น�ำองค์กรวิชาชพี ครูท่วั ประเทศ ๔. การกำ� หนดวนั เวลา - ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ประกาศถวายเป็นราชพลีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อุทิศตนและผลงาน เพือ่ การศึกษา เพอื่ เดก็ และเพื่อชุมชนพนื้ ทกี่ นั ดารเสย่ี งภัย และดอ้ ยโอกาสท่ัวประเทศในเสน้ ทางดังกำ� หนดในแผนท่ี - ๑๖ มกราคม ๒๕๕๑ - ยนื่ หนงั สือลาออกจากความเปน็ ขา้ ราชการครู เป็น คุรุชนธรรมดา - หมดพันธะจากความเปน็ “ข้าราชการ” กา้ วสูภ่ ารกิจใหม่ เปน็ “คุรชุ น” - ลาออกจากประธานคณะท�ำงานศึกษาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖ - ลาออกจากกรรมการครุ ุสภา (ผู้แทนขา้ ราชการคร)ู - ลาออกจากประธานอนุเครือขา่ ยของสภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา - ลาออกจากอนุกรรมการงานวิจยั สภาวชิ าชีพครู - ลาออกจากอนกุ รรมการประชาสัมพนั ธ์ของครุ สุ ภา - กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๑ - สะสางงานทกุ ด้าน - ประสานงานทกุ เรอ่ื ง - ตรวจสอบความคิดกบั สภาพจริงเป็นครงั้ สดุ ท้าย - ๒ เมษายน ๒๕๕๑ วนั พระราชสมภพของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี - เร่ิมต้น - ในเส้นทางแห่งการก้าวเดิน “สภาพจริง คือผู้ก�ำหนด อนาคตเป็นเรื่องฟ้าดิน” จาก “บ้านพักครู ริมทะเล” อ�ำเภอสทงิ พระ จังหวดั สงขลา 322 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
“ครุ ุชน” กับปรากฏการณส์ บื เนอื่ ง นายบุญชว่ ย ทองศรี กบั “ครุ ชุ น” และ ความเป็นคณะกรรมการครุ ุสภา น้นั จะมีช่วงเวลาท่ที ับซ้อนกนั อยู่ นั่นคือ ช่วงเป็นครู เป็นผู้น�ำครูในบ้ันปลายก่อนเกษียณ ประมาณปี ๒๕๔๕ ได้รับเลือกเป็นหน่ึงในกรรมาธิการยกร่าง พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ ไปด้วย เมื่อพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากร ทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ เสร็จ และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๖ นั้น แนวความคิดเร่ือง “ครุ ุชน” และ “ตระเวนการศึกษาไทย” กเ็ ริ่มก่อรปู ทางความคดิ ต่อมา วันท่ี ๑ เมษายน ๒๕๔๗ นายบุญช่วย ทองศรี ได้รับการคัดเลือกให้เป็น กรรมการคุรุสภา หน่ึงใน ๓๙ คน เป็นชุดแรกตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ และได้รับการแต่งต้ัง ดำ� รงต�ำแหน่งวาระ ๔ ปี (๒๕๔๗ – ๒๕๕๑) ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ในระยะเวลาสปี่ นี นั้ การดำ� รงตำ� แหนง่ ใน “สภาคร”ู กบั พฒั นาการความคดิ เรอ่ื ง “ครุ ชุ น” ดเู หมอื นจะเกอื้ กลู กนั อย่างพอดี นั่นคือ การวางรากฐานงานมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภาเร่ิมลงตัว ความคิดและการเตรียมงาน “คุรุชน” กช็ ัดเจนเปน็ รปู ธรรมดงั ท่ีกลา่ วไว้ข้างตน้ ฉะนัน้ ตั้งแตป่ ลายปี ๒๕๕๐ เป็นเวลาสามปกี ว่าของการทำ� งานวางฐานรากทางวิชาชพี ให้ คุรสุ ภา พรอ้ มทง้ั เป็นการตรวจสอบความคดิ เร่อื ง ครุ ุชน ทงั้ หมดอย่างรอบด้านไปดว้ ย และท่ีส�ำคัญแห่งช่วงเวลาอันเป็นมงคลมาบรรจบพอดี น่ันคือ โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ดงั น้ัน การลาออก จากตำ� แหน่งทางราชการ เพอื่ ประกาศเปน็ ราชพลี เป็น “คุรุชน” กด็ �ำเนินการในช่วง ธันวาคม ๒๕๕๐ – มกราคม ๒๕๕๑ น่เี อง การเร่ิมศักราชใหม่ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงเป็นปีแห่งการเริ่มต้นวิถีชีวิตใหม่ของนายบุญช่วย ทองศรี: ครุ ุชน ตามอุดมการณอ์ ย่างมุ่งมน่ั โดยใชเ้ วลาในการเตรียมการท้ังหมด ๕ ปีเตม็ และตงั้ แตม่ กราคม กุมภาพนั ธ์ มีนาคม ปี ๒๕๕๑ จึงเป็น ๓ เดือน แห่งการเตรียม รถ อุปกรณ์ต่าง ๆ เตรียมร่างกายและจิตใจ ก่อนถึง ๒ เมษายน ๒๕๕๑ ตามฤกษก์ �ำหนดการทว่ี างไว้ 323 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ตามตดิ ชวี ิตครู (Teaching Life Reality) หลังจาก “คุรุชน” ได้ “ตระเวนการศึกษาไทย” ไปแล้ว ๓ ปี ปี ๒๕๕๓ ก็ได้พบกับ นายวรวุธ สาระกุล และทีมงานข่าวครูไทยในขณะน้ัน สนใจเส้นทางการตระเวนของคุรุชน ซึ่งไปพบครู เด็ก ชุมชน น่ันน่าจะมีสาระท่ีท�ำ เป็นรายการโทรทัศน์ได้ โดยก�ำหนดแนวทางเป็นรายการแบบสภาพจริง ในเขตพ้ืนท่ีกันดาร เสี่ยงภัย ทั่วประเทศ สลับหมุนวนกนั ทงั้ เหนอื กลาง อสี าน ใต้ และตะเข็บชายแดนทเี่ ชอื่ มตอ่ กับประเทศเพื่อนบา้ น เมอ่ื ได้แนวทางหลกั ๆ แล้ว จงึ กำ� หนดให้มีชว่ งเวลาในรายการว่า... ตามตดิ ชวี ิตครู (Teaching Life Reality) แนวทางทง้ั หมดจงึ กำ� หนดเปน็ ผงั รายการชอื่ “ครสู รา้ งคน – คนสรา้ งโลก” ของสถานโี ทรทศั น์ ชอ่ ง ๙ อสมท. โมเดริ ์นไนน์ สปั ดาหล์ ะหนง่ึ ตอน นำ� เสนอเรอื่ งราวและสภาพจรงิ ของครใู นพน้ื ทก่ี นั ดารเสย่ี งภยั ทกุ พน้ื ทที่ วั่ ประเทศ โดยสะทอ้ นมมุ มอง แนวคดิ และการท�ำหน้าที่ที่มี “อุดมการณ์แห่งครู” เป็นหลักในการ “สร้างคน” อาทิ การท�ำหน้าที่ครูในจังหวัดชายแดนใต้ การสรา้ งคนสรา้ งสงั คม และการใหช้ วี ติ กบั เดก็ ดอ้ ยโอกาส เดก็ กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ หรอื เดก็ ทเ่ี ปน็ ชนเผา่ ตา่ ง ๆ ในพนื้ ทส่ี งู หรอื ตามแนวตะเข็บชายแดนต่าง ๆ รอบประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท�ำหน้าท่ีครูในพื้นที่เส่ียงภัย ๓ จังหวัดชายแดนใต้ ที่วนั นีก้ ลายเปน็ จดุ ยุทธศาสตร์ทอ่ี ่อนไหวและเปราะบางมากตอ่ การสรา้ งสันติภาพในภาคใต้ และในความเปราะบางน้ีเอง เราได้สัมผัสกับวิญญาณแห่งความเป็นครูแท้ของคุณครูท่ีท�ำหน้าที่ท่ามกลางภัยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ แล้วบังเกิด สายสัมพันธ์ท่ีย่ิงใหญ่ระหว่างครูกับลูกศิษย์... เป็นเส้นทางท่ีจะเป็นกุญแจส�ำคัญในการเปิดประตูสานสัมพันธ์ให้แก่ การสร้างสังคมไทยให้มีสันติสุข และสามารถพัฒนาชีวิตผู้คนและสร้างเมล็ดพันธุ์แห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง โดยมี “คุรุชน” (นายบญุ ช่วย ทองศร)ี เปน็ ผู้ดำ� เนนิ รายการ ตงั้ แต่ ๒๕๕๔ เปน็ ต้นมา ตั้งแต่วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๑ เป็นต้นมา ปริมาณปีก็เพ่ิมขึ้นตามกาลเวลา และในปี ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นปีมหามงคลอีกครั้งของคุรุชน ขณะที่ท่ัวประเทศจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี เน่อื งในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ “คุรุชน” ก็ได้พัฒนาก้าวผ่านปีที่ ๗ ข้ึนสู่ปีท่ี ๘ แล้ว ร่องรอยสาระความคิดท้ังหลายท่ีผ่านมาท้ัง ๗ ปีเต็ม ของการ “ตระเวนการศึกษาไทย” นั้นได้รับการบันทึกไว้ในบทความเร่ือง “ย�ำสามกรอบ” ในหนังสือวิทยาจารย์ ซ่ึงเปน็ วารสารทางวิชาชพี ของครุ ุสภาไม่น้อยกว่า ๘๔ ตอน และเส้นทางสญั จรน้นั ไดถ้ ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงของ “ครุ ุชน” ซ่ึงเดินทางไปพบครแู ละเดก็ ในชมุ ชนพื้นทกี่ นั ดารเสย่ี งภยั ทง้ั สภี่ มู ภิ าค คือ เหนือ กลาง อสี าน ใต้ 324 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
บทสรุป “คุรชุ น” นายบุญช่วย ทองศรี ผูม้ ีบทบาทในการปฏบิ ตั ิการดา้ นการศกึ ษาของไทย ในยคุ สมัยนี้ คงยากทีจ่ ะ หาขอ้ สรปุ เพราะการเดนิ ทางยงั ไมจ่ บสนิ้ เรอ่ื งราวครยู งั มที ว่ั แผน่ ดนิ กจิ กรรมอนั หลากหลายของครู เดก็ ชมุ ชน ยงั ขบั เคลอ่ื น มริ ้จู บ แต่กเ็ ปน็ แนวทางอิสระสร้างสรรค์การศึกษาในสภาวะร่วมสมัยอีกรูปแบบหน่งึ ทน่ี ่าศกึ ษาติดตามและวเิ คราะห์ แม้ว่าระยะเวลาจากปรากฏการณ์ของ คุรุชน ดังกล่าวมาแล้ว จะเริ่มต้นจาก ๒ เมษายน ๒๕๕๑ ซ่ึงนับว่า กา้ วลว่ งเข้าส่ปู ีทเี่ ก้า (๒๕๕๙) แลว้ กต็ าม “คุรชุ น” กย็ งั ต้องพัฒนาแนวทาง เสน้ ทางและกระบวนการตอ่ ไป เพราะพันธกิจท่ีนายบุญช่วย ทองศรี ได้ถวายตัวเป็นราชพลีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและใช้นาม “คุรุชน” เพ่ือตระเวนการศึกษาไทย ในเขตพื้นที่กันดารเสี่ยงภัยทั่วไทย และได้เจาะลึกลงไปเป็นการตามติดชีวิตครู กระทั่งพฒั นาไปส่รู ายการ ครูสร้างคน – คนสร้างโลก นนั้ ไมม่ ีกรอบเวลา ซง่ึ นนั่ หมายถึง กระบวนการท้งั หมดกลายเป็น วิถีแห่งคุรุชนไปแล้ว ไม่ใช่วิธีการของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นแนวทางแห่งความพอเพียง เรียบง่าย แสวงหาไม่รู้จบ ดว้ ยจติ วญิ ญาณครทู ่มี ีอสิ ระเสรไี รก้ รอบขอบเขตใด ๆ มากำ� กบั เพราะ พระราชดำ� ริ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ตอ่ ครู และพระราชจรยิ วตั รของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารใี นดา้ นการศกึ ษานน้ั “ครุ ชุ น” ไดน้ อ้ มนำ� มาเปน็ อตั ลกั ษณ์ จำ� เพาะแลว้ และ... น่ีคอื เปน็ บทสรุปเพื่อการเร่ิมตน้ ของ “ครุ ชุ น” คนน้ี หากจะมี ครุ ุชน คนอื่น ๆ หรอื ปรากฏการณ์ แบบอนื่ ๆ ตามยคุ สมัย กค็ งจะได้มีการจดจารบันทกึ ไว้เพื่อการเรยี นรู้กนั ตอ่ ไป บรรณานกุ รม คณะศกึ ษา “การศกึ ษาไทยยคุ โลกาภวิ ตั น”์ . (๒๕๔๐). ความฝนั ของแผน่ ดนิ . กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พต์ ะวนั ออก จำ� กดั (มหาชน). บญุ ชว่ ย ทองศร.