Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พจนานุกรม พุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม ( PDFDrive )

พจนานุกรม พุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม ( PDFDrive )

Description: พจนานุกรม พุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม ( PDFDrive )

Search

Read the Text Version

พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม Dictionary of Buddhism พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) P. A. Payutto

พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม © พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) Dictionary of Buddhism P. A. Payutto ISBN 974-8357-89-9 พิมพร วมเลม 3 ภาค ครง้ั ท่ี 1 พ.ศ. 2515 – 2518 ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2526 – 2528 ครั้งที่ 10 พ.ศ. 2545 (จดั เรียงพิมพใหมดวยระบบคอมพิวเตอร) – คณะศิษยพ มิ พถ วายเน่ืองในมงคลวารอายคุ รบ 60 ป พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ ฺโต) 12 มกราคม 2542 – ผศู รทั ธาและทุนพทุ ธธรรมบูชาเพื่อพมิ พห นังสอื ของพระธรรมปฎก (ป. อ. ปยตุ ฺโต) รวมสมทบพิมพ ขนาดอกั ษรธรรมดา (เลม เล็ก) จาํ นวน 6,000 เลม ขนาดอักษรใหญ (เลมใหญ) จาํ นวน 4,000 เลม คร้งั ที่ 11 พ.ศ. 2545 – คณะผูศรทั ธาพิมพเผยแพรเ พ่ือเปน ธรรมทาน ขนาดอักษรธรรมดา (เลม เลก็ ) จาํ นวน 5,000 เลม ขนาดอักษรใหญ (เลมใหญ) จํานวน 3,000 เลม พมิ พท ่ี บริษัท สหธรรมิก จํากัด โทรศัพท 02-412-3087, 02-864-0434–5, 01-923-8825 โทรสาร: 02-412-3087

อนุโมทนา อาจารยส พุ จน ทองนพคณุ มีจิตศรทั ธา และปรารถนาดีตอญาติมิตร ตลอดจนประชาชนทวั่ ไป โดยเฉพาะ หวงั จะใหช าวพทุ ธมีความรคู วามเขา ใจในหลกั ธรรมคําสอนของพระพุทธเจา โดยมหี นงั สือคน ควาอางองิ ที่จะศึกษา ไดสะดวก จึงไดรวมใจกบั ทายกทายิกาผมู ีฉันทะในธรรมและมไี มตรจี ติ ตอมหาชน ตกลงกนั วา จะพิมพหนังสือ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร: ฉบบั ประมวลธรรม แจกเปนธรรมทาน ใหทันมงคลสมัยปใ หม พ.ศ. ๒๕๔๖ ทีก่ ําลังจะมา ถึงใกลๆ นี้ และไดแ จงบุญเจตนาขออนุญาต อาตมภาพขออนุโมทนาตามความประสงคด วยความเต็มใจ หนังสอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร: ฉบับประมวลธรรม น้ี มีความเปน มาที่ยาวนานและซับซอน จนพดู ไดย าก วาการพิมพค รั้งใหมน ี้ เปนครง้ั ทเ่ี ทา ใด ตอ งนบั โดยมจี ุดกาํ หนดเปน ชว งๆ วาเปน การพิมพรวมเลมคร้ังท่ี ๑๑ แต เปนการพมิ พโ ดยใชฐานขอมลู ในคอมพวิ เตอร คร้งั ที่ ๒ ความเปนมาของการพิมพทงั้ หมดไดเลา ไวแ ลวในคาํ นาํ สาํ หรับการพิมพค ร้ังที่ ๑๐ ซง่ึ เปนคร้ังแรกของการใชระบบคอมพิวเตอร มขี อควรกลา วยํา้ เปน พเิ ศษวา การพมิ พโ ดยมฐี านขอ มลู อยูในคอมพวิ เตอร ทีพ่ ิมพเ สร็จครัง้ แรก เม่อื ปลาย เดอื นกรกฎาคม ๒๕๔๕ นี้ นบั วา เปน การเรม่ิ ตน ใหมท สี่ าํ คญั ซง่ึ จะชว ยใหง านพมิ พพ จนานกุ รมฯฉบบั น้ี ในครง้ั ตอ ๆ ไป ทาํ ไดโ ดยสะดวก พมิ พไ ดช ดั เจน และสนองความประสงคข องผเู รยี บเรยี ง ทจี่ ะเพม่ิ เตมิ ปรบั ขยายไดต ามตอ งการ กอนหนา น้ี หลังจากพมิ พครั้งที่ ๔ เมื่อเกือบ ๒๐ ปกอน คอื พ.ศ. ๒๕๒๖ เปน ตนมา ในการพิมพใหมแต ละครัง้ ตองใชตน แบบเกา ตอมา เมือ่ ตน แบบนน้ั ผพุ งั ไป กต็ อ งถายแบบจากหนังสอื ท่พี มิ พค ร้ังกอ นๆ การแกไ ข เพ่ิมเติมแทบจะทาํ ไมไ ดเ ลย ท้งั ที่ผเู รียบเรียงตองการปรับขยายเพ่ิมเตมิ หมวดธรรมตางๆ อกี หลายหมวดหลาย เรอื่ ง กต็ อ งเกบ็ รอไว และทัง้ ทีม่ ีผูศึกษาหลายทานเสนอแนะตางๆ เชน พระฝร่ังทใ่ี ชห นังสือนีแ้ จงไว ๑๕ ปม าแลว วา อยากใหพ มิ พเ ลขหมวดธรรมไวตรงหัวกระดาษซาย-ขวา อยา ง Thesaurus ดว ย แมจ ะปรารถนาใหท กุ ทานได สมประสงคกท็ าํ ไมไ ด เวลาผานไปอยางนยี้ าวนานนกั จนกระทง่ั ดร.สมศีล ฌานวังศะ ผูม ีศรทั ธา และฉันทะจรงิ จัง ไดสละเวลา นาํ ขอ มูลทัง้ หมดของพจนานุกรมฯ น้ัน พิมพลงในคอมพวิ เตอร โดยมบี ตุ รหญงิ บตุ รชายผใู ฝศ กึ ษาชวยงานพิมพข อ มลู ดว ย แมวา จะไมท ันเวลาที่ตง้ั ใจวา จะพิมพถ วายแกผ เู รียบเรยี งในวาระท่มี อี ายุครบ ๖๐ ป ใน พ.ศ. ๒๕๔๒ แตก็ ทาํ ใหผ เู รยี บเรียงมเี วลาปรบั ขยายเพ่ิมเติม และในทส่ี ุดกส็ ําเร็จ ในป ๒๕๔๕ น้ี โดยถอื วาเปน การพิมพเ นอ่ื งใน โอกาสที่ผูเรียบเรยี งอายคุ รบ ๖๐ ป ตามที่ต้งั ใจไวเ ดมิ นอกจากเปนการพมิ พห นงั สอื ถวายในโอกาสดงั กลา วแลว ก็ไดถ วายฐานขอ มลู คอมพิวเตอรท ่ีไดจ ัดพมิ พน ั้น แกผ เู รยี บเรยี งเพอ่ื ใชป รบั ขยายเพม่ิ เตมิ ไดต ามปรารถนาโดยสะดวกตอ ไป จงึ ขออนโุ มทนา รศ. ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ ราชบัณฑติ พรอมท้งั น.ส.ภาวนา ฌานวังศะ และ ด.ช.ปญ ญา ฌานวงั ศะ ไว ณ ทนี่ ้ี อกี คร้ังหน่ึง ในการพิมพครั้งท่ี ๑๑ ซึ่งเปนคร้ังท่ี ๒ ของการใชฐานขอมูลในคอมพิวเตอรน้ี เน่ืองจากมีความสะดวก ดงั กลา ว จงึ รวบรวมขอ ผดิ พลาดตกหลน เลก็ ๆ นอ ยๆ ทไ่ี ดพ บ และทม่ี ญี าตโิ ยมบอกแจง ระหวา งนไี้ ว แลว ดร.สมศลี ฌานวังศะ ไดชว ยรบั ไปพิมพแกใ นคอมพิวเตอร การพมิ พครงั้ น้ี จึงเรียบรอยสมบรู ณยิ่งข้นึ เปน การปรบั แกไดเร็ว ไวสมดังท่กี ลาวไว ขออนุโมทนา อาจารยสพุ จน ทองนพคุณ และญาติมติ ร ทายกทายิกาผใู ฝในธรรมทานบญุ กริ ยิ าทกุ ทาน หวงั วา พจนานุกรมพุทธศาสตร: ฉบบั ประมวลธรรม ท่ีพิมพค ร้งั ใหมน้ี จะเปน สว นรวมในการดาํ รงรักษาสบื ตออายุ พระพทุ ธศาสนา และเปน ปจจยั เสรมิ สรางชวี ิตและสงั คมใหก าวไปในการพัฒนาอยางถูกตองตามแนวทางแหง ภาวนาทง้ั สดี่ าน เพอ่ื ใหป ระโยชนส ขุ แผข ยายออกไปอยา งไพศาล เพือ่ สันติสขุ ของชาวโลก และใหผบู าํ เพ็ญบญุ กิรยิ า พรอ มญาติมิตรทง้ั ปวง เจรญิ ดวยจตุรพธิ พรชัยทว่ั กนั พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๒๓ ตลุ าคม ๒๕๔๕

๔ คาํ นาํ (ในการพมิ พคร้ังที่ ๑๐) พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม มคี วามเปน มาทย่ี าวนาน ผา นการจดั ปรบั หลายขนั้ ตอน จนลงตวั มรี ปู เลม และชอื่ ปจ จบุ นั เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๕ (พมิ พเ สรจ็ ครง้ั แรก พ.ศ. ๒๕๑๘) โดยมเี นอื้ หาแยก เปน ๓ ภาค คอื ภาค ๑ พจนานกุ รมพุทธศาสตร หมวดธรรม ภาค ๒ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ ภาค ๓ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย ก. ความเปนมาเดิม — ชวงที่ ๑ – การพิมพระบบโมโนไทป ท้ัง ๓ ภาคของหนังสือนี้ เปนงาน ๓ ช้นิ ซ่ึงมคี วามเปน มาตา งหากจากกนั ดงั ท่ีไดเ ลาไวในคาํ นาํ ของการพิมพค ร้งั ที่ ๑ โดยเฉพาะภาค ๒ “พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ” เปน งานเกา สดุ เดมิ ชอื่ พจนานกุ รม ศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย–บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ ขน้ึ เมอ่ื ผรู วบรวมและเรยี บเรยี งสอนวชิ าธรรมภาคภาษา องั กฤษ ในแผนกบาลเี ตรยี มอดุ มศกึ ษา มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จดั ทาํ เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๐๖ และได แกไ ขเพมิ่ เตมิ เปน ครงั้ คราว จนไดม าจดั รวมเขา เปน ภาค ๒ ของหนงั สอื นใ้ี น พ.ศ. ๒๕๑๕ อนงึ่ “พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ” นี้ ไดม ปี ระวตั แิ ยกตา งหากออกไปอกี สว นหนงึ่ คอื ไดขยายเพิ่มเตมิ เปนฉบับพสิ ดาร ซงึ่ พมิ พเ มอื่ พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ บเพยี งอกั ษร ฐ แลว คา งอยแู คน นั้ จนบดั นี้ ภาค ๑ คอื “พจนานุกรมพทุ ธศาสตร หมวดธรรม” เปน งานใหมท จี่ ดั ทาํ ขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดย ตง้ั ใจใหเ ปน เพยี งคมู อื ศกึ ษาธรรมขนั้ ตน แตก ลายเปน สว นทม่ี เี นอื้ หามาก เมอ่ื เทยี บกบั ภาค ๒ แลว ภาค ๑ น้ีไดกลายเปน สวนหลกั ของหนงั สือไป สวนภาค ๓ คอื “พจนานุกรมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย” เปน งานแถมและเสรมิ เทา นัน้ กลา ว คือ เม่ือตกลงวา จะพิมพภาค ๑ และภาค ๒ รวมเปน เลม เดียวกันแลว ก็เหน็ วา ควรมีพจนานกุ รมพากย อังกฤษ–ไทย ไวคกู บั พากยไทย–อังกฤษดว ย แมวาจะเปนเพียงสว นประกอบ ซง่ึ ตามปกตริ กู นั วา ใชนอย การพิมพหนังสือนี้เปนงานท่ีนับวาละเอียดและซับซอน อีกทั้งผูรวบรวม–เรียบเรียงยังไดเพิ่ม เติมแทรกเสรมิ ระหวางดาํ เนินการพมิ พค อ นขา งมาก จงึ ใชเวลายาวนาน เขา โรงพิมพปลาย พ.ศ. ๒๕๑๕ กวาจะเสรจ็ ออกมาเปน เลมหนังสอื ก็ถึงกลางป ๒๕๑๘ รวมเวลาพิมพ ประมาณ ๒ ป ๖ เดือน การพมิ พร วมเลม ครงั้ แรกน้ี ถอื วา ไดร บั การสนบั สนนุ จากคาํ อาราธนาของพระมหาสมบรู ณ สมปฺ ณุ โฺ ณ (ปจ จบุ นั พ.ศ. ๒๕๔๕ คอื พระราชกติ ตเิ วที เจา อาวาสวดั วชริ ธรรมปทปี นครนวิ ยอรก ) ผชู ว ยเลขาธกิ าร มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเผยแพรโดยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สวนกระบวนการพมิ พ ดาํ เนนิ การโดยโรงพมิ พค รุ สุ ภา ซง่ึ ใชร ะบบเรยี งพมิ พอ กั ษรแบบ Monotype ตอจากน้นั ใน พ.ศ. ๒๕๒๑ กรมการศาสนาไดขออนุญาตพิมพค ร้งั ท่ี ๒ และครั้งที่ ๓ ซ่งึ เปน การพมิ พซ้ําตามเดมิ

๕ ข. ความเปน มาชว งที่ ๒ – การพมิ พค ร้งั ท่ี ๔ — ระบบคอมพวิ กราฟค พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม มีการเปลยี่ นแปลงคร้ังสาํ คัญ ในการพิมพค รั้งท่ี ๔ ท่ีพิมพเ สร็จใน พ.ศ. ๒๕๒๘ (หลงั พิมพค ร้งั แรก ๑๐ ป) การพิมพค รงั้ ท่ี ๔ นี้ มีจุดเริ่มในปลายป ๒๕๒๔ เมอ่ื คณุ สาทร และคณุ พิสมร ศรศรีวิชยั ไดซ้ือ พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นั้นแจกเปนธรรมทาน จนหนงั สอื แทบจะไมม ีเหลือ แตยงั ประสงคจะแจกตอไปอีก จึงปรารภที่จะพมิ พเ พม่ิ เปนธรรมทาน เวลานน้ั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ประสงคจะพิมพอ ยูแลว แตไ มม ีทนุ ทรพั ยเพียงพอ จึงขอรว มพิมพด วย แตเ กิดเหตุขัดของเน่อื งจากตน แบบหนงั สือ(อารตเวริ ค) และฟล ม ทโ่ี รงพมิ พเ กา สญู หายหมดแลว ตอ งจดั เตรยี มตน แบบทจี่ ะพมิ พข นึ้ ใหม ระหวางนั้นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไดขยายความคิดในการพิมพโดยประสงคจะเพ่ิม จํานวนใหมากถึง ๑๐,๐๐๐ เลม แตยังไมมที นุ ทรัพยท ีจ่ ะจา ยคา พิมพ ณ จดุ นกี้ ไ็ ดม ี “ทนุ พมิ พพ จนานกุ รมพทุ ธศาสตร” เกดิ ขนึ้ เนอื่ งจากคณุ หญงิ กระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ ทราบปญ หาแลว ไดเ ชญิ ชวนญาตมิ ิตรรว มกันต้ังถวาย ซึ่งมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดใชพิมพทั้ง พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม และ พจนานุกรมพุทธศาสน ฉบับประมวลศัพท มาจนบดั นี้ ในการพมิ พค รงั้ ท่ี ๔ น้ี ตอ งจดั ทาํ ตน แบบใหม จงึ ถอื โอกาสปรบั ปรงุ เพมิ่ เตมิ ตน ฉบบั เชน ในภาค ๑ เพม่ิ หมวดธรรมอกี กวา ๓๐ หมวด สว นกระบวนการตพี มิ พใ ชร ะบบคอมพวิ กราฟค ซงึ่ ผเู รยี งอกั ษรตอ ง เพยี รพยายามในการยกั เยอื้ งพลกิ แพลงและตอ งตดั แตง ตวั อกั ษรบาลโี รมนั ดว ยมอื เปลา มากมาย เปน เหตใุ ห การพมิ พใ ชเ วลายาวนานถงึ ปค รงึ่ เศษ จงึ พมิ พเ สรจ็ ในครง่ึ หลงั ของ พ.ศ. ๒๕๒๘ การพิมพต น ฉบบั ทัง้ หมดของหนงั สือนส้ี าํ เร็จดวยศรทั ธาของคณุ ชลธรี  ธรรมวรางกูร สว นการ พมิ พต น แบบดว ยระบบคอมพวิ กราฟค คณุ บญุ เลศิ วฒุ กิ รคณารกั ษ เปน ผจู ดั ทาํ ดว ยความเพยี รเปน อนั มาก ค. ชวงตอ สกู ารพมิ พค รัง้ ท่ี ๑๐ หลงั จากการพมิ พค รงั้ ที่ ๔ ทเี่ สรจ็ ในป ๒๕๒๘ แลว มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดพ มิ พ พจนานกุ รม พุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นี้ใหมเรือ่ ยมา จนถงึ ครั้งลาสดุ ในป ๒๕๔๓ เปน การพิมพครง้ั ที่ ๙ ในการพิมพตง้ั แตค รง้ั ที่ ๔ เปนตนมา ซึง่ มีผูร จู ักพจนานุกรมฯ น้ีกวา งออกไปแลว ไดม ที านที่ ศรัทธารวมพิมพแจกเปนธรรมทานจํานวนมาก แตใ นดา นเน้อื หาของหนงั สอื แทบไมม กี ารเปล่ยี นแปลง เรียกไดวาเปน การพมิ พซาํ้ ไปตามเดิม คือคงอยูเทา กับการพิมพคร้ังท่ี ๔ แทจริงนั้น ระหวางเวลาทผี่ า นมา ผูรวบรวมและเรยี บเรยี งปรารถนาจะปรบั ปรุงเพมิ่ เตมิ เนือ้ หา ของหนงั สือ เชน เพมิ่ หมวดธรรมบางเรอื่ ง แตต ดิ ขดั เพราะการพมิ พร ะบบเกา แมแ ตร ะบบคอมพวิ กราฟค นั้น ตองอาศัยตน แบบท่จี ดั ลงตัว เมอื่ ยตุ อิ ยา งไรแลว กต็ อ งพมิ พตามเดิมอยา งนน้ั เรื่อยไป แกไขเปลย่ี น แปลงไดยาก และเมือ่ กาลเวลาลว งไปนาน ตน แบบนัน้ ก็เปอ ยผุสลายเสียไป พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม นี้ จึงตอ งพิมพซ ํา้ อยางเดิมเรือ่ ยมาต้ังแตค ร้งั ท่ี ๔ พ.ศ. ๒๕๒๘ นัน้ ย่ิงครั้งหลังๆ เมอื่ ตน แบบเปอ ยผเุ สยี ไปแลว ก็ตองนําเอาเลม หนงั สือฉบับทพี่ ิมพค รั้งกอ นๆ มา ถายแบบ ทําใหคณุ ภาพการพิมพล ดลง เชน ตวั อักษรเลอื นลางลงไป การปรับปรุงเพมิ่ เติมเนอ้ื หาก็ดี การแกไ ขปญหาการพมิ พท่จี ะใหก ลบั เรยี บรอ ยชัดเจนขึ้นใหมก ด็ ี หมายถงึ การท่จี ะตอ งเรยี งพิมพขอมูล และจัดทําตน แบบข้นึ ใหม ซงึ่ เปนงานทีย่ าก ซบั ซอน ดว ยมีตัว

๖ อักษรหลายแบบ หลายขนาด โดยเฉพาะตัวบาลี ทั้งอักษรไทย และอกั ษรโรมนั จะตองใชค วามละเอียด แมน ยํา รวมทง้ั เวลามากในการต้งั ใจทาํ อยางจริงจงั ระหวา งน้ี มคี วามกา วหนา ทางเทคโนโลยที เ่ี กอื้ หนนุ คอื ในดา นอตุ สาหกรรมการพมิ พห นงั สอื เมอื่ เขา สยู คุ คอมพวิ เตอรแ ลว ไดเ รม่ิ มกี ารใชค อมพวิ เตอรใ นงานพมิ พห นงั สอื ตง้ั แตป ระมาณ พ.ศ. ๒๕๓๐ เปน ตน มา ทาํ ใหก ารพมิ พข อ มลู สะดวกขนึ้ แกไ ขปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงเพมิ่ เตมิ ขอ มลู ไดง า ย และเกบ็ ขอ มลู ไวใ ชไ ดใ นระยะยาว แตส าํ หรบั งานพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม การพมิ พก ย็ งั ตอ ง อาศยั ความชาํ นาญ ความละเอยี ดลออและวริ ยิ ะอตุ สาหะมากทเี ดยี ว ง. ความเปนมาชว งที่ ๓ – การพิมพค ร้งั ที่ ๑๐ คือ ปจจุบนั — ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร ความกา วหนา ชว งท่ี ๓ เกดิ ขน้ึ เมอ่ื ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ รองศาสตราจารยป ระจาํ สถาบนั ภาษา จุฬาลงกรณม หาวทิ ยาลัย และราชบัณฑิตสาํ นักศิลปกรรม ประเภทวรรณศลิ ป สาขาวชิ าภาษาศาสตร ไดปลีกเวลาบางสวนจากงานประจํามาจบั งานนี้ดวยศรัทธาและฉันทะ ทีผ่ ูกพันกบั หนงั สือน้มี ายาวนาน ยอนหลังไป เมอ่ื ๓๐ กวา ปล วงแลว คือ พ.ศ. ๒๕๑๑ ดร.สมศีล ฌานวังศะ สมัยทีย่ งั เปนนัก เรียนมัธยมในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซ่ึงตอมาเปนผูชนะเลิศพิมพดีดแหงประเทศไทยทั้งภาษา ไทยและภาษาอังกฤษ ของสมาคมชวเลขและพมิ พด ีดแหงประเทศไทย ไดม ศี รัทธาและฉนั ทะชว ยพมิ พ ดีดตนฉบับ ฉบบั ขยายความแหง ภาค ๒ ของพจนานุกรมฯ ฉบบั น้ี ซ่งึ ไดพิมพแยกตางหาก อกั ษร ก–ฐ และตอมาใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ระหวางท่ศี ึกษาอยใู นสหรฐั อเมริกา และมาเยย่ี มบานชวั่ คราวเพือ่ รวมงาน บรรจุศพมารดา กม็ ารบั ปรฟู สว นหน่งึ ของหนังสือพจนานกุ รมฯ นี้ ท่ีอยใู นระหวางจัดพมิ พครงั้ ท่ี ๔ ไป ชวยตรวจ ครัน้ กลับจากอเมริกามาทาํ งานในเมืองไทยแลว ในคราวจัดงานฌาปนกิจศพ นางกุง แซฉ ว่ั (ฌานวงั ศะ) ผเู ปน มารดา ณ ฌาปนสถาน วดั เทพศิรินทราวาส ในวนั ท่ี ๑๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๐ กไ็ ด พิมพหนงั สอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม น้เี ปนอนสุ รณและเปนธรรมทาน ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ มีศรทั ธาและฉันทะทจ่ี ะชวยงานพมิ พพจนานกุ รมฯ นี้ อยตู ลอดมา แตใน ระยะแรกมภี าระรอบดา น ตอ งระดมแรงท้ังในและนอกเวลาราชการใหแกงานประจํา จนกระทง่ั ป พ.ศ. ๒๕๔๑ จงึ ไดพ ยายามปลีกเวลานอกราชการมาเร่มิ ดาํ เนินงานพมิ พข อมูลพจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบับ ประมวลธรรม ลงในคอมพวิ เตอร และไดต้งั ใจวา จะจัดพิมพครง้ั ใหมใ หท ันโอกาสทผี่ รู วบรวม–เรียบเรียง มีอายคุ รบ ๖๐ ป ในเดือนมกราคม ๒๕๔๒ การเรียงพิมพด วยระบบคอมพวิ เตอรนี้ แมจะกาวหนามาก มปี ระสิทธภิ าพสงู และมีขอ ดพี ิเศษ อื่นอีกหลายอยา ง แตเมือ่ มาเรยี งพมิ พภาษาบาลีอกั ษรโรมัน (Romanized Pali) ก็ประสบปญ หาคลา ย กันกับการพมิ พดว ยระบบคอมพิวกราฟค ในคร้ังกอ น เปน เหตใุ หด ร.สมศีล ตองใชเ วลาและความเพียร พยายามอกี สวนหนง่ึ ในการพัฒนาแบบตวั อกั ษร (fonts) พิเศษตา งๆ ขนึ้ มา เพ่ือใชพมิ พภาษาบาลีทั้ง อักษรโรมนั และอกั ษรไทยในแบบตวั อกั ษรชุดเดยี วกัน ซงึ่ ก็ประสบความสาํ เรจ็ ดวยดี ในการทํางานดวยศรัทธาและฉันทะน้ี ด.ญ.ภาวนา ฌานวังศะ และ ด.ช.ปญญา ฌานวังศะ ซง่ึ เปนผูมีความใฝรใู ฝศ กึ ษา ไดชว ยแบง เบาภาระของคุณพอ โดยชวยกันพมิ พขอ มลู ท้งั หมดตามตน ฉบบั เดิมลงในคอมพวิ เตอรเ สร็จสน้ิ ตัง้ แตก ลางป พ.ศ. ๒๕๔๒ อยา งไรกต็ าม งานนม้ี ใิ ชห นกั แรงและตอ งใชเ วลามากเฉพาะในการพมิ พข อ มลู และพสิ จู นอ กั ษรเทา

๗ นน้ั แตม กี ารตรวจสอบและทวนทานทตี่ อ งการความละเอยี ดแมน ยาํ อกี หลายขน้ั ตอน ยกตวั อยา งงา ยๆ เพยี ง ตรวจสอบตวั เลขหมวดธรรมหมวดหนง่ึ ๆ กต็ อ งตรวจสอบทงั้ ลาํ ดบั ของหมวดธรรมนนั้ เอง และการอา งองิ ถงึ หมวดธรรมนนั้ ณ ทอี่ น่ื ๆ ในเลม หนงั สอื กบั ทง้ั ตวั เลขหมวดธรรมนน้ั และขอ ธรรมยอ ยของหมวด ในสารบญั หมวดธรรม สารบญั ประเภทธรรม และดชั นคี น คาํ ทงั้ หมด นอกจากนนั้ เมอ่ื มกี ารเปลย่ี นแปลง เชน สลบั ลาํ ดบั หมวดธรรม หรอื เพม่ิ หมวดธรรมใหม กต็ อ งตามเลอื่ นหรอื เตมิ เลขตลอดทกุ แหง (โดยเฉพาะในระยะ หลงั นี้ ผเู รยี บเรยี งไดเ พมิ่ หมวดธรรมหลายครง้ั ) จงึ เปน ธรรมดาวา งานจดั ทาํ หนงั สอื จะตอ งยดื เยอ้ื ยาวนาน แมวา การพมิ พจ ะไมทันเดือนมกราคม ๒๕๔๒ ตามท่ไี ดต ง้ั ใจไวเดมิ เพราะเปนงานที่มขี อมลู มาก และละเอียดซบั ซอนอยางทกี่ ลาวแลว อีกท้ังผทู ํางานกป็ ลีกตวั จากงานประจําไมไ ดม ากเทา ท่ีหวงั ไว แต การที่เวลาเน่นิ นานมา กท็ าํ ใหม ีโอกาสมองเห็นขอ ควรแกไขปรับปรุงและวธิ กี ารใหมๆ ในการทํางานใหไ ด ผลดีย่ิงขึ้น พรอมทง้ั เปดโอกาสใหผูรวบรวม–เรยี บเรียงเอง มีเวลาทจี่ ะหนั มาปรับปรงุ เพิม่ เติมเนอื้ หา ของหนังสอื ตามท่เี คยคิดไวไ ดบ างสว น ในการทาํ งานทต่ี องอยูก บั ขอมลู ของหนังสือตอเนื่องยาวนาน และไดอ านทวนตลอด ประกอบ กับความละเอยี ดลออ และความแมนยําทางวิชาการ ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ ไดพ บขอบกพรองผดิ พลาด ตกหลน รวมท้ังปญหาเกี่ยวกับความสอดคลองกลมกลืนกันของขอมูลหลายแหง ในตนฉบบั เดมิ และ บอกแจง–เสนอแนะ ทําใหผ รู วบรวม–เรียบเรียง แกไขปรับปรุงใหเ รียบรอยสมบรู ณยิ่งขึ้น นอกจากการแกไ ขปรบั ปรงุ และการจดั ปรบั ใหส อดคลอ งกลมกลนื กนั แลว ในการพมิ พค ราวนไ้ี ด เพมิ่ เตมิ หมวดธรรมทค่ี วรรอู กี หลายเรอ่ื ง คอื อตั ถะ ๒; ธรรม ๔; วธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ ทกุ ข– สขุ ๔; วปิ ล ลาส, วปิ ลาส ๔; โสตาปต ตยิ งั คะ ๔ สามหมวด; ธรรมสมาธิ ๕; ภพั พตาธรรม ๖; วฒั นมขุ ๖; เวปลุ ลธรรม ๖; บุพนมิ ิตแหง มรรค ๗; อานาปานสติ ๑๖; และ ปจ จัย ๒๔ สวนหมวดธรรมท่ีจัดปรบั คําอธิบายไดแ ก ไตรลกั ษณ; ธรรมนยิ าม ๓; ปรญิ ญา ๓; อตั ถะ ๓ ทง้ั ๒ หมวด; พรหมวิหาร ๔; พละ ๕; อินทรยี  ๕; โพธิปก ขยิ ธรรม ๓๗ และ กิเลส ๑๕๐๐ ซึ่งหวังวาจะอํานวยประโยชนในการศึกษาธรรมเพิ่มขนึ้ แมวา ในการพมิ พครัง้ ที่ ๑๐ นี้ หนังสือจะมีเน้อื ความเพ่มิ ขึ้นเปน อันมาก ถาเทียบตามอตั ราสว น ของฉบบั พิมพครงั้ กอ นทีม่ ี ๔๗๕ หนา พจนานุกรมฯ ท่พี ิมพครั้งน้ี คงจะหนาขึ้นอีกประมาณ ๒๐ หนา แตอาศัยระบบการพมิ พแบบคอมพิวเตอร ท่ชี ว ยใหมคี วามยืดหยุนในการจัดปรบั ตนฉบับไดส ะดวก จึง พิมพไดจุขน้ึ ทําใหจาํ นวนหนาหนังสือกลบั ลดลงมากมาย เหลอื เพยี ง ๔๐๘ หนา ขอ สาํ คญั อกี อยา งหนง่ึ คอื การพมิ พค รง้ั นชี้ ว ยใหม ฐี านขอ มลู ทจี่ ดั ปรบั เรยี บรอ ยแลว ซง่ึ สามารถ เกบ็ รกั ษาไวไ ดโ ดยสะดวกและครบถว น เกอื้ กลู อยา งยง่ิ ตอ งานปรบั แกแ ละเพม่ิ เตมิ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นใ้ี นกาลขา งหนา สบื ไป เนอื่ งจาก ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ มคี วามตงั้ ใจสอดคลอ งกบั ญาตโิ ยมผศู รทั ธา วา จะพมิ พ พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม ใหท นั ปใ หม ๒๕๔๕ แตผ รู วบรวม–เรยี บเรยี งเขยี นสว นเพมิ่ เตมิ นใี้ นเวลาที่ จวนเจยี นจะถงึ ปใ หม ดงั นน้ั เมอ่ื เขยี นเสรจ็ จงึ ตอ งเรง ขอใหพ ระครปู ลดั ปฎ กวฒั น (อนิ ศร จนิ ตฺ าปฺโ) ชว ย พมิ พต น ฉบบั สว นเพมิ่ เตมิ นี้ เปน ขอ มลู ดบิ เพอ่ื สง ใหแ ก ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ อกี ขน้ั หนงึ่ ขออนโุ มทนาผชู ว ย งานในยามกระชนั้ ไว ณ ทน่ี ด้ี ว ย ในการพมิ พเผยแพร นอกจาก ดร.สมศีล ฌานวังศะ เองจะบาํ เพญ็ ธรรมทาน โดยชวนญาติมติ ร รวมดวยแลว ก็มญี าติโยมผศู รัทธาหลายทานต้ังใจบําเพ็ญธรรมทานสาํ หรับหนงั สือนมี้ านานแลว ซ่ึงได แจงบุญเจตนาไวตั้งแตก ลางปน ้ี วา จะพมิ พขนาดขยายใหญ เพื่อแจกใหเ ปน ประโยชนก วางออกไป

๘ ขออนโุ มทนา รศ.ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ ราชบณั ฑติ พรอ มทงั้ น.ส.ภาวนา ฌานวงั ศะ และ ด.ช.ปญ ญา ฌานวังศะ ทีไ่ ดบําเพ็ญกศุ ลกจิ สําคัญคร้ังนี้ ดวยศรัทธาและอทิ ธบิ าทธรรมอยางสงู และขออนุโมทนา ทานท่ีศรัทธา ผูร ว มบาํ เพ็ญธรรมทานเพอ่ื ประโยชนทางธรรมทางปญ ญาแกประชาชน และเพ่อื ความ เจรญิ แพรห ลายแหง พระสทั ธรรม ทจี่ ะทาํ ใหพ ระพทุ ธศาสนาสถติ มน่ั เพอื่ ประโยชนส ขุ แกม หาชน ตลอด กาลนาน พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๒๕ เมษายน ๒๕๔๕

บนั ทกึ ในการพมิ พค รง้ั ที่ ๔ ความเปน มา – เบด็ เตลด็ – อนโุ มทนา วนั หนง่ึ เมอื่ ตน เดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๔ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรวี ชิ ยั ไดซ อ้ื พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร นี้ ฉบบั พมิ พค รง้ั ท่ี ๓ จากรา นจาํ หนา ยหนงั สอื ของมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จาํ นวน ๑๐๐ เลม นาํ ไปแจกเปน ธรรมทานเอง ๒๐ เลม และนาํ มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจก ๘๐ เลม เพราะหนงั สอื ทผ่ี ู เรียบเรียงจัดเตรียมไวเปนธรรมทาน ไดแ จกไปหมดส้นิ แลว ตอมาถึงตนเดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ไดไ ปทร่ี า นจาํ หนา ยหนงั สอื ของมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เพอ่ื ซอื้ พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจกอกี และไดท ราบวา หนงั สอื จวนจะหมด จงึ ปรกึ ษากนั และไดแ จง แก ผเู รยี บเรยี งวา จะขอพิมพ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจกเปน ธรรมทาน ทางฝา ยมหาจฬุ าลงกรณราช วทิ ยาลยั ซงึ่ ขาดแคลนในดา นทนุ ทรพั ย เมอื่ ไดท ราบวา มโี ยมศรทั ธาจะพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจก เหน็ เปน โอกาสวา ถา สมทบพมิ พด ว ย จะไดห นงั สอื ราคาถกู ลงพอสรู าคาได จงึ ขอพมิ พร ว มดว ย เพอ่ื จาํ หนา ย หาทนุ บาํ รงุ การศกึ ษาของพระภกิ ษสุ ามเณรจาํ นวน ๑,๐๐๐ เลม การพมิ พค รงั้ ท่ี ๔ ของ พจนานกุ รมพทุ ธ- ศาสตร นบั วา ไดเ รมิ่ ตน แตน น้ั มา เมื่อตกลงวา จะพมิ พใหมแลว ผเู รียบเรยี งกไ็ ดเ ตรยี มการเบื้องตน เรมิ่ ดวยการติตตอ กบั โรงพิมพ เดิมเพ่ือสืบหาอารต เวริ ค และฟลม เกา แตป รากฏวา สญู หายหมดแลว ตอ แตน นั้ จงึ เสาะหาโรงพมิ พท เ่ี หมาะ ใหม และตรวจชําระเพ่ิมเติมตนฉบบั แทรกซอ นไปถงึ งานอนื่ เชนการพมิ พ พทุ ธธรรม เปน ตน เวลาลวง ไปชานาน จนถงึ เดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ตนฉบับจึงนบั วาพรอม และไดโรงพมิ พเปน ยตุ ิ ถึงตอนน้ี มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั เหน็ วา การพิมพครงั้ ละจาํ นวนนอ ยเปน เหตใุ หเกดิ ความยากลาํ บากบอ ยๆ จึงขอเพ่ิมจาํ นวนพมิ พเ ปน ๑๐,๐๐๐ เลม ท้ังท่ียงั ไมมีทนุ ทรพั ยสาํ หรบั จา ยคา พิมพ ครง้ั นัน้ คณุ หญงิ กระจางศรี รักตะกนษิ ฐ ไดมาอปุ ถมั ภผเู รยี บเรยี งในดานพาหนะทีจ่ ะติดตอโรงพมิ พต างๆ เปน ตน ครนั้ ไดท ราบปญหาการเงนิ ของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั จึงไดเชิญชวนญาตมิ ติ รรว มกนั ตง้ั “ทนุ พิมพ พจนานุกรมพุทธศาสน” ข้นึ ชว ยใหมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั พิมพพจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบบั น้ไี ด สําเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค และยังมที นุ เหลอื พอสําหรบั พมิ พพจนานกุ รมพุทธศาสน อีกเลมหนึ่ง ดังที่ได พิมพเ ผยแพรเ สรจ็ ออกไปกอนแลวดว ย คุณยงยุทธ และคณุ ชตุ ิมา ธนะปรุ ะ มศี รทั ธาแรงกลาท่ีจะสงเสรมิ การเผยแพรธรรม ไดขอพิมพ หนังสอื นีแ้ จกเปน ธรรมทาน ๓,๐๐๐ เลม และตอ มาไดม เี พอ่ื นขอรว มพิมพแ จกดว ยอีก ๑,๐๐๐ เลม รวม เปน ๔,๐๐๐ เลม ผูเรียบเรยี งยงั ไมเห็นดว ยท่ีจะพมิ พ พจนานกุ รมพุทธศาสตร น้ีใหม ีจาํ นวนมากนกั จึงได พูดชักชวนใหลดจาํ นวนลงใหเ หลอื นอ ยทสี่ ุด คุณยงยุทธ และคุณชุตมิ า รบั ไปพจิ ารณาระยะเวลาหน่ึง ในที่สุดจึงตกลงยอมลดลงโดยขอพิมพแจก ๒,๕๐๐ เลม ซ่ึงก็ยงั เปน จาํ นวนมากอยู ทางดานคณุ สาทร และคุณพสิ มร ศรศรีวชิ ัย เมือ่ ไดท ราบวา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั เพิ่ม จํานวนพิมพ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ขึ้นจาก ๑,๐๐๐ เลม เปน ๑๐,๐๐๐ เลม ก็เห็นวา หนงั สอื จะแพร หลายเพียงพอแลว ไมจาํ เปน ตองชวยสนบั สนนุ มากนกั ควรเปลี่ยนไปชว ยเผยแพรห นังสือ พทุ ธธรรม ท่ี คณุ สาทร และคณุ พสิ มร เหน็ วา สาํ คญั กวา จงึ ขอลดจาํ นวนพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ทตี่ นจะพมิ พแ จกลง เหลอื เพยี ง ๔๐๐ เลม แลว นาํ เงนิ ไปใชสนบั สนุนพทุ ธธรรม แทน ดงั ไดไปรวมพิมพพุทธธรรม มาถวายให

๑๐ ผูเรียบเรยี งแจกไปรุนหนึ่งแลว จาํ นวน ๒๐๐ เลม อยางไรกต็ าม งานพมิ พ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ยดื เยื้อเรื้อรังมาก เวลาลว งไปชา นาน นับแตคุณสาทร และคุณพสิ มร แจง ขอพิมพผ า นไป ๓ ปเศษแลว การพิมพก็ยังไมเ สรจ็ คุณสาทรและคุณพสิ มรนนั้ มีศรทั ธาในการเผยแพรธรรมมาก เมอื่ พอรวบรวมทุน ทรัพยได ก็จะใชสนับสนุนการพิมพด ว ยความเสียสละ ประจวบกับระยะหลังนี้ คณุ พิสมรปว ยดว ยโรค ราย ถึงข้ันไมอ าจไววางใจในชวี ติ ประสงคจะเสียสละเพ่ือสงเสริมธรรมใหเต็มความตงั้ ใจ จงึ มาสอบถาม เก่ยี วกับการพิมพ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร และ พุทธธรรม เห็นเคาวาการพิมพหนังสอื สองเลมนจ้ี ะเสร็จ หางเวลากันพอควร คาํ นวณคาใชจายกบั กาํ ลังทรัพยพ อจะรบั กนั ได จงึ ตกลงกนั วา จะพิมพแ จกท้งั สอง เลมตามลาํ ดับ เรมิ่ ดว ยยกจํานวนพิมพธรรมทาน พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร กลับขน้ึ จาก ๔๐๐ เลม เปน ๔,๐๐๐ เลม ผูเรียบเรียงจึงแยงและชกั จูงใหพมิ พเพียง ๔๐๐ เลม เทาทเ่ี คยลดลงไวค ราวกอน แตท้งั สองทานยนื ยนั จะพิมพแจก ๔,๐๐๐ เลม ผูเรยี บเรียงจํายอม แตไ ดขออนุญาตพเิ ศษไวอ ยา งหน่งึ กลา ว คอื ปกตคิ ุณสาทร และคณุ พสิ มร พมิ พหนงั สือธรรมแจกโดยไมย อมใหม ชี ่ือตนปรากฏ คราวน้ผี ูเรยี บ เรียงขอรองใหยอมแกผูเรียบเรียงในอันท่ีจะตองเอยชื่อเมื่อเลาถึงความเปนมาของการจัดพิมพ เพื่อ ประโยชนใ นดานขอ มูลประวัติ ตวั เลขสถติ ิ และความรูเ กี่ยวกับขอ เท็จจริงท่เี ปน กลางๆ นอกจากนั้น การทําส่ิงท่ดี งี ามของบคุ คลหนง่ึ เม่อื ผูอ่นื มีโอกาสรู กอ็ าจเปนแรงกระตนุ ใหเ กิดการกระทาํ ที่ดงี ามเพิ่ม ขึ้นใหม กวา งขวางออกไปในสังคม ทางดานมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เม่ือหนังสือใกลจะข้ึนแทนพิมพ ไดบอกกลาวขอเพิ่ม จํานวนพิมพจาก ๑๐,๐๐๐ เลม ขึน้ เปน ๑๕,๐๐๐ เลม ผเู รียบเรียงก็ไดขัดไว โดยชักจูงใหร ะงบั การเพิ่ม จํานวนเสีย คงพิมพเพยี ง ๑๐,๐๐๐ เลม ตามจาํ นวนเดิม การทผี่ ูเรียบเรยี งคอยยั้งไมใ หพ มิ พม ากน้นั ก็ ดวยเห็นวา หนังสือเพียงเทาท่ีพิมพน้ีกวา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจะระบายออกไปหมดก็อาจตอ ง ใชเ วลานานแสนนาน อกี ประการหนงึ่ กน็ า จะไดม โี อกาสตรวจสอบวา ผลงานพมิ พส มบรู ณแ คไ หนเพยี งไร นอกจากนนั้ ผเู รียบเรียงยังมองไมเ หน็ ชดั วาความตองการในวงการศกึ ษาธรรมจะมมี ากมายนัก หากมผี ู ตองการจํานวนมากจรงิ กอ็ าจพมิ พเพ่ิมใหมไดไ มเ หลือกาํ ลงั ในเรือ่ งน้ผี ูเรียบเรียงยงั ระลึกไดอกี วา เคย มีทานผแู สดงความจํานงพมิ พ พจนานุกรมพุทธศาสตร นี้รายอืน่ อกี เทา ทนี่ ึกออกเฉพาะหนา ๒ ราย แต ขณะน้ี เวลากระช้ันเกินไปเสยี แลว และจํานวนพิมพก ม็ ากอยูแลว จงึ จาํ ปลอยเลยตามเลยไปกอ น หาก ทานที่ประสงคจ ะพมิ พน ้ันยงั ผูกใจอยู กอ็ าจยกไปรว มในการพมิ พเ พิม่ ใหมนั้น โดยยอมรับคําขออภยั ไว กอ น ณ ท่ีนี้ การพมิ พค รง้ั น้ี แมว า โดยลาํ ดบั จะเปน การพมิ พค รงั้ ท่ี ๔ แตว า โดยงาน ควรจดั เปน ครง้ั ที่ ๒ เพราะ ในการพมิ พค รงั้ ใหมน เี้ ทา นน้ั ไดม กี ารทาํ งานใหมอ ยา งแทจ รงิ กลา วคอื มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เปน สถาบนั ท่ีจดั พิมพหนงั สอื นค้ี รงั้ แรก ระหวา งพ.ศ. ๒๕๑๕ ถงึ ๒๕๑๘ โดยจัดจาํ หนา ยเก็บผลประโยชน บาํ รงุ การศกึ ษาของพระภกิ ษสุ ามเณร ในมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ตอ มา พ.ศ. ๒๕๒๑ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ไดขอพมิ พซ ํ้าเพ่ือแจกเปน ธรรมทาน โดยใชว ธิ ีถา ยแบบจากฉบบั พิมพคร้ังแรกของ มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั นับเปนการพมิ พค รัง้ ที่ ๒ สว นฉบับพิมพครั้งท่ี ๓ กค็ ือฉบับพมิ พครงั้ ที่ ๒ นั้นเอง แตเ ปนสว นทโ่ี รงพิมพก ารศาสนาสงวนไวเตรียมจะจดั จาํ หนา ย ๑,๐๐๐ เลม มหาจฬุ าลงกรณ- ราชวทิ ยาลยั ไดข อซอื้ ไป ๙๐๐ เลม และนาํ ไปจดั จาํ หนา ยหาทนุ บาํ รงุ การศกึ ษาในสถาบนั สวนอีก ๑๐๐ เลม ผูเรียบเรยี งไดม าดวยอาศยั ปจ จยั ทมี่ ผี ูทําบญุ เกา ๆ ในพธิ ีตางๆ เมือ่ คร้งั ปฏบิ ตั ศิ าสนกิจในสหรัฐ อเมริกา ซึ่งต้ังไวเ ปน ทุนชอ่ื “ทนุ พมิ พพุทธศาสนปกรณ” และไดแจกจา ยเปน ธรรมทานไปจนหมด สว น

