เอกสารประกอบการสอน รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศยุคดจิ ทิ ัลในธรุ กิจบริการอาหาร ดร.กนกวรรณ ไทยประดิษฐ คณะวทิ ยาการจัดการ มหาวิทยาลยั สวนดุสิต 2564
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศยุคดจิ ทิ ัลในธรุ กจิ บริการอาหาร ดร. กนกวรรณ ไทยประดษิ ฐ วท.บ. วทิ ยาศาสตรบัณฑิต วท.ม. วิทยาศาสตรมหาบณั ฑติ คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ 2564
คำนำ เอกสารประกอบการสอน รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคดิจิทัลในธุรกจิ บรกิ ารอาหาร รหัส วิชา 5073350 นี้ ไดเ้ รยี บเรยี งขน้ึ อย่างเปน็ ระบบ ครอบคลุมเน้อื หาสาระรายวชิ า เพอ่ื ใชเ้ ป็นเครื่องมือ สำคัญของผสู้ อนในการประกอบการสอนของอาจารย์ ท่ีม่งุ เนน้ ให้ผเู้ รยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจในเนือ้ หา เอกสารเล่มนี้ ได้แบ่งเน้อื หาในการเรยี นการสอนไว้ 15 สัปดาห์ ประกอบดว้ ย มคี วามรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐาน องค์ประกอบ ประโยชน์การใช้งานระบบการจัดการสารสนเทศสำหรับธุรกจิ การบริการอาหาร ในระดับโรงแรม และภัตตาคาร สามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการข้อมูล สารสนเทศด้านอาหารและการบริการที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึง เข้าใจบทบาท และจริยธรรมในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล และสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไป ประยุกต์ใชใ้ นธุรกจิ บรกิ ารอาหาร การตลาด และการดำเนนิ งานตา่ ง ๆ ผู้สอนได้ศึกษารายละเอียดแต่ละหัวข้อเรื่องที่สอนจากเอกสาร หนังสือ ตำรา หรือสื่ออื่นๆ เพิ่มเติมอีก หวังว่าเอกสารประกอบการสอนนี้คงอำนวยประโยชน์ต่อการเรียนการสอนตามสมควร หากท่านทน่ี ำไปใช้มีข้อเสนอแนะ ผ้เู ขยี นยินดรี บั ฟังข้อคดิ เห็นตา่ งๆ และขอขอบคณุ มา ณ โอกาสน้ี กนกวรรณ ไทยประดษิ ฐ 9 สงิ หาคม 2564
สารบญั หนา้ คำนำ [3] สารบญั [4] สารบัญภาพ [12] สารบัญตาราง [25] แผนบรหิ ารการสอนประจำรายวิชา [26] [26] ชอ่ื รายวิชา เทคโนโลยสี ารสนเทศยคุ ดิจิทัลในธุรกจิ บริการอาหาร [26] จำนวนหนว่ ยกติ [26] เวลาเรียน [26] คำอธิบายรายวชิ า [26] จุดมงุ่ หมายรายวิชา [26] เน้ือหา [29] วิธีสอนและกจิ กรรม [30] ส่ือการเรยี นการสอน [31] การวัดผลและประเมินผล 1 แผนการสอนประจำสปั ดาห์ที่ 1 1 หัวขอ้ เร่ือง ความรูเ้ บื้องต้นเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ 1 เน้อื หา/รายละเอยี ด 1 จำนวนชวั่ โมงท่ีสอน 1 กิจกรรมการเรียนการสอน 2 ส่ือการสอน 2 แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ 2 3 - ผลการเรยี นรู้ 4 - วิธีประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5 - สัดส่วนของการประเมนิ 21 - เนอ้ื หาที่จะสอน (ตลอดสัปดาห)์ 22 สรุป 23 คำถามทา้ ยบท / แบบฝกึ หดั เอกสารอา้ งอิง
[5] หนา้ สารบัญ (ต่อ) 25 25 แผนการสอนประจำสปั ดาห์ท่ี 2 25 หวั ข้อเรอ่ื ง ความรเู้ บ้อื งตน้ เกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ 25 เนื้อหา/รายละเอยี ด 25 จำนวนช่ัวโมงท่สี อน 26 กิจกรรมการเรยี นการสอน 26 ส่ือการสอน 26 แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 27 - ผลการเรียนรู้ 28 - วธิ ีประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 29 - สัดสว่ นของการประเมนิ 39 - เนื้อหาที่จะสอน 40 สรปุ 41 คำถามท้ายบท / แบบฝึกหดั 43 43 เอกสารอา้ งองิ 43 แผนการสอนประจำสัปดาหท์ ี่ 3 43 43 หวั ขอ้ เรื่อง การประยุกต์ใช้ Microsoft Word ในธรุ กจิ การบรกิ ารอาหาร 43 เน้อื หา/รายละเอียด 44 จำนวนช่วั โมงทส่ี อน 44 กิจกรรมการเรียนการสอน 45 สือ่ การสอน 46 แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 46 78 - ผลการเรยี นรู้ 79 - วธิ ปี ระเมนิ ผลการเรียนรู้ 80 - สัดส่วนของการประเมิน - เนอื้ หาที่จะสอน สรปุ คำถามทา้ ยบท / แบบฝกึ หดั เอกสารอา้ งอิง