ี (๒๕๕๐). เอกสารถา่ ยสำ� เนา เรอ่ื ง การสรา้ งสรรคพ์ นั ธกจิ การศกึ ษาเพอ่ื แทนคณุ แผน่ ดนิ และถวายเปน็ ราชพลี แดพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั . . (๒๕๕๑ – ๒๕๕๘). คอลมั น์ “ย�ำสามกรอบ” วารสารวทิ ยาจารย์ สำ� นกั งานเลขาธิการครุ ุสภา. เปลอื้ ง ณ นคร. (๒๕๒๒). พจนะ-สารานกุ รม ฉบบั ทนั สมยั เลม่ ๑. กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั สำ� นกั พมิ พไ์ ทยวฒั นาพานชิ จำ� กดั . พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหลวงชนิ วรสริ วิ ฒั น์ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ . (๒๕๕๐). พจนานกุ รมภาษาบาลแี ปลไทย. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์มหามกฎุ ราชวิทยาลยั . ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๕๔). พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔ เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เนอ่ื งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔. วทิ ย์ เทยี่ งบรู ณธรรม. (๒๕๓๒). พจนานกุ รมไทย. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์สรุ ิยบรรณ. สัมภาษณพ์ ระมหาชัยวุธ ฐานตุ ตฺ โม วัดยางทอง อ�ำเภอเมือง จงั หวัดสงขลา. หลวงเทพดรณุ านุศษิ ฐ์. (ทวี ธรรมธชั ป.๙). (ม.ป.ป.). พจนานกุ รมบาลี – ไทย พุทธศักราช ๒๕๒๘. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พม์ หามกฎุ ราชวทิ ยาลยั ในพระบรมราชปู ถัมภ.์ 325 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ภาพพระราชทาน คุรุสดดุ ี ดร.จกั รพรรดิ วะทา “ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี มพี ระราชจริยวัตรงดงามเป็นแบบอยา่ ง ของ “ครู” ทรงรกั และศรัทธาใน “วิชาชีพคร”ู อย่างแท้จริง ทรงยกยอ่ งเทิดทนู และมพี ระกตญั ญภู าพ ต่อ “ครู” ผปู้ ระสิทธ์ปิ ระสาท ความร้แู ดพ่ ระองค์ และทรงพระกรุณาเกื้อกลู อปุ ถัมภบ์ ำ� รุงครูและการศึกษาของชาติอย่างกว้างขวางตลอดมา ” “ คุรุสภา ในนามของครูไทยท่ัวประเทศ ส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและน้อมเทิดทูนพระราชกรณียกิจ ในวิชาชีพครู จึงขอพระราชทานพระราชานุญาต ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติคุรุสดุดี แด่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพ่ือเทิดพระเกียรติในฐานะ ครูดีเด่น ผู้บ�ำเพ็ญพระองค์เป็น ปูชนียบุคคลตามจรรยาบรรณครูอย่างมั่นคงยาวนาน และเพ่ือเป็นสิริมงคลแก่ครูท่ัวประเทศ ตลอดจนเพื่อเป็นมิ่งขวัญ แกม่ วลสมาชิกคุรสุ ภาและสถาบันวชิ าชพี ครูสืบไป ” คำ� ประกาศราชสดดุ เี ฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในพธิ ที ลู เกลา้ ฯ ถวายเครอ่ื งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดดุ ”ี เนอื่ งในโอกาสวนั ครู ๑๖ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ ณ หอประชมุ คุรสุ ภา 326 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
เครื่องหมายเชดิ ชเู กียรติ “ครุ สุ ดดุ ี” เคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” เป็นเคร่ืองหมายยกย่องเชิดชูเกียรติครูผู้ปฏิบัติตามจรรยาบรรณครู อย่างม่ันคงยาวนานจนเป็นแบบอย่างท่ีดีและสร้างความศรัทธาเชื่อถือของวิชาชีพ ให้เป็นท่ีประจักษ์แก่สังคม และเป็นที่ เคารพยกยอ่ งของศิษย์และบคุ คลทั่วไปอยา่ งสงู สมกบั เปน็ ปูชนียบุคคล ผู้ท่ีไดร้ บั การคดั เลอื กจากคณะกรรมการคดั เลอื กผูป้ ระกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษาเพ่อื รับเครือ่ งหมายเชดิ ชูเกียรติ “ครุ สุ ดดุ ”ี และไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากคณะกรรมการครุ สุ ภาใหเ้ ปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณครู แลว้ จะไดร้ บั เครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดุดี” พร้อมดว้ ยเกียรติบัตร ปี ๒๕๓๕ - ๒๕๔๒ รูปแบบเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ก�ำหนดตามระเบียบคุรุสภาว่าด้วย เคร่ืองหมายเชดิ ชเู กยี รตคิ รูผู้มีจรรยามรรยาทดเี ดน่ พุทธศักราช ๒๕๓๔ ก�ำหนดใหใ้ ช้อักษรย่อ “คสด” มีลักษณะเป็นรปู พระพฤหสั บดี ซงึ่ มคี วามหมายวา่ เปน็ ครขู องเทวดาในทางวชิ าความรู้ มโี คเปน็ พาหนะ พระหตั ถข์ วาถอื ดอกบวั พระหตั ถซ์ า้ ย ถือพระขรรค์ กับรศั มเี ปน็ ปริมณฑลล้อมรอบ ท�ำดว้ ยโลหะสที อง ใช้ประดับท่ีเส้ือบริเวณทรวงอกดา้ นขวา ปี ๒๕๔๓ รูปแบบเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ก�ำหนดตามระเบียบคุรุสภาว่าด้วยเครื่องหมาย เชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” พุทธศักราช ๒๕๔๓ ก�ำหนดให้ใช้อักษรย่อ “คสด” มีลักษณะเป็นรูปพระพฤหัสบดีตามแบบท่ี คณะกรรมการอำ� นวยการครุ สุ ภากำ� หนด ซึง่ คณะกรรมการอ�ำนวยการครุ ุสภา พิจารณาก�ำหนดใหเ้ คร่ืองหมายเชดิ ชูเกียรติ “คุรุสดุดี” มีลักษณะเป็นรูปพระพฤหัสบดี ซ่ึงมีความหมายว่าเป็นครูของเทวดาในทางวิชาความรู้ มีกวางเป็นพาหนะ พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายถือพระขรรค์กับรัศมีเป็นปริมณฑลล้อมรอบ ท�ำด้วยโลหะสีทองใช้ประดับ ทเี่ สอ้ื บริเวณทรวงอกดา้ นขวา ซึ่งมีการปรับเปล่ียนพาหนะของพระพฤหัสบดี จากเดิมซ่ึงก�ำหนดเป็นโค เปล่ียนเป็นกวางตามข้อเสนอของ ราชบณั ฑติ ยสถาน (ตามมตคิ ณะกรรมการอำ� นวยการครุ สุ ภา ในการประชมุ ครงั้ ที่ ๖/๒๕๔๓ วนั ที่ ๒๘ มถิ นุ ายน ๒๕๔๓) ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ปฏิบัติตามจรรยาบรรณ และรับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ไปแล้ว ภายหลังหากกระท�ำผิดอย่างร้ายแรง หรือประพฤติตนไม่สมเกียรติแห่งความเป็นผู้ปฏิบัติตามจรรยาบรรณแล้ว คณะอนุกรรมการคดั เลอื กฯ จะพิจารณาเรียกเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรสุ ดุดี” คนื 327 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
เคร่อื งหมายเชดิ ชูเกียรติ “ครุ สุ ดดุ ี” มีลักษณะเปน็ รปู พระพฤหสั บดี ซงึ่ มีความหมายวา่ เปน็ ครขู องเทวดาในทางวิชาความรู้ มกี วางเป็นพาหนะ พระหัตถข์ วาถอื ดอกบัว พระหัตถ์ซา้ ยถอื พระขรรค์ กับมีรศั มีเป็นปรมิ ณฑลลอ้ มรอบ ท�ำดว้ ยโลหะสที อง ความเปน็ มา พระราชบัญญัติครู พุทธศักราช ๒๔๘๘ ก�ำหนดให้คุรุสภามีอ�ำนาจหน้าที่หลักส�ำคัญในการควบคุม และสอดส่องจรรยามรรยาทและวินัยของสมาชิกคุรุสภา แนะน�ำตักเตือนสมาชิกคุรุสภา ผู้ประพฤติผิดจรรยามรรยาท หรอื วินัย ทำ� การพิจารณาสอบสวนและวนิ จิ ฉัย แล้วรายงานต่อคณะกรรมการอ�ำนวยการครุ ุสภาพจิ ารณาโทษในการด�ำเนินงาน คุรุสภาได้แต่งต้ังคณะอนุกรรมการว่าด้วยจรรยามรรยาท และวินัยของสมาชิกคุรุสภา มีอ�ำนาจหน้าท่ีด�ำเนินงาน ในดา้ นการควบคมุ และสอดสอ่ งจรรยามรรยาทและวนิ ยั ของสมาชกิ ครุ สุ ภา โดยพจิ ารณาจากกรณสี มาชกิ ครุ สุ ภาไดก้ ระทำ� ผดิ แลว้ รายงานผลการพจิ ารณาตอ่ คณะกรรมการอำ� นวยการของครุ สุ ภาเพอื่ พจิ ารณาลงโทษตอ่ ไป ตอ่ มาเมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๒ คณะอนกุ รรมการฯ รว่ มกนั พจิ ารณาเหน็ วา่ นอกจากการลงโทษครทู ปี่ ระพฤตไิ มเ่ หมาะสม ไมอ่ ยใู่ นกรอบแห่งจรรยาบรรณครู แลว้ ควรมกี ารพจิ ารณาดำ� เนนิ งานในดา้ นการสง่ เสรมิ ซง่ึ เปน็ การใหค้ ณุ ประโยชนแ์ กค่ รทู ป่ี ระพฤตติ นตามจรรยาบรรณครู เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกยี รติคณุ และใหก้ �ำลงั ใจแกค่ รู นอกเหนือจากการพิจารณาใหโ้ ทษครเู พยี งอย่างเดียว 328 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
