พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม Dictionary of Buddhism พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) P. A. Payutto
พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม © พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) Dictionary of Buddhism P. A. Payutto ISBN 974-8357-89-9 พิมพร วมเลม 3 ภาค ครง้ั ท่ี 1 พ.ศ. 2515 – 2518 ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2526 – 2528 ครั้งที่ 10 พ.ศ. 2545 (จดั เรียงพิมพใหมดวยระบบคอมพิวเตอร) – คณะศิษยพ มิ พถ วายเน่ืองในมงคลวารอายคุ รบ 60 ป พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ ฺโต) 12 มกราคม 2542 – ผศู รทั ธาและทุนพทุ ธธรรมบูชาเพื่อพมิ พห นังสอื ของพระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ ฺโต) รวมสมทบพิมพ ขนาดอกั ษรธรรมดา (เลม เล็ก) จาํ นวน 6,000 เลม ขนาดอักษรใหญ (เลมใหญ) จาํ นวน 4,000 เลม คร้งั ที่ 11 พ.ศ. 2545 – คณะผูศรทั ธาพิมพเผยแพรเ พ่ือเปน ธรรมทาน ขนาดอักษรธรรมดา (เลม เลก็ ) จาํ นวน 5,000 เลม ขนาดอักษรใหญ (เลมใหญ) จํานวน 3,000 เลม พมิ พท ่ี บริษัท สหธรรมิก จํากัด โทรศัพท 02-412-3087, 02-864-0434–5, 01-923-8825 โทรสาร: 02-412-3087
อนุโมทนา อาจารยส พุ จน ทองนพคณุ มีจิตศรทั ธา และปรารถนาดีตอญาติมิตร ตลอดจนประชาชนทวั่ ไป โดยเฉพาะ หวงั จะใหช าวพทุ ธมีความรคู วามเขา ใจในหลกั ธรรมคําสอนของพระพุทธเจา โดยมหี นงั สือคน ควาอางองิ ที่จะศึกษา ไดสะดวก จึงไดรวมใจกบั ทายกทายิกาผมู ีฉันทะในธรรมและมไี มตรจี ติ ตอมหาชน ตกลงกนั วา จะพิมพหนังสือ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร: ฉบบั ประมวลธรรม แจกเปนธรรมทาน ใหทันมงคลสมัยปใ หม พ.ศ. ๒๕๔๖ ทีก่ ําลังจะมา ถึงใกลๆ นี้ และไดแ จงบุญเจตนาขออนุญาต อาตมภาพขออนุโมทนาตามความประสงคด วยความเต็มใจ หนังสอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร: ฉบับประมวลธรรม น้ี มีความเปน มาที่ยาวนานและซับซอน จนพดู ไดย าก วาการพิมพค รั้งใหมน ี้ เปนครง้ั ทเ่ี ทา ใด ตอ งนบั โดยมจี ุดกาํ หนดเปน ชว งๆ วาเปน การพิมพรวมเลมคร้ังท่ี ๑๑ แต เปนการพมิ พโ ดยใชฐานขอมลู ในคอมพวิ เตอร คร้งั ที่ ๒ ความเปนมาของการพิมพทงั้ หมดไดเลา ไวแ ลวในคาํ นาํ สาํ หรับการพิมพค ร้ังที่ ๑๐ ซง่ึ เปนคร้ังแรกของการใชระบบคอมพิวเตอร มขี อควรกลา วยํา้ เปน พเิ ศษวา การพมิ พโ ดยมฐี านขอ มลู อยูในคอมพวิ เตอร ทีพ่ ิมพเ สร็จครัง้ แรก เม่อื ปลาย เดอื นกรกฎาคม ๒๕๔๕ นี้ นบั วา เปน การเรม่ิ ตน ใหมท สี่ าํ คญั ซง่ึ จะชว ยใหง านพมิ พพ จนานกุ รมฯฉบบั น้ี ในครง้ั ตอ ๆ ไป ทาํ ไดโ ดยสะดวก พมิ พไ ดช ดั เจน และสนองความประสงคข องผเู รยี บเรยี ง ทจี่ ะเพม่ิ เตมิ ปรบั ขยายไดต ามตอ งการ กอนหนา น้ี หลังจากพมิ พครั้งที่ ๔ เมื่อเกือบ ๒๐ ปกอน คอื พ.ศ. ๒๕๒๖ เปน ตนมา ในการพิมพใหมแต ละครัง้ ตองใชตน แบบเกา ตอมา เมือ่ ตน แบบนน้ั ผพุ งั ไป กต็ อ งถายแบบจากหนังสอื ท่พี มิ พค ร้ังกอ นๆ การแกไ ข เพ่ิมเติมแทบจะทาํ ไมไ ดเ ลย ท้งั ที่ผเู รียบเรียงตองการปรับขยายเพ่ิมเตมิ หมวดธรรมตางๆ อกี หลายหมวดหลาย เรอื่ ง กต็ อ งเกบ็ รอไว และทัง้ ทีม่ ีผูศึกษาหลายทานเสนอแนะตางๆ เชน พระฝร่ังทใ่ี ชห นังสือนีแ้ จงไว ๑๕ ปม าแลว วา อยากใหพ มิ พเ ลขหมวดธรรมไวตรงหัวกระดาษซาย-ขวา อยา ง Thesaurus ดว ย แมจ ะปรารถนาใหท กุ ทานได สมประสงคกท็ าํ ไมไ ด เวลาผานไปอยางนยี้ าวนานนกั จนกระทง่ั ดร.สมศีล ฌานวังศะ ผูม ีศรทั ธา และฉันทะจรงิ จัง ไดสละเวลา นาํ ขอ มูลทัง้ หมดของพจนานุกรมฯ น้ัน พิมพลงในคอมพวิ เตอร โดยมบี ตุ รหญงิ บตุ รชายผใู ฝศ กึ ษาชวยงานพิมพข อ มลู ดว ย แมวา จะไมท ันเวลาที่ตง้ั ใจวา จะพิมพถ วายแกผ เู รียบเรยี งในวาระท่มี อี ายุครบ ๖๐ ป ใน พ.ศ. ๒๕๔๒ แตก็ ทาํ ใหผ เู รยี บเรียงมเี วลาปรบั ขยายเพ่ิมเติม และในทส่ี ุดกส็ ําเร็จ ในป ๒๕๔๕ น้ี โดยถอื วาเปน การพิมพเ นอ่ื งใน โอกาสที่ผูเรียบเรยี งอายคุ รบ ๖๐ ป ตามที่ต้งั ใจไวเ ดมิ นอกจากเปนการพมิ พห นงั สอื ถวายในโอกาสดงั กลา วแลว ก็ไดถ วายฐานขอ มลู คอมพิวเตอรท ่ีไดจ ัดพมิ พน ั้น แกผ เู รยี บเรยี งเพอ่ื ใชป รบั ขยายเพม่ิ เตมิ ไดต ามปรารถนาโดยสะดวกตอ ไป จงึ ขออนโุ มทนา รศ. ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ ราชบัณฑติ พรอมท้งั น.ส.ภาวนา ฌานวังศะ และ ด.ช.ปญ ญา ฌานวงั ศะ ไว ณ ทนี่ ้ี อกี คร้ังหน่ึง ในการพิมพครั้งท่ี ๑๑ ซึ่งเปนคร้ังท่ี ๒ ของการใชฐานขอมูลในคอมพิวเตอรน้ี เน่ืองจากมีความสะดวก ดงั กลา ว จงึ รวบรวมขอ ผดิ พลาดตกหลน เลก็ ๆ นอ ยๆ ทไ่ี ดพ บ และทม่ี ญี าตโิ ยมบอกแจง ระหวา งนไี้ ว แลว ดร.สมศลี ฌานวังศะ ไดชว ยรบั ไปพิมพแกใ นคอมพิวเตอร การพมิ พครงั้ น้ี จึงเรียบรอยสมบรู ณยิ่งข้นึ เปน การปรบั แกไดเร็ว ไวสมดังท่กี ลาวไว ขออนุโมทนา อาจารยสพุ จน ทองนพคุณ และญาติมติ ร ทายกทายิกาผใู ฝในธรรมทานบญุ กริ ยิ าทกุ ทาน หวงั วา พจนานุกรมพุทธศาสตร: ฉบบั ประมวลธรรม ท่ีพิมพค ร้งั ใหมน้ี จะเปน สว นรวมในการดาํ รงรักษาสบื ตออายุ พระพทุ ธศาสนา และเปน ปจจยั เสรมิ สรางชวี ิตและสงั คมใหก าวไปในการพัฒนาอยางถูกตองตามแนวทางแหง ภาวนาทง้ั สดี่ าน เพอ่ื ใหป ระโยชนส ขุ แผข ยายออกไปอยา งไพศาล เพือ่ สันติสขุ ของชาวโลก และใหผบู าํ เพ็ญบญุ กิรยิ า พรอ มญาติมิตรทง้ั ปวง เจรญิ ดวยจตุรพธิ พรชัยทว่ั กนั พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๒๓ ตลุ าคม ๒๕๔๕
๔ คาํ นาํ (ในการพมิ พคร้ังที่ ๑๐) พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม มคี วามเปน มาทย่ี าวนาน ผา นการจดั ปรบั หลายขนั้ ตอน จนลงตวั มรี ปู เลม และชอื่ ปจ จบุ นั เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๕ (พมิ พเ สรจ็ ครง้ั แรก พ.ศ. ๒๕๑๘) โดยมเี นอื้ หาแยก เปน ๓ ภาค คอื ภาค ๑ พจนานกุ รมพุทธศาสตร หมวดธรรม ภาค ๒ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ ภาค ๓ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย ก. ความเปนมาเดิม — ชวงที่ ๑ – การพิมพระบบโมโนไทป ท้ัง ๓ ภาคของหนังสือนี้ เปนงาน ๓ ช้นิ ซ่ึงมคี วามเปน มาตา งหากจากกนั ดงั ท่ีไดเ ลาไวในคาํ นาํ ของการพิมพค ร้งั ที่ ๑ โดยเฉพาะภาค ๒ “พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ” เปน งานเกา สดุ เดมิ ชอื่ พจนานกุ รม ศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย–บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ ขน้ึ เมอ่ื ผรู วบรวมและเรยี บเรยี งสอนวชิ าธรรมภาคภาษา องั กฤษ ในแผนกบาลเี ตรยี มอดุ มศกึ ษา มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จดั ทาํ เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๐๖ และได แกไ ขเพมิ่ เตมิ เปน ครงั้ คราว จนไดม าจดั รวมเขา เปน ภาค ๒ ของหนงั สอื นใ้ี น พ.ศ. ๒๕๑๕ อนงึ่ “พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ” นี้ ไดม ปี ระวตั แิ ยกตา งหากออกไปอกี สว นหนงึ่ คอื ไดขยายเพิ่มเตมิ เปนฉบับพสิ ดาร ซงึ่ พมิ พเ มอื่ พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ บเพยี งอกั ษร ฐ แลว คา งอยแู คน นั้ จนบดั นี้ ภาค ๑ คอื “พจนานุกรมพทุ ธศาสตร หมวดธรรม” เปน งานใหมท จี่ ดั ทาํ ขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดย ตง้ั ใจใหเ ปน เพยี งคมู อื ศกึ ษาธรรมขนั้ ตน แตก ลายเปน สว นทม่ี เี นอื้ หามาก เมอ่ื เทยี บกบั ภาค ๒ แลว ภาค ๑ น้ีไดกลายเปน สวนหลกั ของหนงั สือไป สวนภาค ๓ คอื “พจนานุกรมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย” เปน งานแถมและเสรมิ เทา นัน้ กลา ว คือ เม่ือตกลงวา จะพิมพภาค ๑ และภาค ๒ รวมเปน เลม เดียวกันแลว ก็เหน็ วา ควรมีพจนานกุ รมพากย อังกฤษ–ไทย ไวคกู บั พากยไทย–อังกฤษดว ย แมวาจะเปนเพียงสว นประกอบ ซง่ึ ตามปกตริ กู นั วา ใชนอย การพิมพหนังสือนี้เปนงานท่ีนับวาละเอียดและซับซอน อีกทั้งผูรวบรวม–เรียบเรียงยังไดเพิ่ม เติมแทรกเสรมิ ระหวางดาํ เนินการพมิ พค อ นขา งมาก จงึ ใชเวลายาวนาน เขา โรงพิมพปลาย พ.ศ. ๒๕๑๕ กวาจะเสรจ็ ออกมาเปน เลมหนังสอื ก็ถึงกลางป ๒๕๑๘ รวมเวลาพิมพ ประมาณ ๒ ป ๖ เดือน การพมิ พร วมเลม ครงั้ แรกน้ี ถอื วา ไดร บั การสนบั สนนุ จากคาํ อาราธนาของพระมหาสมบรู ณ สมปฺ ณุ โฺ ณ (ปจ จบุ นั พ.ศ. ๒๕๔๕ คอื พระราชกติ ตเิ วที เจา อาวาสวดั วชริ ธรรมปทปี นครนวิ ยอรก ) ผชู ว ยเลขาธกิ าร มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเผยแพรโดยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สวนกระบวนการพมิ พ ดาํ เนนิ การโดยโรงพมิ พค รุ สุ ภา ซง่ึ ใชร ะบบเรยี งพมิ พอ กั ษรแบบ Monotype ตอจากน้นั ใน พ.ศ. ๒๕๒๑ กรมการศาสนาไดขออนุญาตพิมพค ร้งั ท่ี ๒ และครั้งที่ ๓ ซ่งึ เปน การพมิ พซ้ําตามเดมิ
๕ ข. ความเปน มาชว งที่ ๒ – การพมิ พค ร้งั ท่ี ๔ — ระบบคอมพวิ กราฟค พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม มีการเปลยี่ นแปลงคร้ังสาํ คัญ ในการพิมพค รั้งท่ี ๔ ท่ีพิมพเ สร็จใน พ.ศ. ๒๕๒๘ (หลงั พิมพค ร้งั แรก ๑๐ ป) การพิมพค รงั้ ท่ี ๔ นี้ มีจุดเริ่มในปลายป ๒๕๒๔ เมอ่ื คณุ สาทร และคณุ พิสมร ศรศรีวิชยั ไดซ้ือ พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นั้นแจกเปนธรรมทาน จนหนงั สอื แทบจะไมม ีเหลือ แตยงั ประสงคจะแจกตอไปอีก จึงปรารภที่จะพมิ พเ พม่ิ เปนธรรมทาน เวลานน้ั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ประสงคจะพิมพอ ยูแลว แตไ มม ีทนุ ทรพั ยเพียงพอ จึงขอรว มพิมพด วย แตเ กิดเหตุขัดของเน่อื งจากตน แบบหนงั สือ(อารตเวริ ค) และฟล ม ทโ่ี รงพมิ พเ กา สญู หายหมดแลว ตอ งจดั เตรยี มตน แบบทจี่ ะพมิ พข นึ้ ใหม ระหวางนั้นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไดขยายความคิดในการพิมพโดยประสงคจะเพ่ิม จํานวนใหมากถึง ๑๐,๐๐๐ เลม แตยังไมมที นุ ทรัพยท ีจ่ ะจา ยคา พิมพ ณ จดุ นกี้ ไ็ ดม ี “ทนุ พมิ พพ จนานกุ รมพทุ ธศาสตร” เกดิ ขนึ้ เนอื่ งจากคณุ หญงิ กระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ ทราบปญ หาแลว ไดเ ชญิ ชวนญาตมิ ิตรรว มกันต้ังถวาย ซึ่งมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดใชพิมพทั้ง พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม และ พจนานุกรมพุทธศาสน ฉบับประมวลศัพท มาจนบดั นี้ ในการพมิ พค รงั้ ท่ี ๔ น้ี ตอ งจดั ทาํ ตน แบบใหม จงึ ถอื โอกาสปรบั ปรงุ เพมิ่ เตมิ ตน ฉบบั เชน ในภาค ๑ เพม่ิ หมวดธรรมอกี กวา ๓๐ หมวด สว นกระบวนการตพี มิ พใ ชร ะบบคอมพวิ กราฟค ซงึ่ ผเู รยี งอกั ษรตอ ง เพยี รพยายามในการยกั เยอื้ งพลกิ แพลงและตอ งตดั แตง ตวั อกั ษรบาลโี รมนั ดว ยมอื เปลา มากมาย เปน เหตใุ ห การพมิ พใ ชเ วลายาวนานถงึ ปค รงึ่ เศษ จงึ พมิ พเ สรจ็ ในครง่ึ หลงั ของ พ.ศ. ๒๕๒๘ การพิมพต น ฉบบั ทัง้ หมดของหนงั สือนส้ี าํ เร็จดวยศรทั ธาของคณุ ชลธรี ธรรมวรางกูร สว นการ พมิ พต น แบบดว ยระบบคอมพวิ กราฟค คณุ บญุ เลศิ วฒุ กิ รคณารกั ษ เปน ผจู ดั ทาํ ดว ยความเพยี รเปน อนั มาก ค. ชวงตอ สกู ารพมิ พค รัง้ ท่ี ๑๐ หลงั จากการพมิ พค รงั้ ที่ ๔ ทเี่ สรจ็ ในป ๒๕๒๘ แลว มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดพ มิ พ พจนานกุ รม พุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นี้ใหมเรือ่ ยมา จนถงึ ครั้งลาสดุ ในป ๒๕๔๓ เปน การพิมพครง้ั ที่ ๙ ในการพิมพตง้ั แตค รง้ั ที่ ๔ เปนตนมา ซึง่ มีผูร จู ักพจนานุกรมฯ น้ีกวา งออกไปแลว ไดม ที านที่ ศรัทธารวมพิมพแจกเปนธรรมทานจํานวนมาก แตใ นดา นเน้อื หาของหนงั สอื แทบไมม กี ารเปล่ยี นแปลง เรียกไดวาเปน การพมิ พซาํ้ ไปตามเดิม คือคงอยูเทา กับการพิมพคร้ังท่ี ๔ แทจริงนั้น ระหวางเวลาทผี่ า นมา ผูรวบรวมและเรยี บเรยี งปรารถนาจะปรบั ปรุงเพมิ่ เตมิ เนือ้ หา ของหนงั สือ เชน เพมิ่ หมวดธรรมบางเรอื่ ง แตต ดิ ขดั เพราะการพมิ พร ะบบเกา แมแ ตร ะบบคอมพวิ กราฟค นั้น ตองอาศัยตน แบบท่จี ดั ลงตัว เมอื่ ยตุ อิ ยา งไรแลว กต็ อ งพมิ พตามเดิมอยา งนน้ั เรื่อยไป แกไขเปลย่ี น แปลงไดยาก และเมือ่ กาลเวลาลว งไปนาน ตน แบบนัน้ ก็เปอ ยผุสลายเสียไป พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม นี้ จึงตอ งพิมพซ ํา้ อยางเดิมเรือ่ ยมาต้ังแตค ร้งั ท่ี ๔ พ.ศ. ๒๕๒๘ นัน้ ย่ิงครั้งหลังๆ เมอื่ ตน แบบเปอ ยผเุ สยี ไปแลว ก็ตองนําเอาเลม หนงั สือฉบับทพี่ ิมพค รั้งกอ นๆ มา ถายแบบ ทําใหคณุ ภาพการพิมพล ดลง เชน ตวั อักษรเลอื นลางลงไป การปรับปรุงเพมิ่ เติมเนอ้ื หาก็ดี การแกไ ขปญหาการพมิ พท่จี ะใหก ลบั เรยี บรอ ยชัดเจนขึ้นใหมก ด็ ี หมายถงึ การท่จี ะตอ งเรยี งพิมพขอมูล และจัดทําตน แบบข้นึ ใหม ซงึ่ เปนงานทีย่ าก ซบั ซอน ดว ยมีตัว