[6] สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ แผนการสอนประจำสัปดาห์ที่ 4 81 หัวข้อเร่ือง การใชง้ าน Microsoft Excel เบื้องตน้ ในธุรกจิ การบรกิ ารอาหาร 81 เน้ือหา/รายละเอยี ด 81 จำนวนชว่ั โมงที่สอน 81 กจิ กรรมการเรียนการสอน 81 สื่อการสอน 81 แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 82 - ผลการเรยี นรู้ 82 - วิธปี ระเมินผลการเรียนรู้ 83 - สดั ส่วนของการประเมิน 84 - เนอื้ หาท่ีจะสอน 84 สรปุ 119 คำถามท้ายบท / แบบฝึกหัด 120 121 เอกสารอา้ งอิง 122 แผนการสอนประจำสัปดาห์ที่ 5 122 122 หวั ขอ้ เร่ือง การใช้งาน Microsoft PowerPoint เพอื่ การนำเสนอ 122 เน้ือหา/รายละเอียด 122 จำนวนชัว่ โมงทีส่ อน 123 กจิ กรรมการเรยี นการสอน 123 สื่อการสอน 123 แผนการประเมินผลการเรียนรู้ 124 125 - ผลการเรียนรู้ 125 - วธิ ีประเมินผลการเรียนรู้ 149 - สดั ส่วนของการประเมนิ 149 - เนอ้ื หาที่จะสอน 150 สรปุ คำถามทา้ ยบท / แบบฝึกหดั เอกสารอา้ งอิง
[7] หนา้ สารบญั (ตอ่ ) 151 151 แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 6 151 หวั ขอ้ เรอื่ ง การใชง้ าน Adobe Photoshop ครัง้ ท่ี 1 151 เนื้อหา/รายละเอียด 151 จำนวนชวั่ โมงทส่ี อน 152 กิจกรรมการเรียนการสอน 152 สือ่ การสอน 152 แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ 153 - ผลการเรียนรู้ 154 - วิธีประเมนิ ผลการเรียนรู้ 155 - สดั ส่วนของการประเมิน 173 - เนอ้ื หาท่ีจะสอน 174 สรุป 175 คำถามทา้ ยบท / แบบฝึกหัด 176 176 เอกสารอ้างอิง 176 แผนการสอนประจำสัปดาหท์ ่ี 7 176 176 หวั ข้อเร่อื ง การใชง้ าน Adobe Photoshop เบ้อื งตน้ ครั้งท่ี 2 177 เน้ือหา/รายละเอียด 177 จำนวนชัว่ โมงทส่ี อน 177 กจิ กรรมการเรียนการสอน 178 สอ่ื การสอน 179 แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ 180 191 - ผลการเรยี นรู้ 191 - วธิ ปี ระเมินผลการเรียนรู้ 192 - สดั สว่ นของการประเมิน - เนือ้ หาที่จะสอน สรปุ คำถามทา้ ยบท / แบบฝกึ หัด เอกสารอ้างองิ
[8] สารบัญ (ต่อ) หนา้ แผนการสอนประจำสปั ดาห์ที่ 8 193 หัวข้อเรื่อง การใชง้ านโปรแกรม Adobe Illustrator เบอื้ งตน้ 193 เนือ้ หา/รายละเอียด 193 จำนวนช่ัวโมงท่ีสอน 193 กจิ กรรมการเรยี นการสอน 193 สือ่ การสอน 194 แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 194 - ผลการเรยี นรู้ 194 - วิธีประเมนิ ผลการเรียนรู้ 195 - สดั สว่ นของการประเมิน 196 - เนอ้ื หาท่ีจะสอน 196 สรุป 218 คำถามทา้ ยบท / แบบฝึกหัด 219 220 เอกสารอา้ งอิง 221 แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 9 221 221 หวั ข้อเร่ือง การสรา้ ง VDO ด้วยโปรแกรม Adobe Premier เบ้อื งต้น คร้งั ท่ี 1 221 เนื้อหา/รายละเอยี ด 221 จำนวนช่ัวโมงที่สอน 222 กิจกรรมการเรียนการสอน 222 สอื่ การสอน 222 แผนการประเมินผลการเรียนรู้ 223 224 - ผลการเรียนรู้ 225 - วิธปี ระเมินผลการเรียนรู้ 236 - สัดส่วนของการประเมิน 237 - เน้อื หาที่จะสอน 238 สรุป คำถามทา้ ยบท / แบบฝกึ หดั เอกสารอ้างอิง