เมอ่ื พุทธศักราช ๒๕๓๔ คณะอนุกรรมการวา่ ด้วยจรรยามรรยาทและวนิ ัยของสมาชกิ ครุ ุสภา จึงไดพ้ ิจารณา จัดท�ำ ระเบียบคุรุสภาว่าด้วยเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติครูผู้มีจรรยามรรยาทดีเด่นเพ่ือมอบ “เข็มคุรุสดุดี” ให้แก่ครู ผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บครุ สุ ภา วา่ ดว้ ยจรรยามรรยาทและวนิ ยั ตามระเบยี บประเพณคี รู ในการประชมุ ครง้ั ท่ี ๓/๒๕๓๔ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ พิจารณาแล้วเห็นชอบและอนุมัติให้ด�ำเนินการได้ และมอบให้คณะอนุกรรมการว่าด้วย จรรยามรรยาทและวินัยของสมาชิกคุรุสภา เป็นผู้พิจารณาสรรหาบุคคลเพ่ือรับเข็มคุรุสดุดีแล้วน�ำเสนอคณะกรรมการ อำ� นวยการคุรุสภาพจิ ารณาอนุมัติ สำ� นกั งานเลขาธิการคุรุสภา ไดจ้ ดั ทำ� โครงการและงบประมาณเพอื่ ดำ� เนนิ การสรรหาครู ผูม้ ีจรรยามรรยาทดเี ด่น เพือ่ รับ “เขม็ คุรุสดุด”ี ต้ังแต่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๕ เป็นต้นมา จนถงึ ปี ๒๕๔๒ คณะอนุกรรมการ ว่าดว้ ยจรรยามรรยาทและวนิ ยั ของสมาชกิ ครุ สุ ภา ไดพ้ จิ ารณาแลว้ เหน็ สมควรใหป้ รบั ชอ่ื จากการสรรหาครผู มู้ จี รรยามรรยาทดเี ดน่ เพอ่ื รบั เขม็ ครุ สุ ดดุ ี เปน็ การสรรหาครผู ปู้ ฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณครู เพอ่ื รบั เครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดดุ ”ี จนกระทงั่ เมื่อ พุทธศักราช ๒๕๔๖ คุรุสภาได้ปรับเปลี่ยนบทบาท เป็นองค์กรวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาและยังเห็น ความสำ� คญั ของการยกยอ่ งครผู ปู้ ฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณครู เนอ่ื งจากเปน็ มาตรการชว่ ยสง่ เสรมิ และยกระดบั วชิ าชพี ครู จึงไดด้ ำ� เนินการต่อมา โดยมีวตั ถุประสงค์ดังน้ี ๑. เพอื่ ยกย่องเชดิ ชูเกยี รติ ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษา ทีป่ ฏิบัตติ นตามจรรยาบรรณของวิชาชพี ๒. เพอื่ สง่ เสรมิ ศรทั ธาและความเช่ือถือในการประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ๓. เพอื่ ใหผ้ ปู้ ระกอบวชิ าชพี ทไี่ ดร้ บั เครอ่ื งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดดุ ”ี เปน็ แบบอยา่ งทด่ี แี ก่ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษาท่วั ไป การดำ� เนนิ งาน การด�ำเนินงานคัดเลือกและมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มแี นวปฏบิ ตั เิ ปน็ ไปตามระเบยี บครุ สุ ภา วา่ ดว้ ย เครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดดุ ”ี พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๓ โดยคณะกรรมการ ยกย่องและส่งเสริมผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพตามพระราชบัญญัติสภาครูและ บุคลากรทางการศกึ ษา พทุ ธศักราช ๒๕๔๖ มแี นวทางด�ำเนนิ งานดังนี้ คณุ สมบัติของผู้สมควรได้รบั เครอ่ื งหมายเชิดชเู กยี รติ “ครุ ุสดดุ ี” ๑. เปน็ ผู้ได้รับใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา และ ๒. ปัจจุบันเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ และปฏบิ ตั งิ านมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี 329 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
เกณฑก์ ารพิจารณา ๑. ประพฤติปฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณครูครบ ๙ ข้อ อย่างเครง่ ครดั ๒. ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณครูเดน่ ชัดเปน็ พิเศษ (๑ ใน ๙) ๓. ไมเ่ คยกระทำ� ความเส่ือมเสียใด ๆ อันเปน็ การบกพร่องในศีลธรรมอันดี ๔. ไม่มีกรณีถูกด�ำเนินการทางวินัย หรือเป็นผู้ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย แม้จะได้รับการล้างมลทินตาม พระราชบัญญตั ลิ า้ งมลทินกต็ าม ๕. ผา่ นการประเมินตามหลกั เกณฑ์ และวธิ ีการคดั เลอื กเพื่อรับเครอ่ื งหมายเชดิ ชูเกียรติ “ครุ ุสดุด”ี ๖. ไม่เคยได้รบั เคร่ืองหมายเชดิ ชเู กียรติ “ครุ สุ ดดุ ”ี มาก่อน หลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณาคัดเลือก ผู้ท่ีจะได้รับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านความประพฤติ บุคลิกภาพทั่วไป การแต่งกาย กิริยาวาจา และปฏิบัติหน้าที่เหมาะสมกับความเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา อย่างสม่�ำเสมอ ท�ำให้ผู้เรียนและผู้ร่วมงานเกิดความเล่ือมใสศรัทธา และปฏิบัติตนตามแบบอย่างท่ีเลือกสรรแล้ว เป็นปกตินิสัย โดยพิจารณาจากความเสียสละและอุทิศตน เพ่ือประโยชน์แก่วิชาชีพครูอย่างสูงสุดตลอดระยะเวลาของ การปฏิบตั ิงาน และการประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพทง้ั ๙ ข้อ ส่งผลปรากฏเป็นทยี่ อมรับของนกั เรยี น ผู้รว่ มงาน ผปู้ กครอง และชมุ ชน วธิ ดี ำ� เนินการคัดเลือก การด�ำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพ่ือรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ให้ยึดหลักเกณฑ์การพิจารณา และประเมินโดยใช้แบบประเมินที่ส�ำนักงานเลขาธิการคุรุสภาก�ำหนด เพ่ือรับเครอื่ งหมายเชิดชเู กยี รติ “ครุ สุ ดุดี” และการคดั เลือก กลา่ วคือ ๑. การพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาท่ี สมควรไดร้ ับเครื่องหมายเชิดชูเกยี รติ “คุรสุ ดุดี” ในเขตพืน้ ที่การศึกษา ๑.๑ คุรุสภาเขตพื้นที่การศึกษาในส่วนภูมิภาคทุกเขต ให้คณะกรรมการคุรุสภาเขตพ้ืนท่ีการศึกษาพิจารณาคัดเลือกผู้สมควร ไดร้ ับเครือ่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “คุรสุ ดุด”ี ประจ�ำปี จากสงั กดั สำ� นักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานระดบั ประถมศกึ ษา และระดบั มธั ยมศกึ ษา 330 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๑.๒ คุรุสภาเขตพ้ืนท่ีการศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๑ ให้คณะกรรมการคุรุสภาเขตพ้ืนท่ีการศึกษา พิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ประจ�ำปี จากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ในท้องท่ีเขตพญาไท บางซื่อ ดุสิต สัมพันธวงศ์ ปทุมวัน ราชเทวี พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางแค บางขุนเทียน บางบอน ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ จอมทอง คลองสาน ธนบุรี ภาษีเจริญ ตล่ิงชัน ทวีวัฒนา บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ และหนองแขม ทีส่ ังกัดสำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐานระดบั มธั ยมศกึ ษาเทา่ นนั้ ๑.๓ คุรุสภาเขตพื้นท่ีการศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒ ให้คณะกรรมการคุรุสภาเขตพ้ืนที่การศึกษา พิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ประจ�ำปี จากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ที่ปฏิบตั งิ านอยูใ่ นทอ้ งท่ีเขตบางรัก วฒั นา สาทร พระโขนง บางนา คลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา ดนิ แดง หว้ ยขวาง จตุจกั ร ลาดพร้าว บางเขน สายไหม บึงก่มุ บางกะปิ วังทองหลาง ดอนเมือง หลักสี่ ลาดกระบงั สะพานสูง คนั นายาว มีนบุรี คลองสามวา หนองจอก ประเวศ และสวนหลวง ท่ีสังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ึนพ้ืนฐาน ระดับมธั ยมศึกษาเทา่ นน้ั ๑.๔ คุรุสภาเขตพ้ืนที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๓ ให้คณะกรรมการคุรุสภาเขตพื้นท่ีการศึกษา พิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ประจ�ำปี จากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ในทอ้ งที่ทกุ เขตในกรงุ เทพมหานคร สงั กดั ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐานระดับประถมศึกษา ใหค้ ดั เลอื กผทู้ สี่ มควรไดร้ บั เครอ่ื งหมายฯ โดยใชแ้ บบประเมนิ และใหเ้ ปน็ ไปตามสดั สว่ นทค่ี ณะกรรมการ คัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพื่อรับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ประจ�ำปี ๒๕๕๗ ก�ำหนด เสนอสำ� นกั งานเลขาธิการคุรุสภา 331 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๒. การพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่สมควรได้รับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ทส่ี งั กดั ในส�ำนกั งานคณะกรรมการส่งเสรมิ การศกึ ษาเอกชน ส�ำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน แต่งต้ังคณะกรรมการคัดเลือก จ�ำนวนไม่น้อยกว่า ๙ คน ด�ำเนินการคัดเลือก โดยประสานกับสมาคมการศึกษา หรือชมรมการศึกษาเอกชนจังหวัดทุกจังหวัด เพ่ือ ดำ� เนนิ การคดั เลอื กผปู้ ระกอบการวชิ าชพี ทางการศกึ ษาทส่ี มควรไดร้ บั เครอ่ื งหมายฯ โดยใชแ้ บบประเมนิ และใหเ้ ปน็ ไปตาม สัดส่วนที่คณะกรรมการคัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพิ่อรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ประจ�ำปี กำ� หนดเสนอส�ำนักงานเลขาธกิ ารคุรสุ ภา ๓. การพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่สมควรได้รับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ในหนว่ ยงานนอกเหนือจากท่ีระบไุ ว้ในขอ้ ๑ และข้อ ๒ หน่วยงานท่ีไม่ได้สังกัดเขตพื้นท่ีการศึกษา ได้แก่ ส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น สถาบันการพลศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สำ� นักการศึกษากรุงเทพมหานคร สำ� นักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส�ำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน สำ� นกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ และโรงเรยี นสาธติ ในสงั กดั สถาบนั อดุ มศกึ ษา แตง่ ตงั้ คณะกรรมการคดั เลอื กจำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๙ คน โดยใหม้ ผี แู้ ทนครุ สุ ภาใน คณะอนกุ รรมการขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ประจำ� เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา (อ.