๖ อักษรหลายแบบ หลายขนาด โดยเฉพาะตัวบาลี ทั้งอักษรไทย และอกั ษรโรมนั จะตองใชค วามละเอียด แมน ยํา รวมทง้ั เวลามากในการต้งั ใจทาํ อยางจริงจงั ระหวา งน้ี มคี วามกา วหนา ทางเทคโนโลยที เ่ี กอื้ หนนุ คอื ในดา นอตุ สาหกรรมการพมิ พห นงั สอื เมอื่ เขา สยู คุ คอมพวิ เตอรแ ลว ไดเ รม่ิ มกี ารใชค อมพวิ เตอรใ นงานพมิ พห นงั สอื ตง้ั แตป ระมาณ พ.ศ. ๒๕๓๐ เปน ตน มา ทาํ ใหก ารพมิ พข อ มลู สะดวกขนึ้ แกไ ขปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงเพมิ่ เตมิ ขอ มลู ไดง า ย และเกบ็ ขอ มลู ไวใ ชไ ดใ นระยะยาว แตส าํ หรบั งานพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม การพมิ พก ย็ งั ตอ ง อาศยั ความชาํ นาญ ความละเอยี ดลออและวริ ยิ ะอตุ สาหะมากทเี ดยี ว ง. ความเปนมาชว งที่ ๓ – การพิมพค ร้งั ที่ ๑๐ คือ ปจจุบนั — ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร ความกา วหนา ชว งท่ี ๓ เกดิ ขน้ึ เมอ่ื ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ รองศาสตราจารยป ระจาํ สถาบนั ภาษา จุฬาลงกรณม หาวทิ ยาลัย และราชบัณฑิตสาํ นักศิลปกรรม ประเภทวรรณศลิ ป สาขาวชิ าภาษาศาสตร ไดปลีกเวลาบางสวนจากงานประจํามาจบั งานนี้ดวยศรัทธาและฉันทะ ทีผ่ ูกพันกบั หนงั สือน้มี ายาวนาน ยอนหลังไป เมอ่ื ๓๐ กวา ปล วงแลว คือ พ.ศ. ๒๕๑๑ ดร.สมศีล ฌานวังศะ สมัยทีย่ งั เปนนัก เรียนมัธยมในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซ่ึงตอมาเปนผูชนะเลิศพิมพดีดแหงประเทศไทยทั้งภาษา ไทยและภาษาอังกฤษ ของสมาคมชวเลขและพมิ พด ีดแหงประเทศไทย ไดม ศี รัทธาและฉนั ทะชว ยพมิ พ ดีดตนฉบับ ฉบบั ขยายความแหง ภาค ๒ ของพจนานุกรมฯ ฉบบั น้ี ซ่งึ ไดพิมพแยกตางหาก อกั ษร ก–ฐ และตอมาใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ระหวางท่ศี ึกษาอยใู นสหรฐั อเมริกา และมาเยย่ี มบานชวั่ คราวเพือ่ รวมงาน บรรจุศพมารดา กม็ ารบั ปรฟู สว นหน่งึ ของหนังสือพจนานกุ รมฯ นี้ ท่ีอยใู นระหวางจัดพมิ พครงั้ ท่ี ๔ ไป ชวยตรวจ ครัน้ กลับจากอเมริกามาทาํ งานในเมืองไทยแลว ในคราวจัดงานฌาปนกิจศพ นางกุง แซฉ ว่ั (ฌานวงั ศะ) ผเู ปน มารดา ณ ฌาปนสถาน วดั เทพศิรินทราวาส ในวนั ท่ี ๑๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๐ กไ็ ด พิมพหนงั สอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม น้เี ปนอนสุ รณและเปนธรรมทาน ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ มีศรทั ธาและฉันทะทจ่ี ะชวยงานพมิ พพจนานกุ รมฯ นี้ อยตู ลอดมา แตใน ระยะแรกมภี าระรอบดา น ตอ งระดมแรงท้ังในและนอกเวลาราชการใหแกงานประจํา จนกระทง่ั ป พ.ศ. ๒๕๔๑ จงึ ไดพ ยายามปลีกเวลานอกราชการมาเร่มิ ดาํ เนินงานพมิ พข อมูลพจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบับ ประมวลธรรม ลงในคอมพวิ เตอร และไดต้งั ใจวา จะจัดพิมพครง้ั ใหมใ หท ันโอกาสทผี่ รู วบรวม–เรียบเรียง มีอายคุ รบ ๖๐ ป ในเดือนมกราคม ๒๕๔๒ การเรียงพิมพด วยระบบคอมพวิ เตอรนี้ แมจะกาวหนามาก มปี ระสิทธภิ าพสงู และมีขอ ดพี ิเศษ อื่นอีกหลายอยา ง แตเมือ่ มาเรยี งพมิ พภาษาบาลีอกั ษรโรมัน (Romanized Pali) ก็ประสบปญ หาคลา ย กันกับการพมิ พดว ยระบบคอมพิวกราฟค ในคร้ังกอ น เปน เหตใุ หด ร.สมศีล ตองใชเ วลาและความเพียร พยายามอกี สวนหนง่ึ ในการพัฒนาแบบตวั อกั ษร (fonts) พิเศษตา งๆ ขนึ้ มา เพ่ือใชพมิ พภาษาบาลีทั้ง อักษรโรมนั และอกั ษรไทยในแบบตวั อกั ษรชุดเดยี วกัน ซงึ่ ก็ประสบความสาํ เรจ็ ดวยดี ในการทํางานดวยศรัทธาและฉันทะน้ี ด.ญ.ภาวนา ฌานวังศะ และ ด.ช.ปญญา ฌานวังศะ ซง่ึ เปนผูมีความใฝรใู ฝศ กึ ษา ไดชว ยแบง เบาภาระของคุณพอ โดยชวยกันพมิ พขอ มลู ท้งั หมดตามตน ฉบบั เดิมลงในคอมพวิ เตอรเ สร็จสน้ิ ตัง้ แตก ลางป พ.ศ. ๒๕๔๒ อยา งไรกต็ าม งานนม้ี ใิ ชห นกั แรงและตอ งใชเ วลามากเฉพาะในการพมิ พข อ มลู และพสิ จู นอ กั ษรเทา
๗ นน้ั แตม กี ารตรวจสอบและทวนทานทตี่ อ งการความละเอยี ดแมน ยาํ อกี หลายขน้ั ตอน ยกตวั อยา งงา ยๆ เพยี ง ตรวจสอบตวั เลขหมวดธรรมหมวดหนง่ึ ๆ กต็ อ งตรวจสอบทงั้ ลาํ ดบั ของหมวดธรรมนนั้ เอง และการอา งองิ ถงึ หมวดธรรมนนั้ ณ ทอี่ น่ื ๆ ในเลม หนงั สอื กบั ทง้ั ตวั เลขหมวดธรรมนน้ั และขอ ธรรมยอ ยของหมวด ในสารบญั หมวดธรรม สารบญั ประเภทธรรม และดชั นคี น คาํ ทงั้ หมด นอกจากนนั้ เมอ่ื มกี ารเปลย่ี นแปลง เชน สลบั ลาํ ดบั หมวดธรรม หรอื เพม่ิ หมวดธรรมใหม กต็ อ งตามเลอื่ นหรอื เตมิ เลขตลอดทกุ แหง (โดยเฉพาะในระยะ หลงั นี้ ผเู รยี บเรยี งไดเ พมิ่ หมวดธรรมหลายครง้ั ) จงึ เปน ธรรมดาวา งานจดั ทาํ หนงั สอื จะตอ งยดื เยอ้ื ยาวนาน แมวา การพมิ พจ ะไมทันเดือนมกราคม ๒๕๔๒ ตามท่ไี ดต ง้ั ใจไวเดมิ เพราะเปนงานที่มขี อมลู มาก และละเอียดซบั ซอนอยางทกี่ ลาวแลว อีกท้ังผทู ํางานกป็ ลีกตวั จากงานประจําไมไ ดม ากเทา ท่ีหวงั ไว แต การที่เวลาเน่นิ นานมา กท็ าํ ใหม ีโอกาสมองเห็นขอ ควรแกไขปรับปรุงและวธิ กี ารใหมๆ ในการทํางานใหไ ด ผลดีย่ิงขึ้น พรอมทง้ั เปดโอกาสใหผูรวบรวม–เรยี บเรียงเอง มีเวลาทจี่ ะหนั มาปรับปรงุ เพิม่ เติมเนอื้ หา ของหนังสอื ตามท่เี คยคิดไวไ ดบ างสว น ในการทาํ งานทต่ี องอยูก บั ขอมลู ของหนังสือตอเนื่องยาวนาน และไดอ านทวนตลอด ประกอบ กับความละเอยี ดลออ และความแมนยําทางวิชาการ ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ ไดพ บขอบกพรองผดิ พลาด ตกหลน รวมท้ังปญหาเกี่ยวกับความสอดคลองกลมกลืนกันของขอมูลหลายแหง ในตนฉบบั เดมิ และ บอกแจง–เสนอแนะ ทําใหผ รู วบรวม–เรียบเรียง แกไขปรับปรุงใหเ รียบรอยสมบรู ณยิ่งขึ้น นอกจากการแกไ ขปรบั ปรงุ และการจดั ปรบั ใหส อดคลอ งกลมกลนื กนั แลว ในการพมิ พค ราวนไ้ี ด เพมิ่ เตมิ หมวดธรรมทค่ี วรรอู กี หลายเรอ่ื ง คอื อตั ถะ ๒; ธรรม ๔; วธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ ทกุ ข– สขุ ๔; วปิ ล ลาส, วปิ ลาส ๔; โสตาปต ตยิ งั คะ ๔ สามหมวด; ธรรมสมาธิ ๕; ภพั พตาธรรม ๖; วฒั นมขุ ๖; เวปลุ ลธรรม ๖; บุพนมิ ิตแหง มรรค ๗; อานาปานสติ ๑๖; และ ปจ จัย ๒๔ สวนหมวดธรรมท่ีจัดปรบั คําอธิบายไดแ ก ไตรลกั ษณ; ธรรมนยิ าม ๓; ปรญิ ญา ๓; อตั ถะ ๓ ทง้ั ๒ หมวด; พรหมวิหาร ๔; พละ ๕; อินทรยี ๕; โพธิปก ขยิ ธรรม ๓๗ และ กิเลส ๑๕๐๐ ซึ่งหวังวาจะอํานวยประโยชนในการศึกษาธรรมเพิ่มขนึ้ แมวา ในการพมิ พครัง้ ที่ ๑๐ นี้ หนังสือจะมีเน้อื ความเพ่มิ ขึ้นเปน อันมาก ถาเทียบตามอตั ราสว น ของฉบบั พิมพครงั้ กอ นทีม่ ี ๔๗๕ หนา พจนานุกรมฯ ท่พี ิมพครั้งน้ี คงจะหนาขึ้นอีกประมาณ ๒๐ หนา แตอาศัยระบบการพมิ พแบบคอมพิวเตอร ท่ชี ว ยใหมคี วามยืดหยุนในการจัดปรบั ตนฉบับไดส ะดวก จึง พิมพไดจุขน้ึ ทําใหจาํ นวนหนาหนังสือกลบั ลดลงมากมาย เหลอื เพยี ง ๔๐๘ หนา ขอ สาํ คญั อกี อยา งหนง่ึ คอื การพมิ พค รง้ั นชี้ ว ยใหม ฐี านขอ มลู ทจี่ ดั ปรบั เรยี บรอ ยแลว ซง่ึ สามารถ เกบ็ รกั ษาไวไ ดโ ดยสะดวกและครบถว น เกอื้ กลู อยา งยง่ิ ตอ งานปรบั แกแ ละเพม่ิ เตมิ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นใ้ี นกาลขา งหนา สบื ไป เนอื่ งจาก ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ มคี วามตงั้ ใจสอดคลอ งกบั ญาตโิ ยมผศู รทั ธา วา จะพมิ พ พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม ใหท นั ปใ หม ๒๕๔๕ แตผ รู วบรวม–เรยี บเรยี งเขยี นสว นเพมิ่ เตมิ นใี้ นเวลาที่ จวนเจยี นจะถงึ ปใ หม ดงั นน้ั เมอ่ื เขยี นเสรจ็ จงึ ตอ งเรง ขอใหพ ระครปู ลดั ปฎ กวฒั น (อนิ ศร จนิ ตฺ าปฺโ) ชว ย พมิ พต น ฉบบั สว นเพมิ่ เตมิ นี้ เปน ขอ มลู ดบิ เพอ่ื สง ใหแ ก ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ อกี ขน้ั หนงึ่ ขออนโุ มทนาผชู ว ย งานในยามกระชนั้ ไว ณ ทน่ี ด้ี ว ย ในการพมิ พเผยแพร นอกจาก ดร.สมศีล ฌานวังศะ เองจะบาํ เพญ็ ธรรมทาน โดยชวนญาติมติ ร รวมดวยแลว ก็มญี าติโยมผศู รัทธาหลายทานต้ังใจบําเพ็ญธรรมทานสาํ หรับหนงั สือนมี้ านานแลว ซ่ึงได แจงบุญเจตนาไวตั้งแตก ลางปน ้ี วา จะพมิ พขนาดขยายใหญ เพื่อแจกใหเ ปน ประโยชนก วางออกไป
๘ ขออนโุ มทนา รศ.ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ ราชบณั ฑติ พรอ มทงั้ น.ส.ภาวนา ฌานวงั ศะ และ ด.ช.ปญ ญา ฌานวังศะ ทีไ่ ดบําเพ็ญกศุ ลกจิ สําคัญคร้ังนี้ ดวยศรัทธาและอทิ ธบิ าทธรรมอยางสงู และขออนุโมทนา ทานท่ีศรัทธา ผูร ว มบาํ เพ็ญธรรมทานเพอ่ื ประโยชนทางธรรมทางปญ ญาแกประชาชน และเพ่อื ความ เจรญิ แพรห ลายแหง พระสทั ธรรม ทจี่ ะทาํ ใหพ ระพทุ ธศาสนาสถติ มน่ั เพอื่ ประโยชนส ขุ แกม หาชน ตลอด กาลนาน พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๒๕ เมษายน ๒๕๔๕
บนั ทกึ ในการพมิ พค รง้ั ที่ ๔ ความเปน มา – เบด็ เตลด็ – อนโุ มทนา วนั หนง่ึ เมอื่ ตน เดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๔ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรวี ชิ ยั ไดซ อ้ื พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร นี้ ฉบบั พมิ พค รง้ั ท่ี ๓ จากรา นจาํ หนา ยหนงั สอื ของมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จาํ นวน ๑๐๐ เลม นาํ ไปแจกเปน ธรรมทานเอง ๒๐ เลม และนาํ มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจก ๘๐ เลม เพราะหนงั สอื ทผ่ี ู เรียบเรียงจัดเตรียมไวเปนธรรมทาน ไดแ จกไปหมดส้นิ แลว ตอมาถึงตนเดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ไดไ ปทร่ี า นจาํ หนา ยหนงั สอื ของมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เพอ่ื ซอื้ พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจกอกี และไดท ราบวา หนงั สอื จวนจะหมด จงึ ปรกึ ษากนั และไดแ จง แก ผเู รยี บเรยี งวา จะขอพิมพ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจกเปน ธรรมทาน ทางฝา ยมหาจฬุ าลงกรณราช วทิ ยาลยั ซงึ่ ขาดแคลนในดา นทนุ ทรพั ย เมอื่ ไดท ราบวา มโี ยมศรทั ธาจะพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจก เหน็ เปน โอกาสวา ถา สมทบพมิ พด ว ย จะไดห นงั สอื ราคาถกู ลงพอสรู าคาได จงึ ขอพมิ พร ว มดว ย เพอ่ื จาํ หนา ย หาทนุ บาํ รงุ การศกึ ษาของพระภกิ ษสุ ามเณรจาํ นวน ๑,๐๐๐ เลม การพมิ พค รงั้ ท่ี ๔ ของ พจนานกุ รมพทุ ธ- ศาสตร นบั วา ไดเ รมิ่ ตน แตน น้ั มา เมื่อตกลงวา จะพมิ พใหมแลว ผเู รียบเรยี งกไ็ ดเ ตรยี มการเบื้องตน เรมิ่ ดวยการติตตอ กบั โรงพิมพ เดิมเพ่ือสืบหาอารต เวริ ค และฟลม เกา แตป รากฏวา สญู หายหมดแลว ตอ แตน นั้ จงึ เสาะหาโรงพมิ พท เ่ี หมาะ ใหม และตรวจชําระเพ่ิมเติมตนฉบบั แทรกซอ นไปถงึ งานอนื่ เชนการพมิ พ พทุ ธธรรม เปน ตน เวลาลวง ไปชานาน จนถงึ เดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ตนฉบับจึงนบั วาพรอม และไดโรงพมิ พเปน ยตุ ิ ถึงตอนน้ี มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั เหน็ วา การพิมพครงั้ ละจาํ นวนนอ ยเปน เหตใุ หเกดิ ความยากลาํ บากบอ ยๆ จึงขอเพ่ิมจาํ นวนพมิ พเ ปน ๑๐,๐๐๐ เลม ท้ังท่ียงั ไมมีทนุ ทรพั ยสาํ หรบั จา ยคา พิมพ ครง้ั นัน้ คณุ หญงิ กระจางศรี รักตะกนษิ ฐ ไดมาอปุ ถมั ภผเู รยี บเรยี งในดานพาหนะทีจ่ ะติดตอโรงพมิ พต างๆ เปน ตน ครนั้ ไดท ราบปญหาการเงนิ ของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั จึงไดเชิญชวนญาตมิ ติ รรว มกนั ตง้ั “ทนุ พิมพ พจนานุกรมพุทธศาสน” ข้นึ ชว ยใหมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั พิมพพจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบบั น้ไี ด สําเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค และยังมที นุ เหลอื พอสําหรบั พมิ พพจนานกุ รมพุทธศาสน อีกเลมหนึ่ง ดังที่ได พิมพเ ผยแพรเ สรจ็ ออกไปกอนแลวดว ย คุณยงยุทธ และคณุ ชตุ ิมา ธนะปรุ ะ มศี รทั ธาแรงกลาท่ีจะสงเสรมิ การเผยแพรธรรม ไดขอพิมพ หนังสอื นีแ้ จกเปน ธรรมทาน ๓,๐๐๐ เลม และตอ มาไดม เี พอ่ื นขอรว มพิมพแ จกดว ยอีก ๑,๐๐๐ เลม รวม เปน ๔,๐๐๐ เลม ผูเรียบเรยี งยงั ไมเห็นดว ยท่ีจะพมิ พ พจนานกุ รมพุทธศาสตร น้ีใหม ีจาํ นวนมากนกั จึงได พูดชักชวนใหลดจาํ นวนลงใหเ หลอื นอ ยทสี่ ุด คุณยงยุทธ และคุณชุตมิ า รบั ไปพจิ ารณาระยะเวลาหน่ึง ในที่สุดจึงตกลงยอมลดลงโดยขอพิมพแจก ๒,๕๐๐ เลม ซ่ึงก็ยงั เปน จาํ นวนมากอยู ทางดานคณุ สาทร และคุณพสิ มร ศรศรีวชิ ัย เมือ่ ไดท ราบวา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั เพิ่ม จํานวนพิมพ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ขึ้นจาก ๑,๐๐๐ เลม เปน ๑๐,๐๐๐ เลม ก็เห็นวา หนงั สอื จะแพร หลายเพียงพอแลว ไมจาํ เปน ตองชวยสนบั สนนุ มากนกั ควรเปลี่ยนไปชว ยเผยแพรห นังสือ พทุ ธธรรม ท่ี คณุ สาทร และคณุ พสิ มร เหน็ วา สาํ คญั กวา จงึ ขอลดจาํ นวนพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ทตี่ นจะพมิ พแ จกลง เหลอื เพยี ง ๔๐๐ เลม แลว นาํ เงนิ ไปใชสนบั สนุนพทุ ธธรรม แทน ดงั ไดไปรวมพิมพพุทธธรรม มาถวายให
๑๐ ผูเรียบเรยี งแจกไปรุนหนึ่งแลว จาํ นวน ๒๐๐ เลม อยางไรกต็ าม งานพมิ พ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ยดื เยื้อเรื้อรังมาก เวลาลว งไปชา นาน นับแตคุณสาทร และคุณพสิ มร แจง ขอพิมพผ า นไป ๓ ปเศษแลว การพิมพก็ยังไมเ สรจ็ คุณสาทรและคุณพสิ มรนนั้ มีศรทั ธาในการเผยแพรธรรมมาก เมอื่ พอรวบรวมทุน ทรัพยได ก็จะใชสนับสนุนการพิมพด ว ยความเสียสละ ประจวบกับระยะหลังนี้ คณุ พิสมรปว ยดว ยโรค ราย ถึงข้ันไมอ าจไววางใจในชวี ติ ประสงคจะเสียสละเพ่ือสงเสริมธรรมใหเต็มความตงั้ ใจ จงึ มาสอบถาม เก่ยี วกับการพิมพ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร และ พุทธธรรม เห็นเคาวาการพิมพหนังสอื สองเลมนจ้ี ะเสร็จ หางเวลากันพอควร คาํ นวณคาใชจายกบั กาํ ลังทรัพยพ อจะรบั กนั ได จงึ ตกลงกนั วา จะพิมพแ จกท้งั สอง เลมตามลาํ ดับ เรมิ่ ดว ยยกจํานวนพิมพธรรมทาน พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร กลับขน้ึ จาก ๔๐๐ เลม เปน ๔,๐๐๐ เลม ผูเรียบเรียงจึงแยงและชกั จูงใหพมิ พเพียง ๔๐๐ เลม เทาทเ่ี คยลดลงไวค ราวกอน แตท้งั สองทานยนื ยนั จะพิมพแจก ๔,๐๐๐ เลม ผูเรยี บเรียงจํายอม แตไ ดขออนุญาตพเิ ศษไวอ ยา งหน่งึ กลา ว คอื ปกตคิ ุณสาทร และคณุ พสิ มร พมิ พหนงั สือธรรมแจกโดยไมย อมใหม ชี ่ือตนปรากฏ คราวน้ผี ูเรยี บ เรียงขอรองใหยอมแกผูเรียบเรียงในอันท่ีจะตองเอยชื่อเมื่อเลาถึงความเปนมาของการจัดพิมพ เพื่อ ประโยชนใ นดานขอ มูลประวัติ ตวั เลขสถติ ิ และความรูเ กี่ยวกับขอ เท็จจริงท่เี ปน กลางๆ นอกจากนั้น การทําส่ิงท่ดี งี ามของบคุ คลหนง่ึ เม่อื ผูอ่นื มีโอกาสรู กอ็ าจเปนแรงกระตนุ ใหเ กิดการกระทาํ ที่ดงี ามเพิ่ม ขึ้นใหม กวา งขวางออกไปในสังคม ทางดานมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เม่ือหนังสือใกลจะข้ึนแทนพิมพ ไดบอกกลาวขอเพิ่ม จํานวนพิมพจาก ๑๐,๐๐๐ เลม ขึน้ เปน ๑๕,๐๐๐ เลม ผเู รียบเรียงก็ไดขัดไว โดยชักจูงใหร ะงบั การเพิ่ม จํานวนเสีย คงพิมพเพยี ง ๑๐,๐๐๐ เลม ตามจาํ นวนเดิม การทผี่ ูเรียบเรยี งคอยยั้งไมใ หพ มิ พม ากน้นั ก็ ดวยเห็นวา หนังสือเพียงเทาท่ีพิมพน้ีกวา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจะระบายออกไปหมดก็อาจตอ ง ใชเ วลานานแสนนาน อกี ประการหนงึ่ กน็ า จะไดม โี อกาสตรวจสอบวา ผลงานพมิ พส มบรู ณแ คไ หนเพยี งไร นอกจากนนั้ ผเู รียบเรียงยังมองไมเ หน็ ชดั วาความตองการในวงการศกึ ษาธรรมจะมมี ากมายนัก หากมผี ู ตองการจํานวนมากจรงิ กอ็ าจพมิ พเพ่ิมใหมไดไ มเ หลือกาํ ลงั ในเรือ่ งน้ผี ูเรียบเรียงยงั ระลึกไดอกี วา เคย มีทานผแู สดงความจํานงพมิ พ พจนานุกรมพุทธศาสตร นี้รายอืน่ อกี เทา ทนี่ ึกออกเฉพาะหนา ๒ ราย แต ขณะน้ี เวลากระช้ันเกินไปเสยี แลว และจํานวนพิมพก ม็ ากอยูแลว จงึ จาํ ปลอยเลยตามเลยไปกอ น หาก ทานที่ประสงคจ ะพมิ พน ้ันยงั ผูกใจอยู กอ็ าจยกไปรว มในการพมิ พเ พิม่ ใหมนั้น โดยยอมรับคําขออภยั ไว กอ น ณ ท่ีนี้ การพมิ พค รง้ั น้ี แมว า โดยลาํ ดบั จะเปน การพมิ พค รงั้ ท่ี ๔ แตว า โดยงาน ควรจดั เปน ครง้ั ที่ ๒ เพราะ ในการพมิ พค รงั้ ใหมน เี้ ทา นน้ั ไดม กี ารทาํ งานใหมอ ยา งแทจ รงิ กลา วคอื มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เปน สถาบนั ท่ีจดั พิมพหนงั สอื นค้ี รงั้ แรก ระหวา งพ.ศ. ๒๕๑๕ ถงึ ๒๕๑๘ โดยจัดจาํ หนา ยเก็บผลประโยชน บาํ รงุ การศกึ ษาของพระภกิ ษสุ ามเณร ในมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ตอ มา พ.ศ. ๒๕๒๑ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ไดขอพมิ พซ ํ้าเพ่ือแจกเปน ธรรมทาน โดยใชว ธิ ีถา ยแบบจากฉบบั พิมพคร้ังแรกของ มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั นับเปนการพมิ พค รัง้ ที่ ๒ สว นฉบับพิมพครั้งท่ี ๓ กค็ ือฉบับพมิ พครงั้ ที่ ๒ นั้นเอง แตเ ปนสว นทโ่ี รงพิมพก ารศาสนาสงวนไวเตรียมจะจดั จาํ หนา ย ๑,๐๐๐ เลม มหาจฬุ าลงกรณ- ราชวทิ ยาลยั ไดข อซอื้ ไป ๙๐๐ เลม และนาํ ไปจดั จาํ หนา ยหาทนุ บาํ รงุ การศกึ ษาในสถาบนั สวนอีก ๑๐๐ เลม ผูเรียบเรยี งไดม าดวยอาศยั ปจ จยั ทมี่ ผี ูทําบญุ เกา ๆ ในพธิ ีตางๆ เมือ่ คร้งั ปฏบิ ตั ศิ าสนกิจในสหรัฐ อเมริกา ซึ่งต้ังไวเ ปน ทุนชอ่ื “ทนุ พมิ พพุทธศาสนปกรณ” และไดแจกจา ยเปน ธรรมทานไปจนหมด สว น
