Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

Description: สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

Search

Read the Text Version

การฝึกเด็กให้รู้จักคิดเป็นเหตุเป็นผลน้ัน เป็นการฝึกฝนทักษะที่ส�ำคัญมาก ท�ำให้เกิดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ การปลูกฝังท่ีเริ่มตั้งแต่วัย ๓-๖ ปี จะได้ผลมากในระยะยาว เพราะวัยนี้พร้อมต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากท่ีสุด โครงการน้ีจึงเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในข้ันพื้นฐานท่ีสุด ทรัพยากรมนุษย์มีความส�ำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่า ทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากรที่มีคุณภาพ คิดเก่ง ท�ำเก่ง แก้ปัญหาเก่ง ย่อมเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศพัฒนา ทงั้ ในด้านเศรษฐกจิ สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม การตดิ ตามประเมินผลโครงการ โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย อาศัยวิทยากรเครือข่ายท้องถ่ินและการรายงานผลออนไลน์ ติดตามประเมินผลการท�ำงานของโรงเรียน เมื่อโรงเรียนใดท�ำกิจกรรมผ่านเกณฑ์ท่ีก�ำหนด ก็สามารถขอรับพระราชทาน ตราบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย และเมื่อวิทยากรแกนน�ำได้ตรวจประเมินแล้วเห็นว่าสมควรผ่าน โรงเรียนก็จะได้รับ ตราพระราชทานไปประดบั ที่โรงเรยี น ซ่งึ ตรานีจ้ ะรับรองมาตรฐานของบ้านนกั วทิ ยาศาสตรน์ ้อยเป็นเวลา ๓ ปีการศกึ ษา หลังจากนั้นต้องขอรับการประเมินใหม่ ด้วยวิธีนี้โรงเรียนจึงต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และโครงการก็ต้องจัดกิจกรรม เสรมิ ครแู ละนกั เรยี นอยา่ งตอ่ เน่อื งตลอดท้งั ปีเช่นเดียวกัน บรรณานกุ รม โครงการเทคโนโลยสี ารสนเทศตามพระราชดำ� ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ าร.ี (๒๕๕๘). ๖๐ พรรษา ราชสดุ า วทิ ยาปรทิ รรศน.์ กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ ปทมุ ธาน.ี หนา้ ๙๗-๙๙. มลู นธิ สิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า. (๒๕๕๘). รายงานประจ�ำปี ๒๕๕๗ ของโครงการบา้ นนักวิทยาศาสตรน์ อ้ ย ประเทศไทย. เฮกเกอร์, โจอาคิม. (๒๕๕๒). บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย แปลโดย ทิฆัมพร ตันไสว. กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คส์ พับลเิ คชนั่ ส์. http://witnoi.com http://littlescientistshouse.com 351 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ภาพพระราชทาน มหาวิทยาลยั เด็ก รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญงิ สมุ ณฑา พรหมบญุ ความหมาย มหาวิทยาลัยเด็ก (Children’s University) เป็นชื่อของโครงการที่มหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมข้ึนเพื่อพัฒนา ทกั ษะความร้คู วามสามารถดา้ นต่าง ๆ ให้แกเ่ ด็กและเยาวชน เพ่อื สร้างแรงจูงใจใหเ้ ดก็ และเยาวชนสนใจที่จะศกึ ษาหาความรู้ ตอ่ ไปอกี ในระดบั มหาวทิ ยาลยั โครงการนสี้ ง่ เสรมิ การพฒั นากำ� ลงั คนในระดบั สงู โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การเขา้ สอู่ าชพี นกั วทิ ยาศาสตร์ และนกั เทคโนโลยี รเิ รม่ิ ขน้ึ ครงั้ แรกที่มหาวทิ ยาลยั ทวู บ์ งิ เงน่ (The University of Tuebingen) ประเทศสหพนั ธส์ าธารณรฐั เยอรมนี เมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๕ ร่วมกับมหาวิทยาลัยอินส์บรูก (The University of Innsbruck) ประเทศออสเตรยี เรม่ิ ดว้ ยการพฒั นาการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื ใหเ้ ดก็ ในวยั ๗-๑๒ ปี ในประชาคมทพี่ ดู ภาษาเยอรมนั หันมาสนใจเรียน วิทยาศาสตร์ด้วยการสอนในรูปแบบท่ีกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ฝึกฝนการวิเคราะห์และวิจัย กิจกรรมอาจจะเป็น การบรรยายเชิงต้ังค�ำถามที่น่าสนใจและให้โอกาสเด็กต้ังค�ำถาม หรือเป็นกิจกรรมการทดลองท่ีออกแบบให้เด็กสนใจ ใฝ่เรียนรู้ตอ่ ไป โครงการนปี้ ระสบความสำ� เรจ็ จนไดร้ บั รางวลั European Commission’s Peseartes Prize for Science and Communication เม่ือพุทธศักราช ๒๕๕๘ และได้รับทุนให้ขยายโครงการไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในประชาคมยุโรป และตอ่ มาขยายไปทว่ั โลก รวมทงั้ ประเทศจีน และประเทศไทยดว้ ย ปัจจุบันมมี หาวทิ ยาลัยเดก็ ประมาณ ๒๐๐ แห่งท่วั โลก 352 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

โครงการมหาวทิ ยาลัยเด็ก ประเทศไทย มหาวทิ ยาลยั เดก็ ในประเทศไทย เกดิ ขน้ึ ภายหลงั จากการทส่ี มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเย่ียมชมโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ณ Shanghai Institutes for Biological Sciences นครเซย่ี งไฮ้ สาธารณรฐั ประชาชนจนี เมอ่ื เดอื นกรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๓ ซง่ึ เปน็ โครงการทขี่ ยายผลมาจากโครงการ มหาวิทยาลัยเด็กของห้องปฏิบัติการทอยโทแล็บ (Teutolab) มหาวิทยาลัยบีเลเฟลด์ (The University of Bielefeld) สหพนั ธส์ าธารณรัฐเยอรมนี เมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๔ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ส�ำนักงานพัฒนา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งชาติ (สวทช.) รว่ มกบั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน (สพฐ.) มหาวิทยาลัย เครือข่าย และองค์กรความร่วมมือแลกเปล่ียนทางวิชาการแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี (DAAD) จัดโครงการน�ำร่อง มหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทยขึ้น ตามพระราชด�ำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเน้น เฉพาะกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส�ำหรับเด็กระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น และ เมอื่ วนั ท่ี ๓๐ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๕ ทรงเปน็ ประธานในพธิ เี ปดิ มหาวทิ ยาลยั เดก็ อยา่ งเปน็ ทางการ ณ บา้ นวทิ ยาศาสตรส์ ริ นิ ธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี มีนักเรียนเข้าร่วม จ�ำนวน ๖๐ คน และผู้ปกครอง จ�ำนวน ๙๕ คน ในงานดังกล่าว เด็ก ๆ สนุกสนานกับการท�ำกิจกรรมการทดลองเป็นอันมาก และจุดประกายให้นักเรียนอยากเป็น นกั วทิ ยาศาสตรห์ รือบคุ ลากรในสายวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามความมุง่ หมาย ตอ่ มา เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ โครงการมหาวทิ ยาลยั เดก็ ประเทศไทย ไดร้ บั ความรว่ มมอื จากสถาบนั อดุ มศกึ ษา หลายแห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกันจัดกิจกรรมให้แก่เด็กและเยาวชน ในพนื้ ทใ่ี กลเ้ คยี งแตล่ ะมหาวทิ ยาลยั เพอื่ วางรากฐานทด่ี ใี หน้ กั เรยี นไทยไดฝ้ กึ ฝนกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ผา่ นกจิ กรรม การทดลองที่ท้าทายและน่าสนใจ โดยมีผู้เช่ียวชาญแนะน�ำ และมีนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอก เป็นพ่ีเลี้ยง คอยดูแลแนะนำ� ในการท�ำกิจกรรม 353 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

เป้าประสงค์ของโครงการมหาวทิ ยาลัยเดก็ ประเทศไทย ๑. เพ่ือพัฒนากิจกรรมเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ โดยใช้แนวทางการลงมือท�ำด้วยตนเอง (hands-on) จากโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มาปรับใช้ในโรงเรียนของไทย รวมทั้งพัฒนากิจกรรมใหม่ ๆ เพมิ่ ขน้ึ ด้วย ๒. เพ่ือขยายผลการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ที่ดไี ปยงั โรงเรยี นทัว่ ประเทศ ๓. เพอ่ื สรา้ งความตระหนักในความส�ำคญั ของวิทยาศาสตรใ์ นสังคมไทย ๔. เพ่ือเตรียมความพร้อมและส่งเสริมการสร้างนักวิทยาศาสตร์ วิศวกรรุ่นใหม่ ให้ประเทศไทยมีบุคลากร ดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยเี พ่มิ ขนึ้ ทั้งดา้ นคุณภาพและปรมิ าณ ๕. เพอ่ื พัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ให้นักเรยี นชา่ งสังเกต รูจ้ ักคิด รจู้ กั ตั้งค�ำถาม และค้นหา คำ� ตอบ ในช่วงอายุทีส่ ามารถเรยี นร้ไู ด้สงู สดุ โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย มุ่งหวังที่จะเตรียมความพร้อมให้นักเรียนเหล่าน้ีเติบโตไปเป็น นักวทิ ยาศาสตร์ วศิ วกร หรือบคุ ลากรทีม่ จี ิตวิทยาศาสตร์ มีความรทู้ างวิทยาศาสตร์ เปน็ ก�ำลังคนที่จะสามารถขบั เคล่อื น เศรษฐกิจและสังคมไทยใหเ้ จรญิ ก้าวหน้าตอ่ ไป 354 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การดำ� เนนิ งานโครงการมหาวิทยาลยั เด็ก ประเทศไทย การด�ำเนินงานโครงการมหาวิทยาลัยเด็กของประเทศไทย มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานหลักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่ีร่วมมือกันจัดกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่เด็ก และเยาวชน เพอ่ื กระตนุ้ และสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ รกั และสนใจวทิ ยาศาสตรเ์ พม่ิ ขน้ึ จนเกดิ แรงบนั ดาลใจอยากเขา้ เรยี นในมหาวทิ ยาลยั ในสายวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ในอนาคตประเทศไทยมีบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีท้ังคุณภาพ และปรมิ าณ เว็บไซตข์ องโครงการคอื http://www.childrensuniversity.in.th เพ่อื การแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ระหว่างหนว่ ยงาน ท่ีเกี่ยวข้อง และเพื่อให้บุคคลภายนอกที่สนใจสามารถเข้ามาดูรายละเอียดโครงการ ตัวอย่างกิจกรรม และก�ำหนดการ จัดกจิ กรรมของหนว่ ยงานต่าง ๆ ตลอดท้ังปี อกี ทง้ั เป็นแหลง่ เผยแพร่ความร้แู ละข่าวสารด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี แกช่ มุ ชนและสงั คม บรรณานกุ รม โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี. (๒๕๕๘). ๖๐ พรรษาราชสดุ า วทิ ยาปรทิ รรศน.์ กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ ปทมุ ธานี. หน้า ๑๐๐-๑๐๕. สำ� นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช). (๒๕๕๘). โครงการมหาวทิ ยาลยั เดก็ . เอกสารประชาสมั พนั ธ.์ https://www.uni-tuebingen.de/ http://www.childrensuniversity.in.th 355 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

มาตรฐานประสบการณ์วชิ าชพี ครู ดร.พรศรี ฉิมแก้ว ความส�ำคญั การก�ำหนดให้วิชาชีพทางการศึกษา เป็นวิชาชีพควบคุม เป็นเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติสภาครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖ ทจี่ ะเปน็ หลกั ประกนั และคมุ้ ครองใหผ้ รู้ บั บรกิ ารทางการศกึ ษาไดร้ บั การศกึ ษา อย่างมคี ุณภาพ มกี ารพฒั นาเพือ่ ยกระดับมาตรฐานวชิ าชีพให้สงู ขึ้น การควบคุมการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จึงเร่ิมตั้งแต่ การก�ำหนดมาตรฐานวิชาชีพ มาตรฐานวิชาชีพ ฉบับปจั จุบนั เปน็ ฉบบั ที่ ๒ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาในวันท่ี ๔ ตลุ าคม ๒๕๕๖ มาตรฐานวชิ าชีพ ประกอบด้วย ๑. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชพี ๒. มาตรฐานการปฏบิ ตั งิ าน ๓. มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณของวชิ าชพี ) 356 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ก�ำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติในการเข้าสู่วิชาชีพควบคุมส�ำหรับ วิชาชพี ครู ๒ แนวทาง ดังนี้ แนวทางท่ี ๑ การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา ของสถาบันอุดมศึกษา เพ่ือให้ผู้ส�ำเร็จ การศกึ ษาสามารถขนึ้ ทะเบยี นขอรบั ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ครู ซง่ึ หลกั สตู รทขี่ อรบั รองจะตอ้ งประกอบดว้ ยมาตรฐาน หลักสูตร มาตรฐานผลิตและมาตรฐานบณั ฑติ ส่วนของมาตรฐานหลักสูตร จะประกอบด้วย มาตรฐานความรวู้ ิชาชีพครู และมาตรฐานประสบการณ์วชิ าชีพ ซงึ่ ก�ำหนดไวใ้ นหลักสตู ร ท่ีครุ สุ ภารับรอง แนวทางท่ี ๒ การรับรองความรู้ส�ำหรับผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพครู ซึ่งผ่านการเทียบโอน ทดสอบ อบรม อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื มากกวา่ ๒ อยา่ ง รวมกนั ครบ ๙ มาตรฐาน หรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การรบั รองความรแู้ ละไดใ้ บอนญุ าต ปฏิบัติการสอน จะต้องไปปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักเกณฑ์ท่ีคุรุสภาก�ำหนด ผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามมาตรฐานประสบการณว์ ชิ าชีพ จึงจะได้ใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพครู ความหมาย มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ก�ำหนดส�ำหรับผู้ท่ีจะประกอบวิชาชีพครู จะต้องมีความรู้และ ประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอที่จะประกอบวิชาชีพ จึงจะสามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เพ่ือใช้เป็น หลักฐานแสดงวา่ เป็นบุคคลท่ีมคี วามรู้ ความสามารถ และมปี ระสบการณพ์ รอ้ มทจ่ี ะประกอบวิชาชพี ทางการศึกษาได้ สำ� นกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา (๒๕๕๗) ใหค้ วามหมายของการปฏบิ ตั กิ ารสอน วา่ หมายถงึ การสอนในสถานศกึ ษา ในสาขาวชิ าเฉพาะหรอื วชิ าเอกตามหลกั สตู รปรญิ ญาหรอื ประกาศนยี บตั ร เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ หนง่ึ ปกี ารศกึ ษาในสถานศกึ ษา ทม่ี คี ุณสมบตั ติ ามท่ีคณะกรรมการก�ำหนด โดยสรุป มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพครู หมายถงึ การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษาของนกั ศกึ ษาครู ที่ได้เรียนรายวิชาชีพครู รายวิชาเอก และรายวิชาอื่น ๆ ครบถ้วนแล้ว ได้ไปปฏิบัติการสอน เพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีครู ในสถานศกึ ษาทมี่ คี ณุ สมบตั ติ ามทค่ี รุ สุ ภากำ� หนดไมน่ อ้ ยกวา่ ๑ ปี อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้บริหารสถานศึกษา และครูพ่ีเลี้ยง ท้ังหมายความรวมถึงผู้ท่ีได้ใบอนุญาต ปฏิบัติการสอน ที่จะต้องปฏิบัติหน้าท่ีครูไม่น้อยกว่า ๑ ปี ในสถานศกึ ษาไมต่ ำ�่ กวา่ ปรญิ ญาตรที ง้ั ภาครฐั และภาคเอกชน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ีคุรุสภาก�ำหนด จึงจะได้ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู 357 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

พ้ืนฐานและแนวคิด การก�ำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีประสบการณ์วิชาชีพครู ซ่ึงเป็นแนวคิดที่ต้องการให้ ทกุ วชิ าชีพทางการศึกษา ไดแ้ ก่ วชิ าชีพครู ผูบ้ รหิ ารการศกึ ษา ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา และศึกษานเิ ทศก์ มีใบอนุญาตประกอบ วชิ าชีพครเู ป็นใบแรก ไดก้ ำ� หนดในพระราชบัญญตั ิสภาครแู ละบุคลาการทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ มาตรา ๔๔ ความว่า ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (สำ� นกั งานเลขาธิการครุ สุ ภา, ๒๕๔๗: ๒๕-๒๖) (ก) คณุ สมบัติ (๑) มีอายไุ ม่ตำ่� กวา่ ยสี่ บิ ปีบริบูรณ์ (๒) มวี ุฒปิ รญิ ญาทางการศกึ ษา หรือเทยี บเท่า หรือมคี ณุ วุฒอิ ืน่ ที่คุรสุ ภารบั รอง (๓) ผา่ นการปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษาตามหลกั สตู รปรญิ ญาทางการศกึ ษา เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๑ ปี และผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ปฏบิ ัติการสอนตามหลักเกณฑว์ ิธีการและเง่ือนไข ที่คณะกรรมการครุ สุ ภาก�ำหนด (ข) ลกั ษณะตอ้ งห้าม (๑) เปน็ ผมู้ คี วามประพฤติเสื่อมเสยี หรอื บกพร่องในศลี ธรรมอันดี (๒) เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรอื คนเสมือนไร้ความสามารถ (๓) เคยต้องโทษจำ� คุกในคดีที่ครุ สุ ภาเห็นว่าอาจนำ� มาซึ่งความเส่อื มเสยี เกยี รติศกั ดิแ์ ห่งวชิ าชพี มาตรฐานประสบการณว์ ชิ าชพี ครู ไดก้ ำ� หนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ครุ สุ ภาวา่ ดว้ ยมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณ ของวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๘ ตอ่ มาเมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๓-๒๕๕๕ ไดม้ กี ารพฒั นามาตรฐานวชิ าชพี ใหม่ ใหม้ คี วาม เหมาะสมสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลง จึงประกาศเป็น ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พุทธศักราช ๒๕๕๖ ได้ระบุไว้ความว่า ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผา่ นเกณฑ์การประเมินปฏบิ ัติการสอนตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขทค่ี ณะกรรมการครุ สุ ภา กำ� หนด ดังนี้ ๑. การฝกึ ปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน ๒. การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสาขาวชิ าเฉพาะ 358 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การปฏบิ ัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา หลกั สูตร ๕ ปี ก่อน พุทธศักราช ๒๕๔๗ การผลิตครูของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยในระดับปริญญาตรีจัดท�ำ เป็นหลักสูตร ๔ ปี มีการฝึกสอน ๑ ภาคเรียน เม่ือ พุทธศักราช ๒๕๕๗ กระทรวงศึกษาธิการได้ก�ำหนดให้การผลิตครู เป็นหลักสตู ร ๕ ปี เพือ่ เป็นการตอบสนองตอ่ ยทุ ธศาสตรก์ ารปฏริ ูปครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ทีต่ อ้ งการฟ้ืนฟศู รัทธา วชิ าชพี ครโู ดยยกระดบั มาตรฐานวชิ าชพี ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา กำ� หนดเปน็ หลกั สตู ร ๕ ปี เพอ่ื ตอ้ งการใหน้ กั ศกึ ษา ครมู คี วามเขม้ แขง็ ทางวชิ าการ โดยไดศ้ กึ ษารายวชิ าตง้ั แตช่ นั้ ปที ี่ ๑_ชนั้ ปที ี่ ๔ และมคี วามชำ� นาญทางวชิ าชพี ใหม้ กี ารปฏบิ ตั ิ การสอนในสถานศึกษาในชั้นปีที่ ๕ เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกว่า ๑ ปกี ารศึกษา ๒ ภาคเรียน การปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา ตามท่กี �ำหนดไว้ในหลักสูตร ๕ ปี สถาบนั อดุ มศกึ ษาจะต้องจัดทำ� เปน็ คูม่ อื ท้ังในส่วนของการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียนและการปฏิบัติการสอนในสาขาวิชาเฉพาะ เพ่ือให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ใชเ้ ปน็ แนวทางปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑท์ กี่ ำ� หนด คมู่ อื การฝกึ ประสบการณ์ ทส่ี ถาบนั อดุ มศกึ ษาดำ� เนนิ การโดยสว่ นใหญ่ ประกอบดว้ ย ๓ สว่ น ดังน้ี ๑. บทบาทหนา้ ท่ีของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ครูพเี่ ลีย้ ง อาจารย์นิเทศ ๒. แนวปฏิบัติของนักศกึ ษาในการปฏบิ ัติการสอนในสถานศกึ ษา ๓. การประเมินผลการปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา นอกจากจะต้องด�ำเนินการตามท่ีคุรุสภาก�ำหนดแล้วสถาบันยังก�ำหนด จุดมุ่งหมายของการปฏิบัติการสอนไว้ในคู่มือ โดยเห็นว่าการปฏิบัติการสอนน้ันถือว่าเป็นหัวใจของการเรียนรู้วิชาชีพครู ท่ีนักศึกษาครูจะต้องสามารถบูรณาการเนื้อหาวิชาท่ีเรียนในหลักสูตร กับสถานการณ์จริงเมื่อไปปฏิบัติการสอน งานครู เป็นงานอาชีพเฉพาะ นักศึกษาครูจึงควรจะได้รับการฝึกปฏิบัติหน้าท่ีครูอย่างเป็นระบบต่อเน่ืองและจริงจัง จึงได้ก�ำหนด จดุ ม่งุ หมายไว้ดังนี้ (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ,ี ๒๕๕๒: ๖๖) ๑. เพื่อใหน้ ักศึกษาได้มโี อกาสทดลองหลกั การ วธิ ีสอน ทฤษฎตี ่าง ๆ เกีย่ วกับการเรียน การสอนท่ไี ดเ้ รียนรู้ จากมหาวทิ ยาลยั ในสถานการณจ์ ริง ๒. เพ่ือให้นักศึกษาไดร้ ับประสบการณต์ รงและเกดิ ทักษะในการปฏบิ ตั ิงานในหนา้ ทคี่ รู ทุกด้าน ๓. เพอ่ื ให้นักศึกษามีความสามารถในการศึกษาธรรมชาติ พัฒนาการและการเรยี นร้ขู องนักเรยี น ๔. เพื่อให้นักศึกษามีความสามารถในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ และท�ำงานร่วมกับผู้อ่ืนได้ อาทิ ผู้บริหาร ครูพี่เลี้ยง ครูนิเทศ อาจารยใ์ นสถานศกึ ษา ผรู้ ่วมงานและนกั เรียน ๕. เพือ่ ให้นักศึกษาได้เรียนรูศ้ กั ยภาพ จดุ เดน่ และจุดอ่อนของตนเอง เพอื่ พฒั นาและปรบั ปรงุ แกไ้ ขให้ดีขนึ้ ๖. เพอ่ื ใหน้ ักศึกษาได้มีโอกาสศึกษาสภาพของชุมชน และฝกึ ฝนทักษะอย่างมสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาทอ้ งถนิ่ ๗. เพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษาเกดิ ความรกั ความศรทั ธา และเชอื่ มน่ั ในวชิ าชพี ครู กอ่ นออกไปประกอบวชิ าชพี รบั ใชส้ งั คม 359 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา หลกั สตู รประกาศนยี บตั รบณั ฑติ วชิ าชพี ครู ปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ สถาบนั อดุ มศกึ ษาไดจ้ ดั ทำ� หลกั สตู รประกาศนยี บตั รบณั ฑติ วชิ าชพี ครเู พอ่ื ใหผ้ มู้ คี ณุ วฒุ อิ น่ื เข้าสู่วิชาชีพครูได้ เป็นลักษณะหลักสูตร ๔+๑ เสนอให้คุรุสภารับรอง มีสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชนได้รับ การรบั รองหลกั สตู รประกาศนยี บตั รบณั ฑติ วชิ าชพี ครู จำ� นวน ๑๐๘ แหง่ เกณฑก์ ารรบั รอง ไดก้ ำ� หนดโครงสรา้ งหลกั สตู ร จำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๔ หนว่ ยกติ การจดั การเรยี นการสอน มี ๒ รปู แบบ (ดำ� เนนิ การระหวา่ ง พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐-๒๕๕๓) รูปแบบที่ ๑ จัดการเรียนการสอน ๓ ภาคเรียน โดยเรียนรายวิชาในภาคเรียนแรก ภาคเรียน ที่ ๒,๓ เรียน รายวิชาและปฏบิ ตั ิสอนในสถานศึกษา ไม่นอ้ ยกว่า ๑ ปี ผ้สู ำ� เร็จการศกึ ษาจะไดใ้ บอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ครู รปู แบบท่ี ๒ จัดการเรยี นการสอน ๒ ภาคเรียน โดยเรยี นรายวชิ าและปฏบิ ตั กิ ารสอนตั้งแตภ่ าคเรยี นที่ ๑ และ ภาคเรยี นที่ ๒ ผู้ส�ำเร็จการศกึ ษาจะไดใ้ บอนุญาตปฏบิ ตั กิ ารสอน การรับรองมาตรฐานประสบการณว์ ิชาชีพครู (ส�ำนักงานเลขาธกิ ารครุ ุสภา: ๒๕๕๐,๘๘-๘๙) ๑. การรบั รองมาตรฐานประสบการณว์ ชิ าชพี ครู ในหลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี ครู (รปู แบบที่ ๑) สถาบันก�ำหนดให้มีการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหน่ึงปีและให้มีการประเมิน การปฏบิ ัตกิ ารสอน โดยใหม้ คี ณะผปู้ ระเมินจ�ำนวนไม่น้อยกวา่ สามคนแต่ไม่เกินห้าคน ประกอบดว้ ย ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา และครพู เี่ ลย้ี งในสถานศกึ ษาทน่ี กั ศกึ ษาปฏบิ ตั กิ ารสอน อาจารยน์ เิ ทศ และอาจมบี คุ คลอน่ื ทเี่ กยี่ วขอ้ งรว่ มดว้ ย โดยพจิ ารณา จากองค์ประกอบ ดังน้ี ๑.๑ มีการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาท่ีมีคุณสมบัติตามท่ีคณะกรรมการคุรุสภาก�ำหนดเป็นเวลา ไมน่ ้อยกว่าหนง่ึ ปี ๑.๒ มรี ายงานผลการผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา ตามมาตรฐานประสบการณ์ วชิ าชพี ครทู ค่ี รุ สุ ภากำ� หนด ๑.๓ การปฏบิ ตั ติ นเหมาะสมกบั ความเปน็ ครูโดยมผี ลการรับรองความประพฤตจิ ากสถาบนั ๑.๔ การพฒั นาคณุ ลกั ษณะความเปน็ ครู โดยมหี ลกั ฐานการเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาคณุ ลกั ษณะความเปน็ ครู ครบตามเกณฑแ์ ละผา่ นการประเมนิ จากสถาบัน 360 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๒. การรบั รองมาตรฐานประสบการณว์ ิชาชีพครู หลังจากส�ำเรจ็ การศกึ ษาประกาศนียบัตรบณั ฑิตวชิ าชพี ครู (รูปแบบที่ ๒) การประเมินมีเกณฑ์การรับรองลักษณะเดียวกับรูปแบบท่ี ๑ แต่ผู้ถูกประเมินเป็นผู้ท่ีประกอบวิชาชีพครู อยแู่ ลว้ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาตอ้ งขออนญุ าตใหป้ ฏบิ ตั กิ ารสอนโดยไมม่ ใี บอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ครจู ากครุ สุ ภา จงึ สามารถ ใช้ประสบการณ์จริงในการปฏิบัติหน้าที่ครู ณ สถานศึกษาที่ปฏิบัติการสอน ขอรับรองมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑ ปี สว่ นผทู้ ไี่ ดร้ บั ใบอนญุ าตปฏบิ ตั กิ ารสอนทไ่ี มไ่ ดข้ ออนญุ าตจากครุ สุ ภา หลงั จากไดใ้ บอนญุ าตปฏบิ ตั กิ ารสอนแลว้ จะต้องปฏบิ ตั ิการสอนไม่น้อยกว่า ๑ ปี จงึ ใหผ้ ู้บริหารสถานศึกษา แตง่ ต้งั ผู้ประเมนิ ตามหลกั เกณฑ์ทีก่ ำ� หนด ผ่านเกณฑ์ การประเมินจงึ ขอรับใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพครไู ด้ การนบั เวลาปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษา เป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ หนึง่ ปี มเี กณฑด์ ังนี้ ๑. นบั เวลาการปฏิบตั กิ ารสอนตอ่ เนือ่ งหนง่ึ ปีการศกึ ษา เร่มิ ทีภ่ าคเรยี นทห่ี นง่ึ และภาคเรียนทส่ี อง หรือ ๒. นับเวลาการปฏิบัติการสอนต่อเนื่องเทียบได้หน่ึงปีการศึกษา เร่ิมท่ีภาคเรียนท่ีสอง และภาคเรียนท่ีหน่ึง ของปีการศึกษาถดั ไป หรือ ๓. นับเวลาการปฏบิ ตั ิการสอนต่อเนื่องเทยี บได้หนงึ่ ปกี ารศึกษา ๓๖๐ ชัว่ โมง มกี ารปฏิบตั ิการสอนจริง ไม่นอ้ ยกว่า ๒๑๐ ช่วั โมง 361 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

มาตรฐานประสบการณ์วชิ าชพี หลกั สูตร ๕ ปี และบัณฑติ ศึกษา พุทธศักราช ๒๕๕๗ คุรุสภาได้ประกาศเกณฑ์การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา เพอื่ ประกอบวิชาชพี ทีค่ รอบคลมุ ทง้ั หลกั สตู ร ๕ ปี หลักสูตรประกาศนยี บัตรบัณฑิตวิชาชีพครู และหลักสตู รปรญิ ญาโท วิชาชีพครูมีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้ส�ำเร็จการศึกษาได้รับใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพครู การก�ำหนดมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพครู มีการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน และการปฏิบัติ การสอนในสถานศกึ ษาในสาขาวิชาเฉพาะไม่นอ้ ยกวา่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ไดม้ ขี อ้ ก�ำหนดการปฏิบัตกิ ารสอน เป็น ๒ ภาคเรียน โดยก�ำหนดหน่วยกิตหลักสูตร ๕ ปี จ�ำนวน ๑๒ หน่วยกิต หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู และหลักสูตร ปรญิ ญาโทวชิ าชพี ครู จำ� นวน ๖ หนว่ ยกติ กำ� หนดชวั่ โมงสอนทง้ั ๓ หลกั สตู ร เทา่ กนั คอื ๒๔๐ ชวั่ โมง โดยมกี ารปฏบิ ตั กิ ารสอน จรงิ ไม่นอ้ ยกว่า ๑๒๐ ชวั่ โมง และปฏบิ ัติหน้าท่ีครู ไม่น้อยกวา่ ๑๒๐ ชวั่ โมง การฝกึ ทกั ษะและสมรรถนะของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครู มดี งั นี้ (สำ� นกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา, ๒๕๕๘: ๔๖-๔๗) ๑. การฝกึ ปฏิบตั วิ ชิ าชพี ระหว่างเรยี น สาระการฝึกทกั ษะ สมรรถนะ - การสังเกตการจัดการเรียนรู้ - สามารถจัดทำ�แผนการจัดการเรียนรู้เพ่ือ - การจดั ทำ�แผนการจดั การเรยี นร้ใู หผ้ เู้ รยี นสร้างความรดู้ ้วยตนเอง จดุ ประสงค์การสอนท่ีหลากหลาย - การทดลองสอนในสถานการณ์จำ�ลองและสถานการณจ์ รงิ - การออกแบบทดสอบ ข้อสอบหรอื เครอ่ื งมือวดั ผล - สามารถปฏบิ ัตกิ ารสอนออกแบบทดสอบ - การตรวจขอ้ สอบการใหค้ ะแนน และการตดั สนิ ผลการเรยี น วดั และประเมินผลผู้เรยี น - การสอบภาคปฏบิ ตั แิ ละการให้คะแนน - การวิจัยแก้ปญั หาผู้เรยี น - การพฒั นาความเปน็ ครูมอื อาชพี ๒. การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศึกษาในสาขาวชิ าเฉพาะ สมรรถนะ สาระการฝกึ ทักษะ - การปฏิบัตกิ ารสอนวิชาเอก - สามารถจดั การเรียนรใู้ นสาขาวชิ าเอก - การวดั และประเมินผล และนำ�ผลไปใช้ในการพัฒนาผเู้ รียน - สามารถประเมิน ปรับปรุง และศึกษาวจิ ยั - การวิจัยเพือ่ พฒั นาผู้เรยี น - การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ หรือแบ่งปนั ความร้ใู นการสมั มนาการศึกษา เพือ่ พฒั นาผเู้ รยี น - ปฏบิ ตั ิงานอนื่ ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย 362 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การปฏบิ ัตกิ ารสอนกับการนเิ ทศ การนิเทศนักศึกษาครู ทั้งในหลักสูตร ๕ ปี และหลักสูตรบัณฑิตศึกษา แยกเป็นการฝึกปฏิบัติวิชาชีพ ในระหว่างเรยี น ประมาณ ๑ หรอื ๒ ภาคเรียน และการปฏบิ ตั ิการสอนในสถานศึกษา ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑ ปี สถาบนั อุดมศึกษา จะต้องแต่งตั้งคณาจารย์นิเทศมีคุณวุฒิไม่ต่�ำกว่าปริญญาโท (กรณีหลักสูตรปริญญาตรี) และไม่ต่�ำกว่าปริญญาเอก (กรณีหลกั สูตรปรญิ ญาโท/ปรญิ ญาเอก) ในสาขาวิชาทจี่ ะนเิ ทศ หรือมีประสบการณ์ในการนเิ ทศมาแล้วไมน่ ้อยกว่า ๒ ปี ในกรณที มี่ ปี ระสบการณไ์ มไ่ ดต้ ามมาตรฐานใหใ้ ชก้ ารนเิ ทศรว่ มกบั ผทู้ มี่ ปี ระสบการณต์ ามมาตรฐาน (สำ� นกั งานเลขาธกิ าร คุรุสภา ๒๕๕๗: ๓๓) อาจารยผ์ ู้นเิ ทศมีทง้ั วิชาชพี ครู และวชิ าเฉพาะ บทบาทของอาจารย์นเิ ทศ มดี งั น้ี การฝกึ ปฏบิ ัติวิชาชพี ระหวา่ งเรียน ๑. เตรียมนักศกึ ษาครูก่อนออกฝึกปฏบิ ัตวิ ชิ าชพี ระหว่างเรยี นและเข้าร่วมการปฐมนเิ ทศ ๒. ร่วมมือกับครูพ่ีเลี้ยงในการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน และนิเทศนักศึกษาครูภาคเรียนละ ๑-๒ คร้ัง หรอื มากกวา่ ๓. ตรวจสมดุ บนั ทึกการฝกึ ปฏิบัตวิ ชิ าชพี ระหวา่ งเรียนของนกั ศึกษาครู ๔. แนะน�ำการเขยี นแผนการเรียนร้ขู องนกั ศึกษาครู ๕. แนะน�ำการปฏบิ ตั ิตน ปรับปรุง แกไ้ ขข้อบกพรอ่ งเกี่ยวกับความประพฤติ การแตง่ กายของนกั ศกึ ษาครู ๖. ประเมนิ ผลการฝกึ ปฏบิ ตั วิ ชิ าชพี ระหวา่ งเรยี นตามกจิ กรรมทก่ี ำ� หนดในการฝกึ ทกั ษะตามเกณฑข์ องครุ สุ ภา ๗. ร่วมปจั ฉิมนเิ ทศหลังการฝึกปฏิบัตวิ ิชาชพี ระหวา่ งเรยี นของนักศกึ ษาครู การปฏบิ ตั ิการสอนในสถานศึกษา ๑. ประสานการปฏบิ ัติการสอนในสถานศกึ ษาระหว่างมหาวิทยาลยั กบั สถานศึกษา ๒. นำ� สง่ นกั ศกึ ษาครพู ร้อมหนงั สือมอบสถานศึกษาส�ำหรบั การปฏิบัติการสอน ๓. ตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ และใหค้ ำ� แนะน�ำเพื่อปรับปรงุ แก้ไข ๔. สงั เกตการสอนนกั ศกึ ษาครรู ว่ มกบั ครพู เ่ี ลยี้ ง ประชมุ ปรกึ ษารว่ มกนั และบนั ทกึ ขอ้ เสนอแนะในสมดุ บนั ทกึ การสอนของนกั ศึกษาครู ๕. นิเทศการสอนภาคเรียนละไม่น้อยกว่า ๒ คร้ัง และแนะน�ำด้านคุณลักษณะความเป็นครูที่ดี การวิจัย เพ่อื พฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รียน ๖. ประสานงานกับผบู้ รหิ ารโรงเรยี น ครูพ่ีเลย้ี งเพ่อื ควบคมุ ดแู ล การปฏบิ ตั หิ น้าทีค่ รูของนักศึกษาครู ๗. สัมมนาระหวา่ งปฏิบตั กิ ารสอน และหลังปฏิบตั ิการสอน ๘. สอบสอน โดยมคี รพู ่เี ล้ยี งเขา้ รว่ มประเมินผลการสอน ๙. ประเมินผลการปฏิบัตกิ ารสอนตามแบบประเมนิ 363 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

มาตรฐานประสบการณ์วชิ าชีพครู กบั การสรา้ งจติ ส�ำนึกของความเป็นครู การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษาสำ� หรบั นกั ศกึ ษาครู นอกจากจะไดฝ้ กึ ปฏบิ ตั ติ ามทม่ี หาวทิ ยาลยั กำ� หนดแลว้ ยังเป็นเคร่ืองพิสูจน์ความรู้ความสามารถท่ีได้ศึกษามาว่ามีเพียงพอท่ีจะจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมากน้อยเพียงใด ท้ังยังเป็น สิ่งที่พิสูจน์จิตใจ จิตส�ำนึก และจิตวิญญาณครู ว่าจะผ่านพ้นปัญหา และอุปสรรคหลากหลายอย่างภาคภูมิใจได้อย่างไร กรณตี ัวอย่างจากนักศึกษาครูปที ี่ ๕ ซ่งึ ไดบ้ นั ทึกไว้ ดงั น้ี เร่ืองเล่าจากการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู (มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, ๒๕๕๗: ๘๖) นักศึกษาครู คนหน่ึงเล่าว่า การปฏิบัติการสอนในโรงเรียน มีท้ังความสุขและประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้รับจากโรงเรียน ครู นักเรียน เพื่อนร่วมงานและงานต่าง ๆ ท่ีได้ท�ำเสมือนว่าเป็นครูจริง ๆ แม้บางคร้ังท้อแท้แต่เมื่อได้ก�ำลังใจดี ๆ จากนักเรียนท่ีจะ ถามเสมอว่าครูเหนื่อยไหมก็จะรู้สึกดี หรือบางครั้งนักเรียนบางคนไม่สนใจเรียน ก็อดคิดไม่ได้ว่าก็ปล่อยเขาไป ตามท่ีเขา พอใจไม่ต้องไปสนใจ เมื่อมีความคิดเช่นน้ีเกิดข้ึนก็รู้สึก ท�ำลายหัวใจความเป็นครู จะต้องดึงความคิดท่ีออกนอกเส้นทาง กลับเขา้ มาใหม่ เริ่มต้นใหม่ สอนด้วยใจ จงึ พบวา่ ท�ำให้มคี วามสุข และร้สู ึกถงึ ความส�ำเรจ็ ในการปฏิบตั กิ ารสอน ครูดีในดวงใจ (มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, ๒๕๕๗: ๔๘) นักศึกษาครูคนหนึ่งเล่าว่า ครูดีในดวงใจ ท่านนี้เป็นครูพี่เลี้ยงท่ีได้ไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ท่านสอนวิชาสังคมศึกษา เป็นคนพูดจาไพเราะ ย้ิมแย้มแจ่มใส แต่งกายสุภาพเรียบร้อย แม้อายุมากแล้วท่านก็ยังหาส่ือทันสมัยมาปรับใช้ในการสอนเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นคนมุมานะ สามารถทำ� งานโรงเรยี นไดท้ กุ อยา่ ง ไมเ่ คยปรปิ ากคำ� วา่ เหนอ่ื ยออกมาใหไ้ ดย้ นิ เหตกุ ารณท์ ท่ี ำ� ใหป้ ระทบั ใจมาก คอื นกั เรยี น ในทป่ี รกึ ษาของครพู เ่ี ลยี้ งโดนผอู้ ำ� นวยการทำ� ทณั ฑบ์ น ในขอ้ หาทำ� ผดิ กฎโรงเรยี นสามครง้ั ไมต่ งั้ ใจเรยี น จงึ เชญิ ผปู้ กครอง และคุณครูร่วมหาข้อตกลง คุณครูจึงเสนอแนวทางช่วยนักเรียน โดยเป็นผู้รับผิดชอบปรับปรุงพฤติกรรมนักเรียนกลุ่มน้ี ภายใน ๑ เดอื น ทกุ วนั หลงั เลกิ เรยี น คณุ ครกู ส็ อนการบา้ นใหน้ กั เรยี นกลมุ่ น้ี เพอ่ื ใหผ้ ลการเรยี นดขี นึ้ ใชว้ ธิ กี ารทกุ รปู แบบ ปรบั พฤติกรรม ๑ เดือน ผ่านไปนักเรยี นกลุม่ น้มี พี ฤติกรรมดีขึน้ จนได้รับคำ� ชมจากผูอ้ �ำนวยการว่าเปน็ คนมีความเสียสละ สิ่งท่ีสะท้อนจิตส�ำนึกของนักศึกษาครู คือ ความคาดหวังที่จะได้รับจากการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา (เดชกุล มัทวานุกลู ) ๑. นักศึกษาครมู คี วามคาดหวังว่าจะเป็นผ้ทู ่มี ภี ูมิรู้ คอื มีความรู้ ความสามารถในสาขาวชิ าท่ีตนเองได้ศกึ ษา มาอย่างถอ่ งแท้ มีความสามารถในการเสาะแสวงหาความรู้ เพื่อน�ำไปประยุกต์ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอนใหแ้ กผ่ เู้ รยี น มีทักษะในการใช้เทคนิคการสอน เพ่ือให้สอดคล้องและเหมาะสมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน มีภูมิธรรม คือ มีความยตุ ิธรรม จริยธรรมต่อผู้เรยี น และมีภมู ิฐาน คือ เป็นผู้มบี คุ ลกิ ภาพเหมาะสมกับการเป็นครู ๒. นักศึกษาครูมีความคาดหวังจากโรงเรียนปฏิบัติการสอนจะเป็นสถานท่ีในการบ่มเพาะประสบการณ์ ในการจดั การเรยี นรใู้ หแ้ กผ่ เู้ รยี น ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากโรงเรยี นปฏบิ ตั กิ ารสอนในดา้ นวสั ดุ สอื่ การเรยี น และดา้ นแบบอยา่ ง ของความเป็นครูทดี่ ี มีเจตคติท่ีดีต่อวชิ าชพี ครู และรักในอาชีพครู 364 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

กล่าวโดยสรุป มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพครู เปรียบเสมือนหัวใจของกระบวนการผลิตครูท่ีจะท�ำให้ ผู้เรียนได้ครูที่มีความรอบรู้ในวิชาที่สอน และมีกลวิธีการสอนที่ทำ� ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เต็มศักยภาพ มีความเป็นแบบอย่าง ของครูท่ดี ีจะอยู่ในหวั ใจผ้เู รยี นตลอดไป บรรณานกุ รม เดชกุล มัทวานุกลู . (ม.ป.ป.). ข้อเสนอเชิงนโยบายเพอื่ พัฒนาการฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ส�ำหรับนกั ศึกษาคร.ู ประกาศครุ สุ ภา เรอ่ื ง การรบั รองปรญิ ญาและประกาศนยี บตั รทางการศกึ ษาเพอื่ ประกอบวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ (๒๕๕๗). ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ท่ี ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๔๖ ง วนั ที่ ๑๔ มนี าคม ๒๕๕๗. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. (ม.ป.ป.). คู่มือปฏิบัติการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู (ปฏิบัติการสอน ในสถานศึกษา). มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสมี า. (๒๕๕๗). ครูดใี นดวงใจ. จงั หวดั นครราชสีมา: บรษิ ทั สมบูรณ์การพิมพ์ จ�ำกัด. __________. (๒๕๕๗). เรอื่ งเลา่ จากการฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี คร.ู จงั หวดั นครราชสมี า: บรษิ ทั สมบรู ณก์ ารพมิ พ์ จำ� กดั . สำ� นกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. (๒๕๔๗). พระราชบญั ญตั สิ ภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๕. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์ครุ ุสภาลาดพร้าว. __________. (๒๕๕๐). คู่มือการด�ำเนินงานรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา. พิมพ์คร้ังท่ี ๒. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรสุ ภาลาดพรา้ ว. __________. (๒๕๕๗). เอกสารประกอบการประชมุ สมั มนา เรอื่ ง การรบั รองปรญิ ญาและประกาศนยี บตั รทางการศกึ ษา เพือ่ การประกอบวิชาชพี ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗. __________. (๒๕๕๘). มาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ Professional standards and Ethics (ฉบบั ภาษาไทย-องั กฤษ). กรุงเทพมหานคร: บริษทั พ.ี เอ.ลฟี ว่งิ จ�ำกดั . 365 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

รุ่งอรณุ ทางการศึกษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ กลน่ิ กหุ ลาบ ความสำ� คัญของคำ� การด�ำรงอยู่ของมนุษย์ นี้ เป็นระบบซึ่งองค์ประกอบท้ังหลายจะต้องประสานกลมกลืนอย่างมีดุลยภาพ ในระบบจะต้องมองให้ครบถ้วนว่ามีองค์ประกอบอะไรร่วมอยู่ด้วยบ้าง การด�ำรงอยู่มีองค์ประกอบท่ีจะต้องประสาน กลมกลืนกนั ไดแ้ ก่ ๑) ตัวมนษุ ย์เอง ๒) สงั คม และ ๓) ธรรมชาตแิ วดล้อม การทมี่ นุษยจ์ ะดำ� รงอยูด่ ้วยดี องค์ประกอบ ทง้ั สามน้ี จะตอ้ งประสาน เก้ือกูล และสมดุลกนั แตเ่ ดิมนน้ั คนเราคิดกนั ว่า มนุษย์เปน็ ศนู ยก์ ลางของโลก จะตอ้ งยิง่ ใหญ่ เอาชนะหรือพิชิตธรรมชาติได้ ซงึ่ ถ้าเอาชนะธรรมชาตแิ ลว้ จะมีความเป็นอยทู่ ส่ี ุขสมบรู ณ์ ในปจั จุบันมนุษยม์ ีแนวคิดใหม่ ว่าจะต้องอยอู่ ย่างประสานกลมกลืนกับธรรมชาติ พยายามรกั ษาสภาพแวดล้อมใหด้ ีอยา่ งยงั่ ยนื ชีวิต ก็คือการเป็นอยู่ การเป็นอยู่ ก็คือการได้ประสบการณ์ใหม่ท่ีจะต้องหาทางปฏิบัติส่ิงน้ัน ๆ ให้ถูกต้อง ต้องปฏิบัติต่อส่ิงแวดล้อมหรือสิ่งที่ได้พบให้ได้และให้ใช้ประสบการณ์อย่างถูกต้อง การกระท�ำเช่นน้ีเรียกว่า การศึกษา ซ่ึงการศึกษาเป็นเร่ืองของชีวิตตั้งแต่เกิด การศึกษาต้องช่วยให้ผู้เรียนรู้จักคิดเป็น ให้รู้จักเลือกหาแหล่งความรู้ รู้จักเลือก แบบอย่างที่ดี เมื่อผู้เรียนเริ่มรู้จักเลือกแหล่งความรู้ รู้จักเลือกแบบอย่าง น่ันคือการศึกษาเริ่มขึ้นในตัวของผู้เรียนแล้ว รงุ่ อรุณก็จะเกดิ ขนึ้ ในตวั ผู้เรยี น ซงึ่ เรม่ิ ตน้ คิดเองไดแ้ ล้ว พอคิดเป็นก็มองเห็น กัลยาณมติ ร และ โยนิโสมนสกิ าร ซ่ึงความ มีกัลยาณมิตร และโยนิโสมนสิการน้ี เป็นปัจจัยใหญ่ที่สุดในการศึกษา เป็นประเด็นส�ำคัญมากในหลักท่ีเรียกว่า รุ่งอรุณ ทางการศกึ ษา 366 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความหมายของคำ� รุ่งอรุณ หมายถึงระยะเวลาตอนเริ่มแรกแห่งวัน เป็นเวลาเร่ิมสว่าง รุ่งอรุณทางการศึกษา เปรียบได้กับ องคป์ ระกอบ ๗ สขี องแสงรงุ้ หรอื รงุ้ ๗ สี ซงึ่ เปน็ ลำ� แสงของดวงอาทติ ยท์ ส่ี อ่ งแสงมาแยกไดเ้ ปน็ แสงสตี า่ ง ๆ รวม ๗ สี พอรุ่งอรุณแล้วก็จะได้ความสว่างจากแสงอาทิตย์ รุ่งอรุณทางการศึกษา ในแง่มรรคเป็นวิถีชีวิตเรียกว่าบุพนิมิตของชีวิต ท่ดี ีงาม ซึง่ หมายถงึ เครือ่ งหมายเบอ้ื งต้นของวถิ ชี ีวติ ท่ดี งี าม หรือแปลวา่ แสงเงินแสงทองของชีวติ ท่ีประเสรฐิ ธรรมทเี่ ปน็ รงุ่ อรณุ ทางการศกึ ษา ประกอบดว้ ย ๗ ประการ คอื ๑) รจู้ กั เลอื กหาแหลง่ ความรแู้ ละแบบอยา่ งทดี่ ี ๒) มชี ีวติ และอยรู่ ่วมสงั คมเปน็ ระเบียบด้วยวินยั ๓) พรอ้ มด้วยแรงจงู ใจใฝ่รู้ใฝ่สรา้ งสรรค์ ๔) มุ่งมน่ั พัฒนาตนให้เต็ม ศักยภาพ ๕) ปรับทัศนะและค่านิยมให้สมแนวเหตุผล ๖) มีสติกระตือรือร้น ต่ืนตัวตลอดเวลา ๗) แก้ปัญหาและ พงึ่ พาตนไดด้ ้วยความร้คู ิด 367 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

พ้นื ฐานแนวคิด พทุ ธธรรม กลา่ ววา่ สงิ่ ทง้ั หลายเปน็ ไปตามเหตปุ จั จยั ถา้ ทำ� เหตปุ จั จยั ถกู ตอ้ ง เหตปุ จั จยั นน้ั กจ็ ะทำ� ใหก้ ระบวนการ ด�ำเนินไปสู่ผลของมันเอง ดังน้ัน ต้องให้การศึกษาชนิดท่ีท�ำให้การศึกษาเกิดขึ้นมาเอง น่ันคือถ้าท�ำเหตุถูกต้องแล้ว ผลก็ ยอ่ มเกดิ ขนึ้ มาเองตามเหตนุ นั้ เมอ่ื ทำ� เหตปุ จั จยั ทางการศกึ ษาแลว้ การศกึ ษาทเ่ี ปน็ ผลยอ่ มตอ้ งเกดิ ตามมาอยา่ งแนน่ อน และ จะเกดิ ในตวั ผเู้ รยี นเลย ซงึ่ จะทำ� ใหก้ ระบวนการการดำ� เนนิ ชวี ติ ของผเู้ รยี นนนั้ เปน็ กระบวนการของการศกึ ษา เมอื่ ชวี ติ ของคนเรา เป็นชีวติ ท่ดี ำ� เนนิ ถกู ตอ้ ง ชีวิตน้ันกเ็ ปน็ มรรคที่มีการฝกึ ฝนพฒั นาตลอดเวลาเรยี กว่าเปน็ การศึกษา หรอื สิกขา การศกึ ษาในครอบครวั มคี วามสำ� คญั มาก เดก็ จะไดฝ้ กึ ฝนดา้ นความคดิ ตง้ั แตใ่ นครอบครวั ซงึ่ ถา้ ฝกึ ใหเ้ ดก็ รจู้ กั คดิ ด้วยการซักถามหรือการบอกแนะน�ำบ้าง เด็กก็จะได้ข้อมูลความรู้และพัฒนาความคิดต่อไป การฝึกเด็กน้ันควรฝึกแบบ ประชาธปิ ไตย โดยใหเ้ ดก็ ได้พิจารณาแล้วตดั สนิ ใจด้วยตนเองว่า ส่งิ ใดดีที่สดุ เปน็ ประโยชนท์ ่ีสุด การคดิ เป็นจะมลี กั ษณะ เชน่ น้ี ตอ้ งชท้ี างเลอื กใหแ้ ลว้ เดก็ จะคดิ เองเปน็ การคดิ เปน็ เปน็ การแสดงศกั ยภาพของมนษุ ยใ์ นการชน้ี ำ� ชะตาชวี ติ ของตนเอง โดยการพยายามปรบั ตวั เองและสิ่งแวดล้อมใหผ้ สมกลมกลืนกนั ดว้ ยกระบวนการแกป้ ัญหา ซึ่งประกอบด้วยการพิจารณา ข้อมูล ๓ ด้าน ได้แก่ ขอ้ มูลตนเอง ขอ้ มูลสงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม และ ขอ้ มูลทางวิชาการ การพฒั นากระบวนการคดิ ให้ผูเ้ รยี นสามารถคิดเปน็ ด�ำเนินการเป็นข้ันตอน ดังน้ี ๑) ข้ันสืบค้นปัญหา เผชิญสถานการณ์ในวิถีการด�ำรงชีวิต อาจเป็นสถานการณ์เกี่ยวกับตนเอง สังคมและ สิ่งแวดลอ้ มหรอื หลักวชิ าการกไ็ ด้ ๒) ข้นั รวบรวมข้อมูลและผสมผสานขอ้ มูล ๓ ดา้ น ๓) ขน้ั การตดั สนิ ใจอยา่ งมเี ปา้ หมาย ใหผ้ เู้ รยี นแสวงหาทางเลอื กในการแกป้ ญั หา ตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กทด่ี ที ส่ี ดุ ผู้เรียนกจ็ ะสามารถคดิ ได้ด้วยตนเองว่าทางเลอื กไหนดี ๔) ขน้ั ปฏิบตั แิ ละตรวจสอบ ใหผ้ เู้ รียนลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ ด้วยตนเอง ๕) ขัน้ ประเมินผลและวางแผนพัฒนา การดำ� เนนิ การดงั กลา่ วนจ้ี ะทำ� ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามสามารถในการคดิ เปน็ สามารถแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ ได้ มคี วามเขา้ ใจ ในตนเองและผูอ้ ื่นมากขนึ้ เกดิ ทักษะและเจตคตทิ ด่ี ตี อ่ การเรียนรตู้ ลอดชวี ิต องคป์ ระกอบสำ� คญั อยา่ งหนง่ึ ทจี่ ะทำ� ใหก้ ารพฒั นาความคดิ และพฒั นาปญั ญาดำ� เนนิ ไปได้ คอื การจบั ประเดน็ ได้ ความสามารถจับประเด็นได้เม่ือบุคคลน้ันมีปัญหาก็รู้ว่าตัวปัญหาและจุดแก้ปัญหาอยู่ท่ีไหน ท�ำให้ประมวลเรื่องราว ทเี่ กย่ี วขอ้ งและลงลกึ เขา้ ไปในเนอื้ หาหรอื รายละเอยี ดตา่ ง ๆ สามารถสบื สาวใหเ้ หน็ เหตปุ จั จยั ทสี่ ง่ ทอดกนั มาจนปรากฏผล เป็นปัญหาน้ัน ซ่ึงจะท�ำให้รู้และเข้าใจปัญหาได้ตลอดกระบวนการ การด�ำเนินชีวิตของมนุษย์เม่ือเกิดมาแล้วก็ต้องพบกับ ส่ิงท่ีเป็นอุปสรรคขัดขวางท่ีเรียกว่าปัญหา จะต้องแก้ปัญหา การที่จะด�ำเนินชีวิตให้ดีก็ต้องแก้ปัญหาให้ส�ำเร็จและ ให้ได้ผลดีแก่ชีวิตของตน การแก้ปัญหาให้ส�ำเร็จ เรียกว่าเป็นการรู้จักแก้ปัญหาหรือแก้ปัญหาเป็น การแก้ปัญหาจึงเป็น สาระส�ำคญั อยา่ งหนง่ึ ในการศกึ ษา 368 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การด�ำเนินชีวิตของมนุษย์เป็นการท�ำกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงแสดงออก ๓ ด้าน ได้แก่ ทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ การด�ำเนินชีวิตในลักษณะนี้ก็คือการรับประสบการณ์ต่าง ๆ อีกท้ังเรื่องราวหลากหลาย ท่ีผ่านเข้ามา เรารับ ประสบการณเ์ ข้ามาตลอดเวลา ทงั้ ทางตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ ทเ่ี รียกวา่ อายตนะ หรอื ทวาร โดยการได้เห็น การไดย้ นิ การไดก้ ลนิ่ เปน็ ตน้ การรบั ประสบการณน์ เ้ี ปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ทจ่ี ะทำ� ใหม้ นษุ ยด์ ำ� เนนิ ชวี ติ ไดผ้ ลดหี รอื ไม่ ถา้ รบั ประสบการณเ์ ปน็ กจ็ ะเป็นเครอ่ื งชว่ ยในการแกป้ ัญหา เปน็ คณุ ค่าแก่ชีวิต ดงั น้ัน เพ่อื การดำ� เนินชวี ิตทด่ี ีของมนุษย์ จงึ จะต้องมกี ารฝึกตงั้ แต่ การรับรู้ประสบการณ์ โดยจะต้องรู้จักใช้อายตนะทั้งหกน้ัน ตาต้องดูเป็น หูก็ต้องฟังเป็น ฯลฯ แล้วจะท�ำให้ได้ ความรู้ ได้ส่ิงท่ีมีคุณค่าเป็นประโยชน์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยเหตุน้ี ในการศึกษาจะต้องมีการฝึกในเร่ืองการรับ ประสบการณ์กันตั้งแต่เด็กคือจะต้องฝึกในเรื่องการดูเป็น การฟังเป็นด้วย เพื่อให้การด�ำเนินชีวิตที่ดี คือ การท�ำ การพูด การคดิ ให้ไดผ้ ลดี ให้เป็นคุณค่าแก่ชวี ติ ของเรา สิ่งท่ีเกี่ยวข้องกับการด�ำเนินชีวิตของมนุษย์อีกอย่างหน่ึง คือ การเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเอาประโยชน์ให้แก่ชีวิตของเรา ท�ำให้สิ่งทั้งหลายมีคุณค่าขึ้นมา ซ่ึงคุณค่าก็เกิดจากการสนองความต้องการของเรา ถ้าสามารถเอาประโยชน์จากส่ิงนั้นอย่างถูกต้องและได้ประโยชน์แก่ชีวิตอย่างแท้จริง ก็เรียกว่า รู้จักเอาประโยชน์เป็น แต่ถ้าเอาประโยชน์ไม่เป็นก็จะกลับเป็นโทษ ท�ำให้เกิดความลุ่มหลงมัวเมา เกิดเป็นความเสียหายข้ึนการถือเอาประโยชน์ จากสงิ่ ทง้ั หมดนี้ เรียกวา่ การเสพหรอื บริโภค การศกึ ษามหี น้าท่สี ำ� คญั ที่จะต้องช่วยให้คนฝึกฝนพัฒนาตนทีจ่ ะด�ำเนนิ ชวี ิต อย่างถูกต้อง จึงต้องมีการศึกษาให้รู้จักเสพ รู้จักบริโภค น่ันคือ การกินเป็น ใช้เป็น บริโภคเป็นให้ได้คุณค่าที่ส่งเสริม คุณภาพชวี ติ ทำ� ให้มสี ขุ ภาพดี การใชส้ ่ิงของตา่ ง ๆ ตอ้ งร้จู กั เลือก ตลอดจนร้จู กั ใช้เวลาหรือบรโิ ภคเวลาเปน็ การคดิ เปน็ จะสมบูรณ์เมือ่ มาบรรจบกบั คิดดี ซึง่ คดิ เป็น กับ คดิ ดี ไม่ถึงเหมือนกนั ทีเดยี ว ถา้ ไม่มีจรยิ ธรรม เข้ามา การคิดเป็นก็จะแยกตัวออกไปเป็นความคิดท่ีไม่ต้องค�ำนึงว่าจะดีด้วยหรือไม่ นั่นคือคิดเป็นต้องคิดดีด้วย จะต้อง บรู ณาการจรยิ ธรรมเขา้ ไป การคิดเป็นหากขาดจริยธรรมแลว้ ก็จะไม่เป็นผลดี หรอื ไดผ้ ลท่ีไมส่ มบรู ณ์อยา่ งแท้จรงิ การประยกุ ตใ์ ช้ การมองความหมายของการดำ� เนนิ ชวี ติ นนั้ มองไดห้ ลายดา้ นซง่ึ แตล่ ะอยา่ งจะตอ้ งเปน็ ทง้ั นน้ั ถา้ ดำ� เนนิ ชวี ติ เปน็ ก็ได้ผลดีแก่ชีวิต คือรู้จักด�ำเนินชีวิตให้ได้ผลดี ให้เกิดแต่คุณ ไม่เกิดโทษ เช่น ถ้ามองว่า การด�ำเนินชีวิตคือการแก้ปัญหา การด�ำเนินชีวิตก็คือการแก้ปัญหาเป็น ถ้ามองว่าการด�ำเนินชีวิตคือการท�ำ พูด คิด การด�ำเนินชีวิตก็คือคิดเป็น พูดเป็น และท�ำเป็น แต่ถ้ามองไปที่การถือเอาประโยชน์จากส่ิงแวดล้อม การด�ำเนินชีวิตก็คือการกินการใช้และการบริโภคเป็น การศึกษาจะต้องช่วยให้คนพัฒนาตนจนได้ความเป็นในด้านต่าง ๆ ให้ครบ เพื่อให้การด�ำเนินชีวิตเกิดผลส�ำเร็จ ตามความมุ่งหมายของชีวิตคือความไร้ทุกข์ มีแต่ความสุขเหลืออยู่ หรือภาวะปลอดปัญหาอันเป็นวิถีชีวิตท่ีดีงาม เปน็ อรยิ มรรค คือ การด�ำเนินชวี ติ เปน็ ที่พอดี ท�ำใหเ้ กิดผลดแี กช่ ีวติ ใหช้ ีวติ ล่วงทุกข์ ปลอดพน้ จากปัญหาตา่ ง ๆ 369 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ถ้าเรามีหลัก รุ่งอรุณทางการศึกษานี้ แล้ว คนท่ีการศึกษาของเราผลิตออกมา ย่อมเป็นผู้พร้อมที่จะอยู่ได้ ในทุกสภาพชีวิต จะท�ำให้ชีวิตและสังคมท่ีร่วมอยู่น้ัน ๆ เป็นชีวิตและสังคมท่ีดีท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สถานศึกษาควร จดั ทำ� หลกั สตู รทส่ี อดคลอ้ งกบั พฒั นาการของผเู้ รยี นในแตล่ ะวยั และศกั ยภาพของผเู้ รยี น ใหม้ คี วามสมดลุ ระหวา่ งพฒั นาการ รอบด้าน คือ ด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม ควรเน้นกระบวนการและเน้ือหาสาระการเรียนรู้ในการท�ำให้ ผเู้ รยี นมที กั ษะทางการคิดเปน็ มีความเชือ่ ม่ันในตนเอง ม่งุ ม่ันในการนำ� ความคดิ ไปผลักดนั สงั คมใหไ้ ปสูค่ วามถูกต้อง การ จัดการศึกษาส�ำหรับศตวรรษท่ี ๒๑ มุ่งให้ผู้เรียนเกิดทักษะชีวิตและอาชีพ เน้นพัฒนาทักษะการคิด ทักษะการ แก้ปัญหา และมีความตระหนักในสภาพแวดล้อม มีความสามารถใช้ความรู้อย่างสร้างสรรค์ และความสามารถในการ ใช้เทคโนโลยี ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาควรร่วมกันจัดประสบการณ์มุ่งเน้นการคิดเป็น ให้แก่ผู้เรียน ให้สัมผัส และสัมพนั ธ์กับธรรมชาติซมึ ซับ และเคยชินกับสภาพแวดล้อมที่ดี ทกุ คนช่วยกนั สรา้ ง รักษา และเรียนร้รู ่วมกนั บรรณานกุ รม ทศิ นา แขมมณ.ี (๒๕๕๒). ศาสตรก์ ารสอน: องคค์ วามรเู้ พอื่ การจดั กระบวนการเรยี นรทู้ มี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั พิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยตุ ฺโต). (๒๕๔๖). รุ่งอรุณของการศึกษาเบกิ ฟ้าแหง่ การพัฒนาท่ยี ่งั ยนื . กรุงเทพมหานคร: บริษทั พมิ พ์สวยจ�ำกัด. พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต). (๒๕๕๑). ขอ้ คิดเพ่ือการศึกษา. กรงุ เทพมหานคร: ศนู ยส์ ื่อและส่งิ พมิ พแ์ กว้ เจ้าจอม มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา. 370 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

โรงเรยี นก�ำเนดิ วทิ ย์ ดร.ธงชยั ชวิ ปรีชา โรงเรยี นวทิ ยาศาสตรส์ ำ� หรบั นกั เรยี นทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษทางดา้ นคณติ ศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตรไ์ ดถ้ อื กำ� เนดิ มานานแลว้ ในประเทศทมี่ งุ่ เนน้ พฒั นาประเทศใหก้ า้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เชน่ สหรฐั อเมรกิ า รสั เซยี อินเดยี ญ่ีปุ่น จนี สิงคโปร์ และเกาหลี เปน็ ต้น โรงเรยี นเหลา่ นไ้ี ดร้ ับการสนับสนนุ จากภาครัฐเพือ่ เป็นรากฐานส�ำคญั ของ ประเทศ ในการสรา้ งนกั วทิ ยาศาสตร์ นกั ประดษิ ฐ์ นวตั กร และนกั วจิ ยั ของชาติ ขณะเดยี วกนั ภาคเอกชนเรมิ่ เขา้ มามบี ทบาท ในการจัดการศึกษาด้านนี้สูงขึ้นตามสถานการณ์การแข่งขันด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนสินค้าด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยด�ำเนินการด้วยการสนับสนุนเงินทุนแก่สถาบันการศึกษาของรัฐ และด้วยการสร้างสถาบันการศึกษา ของตนเอง เพอ่ื สรา้ งบคุ ลากรดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยปี อ้ นใหก้ บั ธรุ กจิ ของตนหรอื เพอ่ื สนบั สนนุ ชว่ ยเหลอื ภาครฐั ในการสร้างบุคลากรด้านนใ้ี นการพัฒนาประเทศ 371 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความสำ� คัญ โรงเรยี นกำ� เนดิ วทิ ยเ์ ปน็ โรงเรยี นประจำ� และเปน็ ของเอกชนแหง่ แรกของประเทศไทยทมี่ อี ดุ มการณม์ งุ่ บม่ เพาะ ผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย เพ่ือพัฒนาไปสู่การเป็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ และนักนวัตกรรม สามารถสร้างองค์ความรู้เพ่ือการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน สามารถท�ำการค้นคว้าวิจัย ประดิษฐ์คิดค้น สร้างองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับสังคมและประเทศต่อไปในอนาคต และเป็น ส่วนส�ำคัญส่วนหน่ึงในการสร้างก�ำลังคนระดับสูงทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (Science Technology Engineering and Mathematics: STEM) ให้กับประเทศชาติ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ในการจัดการเรียนการสอน เป็นโรงเรยี นวิทยาศาสตรช์ ั้นนำ� ระดับนานาชาติ และตง้ั เปา้ หมายเปน็ ๑ ใน ๕๐ ของโรงเรยี น มัธยมศึกษาตอนปลายท่ีดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมุ่งเป็นผู้น�ำทางวิทยาการทางด้านน้ี โดยได้รับการสนับสนุน จากกลุ่มปตท. ๕ บริษัท ได้แก่ บริษัท ปตท. จำ� กัด (มหาชน) บริษัท ปตท. ส�ำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำ� กัด (มหาชน) บรษิ ัท พที ที ี โกลบอล เคมคิ อล จำ� กัด (มหาชน) บรษิ ทั ไทยออยล์ จ�ำกัด (มหาชน) และบริษัท ไออารพ์ ซี ี จำ� กดั (มหาชน) โรงเรียนรับนักเรียนปีละ ๗๒ คน แบ่งเป็น ๔ ห้องเรียน แต่ละห้องเรียนมีนักเรียนเพียง ๑๘ คน ท้ังนี้ เพื่อเน้นการพัฒนานักเรียนได้อย่างมีคุณภาพและอย่างเต็มประสิทธิภาพเป็นรายบุคคลตามอุดมการณ์และเป้าหมาย ของโรงเรยี น นกั เรียนทกุ คนได้รับทุนการศกึ ษาตลอดระยะเวลา ๓ ปี โรงเรยี นกำ� เนดิ วทิ ยไ์ ดร้ บั ใบอนญุ าตใหจ้ ดั ตง้ั ไดเ้ มอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ตง้ั อยทู่ เี่ ลขท่ี ๙๙๙ หมทู่ ี่ ๑ ตำ� บลปา่ ยบุ ใน อำ� เภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง ๒๑๒๑๐ บนพน้ื ทป่ี ระมาณ ๑๕๐ ไร่ สงั กดั สำ� นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา ประถมศึกษาระยอง เขต ๒ ในบริเวณวังจันทร์วัลเลย์ อุทยานวิจัยและการศึกษากลุ่ม ปตท. (Wangchan Valley: PTT Group Research and Education Park) อันเป็นสถานที่ท่ีกลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นจะพัฒนาให้เป็นอุทยานส�ำคัญ ที่เป็นแหล่งรวมของการวิจัย องค์ความรู้ทางวิชาการ ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และแหล่งผลิต นวัตกรรม ประดิษฐกรรม และผลติ ภณั ฑด์ า้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ี่ใหมท่ สี่ ุดของประเทศไทยและของโลก 372 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความหมาย โรงเรียนก�ำเนิดวิทย์ แต่เดิมช่ือว่าโรงเรียนวิทยาศาสตร์ระยอง ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานช่ือว่า โรงเรียนก�ำเนิดวิทย์ มีความหมายว่า “โรงเรียนท่ีเป็น แหล่งความรู้” (the genesis of science) เม่ือวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ โรงเรียนใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Kamnoetvidya Science Academy ใช้อักษรย่อว่า KVIS มีสีม่วงและสีเขียวเป็นสีประจ�ำโรงเรียน และมีต้นพะยูง เป็นต้นไม้ประจ�ำโรงเรียน มีความหมายว่าโรงเรียนมุ่งบ่มเพาะอบรมสร้างเยาวชนให้มีฐานความรู้ด้านคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยอี ยา่ งแขง็ แกรง่ เพื่อท่จี ะพยงุ สังคมและประเทศชาติใหย้ ่งิ ใหญ่ดว้ ยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อไปในอนาคต พนื้ ฐานแนวคิด กลุ่ม ปตท. เช่ือม่ันว่าการพัฒนาก�ำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพ่ือท�ำหน้าที่ค้นคว้าวิจัย สร้างองค์ความรู้และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ เป็นปัจจัยท่ีมีความส�ำคัญย่ิงที่จะน�ำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี และย่ังยืนของคนไทย จึงได้ร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนก�ำเนิดวิทย์และสถาบันวิทยสิริเมธีที่เน้นการวิจัยข้ึน เพื่อเป็นส่วนหน่ึง เล็ก ๆ ท่จี ะชว่ ยพฒั นาการศึกษาและพฒั นากำ� ลงั คนทางด้านนใี้ ห้แก่ประเทศชาติ ที่ผ่านมาการศึกษาของไทยเน้นการจัดการเรียนการสอนด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพ่ือให้นักเรียนหรือผู้ท่ีจบการศึกษาเป็นผู้ใช้หรือผู้บริโภค หรือมีความสามารถในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างรู้เท่าทันเท่าน้ัน แต่ยังไม่ได้เน้นการจัดการเรียนการสอนเพ่ือสร้างองค์ความรู้ใหม่ ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนส�ำหรับกลุ่มบุคคลท่ีจะท�ำหน้าที่ค้นคว้าวิจัย ประดิษฐ์คิดค้น สร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ดา้ นคณติ ศาสตร์ วทิ ยศาสตร์ และเทคโนโลยี 373 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

โรงเรียนเช่ือว่ามีนักเรียนกลุ่มหนึ่งท่ีมีศักยภาพในการเรียนรู้สูงมากเม่ือเทียบกับนักเรียนวัยเดียวกัน นักเรียน กลมุ่ นี้ คอื “กลุ่มผมู้ คี วามสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์” นกั เรียนเหลา่ นจ้ี ะได้รับการสรรหา ส่งเสรมิ และบ่มเพาะให้ท�ำหน้าที่เป็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ และนักนวัตกรรม เพ่ือสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ด้านคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ใหก้ ับสังคมและประเทศชาติ บุคคลท่ีจะท�ำหน้าที่เป็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ และนักนวัตกรรม ดังกล่าว ส่วนใหญ่ต้องมีพื้นฐานการศึกษา ถงึ ระดบั ปรญิ ญาเอกหรอื หลงั ปรญิ ญาเอก และบคุ คลกลมุ่ นค้ี วรตอ้ งไดร้ บั การสรรหา สง่ เสรมิ และบม่ เพาะมาตงั้ แตเ่ ยาวว์ ยั อยา่ งนอ้ ยตงั้ แตร่ ะดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายเปน็ ตน้ ไป ดงั เชน่ ทปี่ ฏบิ ตั กิ นั ในนานาประเทศทม่ี คี วามกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โรงเรียนมีความเชื่อและเคารพในความแตกต่างระหว่างบุคคล มีเป้าหมายส่งเสริมให้นักเรียนแต่ละคน ไดค้ ้นพบความถนดั และความสนใจของตนเอง สรา้ งบคุ ลิกภาพและความเป็นตัวของตวั เอง ส่งเสริมใหน้ กั เรียนแต่ละคน ให้ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพในด้านที่ถนัดและสนใจ เป็นผู้รู้รอบและรอบรู้ มีความเป็นผู้น�ำ อีกทั้งเป็นคนดี และคนเกง่ ทม่ี ีความสุขมากกว่าเปน็ โรงเรยี นทีเ่ ปน็ เบา้ หลอมใหน้ กั เรียนเปน็ พมิ พ์เดยี วกนั 374 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

กระบวนการคัดเลือกนกั เรยี น โรงเรียนก�ำเนิดวิทย์คัดเลือกที่นักเรียนก�ำลังเรียนอยู่ในช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ผู้สมัครต้องมีผลการเรียนวิชา คณติ ศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตรเ์ ฉลยี่ สะสมไมน่ อ้ ยกวา่ ๓.๕ การสอบคดั เลอื กแบง่ เปน็ สองรอบ รอบแรกสอบวชิ าคณติ ศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ที่เน้นวัดการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา โดยจะคัดเลือกนักเรียนไว้ ๓๐๐ คน รอบสองยังคงสอบ วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่วิชาคณิตศาสตร์จะเน้นวัดศักยภาพในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และการแก้โจทย์ปัญหา ใหม่ ๆ ส่วนวิชาวิทยาศาสตรจ์ ะสอบทั้งภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ัติ ที่เน้นวดั ศักยภาพในการวางแผนและการแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ รอบสองจะคดั เลอื กนักเรียนให้เหลอื เพียง ๑๘๐ คน แบง่ เปน็ นกั เรยี นตัวจริง ๗๒ คน ตวั ส�ำรอง ๑๐๘ คน นกั เรยี นทผ่ี า่ นการสอบคดั เลอื กรอบสองจะตอ้ งสง่ ขอ้ มลู และหลกั ฐานทแี่ สดงวา่ นกั เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะในดา้ น ตา่ ง ๆ ดงั น้ี มาประกอบการพิจารณาอีกด้วย ๑. เป็นผู้มีจิตสาธารณะ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน มีความมุมานะ ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหา อุปสรรคตา่ ง ๆ โดยง่าย ๒. เปน็ ผไู้ ด้การยอมรับจากเพ่ือน มคี วามเป็นผู้น�ำ และสามารถทำ� งานเป็นกลุม่ ได้ ๓. เปน็ ผู้ทท่ี ำ� กจิ กรรมทีห่ ลากหลายทงั้ ในและนอกโรงเรียน ๔. เป็นผูม้ ีความรักและสนใจและมศี ักยภาพในการเรียนรสู้ งู ทางดา้ นคณติ ศาสตร์ ๕. เป็นผมู้ ีความรักและสนใจและมีศกั ยภาพในการเรยี นรสู้ งู ทางด้านวทิ ยาศาสตร์ ๖. เปน็ ผมู้ คี วามรกั และสนใจและมศี กั ยภาพในการเรยี นรสู้ งู ทางดา้ นอนื่ ๆ ทน่ี อกเหนอื จากดา้ นคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 375 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ผลการคัดเลือกรอบสองจะพิจารณาจาก (๑) คะแนนผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์ (๒) คะแนนผลการสอบ วิทยาศาสตร์ (๓) คะแนนที่ได้จากการประเมินปริมาณและคุณภาพจากข้อมูลและหลักฐานท้ัง ๖ ด้าน ข้างต้น โดยให้ นำ้� หนกั คะแนนทง้ั สามสว่ นเท่ากัน โดยไมน่ �ำผลการสอบรอบแรกมาพจิ ารณาด้วย โรงเรยี นจะแตง่ ตงั้ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ พจิ ารณาขอ้ มลู และหลกั ฐานเกย่ี วกบั การทำ� กจิ กรรมและผลงานเดน่ ทง้ั ๖ ดา้ น ของนักเรียน เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การคัดเลือกนักเรียน ตามแนวคิดท่ีว่า ผู้ประสบความส�ำเร็จในอนาคตไม่ใช่ เป็นเพียงผู้ที่เรียนหนังสือเก่งเท่าน้ัน แต่จะต้องเป็นผู้สนใจท�ำกิจกรรมที่หลากหลาย มีจิตสาธารณะ เห็นแก่ประโยชน์ สว่ นรวมมากกว่าสว่ นตน ได้รบั การยอมรบั จากเพื่อน มคี วามเปน็ ผนู้ �ำ สามารถท�ำงานเป็นกลุ่มได้ มีความมุมานะไมย่ อ่ ท้อ ต่อปัญหาและอุปสรรคตา่ ง ๆ 376 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

หลักสตู รและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องนักเรยี นโรงเรียนกำ� เนดิ วิทย์ โรงเรียนก�ำเนิดวิทย์ได้ออกแบบหลักสูตร จัดการเรียนการสอน และด�ำเนินการบริหารจัดการโรงเรียน เพ่ือ พฒั นานกั เรยี นของโรงเรยี นให้มีคณุ ลกั ษณะ อดุ มการณ์ และศักยภาพ ดังนี้ ๑. มคี วามรแู้ ละความเขา้ ใจเกยี่ วกบั หลกั การพนื้ ฐานดา้ นคณติ ศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตร์ อยา่ งลกึ ซงึ้ มคี วามคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ มีทักษะความสามารถ มีจิตวญิ ญาณและเหน็ คุณค่าของการเปน็ นกั วจิ ัย นกั ประดษิ ฐ์ และนกั นวตั กรรม ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในระดับดีเลิศ ไม่ต่�ำกว่านักเรียนของโรงเรียนวิทยาศาสตร์ช้ันน�ำระดับ นานาชาติ ๒. มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างดีเลิศในการค้นคว้าหาความรู้ ติดต่อสื่อสาร น�ำเสนอผลงาน โตแ้ ย้งให้เหตผุ ล และเจรจาความรว่ มมือไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ ๓. มีความรู้ความเข้าใจอย่างดีเลิศเกี่ยวกับวิถีชีวิตและการด�ำรงชีวิตของมวลมนุษยชาติ สามารถท�ำงานและ ด�ำรงชีวิตอยู่ร่วมกันแบบพ่ึงพาอาศัยอย่างสงบสันติ พอเพียง และมีจิตส�ำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อม มเี จตคติที่ดตี อ่ เพ่อื นร่วมโลกและธรรมชาติ ๔. มีภาวะความเป็นผู้น�ำและผู้ตามท่ีดี เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยในตนเอง ยึดมั่นและปฏิบัติตนตาม หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี นนบั ถอื 377 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๕. มีความภูมิใจในความเป็นไทย เป็นพลเมืองดี ยึดม่ันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีจิตสาธารณะมุ่งที่จะท�ำประโยชน์และสร้างส่ิงที่ดีงามให้กับสังคม มีความรับผิดชอบ ต่อสงั คม และตอบแทนบ้านเมอื งตามความสามารถของตนอย่างตอ่ เนอื่ ง ๖. บ�ำเพ็ญประโยชนไ์ มต่ ่ำ� กว่า ๘๐ ชวั่ โมง โรงเรียนก�ำเนิดวิทย์ได้เริ่มเปิดสอนนักเรียนรุ่นแรกด้วยการจัดค่ายเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษและ ดา้ นวิชาการระหวา่ งวนั ท่ี ๒ – ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และเปิดเรยี นวนั แรกในวันที่ ๒ มิถุนายน ปกี ารศึกษา ๒๕๕๘ การที่กลุ่ม ปตท. ได้ด�ำเนินการจัดตั้งโรงเรียนก�ำเนิดวิทย์และรับนักเรียนรุ่นแรกในปีการศึกษา ๒๕๕๘ น้ัน เพราะปีน้ี ถือวา่ เปน็ ปีมหามงคลย่งิ เป็นปแี หง่ การเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสทีส่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี มพี ระชนมายคุ รบ ๖๐ พรรษา กลมุ่ ปตท. ไดถ้ อื โอกาสอนั เปน็ มงคลยง่ิ นี้ นอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ มถวายโรงเรยี นกำ� เนดิ วทิ ย์ แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสท่ีทรงเจรญิ พระชนมายุ ๖๐ พรรษา เม่ือวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ พรอ้ มตง้ั ปณธิ านวา่ จะดแู ลดำ� เนนิ การใหโ้ รงเรยี นกำ� เนดิ วทิ ยเ์ ปน็ แหลง่ ของวชิ าความรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทส่ี ำ� คญั ของประเทศเพอ่ื เพิม่ ศักยภาพของคนไทยในเวทีโลกสืบไป บรรณานุกรม ตราสารจดั ตัง้ โรงเรียนกำ� เนดิ วทิ ย์ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗. มูลนิธิสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระยอง มูลนิธิโรงเรียนวิทยาศาสตร์ระยอง. พลังความรู้ พลังแห่งความยั่งยืน. พิมพ์ครงั้ ท่ี ๒. เมษายน ๒๕๕๘. 378 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

โรงเรยี นนวัตกรรม รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีศกั ด์ิ จินดานุรกั ษ์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ไสว ฟักขาว โรงเรยี นนวตั กรรม เปน็ โรงเรยี นทม่ี ปี รชั ญา แนวคดิ ในการจดั การศกึ ษา ซงึ่ มลี กั ษณะเฉพาะตา่ งไปจากโรงเรยี น หรือสถาบันทางการศึกษาทั่วไป ซ่ึงปัจจุบันมีการตั้งโรงเรียนแบบน้ีหลายแห่ง โดยทางโรงเรียนวางแผนและด�ำเนินการ จดั การเรยี นการสอนตามหลกั การและแนวคดิ ทต่ี อ้ งการพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี วามรู้ ความสามารถตามกรอบแนวคดิ ทก่ี ำ� หนด โรงเรียนนวัตกรรมเหล่านี้มีความเชื่อว่า การจะพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายท่ีคาดหวัง จะต้องมีการออกแบบ หลกั สตู รทดี่ ี จดั เตรยี มสถานทอ่ี ยา่ งเหมาะสม จดั เตรยี มครทู ม่ี แี นวคดิ ความเชอ่ื ในแนวเดยี วกนั จงึ จะทำ� ใหก้ ารจดั การเรยี น การสอนเปน็ ไปตามแนวทางทต่ี ง้ั ใจไวไ้ ด้ ดว้ ยเหตุนี้ โรงเรยี นนวตั กรรมจงึ มีหลายแบบตามปรัชญา แนวคิด และความเช่ือ ในทน่ี ้เี สนอโรงเรียนนวตั กรรมเปน็ ตัวอยา่ ง ดงั นี้ 379 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๑. โรงเรียนร่งุ อรณุ แนวคิดและปรัชญาในการจัดการศกึ ษา โรงเรยี นรุ่งอรุณ เปน็ โรงเรียนเอกชนท่ีมีวตั ถุประสงค์ไม่แสวงหาก�ำไร ตง้ั อยูเ่ ลขท่ี ๓๙๑ ซอยอนามยั งามเจรญิ ๒๕ แขวงท่าขา้ ม เขตบางขุนเทยี น กรงุ เทพมหานคร บนพ้นื ทส่ี ีเขยี วประมาณ ๕๐ ไร่ จัดการเรยี นการสอนตัง้ แตร่ ะดบั อนุบาลถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ เน้นให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม สภาพแวดล้อมโดยรวมของโรงเรียนเน้น ความเป็นธรรมชาติเป็นพ้ืนฐาน เพอ่ื กระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นในแต่ละวัยใชเ้ ป็นห้องเรียนธรรมชาติ เพื่อบรู ณาการการเรยี นรู้ได้ ด้วยตนเอง มีการออกแบบอาคารและสภาพแวดล้อมเพื่อเอ้ือต่อการเรียนรู้ของนักเรียนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน และการน�ำนักเรียนออกนอกสถานที่ เพ่ือการเรียนรู้และสัมผัสของจริง โรงเรียนเปิดโอกาสให้มีการท�ำงานร่วมกันอย่าง ใกลช้ ดิ ระหวา่ งผปู้ กครอง ครู และพนกั งานมกี จิ กรรมหลาก หลายซึ่งสามารถท�ำร่วมกัน ความเชื่อในวิถีการเรียนรู้ของ โรงเรียนรุ่งอรุณนี้ได้สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นภายในชุมชน แห่งการเรียนรู้ เพ่ือบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งชุมชนเรียนรู้น้ี ให้หยั่งรากและเติบโตย่ังยืนต่อไป โรงเรียนรุ่งอรุณมีการ บริหารงานโดยคณะกรรมการโรงเรียนชุดแรกก่อตั้ง ซึ่งมีพระพรหมคุณาภรณ์ ซึ่งขณะน้ันมีสมณศักดิ์เป็น พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็นท่ีปรึกษาสูงสุด และมี ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี เป็นประธาน คณะกรรมการมูลนิธิโรงเรียนรุ่งอรุณเป็นคนแรก ซึ่งเป็น ผู้ท่ีท�ำงานเพ่ือกระตุ้นและผลักดันการปฏิรูปการศึกษาไทย ภาพที่ ๑ โรงเรียนร่งุ อรณุ แหล่งทม่ี า: http://topicstock.pantip.com/family/ เสมอมา topicstock/2010/08/N9593572/N9593572-9.jpg จดุ มงุ่ หมาย โรงเรียนรุ่งอรุณ ด�ำเนินการในแนวทางปฏิรูปการเรียนรู้ท่ีชัดเจนมาตั้งแต่ต้นตามเจตนารมณ์ท่ีจะเปล่ียนวิธี การพัฒนาเยาวชนให้เป็นผู้เรียนรู้เป็น กล่าวคือ รู้เท่าทันองค์ความรู้ต่าง ๆ และมีอิสรภาพทางปัญญา พอท่ีจะประมวล ความรู้นั้น ๆ ให้เป็นประโยชน์ท้ังต่อตนเองและสังคมได้อย่างแท้จริง โดยมุ่งสู่ระบบการศึกษาในรูปแบบโรงเรียนเป็น ส�ำคัญ เป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาส�ำหรับเยาวชนไทยให้เป็นผู้ที่พ่ึงพาสติสัมปชัญญะของตน ในการสร้างองค์ความรู้ ใหแ้ กส่ งั คมตอ่ ไปในอนาคตได้ โรงเรยี นใชก้ ระบวนการพฒั นาหลกั สตู ร เรม่ิ ตง้ั แตก่ ระบวนการสรา้ ง จนถงึ การใชห้ ลกั สตู ร ที่มีลักษณะเหมือนกระบวนการวิจัยและพัฒนา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ตัวผู้กระท�ำและแก่ผลงานท่ีปรากฏ พร้อมกันไปในดา้ นตวั ผู้กระท�ำซึง่ มีหลายระดับ ตงั้ แต่ผบู้ ริหาร ครู นักเรยี น ด้านผลงานมีต้งั แต่ระดบั โครงสร้างหลักสตู ร และการบรหิ ารมาสหู่ นว่ ยการเรยี นทมี่ กี ารบรู ณาการแบบองคร์ วม โรงเรยี นอาศยั กระบวนการพฒั นาหลกั สตู รซงึ่ มศี นู ยก์ ลาง อยู่ท่ี “หนว่ ยการเรยี นบูรณาการแบบองคร์ วม” ซึ่งนำ� ไปสูจ่ ดุ มุ่งหมายส�ำคัญ ๓ ประการ คือ 380 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๑. เกดิ การปรับเปลีย่ นวสิ ยั ทัศนข์ องบุคลากรโดยรวมใหเ้ ป็นผู้เรียนรเู้ ป็นอย่เู สมอ ๒. เกิดการปรับปรุงสาระวิชาอย่างเชื่อมโยงเป็นองค์รวม เต็มไปด้วยเร่ืองราวของการเรียนรู้เข้าสู่ความจริง และความดงี าม ๓. นักเรียนและช้นั เรยี นเกิดเจตจำ� นงท่ชี ดั เจน มฉี นั ทะ มีความมุ่งมั่นต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง  การจดั การเรียนรู้ โรงเรียนรุ่งอรุณ จัดการเรียนการสอนเน้นองค์รวมและแนวพุทธ โดยใช้ครรลองแห่งการพัฒนาปัญญา เป็นแม่บทในการจัดการศึกษาอย่างชัดเจน เพื่อให้ครู นักเรียน และบุคคลท่ีแวดล้อม ได้ร่วมกันแสวงหาความจริง ความดี ความงามอนั ประณตี ดว้ ยตนเอง โดยมสี มั มาทฏิ ฐเิ ปน็ ทตี่ งั้ และใชส้ ตสิ มั ปชญั ญะกำ� กบั โดยตลอด ทง้ั นี้ กระบวนการ ดงั กล่าวจะอาศัย ๒ ปัจจัยหลกั คือ กลั ยาณมิตร และโยนิโสมนสิการ กลั ยาณมติ ร ไดแ้ ก่ พ่อแม่ ครู และบคุ คลแวดลอ้ ม ผู้มีเมตตา รวมท้ังสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ท่ีเอ้ือแก่การเรียนรู้จริง โยนิโสมนสิการ คือ วิธีการคิดพิจารณาไตร่ตรองของ บุคคลท่ีจะเกิดการเรียนรู้ด้วยการพ่ึงพาสติปัญญาของตนเอง ซ่ึงพ่อแม่และครูสามารถเป็นต้นแบบแห่งการถ่ายทอด คุณลักษณะของ ผู้รู้คิด ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะการศึกษาที่แท้จะเร่ิมต้นได้เม่ือคนรู้คิดเป็น วิถีการเรียนรู้ สู่ปัญญาดังกล่าว จึงเป็นทิศทางการศึกษาของโรงเรียนรุ่งอรุณ เพ่ือน�ำธรรมชาติการเรียนรู้ของมนุษย์ไปสู่อิสรภาพ ทางปัญญาผ่านการศกึ ษาในระบบโรงเรียน ๒. ดรณุ สกิ ขาลยั โรงเรยี นนวตั กรรมแหง่ การเรยี นรู้ แหง่ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบรุ ี แนวคิดและปรชั ญาในการจดั การศกึ ษา ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนนวัตกรรมแห่งการ เรียนรู้ แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาในก�ำกับ ข อ ง ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี พ ร ะ จ อ ม เ ก ล ้ า ธ น บุ รี ซงึ่ เปน็ มหาวทิ ยาลยั ของรฐั แหง่ แรกทอี่ อกจากระบบราชการ เมื่อ ๑๖ ปีท่ีแล้ว ด�ำเนินการสอนแบบ ๒ ภาษา (ไทยและอังกฤษ) เข้าปีที่ ๑๔ จัดต้ังข้ึนโดยได้รับ การสนับสนุนและความร่วมมือระหว่างมูลนิธิไทยคม ภาพท่ี ๒ โรงเรียนดรุณสกิ ขาลัย มูลนิธิศึกษาพัฒน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า แหลง่ ท่ีมา: http://e-school.kmutt.ac.th/ ธนบุรี และ The Media Lab of MIT เปน็ โรงเรยี นทไี่ มแ่ สวงหาผลกำ� ไร และไม่ใชง้ บประมาณแผ่นดิน มคี วามคลอ่ งตัว ในการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ของโลกยุคโลกาภิวัตน์ โดยการน�ำทฤษฎีการเรียนรู้เพ่ือสร้างสรรค์ด้วยปัญญา (Constructionism) ของ Prof.Seymour Papert แห่ง Massachusetts Institute of Technology (MIT), The Media Lab 381 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซ่ึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งยังคงทันสมัยอยู่มาก ถือว่า ผู้เรียนส�ำคัญที่สุด ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ บูรณาการด้วยเทคโนโลยี วิชาการ ศิลปวัฒนธรรม ความเป็นไทย การเรียนการสอนเป็น Project - based Learning ให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง และเรียนรู้กันเป็นกลุ่ม หรอื เปน็ ทมี อยา่ งเปน็ กลั ยาณมติ ร จนตดิ เปน็ นสิ ยั ใฝเ่ รยี นรไู้ ปตลอดชวี ติ และบรหิ ารจดั การดว้ ยวธิ ี Learning Organization ของ Peter Senge แห่ง Sloan School of Management, MIT โดยปรมาจารย์ท้ังสองท่านใช้เวลากว่า ๒๐ ปี คิดค้นวิธี การเรยี นการสอนและการบริหารจัดการองค์กรส่โู ลกยุคใหม่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ 382 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

จดุ มุ่งหมาย ไดก้ �ำหนดวิสยั ทศั น์ไวว้ า่ “พัฒนาเด็กไทยใหเ้ ปน็ พลเมอื งโลก คดิ เปน็ ท�ำเป็น เก่ง ดี มีความเป็นไทย” โดย พัฒนาท้ังผู้เรียน ครู (Facilitator) ผู้บริหาร และผู้ปกครอง ให้สามารถเรียนรู้ร่วมกันในการพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มตาม ศักยภาพ โดยปลูกฝังวิธีการเรียนรู้ (Learning how to learn) ให้นักเรียนคิดเป็น ท�ำเป็น และคิดที่จะคิดต่อไปเองได้ (Thinking about Thinking) โดยปลกู ฝงั วธิ ีการเรยี นรเู้ ขา้ ไปในตัวผเู้ รยี นตัง้ แตย่ งั เลก็ เป็นความรฝู้ ังตัว (Tacit knowledge) เม่ือเขาโตขึ้นก็จะเรม่ิ ปลกู ฝังวชิ าการ และภาษาองั กฤษเขา้ ไปเปน็ ขัน้ เป็นตอน แล้วจึงพฒั นาเป็น Career-based Learning เมื่อศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีการวัดผลตามวิธีการของกระทรวงศึกษาธิการ และสามารถวัดความกระหาย ท่ีจะเรียนรู้ (Passion of Learning) ของผู้เรยี นดว้ ย เพือ่ ใหบ้ รรลถุ งึ วตั ถปุ ระสงค์ว่า นกั เรยี นของเราเป็นผู้ท่ีสนใจใฝเ่ รียนรู้ ไปตลอดชีวติ รวมถงึ เป็นผนู้ �ำในการเปลี่ยนแปลง และทำ� งานอยา่ งเป็นกัลยาณมติ รกบั ผู้รว่ มงานไดด้ ้วยใจเป็นสขุ การจดั การเรยี นรู้ การสอนน้อย (Teach Less) เรียนรู้ด้วยตนเองมาก (Learn More) เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ Constructionism ถือก�ำเนิดข้ึนจากแนวคิดของ Prof.Seymour Papert แห่ง MIT ท่ีเฝ้าสังเกตการเรียนรู้ของเด็ก แล้วพบว่า เด็กจะเรียนรู้ได้ดี ต้องน�ำเร่ืองที่เด็กชอบมาให้เด็กลงมือท�ำ เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงเต็มตามศักยภาพ ของผูเ้ รียน (Learning how to learn) ท�ำให้ผูเ้ รียนคิดทจ่ี ะคดิ ต่อไปเองได้ (Thinking about Thinking) บนความเชอื่ ท่วี า่ มนษุ ย์ทุกคนสร้างการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองอยู่ตลอดเวลา ดงั นัน้ การจัดการศกึ ษาทแ่ี ทจ้ รงิ คอื การสร้างบรรยากาศทีส่ ง่ เสรมิ ผ้เู รียนใหส้ ร้างการเรียนรอู้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ (learning rich environment) โดยครูเป็นผูอ้ �ำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (facilitator) ซึ่งประกอบด้วยปจั จยั ส�ำคัญ ๔ ประการ ไดแ้ ก่ ความเป็นเจ้าของ (ownership) ทำ� ดว้ ยใจ (internal motivation) เรยี นรู้รว่ มกัน (team learning) และเรยี นรู้วิธีเรียน (learning how to learn) ผา่ นกระบวนการ ๓ ขน้ั ตอน ทถี่ กู ออกแบบ ให้หมนุ เวยี นในช้นั เรยี นอยา่ งตอ่ เนื่อง คอื ๑. คิดและออกแบบด้วยตนเอง (thinking or designing) เพ่ือฝกึ ฝนการคดิ และจนิ ตนาการ การคดิ อย่าง มเี ป้าหมายเป็นรปู ธรรม และการคดิ ในเชงิ เหตุผล ๒. ลงมือท�ำด้วยตนเอง (making or doing) มีความเป็นเจ้าของในส่ิงท่ีตนเองสร้างอย่างเต็มที่ โดยอาจ เริ่มเรียนรู้จากส่ิงท่ีผู้เรียนสนใจ โดยมีครูซึ่งเปรียบเสมือน “ผู้อ�ำนวยการเรียนรู้” (facilitator) เป็นผู้คอยชี้แนะ ให้คำ� แนะนำ� และรว่ มเรียนรูไ้ ปกบั นกั เรียน ๓. สะท้อนความคิด (reflecting or contemplating) นกั เรียนไดฝ้ กึ ฝนสะท้อนความคิด ระลึกถึงสิ่งท่ีไดเ้ รยี นรู้ จากประสบการณต์ า่ ง ๆ เกดิ ความตระหนกั ในสิ่งที่ไดเ้ รียนรู้ ฝึกรบั ฟงั มุมมองทีแ่ ตกต่างจากเพ่ือนและครู 383 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ดรุณสิกขาลัยได้ออกแบบชั้นเรียนให้เป็น “บ้านเรียน” ที่ผู้เรียนในวัยใกล้เคียงกันได้แบ่งปัน แลกเปล่ียน เรียนรู้ ผูกมิตร และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ท่ีอบอุ่น โดยมีทีม “ครูบ้าน” ที่เป็น เสมอื น “พอ่ คร-ู แมค่ ร”ู คอยดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ ดงั สมาชกิ ในครอบครวั ซึ่งการจัดชนั้ การเรียนรใู้ นดรณุ สิกขาลัย แบง่ ออกเปน็ ๒ สว่ น คือ ๑. ช้ันเรียนโครงงาน (Project-based Learning) เพ่ือ ฝึกฝน พัฒนาทักษะ และกระบวนการในการสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกหัวข้อตามอัธยาศัย สอดคลอ้ งตามวยั และความพรอ้ มของตวั ผเู้ รยี นในรปู แบบโครงงานกลมุ่ เพอื่ เรียนร้กู ารท�ำงานเปน็ ทีม และโครงงานสว่ นบุคคล ๒. ช้ันเรียนวิชาและทักษะพื้นฐานต่าง ๆ เช่น ไทย องั กฤษ คณิตศาสตร์ เป็นต้น เพ่อื แนะนำ� ความรู้ทว่ั ไปทจ่ี ำ� เป็นและ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียนแต่ละช่วงช้ัน คัดเลือกจากหลักสูตร พ้นื ฐานของกระทรวงศึกษาธิการ จดั กระบวนการเรยี นรแู้ บบลงมอื ปฏิบัติ (active learning) โดยเน้นการสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เรียน เปน็ สำ� คญั และเปน็ แหลง่ สรา้ งแรงบนั ดาลใจสชู่ น้ั เรยี นโครงงานดว้ ย โครงการ DSIL FabLab@School DSIL FabLab@School เปน็ หนงึ่ ในกจิ กรรมโครงการความรว่ มมอื ระหวา่ งมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา FabLab@School เป็นนวัตกรรมด้านการเรียนรู้ ท่ีส่งเสริมการสร้างส่ิงประดิษฐ์และนวัตกรรมโดยใช้เคร่ืองมือดิจิตอลในการสร้าง Rapid Prototype ได้แก่ เคร่ืองพิมพ์ เลเซอร์คัทเตอร์ เคร่ืองพิมพ์สามมิติ เคร่ืองพิมพ์ไวนิล (Vinyl) และอุปกรณ์การประดิษฐ์อ่ืน ๆ ท้ังอุปกรณ์ช่าง งานไม้ และอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ เป็นตน้ การประดิษฐน์ วัตกรรมในห้อง FabLab (Fabrication Laboratory) น้ี ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี น สามารถเรียนรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม และท�ำให้ความรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มีความ น่าสนใจย่ิงขึ้น โดยใช้ความรู้ด้าน STEM (Science Technology Engineering and Mathematics) สร้างองค์ความรู้ ดว้ ยตนเองผา่ นการสรา้ งส่ิงประดษิ ฐ์ DSIL FabLab@School นี้ เปน็ FabLab แหง่ แรกในภมู ิภาคเอเชยี กอ่ ต้งั ข้นึ ต้งั แตป่ ี ๒๕๕๖ เปดิ ให้บรกิ าร ท่ีอาคารสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ช้ัน ๑๐ โรงเรียนดรุณสิกขาลัย โดยเป็นหนึ่งในศูนย์การเรียนรู้ภายในโรงเรียน ที่ส่งเสริมการเรียน STEM ผ่านการสร้างนวัตกรรม ปัจจุบันเปิดท�ำการเรียนการสอน FabLab Class เพ่ือปูพ้ืนฐาน การเป็นนักประดิษฐ์และเป็นศูนย์การเรียนรู้สนับสนุนการเรียนรู้ผ่านโครงงานในห้องเรียนของดรุณสิกขาลัย และจัด การฝึกอบรมด้านการออกแบบและการประดิษฐ์ด้วยเครื่องมือ Digital Fabrication และกระบวนการ Design Thinking เพ่อื พัฒนาการการเรยี นรู้ 384 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๓. โรงเรยี นมชี ยั พัฒนา ภาพที่ ๓ โรงเรยี นมีชยั พฒั นา แนวคิด และปรชั ญาในการจดั การศกึ ษา โรงเรยี นมชี ยั พฒั นาหรอื โรงเรยี นไมไ้ ผ่ เปน็ โรงเรยี นทางเลอื กทสี่ มาคมพฒั นาประชากรและชมุ ชนและมลู นธิ ิ มชี ัยวรี ะไวทยะได้ร่วมกนั จัดต้งั ข้นึ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ตงั้ อยูท่ ี่ อ.ล�ำปลายมาศ จ.บุรรี มั ย์ มีอาคารเรยี นโดมอเนกประสงค์ ขนาดใหญ่และอาคารหอพักท่ีสร้างด้วยไม้ไผ่ เปิดสอนในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๖ ในลักษณะของโรงเรียนประจ�ำ โดยตระหนักถึงการสอนให้นักเรียนรู้จักการคิดนอกกรอบ แต่ไม่ทิ้งรากเหง้าวัฒนธรรมที่ดีงาม สมดุลกับวิถีชีวิต และธรรมชาติ ทา่ มกลางการเปลย่ี นแปลงของสงั คม และการจดั การศกึ ษาทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความยงั่ ยนื สรา้ งรปู แบบการบรหิ าร โรงเรียนท่ีมีความแตกต่างหลากหลายเพ่ือการจัดการศึกษาท่ีมีคุณภาพ นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข พร้อม ๆ กับ การเสริมสร้างศักยภาพของนักเรียนทั้งในด้านของการศึกษา ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ ส�ำนึกรักในถิ่นฐานเดิม เพื่อเตรียมพร้อมท่ีจะมีชีวิตและการงานท่ีดีส�ำหรับอนาคต สามารถด�ำรงชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวในชุมชนของตนเอง โดยไม่ต้องท้งิ บา้ นเกิดเพอื่ ไปหางานในเมอื ง โรงเรียนมีชัยพฒั นาไดด้ ำ� เนินการปรบั ปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาแบบเดมิ ใน ๓ ดา้ น เพื่อใหบ้ รรลุ วัตถุประสงค์ของโรงเรียน ได้แก่ การปรับปรุงสาระในการเรียนรู้ ปรับปรุงวิธีการสอนและเปลี่ยนบทบาทของโรงเรียน เพื่อใหเ้ ปน็ “แหลง่ เรยี นรตู้ ลอดชีวติ ของทกุ คนในชุมชนและเปน็ ศนู ย์กลางของการพฒั นาคุณภาพชีวิตของคนในชนบท” ซงึ่ จะไดป้ ระโยชนม์ ากกวา่ การเปน็ เพยี งแคส่ ถานทสี่ อนหนงั สอื เฉพาะเดก็ นกั เรยี นเทา่ นน้ั ผปู้ กครองและชาวบา้ นในชมุ ชน รอบโรงเรียนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเรียนรู้และถ่ายทอดในเร่ืองท่ีตนเองสนใจ โดยเฉพาะการท�ำธุรกิจด้านการเกษตร ดว้ ยรปู แบบและวธิ ีการใหม่ ๆ 385 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

นักเรียนได้รับการคัดเลือกมาจากท่ัวประเทศโดยมีนักเรียนรุ่นพ่ีเป็นผู้สัมภาษณ์ท้ังตัวนักเรียนผู้มาสมัคร และผู้ปกครองของนักเรียน นักเรียนของโรงเรียนมีชัยพัฒนาทุกคนไม่ได้เรียนฟรี แต่นักเรียนและผู้ปกครองจะต้องจ่าย ค่าเทอมด้วยการทำ� ความดีช่วยเหลอื สังคมและปลกู ตน้ ไม้ จดุ ม่งุ หมาย โรงเรียนมีชัยพฒั นา มจี ุดมุ่งหมายทจ่ี ะสร้างนักเรยี นใหเ้ ป็น “คนดี” ที่ ๑. มีความซอื่ สัตย์ สง่ เสริมความเสมอภาคและรจู้ ักแบง่ ปัน ๒. มีทกั ษะชวี ิต และทักษะอาชีพ ๓. สามารถบรหิ ารและจัดการเป็น ๔. เปน็ ผทู้ ่ีชว่ ยเหลือสังคม การจดั การเรยี นรู้ โรงเรยี นมชี ยั พัฒนาไดก้ ำ� หนดแนวทางการเรยี นรู้ส�ำหรบั นักเรียนและโรงเรยี น ดงั น้ี ๑. สอนให้นักเรียนรู้จักคิดนอกกรอบ ถามเป็น คิดเป็น ค้นคว้าเป็น มีทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ พฒั นาให้โรงเรียนเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ตลอดชีวิตของทกุ คนในชมุ ชนและเปน็ ศูนย์กลางของการพัฒนาชนบท ๒. นักเรียนมีส่วนร่วมการบริหารในแผนกต่าง ๆ ของโรงเรียน โดยมีบทบาทส�ำคัญในการต้อนรับและ เป็นผู้ชี้แจงแก่ผู้มาเยี่ยมชมโรงเรียน การจัดซ้ือและตรวจสอบ การดูแลนักเรียนโดยคณะหัวหน้านักเรียน การคัดเลือก นักเรยี นและครู รวมถึงการประเมินผลครู ๓. ให้นักเรียนและผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมด้วยการทำ� ความดีและปลูกต้นไม้ (นักเรียน ผู้ปกครอง ทำ� ความดี คนละ ๔๐๐ ชวั่ โมงต่อปี และปลกู ต้นไม้คนละ ๔๐๐ ตน้ ) ๔. รว่ มชว่ ยเหลอื หมบู่ า้ นและโรงเรยี นขนาดเลก็ อนื่ ๆ ใหม้ วี สิ าหกจิ เพอื่ สงั คมของตนเองและชว่ ยใหโ้ รงเรยี น เหลา่ นน้ั เปน็ แหลง่ เรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ของทกุ คนในชมุ ชนและเปน็ ศนู ยก์ ลางของการพฒั นาชมุ ชน (โดยรว่ มกบั ภาคธรุ กจิ เอกชน) ๕. โรงเรียนสนับสนุนเงินทุนเพ่ือให้นักเรียนร่วมกันท�ำธุรกิจในลักษณะของกลุ่มหรือหมู่คณะโดยจัดให้ มกี ารฝกึ อบรมและใหเ้ งนิ กสู้ ำ� หรบั ทำ� ธรุ กจิ ระหวา่ งการเรยี นและมเี งนิ กสู้ ำ� หรบั นกั เรยี นเพอื่ ธรุ กจิ ทยี่ งั่ ยนื รว่ มกบั ครอบครวั เพราะนอกจากการสอนใหน้ ักเรยี นเป็นคนดีแล้ว ยังเนน้ ใหผ้ ปู้ กครองหลุดพน้ จากความยากจนแรน้ แค้น ด้วยการท�ำธุรกิจ ๖. นักเรยี นตั้งแต่ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ จะได้รบั การฝกึ งานในหนว่ ยงานตา่ ง ๆ โดยได้รับค่าตอบแทน ๗. จดั การฝกึ อบรมครใู หเ้ ปน็ ครอู เนกประสงค์ โดยมกี ารอบรมและสง่ ไปฝกึ งานกบั สถาบนั การศกึ ษาทกี่ า้ วหนา้ ในประเทศ รวมถงึ โครงการความรว่ มมอื ระหวา่ งโรงเรยี นมชี ยั พฒั นาและคณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เมลเ์ บริ น์ ประเทศ ออสเตรเลีย ๘. สนับสนุนเงินกู้เพ่ือการศึกษาแก่นักเรียนที่ต้องการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยแต่ไม่สามารถหาเงิน จากแหล่งอื่นได้ และการให้ทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแก่นักเรียนที่ต้องการจะเรียนเพ่ือกลับมาเป็นครูหรือร่วมอยู่ ในคณะบรหิ ารของโรงเรียนมีชัยพฒั นา 386 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ในฐานะท่ีโรงเรียนมีชัยพัฒนา เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของทุกคนในชุมชนและเป็นศูนย์กลางของการ พัฒนาชนบท จึงได้ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือหมู่บ้านและโรงเรียนชุมชนขนาดเล็กของรัฐ โดยได้รับการสนับสนุน จากภาคธุรกิจเอกชนและสถาบันการศึกษาต่างๆ ภายใต้ช่ือโครงการว่า “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยมีโรงเรียน เป็นศูนย์กลาง School-Based Integrated Rural Development Project (School-BIRD)” ปัจจุบันมีโรงเรียนชุมชน ขนาดเล็กของรัฐจ�ำนวนมาก ที่ได้ขอความช่วยเหลือให้ช่วยพัฒนาโรงเรียนของตนให้มีลักษณะคล้ายกับโรงเรียน มชี ยั พัฒนา ซง่ึ ได้เริม่ ด�ำเนินการไปแลว้ กวา่ ๕๐ โรง และมีแผนทีจ่ ะใหค้ วามช่วยเหลืออกี ปลี ะ ๕๐ โรง โดยจะเป็นการบู รณาการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานเขา้ กบั การฝกึ ทกั ษะอาชพี ตามกลยทุ ธข์ อง “โรงเรยี นมชี ยั พฒั นา” เพอื่ พฒั นาใหโ้ รงเรยี นเปน็ ท้ังสถานที่สอนหนังสือ ส�ำหรับนักเรียน ปลูกฝังความซื่อสัตย์ มีวินัย สร้างจิตสาธารณะ รู้จักแบ่งปัน ฝึกทักษะชีวิต อาชีพและการท�ำธุรกิจรวมท้ังขยายโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับโรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครอง และคนในชุมชน เพื่อสรา้ งคุณภาพชีวติ ทดี่ แี ละสามารถพ่งึ ตนเองไดอ้ ยา่ งย่งั ยืน การดำ� เนินโครงการประกอบด้วย ๕ กจิ กรรมหลกั ได้แก่ ๑. สรา้ งการมสี ว่ นร่วมและความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชมุ ชนรอบโรงเรยี น ๒. ฝกึ อบรมดา้ นธรุ กจิ การเกษตรและจดั ตง้ั ฟารม์ เกษตรเพอ่ื ขจดั ความยากจนในลกั ษณะของวสิ าหกจิ เพอ่ื สงั คม ๓. การอบรมเพอื่ พฒั นาศักยภาพครู ๔. การจัดต้ังกองทุนเงนิ กู้ และเงินออมเพอ่ื ท�ำธรุ กิจส�ำหรบั นักเรยี นและครอบครวั ทีย่ ากจน ๕. การดูแลสขุ ภาพ ปรบั ปรงุ สุขาภิบาล สิง่ แวดล้อม และน้ำ� ด่มื น�ำ้ ใช้ส�ำหรบั นักเรยี น ๔. โรงเรยี นสตั ยาไสย แนวคดิ และปรัชญาในการจดั การศกึ ษา โรงเรียนสัตยาไสย เป็นโรงเรียนเอกชนการกุศล ตั้งอยู่เลขที่ ๙๙ หมู่ ๒ ต�ำบลล�ำนารายณ์ อ�ำเภอชัยบาดาล จงั หวดั ลพบรุ ี เปน็ โรงเรยี นประจำ� เปดิ ดำ� เนนิ การสอนตงั้ แตป่ กี ารศกึ ษา ๒๕๓๕ จดั การเรยี นการสอนตงั้ แตร่ ะดบั อนบุ าล ถึงมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนเจริญเติบโตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เน้นการสร้างคนดีเหนือส่ิงใด โดยยึดหลักคุณค่าความเป็นมนุษย์ ๕ ประการ คือ ความรักความเมตตา ความจริง ความประพฤติชอบ ความสงบสุข และอหงิ สา สอดคลอ้ งกบั ปรัชญาของโรงเรยี นท่ีว่า “ปลายทางของการศกึ ษาคืออุปนสิ ัยท่ดี ีงาม” 387 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

จุดมงุ่ หมาย โรงเรยี นสตั ยาไสย เปน็ สถานศกึ ษาทตี่ ง้ั ขนึ้ เพอื่ ยกระดบั จติ ใจของผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ มคี วามเปน็ เลศิ ทางคณุ ธรรม จริยธรรม โดยยดึ หลักคุณคา่ ความเปน็ มนุษย์ ๕ ประการ มีความเคารพในศาสนา วฒั นธรรม ประเพณอี ันดีงาม ของตนเองและผอู้ ืน่ สามารถด�ำรงชีวติ อยใู่ นสังคมปจั จุบันไดอ้ ยา่ งมีความสุขและรับใชช้ ว่ ยเหลอื ผอู้ ืน่ ด้วยความเสยี สละ การจดั การเรยี นรู้ เพอ่ื ให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ โรงเรยี นไดจ้ ดั สภาพแวดล้อม บรรยากาศ และกิจกรรมการเรียนการสอนทเี่ อือ้ ต่อ การเรยี นรแู้ ละฝึกปฏบิ ัติจริงจนเกิดเป็นวถิ ชี ีวิตของผ้เู รียน มีการส่งเสริมและพฒั นาใหผ้ ้เู รยี นมคี วามเปน็ เลิศทางคุณธรรม มีทกั ษะการคิด วิเคราะห์ ผา่ นกระบวนการบม่ เพาะคณุ ธรรมจากกิจกรรมการสวดมนต์ นง่ั สมาธิ ฟงั นิทานคณุ ธรรมและ การเรียนวิชาคุณค่าความเป็นมนุษย์ทุกเช้า รวมถึงสนับสนุนให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือให้ ผเู้ รยี นสามารถนำ� ไปใชไ้ ดใ้ นชวี ติ จรงิ มจี ติ สำ� นกึ ในการดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มและอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ผา่ นกจิ กรรม การทำ� เกษตรธรรมชาติ การใชพ้ ลงั งานทดแทนและการบรหิ ารจดั การนำ�้ ภายในโรงเรยี น นอกจากน้ี โรงเรยี นยงั ไดน้ อ้ มนำ� หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการปลูกฝังอุปนิสัยพอเพียงให้เกิดข้ึนในตัวผู้เรียนและในการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถพงึ่ พาตนเองไดอ้ ย่างเขม้ แขง็ ย่ังยนื พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลงทจ่ี ะเกดิ ข้นึ ในอนาคต 388 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๕. โรงเรยี นเพลินพัฒนา แนวคิด และปรชั ญาในการจัดการศกึ ษา โรงเรยี นเพลนิ พฒั นา ตงั้ อยเู่ ลขท่ี ๓๓/๓๙-๔๐ ภาพท่ี ๕ โรงเรยี นเพลนิ พัฒนา ถนนสวนผัก แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา แหลง่ ท่ีมา : http://www.plearnpattana.ac.th/ กรุงเทพมหานคร ก่อตั้งเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๔๕ จาก ผู้ร่วมเจตนารมณ์กว่า ๗๐ ราย ประกอบด้วย ผู้ปกครอง นกั วิชาการ นกั การศึกษา ครู องค์กรธุรกจิ สรา้ งสรรค์ คอื บรษิ ัท รักลูกแฟมลิ ่ี กรุ๊ป จำ� กัด และบรษิ ทั ซีเอด็ ยเู คชนั่ จำ� กดั (มหาชน) ในชว่ งบรรยากาศของการปฏริ ปู การศกึ ษา และการก่อเกิดขึ้นของโรงเรียนทางเลือกหลายแห่งใน ประเทศไทย ด้วยความมงุ่ หวังจะสรา้ งคนดีของสงั คมไทย ทเ่ี ปน็ คนเกง่ ของสงั คมโลก ใหพ้ รอ้ มทจี่ ะดแู ลชวี ติ ของตน ตลอดจนมจี ติ สำ� นกึ รว่ มดแู ลและนำ� พาสงั คมไทยใหพ้ ฒั นา กา้ วหนา้ ไปอย่างยงั่ ยืน เปิดรับนักเรียนต้ังแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนปลาย จัดการศึกษาด้วยยุทธศาสตร์ “ก้าวพอดี” ซ่ึงเป็นทางสายกลางในการพัฒนาเยาวชนอย่างพอเหมาะพอดี สอดคล้องกับพัฒนาการของช่วงวัย บริบท ของสงั คมทแ่ี วดลอ้ มและบรบิ ทของสงั คมโลก เพอ่ื ใหเ้ กดิ การพฒั นาอยา่ งเพลดิ เพลนิ และเตบิ โตอยา่ งมคี วามสขุ โดยกำ� หนด วิสัยทัศน์ไว้ว่า “โรงเรียนเพลินพัฒนาเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่มุ่งม่ันสร้างผู้เรียนให้บรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเอง รว่ มกัน เพอื่ ความสขุ อยา่ งยง่ั ยืนของชีวติ และสังคม” จดุ มงุ่ หมาย โรงเรียนเพลินพัฒนา เป็นโรงเรียนท่ีมีความพิถีพิถันในการจัดประสบการณ์ในการเรียนรู้ ทั้งในห้องเรียน และนอกหอ้ งเรียนให้มีความแตกตา่ งหลากหลาย เพอ่ื สร้างและหล่อหลอมผูเ้ รียนให้ • เหน็ คณุ คา่ ของตนเอง • เห็นคณุ คา่ ของผ้อู นื่ • มจี ติ สำ� นึกของการรว่ มดูแลสังคมไทย • นำ� การเรยี นรู้เขา้ สู่ชีวิต เปิดการเรยี นรู้ออกสสู่ ังคม • ท�ำทุกชว่ งเวลาของชีวติ ให้เปน็ การเรยี นรู้ 389 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การจัดการเรียนรู้ โรงเรยี นเพลนิ พฒั นา มจี ดุ เนน้ ในจดั การศกึ ษา ท่ีเป็นไปตามการเตบิ โตของแตล่ ะช่วงวัย - ช่วงวยั อนุบาล สนุกสนานและเพลดิ เพลิน ไปกับการเรยี นรู้ การฝึกทกั ษะในการดแู ลตนเอง การอยู่ ร่วมกับผู้อ่ืน การเรียนรู้ผ่านการเล่น การลงมือท�ำ การสรา้ งทัศนคติทดี่ ตี อ่ การเรยี นรู้ - ช่วงวัยประถม เริ่มต้นจากการสร้างแรง บนั ดาลใจในการเรียนรู้ และการเชอ่ื มโยงไปสคู่ วามสนใจ ของผู้เรียน เพ่ือสร้างความเป็นเจ้าของการเรียนรู้และ อปุ นสิ ัยรกั การเรียนรู้ใหเ้ กิดขน้ึ แก่ผูเ้ รยี น ควบคูไ่ ปกบั การ สรา้ งทกั ษะการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การมคี วามเพยี รพยายาม ในการท�ำงานให้ส�ำเร็จ ได้ค้นหาและค้นพบความชอบ ความถนดั ของตน ตลอดจนได้เรยี นรู้ว่าเพือ่ นคนอนื่ ๆ มี ความสนใจและความถนัดที่แตกต่างออกไปจากตน มี ประสบการณท์ ด่ี ตี อ่ การเรยี นรแู้ ละการทำ� งานรว่ มกบั ผอู้ น่ื - ช่วงวัยมัธยม มีพ้ืนฐานความรู้และความ สามารถในการเรยี นรไู้ ดด้ ี มศี กั ยภาพในการประยกุ ตใ์ ชแ้ ละ ต่อยอดความรู้ได้ตามความสนใจ มีความสามารถในการ จัดการงานของตนได้ดี มีทักษะที่จ�ำเป็นต่อโอกาสในการ ประสบความสำ� เร็จในชวี ิต รวมถึงมที กั ษะท่สี ำ� คญั ๆ ใน การอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ พรอ้ มทจี่ ะเผชญิ กบั ความกา้ วหนา้ และ การเปลีย่ นแปลงของโลกในอนาคตอย่างมคี วามสขุ นวัตกรรมการเรียนรู้ของโรงเรยี นเพลนิ พัฒนา โรงเรียนเพลินพฒั นา ไดอ้ อกแบบหน่วยวชิ าเพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นมตี น้ ทุนทางปัญญา มตี น้ ทุนทางสงั คม มที กั ษะชวี ติ ทกั ษะการเรียนรู้ และทกั ษะการทำ� งานทด่ี ีเพียงพอต่อการใช้ชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ ๒๑ หน่วยวชิ าเหล่าน้ไี ด้แก่ หน่วยวิชา แสนภาษา ดนตรชี วี ติ ภมู ปิ ัญญาภาษาไทย จนิ ตทัศน์ มานุษกบั โลก ธรรมชาตศิ ึกษาและประยุกต์วทิ ยา เป็นตน้ 390 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

โรงเรียนเพลินพัฒนา น�ำหลักธรรมมาสร้างวิถีการเรียนรู้โดยจัดภาคเรียนออกเป็น ๔ ภาค ภาคเรียนละ ๑๐ สัปดาห์ ซ่ึงมีชื่อภาคเรียนตามล�ำดับ ดังนี้ ภาคท่ี ๑ ภาคฉันทะ ภาคที่ ๒ ภาควิริยะ ภาคท่ี ๓ ภาคจิตตะ และ ภาคท่ี ๔ ภาควมิ งั สา ชว่ งเวลาดงั กลา่ วถอื วา่ เหมาะสมในการสรา้ งกระบวนการเรยี นรหู้ รอื โครงงานทมี่ คี วามกระชบั รดั กมุ และยังสามารถขยายผลเป็นกระบวนการหรือโครงงานใหญ่ โดยการผนวกกระบวนการเรียนรู้หรือโครงงานเป็น ๒ ภาค ๓ ภาค หรือ ๔ ภาค ไดต้ ามความเหมาะสม และยังช่วยให้นักเรยี นได้มีการประมวล สรปุ สังเคราะห์ การเรยี นรไู้ ดเ้ ร็วขนึ้ พัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้นจากก�ำลังใจและค�ำช่ืนชมในความก้าวหน้าท่ีได้รับจากเพ่ือน ครูผู้สอน และผู้ปกครอง นอกจากน้ี การแบ่งภาคเรียนออกเป็น ๔ ภาค ยังส่งผลให้รอบของการประเมินผลพัฒนาการนักเรียนมีความถ่ีมากข้ึน และเอื้อให้ การพฒั นานกั เรยี นด้วยความรว่ มมอื ของ ๓ ฝา่ ย คอื ตัวนักเรยี น ครูผ้สู อน และผู้ปกครอง มีประสทิ ธิภาพสูงขึ้นดว้ ย บรรณานุกรม โรงเรยี นดรุณสกิ ขาลัย. (ม.ป.ป.). การเรยี นการสอน. สบื ค้นเม่ือ ๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘: http://e-school.kmutt.ac.th/theory.php โรงเรยี นมีชัยพัฒนา. (ม.ป.ป.). วสิ ยั ทัศน.์ สืบค้นเม่ือ ๑๘ มิถุนายน: http://mechaifoundation.org/school_thai.asp วมิ ลศรี ศษุ ลิ วรณ,์ ผชู้ ว่ ยผอู้ ำ� นวยการดา้ นการจดั การความรู้ โรงเรยี นเพลนิ พฒั นา เรยี บเรยี งเมอ่ื วนั ที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๘ สรุ พล ธรรมร่มด.ี (ม.ป.ป.). โรงเรยี นทางเลอื ก: รุ่งอรุณและวรรณสวา่ งจิต. สืบคน้ เมอ่ื ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘: http://www.finansa-asset.com/recently/articles/th_ed_article9.html สรุ พล ธรรมรม่ ดี. (ม.ป.ป.). เพลนิ พัฒนาโรงเรียนทางเลอื กแหง่ ใหมป่ ี ๒๕๔๗. สบื คน้ เม่อื ๑๐ มถิ ุนายน ๒๕๕๘: http://www.finansa-asset.com/recently/articles/th_ed_article10.html ThaiPublica. (2015). โรงเรียนทางเลือกกับนวตั กรรมการเรยี นการสอน. สืบคน้ เมื่อ ๑๖ มถิ ุนายน ๒๕๕๘: http://www.thekidder.in.th/?p=164 391 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ทีม่ า: http://www.thedrum.com/news/2015/07/02/government-proposes-design-and-technology-education-reform โรงเรยี นผลิตภาพ ดร.ศรเนตร อารโี สภณพิเชฐ วิกฤตทางสังคม เศรษฐกิจและการศึกษา ท่ีเกิดขึ้นในปัจจุบัน อันเน่ืองมาจากการที่คนไทยก้าวเดินตาม กระแสบรโิ ภคนิยม (Consumerism) ซ่ึงมักจะเดนิ ตามอย่างผูอ้ ื่น ขาดทักษะในการคดิ สร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ ๆ อกี ท้งั แนวทาง การจัดการศึกษาของไทยก็ด�ำเนินตามระบบบริโภคนิยมด้วย ทั้งในหลักสูตรและการสอนที่เน้นระบบบริโภคความรู้ ความเข้าใจท่ีก�ำหนดไว้ในสังคม โดยไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างและพัฒนาส่ิงใหม่ ๆ ให้แก่ตนเองและสังคม กระบวนการเรยี นการสอนแบบครเู ปน็ ผใู้ ห้ นกั เรยี นเปน็ ผบู้ รโิ ภคความรจู้ ากครจู งึ สง่ ผลใหส้ งั คมไทยออ่ นดอ้ ยทางเศรษฐกจิ และสงั คมหลายประการ ด้วยสภาพการณ์ทางการศึกษาและบริบทท่ีมีการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยและสังคมโลก มีผลกระทบต่อ การพัฒนาการศึกษาในเชิงคุณภาพเป็นอย่างย่ิง การบริหารจัดการศึกษาไทยที่อ่อนแอลงอย่างมากในปัจจุบัน จึงถูกกล่าว เปรยี บเปรยวา่ “การศกึ ษาไทยเปน็ ลกั ษณะของการเรยี นแบบเนน้ กลอ่ งแตไ่ มเ่ นน้ ปญั ญา” ซงึ่ หมายถงึ แมผ้ เู้ รยี นไดป้ รญิ ญามา แต่ก็ไม่สามารถน�ำความรู้สู่การปฏิบัติได้ การปฏิรูปการศึกษาไทยจึงต้องตระหนักและเห็นความจ�ำเป็นของการพัฒนา การศึกษาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด เป้าหมายส�ำคัญของการปฏิรูปการศึกษาคือ การพัฒนาคุณภาพของตัวผู้เรียน ซ่งึ กค็ อื ผลผลิตท่เี กดิ มาจากระบบการศึกษา ทศิ ทางและแนวโน้มของการจดั การศึกษาในศตวรรษท่ี ๒๑ ล้วนมีเป้าหมาย ในการพัฒนาผู้เรยี นใหม้ ที ักษะที่จำ� เปน็ ๓ ประการ คอื 392 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

(๑) การมคี วามสามารถในการเรยี นรู้ สรา้ งสรรคน์ วตั กรรมหรอื งานใหม่ ๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง รวมทงั้ ความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์ คิดวิจารณญาณ คิดแก้ปัญหา และทำ� งานรว่ มกบั ผ้อู ื่นได้ (๒) ความสามารถในการส่ือสารและการใช้เทคโนโลยี โดยผู้เรียนมีทักษะการรู้สารสนเทศท่ีช่วยในการ วิเคราะห์ตีความขอ้ มลู น�ำไปสู่การประเมินผลและน�ำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ และ (๓) การมที กั ษะชวี ติ และอาชพี โดยผเู้ รยี นสามารถปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณแ์ ละปฏบิ ตั ใิ หถ้ งึ เปา้ หมายชวี ติ ที่วางไวไ้ ด้ การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะของผู้เรียนยุคใหม่ดังกล่าวนั้น ต้องอยู่บนพ้ืนฐานของการท�ำงานท่ีมี ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล และจำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ ทตี่ อ้ งมกี ารพฒั นาตวั แปรสำ� คญั ในระบบการศกึ ษา ใหเ้ ปน็ ระบบผลติ ภาพ (Productive System) โดยมตี วั แปรสำ� คญั คอื ครู นกั เรยี น หลกั สตู ร รปู แบบการเรยี น การสอน หอ้ งเรยี น และการวดั และประเมนิ ผลโรงเรยี นผลิตภาพ ซงึ่ โรงเรียนตอ้ งเปล่ียนบทบาทหน้าทข่ี องตนเอง ไม่เป็นเพยี งผูผ้ ลติ แตต่ ้องเป็นผูพ้ ฒั นา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพ่ือท่ีจะเป็น โรงเรียนผลิตภาพ (Productive School) ที่น�ำมาสู่การผลิตผลงานสร้างสรรค์ และนวตั กรรมใหม่ ๆ ไดใ้ นทีส่ ุด ความหมายของโรงเรยี นผลติ ภาพ (Productive School) นิยามของค�ำว่า “ผลิตภาพ” หรือ “Productivity” น้ัน โดยท่ัวไปมักมีความหมายส�ำคัญอยู่สองประการคือ ผลิตภาพในเชิงผลผลติ (Output) คอื การม่งุ เน้นที่ประโยชนข์ องการใช้งานผลผลิตน้นั ตามปัจจยั น�ำเขา้ (Input) ทป่ี อ้ น เข้าสู่ระบบ และอีกนัยหน่ึงมักให้นิยามผลิตภาพในเชิงประสิทธิภาพ (Efficiency) หรือการมองผลิตภาพเชิงคุ้มค่า หรือที่เรียกว่า ต้นทุนต่อหน่วย (Cost efficiency) ที่ในกระบวนการผลิตจะมุ่งเน้นหากระบวนการที่ดีท่ีสุดในการสร้าง ความคมุ้ คา่ ในเชิงตน้ ทนุ หรือการก�ำจัดกระบวนการท่ีไม่มปี ระสิทธภิ าพออกจากระบบนั่นเอง อย่างไรก็ดี ค�ำว่า “ผลิตภาพ” ในมิติทางการศึกษา (Productivity in Education Sector) น้ัน ไม่อาจมอง เชงิ ผลผลติ (Output) หรอื เชงิ คมุ้ ทนุ (Efficiency) เพยี งอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื ทงั้ สองอยา่ งเทา่ นนั้ หากแตต่ อ้ งมองไปใหถ้ งึ ค�ำว่า “ผลิตภาพเชิงคุณค่า” (Valuable) มุ่งเน้นที่คุณภาพของกระบวนการผลิต สร้างผู้เรียนที่มีคุณค่าต่อตนเองและ สังคมดว้ ย ดังน้ัน โรงเรียนผลิตภาพ (Productive School) จึงหมายรวมถึง สถานศึกษาท่ีมุ่งเน้นการสร้างคุณค่า ในตัวผู้เรียน ผ่านกระบวนการผลิตท่ีเน้นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน (Process of Learning) ให้ผู้เรียน มีผลลัพธ์การเรียนรู้ตามท่ีคาดหวัง มีผู้เรียนเป็นไปตามคุณลักษณะที่ก�ำหนด โดยมีหลักสูตรที่น�ำผลลัพธ์การเรียนรู้ เป็นตัวตัง้ ในการออกแบบกระบวนการเรียนการสอน จนไดผ้ ลผลิตสำ� คญั ของกระบวนการเรยี นรู้ (Product of Learning) เน้นการสรา้ งใหผ้ ูเ้ รียนรจู้ กั การคดิ วเิ คราะห์ การคิดแกป้ ญั หา การคดิ สรา้ งสรรค์ สามารถพัฒนาผลผลิตแหง่ ความคิดน้ัน ออกมาเป็นผลงานท่ีเป็นรูปธรรม สามารถน�ำไปพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมท่ีมีมูลค่าเพ่ิมในเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคตได้ (Product and Innovation) 393 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

คุณลักษณะของนักเรียนผลติ ภาพ (Productive Student) การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในสังคมอนาคตน้ัน จ�ำเป็นต้องสร้างผู้เรียนท่ีเป็น นักเรียน ผลิตภาพ (Productive Student) ให้เกิดขึ้นมาก ๆ ในสังคมไทย น่ันหมายถึง นักเรียนที่สามารถน�ำความรู้ไปสู่ การปฏิบัติจริงได้ คิดและผลิตงานใหม่ ๆ โดยเน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ ก่อให้เกิดงานหรือ นวัตกรรมใหม่แก่สังคม และมีจิตส�ำนึกแห่งการเป็นผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภค เป็นผู้สร้างสรรค์มากกว่าเป็นผู้ตาม เป็นผู้ท่ีมีวิจารณญาณ มีความรับผิดชอบ มีความคิดใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่าง การพึ่งพงิ และการเปน็ อสิ ระ และมคี วามพร้อมต่อกระแสโลกาภวิ ตั น์ นอกจากน้ี ผเู้ รยี นควรมีลักษณะของ นกั เรียนเชิงรกุ (Proactive Student) คอื สามารถท�ำงานไดด้ ีดว้ ยตนเอง ท้ังการท�ำงานคนเดยี วและการท�ำงานกลมุ่ และมีคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ของนกั เรียนผลิตภาพ ๗ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) มีจิตใจมุ่งมั่นสร้างผลงานใหม่ (Product-oriented mind) เป็นผู้เรียนที่มีลักษณะมุ่งมั่น ในการผลิต ผลงานใหม่ ๆ เน้นการลงมือปฏิบัติ เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง มีศักยภาพในการท�ำงานสูง ผลงานเป็นท่ีโดดเด่น ผูท้ ่ีสร้างสรรคผ์ ลิตผลงานใหม่ ๆ จะได้รบั การยอมรบั จากสมาชกิ ในกลมุ่ ไปยังสงั คมในวงกวา้ ง ๒) มีจิตสร้างสรรค์และมุ่งนวัตกรรม (Creative and Innovative mind) เป็นผู้ที่มีความคิดหลากหลาย มีความยืดหยุ่น คดิ กว้างไกล และสรา้ งสรรค์ผลงานได้ จนเกดิ ความแปลกใหม่แตกต่างไปจากเดมิ สะท้อนถึงจนิ ตนาการ และการคิดต่างในเชิงบวก ซ่ึงอาศัยพ้ืนฐานความรู้ ประสบการณ์เดิม บนมุมมองใหม่ มาสร้างสรรค์ ผลิตผลงาน ในรปู แบบใหม่ ทส่ี ามารถนำ� มาพฒั นาตอ่ ยอดนำ� ไปสู่นวัตกรรมไดใ้ นอนาคต ๓) มคี วามเป็นผู้ประกอบการ สร้างผลผลติ ของตนเองได้ (Entrepreneurship) เป็นผู้ทม่ี วี สิ ัยทัศน์กว้างไกล มองอนาคตหรือเห็นโอกาสในการเลือกด�ำเนินธุรกิจ เป็นผู้ที่ต้องการมีความส�ำเร็จสูง มีเป้าหมายในอนาคต มีความคิด สร้างสรรค์ในการผลิตสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่ ๆ ท่ีมคี ุณภาพ พร้อมรบั ความเปลี่ยนแปลง และยอมรับความเส่ยี ง มคี วามสามารถในการปรับตวั และเป็นผ้ทู ่ีมีเครือขา่ ยในการทำ� งาน ท่มี า : http://productivemuslim.com/productive-mums-establish- ทีม่ า : http://www.nationmultimedia.com/technology/School-in- ing-an-after-school-routine/ Korat-pioneers-Google-Apps-for-Education-30248451.html 394 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๔) มีความอดทน มุ่งม่ันสร้างผลผลิต เผชิญและฝ่าฟันอุปสรรคได้ (Persistence) เป็นผู้ท่ีมีความอดทน อุตสาหะ มีความสามารถในการเผชิญและฝ่าฟันอุปสรรค แก้ปัญหาบนความท้าทาย สร้างสรรค์ผลงานอย่างมุ่งม่ัน มกี �ำลงั ใจ ไมท่ อ้ แท้ มงุ่ สคู่ วามสำ� เรจ็ ในทส่ี ดุ ๕) มคี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรม (Ethics) เปน็ ผทู้ ม่ี พี ฤตกิ รรมเชงิ จรยิ ธรรม โดยยดึ หลกั การตดั สนิ ใจเชงิ จรยิ ธรรม ที่น�ำเอากฎเกณฑ์และความคาดหวังของสังคมเป็นตัวต้ัง ประกอบกับการมีจริยธรรมอย่างมีวิจารณญาณของตนเอง เป็นกรอบในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมที่เหมาะสม ท้ังต่อความคาดหวังของตนเอง ครอบครัว และสังคม และสามารถ น�ำหลกั การนน้ั มาประยุกต์ใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม ๖) มีการท�ำงานเป็นทีม (Teamwork) เป็นผู้ที่มีพฤติกรรมในการท�ำงานกลุ่ม มีทักษะในการท�ำงานเด่ียว และงานกลมุ่ รจู้ กั การแบง่ บทบาทหนา้ ที่ มคี วามสามารถในการบรหิ ารจดั การทมี ดำ� เนนิ งาน การตดิ ตามและประเมนิ ผล ยอมรบั การแสดงความคดิ เหน็ เนน้ การมสี ว่ นรว่ มและการแกป้ ญั หารว่ มกนั ของสมาชกิ ในทมี นำ� ไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ของงาน และการต่อยอดสนู่ วัตกรรม ๗) มคี วามเปน็ พลเมอื งโลก (Global Citizenship) เป็นผทู้ ี่มีทักษะในการแสวงหาความรู้ ใฝ่เรียนรู้ มที กั ษะ ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ และแก้ปัญหาได้ มีความสามารถในการแข่งขัน กับประชาคมโลกได้ มีความตระหนักต่อบทบาทของตนเองในสังคมไทย และสังคมโลก มีความสามารถในการส่ือสาร ในระดับสากล มีความพร้อมในการเรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับความแตกต่างในสังคมท่ีหลากหลาย และมีอัตลักษณ์ ความเป็นไทยในสงั คมพหุวฒั นธรรม คุณลกั ษณะของครูในโรงเรยี นผลิตภาพ ทา่ มกลางความเปลย่ี นแปลงและความตอ้ งการของสงั คมในศตวรรษที่ ๒๑ ครตู อ้ งคำ� นงึ ถงึ และกำ� หนดบทบาท ของตนเองให้ชัดเจนสอดคล้องกับความคาดหวังของสังคม เปลี่ยนบทบาทจากครูที่เป็นเพียงผู้ให้ความรู้มาเป็นผู้ให้ คำ� แนะน�ำสัง่ สอน เปน็ ผอู้ อกแบบความรู้ เป็นผู้ออกแบบผ้เู รียน เป็นผคู้ วบคุมกระบวนการผลิต และเป็นผู้ประสานและ เอื้อความร้เู พ่อื ประสทิ ธิภาพของผู้เรียน หรอื ที่เรียกวา่ “ครูเอ้อื ความรู้” ซึง่ มีลักษณะสำ� คัญ ๗ ประการ คือ (๑) เอ้ือใหผ้ ู้เรียนก�ำหนดจดุ มุ่งหมายการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง (๒) แนะให้ผ้เู รียนแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง (๓) เออื้ ใหผ้ ้เู รียนรจู้ กั เลือกสรรขอ้ มลู ทหี่ ลากหลาย (๔) ช่วยใหผ้ เู้ รียนสรปุ ประมวลสง่ิ ท่เี รียนรเู้ ปน็ องค์ความรู้ (๕) ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนตกผลึกความรู้ ความคดิ และเข้าใจเรอื่ งที่เรยี นรอู้ ยา่ งแจม่ แจ้ง (๖) ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นประยุกต์และพิจารณาว่าจะนำ� ความร้ไู ปใช้ไดอ้ ย่างไร และ (๗) ช่วยให้ผ้เู รียนประเมนิ ความรูข้ องตนเองได้อยา่ งเปน็ กลาง 395 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงคข์ องครใู นโรงเรยี นผลติ ภาพ สิ่งท่ีส�ำคัญที่สุดคือ ครูต้องมีบทบาทในการส่งเสริมผู้เรียน ให้ผู้เรียนน�ำความรู้สู่การผลิตผลงานได้ (Product) นอกจากน้ี ครจู ะตอ้ งมคี วามเอาใจใส่ มคี วามรดู้ ี เปน็ ผรู้ เู้ นอ้ื หาวชิ าในสาขา ของตนเป็นอยา่ งดี ใช้วธิ กี ารสอนและกลยุทธท์ เี่ หมาะสมอยา่ ง หลากหลาย ซ่งึ มคี ุณภาพสงู เพื่อประเมนิ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น เข้าใจความต้องการในการพัฒนาของผู้เรียน มีความพร้อม ในการพัฒนาวิชาชีพให้เข้มแข็งอยู่เสมอ คุณลักษณะส�ำคัญ ของครูในโรงเรยี นผลิตภาพมี ๗ ประการ คอื (๑) มีอดุ มการณแ์ ละความคิดสร้างสรรค์ ท่ีมา : http://iowatoy2014.blogspot.com/2014/09/points-of- pride-whiting-community.html (๒) มีความสามารถในการจดั การเรยี นการสอนเพ่ือการผลิตได้ (๓) มีความสามารถในการส่งเสริมผ้เู รยี นให้สร้างความร้ไู ดด้ ้วยตนเอง (๔) มีความสามารถสง่ เสริมผเู้ รียนให้เรียนรแู้ ละท�ำงานเป็นทีม (๕) เป็นนกั วิจยั และนักการตลาดทม่ี วี สิ ยั ทศั น์ (๖) มคี วามรแู้ ละทักษะทางธุรกิจ และ (๗) มจี ริยธรรม เป็นแบบอย่างทีด่ ี และปลกู ฝงั คุณธรรมแกผ่ ู้เรียนได้ หลกั สูตรของโรงเรียนผลิตภาพ การสร้างหลักสตู รของโรงเรยี นผลิตภาพนนั้ ตอ้ งเร่มิ จากการวิเคราะห์สภาพปจั จุบนั ปัญหา และบรบิ ทของ โรงเรียน เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนสร้างผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์อยู่บนฐานของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และมีการปรับเนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ในเชิงผลติ ภาพ ตลอดจนจดั ทำ� รายวชิ าเพมิ่ เตมิ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกิดแนวคิดและทักษะ ในการผลติ หรอื การสรา้ งนวตั กรรมใหม่ ๆ ขน้ึ ไดโ้ ครงสรา้ งหลกั สตู รของโรงเรยี นผลติ ภาพ มรี ายวชิ าพนื้ ฐานตามกลมุ่ สาระ และมีรายวชิ าเพิ่มเตมิ ในการพฒั นาคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงคข์ องผเู้ รียน คือ วิชาศาสตร์การคดิ โครงงานและสง่ิ ประดษิ ฐ์ เศรษฐศาสตร์ การเงนิ และการประกอบกจิ การ โลกและพลเมอื งศกึ ษา ภาวะผนู้ ำ� คณุ ธรรมและจรยิ ธรรม และสง่ิ แวดลอ้ มศกึ ษา ทง้ั นี้ หลกั สูตรของโรงเรียนผลิตภาพ ควรอยู่บนพืน้ ฐานขององคป์ ระกอบส�ำคัญ ๗ ประการ ดงั น้ี (๑) หลกั สตู รทสี่ รา้ งทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละการแกป้ ญั หา ผเู้ รยี นในโรงเรยี นผลติ ภาพ ตอ้ งเปน็ ผทู้ มี่ ที กั ษะ การคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล มตี รรกะในการคดิ เนอื่ งจากโลกมกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ดงั นน้ั ผเู้ รยี นในยคุ นจี้ ะตอ้ งมตี รรกะ เป็นอย่างดี สามารถพิจารณาได้ถึงเหตุและผลท่ีจะเกิดขึ้น รวมถึงการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ทั้งน้ี รายวิชาศาสตร์ การคิด เป็นรายวิชาที่โรงเรียนควรเน้นในการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการคิดแก้ปัญหาให้แก่ผู้เรียน เพ่ือกระตุ้น ให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีจุดมุ่งหมาย ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพ่ือใช้แก้ปัญหา ในสถานการณจ์ ริง หรอื สถานการณท์ จี่ ำ� ลองขน้ึ 396 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

(๒) หลกั สตู รทสี่ รา้ งทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม โรงเรยี นควรสรา้ งหลกั สตู รทส่ี ง่ เสรมิ การพฒั นา ความคดิ สร้างสรรค์ เพือ่ นำ� ไปสู่การสรา้ งองคค์ วามรเู้ พ่ือการตัดสนิ ใจดว้ ยตนเองและสร้างสรรคส์ ง่ิ ใหม่ใหแ้ ก่สงั คม ทัง้ น้ี หลักสูตรควรเน้นที่การพัฒนาให้ผู้เรียนได้เกิดทักษะการวิเคราะห์เพ่ือแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยเน้นหน่วยการเรียน หลัก ๆ ได้แก่ หน่วยการพัฒนาการคิด หน่วยการพัฒนาจิตใจและบุคลิกภาพ และหน่วยการพัฒนาความสามารถและ ทักษะในการสร้างผลผลิตเพอื่ นำ� ความรสู้ ่กู ารปฏบิ ัติ (๓) หลักสูตรที่พัฒนาภาวะผู้น�ำและทักษะการประกอบอาชีพ หลักสูตรผลิตภาพควรเน้นที่กระบวนการ ในการพัฒนาภาวะผู้น�ำของผู้เรียน และส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะผู้ประกอบการ เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการน�ำตนเอง เป็นผู้น�ำชีวิตและสามารถน�ำพาคนอ่ืนให้ไปสู่เป้าหมายท่ีต้องการได้ นอกจากน้ี หลักสูตรควรส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ และทกั ษะในการดำ� เนนิ ธรุ กจิ ตลอดจนแนวโนม้ ความเปลยี่ นแปลง และความตอ้ งการของตลาด เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามเขา้ ใจ ในระบบธุรกิจนอกเหนอื จากความสามารถในการผลิต สามารถเปน็ ผูป้ ระกอบการด้วยตนเองได้ (๔) หลักสูตรท่ีส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม หลักสูตรต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความสมดุลทางความคิด ในด้านคุณธรรมจริยธรรม และมีส�ำนึกรับผิดชอบต่อสังคม การพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ประกอบการและการพัฒนา การเรียนรเู้ ชิงธุรกจิ นัน้ อาจสร้างผู้เรยี นใหเ้ ป็นผบู้ ริโภคนยิ ม เนน้ การค้าก�ำไร เหน็ แก่ประโยชน์สว่ นตนมากกวา่ สว่ นรวม หลกั สูตรผลิตภาพจึงควรจดั วชิ าคุณธรรมจริยธรรม วชิ าพลโลก และพลเมืองศึกษา เป็นวิชาเพิ่มเติมในหลักสูตร (๕) หลักสูตรท่ีส่งเสริมการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน หลักสูตรควรเน้นท่ีการพัฒนาผู้เรียนท่ีมีความรู้ ความสามารถตา่ งกนั ไดม้ โี อกาสในการทำ� งานรว่ มกนั แบบกลมุ่ โดยแตล่ ะคนตา่ งรบั ผดิ ชอบในบทบาทและหนา้ ทข่ี องตน เพือ่ ความส�ำเร็จตามเปา้ หมายของกลุ่ม เนน้ การทำ� งานและการอยรู่ ่วมกันในสงั คมอยา่ งมคี วามสุข การสรา้ งความสมั พนั ธ์ อนั ดรี ะหวา่ งบคุ คล การปรบั ตวั ใหท้ นั ตอ่ การเปลย่ี นแปลง และการหลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคอ์ นั จะสง่ ผลกระทบ ต่อตนเองและผ้อู น่ื (๖) หลักสูตรท่ีส่งเสริมความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ผู้เรียนในหลักสูตรน้ี ควรเป็นผู้ท่ีมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ เพราะการเลือกใช้ข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ มีความส�ำคัญ ต่อความส�ำเร็จของทุกคน หากผู้เรียนไม่สามารถสื่อสารกับผู้อ่ืนได้อย่างเข้าใจและมีประสิทธิภาพก็ไม่อาจประสบ ความส�ำเรจ็ ในการท�ำงานได้ (๗) หลักสูตรที่พัฒนาทักษะสังคมโลก หลักสูตรควรส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สังคม เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรมของสังคมโลก ตลอดจนการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ท่ีจะเข้าใจและปรับตัว ให้เข้ากับวัฒนธรรมใหม่ในสังคมท่ีหลากหลาย เพ่ือให้เกิดความเข้าใจวัฒนธรรม การด�ำรงชีวิตของคนในสังคมโลก มคี วามเข้าใจในการทำ� งานกับคนตา่ งชาติตา่ งภาษา 397 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

รปู แบบการเรยี นการสอนท่ีมุ่งเน้นผลิตภาพ การเรียนการสอนผลิตภาพ เน้นการส่งเสริมการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ หรือคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ให้เกิดข้ึนในตัวผู้เรียนเป็นส�ำคัญ เน้นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความหมาย ให้ผู้เรียนได้ฝึกฝน ปฏิบัติจากกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณค่าต่อสังคมภายใต้แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย รูปแบบการเรียนการสอน ทมี่ งุ่ เนน้ ผลติ ภาพ (Productivity-Based Instruction Model) ประกอบดว้ ยรปู แบบการสอนทสี่ อดคลอ้ งกบั เปา้ หมายหลกั ของ โรงเรียนผลติ ภาพ ๗ รูปแบบ คอื ๑) การเรียนรู้ตามสถานการณ์จริง (Situation-Based Learning) เป็นการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้น ให้ผู้เรียนฝึกฝนและปฏิบัติงานที่มีคุณค่าต่อการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวันของผู้เรียน เน้นการใช้กระบวนการแก้ปัญหา จากสถานการณท์ ซ่ี บั ซอ้ น สรา้ งแรงจงู ใจใหผ้ เู้ รยี นกลา้ ทจี่ ะปฏบิ ตั งิ านตามภารกจิ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย โดยผสู้ อนตอ้ งมอี สิ ระ ทางความคิดและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนและวางแผนในการควบคุมสถานการณ์ ใช้ค�ำถามกิจกรรมที่เน้นการกระตุ้น และดึงความสามารถของผูเ้ รยี นออกมาเพ่ือให้สามารถผลิตชน้ิ งานใหม่ ๆ ได้ ผสู้ อนจึงต้องเตรียมผู้เรยี นใหม้ คี วามเชื่อมั่น กลา้ เสย่ี ง และยอมรบั ผลของการดำ� เนนิ งานทผี่ า่ นการไตรต่ รองมาแลว้ ในระดบั หนง่ึ และพรอ้ มทจ่ี ะเปลยี่ นแปลงเพอ่ื เผชญิ สถานการณใ์ หม่ ๆ จนสามารถผลิตชิ้นงานได้ ๒) การเรยี นรู้แบบนำ� ตนเอง (Self-Directed Learning) การเรยี นรู้ลักษณะน้ีกระบวนการเรียนรเู้ ปิดโอกาส ใหผ้ ู้เรียนไดว้ างแผนการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองแบบครบวงจร โดยวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการในการเรยี นรู้ของตนเอง ต้งั เปา้ หมาย ในการเรียน แสวงหาผู้สนับสนุน หาแหล่งความรู้ด้วยตนเอง ส่วนผู้สอน มีบทบาทเป็นกัลยาณมิตรท่ีท�ำหน้าที่กระตุ้น แนะแนวและช่วยเหลือ โดยอาศัยแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ช่วยในการด�ำเนินไปสู่การปฏิบัติ และบรรลุเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ ซึ่งผู้เรียนจะรับผิดชอบในการวางแผน ปฏิบัติและการประเมินผลความก้าวหน้าในการเรียนของตนเอง ผู้เรียนสามารถ ถ่ายโอนการเรียนร้แู ละทักษะจากสถานการณห์ นึ่งไปสูอ่ ีกสถานการณ์หน่งึ ได้ ๓) การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความคิด ที่มา : http://business.metamoji.com/blog/back-school- สรา้ งสรรค์ (Creativity-Based Learning) การเรยี นรใู้ นรปู แบบน้ี 2015-get-new-devices เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นหาคำ� ตอบทห่ี ลากหลาย ไมม่ รี ปู แบบตายตวั ท�ำให้มีความคล่องตัวสูง เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียน ตามความถนัดและความสนใจ เป็นการกระตุ้นและสร้างแรง บันดาลใจให้ผู้เรียนได้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ผลผลิต ด้วยตนเอง เป็นการจดั สถานการณ์ให้ผู้เรยี นไดม้ ปี ระสบการณ์ ในการแก้ปัญหา โดยผู้สอนต้องใจกว้าง ยอมรับความแตกต่าง ระหว่างบุคคลในความหลากหลายของผู้เรียน ซ่ึงการสอน ในลักษณะนี้สามารถน�ำไปจัดการเรียนรู้ได้กับทุกกลุ่มสาระ และสามารถเชอื่ มโยงไดก้ บั รูปแบบการเรยี นรูอ้ ่ืน ๆ 398 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๔) การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื (Co-operative Learning) และการเรยี นรแู้ บบรว่ มแรงรวมพลงั (Collaborative Learning) การเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นวิธีหนึ่งท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ซึ่งช่วยให้ผู้เรียน ได้รับประสบการณ์ท่ีสัมพันธ์กับชีวิตจริง ได้รับการฝึกฝนทักษะกระบวนการแสวงหาความรู้ การคิด การจัดการความรู้ การแสดงออก การสร้างความรู้ใหม่และการท�ำงานเป็นกลุ่ม เน้นการช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน และการฝึก มีความรับผิดชอบท้ังส่วนตนและส่วนรวม ส่วนการเรียนรู้แบบร่วมแรงรวมพลังน้ัน เป็นวิธีการเรียนการสอนแบบเน้น ความรับผิดชอบร่วมกัน เน้นการมีความสนใจของสมาชิกมากกว่าระดับความสามารถ บทบาทของสมาชิกทุกคน มีความชัดเจนและท�ำงานไปพร้อม ๆ กัน เน้นการศึกษา ค้นคว้า และปฏิบัติ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เน้นการยอมรับ ในบทบาทหน้าทขี่ องกันและกนั รวมทัง้ สามารถแลกเปล่ียนความคิดเหน็ ซึ่งกนั และกนั ได้ตลอดเวลา ๕) การเรยี นรแู้ บบโครงงาน (Project-Based Learning) การจดั การเรยี นรลู้ กั ษณะนเี้ นน้ ใหผ้ เู้ รยี นเรยี นรแู้ ละ ท�ำกิจกรรมด้วยตนเองผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ จนส�ำเร็จ มีโอกาสในการฝึกฝนและแก้ปัญหา โดยใช้กระบวนการกลุ่ม สัมพันธ์ในการท�ำกิจกรรมต่าง ๆ โดยการจัดการเรียนรู้มุ่งให้ผู้เรียนท�ำกิจกรรมหน่ึง ตามความสนใจ ความกระตือรือร้น และความใฝ่รู้ของผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีโอกาสในการแสวงหาข้อมูลความรู้ต่าง ๆ เพื่อท�ำชิ้นงานให้ประสบความส�ำเร็จ ตามจดุ มงุ่ หมายของโครงการดว้ ยวธิ ปี ฏบิ ตั กิ ารจรงิ เพอ่ื เรยี นรวู้ ธิ กี ารแกป้ ญั หา อนั นำ� ไปสกู่ ารคดิ วเิ คราะห์ แสวงหาขอ้ มลู และแนวทางในการแก้ปญั หาเหล่าน้นั เพอื่ ใหไ้ ด้มาซ่ึงผลส�ำเรจ็ เปน็ ผลผลิตหรือช้ินงานตามเป้าหมายทหี่ ลกั สูตรผลิตภาพ ไดก้ ำ� หนดไว้ ๖) การเรยี นรู้ท่ีสง่ เสรมิ การคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking Learning) การคดิ วจิ ารณญาณเปน็ ทกั ษะ การคดิ ขนั้ สงู ทผ่ี เู้ รยี นตอ้ งมพี น้ื ฐานของการคดิ วเิ คราะห์ นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาทกั ษะ การคดิ แกป้ ญั หาและการคดิ สรา้ งสรรคใ์ นทสี่ ดุ ซง่ึ รปู แบบการเรยี นการสอนแบบสบื สอบ (Inquiry Model) เปน็ กลวธิ ที เี่ นน้ การกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความอยากรอู้ ยากเหน็ จนสอบผา่ นกระบวนการคดิ อย่างมีเหตุผลลึกซง้ึ ผา่ นการกลั่นกรองอย่างมวี จิ ารณญาณจนน�ำไปสูก่ ารผลติ ช้ินงานออกมา ให้ตอบสนองความต้องการใช้งานและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด นอกจากน้ี ผู้เรียนยังเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพอื่ ให้เกิดการเรียนรทู้ ่ียัง่ ยืนตอ่ ไป ๗) การเรียนรู้จากกิจกรรมห้องเรียนผลิตภาพ (Productive Classroom Activities) การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ส�ำหรับห้องเรียนผลิตภาพ ควรเน้นที่การสร้างประสบการณ์ตรงให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และฝึกทักษะ การคิดแก้ปัญหา ใช้ความรู้น�ำมาสู่การแก้ปัญหา เช่น วิธีการสอนแบบบริษัทจ�ำลอง เน้นให้ผู้เรียนจัดท�ำโครงการหรือ โครงงาน โดยเน้นที่ผู้เรียนสามารถผลิตชิ้นงานเพื่อจ�ำหน่ายได้ เป็นการพัฒนาทักษะความเป็นผู้ประกอบการให้กับ ผู้เรียน และการจัดกิจกรรมกระตุ้นจากภายใน เช่น การประกวด การแข่งขัน เพ่ือสร้างบรรยากาศกระตุ้นให้ผู้เรียน เกดิ ความสนใจทจี่ ะผลติ ชน้ิ งานนนั้ ใหส้ ำ� เรจ็ นอกจากน้ี การศกึ ษาดงู านและการแบง่ ปนั ประสบการณจ์ ากวทิ ยากรภายนอก โดยเฉพาะผปู้ ระกอบการชมุ ชนหรอื ทอ้ งถน่ิ ยงั เปน็ การชว่ ยเสรมิ ประสบการณใ์ หแ้ กผ่ เู้ รยี นและสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การอนรุ กั ษ์ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ตลอดจนปลูกฝงั คณุ ธรรมจริยธรรม และจิตส�ำนึกความรับผิดชอบตอ่ ชุมชนอกี ทางหนง่ึ ด้วย 399 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การวัดและการประเมนิ ผลของโรงเรียนผลติ ภาพ การวดั และการประเมนิ ผลของโรงเรยี นผลติ ภาพ ควรมงุ่ ในการประเมนิ ผลจากผลงานในเชงิ ประจกั ษท์ เ่ี กดิ ขนึ้ ในสถานการณ์จริงของผู้เรียน เน้นการประเมินผลระหว่างเรียนของผู้เรียนแต่ละคน โดยค�ำนึงถึงสภาพปัญหา ผลการ ปฏบิ ัติจริงทั้งในชัน้ เรยี นและชวี ิตประจำ� วัน โดยมีเป้าหมาย ดังน้ี ๑) เพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ช่วยให้ผู้เรียนสามารถถ่ายโอนประสบการณ์จากการเรียนรู้เดิมไปสู่ ประสบการณใ์ หมไ่ ด้ เกดิ เป็นองคค์ วามรู้ใหม่ได้ดีกวา่ การเรียนรู้แบบท่ัวไป ๒) เพ่ือให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดและแสวงหาวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมกับความสามารถและศักยภาพของตนเอง ตามความสนใจและความถนดั ซึ่งก่อให้เกดิ คณุ คา่ ในตนเองมากกว่า ๓) เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนมคี วามมุ่งม่นั ต่อการลงมือปฏบิ ัตงิ านให้สำ� เรจ็ ตามเป้าหมาย เกิดแรงกระตนุ้ จากภายใน ๔) เพื่อสง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รียนมนี ิสยั ใฝร่ ู้ ใฝค่ ดิ คิดสร้างสรรค์ คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ ๕) เพื่อกระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นรจู้ ักวธิ ีคดิ และนำ� เสนอไดด้ ว้ ยตนเองอย่างมีเหตุผลและถกู ต้อง ที่มา : http://gettingsmart.com/2015/01/6-things-make-metro- ทม่ี า : http://rdlssraponce5grado.blogspot.com/ great-different-neighborhood-high-school/ เทคนิควธิ ีการวดั และการประเมนิ ผลของโรงเรียนผลติ ภาพนัน้ ควรเนน้ กระบวนการเชิงคุณภาพ (Qualitative Evaluation) เปน็ สำ� คญั เพอ่ื สะทอ้ นพฤตกิ รรม การกระทำ� การแสดงออกหลาย ๆ ดา้ นของผเู้ รยี น ตามสภาพความเปน็ จรงิ ทั้งในและนอกห้องเรียน โดยใช้วิธีสังเกต สัมภาษณ์ การตรวจช้ินงาน ผลงาน หรือ โครงการที่เป็นผลงานของผู้เรียน เพือ่ น�ำผลไปใช้ในการช่วยเหลือและพัฒนาผ้เู รียน และเพอ่ื ปรบั ปรงุ คณุ ภาพการสอนของครู ตลอดจนการประเมินผลจาก การรายงานตนเอง เพื่อให้ผู้เรียนสะท้อนความพึงพอใจในผลงานของตน พัฒนาตนเองให้ดีย่ิงข้ึน รวมทั้งการใช้บันทึก จากผู้ท่ีเก่ียวข้อง นอกจากน้ี การใช้ข้อสอบแบบเน้นการปฏิบัติจริง และการประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงานก็เป็นอีก รปู แบบหน่งึ ของการประเมนิ จากผลผลิตของผู้เรียนในเชิงประจักษไ์ ดอ้ ยา่ งชดั เจนทส่ี ดุ 400 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