ก.ค.ศ) ส่วนราชการ (ถ้ามี) ร่วมเป็นกรรมการ เพ่ือด�ำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาท่ีสมควรได้รับเครื่องหมายฯ โดยใชแ้ บบประเมนิ และใหเ้ ปน็ ไปตามสดั สว่ นทค่ี ณะกรรมการคดั เลอื กผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา เพอ่ื รบั เครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ ุสดดุ ”ี ประจ�ำปี ๒๕๕๖ กำ� หนดเสนอสำ� นกั งานเลขาธกิ ารคุรุสภา การประกาศรายชือ่ ส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัดจะประกาศรายช่ือผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาท่ีได้รับ การเสนอชือ่ ให้ได้รับเคร่ืองหมายเชดิ ชูเกียรติ “คุรุสดุด”ี ณ สำ� นักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาหรอื หน่วยงานต้นสังกดั แลว้ แต่กรณี การคดั ค้านและการเพกิ ถอน การคัดคา้ น ผู้ที่ประสงค์จะคัดค้านการเสนอชื่อบุคคลใด ตามรายช่ือในประกาศ ให้ยื่นคำ� คัดค้านภายใน ๑๐ วัน นับแต่ วนั ที่มีการประกาศรายชือ่ ดงั นี้ ๑. การคัดค้านใหท้ �ำเป็นหนังสือ ระบุเหตขุ องการคัดค้านว่า ผูไ้ ดร้ บั การเสนอชอ่ื ประพฤติขดั กบั หลกั เกณฑ์ การพจิ ารณาฯ ขอ้ ใด อยา่ งใด ในเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาฯ ใหย้ นื่ ตอ่ ประธานคณะกรรมการคดั เลอื ก หรอื ประธานคณะกรรมการ คดั เลือกในหนว่ ยงานตน้ สังกดั แลว้ แตก่ รณี ๒. ให้คุรุสภาเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัด พิจารณาค�ำคัดค้านและประกาศผลการพิจารณา ใหแ้ ล้วเสร็จภายใน ๑๐ วนั ทำ� การ 332 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
การเพิกถอน เมอ่ื ปรากฏภายหลงั วา่ ผทู้ ไี่ ดร้ บั การเสนอชอ่ื ใหม้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั เครอ่ื งหมายฯ ขาดคณุ สมบตั ติ ามหลกั เกณฑท์ กี่ ำ� หนด ให้ส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัดแจ้งให้ส�ำนักงานเลขาธิการคุรุสภาทราบ เพ่ือด�ำเนินการเพิกถอนชื่อ ต่อไป การพิจารณาตดั สิน คณะอนุกรรมการยกย่องและส่งเสริมผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พิจารณาเห็นชอบผลการคัดเลือก ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่สมควรได้รับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ตามท่ี คุรุสภาเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและ หน่วยงานต้นสงั กดั เสนอมา เพือ่ น�ำเสนอกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ให้ความเหน็ ชอบและน�ำเสนอคณะกรรมการครุ ุสภา เพอื่ พิจารณาอนุมัติ และมติของคณะกรรมการครุ ุสภาถอื เป็นทสี่ ุด การมอบเคร่อื งหมายเชดิ ชเู กียรติ “คุรุสดุด”ี ส�ำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จัดพิธีมอบเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ในวันครู ที่ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๖ ต่อมาเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๙ ได้เปล่ียนวันจัดพิธีมอบเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” มาเป็นวันท่ี ๕ ตุลาคมของทุกปีซ่ึงถือเป็นวันครูโลก (World Teachers’ Day) ณ หอประชุมคุรุสภา กรุงเทพมหานคร โดยเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือประธานกรรมการคุรุสภามาเป็นประธานในพิธีมอบเคร่ืองหมาย เชิดชูเกยี รติ “คุรสุ ดุดี” คุรุสภาได้ด�ำเนินงานมอบเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” ให้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตั้งแต่ปี พุทธศักราช ๒๕๓๕ จนถึงปี พุทธศักราช ๒๕๕๗ มีผู้ได้รับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” แล้วจ�ำนวน ๑๑,๙๔๙ คน การมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “คุรุสดุดี” เป็นส่วนหน่ึงของการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันครูโลก (World Teachers’ Day) ซงึ่ ประเทศตา่ ง ๆ กวา่ รอ้ ยประเทศทว่ั โลก เพอื่ เปน็ การยกยอ่ งครแู ละรว่ มรำ� ลกึ ถงึ บทบาทหนา้ ท่ี อันส�ำคัญของครู รวมทั้งมุ่งมั่นปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ เป็นแบบอย่างท่ีดี มีความเสียสละ เป็นผู้น�ำ ทั้งในด้านการประพฤติตนและการปฏิบัตหิ น้าทอ่ี ย่างเตม็ ศกั ยภาพ เปน็ ท่เี คารพยกย่องอย่างสูงของศษิ ยแ์ ละบคุ คลท่ัวไป บรรณานุกรม สำ� นกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. (๒๕๕๗). ครุ สุ ดดุ :ี ผปู้ ฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี ประจำ� ปี ๒๕๕๗. กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ัทศรีอนนั ตก์ ารพิมพ์ จ�ำกดั . 333 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี รองศาสตราจารย์ ดร.วิชัย วงษใ์ หญ่ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นนวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในปัจจุบันมีลักษณะเป็น ความรว่ มมอื รว่ มใจกนั ทางวชิ าการของผสู้ อนและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ทมี่ เี ปา้ หมายเพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรยี นรู้ และคณุ ภาพของผเู้ รยี น มกี ารแลกเปลยี่ นเรยี นรซู้ ง่ึ กนั และกนั รว่ มมอื กนั ชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ และสง่ เสรมิ ซงึ่ กนั และกนั ทำ� ใหเ้ กดิ การพฒั นาคุณภาพการศึกษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 334 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ความเป็นมา แนวคดิ ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี ไดร้ เิ รมิ่ ขนึ้ โดย รชิ ารด์ ดฟู อร์ (Richard DuFour) นกั วจิ ยั ทางการศกึ ษา ชาวอเมรกิ นั ซง่ึ ไดน้ ำ� เสนอแนวคดิ ของเขาไวอ้ ยา่ งเปน็ ทางการในหนงั สอื Professional learning communities at work: Best practices for enhancing student achievement เมอื่ ปคี รสิ ตศ์ กั ราช 1997 โดยไดใ้ หค้ วามหมายไวว้ า่ เปน็ การรวมกลมุ่ กนั ของผสู้ อนและบคุ ลากรทางการศกึ ษาในลกั ษณะของชมุ ชนเชงิ วชิ าการ ทมี่ เี ปา้ หมายเพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาโดยใช้ กระบวนการเรยี นรจู้ ากการปฏบิ ตั ิ การถอดบทเรยี น และการแลกเปลย่ี นเรยี นรรู้ ว่ มกนั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ ทางวชิ าชพี เปน็ นวตั กรรมทพ่ี ฒั นามาจากการจดั การความรู้ (knowledge management) องคก์ รแหง่ การเรยี นรู้ (learning organization) และชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ (learning community) ตามลำ� ดบั แนวคดิ หลกั ของชมุ ชนแห่งการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี ชมุ ชนแห่งการเรียนร้ทู างวชิ าชีพครู (Professional Learning Community: PLC) เปน็ การผสมผสานแนวคิด ๒ ประการ ไดแ้ ก่ ความเปน็ มอื อาชพี (professional) และ ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ (learning community) ซงึ่ เปน็ การรวมกลมุ่ กนั ของบุคคล ผู้ประกอบวิชาชีพครู โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือพัฒนาสมรรถนะทางวิชาชีพ และคุณภาพของผู้เรียนร่วมกัน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมมือร่วมใจ (collaborative learning) การเรียนรู้ประสบการณ์การปฏิบัติงานในพื้นที่ (field) และการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ (sharing learning) อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จดุ เนน้ ของชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี ครู คอื การเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทเ่ี ปน็ มากกวา่ การแลกเปลย่ี นวธิ สี อน (focus on learning rather than on teaching) การทำ� งานรว่ มกนั (work collaborative) และความรับผิดชอบต่อตนเอง (self-accountable) องค์ความรู้ที่เกิดจากการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนของครูแต่ละคน จะได้รับการน�ำมาจัดการความรู้อย่างเป็นระบบ และน�ำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซ่ึงกันและกันอย่างต่อเนื่อง ช่วยท�ำให้ครู มีความรู้ในเนื้อหา และเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอน ส่งผลให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิผล เกดิ การปรับปรงุ และพัฒนาอยา่ งตอ่ เนื่อง องคป์ ระกอบของชุมชนแหง่ การเรยี นรูท้ างวิชาชีพ ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ มอี งคป์ ระกอบ ๕ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) การแลกเปลย่ี นคณุ ค่าและวิสัยทัศน์ (shared values and vision) ๒) วฒั นธรรมความร่วมมอื รว่ มใจ (collaborative culture) ๓) การปรับปรงุ ผลการเรยี นร้ขู องผู้เรียน (improve student learning) ๔) การสนบั สนนุ และแลกเปลยี่ นภาวะผนู้ �ำ (supportive and shared leadership) ๕) การแลกเปลยี่ นประสบการณ์การปฏิบัติส่วนบคุ คล (shared personal practice) ซง่ึ แตล่ ะองคป์ ระกอบมี สาระส�ำคัญ ดังน้ี 335 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๑. การแลกเปล่ยี นคุณค่าและวิสัยทัศน์ (shared values and vision) หมายถึง การแลกเปล่ียนแบง่ ปัน และกำ� หนดวสิ ยั ทศั นก์ ารพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รยี น ตลอดจนการมพี นั ธะสญั ญารว่ มกนั ระหวา่ งครู และผบู้ รหิ ารในการยกระดบั คุณภาพการจัดการศกึ ษา ๒. วฒั นธรรมความรว่ มมอื รว่ มใจ (collaborative culture) หมายถงึ พนั ธะสญั ญาเกยี่ วกบั ความรว่ มมอื รว่ มใจ ของครูทุกคน รวมท้ังผู้บริหารในการด�ำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยมีเป้าหมายเดียวกัน มีความรับผดิ ชอบรว่ มกันเก่ียวกับการเรยี นรู้ของผ้เู รียน ๓. การปรบั ปรงุ ผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น (focus on examining outcomes to improve student learning) หมายถึง การให้ความส�ำคัญแก่ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน (learning outcomes) โดยการประเมินผลการเรียนรู้ และน�ำข้อมูลสารสนเทศจากการประเมินมาใช้ในการวางแผน และด�ำเนินการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซึง่ ครแู ละผูบ้ ริหารตอ้ งมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ผลการตรวจสอบดังกลา่ ว ซ่ึงถอื ว่าเป็นความรับผิดชอบรว่ มกนั ๔. การสนับสนุนและแลกเปลี่ยนภาวะผู้น�ำ (supportive and shared leadership) หมายถึง การสนับสนุน การด�ำเนินการของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพรวมทั้งการให้ ครูทุกคนเป็นผู้น�ำในการตัดสินใจ บนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและ ข้อมูลสารสนเทศ บทบาทภาวะผู้น�ำ มีจุดเน้นที่การกระตุ้นให้มีการ แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันให้มากท่ีสุด เพื่อให้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทางวชิ าชพี น้ันบรรลุเปา้ หมาย คือ คณุ ภาพของผู้เรียน ๕. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติส่วนบุคคล (shared personal practice) หมายถึง การน�ำ ความรู้และประสบการณ์ท่ีได้รับจากการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน จากการประเมินตนเอง การสังเกตการจัด การเรียนการสอนของเพ่ือนครูและผลการประเมินต่าง ๆ เช่น ทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับเพื่อนครูในชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ซ่ึงการแบ่งปันประสบการณ์การปฏิบัติส่วนบุคคลน้ีจะช่วยให้เกิด การปรับปรงุ และพัฒนาความเป็นมืออาชพี (professional) ของครูอยา่ งต่อเน่ืองและย่งั ยืน องค์ประกอบของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพท้ัง ๕ ประการดังกล่าวน้ัน มีความสัมพันธ์เช่ือมโยง ซึ่งกันและกัน เกิดเป็นพลังในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาท้ังคุณภาพของผู้สอน และคุณภาพของผู้เรียน ท�ำให้ ครูเกิดพัฒนาการด้านความรู้ และความสามารถในการจัดการเรียนการสอน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมมือร่วมใจ (collaborative learning) การเรยี นรปู้ ระสบการณก์ ารปฏบิ ตั งิ านในพน้ื ท่ี (field) และการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ (sharing learning) อย่างต่อเน่ือง การท่ีผู้สอนมีความรู้และความสามารถในการจัดการเรียนการสอนสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนา ทั้งด้านความรู้ และทกั ษะต่าง ๆ ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้ 336 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
การแลกเปล่ยี น วฒั นธรรม การปรบั ปรงุ คณุ คา่ และวสิ ัยทศั น์ ความร่วมมอื ร่วมใจ ผลการเรียนรู้ของผเู้ รยี น ชุมชนแห่งการเรียนรู้ การสนับสนุน การแลกเปลี่ยน และแลกเปลยี่ นภาวะผู้นำ� ประสบการณ์การปฏบิ ตั ิ ทางวชิ าชพี ครู สว่ นบุคคล คณุ ภาพของผ้สู อน คุณภาพของผ้เู รียน แผนภาพ ๑ องคป์ ระกอบของชุมชนแหง่ การเรียนรูท้ างวชิ าชีพครู 337 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
แนวทางการประยุกต์ใช้ สถานศึกษาต่าง ๆ สามารถน�ำแนวคิดหลักการของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพไปปรับประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เหมาะสมกับสภาพบริบท โดยน�ำแนวคิดอื่น ๆ มาผสมผสานกัน เพื่อให้สอดคล้องกับ วัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรมการท�ำงานของผู้สอน นอกจากน้ี ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพจะประสบความส�ำเร็จ อยา่ งแทจ้ รงิ ไดน้ น้ั บคุ ลากรทกุ ฝา่ ยยงั ตอ้ งมที กั ษะการแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ การเปดิ รบั แนวคดิ ใหม่ ๆ การทำ� งานเปน็ ทมี การเรียนรู้ร่วมกัน การตั้งค�ำถามท่ีน�ำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเน่ือง การประเมิน ผลลพั ธ์ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น การสะทอ้ นผลการดำ� เนนิ การเพอื่ การพฒั นาตอ่ ยอด ซง่ึ จะทำ� ใหเ้ กดิ การพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และยัง่ ยืน บรรณานุกรม Bolam, R. et al. (2005). Creating and sustaining effective professional learning community. National College for School Leadership: United State of Kingdom. DuFour,R. (2004). “What is professional learning community?” Educational Leadership. 61 (8), 6-11. DuFour,R., Eaker, R., & Many, T. (2006). Learning by doing: A handbook for enhancing student achievement. Bloomington, IN: Solution Tree. Fegger, S. & Arruda, E. (2008). “Professional learning communities: Key themes from the literature”. Providence, RI: The Education Alliance, Brown University. Reichstetter, R. (2006). Defining a professional learning community: A literature review. E&R Research Alert. Thompson, S. C., Gregg, L. & Niska, J.M.. (2004). Professional learning communities, leadership, and student learning. Research in Middle level Education. Villegas-Reimers, H. (2003). Teacher professional development: an international review of literature. Paris: UNESCO/ International Institute for Educational Planning. 338 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ ๒๑ ศาสตราจารยก์ ติ ตคิ ณุ ดร.