๑๑ ในการพิมพค รัง้ ใหมทน่ี ับเปนครงั้ ที่ ๔ น้ี นอกจากดาํ เนนิ การใหมตลอดกระบวนการพมิ พ เริม่ แตเ รยี งตวั อักษรใหมท้ังหมดแลว ยังไดแ กไขปรบั ปรุงและเพิม่ เติมเนอื้ หาอกี เปนอนั มาก เชน ภาค ๑ เพม่ิ หมวด ธรรมอกี เกนิ กวา ๓๐ หมวด เขยี นคําบาลีอักษรโรมนั ของขอธรรมทง้ั หมดทง้ั หัวขอใหญและขอ ยอ ย แทรกเขา ทุกแหง พรอมทงั้ ทาํ Index of Pàli Terms เพ่ิมเขา อกี ภาค ๒ เพม่ิ ศพั ทใหมอ ีกมากกวา ๕๐ ศัพท ดังนเี้ ปนตน การพิมพครง้ั ใหมนี้ เดิมคาดวาจะเสรจ็ ส้นิ ในเวลาอนั รวดเรว็ แตคร้นั ทาํ เขาจริง กลบั กนิ เวลา นานถึงปค รึง่ เศษ เทากับประมาณครึ่งหน่ึงของเวลาทใ่ี ชในการพิมพครัง้ แรก สาเหตสุ ําคญั ของความลา ชานอกจากลักษณะของงานที่ตองการความละเอียดประณีตแมนยําอยางพิเศษ ก็คือระบบการเรียง พิมพท่ีไมสมบรู ณ ใชง านไดไมพอกับประเภทของงาน การพมิ พคร้ังกอนใชร ะบบโมโนไทป ซึ่งมรี ะบบตวั อักษรและเครื่องหมายคอนขางครบถวน ความลาชาเกิดจากการตองแตงเสริมใหเรียบรอยประณีต งดงาม การแกไ ขแทรกเพมิ่ ระหวา งเรยี งพิมพ และความไมค ลอ งตัวในการดาํ เนินงาน สวนในการพิมพ ครั้งน้ีใชร ะบบคอมพิวกราฟค ซ่ึงแมจ ะมีตวั อกั ษรที่งดงามชดั เจน แตมอี กั ษรและเคร่ืองหมายไมครบถวน เฉพาะอยา งยงิ่ สาํ หรบั การพมิ พค าํ บาลดี ว ยอกั ษรโรมนั แมจ ะไดส ง่ั ซอื้ อปุ กรณค อื จานบนั ทกึ และแถบฟล ม ตน แบบมาใหมเ ปน การเฉพาะ สนิ้ เปลอื งทงั้ เงนิ และเวลาทรี่ อคอย แตก ใ็ ชง านไดไ มส มบรู ณ ทง้ั นเ้ี พราะ บริษัทตัวแทนจําหนายท่ีส่ังซ้ืออุปกรณใหนั้นยังไมมีประสบการณเก่ียวกับการพิมพอักษรสําหรับ พจนานุกรมน้ี จึงไมส ามารถกําหนดเลือกและจดั หาอปุ กรณท ี่ตรงกับงานแทจริงใหไ ด การเรยี งพิมพจงึ ตองอาศัยความสามารถและความอดทนของนักเรียงพิมพผฉู ลาดหาวิธยี กั เยอื้ งพลกิ แพลงใหใชไดส าํ เร็จ ผลสวนหนงึ่ ประกอบกับการใชผมี ือตัดตอ ติดเติมแตง ในอารตเวริ ค อกี สวนหน่ึง ซง่ึ อยา งหลังนี้ไดท ําใหผู เรียบเรยี งสน้ิ เปลืองเวลา และแรงงาน ตลอดจนสขุ ภาพไปกบั หนงั สือเลมนมี้ าก ตัวอยา งเชนเครอื่ ง หมาย tilde (~) อยา งเดียว กต็ องนําจากทอ่ี ่นื มาติดแทรกลงในท่ีตา งๆ เกนิ กวา ๑๐๐ แหง ไมต องพูด ถงึ การตดิ การเปล่ียน การเล่ือนจุดใต/ เหนอื พยัญชนะและขดี เหนอื สระของอกั ษรโรมนั ตลอดจนเรือ่ ง ปลีกยอยอ่นื ๆ อีกเปนอันมาก ซึง่ ประมวลเขาแลว ก็เปนเครอื่ งชแี้ จงใหเขา ใจวา เหตใุ ดงานนีจ้ งึ ใชเวลา พิมพนานกวา หนังสืออน่ื สวนมากอยางมากมายหลายเทาตัว ดงั มตี ัวอยางหนังสอื บางเลม ทผ่ี ูเรียบเรยี ง ไดชวยจัดทําในระหวา งชว งเวลาของการพมิ พพ จนานกุ รมนี้ มคี วามหนาประมาณกงึ่ หนงึ่ ของ พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร ใชเ วลาเรยี งพมิ พแ ละจดั ทาํ อารต เวิรคประมาณ ๑ เดือนกเ็ สรจ็ เรยี บรอ ย ผลเสียทส่ี ําคัญ อยางหนึ่งของความยากลําบากชานานน้กี ค็ อื งานเขียนและงานพิมพห นังสืออ่ืนๆ โดยเฉพาะการพิมพ พุทธธรรม ครงั้ ใหม ตองพลอยถกู ผดั ผอนเนน่ิ นานตอ ๆ กันออกไป แมวาการจัดพมิ พจ ะยากลําบากมาก จนทาํ ใหเ วลาเกอื บ ๒ ปท ที่ ํางานนี้ กลายเปนชวงกาลแหง ความกรอ นโทรมของชวี ิตในอตั ราเรง สูงอกี ตอนหนงึ่ แตเ วลา ๒ ปเดยี วกนั น้ันเอง กเ็ ปนระยะทไี่ ดมแี รง สนับสนุนคํ้าจุนเกิดขนึ้ มาก ดวยไดมีทา นผูศรทั ธาท่จี ะสง เสรมิ งานพระศาสนาเขามาอุปถัมภใ นดานตา งๆ โดยการเสริมกําลงั บาง ผอ นแรงบาง อาํ นวยความสะดวกบาง เปนสวนรว มแรงรว มใจและเปนกําลัง หนุนอยูขางหลังใหงานบรรลุความสําเร็จ ทานผูอุปถัมภเหลานี้ บางทานก็เปนเชนเดียวกับคุณสาทร และคุณพิสมร ศรศรวี ิชัย คือ ตามปกติ จะไมเ ปด เผยชอื่ ของตนในการชว ยงานบญุ แมจะพิมพห นงั สอื เลม ใหญๆ แจกเปน ธรรมทาน ก็ไมย อมใหมีชื่อของตนปรากฏในหนงั สือนั้น แตค ราวน้ีผูเ รียบเรียงขอ อภัยที่จะเอย อา งช่ือของทา นเหลาน้ันไว ไมวา จะไดบ อกขออนญุ าตไวก อนแลวหรอื ไมกต็ าม โดยขอให เห็นประโยชนว า ผูใชหนงั สอื นรี้ นุ หลังๆ ตอ ไปจะไดร ูจักพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร อยา งรอบดาน อยา ง
๑๒ นอ ยก็เปนขอ มูลเชิงประวัติ และเปน การบนั ทกึ เหตุการณอยา งหน่งึ ตามขอ เทจ็ จรงิ ท่ไี ดเ กิดขึ้นแลว อนั จะกอ ประโยชนทางวิชาการไมม ากกน็ อ ย ท้ังน้ี ขออนโุ มทนาความอดุ หนุนสง เสริมของทานที่จะกลา วถึง ตอ ไปนี้ ผูศรัทธาเสียสละชวยพิมพดีดตนฉบับสวนที่เพ่ิมเติมในการพิมพคร้ังใหมนี้ ก็คือ คุณชลธีร ธรรมวรางกูร บุคคลเดียวกนั กับท่ีไดพ มิ พดีดตนฉบับภาค ๑ ทง้ั หมดของพจนานกุ รมนีเ้ ม่ือพิมพครัง้ แรก สวนในข้นั เรยี งพมิ พ คุณบุญเลศิ แซตั้ง แหงบรษิ ทั ยนู ิตี้โพรเกรส ไดร ว มมือดวยความมีนา้ํ ใจและดว ย ความใฝเ รียนรู พยายามเรยี งพมิ พงานทยี่ ากมากนีใ้ หอ อกมาเปน ผลงานทดี่ ี ในการพิสูจนอักษร ทานผูศรัทธามีน้ําใจเกื้อกูลหลายทา นไดสละเวลาชวยเหลอื สายหนงึ่ คือ คณุ อมั พร สุขนินทร ซง่ึ เมื่อรับไปตรวจ ก็ไดรับความอนเุ คราะหจ ากโยม “มิสโจ” (คุณเจือจันทน อัชพรรณ) ชวยอา นซ้าํ ใหดว ย อกี สายหนง่ึ คณุ ชตุ มิ า ธนะปุระ รับไป แตเ ม่ือคณุ เฉยี ดฉตั รโฉม ปรพิ นธพจนพิสุทธ์ิ ผูเปน เพื่อนไดท ราบ กร็ ว มศรทั ธาชว ยตรวจ นอกจากน้ัน คณุ สมศีล ฌานวงั ศะ ผู เคยพิมพตนฉบบั ฉบับขยายความแหงภาคที่ ๒ ของพจนานกุ รมนี้ ไดเดินทางจากสหรัฐอเมริกามาเยี่ยม บานชั่วคราว พอไดท ราบก็มารบั เอาปรูฟสว นหนึง่ เทาท่ีมีในระยะเวลาสัน้ ๆ นัน้ ไปชว ยตรวจ และบอก แจงขอ เสนอแนะบางอยา งท่มี ีประโยชน คณุ วรเดช อมรวรพพิ ฒั น และคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ อาสาเกบ็ ศพั ทส าํ หรบั Index of Pàli Terms โดยมคี ณุ องั คาร ดวงตาเวยี ง เปน ผชู ว ย และไดต รวจสอบความสมบรู ณข องสารบญั คน คาํ ให ดว ย โดยเฉพาะคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ ไดส ละเวลาเปน อนั มาก พยายามตดิ ตอ และตดิ ตามทางโรงพมิ พ เปน ตน เพอ่ื ใหห นงั สอื นไ้ี ดร บั การตพี มิ พอ ยา งดที ส่ี ดุ และไดร บั ความรว มมอื ดว ยดจี ากคณุ ปฐม สทุ ธาธกิ ลุ ชยั กรรมการผจู ดั การดา นสทุ ธาการพมิ พ พรอ มทง้ั คณุ สพุ จน มติ รสมหวงั ซง่ึ เปน ผชู ว ยเอาใจใสต ง้ั ใจทจ่ี ะ พมิ พใ หป ระณตี งดงาม ในดา นอปุ สรรคตอ งาน และการคา้ํ จนุ ชวี ติ ทเ่ี ปน พน้ื ฐานของงาน ผเู รยี บเรยี งถกู รบั เขา พกั รกั ษา ตัวในโรงพยาบาลพหลโยธิน นับแตพ.ศ. ๒๕๒๖ รวม ๓ คราว โดยมนี ายแพทยเ กษม อารยางกรู พี่ชาย ของตนเองเปน ผอู าํ นวยการดูแลรกั ษา พรอมท้งั ไดร ับความเอือ้ เฟอ เอาใจใสจากพยาบาลและพนักงาน เจา หนาที่ดว ยดี คณุ ประพัฒน และคุณหมอกาญจนา เกษสอาด และคุณหมอสุมาลี ตันติวีรสุต พรอม ดว ยเพอ่ื นและผใู กลช ดิ นอกจากอปุ ถมั ภด ว ยนติ ยภตั แลว กไ็ ดข วนขวายตดิ ตามชว ยแกป ญ หาสขุ ภาพ พรอ ม ทงั้ สนบั สนนุ ใหม อี ปุ กรณแ ละสถานทอ่ี าศยั ทเ่ี ออ้ื ตอ สขุ ภาพและการงาน คณุ หญงิ กระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ รวมดวยคุณหมอจรูญ ผลนวิ าส กบั ทัง้ ศษิ ยและญาติมติ รไดบ าํ เพ็ญความอุปถมั ภขยายออกไปรอบดา น ท้ังในทางสนับสนุนผลงาน ดว ยการจดั ต้งั “ทนุ พิมพ พจนานกุ รมพทุ ธศาสน ” เปนตน และในดา นคา้ํ จนุ ชีวิตของผูทํางาน ดวยการอปุ ถมั ภความเปนอยูป ระจําวนั ขวนขวายใหไดฟน ฟูสขุ ภาพ และเสรมิ สราง สัปปายะตางๆ ตลอดจนจัดหาอปุ กรณที่สาํ คัญมาไวเพ่ือใหทํางานไดส ะดวกรวดเร็วทวปี รมิ าณ นอกจากตง้ั ทุนพิมพใหแลว เมอื่ หนังสือเสรจ็ ออกมา โยมผศู รัทธายังบําเพ็ญกิจอาสาสมคั รชว ย จําหนายหนังสือนั้นอกี เพอ่ื ใหมหาจฬุ าลงกณราชวทิ ยาลัยไดผลประโยชนโดยเรว็ และเตม็ จํานวนไมต อง หักคาคนกลาง บรรดาผูศรัทธาท่ีชวยสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงฆดวยวิธีเปนส่ือนําผลประโยชนมาให และเผยแพรผลงานอยเู งยี บๆ เชน น้ี นอกจากโยมผรู ิเริ่มตง้ั ทนุ แลว ควรจะเอย นาม ดร.ทวรี ัสมิ์ ธนาคม เปน ตวั อยางอกี ทานหนงึ่ ยังมีทา นผศู รัทธาหรือมจี ิตเกือ้ กูลอกี หลายทาน ท้ังบรรพชิตและคฤหสั ถ ไดปวารณาทจี่ ะชว ย
๑๓ เหลือกิจตา งๆ เกยี่ วกบั หนังสอื น้ี แมจะยงั ไมไดข อความรว มมอื ในคราวนี้ กข็ ออนุโมทนาความมีน้าํ ใจดี น้ันไว และหวงั วาคงจะไดข อความอนเุ คราะหใ นงานสาํ คัญๆ ลาํ ดับตอๆ ไป ทางดานมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย เมือ่ ไดแจง ขอพิมพห นงั สือแลว ถงึ คราวมีเร่ืองเก่ยี วขอ ง พระมหาอารีย เขมจาโร รองเลขาธกิ ารฝา ยธุรการ กแ็ สดงความพรอ มอยูเ สมอทีจ่ ะรว มมือดําเนนิ กจิ น้ันใหล ลุ ว งไป ใกลเ ขามาอกี ภายในวดั พระพิเรนทร พระถวลั ย สมจิตฺโต และพระฉาย ปฺาปทโี ป ยงั คงเปนองคยนื หลกั ที่ชวยใหค วามเปน อยขู องผเู รยี บเรียงภายในวดั คลองเบา พอวางภาระกบั สภาพแวด ลอมรอบตวั ได สามารถทาํ งานหนงั สือมุงไปแตด านเดยี ว ผูเรียบเรียงถือวา การที่ทา นผูศ รทั ธาและมนี ํ้าใจ มาใหความอุปถมั ภต า งๆ ดว ยกุศลเจตนาเริ่ม การเอง อันลวนเปนอสังขาริกกุศลทั้งส้นิ น้ัน ก็ดว ยเห็นแกพระธรรม หวงั จะสนับสนนุ งานพระศาสนาให เจริญแพรหลายยิ่งข้ึน โดยมองเห็นวา ผเู รียบเรยี งน้จี ะเปน กาํ ลงั หรือองคประกอบสว นหนึ่งของงานนั้น ได ในทํานองเดียวกนั ก็ขอไดร ับความมัน่ ใจที่สอดคลอ งตอไปอกี ดวยวา การตอบสนองตอ ความอปุ ถัมภ เก้ือกูล ในลักษณะทเี่ ปน การปฏเิ สธหรือหลีกเลี่ยง ซ่ึงมขี น้ึ เปน ครง้ั คราวตามโอกาส หรือแมในกรณี สําคัญน้ัน ผูเ รยี บเรยี งไดกระทาํ ไปโดยบรสิ ุทธ์ิใจ ดว ยเหน็ แกกิจการพระศาสนาหรอื ประโยชนข องสวน รวมตามเหตุผลอยางใดอยางหน่ึงอยางแนนอน โดยท่ีในใจจริงก็อนุโมทาเปนอยางยิ่งตอกุศลเจตนาที่ หวังจะอนุเคราะหเกื้อกลู นั้น แตยังยากหรือยังไมเหมาะทจ่ี ะอธบิ ายเหตุผลใหทราบ ในเม่ืองานนก้ี ็กาํ ลังจะเสรจ็ ลงอยตู อ หนา แลว และท้งั ผูเรยี งเรียงทงั้ ผูรว มแรงรวมศรัทธาตา งก็มี ความปรารถนาตรงเปนอันเดยี วกนั ท่ีจะประกาศพทุ ธวจนะเผยแพรพ ระสทั ธรรม จึงขออางอิงพลังแหง บญุ กศุ ล มศี รทั ธา ฉนั ทะ และวริ ยิ ะ เปน ตน จงเปน ปจ จยั อาํ นวยใหผ ลงานอนั อทุ ศิ ตอ พระศาสนาบชู าธรรม นี้ เปนเครือ่ งเผยแผความรใู นพระพทุ ธศาสนา สงเสริมความเขา ใจถูกตอ งในหลกั คําสอน คาํ้ ชูพุทธธรรม ใหเจริญงอกงามแพรหลาย เพื่อประโยชนส ุขแกช าวโลกอยา งกวา งขวางตลอดกาลนาน อนึ่ง ผูใชห นงั สือนี้พึงตระหนกั วา หลกั ธรรมตางๆ ทีป่ ระมวลไวใ นพจนานุกรมนี้ เปนเพียงสว น หนึ่งท่ีไดค ดั เลอื กมา มิใชท้งั หมดในพระไตรปฎก พึงถือพจนานุกรมนเี้ ปนเพยี งฐานสาํ คัญในการศึกษาคน ควาธรรมใหละเอยี ดลึกซึง้ ยงิ่ ข้นึ ไป อกี ประการหนึ่ง คาํ อธบิ ายขอธรรมตางๆ ในพจนานกุ รมนี้ จดั ทาํ ใน ลักษณะเปนตาํ ราหรอื เปนแบบแผน จงึ ยดึ เอาหลกั ฐานในคมั ภีรเ ปน บรรทดั ฐานกอ น และใหความสาํ คญั แกค มั ภรี ท ั้งหลายตามลาํ ดับชั้น เชน พระไตรปฎกเหนอื อรรถกถา อรรถกถาเหนอื มตอิ าจารยรุนหลงั และเหนืออตั โนมัติ เปน ตน พึงใชพ จนานกุ รมนี้เปน ท่ปี รึกษา โดยมีความเขา ใจดังกลา วนั้นเปน พ้นื อยใู น ใจ จะไดค ดิ ขยายความตอออกไปอีกไดอ ยางมีหลกั และมีข้นั มีตอน ตลอดจนวจิ ารณไดอ ยางมหี ลักเกณฑ พระราชวรมุนี (ประยุทธ ปยุตโฺ ต) ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๒๘
คาํ นํา (ในการพมิ พค ร้งั ที่ ๑) พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร เลม น้ี เปน ทรี่ วมของงาน ๓ ชนิ้ คอื พจนานกุ รมหมวดธรรม พจนานกุ รมพทุ ธ ศาสตร ไทย–องั กฤษ และ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย งาน ๓ ชน้ิ นเ้ี ดมิ เปน งานตา งหากกนั และเกดิ ขนึ้ ตา งคราวกนั กลา วคอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ เดมิ ชอ่ื พจนานกุ รมศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย– บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ เผยแพรต งั้ แต พ.ศ. ๒๕๐๖ และไดแ กไ ขเพม่ิ เตมิ เปน ครง้ั คราว ครงั้ สดุ ทา ยกอ นหนา นี้ ได ขยายเพม่ิ เตมิ เปน ฉบบั พสิ ดาร เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ ดั ทาํ เชน นน้ั ไดเ พยี งจบอกั ษร ฐ กช็ ะงกั ไมม เี วลาทาํ ตอ มา อกี เลย ในระหวา งนน้ั เจา หนา ทม่ี หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดข อใหน าํ เอาฉบบั เลก็ เดมิ มาพมิ พไ ปพลางกอ น ใน พ.ศ. ๒๕๑๕ ไดต กลงจะตพี มิ พ โดยขอแกไ ขเพม่ิ เตมิ เลก็ นอ ย แตไ มม เี วลา จงึ ชกั ชา อยู ในระยะเวลาเดยี วกนั นนั้ ผรู วบรวมกาํ ลงั จดั ทาํ หนงั สอื ประเภทอา งองิ ทางพระพทุ ธศาสนาคา งอยหู ลาย เลม จงึ คดิ วา ควรรวบรวมหลกั ธรรมเปน หมวดๆ ทใ่ี ชเ ลา เรยี น ใชอ า งองิ และทน่ี า สนใจสาํ หรบั คนทว่ั ไป จาํ นวน ไมม ากนกั มาพมิ พป ระมวลไวเ พอ่ื เปน คมู อื ใชป ระกอบการศกึ ษาเบอ้ื งตน เพยี งใหพ อเหมาะสาํ หรบั นกั เรยี นนกั ศกึ ษาและผสู นใจทว่ั ไป ซง่ึ ไมต อ งการรายละเอยี ดพสิ ดารอยา งนกั คน ควา ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะใหค วามหมายภาค ภาษาองั กฤษทน่ี ยิ มใชท วั่ ๆ ไป กาํ กบั ไวก บั ขอ ธรรมตา งๆ ดว ย พอเปน ประโยชนใ นขน้ั ตน ๆ เมอื่ นาํ งานชน้ิ นมี้ า รวมเขา ดว ยกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ กจ็ ะเปน เครอ่ื งเสรมิ กนั และกนั ชว ยใหเ กดิ ประโยชนแ ก ผใู ชม ากยง่ิ ขน้ึ งานชน้ิ ทเ่ี พมิ่ นไี้ ดต ง้ั ชอ่ื วา พจนานกุ รมหมวดธรรม ดว ยเหตผุ ล ๒ ประการคอื ประการแรก แม หนงั สอื นจี้ ะถอื จาํ นวนหวั ขอ ธรรมเปน เกณฑแ ละจดั ลาํ ดบั ตามจาํ นวนเลขกต็ าม แตใ นจาํ นวนทเี่ ทา กนั ไดจ ดั เรยี ง หมวดธรรมตามลาํ ดบั อกั ษร นอกจากนนั้ ยงั ไดจ ดั องคป ระกอบอยา งอนื่ ในระบบการคน ตามลาํ ดบั อกั ษร เชน สารบญั คน คาํ เปน ตน เขา เสรมิ อกี ดว ย ชว ยใหส าํ เรจ็ กจิ ของพจนานกุ รมโดยสมบรู ณ ประการทส่ี อง เพอ่ื ใหเ ปน งานทเี่ ขา ชดุ กนั ไดเ หมาะสมใชป ระโยชนใ นประเภทเดยี วกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ ทท่ี าํ ไวแ ลว ระหวา งทที่ าํ พจนานกุ รมหมวดธรรม อยนู นั้ ไดต ง้ั ใจวา เมอื่ มโี อกาสขา งหนา จะไดจ ดั ทาํ พจนานกุ รม หมวดธรรม ฉบบั พสิ ดารใหมอ กี เพอื่ ใหเ ปน ไปตามโครงการทวี่ างไวเ ดมิ ซง่ึ ไดร วบรวมขอ มลู เตรยี มไวก อ นแลว เปน อนั มาก อยา งไรกด็ ี ระหวา งจดั ทาํ พจนานกุ รมหมวดธรรม ฉบบั ปจ จบุ นั อยนู ี้ พจิ ารณาเหน็ วา หมวดธรรม หลายหมวดแมย งั ไมจ าํ เปน สาํ หรบั คนทว่ั ไปทจ่ี ะตอ งรกู จ็ รงิ แตม คี วามสาํ คญั เกอื้ กลู แกก ารศกึ ษาธรรมวนิ ยั มาก ไมอ าจตดั หมวดธรรมเหลา นน้ั ทงิ้ ไปได อกี อยา งหนงึ่ ทคี่ ดิ ไวเ ดมิ วา จะแสดงความหมายของหวั ขอ ธรรมแตเ พยี ง สน้ั ๆ พออา งองิ ไดเ ทา นน้ั ครนั้ ลงมอื ทาํ กเ็ หน็ ไปวา ไหนๆ มหี นงั สอื นแ้ี ลว กค็ วรใหส าํ เรจ็ ประโยชนพ อแกจ ะใชก ารที เดยี ว ขอ ธรรมใดใหเ พยี งความหมาย ยงั ไมอ าจเขา ใจชดั ได กไ็ ดท าํ ไขความโดยสรปุ สาระทค่ี วรรเู กย่ี วกบั ขอ ธรรม นนั้ ไวจ นคลมุ ความ การทเ่ี ปน เชน น้ี ไดท าํ ใหพ จนานกุ รมหมวดธรรม มขี นาดหนามาก เมอ่ื รวมเขา กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ เดมิ แทนทจ่ี ะเปน สว นประกอบชว ยเสรมิ หรอื เปน สว นรว ม กลบั กลายเปน สว นหลกั ไป แมถ งึ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ นนั้ เอง กไ็ ดข ยายตวั ออกไปมากอยแู ลว เมอื่ ทงั้ สอง สว นทขี่ ยายตวั มารวมกนั เขา จงึ ทาํ ใหห นงั สอื มขี นาดใหญเ กนิ ความตงั้ ใจเดมิ ภาคที่ ๓ ของหนงั สอื นี้ คอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย เปน สว นทจ่ี ดั ทาํ ขนึ้ ใหมใ นการพมิ พ ครงั้ น้ี โดยพจิ ารณาเหน็ วา เมอ่ื มภี าคไทย–องั กฤษแลว กค็ วรมภี าคองั กฤษ–ไทยขน้ึ ดว ยเปน คกู นั เพอื่ ใหใ ช ประโยชนไ ดค รบถว น แตภ าคองั กฤษ–ไทยทท่ี าํ น้ี ถอื เปน เพยี งสว นประกอบเทา นน้ั เพราะปญ หาสาํ คญั ของนกั ศกึ ษาและนกั เผยแพรพ ระพทุ ธศาสนา อยทู ตี่ อ งการทราบวา ศพั ทธ รรมหรอื ศพั ทพ ระพทุ ธศาสนาคาํ นๆี้ จะใช
๑๕ ภาษาองั กฤษวา อยา งไร ซง่ึ พจนานกุ รมภาคที่ ๒ จะเปน ทปี่ รกึ ษาชว ยบอกหรอื หาคาํ ใชท เ่ี หมาะสมเสนอให สว น พจนานกุ รมภาคที่ ๓ ทาํ หนา ทเ่ี พยี งรวบรวมศพั ทภ าษาองั กฤษ ทใ่ี ชก บั ศพั ทธ รรมลงตวั อยแู ลว บา ง ทมี่ ผี คู ดิ ขนึ้ ลองใชแ ลว และดเู หมาะสมดบี า ง นาํ มาแสดงใหท ราบวา ผทู ใี่ ชค าํ ภาษาองั กฤษคาํ นนั้ มงุ หมายถงึ ขอ ธรรมอะไร สว นมากจงึ เปน คาํ ตอ คาํ ไมก นิ เนอ้ื ทม่ี าก พจนานกุ รมภาคที่ ๓ น้ี สามารถจาํ กดั ขนาดใหอ ยใู นกาํ หนดทต่ี งั้ ใจไว เดมิ ได ไมข ยายตวั เกนิ ไป เพราะเหตทุ มี่ คี วามเปน มาตา งหากกนั เชน น้ี สว นทง้ั ๓ ของพจนานกุ รมจงึ มลี กั ษณะเปน อสิ ระจากกนั ไม จาํ กดั อยใู นขอบเขตเดยี วกนั หรอื ในขอบเขตของกนั และกนั เชน ความหมายภาษาองั กฤษของขอ ธรรมเดยี วกนั ทแ่ี สดงใน พจนานกุ รมหมวดธรรม กบั ใน พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ อาจตรงกนั เฉพาะนยั ทนี่ ยิ มใช ยตุ แิ ลว แตน ยั อน่ื ๆ ทเ่ี สนอแนะไวอ าจมแี ปลกจากกนั ได ขอ ธรรมบางอยา งไมไ ดเ กบ็ ไวใ น พจนานกุ รมพทุ ธ- ศาสตร ไทย–องั กฤษ ไมเ ปน ขอ ธรรมทอี่ ยใู นระดบั อนั ควรทราบ แตป รากฏใน พจนานกุ รมหมวดธรรม เพราะเปน ขอ ยอ ยของหมวดธรรมบางหมวด จาํ เปน ตอ งตดิ เขา ไปอยเู อง ดงั นเี้ ปน ตน ลกั ษณะทเี่ ปน อสิ ระจากกนั เชน นี้ นบั ไดว า มผี ลดมี ากกวา ผลเสยี เพราะกลบั เปน สว นทมี่ าเสรมิ กนั ชว ยใหส มบรู ณแ ละอาํ นวยประโยชนม ากยง่ิ ขนึ้ เชน เมอื่ คน หาความหมายของขอ ธรรมขอ ใดขอ หนงึ่ ในพจนานกุ รมภาคท่ี ๒ (ไทย–องั กฤษ) ไดแ ลว อาจเปด ดขู อ ธรรมนนั้ ในสารบญั คน คาํ ของพจนานกุ รมภาคท่ี ๑ (หมวดธรรม) แลว หาความหมายไดเ พม่ิ ขนึ้ อกี ขอ ธรรมใดไมม ี ในพจนานกุ รมภาคที่ ๒ เมอื่ เปด ดสู ารบญั คน คาํ ในภาคท่ี ๑ อาจหาพบกไ็ ด นอกจากนน้ั ยงั ชว ยใหไ มต อ งลงพมิ พ ความหมายซา้ํ กนั ทง้ั หมด ซงึ่ ทาํ ใหเ ปลอื งเนอ้ื ทมี่ ากขน้ึ อกี ดว ย อยา งไรกด็ ี ความเปน อสิ ระจากกนั เชน น้ี แมจ ะมี ผลดบี างประการ แตก ย็ งั ถอื วา เปน ขอ บกพรอ งอยา งหนง่ึ ซงึ่ ในการพมิ พค ราวตอ ๆ ไปถา มเี วลา จะไดใ ชร ะบบ อา งองิ ภายในเขา ชว ยเพม่ิ ขนึ้ อกี เพอ่ื ใหง านทง้ั สามภาคประสานเปน ชดุ เดยี วกนั โดยสมบรู ณ และสามารถรกั ษา ลกั ษณะทใี่ หผ ลดไี วไ ด พรอ มทงั้ แกไ ขมใิ หม ขี อ บกพรอ งทเ่ี กดิ จากความซา้ํ ซาก เปน ตน ดงั ไดก ลา วแลว หนงั สอื นเ้ี ดมิ ตงั้ ใจทาํ เปน ฉบบั เลก็ เพราะหากมเี วลาเพยี งพอ จะไดจ ดั ทาํ ฉบบั พสิ ดารท่ี คา งอยใู หเ สรจ็ สน้ิ ตอ ไป แตบ ดั นห้ี นงั สอื ฉบบั เลก็ นไี้ ดข ยายตวั ออกมากจนมขี นาดใหญย ากทจี่ ะนาํ ตดิ ตวั ไปใชเ ปน ประจาํ ตามความตงั้ ใจเดมิ ในการแกป ญ หานไี้ ดใ ชร ะบบการพมิ พเ ขา ชว ย โดยถา ยยอ ลงจากตน ฉบบั เรยี งพมิ พ เหลอื เพยี ง ๒ ใน ๓ สว น จะยอ เลก็ กวา นตี้ วั อกั ษรกจ็ ะเลก็ เกนิ ไป จนทาํ ใหเ กดิ ความยากลาํ บากแกผ ใู ชจ าํ นวน มาก ทาํ อยา งนถ้ี งึ แมจ ะไมไ ดห นงั สอื ขนาดเลก็ เทา ทตี่ ง้ั ใจเดมิ กพ็ อชว ยใหใ ชไ ดส ะดวกขน้ึ มาก และในเวลาเดยี ว กนั กท็ าํ ใหไ ดห นงั สอื ขนาดกะทดั รดั ทจ่ี เุ นอ้ื ความยง่ิ กวา ปกตเิ ปน อนั มาก การจดั พมิ พห นงั สอื นี้ นบั แตจ ดั เตรยี มตน ฉบบั เพอื่ สง โรงพมิ พใ นปลายป พ.ศ. ๒๕๑๕ จนถงึ ตพี มิ พเ สรจ็ ในบดั น้ี สนิ้ เวลาประมาณ ๒ ป ๖ เดอื น ในการจดั พมิ พไ ดร บั ความรว มมอื รว มใจอยา งดจี ากหลายทา น เจา หนา ที่ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั โดยเฉพาะทา นพระมหาสมบรู ณ สมปฺ ณุ โฺ ณ* ผชู ว ยเลขาธกิ าร ไดช ว ยคอยเรง เรา เทา กบั เปน แรงสนบั สนนุ ใหก ารจดั ทาํ หนงั สอื นค้ี บื หนา มาสคู วามสาํ เรจ็ คณุ ชลธรี ธรรมวรางกรู ไดช ว ยพมิ พด ดี ตน ฉบบั ใหโ ดยตลอดดว ยความเออ้ื เฟอ และทางโรงพมิ พค รุ สุ ภาไดช ว ยอาํ นวยความสะดวกในการตพี มิ พ นบั วา ทกุ ทา นไดม สี ว นบาํ เพญ็ กศุ ลรว มกนั ในการทาํ วทิ ยาทานนใี้ หส าํ เรจ็ จงึ ขออนโุ มทนาในความรว มแรงรว มใจและ ความสนบั สนนุ ของทกุ ทา นไว ณ โอกาสนเ้ี ปน อยา งยง่ิ พระราชวรมนุ ี ๒๔ เมษายน ๒๕๑๘ ____________________ *ปจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๔๕) เปน ที่ พระราชกติ ตเิ วที
สารบัญทั่วไป ๓ ๘ คํานาํ (ในการพิมพครงั้ ท่ี ๑๐) ๑๓ บันทึกในการพมิ พคร้ังท่ี ๔ คํานํา (ในการพมิ พค รั้งท่ี ๑) 1 ภาค 1 พจนานกุ รมพุทธศาสตร หมวดธรรม 3 8 คําชแ้ี จงการใช 10 อกั ษรยอ ชือ่ คัมภรี 11 Abbreviations of Scriptures 18 สารบญั หมวดธรรม 23 สารบญั ประเภทธรรม 57 ดชั นีคน คํา 60 เอกกะ หมวด 1 84 ทุกะ หมวด 2 113 ติกะ หมวด 3 162 จตกุ กะ หมวด 4 189 ปญจกะ หมวด 5 204 ฉกั กะ หมวด 6 215 สตั ตกะ หมวด 7 221 อฏั ฐกะ หมวด 8 229 นวกะ หมวด 9 249 ทสกะ หมวด 10 292 อติเรกทสกะ หมวดเกิน 10 Index of Pàli Terms 311 ภาค 2 พจนานกุ รมพุทธศาสตร ไทย–องั กฤษ 313 คํานําในการพิมพค รั้งที่ 1 314 คาํ ชแี้ จง 316 อักษรยอและเครือ่ งหมาย 316 เทียบอกั ษรโรมนั ท่ใี ชเ ขียนบาลี 317 พจนานุกรม ก – โอ ภาค 3 พจนานุกรมพุทธศาสตร องั กฤษ–ไทย 363 พจนานุกรม A – Z 365 Appendix 382
ภาค 1 พจนานุกรมพุทธศาสตร หมวดธรรม ◉ Part I Dictionary of Numerical Dhammas
คาํ ช้ีแจงการใชพจนานุกรมหมวดธรรม ก. หลกั การในการรวบรวมธรรม 1. หมวดธรรม คอื หลกั ธรรมทแี่ สดงไวโ ดยมจี าํ นวนหวั ขอ เปน ชดุ ๆ ชดุ หนง่ึ ๆ เรยี กวา หมวดธรรมหนง่ึ ๆ หมวดธรรมเหลา นเี้ ปน คาํ สอนในพระพทุ ธศาสนาเพยี งสว นหนงึ่ เทา นนั้ นอกจากคาํ สอนประเภทหมวด ธรรมแลว ยงั มคี าํ สอนประเภทคาถาภาษติ ธรรมกถา และโอวาทานศุ าสนตี า งๆ อกี เปน อนั มาก ผทู ่ี ตอ งการรจู กั พระพทุ ธศาสนาอยา งกวา งขวางทวั่ ถงึ จงึ ควรศกึ ษาคาํ สอนประเภทอนื่ ๆ นอกจากหมวด ธรรมดว ย อยา งไรกด็ ี การศกึ ษาหมวดธรรมเหลา นนี้ บั วา สาํ คญั และมปี ระโยชนอ ยา งมาก เพราะเปน คาํ สอนประเภทประมวลขอ สรปุ มอี รรถกวา งขวาง และถกู ยกขนึ้ อา ง หรอื เปน ขอ ปรารภในการแสดง คาํ สอนประเภทอนื่ ๆ อยเู นอื งๆ 2. หมวดธรรมมอี ยมู ากมาย แตเ ฉพาะทแ่ี สดงในหนงั สอื นี้ ไดค ดั เลอื กและรวบรวมไวเ พยี งสว นหนงึ่ โดย ถอื หลกั เกณฑท สี่ าํ คญั คอื 1) มงุ เอาหมวดธรรมทม่ี าในพระไตรปฎ กโดยตรงเปน พนื้ สว นทมี่ าในคมั ภรี อ นื่ พยายามจาํ กดั เฉพาะ คมั ภรี ส าํ คญั ในระดบั รองลงมา ทน่ี ยิ มนบั ถอื ใชศ กึ ษาและอา งองิ กนั อยทู ว่ั ไปในวงการศกึ ษาพระ พทุ ธศาสนา 2) มงุ เอาหมวดทแี่ สดงหลกั ธรรมโดยตรง ใหส มกบั ชอื่ ทเ่ี รยี กวา “หมวดธรรม” หลกี เลย่ี งหมวดทเี่ ปน เพยี งเกรด็ ความรู หรอื คาํ แถลงเรอ่ื งราวอนื่ ๆ เวน แตจ ะเปน เรอื่ งทส่ี มั พนั ธก บั หลกั ธรรมอยา งใกลช ดิ 3) คดั เอาเฉพาะหมวดธรรมทค่ี วรรหู รอื ทตี่ อ งรู โดยฐานเปน หลกั สาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาบา ง เปน หลกั ทเี่ หน็ วา นา รแู ละมปี ระโยชนม ากบา ง เปน หลกั ทใ่ี ชห รอื อา งองิ อยเู สมอ หรอื รจู กั กนั อยทู ว่ั ไป บา ง เปน หลกั ทท่ี า นกาํ หนดใหเ รยี นในหลกั สตู รการศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาระบบตา งๆ ในประเทศ ไทยบา ง ข. การจดั ลาํ ดบั 3. การจดั ลาํ ดบั หมวดธรรม – จดั ตามลาํ ดบั เลขจาํ นวนกอ น รวมหมวดธรรมทม่ี จี าํ นวนหวั ขอ เทา กนั เขา ไวเ ปน กลมุ เดยี วกนั เรยี ง จากกลมุ ทมี่ จี าํ นวนนอ ยไปหากลมุ ทมี่ จี าํ นวนมากตามลาํ ดบั เปน หมวด 1 หมวด 2 หมวด 3 ฯลฯ จนถงึ หมวดเกนิ สบิ – ในหมวดเลขเดยี วกนั เรยี งตามลาํ ดบั อกั ษร ตามอกั ขรวธิ ใี นภาษาไทย 1) หมวดธรรมทมี่ ลี าํ ดบั อกั ษรหา งกนั แตเ ปน เรอื่ งทเี่ กยี่ วพนั หรอื ควบคกู นั เมอื่ ถงึ ลาํ ดบั อกั ษรของ หมวดหนง่ึ แลว นาํ อกี หมวดหนง่ึ มาตอ ในลาํ ดบั ถดั ไปทนั ทโี ดยไมค าํ นงึ ถงึ ลาํ ดบั อกั ษร เชน [67] กศุ ลมลู 3, [68] อกศุ ลมลู 3; [80] ทจุ รติ 3, [81] สจุ รติ 3 เปน ตน 2) หมวดธรรมทมี่ เี ลขจาํ นวนตา งกนั แตเ ปน เรอื่ งอยา งเดยี วกนั อาจจดั เรยี งรวมไวใ นหมวดเลขเดยี ว กนั ตอ กนั ไป โดยไมค าํ นงึ ถงึ ลาํ ดบั เลขหมวด ในกรณเี ชน นี้ จะถอื หมวดธรรมทส่ี าํ คญั หรอื รจู กั กนั มากเปน หลกั เชน [303] พทุ ธคณุ 9, [304] พทุ ธคณุ 2, [305] พทุ ธคณุ 3, [306] ธรรมคณุ 6, [307] สงั ฆคณุ 9 เปน ตน
4 ในกรณขี องขอ ยกเวน 2 ขอ น้ี หมวดธรรมทผ่ี ดิ ลาํ ดบั ใหถ อื เปน หมวดธรรมพว ง ไมก ระทบกระเทอื นตอ ลาํ ดบั อกั ษรตามปกติ ซงึ่ จะจดั ตอ ไปจากหมวดธรรมทอี่ ยขู า งหนา นอกจากนนั้ หมวดธรรมทผี่ ดิ ลาํ ดบั เหลา นี้ จะมชี อ่ื เรยี งอยใู นตาํ แหนง ทเ่ี ปน ลาํ ดบั ตามปกตขิ องมนั เองอกี สว นหนงึ่ ดว ย แตใ นตาํ แหนง ปกติ นน้ั จะไมน บั เลขลาํ ดบั (ในวงเลบ็ สาํ หรบั ใสเ ลขลาํ ดบั จะใสร ปู , ไวแ ทนชอ งวา ง) และไมม รี ายละเอยี ด มี เพยี งคาํ อา งบอกตาํ แหนง ทจ่ี ะพงึ คน ตอ ไป ซง่ึ ชว ยโยงถงึ กนั ใหผ ใู ชห นงั สอื คน หาไดโ ดยสะดวกจากทกุ ดา น ตวั อยา ง: [,,] สจุ รติ 3 ดู [81] สจุ รติ 3 [,,] พทุ ธคณุ 2 ดู [304] พทุ ธคณุ 2 สจุ รติ 3 เปน ชอ่ื ของธรรมหมวดทเ่ี ปน คปู ฏปิ ก ษก บั ทจุ รติ 3 จงึ นาํ ไปเรยี งไวต อ จากหมวด ทจุ รติ 3 เนอ่ื งจากอกั ษร ท อยกู อ นอกั ษร ส สว น พทุ ธคณุ 2 อยใู นกลมุ เดยี วกบั พทุ ธคณุ 9 แตม จี าํ นวนตา งกนั จงึ นาํ ไปเรยี งไวต อ จากหมวด พทุ ธคณุ 9 อนั เปน หมวดธรรมทถี่ อื เปน หลกั 4. หมวดธรรมทมี่ หี ลายชอื่ ถอื เอาชอ่ื ทม่ี าในบาลเี ปน หลกั ใหร ายละเอยี ดไวท เี่ ดยี ว แตช อื่ อน่ื ๆ กเ็ รยี งไว ในตําแหนงที่ถูกตองตามลําดับอักษรและลาํ ดับเลขหมวดดวย โดยไมนับเลขลาํ ดับ และไมมีราย ละเอยี ด เพยี งใสเ ครอ่ื งหมาย , ไวใ นวงเลบ็ ขา งหนา และมคี าํ อา งบอกตาํ แหนง ชอ่ื ทม่ี รี ายละเอยี ดอนั พงึ จะคน ตอ ไป เปน การเชอ่ื มโยงถงึ กนั ใหค น ไดจ ากทกุ ดา น ตวั อยา ง: [,,,] สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ดู [260] อบุ าสกธรรม 7 สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 กบั อบุ าสกธรรม 7 เปน ชอื่ ของธรรมหมวดเดยี วกนั แสดงรายละเอยี ด เฉพาะท่ี อบุ าสกธรรม 7 แหง เดยี ว สว นชอ่ื สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ไดเ รยี งไวด ว ย แตใ หด รู ายละเอยี ด ท่ี อบุ าสกธรรม 7 5. ตวั เลขทอ่ี า งองิ ในหนงั สอื นที้ ง้ั หมด หมายถงึ เลขลาํ ดบั (คอื เลขขอ ) ของหมวดธรรม ไมใ ชเ ลขหนา เวน แตจ ะมคี าํ บอกกาํ กบั ไวเ ปน อยา งอนื่ อนงึ่ ในเนอ้ื หนงั สอื ใชต วั เลขอารบกิ ทงั้ หมด เพอื่ ใหผ ใู ชภ าคภาษาองั กฤษสามารถใชป ระโยชน รว มดว ยโดยสะดวก ค. ความหมายและคาํ อธบิ าย 6. หนงั สอื นไี้ มใ ชห นงั สอื อธบิ ายธรรมจาํ เพาะอยา ง แตเ ปน หนงั สอื อา งองิ วา ดว ยหลกั ธรรมทวั่ ไป จาํ ตอ ง สงวนเนอ้ื ท่ี และแสดงอรรถาธบิ ายทกี่ ระชบั รดั กมุ จงึ พยายามหลกี เลย่ี งการอธบิ าย แสดงไวแ ตเ พยี ง คาํ จาํ กดั ความและความหมายเปน สาํ คญั 1) ภาคภาษาไทย: ความหมายมกั แสดงไวห ลายๆ นยั เพอ่ื เสรมิ ความเขา ใจใหช ดั ขนึ้ และเพอ่ื เลอื กใช ไดอ ยา งเหมาะสมแกก รณี ขอ ธรรมบางขอ มคี าํ แปลโดยพยญั ชนะ ในกรณเี ชน นี้ ความหมายทเี่ ปน คาํ แปลโดยพยญั ชนะนน้ั จะถกู เรยี งไวก อ นความหมายอนื่ ความหมายทแี่ สดงไวห ลายนยั มกั มที ง้ั ความหมายอยา งสน้ั และความหมายอยา งยาว ทงั้ นมี้ งุ เพอื่ ประโยชนท ง้ั ในทางความเขา ใจและในการใชง าน ขอ ธรรมบางอยา งจาํ เปน ตอ งอธบิ าย เพอื่ ใหเ ขา ใจชดั เจน ในกรณเี ชน นไ้ี ดพ ยายามอธบิ ายใหส นั้
5 ทส่ี ดุ โดยทาํ เปน ไขความออกจากความหมายของขอ ธรรมนนั้ ๆ และใหค รอบคลมุ เนอื้ หาสมบรู ณใ นตวั เสรจ็ สนิ้ ไปในแตล ะขอ ไมใ ชว ธิ อี ธบิ ายรวมทงั้ หมด แตถ า มขี อ สงั เกตหรอื คาํ ชแี้ จงกวา งๆ สาํ หรบั ทงั้ หมวดกไ็ ดน าํ ไปเขยี นไวใ นตอนทา ยของหมวดธรรมนนั้ หมวดธรรมทต่ี อ งอธบิ ายพงึ เหน็ ตวั อยางเชน [85] ธรรม 3, [107] วโิ มกข 3, [285] วสิ ทุ ธิ 7, [311] วปิ ส สนาญาณ 9 เปน ตน 2) ภาคภาษาองั กฤษ: ความหมายในภาษาองั กฤษมงุ เพยี งใหเ ปน สว นประกอบสาํ หรบั ชว ยเหลอื นกั ศกึ ษาในการศกึ ษาคน ควา ใหก วา งขวางออกไป หรอื เปน สอ่ื ถา ยทอดความรเู ทา นนั้ ไมไ ดม งุ ใหเ ปน หลกั ของหนงั สอื น้ี โดยปกตใิ นภาคภาษาองั กฤษจะไมม คี าํ อธบิ ายเลย มเี พยี งความหมายสนั้ ๆ ซงึ่ โดยมาก เปน ความหมายในรปู คาํ แปล ขอ ธรรมใดมคี าํ แปลหรอื ความหมายในภาษาองั กฤษทใ่ี ชกนั ลงยตุ ิแลว หรอื นยิ มใชก ันแพรห ลาย ในหมนู กั ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาแลว กไ็ ดน าํ เอาคาํ แปลหรอื ความหมายนนั้ มาลงไว โดยถอื เปน อสิ ระ จากความหมายในภาคภาษาไทย สว นขอ ธรรมใดความหมายในภาษาองั กฤษยงั มปี ญ หา ไมเ ปน ทยี่ ตุ ิ หรอื ยงั ไมส เู ปน ทร่ี จู กั ทวั่ ไป กไ็ ดพ ยายามตรวจสอบ เลอื กสรร หรอื คน หาคาํ มาใชใ หต รงกบั ความเขา ใจ ในภาคภาษาไทยใหม ากทสี่ ดุ คาํ แปลและความหมายขอ ธรรมตา งๆ ในภาคภาษาองั กฤษสว นมาก ไมต รงกบั คาํ แปลหรอื ความ หมายทใ่ี ชใ นพระไตรปฎ กแปลฉบบั ภาษาองั กฤษของสมาคมบาลปี กรณ (The Pali Text Society) ทงั้ นเี้ พราะไดม กี ารคดิ คน สรรหาคาํ แปลศพั ทธ รรมตา งๆ ในหมนู กั ปราชญน กั ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนากา ว หนา ตอ มาอกี มากภายหลงั เวลาทพ่ี มิ พพ ระไตรปฎ กแปลฉบบั ภาษาองั กฤษนน้ั แลว อนง่ึ คาํ บาลอี กั ษรโรมนั ในวงเลบ็ ตอ ทา ยชอ่ื หมวดธรรม หรอื ขอ ธรรมนนั้ ๆ ไดแ สดงไว โดยมงุ ให ผใู ชร จู กั รปู เดมิ ของศพั ทน นั้ ๆ ในภาษาบาลี ถา เปน คาํ สมาสคอื มหี ลายคาํ ประกอบกนั กม็ งุ ใหก าํ หนด แยกไดง า ยวา มคี าํ อะไรประกอบอยบู า งเทา นนั้ มไิ ดม งุ แสดงรปู ทใี่ ชจ รงิ ในประโยคภาษาบาลี ดงั นนั้ ก) ทใ่ี ดตอ งการใหเ หน็ รปู ศพั ทข องคาํ ทมี่ าประกอบกนั กจ็ ะใสย ตั ภิ งั ค หรอื hyphen (-) แทรกไว ใหด งู า ย ทใี่ ดเหน็ วา เปน คาํ ทใี่ ชร วมกนั เปน ปกติ กไ็ มแ ยก ข) เมอ่ื แยกคาํ โดยใชย ตั ภิ งั คแ ลว กไ็ มเ ตมิ พยญั ชนะซอ น (สงั โยค) ตามหลกั สนธิ ตวั อยา ง: ขนั ธ 5 หรอื เบญจขนั ธ บาลเี ปน ปจฺ กขฺ นธฺ ประกอบดว ย ปจฺ + ขนธฺ ถา เขยี นเปน คาํ บาลอี กั ษรโรมนั ตามทใ่ี ชจ รงิ ในประโยค กเ็ ปน Pa¤cakkhandha คอื เขยี นตดิ ตอ กนั และมพี ยญั ชนะ ซอ น ไดแ ก k แทรกเขา มา แตใ นพจนานกุ รมฯ นเ้ี ขยี นใหผ ศู กึ ษากาํ หนดแยกไดง า ย เปน Pa¤ca- khandha สงั วรปธาน บาลนี ยิ มเขยี นเปน สวํ รปปฺ ธาน ประกอบดว ย สวํ ร + ปธาน ถา เขยี นเปน คาํ บาลี อกั ษรโรมนั ตามทใ่ี ชใ นประโยค กเ็ ปน Sa§varappadhàna แตใ นพจนานกุ รมฯ นเี้ ขยี นเปน Sa§ vara-padhàna นอกจากน้ี ขอ ความหรอื ถอ ยคาํ ทอ่ี ยใู นชดุ เดยี วกนั หรอื เปน เรอ่ื งทาํ นองเดยี วกนั และเรยี งอยู ตอ เนอ่ื งกนั ถา มสี ว นทซ่ี า้ํ ตรงกนั อาจใชเ ครอ่ื งหมาย tilde (~) แทนความหรอื คาํ สว นหรอื ทอ นทซี่ าํ้ ตรงกนั นน้ั เพอ่ื ประหยดั เนอื้ ท่ี และชว ยไมใ หด ลู านตา เชน A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka-~; Akusala-~ พงึ ทราบและนาํ ไปใชในรูปทเ่ี ปนคาํ เต็มวา A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka- cetasika; Akusala-cetasika ดงั นเ้ี ปน ตน (หลกั ขอ นน้ี าํ มาใชก บั พากยภ าษาไทยดว ยบา ง เชน ความ หวงั , ~ใฝห า หมายถงึ คาํ เตม็ วา ความหวงั , ความใฝห า)
6 ง. ทมี่ าของหมวดธรรม 7. หมวดธรรมสว นมากมที ม่ี าหลายแหง ถา เปน หมวดธรรมพนื้ ๆ ไมจ าํ เปน ตอ งคน หาคาํ อธบิ ายแปลกๆ ออกไป ไดแ สดงทมี่ าไวแ ตพ อเปน ตวั อยา ง ถา เปน หมวดธรรมทชี่ วนใหค น หาคาํ อธบิ ายเทยี บเคยี งอยา ง กวา งขวาง ไดแ สดงทมี่ าไวห ลายแหง หมวดธรรมบางหมวดหาทม่ี ายาก ไดพ ยายามนาํ มาแสดงไวเ ทา ที่ จะหาได อยา งไรกต็ าม ในการพมิ พค รง้ั แรก คงจะบกพรอ งในเรอ่ื งนบี้ า ง เพราะบางหมวดทที่ าํ ในระยะ แรก ยงั ไมไ ดค าํ นงึ ถงึ ความมงุ หมายขอ นี้ คดิ แตเ พยี งจะแสดงทม่ี าพอเปน ตวั อยา งเทา นนั้ ในกรณมี ที ม่ี ามากมายหลายแหง ทงั้ ในพระไตรปฎ กและคมั ภรี ร นุ หลงั ถอื เอาพระไตรปฎ กเปน หลกั สว นทม่ี าในคมั ภรี ร นุ หลงั มอี รรถกถาเปน ตน ถา ไมม เี หตผุ ลสมควร อาจไมแ สดงไวเ ลย เพราะถอื เปน การเกนิ จาํ เปน 8. ทม่ี าทง้ั หลายไดแ สดงไวท งั้ ฝา ยภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เพอื่ สะดวกแกน กั ศกึ ษาและนกั คน ควา โดย ทวั่ ไป ผใู ชค วรสงั เกตดว ยวา ทม่ี าใดเปน คมั ภรี ใ นพระไตรปฎ กหรอื คมั ภรี ส มยั หลงั เพอื่ จะไดร จู กั หวั ขอ ธรรมตา งๆ อยา งถกู ตอ งชดั เจนยงิ่ ขน้ึ เฉพาะทม่ี าในพระไตรปฎ ก ฝา ยภาษาไทยหมายเอาพระไตรปฎ ก บาลอี กั ษรไทย ฉบบั สยามรฐั ชดุ 45 เลม จบ การอา งใชร ะบบ เลม /ขอ /หนา ตวั อยา ง: ข.ุ อติ .ิ 25/195/237 = ขทุ ทฺ กนกิ าย อติ วิ ตุ ตฺ ก พระไตรปฎ กเลม 25 ขอ 195 หนา 237 การอางท่ีมาโดยระบบน้ีชวยอํานวยความสะดวกแกผูมีพระไตรปฎกฉบับแปลภาษาไทย 25 พทุ ธ-ศตวรรษ สามารถใชร ว มไดด ว ย โดยเฉพาะฉบบั ทกี่ รมการศาสนาจดั พมิ พใ หม มี 45 เลม จบ เลข เลม และเลขขอ ตรงกนั ใชร ว มกนั ได แปลกเฉพาะเลขหนา ซง่ึ ใชก นั ไมไ ด (ความจรงิ การอา งแตเ ลม กบั ขอ เทา นนั้ กเ็ พยี งพออยแู ลว ) พระไตรปฎ กฝา ยภาษาองั กฤษ หมายเอาฉบบั บาลอี กั ษรโรมนั ของสมาคมบาลปี กรณ (The Pali Text Society) ในประเทศองั กฤษ ระบบการอา งใชอ ยา งทน่ี ยิ มกนั ทว่ั ไป อกั ษรยอ บอกชอื่ คมั ภรี ท ม่ี าตา งๆ และคมั ภรี ใ ดอยใู นพระไตรปฎ กหรอื เปน คมั ภรี ส มยั หลงั ไดท าํ บญั ชไี วเ ปน สว นหนง่ึ ตา งหากแลว ทง้ั ผา ยภาษาไทยและภาษาองั กฤษ [ดหู นา 7–10 ] จ. สารบญั และดชั นี 9. นอกจากสารบญั ทว่ั ไป แลว ในหนงั สอื นย้ี งั มสี ารบญั ละเอยี ดและดชั นตี า งๆ อกี เพอื่ ชว ยใหก ารศกึ ษา คน ควา หลกั ธรรมสะดวกและไดผ ลดยี ง่ิ ขน้ึ สารบญั และดชั นที ง้ั หลายจดั ทาํ ไวเ พอื่ สนองความมงุ หมาย ตา งๆ ดงั นี้ 1) สารบญั หมวดธรรม แสดงหมวดธรรมทงั้ หมดครบจาํ นวนและตรงตามลาํ ดบั ในหนงั สอื สารบญั น้ี จะชว ยใหค น หาหมวดธรรมทปี่ ระสงคไ ดส ะดวกรวดเรว็ ยงิ่ ขน้ึ และทาํ ใหส ามารถสาํ รวจเทยี บเคยี ง และเชอื่ มโยงหมวดธรรมตา งๆ ไดง า ยขน้ึ 2) สารบญั ประเภทธรรม นาํ เอาหมวดธรรมทงั้ หมดมาจดั รวมพวกใหม แยกเปน ประเภทๆ ตามเนอื้ หาและคณุ คา ในการปฏบิ ตั ิ สารบญั นจี้ ดั ทาํ ไวอ ยา งเสนอแนะพอเปน แนว แตม นั่ ใจวา จะเปน เครอ่ื ง ชว ยในการศกึ ษาคน ควา และเลอื กสรรหลกั ธรรมไปใชป ระโยชนไ ดเ ปน อยา งมาก 3) ดชั นคี น คาํ คอื ดชั นที จ่ี ดั ทาํ ไวท า ยพจนานกุ รมภาคท่ี 1 ทงั้ หมด นาํ เอาขอ ธรรมทงั้ หมด ทงั้ ทเ่ี ปน หมวดธรรมซง่ึ มเี ลขจาํ นวนตา งๆ กนั กด็ ี หวั ขอ ยอ ยทงั้ หลายทเ่ี ปน สว นประกอบของหมวดธรรม
7 ตา งๆ กด็ ี นาํ มาจดั เรยี งใหมต ามลาํ ดบั อกั ษรเปน ชดุ เดยี วกนั ทงั้ หมด พรอ มดว ยลาํ ดบั เลขหมวดทงั้ ปวงทจี่ ะพงึ คน หาขอ ธรรมนนั้ ๆ ได ผทู ท่ี ราบเพยี งชอื่ หมวดธรรมแตไ มท ราบจาํ นวนหวั ขอ กด็ ี ผทู ่ี ทราบแตเ พยี งขอ ยอ ยขอ ใดขอ หนง่ึ แตจ าํ ชอื่ หมวดธรรมไมไ ดก ด็ ี ผทู ต่ี อ งการศกึ ษาขอ ธรรมขอ ใด ขอ หนง่ึ ใหก วา งขวางออกไปกด็ ี ผทู ต่ี อ งการทราบความหมายของศพั ทธ รรมคาํ ใดคาํ หนง่ึ โดยเฉพาะ หรือตองการใชหนังสอื นีอ้ ยางพจนานกุ รมสามัญกด็ ี ยอมใชดัชนคี นคาํ นส้ี นองความตอ งการได สาํ เรจ็ ความประสงคอ ยา งรวดเรว็ อนง่ึ คาํ บางคาํ เขยี นไดห ลายอยา ง แตใ นดชั นคี น คาํ เรยี งไวอ ยา งเดยี ว เชน จาตมุ หาราชกิ า (เขยี น จาตมุ มหาราชกิ า กไ็ ด) ปพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ (เขยี น ปพุ เพนวิ าสานสุ ตญิ าณ หรอื บพุ เพนวิ าสานสุ ตญิ าณ กไ็ ด) พงึ ถอื วา เปน รปู ทถี่ กู ตอ งดว ยกนั ตามหลกั การเขยี นคาํ ทเ่ี ปน ธรรม บญั ญตั ใิ นพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2493 และ พ.ศ. 2525 เมอ่ื พบคาํ ทเี่ ขยี นในรปู อนื่ ซงึ่ หาไมพ บในดชั นคี น คาํ พงึ เทยี บเคยี งตามหลกั ภาษา ใหไ ดร ปู ทค่ี น ไดใ นดชั นคี น คาํ น้ี ในการพมิ พค รง้ั ที่ 4 (พ.ศ. 2527–2528) ไดย า ยดชั นคี น คาํ มาไวต น เลม เพอ่ื ใหใ ชง า ยยง่ิ ขนึ้ และได เพม่ิ ดชั นคี าํ บาลอี กั ษรโรมนั (Index of Pàli Terms) เขา มา เพอ่ื ประโยชนแ กผ ใู ชภ าคภาษาองั กฤษ เมอื่ ใชห นงั สอื น้ี พงึ ใชส ารบญั และดชั นตี า งๆ ใหเ ปน ประโยชนเ สมอ โดยเฉพาะควรใชเ ปน ทป่ี รกึ ษา อนั ดบั แรกกอ นสง่ิ อนื่
อกั ษรยอ ช่ือคัมภีร* เรียงตามอกั ขรวธิ แี หงมคธภาษา (ทีพ่ ิมพต ัวเอน คอื คมั ภรี ใ นพระไตรปฎ ก) องฺ.อ. องฺคตุ ฺตรนกิ าย อฏกถา ขุ.เถรี. ขทุ ฺทกนกิ าย เถรีคาถา (มโนรถปูรณี) ขุ.ธ. ขทุ ทฺ กนิกาย ธมมฺ ปท ขุ.ปฏิ. ขทุ ทฺ กนิกาย ปฏิสมภฺ ิทามคฺค อง.ฺ อฏ ก. องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย อฏกนิปาต ข.ุ เปต. ขทุ ทฺ กนกิ าย เปตวตฺถุ องฺ.เอก. องฺคุตฺตรนิกาย เอกนปิ าต ขุ.พทุ ฺธ. ขุทฺทกนกิ าย พุทฺธวํส อง.ฺ เอกาทสก.องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย เอกาทสกนิปาต ขุ.ม.,ข.ุ มหา. ขุทฺทกนกิ าย มหานทิ ฺเทส อง.ฺ จตกุ กฺ . องฺคุตตฺ รนกิ าย จตกุ กฺ นปิ าต ขุ.วิมาน. ขุทฺทกนกิ าย วิมานวตถฺ ุ อง.ฺ ฉกฺก. องคฺ ุตตฺ รนิกาย ฉกกฺ นปิ าต ขุ.ส.ุ ขทุ ฺทกนิกาย สตุ ตฺ นิปาต อง.ฺ ตกิ . องคฺ ตุ ฺตรนกิ าย ตกิ นิปาต ขุททฺ ก.อ. ขทุ ทฺ กปา อฏกถา องฺ.ทสก. องฺคตุ ตฺ รนกิ าย ทสกนปิ าต องฺ.ทกุ . องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย ทุกนิปาต (ปรมตฺถโชติกา) อง.ฺ นวก. องฺคตุ ตฺ รนกิ าย นวกนปิ าต จริยา.อ. จริยาปฏ ก อฏ กถา องฺ.ปฺจก. องฺคุตฺตรนิกาย ปจฺ กนปิ าต องฺ.สตตฺ ก. องคฺ ุตตฺ รนกิ าย สตฺตกนิปาต (ปรมตถฺ ทีปนี) อป.อ. อปทาน อฏ กถา ชา.อ. ชาตกฏกถา เถร.อ. เถรคาถา อฏ กถา (วิสุทธฺ ชนวิลาสนิ )ี อภิ.ก. อภธิ มฺมปฎ ก กถาวตถฺ ุ (ปรมตฺถทีปน)ี อภิ.ธา. อภธิ มฺมปฎก ธาตกุ ถา เถรี.อ. เถรคี าถา อฏกถา อภิ.ป. อภธิ มฺมปฎ ก ปฏาน อภิ.ป.ุ อภิธมฺมปฎ ก ปคุ คฺ ลปฺตฺติ (ปรมตฺถทปี นี) อภิ.ยมก. อภิธมฺมปฎ ก ยมก ท.ี อ. ทีฆนกิ าย อฏกถา อภิ.ว.ิ อภธิ มฺมปฎ ก วภิ งคฺ อภ.ิ สํ. อภธิ มมฺ ปฎก ธมฺมสงฺคณี (สมุ งฺคลวลิ าสิน)ี อิติ.อ. อิติวตุ ฺตก อฏกถา ที.ปา. ทีฆนิกาย ปาฏกิ วคคฺ ที.ม. ทฆี นกิ าย มหาวคคฺ (ปรมตถฺ ทีปน)ี ท.ี สี. ทฆี นกิ าย สลี กฺขนธฺ วคคฺ อุ.อ.,อทุ าน.อ. อุทาน อฏกถา ธ.อ. ธมฺมปทฏ กถา นทิ ฺ.อ. นทิ เฺ ทส อฏกถา (ปรมตถฺ ทีปน)ี ข.ุ อป. ขทุ ทฺ กนกิ าย อปทาน (สทฺธมมฺ ปชโฺ ชติกา) ขุ.อิต.ิ ขทุ ฺทกนิกาย อิติวุตตฺ ก ปฺจ.อ. ปฺจปกรณ อฏกถา ข.ุ อุ. ขุทฺทกนกิ าย อทุ าน ขุ.ข.ุ ขุททฺ กนิกาย ขทุ ฺทกปา (ปรมตถฺ ทปี นี) ขุ.จรยิ า. ขทุ ฺทกนิกาย จริยาปฏ ก ปฏิสํ.อ. ปฏสิ มภฺ ิทามคคฺ อฏกถา ขุ.จ.ู ขุททฺ กนิกาย จูฬนิทฺเทส ขุ.ชา. ขุททฺ กนกิ าย ชาตก (สทธฺ มฺมปกาสนิ ี) ขุ.เถร. ขุททฺ กนิกาย เถรคาถา เปต.อ. เปตวตถฺ ุ อฏกถา (ปรมตฺถทีปนี) พุทธฺ .อ. พทุ ธฺ วํส อฏ กถา (มธุรตฺถวลิ าสินี) ม.อ. มชฺฌิมนิกาย อฏ กถา (ปปจฺ สทู นี) ____________________ * คัมภรี ชนั้ ฎกี าแสดงไวขา งตนเฉพาะทใ่ี ชกันอยใู นวงการศึกษาภาษาบาลีในประเทศไทย สวนท่ีนอกจากนไี้ มแ สดงไว พึงเขา ใจ เอง ตามแนววิธีในการใชอักษรยอสําหรับอรรถกถา ทีน่ าํ อ. ไปตอ ทา ยอักษรยอ ของคัมภีรใ นพระไตรปฎ ก เชน ท.ี อ., ม.อ., สํ.อ. เปน ตน (ในกรณีของฎีกา ก็นาํ ฏ.ี หรือ ฏกี า ไปตอ เปน ที.ฏี. หรือ ท.ี ฏีกา เปนตน)
ม.อุ. มชฺฌิมนกิ าย อปุ ริปณณฺ าสก 9 ม.ม. มชฌฺ ิมนกิ าย มชฺฌมิ ปณณฺ าสก ม.ม.ู มชฌฺ มิ นกิ าย มูลปณณฺ าสก (ปรมตฺถมฺชสุ า) มงคฺ ล. มงฺคลตฺถทีปนี สงฺคณี อ. สงฺคณี อฏ กถา มิลนิ ฺท. มลิ ินฺทปฺหา วนิ ย. วนิ ยปฏก (อฏ สาลิน)ี วินย.อ. วินย อฏ กถา สงฺคห. อภิธมฺมตถฺ สงฺคห สงฺคห.ฏีกา อภธิ มมฺ ตฺถสงคฺ ห ฏีกา (สมนตฺ ปาสาทิกา) วินย.ฏีกา วนิ ยฏ กถา ฏกี า (อภธิ มมฺ ตฺถวภิ าวนิ ี) ส.ํ อ. สยํ ตุ ตฺ นิกาย อฏกถา (สารตถฺ ทปี นี) วิภงคฺ .อ. วิภงฺค อฏกถา (สารตฺถปกาสนิ ี) สํ.ข. สยํ ตุ ฺตนกิ าย ขนฺธวารวคฺค (สมฺโมหวิโนทน)ี ส.น.ิ สํยุตฺตนกิ าย นทิ านวคฺค วิมาน.อ. วิมานวตฺถุ อฏ กถา ส.ม. สยํ ตุ ตฺ นกิ าย มหาวารวคคฺ ส.ส. สํยตุ ตฺ นกิ าย สคาถวคฺค (ปรมตฺถทีปนี) สํ.สฬ. สยํ ตุ ฺตนกิ าย สฬายตนวคคฺ วสิ ุทธฺ .ิ วสิ ทุ ฺธิมคฺค สุตฺต.อ. สตุ ตฺ นิปาต อฏ กถา วสิ ุทฺธ.ิ ฏกี า วิสทุ ธฺ มิ คฺค มหาฏกี า (ปรมตถฺ โชตกิ า)
Abbreviations of Scriptures (In italics are canonical works.) A. Aïguttaranikàya (5 vols.) Pañ. Paññhàna (Abhidhamma) AA. Aïguttaranikàya Aññhakathà PañA. Paññhàna Aññhakathà Ps. (Paramatthadãpanã) (Manorathapåraõã) PsA. Pañisambhidàmagga Ap. Apadàna (Khuddakanikàya) Ptk. (Khuddakanikàya) ApA. Apadàna Aññhakathà Pug. Pañisambhidàmagga Aññhakathà PugA. (Saddhammapakàsinã) (Visuddhajanavilàsinã) Pv. Peñakopadesa Bv. Buddhava§sa (Khuddakanikàya) PvA. Puggalapa¤¤atti(Abhidhamma) BvA. Buddhava§sa Aññhakathà S. Puggalapa¤¤atti Aññhakathà SA. (Paramatthadãpanã) (Madhuratthavilàsinã) Sn. Petavatthu (Khuddakanikàya) Comp. Compendium of Philosophy SnA. Petavatthu Aññhakathà Thag. (Paramatthadãpanã) (Abhidhammatthasaïgaha) ThagA. Sa§yuttanikàya (5 vols.) Cp. Cariyàpiñaka (Khuddakanikàya) Thãg. Sa§yuttanikàya Aññhakathà CpA. Cariyàpiñaka Aññhakathà ThãgA. (Sàratthapakàsinã) Ud. Suttanipàta (Khuddakanikàya) (Paramatthadãpanã) UdA. Suttanipàta Aññhakathà D. Dãghanikàya (3 vols.) Vbh. (Paramatthajotikà) DA. Dãghanikàya Aññhakathà VbhA. Theragàthà (Khuddakanikàya) Vin. Theragàthà Aññhakathà (Sumaïgalavilàsinã) VinA. (Paramatthadãpanã) DAò. Dãghanikàya Aññhakathà òãkà Vinò. Therãgàthà (Khuddakanikàya) Vism. Therãgàthà Aññhakathà (Lãnatthapakàsinã) Vismò (Paramatthadãpanã) Dh. Dhammapada (Khuddakanikàya) Vv. Udàna (Khuddakanikàya) DhA. Dhammapada Aññhakathà VvA. Udàna Aññhakathà Dhtk. Dhàtukathà (Abhidhamma) Yam. (Paramatthadãpanã) DhtkA. Dhàtukathà Aññhakathà YamA. Vibhaïga (Abhidhamma) Vibhaïga Aññhakathà (Paramatthadãpanã) (Sammohavinodanã) Dhs. Dhammasaïgaõã (Abhidhamma) Vinaya Piñaka (5 vols.) DhsA. Dhammasaïgaõã Aññhakathà Vinaya Aññhakathà (Samantapàsàdikà) (Aññhasàlinã) Vinaya Aññhakathà òãkà It. Itivuttaka (Khuddakanikàya) (Sàratthadãpanã) ItA. Itivuttaka Aññhakathà Visuddhimagga Visuddhimagga Mahàñãkà (Paramatthadãpanã) (Paramatthama¤jusà) J. Jàtaka (including its Aññhakathà) Vimànavatthu (Khuddakanikàya) Kh. Khuddakapàñha(Khuddakanikàya) Vimànavatthu Aññhakathà KhA. Khuddakapàñha Aññhakathà (Paramatthadãpanã) Yamaka (Abhidhamma) (Paramatthajotikà) Yamaka Aññhakathà Kvu. Kathàvatthu (Abhidhamma) (Paramatthadãpanã) KvuA. Kathàvatthu Aññhakathà (Paramatthadãpanã) M. Majjhimanikàya (3 vols.) MA. Majjhimanikàya Aññhakathà (Papa¤casådanã) Miln. Milindapa¤hà Nd 1 Mahàniddesa (Khuddakanikàya) Nd 2 Cåëaniddesa (Khuddakanikàya) NdA. Niddesa Aññhakathà (Saddhammapajjotikà) Nett. Nettipakaraõa
สารบญั หมวดธรรม เอกกะ – หมวด 1 [30] บูชา 2 [1] กัลยาณมิตตตา [31] ปฏิสันถาร 2 [2] โยนโิ สมนสิการ [32] ปธาน 2 [3] อัปปมาทะ [33] ปริเยสนา 2 [34] ปจจยั ใหเ กดิ สมั มาทฏิ ฐิ 2 ทุกะ – หมวด 2 [35] ปาพจน 2 [4] กรรม 2 [,,] พทุ ธคณุ 2 [304] [,] กรรมฐาน 2 [36] [,,] พทุ ธคุณ 3 [305] [5] กาม 2 [,,] ไพบูลย 2 [44] [6] กามคุณ 5 [36] ภาวนา 2 [7] ฌาน 2 [37] ภาวนา 4 [8] ฌาน 2 ประเภท [38] รูป 2, 28 [9] ฌาน 4, 5 [39] มหาภตู หรือ ภตู รูป 4 [10] ฌาน 8 [40] อปุ าทารปู หรอื อปุ าทายรปู 24 [11] ทาน 21 [41] รปู 2 [12] ทาน 22 [42] ฤทธิ์ 2 [13] ทิฏฐิ 2 [,,] โลกบาลธรรม 2 [23] [14] ทฏิ ฐิ 3 [43] วมิ ตุ ติ 2 [15] ที่สดุ (อันตา) 2 [,,] เวทนา 2 [110] [16] ทกุ ข 2 [44] เวปุลละ 2 [17] เทศนา 21 [45] สมาธิ 2 [18] เทศนา 22 [46] สมาธิ 31 [19] ธรรม 21 [47] สมาธิ 32 [20] ธรรม 22 [48] สงั ขาร 2 [21] ธรรม 23 [49] สังคหะ 2 [22] ธรรม 24 [50] สจั จะ 2 [23] ธรรมคุมครองโลก 2 [51] สาสน หรอื ศาสนา 2 [24] ธรรมทาํ ใหงาม 2 [52] สขุ 21 [,,] ธรรมท่ที รงเห็นคณุ 2 [65] [53] สุข 22 [,,] ธรรมเปนโลกบาล 2 [23] [54] สุทธิ 2 [25] ธรรมมอี ุปการะมาก 2 [,,] อรหันต 2 [61] [26] ธุระ 2 [55] อริยบคุ คล 2 [27] นพิ พาน 2 [56] อรยิ บคุ คล 4 [28] บัญญตั ิ 2, 6 [57] อริยบคุ คล 8 [29] บคุ คลหาไดย าก 2 [58] โสดาบนั 3
[59] สกทาคามี 3, 5 12 [60] อนาคามี 5 [91] ปปญ จะ 3 [61] อรหนั ต 2 [92] ปริญญา 3 [62] อรหันต 4, 5, 60 [,,] ปหาน 3 [224] [63] อรยิ บุคคล 7 [93] ปญ ญา 3 [64] อัตถะ 2 [94] ปาฏิหารยิ 3 [65] อุปญญาตธรรม 2 [95] ปาปณิกธรรม 3 [,,] ปฎ ก 3 [75] ตกิ ะ – หมวด 3 [,,] พทุ ธคุณ 3 [305] [66] กรรม 3 [96] พทุ ธจรยิ า 3 [67] กุศลมูล 3 [97] พทุ ธโอวาท 3 [68] อกศุ ลมูล 3 [98] ภพ 3 [69] กศุ ลวติ ก 3 [99] ภาวนา 3 [70] อกุศลวิตก 3 [100] รัตนตรัย [71] โกศล 3 [101] ลทั ธินอกพระพทุ ธศาสนา 3 [72] ญาณ 31 [102] โลก 31 [73] ญาณ 32 [103] โลก 32 [74] ตณั หา 3 [104] โลก 33 [75] ไตรปฎ ก [105] วัฏฏะ 3 หรือ ไตรวัฏฏ [,,] ไตรรตั น [100] [106] วชิ ชา 3 [76] ไตรลักษณ [,,,] วิปล ลาส 3 ระดบั [178] [,,] ไตรสิกขา [124] [107] วิโมกข 3 [77] ทวาร 3 [108] วริ ตั ิ 3 [78] ทวาร 6 [109] วเิ วก 3 [,,] ทฏิ ฐิ 3 [14] [110] เวทนา 2 [79] ทกุ ขตา 3 [111] เวทนา 3 [80] ทุจริต 3 [112] เวทนา 5 [81] สุจริต 3 [113] เวทนา 6 [82] เทพ 3 [114] สมบัติ 31 [83] เทวทตู 3 [115] สมบตั ิ 32 หรือ ทานสมบตั ิ 3 [,,] เทวทตู 4 [150] [,,,] สมาธิ 3 [46], [47] [84] เทวทูต 5 [116] สรณะ 3 หรือ ไตรสรณะ [85] ธรรม 3 [117] สงั ขตลกั ษณะ 3 [86] ธรรมนยิ าม 3 [118] อสงั ขตลกั ษณะ 3 [87] นมิ ิต หรอื นิมติ ต 3 [119] สังขาร 31 [88] บญุ กิริยาวตั ถุ 3 [120] สังขาร 32 [89] บุญกริ ิยาวัตถุ 10 [121] สทั ธรรม 3 [90] บุตร 3 [122] สนั โดษ 3, 12 [123] สปั ปุรสิ บัญญตั ิ 3
[,,,] สามญั ลักษณะ 3 [75] 13 [124] สิกขา 3 หรอื ไตรสกิ ขา [147] ธาตุกัมมัฏฐาน 4 [,,,] สุจรติ 3 [81] [148] ธาตุ 6 [,,,] โสดาบัน 3 [58] [149] ธาตุกมั มฏั ฐาน 6 [,,,] อกุศลมลู 3 [68] [150] นิมิต 4 [,,,] อกศุ ลวติ ก 3 [70] [151] บรษิ ทั 41 [125] อธิปไตย 3 [152] บรษิ ทั 42 [126] อนุตตริยะ 3 [153] บคุ คล 4 [127] อนุตตรยิ ะ 6 [154] ปฏปิ ทา 4 [128] อปณ ณกปฏปิ ทา 3 [155] ปฏิสมั ภิทา 4 [129] อภสิ งั ขาร 3 [156] ปธาน 4 [130] อคั คิ 31 [157] ปรมัตถธรรม 4 [131] อัคคิ 32 หรือ อคั คิปารจิ รยิ า [158] ประมาณ หรือ ปมาณกิ 4 [132] อัตถะ หรอื อรรถ 31 [159] ปจจยั 4 [133] อัตถะ หรือ อรรถ 32 [,,,] ปญญาวุฒธิ รรม 4 [179] [134] อาการท่พี ระพทุ ธเจา ทรงสั่งสอน 3 [160] ปารสิ ุทธิศีล 4 [135] อาสวะ 3 [,,,] ผล 4 [165] [136] อาสวะ 4 [,,,] พร 4 [227] [,,,] โอวาทของพระพุทธเจา 3 [97] [161] พรหมวิหาร 4 [,,,] พละ 4 [229] จตุกกะ – หมวด 4 [,,,] พทุ ธลีลาในการสอน 4 [172] [137] กรรมกเิ ลส 4 [,,,] ภาวนา 4 [37] [,,,] กัลยาณมติ ร 4 [169] [,,,] ภาวติ 4 [37] [,,,] กจิ ในอรยิ สัจจ 4 [205] [162] ภมู ิ 4 [138] กุลจริ ัฏฐิติธรรม 4 [163] โภควภิ าค 4 [139] ฆราวาสธรรม 4 [164] มรรค 4 [140] จักร 4 [165] ผล 4 [141] เจดีย 4 [166] มหาปเทส 41 [,,,] ฌาน 4 [9] [167] มหาปเทส 42 [142] ถูปารหบุคคล 4 [168] มติ รปฏิรปู ก หรือ มติ รเทยี ม 4 [143] ทักขิณาวสิ ุทธิ 4 [169] สุหทมติ ร หรอื มติ รแท 4 [,,,] ทรัพยจ ดั สรรเปน 4 สว น [163] [170] โยคะ 4 [144] ทฏิ ฐธัมมกิ ัตถฯ 4 [171] โยนิ 4 [,,,] เทวทูต 4 [150] [,,,] ราชสังคหวตั ถุ 4 [187] [,,,] ธรรมมีอปุ การะมาก 4 [140] [172] ลีลาการสอน 4 [,,,] ธรรมเปน เหตุใหสมหมาย 4 [191] [173] วรรณะ 4 [145] ธรรมสมาทาน 4 [174] วิธีปฏบิ ัติตอ ทกุ ข–สุข 4 [146] ธาตุ 4 [175] วบิ ตั ิ 41 [176] วบิ ัติ 42
[177] สมบัติ 4 14 [178] วปิ ล ลาส หรือ วิปลาส 4 [210] อนั ตรายของภกิ ษุสามเณรผูบวชใหม 4 [179] วุฒิธรรม 4 [,,,] อปั ปมัญญา 4 [161] [180] เวสารัชชะ หรือ เวสารัชชญาณ 4 [211] อาจารย 4 [181] ศรทั ธา 4 [,,,] อาสวะ 4 [136] [182] สติปฏฐาน 4 [212] อาหาร 4 [183] สมชวี ิธรรม 4 [213] อทิ ธบิ าท 4 [184] สมาธภิ าวนา 4 [214] อุปาทาน 4 [185] สังขาร 4 [215] โอฆะ 4 [186] สงั คหวัตถุ 4 [187] สังคหวัตถุของผคู รองแผน ดนิ 4 ปญจกะ – หมวด 5 [188] สงั เวชนียสถาน 4 [,,,] กลั ยาณธรรม 5 [239] [189] สมั ปชญั ญะ 4 [,,,] กามคุณ 5 [6] [190] สัมปทา หรอื สัมปทาคุณ 4 [,,,] กาํ ลัง 5 ของพระมหากษตั ริย [230] [191] สมั ปรายิกตั ถสังวตั ตนกิ ธรรม 4 [216] ขันธ 5 หรอื เบญจขนั ธ [,,,] สัมมปั ปธาน 4 [156] [,,,] คติ 5 [351] [192] สุขของคฤหัสถ 4 [217] จักขุ 5 [,,,] สหุ ทมิตร 4 [169] [,,,] ฌาน 5 [9] [193] โสดาปต ติยงั คะ 41 [218] ธรรมขันธ 5 [194] โสดาปต ติยังคะ 42 [219] ธรรมเทสกธรรม 5 [195] โสดาปตตยิ ังคะ 43 [220] ธรรมสมาธิ 5 [,,,] หลักการแบงทรัพย 4 สวน [163] [221] ธรรมสวนานสิ งส 5 [196] อคติ 4 [222] นวกภิกขธุ รรม 5 [197] อธษิ ฐาน หรือ อธษิ ฐานธรรม 4 [223] นิยาม 5 [198] อบาย 4, อบายภมู ิ 4; และ [351] [224] นโิ รธ 5 [199] อบายมขุ 4 [225] นิวรณ 5 [200] อบายมขุ 6 [,,,] เบญจธรรม [239] [201] วัฒนมุข 6 [,,,] เบญจศลี [238] [202] อปสเสนะ หรือ อปสเสนธรรม 4 [,,,] ประโยชนท คี่ วรถอื เอาจากโภคทรพั ย 5 [232] [,,,] อรหนั ต 4 [62] [,,,] ปหาน 5 [224] [,,,] อริยบคุ คล 4 [56] [,,,] ปญ จกัชฌาน [9] [203] อริยวงศ 4 [226] ปต ิ 5 [204] อรยิ สัจจ 4 [227] พร 5 [205] กิจในอรยิ สัจจ 4 [228] พละ 5 [206] ธรรม 4 [229] พละ 4 [207] อรปู หรอื อารปุ ป 4 [230] พละ 5 ของพระมหากษตั ริย [208] อวชิ ชา 4 [231] พหสู ตู มีองค 5 [209] อวชิ ชา 8 [232] โภคอาทิยะ, โภคาทยิ ะ 5 [233] มจั ฉรยิ ะ 5
[234] มาร 5 15 [,,,] มิจฉาวณชิ ชา 5 [235] [235] วณิชชา 5 ฉักกะ – หมวด 6 [,,,] วฑั ฒ,ิ วฒั ิ หรือ วฒุ ิ 5 [249] [261] คารวะ หรือ คารวตา 6 [236] วิมตุ ติ 5 [262] จริต หรือ จริยา 6 [,,,] เวทนา 5 [112] [263] เจตนา หรือ สญั เจตนา 6 [237] เวสารชั ชกรณธรรม 5 [264] ตณั หา 6 [238] ศีล 5 หรือ เบญจศีล [,,,] ทวาร 6 [78] [239] เบญจธรรม หรือ เบญจกัลยาณธรรม [265] ทศิ 6 [240] ศลี 8 หรอื อัฏฐศลี [,,,] ธรรมคุณ 6 [306] [241] ศีล 8 ทั้งอาชวี ะ หรือ อาชวี ัฏฐมกศีล [,,,] ธาตุ 6 [148] [242] ศลี 10 หรือ ทศศลี [,,,] บญั ญัติ 2, 6 [28] [,,,] สกทาคามี 5 [59] [266] ปยรปู สาตรปู 6 × 10 [,,,] สมบัตขิ องอุบาสก 5 [259] [267] ภพั พตาธรรม 6 [243] สังวร 5 [268] วญิ ญาณ 6 [244] สุทธาวาส 5 [,,,] เวทนา 6 [113] [,,,] องคแหง ธรรมกถกึ 5 [219] [269] เวปลุ ลธรรม 6 [,,,] องคแหงภกิ ษุใหม 5 [222] [270] สวรรค 6 [245] อนันตริยกรรม 5 [,,,] สัญเจตนา 6 [263] [,,,] อนาคามี 5 [60] [271] สัญญา 6 [246] อนปุ ุพพกิ ถา 5 [272] สมั ผสั หรือ ผสั สะ 6 [247] อภณิ หปจ จเวกขณ 5 [273] สารณยี ธรรม 6 [248] ปพ พชติ อภณิ หปจเวกขณ 10 [,,,] อนุตตรยิ ะ 6 [127] [,,,] อรหนั ต 5 [62] [274] อภิญญา 6 [249] อริยวัฑฒิ หรือ อารยวฒั ิ 5 [275] อภฐิ าน 6 [250] อายุสสธรรม หรือ อายุวัฒนธรรม 5 [276] อายตนะภายใน 6 [,,,] อารยวฒั ิ 5 [249] [277] อายตนะภายนอก 6 [251] อาวาสกิ ธรรม 51 [252] อาวาสิกธรรม 52 สตั ตกะ – หมวด 7 [253] อาวาสกิ ธรรม 53 [278] กลั ยาณมิตรธรรม 7 [254] อาวาสกิ ธรรม 54 [279] ธรรมมอี ุปการะมาก 7 [292] [255] อาวาสิกธรรม 55 [280] บุพนมิ ิตแหงมรรค 7 [256] อาวาสิกธรรม 56 [281] โพชฌงค 7 [257] อาวาสกิ ธรรม 57 [282] ภรรยา 7 [258] อนิ ทรยี 5 [283] เมถุนสงั โยค 7 [259] อบุ าสกธรรม 5 [284] วญิ ญาณฐติ ิ 7 [260] อบุ าสกธรรม 7 [285] วสิ ุทธิ 7 [286] สัปปายะ 7 [287] สัปปรุ ิสธรรม 71 [,,,] สัปปุรสิ ธรรม 72 [301]
[,,,] สมบตั ิของอุบาสก 7 [260] 16 [,,,] องคค ุณของกลั ยาณมติ ร 7 [278] [310] โลกตุ ตรธรรม 9 [288] อนสุ ัย 7 [311] วิปสสนาญาณ 9 [289] อปรหิ านยิ ธรรม 71 [312] สัตตาวาส 9 [290] อปรหิ านยิ ธรรม 72 [313] อนุบุพพวหิ าร 9 [291] อปริหานิยธรรม 73 [292] อริยทรัพย 7 ทสกะ – หมวด 10 [,,,] อรยิ บคุ คล 7 [63] [314] กถาวตั ถุ 10 [,,,] อบุ าสกธรรม 7 [260] [315] กสิณ 10 [316] กามโภคี 10 อฏั ฐกะ – หมวด 8 [317] กาลามสตู รกงั ขานิยฐาน 10 [,,,] ฌาน 8 [10] [318] กิเลส 10 [293] มรรคมอี งค 8 หรอื อัฏฐงั คกิ มรรค [319] กศุ ลกรรมบถ 101 [294] ลกั ษณะตัดสินธรรมวินัย 8 [320] กุศลกรรมบถ 102 [295] ลักษณะตัดสนิ ธรรมวนิ ยั 7 [321] อกุศลกรรมบถ 10 [296] โลกธรรม 8 [322] เถรธรรม 10 [297] วชิ ชา 8 [323] ทศพลญาณ [298] วิโมกข 8 [,,,] ทศพิธราชธรรม [326] [,,,] ศีล 8 [240] [,,,] ธรรมจรยิ า 10 [320] [299] สมาบัติ 8 [,,,] ธรรมมีอปุ การะมาก 10 [324] [300] สัปปรุ ิสทาน 8 [324] นาถกรณธรรม 10 [301] สปั ปรุ ิสธรรม 8 [325] บารมี 10 หรือ ทศบารมี [,,,] หลกั ตดั สินธรรมวนิ ัย 8 [294] [,,,] บญุ กิริยาวตั ถุ 10 [89] [,,,] อริยอฏั ฐังคิกมรรค [293] [,,,] ปพพชิตอภิณหปจจเวกขณ 10 [248] [,,,] อรยิ บคุ คล 8 [57] [,,,] มิจฉัตตะ 10 [334] [,,,] อวิชชา 8 [209] [,,,] มูลเหตุการบญั ญตั ิพระวินยั 10 [327] [,,,] อาชวี ัฏฐมกศีล [241] [326] ราชธรรม 10 หรอื ทศพิธราชธรรม [,,,] อโุ บสถศลี [240] [327] วตั ถปุ ระสงคในการบัญญัตพิ ระวนิ ัย 10 [,,,] วปิ ส สนาญาณ 10 [311] นวกะ – หมวด 9 [328] วิปสสนปู กิเลส 10 [302] นวังคสัตถศุ าสน [,,,] ศลี 10 [242] [303] พุทธคณุ 9 [329] สงั โยชน 101 [304] พทุ ธคุณ 2 [330] สงั โยชน 102 [305] พุทธคุณ 3 [331] สญั ญา 10 [306] ธรรมคุณ 6 [332] สัทธรรม 10 [307] สังฆคณุ 9 [333] สมั มัตตะ 10 [308] มละ 9 [334] มจิ ฉัตตะ 10 [309] มานะ 9 [,,,] อกศุ ลกรรมบถ 10 [321] [335] อนุสติ 10
[,,,] อภณิ หปจจเวกขณ 10 [248] 17 [,,,] อเสขธรรม 10 [333] [,,,] รปู พรหม, พรหมโลก 16 [351] [336] อสุภะ 10 [346] อานาปานสติ 16 ฐาน [337] อันตคาหกิ ทิฏฐิ 10 [347] อปุ กเิ ลส หรอื จติ ตอุปกิเลส 16 [348] ธาตุ 18 อตเิ รกทสกะ – หมวดเกนิ 10 [349] อนิ ทรีย 22 [338] กรรม 12 [350] ปจ จยั 24 [339] จกั รวรรดวิ ตั ร 12 [,,,] รปู 28 [38] [340] ปฏจิ จสมุปบาท 12 [351] ภมู ิ 4 หรือ 31 [,,,] ปจจยาการ 12 [340] [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37 [,,,] สนั โดษ 12 [122] [353] มงคล 38 [341] อายตนะ 12 [354] กรรมฐาน 40 [342] ธดุ งค 13 [355] เจตสกิ 52 [343] กจิ หรือ วิญญาณกจิ 14 [356] จิต 89 หรอื 121 [344] จรณะ 15 [357] ตัณหา 108 [345] ญาณ 16 หรอื โสฬสญาณ [358] เวทนา 108 [359] กิเลส 1500
สารบัญประเภทธรรม I. ธรรมทเ่ี ปนหลกั ใหญใจความ [68] อกศุ ลมลู 3 ความเปน มนษุ ย) [135] อาสวะ 3 [81] สุจรติ 3 1. ธรรมทีเ่ ปนหลักทวั่ ไป (หรอื มี [136] อาสวะ 4 [125] อธิปไตย 3 [340] ปฏิจจสมุปบาท 12 [132] อตั ถะ หรือ อรรถ31 ขอบเขตครอบคลุม) [350] ปจ จัย 24 [133] อัตถะ หรอื อรรถ 32 [19] ธรรม 21 ค. สจั ฉกิ าตพั พธรรม และธรรมท่ี [161] พรหมวหิ าร 4 [20] ธรรม 22 [197] อธษิ ฐานธรรม 4 [21] ธรรม 23 เกยี่ วขอ ง [239] เบญจธรรม [22] ธรรม 24 [27] นพิ พาน 2 [229] พละ 4 [35] ปาพจน 2 [43] วิมตุ ติ 2 [237] เวสารัชชกรณธรรม 5 [50] สจั จะ 2 [52] สุข 21 [238] ศลี 5 หรอื เบญจศลี [51] ศาสนา 2 [53] สขุ 22 [241] อาชีวัฏฐมกศีล [ ],,, ไตรรตั น [100] [132] อัตถะ 31 [287] สปั ปรุ ิสธรรม 71 [85] ธรรม 3 [133] อัตถะ 32 [301] สปั ปรุ ิสธรรม 8 [100] รตั นตรัย [164] มรรค 4 [319, 320] กุศลกรรมบถ 10 [116] ไตรสรณะ [165] ผล 4 [324] นาถกรณธรรม 10 [121] สัทธรรม 3 [310] โลกุตตรธรรม 9 2. ธรรมเพื่อดําเนินชีวิตใหงอก [157] ปรมตั ถธรรม 4 ง. ภาเวตัพพธรรม ธรรมท่ีพึง [204] อรยิ สัจจ 4 งามบรรลุประโยชนสุข [206] ธรรม 4 ปฏบิ ตั ิ (ไมจ ดั ตามลาํ ดบั จาํ นวน) [1] กลั ยาณมติ ตตา 2. ธรรมทีเ่ ปนหลกั การสําคัญ* [34] ปจจัยแหง สัมมาทิฏฐิ 2 [2] โยนิโสมนสิการ [280] บุพนมิ ติ แหง มรรค 7 [3] อัปปมาทะ (จดั โดยสงเคราะหใ นอริยสัจจ 4) [97] พุทธโอวาท 3 [24] ธรรมทาํ ใหงาม 2 ก. ปริญไญยธรรม และธรรมที่ [124] ไตรสกิ ขา, สกิ ขา 3 [25] ธรรมมอี ปุ การะมาก 2 [88] บุญกริ ยิ าวตั ถุ 3 [33] ปริเยสนา 2 เก่ยี วของ [89] บุญกิริยาวตั ถุ 10 [34] ปจ จัยใหเ กดิ สมั มาทฏิ ฐิ 2 [76] ไตรลักษณ [36] ภาวนา 2 [37] ภาวนา 4 [79] ทกุ ขตา 3 [37] ภาวนา 4 [65] อปุ ญ ญาตธรรม 2 [86] ธรรมนยิ าม 3 [293] มรรคมอี งค 8 [71] โกศล 3 [148] ธาตุ 6 [319, 320] กศุ ลกรรมบถ 10 [93] ปญญา 3 [216] ขนั ธ 5 [352] โพธปิ ก ขิยธรรม 37 [128] อปณณกปฏิปทา 3 [223] นิยาม 5 [140] จกั ร 4 [341] อายตนะ 12 – [182] สติปฏ ฐาน 4 [179] วฒุ ธิ รรม 4 ข. ปหาตพั พธรรม และธรรมทเี่ กยี่ ว – [156] ปธาน 4 [191] สมั ปรายิกตั ถฯ 4 – [213] อิทธิบาท 4 [201] วัฒนมขุ 6 ขอ ง – [258] อินทรีย 5 [213] อิทธบิ าท 4 [66] กรรม 3 – [228] พละ 5 [229] พละ 4 [74] ตัณหา 3 – [281] โพชฌงค 7 [231] พหสู ตู มีองค 5 [91] ปปญจธรรม 3 – [293] มรรคมอี งค 8 [237] เวสารชั ชกรณธรรม 5 _______________ [249] อริยวฑั ฒิ 5 *การจัดหมวดหมูในท่ีน้ีมิใชเปนการจัด II. ธรรมสําหรบั ทกุ คน [267] ภพั พตาธรรม 6 อยา งละเอยี ด และไมเ ครง ครดั แตม งุ เพื่อประโยชนในการศึกษาคนควาเปน 1. ธรรมเพ่ือเปนคุณสมบัติของ สาํ คญั (ธรรมใน I.1 นาํ มาจดั เขา เปน หมวดตา งๆ ของ I.2 ไดด ว ย แตไ ม สปั ปรุ สิ ชน (หรอื ธรรมเพอื่ เสรมิ ตอ งการใหซ าํ้ จงึ จดั ไวท เ่ี ดยี ว)
19 [269] เวปุลลธรรม 6 [289] อปริหานยิ ธรรม 71 V. ธรรมสําหรับอุบาสก คือ ผู [280] บพุ นิมติ แหง มรรค 7 [326] ราชธรรม 10 ใกลชิดศาสนา [292] อริยทรัพย 7 [327] วตั ถุประสงคใ นการบญั ญตั ิพระ [325] บารมี 10 1. ธรรมท่ีพงึ มี พึงปฏบิ ัติ [353] มงคล 38 วนิ ยั 10 [88] บญุ กิรยิ าวตั ถุ 3 3. ธรรมเพ่ือพิจารณาเตือนสติมิ [339] จกั รวรรดวิ ตั ร 12 [89] บุญกิรยิ าวัตถุ 10 [123] สัปปุรสิ บัญญัติ 3 ใหป ระมาท IV. ธรรมสําหรับคฤหัสถหรือผู [181] ศรัทธา 4 [83] เทวทูต 3 ครองเรอื น [ ],,, สมบัติของอบุ าสก 5 [259] [,,] เทวทตู 4 [150] [240] ศลี 8 [84] เทวทูต 5 1. ธรรมเพ่ือชวี ติ ครอบครัว [241] อาชีวัฏฐมกศีล [150] นิมติ 4 [90] บุตร 3 [242] ศีล 10 [234] มาร 5 [131] อัคคิ 32 [249] อริยวฑั ฒิ 5 [247] อภณิ หปจ จเวกขณ 5 [138] กุลจิรฏั ฐติ ธิ รรม 4 [259] อบุ าสกธรรม 5 [250] อายุวฒั นธรรม 5 [139] ฆราวาสธรรม 4 [260] อบุ าสกธรรม 7 [296] โลกธรรม 8 [183] สมชวี ิธรรม 4 [301] สัปปรุ ิสธรรม 8 [282] ภรรยา 7 [ ],,, อุโบสถศีล [240] III .ธรรมเพื่อความดีงามแหง 2 . ธรรมเพื่อความสัมพันธใน 2. ธรรมท่พี งึ หลีกเวน สงั คม [235] วณิชชา 5 สงั คม [275] อภฐิ าน 6 1. ธรรมเพือ่ สงเสริมชีวิตท่ดี รี วม [131] อคั คิ 32 3. ธรรมที่พึงทราบเพ่ือเสริมการ กัน [139] ฆราวาสธรรม 4 [158] ประมาณ 4 ปฏบิ ัติ [11] ทาน 21 [168] มิตรเทยี ม 4 [32] ปธาน 2 [12] ทาน 22 [169] มติ รแท 4 [33] ปรเิ ยสนา 2 [23] ธรรมคมุ ครองโลก 2 [265] ทิศ 6 [114] สมบัติ 3 [29] บุคคลหาไดยาก 2 [278] กัลยาณมิตรธรรม 7 [115] ทานสมบตั ิ 3 [30] บูชา 2 3 . ธรรมเพ่ือความอยูดีทาง [126] อนตุ ตรยิ ะ 3 [31] ปฏสิ นั ถาร 2 [127] อนตุ ตริยะ 6 [42] ฤทธ์ิ 2 เศรษฐกิจ [143] ทักขิณาวสิ ทุ ธิ 4 [44] เวปุลละ 2 [95] ปาปณกิ ธรรม 3 [190] สัมปทาคณุ 4 [49] สงั คหะ 2 [ ],,, การจัดสรรทรัพยใ ช 4 [163] [221] ธรรมสวนานสิ งส 5 [123] สัปปุรสิ บัญญัติ 3 [144] ทฏิ ฐธัมมิกัตถฯ 4 [300] สัปปุริสทาน 8 [139] ฆราวาสธรรม 4 [159] ปจจัย 4 [ ],,, อโุ บสถศลี [240] [186] สงั คหวตั ถุ 4 [163] โภควิภาค 4 [261] คารวะ 6 [192] สุขของคฤหสั ถ 4 VI. ธรรมสาํ หรบั ภกิ ษสุ งฆ [273] สารณยี ธรรม 6 [ ],,, ประโยชนจ ากทรัพย 5 [232] [300] สัปปุริสทาน 8 [232] โภคอาทิยะ 5 1. ธรรมเพ่ือความดีงามในฐาน 2. ธรรมเพอื่ ปกครอง คอื จัดและ [316] กามโภคี 10 4. ธรรมทค่ี ฤหัสถพ ึงหลกี เวน เปนภิกษุ คุม ครองชีวติ ทด่ี รี วมกัน [137] กรรมกิเลส 4 [26] ธรุ ะ 2 [125] อธิปไตย 3 [168] มติ รเทยี ม 4 [159] ปจ จยั 4 [161] พรหมวิหาร 4 [196] อคติ 4 [160] ปารสิ ทุ ธิศลี 4 [186] สังคหวัตถุ 4 [199] อบายมุข 4 [175] วิบัติ 41 [187] ราชสงั คหวตั ถุ 4 [200] อบายมขุ 6 [202] อปส เสนธรรม 4 [196] อคติ 4 [245] อนันตรยิ กรรม 5 [203] อรยิ วงศ 4 [230] พละ 5 ของพระมหากษัตริย [210] อนั ตรายของภิกษุใหม 4
20 [222] นวกภกิ ขธุ รรม 5 1. ธรรมดา หรือ กฎธรรมชาติ [129] อภสิ ังขาร 3 [227] พร 5 [4] กรรม 2 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 1) [242] ศีล 10 [66] กรรม 3 [146] ธาตุ 4 [243] สังวร 5 [76] ไตรลกั ษณ [148] ธาตุ 6 [ ],,, องคแ หง ภกิ ษุใหม 5 [222] [86] ธรรมนยิ าม 3 [157] ปรมัตถธรรม 4 [247] อภณิ หปจจเวกขณ 5 [105] วฏั ฏะ 3 [185] สังขาร 4 [248] ปพ พชติ อภิณหปจ จเวกขณ 10 [117] สังขตลักษณะ 3 [204] อรยิ สัจจ 4 (ขอ ที่ 1) [283] เมถุนสังโยค 7 [118] อสังขตลกั ษณะ 3 [212] อาหาร 4 [291] อปรหิ านยิ ธรรม 73 [145] ธรรมสมาทาน 4 [216] ขันธ 5 [342] ธดุ งค 13 [176] วิบตั ิ 42 [263] เจตนา 6 2. ธรรมเพื่อความดีงามในฐาน [177] สมบตั ิ 4 [263] ปย รูป สาตรปู 6 × 10 [223] นิยาม 5 [268] วิญญาณ 6 เปน สมาชิกแหงสงฆ [338] กรรม 12 [271] สญั ญา 6 [211] อาจารย 4 [340] ปฏิจจสมปุ บาท 12 [272] สมั ผัส 6 [251] อาวาสิกธรรม 51 [343] กจิ หรือ วญิ ญาณกิจ 14 [276] อายตนะภายใน 6 [252] อาวาสกิ ธรรม 52 [350] ปจจยั 24 [277] อายตนะภายนอก 6 [253] อาวาสกิ ธรรม 53 2. สภาวะอนั พึงรตู ามทเ่ี ปน [341] อายตนะ 12 [254] อาวาสิกธรรม 54 [6] กามคุณ 5 [348] ธาตุ 18 [255] อาวาสิกธรรม 55 [16] ทุกข 2 [349] อนิ ทรยี 22 [256] อาวาสกิ ธรรม 56 [19] ธรรม 21 [355] เจตสิก 52 [257] อาวาสิกธรรม 57 [20] ธรรม 22 [356] จติ 89 หรอื 121 [261] คารวะ หรือ คารวตา 6 [21] ธรรม 23 [358] เวทนา 108 [273] สารณยี ธรรม 6 [22] ธรรม 24 3. สภาวะเนอ่ื งดวยระดับชวี ิตจิต [290] อปรหิ านิยธรรม 72 [28] บัญญัติ 2 [314] กถาวัตถุ 10 [38] รูป 2, 28 ใจของสตั ว [322] เถรธรรม 10 [39] มหาภตู 4 [82] เทพ 3 [324] นาถกรณธรรม 10 [40] อปุ าทารูป 24 [98] ภพ 3 [327] วัตถปุ ระสงคใ นการบัญญัตพิ ระ [41] รปู 2 [103] โลก 32 [48] สังขาร 2 [104] โลก 33 วินัย 10 [50] สจั จะ 2 [162] ภูมิ 4 3. ธรรมเพื่อความดีงาม ความ [52] สุข 21 [171] โยนิ 4 [53] สขุ 22 [198] อบาย 4 สําเรจ็ ในฐานเปน ผสู ง่ั สอน [77] ทวาร 3 [207] อรปู 4 [17] เทศนา 21 [78] ทวาร 6 [244] สุทธาวาส 5 [18] เทศนา 22 [79] ทกุ ขตา 3 [270] สวรรค 6 [155] ปฏิสมั ภิทา 4 [85] ธรรม 3 [284] วิญญาณฐติ ิ 7 [158] ประมาณ 4 [102] โลก 31 [312] สตั ตาวาส 9 [172] ลลี าการสอน 4 [110] เวทนา 2 [ ],,, พรหมโลก 16 [351] [219] ธรรมเทสกธรรม 5 [111] เวทนา 3 [ ],,, รูปพรหม 16 [351] [231] พหสู ูตมีองค 5 [112] เวทนา 5 [351] ภมู ิ 4 หรือ 31 [ ],,, องคแ หงธรรมกถกึ 5 [219] [113] เวทนา 6 4. สภาวะอันเปนโทษ อกุศล- [246] อนปุ ุพพกิ กา 5 [119] สังขาร 31 [278] กลั ยาณมติ รธรรม 7 [120] สังขาร 32 ธรรมอนั พึงละ [5] กาม 2 (ขอท่ี 1) VII. สภาวธรรม: ธรรมดาและ [13] ทิฏฐิ 2 ธรรมชาติ
21 [14] ทฏิ ฐิ 3 [7] ฌาน 2 [ ],,, อัปปมญั ญา 4 [161] [68] อกุศลมลู 3 [34] ปจ จัยใหเ กิดสมั มาทิฏฐิ 2 [213] อทิ ธบิ าท 4 [70] อกศุ ลวิตก 3 [36] ภาวนา 2 [220] ธรรมสมาธิ 5 [74] ตณั หา 3 [37] ภาวนา 4 [226] ปติ 5 [80] ทจุ รติ 3 [45] สมาธิ 2 [228] พละ 5 [91] ปปญ จะ 3 [46] สมาธิ 3 [243] สงั วร 5 [130] อคั คิ 31 [65] อุปญญาตธรรม 2 [249] อรยิ วฑั ฒิ 5 [135] อาสวะ 3 [67] กุศลมูล 3 [258] อนิ ทรยี 5 [136] อาสวะ 4 [69] กศุ ลวิตก 3 [262] จริต หรอื จรยิ า 6 [137] กรรมกเิ ลส 4 [71] โกศล 3 [267] ภพั พตาธรรม 6 [170] โยคะ 4 [73] ญาณ 32 [269] เวปุลลธรรม 6 [178] วปิ ล ลาส 4 [81] สุจรติ 3 [280] บุพนิมิตแหงมรรค 7 [196] อคติ 4 [87] นิมติ 3 [281] โพชฌงค 7 [204] อริยสจั จ 4 (ขอท่ี 2) [88] บุญกิรยิ าวตั ถุ 3 [285] วิสทุ ธิ 7 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 2) [89] บุญกริ ยิ าวัตถุ 10 [286] สัปปายะ 7 [208] อวชิ ชา 4 [92] ปริญญา 3 [291] อปริหานยิ ธรรม 73 [209] อวชิ ชา 8 [93] ปญญา 3 [293] มรรคมีองค 8 [214] อุปาทาน 4 [99] ภาวนา 3 [303] พทุ ธคุณ 9 [215] โอฆะ 4 [108] วิรตั ิ 3 [304] พุทธคณุ 2 [225] นิวรณ 5 [122] สนั โดษ 3 [305] พุทธคณุ 3 [233] มัจฉรยิ ะ 5 [124] สิกขา 3 [306] ธรรมคณุ 6 [264] ตัณหา 6 [125] อธปิ ไตย 3 [307] สงั ฆคุณ 9 [288] อนสุ ยั 7 [128] อปณ ณกปฏปิ ทา 3 [311] วปิ สสนาญาณ 9 [308] มละ 9 [ ],,, ไตรสิกขา [124] [315] กสณิ 10 [309] มานะ 9 [147] ธาตุกัมมฏั ฐาน 4 [325] บารมี 10 [318] กิเลส 10 [149] ธาตุกมั มฏั ฐาน 6 [331] สญั ญา 10 [321] อกศุ ลกรรมบถ 10 [154] ปฏปิ ทา 4 [333] สมั มัตตะ 10 [329] สงั โยชน 101 [156] ปธาน 4 [335] อนสุ ติ 10 [330] สงั โยชน 102 [160] ปาริสุทธิศลี 4 [336] อสุภะ 10 [334] มจิ ฉตั ตะ 10 [161] พรหมวหิ าร 4 [342] ธุดงค 13 [337] อนั ตคาหกิ ทิฏฐิ 10 [174] วธิ ปี ฏิบัตติ อทุกข–สุข 4 [344] จรณะ 15 [347] อุปกเิ ลส 16 [182] สติปฏ ฐาน 4 [345] ญาณ 16 [357] ตัณหา 108 [184] สมาธิภาวนา 4 [346] อานาปานสติ 16 ฐาน [359] กิเลส 1500 [189] สัมปชัญญะ 4 [352] โพธปิ กขิยธรรม 37 [193] โสตาปตติยงั คะ 41 [353] มงคล 38 VIII. ปฏปิ ต ตธิ รรม [194] โสตาปตติยังคะ 42 [354] กรรมฐาน 40 [195] โสตาปตติยงั คะ 43 2. ผลสาํ เร็จของการปฏบิ ัตธิ รรม 1. หลกั วธิ กี าร ขอ ปฏบิ ตั ิ อปุ กรณ [197] อธิษฐานธรรม 4 และคณุ สมบตั ิ ทเี่ กอ้ื หนนุ การ [202] อปสเสนธรรม 4 และเครื่องกําหนดผลในการ ปฏบิ ตั ิ [204] อรยิ สจั จ 4 (โดยเฉพาะขอ ท่ี 4) [205] กจิ ในอรยิ สัจจ 4 ปฏบิ ตั ิ [1] กลั ยาณมิตตตา [206] ธรรม 4 (ขอ ท่ี 4) [8] ฌาน 2 [2] โยนโิ สมนสกิ าร [207] อรูป 4 [9] ฌาน 4 [3] อัปปมาทะ [10] ฌาน 8 [,] กรรมฐาน 2 [36] [27] นพิ พาน 2
22 [43] วิมตุ ติ 2 [64] อตั ถะ 2 X. พิเศษ: ธรรมเกี่ยวกับการ [54] สุทธิ 2 [75] ไตรปฎก [72] ญาณ 31 [97] พุทธโอวาท 3 ศกึ ษา* [,,] ปหาน 3 [224] [100] รตั นตรัย [94] ปาฏิหารยิ 3 [116] สรณะ 3 หรือ ไตรสรณะ [26] ธรุ ะ 2 [106] วิชชา 3 [121] สทั ธรรม 3 [34] ปจ จยั ใหเ กดิ สัมมาทิฏฐิ 2 [107] วิโมกข 3 [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสง่ั สอน 3 [37] ภาวนา 4 [109] วิเวก 3 [ ],,, โอวาทของพระพทุ ธเจา 3 [97] [43] วิมตุ ติ 2 [155] ปฏิสัมภิทา 4 [151] บรษิ ทั 41 [50] สจั จะ 2 [164] มรรค 4 [152] บริษทั 42 [51] สาสน หรอื ศาสนา 2 [165] ผล 4 [166] มหาปเทส 41 (พระสตู ร) [71] โกศล 3 [204] อริยสจั จ 4 (ขอ ที่ 3) [167] มหาปเทส 42 (พระวนิ ัย) [73] ญาณ 32 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 3) [218] ธรรมขันธ 5 [74] ตัณหา 3 [224] นโิ รธ 5 [246] อนปุ พุ พิกถา 5 [76] ไตรลักษณ [ ],,, ปหาน 5 [224] [294] หลกั กาํ หนดธรรมวนิ ยั 8 [93] ปญ ญา 3 [236] วิมตุ ติ 5 [295] หลกั กาํ หนดธรรมวินยั 7 [121] สทั ธรรม 3 [274] อภญิ ญา 6 [302] นวังคสัตถุศาสน [124] สกิ ขา 3 [297] วิชชา 8 [317] กาลามสตู รกังขานิยฐาน 10 [132] อตั ถะ 31 [298] วิโมกข 8 [332] สทั ธรรม 10 [133] อตั ถะ 32 [299] สมาบัติ 8 2. ศาสนคุณ [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสง่ั สอน 3 [310] โลกตุ ตรธรรม 9 [94] ปาฏิหารยิ 3 [140] จกั ร 4 [313] อนบุ พุ พวิหาร 9 [96] พุทธจริยา 3 [155] ปฏิสมั ภิทา 4 [328] วปิ สสนูปกเิ ลส 10 [126] อนุตตรยิ ะ 3 [172] ลีลาการสอน 4 3. บุคคลผูบรรลุผลแหงการ [127] อนตุ ตริยะ 6 [179] วุฒิธรรม 4 [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสง่ั สอน 3 [189] สมั ปชญั ญะ 4 ปฏบิ ตั ิ [141] เจดีย 4 [204] อริยสัจจ 4 [55] อริยบุคคล 2 [142] ถปู ารหบคุ คล 4 [213] อทิ ธิบาท 4 [56] อรยิ บคุ คล 4 [180] เวสารัชชญาณ 4 [216] ขันธ 5 [57] อรยิ บคุ คล 8 [188] สังเวชนยี สถาน 4 [228] พละ 5 [58] โสดาบัน 3 [217] จกั ขุ 5 [231] พหสู ตู มอี งค 5 [59] สกาทาคามี 3, 5 [303] พุทธคณุ 9 [278] กัลยาณมติ รธรรม 7 [60] อนาคามี 5 [304] พุทธคุณ 2 [280] บุพนมิ ติ แหงมรรค 7 [61] อรหันต 2 [305] พุทธคุณ 3 [281] โพชฌงค 7 [62] อรหนั ต 4, 5, 60 [306] ธรรมคุณ 6 [293] มรรคมีองค 8 [63] อรยิ บคุ คล 7 [307] สงั ฆคณุ 9 [304] พุทธคณุ 2 [323] ทศพลญาณ [317] กาลามสตู รกังขานิยฐาน 10 IX. พระพทุ ธศาสนา 3. ความเช่ือและการปฏิบัตินอก [324] นาถกรณธรรม 10 [340] ปฏิจจสมปุ บาท 12 1. หลักศาสนา หลักพุทธศาสนา [341] อายตนะ 12 [17] เทศนา 21 [13] ทฏิ ฐิ 2 [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37 [18] เทศนา 22 [14] ทฏิ ฐิ 3 ______________ [26] ธุระ 2 [15] ท่ีสุด (อันตา) 2 *นอกจากนี้ พึงดู [1], [2], [17], [18], [35] ปาพจน 2 [101] ลทั ธินอกพระพุทธศาสนา 3 [35], [36], [45], [46], [55], [91], [50] สัจจะ 2 [173] วรรณะ 4 [125], [156], [184], [205], [208], [51] สาสน หรอื ศาสนา 2 [218], [23 6], [287], [ 323]
ดชั นคี นคํา ตัวเลขทอ่ี า งหมายถงึ เลขลําดบั ขอหมวดธรรมใน [ ] กตญาณ 73 กมั มสั สกตาญาณ, กมั มสั สกตาสทั ธา 181 กตัญุตา 353 กมมฺ าน,ิ อนวชชฺ านิ 250 กตัญูกตเวที 29 กตตั ตากรรม, ~วาปนกรรม 338 กลั ยาณธรรม 5 239 กถาวัตถุ 75 กัลยาณมิตตะ 3, 250 กถาวัตถุ 10 314 กลฺยาณมิตฺตตา กรรม 181, 259 กลั ยาณมติ ตตา 324 กรรม 2 1, 34, 144 4 กรรม 3 กัลยาณมติ ร 4 169 66 กรรม 12 กลั ยาณมติ รธรรม 7 278 กรรมการณปั ปตตะ 338 กลั ยาณวาจา 251, 252, 253 กรรมกเิ ลส 4 84 กาม 2 5 กรรมฐาน 2 137 กามคณุ 5 6 กรรมฐาน 40 36 กามฉนั ทะ 225, 329 กรรมฐานกับจริต กามตณั หา 74, 204 กรรมนิยาม 354 กามภพ กรรมปจจัย 262 98 กรรมภพ 176, 177, 223 กรรมวัฏฏ 340 กามโภคี 10 316 กรรมวปิ ากญาณ 340 กรณุ า 105, 340 กามโภคีสขุ 4 192 กรุณาคณุ 323 กามโยคะ 170 กล่ิน ดู คนั ธะ 161, 355 กามราคะ 288, 329, 330 กวฬิงการาหาร 304, 305 กามโลก 104 กษตั รยิ กามวติ ก 70 กสณิ 10 40, 212 กามสงั วร 239 กงขฺ ํ วิหนติ 173 กามสขุ ัลลกิ านโุ ยค 15, 293 กังขาวติ รณวสิ ุทธิ กามสคุ ตภิ ูมิ 7 351 กตั ตกุ มั ยตาฉันทะ 315, 354 กามาทีนวกถา 246 กปั ปย ะ 221 กามาวจรจติ 54 356 กปฺปยํ เทติ 285 กามาวจรภูมิ 11 162, 351 กัมมสทั ธา 161 กามาวจรสวรรค 6 270, 351 กัมมญั ญตา 167 กามาวจรโสภณจติ 24 356 กมฺมนฺตา, อนากลุ า จ 300 กามาสวะ 135, 136 กมั มสั สกตา 181 กามปุ าทาน 214 40 กาเมสุมจิ ฉาจาร 137, 321 353 กาเมสมุ ิจฉฺ าจารํ ปหาย ฯเปฯ 320 247 กาเมสมุ จิ ฺฉาจารา เวรมณี 238, 319 กาโมฆะ 215 กาย 37, 40, 266, 276
24 กายกรรม 3 66, 241, 319, 320, 321 กาเลน ธมฺมสฺสวนํ 353 กายกมั มัญญตา 355 กําลงั 5 ของพระมหากษัตริย 230 กายคตาสติ 335 กงิ ฺกรณีเยสุ ทกฺขตา 324 กายทวาร กิจ 14 (ของวิญญาณ) 343 กายทจุ รติ 77, 78 กจิ (ของกรรม) 338 กายธาตุ 80 กิจของสงฆ 290 กายปส สัทธิ 348 กิจจญาณ กายปาคุญญตา 355 กิจในอรยิ สจั จ 4 73 กายพลงั 355 กริ ิยาจติ 20 205 กายภาวนา 230 กริ ยิ าจิตตฺ ํ 356 กายมทุ ตุ า 37 กเิ ลส 10 356 กายลหุตา 355 318 กายวิญญัติ 355 กเิ ลส 1500 กายวญิ ญาณ 40 กเิ ลสกาม 359 กายวิญญาณธาตุ กิเลสปรนิ ิพพาน 5 กายวิเวก 266, 268, 356 กเิ ลสมาร 27 กายวปู กาสะ 348 กิเลสวฏั ฏ กายสักขี 109 กเิ ลสวัตถุ 10 234 กายสังขาร 222 กุกกุจจะ 105, 340 กายสัมผสั 63 กมุ ภัณฑ กายสมั ผสั สชาเวทนา กุมภีลภัย 318 กายสจุ ริต 119, 120 กลุ จิรฏั ฐติ ิธรรม 4 225, 355 กายานุปส สนา 266, 272 กลุ มัจฉรยิ ะ กายานุปสสนาจตกุ กะ 113, 266 กุลสตรี 270 กายิกทกุ ข กุเวร 210 กายิกเวทนา 81 กุศล 138 กายิกสุข 147, 182, 346 กุศลกรรม 233 กายนิ ทรยี กุศลกรรมบถ 10, ยอ 289 กายชุ กุ ตา 346 270 กาล 3 16 กุศลกรรมบถ 10, สมบูรณ 1, 2, 65, 317 กาลกตะ 110 กศุ ลจติ 21 (37) กาลจารี 52 กุศลธรรม 4 กาลวิบตั ิ 349 กุศลมลู 3 319 กาลสมบตั ิ 355 กาลญั ตุ า 340, 356, 357 กุศลวติ ก 3 320 150 กุศลวบิ ากอเหตุกจิต 8 356 250 กสุ ลธมั มานุโยค 85 176 กุสลสสฺ ูปสมฺปทา 67 177 เกสปุตตยิ สตู ร 287 เกียจครา นการงาน 69 โกธะ 356 กาลามสูตรกังขานยิ ฐาน 10 317 กาเลน เทติ 300 2 กาเลน ธมมฺ สากจฉฺ า 353 97 317 200 308, 347
25 โกลังโกละ 58 ครุกกรรม 338 โกศล 3 71 ครุกรณ 273 ครอู าจารย 265 ขณิกสมาธิ 46 คฤหสั ถ 265 ขณกิ าปต ิ 226 คหบดบี ริษัท 152 ขลุปจฉาภัตตกิ งั คะ 342 คหปตัคคิ 131 ขณั ฑผุลลปฏสิ ังขรกะ 254 คนั ถธุระ 26 ขัตตยิ ะ 173, 339 คนั ธะ 6, 40, 266, 279 ขตั ตยิ บรษิ ัท 152 คนั ธตณั หา 264, 266 ขันติ 24, 139, 325, 326, 353 คันธธาตุ 348 ขนั ตสิ งั วร 243 คันธวิจาร 266 ขนตฺ ี จ 353 คันธวติ ก 266 ขนั ธ 5 216 คนั ธสัญเจตนา 263, 266 ขันธกะ 75 คนั ธสัญญา 266, 271 ขันธปรินิพพาน 27 คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา 278 ขนั ธมาร 234 คาถา 302 ขันธวนิ ิมตุ 216 คารวะ หรอื คารวตา 6 261 ขิปฺปาภิฺ า 154 คารโว จ 353 ขีณาสวปฏิญญา 180 คิลานปจ จัยเภสัชบรขิ าร 159, 203 ขุททกนกิ าย 75 คลิ านสตุปปาทกะ 255 ขทุ ทกปาฐะ 75 คหิ สิ ุข 4 192 ขุททกาปต ิ 226 คณุ บทของนิพพาน 306 เขตสมบตั ิ 115 คณุ าติเรกสัมปทา 190 เขมํ 353 เคยฺยํ 302 เคหสิต 358 คณาปเทส 166 โคจรรูป 5 40 คติ 5 351 โคจรสปั ปายะ 286 คตวิ ิบตั ิ 176 โคจรสมั ปชญั ญะ 189 คติสมบตั ิ 177 โคตรภญู าณ 345 คนชวนฉิบหาย 168 คนดแี ตพ ดู 168 ฆราวาสธรรม 4 139 คนธรรพ 270 ฆาน 40, 266, 276 คนงาน 265 ฆานทวาร คนปอกลอก 168 ฆานธาตุ 78 คนรบั ใช 265 ฆานวิญญาณ 348 คนหัวประจบ 168 ฆานวิญญาณธาตุ 266, 268, 356 คบคนช่วั 200 ฆานสมั ผัส 348 ครุ 279 ฆานสัมผัสสชาเวทนา 266, 272 113, 266
26 ฆานนิ ทรีย 349 จิตตปสสทั ธิ 355 ฆายนะ 343 จิตตปาคุญญตา 355 โฆษประมาณ 158 จติ ตภาวนา 37 โฆสัปปมาณกิ า 158 จติ ฺตมสสฺ ปสีทติ 221 จติ ตมุทุตา 355 จตตุ ถฌาน 9 จิตตลหุตา 355 จตุตถฌานภูมิ 3, 7 351 จิตตวเิ วก 109 จตตุ ถชฺฌานกุสลจิตฺตํ 356 จิตตวิปลาส 178 จติ ตวสิ ุทธิ 285 จตุธาตวุ วัฏฐาน 147, 354 จติ ตสมบัติ 115 จตรุ พธิ พร 227 จติ ตสงั ขาร 119, 120 จตุโลกบาล 270 จิตตอุปกิเลส 16 347 จติ ฺตํ น กมปฺ ติ 353 จรณะ 15 344 จิตตานปุ ส สนา 182, 346 จริต หรือ จริยา 6 262 จติ ตานุปส สนาจตุกกะ 346 จริยา 3 ดู พุทธจรยิ า 3 จิตตุชุกตา 355 จริยาปฎก 75 จินตามยปญญา 93 จกั กวัตติสูตร 339 จวี ร 159 จกั ขุ 40, 266, 276 จวี รปฏิสงั ยุตต 342 จีวรสันโดษ 203 จกั ขุ 5 217 จตุ ิ 343 จักขทุ วาร 78 จุตูปปาตญาณ 106, 323 จกั ขธุ าตุ 348 จลุ ลวรรค 75 จกั ขุนทรีย 349 จูฬนทิ เทส 75 จกั ขุมา 95 เจดีย 289 จกั ขวุ ิญญาณ เจดีย 4 141 จักขุวญิ ญาณธาตุ 267, 268, 356 เจตนา 355 จกั ขสุ มั ผสั 348 เจตนา 6 263 จกั ขุสัมผสั สชาเวทนา เจตนากาย 263 266, 272 เจตนาสมั ปทา 190 113, 266 เจตสิก 157, 216 เจตสิก 52 355 จักร 4 140 เจตสกิ ทกุ ข 16 จกั รพรรดิ 142 เจตสิกเวทนา 110 เจตสกิ สขุ 52 จักรวรรดวิ ัตร 5, 12 339 เจโตปรยิ ญาณ 274, 297 เจโตวมิ ุตติ 43 จาคะ 67, 139, 183, 197, 249, 292 โจรีภริยา 282 จาคสมั ปทา 191, 229 จาคานสุ ติ 335 จาตมุ หาราชิกา 270, 351 จติ 37, 157, 216 จติ 89, 121 356 จิตตะ 213 จติ ตกัมมญั ญตา 355 จิตตนยิ าม 223
27 ฉกามาพจรสวรรค 270 ฌานปญ จกนยั 9 ฉฬภญิ ญะ 62 ฌานลาภี 252, 253, 254, 322 ฉันทะ ฌานาทิสงั กิเลสาทญิ าณ ฉนั ทสมั ปทา 37, 213, 355 ญาณ 323 ฉันทาคติ 2, 280 ญาณ 31 328 ชนกกรรม 196 ญาณ 32 72 ชรตา 338 ญาณ 33 73 ชราธัมมตา 40 ญาณ 16 106 ชรามรณะ 247 ญาณจริต 345 ชลาพชุ ะ 340 ญาณทัสสนะ 262 ชวนะ 171 ญาณทัสสนะมีปริวฏั ฏ 3 184 ชาคริยานุโยค 343 ญาณทัสสนวิสุทธิ 73 ชาดก 128 ญาณวปิ ฺปยตุ ตฺ ํ 285 ชาตรปู รชตปฏิคฺคหณา เวรมณี 75, 302 ญาณสงั วร 356 ชาตสถาน 242 าณสมปฺ ยุตตฺ ํ 243 ชาติ 188 าตกานฺจ สงคฺ โห 356 ชาตปิ ระเภท (จติ ) 340 ญาตปรญิ ญา 353 ชิณณะ 356 ญาตัตถจริยา 92 ชิณณปฏสิ ังขรณา ญาตพิ ลี 96 ชนิ สาสน 83, 84, 150 ายปฏิปนฺโน 232 ชวิ หา 138 307 ชวิ หาทวาร 302 ฐานาฐานญาณ ชิวหาธาตุ ฐานะ 323 ชิวหาวญิ ญาณ 40, 266, 276 227 ชวิ หาวิญญาณธาตุ 78 ดาวดงึ ส ชิวหาสมั ผัส 348 ดสุ ิต 270, 351 ชิวหาสัมผสั สชาเวทนา ดูการละเลน 270, 351 ชวิ หินทรยี 266, 268, 356 ชพี , ชีวะ 348 ตติยฌาน 200 ชีวติ รปู 1 ตตยิ ฌานภมู ิ 3 ชีวติ นิ ทรยี 266, 272 ตติยชฺฌานกสุ ลจติ ฺตํ 9 113, 266 ตถาคต 351 ฌาน 2 ตถาคตพล 10 356 ฌาน 4 349 ตถาคตพลญาณ 10 143 ฌาน 5 (ปญ จกนยั ) 337 ตถาคตโพธสิ ทั ธา 180 ฌาน 8 40, 359 ตถาคตสาวก 323 ฌานจิต 67 40, 349, 356 ตทงั คนโิ รธ 181 ฌานปจ จยั ตทังคปหาน 142 7, 8 224 9, 227, 344 92 9, 356 10, 299 356 350
28 ตทาลมั พนะ 343 เถโร รตตฺ ฺู 322 ตปะ 326 ททํ จิตตฺ ํ ปสาเทติ 300 ตโป จ 353 ทมะ 123, 139 ตรสั รู 188 ตรณุ วิปสสนา 285, 328 ทรัพยจัดสรรเปน 4 สว น 163 ตกกฺ เหตุ 317 ทวตั ติงสาการ 147 ตัณหา 91, 290, 340 ตณั หา 3 74, 204, 357 ทวาร 3 77 264, 266, 357 ตณั หา 6 357, 359 ทวาร 6 78 264 ทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ 348 ตณั หา 108 107 ทศชาติ 325 ตัณหากาย 357 ตัณหาปณิธิ 355 ทศบารมี 325 ตณั หาวิจริต 200 ทศพล 180 ตัตรมชั ฌตั ตตา 200 ตดิ การพนัน 101 ทศพลญาณ 323 ติดสุราและของมนึ เมา 198, 351 ติตถายตนะ 92 ทศพิธราชธรรม 326 ติรจั ฉานโยนิ 342 ตรี ณปรญิ ญา 315 ทศศีล 242 เตจีวริกังคะ 39, 146, 147, 148 ทหระ 84 เตโชกสิณ 62 เตโชธาตุ 270 ทักขิณาวิสุทธิ 4 143 เตวิชชะ 75 ทกฺขิเณยฺโย 307 ไตรตรึงส 47, 76, 86, 107, 311 ทักขิไณย 259, 300 ไตรปฎ ก 105 ทกั ขิไณยบคุ คล 2 55 ไตรลกั ษณ 116 116 ทักขิไณยบคุ คล 7 63 ไตรวัฏฏ 124, 204, 293 ทักขิไณยบุคคล 8 57 ไตรสรณะ ไตรสรณาคมน ทกั ขิไณยคั คิ 131 ไตรสิกขา ทักษณิ ทิศ 265 ทนฺธาภิฺา 154 ทตฺวา อตตฺ มโน โหติ 300 ทสั สนะ 343 ทัสสนานุตตริยะ 126, 127 ทาน 123, 186, 239, 229, 325, 326 ทาน 21 11 ทาน 22 12 ทานกถา 246 ถัมภะ 347 ทานมยั 88, 89 ถนี ะ 318, 355 ถีนมิทธะ ทานสมบัติ 3 115 ถปู ารหบคุ คล 4 225 ทานฺจ 353 เถรคาถา 142 ทายก 143 เถรธรรม 10 75/2.5 ทารสงคฺ ห 353 เถรีคาถา 322 ทาสภี ริยา 282 75/2.5 ทิฏฐธรรมเวทนยี กรรม 338
29 ทิฏฐธรรมสุขวิหาร 184 ทกุ ขฺ นิโรโธ อรยิ สจฺจํ สจฺฉิกาตพพฺ ํ 205 ทิฏฐธมั มิกัตถะ 3, 132 ทุกขฺ นโิ รธคามนิ ิยา ปฏปิ ทาย อฺาณํ 208, 209 ทุกขนโิ รธคามนิ ีปฏิปทา 204 ทิฏฐธัมมิกัตถสงั วัตตนกิ ธรรม 4 144 ทฏิ ธมมฺ ิกานํ อาสวานํ สวํ ราย 327 ทุกฺขนโิ รธคามินี ปฏิปทา อรยิ สจจฺ ํ ภาเวตพพฺ ํ 205 ทิฏฐาสวะ 137 ทกุ ขลักษณะ 47 ทฏิ ฐิ 91, 288, 318, 328, 355 ทุกขเวทนา 111, 112 ทุกขสมทุ ัย 204 ทิฏฐิ 2 13 ทฏิ ฐิ 3 14 ทกุ ขฺ สมทุ เย อฺ าณํ 208, 209 ทฏิ คิ ตวิปปฺ ยตุ ตฺ ํ 356 ทุกฺขสมทุ โย อริยสจฺจํ ปหาตพพฺ ํ 205 ทฏิ คิ ตสมปฺ ยุตฺตํ 356 ทุกฺขสหคตํ 356 ทิฏ นิ ชิ ฌฺ านกขฺ นฺตยิ า 317 ทกุ ขฺ า 86 ทฏิ ฐปิ ปตตะ 63 ทุกขานุปสสนา 107 ทฏิ ยิ า สปุ ฏวิ ิทธฺ า 231 ทุกขนิ ทรีย 349 ทิฏฐโิ ยคะ 170 ทกุ เฺ ข อฺ าณํ 208, 209 ทฏิ ฐวิ บิ ตั ิ 175 ทุกขฺ า ปฏิปทา ขปิ ฺปาภิฺา 154 ทิฏฐวิ ปิ ลาส 178 ทกุ ขฺ า ปฏิปทา ทนฺธาภิฺา 154 ทิฏฐิวิสทุ ธิ 285 ทคุ คติภัย 229 ทิฏฐิสมั ปทา 2, 280 ทคุ ติ 351 ทฏิ ฐสิ ามญั ญตา 273 ทิฏึ อุชํุ กโรติ 221 ทจุ รติ 3 80 ทิฏุชกุ ัมม 89 ทุตยิ ฌาน 9 ทิฏปุ าทาน 214 ทุติยฌานภมู ิ 3 ทฏิ โฐฆะ 215 ทุติยชฌฺ านกสุ ลจิตตฺ ํ 351 ทพิ พจกั ขุ 217, 274, 297 ทมุ มฺ งกฺ นู ํ ปุคคฺ ลานํ นคิ ฺคหาย 356 ทพิ พจักขญุ าณ 106 เทพ 327 ทพิ ยสมบัติ 114 285, 312 ทพิ พโสต 274, 297 ทิศ 6 200, 265 เทพ 3 82 ทีฆนกิ าย 75 เทวดา (ความหมาย) 232 เทวตานสุ ติ 335 เทวตาพลี 232 เทวทตู 3 83 ทสี่ ุด 2 15 เทวทูต 3, 4 150 ทกุ ข 1, 174 204, 205, 296, 340 เทวทูต 5 84 ทกุ ข 2 16 เทวปตุ ตมาร 234 ทกุ ขฺ ํ อรยิ สจจฺ ํ ปริเฺ ยฺยํ 205 เทวโลก 103 ทกุ ขตา 76, 107 เทวสมบตั ิ 114 เทศนา 21 17 ทุกขตา 3 79 ทุกขทกุ ขตา 79 เทศนา 22 18 ทกุ ขนิโรธ 204 เทศนา 4 17 ทกุ ฺขนโิ รเธ อฺ าณํ 208, 209 เทศนาวธิ ี 4 172
30 เท่ียวกลางคนื 200 ธรรมบท 75 โทมนสั 1, 112, 340, 358 ธรรมบชู า 30 โทมนสฺสสหคตํ ธรรมปฏิสันถาร 31 โทมนัสสินทรีย 356 ธรรมประมาณ 158 โทสะ 349 ธรรมปรเิ ยสนา 33 โทสจรติ 68, 318, 347, 355 ธรรมเปนโลกบาล 2 23 โทสมลู จติ 2 262 โทสคั คิ 356 ธรรมเปน เหตุใหสมหมาย 4 192 โทสาคติ 130 ธรรมไพบลู ย 44 ไทยธรรมสมบตั ิ 196 ธรรมมีอุปการะมาก 2 25 115 ธรรมมีอปุ การะมาก 4 140 ธตรฐ 270 ธตา 231 ธรรมมีอุปการะมาก 7 279 ธนานุประทาน 339 ธรรม* 35, 75, 166, 277, 294, 295, 302 ธรรมมอี ปุ การะมาก 10 324 ธรรมฤทธิ์ 42 ธรรม 21 19 ธรรมสงเคราะห 49 ธรรมสมาทาน 4 ธรรม 22 20 145 ธรรมสมาธิ 5 ธรรม 23 21 220 ธรรมสวนานิสงส 5 ธรรม 24 22 ธรรมเสรี 221 ธรรมาจารย 352 ธรรม 3 85 ธรรมาธปิ ไตย 211 ธรรมาธษิ ฐาน 125, 339 ธรรม 4 206 ธรรมานุวัติ 17 ธรรม 5 238, 239 ธรรมารมณ 201 ธรรมิการักขา 266, 277 ธรรมขันธ 5 218 ธมมฺ กามตา 339 ธมฺมกาโม 324 ธรรมคุณ 6 306 ธมั มคารวตา 322 ธมมฺ จรยิ า จ 261 ธรรมคุม ครองโลก 2 23 ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสถาน 353 ธัมมตณั หา 188 ธรรมจรยิ า 10 320 ธัมมเทสนามยั 264, 266 ธรรมจกั ร 188, 287 ธัมมปฏิสมั ภิทา 89 ธรรมเจดยี ธมั มมจั ฉรยิ ะ 155 ธรรมฐิติญาณ 141 ธมั มวจิ ยะ 233 ธรรมทาน 285 ธมั มวิจาร 281 11, 229 ธัมมวติ ก 266 ธัมมเวปลุ ละ 266 ธรรมทาํ ใหงาม 2 24 ธัมมสงั คณี 44 75/3 ธรรมทีพ่ ระพุทธเจาเหน็ คุณฯ 65 ธรรมเทสกธรรม 5 219 ธรรมธาตุ 348 ธรรมนยิ าม 223, 340 ธรรมนิยาม 3 86 *คํานาํ หนาดวย ธรรม- ถาไมมี ใหด ทู ่ี ธัมม-
31 ธมั มสังคหะ 49 นวารหคุณ, นวารหาทิคุณ 303 ธมั มสัญเจตนา 263, 266 น สงคฺ ณิการามตา 291 ธมั มสัญญา 266, 271 น อนฺตราโวสานํ 291 ธมมฺ สากจฺฉา, กาเลน น อามิสนตฺ โร 219 ธมั มญั ตุ า 353 นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา เวรมณี 242 ธมั มปั ปมาณิกา 287 นจจฺ คตี ฯเปฯ วภิ ูสนฏานา เวรมณี 240 ธมฺมสฺสวนํ 158 นัฏฐคเวสนา 138 ธัมมัสสวนมัย 353 นัตถิกทิฏฐิ 14 ธัมมสั สวนสัปปายะ 89 นัตถิปจ จยั 350 ธมฺมา 286 นาค 270 ธัมมาธปิ ไตย 86 ธมั มานุธัมมปฏิปทา 125, 339 นาถกรณธรรม 10 324 ธัมมานุธัมมปฏปิ ต ติ 51 นานัตตสญั ญา 298 ธัมมานุปส สนา 177, 193 นานาธาตญุ าณ 323 ธมั มานปุ สสนาจตกุ กะ 182, 346 นานาธมิ ุตติกญาณ 323 ธัมมานุสติ 346 นาม 216 ธมั มานุสารี 335 นามบญั ญตั ิ 28 ธาตุ 4 63 นามรปู 340 39, 146 นามรูปปรจิ เฉทญาณ 92, 345 ธาตุ 6 นาย 265 148 นกิ ันติ 328 ธาตุ 18 นิจศลี 238 ธาตุกถา 348 นิทเทส 75/2 ธาตุกัมมฏั ฐาน 4 75 นินทา 296 นปิ ปรยิ ายสทุ ธิ 54 ธาตุกมั มัฏฐาน 6 147 นิพพาน 109, 157, 204, 216, 295, ธาตเุ จดีย 306, 310, 311, 332, 334 ธาตมุ นสิการ 4 149 141 นิพพาน 2 27 ธดุ งค 13 147, 354 นิพพานบท 352 342 นพิ พานสมบตั ิ 114 ธุระ 2 นิพฺพานสจฺฉิกริ ิยา 353 26 นิพพิทาญาณ = นิพพิทานปุ สสนาญาณ น กมฺมารามตา นิพพิทานปุ ส สนาญาณ 311 น นทิ ฺทารามตา 291 นมิ มานรดี 270, 351 น ปาปมิตตฺ ตา 291 น ปาปจฺฉตา 291 นมิ ิต, นมิ ิตต 3 87 น ภสฺสารามตา 291 นยเหตุ 291 นิมติ 4 150 นวกภกิ ขธุ รรม 5 317 นิยยานกิ ธรรมเทศนา 180 นวรหคณุ 222 นวสีวถกิ า 303 นิยาม 5 223 นวงั คสัตถศุ าสน 182 นริ ยะ 198, 351 51, 302
32 นริ คั คฬะ 187 บรกิ รรมภาวนา 99 นริ ามิสสุข 53 บริโภคเจดีย 141 นิรตุ ตปิ ฏสิ ัมภิทา 155 บริษัท 41 151 นโิ รธ 204, 205, 295 บริษัท 42 152 นิโรธ 5 224 บงั สกุ ลุ จีวร 159 นโิ รธสมาบตั ิ 119, 313 นโิ รธวาร บญั ญัติ 2, 6 28 นโิ รธสจั จ 340 นิโรธสฺา 204, 340 บารมี 10 325 บาว 265 331 บณิ ฑบาต 159 นิวรณ 5 225 บคุ คล 4 153 นวิ าโต จ 353 บคุ คลหาไดย าก 2 29 นิสสยปจจัย 350 บุคคลาธิษฐาน 17 นิสสยสัมปนโน 95 บุญกริ ิยาวตั ถุ 3 88 นสิ สยาจารย 211 บุญกริ ยิ าวัตถุ 10 89 นิสสรณนโิ รธ 224 บุตร 3 90 นิสสัย 4 159 บตุ รธดิ า 265 นิสสัยสมั บนั 202 บุตรภรรยา 265 นตี ตั ถะ 64 บุพการี 29 นลี กสิณ 315 บุพนิมิตแหง มรรค 7 280 เนกขัมมะ 325 บุพภาคของการศกึ ษา 34 เนกขัมมวิตก 69 บุพเพนิวาสานสุ ติญาณ ดู ปพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ เนกขมั มสังกปั ป 293 บชู า 2 30 เนกขมั มสติ 358 เบญจกัลยาณธรรม 239 เนกขัมมานสิ งั สกถา 246 เบญจขนั ธ 216 เนคมชานบท 339 เบญจธรรม 239 เนยยะ 153 เบญจศลี 238 เนยยตั ถะ 64 ปกิณณกเจตสกิ 6 355 เนวสัญญานาสญั ญายตนะ 207, 298, 312 เนวสฺานาสฺายตนกสุ ลจติ ฺตํ 356 ปกิณณกอกุศลเจตสิก 355 เนวสญั ญานาสญั ญายตนภูมิ 351 ปฏิกูลมนสกิ าร 182 ปฏิคาหก 143 เนสชั ชิกังคะ 342 โน จฏาเน นิโยชเย 278 ปฏิฆะ 288, 329, 330 ปฏิฆสญั ญา 298 บัณฑร 356 ปฏฆิ สมั ปยตุ ตจิต 2 356 บรรพชา 123 ปฏฆิ สมปฺ ยตุ ตฺ ํ 356 บรรพชาจารย 211 ปฏจิ จสมปุ บาท 105, 120, 129, 185, 340 บรรพชติ 289 ปฏบิ ัตบิ ูชา 30 บรกิ รรมนิมติ 87 ปฏบิ ัตศิ าสนา 51
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411