๑๑ ในการพิมพค รัง้ ใหมทน่ี ับเปนครงั้ ที่ ๔ น้ี นอกจากดาํ เนนิ การใหมตลอดกระบวนการพมิ พ เริม่ แตเ รยี งตวั อักษรใหมท้ังหมดแลว ยังไดแ กไขปรบั ปรุงและเพิม่ เติมเนอื้ หาอกี เปนอนั มาก เชน ภาค ๑ เพม่ิ หมวด ธรรมอกี เกนิ กวา ๓๐ หมวด เขยี นคําบาลีอักษรโรมนั ของขอธรรมทง้ั หมดทง้ั หัวขอใหญและขอ ยอ ย แทรกเขา ทุกแหง พรอมทงั้ ทาํ Index of Pàli Terms เพ่ิมเขา อกี ภาค ๒ เพม่ิ ศพั ทใหมอ ีกมากกวา ๕๐ ศัพท ดังนเี้ ปนตน การพิมพครง้ั ใหมนี้ เดิมคาดวาจะเสรจ็ ส้นิ ในเวลาอนั รวดเรว็ แตคร้นั ทาํ เขาจริง กลบั กนิ เวลา นานถึงปค รึง่ เศษ เทากับประมาณครึ่งหน่ึงของเวลาทใ่ี ชในการพิมพครัง้ แรก สาเหตสุ ําคญั ของความลา ชานอกจากลักษณะของงานที่ตองการความละเอียดประณีตแมนยําอยางพิเศษ ก็คือระบบการเรียง พิมพท่ีไมสมบรู ณ ใชง านไดไมพอกับประเภทของงาน การพมิ พคร้ังกอนใชร ะบบโมโนไทป ซึ่งมรี ะบบตวั อักษรและเครื่องหมายคอนขางครบถวน ความลาชาเกิดจากการตองแตงเสริมใหเรียบรอยประณีต งดงาม การแกไ ขแทรกเพมิ่ ระหวา งเรยี งพิมพ และความไมค ลอ งตัวในการดาํ เนินงาน สวนในการพิมพ ครั้งน้ีใชร ะบบคอมพิวกราฟค ซ่ึงแมจ ะมีตวั อกั ษรที่งดงามชดั เจน แตมอี กั ษรและเคร่ืองหมายไมครบถวน เฉพาะอยา งยงิ่ สาํ หรบั การพมิ พค าํ บาลดี ว ยอกั ษรโรมนั แมจ ะไดส ง่ั ซอื้ อปุ กรณค อื จานบนั ทกึ และแถบฟล ม ตน แบบมาใหมเ ปน การเฉพาะ สนิ้ เปลอื งทงั้ เงนิ และเวลาทรี่ อคอย แตก ใ็ ชง านไดไ มส มบรู ณ ทง้ั นเ้ี พราะ บริษัทตัวแทนจําหนายท่ีส่ังซ้ืออุปกรณใหนั้นยังไมมีประสบการณเก่ียวกับการพิมพอักษรสําหรับ พจนานุกรมน้ี จึงไมส ามารถกําหนดเลือกและจดั หาอปุ กรณท ี่ตรงกับงานแทจริงใหไ ด การเรยี งพิมพจงึ ตองอาศัยความสามารถและความอดทนของนักเรียงพิมพผฉู ลาดหาวิธยี กั เยอื้ งพลกิ แพลงใหใชไดส าํ เร็จ ผลสวนหนงึ่ ประกอบกับการใชผมี ือตัดตอ ติดเติมแตง ในอารตเวริ ค อกี สวนหน่ึง ซง่ึ อยา งหลังนี้ไดท ําใหผู เรียบเรยี งสน้ิ เปลืองเวลา และแรงงาน ตลอดจนสขุ ภาพไปกบั หนงั สือเลมนมี้ าก ตัวอยา งเชนเครอื่ ง หมาย tilde (~) อยา งเดียว กต็ องนําจากทอ่ี ่นื มาติดแทรกลงในท่ีตา งๆ เกนิ กวา ๑๐๐ แหง ไมต องพูด ถงึ การตดิ การเปล่ียน การเล่ือนจุดใต/ เหนอื พยัญชนะและขดี เหนอื สระของอกั ษรโรมนั ตลอดจนเรือ่ ง ปลีกยอยอ่นื ๆ อีกเปนอันมาก ซึง่ ประมวลเขาแลว ก็เปนเครอื่ งชแี้ จงใหเขา ใจวา เหตใุ ดงานนีจ้ งึ ใชเวลา พิมพนานกวา หนังสืออน่ื สวนมากอยางมากมายหลายเทาตัว ดงั มตี ัวอยางหนังสอื บางเลม ทผ่ี ูเรียบเรยี ง ไดชวยจัดทําในระหวา งชว งเวลาของการพมิ พพ จนานกุ รมนี้ มคี วามหนาประมาณกงึ่ หนงึ่ ของ พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร ใชเ วลาเรยี งพมิ พแ ละจดั ทาํ อารต เวิรคประมาณ ๑ เดือนกเ็ สรจ็ เรยี บรอ ย ผลเสียทส่ี ําคัญ อยางหนึ่งของความยากลําบากชานานน้กี ค็ อื งานเขียนและงานพิมพห นังสืออ่ืนๆ โดยเฉพาะการพิมพ พุทธธรรม ครงั้ ใหม ตองพลอยถกู ผดั ผอนเนน่ิ นานตอ ๆ กันออกไป แมวาการจัดพมิ พจ ะยากลําบากมาก จนทาํ ใหเ วลาเกอื บ ๒ ปท ที่ ํางานนี้ กลายเปนชวงกาลแหง ความกรอ นโทรมของชวี ิตในอตั ราเรง สูงอกี ตอนหนงึ่ แตเ วลา ๒ ปเดยี วกนั น้ันเอง กเ็ ปนระยะทไี่ ดมแี รง สนับสนุนคํ้าจุนเกิดขนึ้ มาก ดวยไดมีทา นผูศรทั ธาท่จี ะสง เสรมิ งานพระศาสนาเขามาอุปถัมภใ นดานตา งๆ โดยการเสริมกําลงั บาง ผอ นแรงบาง อาํ นวยความสะดวกบาง เปนสวนรว มแรงรว มใจและเปนกําลัง หนุนอยูขางหลังใหงานบรรลุความสําเร็จ ทานผูอุปถัมภเหลานี้ บางทานก็เปนเชนเดียวกับคุณสาทร และคุณพิสมร ศรศรวี ิชัย คือ ตามปกติ จะไมเ ปด เผยชอื่ ของตนในการชว ยงานบญุ แมจะพิมพห นงั สอื เลม ใหญๆ แจกเปน ธรรมทาน ก็ไมย อมใหมีชื่อของตนปรากฏในหนงั สือนั้น แตค ราวน้ีผูเ รียบเรียงขอ อภัยที่จะเอย อา งช่ือของทา นเหลาน้ันไว ไมวา จะไดบ อกขออนญุ าตไวก อนแลวหรอื ไมกต็ าม โดยขอให เห็นประโยชนว า ผูใชหนงั สอื นรี้ นุ หลังๆ ตอ ไปจะไดร ูจักพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร อยา งรอบดาน อยา ง

๑๒ นอ ยก็เปนขอ มูลเชิงประวัติ และเปน การบนั ทกึ เหตุการณอยา งหน่งึ ตามขอ เทจ็ จรงิ ท่ไี ดเ กิดขึ้นแลว อนั จะกอ ประโยชนทางวิชาการไมม ากกน็ อ ย ท้ังน้ี ขออนโุ มทนาความอดุ หนุนสง เสริมของทานที่จะกลา วถึง ตอ ไปนี้ ผูศรัทธาเสียสละชวยพิมพดีดตนฉบับสวนที่เพ่ิมเติมในการพิมพคร้ังใหมนี้ ก็คือ คุณชลธีร ธรรมวรางกูร บุคคลเดียวกนั กับท่ีไดพ มิ พดีดตนฉบับภาค ๑ ทง้ั หมดของพจนานกุ รมนีเ้ ม่ือพิมพครัง้ แรก สวนในข้นั เรยี งพมิ พ คุณบุญเลศิ แซตั้ง แหงบรษิ ทั ยนู ิตี้โพรเกรส ไดร ว มมือดวยความมีนา้ํ ใจและดว ย ความใฝเ รียนรู พยายามเรยี งพมิ พงานทยี่ ากมากนีใ้ หอ อกมาเปน ผลงานทดี่ ี ในการพิสูจนอักษร ทานผูศรัทธามีน้ําใจเกื้อกูลหลายทา นไดสละเวลาชวยเหลอื สายหนงึ่ คือ คณุ อมั พร สุขนินทร ซง่ึ เมื่อรับไปตรวจ ก็ไดรับความอนเุ คราะหจ ากโยม “มิสโจ” (คุณเจือจันทน อัชพรรณ) ชวยอา นซ้าํ ใหดว ย อกี สายหนง่ึ คณุ ชตุ มิ า ธนะปุระ รับไป แตเ ม่ือคณุ เฉยี ดฉตั รโฉม ปรพิ นธพจนพิสุทธ์ิ ผูเปน เพื่อนไดท ราบ กร็ ว มศรทั ธาชว ยตรวจ นอกจากน้ัน คณุ สมศีล ฌานวงั ศะ ผู เคยพิมพตนฉบบั ฉบับขยายความแหงภาคที่ ๒ ของพจนานกุ รมนี้ ไดเดินทางจากสหรัฐอเมริกามาเยี่ยม บานชั่วคราว พอไดท ราบก็มารบั เอาปรูฟสว นหนึง่ เทาท่ีมีในระยะเวลาสัน้ ๆ นัน้ ไปชว ยตรวจ และบอก แจงขอ เสนอแนะบางอยา งท่มี ีประโยชน คณุ วรเดช อมรวรพพิ ฒั น และคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ อาสาเกบ็ ศพั ทส าํ หรบั Index of Pàli Terms โดยมคี ณุ องั คาร ดวงตาเวยี ง เปน ผชู ว ย และไดต รวจสอบความสมบรู ณข องสารบญั คน คาํ ให ดว ย โดยเฉพาะคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ ไดส ละเวลาเปน อนั มาก พยายามตดิ ตอ และตดิ ตามทางโรงพมิ พ เปน ตน เพอ่ื ใหห นงั สอื นไ้ี ดร บั การตพี มิ พอ ยา งดที ส่ี ดุ และไดร บั ความรว มมอื ดว ยดจี ากคณุ ปฐม สทุ ธาธกิ ลุ ชยั กรรมการผจู ดั การดา นสทุ ธาการพมิ พ พรอ มทง้ั คณุ สพุ จน มติ รสมหวงั ซง่ึ เปน ผชู ว ยเอาใจใสต ง้ั ใจทจ่ี ะ พมิ พใ หป ระณตี งดงาม ในดา นอปุ สรรคตอ งาน และการคา้ํ จนุ ชวี ติ ทเ่ี ปน พน้ื ฐานของงาน ผเู รยี บเรยี งถกู รบั เขา พกั รกั ษา ตัวในโรงพยาบาลพหลโยธิน นับแตพ.ศ. ๒๕๒๖ รวม ๓ คราว โดยมนี ายแพทยเ กษม อารยางกรู พี่ชาย ของตนเองเปน ผอู าํ นวยการดูแลรกั ษา พรอมท้งั ไดร ับความเอือ้ เฟอ เอาใจใสจากพยาบาลและพนักงาน เจา หนาที่ดว ยดี คณุ ประพัฒน และคุณหมอกาญจนา เกษสอาด และคุณหมอสุมาลี ตันติวีรสุต พรอม ดว ยเพอ่ื นและผใู กลช ดิ นอกจากอปุ ถมั ภด ว ยนติ ยภตั แลว กไ็ ดข วนขวายตดิ ตามชว ยแกป ญ หาสขุ ภาพ พรอ ม ทงั้ สนบั สนนุ ใหม อี ปุ กรณแ ละสถานทอ่ี าศยั ทเ่ี ออ้ื ตอ สขุ ภาพและการงาน คณุ หญงิ กระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ รวมดวยคุณหมอจรูญ ผลนวิ าส กบั ทัง้ ศษิ ยและญาติมติ รไดบ าํ เพ็ญความอุปถมั ภขยายออกไปรอบดา น ท้ังในทางสนับสนุนผลงาน ดว ยการจดั ต้งั “ทนุ พิมพ พจนานกุ รมพทุ ธศาสน ” เปนตน และในดา นคา้ํ จนุ ชีวิตของผูทํางาน ดวยการอปุ ถมั ภความเปนอยูป ระจําวนั ขวนขวายใหไดฟน ฟูสขุ ภาพ และเสรมิ สราง สัปปายะตางๆ ตลอดจนจัดหาอปุ กรณที่สาํ คัญมาไวเพ่ือใหทํางานไดส ะดวกรวดเร็วทวปี รมิ าณ นอกจากตง้ั ทุนพิมพใหแลว เมอื่ หนังสือเสรจ็ ออกมา โยมผศู รัทธายังบําเพ็ญกิจอาสาสมคั รชว ย จําหนายหนังสือนั้นอกี เพอ่ื ใหมหาจฬุ าลงกณราชวทิ ยาลัยไดผลประโยชนโดยเรว็ และเตม็ จํานวนไมต อง หักคาคนกลาง บรรดาผูศรัทธาท่ีชวยสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงฆดวยวิธีเปนส่ือนําผลประโยชนมาให และเผยแพรผลงานอยเู งยี บๆ เชน น้ี นอกจากโยมผรู ิเริ่มตง้ั ทนุ แลว ควรจะเอย นาม ดร.ทวรี ัสมิ์ ธนาคม เปน ตวั อยางอกี ทานหนงึ่ ยังมีทา นผศู รัทธาหรือมจี ิตเกือ้ กูลอกี หลายทาน ท้ังบรรพชิตและคฤหสั ถ ไดปวารณาทจี่ ะชว ย

๑๓ เหลือกิจตา งๆ เกยี่ วกบั หนังสอื น้ี แมจะยงั ไมไดข อความรว มมอื ในคราวนี้ กข็ ออนุโมทนาความมีน้าํ ใจดี น้ันไว และหวงั วาคงจะไดข อความอนเุ คราะหใ นงานสาํ คัญๆ ลาํ ดับตอๆ ไป ทางดานมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย เมือ่ ไดแจง ขอพิมพห นงั สือแลว ถงึ คราวมีเร่ืองเก่ยี วขอ ง พระมหาอารีย เขมจาโร รองเลขาธกิ ารฝา ยธุรการ กแ็ สดงความพรอ มอยูเ สมอทีจ่ ะรว มมือดําเนนิ กจิ น้ันใหล ลุ ว งไป ใกลเ ขามาอกี ภายในวดั พระพิเรนทร พระถวลั ย สมจิตฺโต และพระฉาย ปฺาปทโี ป ยงั คงเปนองคยนื หลกั ที่ชวยใหค วามเปน อยขู องผเู รยี บเรียงภายในวดั คลองเบา พอวางภาระกบั สภาพแวด ลอมรอบตวั ได สามารถทาํ งานหนงั สือมุงไปแตด านเดยี ว ผูเรียบเรียงถือวา การที่ทา นผูศ รทั ธาและมนี ํ้าใจ มาใหความอุปถมั ภต า งๆ ดว ยกุศลเจตนาเริ่ม การเอง อันลวนเปนอสังขาริกกุศลทั้งส้นิ น้ัน ก็ดว ยเห็นแกพระธรรม หวงั จะสนับสนนุ งานพระศาสนาให เจริญแพรหลายยิ่งข้ึน โดยมองเห็นวา ผเู รียบเรยี งน้จี ะเปน กาํ ลงั หรือองคประกอบสว นหนึ่งของงานนั้น ได ในทํานองเดียวกนั ก็ขอไดร ับความมัน่ ใจที่สอดคลอ งตอไปอกี ดวยวา การตอบสนองตอ ความอปุ ถัมภ เก้ือกูล ในลักษณะทเี่ ปน การปฏเิ สธหรือหลีกเลี่ยง ซ่ึงมขี น้ึ เปน ครง้ั คราวตามโอกาส หรือแมในกรณี สําคัญน้ัน ผูเ รยี บเรยี งไดกระทาํ ไปโดยบรสิ ุทธ์ิใจ ดว ยเหน็ แกกิจการพระศาสนาหรอื ประโยชนข องสวน รวมตามเหตุผลอยางใดอยางหน่ึงอยางแนนอน โดยท่ีในใจจริงก็อนุโมทาเปนอยางยิ่งตอกุศลเจตนาที่ หวังจะอนุเคราะหเกื้อกลู นั้น แตยังยากหรือยังไมเหมาะทจ่ี ะอธบิ ายเหตุผลใหทราบ ในเม่ืองานนก้ี ็กาํ ลังจะเสรจ็ ลงอยตู อ หนา แลว และท้งั ผูเรยี งเรียงทงั้ ผูรว มแรงรวมศรัทธาตา งก็มี ความปรารถนาตรงเปนอันเดยี วกนั ท่ีจะประกาศพทุ ธวจนะเผยแพรพ ระสทั ธรรม จึงขออางอิงพลังแหง บญุ กศุ ล มศี รทั ธา ฉนั ทะ และวริ ยิ ะ เปน ตน จงเปน ปจ จยั อาํ นวยใหผ ลงานอนั อทุ ศิ ตอ พระศาสนาบชู าธรรม นี้ เปนเครือ่ งเผยแผความรใู นพระพทุ ธศาสนา สงเสริมความเขา ใจถูกตอ งในหลกั คําสอน คาํ้ ชูพุทธธรรม ใหเจริญงอกงามแพรหลาย เพื่อประโยชนส ุขแกช าวโลกอยา งกวา งขวางตลอดกาลนาน อนึ่ง ผูใชห นงั สือนี้พึงตระหนกั วา หลกั ธรรมตางๆ ทีป่ ระมวลไวใ นพจนานุกรมนี้ เปนเพียงสว น หนึ่งท่ีไดค ดั เลอื กมา มิใชท้งั หมดในพระไตรปฎก พึงถือพจนานุกรมนเี้ ปนเพยี งฐานสาํ คัญในการศึกษาคน ควาธรรมใหละเอยี ดลึกซึง้ ยงิ่ ข้นึ ไป อกี ประการหนึ่ง คาํ อธบิ ายขอธรรมตางๆ ในพจนานกุ รมนี้ จดั ทาํ ใน ลักษณะเปนตาํ ราหรอื เปนแบบแผน จงึ ยดึ เอาหลกั ฐานในคมั ภีรเ ปน บรรทดั ฐานกอ น และใหความสาํ คญั แกค มั ภรี ท ั้งหลายตามลาํ ดับชั้น เชน พระไตรปฎกเหนอื อรรถกถา อรรถกถาเหนอื มตอิ าจารยรุนหลงั และเหนืออตั โนมัติ เปน ตน พึงใชพ จนานกุ รมนี้เปน ท่ปี รึกษา โดยมีความเขา ใจดังกลา วนั้นเปน พ้นื อยใู น ใจ จะไดค ดิ ขยายความตอออกไปอีกไดอ ยางมีหลกั และมีข้นั มีตอน ตลอดจนวจิ ารณไดอ ยางมหี ลักเกณฑ พระราชวรมุนี (ประยุทธ ปยุตโฺ ต) ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๒๘

คาํ นํา (ในการพมิ พค ร้งั ที่ ๑) พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร เลม น้ี เปน ทรี่ วมของงาน ๓ ชนิ้ คอื พจนานกุ รมหมวดธรรม พจนานกุ รมพทุ ธ ศาสตร ไทย–องั กฤษ และ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย งาน ๓ ชน้ิ นเ้ี ดมิ เปน งานตา งหากกนั และเกดิ ขนึ้ ตา งคราวกนั กลา วคอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ เดมิ ชอ่ื พจนานกุ รมศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย– บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ เผยแพรต งั้ แต พ.ศ. ๒๕๐๖ และไดแ กไ ขเพม่ิ เตมิ เปน ครง้ั คราว ครงั้ สดุ ทา ยกอ นหนา นี้ ได ขยายเพม่ิ เตมิ เปน ฉบบั พสิ ดาร เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ ดั ทาํ เชน นน้ั ไดเ พยี งจบอกั ษร ฐ กช็ ะงกั ไมม เี วลาทาํ ตอ มา อกี เลย ในระหวา งนน้ั เจา หนา ทม่ี หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดข อใหน าํ เอาฉบบั เลก็ เดมิ มาพมิ พไ ปพลางกอ น ใน พ.ศ. ๒๕๑๕ ไดต กลงจะตพี มิ พ โดยขอแกไ ขเพม่ิ เตมิ เลก็ นอ ย แตไ มม เี วลา จงึ ชกั ชา อยู ในระยะเวลาเดยี วกนั นนั้ ผรู วบรวมกาํ ลงั จดั ทาํ หนงั สอื ประเภทอา งองิ ทางพระพทุ ธศาสนาคา งอยหู ลาย เลม จงึ คดิ วา ควรรวบรวมหลกั ธรรมเปน หมวดๆ ทใ่ี ชเ ลา เรยี น ใชอ า งองิ และทน่ี า สนใจสาํ หรบั คนทว่ั ไป จาํ นวน ไมม ากนกั มาพมิ พป ระมวลไวเ พอ่ื เปน คมู อื ใชป ระกอบการศกึ ษาเบอ้ื งตน เพยี งใหพ อเหมาะสาํ หรบั นกั เรยี นนกั ศกึ ษาและผสู นใจทว่ั ไป ซง่ึ ไมต อ งการรายละเอยี ดพสิ ดารอยา งนกั คน ควา ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะใหค วามหมายภาค ภาษาองั กฤษทน่ี ยิ มใชท วั่ ๆ ไป กาํ กบั ไวก บั ขอ ธรรมตา งๆ ดว ย พอเปน ประโยชนใ นขน้ั ตน ๆ เมอื่ นาํ งานชน้ิ นมี้ า รวมเขา ดว ยกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ กจ็ ะเปน เครอ่ื งเสรมิ กนั และกนั ชว ยใหเ กดิ ประโยชนแ ก ผใู ชม ากยง่ิ ขน้ึ งานชน้ิ ทเ่ี พมิ่ นไี้ ดต ง้ั ชอ่ื วา พจนานกุ รมหมวดธรรม ดว ยเหตผุ ล ๒ ประการคอื ประการแรก แม หนงั สอื นจี้ ะถอื จาํ นวนหวั ขอ ธรรมเปน เกณฑแ ละจดั ลาํ ดบั ตามจาํ นวนเลขกต็ าม แตใ นจาํ นวนทเี่ ทา กนั ไดจ ดั เรยี ง หมวดธรรมตามลาํ ดบั อกั ษร นอกจากนนั้ ยงั ไดจ ดั องคป ระกอบอยา งอนื่ ในระบบการคน ตามลาํ ดบั อกั ษร เชน สารบญั คน คาํ เปน ตน เขา เสรมิ อกี ดว ย ชว ยใหส าํ เรจ็ กจิ ของพจนานกุ รมโดยสมบรู ณ ประการทส่ี อง เพอ่ื ใหเ ปน งานทเี่ ขา ชดุ กนั ไดเ หมาะสมใชป ระโยชนใ นประเภทเดยี วกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ ทท่ี าํ ไวแ ลว ระหวา งทที่ าํ พจนานกุ รมหมวดธรรม อยนู นั้ ไดต ง้ั ใจวา เมอื่ มโี อกาสขา งหนา จะไดจ ดั ทาํ พจนานกุ รม หมวดธรรม ฉบบั พสิ ดารใหมอ กี เพอื่ ใหเ ปน ไปตามโครงการทวี่ างไวเ ดมิ ซง่ึ ไดร วบรวมขอ มลู เตรยี มไวก อ นแลว เปน อนั มาก อยา งไรกด็ ี ระหวา งจดั ทาํ พจนานกุ รมหมวดธรรม ฉบบั ปจ จบุ นั อยนู ี้ พจิ ารณาเหน็ วา หมวดธรรม หลายหมวดแมย งั ไมจ าํ เปน สาํ หรบั คนทว่ั ไปทจ่ี ะตอ งรกู จ็ รงิ แตม คี วามสาํ คญั เกอื้ กลู แกก ารศกึ ษาธรรมวนิ ยั มาก ไมอ าจตดั หมวดธรรมเหลา นน้ั ทงิ้ ไปได อกี อยา งหนงึ่ ทคี่ ดิ ไวเ ดมิ วา จะแสดงความหมายของหวั ขอ ธรรมแตเ พยี ง สน้ั ๆ พออา งองิ ไดเ ทา นน้ั ครนั้ ลงมอื ทาํ กเ็ หน็ ไปวา ไหนๆ มหี นงั สอื นแ้ี ลว กค็ วรใหส าํ เรจ็ ประโยชนพ อแกจ ะใชก ารที เดยี ว ขอ ธรรมใดใหเ พยี งความหมาย ยงั ไมอ าจเขา ใจชดั ได กไ็ ดท าํ ไขความโดยสรปุ สาระทค่ี วรรเู กย่ี วกบั ขอ ธรรม นนั้ ไวจ นคลมุ ความ การทเ่ี ปน เชน น้ี ไดท าํ ใหพ จนานกุ รมหมวดธรรม มขี นาดหนามาก เมอ่ื รวมเขา กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ เดมิ แทนทจ่ี ะเปน สว นประกอบชว ยเสรมิ หรอื เปน สว นรว ม กลบั กลายเปน สว นหลกั ไป แมถ งึ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ นนั้ เอง กไ็ ดข ยายตวั ออกไปมากอยแู ลว เมอื่ ทงั้ สอง สว นทขี่ ยายตวั มารวมกนั เขา จงึ ทาํ ใหห นงั สอื มขี นาดใหญเ กนิ ความตงั้ ใจเดมิ ภาคที่ ๓ ของหนงั สอื นี้ คอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย เปน สว นทจ่ี ดั ทาํ ขนึ้ ใหมใ นการพมิ พ ครงั้ น้ี โดยพจิ ารณาเหน็ วา เมอ่ื มภี าคไทย–องั กฤษแลว กค็ วรมภี าคองั กฤษ–ไทยขน้ึ ดว ยเปน คกู นั เพอื่ ใหใ ช ประโยชนไ ดค รบถว น แตภ าคองั กฤษ–ไทยทท่ี าํ น้ี ถอื เปน เพยี งสว นประกอบเทา นน้ั เพราะปญ หาสาํ คญั ของนกั ศกึ ษาและนกั เผยแพรพ ระพทุ ธศาสนา อยทู ตี่ อ งการทราบวา ศพั ทธ รรมหรอื ศพั ทพ ระพทุ ธศาสนาคาํ นๆี้ จะใช