ไพฑรู ย์ สินลารัตน์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จนั ทรพ์ า ทัดภูธร ความสนใจของวงการศกึ ษาไทยในปจั จบุ นั มงุ่ ไปทเ่ี รอื่ งของทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี ๒๑ คอ่ นขา้ งมากและชดั เจน แต่สว่ นใหญแ่ ล้วจะสนใจไปในลักษณะของการชน่ื ชมยกย่องและตามอยา่ งเปน็ หลกั การมองศตวรรษที่ ๒๑ ในมมุ มอง ทกี่ วา้ งหลากหลายและมมุ อนื่ ๆ ยงั มนี อ้ ย บทความนมี้ องทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี ๒๑ ในมมุ มองทมี่ กี ารวเิ คราะหท์ เี่ กยี่ วขอ้ ง กบั สังคมไทย 339 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ส่ทู กั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี ๒๑ แนวคิดของทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ เกิดจากการวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมของโลกท่ีเปล่ียนไป กระแสการศึกษาและกระแสหลักของโลกเป็นตัวผลักดันให้เกิดแนวคิดของ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ขึ้น ข้อเสนอทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ มีหลายกลุ่มคิดและวิเคราะห์เอาไว้มากพอสมควร สรุปพอสังเขปได้ ดงั นี้ กลุ่มแนวคดิ หลกั กลมุ่ ทเี่ สนอทกั ษะน้ี คอื กลมุ่ ขององคก์ รชอ่ื Partnership for 21st Century Learning ซงึ่ ไดเ้ สนอหลกั คดิ เกยี่ วกบั การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ ๒๑ คอื การเรยี นรวู้ ชิ าทถี่ อื เปน็ แกน่ ของศตวรรษท่ี ๒๑ (Core Subjects) เชน่ ภาษาองั กฤษ (English) คณิตศาสตร์ (Mathematics) และ หัวข้อการเรียนรู้ของศตวรรษที่ ๒๑ (Themes) เช่น การตระหนักรู้เกี่ยวกับประเด็น ปัญหาของโลก (Global Awareness) หน้าที่พลเมือง (Civic Literacy) ซ่ึงนอกเหนือจากกลุ่มวิชาแกนและหัวข้อหลักแล้ว ยังมีอีก ๓ กลุ่มทักษะที่ควรศึกษา ได้แก่ กลุ่มทักษะอาชีพและชีวิต (Life and Career Skills) กลุ่มทักษะการเรียนรู้และ การคิดสิ่งใหม่ (Learning and Innovative Skills) และกลุ่มทักษะทางข้อมูลข่าวสาร สื่อและเทคโนโลยี (Information, Media, and Technology Skills) ความสำเร็จของผูเรยี นในศตวรรษ ทกั ษะชวี ิต ทกั ษะการเรยี นและนวตั กรรม ทักษะ ท่ี ๒๑ ที่ผเู รยี นจะตอ งมี และอาชพี เนื้อหาหลักและ การใชส อื่ (๑) ความรูและความเขาใจ ประเด็นสำคัญในศตวรรษที่ ๒๑ และ ในเน้ือหาวชิ าหลัก สารสนเทศ (๒) สามารถปฏบิ ัตงิ าน มาตรฐานและการประเมนิ ผล ไดอยา งมมี าตรฐานระดบั สงู (๓) มีทักษะทางสงั คมและการคิด หลกั สตู รและการสอน การพัฒนาทางวชิ าชีพ ท่ีสามารถจดั การกบั ปญ หา สิ่งแวดลอมในการเรียนรู ท่ีซับซอนในสงั คมได ภาพที่ ๑ กรอบคณุ ลักษณะผ้เู รียนทพ่ี ึงประสงค์ ในศตวรรษท่ี ๒๑ (Partnership for 21st Century Skills 2009) 340 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
อกี กลมุ่ หนงึ่ ทเี่ สนอโมเดลทกั ษะสำ� หรบั ศตวรรษที่ ๒๑ และมกี ารพดู ถงึ กนั มาก คอื กลมุ่ มทิ ริ กี รปุ๊ (Metiri Group) ซง่ึ เสนอทกั ษะหลกั ๔ กลมุ่ ใหญ่ คอื การเรยี นรทู้ กั ษะเทคโนโลยี (Digital-Age Literacy) การคดิ ใหม่ (Inventive Thinking) การสอ่ื สาร (Effective Communication) และการพฒั นาผลผลิต (High Productivity) ดจู ากภาพที่ ๒ สมั ฤทธิผลทางการเรยี น การรหู นงั สอื ยคุ เทคโนโลยสี ารสนเทศ การคดิ เชงิ ประดษิ ฐอยา งสรา งสรรค การรหู นงั สอื ดานความรูพ้นื ฐาน ความสามารถในการปรับตัวและจัดการ ัสมฤท ิธผลทางการเ ีรยน วิทยาศาสตร เศรษฐศาสตร และเทคโนโลยี กบั สิ่งท่ีซับซอน สมั ฤทธผิ ลทางการเรยี น การรหู นงั สือดานทัศนศลิ ป ขา วสารขอมลู การกำหนดเปา หมายของตนเอง การรหู นังสือดา นพหวุ ฒั นธรรม ความสนใจใฝรู และความเขาใจในสังคมโลก ความกลาทจ่ี ะเส่ยี ง ความคิดระดบั สงู และความมเี หตุผล ทักษะการเรยี นรใู นศตวรรษที่ ๒๑ การสื่อสารอยา งมปี ระสทิ ธิผล การมผี ลิตภาพสงู การทำงานเปน ทีม การจดั ลำดบั การวางแผน การมมี นุษยสมั พนั ธ และการบริหารเพอ่ื ผลลัพธ ความรับผดิ ชอบสว นตน ความสามารถทีจ่ ะใชเครือ่ งมอื ทเี่ ปนปจ จุบัน ความรบั ผดิ ชอบตอ สังคม ในโลกแหงความเปน จริง และความเปนพลเมืองดี ความสามารถที่จะผลิตงานท่มี ีคุณภาพสงู การสอ่ื สารระหวา งบคุ คล และมีความหมาย สัมฤทธิผลทางการเรยี น ภาพที่ ๒ ทกั ษะท่ีจำ� เปน็ สำ� หรับผเู้ รียนในศตวรรษที่ ๒๑ ของกลุ่ม Metiri (The North Central Regional Educational Laboratory and the Metiri Group, 2003) กลุม่ แนวคดิ ตาม นอกจากกลุ่มแนวคิดกระแสหลักดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีในส่วนของสาธาณรัฐสิงคโปร์และมาเลเซีย รวมถงึ ประเทศอนื่ ๆ ในอาเซยี นหลายประเทศไดม้ คี วามพยายามทจี่ ะเสนอทกั ษะสำ� หรบั ศตวรรษที่ ๒๑ ดว้ ยเชน่ กนั แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาโดยละเอียดแล้ว พบว่า ค่อนขา้ งไปในทางการตามอยา่ งของอเมริกาเสียเป็นสว่ นใหญ่ แตก่ ็เป็นความพยายามของ นักการศึกษาของเขาที่พยายามจะมองไปในอนาคตอย่างผู้น�ำมากขึ้น (ไพฑูรย์ สินลารัตน์, ๒๕๔๙) ในส่วนของยุโรป และแคนาดาเองก็มกี ารพฒั นาแนวคิดนี้ไว้พอสมควรเช่นกัน (Bellanca and Brandt, 2010) 341 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ทักษะ ๗ กลุ่มหลกั แต่ในที่สุดแล้วทักษะส�ำหรับศตวรรษที่ ๒๑ จะอยู่ในทักษะกลุ่มหลัก ๆ ๗ กลุ่มนี้เป็นหลักส�ำคัญ (Bellanca and Brandt, (eds.) (2010) Trilling and Fadel (2009) Zhao (2012) จนิ ตนา สจุ จานนั ท์ (๒๕๕๖) ทศิ นา แขมมณี (๒๕๕๕) ไพฑรู ย์ สินลารัตน์ (๒๕๔๙) วโิ รจน์ สารรัตนะ (๒๕๕๖) คอื ๑. ทักษะทางด้านเทคโนโลยี (Computing and ICT Literacy) เป็นทักษะท่ีเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซ่ึงผู้เรียนและคนในยุคใหม่โดยเฉพาะยุคศตวรรษท่ี ๒๑ จะต้องเรียนรู้และสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ ทกั ษะท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ขอ้ มลู ขา่ วสารและการสอื่ สารที่มีการพัฒนาอยา่ งรวดเรว็ และอยา่ งกว้างขวาง ๒. ความสนใจใคร่รู้และมีจินตนาการ (Curiosity and Imagination) ในโลกแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ความรู้ และแหล่งความรู้จะมีมากมาย ผู้เรียนจะต้องใฝ่รู้สนใจใคร่รู้ในส่ิงใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันกับพลวัตร ของการเปลี่ยนแปลง การมีจินตนาการ คิดสร้างสรรค์และต่อยอด การมองไปข้างหน้าอย่างมีวิสัยทัศน์ การประยุกต์ ความรู้ที่ได้รับมา และความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-study) จึงเป็นทักษะที่จ�ำเป็นส�ำหรับการอยู่ใน ศตวรรษท่ี ๒๑ ๓. การคดิ วจิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) เมอื่ ผูเ้ รียนสนใจใคร่รู้ และมที กั ษะในการหาความรผู้ า่ นทางเทคโนโลยไี ดแ้ ลว้ ทกั ษะทส่ี ำ� คญั และจำ� เปน็ คอื การวเิ คราะห์ สงั เคราะหส์ งิ่ ทไี่ ดศ้ กึ ษา มาว่าอะไรดี ไม่ดี เหมาะสม ไม่เหมาะสม อะไรเป็นความจริงอะไรเป็นความเท็จ ซึ่งผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑ จะต้อง ให้ความส�ำคญั มาก ควบคไู่ ปกับทกั ษะในการแก้ปญั หาทมี่ เี หตผุ ลและชาญฉลาดพอ ๔. ความคิดสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะในการคิดอะไรใหม่ ๆ ถือเป็นสิ่งจ�ำเป็นมากเช่นกัน ในศตวรรษท่ี ๒๑ เพราะการเปล่ียนแปลงเกิดข้ึนในทุกด้านและทุกรูปแบบ การแก้ปัญหา ย่ิงต้องใช้ความคิดใหม่ ๆ อย่างมาก ซึ่งจะตามมาด้วยนวัตกรรม (Innovation) ท่ีเกิดจากความคิดใหม่ ๆ นั้น นวัตกรรม ถอื ไดว้ ่าเปน็ ผลผลติ ทางความคิดสรา้ งสรรค์ของผู้เรยี นเปน็ ส�ำคญั ๕. ทักษะในการส่ือสารและการท�ำงานร่วมกัน (Communication and Collaboration) ศตวรรษที่ ๒๑ เป็นศตวรรษใหม่ที่มีนวัตกรรมและผลผลิตใหม่ ๆ จะเกิดข้ึนมาก ยุคของศตวรรษท่ี ๒๑ จึงเป็นยุคของความร่วมมือ ยุคของเครือข่ายที่คนจะติดต่อถึงกันผ่านเทคโนโลยีและการสื่อสารในรูปแบบใหม่ ๆ ความสามารถทางด้านนี้จึงมี ความจำ� เป็นอยา่ งย่ิงเช่นเดยี วกบั ทกั ษะอนื่ ๆ 342 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๖. การคดิ ในเชงิ ธรุ กจิ และทกั ษะประกอบการ (Corporate and Entrepreneurial Spirit) ซงึ่ เปน็ ทกั ษะในเชงิ ของการด�ำเนินงานทางธุรกิจและการค้าซ่ึงจะเป็นลักษณะของโลกในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ อย่างชัดเจน การพัฒนาทักษะนี้ จะท�ำใหผ้ เู้ รยี นมีความพร้อมในการทำ� งานทางดา้ นเศรษฐกจิ และการคา้ เป็นหลกั ส�ำคัญ ๗. ทักษะการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรมและการสนใจต่อโลก (Cross-Cultural Skills & Global Awareness) ทกั ษะกลมุ่ นม้ี คี วามสำ� คัญย่งิ ในการด�ำเนนิ ชีวติ ในโลกแหง่ ศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีมากับแนวคดิ โลกาภิวตั นแ์ ละกลไกทางสงั คม ของโลกแห่งเครือข่าย คนในยุคน้ีต้องรู้จักคนอ่ืน ๆ โดยเฉพาะคนจากต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม การรู้จักโลก ภาษาและ วฒั นธรรมซึง่ กันและกนั จึงมีทั้งเปา้ หมายเพ่อื การอยรู่ ว่ มกันและเปา้ หมายในเชงิ เศรษฐกจิ พร้อม ๆ กนั ไป ผู้เขียนบางคนบางส�ำนักเสนอแตกต่างกันไปบ้างแต่โดยภาพรวมแล้วจะครอบคลุมทักษะหลัก ๗ ข้อน้ีเกือบทั้งส้ิน ยกเวน้ ทกั ษะการเปน็ นกั ประกอบการ (Entrepreneurial Skills) ซงึ่ บางเลม่ ไมพ่ ดู ถงึ แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาบรบิ ทของโลกในอนาคต แลว้ คงหลกี เรอื่ งของทกั ษะทางการค้าขายไปไมไ่ ด้ ทกั ษะกบั ลักษณะของงานในศตวรรษที่ ๒๑ การใหก้ ารศกึ ษากบั ผเู้ รยี นนนั้ คอื การเตรยี มตวั ใหเ้ ขาสามารถทำ� งานและใชช้ วี ติ ในอนาคตได้ ภาพของลกั ษณะ การทำ� งานของโลกในอนาคตนน้ั จงึ มคี วามสำ� คญั อยา่ งมาก ประเทศตะวนั ตกจะเนน้ ผลติ ภณั ฑท์ กี่ า้ วหนา้ โดยใชเ้ ทคโนโลยี ใชก้ ารวจิ ยั ใชก้ ารพฒั นา และสามารถขายไดท้ วั่ โลก แตใ่ นประเทศดอ้ ยพฒั นาเทา่ นน้ั ทเ่ี หน็ วา่ จะสรา้ งงานทเ่ี ปน็ งานประจำ� ในขณะท่ีคนท่ีจะใช้ผลิตภัณฑ์เหล่าน้ีได้ต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ตามผลิตภัณฑ์ท่ีเขาผลิตได้ด้วย จึงเป็นท่ีมาของทักษะ แห่งศตวรรษที่ ๒๑ ที่เขาจะให้คนท่ัวโลกเรียนรู้และสามารถซื้อหรือใช้ผลผลิตของเขาได้ หากวิเคราะห์อย่างลึกซ้ึงแล้ว จะพบวา่ ส่ิงน้ีคอื กับดักของตะวนั ตกหรอื ทุนนิยมใหมน่ นั่ เอง ข้อสังเกตอีกประการหนง่ึ คอื เราจะเหน็ ได้วา่ ทักษะส�ำหรบั ศตวรรษที่ ๒๑ ที่เสนอนั้น สอดคล้องกับทักษะงานของคนในประเทศตะวันตกในอนาคต เพราะประเทศท่ีพัฒนาแล้ว มักไมพ่ ะวงกับของเก่าแต่นำ� เสนอแนวคดิ ใหม่ ๆ อยเู่ สมอ 343 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ ๒๑: กับดักหรอื หวังดี การเผยแพร่แนวคิดของทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ของตะวันตกนั้น เมื่อดูรายละเอียดตามแล้วจะเห็นว่ามีอยู่ ๒ แนวทางทเ่ี ราควรศกึ ษา คอื แนวทางแรกจะใหเ้ ราคนตะวนั ออกเปน็ ผซู้ อ้ื (consumers) หรอื แนวทางทส่ี องจะใหค้ นตะวนั ออก เป็นผ้ผู ลติ (producers) เมอ่ื ดสู ภาพการณ์ของประเทศไทยและประเทศอาเซยี นแล้วแนวโน้มเราจะเป็นผู้ซ้ือเสียมากกว่า กับดับของตะวันตก : ไทย/อาเซยี นยงั คงเป็นผู้ซ้ืออยู่อยา่ งเดิม ผ้ซู ้ือ (consumers) ผู้ผลิต (producers) ๑. เรยี นร้เู ทคโนโลยใี หม่ ๑. มองขา้ มเทคโนโลยีใหม่ไปได้ ๒. ตามทันผลิตภัณฑใ์ หมไ่ ด้ ๒. สร้างผลติ ภัณฑ์ใหม่ไดเ้ อง ๓. เรยี นรู้นวตั กรรมใหม่ ๓. พัฒนานวตั กรรมท่สี อดคลอ้ งสงั คม ๔. สอ่ื สารและรว่ มมอื ระดบั นานาชาติ ๔. เน้นสาระและรว่ มมือเพื่อพฒั นาสง่ิ ใหม่ ๕. เรียนรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ ๕. รจู้ กั ตัวเองและพัฒนาเพอื่ เป็นตวั ของตวั เอง ๖. พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลง ๖. เปน็ ผูก้ ำ�หนดการเปลยี่ นแปลงได้ ๗. ตามทันเปลยี่ นสินคา้ ใหมไ่ ดเ้ รอ่ื ย ๆ ๗. ออกแบบสินคา้ ใหมส่ ู่ตลาดเสมอ ใช้ของใหมไ่ ด้ สรา้ งของใหมไ่ ด้ จะเห็นได้ว่าทักษะส�ำหรับศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีตะวันตกเน้นมากนั้น ส่งผลให้คนท่ัวไปในประเทศที่ก�ำลังพัฒนา มีการศึกษาเป็น ๒ ทางคือ เป็นผู้ซ้ือ (Consumer) หรือเป็นผู้ผลิต (Producer) แต่ส�ำหรับประเทศท่ีก�ำลังพัฒนาอย่างไทย และอาเซยี นสว่ นใหญ่ แลว้ จะเปน็ ผซู้ อื้ เสยี เปน็ สว่ นใหญ่ ถา้ เราเรยี นรทู้ กั ษะสำ� หรบั ศตวรรษท่ี ๒๑ อยา่ งไมไ่ ตรต่ รองเราจะกลายเปน็ ผซู้ อื้ ทดี่ ขี องตะวนั ตก อนั นคี้ อื กบั ดกั มากกวา่ ความหวงั ดี เราจงึ ควรเนน้ การสอนทจี่ ะใหผ้ เู้ รยี นของเราเปน็ ผผู้ ลติ ใหม้ ากขน้ึ โดยเหตุทีป่ ระเทศท่กี ำ� ลังพฒั นาส่วนใหญ่ ซง่ึ รวมถึงประเทศไทยและอาเซยี นด้วยนนั้ อยูใ่ นฐานะทจี่ ะเรียนรู้ ทกั ษะใหม่ ๆ ตามอยา่ งตะวนั ตกเสนอ แตก่ ารทจี่ ะพฒั นาและสรา้ งนวตั กรรมใหม่ ๆ เพอ่ื นำ� มาขายทวั่ โลกอยา่ งทตี่ ะวนั ตก เป็นอยู่นั้นไม่ใช่วัฒนธรรมเราและเราจะไม่อยู่ในฐานะท่ีจะแข่งขันได้เต็มท่ี เพราะข้อจ�ำกัดของเด็กไทยเราจะมีวัฒนธรรม ของการรบั มากกวา่ สรา้ ง การเผยแพรท่ กั ษะสำ� หรบั ศตวรรษที่ ๒๑ ของฝรงั่ จงึ สอดคลอ้ งกบั ธรรมชาตผิ ซู้ อ้ื ของไทยอยา่ งดี 344 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ สำ� หรบั ประเทศไทย ภาพท่ี ๓ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี ๒๑ สำ� หรบั ประเทศไทย ทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ของคนไทยท่เี ราควรพัฒนา ๗ ประการดงั น้ี ๑. มีทักษะในการคิดวิจารณญาณและการประเมิน (Critical Thinking & Evaluation) การท่ีสังคมไทย เปน็ สงั คมบรโิ ภคนยิ ม ทำ� อะไรตามอยา่ งคนอน่ื โดยเฉพาะตามอยา่ งตา่ งประเทศนน้ั จำ� เปน็ ทเ่ี ราจะตอ้ งสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ รนุ่ ใหม่ เข้าสู่ศตวรรษที่ ๒๑ อย่างมีวิจารณญาณพอ ให้เขารู้จักวิเคราะห์และประเมินสิ่งท่ีเขาเห็น รู้ และใช้ ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด การเน้นผู้บริโภคท่ีฉลาดเป็นสิ่งจ�ำเป็นมากในสังคมไทย ไม่ใช่ตามอย่างท้ังในทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยไม่ไตรต่ รอง ๒. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ (Analysis and Synthesis) เมอื่ ใชว้ จิ ารณญาณในการมองปญั หาแลว้ เด็กไทยในอนาคตต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ด้วยการแยกแยะประเด็นและมุมมองต่าง ๆ อย่างหลากหลาย มองเห็นที่มาที่ไป มองเห็นความเก่ียวเนื่องและเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน รวมถึงการมองความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ และกจิ กรรมของสังคมไทยและสังคมโลกได้อยา่ งมคี ุณภาพ ๓. คิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ (Creativity and Imagination) สังคมไทยมีการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม และถ้าเราเพียงวิเคราะห์ เราไม่สร้างอะไรใหม่ข้ึนมา ก็ยากที่จะพัฒนาได้เต็มท่ีและเราก็จะเป็นผู้ซื้อ ของต่างประเทศอยู่ตลอด จึงมีความจ�ำเป็นท่ีเราต้องส่งเสริมคนของเราให้เขามีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการไป ในอนาคต คดิ ไปจนถงึ จดุ ทไี่ ม่รู้ เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารสรา้ งสรรคใ์ หม่ ๆ ให้แกโ่ ลกได้ 345 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
๔. มผี ลผลติ และนวตั กรรม (Productivity and Innovation) เปน็ ทกั ษะทสี่ บื เนอื่ งกนั มาจากขอ้ ท่ี ๓ เมอ่ื คดิ สรา้ งสรรคแ์ ลว้ ตอ้ งนำ� ความคดิ สรา้ งสรรคน์ น้ั ใหเ้ ปน็ รปู ธรรมดว้ ยการพฒั นาผลผลติ ใหม่ ๆ และนำ� ไปสกู่ ารสรา้ งนวตั กรรม (Innovation) ขนึ้ มาใหไ้ ด้ และมคี ณุ ภาพสงู พอทจ่ี ะแขง่ กบั โลกได้ เพอื่ ทสี่ งั คมไทยจะไดไ้ มเ่ ปน็ แคก่ บั ดกั ทางเทคโนโลยขี องฝรงั่ ซ่งึ จะท�ำให้เราต้องตามอย่างตะวนั ตกตลอด ๕. ทักษะการเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหา (Change and Problem-Solving) ทักษะการเปลี่ยนแปลงและ การแก้ปัญหาน้ีส�ำคัญอย่างมาก สังคมโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราไม่มีทางหลีกหนีจากการเปล่ียนแปลงได้ ปัญหาของเดก็ จะตอ้ งรับหรือชักน�ำการเปล่ยี นแปลงอย่างไรในอนาคต ให้เกิดผลดีงามแกส่ งั คมและแก่ตัวเขาเอง ๖. สอ่ื สารและมคี วามมน่ั ใจ (Communication and Self-Confidence) โลกในศตวรรษท่ี ๒๑ มเี ทคโนโลยนี ำ� การสอ่ื สารจงึ ตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู เราตอ้ งรทู้ นั กบั เทคโนโลยเี หลา่ นด้ี ว้ ยพรอ้ มกนั ไป นอกจากนนั้ การทเี่ รา มี Product เพอ่ื นำ� เขา้ สโู่ ลกและโลกขยายไปอยา่ งกวา้ งขวางเราตอ้ งสอื่ สารกบั โลกไดด้ ี และมคี วามมนั่ ใจในสง่ิ ทเี่ ราคดิ และทำ� ๗. ทักษะทางคุณธรรมและความรับผิดชอบ (Ethics and Responsibility) คุณธรรมและความรับผิดชอบ เป็นทักษะส�ำคัญ เราต้องยึดม่ันในแนวทางนี้ไว้เพ่ือสร้างคนของเราให้มีคุณค่ากับสังคมอย่างแท้จริง ให้เป็นสังคมของคน มีคุณภาพและความรับผิดชอบ เสียสละและมีจิตสาธารณะพอ เราต้องไม่เห็นแก่ตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งตะวันตก เนน้ ตวั น้นี อ้ ยมาก อนั เปน็ ทีม่ าของความไมส่ งบสุขในโลกปัจจุบนั สังคมไทยต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดวิจารณญาณ รู้จักแยกแยะได้ว่าอะไรเหมาะ ไม่เหมาะ เป็นเบ้ืองต้น ตามมาดว้ ยการคดิ ใหม่ ๆ มจี ติ นาการแลว้ ใหม้ ผี ลผลติ เขา้ สตู่ ลาดได้ เขา้ ใจทศิ ทางการเปลยี่ นแปลงของโลกและสงั คม สอื่ สาร กบั คนอนื่ ไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจและพรอ้ มใชช้ วี ติ อยา่ งรบั ผดิ ชอบ มคี ณุ ธรรม ไมเ่ อารดั เอาเปรยี บคนอนื่ ในสงั คมไทยและสงั คมโลก บรรณานกุ รม จินตนา สจุ จานนั ท์. (๒๕๕๖). การศึกษาและการพัฒนาชุมชนในศตวรรษท่ี ๒๑. กรงุ เทพมหานคร: โอเดยี นสโตร์ ทิศนา แขมมณี. (๒๕๕๕). “บณั ฑติ ศึกษาในศตวรรษที่ ๒๑: การปรับหลกั สูตรและการสอน” เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการของราชบณั ฑติ ยสถานร่วมกับมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์. ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น.์ (๒๕๔๙). การศกึ ษาเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละผลติ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร: ภาควชิ าอดุ มศกึ ษา จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . วโิ รจน์ สารรตั นะ. (๒๕๕๖). กระบวนทศั นใ์ หมท่ างการศกึ ษา: กรณที ศั นะตอ่ การศกึ ษาศตวรรษที่๒๑. กรงุ เทพมหานคร:ซเีอด็ ยเูคชน่ั . Bellanca, James and Brant, Ron. (eds)., (2010). 21st Century Skills : Rethinking How Students Learn. Indiana : Solution Tree Press. Metiri Group. (2003). “enGauge 21st Century Skills” Available online at http://pict.sdsu.edu/engauge 21st. pdf (10 February, 2016). Partnership for 21st Century Skills. (2015). “Framework for 21st Century Learning” Available online at http://www.p21.org/our-work/p21-framework (29 June 2015). Zhao, Yong. (2012). World Class Learners: Educating Creative and Entrepreneurial Students. California: Corwin. 346 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ภาพพระราชทาน บ้านนักวทิ ยาศาสตร์น้อย รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสมุ ณฑา พรหมบญุ ความหมาย บา้ นนกั วทิ ยาศาสตรน์ อ้ ย (Little Scientists’ House) เปน็ ชอื่ ของโครงการสง่ เสรมิ การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้วยการให้เด็กท�ำกิจกรรมการทดลองหรือกิจกรรมที่เด็กลงมือปฏิบัติเอง ส�ำหรับเด็กวัย ๓-๖ ปี หรือ ระดับปฐมวัยในโรงเรียนอนุบาล โครงการนี้เร่ิมต้นท่ีประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมื่อ พุทธศักราช ๒๕๔๙ เรียกชื่อโครงการว่า บ้านนักวิจัยน้อย หรือ Haus de Kleinen Forscher มีมูลนิธิชื่อเดียวกันน้ีเป็นเจ้าของโครงการ โดยมูลนิธิได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รวมท้ังหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภาครัฐ และเอกชน ท�ำให้สามารถขยายผลไปยังโรงเรียนอนุบาลกว่าสองหมื่นแห่งในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศไทย เร่มิ ด�ำเนนิ การตามโครงการนี้ เม่อื พุทธศกั ราช ๒๕๕๓ เรียกช่ือโครงการวา่ บา้ นนักวิทยาศาสตร์นอ้ ย ประเทศไทย 347 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
ภาพพระราชทาน ความเป็นมาของโครงการบา้ นนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงริเร่ิมโครงการน้ีในประเทศไทย ทรงเล่าความเป็นมา ดังนี้ “เมอ่ื ๒๐ กว่าปีที่แลว้ ข้าพเจ้าเริ่มปรับปรุงการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ในโรงเรยี นท้องถิ่นทีห่ ่างไกล และ เมือ่ ปีทแี่ ล้วไดม้ าร่วมการประชุมผ้รู บั รางวลั โนเบลท่ีเมืองลินเดาแหง่ นี้ ได้มโี อกาสเย่ียมชมการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ แก่เด็กช่วงปฐมวัยที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนอนุบาล ปัจจุบันได้น�ำมาประยุกต์ใช้ในโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา หลายแหง่ ในประเทศไทย รวมทงั้ เขตชาวเขาทหี่ า่ งไกล นอกจากนี้ เดก็ ๆ สนกุ ทจ่ี ะทำ� โครงงานวทิ ยาศาสตรท์ อี่ าศยั ความรู้ และความคดิ สรา้ งสรรคข์ องตนแกไ้ ขปญั หาของชมุ ชน ขา้ พเจา้ เชอ่ื มน่ั วา่ เปน็ ไปไดท้ เ่ี ราจะสรา้ งความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีให้แก่เด็กได้ แม้ในพื้นที่ที่มีสิ่งสนับสนุนจ�ำกัด การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่ใช้โครงงานวิทยาศาสตร์ และการฝึกปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงเป็นวิธีการท่ีดีท่ีสุด ที่นักเรียนจะฝึกสังเกต เก็บข้อมูล วิเคราะห์อย่างมีเหตุผล รจู้ กั แกไ้ ขปัญหา คิดอยา่ งเปน็ ระบบ และทำ� งานเป็นทีม” (พระราชด�ำรัสของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา (Lindau) สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พุทธศกั ราช ๒๕๕๓) 348 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ด�ำเนินการภายใต้มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ภายหลังจากที่ได้ทอดพระเนตรตัวอย่างโครงการเม่ือคราวเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยือนสหพันธ์ สาธารณรัฐเยอรมนี เมื่อ พุทธศักราช ๒๕๕๒ มูลนิธิ Haus der kleinen Forscher แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้ถวายความร่วมมืออย่างดี ท�ำให้คณะกรรมการสามารถน�ำส่ือการสอนรวมท้ังระบบการบริหารจัดการมาด�ำเนินการ ในประเทศไทย มีหน่วยงานท่ีเป็นเจ้าภาพร่วม ดังนี้ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ส�ำนักงานพัฒนา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแหง่ ชาติ องคก์ ารพิพธิ ภัณฑว์ ิทยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บริษัท นานมีบุคส์ จ�ำกัด บริษัท บีกริม จ�ำกัด และได้รับการสนับสนุนจาก ภาคเอกชนอีกจำ� นวนมาก ท้งั น้ี เนื่องจากปรชั ญาของโครงการเนน้ การมสี ่วนร่วมของทกุ ภาคสว่ น โครงการบา้ นนกั วทิ ยาศาสตรน์ อ้ ย ประเทศไทย เรมิ่ ดำ� เนนิ การนำ� รอ่ ง เมอ่ื ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๓ ในโรงเรยี นอนบุ าล ๒๒๑ แหง่ โดยความรว่ มมอื ของหลายฝา่ ยทง้ั ภาครฐั และเอกชน ผา่ นเครอื ขา่ ยทอ้ งถนิ่ ๘ แหง่ และในปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๔ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานร่วมขยายผลสู่ ๑๘๓ เขตพื้นที่ท่ัวประเทศ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๘ มีเครือข่ายท้องถ่ินกว่า ๒๐๐ แห่งท่ีช่วยดูแลโรงเรียนหรือศูนย์การเรียนในโครงการประมาณ ๑๓,๐๐๐ แห่ง ทุกเครือข่ายท้องถ่ินท่ีเข้าร่วมโครงการจะต้องส่งวิทยากรเครือข่ายท้องถ่ิน (local trainer) เข้ารับการอบรมจาก วิทยากรแกนน�ำ (core trainer) เกี่ยวกับวิธีการสอนและการท�ำกิจกรรมการทดลอง ซึ่งมีจ�ำนวนประมาณ ๗๐ กิจกรรม เพ่อื น�ำไปอบรมครใู นโรงเรยี น ท�ำใหค้ รสู ามารถให้เดก็ ๆ ท�ำกจิ กรรมเหล่าน้ีเสริมหลักสูตรได้ทุกสัปดาหโ์ ดยที่ครอู นุบาล ไม่จ�ำเป็นต้องเคยเรียนด้านวิทยาศาสตร์มาก่อน นอกจากน้ี เด็กมีโอกาสท�ำโครงงานวิทยาศาสตรเ์ พ่ือฝึกการค้นหาค�ำตอบ ในสิ่งที่เด็กสงสัยหรือสนใจ แนวทางการสอนแบบนี้เป็นกระบวนการที่เด็กและครูได้เรียนรู้ร่วมกัน เด็กมีวิธีการประเมิน การเรียนรู้ของตนเองว่าท�ำอะไร ได้ผลอย่างไร และเรียนรู้อะไรบ้าง จุดเด่นของโครงการคือ ทุกกิจกรรมการทดลอง ลว้ นเชอื่ มโยงกบั ชวี ิตจริง ใช้วสั ดุอุปกรณใ์ นชีวิตประจ�ำวนั ซ่ึงหาได้งา่ ย และราคาถูก ดังน้นั ไม่ว่าโรงเรียนจะอยใู่ นเมอื ง บนเขา หรอื ในปา่ ก็สามารถเข้ารว่ มโครงการได้ 349 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
การปลูกฝงั ทักษะและเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ นอกจากจะปลูกฝังให้เด็กสนใจและเข้าใจหลักการพ้ืนฐานของวิทยาศาสตร์ เช่น เร่ืองอากาศ น�้ำ ดิน และ พลังงานแลว้ โครงการน้พี ัฒนาทกั ษะ ๔ ด้าน ใหแ้ ก่เด็ก คือ ทกั ษะการเรียนรู้ ได้แก่ วิธีการเรียนรู้ การคดิ การตั้งค�ำถาม และการค้นหาค�ำตอบด้วยตวั เอง ทกั ษะการสอื่ สาร ทกั ษะสงั คม ได้แก่ การทำ� งานกล่มุ รูจ้ ักแบง่ บทบาทของตนกับเพือ่ น และทักษะการใช้กล้ามเน้ือมัดเล็ก ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานส�ำคัญของชีวิตในโอกาสต่อไป นอกจากกิจกรรมในโรงเรียนแล้ว โครงการยังมุ่งเผยแพร่หลักคิดน้ีแก่ครู ผู้ปกครองและประชาชนด้วย โดยผ่านเว็บไซต์ (www.witnoi.com) หนังสือ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” รายการโทรทัศน์ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” ท่ีเผยแพร่ภาพทางโทรทัศน์ช่องสาธารณะ และงานเทศกาล “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” จัดในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ประจ�ำปีของกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 350 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 496
Pages: