Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

Description: สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

Search

Read the Text Version

เทคโนโลยกี ารค�ำนวณและคอมพวิ เตอรท์ กุ หนแห่ง (Ubiquitous computing technology) เม่ือกล่าวค�ำว่า Ubiquitous ในท่ีน้ีจะหมายถึง Ubiquitous computing คือ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ไดท้ กุ หนทุกแห่ง การใชง้ านคอมพวิ เตอรใ์ นวันนแ้ี ตกตา่ งไปจากเดมิ ท่เี ม่ือกอ่ นคอมพิวเตอร์มีขนาดใหญ่ จึงติดตัง้ อยูก่ ับท่ี แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็ก พกพาติดตัว เคลื่อนที่ไปไหนก็ได้ตลอดเวลา สามารถใช้เช่ือมโยงเข้าสู่เครือข่าย ไดจ้ ากทกุ ทด่ี ว้ ยระบบไร้สายที่ครอบคลมุ ทุกพน้ื ที่ ติดต่อสือ่ สาร และเรยี กใช้ข้อมลู ได้ไมว่ า่ จะอยทู่ ีใ่ ด การพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทุกหนทุกแห่ง ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ที่ต้องการชีวิต ที่ดีขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกสบายข้ึน การพัฒนาเทคโนโลยีจึงเน้นการตอบสนองต่อการใช้งานที่ต้องการความคล่องตัว ตอบสนองการท�ำงานได้ทุกที่ จากยึดติดอยู่กับท่ี เช่น คอมพิวเตอร์ต้ังโต๊ะ มาเป็นโน๊ตบุ๊ค ท่ีน�ำไปมาที่ต่าง ๆ ได้ ต่อมา ท�ำให้มีความคล่องตัวยิ่งข้ึน พกพาสะดวก เป็นแท็บเล็ต และยุคปัจจุบัน ต้องการเคล่ือนย้ายสะดวก มีโมบิลิตี้ (Mobility) สูง พกพาติดตวั ได้งา่ ย ใช้งานไดห้ ลากหลายหนา้ ท่ี เปน็ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ เป็นกลอ้ งถา่ ยภาพ เปน็ เคร่ืองหาต�ำแหนง่ (GPS) ฯลฯ จึงพัฒนาเป็นอุปกรณ์โมบาย (Mobile device) เช่น แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และพัฒนาต่อมาเป็นคอมพิวเตอร์แบบ สวมใส่รา่ งกาย (Pervasive computer) เชน่ นาฬิกา แว่นตา เปน็ ตน้ แผนภาพท่ี ๒ คอมพวิ เตอร์ และ อปุ กรณ์ ต่าง ๆ ขณะเดยี วกนั การใชง้ านคอมพวิ เตอร์ จ�ำเป็นต้อง เชื่อมตอ่ เข้าหาเครือข่ายเพอื่ ครอบคลมุ ทุกพ้ืนที่ มีการรับส่งข้อมูลระหว่างกัน มีการเช่ือมโยงเป็นเครือข่าย เครือข่ายหลักท่ีใช้งานคือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตท่ีเชื่อมโยง กนั ดว้ ยมาตรฐานเดยี วกนั ทวั่ โลก ทำ� ใหท้ กุ คนทตี่ อ่ เชอื่ มกบั อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็ส่ือสารถึงกันได้ ระบบ การเช่ือมต่ออุปกรณ์การค�ำนวณเข้ากับเครือข่ายจึงได้รับ การพัฒนาให้เช่ือมต่อได้ง่าย เพ่ือการใช้งานทุกหนแห่ง ด้วยการพัฒนาให้ครอบคลุมทุกพ้ืนที่ มีการพัฒนาและ วางโครงข่ายท้ังแบบใช้สาย (Wire lan) และแบบไร้สาย (Wireless lan) ตัวอย่างเครือข่ายไร้สายท่ีใช้กันมาก เช่น แบบไวไฟ (WiFi) แบบการสื่อสารข้อมูลไร้สายบนเครือข่าย โทรศัพท์แบบ 3G และก�ำลังเพ่ิมขีดความสามารถให้ สื่อสารข้อมูลได้มากขึ้นเป็นแบบ 4G หรือ LTE-Long-Term Evolution โดยเนน้ เพมิ่ ขนาดชอ่ งสอ่ื สารใหก้ วา้ งขน้ึ เพอ่ื รบั สง่ ข้อมูลได้เร็วขึ้น และให้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ จนการใช้งาน ไปไดท้ ุกหนแห่ง 201 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

นอกจากเทคโนโลยีด้านเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารท้ังแบบใช้สาย และไร้สายแบบต่าง ๆ แล้ว ยังรวมไปถึงเทคโนโลยีการประมวลผลบนเครือข่าย โดยเฉพาะเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ท่ีท�ำให้มีการเก็บข้อมูลจ�ำนวนมาก มีการพัฒนาเทคโนโลยีเว็บ (Web technology) ท่ีสามารถเก็บข้อมูลและน�ำเสนอข้อมูล ผ่านโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser) มีเซิร์ฟเวอร์ให้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจ�ำนวนมาก ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูล ขา่ วสาร ผา่ นการเชอ่ื มตอ่ ทางเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ โดยทเ่ี ครอ่ื งผใู้ ชง้ านมโี ปรแกรมเวบ็ บราวเซอร์ กส็ ามารถเรยี กใชข้ อ้ มลู ข่าวสารได้ การเก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์มีเป็นจ�ำนวนมาก และเมื่อรวมกัน จึงมีข้อมูลข่าวสารมากที่สามารถเรียกใช้งาน ได้จากทุกท่ี ทุกเวลา และเชื่อมโยงข้อมูล (Link) ถึงกัน โดยอ้างอิงช่ือท่ีเก็บข้อมูล (URL-Uniform Resource Locator) การเก็บรวบรวมข้อมูลไว้รวมกันบนเครือข่าย จึงเสมือนข้อมูลข่าวสารล่องลอยอยู่เป็นกลุ่มเมฆ เรียกว่า กลุ่มเมฆข้อมูล ข่าวสาร หรอื คลาวดข์ อ้ มลู ข่าวสาร (Information cloud) การใช้ขอ้ มลู ทกุ หนแหง่ บนคลาวด์ข้อมลู ขา่ วสาร รูปแบบการใช้ข้อมูลขา่ วสารแบบทกุ หนแหง่ แผนภาพท่ี ๓ ผู้คนเข้าถงึ ข้อมลู ขา่ วสารคลาวด์ไดท้ ุกที่ ทุกเวลา ข้อมูลข่าวสารและความรทู้ ุกหนทุกแห่ง กลุ่มเมฆข้อมูลข่าวสาร (คลาวด์-Cloud) หมายถึง การประมวลผล และการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศ และความรทู้ ร่ี วมกนั เปน็ ขอ้ มลู ขนาดใหญ่ (Big data) ทอ่ี ยใู่ นอนิ เทอรเ์ นต็ เขา้ ถงึ ไดจ้ ากทกุ ที่ ทกุ เวลา เสมอื นลอ่ งลอยอยรู่ อบ ๆ ตัวเรา เหมือนเมฆลอยอยู่ในท้องฟ้า เมื่อต้องการใช้ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ ก็ใช้เครื่องมือเรียกค้น ให้แสดงผลที่ คอมพวิ เตอร์ โดยท่ไี มส่ นใจว่า ทเ่ี กบ็ ที่แทจ้ ริงอย่ทู ใ่ี ด ซง่ึ หมายถงึ ขอ้ มูลท้งั หมดทอี่ ยบู่ นอนิ เทอร์เน็ตทมี่ จี �ำนวนมากมายมหาศาล หากเราเชอ่ื มตอ่ กับอินเทอรเ์ นต็ ได้ ก็สามารถเรยี กใช้ได้ เช่น ข้อมลู อเี มล์ จดั เกบ็ ไวท้ ีต่ จู้ ดหมายของหนว่ ยงานที่ใหบ้ ริการ เราเรียกใชไ้ ด้ทุกเมือ่ โดยไมต่ อ้ งรูว้ ่าสถานทบี่ ริการนนั้ อยูท่ ่ใี ด อเี มลจ์ งึ เสมือนอยใู่ นกล่มุ เมฆน้ี 202 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ความจำ� เปน็ ของการใชค้ ลาวด์ หรอื กลมุ่ เมฆหมอกแหง่ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ความรู้ เพราะขอ้ มลู ขา่ วสาร ความรมู้ มี าก ยากท่ีจะเก็บไว้ท่ีคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานได้หมด หากเก็บไว้ในคลาวด์จะสามารถเรียกใช้ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ท่ีต่อเข้า อินเทอร์เน็ตได้ และยังใช้อุปกรณ์หลายอย่างที่เรามีอยู่ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ท่ีเช่ือมต่อ อินเทอร์เน็ต การเก็บในคลาวด์จึงสร้างประโยชน์แก่การใช้งานได้ดี เมฆหมอกแห่งความรู้จึงมีบทบาทท่ีส�ำคัญต่อการใช้งาน ท่ีเก่ียวโยงกับการใช้งานได้ทุกหนทุกแหง่ (Ubiquitous access) คลาวด์ เป็นขุมความรู้ที่ย่ิงใหญ่ เช่น วิกิพีเดีย สารานุกรมออนไลน์ที่มีเนื้อหาเกือบทุกภาษารวมกันกว่า ย่สี บิ ลา้ นเรื่อง เปน็ แหลง่ ความรูใ้ หญ่ท่ีเตบิ โตอยา่ งต่อเนือ่ งตลอดเวลา เป็นแหลง่ ความรทู้ ลี่ อยอยู่ใหเ้ รยี กใชไ้ ด้ทุกทท่ี กุ เวลา ปจั จุบัน สงั คมกา้ วสสู่ งั คมออนไลน์ มกี ารด�ำเนนิ กจิ กรรมบนโลกออนไลนม์ ากขึ้น การประยุกต์ตา่ ง ๆ ท�ำอยู่ บนเครือข่าย เท่ากับว่าเราใช้คลาวด์เพื่อส่ือสารระหว่างกัน เรียกดูข้อมูล น�ำข้อมูลใส่ในคลาวด์ เพ่ือแบ่งปันข้อมูล การดำ� เนนิ กจิ กรรมบนเครอื ข่ายสังคมออนไลน์ จึงกระท�ำได้ทกุ ท่ีทุกเวลา แหล่งความรทู้ ่อี ยู่บนคลาวด์ จงึ มบี ทบาทสำ� คญั ตอ่ การศกึ ษายุคใหม่ มผี ลท�ำใหก้ ารเรยี นยคุ ใหม่เปลยี่ นแปลง ไปจากเดมิ ผ้เู รียนค้นหาแหลง่ ความรไู้ ดง้ า่ ย สะดวก ทำ� ไดท้ กุ ท่ี ทกุ เวลา การเรียนรูแ้ บบทุกหนทุกแหง่ (Ubiquitous learning) การเขา้ ถงึ ความรเู้ ปลยี่ นไปจากเดมิ เมอื่ กอ่ นถา้ อยากจะคน้ หาอะไร เราตอ้ งแสวงหา อาจไปถามผรู้ ู้ หรอื แสวงหา จากห้องสมุด ซ่ึงมีความยุ่งยาก เสียเวลา กว่าจะได้ข้อมูล ความรู้นั้นมา ปัจจุบันหากอยากรู้อะไร ก็สามารถเรียกค้นจาก กลุ่มเมฆข้อมูลได้ทันใจ เหมือนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ที่ต้องการอยู่ที่ปลายน้ิว จนเกือบเรียกได้ว่า มองเห็นข้อมูลได้ทุกที่ (Visibility) เห็นไดอ้ ยา่ งเร็ว จนท�ำใหไ้ มต่ ้องจดจำ� อีกตอ่ ไป เพราะเรียกคน้ ส่งิ ทต่ี ้องการไดเ้ รว็ 203 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ในกลุ่มเมฆความรู้มีทรัพยากรการศึกษา (Education resource) เพื่อใช้ประโยชน์ในเรื่องการเรียนการสอน จ�ำนวนมาก การศึกษารูปแบบใหม่ใช้ทรัพยากรทางการศึกษาแบบออนไลน์ ท�ำให้เรียนรู้ได้มาก เร็ว ต้นทุนการศึกษาต�่ำลง มีความคล่องตัว (Agility) ให้บริการท่ัวถึงแบบออนไลน์ (Online service) เข้าถึง (Accessibility) ได้ดี มีความยืดหยุ่น ทางเวลา (Time flexibility) มีประสิทธิภาพ ท�ำให้การศึกษามีสภาพเป็นการศึกษาแบบเปิด (Open education) ที่ผู้คน จำ� นวนมากเข้ามาเรยี นรไู้ ดจ้ ากทุกท่ีทุกเวลา ในกลุ่มเมฆมีทรัพยากรการศึกษาที่เปิดให้เข้าถึงได้ (OER-Open Education Resource) หมายถึง ทรัพยากร การศกึ ษาดิจิทลั ทเี่ ขา้ ถึงได้จากทุกท่ี เป็นแบบเปดิ ให้นกั การศกึ ษา ครู นกั เรียน ประชาชนผู้สนใจทั่วไป เรียนร้ดู ้วยตนเอง หรือจะนำ� มาใชใ้ นการเรียนการสอน การวจิ ยั ตอ่ ยอดในสถานศกึ ษาก็ได้ ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด (Open education resource) มีมากท่ีมีผู้สร้างสรรค์ แบ่งปัน เข้าถึงได้ เป็นแบบออนไลน์ (Open online) ในรูปช้ินส่วนดิจิทัล (Digital object) มีรูปแบบหลากหลาย ท้ังท่ีอยู่ในรูปเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ อีบุ๊ก ค�ำสอน คู่มือ ไฟล์น�ำเสนอ เช่น ppt pdf ไฟล์เสียง ภาพน่ิง อินโฟกราฟิกส์ (Info-graphics) วีดิโอคลิบ (Video clip) แบบจ�ำลอง (Simulation) การทดลอง (Lab experiment) โมเดลจ�ำลอง (Model) เครื่องมือการศึกษา (Education tools) และแอนิเมชัน่ (Animation) ฯลฯ เพื่อการเรียนรู้ สิ่งท่ีส�ำคัญคือ มีการพัฒนาปรับปรุงวิธีการเข้าถึงเพ่ือเรียนรู้ ด้วยการสร้างเนื้อหาวิชา (Courseware) เพื่อการเรียนรู้ เพื่อการเรียนแบบออนไลน์ ผู้เรียนเข้ามาเรียนวิชาท่ีสนใจ ท่ีต้องการเรียนรู้ตามความต้องการได้ มีรปู แบบการเรียนทางไกลผา่ นเครอื ข่าย บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ยังมีการให้บริการการเรียนผ่านระบบการเรียนรู้ใหม่ ๆ จ�ำนวนมาก เช่น การเรียนรู้ ผ่านระบบ MOOC (Massive Open Online Course) มีการจัดระบบห้องเรียนเฉพาะที่ท�ำขึ้นบนคลาวด์ เพื่อการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างผู้เรียนบนคลาวด์ การเรียนรู้จึงท�ำได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นการเรียนแบบทุกหนทุกแห่ง (Ubiquitous learning) บรรณานกุ รม http://dictionary.reference.com/browse/ubiquitous https://en.wikipedia.org/wiki/Cloud_computing https://en.wikipedia.org/wiki/Moore%27s_law https://en.wikipedia.org/wiki/Ubiquitous_computing https://en.wikipedia.org/wiki/Ubiquitous_learning 204 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรียนรู้แบบผสมผสาน ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อนชุ ยั ธรี ะเรืองไชยศรี ความเปน็ มา การจดั การเรยี นการสอนในสถานศกึ ษาทวั่ ไป วธิ กี ารสอนหลกั ทใ่ี ช้ คอื การสอนแบบบรรยาย ซง่ึ มขี อ้ จำ� กดั อยู่ หลายอย่าง ได้แก่ การสอนแบบบรรยายเป็นการสอนแบบผู้สอนเป็นหลัก ส่วนใหญ่เป็นการส่ือสารทางเดียว ผู้เรียนส่วนใหญ่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนมากนัก และเนื่องจากเวลาในช้ันเรียนมีจ�ำกัด ผู้สอนจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ ในการถา่ ยทอดความรผู้ า่ นการบรรยาย เหลอื เวลาไมม่ ากทจ่ี ะเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดถ้ ามคำ� ถาม ปฏสิ มั พนั ธก์ ารเรยี นในชนั้ เรยี น เกดิ ขน้ึ ไดน้ อ้ ย ขณะเดยี วกนั ผเู้ รยี นแตล่ ะคนมคี วามตา่ งกนั ทงั้ แบบการเรยี น (Learning style) ความสนใจ สมาธใิ นการเรยี น และความเร็วช้าในการรับรู้ ท�ำให้การใช้วิธีการสอนแบบบรรยายอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้ผู้เรียนทุกคนเกิดการเรียนรู้ ได้ดี 205 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การจัดการเรียนการสอนเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) ได้รับการคิดค้นขึ้น เพอื่ ลดขอ้ จำ� กดั ของการสอนแบบบรรยายในชนั้ เรยี น โดยมงุ่ เนน้ ใหผ้ สู้ อนผสมผสานวธิ กี ารสอนทหี่ ลากหลาย หรอื ผสมผสาน การสอนในชน้ั เรยี นรว่ มกบั การสอนผา่ นเทคโนโลยแี ละระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ชว้ ธิ กี ารเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย เพ่ือให้เกิดคุณภาพและประสิทธิภาพในการเรียน ลดปัญหาและข้อจ�ำกัดของวิธีการเรียนรู้เดียว และรองรับผู้เรียนที่มี ความแตกตา่ งหรอื ผเู้ รยี นทม่ี ขี อ้ จำ� กดั ในการเรยี นรู้ ในบางวธิ กี ารสอนจะชว่ ยเพม่ิ โอกาสในการปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งอาจารย์ และผเู้ รียน หรือระหว่างผู้เรยี นดว้ ยกนั เอง ซึง่ เป็นสิง่ สำ� คญั ท่ีจะทำ� ใหเ้ พิ่มความรู้ ความเข้าใจของผเู้ รียนไดด้ ีขึ้น มกี ารบญั ญตั คิ ำ� ภาษาองั กฤษหลายคำ� ในความหมายเดยี วกบั การเรยี นรแู้ บบผสมผสาน เชน่ Blended Learning / Hybrid Learning / Flexible Learning การจัดการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แบบผสมผสาน ได้รับความสนใจ จากนกั การศกึ ษา ครู อาจารย์ น�ำมาประยุกต์ใชแ้ ละพัฒนาเปน็ โมเดลการสอนแบบตา่ ง ๆ อยา่ งหลากหลาย คำ� นยิ าม หรือ ความหมาย ค�ำนิยามเก่ียวกับ Blended Learning มีอยู่หลายแบบ แต่ละแบบมีความหมายใกล้เคียงกันแต่จะมีจุดเน้น ที่แตกต่างกันบ้าง เช่น Bonk, Graham and Ray (2006) นิยาม Blended Learning Systems ว่า เป็นระบบการเรียนที่ ผสมผสานการสอนแบบชน้ั เรยี นเข้ากับการเรยี นจากคอมพิวเตอร์ (computer mediated instruction) การร์ สิ นั และวาวกาน (Garrison and Vaughan (2008)) นยิ ามการเรยี นรแู้ บบผสมผสานไวว้ า่ เปน็ การรวมวธิ ี การเรยี นแบบเผชญิ หนา้ ในชนั้ เรยี นแบบปกติ (Face to Face) และการเรยี นแบบผา่ นออนไลนเ์ ขา้ ไวด้ ว้ ยกนั เปน็ การผสมผสาน เอาขอ้ ดที เี่ ปน็ จดุ แขง็ ของแตล่ ะวธิ มี าใชร้ ว่ มกนั อยา่ งเหมาะสมภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มและวตั ถปุ ระสงคข์ องการเรยี นรู้ คำ� นยิ ามทไ่ี ดร้ บั การอา้ งถงึ อยา่ งกวา้ งขวาง คอื คำ� นยิ ามของ Clayton Christensen Institute ซงึ่ ไดใ้ หน้ ยิ าม Blended Learning ไว้ว่า เป็นการเรียนการสอนในระบบ (Formal Education) ท่ีมีส่วนหน่ึงของการเรียนการสอนด�ำเนินการผ่าน ระบบออนไลน์ ทใ่ี หอ้ สิ ระบางสว่ นแกผ่ เู้ รยี นรายบคุ คลในการเลอื ก เวลา สถานที่ ลำ� ดบั เนอ้ื หา และความเรว็ ในการเรยี นได้ และอีกส่วนหน่ึงจัดการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาโดยมีผู้สอนดูแล โดยมีการออกแบบเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง เน้อื หา และประสบการณก์ ารเรียนรขู้ องผู้เรียนเพ่อื ให้เกดิ ผลสมั ฤทธิก์ ารเรียนตามวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ Allen, Seaman and Garrett (2007) ในนามขององค์กร The Online Learning Consortium (OLC) ซ่ึงเป็นองค์กรที่ไม่หวังผลก�ำไร (Nonprofit Organization) ท่ีมีสมาชิกเป็นองค์กรหรือสถาบันการศึกษาที่ด�ำเนินการ ด้านการเรียนการสอนออนไลน์ (เดิมช่ือ สมาคมสโลน (Sloan Consortium)) ได้ให้ค�ำนิยาม Hybrid Course (อีกชื่อหนึ่ง ของ Blended Learning) ไวว้ า่ คอื การบรู ณาการการเรยี นการสอนออนไลนร์ ว่ มกนั ในชน้ั เรยี นอยา่ งมกี ารวางแผนเพอื่ ใหเ้ กดิ คุณค่าและคุณภาพในการสอน และได้แบ่งประเภทของ Hybrid Course ตามสัดส่วนของเนื้อหาที่น�ำเสนอผ่านออนไลน์ ดังตารางในภาพท่ี ๑ ซ่งึ จะเหน็ ได้ว่า Hybrid Learning หรอื Blended Learning ตามนิยามนี้จะหมายถึงรายวชิ าทมี่ สี ัดสว่ น ของการนำ� เสนอเน้อื หาผ่านออนไลน์อยู่ระหวา่ งรอ้ ยละ ๓๐-๗๙ 206 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

รอ้ ยละของเนอื้ หา ช่ือเรยี กประเภท คำ�อธิบาย ท่นี ำ�เสนอ ผ่านออนไลน์ Traditional รายวิชาทไี่ มม่ กี ารใชเ้ ทคโนโลยีออนไลน์ใดๆ (เชน่ เวบ็ ) ๐ Web Facilitated เนื้อหานำ�เสนอผ่านสอื่ สง่ิ พิมพห์ รือการบรรยาย ๑ ถงึ ๒๙ Blended/Hybrid รายวิชาท่ใี ชเ้ ทคโนโลยอี อนไลน์ เพ่อื นำ�เสนอเนือ้ หา มกี ารใชร้ ะบบการ ๓๐ ถงึ ๗๙ Online จดั การเรียนรู้ (course management system) หรือ เวบ็ เพจ เพ่ือนำ�เสนอ ๘๐+ ประมวลรายวชิ า เน้อื หา ตัวอย่างและแบบฝกึ หัด รายวชิ าทผี่ สมผสานเทคโนโลยีออนไลน์ ร่วมกับการสอนแบบช้ันเรยี น เนอ้ื หาสว่ นหนึ่งอยู่ระหว่างรอ้ ยละ ๓๐ ถงึ ๗๙ นำ�เสนอผา่ นออนไลน์ หรอื การทำ�กิจกรรมออนไลน์ร่วมกบั การสอนในชั้นเรยี น รายวชิ าท่เี น้ือหาสว่ นใหญ่นำ�เสนอผ่านออนไลน์ รายวชิ าที่อยู่ในกลมุ่ น้ี มกั จะมีการสอนในชน้ั เรียนน้อย ภาพที่ ๑ ประเภทของ Hybrid Course จำ� แนกตามสดั สว่ นเนอ้ื หาทนี่ ำ� เสนอผา่ นออนไลน์ (Allen, Seaman and Garrett, 2007) 207 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

100% online Fully online BlCenoduerdses course Course Activities Face-to- face course (1fa0c0e-%to-ffa2cef) Lectures and Materials 100% online A Continuum of Blended Course Model ภาพท่ี ๒ ประเภทของการเรียนร้แู บบผสมผสาน จ�ำแนกตามสดั สว่ นเน้อื หาทน่ี ำ� เสนอผา่ นออนไลน์ และกจิ กรรมการเรยี นออนไลน์ (Source: Center for Teaching Excellence. Retrieved, September 25, 2015. From https://uwaterloo.ca/centre-for-teaching-excellence/resources/blended-learning) 208 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

รปู แบบการเรยี นรู้แบบผสมผสาน ดริสคอล (Driscoll, 2002) ได้ทำ� การศึกษางานวิจยั รูปแบบของการเรียนร้แู บบผสมผสานในช่วงปี 1998-2002 และไดท้ �ำการสรปุ รูปแบบการผสมผสานการเรยี นรูอ้ อกมาเปน็ ๔ รปู แบบ คอื ๑. การผสมผสานเทคโนโลยีเวบ็ ประเภทต่าง ๆ เชน่ ห้องเรียนเสมอื นการเรยี นจากสือ่ เทคโนโลยีด้วยตนเอง การเรียนร่วมกนั การดูสื่อสตรีมม่ิง สื่อวดี ทิ ศั น์ ส่อื วิทยโุ ทรทัศน์ ฯลฯ ๒. การผสมผสานวิธีการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เช่น วิธีการสอนแบบบรรยาย (ทฤษฎี การเรียนรู้พฤติกรรมนิยม) เข้ากับวิธีการสอนแบบใช้โครงงานเป็นฐาน (ทฤษฎีการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์นิยม) เป็นต้น ท้งั นจี้ ะใช้หรอื ไมใ่ ชเ้ ทคโนโลยมี ารว่ มดว้ ยกไ็ ด้ ๓. การผสมผสานเทคโนโลยีการสอนแบบต่าง ๆ เช่น วีดิโอเทป ซีดีรอม และการเรียนผ่านเว็บ) เข้ากับ การสอนแบบเผชญิ หน้าในชน้ั เรียน และ/หรอื การสอนในระบบอนื่ ๆ ๔. การผสมผสานเทคโนโลยกี ารสอนแบบตา่ ง ๆ เขา้ กบั การปฏบิ ตั งิ านประจำ� ปกติ เพอ่ื จดั การเรยี นรทู้ ส่ี อดคลอ้ ง กบั งานท่ที �ำ (work-based training) องคป์ ระกอบของการเรียนแบบผสมผสาน คารเ์ มน (Carmen, 2005) ไดจ้ ำ� แนกองคป์ ระกอบของการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานเปน็ ๕ องคป์ ระกอบ คือ ๑. Live events การเรียนการสอนที่ผู้เรียนผู้สอนอยู่พร้อมกันในเวลาเดียวกัน จะอยู่ในสถานที่เดียวกันหรือ คนละสถานทกี่ ไ็ ด้ เชน่ การสอนทางไกลผ่านเว็บ ส�ำหรบั การสอื่ สารแบบประสานเวลา เพอ่ื การพูดคุยที่ตอ่ เนอ่ื ง ๒. Online contents สอื่ การเรยี นรอู้ อนไลน์ สำ� หรบั ผเู้ รยี นใชใ้ นการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ในเวลาและตามศกั ยภาพ การเรียนรูข้ องตนเอง เชน่ บทเรียนออนไลน์ วดี ิทัศนอ์ อนไลน์ เปน็ ตน้ ๓. Collaboration การส่ือสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอน หรือระหว่างผู้เรียนกันเอง ด้วยช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล์ กระดานสนทนา (Forum) และการแชท (Chat) ๔. Assessment การประเมนิ ผลการเรยี นร้หู ลังการจดั การเรยี นการสอน (ใชก้ อ่ นหรือหลังเรียนก็ได้) ๕. Reference Materials สอื่ การเรียนรู้เพ่ิมหรือเอกสารอา้ งอิงแบบตา่ ง ๆ การจดั การเรียนรู้แบบผสมผสาน จะผสมผสานองค์ประกอบทงั้ ๕ นด้ี ว้ ยสัดส่วนตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นบรรลวุ ัตถุประสงค์การเรยี นรูท้ ่กี �ำหนด 209 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ข้อดขี องการจัดการเรียนร้แู บบผสมผสาน ๑. ผสู้ อน และ/หรอื ผอู้ อกแบบการเรยี นการสอน มที างเลอื กของเครอ่ื งมอื และชอ่ งทางในการจดั การเรยี นการสอน ได้มากและหลากหลายขึน้ สามารถเลือกใชเ้ พอ่ื ให้การเรยี นการสอนบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ได้ ๒. การเรยี นรแู้ บบผสมผสาน จะชว่ ยใหก้ ารเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นเกดิ ขนึ้ ตอ่ เนอื่ ง ไมไ่ ดจ้ ำ� กดั หรอื อยใู่ นกรอบเวลา ของชั้นเรียนเหมอื นการจดั การเรียนการสอนแบบชั้นเรียน ๓. การเรียนรู้แบบผสมผสาน ส่งเสริมและเปิดโอกาสส�ำหรับการเรียนรู้เป็นกลุ่ม การเรียนแบบร่วมมือ การเรียนร่วมกันในสังคม (Social Learning) และเพ่ิมการมีส่วนร่วมในการเรียนและปฏิสัมพันธ์ในการเรียนการสอน ของผู้เรียน ๔. การเรียนรู้แบบผสมผสานท่ีบูรณาการท้ังการเรียนแบบประสานเวลา (Synchronous approaches) และการเรียนแบบไม่ประสานเวลา (Asynchronous approaches) จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ในแบบตา่ ง ๆ ๕. หากมีการออกแบบและเลือกเคร่ืองมือในการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดค่าใชจ้ ่ายในการจดั การเรยี นการสอน ๖. หากมีการออกแบบและเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียนเป้าหมาย จะช่วยให้ขยายโอกาส การเรยี นรู้ให้ผเู้ รยี นทีม่ ีข้อจำ� กดั ต่าง ๆ ได้ ข้อจ�ำกดั ของการจัดการเรยี นรู้แบบผสมผสาน ๑. ในบางขน้ั ตอนของกระบวนการเรยี นการสอนมกี ารใชเ้ ทคโนโลยเี ขา้ มาเปน็ เครอ่ื งมอื หรอื เปน็ สภาพแวดลอ้ ม หากไมไ่ ด้เตรียมผเู้ รยี นใหด้ ี เทคโนโลยอี าจจะเปน็ อุปสรรคในการเรยี นการสอน ๒. การผสมผสานหลากหลายเทคโนโลยหี รอื หลากหลายวธิ กี ารสอน หากออกแบบไมด่ ี จะเพมิ่ ความซบั ซอ้ น ให้กบั การตดิ ตามผเู้ รยี น การเกบ็ ข้อมูลเพ่อื การประเมินผลการเรยี นการสอน ๓. เทคโนโลยีอาจจะไม่มีเสถียรภาพในการท�ำงานในบางช่วงเวลา เป็นความเส่ียงท่ีจะต้องป้องกันและ มีแผนสำ� รอง ๔. ผู้เรียนใช้เวลาในการเรียนรู้แบบผสมผสาน มากกว่าการเรียนปกติแบบบรรยาย หากจัดการเรียนรู้ แบบผสมผสานหลายวิชาอาจจะเพ่มิ ปญั หาและลดเวลาวา่ งของผเู้ รยี น 210 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

หลักการออกแบบการเรยี นรแู้ บบผสมผสาน (Design of Blended Learning) มาลาเมด (Malamed, 2015) ได้ใหห้ ลกั การออกแบบการเรียนรูแ้ บบผสมผสาน ๑๐ ขอ้ ดงั นี้ ๑. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน ควรใช้เป้าหมายของการเรียนการสอน หรือวัตถุประสงค์ การเรียนรเู้ ป็นหลักในการออกแบบและเลือกวิธีการเรยี นรหู้ รอื วิธกี ารสอน เพื่อให้ผเู้ รียนไดบ้ รรลุวัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ ไมค่ วรจะเริม่ จากเลอื กวิธกี ารเรียนรแู้ ลว้ ย้อนกลบั ไปออกแบบเพ่อื ให้ไดเ้ ปา้ หมายการเรียนรู้ ๒. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน ขอให้ค�ำนึงถึงเป้าหมายของหน่วยงานและหลักสูตรว่า ต้องการจะเพิ่มจ�ำนวนผู้เรียน หรือต้องการจะให้รองรับผู้เรียนท่ีมีความหลากหลาย เน่ืองจากทั้งสองเป้าหมายจะท�ำให้มี การออกแบบการเรยี นการสอนทีแ่ ตกต่างกนั ๓. ออกแบบให้ส่วนประกอบที่ผสมผสานเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีดี และสง่ ผลให้ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรไู้ ดด้ ี ๔. ออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยค�ำนึงถึงความเหมาะสม การเข้าถึงได้ และความชอบของ ผู้เรียนด้วย เช่น หากออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานส�ำหรับการฝึกอบรมที่ผู้เรียนมีเวลาว่างไม่มาก และเดินทางบ่อย ก็ควรจะมสี ัดส่วนของการเรยี นผา่ นเทคโนโลยมี ากกวา่ การเรียนในช้ันเรียน ๕. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน ควรจะออกแบบข้ึนใหม่ ไม่ควรจะใช้วิธีปรับเปลี่ยนจาก แผนการสอนแบบชัน้ เรียนเดิม ซึง่ จะท�ำให้ยึดติดกับกรอบความคิดเดมิ ๖. เปิดกว้างและติดตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ วิธีคิดใหม่ ๆ เพ่ือให้มีทางเลือกของเทคโนโลยีและระบบใหม่ ๆ ในการนำ� มาใช้ในการออกแบบการเรยี นการสอนไดม้ ากขึน้ ๗. อย่าละเลยที่จะให้ความส�ำคัญกับการเช่ือมโยงสังคมและอารมณ์ ความรู้สึกของผู้เรียน การสร้างสังคม แห่งการเรียนรู้ในกลุ่มผู้เรียนจะช่วยให้เกิดการแลกเปล่ียนและส่งผลต่อการเรียนการสอนและปฏิสัมพันธ์ในการเรียนรู้ ที่สงู ขึน้ และมีคุณภาพมากขน้ึ ๘. การส่ือสารแบบไม่ประสานเวลา (Asynchronous communication) มีความส�ำคัญไม่น้อยกว่าการสื่อสาร แบบประสานเวลา (Synchronous communication) การเลือกใช้โหมดการส่ือสารที่เหมาะสมจะช่วยให้เกิดคุณภาพ ในการสอ่ื สารปฏสิ มั พันธ์ ทกุ ส่วนประกอบของการเรยี นร้แู บบผสมผสานมคี วามสำ� คัญหากนำ� มาใชอ้ ย่างเหมาะสม ๙. ควรมีการทดลองแผนการเรียนรู้แบบผสมผสานก่อน เพ่ือศึกษาปัญหาโดยเฉพาะส่วนท่ีเกี่ยวข้อง กบั ผูเ้ รยี น ส่วนใดจูงใจ ส่วนใดท�ำให้เกดิ ปัญหาหรอื ความกงั วลกบั ผ้เู รยี น เพือ่ การนำ� มาปรบั เปล่ียนใหเ้ หมาะสม ๑๐. เตรียมผู้เรียนให้พร้อม ท้ังให้ความรู้ สร้างความเข้าใจถึงข้อดีของการปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอน และอบรมวิธีการใช้เครื่องมือให้ถูกต้องเหมาะสม ในอีกด้านหนึ่งการน�ำวิธีการเรียนรู้แบบผสมผสานมาใช้ควรจะแจ้ง ผู้บริหารองค์กรและขอความสนับสนุนเพื่อให้เกิดความราบรื่นในการปรับเปลี่ยนวิธีการสอน และน�ำไปสู่จุดท่ีจะน�ำ การเรียนรู้แบบผสมผสานไปใช้ใหเ้ กดิ คณุ ภาพการเรยี นรู้ได้ 211 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

สรปุ การเรยี นรแู้ บบผสมผสาน ไดร้ บั การพฒั นาขน้ึ มาเพอ่ื เพมิ่ คณุ ภาพการจดั การเรยี นการสอนและลดขอ้ จำ� กดั ของ วีธีการสอนท่ีมีอยู่ การออกแบบการเรียนรู้แบบการผสมผสานหมายความครอบคลุม การออกแบบท่ีใช้เทคโนโลยี ร่วมกับการเรียนการสอนในช้ันเรียนปกติ หรือการใช้วิธีการสอนหลากหลายวิธีมาร่วมกันในการจัดการเรียนการสอน โดยมเี ปา้ หมายเพ่ือให้ไดค้ ณุ ภาพของการเรยี นรู้และผลสัมฤทธิ์การเรียนทีต่ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ บรรณานุกรม Allen, Elaine., Seaman, Jeff., Garrett, Richard. (2007). Blending in: The Extent and Promise of Blended Education in the United States. Retrieved, November 30, 2015 from http://www.onlinelearningsurvey.com/reports/ blending-in.pdf. Bonk, Curtis., Jay, Graham., Charles, Ray. (2006). The handbook of blended learning: global perspectives, local designs. San Francisco: Pfeiffer, C2006. 1st ed. Carmen, J. M., (2005). Blended Learning Design: 5 Key Ingredients. Retrieved, November 30, 2015 from http:// www.agilantlearning.com/pdf/Blended%20Learning%20Design.pdf Center for teaching excellence. (n.d.). Blended Learning. Center for Teaching Excellence. Retrieved, September 25, 2015. From https://uwaterloo.ca/centre-for-teaching-excellence/resources/blended-learning. Clayton, M. Christensen. (n.d.). Institute for Disruptive Innovation. Retrieved, September 25, 2015. From http:// www.christenseninstitute.org/key-concepts/blended-learning-2/ Driscoll, Margaret. (2002). Blended Learning: Let’s Get Beyond the Hype, IMB Global Services, PDF, Retrieved, September 20, 2015 (MEST). Garrison, D. R., & Vaughan, N. (2008). Blended Learning in Higher Education: Framework, Principles, and Guidelines. San Fransisco: Jossey-Bass. Malamed, Connie. (2015). Best Practices in Blended Learning 10 Strategies for Design. Retrieved, September 25, 2015. From http://theelearningcoach.com/elearning2-0/best-practices-in-blended-learning/ 212 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรียนเสมอื นจริง ดร.อธปิ ัตย์ คล่ีสุนทร ความนำ� นักการศึกษาหลายท่านกล่าวว่า การใช้จ่ายทางการศึกษาเพ่ือให้เด็กและเยาวชน มีโอกาสได้รับการศึกษา ท่ีมีคุณภาพ ท่ัวถึงและเป็นธรรม เป็นการลงทุนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ท่ีมีผลตอบแทนเห็นได้ชัด ทั้งในระยะส้ัน และระยะยาว ถือว่าเป็นการลงทุนคุ้มค่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น (Dewey, 2009; Knight. 2013; ปราชญา กล้าผจัญ, ๒๕๕๑) เพราะประชากรที่มีการศึกษาดี มีความรู้ และได้รับการฝึกฝนทักษะอาชีพเบ้ืองต้น ตามสมควร จะสามารถทำ� งานรว่ มกับผ้อู นื่ หรอื สร้างงาน ท�ำกจิ การของตนเอง ท�ำใหม้ ีรายได้เลย้ี งตนเอง เลี้ยงครอบครวั และสามารถช่วยสร้างความเจริญให้แก่สังคมและประเทศชาติโดยรวมได้ด้วย การศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถก่อให้เกิดความรู้ ความคิดในการพัฒนาต่อยอด ยอมรับฟังความคิดต่างของผู้อื่น ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ รู้สิทธิ รู้หน้าท่ี มีความรับผิดชอบ สนับสนุนความเป็นประชาธิปไตย และช่วยให้เกิดการพัฒนาท่ีย่ังยืนได้ด้วย (Olssen, Codd, & O’Neill, 2004; พระพรหมคณุ าภรณ,์ ๒๕๕๒) 213 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การศึกษาท่ีแต่ละประเทศจัดให้แก่เด็ก เยาวชนและพลเมืองของตน ส่วนใหญ่แบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ การศึกษาในระบบ (formal education) การศึกษานอกโรงเรียน (non-formal education) และการศึกษาตามอัธยาศัย (informal education) ทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียนและการศึกษานอกระบบโรงเรียน ต่างก็มีความเหมือนกันตรงที่มี ครู อาจารย์ ผู้เรียน หลักสูตร ส่ือการสอน และการวัดและประเมินผล มีท้ังสายสามัญและสายอาชีพ ส่วนที่ต่าง คือ การศึกษานอกโรงเรียน จัดให้แก่ผู้ที่พลาดโอกาสเข้าเรียนในช่วงวัยเรียน เลือกลงทะเบียนเรียนได้ตามเวลา ที่สะดวก หรือผู้ใหญ่ท่ีประสงค์จะพัฒนาความรู้และทักษะที่จ�ำเป็น รวมท้ังหลักสูตรระยะส้ันด้านการอาชีพสาขาต่าง ๆ การลงทะเบียนเรียนมีหลากหลายรูปแบบ วันเวลาการเรียนรู้การศึกษานอกโรงเรียนมีความยืดหยุ่น ช่วงตอนค่�ำหลัง เลกิ การทำ� งานหรอื วนั เสาร์ วนั อาทติ ย์ เหมาะสำ� หรบั ผมู้ งี านทำ� อยแู่ ลว้ ไมเ่ หมอื นการศกึ ษาในระบบทตี่ อ้ งไปทสี่ ถานศกึ ษา ตามวัน เวลาท่ีก�ำหนด (The World Bank, 2003) ส่วนการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาท่ีเกิดจากการอ่านหนังสือต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ ข่าวจากส่ือสังคม (social media) การฟังโทรทัศน์ วิทยุ การบรรยายของผู้รู้ การฟังการสนทนา การได้ร้ไู ดเ้ ห็นจากการไปทศั นศึกษา การทดลองปฏิบตั ิ หรอื การปฏิบัติจรงิ ในชีวิตประจำ� วันหรือการทำ� งาน ในประเทศไทย ได้มีการจัดต้ัง กรมการศึกษานอกโรงเรียน ในกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีภาระรับผิดชอบ จดั การศกึ ษาทางไกลอยา่ งมคี ณุ ภาพ ทว่ั ถงึ และเปน็ ธรรม อกี ทางหนงึ่ กรมดงั กลา่ วตอ่ มาเปลย่ี นชอื่ เปน็ สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ซงึ่ กจิ การทจี่ ดั นอกเหนอื จากการจดั ชนั้ เรยี นชว่ งเยน็ และวนั เสารว์ นั อาทติ ย์ ในจังหวัดต่าง ๆ และพ้ืนที่ห่างไกลแล้ว ส่วนหน่ึงมีลักษณะเป็นการสอนทางไกลและการเรียนเสมือนจริง ซึ่งนอกจาก จะช่วยให้โอกาสผู้เรียนได้รับความเป็นธรรม ได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพแล้ว การเรียนการสอนลักษณะนี้ ยังชว่ ยลดค่าใช้จ่ายและงบประมาณในเร่ืองตา่ ง ๆ อาทิ ค่ากอ่ สรา้ งอาคารเรียน ค่าครอู าจารย์ บุคลากรประจ�ำสถานศกึ ษา ค่าอุปกรณก์ ารศึกษา ค่าสาธารณปู โภคตา่ ง ๆ อยา่ งมากดว้ ย เดมิ การจดั การศกึ ษานอกโรงเรยี นเปดิ โอกาสใหผ้ ทู้ พ่ี ลาดโอกาสทางการศกึ ษาทอี่ ยหู่ า่ งไกล สามารถลงทะเบยี น เข้าเรียน รับบทเรียน ท�ำแบบฝึกหัดส่งกลับไปยัง ครู อาจารย์ ได้ทางไปรษณีย์ ท�ำให้เรียกการศึกษานี้กันว่า การศกึ ษาทางไกล (distance education) หรอื การศกึ ษาผใู้ หญ่ (adult education) ในบางประเทศเรียกว่า โอกาสท่ีสองของการศึกษา (second chance education) เมอ่ื มกี ารพฒั นาเทคโนโลยสี ารสนเทศ คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบโทรคมนาคมกา้ วหนา้ มากในชว่ งประมาณ ๔๐ ปีท่ีผ่านมา ท�ำให้เกิดโอกาสทางการศึกษาอีกหลายประเภท อาทิ การเรียนเสมือนจริง (virtual learning) การเรียน แบบลูกผสม (hybrid learning) การศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเลิร์นนิง (e-Learning) ซ่ึงโดยรวมแล้วถือเป็น ความพยายามของประเทศต่าง ๆ ในการให้การศึกษาเป็นรากฐานส�ำคัญในการพัฒนาคุณภาพประชากรของประเทศ (Grabe & Grabe, 2007) 214 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรยี นเสมอื นจรงิ หมายถงึ การเรยี นการสอน ตามหลักสูตร ระหว่างผู้สอน และผู้เรียนเป็นกลุ่มท่ีอยู่ ห่างไกลกับผู้สอน สอนและเรียนเวลาเดียวกัน เดิมเป็น การถ่ายทอดสดบรรยากาศการสอน ต่อมามีการบันทึก การเรียนการสอนไว้และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทบทวนได้ ในเวลาอื่นด้วย แต่กระบวนการจัดการเรียนการสอน ยงั เปน็ ไปดงั เชน่ การเรยี นการสอนในชนั้ เรยี นปกติ มกี ารสอน มีกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน มีการถามการตอบ มีการวัดและประเมินผลการศึกษา เม่ือจบกระบวนการ การศึกษา ผู้เรียนสามารถได้รบั ประกาศนยี บตั ร เกยี รติบตั ร หรือปริญญาบัตร ตามหลักสูตรก�ำหนด การเรียนเสมือนจริง หอ้ งเรยี นเสมอื นจรงิ ผเู้ รียนระดับมหาวิทยาลยั เรม่ิ จากแนวคดิ ของสถาบนั การศกึ ษาขยายสถานทไี่ ปเปดิ สอน (Source: Retrieved October 21, 2015 From http://www.edgazette.govt.nz/ckfinder/userfiles/ อกี วทิ ยาเขตหนง่ึ (new campus) แตใ่ ชค้ รอู าจารยก์ ลมุ่ เดยี วกนั images/2014/27%20jan2014/virtual%20learning.jpg) เพอื่ เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นทวี่ ทิ ยาเขตใหม่ หรอื ผเู้ รยี นกลมุ่ อนื่ ท่ีอยู่ห่างไกล ได้รับฟังการบรรยายจากผู้สอนคนเดียวกันในเวลาเดียวกัน มีกิจกรรมการเรียนการสอนเช่นเดียวกัน ผู้สอนสามารถเห็นกลุ่มผู้เรียนที่อาจมีมากกว่าหนึ่งกลุ่มผ่านจอรับภาพในห้องที่บรรยายได้เช่นกัน ต่อมา แนวคิดน้ี มขี อบข่ายกวา้ งขวางข้นึ ครอบคลุมผเู้ รียนเดย่ี ว และบทเรยี นสามารถเข้าถงึ ได้ดว้ ยอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนกิ สท์ ่หี ลากหลายขน้ึ จากโทรทัศน์ เป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน เป็นต้น (Lever-Duff, McDonald, & Mizell, 2005) ต่อมา การเรยี นเสมอื นจริงเปิดสอนในระดับการศึกษาขนั้ พนื้ ฐานและอาชวี ศึกษา ถือเปน็ การเปดิ โอกาสให้ผูส้ นใจทั่วไป รวมทง้ั ผู้พิการบางประเภทที่อยู่ต่างสถานที่ อยู่ห่างไกลจากสถานศึกษา หรืออยู่คนละประเทศ สามารถเรียนได้ ผู้เรียนดังกล่าว สามารถศกึ ษาคน้ ควา้ เอกสาร (e-Book) จากหอ้ งสมดุ ของมหาวทิ ยาลยั หรอื ของสถานศกึ ษาผา่ นระบบหอ้ งสมดุ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Library) ได้โดยสะดวกดว้ ย (Lockard, & Abrams, 2004; Bates, 2005) การเรยี นเสมอื นจรงิ (virtual learning) มีพฒั นาการคาบเกย่ี วกบั การศึกษาทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Learning) เพราะต่างก็เป็นกระบวนการกระจายโอกาสทางการศึกษาและเป็นการศึกษาทางไกลรูปแบบหนึ่ง ประกอบกับเทคโนโลยี เครอื ข่ายสารสนเทศ เช่น เครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตมกี ารพัฒนาอยา่ งตอ่ เน่ือง จากระบบใช้สายเปน็ ระบบไรส้ าย ท�ำใหร้ ัฐบาล ของหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย จึงลงทุนการจัดการศึกษารูปแบบน้ีมากขึ้นโดยใช้ระบบเครือข่ายดังกล่าวเป็น อุปกรณ์ส�ำคัญในการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ห่างไกล ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้ต้องการพัฒนาตนเอง ได้เข้าถึงการศึกษา เพ่ิมขึน้ เป็นอยา่ งมาก 215 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

พจนานกุ รมศพั ทศ์ กึ ษาศาสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน ใหค้ วามหมายของ electronic learning หรอื e-Learning การเรยี น ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ วา่ “การศกึ ษาทางไกลรปู แบบหนงึ่ ซงึ่ ผเู้ รยี น ไม่จ�ำเป็นต้องไปยังสถานศึกษาโดยสามารถเรียนได้ตามช่วงเวลา ทสี่ ะดวก เรยี นไดต้ ามความถนดั และความสนใจ แตต่ อ้ งอาศยั เรยี กเนอ้ื หาสาระ แบบฝกึ หดั ผา่ นคอมพวิ เตอรร์ ะบบเครอื ขา่ ย อินเทอร์เน็ต สามารถโต้ตอบกับผู้สอนหรือแลกเปล่ียนความรู้ แนวคดิ กบั ผเู้ รยี นจากสถานทอี่ น่ื ผา่ นระบบเครอื ขา่ ยเชน่ เดยี วกนั รวมท้ังมีระบบการวัดและประเมินผลเพ่ือให้ได้คุณภาพ ห้องเรยี นเสมือนจรงิ ระดับมธั ยมศึกษา (Source: Retrieved และมาตรฐานตามทส่ี ถาบนั หรอื หนว่ ยงานจดั การศกึ ษากำ� หนด” October 21, 2015 From http://www.excellence.org.il/eng/ (ราชบัณฑติ ยสถาน, ๒๕๕๕, น. ๑๙๐) จากความหมายดงั กล่าว รวมทงั้ วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั การศกึ ษา ทำ� ใหก้ ารเรยี นทาง Index.asp?CategoryID=133&ArticleID=68) อิเลก็ ทรอนิกส์ มสี ว่ นใกลเ้ คียง สอดคลอ้ ง และเช่ือมโยงกับการเรยี นเสมอื นจรงิ (Schank, 1997; Pape, 2003) การเรียนเสมือนจริง รวมทั้งการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีจัดในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมศึกษา รวมทั้งที่จัดโดยหน่วยงานการศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาทางไกลที่เข้าถึงได้จากทุกท่ี ตลอดเวลา ในหลายประเทศ อยา่ งกว้างขวางมากข้ึน ดว้ ยเหตุผลหลกั หลายประการ (Schank, 1997; Amis, 2003; Bates, 2005; ศรีศักด์ิ จามรมาน, 2007; อธปิ ัตย์ คลส่ี นุ ทร, ๒๕๕๗) สรปุ ได้ ดังน้ี ๑. ผู้สอนสามารถน�ำเนื้อหาสาระ แนวความคิด ข้อมูลสารสนเทศ ค�ำอธิบาย ตัวอย่าง การทดลอง การวัด และประเมินผล ในรูปของ เอกสาร เสียงค�ำอธิบาย อภิปราย รูปภาพ วีดิทัศน์ ท�ำให้ผู้เรียนกลุ่มอื่น หรือผู้เรียนอ่ืน ได้เรยี นร้จู ากการบรรยายและสื่อดังกล่าวได้ดเี ช่นกันกบั สอนในห้องเรยี นปกติ ๒. ผู้เรียนท�ำแบบฝึกหัดเพ่ือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองหลังจากจบบทเรียนแต่ละบท รวมทั้ง สามารถสอบผา่ นการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นโดยรวมของแตล่ ะวชิ า ด้วยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ๓. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของท้ังผู้สอนและผู้เรียน รวมท้ังประหยัดเวลาที่ใช้ในการเดินทาง โดยเฉพาะในบางประเทศในเขตเมืองท่ีการจราจรไม่สะดวกและทำ� ใหเ้ สยี เวลามาก ๔. เมื่อผู้เรียนเข้าถึงบทเรียนและติดต่อผู้สอนได้โดยสะดวกก็ท�ำให้การเรียนการสอนเป็นปัจจุบันเสมอ คือ ผู้เรียนสามารถเรียกบทเรียนท่ีผู้สอนอธิบายไว้มาท�ำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ สะดวกแก่ผู้เรียนบางคนท่ีอาจจะคิดช้า ซ่ึงต่างจากการสอนในห้องเรียนปกติ ท่ีเมื่อใดผู้สอนออกจากห้องเรียน ทุกอย่างที่สอนจะกลายเป็นอดีต คนท่ีตามไม่ทัน ถามไมท่ นั ก็จะเสยี โอกาส 216 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๕. ผู้เรียนสามารถใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ การเรียนในระบบ e-Learning กับเพอื่ น ๆ ท่บี ทเรียนจัดไว้ เชน่ ระบบ LMS (Learning Management (Source: GSeL. AU. Retrieved October 19, 2015. System) ซักถามข้อข้องใจจากบ้านหรือสถานท่ีใดที่หน่ึง ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องอายหรือกังวลว่าจะรบกวนเวลา From http://www.elearning.au.edu/) ผู้เรียนอื่น มีผู้กล่าวว่าผู้เรียนในระบบห้องเรียนปกติส่วนหนึ่ง จะไมก่ ลา้ ซกั ถามครอู าจารย์ เนอื่ งจากอายทจี่ ะถาม กลวั เพอ่ื นวา่ ไม่ฉลาด หรือเป็นเหตุผลทางวัฒนธรรม หากถามเสมือนว่า ผสู้ อนสอนไมด่ ี หรอื เกรงใจเพอ่ื นรว่ มหอ้ งทที่ ำ� ใหเ้ สยี เวลา ฯลฯ ๖. การเรยี นการสอนแบบนี้ แตเ่ ดมิ ตอ้ งมรี ะบบ คอมพิวเตอร์ และเครือข่ายที่ต้องใช้ระบบสายเป็นตัวเชื่อม จากสถานศึกษา ครอู าจารย์ ไปยังผ้เู รียน ต่อมามีการพัฒนา ระบบเครือข่ายให้สามารถส่งผ่านกันได้โดยไม่ต้องใช้สาย เครอื่ งรับอาจเป็นอปุ กรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์อืน่ เชน่ โทรทัศน์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ก็สามารถใช้ในการเรียนการสอน ได้เชน่ กัน สรปุ การเรียนเสมือนจริง ช่วยให้ผู้เรียนท่ีอยู่ห่างไกล ท่ีต้องการเข้าศึกษาในสถานศึกษาท่ีต้องการ รวมถึง ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้เรียนท่ีพลาดโอกาสในช่วงอายุหนึ่ง ได้รับโอกาสเข้าศึกษาจากครูอาจารย์ของสถานศึกษา เข้าถึง แหล่งเรียนรู้ เช่น ห้องสมุดของสถาบันการศึกษา สามารถแลกเปล่ียนความรู้กับครูอาจารย์ เพ่ือนร่วมเรียน ดังเช่น ผู้ที่ไปเรียนในห้องเรียนปกติ ผู้ท่ีเรียนจบครบหลักสูตรและผ่านการประเมินตามเกณฑ์การวัดและประเมินผล จะได้รับ วุฒิบตั ร เกยี รตบิ ตั ร ประกาศนยี บัตร และปรญิ ญาบตั ร เช่นเดยี วกับผ้มู โี อกาสไดเ้ รียนในสถานศึกษา การเรียนเสมอื นจริง รวมท้ังการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีจัดในประเทศต่าง ๆ (Walling, 2003) และประเทศไทย มีส่วนช่วยให้ผู้เรียน ส่วนหนึ่งที่อยู่ห่างไกลแหล่งความรู้และประชาชนผู้ที่ต้องการพัฒนาตนเองมีโอกาสได้รับการศึกษา การฝึกฝน อบรม จากสถาบันการศึกษา ใหเ้ ป็นพลเมอื งทม่ี คี ุณภาพ มีศกั ยภาพ สามารถดำ� รงชวี ติ ไดด้ ี และมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศ โดยรวมได้อยา่ งยงั่ ยืนดว้ ย 217 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

บรรณานกุ รม การเรยี นในระบบ e-Learning กบั เพอ่ื น ๆ (Source: GSeL, AU. Retrieved October 19, (2015). From http://www.elearning.au.edu/) ปราชญา กลา้ ผจญั . (๒๕๕๑). การบรหิ ารภายใตส้ ภาวการณก์ ารมที รพั ยากรอนั จำ� กดั . กรงุ เทพมหานคร. ปราชญา พบั บลชิ ชงิ่ . พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (๒๕๕๒). การพัฒนาท่ียั่งยืน (Sustainable Development). กรุงเทพมหานคร: มูลนิธโิ กมล คีมทอง. ราชบณั ฑิตยสถาน. (๒๕๕๕). พจนานกุ รมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรุงเทพมหานคร. อรุณการพิมพ.์ ศรศี กั ดิ์ จามรมาน. (2007). Computer Report on Everyting from Thailand. International Journal of the Computer, the Internet and Management. Vol. 15 No Sp4 November 2007. หอ้ งเรียนเสมอื นจริง ผ้เู รียนระดบั มหาวทิ ยาลัย (Source: Retrieved October 21, 2015 From http://www.edgazette.govt.nz/ckfinder/userfiles/images/2014/27%20jan2014/virtual%20learning.jpg) หอ้ งเรียนเสมือนจริงระดับมธั ยมศึกษา (Source: Retrieved October 21, 2015 From http://www.excellence.org.il/eng/Index.asp?CategoryID=133&ArticleID=68) อธิปัตย์ คล่ีสุนทร. (๒๕๕๗). เกียรติคุณทางการบริหารการศึกษา: ศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักด์ิ วิศาลาภรณ์. e-Learning: โอกาสทางการศึกษาอีกทางหนึ่ง. กรงุ เทพมหานคร: อที ี พบั ลชิ ชิ่ง จ�ำกัด. Amis, B. D. (2003). Virtual Learning and the Challenge for Public Schools. Virtual Schooling: Issues in the Development of e-Learning Policy. Indiana: Phi Delta Kappa Education Foundation. Bates, A. W. (Tony). (2005). Technology, e-Learning and distance Education. Canada: Routledge. Dewey, J. (2009). The School and Society & The Child and the Curriculum. U.S.A.: ReadaClassic.com Grabe, M.& Grabe, C. (2007). Integrating Technology for Meaningful Learning. New York: Houghton Mifflin Company. Knight, J. (2013). High-Impact Instruction: A Framework for Great Teaching. London: SAGE Publications. Lever-Duff, J., McDonald, J.B., and Mizell, A.P. (2005). Teaching and Learning with Technology. Boston: Pearson Education. Lockard, J. and Abrams, P.D. (2004). Computers for Twenty-First Century Education (6th Ed). Boston: Pearson Education. Olssen, M.; Codd, J.; & O’Neill, A.M. (2004). Education Policy: Globalization, Citizenship & Democracy. London: SAGE. Pape, L. R. (2003). Life in the Cyber Trenches of the Virtual High School. Virtual Schooling: Issues in the Development of e-Learning Policy. Indiana: Phi Delta Kappa Education Foundation. Schank, R. (1997). Virtual Learning: a Revolutionary Approach to Building a Highly Skilled Workforce. New York: McGraw-Hill. The World Bank. (2003). Lifelong Learning in the Global Knowledge Economy: Challenges for Developing Countries. Washington, D.C.: World Bank. Walling, D. R. (2003). Virtual Schooling: Issues in the Development of e-Learning Policy. Bloomington, IN.: Phi Delta Kappa Educational Foundation. 218 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การศกึ ษาเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละผลติ ภาพ ดร.ศรเนตร อารีโสภณพิเชฐ ดร.สิริภักตร์ ศิรโิ ท ดร.ธนนี าฏ ณ สุนทร วฒั นธรรมบรโิ ภคนยิ มในสังคมไทย สภาพของสังคมไทยปัจจุบันได้สะท้อนภาพความอ่อนด้อยที่ส�ำคัญยิ่งของสังคมและความอ่อนด้อย ของการศกึ ษาไปดว้ ยพรอ้ มกนั คอื สภาพของสงั คมทเี่ ตม็ ไปดว้ ยระบบบรโิ ภคนยิ ม (Consumerism) อยทู่ วั่ ไป ทงั้ ในคา่ นยิ ม และแนวปฏิบัติของผู้คนในสังคม ระบบการศึกษาก็ส่งเสริมระบบดังกล่าว โดยที่ผู้เรียนมีลักษณะเป็นผู้บริโภคคอยรับ ความรจู้ ากผสู้ อนมากกว่าท่จี ะคดิ สรา้ งสรรค์ ปรากฏการณ์ท่ีเห็นได้ชัดเจนก็คือ การท่ีสังคมไทยมีค่านิยมระบบบริโภคนิยมโดยขาดความรู้ความเข้าใจ เปา้ หมายคอื การบรโิ ภคให้ได้มากท่สี ดุ เท่าท่จี ะท�ำได้ ดังนน้ั จงึ มีการขยายตวั กระบวนการผลิตขนาดใหญ่ รวดเร็ว รวมทง้ั การพฒั นาด้านเทคโนโลยีท่กี ่อให้เกดิ การเพิ่มศกั ยภาพของการผลติ ความรดู้ ้วยตนเอง ดังนั้น การศกึ ษาจึงไมส่ ามารถสร้างสรรค์ ส่ิงใหม่เพื่อตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของสังคมไทยในปัจจุบันจนกลายเป็นสังคมท่ีล้าหลังโดยปริยาย ประกอบกับ เทคโนโลยีการสื่อสารเจริญก้าวหน้าท�ำให้การรับรู้สินค้าต่าง ๆ สามารถเผยแพร่ข่าวสารอย่างรวดเร็ว ท�ำให้คนในสังคม มีความต้องการอย่างไม่มีท่ีสิ้นสุด ไม่ใช่ความต้องการอย่างแท้จริง หรือเห็นคุณค่า แต่เป็นการฟุ่มเฟือย แข่งขัน โอ้อวด ไมร่ จู้ กั ประมาณตน แสวงหาแตเ่ งนิ โดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ ความถกู ตอ้ งเพอื่ นำ� ไปซอื้ สนิ คา้ แบบอปุ โภคและบรโิ ภค ทง้ั นอ้ี าจรวมถงึ การนยิ มสินค้าฟมุ่ เฟอื ย หรูหรา มอมเมาทม่ี าจากต่างประเทศดว้ ย 219 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ภาพต่าง ๆ เหล่าน้ีเป็นภาพที่เห็นชัดเจนที่ท�ำให้ประเทศไทยต้องพบกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เราเรียกกันว่า วิกฤติ IMF เมือ่ ๔-๕ ปที ผ่ี า่ นมา อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจติดลบซงึ่ มสี าเหตหุ ลายประการ เช่น ขาดการระดมทุน จากตา่ งชาตเิ ข้ามาเพมิ่ ทุนสถาบันการเงนิ ของไทย และเพื่อมาเสรมิ สภาพคลอ่ งทย่ี ังอยูใ่ นสภาพวิกฤต อตั ราดอกเบย้ี ลดลง การปฏริ ปู สถาบนั ทางการเงนิ ตา่ ง ๆ ไมเ่ ปน็ ไปตามเปา้ หมาย ขาดความสมดลุ ในภาคการเงนิ การคลงั ภาคการผลติ และสงั คม หากไมต่ ระหนกั และมองไมเ่ หน็ ความสำ� คญั ของระบบการศกึ ษาเพอื่ สรา้ งคนไปสสู่ งั คมทปี่ รารถนา วกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ อาจจะ เกดิ ขน้ึ อกี ในอนาคต วิกฤติที่จะเห็นคือสังคมไทยในขณะนี้ไม่เพียงแต่จับจ่ายใช้สอยอย่างเดียวเท่าน้ัน แต่การใช้สอยยังมีลักษณะ ที่ส�ำคัญ คือ การบริโภคตามอย่างผู้อ่ืนเกินฐานะของตน โดยไม่คิดถึงภาระและอนาคต โดยเฉพาะค่านิยมตามอย่างของ ต่างประเทศ ซึง่ ประเทศทเี่ จริญแล้วมีค่านิยมการบรโิ ภคเช่นกันแตก่ เ็ พ่มิ รายได้เพอ่ื ให้เกิดความสมดลุ โดยเหตนุ ้ีสงั คมไทย จงึ เปน็ เหยือ่ ทางการคา้ มาโดยตลอด ภาพทไี่ ม่พงึ ใจเหล่าน้จี ะพบเห็นในสงั คมไทยปจั จุบนั ระบบการศึกษากม็ ีสว่ นสำ� คัญ ในการสนับสนุนและส่งเสริมค่านิยมเหล่าน้ีให้เกิดข้ึนด้วยเช่นกัน ท้ังน้ีเป็นเพราะการศึกษาสอนให้ผู้เรียนเป็นตัวของ ตวั เองน้อย ไมไ่ ดเ้ น้นการสอนให้วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และคดิ อย่างลกึ ซงึ้ ถึงผลของการนยิ มบริโภคฟุม่ เฟือยเกนิ ความจ�ำเปน็ ในชวี ติ และรายได้ หรอื ความสามารถในการผลติ ของคนในประเทศ จะเกดิ ปญั หาทางสงั คม เชน่ การทจุ รติ หาผลประโยชน์ แกง่ แยง่ แขง่ ขนั และอาชญากรรม ฯลฯ ในสถาบนั การศกึ ษาโดยเฉพาะในระดบั อดุ มศกึ ษากลบั สอนและสง่ เสรมิ ดว้ ยระบบหลกั สตู ร ที่ทำ� ให้ผ้เู รยี นหลงฟุง้ เฟอ้ แขง่ ขนั ตามกนั ไปอย่างไม่ทบทวนคณุ คา่ ทีแ่ ท้จรงิ ของคา่ นยิ มท่เี กิดข้ึนในสงั คม ระบบการศึกษาแบบบริโภคนยิ ม ระบบการศึกษาแบบบริโภคนิยม หมายถึง ระบบการศึกษาที่หลักสูตรและการสอนเป็นระบบบริโภคความรู้ บริโภคความเข้าใจ และบริโภคค่านิยมต่าง ๆ ตามท่ีก�ำหนดไว้ในสังคมโดยไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้าง คิดประดิษฐ์ และพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ให้กับตัวเองและสังคมในกระบวนการเรียนการสอน ครูจะเป็นผู้ให้ เป็นผู้บอกให้กับ ผเู้ รยี น ในขณะทผี่ เู้ รยี นท�ำหนา้ ทเ่ี ป็นผรู้ บั ผจู้ ดความร้จู ากครู แตก่ ระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์สงิ่ ใหม่ ๆ ใหเ้ ปน็ รปู ธรรมยงั มี ไมม่ ากนัก (ไพฑรู ย์ สินลารตั น์ และคณะ, ๒๕๕๔) ระบบการศึกษาแบบบรโิ ภคนยิ มนอกจากไมส่ อนใหผ้ เู้ รยี นคิด ประดิษฐ์ สรา้ งสิ่งตา่ ง ๆ แล้วยงั สอนใหท้ ำ� ตาม แบบอย่างคนอ่ืนท�ำให้ไม่เกิดความคิดใหม่และไม่เกิดการเปล่ียนแปลง ยึดติดกับรูปแบบชีวิตเดิม ๆ นอกจากนี้ การบริโภคความรู้และค่านิยมต่าง ๆ ท่ีเป็นอยู่ ยังเป็นความรู้และค่านิยมท่ีได้รับจากต่างประเทศ เช่น อเมริกา และยุโรป เปน็ หลกั สำ� คญั ไมไ่ ดม้ โี อกาสเรยี นรคู้ วามจรงิ ไมม่ กี ารสอนใหว้ เิ คราะหจ์ ดุ แขง็ จดุ ออ่ นในสงั คมไทย ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นและระบบ การศึกษาไทยตามรอยตะวันตกอยตู่ ลอดเวลา จนเปน็ การศึกษาทีข่ าดส�ำนกึ ความเป็นตัวตน 220 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ภาพของการศกึ ษาไทยจงึ เปน็ ระบบบรโิ ภคนยิ ม เปน็ การบรโิ ภคตามแบบอยา่ งคนอนื่ และตามอยา่ งตา่ งประเทศ เป็นส�ำคัญ ซง่ึ สามารถแยกลักษณะของการบรโิ ภคนยิ มเป็น ๔ ประเภท ได้แก่ ๑) บริโภคตามอยา่ งคนอนื่ ๒) บรโิ ภคตาม อยา่ งสรา้ งสรรค์ ๓) สรา้ งผลผลติ สร้างสรรค์ และ ๔) สร้างผลผลิตตามอยา่ งคนอ่นื ไปเรอื่ ย ๆ ดงั ภาพประกอบ บริโภคนิยมกับแนวคิด CCPR Model บรโิ ภคนิยม วเิ คราะห์ C ritical Mind บริโภค/ตามอย่าง บรโิ ภค/สรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ ๑ ๒ C reative Mind ผลติ ภาพ ตามอย่าง สร้างสรรค์ P roductive Mind รับผดิ ชอบ ผลิตผล/ตามอย่าง ผลิตผล/สร้างสรรค์ R esponsible Mind ๔ ๓ ผลติ ผลนยิ ม รูปแบบที่ ๑ : บริโภคตามอยา่ งคนอ่นื (ตามคนอื่นไปทกุ อย่าง) รปู แบบที่ ๒ : บริโภคตามอย่างสรา้ งสรรค์ (อย่างฉลาดข้นึ ) รปู แบบท่ี ๓ : สรา้ งผลผลิตอยา่ งสร้างสรรค์ (คดิ ของเราเอง) รปู แบบท่ี ๔ : สรา้ งผลผลติ ตามอยา่ ง (ลอกคนอื่น) ภาพประกอบ ๑ ความจำ� เปน็ ในการพฒั นาการศกึ ษาแบบ CCPR: การศกึ ษาเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละผลติ ภาพ ดงั น้นั เพ่ือให้การศกึ ษาของไทยเป็นไปในทศิ ทางท่มี ีคุณคา่ ตอ่ ตัวผเู้ รียนและคุณค่าตอ่ สงั คมในทางสร้างสรรค์ มากย่ิงข้ึน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ให้ด�ำรงอยู่ในภาวะสังคมโลกท่ีแข่งขันอย่างรุนแรงเช่นในปัจจุบัน จึงควร จะเปล่ียนกระแสการศึกษาใหม่ ให้เป็นไปในทิศทางที่ก่อให้เกิดเป็นผลผลิตและเห็นผลในทางปฏิบัติ แล้วให้ผลผลิตนั้น เป็นผลผลิตในทางสร้างสรรค์ (Creative) เป็นผลผลิตใหม่ ๆ ท่ีเกิดจากความคิด สติปัญญา วิธีการของการศึกษาน้ัน ๆ โดยการเปลย่ี นกระแสการศกึ ษาจากรปู แบบที่ ๑ ระบบบรโิ ภค ตามอยา่ งคนอน่ื ใหเ้ ปน็ รปู แบบที่ ๔ คอื ระบบทสี่ รา้ งผลผลติ อยา่ งสรา้ งสรรค์ ให้การศกึ ษาเปน็ ไปเพ่ือการคดิ การประดษิ ฐ์ การสรา้ งสิง่ ใหม่ ๆ ใหผ้ ู้เรียนมีความคดิ ใหม่ ๆ สังคมมคี น คิดใหม่ ๆ สร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ขึ้น ไม่ใช่คอยแต่ตามอย่าง คอยแต่บริโภคจนท�ำให้เกิดวิกฤตการณ์อย่างที่เป็นมา หลายครั้งในสังคมไทย เพ่ือให้เกิดผลผลิตอย่างสร้างสรรค์ จึงจ�ำเป็นจะต้องก�ำหนดคุณลักษณะของผู้เรียนข้ึนใหม่ โดยใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะทจี่ ะตา้ นทานกบั กระแสบรโิ ภคนยิ มไดห้ รอื เปน็ ผบู้ รโิ ภคอยา่ งฉลาด ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะตอ้ งให้ ผเู้ รยี นคดิ และสรา้ งผลงานใหมข่ น้ึ มาดว้ ย 221 สารานุกรมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

คณุ ลกั ษณะผเู้ รยี นแบบ CCPR Model คณุ ลกั ษณะผ้เู รียนของ CCPR Model ผเู้ รยี นแนว CCPR Model ประกอบดว้ ยคณุ สมบตั ิ Critical Mind Creative Mind คอื ตอ้ งคดิ วเิ คราะห์ (Critical) กอ่ น แลว้ จงึ คดิ ใหม่ (Creative) • มองสังคมให้รอบดา้ น • คิดต่อยอดจากทมี่ ีอยู่ ตามมา เมื่อคิดใหม่แล้วจึงสร้างเป็นผลงาน (Productive) • รูท้ ี่มาทีไ่ ป • ประยุกต์และใชป้ ระโยชน์ สุดท้ายต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย (Responsible) • เขา้ ใจเหตแุ ละผล • มองประเดน็ ใหม่ได้ มลี กั ษณะอยู่๔ ประการทอ่ี ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ได้ คอื (ภาพประกอบ ๒) ๑. จติ วเิ คราะห์ ผทู้ ม่ี จี ติ วเิ คราะหห์ รอื คดิ วเิ คราะหน์ ้ี Responsible Mind Productive Mind ผเู้ รยี นควรตอ้ งมองสงั คมใหร้ อบดา้ น รทู้ ม่ี าทไ่ี ปของปญั หา • นกึ ถึงสงั คม ประเทศชาติ • คำ� นึงถงึ ผลผลติ ในสงั คมและเขา้ ใจเหตผุ ลท่มี าท่ีไปนนั้ อยา่ งชดั เจน • มจี ิตส�ำนึกสาธารณะ • มวี ธิ กี ารและคณุ ภาพ • คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความดีงาม • คา่ ของผลงาน ภาพประกอบ ๒ ๒. จิตสร้างสรรค์ ในขณะท่ีจิตสร้างสรรค์หรือคิดสร้างสรรค์น้ัน ค�ำนึงถึงความคิดใหม่และการต่อยอดจาก สิ่งทม่ี อี ยู่ มองเหน็ และมองหาประโยชน์ และการใช้สอยได้ รวมถงึ การมองส่งิ ใหม่เพ่มิ เตมิ ๓. จติ ผลติ ภาพ หรอื คดิ ผลติ ภาพ คอื การคำ� นงึ ถงึ ผลผลติ มวี ธิ กี ารในการสรา้ งผลผลติ สรา้ งคา่ ของงานอยเู่ สมอ และมีส�ำนกึ ทีจ่ ะสร้างผลงานขึ้นมาใหม่ ๆ ๔. จิตรับผิดชอบ คือ การคิดรับผิดชอบ หมายถึง การมีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพ ตอ่ ผเู้ รยี น ตอ่ สงั คมด้วยพร้อมกนั ไป เปน็ หลัก การเรยี นรแู้ บบ CCPR Model วิธกี ารเรียนการสอนของ CCPR Model วธิ กี ารเรยี นรใู้ นแนวนจ้ี ะใชผ้ ลลพั ธข์ องการสอน Responsibility-Based Instruction Criticality-Based Instruction เป็นหลักส�ำคัญ เพราะในอนาคตสังคมไทยจะมีปฏิกิริยา ในเชิงของการเรียกร้องผลลัพธ์ของการศึกษามากข้ึน • ปลกู ฝงั ความรบั ผดิ ชอบในทกุ ระบบ • วิเคราะหป์ ัญหารายบคุ คล จึงจ�ำเป็นต้องมีแนวคิดท่ีสามารถน�ำไปสู่การปฏิบัติได้ • น�ำตวั เองสู่สาธารณะ สังคม • แลกเปลีย่ นความเหน็ ๔ ประการเช่นกัน (ภาพประกอบ ๓) • ดู ทดสอบ รูปแบบตวั อย่าง • ทบทวนตวั เอง ประเมนิ • ย�ำ้ ซ�้ำ ทวน ความดีงามอยเู่ สมอ • เป็นตวั ของตัวเอง ๑. การจัดการเรียนรู้แบบ Criticality-Based โดยเน้นการคดิ วิเคราะห์วิจารณ์เป็นหลกั หลักคดิ นี้เกดิ จาก Productive-Based Instruction Creativity-Based Instruction ความเปน็ สงั คมผบู้ รโิ ภค คนไทยจำ� เปน็ ตอ้ งสอนใหเ้ ดก็ รจู้ กั วเิ คราะห์ เลอื กและมนั่ ใจในตนเอง เปน็ ต้น • วางเป้าหมายทผี่ ลงาน • มองใหม่ เสนอใหม่ คิดใหม่ • แสวงหาวิธกี ารต่าง ๆ ใหไ้ ดง้ าน • ให้ทางเลือก เพิ่ม ลด • ทดสอบ ประเมินคุณภาพของงาน • ต่อยอด เสริม เพิ่ม • ปรับเปล่ยี น สอดสอ่ งส่งิ ใหมอ่ ยเู่ สมอ • ลองแล้ว ลองอกี ใหแ้ น่ใจ ภาพประกอบ ๓ 222 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๒. การจดั การเรยี นรแู้ บบ Creativity-Based เนน้ การสนบั สนนุ สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นคดิ อะไรใหม่ ๆ มมี มุ มองใหม่ ให้ทางเลือกท่ีเพิม่ ขน้ึ กบั กิจกรรมต่าง ๆ ให้ฝกึ การทำ� งานใหมเ่ พ่มิ เตมิ จนแน่ใจในทักษะการคดิ ใหมไ่ ด้เกดิ ขึน้ ในตวั ผูเ้ รยี น ๓. การจัดการเรียนการสอนแบบ Productivity-Based เป็นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีเป้าหมายให้ผู้เรียน ได้สร้างผลงาน (Product) ขึ้นมาจากแนวคิดใหม่ที่ได้เร่ิมไว้แล้ว แสวงหาวิธีการต่าง ๆ เพ่ือให้ได้ผลงาน แล้วประเมิน ตรวจสอบจนแน่ใจในเชิงคณุ ภาพ ๔. การจัดการเรียนรู้แบบ Responsibility-Based คือ คุณธรรม จริยธรรม ในตัวของผู้เรียน ท่ีแสดงออกถึง ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ซง่ึ คนไทยตอ้ งเนน้ มากทงั้ การสอน การฝกึ การใหท้ ำ� ตาม และการทำ� ตามแบบอยา่ งจนตดิ เปน็ นสิ ยั บรรยากาศชนั้ เรยี นแบบ CCPR Model CCPR Model มบี รรยากาศในชน้ั เรยี นเฉพาะของตนเอง คอื เปน็ หอ้ งเรยี นทมี่ บี รรยากาศของการสรา้ งสรรคใ์ หม่ ๆ อยตู่ ลอดเวลา ลกั ษณะท่ี ๑ การคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Idea) เป็นกระบวนการท่ีส่งเสริมการคิดอย่างสร้างสรรค์ มีแนวคิดใหม่ ๆ มีการเสนอแนะ มีการพัฒนา มีการจัดระบบข้ึนมา เพ่ือให้กระบวนการนวัตกรรมเกิดขึ้น เน้นการสร้าง ผลผลิต (Product) และเน้นกระบวนการท่ีเป็นลำ� ดับ ลักษณะท่ี ๒ พัฒนาฐานคุณภาพ (Quality Orientation) เน้นการให้ผู้เรียนเห็นความส�ำคัญของคุณภาพ ซ่ึงส�ำคัญมาก หากผลผลิตท่ีพัฒนาขึ้นมาไม่มีคุณภาพพอก็ไม่สามารถจะพัฒนาต่อยอดในอนาคตได้ ดังน้ันทุกช้ินงาน จึงตอ้ งตอบโจทยใ์ นเชงิ คุณภาพ ท้ังในดา้ นผลผลติ และวธิ กี าร ลักษณะที่ ๓ กิจกรรมความร่วมมือ (Cooperative Activity) เป็นการด�ำเนินกิจกรรมโดยเน้นความร่วมมือ ระหวา่ งครูและนกั เรยี น เนน้ การวเิ คราะห์วิจารณ์ และเน้นการพัฒนาความสามารถของบุคคลในแตล่ ะกลมุ่ ลักษณะท่ี ๔ สมั พันธ์กบั สงั คม (Social บรรยากาศช้ันเรียนแบบ CCPR Model Relevance) โดยเน้นท่ีการปลูกฝังจิตส�ำนึกทางสังคม ใหก้ บั ผเู้ รยี น เปน็ การทำ� ผลงานโดยไมห่ วงั สงิ่ ตอบแทน สัมพันธ์กับสงั คม (Social Relevance) การคดิ เชงิ นวตั กรรม (Innovation Ideas) และตระหนกั ถงึ ความจำ� เปน็ ของสงั คมในการเปลย่ี นแปลง • ปลกู ฝงั จติ สำ� นกึ ทางสงั คม • สง่ เสรมิ ใหค้ ดิ สร้างสรรค์ และแกไ้ ขให้ดีขน้ึ • ท�ำผลงานโดยไม่หวงั ผลตอบแทน • เนน้ ให้มผี ลผลิต (Product) • ดวู ่าสงั คมเปลยี่ นอะไรและแกไ้ ข • เน้นกระบวนการเปน็ ล�ำดบั อย่างไร ชนั้ เรยี นของการศกึ ษาเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละ พฒั นาฐานคณุ ภาพ (Quality Oriented) กจิ กรรมความรว่ มมอื (CooperativeActivities) ผลิตภาพนั้น เป้าหมายหลักต้องการให้มีผลผลลิต • เน้นใหเ้ ดก็ เห็นความส�ำคญั • ครูและผเู้ รียนทำ� งานดว้ ยกนั (Product) ให้มากท่ีสุด โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือท�ำ ของคณุ ภาพ • มกี ารวิเคราะห์วจิ ารณ์เสมอ และพัฒนาเป็นผลงานให้มีคุณภาพโดยเฉพาะผลงาน • ทกุ ชน้ิ งานต้องตอบในเชิงคุณภาพได้ • เนน้ การพัฒนาความสามารถ ของตนเอง ในเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละรบั ผดิ ชอบตอ่ ผลงาน • คุณภาพท้งั ผลงานและวิธีการจะสอ่ื ให้ดู แตล่ ะคนแต่ละกล่มุ ภาพประกอบ ๔ 223 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

วฒั นธรรมเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละผลติ ภาพ CCPR Model ในระบบคิดของการศึกษาแนว CCPR หรือ วฒั นธรรมของ CCPR Model Creative and Productive Education จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารสรา้ ง วฒั นธรรมเฉพาะ โดยเนน้ วฒั นธรรมสรา้ งสรรคแ์ ละผลติ ภาพ พฒั นาความรว่ มมือร่วมใจ มองตนเองและผอู้ ่นื เชิงสรา้ งสรรค์ ใหเ้ กดิ ขน้ึ ในตวั ผเู้ รยี น ซง่ึ มลี กั ษณะเฉพาะของการทำ� งาน คอื (Cooperative Development) (Creative looking on Self and Others) ๑. มองตนเองและผอู้ น่ื เชงิ สรา้ งสรรค์ (Creative looking on Self and Others) เป็นวัฒนธรรมการคิดโดย • ส่งเสรมิ การท�ำงานร่วมกนั • เชอ่ื ม่ันวา่ ทุกคนมศี ักยภาพ เชื่อว่าผู้เรียนทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้และพัฒนา • เชอ่ื วา่ การชว่ ยเหลอื กนั จะทำ� ใหง้ านดขี น้ึ • ทกุ คนต้องมผี ลงานของตนเอง ซ่งึ อาจจะแตกต่างกนั ทว่ี ธิ คี ดิ วธิ ที ำ� และการทุ่มเท • ดวู า่ สงั คมเปลีย่ นอะไรและแกไ้ ขอย่างไร • แตล่ ะคนมวี ธิ ีการเฉพาะตัว ๒. คดิ สรา้ งสรรคแ์ ละทำ� สงิ่ ใหม่ ๆ (Creative and ม่งุ ผลผลติ และใช้ประโยชนไ์ ด้ คิดสรา้ งสรรคแ์ ละท�ำส่งิ ใหม่ (Productive and Utillzation) (Creative and Productive Thinking) • สง่ เสริมให้เกิดผลผลติ หลายรปู แบบ • สง่ เสริมให้ทกุ คนคดิ และท�ำสงิ่ ใหม่ • เน้นการนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ • สิ่งใหมส่ ามารถเกิดข้ึนไดเ้ สมอ • สง่ เสรมิ เผยแพรแ่ ละขายได้ • สง่ิ ใหม่มีประโยชนเ์ สมอ Productive Thinking) เปน็ วฒั นธรรมทเี่ นน้ กระบวนการคดิ ภาพประกอบ ๕ เชิงสร้างสรรค์ น�ำไปสู่การสร้างผลงานและพัฒนานวัตกรรม ได้ผลผลติ ทส่ี รา้ งสรรค์และมีคณุ ภาพ ๓. มุ่งผลผลิตและใช้ประโยชน์ได้ (Production and Utilization) เป็นวัฒนธรรมท่ีเน้นให้เกิดกระบวนการ ปฏบิ ตั ิทนี่ ำ� ไปสู่ผลผลิตทเี่ กดิ จากความสามารถของนักเรยี น และสามารถน�ำไปสู่การใช้ประโยชน์ไดจ้ รงิ ๔. พัฒนาความร่วมมือร่วมใจ (Cooperative Development) เป็นวัฒนธรรมท่ีเน้นการท�ำงานร่วมกัน โดยเน้นการระดมความคิดจากผูร้ ว่ มงาน เพอื่ สรา้ งสรรค์สิง่ ใหม่ ๆ ผนู้ ำ� ในแบบของ CCPR Model ผู้น�ำในแนวทางของ CCPR Model (Creative and Productive Leadershi : CPL) น้ัน สามารถแบ่งได้เป็น ๓ องคป์ ระกอบ คอื คุณลกั ษณะ กระบวนการ และเป้าหมายหรือผลผลิต ๑) คุณลักษณะของผู้น�ำแบบ CPL ต้องมีลักษณะส�ำคัญ ๔ ประการ คือ Critical Mind Creative Mind Productive Mind และ Responsible Mind เหมอื นผเู้ รียนเชน่ กนั ๒) กระบวนการของผนู้ ำ� แบบ CPL ประกอบดว้ ย Critical Aiming Setting Creativity Product Emphasizing และ Maintaining Responsibility ๓) ผลผลติ ของผนู้ ำ� แบบ CPL นน้ั จะดทู ่ี (๑) การวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งแจม่ ชดั (Situational Analysis) (๒) การเสนอแนวคดิ และวธิ กี ารใหม่ ๆ (Innovative Ideas) (๓) การมผี ลงานสะทอ้ นความคดิ สรา้ งสรรค์ (New Product Works) และ (๔) มีผลงานสะทอ้ นความรบั ผิดชอบทม่ี ตี อ่ สังคม (Social Responsibility) 224 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

เมื่อพิจารณาทั้งสามส่วนของผู้น�ำ คือ คุณลักษณะ (Characteristics) กระบวนการ (Procedures) และผลงาน (Results) แลว้ ภาพผ้นู �ำเชิงสรา้ งสรรค์และผลติ ภาพเปน็ ดังน้ี CPL MODEL OF LEADERSHIP Transformational Leadership (TL) CreatLivee(aC&dPePrLsr)hoidpuctive Visionary(VLLe)adership Critical(CLeLa)dership คณุ ลักษณะ กระบวนการ ผลทค่ี าดหวงั (Characteristics) (Procedures) (Results) Critical Mind Critical Aiming Creative Mind Setting Creativity Situational Analysis Productive Mind Product Emphasizing Innovative Ideas Responsible Mind Maintaining Responsibility New Product / works Social Responsibility ภาพประกอบ ๖ โดยสรุป การศึกษาเชิงสร้างสรรค์และผลิตภาพเป็นการพัฒนาแนวคิดที่มุ่งผลลัพธ์ของการศึกษา ผู้เรียน ต้องคิดวิเคราะห์ก่อน แล้วคิดใหม่ น�ำความคิดมาสร้างเป็นผลงานและต้องรับผิดชอบต่อสิ่งน้ัน โดยไม่ใช่การบริโภค ความรู้ บรโิ ภคความเขา้ ใจ บรโิ ภคคา่ นยิ ม จนเกดิ ปรากฏการณท์ เ่ี ปน็ ปญั หาอยใู่ นสงั คมไทยปจั จบุ นั ดงั นนั้ ในวงการศกึ ษา ของไทยควรมีการพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ แม้ไม่ใช่ของใหม่แต่เป็นการมองใหม่ จัดภาพใหม่ เพื่อให้มีข้อโต้แย้งถกเถียง และเสนอประเด็นที่ใหม่ยิ่งข้ึนต่อไป โดยเฉพาะจะเป็นประเด็นให้ผู้เรียนมีการศึกษาค้นคว้า สร้างสรรค์ และมีส่ิงใหม่ ๆ โดยไมต่ ามอย่างผอู้ ่ืนตอ่ ไป 225 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

บรรณานุกรม พระพรหมคณุ ากรณ์ (ป.อ.ปยตุ โต). (๒๕๔๙). ภาวะผนู้ �ำ. พิมพค์ รง้ั ท่ี ๘. กรงุ เทพมหานคร: สุขภาพใจ. ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ และคณะ. (๒๕๕๔). CCPR กรอบคดิ ใหมท่ างการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร: สาขาบรหิ ารการศกึ ษา จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . . (๒๕๕๖). การศกึ ษาไทย ๔.๐: การศกึ ษาเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละผลติ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร: วทิ ยาลยั ครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรุ กิจบัณฑติ ย์. . (๒๕๕๗). โรงเรียนสร้างสรรค์: นวทัศน์การศึกษา. กรุงเทพมหานคร: วิทยาลัยครุศาสตร์มหาวิทยาลัย ธุรกจิ บัณฑติ ย์. . (๒๕๕๘). โรงเรยี นผลติ ภาพ: สตั ตทศั นแ์ ละการจดั การ. กรงุ เทพมหานคร : วทิ ยาลยั ครศุ าสตรม์ หาวทิ ยาลยั ธรุ กิจบัณฑิตย์. Glynn, Marry Ann and Dejordy, Rich. (2010). “Leadership Through an Organization Behavior Lens : A Look at the Last Half-Century of Research” in NitinNohria and RakeshKhurana (Eds.). Handbook of Leadership Theory and Pactice. Boston Mass: Harvard Business Press. pp. 119-159. Horner, Melissa (2003). “Leadership Theory Reviewed” in Nigel Bennett, Megan Crawford and Marion Cartwright (Eds.). Effective Educational Leadership. London : Paul Chapman Publishing. 226 สารานกุ รมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การศกึ ษาแนวพุทธ ผ้ชู ่วยศาสตราจารยร์ อ้ ยโท ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ความนำ� “ศึกษา” เป็นค�ำไทยท่ีปรับรูปมาจากค�ำสันสกฤตว่า ศีกฺษา (śikşã) ตรงกับค�ำบาลีว่า สิกฺขา ตามรูปศัพท์ น่าจะมีความหมายว่า การท�ำให้สามารถ ซ่ึงหมายถึง การท�ำให้มีความสามารถโดยผ่านการฝึกหัด ดังน้ัน นักปราชญ์ ทางตะวันตกจึงนิยมแปลค�ำ “สิกขา” ว่า การฝึกหัด (training) ทางตะวันตกเมื่อพูดถึงการศึกษา นิยมใช้ค�ำกว้าง ๆ ว่า education ซึ่งมาจากค�ำกริยาว่า educate แปลว่า การดึงความสามารถออกมา หรือการเลี้ยงดูให้เกิดความสามารถ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่าความหมายของรากค�ำท้ังสองเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ การท�ำคนให้มีความสามารถ โดยกระบวนการการฝกึ ฝน หรือฝกึ หดั 227 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ค�ำส�ำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา เมอ่ื กล่าวถึงพระพุทธศาสนา จะไมก่ ลา่ วถงึ พระพุทธเจ้าคงไม่ได้ เพราะค�ำสอนทง้ั หมดมาจากพระองค์ แมแ้ ต่ ค�ำว่า สิกขา ท่ีผ้เู ขียนยกมาขา้ งต้น พระพทุ ธเจ้ากต็ รสั ไวใ้ นท่หี ลายแห่ง และค�ำสอนทเี่ ป็นหลักแสดงให้เหน็ ว่า การฝึกหัด หรือ การฝกึ ปฏบิ ัติ เป็นเรื่องส�ำคัญ ก็คือ สกิ ขา ๓ อันไดแ้ ก่ สีลสิกขา - การฝกึ หัดดา้ นรกั ษาศลี สมาธิสกิ ขา - การฝึกหดั ดา้ นฝกึ สมาธิ ปญั ญาสกิ ขา - การฝึกหัดด้านฝึกปัญญา นอกจากนี้ ค�ำวา่ สิกขา ซง่ึ มาจากรากศัพทว์ า่ สิกขฺ หรอื สิกข ยงั แตง่ รูปดว้ ยการลงปจั จยั ลงวภิ ตั ตติ ามหลัก ไวยากรณ์แล้วน�ำไปใช้ในฐานะต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นค�ำวิเศษณ์ สิกฺขิตหตฺถ หรือ สิกขิตหัตถะ แปลว่า มีมืออันฝึกหัดแล้ว ใชเ้ ปน็ คำ� ขยายความของคนยิงธนูทีต่ อ้ งใช้มือฝึกยงิ ให้ช�ำนาญ สกิ ขา ๓ คอื หลกั ส�ำคัญในการฝึกหัด หากจะถามว่า พระพุทธเจ้าทรงฝึกหัดสาวกของพระองค์ท่ีจัดกลุ่มเป็น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา หรอื ทส่ี รปุ เปน็ ๒ พวกวา่ พระกบั คฤหสั ถน์ นั้ ใหเ้ ปน็ ไปตามเปา้ หมาย คอื เปน็ กลั ยาณปถุ ชุ น (คนทยี่ งั มกี เิ ลสแตเ่ ปน็ คนด)ี แล้วก้าวไปสู่การเป็นอริยะ หรือ อริยบุคคล (คนท่ีมีกิเลสบางจนถึงหมดกิเลส) เพ่ืออะไร? น่าจะตอบได้ว่าเพ่ือให้สังคม มีความเจรญิ และมคี วามสุข พระพุทธเจ้าทรงประกาศชัดเจนว่า พระองค์อุบัติข้ึนมาเพ่ือท�ำให้โลกได้ประโยชน์ และมีความสุข (ทกุ .อง.ฺ ๒๐/๑๗๐/๒๑:ปคุ คฺ ลวคคฺ ) พระดำ� รสั นแี้ สดงวา่ พระองคเ์ กดิ มาเพอื่ ทำ� งาน และงานทท่ี ำ� ตอ้ งเปน็ ประโยชนแ์ กโ่ ลก และโลกต้องมีความสุข แล้วอะไรเล่าท�ำให้โลกไม่เจริญ หรือเจริญแต่ไม่มีความสุข มองข้ันต้นก็คือ พฤติกรรมของคน ในโลกทีแ่ สดงออกใน ๕ พฤติกรรม ได้แก่ ๑) การฆ่าหรือการทำ� ลายลา้ งชวี ิต ๒) การลักขโมย ๒) การประพฤตผิ ิดเรือ่ งเพศ ๔) การกล่าวเท็จรวมทงั้ การกล่าวใสร่ า้ ยสอ่ เสียดยุยงให้แตกแยก ๕) การมวั เมาในส่งิ เสพติดตา่ ง ๆ นับตัง้ แต่สรุ าเมรัย พฤติกรรมท้ังหมดนี้ นักสังคมวิทยาอาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนจ�ำนวนมาก ที่มาอยู่ร่วมกันย่อมเกิด ปัญหาเช่นน้ี ซ่ึงแสดงว่า ทางสังคมวิทยายอมรับว่า ปัญหาน้ีเกิดจากความเจริญของโลกและของสังคม และอาจมองไปว่า สังคมเช่นน้ีมีความสุขมากกว่าความทุกข์ เพราะมีความสะดวกสบายอันเน่ืองมาจากมีอุปกรณ์อ�ำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่พระพุทธเจ้าทรงมองความเจริญน้ีว่าไม่ใช่ท�ำให้เกิดความสุขอย่างแท้จริง เพราะในความเจริญดังกล่าวมีความทุกข์ แทรกซอ้ นอยูม่ าก ซึ่งผลกแ็ สดงตัวออกมาแล้วคือ มกี ารเบยี ดเบยี น การทำ� ลาย หรือท�ำรา้ ยกันด้วยวธิ ีการต่าง ๆ 228 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

สิกขา ๓ กบั มรรคมอี งค์ ๘: หลักการเรียนรู้แล้วฝึกปฏิบัติและหลักปฏิบัติ เพอื่ การรูแ้ จง้ มีหลายคนสงสัยเก่ียวกับวิธีการตีความ สิกขา ๓ และการน�ำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน เพราะเนื้อหาของสิกขา ๓ ดูจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตทางธรรมล้วน ๆ เป็นเร่ืองของคนท่ีต้องการสละโลก แต่ความจริง ไม่ได้เป็นเช่นน้ันเสียทีเดียว เพราะสิกขา ๓ เป็นเร่ืองของการใช้ชีวิตที่มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เกิดการพัฒนาท่ีไม่ตกอยู่ ใต้อ�ำนาจกิเลส แต่เป็นอิสระเหนือกิเลสจนกระทั่งควบคุมและละกิเลสได้ เป็นชีวิตท่ีให้ความสุขอย่างสงบเย็นและย่ังยืน ซ่ึงไม่ว่าคนในวิถีชีวิตไหนย่อมปรารถนาด้วยกันทั้งสิ้น กล่าวเช่นนี้แล้วก็ยังไม่เห็นภาพว่าการฝึกหัดจะด�ำเนินไปได้อย่างไร แตห่ ากกระจายสกิ ขา ๓ ออกไปเป็นมรรคมอี งค์ ๘ แล้วจะท�ำใหเ้ ห็นวธิ ปี ฏิบัตทิ ่เี ป็นรปู ธรรม หนา้ ทเี่ บอ้ื งตน้ ของผตู้ อ้ งการฝกึ ตน กค็ อื การทำ� ความเขา้ ใจ มรรคมอี งค์ ๘ ใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ฐานทปี่ รากฏใน ธัมมจักกัปปวตั ตนสูตร อนั เปน็ ปฐมเทศนาหรอื คำ� สอนแรกของพระพทุ ธเจา้ (ส.ํ มหา.๑๙/๑๐๘๑/๓๖๗: ธมฺมจกฺกปปฺ วตฺ ตนสุตฺต) พระพุทธเจ้าทรงใช้ค�ำเอกพจน์ส�ำหรับมรรคมีองค์ ๘ ว่า “อริโย อฏฺธงฺคิโก มคฺโค” แปลว่า “อริยมรรคมีองค์ ๘” หรือ “ทางที่ท�ำให้ไกลจากกิเลส มีองค์ประกอบ ๘ ส่วน” หมายความว่า พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จึงให้เข้าใจว่า มรรค หรอื ทางด�ำเนินสคู่ วามพน้ ทกุ ข์น้มี ีเส้นทางเดียว แต่มีองค์ประกอบของเสน้ ทางอยู่ ๘ องค์ประกอบ ได้แก่ ๑) สมั มาทิฏฐิ ๒) สมั มาสังกัปปะ ๓) สมั มาวาจา ๔) สมั มากัมมนั ตะ ๕) สัมมาอาชีวะ ๖) สัมมาวายามะ ๗) สมั มาสติ ๘) สมั มาสมาธิ ทั้ง ๘ น้สี รปุ ลงไดเ้ ป็นการฝึกหัด ๓ ดา้ น คอื สมั มาทิฏฐิ กับ สัมมาสงั กปั ปะ ส�ำหรบั ฝกึ ฝนให้เกิดปัญญา สมั มาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชวี ะ สำ� หรบั ฝึกฝนให้เกดิ ศลี เพ่ือควบคมุ พฤติกรรม ทางกายและวาจา สมั มาวายามะ สัมมาสติ และสมั มาสมาธิ สำ� หรับฝึกฝนใหเ้ กิดสมาธิเพ่ือควบคมุ จิต ตามกระบวนการฝึกฝน สัมมาทิฏฐิ เป็นองค์ประกอบแรก หมายถึง ความรู้ ความเห็น หรือความเข้าใจถูกต้อง ซง่ึ จะท�ำหน้าที่ขจดั ความเห็นทไ่ี ม่ถกู ต้องเกยี่ วกับปญั หาหรือความขดั ขอ้ งของชวี ิต (ทีเ่ รยี กว่าทกุ ข)์ ออกไป องคป์ ระกอบน้ี เป็นปัจจัยให้เกิดองค์ประกอบต่อมา คือ สัมมาสังกัปปะ แปลว่าความคิดถูกต้อง อันแสดงว่า ความคิดถูกต้องมาจาก ความรู้ความเห็นหรือความเข้าใจท่ีถูกต้อง องค์ประกอบที่ ๒ น้ีเป็นมโนกรรมหรือความคิดที่ได้รับอิทธิพลโดยตรง มาจากองคป์ ระกอบแรกคอื สมั มาทฏิ ฐิ และเป็นปัจจยั ใหเ้ กิดองคป์ ระกอบท้งั ๓ ตอ่ มา ได้แก่ 229 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

สัมมาวาจา - การใชค้ ำ� พดู ถูกต้อง สัมมากมั มนั ตะ - การแสดงพฤติกรรมทางกายทถี่ ูกตอ้ ง สมั มาอาชีวะ - การดำ� เนนิ ชวี ติ ทถ่ี ูกต้อง องค์ประกอบ ๓ ประการนีเ้ ปิดเผยใหผ้ ูฝ้ ึกฝนตนได้รูว้ า่ หากตัดทุกขต์ ามธรรมชาติ คอื เกดิ แก่ เจบ็ ตาย ออกไป ก็เหลือทุกข์ในชีวิตประจ�ำวันท่ีเราต้องเผชิญคือ ทุกข์จากการพูด อันอาจเป็นการพูดเท็จหรือพูดให้ผู้อ่ืนเสียประโยชน์ บ้างพูดยุแหย่ส่อเสียดให้เกิดความบาดหมางบ้าง พูดค�ำหยาบท�ำให้ระคายเคืองบ้าง พูดเพ้อเจ้อแบบไม่มีที่อ้างอิงหรือ ผิดกาลเทศะบ้าง ทุกข์จากการกระท�ำท่ีแสดงถึงการขาดความเคารพในชีวิต ทรัพย์สิน และคู่ครองของผู้อ่ืน รวมถึงทุกข์ จากการด�ำเนินชวี ติ อันเปน็ ปญั หาส่วนตนและปญั หาสงั คม มรรคหรือทางถูกต้องทั้ง ๘ ข้างต้น เป็นทางฝึกฝนท�ำให้ผู้ด�ำเนินตามห่างไกล หรือลดกิเลสลงได้ระดับหน่ึง ซึ่งเริ่มจากความถูกต้องด้านความเห็นความรู้ความเข้าใจ อันน�ำไปสู่ความคิดถูกต้อง แล้วแสดงพฤติกรรมและการด�ำเนินชีวิต ถูกต้องอย่างสอดคล้องกับความคิด แต่ท้ังหมดน้ีก็เพื่อไปสู่องค์ประกอบแห่งกระบวนการฝึกฝนอีก ๓ ประการ คือ สัมมาวายามะ-เพียรถูกต้อง สัมมาสติ-มีสติอยู่กับขณะปัจจุบันถูกต้อง และสัมมาสมาธิ-มีสมาธิถูกต้อง องค์ประกอบ ทั้ง ๓ นี้ สัมมาสติเป็นตัวหลักในการฝึกฝน เน่ืองจากต้องท�ำงานหนักในการตามดู ทุกข์คือปัญหาหรือความขัดข้อง ของชีวิตที่เกิดในแต่ละขณะ แต่ สัมมาสติ จะท�ำงานได้ผลหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวสนับสนุนคือ สัมมาวายามะ ตัวขยันหรือ ความพยายามถกู ตอ้ งทท่ี ำ� หนา้ ทส่ี นบั สนนุ สมั มาสตใิ หด้ ำ� เนนิ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง หากไมข่ าดตอนหรอื ขาดตอนแตก่ ลบั ตงั้ ตน้ ใหม่ได้อย่างฉับไว สัมมาสติก็จะเข้มแข็ง สัมมาสติย่ิงเข้มแข็งย่ิงท�ำหน้าที่ดูขณะปัจจุบันได้ต่อเนื่อง แล้วส่งผลไปถึง การเกิด สัมมาสมาธิ คือสภาวะที่รวมความคิดปรุงแต่งทั้งหลายให้เป็นหนึ่ง ซึ่งย่อมท�ำจิตให้มีสภาพน่ิง ม่ันคง และ เอบิ อิม่ เบิกบาน เมอื่ องคป์ ระกอบ ๓ ประการนผี้ า่ นการฝกึ ฝนจนเขม้ แขง็ แลว้ ก็จะส่งผลย้อนกลับไปเป็นปัจจัยส่งเสริมให้องค์ สัมมาทิฏฐิ และ สัมมาสังกัปปะ เข้มแข็งย่ิงขึ้น สัมมาทิฏฐิยิ่งเข้มแข็ง ก็ย่อมรู้หรือ เห็นทุกข์คือปัญหาหรือความขัดข้องของชีวิตได้ชัดเจน จนสามารถ จ�ำแนกทุกข์ออกมาได้ตามล�ำดับและชัดเจนลงไปถึงสาเหตุท่ีเกิด อย่างแท้จริง ความถูกต้องชัดเจนอย่างเข้มแข็งของสัมมาทิฏฐิ ย่อมมีผลไปถึงท�ำให้สัมมาสังกัปปะเข้มแข็ง เมื่อความคิดถูกต้อง เข้มแข็งก็ย่อมไม่เปิดทางให้ความคิดผิดมาปรุงแต่งให้เกิดการพูดผิด การท�ำผดิ และการด�ำเนินชวี ิตผดิ อย่างแนน่ อน ในสภาพการณ์เชน่ น้ี ทกุ ข์ คือ ปญั หา หรอื อปุ สรรคของชีวติ ก็จะถูกตดั ทอนใหล้ ดนอ้ ยลง ตามลำ� ดับ 230 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

จะนำ� มาใชใ้ นการจัดการศกึ ษาสมยั ใหมไ่ ด้อยา่ งไร คำ� ตอบสำ� หรบั คำ� ถามข้างบนนค้ี งต้องมาจากหลายฝ่ายชว่ ยกนั คิด ผู้เขยี นขอเสนอแนวคดิ เป็นเบอื้ งต้นวา่ ๑. เราคงต้องการจัดการกับทัศนคติหรือการมองให้ได้ก่อน เนื่องจากมีการมองและไม่มองอยู่ ๒ ประการ ท่ีอาจท�ำให้ไม่เห็นทางน�ำสิกขา ๓ หรือมรรคมีองค์ ๘ ไปปรับใช้ในการจัดการศึกษาสมัยใหม่ คือ การมองว่าหลักธรรมทั้งสอง เป็นเพียงทฤษฎีทางศีลธรรม หรือจริยธรรม กับการไม่มองว่าการจัดการศึกษาสมัยใหม่เป็นการด�ำเนินการเพ่ือแก้ทุกข์ การมองประการแรก จะขัดขวางตรงที่เม่ือมองเป็นทฤษฏีแล้ว ก็ไม่ให้ความส�ำคัญ เพราะอาจเข้าใจไปว่าท�ำได้ยากเกินก�ำลัง ที่คนยุคปัจจุบันจะท�ำได้ หรืออาจเข้าใจไปด้วยว่า หลักธรรมทั้งสองอาจไปขัดขวางความเจริญก้าวหน้าในการได้ลาภยศ และคำ� สรรเสรญิ สว่ นการไมม่ องอยา่ งหลงั จะขดั ขวางตรงทไ่ี มท่ ำ� ใหร้ จู้ กั ชวี ติ ของมนษุ ยแ์ ละประเดน็ ทเ่ี ปน็ ปญั หาของชวี ติ อยา่ งแท้จริง ๒. แลว้ ควรมองอยา่ งไร ? นคี่ อื ขนั้ ตอ่ มา คำ� ตอบกค็ อื มองตามความเปน็ จรงิ กลา่ วคอื เบอ้ื งตน้ มองสกิ ขา ๓ หรือ มรรคมีองค์ ๘ ว่า เป็น “ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา” คือ ทางหรือวิธีฝึกฝนเพื่อแก้ทุกข์และให้เกิดความสุข พระพุทธเจ้าคือบุคคลต้นแบบที่ฝึกฝนพระองค์ตามทาง หรือวิธีของมรรคมีองค์ ๘ น้ี จนกระท่ังทรงได้รับปัญญาอันยิ่งใหญ่ ที่เรยี กวา่ “อนตุ ตรสัมมาสัมโพธ”ิ คอื ปัญญา (รูแ้ จง้ รู้ตนื่ รู้เบกิ บาน) ซึ่งเกิดมีเองและถกู ตอ้ งชนิดทไี่ มม่ ปี ัญญาใดย่ิงใหญ่กว่า แต่ทางหรือวิธีน้ีต้องเกิดมีขึ้นเอง ก็แสดงว่าแต่ละคนต้องฝึกฝนตนเองอย่างมีกระบวนการและเป็นข้ันตอน อันดับต่อมา มองชีวิตเป็นชีวิต ซึ่งต้องเผชิญทุกข์ต่าง ๆ มากกว่าสุข แต่พระพุทธเจ้าทรงแนะวิธีเปลี่ยนทุกข์เป็นสุขไว้ให้ แน่นอนว่า ชวี ติ ตอ้ งมกี ารพฒั นา แตก่ ารพฒั นานนั้ ตอ้ งไมใ่ ชพ่ น้ ทกุ ขอ์ ยา่ งหนง่ึ แลว้ ไปตกหลม่ ทกุ ขอ์ กี อยา่ งหนงึ่ ทวา่ ตอ้ งขา้ มพน้ ทกุ ข์ ทั้งหลายจนเกดิ สขุ ทย่ี ่ังยนื กวา่ ใหไ้ ด้ ๓. จ�ำเป็นไหมท่ีต้องเข้าใจชีวิตตามค�ำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ชีวิต คือ ขันธ์ หรือกองรูปกับกองนาม กองรูป คือ รา่ งกายที่ประกอบด้วยอวัยวะ ๓๒ มีผม ขน เลบ็ ฟัน หนัง เปน็ ตน้ ส่วน กองนาม (จติ กบั พฤติกรรมของจติ ) คือ กองเวทนา (ความรู้สุข รู้ทุกข์ รู้กลาง ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์) กองสัญญา (ความหมายรู้และจ�ำได้) กองสังขาร (กิเลส เช่น โลภ โกรธ หลง และคุณธรรม เชน่ ความเสยี สละ เมตตา และปญั ญา ทป่ี รงุ แต่งจติ ) และกองวญิ ญาณ (จิต หรอื วญิ ญาณ รับรูส้ ่ิงเร้าทางตา หู จมกู ล้ิน กาย และใจ) ที่ถามเชน่ นี้เพราะ ๓.๑ กำ� ลังระลึกถงึ พระพุทธด�ำรสั ทต่ี รสั ไวว้ า่ “สงขฺ ิตเฺ ตน ปญจฺ ปุ าทาน กฺขนธฺ า ทุกฺขา-โดยรวบยอดแล้ว ขนั ธ์ ซ่ึงเป็นทต่ี ้งั แหง่ ความยึดม่ันถอื มั่น ๕ ประการเปน็ ทกุ ข”์ (วิ.มหา. ๔/๑๔/๑๔: มหาขนธฺ ก) ๓.๒ ก�ำลังระลึกถึงงานวิชาการของ ดร.สาโรช บัวศรี บุรพาจารย์ท่านหนึ่งของวงการศึกษาไทยท่ีเคยเสนอ การพัฒนาชีวิตเพ่ือการศึกษาโดยอิงความรู้เร่ืองขันธ์ ๕ ในพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้เขียนไม่ม่ันใจว่าวงการศึกษาไทย ไดส้ ืบตอ่ งานนหี้ รือไม่ ? อย่างไร ? หลังจากเสนอแนวคิดเบ้ืองตน้ แล้ว ยังมีแนวคิดทีอ่ าจน�ำหลกั ธรรมดงั กลา่ วไปปรบั ใช้ในการจดั การศึกษา ของวงการศึกษาไทยได้ 231 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๓.๓ มกี ารฝึกฝนตนตามลำ� ดับ ท่ีท�ำให้ เกิดผลสัมฤทธ์ิตามล�ำดับขั้น (ถึงสูงสุดคือ การส�ำเร็จ เปน็ พระอรหนั ต)์ ซงึ่ พระพทุ ธเจา้ ตรสั ไวว้ า่ “...ผเู้ กดิ ศรทั ธา (ความเชื่อ ความม่ันใจ) ย่อมเข้าไปหา (ผู้สอน) เม่ือ เข้าไปหาได้ก็ย่อมนั่งใกล้ ขณะน่ังอยู่ใกล้ ๆ ย่อมเง่ียหูลง (เพื่อฟงั คำ� สอน) ขณะทีเ่ งยี่ หูลง (ตง้ั ใจ) น้นั กฟ็ ังค�ำสอน ฟังแล้วก็จ�ำค�ำสอนได้ พิจารณาเน้ือหาของค�ำสอนที่จ�ำได้ ขณะพิจารณาอยู่ ค�ำสอนท่ีแท้จริงก็ทนต่อการเพ่งพินิจ เมอ่ื เขาพอใจการเพง่ พนิ ิจธรรมฉันทะ (ความพอใจ) ย่อมเกิด ผู้ท่ีเกิดฉันทะย่อมอุตสาหะ ครั้นอุตสาหะแล้วก็ไตร่ตรอง คร้ันไตร่ตรองแล้วก็พากเพียรแน่วแน่ ผู้ท่ีมีตน (จิต) ม่ันคงย่อมท�ำให้รู้แจ้งความจริงข้ันสูงสุดด้วยกาย (กองนามธรรม ท่ีเกิดร่วมกัน นับต้ังแต่ สติ ปัญญา เป็นต้น) แล้วเห็นแจ้งแทงตลอดความจริงน้ันด้วยปัญญา...” (ม.ม. ๑๓ / ๑๘๓ / ๑๕๘: กฏี าคริ สิ ตู ร) พระพุทธพจน์นี้ได้รับการน�ำไปปรับใช้ได้ในระบบการศึกษาศิลปวิทยาทางโลก ทั้งในระบบการศึกษา และเฉพาะตัวของผู้เรียนเอง เพราะยึดถือศรัทธาคือความเชื่อม่ัน ความมั่นใจ เป็นจุดเริ่มต้น เม่ือใช้กับระบบการศึกษา ผู้จัดการศึกษาต้องคิดว่าจะท�ำอย่างไรให้ระบบเป็นที่ศรัทธาของผู้เรียน หากใช้กับผู้เรียน ผู้จัดการศึกษาต้องคิดเช่นกันว่า จะท�ำอยา่ งไรให้ผู้เรยี นเกิดศรทั ธาในระบบ เพราะหลังจากเกิดศรทั ธาแลว้ พฤตกิ รรมเชงิ บวกของผูเ้ รียนก็จะเกดิ ขน้ึ ตามมา เช่น การเข้าหาครู การนั่งใกล้ครู จากนั้นการเรียนการสอนก็เกิดขึ้น ซ่ึงมีผลออกมาคือท�ำให้ผู้เรียนตั้งใจฟังค�ำสอนของครู ผลจากการทผ่ี เู้ รยี นตงั้ ใจฟงั คำ� สอนจงึ ทำ� ใหจ้ ำ� คำ� สอนของครไู ด้ การทผี่ เู้ รยี นจำ� คำ� สอนไดย้ อ่ มทำ� ใหม้ เี นอื้ หาเพอื่ การพจิ ารณา ในการพิจารณามีการวิเคราะห์ การวิเคราะห์เป็นการย่อยค�ำสอนของครูให้ละเอียดลึกซึ้งเพ่ือกรองให้เป็นความรู้เน้ือแท้ ท่ีฝังอยู่ในจิตใต้ส�ำนึก เหมือนการกินอาหาร การเค้ียวอาหารให้แหลกคือการย่อยเบื้องต้น เพ่ือให้มีการย่อยอย่างละเอียด เพื่อให้ได้โอชารสไปบ�ำรุงเล้ียงร่างกาย ซึ่งเทียบได้กับการวิเคราะห์ค�ำสอนของครูจนเกิดความเข้าใจแล้วก็เกิดความพอใจ ท�ำใหเ้ กิดการวเิ คราะหต์ ่อ นน่ั แสดงวา่ ความพอใจที่เกิดจากความเขา้ ใจย่อมน�ำไปสกู่ ารเกิด หรอื พัฒนาปัญญา ๓.๔ สรา้ งวนิ ยั ควบคมุ การใชศ้ ลิ ปวทิ ยา ในมงคลสตู รมพี ระพทุ ธพจนท์ พี่ ระพทุ ธเจา้ ตรสั ไวต้ อนหนงึ่ วา่ พาหุสจฺจญจฺ สิปปญฺจ วนิ โย จ สุสิกขฺ ิโต สภุ าสิตา จ ยา วาจา เอตมมฺ งฺคลมุตตฺ มํ การมีการศึกษามาก ศิลปะ วนิ ยั ท่ีฝกึ หัดดีแล้ว วาจาสภุ าษิต ทั้ง ๔ น้ี คือมงคลอนั สูงสดุ (ขุ.ธ. ๒๕/๕/๔: มงคลสูตร) ซง่ึ นา่ ศกึ ษาถงึ เหตผุ ลวา่ ทำ� ไมพระพทุ ธเจา้ จงึ ทรงวางมงคลทงั้ ๔ ขอ้ นไี้ วใ้ นกลมุ่ เดยี วกนั เรมิ่ จากการมกี ารศกึ ษามาก นนั่ แสดงวา่ : 232 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

พระพทุ ธเจา้ ทรงแนะนำ� ขน้ั ตอนของการตงั้ ตนไวช้ อบ หรอื การพฒั นาตนดว้ ยการศกึ ษาใหม้ าก หลงั จากศกึ ษา ได้ความรู้มากแล้ว ขั้นต่อไปคือต้องเอาความรู้ไปใช้เป็นศิลปะให้ได้ เพื่อประโยชน์ในการเลี้ยงชีวิต การใช้ความรู้ต้องมี วินัย คือ ควบคุมตนเองให้ใช้ความรู้ไปในทางที่ถูกต้อง การที่จะมีวินัยได้นั้นต้องท�ำโดยการฝึกหัด เร่ิมจากฝึกคิดและฝึก แสดงออกทางกายและวาจา ในที่นี้จะเห็นได้ว่า มีกล่าวถึงการใช้ค�ำพูดไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นวาจาสุภาษิต คือ พูดดี หมายถึง พูดค�ำจริงและพูดค�ำที่เป็นประโยชน์ ค�ำจริงท่ีเป็นประโยชน์นั้นต้องพูดให้ถูกกาละและเทศะ แสดงว่าต้องมี หลักคุณธรรมศีลธรรมเข้ามาก�ำกับอย่างชัดเจน หากท�ำได้อย่างนี้ ความรู้ที่เรียนมาย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ส่วนตน คือ การมีรายได้ซ่งึ เป็นวัตถุประสงคห์ ลักของการครองชีวติ แบบฆราวาส เพื่อจะได้นำ� รายไดน้ ั้นมาใชจ้ า่ ยเลย้ี งดูครอบครวั ซ่ึงประกอบด้วยสมาชิก คือ บิดา มารดา ภรรยา และลูก และประโยชน์ส่วนรวมคือการได้เป็นส่วนหนึ่งที่ท�ำให้สังคม เกิดความสงบสขุ จากการมคี วามร้ขู องผู้เรยี น บทสรุป การศึกษาท่ีอิงพระพุทธศาสนา ต้องเป็นการศึกษาเพื่อความรู้และความเข้าใจชีวิต ท่ีพระพุทธศาสนาเรียกว่า “ขนั ธ์ ๕” ซึ่งเปน็ ทอี่ ยูแ่ ห่งคุณธรรมและกิเลส เพอื่ จะไดใ้ ชค้ วามรู้ไปจัดการขันธ์ ๕ ให้ดำ� เนนิ ไปอยา่ งเหมาะสม เบอ้ื งต้น ขันธ์ ๕ นั้นถูกกิเลสยึดครองอยู่แล้ว และพร้อมจะขยายตัวไป และใช้ขันธ์ ๕ น้ันให้สนองความต้องการของมัน ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางที่ท�ำให้กิเลสขยายตัวไม่สิ้นสุด จึงจ�ำเป็นต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมให้เข้มแข็ง เพื่อต้านกเิ ลสและมอี ำ� นาจเหนอื กิเลส จนกระท่ังถึงคุมกเิ ลสได้ และทำ� ให้กิเลสอ่อนกำ� ลงั จนถึงขัน้ หมดไปไดใ้ นทีส่ ุด โลกปัจจุบันเป็นโลกสมัยใหม่ ค�ำที่ท�ำให้คนสนใจมานานแล้วคือค�ำว่า “พัฒนา” ซ่ึงส่วนใหญ่มีความเข้าใจ คล้ายกันว่า พัฒนา คือ ความเจริญที่วัดกันด้วยการมีส่ิงก่อสร้างที่วิจิตรและสวยงาม รวมท้ังมีการจัดการท่ีเหมาะสม แก่ยุคสมัย พระพุทธศาสนาไม่มีค�ำสอนท่ีปฏิเสธการพัฒนาดังกล่าว แต่มีค�ำสอนอีกมุมหนึ่งที่เสนอไว้ คือให้มอง การขยายตัวของกิเลส ซ่ึงหมายความว่า การพัฒนาใดท่ีท�ำให้คนเกิดความโลภแล้วความโกรธความหลงก็ย่อมตามมา การพัฒนาน้นั ย่อมนำ� ความทกุ ขม์ าให้โดยฝา่ ยเดียว การศึกษาท่ีอิงความรู้ทางพระพุทธศาสนา น่าจะมีส่วนส�ำคัญให้รู้ทันการพัฒนาดังกล่าวนั้นได้ แต่คงจะไม่มี ประโยชน์อะไร หากการศกึ ษาแบบนไี้ ม่ไดร้ ับการสนับสนนุ และขยายผลใหเ้ ป็นระบบการศึกษาที่ถาวร บรรณานุกรม วนิ ัยปิฎก ฉบับมหาจุฬา. (๒๕๓๒). มหาวรรค ภาค ๑. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . สตุ ตนั ตปฎิ ก ฉบบั มหาจฬุ า. (๒๕๓๒). ขทุ ทกนกิ าย ธมั มปทะ. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . . (๒๕๓๒). ทุกนิปาต อังคตุ ตรนกิ าย. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . . (๒๕๓๒). สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. 233 สารานุกรมการศกึ ษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ท่ีมา: http://www.techweekeurope.co.uk/workspace/national-curriculum-ict-education-computing-121214 การศึกษาแบบองคร์ วม รองศาสตราจารยป์ ระภาภัทร นยิ ม ความน�ำ ระบบการศึกษาซ่ึงพัฒนามาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๑ ศตวรรษนั้น มีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้เป็น กระบวนการบ่มเพาะเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถ และมีทักษะการท�ำงานและการด�ำรงชีวิตท่ีดี และควรตระหนักถึงบทบาทหน้าทีต่ ่อสังคมและโลก แตเ่ มอื่ ใดกต็ ามทก่ี ารจดั การศกึ ษามงุ่ เนน้ สทู่ ศิ ทางของ “การเรยี นวชิ าเปน็ ตวั ตง้ั ” และแยกการเรยี นรอู้ อกจาก การพัฒนาชีวิตจิตใจของมนุษย์ เมื่อน้ันการศึกษาจะขาดสมดุล และกลายเป็นเคร่ืองมือการส่ังสม ถ่ายทอดความรู้ เพอ่ื พฒั นาดา้ นวตั ถแุ ละเทคโนโลยใี หส้ นองตอบความตอ้ งการเสพ บรโิ ภค ทเ่ี กนิ พอ จนสรา้ งผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศน์ ท้ังทางกายภาพและสังคมโลกทุกระบบ ซึ่งสะท้อนกลับมาสู่โทษภัยและการเบียดเบียนมนุษย์ด้วยกันเอง ตลอดจน ส่ิงแวดล้อมของโลกในวงกวา้ ง ซ่ึงหมายความวา่ การศึกษาเปน็ ต้นตอของปญั หาเสยี เอง ในช่วงเปล่ียนผ่านสู่คริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ คนในแวดวงการศึกษาแทบทุกมุมโลก ได้สังเกตเห็นสถานการณ์ ดังกล่าวน้ัน และเริ่มตระหนักถึงบทบาทอีกด้านหนึ่งของการศึกษาที่ขาดหายไป คือ “การศึกษาท่ีเอาชีวิตเป็นตัวตั้ง” และ ใช้วิชาความรู้เป็นส่ือประกอบการเรียนรู้ท่ีแท้จริง น่ันคือการเข้าถึงคุณค่าของชีวิตและสรรพสิ่งได้ และกลับมาค้นพบ ศักยภาพ หรอื “ธรรมชาตกิ ารเรียนรูข้ องมนษุ ย์” ทก่ี วา้ งขวางและลึกซ้ึงกวา่ ทีเ่ ราจะคาดคิด ทสี่ ามารถเจาะผ่านชัน้ เปลือกนอก ของความตอ้ งการทางวัตถุ ไปสแู่ กน่ สาระทม่ี ีความหมายอันสูงสง่ ของชวี ิตและสรรพสิ่ง 234 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ณ จุดยืนและมุมมองเช่นน้ีเอง จึงเป็นท่ีมาของการแสวงหา นวัตกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม มาเป็นระยะ ๆ และเมื่อราวครสิ ตศ์ ักราช 1970 เป็นตน้ มา นวตั กรรมการศึกษาทีเ่ รียกว่า Holistic Education / Learning หรือการศึกษาแบบองค์รวม จึงถกู บัญญัตขิ ้นึ และมีผู้ท�ำการศกึ ษาทดลองกันอยา่ งแพรห่ ลายทัว่ โลก รวมทั้งมีแนวโน้มว่า จะเป็นการจัดการศึกษา/กระบวนการเรียนรู้ที่สามารถตอบโจทย์การพัฒนามนุษย์อย่างเต็มตามศักยภาพให้มีบุคลิกภาพ และสมรรถนะแหง่ ครสิ ต์ศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อเปน็ พลเมืองทมี่ ีคุณคา่ ต่อสังคมและโลกตอ่ ไป พัฒนาการของศาสตร์การเรียนรู้ กวา่ จะมาเป็น “การศกึ ษาแบบองคร์ วม” ค�ำว่า “การศึกษาแบบองค์รวม” (Holistic Education) อาจเป็นค�ำศัพท์แปลจากศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น โดยนกั วชิ าการตะวนั ตก ตงั้ แตป่ คี รสิ ตศ์ กั ราช 1970 เปน็ ตน้ มา ในปจั จบุ นั กลบั พบการเชอื่ มโยงและการมาบรรจบกนั กบั ศาสตร์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาจิตใจและปัญญาของสังคมตะวันออก เช่น การเจริญสติสัมปชัญญะ ท่ีเรียกว่า Mindfulness meditation หรอื การปฏบิ ตั ภิ าวนาจติ ตปญั ญา ทเ่ี รยี กวา่ Contemplative practices เปน็ ตน้ นอกเหนอื ไปจากการทำ� สมาธิ ท่คี นสว่ นใหญ่รู้จกั กนั อย่างแพรห่ ลายอยูแ่ ลว้ กอ่ นหนา้ นนั้ ตงั้ แตป่ คี รสิ ตศ์ กั ราช 1950 เปน็ ตน้ มา มนี กั วชิ าการดา้ นการศกึ ษาและดา้ นอนื่ ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ความสามารถทางการเรยี นรขู้ องมนษุ ย์ ไดพ้ ยายามพฒั นาชดุ ความรตู้ า่ ง ๆ เชน่ จติ วทิ ยาการเรยี นรู้ (Learning psychology) ด้านพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral science) จนมาถึงการเรียนรู้บนฐานพัฒนาการของสมอง (Brain-based learning) ระยะทางแหง่ พฒั นาการการเรยี นรดู้ งั กลา่ ว ไดเ้ รมิ่ ขน้ึ จากฐานคดิ ทางจติ วทิ ยาของ เกสตอลต์ (Gestalt theory) ซง่ึ กลา่ วถงึ การมองสงิ่ ตา่ ง ๆ ดว้ ยการรบั รภู้ าพรวมทงั้ หมดมไิ ดแ้ ยกสว่ น (ผรู้ เิ รม่ิ แนวคดิ นไี้ ดแ้ ก่ Max Wertheimer, Kurt Koffka, Wolfgang Kohler และ Kurt Lewin) นอกจากน้ี ความหมายของการเรียนรู้ตามนัยยะองค์รวม ยังได้รับการค้นคว้า โดย Jan Christian Smut และให้ความหมายว่า “ส่วนรวมมีค่ามากกว่าส่วนย่อยรวมกัน” (The whole is more than the sum of the parts) ชุดความรู้ดังกล่าวเหล่านั้น จึงยังผลให้เกิดทฤษฎีทางการศึกษาอ่ืน ๆ ตามมาอีกมาก เช่น ชุดความรู้ของ Bloom’s Taxonomy of learning ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การปรบั เปลยี่ นเปา้ หมายของการศกึ ษาทม่ี งุ่ พฒั นาคนในทกุ มติ ิ มใิ ชเ่ ฉพาะ ด้านความรู้อย่างเดียว กล่าวคือ หลัก ๓ ประการของการบรรลุผลการเรียน ด้านพุทธิปัญญา (cognitive domain) ด้านพฤฒิปัญญาหรือจริยธรรม (Affective domain) และด้านสุขภาวะสมดุลของกาย (Psychomotor domain) ซึ่งยังผลให้นักการศึกษาสามารถจ�ำแนกระดับการบรรลุผลของการเรียนรู้ของมนุษย์ (Human cognition) ได้รอบด้าน และเปน็ ระบบมากขึน้ ตามล�ำดบั      ในเวลาตอ่ มา ดว้ ยความเขา้ ใจเปา้ หมายของการศกึ ษาเชน่ นี้ ทำ� ใหเ้ กดิ รปู แบบ และกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ในช้นั เรยี นและนอกชัน้ เรียนขึน้ อย่างหลากหลายของการศกึ ษาขึ้น เพอ่ื เน้นการบรรลุผลทีต่ วั ผู้เรยี นเป็นรายบคุ คล 235 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ถึงเวลาของผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลาง (Child-centered learning) หรอื การพฒั นาเด็กอย่างเป็นองคร์ วม (Whole child development) มขี อ้ นา่ สงั เกตวา่ นวตั กรรมการจดั การเรยี นรซู้ งึ่ เปน็ ตวั อยา่ งของการปฏบิ ตั ทิ สี่ อดคลอ้ งและตรงไปสเู่ ปา้ หมาย ของการพัฒนาคนทั่วทุกมิติและเต็มศักยภาพนั้น ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นโดยผู้ที่มิใช่นักการศึกษาโดยตรง และเกิดข้ึน ภายใต้วิกฤติการณ์ที่ท้าทายสติปัญญาเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เช่น แพทย์หญิง Maria Montessori ชาวอิตาเลียน ซึ่งได้ทดลองจัดการเรียนรู้ให้แก่กลุ่มเด็กด้อยโอกาสและยากจนในชุมชนสลัม เพ่ือเยียวยาความบกพร่องของจิตใจเด็ก ๆ และพร้อมกันนั้นก็ฟื้นฟู “ความพร้อมต่อการเรียนรู้” และยกระดับความมั่นใจในความสามารถของตนเองและศักดิ์ศรี แหง่ ความเปน็ มนษุ ยใ์ หท้ ดั เทยี มกนั หรอื ตวั อยา่ งของ Rudolf Steiner ทจี่ ดั การเรยี นแนว มานษุ ยปรชั ญา (Antroposophy) เรยี กชอ่ื วา่ โรงเรยี น Waldorf ขนึ้ ในประเทศเยอรมนั นหี ลงั ภาวะสงคราม เชน่ เดยี วกบั แนวทางการจดั การศกึ ษาของชมุ ชน Reggio Emilia ในอิตาลี โดยการสนับสนุนของนักการศึกษาชื่อ Loris Malaguzzi ร่วมกันเปิดศูนย์การเรียนให้เด็ก ๆ หลังภาวะสงครามเช่นกัน เพ่ือมุ่งสร้างบุคคลแห่งอนาคต ท่ีมีพ้ืนฐานความพร้อมในการเรียนรู้และมีสมรรถนะต่อการ ท�ำงานอย่างสร้างสรรค์ เป็นการสร้างพลเมืองชั้นน�ำ เพ่ือรับภารกิจการฟื้นฟูสังคม เป็นนักเผชิญปัญหา แก้ปัญหา และ ท�ำงานเป็นทมี ตัวอย่างท้ัง ๓ ที่กล่าวข้างต้นนี้ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แรงจูงใจสำ� คัญท่ีก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลง ทง้ั องคาพยพ ไมว่ า่ จะเปน็ เปา้ หมายกด็ ี กระบวนการกด็ ี การวดั และประเมนิ ผลกด็ ี นนั้ ลว้ นเปน็ ไปเพอ่ื การยกระดบั คณุ ภาพใหม่ ท่ีตัวผู้เรียนเป็นส�ำคัญและแน่นอน ยังท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงบทบาทและคุณภาพ ตลอดจนการเข้ามามีส่วนร่วม ในการสนับสนุนการจัดการศึกษาของพ่อแม่และชุมชนด้วย เพ่ือความเข้าใจที่ตรงกันถึงเป้าหมายที่มากกว่าการเรียนวิชา แตเ่ นน้ พฒั นาการทเี่ ตม็ ศกั ยภาพของเดก็ แตล่ ะคน นแี่ หละคอื Child-centered learning หรอื Whole child development ทีแ่ ท้จรงิ การจดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางดงั กลา่ ว ไดแ้ พรข่ ยายออกไปยงั ประเทศตา่ ง ๆ จำ� นวนมาก ทง้ั โดยการฝกึ อบรม ตามแบบแผน หรอื การนำ� แนวคดิ ทใ่ี หค้ วามชดั เจนกบั การพฒั นาคนทกุ มติ ิ ไปจดุ ประกายการจดั การเรยี นรใู้ นแบบอยา่ งอนื่ ๆ เช่น ในประเทศไทย เกิดโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก (Summer hill) โรงเรียนอมาตยกุล (Neo-humanist) โรงเรียนวิถีพุทธ เชน่ โรงเรยี นทอสี โรงเรยี นสยามสามไตร โรงเรยี นรงุ่ อรณุ และโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร อกี จำ� นวนหนงึ่ ตลอดจนการจัดการเรียนแบบบา้ นเรียน (Home school) ช่วงเวลาเดียวกันน้ีเอง ท่ีเกิดกลุ่มเครือข่ายของ Holistic Education ในระดับเอเซีย-แปซิฟิกขึ้น โดยการน�ำ ของนักวิชาการชาวคานาดา ที่ช่ือ Professor John Miller ซ่ึงเป็นแกนน�ำในการจัดประชุมประจ�ำปีข้ึนเม่ือ ๔-๕ ปี ทผี่ า่ นมาน้ี ซง่ึ ชว่ ยใหผ้ ทู้ ส่ี นใจการจดั การเรยี นรเู้ หลา่ นไ้ี ดเ้ ขา้ มาแลกเปลย่ี นเรยี นรปู้ ระสบการณ์ ตลอดจนงานวจิ ยั ทอ่ี ธบิ าย การพัฒนาของ Holistic Education/Learning ชัดเจนข้ึน และมีแนวโน้มที่จะขยายผลอย่างต่อเน่ืองและกว้างขวางขึ้น ตามล�ำดับ 236 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

โลกทัศนใ์ หม่ของการศึกษาศตวรรษที่ ๒๑: พัฒนาคนเพือ่ พัฒนาประเทศ เมื่อสังคมโลกาภิวัตน์ก้าวเข้าสู่ยุคของคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ เราได้เห็นการเปล่ียนแปลงคร้ังใหม่ในเชิง การยกระดับคุณภาพและออกจากกรอบการพัฒนาเดิมของระบบการจัดการศึกษา เพ่ือใช้การศึกษาเป็นกลไกหลัก ในการขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศอยา่ งกา้ วกระโดด กลา่ วคอื เราไดเ้ หน็ กระแสการเคลอ่ื นยา้ ยวสิ ยั ทศั น์ (Paradigm shift) และการสถาปนาชุดความคิดใหม่ (New mindset) ทั้งของเศรษฐกิจและการศึกษาเพ่ือปลดปล่อยการติดกับดัก การพฒั นาประเทศ ซึง่ จะพิสูจน์กันด้วยคุณภาพของคนยคุ ใหม่ กระแสการเคลอ่ื นไหวดงั กลา่ ว เกดิ ขน้ึ ในปคี รสิ ตศ์ กั ราช 2002 คอื การจดั สอบ PISA (Program for International Student Assessment) โดยองคก์ รกลมุ่ ประเทศการพฒั นาเศรษฐกจิ (OECD) ซงึ่ จดั สอบเยาวชนอายุ ๑๕ ปี โดยใชข้ อ้ สอบ ที่จะตอบตัวช้ีวัดที่ส�ำคัญด้านทักษะการเรียนรู้ และสมรรถนะการใช้ความรู้เพื่อแก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ในชีวิตจริง อย่างรอบด้าน ดังเช่นท่ีกล่าวถึงกันภายใต้ช่ือ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ (21st Century Learning Skills) ซึง่ เนน้ ทก่ี ารเรียนร้ขู องบุคคลอย่างชดั เจน ๓ กล่มุ หลัก ประกอบไปด้วย กลุ่มที่ ๑ ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม (Learning and Innovation skills: learning how to learn, Critical thinking & Problem solving, Communication & Collaboration, Creativity & Innovation) กลมุ่ ที่ ๒ ทกั ษะภาษาดจิ ทิ ลั (Digital Literacy Skills: Information literacy, Media literacy, ICT. Literacy) กลมุ่ ที่ ๓ ทกั ษะการงานอาชพี และทกั ษะชวี ติ (Career & Life Skills,Work-ready/Prepared for Life, flexibility & adaptability, Initiative & Self-direction, Social & Cross cultural Interaction, Productivity & Accountability, Leadership & Responsibility) จากปรากฏการณ์ของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ (21st Century Learning Skills) กลายเป็น ตัวช้ีวัดใหม่ทางการศึกษา ท�ำให้หลายประเทศเร่ิมประกาศเจตนารมณ์และปรับเปล่ียนเป้าหมายการจัดการศึกษาใหม่ ดงั วาทะกรรมทก่ี ลา่ วขวญั กนั ตดิ ปาก เชน่ Teach-Less/Learn-More ของประเทศสงิ คโปร์ ปลดปลอ่ ยวธิ กี ารเรยี นการสอน และต้ังเป้าหมายหลักสูตรไว้ท่ีแก่นคุณค่า (Core-Value) ของผู้เรียน หรือตัวอย่างของประเทศจีน ที่ปรับเปล่ียนทิศทาง การจัดการศึกษาจาก One Nation-One Curriculum ไปสู่ Whole Nation-Different Expertise แม้แต่ประเทศฟินแลนด์ ที่มีพัฒนาการโดดเด่นในผลการทดสอบ PISA ทั้ง ๆ ท่ีเป็นประเทศเล็กเพราะตั้งเป้าหมายการศึกษาไว้ท่ีคุณภาพ ท่ีเท่าเทียมทั่วถึง (Quality & Equality) เป็นต้น ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือการยกระดับคุณภาพของพลเมือง ด้วยการ ส่งสัญญานประกาศทิศทางการศึกษาใหม่เป็นวาระแห่งการพัฒนาชาติ และตามมาด้วยการปรับวิธีการสอน มาเป็น การมอบวิธีการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน และปรับระบบการจัดการตั้งแต่ระดับนโยบายลงสู่หน่วยปฏิบัติ จากการจัดการศึกษา สูก่ ารจดั การเรยี นรู้ 237 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

หากมองจากทง้ั เปา้ หมาย หรอื ตวั ชวี้ ดั เชงิ คณุ ภาพของการศกึ ษา และวธิ กี ารจดั การเรยี นรกู้ ระแสใหมด่ งั กลา่ วนน้ั จะพบวา่ เข้าใกล้แนวทางการศึกษาแบบองคร์ วมยิง่ ขึน้ กลา่ วคือ ๑) การวางเปา้ หมายการศกึ ษาทเี่ นน้ ผลลพั ธ์ คอื คณุ ภาพของผเู้ รยี นอยา่ งรอบดา้ น (Quality of life) เปน็ ตวั ตง้ั มากกวา่ สาระวิชาเป็นหลกั และสร้างจติ ส�ำนกึ ความเป็นพลเมืองร่วมพฒั นาสงั คม (Social engaged Citizenship) ๒) การปรบั กระบวนการจดั การสอนใหเ้ ปน็ การเรยี นรใู้ หมท่ เี่ นน้ ทกั ษะการเรยี นรู้ เปน็ หลกั (Core concept of learning Skills) มากกวา่ การทอ่ งจำ� และการวดั ผลโดยการสอบ ทำ� ใหเ้ ปน็ ผเู้ รยี นทใ่ี ฝร่ ใู้ ฝเ่ รยี นดว้ ยตนเอง (Active learner) ๓) การปรบั ชดุ ความรู้ เนอื้ หาสาระและวถิ กี ารเรยี นรใู้ หม่ (Mode of learning) จากการเรยี นรายสาระวชิ าหลกั แบบท่องจ�ำมาเป็นแบบลงมือปฏิบัติ (Learning by Doing) และ/หรือปรับกลุ่มสาระวิชามาเป็นรูปแบบของหน่วย หรือฐานการเรียนรู้ ท่ีบูรณาการทักษะต่าง ๆ และประเด็นสาระความรู้ท่ีส�ำคัญ ๆ (Global Learning Issues) ภายใต้ หวั เรื่องทเี่ ก่ยี วข้องกบั ชวี ติ สังคม และผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ ม 238 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การจัดการเรียนรู้แบบองค์รวมในสถานศึกษาท�ำอย่างไร (How to establish Holistic Learning System in school) การจดั การศกึ ษาแบบองคร์ วม สามารถทำ� ไดใ้ นทกุ บรบิ ท เพราะผเู้ รยี นสามารถเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง อยา่ งไรกต็ าม จ�ำเป็นต้องมีการฝึกทักษะการเรียนรู้เพ่ือเรียน (Learn how to learn) และการเรียนรู้จักตนเอง เป็นเบื้องต้นก่อน ซงึ่ สามารถทำ� ไดต้ ง้ั แตร่ ะดบั เดก็ เลก็ เดก็ อนบุ าล ไปจนกระทง่ั อดุ มศกึ ษา หรอื ตลอดทงั้ ชวี ติ ของมนษุ ย์ (Life-long Education) และทกุ กลมุ่ คน (Inclusive education) ลักษณะเฉพาะที่ส�ำคัญของทักษะการเรียนรู้แบบองค์รวม ซึ่งแตกต่างหรือจะเรียกว่าต่อยอดไปจากการศึกษา ทถี่ กู ปลดปลอ่ ยสมู่ าตรฐานแหง่ ทกั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี ๒๑ นน้ั คอื การเนน้ การฝกึ หดั พฒั นาดา้ นจติ ใจและปญั ญา เพอื่ สรา้ งเสรมิ สมรรถนะการเรยี นรจู้ ากกลไกภายในของผเู้ รยี น สรา้ งทกั ษะการตระหนกั รใู้ นตนเอง มที ศั นคตแิ ละจติ สำ� นกึ ทดี่ งี าม (Self actualization) สว่ นใหญจ่ ะใช้วธิ กี ารเจรญิ สติ-สมั ปชญั ญะ หรอื ทเ่ี รยี กวา่ การทำ� สมาธภิ าวนา ในรปู แบบที่ แตกต่างหลากหลาย ใหส้ อดคล้องกับวยั และความถนดั หรอื ฉนั ทะของผู้เรียน อยา่ งไรก็ดี ปัจจัยหลักทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กิดผลโดยตรงต่อผ้เู รียน ก็คือกระบวนการฝกึ ครูใหเ้ ปน็ ผทู้ ่ีมสี ตสิ ัมปชญั ญะ ต้ังอยู่ในแนวทางสัมมาทิฏฐิ เพ่ือให้สามารถออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนแบบบูรณาการ การลงมือปฏิบัติ ตลอดจน มที กั ษะการวดั ผลและประเมนิ ผลทสี่ มรรถนะ ทกั ษะ ความสามารถของตวั ผเู้ รยี นเปน็ รายบคุ คล ซงึ่ เรยี กวา่ การประเมนิ เพื่อพัฒนา (Embedded formative assessment) ได้ เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทัศนคติ จิตส�ำนึกต่อการเรียนรู้ และ มพี ฤติกรรมทดี่ งี าม เพ่ือให้คณะครูได้พัฒนาทักษะดังกล่าวข้างต้น จ�ำเป็นท่ีสถานศึกษาจะต้องติดตั้งระบบเสริมสมรรถนะครู ภายในระบบบรหิ ารของสถานศกึ ษา กลา่ วคอื กระบวนการ BAR/AAR (Before/After Action Review) หรอื R to R (Routine to Research)  เพ่ือทบทวนและประเมินชั้นเรียน ผู้เรียน ครูอย่างต่อเน่ือง ให้เป็นระบบอยู่ในการปฏิบัติงาน ผนวกกบั การจดั การความรไู้ ปในเวลาเดยี วกนั ทง้ั น้ี การบรหิ ารจดั การในสถานศกึ ษา ตอ้ งถอื วา่ การใหเ้ วลาแกก่ ระบวนการ ดังกล่าวนเ้ี ป็นเวลางานท่ีสำ� คัญไมย่ ่ิงหย่อนไปกว่าเวลาของการจดั การเรียนการสอนในชัน้ เรยี น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเอ้ืออ�ำนวย สนับสนุนให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืน ของระบบการศึกษาแบบองค์รวม อีกประการหน่ึง นั่นคือการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วม ระหว่างบ้าน วัด (สถาบันทางศาสนา) ชุมชน โรงเรียน (สถานศึกษา) กลายเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ปฏิบัติไปด้วยกัน โดยมีสถานศึกษาเป็นศูนย์กลาง ดังเช่นการจัดหลักสูตร “หอ้ งเรยี นพอ่ แม”่ ของเดก็ เลก็ การจดั กจิ กรรมตามประเพณที างศาสนา หรอื การรว่ มกจิ กรรมอาสาสมคั ร การสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้ยากล�ำบาก ผู้ประสพภัย การจัดกิจกรรมภาวนาเจริญสติเป็นคร้ังคราว กับเครือข่ายสถานปฏิบัติธรรมต่าง ๆ เป็นตน้ 239 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การเรียนร้แู บบองคร์ วมในสถานศึกษา การวางแนวทางหลักสตู รแบบองคร์ วมมีหลกั เกณฑส์ ำ� คญั ดงั ต่อไปนี้ ๑) เปน็ การฝกึ ปฏบิ ตั เิ รยี นรดู้ ว้ ยตนเองแบบครบวงจร ของการใชช้ วี ติ ทง้ั ในและนอกสถานศกึ ษา มสี ตสิ มั ปชญั ญะ เปน็ เครอื่ งมอื ในการฝึก เช่น การอยกู่ ับลมหายใจเปน็ ปจั จุบัน เป็นต้น ๒) รปู แบบการฝกึ ฝนเรียนรใู้ นสถานศกึ ษา ใหจ้ ดั ว่าการเรียนรูส้ ามารถทำ� ไดท้ ง้ั ๒ แบบ คอื ๑. การเรยี นรู้ผา่ นกจิ วตั รประจ�ำวันทอี่ อกแบบไวอ้ ยา่ งมจี ดุ ม่งุ หมาย ๒. กิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการให้เกิดโอกาสการเรียนท้ังเน้ือหาสาระและทักษะ ด�ำเนินควบคู่กันไป ทงั้ นน้ี ับแตก่ ้าวแรกทผ่ี ู้เรยี นย่างเขา้ สูส่ ถานศึกษาและออกจากสถานศึกษา ๓) เป้าหมาย-กระบวนการ-การวัดผลประเมินผล (OLE Objective-Learning-Evaluation) ของหลักสูตร แตล่ ะระดบั ชว่ งวยั แตล่ ะระดบั การบรหิ ารจดั การ ไดแ้ ก่ ชน้ั เรยี นใน ๑ วนั ใน ๑ สปั ดาห์ ใน ๑ ภาคการศกึ ษา และใน ๑ ปกี ารศกึ ษา ตอ้ งสอดคลอ้ งตอ้ งกนั โดยตลอด โดยใชว้ ธิ กี ารประเมนิ ผลทสี่ ำ� คญั คอื การประเมนิ เพอ่ื พฒั นา (Formative Assessment) นอกเหนอื ไปจาก การวดั ผลสดุ ทา้ ย (Summative Assessment) ดว้ ยการทดสอบ ๔) วงจรการเรียนรแู้ ต่ละคาบ แต่ละหนว่ ย จะด�ำเนินไปอย่างนอ้ ย ๖ ขน้ั ดังน้ี ๑. จุดประกาย ความใฝ่รู้ ๒. ลงมอื ปฏิบัต/ิ ทดลอง/สงั เกต ๓. ร่วมแลกเปล่ียนเรยี นรถู้ อดประสบการณ์ ๔. คน้ คว้าหาความรเู้ พิ่ม/ครเู พ่ิมเตมิ ๕. ปฏิบัตกิ าร/ทดลองกับแบบฝกึ สำ� คัญ ทั้งเดย่ี วและกลุ่ม ๖. ร่วมกันประเมนิ และสรุปความรนู้ ้นั ๆ 240 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

๕) ครูสังเกตและบันทึกผลการประเมิน ผลทักษะการเรียนรู้ ทักษะสังคม สมรรถนะการท�ำงาน และ คุณลกั ษณะเชงิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ของผ้เู รยี นเป็นรายบุคคล ขั้นตอนน้ี ครมู คี วามสำ� คญั ทีส่ ดุ และควรได้รับการฝกึ ฝน มาอย่างดี เพื่อให้ครูมีทักษะและมีเมตตา รับรู้สภาพความเป็นไปของผู้เรียนตามความเป็นจริงโดยปราศจากอคติ และ ยังสามารถก่อความสัมพันธ์ท่ีน่าเชื่อถือไว้วางใจ พร้อมชี้แนะให้เกิดการปรับปรุงพัฒนาการเรียนรู้ และกระทั่งกระตุ้น ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงในระดับจิตสำ� นกึ ของผู้เรยี นได้ ๖) พลวัตการพัฒนาแผนการเรียนการสอนและหลักสูตรระดับชั้น ระดับโรงเรียน เพ่ือพัฒนาการเรียน การสอนนนั้ ๆ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณท์ างสงั คมตามกาลเทศะและการเปลย่ี นแปลงตา่ ง ๆ ทจ่ี ะแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ ท่ีส่งผลกระทบตอ่ การพฒั นาผ้เู รียน หรือเพอ่ื การยกระดบั มาตรฐานการเรียนรู้เพิ่มขน้ึ สรปุ การเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม และการจัดการศึกษาแบบองค์รวม ก�ำลังได้รับการพัฒนาและขยายผลไป อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ออสเตรเลีย เนื่องด้วยความจำ� เป็นของการพัฒนาคนอย่างรอบด้าน เพอ่ื เปน็ พลเมอื งรว่ มพฒั นาสงั คม ซงึ่ ตอ้ งปรบั เปลย่ี นวธิ กี ารของการจดั การศกึ ษาใหเ้ กดิ ผล คอื การเปลย่ี นแปลงคณุ ภาพคน ซึง่ หมายความถงึ การเคลือ่ นยา้ ยวิสยั ทัศน์และความเขา้ ใจความหมายใหมข่ องการศกึ ษาของคนทง้ั มวล ในยุคสังคมดิจิทัล การศึกษาในอนาคตอันใกล้จึงไม่อาจจ�ำกัดอยู่เฉพาะในขอบเขตโรงเรียนหรือสถานศึกษา เท่าน้ัน แต่จะเกิดข้ึนได้กับทุกคน ทุกท่ี ทุกเวลา ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลแต่ละคนจะมองเห็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ และใชค้ วามรใู้ หเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คมในสถานการณน์ น้ั ๆ ไดห้ รอื ไม่ ดงั นน้ั การศกึ ษาแบบองคร์ วมจงึ มงุ่ เนน้ ท่ีการฝึกทักษะการเรียนรู้ของบุคคล ให้เข้าถึงระดับคุณค่าที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ เพ่ือให้เป็นแนวทาง ของการจัดการศึกษาในโลกอนาคตอนั ใกลท้ ี่สตปิ ญั ญาไม่ถูกจำ� กัดไวด้ ว้ ยความรอู้ กี ต่อไป บรรณานุกรม ประเวศ วะสี. (๒๕๕๕). จิตตภาวนากบั การเปลยี่ นแปลงข้ันพ้ืนฐาน = Meditation and transformation. นครปฐม: ศนู ย์จติ ตปญั ญาศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โต). (๒๕๔๔). พฒั นาการแบบองคร์ วมของเดก็ ไทย ฯ . กรงุ เทพมหานคร: โครงการวจิ ยั ระยะยาวในเดก็ ไทย (PCTC). . (๒๕๔๖). ร่งุ อรณุ ของการศกึ ษาเบกิ ฟ้าแห่งการพฒั นาที่ยง่ั ยืน. กรุงเทพมหานคร: พมิ พ์สวย. วจิ ารณ์ พานิช. (๒๕๕๗). การประเมินเพอ่ื มอบอ�ำนาจการเรยี นร้.ู กรุงเทพมหานคร: มลู นธิ โิ รงเรียนรุง่ อรณุ . Miller, J. (1988). The holistic curriculum. Toronto, Ont.: OISE Press, Ontario Institute for Studies in Education. Senge, P. (2000). Schools that learn: A fifth discipline fieldbook for educators, parents, and everyone who cares about education. New York: Doubleday. 241 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การศึกษาผูส้ ูงอายุ ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธ์ิ “สังคมผู้สูงอายุ” ดูเหมือนจะไม่ใช่เร่ืองไกลตัวอีกต่อไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางประชากร ของประเทศ แสดงใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจนวา่ ประเทศไทยกำ� ลงั เผชญิ หนา้ กบั ภาวการณป์ ระชากรสงู อายุ (อายุ ๖๐ ปแี ละมากกวา่ ) เพมิ่ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ การประมาณการเพม่ิ ขน้ึ ของประชากรผสู้ งู อายุ โดยองคก์ ารสหประชาชาตริ ะหวา่ งพทุ ธศกั ราช ๒๕๓๓ ถึงพุทธศักราช ๒๕๙๓ แสดงว่า เมื่อเปรียบเทียบกับจ�ำนวนประชากรไทยท้ังหมดเมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๓ ประชากร สงู อายเุ พมิ่ ขน้ึ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔๗ เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๓ และเพมิ่ ขน้ึ เปน็ ประมาณรอ้ ยละ ๗๗๐ เมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๙๓ นอกจากน้ี เม่ือพิจารณาจากปิรามิดประชากรไทย ระหว่างพุทธศักราช ๒๕๑๓-๒๕๙๓ ตามการเปลี่ยนแปลงของ โครงสร้างประชากร ตามเพศและอายุ เป็นเครื่องยืนยันถึงภาวการณ์ท่ีเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็วของประชากรสูงอายุ ท้ังน้ี เพราะฐานปิรามิดซ่ึงเป็นตัวแทนของประชากรวัยเด็ก มีแนวโน้มท่ีจะแคบลง ในขณะที่ยอดของปิรามิดประชากร ซ่ึงหมายถึงกลุ่มประชากรสูงอายุขยายกว้างข้ึนและรวดเร็วขึ้น และประเด็นท่ีน่าสนใจก็คือ ในราวพุทธศักราช ๒๕๖๓ ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ท่ีจะมีประชากรสูงอายุมากกว่าประชากรวัยเด็ก ทั้งนี้ เป็นผล จากการลดลงอย่างต่อเน่ืองของอัตราเจริญพันธุ์ อัตราตายของประชากรในอดีต และการเพิ่มข้ึนของอายุคาดหมายเฉลี่ย เม่ือแรกเกิด (ความยืนยาวของชีวิต) ของประชากรไทยในระยะเวลาท่ีผ่านมา ซึ่งอายุคาดหมายเฉลี่ยเม่ือแรกเกิดของ ผู้ชาย เพ่ิมจาก ๕๕ ปี ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๘๙-๒๕๐๘ เป็น ๗๐ ปี ระหว่างพุทธศักราช ๒๕๓๘-๒๕๓๙ ในขณะที่อายุคาดหมายเฉล่ียของผู้หญิง เพิ่มจาก ๖๒ ปี เป็น ๗๕ ปี ในช่วงเวลาเดียวกัน (ศิริวรรณ ศิริบุญ และ ชเนตตี มิลินทางกูร, ๒๕๕๑) เมื่อในอนาคตผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ในสังคม ดังนั้นการท�ำความเข้าใจ และท�ำความรู้จักกับการเป็นผู้สงู อายจุ ึงเปน็ เร่อื งส�ำคญั 242 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

นิยาม “ผสู้ งู อาย”ุ วยั สงู อายุ หรอื วยั ชรา หมายถงึ มนษุ ยท์ ม่ี อี ายอุ ยใู่ นชว่ งปลายของชวี ติ นยิ ามของผสู้ งู อายอุ าจแตกตา่ งกนั ไป เมอ่ื พจิ ารณาจากแง่มุมตา่ ง ๆ อาทิ ทางชีววทิ ยา ประชากรศาสตร์ การจา้ งงาน และทางสงั คมวทิ ยา ในทางสถิติมกั ถือว่า ผู้ท่ีอยู่ในวัยสูงอายุ คือ บุคคลที่มีอายุ ๖๐-๖๕ ปีขึ้นไป ในประเทศไทยก�ำหนดไว้ว่า ผู้สูงอายุ คือบุคคลท่ีมีอายุต้ังแต่ ๖๐ ปีข้ึนไป ประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุต่อประชากรทั้งประเทศสูงกว่าประเทศก�ำลังพัฒนา ซ่งึ ในประเทศไทยมีสัดสว่ นของผ้สู ูงอายุเพมิ่ มากข้นึ เป็นล�ำดับ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พุทธศักราช ๒๕๔๖ “ผู้สูงอายุ” หมายความว่า บุคคลซ่ึงมีอายุเกินกว่าหกสิบปี บรบิ ูรณข์ น้ึ ไป และมสี ัญชาติไทย พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ให้ความหมายของค�ำว่า คนแก่ คือ มีอายุมาก หรอื อยใู่ นวยั ชรา และ ใหค้ วามหมายของคำ� วา่ ชรา คอื แกด่ ว้ ยอายุ ชำ� รดุ ทรดุ โทรม นอกจากนนั้ ยงั มกี ารเรยี กผสู้ งู อายวุ า่ ราษฎรอาวโุ ส (Senior citizen) องค์การสหประชาชาติ ให้นิยามว่า “ผู้สูงอายุ” คือ ประชากรท้ังเพศชาย และเพศหญิง ซึ่งมีอายุมากกว่า ๖๐ ปีขึ้นไป (๖๐+) โดยเป็นการนิยามนับต้ังแต่อายุเกิด ส่วนองค์การอนามัยโลก ยังไม่มีการให้นิยามผู้สูงอายุ โดยมี เหตผุ ลวา่ ประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกมีการนิยามผู้สูงอายุต่างกัน ท้ังนิยามตามอายุเกิด ตามสังคม (Social) วัฒนธรรม (Culture) และสภาพร่างกาย (Functional markers) เช่น ในประเทศที่เจริญแล้ว มักจัดผู้สูงอายุ นับจากอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป หรือ บางประเทศอาจนิยามผู้สูงอายุ ตามอายุก�ำหนดให้เกษียณงาน (อายุ ๕๐ หรือ ๖๐ หรือ ๖๕ ปี) หรือนิยามตามสภาพ ของรา่ งกายโดยผูห้ ญงิ สงู อายอุ ย่ใู นช่วง ๔๕-๕๕ ปี สว่ นชายสูงอายุอยใู่ นชว่ ง ๕๕-๗๕ ปี 243 สารานุกรมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

องค์การสหประชาชาติ แบ่ง “สังคมผู้สูงอายุ” เป็น ๓ ระดับ คือ (๑) ระดับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing society หรอื Aging society) (๒) ระดบั สงั คมผสู้ งู อายโุ ดยสมบรู ณ์ (Aged society) และ (๓) ระดบั Super - aged society โดยใหน้ ยิ ามของระดบั ต่าง ๆ ซ่งึ ท้ังประเทศไทย และรวมทงั้ ประเทศต่าง ๆ ทัว่ โลก ใชค้ วามหมายเดยี วกัน ในนิยามของทกุ ระดับของสังคมผ้สู งู อายุ ดังน้ี การกา้ วเขา้ สสู่ ังคมผสู้ งู อายุ คือ การมีประชากรอายุ ๖๐ ปขี ้นึ ไปรวมทั้งเพศชายและเพศหญงิ มากกว่า ๑๐% ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ ๖๕ ปี เกิน ๗% ของประชากรท้ังประเทศ สังคมผู้สูงอายุ โดยสมบรู ณ์ คอื เมอื่ ประชากรอายุ ๖๐+ปี เพิม่ ขึน้ เปน็ ๒๐% หรอื ประชากรอายุ ๖๕ ปี เพิ่มเปน็ ๑๔% ของประชากร โดยรวมทั้งหมดของท้ังประเทศ และ Super-aged society คือ สังคมท่ีมีประชากรอายุ ๖๕ ปีข้ึนไปมากกว่า ๒๐% ของประชากรทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศทั่วโลกมีการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในช่วงเวลาแตกต่างกัน ตามความเจริญมั่งคงั่ ซึง่ มผี ลต่อสขุ ภาพและการมีอายยุ ืนของประชาชน การเปลยี่ นแปลงที่เกดิ ขึน้ เมอื่ เปน็ “ผสู้ ูงอายุ” เม่ือเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุ แน่นอนว่าย่อมมีการเปล่ียนแปลงเกิดข้ึนท้ังทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจ ซ่ึงนายแพทย์นันทศักด์ิ ธรรมานวัตร์ และนางกฤษณา ตรียมณีรัตน์ (๒๕๕๐) กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ของผสู้ งู อายุในภาพรวม ดังนี้ ๑. การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ลักษณะรูปร่างและผิวพรรณ อยา่ งเห็นไดช้ ัด รวมทงั้ การเปล่ยี นแปลงของระบบอวยั วะภายในรา่ งกาย ดังตอ่ ไปน้ี (๑) รปู รา่ ง จะมกี ารเปลย่ี นแปลงไปไดแ้ ก่ หลงั โกง่ งอขน้ึ หวั เขา่ และสะโพกงอเลก็ นอ้ ย ทำ� ใหส้ ว่ นสงู ลดลง ไหลจ่ ะแคบลง ทรวงอกลกึ ขนึ้ กระดกู บรเิ วณสะโพกกวา้ งขน้ึ นำ้� หนกั ตวั ลดลง เกดิ รอยยน่ ทใ่ี บหนา้ หนงั ตาตก จมกู กวา้ งขนึ้ หูยาว ผิวหนังบางลง ผิวจะแตกง่าย เหงื่อออกน้อย เส้นผมบนศีรษะลดลง หงอกขาว กระดูกสันหลังของผู้หญิงจะเกิด การโกง่ งอไดเ้ รว็ กวา่ ชายประมาณครง่ึ หนง่ึ เกดิ การสญู เสยี มวลกระดกู และเกดิ ภาวะกระดกู พรนุ ได้ กลา้ มเนอื้ มกี ารใชง้ านนอ้ ยลง และไมค่ อ่ ยมเี รยี่ วแรง จึงแนะนำ� ให้ผสู้ ูงอายอุ อกกำ� ลังกาย เพอื่ ช่วยคืนความแขง็ แรงของกล้ามเนือ้ (๒) สมองและระบบประสาท สมองมีน�้ำหนักลดลง หลงลืมง่ายข้ึน ความสามารถด้านการพูดจะลดลง ประสาทสมั ผัส ปลายประสาทรบั ความรูส้ ึกเจบ็ ปวดและรับรูอ้ ุณหภูมิลดจ�ำนวนลง ทำ� ใหเ้ กิดอาการชาปลายมอื ปลายเท้า การรับกลิ่นรับรสลดลง ความสามารถในการทรงตัวลดลง ประสาทอัตโนมัติและการสั่งการเสื่อมลง ท�ำให้ตอบสนอง ต่อสิ่งเรา้ ตา่ ง ๆ เชื่องชา้ ลง เคล่อื นไหวช้าลง ตาจะตอบสนองต่อแสงนอ้ ยลง หนาวส่ันได้ง่าย (๓) ต่อมไร้ท่อ ต่อมใต้สมอง เสื่อมหน้าที่ลง การหล่ังฮอร์โมนจึงลดลง เป็นผลให้ผู้สูงอายุเบื่ออาหาร น้�ำหนักลด อ่อนเพลีย รูปร่างผอมลง เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ตับจะฝ่อลีบลงท�ำให้ระดับน้�ำตาลในร่างกาย ของผสู้ งู อายสุ ูงข้ึนกวา่ คนหนุ่มสาว จงึ พบโรคเบาหวานได้มากขึ้น 244 สารานกุ รมการศึกษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

(๔) หัวใจและหลอดเลอื ด หวั ใจ มกี ารหดและ คลายตวั ของกลา้ มเนอื้ หวั ใจลดลง อตั ราการเตน้ หวั ใจลดลง กำ� ลงั สำ� รองของหวั ใจลดลง หลอดเลอื ดแขง็ ตวั หนาขน้ึ ยดื หยนุ่ นอ้ ยลง การไหลเวียนเลอื ดในหลอดเลือดหวั ใจนอ้ ยลง (๕) ระบบหายใจ ปอดจะยืดหยุ่นน้อยลง หลอดลมแข็งตัวและมีพังผืดเพ่ิมขึ้น ผู้สูงอายุจึงเกิดความรู้สึก ว่าหายใจไม่เพียงพอ ต้องชดเชยด้วยการหายใจให้เร็วข้ึน และ หายใจแบบตืน้ ๆ (๖) ชอ่ งปากและระบบบดเคย้ี ว ฟนั มกี ารสกึ กรอ่ นจากการบดเคย้ี ว หรอื จากการแตกรา้ วของฟนั ทใี่ ชง้ านมานาน หรือจากอบุ ตั เิ หตจุ ากการใชง้ าน เหงือก มีการอักเสบหรือร่นลงจากการใชง้ าน คราบหินปนู ท่ีสะสมในปากเป็นเวลานาน ท�ำให้เกิดโรคปริทันต์ หรือโรคร�ำมะนาด ท�ำให้ฟันเกิดการโยกคลอนได้ มีความเส่ือมของต่อมน�้ำลาย ข้อต่อขากรรไกร และกล้ามเน้ือบดเคย้ี วเสือ่ มสภาพหยอ่ นยานตามวัย (๗) ทางเดนิ อาหาร กระเพาะอาหาร หลง่ั นำ้� ยอ่ ยลดลง ลำ� ไสเ้ ลก็ เคลอื่ นไหวเพอ่ื การยอ่ ยและดดู ซมึ อาหารลดลง ท�ำให้อาหารพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินดี และแคลเซียม ถูกดูดซึมไปใช้ลดลง ความไวจากการถูกกระตุ้น ด้วยอุจจาระกลับช้า ตับ มีขนาดเล็กลง มีพังผืดเข้ามาแทนท่ีมากขึ้น เลือดไหลเข้าสู่ตับน้อยลง ความสามารถของตับ ในการทำ� ลายพษิ ลดลงไป (๘) ทางเดนิ ปัสสาวะ ไต มหี น่วยกรองลดลง การกรองของเสียและการขับยาทางไตลดลง กระเพาะปสั สาวะ ออ่ นกำ� ลงั ลง และมคี วามจลุ ดลง ทำ� ใหผ้ สู้ งู อายปุ สั สาวะบอ่ ย ๆ กลา้ มเนอื้ หรู ดู ของกระเพาะปสั สาวะและชอ่ งขบั ถา่ ยเสอ่ื มลง (๙) ระบบภมู ิคมุ้ กนั ระบบภูมคิ ุม้ กันของร่างกายทงั้ ระบบทำ� งานลดลง ผสู้ ูงอายุจึงเกิดการติดเช้ือได้ง่าย ๒. การเปล่ยี นแปลงทางสภาพจติ ใจ แพทย์หญิงศรีประภา ชัยสินธพ (๒๕๕๘) กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจของผู้สูงอายุว่า ผสู้ งู อายนุ นั้ ตอ้ งเผชญิ กบั ความเปลยี่ นแปลงในเรอื่ งสำ� คญั ๆ เหมอื นกนั คอื ในเรอ่ื งของภาวะเศรษฐกจิ สงั คม การหาทางออก ใหแ้ กต่ นเองเพอ่ื ใหร้ สู้ กึ วา่ ชวี ติ ยงั มคี ณุ คา่ และเรอ่ื งหนา้ ทข่ี องตนในครอบครวั บางคนมกี ารเตรยี มตวั เผชญิ หนา้ กบั ความตาย ทใ่ี กลเ้ ขา้ มาทกุ ที ในขณะทบ่ี างคนไมย่ อมรบั ในเรอ่ื งน้ี สภาพทางจติ ใจของผสู้ งู อายทุ เี่ ปลย่ี นแปลงไปนย้ี งั ทำ� ใหเ้ กดิ ผลตามมา อีกหลายประการ ที่เห็นได้ชัดประการหน่ึงคือ การสนใจในตนเองมากขึ้น หมกมุ่นกับเร่ืองของตัวเอง (egocentricity) ความสามารถในการเก็บกดระงับความกังวลในยามท่ีเกิดความคับข้องใจ (repression) ลดลง เม่ือเผชิญปัญหาก็ทำ� ให้เกิด ความเครียดและวิตกกังวลอย่างมาก ผู้สูงอายุที่ฉลาด สุขุม เข้าใจชีวิต เผชิญปัญหาได้โดยการยอมรับความเป็นจริง และปลงตก ปฏิบัติกิจกรรมอันมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจอย่างสม่�ำเสมอ ก็ย่อมที่จะคงความมีสุขภาพจิตที่ดี และพัฒนาภาวะจิตใจของตนไปสคู่ วามรสู้ กึ พึงพอใจ ภมู ิใจในชวี ิตของตนท่ีเกดิ มาได้ 245 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ดงั นน้ั ผสู้ งู อายจุ งึ ตอ้ งปรบั ตวั เพอ่ื สรา้ งความสมดลุ ในการดำ� เนนิ ชวี ติ และการอยรู่ ว่ มกบั คนในสงั คม ซง่ึ กลไก การปรับตัว พฤติกรรมการปรับตัวเพ่ือรับกับสถานการณ์ในวัยสูงอายุท่ีพบได้บ่อย คือ การแสดงออกเป็นอาการทางกาย (somatization) เพอื่ นำ� มาซงึ่ การดแู ลเอาใจใสจ่ ากผอู้ น่ื การถอยหนไี มส่ กู้ บั ปญั หา (withdrawal) การโทษผอู้ นื่ (projection) การปฏิเสธไม่รับรู้ความจริง (denial) และการท้อแท้เศร้าซึม (depression) ซึ่งอาจจะแสดงออกโดยการเบ่ืออาหาร นำ้� หนกั ลด ทำ� ใหเ้ กดิ ปัญหาอ่ืน ๆ ดา้ นสุขภาพตามมา ความคดิ ฆา่ ตวั ตายกพ็ บได้บอ่ ยพอควรในผสู้ ูงอายุ ความคิดระแวง (paranoid thinking) เกดิ ขน้ึ บอ่ ยในคนสงู อายุ อาจจะเปน็ เพราะหลายสาเหตรุ ว่ มกนั ถา้ มองในแงม่ มุ ของกลไกการปรบั ตวั ก็เป็นไปได้ที่ความคิดระแวงนี้เกิดข้ึนเนื่องจากมีการใช้ projection มากขึ้น ในเวลาเดียวกันกับที่ประสาทการรับรู้ต่าง ๆ ลดน้อยลง พฤติกรรมการปรบั ตัวของผู้สงู อายุ พอจะจ�ำแนกออกไดเ้ ปน็ ๔ กลมุ่ ดงั น้ี กลมุ่ ท่ี ๑ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นไดส้ อดคลอ้ งตามวยั ของตน ทำ� ใหไ้ มเ่ กดิ ปญั หาตอ่ ครอบครวั ไดแ้ ก่ มคี วามเปน็ อยู่ อยา่ งสงบ มคี วามสนใจกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความพอใจและความเหมาะสม มงุ่ ทำ� ประโยชนต์ อ่ สงั คม กล่มุ ที่ ๒ เปน็ กล่มุ ทชี่ อบตอ่ สู้ มพี ลงั ใจสูง ท�ำให้มีความคดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์สง่ิ ใหม่ ๆ ขึ้นได้ กลมุ่ ที่ ๓ ตอ้ งพง่ึ พาอาศยั ผ้อู ่นื มักจะต้องการความสนใจ และความเอาใจใส่จากคนในครอบครวั มาก กลุ่มท่ี ๔ สนิ้ หวงั ในชวี ติ มกั จะเกดิ ความเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคทางจติ ใจ โดยเฉพาะโรคอารมณเ์ ศรา้ ขาดการพฒั นา ตนเองทางด้านรา่ งกายและจิตใจ มาตรการท่เี กีย่ วขอ้ งกับ “ผู้สูงอายุ” พระราชบญั ญตั ผิ สู้ งู อายุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖ มมี าตรการสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ผสู้ งู อายใุ นเรอื่ งสทิ ธปิ ระโยชนต์ า่ ง ๆ โดยกำ� หนดใหผ้ สู้ งู อายมุ สี ทิ ธไิ ดร้ บั การคมุ้ ครอง การสง่ เสรมิ และการสนบั สนนุ ในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ การบรกิ ารทางการแพทย์ และการสาธารณสขุ ดว้ ยความสะดวกรวดเรว็ เปน็ กรณพี เิ ศษ การศกึ ษา การศาสนา และขอ้ มลู ขา่ วสาร การประกอบอาชพี หรือฝึกอาชพี การพัฒนาตนเองและการมสี ว่ นร่วมในสังคม เครอื ข่ายชุมชน การอำ� นวยความสะดวก และความปลอดภัย ในอาคารสถานท่ี ยานพาหนะ การช่วยเหลือดา้ นคา่ โดยสารยานพาหนะ การยกเว้นค่าเข้าชมสถานทีข่ องรัฐ การชว่ ยเหลอื จากการถกู ทารณุ กรรม หรอื ถกู แสวงหาประโยชนโ์ ดยมชิ อบดว้ ยกฎหมาย หรอื ถกู ทอดทง้ิ การใหค้ ำ� แนะนำ� ปรกึ ษาดำ� เนนิ การ ในทางคดี หรอื แก้ไขปญั หาครอบครัว การจดั ทพี่ ักอาศัย อาหารและเคร่อื งนงุ่ ห่ม การสงเคราะห์เบ้ยี ยังชพี การสงเคราะห์ ในการจดั การศพ เปน็ ตน้ นอกจากนี้ พระราชบัญญัตผิ ูส้ งู อายุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖ ยงั กำ� หนดให้มี กองทุนผ้สู ูงอายุ เพื่อเป็นทุนใชจ้ ่าย เกี่ยวกับการคุ้มครอง ส่งเสริมและสนับสนุนตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุนี้ โดยกองทุนประกอบด้วย เงินประเดิม ท่ีรัฐบาลจัดสรรให้ เงินท่ีได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปี เงินหรือทรัพย์สินท่ีมีผู้บริจาคหรือมอบให้ เงินอุดหนุน จากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ เงินหรือทรัพย์สินท่ีตกเป็นของกองทุน หรือได้รับตามกฎหมายหรือ นติ ิกรรมอืน่ และดอกผลท่เี กิดจากเงนิ หรือทรัพย์สนิ ของกองทุน ท้งั น้ี ไม่ต้องน�ำส่งกระทรวงการคลงั   246 สารานุกรมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ปฏิญญาผู้สูงอายุไทย ประกาศใช้เมื่อวันท่ี ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒ เป็นวโรกาสพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเจรญิ พระชนมายคุ รบ ๗๒ พรรษา ประกอบกบั องคก์ ารสหประชาชาตไิ ดป้ ระกาศใหเ้ ปน็ ปสี ากลวา่ ดว้ ย ผู้สูงอายุ โดยรัฐบาล องค์กรเอกชน ประชาชน และสถาบันต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงศักด์ิศรีและคุณค่าของผู้สูงอายุ ซ่ึงได้ ท�ำประโยชน์ในฐานะ “ผูใ้ ห้” แก่สงั คมมาโดยตลอด ดังนั้น จึงควรได้รับผลในฐานะเปน็ “ผูร้ บั ” จากสังคมดว้ ย ปฏิญญาผู้สูงอายุไทยจึงเป็นพันธกรณีเพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ ในเรื่องปัจจัยพ้ืนฐานในการด�ำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าและศักด์ิศรี ได้รับโอกาสในการศึกษาเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพ ของตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารและบรกิ ารทางสงั คมอนั เปน็ ประโยชนใ์ นการดำ� รงชวี ติ การดแู ลสขุ ภาพอนามยั และการมสี ่วนรว่ มตา่ ง ๆ ทางสงั คม แผนผสู้ งู อายแุ หง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๒ (พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๕-๒๕๖๔) มกี ระบวนการพฒั นาผสู้ งู อายอุ ยา่ งเปน็ ระบบ เพื่อสร้างจิตส�ำนึกให้คนในสังคมตระหนักถึงผู้สูงอายุในฐานะบุคคลท่ีมีประโยชน์ต่อสังคม ตระหนักถึงความส�ำคัญของ การเตรียมการและมีการเตรียมการเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุท่ีมีคุณภาพ ตลอดจนเพ่ือให้ผู้สูงอายุด�ำรงชีวิตอย่างมีศักด์ิศรี พ่ึงตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตและมีหลักประกัน ผ่าน ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมความพร้อมของ ประชากรเพอื่ วยั สงู อายทุ มี่ คี ณุ ภาพ (๒) ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการสง่ เสรมิ ผสู้ งู อายุ (๓) ยทุ ธศาสตรด์ า้ นระบบคมุ้ ครองทางสงั คม ส�ำหรับผู้สูงอายุ (๔) ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุระดับชาติและการพัฒนาบุคลากร ด้านผู้สูงอายุ และ (๕) ยุทธศาสตร์ด้านการประมวลและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ และการติดตามประเมินผล การดำ� เนนิ การตามแผนผู้สูงอายแุ ห่งชาติ (ส�ำนักส่งเสรมิ และพทิ ักษผ์ ู้สูงอาย,ุ ๒๕๕๘) 247 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมัย เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

การท�ำงานของ “ผ้สู ูงอายุ” จากการสำ� รวจภาวการณก์ ารทำ� งานของประชากรหรอื การสำ� รวจแรงงาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๕ โดยสำ� นกั งาน สถิตแิ ห่งชาติ (๒๕๕๖) พบวา่ ในปี ๒๕๕๕ มีผู้สงู อายทุ ีท่ �ำงาน ๓.๔ ลา้ นคน จากจ�ำนวนผูส้ ูงอายุทง้ั สน้ิ ๘.๖ ลา้ นคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๙.๔ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือในด้านการเกษตรและประมง ร้อยละ ๖๑.๕ รองลงมาเป็นพนักงานบริการและพนักงานขายในร้านค้า ร้อยละ ๑๗.๓ ผู้ปฏิบัติงานด้านความสามารถทางฝีมือและ ธรุ กิจการค้า ร้อยละ ๘.๔ เม่ือพิจารณาตามเพศ พบว่า ผู้สูงอายุเพศชายส่วนใหญ่ประกอบอาชีพผู้ปฏิบัติงานท่ีมีฝีมือในด้านการเกษตร และประมง ร้อยละ ๖๔.๓ รองลงมาเป็นพนักงานบริการและพนักงานขายในร้านค้า ร้อยละ ๑๒.๙ และผู้ปฏิบัติงาน ดา้ นความสามารถทางฝีมอื และธุรกจิ การคา้ รอ้ ยละ ๘.๖ เปน็ ตน้ สว่ นผู้สูงอายเุ พศหญิง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพผ้ปู ฏบิ ตั งิ านทมี่ ีฝมี ือในดา้ นการเกษตรและประมง รอ้ ยละ ๕๗.๘ รองลงมา เป็นพนักงานบริการและพนักงานขายในร้านค้า ร้อยละ ๒๓.๐ และผู้ปฏิบัติงานด้านความสามารถทางฝีมือ และธุรกิจการคา้ ร้อยละ ๘.๐ เปน็ ตน้ บทบาทของ “ผู้สงู อาย”ุ ผู้สูงอายุมีบทบาทต่อสังคม ชุมชน และครอบครัว เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ และประสบการณ์ เป็นผู้ถึงพร้อมทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิ เป็นทรัพยากรบุคคลท่ีมีคุณค่า แม้ผู้สูงอายุเริ่มจะมีร่างกาย ท่ีเส่ือมถอยหรือต้องการการดูแลเพิ่มข้ึน แต่ผู้สูงอายุหลายท่านยังมีศักยภาพท่ีจะช่วยเหลือครอบครัว ชุมชน และสังคม ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ผู้สูงอายสุ ามารถให้ค�ำปรกึ ษาในเรื่องทีท่ ่านมีประสบการณแ์ กบ่ คุ คลรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี ผสู้ งู อายนุ น้ั มติ อ้ งการเพยี งแตจ่ ะเปน็ ฝา่ ยรบั จากบตุ รหลานหรอื จากสงั คมเทา่ นนั้ โดยผสู้ งู อายสุ ามารถชว่ ยเหลอื สังคมตามศักยภาพ ผู้สูงอายุหลายคนที่เกษียณอายุแล้ว มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์สูง หลายคนอาจเคย ด�ำรงต�ำแหน่งส�ำคัญ หรือประกอบวิชาชีพท่ีเป็นครู อาจารย์ แพทย์ พยาบาล เป็นผู้น�ำทางกฎหมาย บัญชี การบริหาร หรอื การจดั การ ซง่ึ เปน็ ทต่ี อ้ งการและสามารถสรา้ งประโยชนแ์ กส่ งั คมไดอ้ ยา่ งมหาศาล ทงั้ น้ี ผสู้ งู อายสุ ามารถแบง่ ออกเปน็ ๕ ประเภท ตามหลักสวัสดิการสงั คม คือ ๑. ผู้สูงอายุที่สามารถทำ� งานเลีย้ งตนเองได้ ไม่ตอ้ งพ่ึงพาผ้อู ืน่ ๒. ผสู้ ูงอายุท่ีเกษยี ณอายุแล้ว เล้ยี งตนเองด้วยเงินบ�ำเหนจ็ ทีเ่ ก็บได้ ๓. ผ้สู งู อายทุ ่เี กษียณอายแุ ลว้ เลย้ี งตนเองดว้ ยเงินบำ� นาญ ๔. ผสู้ งู อายทุ ่อี ยูก่ บั ครอบครัว บุตร หรอื ญาติ ตอ้ งพึ่งพาเขาเพยี งบางส่วนหรือโดยส้นิ เชิง ๕. ผ้สู ูงอายทุ ่ีตอ้ งพ่ึงบรกิ ารของรฐั หรือเอกชน ถา้ ปราศจากบรกิ ารนีแ้ ลว้ จะทำ� ใหม้ ีชวี ิตทลี่ �ำบาก 248 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมยั เฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

นอกจากนี้ ผสู้ งู อายสุ ามารถทำ� กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในยามวา่ ง คอื กจิ กรรมนนั ทนาการ กจิ กรรมการเรยี นรู้ และกจิ กรรม การบรกิ ารผูอ้ นื่ ๑. กจิ กรรมนนั ทนาการ ผสู้ งู อายสุ ามารถทำ� ไดท้ กุ ชว่ งอายุ ทำ� ใหร้ า่ งกายสดชน่ื ทา้ ทาย กระตนุ้ เตอื น เปลยี่ นแนวคดิ และไดส้ มั ผสั กบั คนอน่ื รวมทง้ั ทำ� ใหจ้ ติ ใจของเราตน่ื ตวั อยเู่ สมอ และมชี วี ติ ชวี า ผสู้ งู อายคุ วรทำ� ในสง่ิ ทต่ี นเองชอบและตนเอง มที กั ษะ หรอื ความถนดั เปน็ พเิ ศษ ทกั ษะในงานวชิ าชพี อาจนำ� มาใชใ้ นกจิ กรรมนนั ทนาการได้ ควรเลอื กหลาย ๆ กิจกรรม และต้องมเี วลาพอด้วย ๒. กิจกรรมการเรียนรู้ เม่ือผู้อยู่ในวัยสูงอายุ การเรียนรู้ยังมีอย่างต่อเน่ือง เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น ความพงึ พอใจ หรอื เพอ่ื การดำ� เนนิ กจิ กรรมบางอยา่ งใหไ้ ดร้ บั ความสำ� เรจ็ ในแงส่ ขุ ภาพจติ การเรยี นรจู้ ะเปน็ การกระตนุ้ จติ ใจ และเป็นการแลกเปลี่ยนความสนใจกับผู้อื่น เช่น การเรียนในระบบการศึกษาผู้ใหญ่ หรือการศึกษานอกระบบการเรียน ในมหาวทิ ยาลยั เปิด และการอบรมระยะสน้ั เป็นตน้ ๓. กิจกรรมบริการผู้อ่ืน เน้ือแท้ของชีวิตอย่างหนึ่งคือ การเสียสละ และท�ำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่สังคม นอกเหนือไปจากท�ำให้แก่ตนเอง ครอบครัว โดยผ่านงานอาสาสมัคร ผู้สูงอายุอาจลองงานอาสาสมัครหลาย ๆ อย่าง แลว้ พิจารณาดดู ว้ ยตนเองว่า กจิ กรรมแบบไหนที่เหมาะสมกับตนเองทีส่ ดุ เช่น บรกิ ารทางสขุ ภาพอนามัย องคก์ รการกุศล หรอื องคก์ รทางศาสนา ชมรมและสมาคม หรอื กลมุ่ เฉพาะทาง กลมุ่ อนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม กลมุ่ ผบู้ รโิ ภค กลมุ่ สทิ ธมิ นษุ ยชน หรอื บทบาทตามวิชาชพี  เปน็ ตน้ (กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๕๘) การศกึ ษาเพอื่ “ผสู้ ูงอายุ” แม้ผู้สูงอายุจะมีความเส่ือมถอยทางร่างกาย แต่ผู้สูงอายุก็ยังจ�ำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง ซงึ่ การใหก้ ารศกึ ษากเ็ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของการพฒั นา ทง้ั นหี้ ลาย ๆ ประเทศไดใ้ หค้ วามสำ� คญั กบั การศกึ ษาและการเรยี นรขู้ องผสู้ งู อายุ โดยมีนโยบายด้านการศึกษาส�ำหรับผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมให้ ผสู้ งู อายใุ ชช้ วี ติ อยา่ งมคี ณุ คา่ ชะลอภาวะสมองเสอื่ มและปอ้ งกนั โรคซมึ เศรา้ ยกตวั อย่างเชน่ เกาหลีใต้ กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร (Ministry of Information and Communication: MIC) ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการใช้ไอซีทีของเกาหลี (KADO) จัดโครงการการศึกษาไอซีทีเพื่อผู้สูงอายุ ท่ีมีอายุ ๕๕ ปีข้ึนไป (ICT Education for the Elderly) โดยร่วมมือกับภาคเอกชน วิทยาลัย ศูนย์สวัสดิการสังคม และศูนย์สวัสดิการผู้ท่ีอยู่ ในวัยเกษียณ เพ่ือฝกึ อบรมทักษะไอซีทแี กผ่ ู้สูงอายุ เป็นเวลา ๒๐-๓๐ ช่ัวโมง 249 สารานกุ รมการศกึ ษารว่ มสมยั เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ไตห้ วนั เมอ่ื ตน้ ปคี รสิ ตศ์ กั ราช 2008 กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไตห้ วนั ไดป้ ระกาศเพมิ่ งบประมาณ จำ� นวน ๔๖.๕๔ ลา้ นดอลลารไ์ ตห้ วนั (NT$) เพอ่ื สนบั สนนุ การศกึ ษาสำ� หรบั ผสู้ งู อายุ ซงึ่ เพมิ่ ขนึ้ เปน็ ๒ เทา่ จากครสิ ตศ์ กั ราช 2007 และ ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการก่อต้ังศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต (life-long learning centers) และศูนย์การเรียนรู้ เพอ่ื ผสู้ งู อายุ (grey-haired learning centers) ในมณฑลตา่ ง ๆ สหรัฐอเมริกา ผู้สูงอายุในสหรัฐ ฯ ให้ความสนใจการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซ่ึงวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ได้อนุญาตให้ประชาชนที่เกษียณอายุเข้าเรียนในหลักสูตรส�ำหรับผู้สูงอายุ โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยหรือไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย นอกจากนี้ ภายในวิทยาลัยยังมีที่พักพร้อมส่ิงอ�ำนวยความสะดวกท่ีเสียค่าใช้จ่ายน้อยเช่นกัน (เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, ๒๕๕๘) บรรณานุกรม กระทรวงสาธารณสขุ , กรมอนามยั สำ� นกั สง่ เสรมิ สขุ ภาพ สว่ นอนามยั ผสู้ งู อาย.ุ บทบาทของผสู้ งู อายตุ อ่ สงั คม ครอบครวั ชมุ ชน. สืบค้นจาก http://hp.anamai.moph.go.th/soongwai/statics/about/soongwai/topic006.php เม่ือวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘. เกรียงศักด์ิ เจรญิ วงศศ์ กั ดิ์. การศกึ ษาเพ่ือผูส้ งู อาย.ุ สืบค้นจาก http://www.kriengsak.com/node/1747 เมื่อวันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘. ศรีประภา ชยั สนิ ธพ. สภาพจิตใจของผสู้ งู อาย.ุ สืบค้นจาก http://www.ramamental.com/medicalstudent/generalpsyc/oldpsyc/ เมื่อวนั ท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘. ศริ วิ รรณ ศริ บิ ญุ และชเนตตี มลิ นิ ทางกรู . (๒๕๕๑). ฐานขอ้ มลู ประชากร (ฝา่ ยวจิ ยั และศนู ยส์ นเทศ). วทิ ยาลยั ประชากรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . สืบคน้ จาก http://www.cps.chula.ac.th/cps/research_division/article_ageing/ageing_001.html เมื่อวนั ท่ี ๑๑ มนี าคม ๒๕๕๘. ส�ำนกั งานสถิตแิ หง่ ชาต.ิ (๒๕๕๖). การท�ำงานของผู้สูงอายใุ นประเทศไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๕. สืบค้นจาก http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/themes/files/18-04-56.pdf. เมอื่ วนั ท่ี ๑๒ มนี าคม ๒๕๕๘. ส�ำนักส่งเสริมและพทิ กั ษ์ผสู้ ูงอายุ. ปฏญิ ญาผู้สงู อายุไทย. สืบค้นจาก http://www.oppo.opp.go.th/pages/law/law_03.html เม่อื วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๘. . แผนผู้สงู อายแุ ห่งชาติ ฉบบั ที่ ๒ (พุทธศกั ราช ๒๕๔๕-๒๕๖๔). สืบค้นจาก http://www.oppo.opp.go.th/pages/law/law_03.html เมอื่ วนั ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๘. . พระราชบญั ญัติผสู้ ูงอายุ พุทธศกั ราช ๒๕๔๖. สืบคน้ จาก http://www.oppo.opp.go.th/pages/law/law_03.html เมือ่ วนั ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๘. 250 สารานกุ รมการศึกษาร่วมสมัย เฉลมิ พระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