๑๕ ภาษาองั กฤษวา อยา งไร ซง่ึ พจนานกุ รมภาคที่ ๒ จะเปน ทปี่ รกึ ษาชว ยบอกหรอื หาคาํ ใชท เ่ี หมาะสมเสนอให สว น พจนานกุ รมภาคที่ ๓ ทาํ หนา ทเ่ี พยี งรวบรวมศพั ทภ าษาองั กฤษ ทใ่ี ชก บั ศพั ทธ รรมลงตวั อยแู ลว บา ง ทมี่ ผี คู ดิ ขนึ้ ลองใชแ ลว และดเู หมาะสมดบี า ง นาํ มาแสดงใหท ราบวา ผทู ใี่ ชค าํ ภาษาองั กฤษคาํ นนั้ มงุ หมายถงึ ขอ ธรรมอะไร สว นมากจงึ เปน คาํ ตอ คาํ ไมก นิ เนอ้ื ทม่ี าก พจนานกุ รมภาคที่ ๓ น้ี สามารถจาํ กดั ขนาดใหอ ยใู นกาํ หนดทต่ี งั้ ใจไว เดมิ ได ไมข ยายตวั เกนิ ไป เพราะเหตทุ มี่ คี วามเปน มาตา งหากกนั เชน น้ี สว นทง้ั ๓ ของพจนานกุ รมจงึ มลี กั ษณะเปน อสิ ระจากกนั ไม จาํ กดั อยใู นขอบเขตเดยี วกนั หรอื ในขอบเขตของกนั และกนั เชน ความหมายภาษาองั กฤษของขอ ธรรมเดยี วกนั ทแ่ี สดงใน พจนานกุ รมหมวดธรรม กบั ใน พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ อาจตรงกนั เฉพาะนยั ทนี่ ยิ มใช ยตุ แิ ลว แตน ยั อน่ื ๆ ทเ่ี สนอแนะไวอ าจมแี ปลกจากกนั ได ขอ ธรรมบางอยา งไมไ ดเ กบ็ ไวใ น พจนานกุ รมพทุ ธ- ศาสตร ไทย–องั กฤษ ไมเ ปน ขอ ธรรมทอี่ ยใู นระดบั อนั ควรทราบ แตป รากฏใน พจนานกุ รมหมวดธรรม เพราะเปน ขอ ยอ ยของหมวดธรรมบางหมวด จาํ เปน ตอ งตดิ เขา ไปอยเู อง ดงั นเี้ ปน ตน ลกั ษณะทเี่ ปน อสิ ระจากกนั เชน นี้ นบั ไดว า มผี ลดมี ากกวา ผลเสยี เพราะกลบั เปน สว นทมี่ าเสรมิ กนั ชว ยใหส มบรู ณแ ละอาํ นวยประโยชนม ากยง่ิ ขนึ้ เชน เมอื่ คน หาความหมายของขอ ธรรมขอ ใดขอ หนงึ่ ในพจนานกุ รมภาคท่ี ๒ (ไทย–องั กฤษ) ไดแ ลว อาจเปด ดขู อ ธรรมนนั้ ในสารบญั คน คาํ ของพจนานกุ รมภาคท่ี ๑ (หมวดธรรม) แลว หาความหมายไดเ พม่ิ ขนึ้ อกี ขอ ธรรมใดไมม ี ในพจนานกุ รมภาคที่ ๒ เมอื่ เปด ดสู ารบญั คน คาํ ในภาคท่ี ๑ อาจหาพบกไ็ ด นอกจากนน้ั ยงั ชว ยใหไ มต อ งลงพมิ พ ความหมายซา้ํ กนั ทง้ั หมด ซงึ่ ทาํ ใหเ ปลอื งเนอ้ื ทมี่ ากขน้ึ อกี ดว ย อยา งไรกด็ ี ความเปน อสิ ระจากกนั เชน น้ี แมจ ะมี ผลดบี างประการ แตก ย็ งั ถอื วา เปน ขอ บกพรอ งอยา งหนง่ึ ซงึ่ ในการพมิ พค ราวตอ ๆ ไปถา มเี วลา จะไดใ ชร ะบบ อา งองิ ภายในเขา ชว ยเพม่ิ ขนึ้ อกี เพอ่ื ใหง านทง้ั สามภาคประสานเปน ชดุ เดยี วกนั โดยสมบรู ณ และสามารถรกั ษา ลกั ษณะทใี่ หผ ลดไี วไ ด พรอ มทงั้ แกไ ขมใิ หม ขี อ บกพรอ งทเ่ี กดิ จากความซา้ํ ซาก เปน ตน ดงั ไดก ลา วแลว หนงั สอื นเ้ี ดมิ ตงั้ ใจทาํ เปน ฉบบั เลก็ เพราะหากมเี วลาเพยี งพอ จะไดจ ดั ทาํ ฉบบั พสิ ดารท่ี คา งอยใู หเ สรจ็ สน้ิ ตอ ไป แตบ ดั นห้ี นงั สอื ฉบบั เลก็ นไี้ ดข ยายตวั ออกมากจนมขี นาดใหญย ากทจี่ ะนาํ ตดิ ตวั ไปใชเ ปน ประจาํ ตามความตงั้ ใจเดมิ ในการแกป ญ หานไี้ ดใ ชร ะบบการพมิ พเ ขา ชว ย โดยถา ยยอ ลงจากตน ฉบบั เรยี งพมิ พ เหลอื เพยี ง ๒ ใน ๓ สว น จะยอ เลก็ กวา นตี้ วั อกั ษรกจ็ ะเลก็ เกนิ ไป จนทาํ ใหเ กดิ ความยากลาํ บากแกผ ใู ชจ าํ นวน มาก ทาํ อยา งนถ้ี งึ แมจ ะไมไ ดห นงั สอื ขนาดเลก็ เทา ทตี่ ง้ั ใจเดมิ กพ็ อชว ยใหใ ชไ ดส ะดวกขน้ึ มาก และในเวลาเดยี ว กนั กท็ าํ ใหไ ดห นงั สอื ขนาดกะทดั รดั ทจ่ี เุ นอ้ื ความยง่ิ กวา ปกตเิ ปน อนั มาก การจดั พมิ พห นงั สอื นี้ นบั แตจ ดั เตรยี มตน ฉบบั เพอื่ สง โรงพมิ พใ นปลายป พ.ศ. ๒๕๑๕ จนถงึ ตพี มิ พเ สรจ็ ในบดั น้ี สนิ้ เวลาประมาณ ๒ ป ๖ เดอื น ในการจดั พมิ พไ ดร บั ความรว มมอื รว มใจอยา งดจี ากหลายทา น เจา หนา ที่ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั โดยเฉพาะทา นพระมหาสมบรู ณ สมปฺ ณุ โฺ ณ* ผชู ว ยเลขาธกิ าร ไดช ว ยคอยเรง เรา เทา กบั เปน แรงสนบั สนนุ ใหก ารจดั ทาํ หนงั สอื นค้ี บื หนา มาสคู วามสาํ เรจ็ คณุ ชลธรี  ธรรมวรางกรู ไดช ว ยพมิ พด ดี ตน ฉบบั ใหโ ดยตลอดดว ยความเออ้ื เฟอ และทางโรงพมิ พค รุ สุ ภาไดช ว ยอาํ นวยความสะดวกในการตพี มิ พ นบั วา ทกุ ทา นไดม สี ว นบาํ เพญ็ กศุ ลรว มกนั ในการทาํ วทิ ยาทานนใี้ หส าํ เรจ็ จงึ ขออนโุ มทนาในความรว มแรงรว มใจและ ความสนบั สนนุ ของทกุ ทา นไว ณ โอกาสนเ้ี ปน อยา งยง่ิ พระราชวรมนุ ี ๒๔ เมษายน ๒๕๑๘ ____________________ *ปจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๔๕) เปน ที่ พระราชกติ ตเิ วที

สารบัญทั่วไป ๓ ๘ คํานาํ (ในการพิมพครงั้ ท่ี ๑๐) ๑๓ บันทึกในการพมิ พคร้ังท่ี ๔ คํานํา (ในการพมิ พค รั้งท่ี ๑) 1 ภาค 1 พจนานกุ รมพุทธศาสตร หมวดธรรม 3 8 คําชแ้ี จงการใช 10 อกั ษรยอ ชือ่ คัมภรี  11 Abbreviations of Scriptures 18 สารบญั หมวดธรรม 23 สารบญั ประเภทธรรม 57 ดชั นีคน คํา 60 เอกกะ หมวด 1 84 ทุกะ หมวด 2 113 ติกะ หมวด 3 162 จตกุ กะ หมวด 4 189 ปญจกะ หมวด 5 204 ฉกั กะ หมวด 6 215 สตั ตกะ หมวด 7 221 อฏั ฐกะ หมวด 8 229 นวกะ หมวด 9 249 ทสกะ หมวด 10 292 อติเรกทสกะ หมวดเกิน 10 Index of Pàli Terms 311 ภาค 2 พจนานกุ รมพุทธศาสตร ไทย–องั กฤษ 313 คํานําในการพิมพค รั้งที่ 1 314 คาํ ชแี้ จง 316 อักษรยอและเครือ่ งหมาย 316 เทียบอกั ษรโรมนั ท่ใี ชเ ขียนบาลี 317 พจนานุกรม ก – โอ ภาค 3 พจนานุกรมพุทธศาสตร องั กฤษ–ไทย 363 พจนานุกรม A – Z 365 Appendix 382



ภาค 1 พจนานุกรมพุทธศาสตร หมวดธรรม ◉ Part I Dictionary of Numerical Dhammas



คาํ ช้ีแจงการใชพจนานุกรมหมวดธรรม ก. หลกั การในการรวบรวมธรรม 1. หมวดธรรม คอื หลกั ธรรมทแี่ สดงไวโ ดยมจี าํ นวนหวั ขอ เปน ชดุ ๆ ชดุ หนง่ึ ๆ เรยี กวา หมวดธรรมหนง่ึ ๆ หมวดธรรมเหลา นเี้ ปน คาํ สอนในพระพทุ ธศาสนาเพยี งสว นหนงึ่ เทา นนั้ นอกจากคาํ สอนประเภทหมวด ธรรมแลว ยงั มคี าํ สอนประเภทคาถาภาษติ ธรรมกถา และโอวาทานศุ าสนตี า งๆ อกี เปน อนั มาก ผทู ่ี ตอ งการรจู กั พระพทุ ธศาสนาอยา งกวา งขวางทวั่ ถงึ จงึ ควรศกึ ษาคาํ สอนประเภทอนื่ ๆ นอกจากหมวด ธรรมดว ย อยา งไรกด็ ี การศกึ ษาหมวดธรรมเหลา นนี้ บั วา สาํ คญั และมปี ระโยชนอ ยา งมาก เพราะเปน คาํ สอนประเภทประมวลขอ สรปุ มอี รรถกวา งขวาง และถกู ยกขนึ้ อา ง หรอื เปน ขอ ปรารภในการแสดง คาํ สอนประเภทอนื่ ๆ อยเู นอื งๆ 2. หมวดธรรมมอี ยมู ากมาย แตเ ฉพาะทแ่ี สดงในหนงั สอื นี้ ไดค ดั เลอื กและรวบรวมไวเ พยี งสว นหนงึ่ โดย ถอื หลกั เกณฑท สี่ าํ คญั คอื 1) มงุ เอาหมวดธรรมทม่ี าในพระไตรปฎ กโดยตรงเปน พนื้ สว นทมี่ าในคมั ภรี อ นื่ พยายามจาํ กดั เฉพาะ คมั ภรี ส าํ คญั ในระดบั รองลงมา ทน่ี ยิ มนบั ถอื ใชศ กึ ษาและอา งองิ กนั อยทู ว่ั ไปในวงการศกึ ษาพระ พทุ ธศาสนา 2) มงุ เอาหมวดทแี่ สดงหลกั ธรรมโดยตรง ใหส มกบั ชอื่ ทเ่ี รยี กวา “หมวดธรรม” หลกี เลย่ี งหมวดทเี่ ปน เพยี งเกรด็ ความรู หรอื คาํ แถลงเรอ่ื งราวอนื่ ๆ เวน แตจ ะเปน เรอื่ งทส่ี มั พนั ธก บั หลกั ธรรมอยา งใกลช ดิ 3) คดั เอาเฉพาะหมวดธรรมทค่ี วรรหู รอื ทตี่ อ งรู โดยฐานเปน หลกั สาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาบา ง เปน หลกั ทเี่ หน็ วา นา รแู ละมปี ระโยชนม ากบา ง เปน หลกั ทใ่ี ชห รอื อา งองิ อยเู สมอ หรอื รจู กั กนั อยทู ว่ั ไป บา ง เปน หลกั ทท่ี า นกาํ หนดใหเ รยี นในหลกั สตู รการศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาระบบตา งๆ ในประเทศ ไทยบา ง ข. การจดั ลาํ ดบั 3. การจดั ลาํ ดบั หมวดธรรม – จดั ตามลาํ ดบั เลขจาํ นวนกอ น รวมหมวดธรรมทม่ี จี าํ นวนหวั ขอ เทา กนั เขา ไวเ ปน กลมุ เดยี วกนั เรยี ง จากกลมุ ทมี่ จี าํ นวนนอ ยไปหากลมุ ทมี่ จี าํ นวนมากตามลาํ ดบั เปน หมวด 1 หมวด 2 หมวด 3 ฯลฯ จนถงึ หมวดเกนิ สบิ – ในหมวดเลขเดยี วกนั เรยี งตามลาํ ดบั อกั ษร ตามอกั ขรวธิ ใี นภาษาไทย 1) หมวดธรรมทมี่ ลี าํ ดบั อกั ษรหา งกนั แตเ ปน เรอื่ งทเี่ กยี่ วพนั หรอื ควบคกู นั เมอื่ ถงึ ลาํ ดบั อกั ษรของ หมวดหนง่ึ แลว นาํ อกี หมวดหนง่ึ มาตอ ในลาํ ดบั ถดั ไปทนั ทโี ดยไมค าํ นงึ ถงึ ลาํ ดบั อกั ษร เชน [67] กศุ ลมลู 3, [68] อกศุ ลมลู 3; [80] ทจุ รติ 3, [81] สจุ รติ 3 เปน ตน 2) หมวดธรรมทมี่ เี ลขจาํ นวนตา งกนั แตเ ปน เรอื่ งอยา งเดยี วกนั อาจจดั เรยี งรวมไวใ นหมวดเลขเดยี ว กนั ตอ กนั ไป โดยไมค าํ นงึ ถงึ ลาํ ดบั เลขหมวด ในกรณเี ชน นี้ จะถอื หมวดธรรมทส่ี าํ คญั หรอื รจู กั กนั มากเปน หลกั เชน [303] พทุ ธคณุ 9, [304] พทุ ธคณุ 2, [305] พทุ ธคณุ 3, [306] ธรรมคณุ 6, [307] สงั ฆคณุ 9 เปน ตน

4 ในกรณขี องขอ ยกเวน 2 ขอ น้ี หมวดธรรมทผ่ี ดิ ลาํ ดบั ใหถ อื เปน หมวดธรรมพว ง ไมก ระทบกระเทอื นตอ ลาํ ดบั อกั ษรตามปกติ ซงึ่ จะจดั ตอ ไปจากหมวดธรรมทอี่ ยขู า งหนา นอกจากนนั้ หมวดธรรมทผี่ ดิ ลาํ ดบั เหลา นี้ จะมชี อ่ื เรยี งอยใู นตาํ แหนง ทเ่ี ปน ลาํ ดบั ตามปกตขิ องมนั เองอกี สว นหนงึ่ ดว ย แตใ นตาํ แหนง ปกติ นน้ั จะไมน บั เลขลาํ ดบั (ในวงเลบ็ สาํ หรบั ใสเ ลขลาํ ดบั จะใสร ปู , ไวแ ทนชอ งวา ง) และไมม รี ายละเอยี ด มี เพยี งคาํ อา งบอกตาํ แหนง ทจ่ี ะพงึ คน ตอ ไป ซง่ึ ชว ยโยงถงึ กนั ใหผ ใู ชห นงั สอื คน หาไดโ ดยสะดวกจากทกุ ดา น ตวั อยา ง: [,,] สจุ รติ 3 ดู [81] สจุ รติ 3 [,,] พทุ ธคณุ 2 ดู [304] พทุ ธคณุ 2 สจุ รติ 3 เปน ชอ่ื ของธรรมหมวดทเ่ี ปน คปู ฏปิ ก ษก บั ทจุ รติ 3 จงึ นาํ ไปเรยี งไวต อ จากหมวด ทจุ รติ 3 เนอ่ื งจากอกั ษร ท อยกู อ นอกั ษร ส สว น พทุ ธคณุ 2 อยใู นกลมุ เดยี วกบั พทุ ธคณุ 9 แตม จี าํ นวนตา งกนั จงึ นาํ ไปเรยี งไวต อ จากหมวด พทุ ธคณุ 9 อนั เปน หมวดธรรมทถี่ อื เปน หลกั 4. หมวดธรรมทมี่ หี ลายชอื่ ถอื เอาชอ่ื ทม่ี าในบาลเี ปน หลกั ใหร ายละเอยี ดไวท เี่ ดยี ว แตช อื่ อน่ื ๆ กเ็ รยี งไว ในตําแหนงที่ถูกตองตามลําดับอักษรและลาํ ดับเลขหมวดดวย โดยไมนับเลขลาํ ดับ และไมมีราย ละเอยี ด เพยี งใสเ ครอ่ื งหมาย , ไวใ นวงเลบ็ ขา งหนา และมคี าํ อา งบอกตาํ แหนง ชอ่ื ทม่ี รี ายละเอยี ดอนั พงึ จะคน ตอ ไป เปน การเชอ่ื มโยงถงึ กนั ใหค น ไดจ ากทกุ ดา น ตวั อยา ง: [,,,] สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ดู [260] อบุ าสกธรรม 7 สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 กบั อบุ าสกธรรม 7 เปน ชอื่ ของธรรมหมวดเดยี วกนั แสดงรายละเอยี ด เฉพาะท่ี อบุ าสกธรรม 7 แหง เดยี ว สว นชอ่ื สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ไดเ รยี งไวด ว ย แตใ หด รู ายละเอยี ด ท่ี อบุ าสกธรรม 7 5. ตวั เลขทอ่ี า งองิ ในหนงั สอื นที้ ง้ั หมด หมายถงึ เลขลาํ ดบั (คอื เลขขอ ) ของหมวดธรรม ไมใ ชเ ลขหนา เวน แตจ ะมคี าํ บอกกาํ กบั ไวเ ปน อยา งอนื่ อนงึ่ ในเนอ้ื หนงั สอื ใชต วั เลขอารบกิ ทงั้ หมด เพอื่ ใหผ ใู ชภ าคภาษาองั กฤษสามารถใชป ระโยชน รว มดว ยโดยสะดวก ค. ความหมายและคาํ อธบิ าย 6. หนงั สอื นไี้ มใ ชห นงั สอื อธบิ ายธรรมจาํ เพาะอยา ง แตเ ปน หนงั สอื อา งองิ วา ดว ยหลกั ธรรมทวั่ ไป จาํ ตอ ง สงวนเนอ้ื ท่ี และแสดงอรรถาธบิ ายทกี่ ระชบั รดั กมุ จงึ พยายามหลกี เลย่ี งการอธบิ าย แสดงไวแ ตเ พยี ง คาํ จาํ กดั ความและความหมายเปน สาํ คญั 1) ภาคภาษาไทย: ความหมายมกั แสดงไวห ลายๆ นยั เพอ่ื เสรมิ ความเขา ใจใหช ดั ขนึ้ และเพอ่ื เลอื กใช ไดอ ยา งเหมาะสมแกก รณี ขอ ธรรมบางขอ มคี าํ แปลโดยพยญั ชนะ ในกรณเี ชน นี้ ความหมายทเี่ ปน คาํ แปลโดยพยญั ชนะนน้ั จะถกู เรยี งไวก อ นความหมายอนื่ ความหมายทแี่ สดงไวห ลายนยั มกั มที ง้ั ความหมายอยา งสน้ั และความหมายอยา งยาว ทงั้ นมี้ งุ เพอื่ ประโยชนท ง้ั ในทางความเขา ใจและในการใชง าน ขอ ธรรมบางอยา งจาํ เปน ตอ งอธบิ าย เพอื่ ใหเ ขา ใจชดั เจน ในกรณเี ชน นไ้ี ดพ ยายามอธบิ ายใหส นั้

5 ทส่ี ดุ โดยทาํ เปน ไขความออกจากความหมายของขอ ธรรมนนั้ ๆ และใหค รอบคลมุ เนอื้ หาสมบรู ณใ นตวั เสรจ็ สนิ้ ไปในแตล ะขอ ไมใ ชว ธิ อี ธบิ ายรวมทงั้ หมด แตถ า มขี อ สงั เกตหรอื คาํ ชแี้ จงกวา งๆ สาํ หรบั ทงั้ หมวดกไ็ ดน าํ ไปเขยี นไวใ นตอนทา ยของหมวดธรรมนนั้ หมวดธรรมทต่ี อ งอธบิ ายพงึ เหน็ ตวั อยางเชน [85] ธรรม 3, [107] วโิ มกข 3, [285] วสิ ทุ ธิ 7, [311] วปิ ส สนาญาณ 9 เปน ตน 2) ภาคภาษาองั กฤษ: ความหมายในภาษาองั กฤษมงุ เพยี งใหเ ปน สว นประกอบสาํ หรบั ชว ยเหลอื นกั ศกึ ษาในการศกึ ษาคน ควา ใหก วา งขวางออกไป หรอื เปน สอ่ื ถา ยทอดความรเู ทา นนั้ ไมไ ดม งุ ใหเ ปน หลกั ของหนงั สอื น้ี โดยปกตใิ นภาคภาษาองั กฤษจะไมม คี าํ อธบิ ายเลย มเี พยี งความหมายสนั้ ๆ ซงึ่ โดยมาก เปน ความหมายในรปู คาํ แปล ขอ ธรรมใดมคี าํ แปลหรอื ความหมายในภาษาองั กฤษทใ่ี ชกนั ลงยตุ ิแลว หรอื นยิ มใชก ันแพรห ลาย ในหมนู กั ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาแลว กไ็ ดน าํ เอาคาํ แปลหรอื ความหมายนนั้ มาลงไว โดยถอื เปน อสิ ระ จากความหมายในภาคภาษาไทย สว นขอ ธรรมใดความหมายในภาษาองั กฤษยงั มปี ญ หา ไมเ ปน ทยี่ ตุ ิ หรอื ยงั ไมส เู ปน ทร่ี จู กั ทวั่ ไป กไ็ ดพ ยายามตรวจสอบ เลอื กสรร หรอื คน หาคาํ มาใชใ หต รงกบั ความเขา ใจ ในภาคภาษาไทยใหม ากทสี่ ดุ คาํ แปลและความหมายขอ ธรรมตา งๆ ในภาคภาษาองั กฤษสว นมาก ไมต รงกบั คาํ แปลหรอื ความ หมายทใ่ี ชใ นพระไตรปฎ กแปลฉบบั ภาษาองั กฤษของสมาคมบาลปี กรณ (The Pali Text Society) ทงั้ นเี้ พราะไดม กี ารคดิ คน สรรหาคาํ แปลศพั ทธ รรมตา งๆ ในหมนู กั ปราชญน กั ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนากา ว หนา ตอ มาอกี มากภายหลงั เวลาทพ่ี มิ พพ ระไตรปฎ กแปลฉบบั ภาษาองั กฤษนน้ั แลว อนง่ึ คาํ บาลอี กั ษรโรมนั ในวงเลบ็ ตอ ทา ยชอ่ื หมวดธรรม หรอื ขอ ธรรมนนั้ ๆ ไดแ สดงไว โดยมงุ ให ผใู ชร จู กั รปู เดมิ ของศพั ทน นั้ ๆ ในภาษาบาลี ถา เปน คาํ สมาสคอื มหี ลายคาํ ประกอบกนั กม็ งุ ใหก าํ หนด แยกไดง า ยวา มคี าํ อะไรประกอบอยบู า งเทา นนั้ มไิ ดม งุ แสดงรปู ทใี่ ชจ รงิ ในประโยคภาษาบาลี ดงั นนั้ ก) ทใ่ี ดตอ งการใหเ หน็ รปู ศพั ทข องคาํ ทมี่ าประกอบกนั กจ็ ะใสย ตั ภิ งั ค หรอื hyphen (-) แทรกไว ใหด งู า ย ทใี่ ดเหน็ วา เปน คาํ ทใี่ ชร วมกนั เปน ปกติ กไ็ มแ ยก ข) เมอ่ื แยกคาํ โดยใชย ตั ภิ งั คแ ลว กไ็ มเ ตมิ พยญั ชนะซอ น (สงั โยค) ตามหลกั สนธิ ตวั อยา ง: ขนั ธ 5 หรอื เบญจขนั ธ บาลเี ปน ปจฺ กขฺ นธฺ ประกอบดว ย ปจฺ + ขนธฺ ถา เขยี นเปน คาํ บาลอี กั ษรโรมนั ตามทใ่ี ชจ รงิ ในประโยค กเ็ ปน Pa¤cakkhandha คอื เขยี นตดิ ตอ กนั และมพี ยญั ชนะ ซอ น ไดแ ก k แทรกเขา มา แตใ นพจนานกุ รมฯ นเ้ี ขยี นใหผ ศู กึ ษากาํ หนดแยกไดง า ย เปน Pa¤ca- khandha สงั วรปธาน บาลนี ยิ มเขยี นเปน สวํ รปปฺ ธาน ประกอบดว ย สวํ ร + ปธาน ถา เขยี นเปน คาํ บาลี อกั ษรโรมนั ตามทใ่ี ชใ นประโยค กเ็ ปน Sa§varappadhàna แตใ นพจนานกุ รมฯ นเี้ ขยี นเปน Sa§ vara-padhàna นอกจากน้ี ขอ ความหรอื ถอ ยคาํ ทอ่ี ยใู นชดุ เดยี วกนั หรอื เปน เรอ่ื งทาํ นองเดยี วกนั และเรยี งอยู ตอ เนอ่ื งกนั ถา มสี ว นทซ่ี า้ํ ตรงกนั อาจใชเ ครอ่ื งหมาย tilde (~) แทนความหรอื คาํ สว นหรอื ทอ นทซี่ าํ้ ตรงกนั นน้ั เพอ่ื ประหยดั เนอื้ ท่ี และชว ยไมใ หด ลู านตา เชน A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka-~; Akusala-~ พงึ ทราบและนาํ ไปใชในรูปทเ่ี ปนคาํ เต็มวา A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka- cetasika; Akusala-cetasika ดงั นเ้ี ปน ตน (หลกั ขอ นน้ี าํ มาใชก บั พากยภ าษาไทยดว ยบา ง เชน ความ หวงั , ~ใฝห า หมายถงึ คาํ เตม็ วา ความหวงั , ความใฝห า)

6 ง. ทมี่ าของหมวดธรรม 7. หมวดธรรมสว นมากมที ม่ี าหลายแหง ถา เปน หมวดธรรมพนื้ ๆ ไมจ าํ เปน ตอ งคน หาคาํ อธบิ ายแปลกๆ ออกไป ไดแ สดงทมี่ าไวแ ตพ อเปน ตวั อยา ง ถา เปน หมวดธรรมทชี่ วนใหค น หาคาํ อธบิ ายเทยี บเคยี งอยา ง กวา งขวาง ไดแ สดงทมี่ าไวห ลายแหง หมวดธรรมบางหมวดหาทม่ี ายาก ไดพ ยายามนาํ มาแสดงไวเ ทา ที่ จะหาได อยา งไรกต็ าม ในการพมิ พค รง้ั แรก คงจะบกพรอ งในเรอ่ื งนบี้ า ง เพราะบางหมวดทที่ าํ ในระยะ แรก ยงั ไมไ ดค าํ นงึ ถงึ ความมงุ หมายขอ นี้ คดิ แตเ พยี งจะแสดงทม่ี าพอเปน ตวั อยา งเทา นนั้ ในกรณมี ที ม่ี ามากมายหลายแหง ทงั้ ในพระไตรปฎ กและคมั ภรี ร นุ หลงั ถอื เอาพระไตรปฎ กเปน หลกั สว นทม่ี าในคมั ภรี ร นุ หลงั มอี รรถกถาเปน ตน ถา ไมม เี หตผุ ลสมควร อาจไมแ สดงไวเ ลย เพราะถอื เปน การเกนิ จาํ เปน 8. ทม่ี าทง้ั หลายไดแ สดงไวท งั้ ฝา ยภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เพอื่ สะดวกแกน กั ศกึ ษาและนกั คน ควา โดย ทวั่ ไป ผใู ชค วรสงั เกตดว ยวา ทม่ี าใดเปน คมั ภรี ใ นพระไตรปฎ กหรอื คมั ภรี ส มยั หลงั เพอื่ จะไดร จู กั หวั ขอ ธรรมตา งๆ อยา งถกู ตอ งชดั เจนยงิ่ ขน้ึ เฉพาะทม่ี าในพระไตรปฎ ก ฝา ยภาษาไทยหมายเอาพระไตรปฎ ก บาลอี กั ษรไทย ฉบบั สยามรฐั ชดุ 45 เลม จบ การอา งใชร ะบบ เลม /ขอ /หนา ตวั อยา ง: ข.ุ อติ .ิ 25/195/237 = ขทุ ทฺ กนกิ าย อติ วิ ตุ ตฺ ก พระไตรปฎ กเลม 25 ขอ 195 หนา 237 การอางท่ีมาโดยระบบน้ีชวยอํานวยความสะดวกแกผูมีพระไตรปฎกฉบับแปลภาษาไทย 25 พทุ ธ-ศตวรรษ สามารถใชร ว มไดด ว ย โดยเฉพาะฉบบั ทกี่ รมการศาสนาจดั พมิ พใ หม มี 45 เลม จบ เลข เลม และเลขขอ ตรงกนั ใชร ว มกนั ได แปลกเฉพาะเลขหนา ซง่ึ ใชก นั ไมไ ด (ความจรงิ การอา งแตเ ลม กบั ขอ เทา นนั้ กเ็ พยี งพออยแู ลว ) พระไตรปฎ กฝา ยภาษาองั กฤษ หมายเอาฉบบั บาลอี กั ษรโรมนั ของสมาคมบาลปี กรณ (The Pali Text Society) ในประเทศองั กฤษ ระบบการอา งใชอ ยา งทน่ี ยิ มกนั ทว่ั ไป อกั ษรยอ บอกชอื่ คมั ภรี ท ม่ี าตา งๆ และคมั ภรี ใ ดอยใู นพระไตรปฎ กหรอื เปน คมั ภรี ส มยั หลงั ไดท าํ บญั ชไี วเ ปน สว นหนง่ึ ตา งหากแลว ทง้ั ผา ยภาษาไทยและภาษาองั กฤษ [ดหู นา 7–10 ] จ. สารบญั และดชั นี 9. นอกจากสารบญั ทว่ั ไป แลว ในหนงั สอื นย้ี งั มสี ารบญั ละเอยี ดและดชั นตี า งๆ อกี เพอื่ ชว ยใหก ารศกึ ษา คน ควา หลกั ธรรมสะดวกและไดผ ลดยี ง่ิ ขน้ึ สารบญั และดชั นที ง้ั หลายจดั ทาํ ไวเ พอื่ สนองความมงุ หมาย ตา งๆ ดงั นี้ 1) สารบญั หมวดธรรม แสดงหมวดธรรมทงั้ หมดครบจาํ นวนและตรงตามลาํ ดบั ในหนงั สอื สารบญั น้ี จะชว ยใหค น หาหมวดธรรมทปี่ ระสงคไ ดส ะดวกรวดเรว็ ยงิ่ ขน้ึ และทาํ ใหส ามารถสาํ รวจเทยี บเคยี ง และเชอื่ มโยงหมวดธรรมตา งๆ ไดง า ยขน้ึ 2) สารบญั ประเภทธรรม นาํ เอาหมวดธรรมทงั้ หมดมาจดั รวมพวกใหม แยกเปน ประเภทๆ ตามเนอื้ หาและคณุ คา ในการปฏบิ ตั ิ สารบญั นจี้ ดั ทาํ ไวอ ยา งเสนอแนะพอเปน แนว แตม นั่ ใจวา จะเปน เครอ่ื ง ชว ยในการศกึ ษาคน ควา และเลอื กสรรหลกั ธรรมไปใชป ระโยชนไ ดเ ปน อยา งมาก 3) ดชั นคี น คาํ คอื ดชั นที จ่ี ดั ทาํ ไวท า ยพจนานกุ รมภาคท่ี 1 ทงั้ หมด นาํ เอาขอ ธรรมทงั้ หมด ทงั้ ทเ่ี ปน หมวดธรรมซง่ึ มเี ลขจาํ นวนตา งๆ กนั กด็ ี หวั ขอ ยอ ยทงั้ หลายทเ่ี ปน สว นประกอบของหมวดธรรม

7 ตา งๆ กด็ ี นาํ มาจดั เรยี งใหมต ามลาํ ดบั อกั ษรเปน ชดุ เดยี วกนั ทงั้ หมด พรอ มดว ยลาํ ดบั เลขหมวดทงั้ ปวงทจี่ ะพงึ คน หาขอ ธรรมนนั้ ๆ ได ผทู ท่ี ราบเพยี งชอื่ หมวดธรรมแตไ มท ราบจาํ นวนหวั ขอ กด็ ี ผทู ่ี ทราบแตเ พยี งขอ ยอ ยขอ ใดขอ หนง่ึ แตจ าํ ชอื่ หมวดธรรมไมไ ดก ด็ ี ผทู ต่ี อ งการศกึ ษาขอ ธรรมขอ ใด ขอ หนง่ึ ใหก วา งขวางออกไปกด็ ี ผทู ต่ี อ งการทราบความหมายของศพั ทธ รรมคาํ ใดคาํ หนง่ึ โดยเฉพาะ หรือตองการใชหนังสอื นีอ้ ยางพจนานกุ รมสามัญกด็ ี ยอมใชดัชนคี นคาํ นส้ี นองความตอ งการได สาํ เรจ็ ความประสงคอ ยา งรวดเรว็ อนง่ึ คาํ บางคาํ เขยี นไดห ลายอยา ง แตใ นดชั นคี น คาํ เรยี งไวอ ยา งเดยี ว เชน จาตมุ หาราชกิ า (เขยี น จาตมุ มหาราชกิ า กไ็ ด) ปพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ (เขยี น ปพุ เพนวิ าสานสุ ตญิ าณ หรอื บพุ เพนวิ าสานสุ ตญิ าณ กไ็ ด) พงึ ถอื วา เปน รปู ทถี่ กู ตอ งดว ยกนั ตามหลกั การเขยี นคาํ ทเ่ี ปน ธรรม บญั ญตั ใิ นพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2493 และ พ.ศ. 2525 เมอ่ื พบคาํ ทเี่ ขยี นในรปู อนื่ ซงึ่ หาไมพ บในดชั นคี น คาํ พงึ เทยี บเคยี งตามหลกั ภาษา ใหไ ดร ปู ทค่ี น ไดใ นดชั นคี น คาํ น้ี ในการพมิ พค รง้ั ที่ 4 (พ.ศ. 2527–2528) ไดย า ยดชั นคี น คาํ มาไวต น เลม เพอ่ื ใหใ ชง า ยยง่ิ ขนึ้ และได เพม่ิ ดชั นคี าํ บาลอี กั ษรโรมนั (Index of Pàli Terms) เขา มา เพอ่ื ประโยชนแ กผ ใู ชภ าคภาษาองั กฤษ เมอื่ ใชห นงั สอื น้ี พงึ ใชส ารบญั และดชั นตี า งๆ ใหเ ปน ประโยชนเ สมอ โดยเฉพาะควรใชเ ปน ทป่ี รกึ ษา อนั ดบั แรกกอ นสง่ิ อนื่

อกั ษรยอ ช่ือคัมภีร* เรียงตามอกั ขรวธิ แี หงมคธภาษา (ทีพ่ ิมพต ัวเอน คอื คมั ภรี ใ นพระไตรปฎ ก) องฺ.อ. องฺคตุ ฺตรนกิ าย อฏกถา ขุ.เถรี. ขทุ ฺทกนกิ าย เถรีคาถา (มโนรถปูรณี) ขุ.ธ. ขทุ ทฺ กนิกาย ธมมฺ ปท ขุ.ปฏิ. ขทุ ทฺ กนิกาย ปฏิสมภฺ ิทามคฺค อง.ฺ อฏ ก. องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย อฏกนิปาต ข.ุ เปต. ขทุ ทฺ กนกิ าย เปตวตฺถุ องฺ.เอก. องฺคุตฺตรนิกาย เอกนปิ าต ขุ.พทุ ฺธ. ขุทฺทกนกิ าย พุทฺธวํส อง.ฺ เอกาทสก.องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย เอกาทสกนิปาต ขุ.ม.,ข.ุ มหา. ขุทฺทกนกิ าย มหานทิ ฺเทส อง.ฺ จตกุ กฺ . องฺคุตตฺ รนกิ าย จตกุ กฺ นปิ าต ขุ.วิมาน. ขุทฺทกนกิ าย วิมานวตถฺ ุ อง.ฺ ฉกฺก. องคฺ ุตตฺ รนิกาย ฉกกฺ นปิ าต ขุ.ส.ุ ขทุ ฺทกนิกาย สตุ ตฺ นิปาต อง.ฺ ตกิ . องคฺ ตุ ฺตรนกิ าย ตกิ นิปาต ขุททฺ ก.อ. ขทุ ทฺ กปา อฏกถา องฺ.ทสก. องฺคตุ ตฺ รนกิ าย ทสกนปิ าต องฺ.ทกุ . องคฺ ตุ ตฺ รนิกาย ทุกนิปาต (ปรมตฺถโชติกา) อง.ฺ นวก. องฺคตุ ตฺ รนกิ าย นวกนปิ าต จริยา.อ. จริยาปฏ ก อฏ กถา องฺ.ปฺจก. องฺคุตฺตรนิกาย ปจฺ กนปิ าต องฺ.สตตฺ ก. องคฺ ุตตฺ รนกิ าย สตฺตกนิปาต (ปรมตถฺ ทีปนี) อป.อ. อปทาน อฏ กถา ชา.อ. ชาตกฏกถา เถร.อ. เถรคาถา อฏ กถา (วิสุทธฺ ชนวิลาสนิ )ี อภิ.ก. อภธิ มฺมปฎ ก กถาวตถฺ ุ (ปรมตฺถทีปน)ี อภิ.ธา. อภธิ มฺมปฎก ธาตกุ ถา เถรี.อ. เถรคี าถา อฏกถา อภิ.ป. อภธิ มฺมปฎ ก ปฏาน อภิ.ป.ุ อภิธมฺมปฎ ก ปคุ คฺ ลปฺตฺติ (ปรมตฺถทปี นี) อภิ.ยมก. อภิธมฺมปฎ ก ยมก ท.ี อ. ทีฆนกิ าย อฏกถา อภิ.ว.ิ อภธิ มฺมปฎ ก วภิ งคฺ อภ.ิ สํ. อภธิ มมฺ ปฎก ธมฺมสงฺคณี (สมุ งฺคลวลิ าสิน)ี อิติ.อ. อิติวตุ ฺตก อฏกถา ที.ปา. ทีฆนิกาย ปาฏกิ วคคฺ ที.ม. ทฆี นกิ าย มหาวคคฺ (ปรมตถฺ ทีปน)ี ท.ี สี. ทฆี นกิ าย สลี กฺขนธฺ วคคฺ อุ.อ.,อทุ าน.อ. อุทาน อฏกถา ธ.อ. ธมฺมปทฏ กถา นทิ ฺ.อ. นทิ เฺ ทส อฏกถา (ปรมตถฺ ทีปน)ี ข.ุ อป. ขทุ ทฺ กนกิ าย อปทาน (สทฺธมมฺ ปชโฺ ชติกา) ขุ.อิต.ิ ขทุ ฺทกนิกาย อิติวุตตฺ ก ปฺจ.อ. ปฺจปกรณ อฏกถา ข.ุ อุ. ขุทฺทกนกิ าย อทุ าน ขุ.ข.ุ ขุททฺ กนิกาย ขทุ ฺทกปา (ปรมตถฺ ทปี นี) ขุ.จรยิ า. ขทุ ฺทกนิกาย จริยาปฏ ก ปฏิสํ.อ. ปฏสิ มภฺ ิทามคคฺ อฏกถา ขุ.จ.ู ขุททฺ กนิกาย จูฬนิทฺเทส ขุ.ชา. ขุททฺ กนกิ าย ชาตก (สทธฺ มฺมปกาสนิ ี) ขุ.เถร. ขุททฺ กนิกาย เถรคาถา เปต.อ. เปตวตถฺ ุ อฏกถา (ปรมตฺถทีปนี) พุทธฺ .อ. พทุ ธฺ วํส อฏ กถา (มธุรตฺถวลิ าสินี) ม.อ. มชฺฌิมนิกาย อฏ กถา (ปปจฺ สทู นี) ____________________ * คัมภรี ชนั้ ฎกี าแสดงไวขา งตนเฉพาะทใ่ี ชกันอยใู นวงการศึกษาภาษาบาลีในประเทศไทย สวนท่ีนอกจากนไี้ มแ สดงไว พึงเขา ใจ เอง ตามแนววิธีในการใชอักษรยอสําหรับอรรถกถา ทีน่ าํ อ. ไปตอ ทา ยอักษรยอ ของคัมภีรใ นพระไตรปฎ ก เชน ท.ี อ., ม.อ., สํ.อ. เปน ตน (ในกรณีของฎีกา ก็นาํ ฏ.ี หรือ ฏกี า ไปตอ เปน ที.ฏี. หรือ ท.ี ฏีกา เปนตน)

ม.อุ. มชฺฌิมนกิ าย อปุ ริปณณฺ าสก 9 ม.ม. มชฌฺ ิมนกิ าย มชฺฌมิ ปณณฺ าสก ม.ม.ู มชฌฺ มิ นกิ าย มูลปณณฺ าสก (ปรมตฺถมฺชสุ า) มงคฺ ล. มงฺคลตฺถทีปนี สงฺคณี อ. สงฺคณี อฏ กถา มิลนิ ฺท. มลิ ินฺทปฺหา วนิ ย. วนิ ยปฏก (อฏ สาลิน)ี วินย.อ. วินย อฏ กถา สงฺคห. อภิธมฺมตถฺ สงฺคห สงฺคห.ฏีกา อภธิ มมฺ ตฺถสงคฺ ห ฏีกา (สมนตฺ ปาสาทิกา) วินย.ฏีกา วนิ ยฏ กถา ฏกี า (อภธิ มมฺ ตฺถวภิ าวนิ ี) ส.ํ อ. สยํ ตุ ตฺ นิกาย อฏกถา (สารตถฺ ทปี นี) วิภงคฺ .อ. วิภงฺค อฏกถา (สารตฺถปกาสนิ ี) สํ.ข. สยํ ตุ ฺตนกิ าย ขนฺธวารวคฺค (สมฺโมหวิโนทน)ี ส.น.ิ สํยุตฺตนกิ าย นทิ านวคฺค วิมาน.อ. วิมานวตฺถุ อฏ กถา ส.ม. สยํ ตุ ตฺ นกิ าย มหาวารวคคฺ ส.ส. สํยตุ ตฺ นกิ าย สคาถวคฺค (ปรมตฺถทีปนี) สํ.สฬ. สยํ ตุ ฺตนกิ าย สฬายตนวคคฺ วสิ ุทธฺ .ิ วสิ ทุ ฺธิมคฺค สุตฺต.อ. สตุ ตฺ นิปาต อฏ กถา วสิ ุทฺธ.ิ ฏกี า วิสทุ ธฺ มิ คฺค มหาฏกี า (ปรมตถฺ โชตกิ า)

Abbreviations of Scriptures (In italics are canonical works.) A. Aïguttaranikàya (5 vols.) Pañ. Paññhàna (Abhidhamma) AA. Aïguttaranikàya Aññhakathà PañA. Paññhàna Aññhakathà Ps. (Paramatthadãpanã) (Manorathapåraõã) PsA. Pañisambhidàmagga Ap. Apadàna (Khuddakanikàya) Ptk. (Khuddakanikàya) ApA. Apadàna Aññhakathà Pug. Pañisambhidàmagga Aññhakathà PugA. (Saddhammapakàsinã) (Visuddhajanavilàsinã) Pv. Peñakopadesa Bv. Buddhava§sa (Khuddakanikàya) PvA. Puggalapa¤¤atti(Abhidhamma) BvA. Buddhava§sa Aññhakathà S. Puggalapa¤¤atti Aññhakathà SA. (Paramatthadãpanã) (Madhuratthavilàsinã) Sn. Petavatthu (Khuddakanikàya) Comp. Compendium of Philosophy SnA. Petavatthu Aññhakathà Thag. (Paramatthadãpanã) (Abhidhammatthasaïgaha) ThagA. Sa§yuttanikàya (5 vols.) Cp. Cariyàpiñaka (Khuddakanikàya) Thãg. Sa§yuttanikàya Aññhakathà CpA. Cariyàpiñaka Aññhakathà ThãgA. (Sàratthapakàsinã) Ud. Suttanipàta (Khuddakanikàya) (Paramatthadãpanã) UdA. Suttanipàta Aññhakathà D. Dãghanikàya (3 vols.) Vbh. (Paramatthajotikà) DA. Dãghanikàya Aññhakathà VbhA. Theragàthà (Khuddakanikàya) Vin. Theragàthà Aññhakathà (Sumaïgalavilàsinã) VinA. (Paramatthadãpanã) DAò. Dãghanikàya Aññhakathà òãkà Vinò. Therãgàthà (Khuddakanikàya) Vism. Therãgàthà Aññhakathà (Lãnatthapakàsinã) Vismò (Paramatthadãpanã) Dh. Dhammapada (Khuddakanikàya) Vv. Udàna (Khuddakanikàya) DhA. Dhammapada Aññhakathà VvA. Udàna Aññhakathà Dhtk. Dhàtukathà (Abhidhamma) Yam. (Paramatthadãpanã) DhtkA. Dhàtukathà Aññhakathà YamA. Vibhaïga (Abhidhamma) Vibhaïga Aññhakathà (Paramatthadãpanã) (Sammohavinodanã) Dhs. Dhammasaïgaõã (Abhidhamma) Vinaya Piñaka (5 vols.) DhsA. Dhammasaïgaõã Aññhakathà Vinaya Aññhakathà (Samantapàsàdikà) (Aññhasàlinã) Vinaya Aññhakathà òãkà It. Itivuttaka (Khuddakanikàya) (Sàratthadãpanã) ItA. Itivuttaka Aññhakathà Visuddhimagga Visuddhimagga Mahàñãkà (Paramatthadãpanã) (Paramatthama¤jusà) J. Jàtaka (including its Aññhakathà) Vimànavatthu (Khuddakanikàya) Kh. Khuddakapàñha(Khuddakanikàya) Vimànavatthu Aññhakathà KhA. Khuddakapàñha Aññhakathà (Paramatthadãpanã) Yamaka (Abhidhamma) (Paramatthajotikà) Yamaka Aññhakathà Kvu. Kathàvatthu (Abhidhamma) (Paramatthadãpanã) KvuA. Kathàvatthu Aññhakathà (Paramatthadãpanã) M. Majjhimanikàya (3 vols.) MA. Majjhimanikàya Aññhakathà (Papa¤casådanã) Miln. Milindapa¤hà Nd 1 Mahàniddesa (Khuddakanikàya) Nd 2 Cåëaniddesa (Khuddakanikàya) NdA. Niddesa Aññhakathà (Saddhammapajjotikà) Nett. Nettipakaraõa

สารบญั หมวดธรรม เอกกะ – หมวด 1 [30] บูชา 2 [1] กัลยาณมิตตตา [31] ปฏิสันถาร 2 [2] โยนโิ สมนสิการ [32] ปธาน 2 [3] อัปปมาทะ [33] ปริเยสนา 2 [34] ปจจยั ใหเ กดิ สมั มาทฏิ ฐิ 2 ทุกะ – หมวด 2 [35] ปาพจน 2 [4] กรรม 2 [,,] พทุ ธคณุ 2 [304] [,] กรรมฐาน 2 [36] [,,] พทุ ธคุณ 3 [305] [5] กาม 2 [,,] ไพบูลย 2 [44] [6] กามคุณ 5 [36] ภาวนา 2 [7] ฌาน 2 [37] ภาวนา 4 [8] ฌาน 2 ประเภท [38] รูป 2, 28 [9] ฌาน 4, 5 [39] มหาภตู หรือ ภตู รูป 4 [10] ฌาน 8 [40] อปุ าทารปู หรอื อปุ าทายรปู 24 [11] ทาน 21 [41] รปู 2 [12] ทาน 22 [42] ฤทธิ์ 2 [13] ทิฏฐิ 2 [,,] โลกบาลธรรม 2 [23] [14] ทฏิ ฐิ 3 [43] วมิ ตุ ติ 2 [15] ที่สดุ (อันตา) 2 [,,] เวทนา 2 [110] [16] ทกุ ข 2 [44] เวปุลละ 2 [17] เทศนา 21 [45] สมาธิ 2 [18] เทศนา 22 [46] สมาธิ 31 [19] ธรรม 21 [47] สมาธิ 32 [20] ธรรม 22 [48] สงั ขาร 2 [21] ธรรม 23 [49] สังคหะ 2 [22] ธรรม 24 [50] สจั จะ 2 [23] ธรรมคุมครองโลก 2 [51] สาสน หรอื ศาสนา 2 [24] ธรรมทาํ ใหงาม 2 [52] สขุ 21 [,,] ธรรมท่ที รงเห็นคณุ 2 [65] [53] สุข 22 [,,] ธรรมเปนโลกบาล 2 [23] [54] สุทธิ 2 [25] ธรรมมอี ุปการะมาก 2 [,,] อรหันต 2 [61] [26] ธุระ 2 [55] อริยบคุ คล 2 [27] นพิ พาน 2 [56] อรยิ บคุ คล 4 [28] บัญญตั ิ 2, 6 [57] อริยบคุ คล 8 [29] บคุ คลหาไดย าก 2 [58] โสดาบนั 3

[59] สกทาคามี 3, 5 12 [60] อนาคามี 5 [91] ปปญ จะ 3 [61] อรหนั ต 2 [92] ปริญญา 3 [62] อรหันต 4, 5, 60 [,,] ปหาน 3 [224] [63] อรยิ บุคคล 7 [93] ปญ ญา 3 [64] อัตถะ 2 [94] ปาฏิหารยิ  3 [65] อุปญญาตธรรม 2 [95] ปาปณิกธรรม 3 [,,] ปฎ ก 3 [75] ตกิ ะ – หมวด 3 [,,] พทุ ธคุณ 3 [305] [66] กรรม 3 [96] พทุ ธจรยิ า 3 [67] กุศลมูล 3 [97] พทุ ธโอวาท 3 [68] อกศุ ลมูล 3 [98] ภพ 3 [69] กศุ ลวติ ก 3 [99] ภาวนา 3 [70] อกุศลวิตก 3 [100] รัตนตรัย [71] โกศล 3 [101] ลทั ธินอกพระพทุ ธศาสนา 3 [72] ญาณ 31 [102] โลก 31 [73] ญาณ 32 [103] โลก 32 [74] ตณั หา 3 [104] โลก 33 [75] ไตรปฎ ก [105] วัฏฏะ 3 หรือ ไตรวัฏฏ [,,] ไตรรตั น [100] [106] วชิ ชา 3 [76] ไตรลักษณ [,,,] วิปล ลาส 3 ระดบั [178] [,,] ไตรสิกขา [124] [107] วิโมกข 3 [77] ทวาร 3 [108] วริ ตั ิ 3 [78] ทวาร 6 [109] วเิ วก 3 [,,] ทฏิ ฐิ 3 [14] [110] เวทนา 2 [79] ทกุ ขตา 3 [111] เวทนา 3 [80] ทุจริต 3 [112] เวทนา 5 [81] สุจริต 3 [113] เวทนา 6 [82] เทพ 3 [114] สมบัติ 31 [83] เทวทตู 3 [115] สมบตั ิ 32 หรือ ทานสมบตั ิ 3 [,,] เทวทตู 4 [150] [,,,] สมาธิ 3 [46], [47] [84] เทวทูต 5 [116] สรณะ 3 หรือ ไตรสรณะ [85] ธรรม 3 [117] สงั ขตลกั ษณะ 3 [86] ธรรมนยิ าม 3 [118] อสงั ขตลกั ษณะ 3 [87] นมิ ิต หรอื นิมติ ต 3 [119] สังขาร 31 [88] บญุ กิริยาวตั ถุ 3 [120] สังขาร 32 [89] บุญกริ ิยาวัตถุ 10 [121] สทั ธรรม 3 [90] บุตร 3 [122] สนั โดษ 3, 12 [123] สปั ปุรสิ บัญญตั ิ 3

[,,,] สามญั ลักษณะ 3 [75] 13 [124] สิกขา 3 หรอื ไตรสกิ ขา [147] ธาตุกัมมัฏฐาน 4 [,,,] สุจรติ 3 [81] [148] ธาตุ 6 [,,,] โสดาบัน 3 [58] [149] ธาตุกมั มฏั ฐาน 6 [,,,] อกุศลมลู 3 [68] [150] นิมิต 4 [,,,] อกศุ ลวติ ก 3 [70] [151] บรษิ ทั 41 [125] อธิปไตย 3 [152] บรษิ ทั 42 [126] อนุตตริยะ 3 [153] บคุ คล 4 [127] อนุตตรยิ ะ 6 [154] ปฏปิ ทา 4 [128] อปณ ณกปฏปิ ทา 3 [155] ปฏิสมั ภิทา 4 [129] อภสิ งั ขาร 3 [156] ปธาน 4 [130] อคั คิ 31 [157] ปรมัตถธรรม 4 [131] อัคคิ 32 หรือ อคั คิปารจิ รยิ า [158] ประมาณ หรือ ปมาณกิ 4 [132] อัตถะ หรอื อรรถ 31 [159] ปจจยั 4 [133] อัตถะ หรือ อรรถ 32 [,,,] ปญญาวุฒธิ รรม 4 [179] [134] อาการท่พี ระพทุ ธเจา ทรงสั่งสอน 3 [160] ปารสิ ุทธิศีล 4 [135] อาสวะ 3 [,,,] ผล 4 [165] [136] อาสวะ 4 [,,,] พร 4 [227] [,,,] โอวาทของพระพุทธเจา 3 [97] [161] พรหมวิหาร 4 [,,,] พละ 4 [229] จตุกกะ – หมวด 4 [,,,] พทุ ธลีลาในการสอน 4 [172] [137] กรรมกเิ ลส 4 [,,,] ภาวนา 4 [37] [,,,] กัลยาณมติ ร 4 [169] [,,,] ภาวติ 4 [37] [,,,] กจิ ในอรยิ สัจจ 4 [205] [162] ภมู ิ 4 [138] กุลจริ ัฏฐิติธรรม 4 [163] โภควภิ าค 4 [139] ฆราวาสธรรม 4 [164] มรรค 4 [140] จักร 4 [165] ผล 4 [141] เจดีย 4 [166] มหาปเทส 41 [,,,] ฌาน 4 [9] [167] มหาปเทส 42 [142] ถูปารหบุคคล 4 [168] มติ รปฏิรปู ก หรือ มติ รเทยี ม 4 [143] ทักขิณาวสิ ุทธิ 4 [169] สุหทมติ ร หรอื มติ รแท 4 [,,,] ทรัพยจ ดั สรรเปน 4 สว น [163] [170] โยคะ 4 [144] ทฏิ ฐธัมมกิ ัตถฯ 4 [171] โยนิ 4 [,,,] เทวทูต 4 [150] [,,,] ราชสังคหวตั ถุ 4 [187] [,,,] ธรรมมีอปุ การะมาก 4 [140] [172] ลีลาการสอน 4 [,,,] ธรรมเปน เหตุใหสมหมาย 4 [191] [173] วรรณะ 4 [145] ธรรมสมาทาน 4 [174] วิธีปฏบิ ัติตอ ทกุ ข–สุข 4 [146] ธาตุ 4 [175] วบิ ตั ิ 41 [176] วบิ ัติ 42

[177] สมบัติ 4 14 [178] วปิ ล ลาส หรือ วิปลาส 4 [210] อนั ตรายของภกิ ษุสามเณรผูบวชใหม 4 [179] วุฒิธรรม 4 [,,,] อปั ปมัญญา 4 [161] [180] เวสารัชชะ หรือ เวสารัชชญาณ 4 [211] อาจารย 4 [181] ศรทั ธา 4 [,,,] อาสวะ 4 [136] [182] สติปฏฐาน 4 [212] อาหาร 4 [183] สมชวี ิธรรม 4 [213] อทิ ธบิ าท 4 [184] สมาธภิ าวนา 4 [214] อุปาทาน 4 [185] สังขาร 4 [215] โอฆะ 4 [186] สงั คหวัตถุ 4 [187] สังคหวัตถุของผคู รองแผน ดนิ 4 ปญจกะ – หมวด 5 [188] สงั เวชนียสถาน 4 [,,,] กลั ยาณธรรม 5 [239] [189] สมั ปชญั ญะ 4 [,,,] กามคุณ 5 [6] [190] สัมปทา หรอื สัมปทาคุณ 4 [,,,] กาํ ลัง 5 ของพระมหากษตั ริย [230] [191] สมั ปรายิกตั ถสังวตั ตนกิ ธรรม 4 [216] ขันธ 5 หรอื เบญจขนั ธ [,,,] สัมมปั ปธาน 4 [156] [,,,] คติ 5 [351] [192] สุขของคฤหัสถ 4 [217] จักขุ 5 [,,,] สหุ ทมิตร 4 [169] [,,,] ฌาน 5 [9] [193] โสดาปต ติยงั คะ 41 [218] ธรรมขันธ 5 [194] โสดาปต ติยังคะ 42 [219] ธรรมเทสกธรรม 5 [195] โสดาปตตยิ ังคะ 43 [220] ธรรมสมาธิ 5 [,,,] หลักการแบงทรัพย 4 สวน [163] [221] ธรรมสวนานสิ งส 5 [196] อคติ 4 [222] นวกภิกขธุ รรม 5 [197] อธษิ ฐาน หรือ อธษิ ฐานธรรม 4 [223] นิยาม 5 [198] อบาย 4, อบายภมู ิ 4; และ [351] [224] นโิ รธ 5 [199] อบายมขุ 4 [225] นิวรณ 5 [200] อบายมขุ 6 [,,,] เบญจธรรม [239] [201] วัฒนมุข 6 [,,,] เบญจศลี [238] [202] อปสเสนะ หรือ อปสเสนธรรม 4 [,,,] ประโยชนท คี่ วรถอื เอาจากโภคทรพั ย 5 [232] [,,,] อรหนั ต 4 [62] [,,,] ปหาน 5 [224] [,,,] อริยบคุ คล 4 [56] [,,,] ปญ จกัชฌาน [9] [203] อริยวงศ 4 [226] ปต ิ 5 [204] อรยิ สัจจ 4 [227] พร 5 [205] กิจในอรยิ สัจจ 4 [228] พละ 5 [206] ธรรม 4 [229] พละ 4 [207] อรปู หรอื อารปุ ป 4 [230] พละ 5 ของพระมหากษตั ริย [208] อวชิ ชา 4 [231] พหสู ตู มีองค 5 [209] อวชิ ชา 8 [232] โภคอาทิยะ, โภคาทยิ ะ 5 [233] มจั ฉรยิ ะ 5

[234] มาร 5 15 [,,,] มิจฉาวณชิ ชา 5 [235] [235] วณิชชา 5 ฉักกะ – หมวด 6 [,,,] วฑั ฒ,ิ วฒั ิ หรือ วฒุ ิ 5 [249] [261] คารวะ หรือ คารวตา 6 [236] วิมตุ ติ 5 [262] จริต หรือ จริยา 6 [,,,] เวทนา 5 [112] [263] เจตนา หรือ สญั เจตนา 6 [237] เวสารชั ชกรณธรรม 5 [264] ตณั หา 6 [238] ศีล 5 หรือ เบญจศีล [,,,] ทวาร 6 [78] [239] เบญจธรรม หรือ เบญจกัลยาณธรรม [265] ทศิ 6 [240] ศลี 8 หรอื อัฏฐศลี [,,,] ธรรมคุณ 6 [306] [241] ศีล 8 ทั้งอาชวี ะ หรือ อาชวี ัฏฐมกศีล [,,,] ธาตุ 6 [148] [242] ศลี 10 หรือ ทศศลี [,,,] บญั ญัติ 2, 6 [28] [,,,] สกทาคามี 5 [59] [266] ปยรปู สาตรปู 6 × 10 [,,,] สมบัตขิ องอุบาสก 5 [259] [267] ภพั พตาธรรม 6 [243] สังวร 5 [268] วญิ ญาณ 6 [244] สุทธาวาส 5 [,,,] เวทนา 6 [113] [,,,] องคแหง ธรรมกถกึ 5 [219] [269] เวปลุ ลธรรม 6 [,,,] องคแหงภกิ ษุใหม 5 [222] [270] สวรรค 6 [245] อนันตริยกรรม 5 [,,,] สัญเจตนา 6 [263] [,,,] อนาคามี 5 [60] [271] สัญญา 6 [246] อนปุ ุพพกิ ถา 5 [272] สมั ผสั หรือ ผสั สะ 6 [247] อภณิ หปจ จเวกขณ 5 [273] สารณยี ธรรม 6 [248] ปพ พชติ อภณิ หปจเวกขณ 10 [,,,] อนุตตรยิ ะ 6 [127] [,,,] อรหนั ต 5 [62] [274] อภิญญา 6 [249] อริยวัฑฒิ หรือ อารยวฒั ิ 5 [275] อภฐิ าน 6 [250] อายุสสธรรม หรือ อายุวัฒนธรรม 5 [276] อายตนะภายใน 6 [,,,] อารยวฒั ิ 5 [249] [277] อายตนะภายนอก 6 [251] อาวาสกิ ธรรม 51 [252] อาวาสิกธรรม 52 สตั ตกะ – หมวด 7 [253] อาวาสกิ ธรรม 53 [278] กลั ยาณมิตรธรรม 7 [254] อาวาสกิ ธรรม 54 [279] ธรรมมอี ุปการะมาก 7 [292] [255] อาวาสิกธรรม 55 [280] บุพนมิ ิตแหงมรรค 7 [256] อาวาสิกธรรม 56 [281] โพชฌงค 7 [257] อาวาสกิ ธรรม 57 [282] ภรรยา 7 [258] อนิ ทรยี  5 [283] เมถุนสงั โยค 7 [259] อบุ าสกธรรม 5 [284] วญิ ญาณฐติ ิ 7 [260] อบุ าสกธรรม 7 [285] วสิ ุทธิ 7 [286] สัปปายะ 7 [287] สัปปรุ ิสธรรม 71 [,,,] สัปปุรสิ ธรรม 72 [301]

[,,,] สมบตั ิของอุบาสก 7 [260] 16 [,,,] องคค ุณของกลั ยาณมติ ร 7 [278] [310] โลกตุ ตรธรรม 9 [288] อนสุ ัย 7 [311] วิปสสนาญาณ 9 [289] อปรหิ านยิ ธรรม 71 [312] สัตตาวาส 9 [290] อปรหิ านยิ ธรรม 72 [313] อนุบุพพวหิ าร 9 [291] อปริหานิยธรรม 73 [292] อริยทรัพย 7 ทสกะ – หมวด 10 [,,,] อรยิ บคุ คล 7 [63] [314] กถาวตั ถุ 10 [,,,] อบุ าสกธรรม 7 [260] [315] กสิณ 10 [316] กามโภคี 10 อฏั ฐกะ – หมวด 8 [317] กาลามสตู รกงั ขานิยฐาน 10 [,,,] ฌาน 8 [10] [318] กิเลส 10 [293] มรรคมอี งค 8 หรอื อัฏฐงั คกิ มรรค [319] กศุ ลกรรมบถ 101 [294] ลกั ษณะตัดสินธรรมวินัย 8 [320] กุศลกรรมบถ 102 [295] ลักษณะตัดสนิ ธรรมวนิ ยั 7 [321] อกุศลกรรมบถ 10 [296] โลกธรรม 8 [322] เถรธรรม 10 [297] วชิ ชา 8 [323] ทศพลญาณ [298] วิโมกข 8 [,,,] ทศพิธราชธรรม [326] [,,,] ศีล 8 [240] [,,,] ธรรมจรยิ า 10 [320] [299] สมาบัติ 8 [,,,] ธรรมมีอปุ การะมาก 10 [324] [300] สัปปรุ ิสทาน 8 [324] นาถกรณธรรม 10 [301] สปั ปรุ ิสธรรม 8 [325] บารมี 10 หรือ ทศบารมี [,,,] หลกั ตดั สินธรรมวนิ ัย 8 [294] [,,,] บญุ กิริยาวตั ถุ 10 [89] [,,,] อริยอฏั ฐังคิกมรรค [293] [,,,] ปพพชิตอภิณหปจจเวกขณ 10 [248] [,,,] อรยิ บคุ คล 8 [57] [,,,] มิจฉัตตะ 10 [334] [,,,] อวิชชา 8 [209] [,,,] มูลเหตุการบญั ญตั ิพระวินยั 10 [327] [,,,] อาชวี ัฏฐมกศีล [241] [326] ราชธรรม 10 หรอื ทศพิธราชธรรม [,,,] อโุ บสถศลี [240] [327] วตั ถปุ ระสงคในการบัญญัตพิ ระวนิ ัย 10 [,,,] วปิ ส สนาญาณ 10 [311] นวกะ – หมวด 9 [328] วิปสสนปู กิเลส 10 [302] นวังคสัตถศุ าสน [,,,] ศลี 10 [242] [303] พุทธคณุ 9 [329] สงั โยชน 101 [304] พทุ ธคุณ 2 [330] สงั โยชน 102 [305] พุทธคุณ 3 [331] สญั ญา 10 [306] ธรรมคุณ 6 [332] สัทธรรม 10 [307] สังฆคณุ 9 [333] สมั มัตตะ 10 [308] มละ 9 [334] มจิ ฉัตตะ 10 [309] มานะ 9 [,,,] อกศุ ลกรรมบถ 10 [321] [335] อนุสติ 10

[,,,] อภณิ หปจจเวกขณ 10 [248] 17 [,,,] อเสขธรรม 10 [333] [,,,] รปู พรหม, พรหมโลก 16 [351] [336] อสุภะ 10 [346] อานาปานสติ 16 ฐาน [337] อันตคาหกิ ทิฏฐิ 10 [347] อปุ กเิ ลส หรอื จติ ตอุปกิเลส 16 [348] ธาตุ 18 อตเิ รกทสกะ – หมวดเกนิ 10 [349] อนิ ทรีย 22 [338] กรรม 12 [350] ปจ จยั 24 [339] จกั รวรรดวิ ตั ร 12 [,,,] รปู 28 [38] [340] ปฏจิ จสมุปบาท 12 [351] ภมู ิ 4 หรือ 31 [,,,] ปจจยาการ 12 [340] [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37 [,,,] สนั โดษ 12 [122] [353] มงคล 38 [341] อายตนะ 12 [354] กรรมฐาน 40 [342] ธดุ งค 13 [355] เจตสกิ 52 [343] กจิ หรือ วิญญาณกจิ 14 [356] จิต 89 หรอื 121 [344] จรณะ 15 [357] ตัณหา 108 [345] ญาณ 16 หรอื โสฬสญาณ [358] เวทนา 108 [359] กิเลส 1500

สารบัญประเภทธรรม I. ธรรมทเ่ี ปนหลกั ใหญใจความ [68] อกศุ ลมลู 3 ความเปน มนษุ ย) [135] อาสวะ 3 [81] สุจรติ 3 1. ธรรมทีเ่ ปนหลักทวั่ ไป (หรอื มี [136] อาสวะ 4 [125] อธิปไตย 3 [340] ปฏิจจสมุปบาท 12 [132] อตั ถะ หรือ อรรถ31 ขอบเขตครอบคลุม) [350] ปจ จัย 24 [133] อัตถะ หรอื อรรถ 32 [19] ธรรม 21 ค. สจั ฉกิ าตพั พธรรม และธรรมท่ี [161] พรหมวหิ าร 4 [20] ธรรม 22 [197] อธษิ ฐานธรรม 4 [21] ธรรม 23 เกยี่ วขอ ง [239] เบญจธรรม [22] ธรรม 24 [27] นพิ พาน 2 [229] พละ 4 [35] ปาพจน 2 [43] วิมตุ ติ 2 [237] เวสารัชชกรณธรรม 5 [50] สจั จะ 2 [52] สุข 21 [238] ศลี 5 หรอื เบญจศลี [51] ศาสนา 2 [53] สขุ 22 [241] อาชีวัฏฐมกศีล [ ],,, ไตรรตั น [100] [132] อัตถะ 31 [287] สปั ปรุ ิสธรรม 71 [85] ธรรม 3 [133] อัตถะ 32 [301] สปั ปรุ ิสธรรม 8 [100] รตั นตรัย [164] มรรค 4 [319, 320] กุศลกรรมบถ 10 [116] ไตรสรณะ [165] ผล 4 [324] นาถกรณธรรม 10 [121] สัทธรรม 3 [310] โลกุตตรธรรม 9 2. ธรรมเพื่อดําเนินชีวิตใหงอก [157] ปรมตั ถธรรม 4 ง. ภาเวตัพพธรรม ธรรมท่ีพึง [204] อรยิ สัจจ 4 งามบรรลุประโยชนสุข [206] ธรรม 4 ปฏบิ ตั ิ (ไมจ ดั ตามลาํ ดบั จาํ นวน) [1] กลั ยาณมติ ตตา 2. ธรรมทีเ่ ปนหลกั การสําคัญ* [34] ปจจัยแหง สัมมาทิฏฐิ 2 [2] โยนิโสมนสิการ [280] บุพนมิ ติ แหง มรรค 7 [3] อัปปมาทะ (จดั โดยสงเคราะหใ นอริยสัจจ 4) [97] พุทธโอวาท 3 [24] ธรรมทาํ ใหงาม 2 ก. ปริญไญยธรรม และธรรมที่ [124] ไตรสกิ ขา, สกิ ขา 3 [25] ธรรมมอี ปุ การะมาก 2 [88] บุญกริ ยิ าวตั ถุ 3 [33] ปริเยสนา 2 เก่ยี วของ [89] บุญกิริยาวตั ถุ 10 [34] ปจ จัยใหเ กดิ สมั มาทฏิ ฐิ 2 [76] ไตรลักษณ [36] ภาวนา 2 [37] ภาวนา 4 [79] ทกุ ขตา 3 [37] ภาวนา 4 [65] อปุ ญ ญาตธรรม 2 [86] ธรรมนยิ าม 3 [293] มรรคมอี งค 8 [71] โกศล 3 [148] ธาตุ 6 [319, 320] กศุ ลกรรมบถ 10 [93] ปญญา 3 [216] ขนั ธ 5 [352] โพธปิ ก ขิยธรรม 37 [128] อปณณกปฏิปทา 3 [223] นิยาม 5 [140] จกั ร 4 [341] อายตนะ 12 – [182] สติปฏ ฐาน 4 [179] วฒุ ธิ รรม 4 ข. ปหาตพั พธรรม และธรรมทเี่ กยี่ ว – [156] ปธาน 4 [191] สมั ปรายิกตั ถฯ 4 – [213] อิทธิบาท 4 [201] วัฒนมขุ 6 ขอ ง – [258] อินทรีย 5 [213] อิทธบิ าท 4 [66] กรรม 3 – [228] พละ 5 [229] พละ 4 [74] ตัณหา 3 – [281] โพชฌงค 7 [231] พหสู ตู มีองค 5 [91] ปปญจธรรม 3 – [293] มรรคมอี งค 8 [237] เวสารชั ชกรณธรรม 5 _______________ [249] อริยวฑั ฒิ 5 *การจัดหมวดหมูในท่ีน้ีมิใชเปนการจัด II. ธรรมสําหรบั ทกุ คน [267] ภพั พตาธรรม 6 อยา งละเอยี ด และไมเ ครง ครดั แตม งุ เพื่อประโยชนในการศึกษาคนควาเปน 1. ธรรมเพ่ือเปนคุณสมบัติของ สาํ คญั (ธรรมใน I.1 นาํ มาจดั เขา เปน หมวดตา งๆ ของ I.2 ไดด ว ย แตไ ม สปั ปรุ สิ ชน (หรอื ธรรมเพอื่ เสรมิ ตอ งการใหซ าํ้ จงึ จดั ไวท เ่ี ดยี ว)

19 [269] เวปุลลธรรม 6 [289] อปริหานยิ ธรรม 71 V. ธรรมสําหรับอุบาสก คือ ผู [280] บพุ นิมติ แหง มรรค 7 [326] ราชธรรม 10 ใกลชิดศาสนา [292] อริยทรัพย 7 [327] วตั ถุประสงคใ นการบญั ญตั ิพระ [325] บารมี 10 1. ธรรมท่ีพงึ มี พึงปฏบิ ัติ [353] มงคล 38 วนิ ยั 10 [88] บญุ กิรยิ าวตั ถุ 3 3. ธรรมเพ่ือพิจารณาเตือนสติมิ [339] จกั รวรรดวิ ตั ร 12 [89] บุญกิรยิ าวัตถุ 10 [123] สัปปุรสิ บัญญัติ 3 ใหป ระมาท IV. ธรรมสําหรับคฤหัสถหรือผู [181] ศรัทธา 4 [83] เทวทูต 3 ครองเรอื น [ ],,, สมบัติของอบุ าสก 5 [259] [,,] เทวทตู 4 [150] [240] ศลี 8 [84] เทวทูต 5 1. ธรรมเพ่ือชวี ติ ครอบครัว [241] อาชีวัฏฐมกศีล [150] นิมติ 4 [90] บุตร 3 [242] ศีล 10 [234] มาร 5 [131] อัคคิ 32 [249] อริยวฑั ฒิ 5 [247] อภณิ หปจ จเวกขณ 5 [138] กุลจิรฏั ฐติ ธิ รรม 4 [259] อบุ าสกธรรม 5 [250] อายุวฒั นธรรม 5 [139] ฆราวาสธรรม 4 [260] อบุ าสกธรรม 7 [296] โลกธรรม 8 [183] สมชวี ิธรรม 4 [301] สัปปรุ ิสธรรม 8 [282] ภรรยา 7 [ ],,, อุโบสถศีล [240] III .ธรรมเพื่อความดีงามแหง 2 . ธรรมเพื่อความสัมพันธใน 2. ธรรมท่พี งึ หลีกเวน สงั คม [235] วณิชชา 5 สงั คม [275] อภฐิ าน 6 1. ธรรมเพือ่ สงเสริมชีวิตท่ดี รี วม [131] อคั คิ 32 3. ธรรมที่พึงทราบเพ่ือเสริมการ กัน [139] ฆราวาสธรรม 4 [158] ประมาณ 4 ปฏบิ ัติ [11] ทาน 21 [168] มิตรเทยี ม 4 [32] ปธาน 2 [12] ทาน 22 [169] มติ รแท 4 [33] ปรเิ ยสนา 2 [23] ธรรมคมุ ครองโลก 2 [265] ทิศ 6 [114] สมบัติ 3 [29] บุคคลหาไดยาก 2 [278] กัลยาณมิตรธรรม 7 [115] ทานสมบตั ิ 3 [30] บูชา 2 3 . ธรรมเพ่ือความอยูดีทาง [126] อนตุ ตรยิ ะ 3 [31] ปฏสิ นั ถาร 2 [127] อนตุ ตริยะ 6 [42] ฤทธ์ิ 2 เศรษฐกิจ [143] ทักขิณาวสิ ทุ ธิ 4 [44] เวปุลละ 2 [95] ปาปณกิ ธรรม 3 [190] สัมปทาคณุ 4 [49] สงั คหะ 2 [ ],,, การจัดสรรทรัพยใ ช 4 [163] [221] ธรรมสวนานสิ งส 5 [123] สัปปุรสิ บัญญัติ 3 [144] ทฏิ ฐธัมมิกัตถฯ 4 [300] สัปปุริสทาน 8 [139] ฆราวาสธรรม 4 [159] ปจจัย 4 [ ],,, อโุ บสถศลี [240] [186] สงั คหวตั ถุ 4 [163] โภควิภาค 4 [261] คารวะ 6 [192] สุขของคฤหสั ถ 4 VI. ธรรมสาํ หรบั ภกิ ษสุ งฆ [273] สารณยี ธรรม 6 [ ],,, ประโยชนจ ากทรัพย 5 [232] [300] สัปปุริสทาน 8 [232] โภคอาทิยะ 5 1. ธรรมเพ่ือความดีงามในฐาน 2. ธรรมเพอื่ ปกครอง คอื จัดและ [316] กามโภคี 10 4. ธรรมทค่ี ฤหัสถพ ึงหลกี เวน เปนภิกษุ คุม ครองชีวติ ทด่ี รี วมกัน [137] กรรมกิเลส 4 [26] ธรุ ะ 2 [125] อธิปไตย 3 [168] มติ รเทยี ม 4 [159] ปจ จยั 4 [161] พรหมวิหาร 4 [196] อคติ 4 [160] ปารสิ ทุ ธิศลี 4 [186] สังคหวัตถุ 4 [199] อบายมุข 4 [175] วิบัติ 41 [187] ราชสงั คหวตั ถุ 4 [200] อบายมขุ 6 [202] อปส เสนธรรม 4 [196] อคติ 4 [245] อนันตรยิ กรรม 5 [203] อรยิ วงศ 4 [230] พละ 5 ของพระมหากษัตริย [210] อนั ตรายของภิกษุใหม 4

20 [222] นวกภกิ ขธุ รรม 5 1. ธรรมดา หรือ กฎธรรมชาติ [129] อภสิ ังขาร 3 [227] พร 5 [4] กรรม 2 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 1) [242] ศีล 10 [66] กรรม 3 [146] ธาตุ 4 [243] สังวร 5 [76] ไตรลกั ษณ [148] ธาตุ 6 [ ],,, องคแ หง ภกิ ษุใหม 5 [222] [86] ธรรมนยิ าม 3 [157] ปรมัตถธรรม 4 [247] อภณิ หปจจเวกขณ 5 [105] วฏั ฏะ 3 [185] สังขาร 4 [248] ปพ พชติ อภิณหปจ จเวกขณ 10 [117] สังขตลักษณะ 3 [204] อรยิ สัจจ 4 (ขอ ที่ 1) [283] เมถุนสังโยค 7 [118] อสังขตลกั ษณะ 3 [212] อาหาร 4 [291] อปรหิ านยิ ธรรม 73 [145] ธรรมสมาทาน 4 [216] ขันธ 5 [342] ธดุ งค 13 [176] วิบตั ิ 42 [263] เจตนา 6 2. ธรรมเพื่อความดีงามในฐาน [177] สมบตั ิ 4 [263] ปย รูป สาตรปู 6 × 10 [223] นิยาม 5 [268] วิญญาณ 6 เปน สมาชิกแหงสงฆ [338] กรรม 12 [271] สญั ญา 6 [211] อาจารย 4 [340] ปฏิจจสมปุ บาท 12 [272] สมั ผัส 6 [251] อาวาสิกธรรม 51 [343] กจิ หรือ วญิ ญาณกิจ 14 [276] อายตนะภายใน 6 [252] อาวาสกิ ธรรม 52 [350] ปจจยั 24 [277] อายตนะภายนอก 6 [253] อาวาสกิ ธรรม 53 2. สภาวะอนั พึงรตู ามทเ่ี ปน [341] อายตนะ 12 [254] อาวาสิกธรรม 54 [6] กามคุณ 5 [348] ธาตุ 18 [255] อาวาสิกธรรม 55 [16] ทุกข 2 [349] อนิ ทรยี  22 [256] อาวาสกิ ธรรม 56 [19] ธรรม 21 [355] เจตสิก 52 [257] อาวาสิกธรรม 57 [20] ธรรม 22 [356] จติ 89 หรอื 121 [261] คารวะ หรือ คารวตา 6 [21] ธรรม 23 [358] เวทนา 108 [273] สารณยี ธรรม 6 [22] ธรรม 24 3. สภาวะเนอ่ื งดวยระดับชวี ิตจิต [290] อปรหิ านิยธรรม 72 [28] บัญญัติ 2 [314] กถาวัตถุ 10 [38] รูป 2, 28 ใจของสตั ว [322] เถรธรรม 10 [39] มหาภตู 4 [82] เทพ 3 [324] นาถกรณธรรม 10 [40] อปุ าทารูป 24 [98] ภพ 3 [327] วัตถปุ ระสงคใ นการบัญญัตพิ ระ [41] รปู 2 [103] โลก 32 [48] สังขาร 2 [104] โลก 33 วินัย 10 [50] สจั จะ 2 [162] ภูมิ 4 3. ธรรมเพื่อความดีงาม ความ [52] สุข 21 [171] โยนิ 4 [53] สขุ 22 [198] อบาย 4 สําเรจ็ ในฐานเปน ผสู ง่ั สอน [77] ทวาร 3 [207] อรปู 4 [17] เทศนา 21 [78] ทวาร 6 [244] สุทธาวาส 5 [18] เทศนา 22 [79] ทกุ ขตา 3 [270] สวรรค 6 [155] ปฏิสมั ภิทา 4 [85] ธรรม 3 [284] วิญญาณฐติ ิ 7 [158] ประมาณ 4 [102] โลก 31 [312] สตั ตาวาส 9 [172] ลลี าการสอน 4 [110] เวทนา 2 [ ],,, พรหมโลก 16 [351] [219] ธรรมเทสกธรรม 5 [111] เวทนา 3 [ ],,, รูปพรหม 16 [351] [231] พหสู ูตมีองค 5 [112] เวทนา 5 [351] ภมู ิ 4 หรือ 31 [ ],,, องคแ หงธรรมกถกึ 5 [219] [113] เวทนา 6 4. สภาวะอันเปนโทษ อกุศล- [246] อนปุ ุพพกิ กา 5 [119] สังขาร 31 [278] กลั ยาณมติ รธรรม 7 [120] สังขาร 32 ธรรมอนั พึงละ [5] กาม 2 (ขอท่ี 1) VII. สภาวธรรม: ธรรมดาและ [13] ทิฏฐิ 2 ธรรมชาติ

21 [14] ทฏิ ฐิ 3 [7] ฌาน 2 [ ],,, อัปปมญั ญา 4 [161] [68] อกุศลมลู 3 [34] ปจ จัยใหเ กิดสมั มาทิฏฐิ 2 [213] อทิ ธบิ าท 4 [70] อกศุ ลวิตก 3 [36] ภาวนา 2 [220] ธรรมสมาธิ 5 [74] ตณั หา 3 [37] ภาวนา 4 [226] ปติ 5 [80] ทจุ รติ 3 [45] สมาธิ 2 [228] พละ 5 [91] ปปญ จะ 3 [46] สมาธิ 3 [243] สงั วร 5 [130] อคั คิ 31 [65] อุปญญาตธรรม 2 [249] อรยิ วฑั ฒิ 5 [135] อาสวะ 3 [67] กุศลมูล 3 [258] อนิ ทรยี  5 [136] อาสวะ 4 [69] กศุ ลวิตก 3 [262] จริต หรอื จรยิ า 6 [137] กรรมกเิ ลส 4 [71] โกศล 3 [267] ภพั พตาธรรม 6 [170] โยคะ 4 [73] ญาณ 32 [269] เวปุลลธรรม 6 [178] วปิ ล ลาส 4 [81] สุจรติ 3 [280] บุพนิมิตแหงมรรค 7 [196] อคติ 4 [87] นิมติ 3 [281] โพชฌงค 7 [204] อริยสจั จ 4 (ขอท่ี 2) [88] บุญกิรยิ าวตั ถุ 3 [285] วิสทุ ธิ 7 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 2) [89] บุญกริ ยิ าวัตถุ 10 [286] สัปปายะ 7 [208] อวชิ ชา 4 [92] ปริญญา 3 [291] อปริหานยิ ธรรม 73 [209] อวชิ ชา 8 [93] ปญญา 3 [293] มรรคมีองค 8 [214] อุปาทาน 4 [99] ภาวนา 3 [303] พทุ ธคุณ 9 [215] โอฆะ 4 [108] วิรตั ิ 3 [304] พุทธคณุ 2 [225] นิวรณ 5 [122] สนั โดษ 3 [305] พุทธคณุ 3 [233] มัจฉรยิ ะ 5 [124] สิกขา 3 [306] ธรรมคณุ 6 [264] ตัณหา 6 [125] อธปิ ไตย 3 [307] สงั ฆคุณ 9 [288] อนสุ ยั 7 [128] อปณ ณกปฏปิ ทา 3 [311] วปิ สสนาญาณ 9 [308] มละ 9 [ ],,, ไตรสิกขา [124] [315] กสณิ 10 [309] มานะ 9 [147] ธาตุกัมมฏั ฐาน 4 [325] บารมี 10 [318] กิเลส 10 [149] ธาตุกมั มฏั ฐาน 6 [331] สญั ญา 10 [321] อกศุ ลกรรมบถ 10 [154] ปฏปิ ทา 4 [333] สมั มัตตะ 10 [329] สงั โยชน 101 [156] ปธาน 4 [335] อนสุ ติ 10 [330] สงั โยชน 102 [160] ปาริสุทธิศลี 4 [336] อสุภะ 10 [334] มจิ ฉตั ตะ 10 [161] พรหมวหิ าร 4 [342] ธุดงค 13 [337] อนั ตคาหกิ ทิฏฐิ 10 [174] วธิ ปี ฏิบัตติ อทุกข–สุข 4 [344] จรณะ 15 [347] อุปกเิ ลส 16 [182] สติปฏ ฐาน 4 [345] ญาณ 16 [357] ตัณหา 108 [184] สมาธิภาวนา 4 [346] อานาปานสติ 16 ฐาน [359] กิเลส 1500 [189] สัมปชัญญะ 4 [352] โพธปิ กขิยธรรม 37 [193] โสตาปตติยงั คะ 41 [353] มงคล 38 VIII. ปฏปิ ต ตธิ รรม [194] โสตาปตติยังคะ 42 [354] กรรมฐาน 40 [195] โสตาปตติยงั คะ 43 2. ผลสาํ เร็จของการปฏบิ ัตธิ รรม 1. หลกั วธิ กี าร ขอ ปฏบิ ตั ิ อปุ กรณ [197] อธิษฐานธรรม 4 และคณุ สมบตั ิ ทเี่ กอ้ื หนนุ การ [202] อปสเสนธรรม 4 และเครื่องกําหนดผลในการ ปฏบิ ตั ิ [204] อรยิ สจั จ 4 (โดยเฉพาะขอ ท่ี 4) [205] กจิ ในอรยิ สัจจ 4 ปฏบิ ตั ิ [1] กลั ยาณมิตตตา [206] ธรรม 4 (ขอ ท่ี 4) [8] ฌาน 2 [2] โยนโิ สมนสกิ าร [207] อรูป 4 [9] ฌาน 4 [3] อัปปมาทะ [10] ฌาน 8 [,] กรรมฐาน 2 [36] [27] นพิ พาน 2

22 [43] วิมตุ ติ 2 [64] อตั ถะ 2 X. พิเศษ: ธรรมเกี่ยวกับการ [54] สุทธิ 2 [75] ไตรปฎก [72] ญาณ 31 [97] พุทธโอวาท 3 ศกึ ษา* [,,] ปหาน 3 [224] [100] รตั นตรัย [94] ปาฏิหารยิ  3 [116] สรณะ 3 หรือ ไตรสรณะ [26] ธรุ ะ 2 [106] วิชชา 3 [121] สทั ธรรม 3 [34] ปจ จยั ใหเ กดิ สัมมาทิฏฐิ 2 [107] วิโมกข 3 [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสง่ั สอน 3 [37] ภาวนา 4 [109] วิเวก 3 [ ],,, โอวาทของพระพทุ ธเจา 3 [97] [43] วิมตุ ติ 2 [155] ปฏิสัมภิทา 4 [151] บรษิ ทั 41 [50] สจั จะ 2 [164] มรรค 4 [152] บริษทั 42 [51] สาสน หรอื ศาสนา 2 [165] ผล 4 [166] มหาปเทส 41 (พระสตู ร) [71] โกศล 3 [204] อริยสจั จ 4 (ขอ ที่ 3) [167] มหาปเทส 42 (พระวนิ ัย) [73] ญาณ 32 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 3) [218] ธรรมขันธ 5 [74] ตัณหา 3 [224] นโิ รธ 5 [246] อนปุ พุ พิกถา 5 [76] ไตรลักษณ [ ],,, ปหาน 5 [224] [294] หลกั กาํ หนดธรรมวนิ ยั 8 [93] ปญ ญา 3 [236] วิมตุ ติ 5 [295] หลกั กาํ หนดธรรมวินยั 7 [121] สทั ธรรม 3 [274] อภญิ ญา 6 [302] นวังคสัตถุศาสน [124] สกิ ขา 3 [297] วิชชา 8 [317] กาลามสตู รกังขานิยฐาน 10 [132] อตั ถะ 31 [298] วิโมกข 8 [332] สทั ธรรม 10 [133] อตั ถะ 32 [299] สมาบัติ 8 2. ศาสนคุณ [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสง่ั สอน 3 [310] โลกตุ ตรธรรม 9 [94] ปาฏิหารยิ  3 [140] จกั ร 4 [313] อนบุ พุ พวิหาร 9 [96] พุทธจริยา 3 [155] ปฏิสมั ภิทา 4 [328] วปิ สสนูปกเิ ลส 10 [126] อนุตตรยิ ะ 3 [172] ลีลาการสอน 4 3. บุคคลผูบรรลุผลแหงการ [127] อนตุ ตริยะ 6 [179] วุฒิธรรม 4 [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสง่ั สอน 3 [189] สมั ปชญั ญะ 4 ปฏบิ ตั ิ [141] เจดีย 4 [204] อริยสัจจ 4 [55] อริยบุคคล 2 [142] ถปู ารหบคุ คล 4 [213] อทิ ธิบาท 4 [56] อรยิ บคุ คล 4 [180] เวสารัชชญาณ 4 [216] ขันธ 5 [57] อรยิ บคุ คล 8 [188] สังเวชนยี สถาน 4 [228] พละ 5 [58] โสดาบัน 3 [217] จกั ขุ 5 [231] พหสู ตู มอี งค 5 [59] สกาทาคามี 3, 5 [303] พุทธคณุ 9 [278] กัลยาณมติ รธรรม 7 [60] อนาคามี 5 [304] พุทธคุณ 2 [280] บุพนมิ ติ แหงมรรค 7 [61] อรหันต 2 [305] พุทธคุณ 3 [281] โพชฌงค 7 [62] อรหนั ต 4, 5, 60 [306] ธรรมคุณ 6 [293] มรรคมีองค 8 [63] อรยิ บคุ คล 7 [307] สงั ฆคณุ 9 [304] พุทธคณุ 2 [323] ทศพลญาณ [317] กาลามสตู รกังขานิยฐาน 10 IX. พระพทุ ธศาสนา 3. ความเช่ือและการปฏิบัตินอก [324] นาถกรณธรรม 10 [340] ปฏิจจสมปุ บาท 12 1. หลักศาสนา หลักพุทธศาสนา [341] อายตนะ 12 [17] เทศนา 21 [13] ทฏิ ฐิ 2 [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37 [18] เทศนา 22 [14] ทฏิ ฐิ 3 ______________ [26] ธุระ 2 [15] ท่ีสุด (อันตา) 2 *นอกจากนี้ พึงดู [1], [2], [17], [18], [35] ปาพจน 2 [101] ลทั ธินอกพระพุทธศาสนา 3 [35], [36], [45], [46], [55], [91], [50] สัจจะ 2 [173] วรรณะ 4 [125], [156], [184], [205], [208], [51] สาสน หรอื ศาสนา 2 [218], [23 6], [287], [ 323]

ดชั นคี นคํา ตัวเลขทอ่ี า งหมายถงึ เลขลําดบั ขอหมวดธรรมใน [ ] กตญาณ 73 กมั มสั สกตาญาณ, กมั มสั สกตาสทั ธา 181 กตัญุตา 353 กมมฺ าน,ิ อนวชชฺ านิ 250 กตัญูกตเวที 29 กตตั ตากรรม, ~วาปนกรรม 338 กลั ยาณธรรม 5 239 กถาวัตถุ 75 กัลยาณมิตตะ 3, 250 กถาวัตถุ 10 314 กลฺยาณมิตฺตตา กรรม 181, 259 กลั ยาณมติ ตตา 324 กรรม 2 1, 34, 144 4 กรรม 3 กัลยาณมติ ร 4 169 66 กรรม 12 กลั ยาณมติ รธรรม 7 278 กรรมการณปั ปตตะ 338 กลั ยาณวาจา 251, 252, 253 กรรมกเิ ลส 4 84 กาม 2 5 กรรมฐาน 2 137 กามคณุ 5 6 กรรมฐาน 40 36 กามฉนั ทะ 225, 329 กรรมฐานกับจริต กามตณั หา 74, 204 กรรมนิยาม 354 กามภพ กรรมปจจัย 262 98 กรรมภพ 176, 177, 223 กรรมวัฏฏ 340 กามโภคี 10 316 กรรมวปิ ากญาณ 340 กรณุ า 105, 340 กามโภคีสขุ 4 192 กรุณาคณุ 323 กามโยคะ 170 กล่ิน ดู คนั ธะ 161, 355 กามราคะ 288, 329, 330 กวฬิงการาหาร 304, 305 กามโลก 104 กษตั รยิ  กามวติ ก 70 กสณิ 10 40, 212 กามสงั วร 239 กงขฺ ํ วิหนติ 173 กามสขุ ัลลกิ านโุ ยค 15, 293 กังขาวติ รณวสิ ุทธิ กามสคุ ตภิ ูมิ 7 351 กตั ตกุ มั ยตาฉันทะ 315, 354 กามาทีนวกถา 246 กปั ปย ะ 221 กามาวจรจติ 54 356 กปฺปยํ เทติ 285 กามาวจรภูมิ 11 162, 351 กัมมสทั ธา 161 กามาวจรสวรรค 6 270, 351 กัมมญั ญตา 167 กามาวจรโสภณจติ 24 356 กมฺมนฺตา, อนากลุ า จ 300 กามาสวะ 135, 136 กมั มสั สกตา 181 กามปุ าทาน 214 40 กาเมสุมจิ ฉาจาร 137, 321 353 กาเมสมุ ิจฉฺ าจารํ ปหาย ฯเปฯ 320 247 กาเมสมุ จิ ฺฉาจารา เวรมณี 238, 319 กาโมฆะ 215 กาย 37, 40, 266, 276

24 กายกรรม 3 66, 241, 319, 320, 321 กาเลน ธมฺมสฺสวนํ 353 กายกมั มัญญตา 355 กําลงั 5 ของพระมหากษัตริย 230 กายคตาสติ 335 กงิ ฺกรณีเยสุ ทกฺขตา 324 กายทวาร กิจ 14 (ของวิญญาณ) 343 กายทจุ รติ 77, 78 กจิ (ของกรรม) 338 กายธาตุ 80 กิจของสงฆ 290 กายปส สัทธิ 348 กิจจญาณ กายปาคุญญตา 355 กิจในอรยิ สจั จ 4 73 กายพลงั 355 กริ ิยาจติ 20 205 กายภาวนา 230 กริ ยิ าจิตตฺ ํ 356 กายมทุ ตุ า 37 กเิ ลส 10 356 กายลหุตา 355 318 กายวิญญัติ 355 กเิ ลส 1500 กายวญิ ญาณ 40 กเิ ลสกาม 359 กายวิญญาณธาตุ กิเลสปรนิ ิพพาน 5 กายวิเวก 266, 268, 356 กเิ ลสมาร 27 กายวปู กาสะ 348 กิเลสวฏั ฏ กายสักขี 109 กเิ ลสวัตถุ 10 234 กายสังขาร 222 กุกกุจจะ 105, 340 กายสัมผสั 63 กมุ ภัณฑ กายสมั ผสั สชาเวทนา กุมภีลภัย 318 กายสจุ ริต 119, 120 กลุ จิรฏั ฐติ ิธรรม 4 225, 355 กายานุปส สนา 266, 272 กลุ มัจฉรยิ ะ กายานุปสสนาจตกุ กะ 113, 266 กุลสตรี 270 กายิกทกุ ข กุเวร 210 กายิกเวทนา 81 กุศล 138 กายิกสุข 147, 182, 346 กุศลกรรม 233 กายนิ ทรยี  กุศลกรรมบถ 10, ยอ 289 กายชุ กุ ตา 346 270 กาล 3 16 กุศลกรรมบถ 10, สมบูรณ 1, 2, 65, 317 กาลกตะ 110 กศุ ลจติ 21 (37) กาลจารี 52 กุศลธรรม 4 กาลวิบตั ิ 349 กุศลมลู 3 319 กาลสมบตั ิ 355 กาลญั ตุ า 340, 356, 357 กุศลวติ ก 3 320 150 กุศลวบิ ากอเหตุกจิต 8 356 250 กสุ ลธมั มานุโยค 85 176 กุสลสสฺ ูปสมฺปทา 67 177 เกสปุตตยิ สตู ร 287 เกียจครา นการงาน 69 โกธะ 356 กาลามสูตรกังขานยิ ฐาน 10 317 กาเลน เทติ 300 2 กาเลน ธมมฺ สากจฉฺ า 353 97 317 200 308, 347

25 โกลังโกละ 58 ครุกกรรม 338 โกศล 3 71 ครุกรณ 273 ครอู าจารย 265 ขณิกสมาธิ 46 คฤหสั ถ 265 ขณกิ าปต ิ 226 คหบดบี ริษัท 152 ขลุปจฉาภัตตกิ งั คะ 342 คหปตัคคิ 131 ขณั ฑผุลลปฏสิ ังขรกะ 254 คนั ถธุระ 26 ขัตตยิ ะ 173, 339 คนั ธะ 6, 40, 266, 279 ขตั ตยิ บรษิ ัท 152 คนั ธตณั หา 264, 266 ขันติ 24, 139, 325, 326, 353 คันธธาตุ 348 ขนั ตสิ งั วร 243 คันธวิจาร 266 ขนตฺ ี จ 353 คันธวติ ก 266 ขนั ธ 5 216 คนั ธสัญเจตนา 263, 266 ขันธกะ 75 คนั ธสัญญา 266, 271 ขันธปรินิพพาน 27 คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา 278 ขนั ธมาร 234 คาถา 302 ขันธวนิ ิมตุ 216 คารวะ หรอื คารวตา 6 261 ขิปฺปาภิฺ า 154 คารโว จ 353 ขีณาสวปฏิญญา 180 คิลานปจ จัยเภสัชบรขิ าร 159, 203 ขุททกนกิ าย 75 คลิ านสตุปปาทกะ 255 ขทุ ทกปาฐะ 75 คหิ สิ ุข 4 192 ขุททกาปต ิ 226 คณุ บทของนิพพาน 306 เขตสมบตั ิ 115 คณุ าติเรกสัมปทา 190 เขมํ 353 เคยฺยํ 302 เคหสิต 358 คณาปเทส 166 โคจรรูป 5 40 คติ 5 351 โคจรสปั ปายะ 286 คตวิ ิบตั ิ 176 โคจรสมั ปชญั ญะ 189 คติสมบตั ิ 177 โคตรภญู าณ 345 คนชวนฉิบหาย 168 คนดแี ตพ ดู 168 ฆราวาสธรรม 4 139 คนธรรพ 270 ฆาน 40, 266, 276 คนงาน 265 ฆานทวาร คนปอกลอก 168 ฆานธาตุ 78 คนรบั ใช 265 ฆานวิญญาณ 348 คนหัวประจบ 168 ฆานวิญญาณธาตุ 266, 268, 356 คบคนช่วั 200 ฆานสมั ผัส 348 ครุ 279 ฆานสัมผัสสชาเวทนา 266, 272 113, 266

26 ฆานนิ ทรีย 349 จิตตปสสทั ธิ 355 ฆายนะ 343 จิตตปาคุญญตา 355 โฆษประมาณ 158 จติ ตภาวนา 37 โฆสัปปมาณกิ า 158 จติ ฺตมสสฺ ปสีทติ 221 จติ ตมุทุตา 355 จตตุ ถฌาน 9 จิตตลหุตา 355 จตุตถฌานภูมิ 3, 7 351 จิตตวเิ วก 109 จตตุ ถชฺฌานกุสลจิตฺตํ 356 จิตตวิปลาส 178 จติ ตวสิ ุทธิ 285 จตุธาตวุ วัฏฐาน 147, 354 จติ ตสมบัติ 115 จตรุ พธิ พร 227 จติ ตสงั ขาร 119, 120 จตุโลกบาล 270 จิตตอุปกิเลส 16 347 จติ ฺตํ น กมปฺ ติ 353 จรณะ 15 344 จิตตานปุ ส สนา 182, 346 จริต หรือ จริยา 6 262 จติ ตานุปส สนาจตุกกะ 346 จริยา 3 ดู พุทธจรยิ า 3 จิตตุชุกตา 355 จริยาปฎก 75 จินตามยปญญา 93 จกั กวัตติสูตร 339 จวี ร 159 จกั ขุ 40, 266, 276 จวี รปฏิสงั ยุตต 342 จีวรสันโดษ 203 จกั ขุ 5 217 จตุ ิ 343 จักขทุ วาร 78 จุตูปปาตญาณ 106, 323 จกั ขธุ าตุ 348 จลุ ลวรรค 75 จกั ขุนทรีย 349 จูฬนทิ เทส 75 จกั ขุมา 95 เจดีย 289 จกั ขวุ ิญญาณ เจดีย 4 141 จักขุวญิ ญาณธาตุ 267, 268, 356 เจตนา 355 จกั ขสุ มั ผสั 348 เจตนา 6 263 จกั ขุสัมผสั สชาเวทนา เจตนากาย 263 266, 272 เจตนาสมั ปทา 190 113, 266 เจตสิก 157, 216 เจตสิก 52 355 จักร 4 140 เจตสกิ ทกุ ข 16 จกั รพรรดิ 142 เจตสิกเวทนา 110 เจตสกิ สขุ 52 จักรวรรดวิ ัตร 5, 12 339 เจโตปรยิ ญาณ 274, 297 เจโตวมิ ุตติ 43 จาคะ 67, 139, 183, 197, 249, 292 โจรีภริยา 282 จาคสมั ปทา 191, 229 จาคานสุ ติ 335 จาตมุ หาราชิกา 270, 351 จติ 37, 157, 216 จติ 89, 121 356 จิตตะ 213 จติ ตกัมมญั ญตา 355 จิตตนยิ าม 223

27 ฉกามาพจรสวรรค 270 ฌานปญ จกนยั 9 ฉฬภญิ ญะ 62 ฌานลาภี 252, 253, 254, 322 ฉันทะ ฌานาทิสงั กิเลสาทญิ าณ ฉนั ทสมั ปทา 37, 213, 355 ญาณ 323 ฉันทาคติ 2, 280 ญาณ 31 328 ชนกกรรม 196 ญาณ 32 72 ชรตา 338 ญาณ 33 73 ชราธัมมตา 40 ญาณ 16 106 ชรามรณะ 247 ญาณจริต 345 ชลาพชุ ะ 340 ญาณทัสสนะ 262 ชวนะ 171 ญาณทัสสนะมีปริวฏั ฏ 3 184 ชาคริยานุโยค 343 ญาณทัสสนวิสุทธิ 73 ชาดก 128 ญาณวปิ ฺปยตุ ตฺ ํ 285 ชาตรปู รชตปฏิคฺคหณา เวรมณี 75, 302 ญาณสงั วร 356 ชาตสถาน 242 าณสมปฺ ยุตตฺ ํ 243 ชาติ 188 าตกานฺจ สงคฺ โห 356 ชาตปิ ระเภท (จติ ) 340 ญาตปรญิ ญา 353 ชิณณะ 356 ญาตัตถจริยา 92 ชิณณปฏสิ ังขรณา ญาตพิ ลี 96 ชนิ สาสน 83, 84, 150 ายปฏิปนฺโน 232 ชวิ หา 138 307 ชวิ หาทวาร 302 ฐานาฐานญาณ ชิวหาธาตุ ฐานะ 323 ชิวหาวญิ ญาณ 40, 266, 276 227 ชวิ หาวิญญาณธาตุ 78 ดาวดงึ ส ชิวหาสมั ผัส 348 ดสุ ิต 270, 351 ชิวหาสัมผสั สชาเวทนา ดูการละเลน 270, 351 ชวิ หินทรยี  266, 268, 356 ชพี , ชีวะ 348 ตติยฌาน 200 ชีวติ รปู 1 ตตยิ ฌานภมู ิ 3 ชีวติ นิ ทรยี  266, 272 ตติยชฺฌานกสุ ลจติ ฺตํ 9 113, 266 ตถาคต 351 ฌาน 2 ตถาคตพล 10 356 ฌาน 4 349 ตถาคตพลญาณ 10 143 ฌาน 5 (ปญ จกนยั ) 337 ตถาคตโพธสิ ทั ธา 180 ฌาน 8 40, 359 ตถาคตสาวก 323 ฌานจิต 67 40, 349, 356 ตทงั คนโิ รธ 181 ฌานปจ จยั ตทังคปหาน 142 7, 8 224 9, 227, 344 92 9, 356 10, 299 356 350

28 ตทาลมั พนะ 343 เถโร รตตฺ ฺู 322 ตปะ 326 ททํ จิตตฺ ํ ปสาเทติ 300 ตโป จ 353 ทมะ 123, 139 ตรสั รู 188 ตรณุ วิปสสนา 285, 328 ทรัพยจัดสรรเปน 4 สว น 163 ตกกฺ เหตุ 317 ทวตั ติงสาการ 147 ตัณหา 91, 290, 340 ตณั หา 3 74, 204, 357 ทวาร 3 77 264, 266, 357 ตณั หา 6 357, 359 ทวาร 6 78 264 ทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ 348 ตณั หา 108 107 ทศชาติ 325 ตัณหากาย 357 ตัณหาปณิธิ 355 ทศบารมี 325 ตณั หาวิจริต 200 ทศพล 180 ตัตรมชั ฌตั ตตา 200 ตดิ การพนัน 101 ทศพลญาณ 323 ติดสุราและของมนึ เมา 198, 351 ติตถายตนะ 92 ทศพิธราชธรรม 326 ติรจั ฉานโยนิ 342 ตรี ณปรญิ ญา 315 ทศศีล 242 เตจีวริกังคะ 39, 146, 147, 148 ทหระ 84 เตโชกสิณ 62 เตโชธาตุ 270 ทักขิณาวิสุทธิ 4 143 เตวิชชะ 75 ทกฺขิเณยฺโย 307 ไตรตรึงส 47, 76, 86, 107, 311 ทักขิไณย 259, 300 ไตรปฎ ก 105 ทกั ขิไณยบคุ คล 2 55 ไตรลกั ษณ 116 116 ทักขิไณยบคุ คล 7 63 ไตรวัฏฏ 124, 204, 293 ทักขิไณยบุคคล 8 57 ไตรสรณะ ไตรสรณาคมน ทกั ขิไณยคั คิ 131 ไตรสิกขา ทักษณิ ทิศ 265 ทนฺธาภิฺา 154 ทตฺวา อตตฺ มโน โหติ 300 ทสั สนะ 343 ทัสสนานุตตริยะ 126, 127 ทาน 123, 186, 239, 229, 325, 326 ทาน 21 11 ทาน 22 12 ทานกถา 246 ถัมภะ 347 ทานมยั 88, 89 ถนี ะ 318, 355 ถีนมิทธะ ทานสมบัติ 3 115 ถปู ารหบคุ คล 4 225 ทานฺจ 353 เถรคาถา 142 ทายก 143 เถรธรรม 10 75/2.5 ทารสงคฺ ห 353 เถรีคาถา 322 ทาสภี ริยา 282 75/2.5 ทิฏฐธรรมเวทนยี กรรม 338

29 ทิฏฐธรรมสุขวิหาร 184 ทกุ ขฺ นิโรโธ อรยิ สจฺจํ สจฺฉิกาตพพฺ ํ 205 ทิฏฐธมั มิกัตถะ 3, 132 ทุกขฺ นโิ รธคามนิ ิยา ปฏปิ ทาย อฺาณํ 208, 209 ทุกขนโิ รธคามนิ ีปฏิปทา 204 ทิฏฐธัมมิกัตถสงั วัตตนกิ ธรรม 4 144 ทฏิ  ธมมฺ ิกานํ อาสวานํ สวํ ราย 327 ทุกฺขนโิ รธคามินี ปฏิปทา อรยิ สจจฺ ํ ภาเวตพพฺ ํ 205 ทิฏฐาสวะ 137 ทกุ ขลักษณะ 47 ทฏิ ฐิ 91, 288, 318, 328, 355 ทุกขเวทนา 111, 112 ทุกขสมทุ ัย 204 ทิฏฐิ 2 13 ทฏิ ฐิ 3 14 ทกุ ขฺ สมทุ เย อฺ าณํ 208, 209 ทฏิ คิ ตวิปปฺ ยตุ ตฺ ํ 356 ทุกฺขสมทุ โย อริยสจฺจํ ปหาตพพฺ ํ 205 ทฏิ คิ ตสมปฺ ยุตฺตํ 356 ทุกฺขสหคตํ 356 ทิฏ นิ ชิ ฌฺ านกขฺ นฺตยิ า 317 ทกุ ขฺ า 86 ทฏิ ฐปิ ปตตะ 63 ทุกขานุปสสนา 107 ทฏิ  ยิ า สปุ ฏวิ ิทธฺ า 231 ทุกขนิ ทรีย 349 ทิฏฐโิ ยคะ 170 ทกุ เฺ ข อฺ าณํ 208, 209 ทฏิ ฐวิ บิ ตั ิ 175 ทุกขฺ า ปฏิปทา ขปิ ฺปาภิฺา 154 ทิฏฐวิ ปิ ลาส 178 ทกุ ขฺ า ปฏิปทา ทนฺธาภิฺา 154 ทิฏฐิวิสทุ ธิ 285 ทคุ คติภัย 229 ทิฏฐิสมั ปทา 2, 280 ทคุ ติ 351 ทฏิ ฐสิ ามญั ญตา 273 ทิฏึ อุชํุ กโรติ 221 ทจุ รติ 3 80 ทิฏุชกุ ัมม 89 ทุตยิ ฌาน 9 ทิฏปุ าทาน 214 ทุติยฌานภมู ิ 3 ทฏิ โฐฆะ 215 ทุติยชฌฺ านกสุ ลจิตตฺ ํ 351 ทพิ พจกั ขุ 217, 274, 297 ทมุ มฺ งกฺ นู ํ ปุคคฺ ลานํ นคิ ฺคหาย 356 ทพิ พจักขญุ าณ 106 เทพ 327 ทพิ ยสมบัติ 114 285, 312 ทพิ พโสต 274, 297 ทิศ 6 200, 265 เทพ 3 82 ทีฆนกิ าย 75 เทวดา (ความหมาย) 232 เทวตานสุ ติ 335 เทวตาพลี 232 เทวทตู 3 83 ทสี่ ุด 2 15 เทวทูต 3, 4 150 ทกุ ข 1, 174 204, 205, 296, 340 เทวทูต 5 84 ทกุ ข 2 16 เทวปตุ ตมาร 234 ทกุ ขฺ ํ อรยิ สจจฺ ํ ปริเฺ ยฺยํ 205 เทวโลก 103 ทกุ ขตา 76, 107 เทวสมบตั ิ 114 เทศนา 21 17 ทุกขตา 3 79 ทุกขทกุ ขตา 79 เทศนา 22 18 ทกุ ขนิโรธ 204 เทศนา 4 17 ทกุ ฺขนโิ รเธ อฺ าณํ 208, 209 เทศนาวธิ ี 4 172

30 เท่ียวกลางคนื 200 ธรรมบท 75 โทมนสั 1, 112, 340, 358 ธรรมบชู า 30 โทมนสฺสสหคตํ ธรรมปฏิสันถาร 31 โทมนัสสินทรีย 356 ธรรมประมาณ 158 โทสะ 349 ธรรมปรเิ ยสนา 33 โทสจรติ 68, 318, 347, 355 ธรรมเปนโลกบาล 2 23 โทสมลู จติ 2 262 โทสคั คิ 356 ธรรมเปน เหตุใหสมหมาย 4 192 โทสาคติ 130 ธรรมไพบลู ย 44 ไทยธรรมสมบตั ิ 196 ธรรมมีอุปการะมาก 2 25 115 ธรรมมีอปุ การะมาก 4 140 ธตรฐ 270 ธตา 231 ธรรมมีอุปการะมาก 7 279 ธนานุประทาน 339 ธรรม* 35, 75, 166, 277, 294, 295, 302 ธรรมมอี ปุ การะมาก 10 324 ธรรมฤทธิ์ 42 ธรรม 21 19 ธรรมสงเคราะห 49 ธรรมสมาทาน 4 ธรรม 22 20 145 ธรรมสมาธิ 5 ธรรม 23 21 220 ธรรมสวนานิสงส 5 ธรรม 24 22 ธรรมเสรี 221 ธรรมาจารย 352 ธรรม 3 85 ธรรมาธปิ ไตย 211 ธรรมาธษิ ฐาน 125, 339 ธรรม 4 206 ธรรมานุวัติ 17 ธรรม 5 238, 239 ธรรมารมณ 201 ธรรมิการักขา 266, 277 ธรรมขันธ 5 218 ธมมฺ กามตา 339 ธมฺมกาโม 324 ธรรมคุณ 6 306 ธมั มคารวตา 322 ธมมฺ จรยิ า จ 261 ธรรมคุม ครองโลก 2 23 ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสถาน 353 ธัมมตณั หา 188 ธรรมจรยิ า 10 320 ธัมมเทสนามยั 264, 266 ธรรมจกั ร 188, 287 ธัมมปฏิสมั ภิทา 89 ธรรมเจดยี  ธมั มมจั ฉรยิ ะ 155 ธรรมฐิติญาณ 141 ธมั มวจิ ยะ 233 ธรรมทาน 285 ธมั มวิจาร 281 11, 229 ธัมมวติ ก 266 ธัมมเวปลุ ละ 266 ธรรมทาํ ใหงาม 2 24 ธัมมสงั คณี 44 75/3 ธรรมทีพ่ ระพุทธเจาเหน็ คุณฯ 65 ธรรมเทสกธรรม 5 219 ธรรมธาตุ 348 ธรรมนยิ าม 223, 340 ธรรมนิยาม 3 86 *คํานาํ หนาดวย ธรรม- ถาไมมี ใหด ทู ่ี ธัมม-

31 ธมั มสังคหะ 49 นวารหคุณ, นวารหาทิคุณ 303 ธมั มสัญเจตนา 263, 266 น สงคฺ ณิการามตา 291 ธมั มสัญญา 266, 271 น อนฺตราโวสานํ 291 ธมมฺ สากจฺฉา, กาเลน น อามิสนตฺ โร 219 ธมั มญั ตุ า 353 นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา เวรมณี 242 ธมั มปั ปมาณิกา 287 นจจฺ คตี ฯเปฯ วภิ ูสนฏานา เวรมณี 240 ธมฺมสฺสวนํ 158 นัฏฐคเวสนา 138 ธัมมัสสวนมัย 353 นัตถิกทิฏฐิ 14 ธัมมสั สวนสัปปายะ 89 นัตถิปจ จยั 350 ธมฺมา 286 นาค 270 ธัมมาธปิ ไตย 86 ธมั มานุธัมมปฏิปทา 125, 339 นาถกรณธรรม 10 324 ธัมมานุธัมมปฏปิ ต ติ 51 นานัตตสญั ญา 298 ธัมมานุปส สนา 177, 193 นานาธาตญุ าณ 323 ธมั มานปุ สสนาจตกุ กะ 182, 346 นานาธมิ ุตติกญาณ 323 ธัมมานุสติ 346 นาม 216 ธมั มานุสารี 335 นามบญั ญตั ิ 28 ธาตุ 4 63 นามรปู 340 39, 146 นามรูปปรจิ เฉทญาณ 92, 345 ธาตุ 6 นาย 265 148 นกิ ันติ 328 ธาตุ 18 นิจศลี 238 ธาตุกถา 348 นิทเทส 75/2 ธาตุกัมมฏั ฐาน 4 75 นินทา 296 นปิ ปรยิ ายสทุ ธิ 54 ธาตุกมั มัฏฐาน 6 147 นิพพาน 109, 157, 204, 216, 295, ธาตเุ จดีย 306, 310, 311, 332, 334 ธาตมุ นสิการ 4 149 141 นิพพาน 2 27 ธดุ งค 13 147, 354 นิพพานบท 352 342 นพิ พานสมบตั ิ 114 ธุระ 2 นิพฺพานสจฺฉิกริ ิยา 353 26 นิพพิทาญาณ = นิพพิทานปุ สสนาญาณ น กมฺมารามตา นิพพิทานปุ ส สนาญาณ 311 น นทิ ฺทารามตา 291 นมิ มานรดี 270, 351 น ปาปมิตตฺ ตา 291 น ปาปจฺฉตา 291 นมิ ิต, นมิ ิตต 3 87 น ภสฺสารามตา 291 นยเหตุ 291 นิมติ 4 150 นวกภกิ ขธุ รรม 5 317 นิยยานกิ ธรรมเทศนา 180 นวรหคณุ 222 นวสีวถกิ า 303 นิยาม 5 223 นวงั คสัตถศุ าสน 182 นริ ยะ 198, 351 51, 302

32 นริ คั คฬะ 187 บรกิ รรมภาวนา 99 นริ ามิสสุข 53 บริโภคเจดีย 141 นิรตุ ตปิ ฏสิ ัมภิทา 155 บริษัท 41 151 นโิ รธ 204, 205, 295 บริษัท 42 152 นิโรธ 5 224 บงั สกุ ลุ จีวร 159 นโิ รธสมาบตั ิ 119, 313 นโิ รธวาร บญั ญัติ 2, 6 28 นโิ รธสจั จ 340 นิโรธสฺา 204, 340 บารมี 10 325 บาว 265 331 บณิ ฑบาต 159 นิวรณ 5 225 บคุ คล 4 153 นวิ าโต จ 353 บคุ คลหาไดย าก 2 29 นิสสยปจจัย 350 บุคคลาธิษฐาน 17 นิสสยสัมปนโน 95 บุญกริ ิยาวตั ถุ 3 88 นสิ สยาจารย 211 บุญกริ ยิ าวัตถุ 10 89 นิสสรณนโิ รธ 224 บุตร 3 90 นิสสัย 4 159 บตุ รธดิ า 265 นิสสัยสมั บนั 202 บุตรภรรยา 265 นตี ตั ถะ 64 บุพการี 29 นลี กสิณ 315 บุพนิมิตแหง มรรค 7 280 เนกขัมมะ 325 บุพภาคของการศกึ ษา 34 เนกขัมมวิตก 69 บุพเพนิวาสานสุ ติญาณ ดู ปพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ เนกขมั มสังกปั ป 293 บชู า 2 30 เนกขมั มสติ 358 เบญจกัลยาณธรรม 239 เนกขัมมานสิ งั สกถา 246 เบญจขนั ธ 216 เนคมชานบท 339 เบญจธรรม 239 เนยยะ 153 เบญจศลี 238 เนยยตั ถะ 64 ปกิณณกเจตสกิ 6 355 เนวสัญญานาสญั ญายตนะ 207, 298, 312 เนวสฺานาสฺายตนกสุ ลจติ ฺตํ 356 ปกิณณกอกุศลเจตสิก 355 เนวสญั ญานาสญั ญายตนภูมิ 351 ปฏิกูลมนสกิ าร 182 ปฏิคาหก 143 เนสชั ชิกังคะ 342 โน จฏาเน นิโยชเย 278 ปฏิฆะ 288, 329, 330 ปฏิฆสญั ญา 298 บัณฑร 356 ปฏฆิ สมั ปยตุ ตจิต 2 356 บรรพชา 123 ปฏฆิ สมปฺ ยตุ ตฺ ํ 356 บรรพชาจารย 211 ปฏจิ จสมปุ บาท 105, 120, 129, 185, 340 บรรพชติ 289 ปฏบิ ัตบิ ูชา 30 บรกิ รรมนิมติ 87 ปฏบิ ัตศิ าสนา 51