[9] สารบญั (ต่อ) หนา้ แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ี่ 10 239 หวั ข้อเร่อื ง การสร้าง VDO ดว้ ยโปรแกรม Adobe Premier เบอ้ื งต้น คร้ังท่ี 2 239 เนื้อหา/รายละเอยี ด 239 จำนวนชวั่ โมงทีส่ อน 239 กจิ กรรมการเรียนการสอน 239 สือ่ การสอน 240 แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 240 - ผลการเรียนรู้ 240 - วิธีประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 241 - สัดสว่ นของการประเมนิ 242 - เน้อื หาท่ีจะสอน 243 สรปุ 252 คำถามทา้ ยบท / แบบฝกึ หดั 252 253 เอกสารอ้างองิ 254 แผนการสอนประจำสัปดาห์ท่ี 11 254 254 หวั ข้อเรอื่ ง การประยกุ ตใ์ ช้งานแอปพลเิ คชันบนมอื ในการสร้างส่ือวดิ ีทัศน์ 254 เนอ้ื หา/รายละเอยี ด 254 จำนวนช่วั โมงท่ีสอน 255 กิจกรรมการเรียนการสอน 255 ส่อื การสอน 255 แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ 256 257 - ผลการเรียนรู้ 257 - วธิ ีประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 285 - สดั ส่วนของการประเมิน 286 - เนอ้ื หาท่ีจะสอน 287 สรุป คำถามทา้ ยบท / แบบฝึกหดั เอกสารอา้ งอิง
[10] สารบญั (ตอ่ ) หนา้ แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 12 288 หัวขอ้ เรอ่ื ง การประยุกตใ์ ชง้ านแอปพลิเคชนั บนมือในการสร้างสื่อภาพนง่ิ 288 เนือ้ หา/รายละเอยี ด 288 จำนวนช่วั โมงทสี่ อน 288 กิจกรรมการเรียนการสอน 288 สอ่ื การสอน 289 แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 286 - ผลการเรียนรู้ 289 - วิธปี ระเมินผลการเรียนรู้ 290 - สัดส่วนของการประเมิน 291 - เนือ้ หาท่ีจะสอน 292 สรุป 303 คำถามทา้ ยบท / แบบฝึกหัด 303 304 เอกสารอา้ งอิง 305 แผนการสอนประจำสัปดาหท์ ี่ 13 305 305 หัวขอ้ เร่อื ง การสรา้ งเวบ็ ไซต์ในธุรกจิ การบริการอาหาร 305 เนอ้ื หา/รายละเอียด 305 จำนวนชั่วโมงทีส่ อน 306 กจิ กรรมการเรยี นการสอน 306 สอื่ การสอน 306 แผนการประเมินผลการเรียนรู้ 307 308 - ผลการเรียนรู้ 309 - วธิ ีประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 327 - สดั ส่วนของการประเมิน 327 - เนือ้ หาที่จะสอน 328 สรุป คำถามทา้ ยบท / แบบฝกึ หดั เอกสารอา้ งอิง
[11] หนา้ สารบัญ (ต่อ) 329 329 แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 14 329 หัวข้อเรือ่ ง การประยุกต์ใช้สอ่ื สังคมออนไลนใ์ นธรุ กิจการบริการอาหาร 329 เน้ือหา/รายละเอยี ด 329 จำนวนชั่วโมงที่สอน 330 กิจกรรมการเรียนการสอน 330 ส่อื การสอน 330 แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 331 - ผลการเรียนรู้ 332 - วธิ ปี ระเมินผลการเรยี นรู้ 333 - สัดสว่ นของการประเมิน 351 - เนื้อหาที่จะสอน 352 สรุป 353 คำถามทา้ ยบท / แบบฝึกหัด 355 355 เอกสารอา้ งอิง 355 แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 15 355 355 หวั ข้อเร่ือง ระบบจัดการรา้ นอาหาร 356 เนือ้ หา/รายละเอยี ด 356 จำนวนชัว่ โมงท่ีสอน 356 กิจกรรมการเรียนการสอน 357 สอ่ื การสอน 358 แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ 358 381 - ผลการเรยี นรู้ 382 - วธิ ีประเมินผลการเรียนรู้ 383 - สัดส่วนของการประเมิน 384 - เนอื้ หาท่ีจะสอน สรุป คำถามทา้ ยบท / แบบฝกึ หัด เอกสารอา้ งอิง บรรณานกุ รม
[12] หนา้ สารบัญภาพ 5 7 ภาพท่ี 1.1 วงจรการทำงานพน้ื ฐานของคอมพิวเตอร์ (IPOS cycle) 8 ภาพที่ 1.2 Mark I คอมพวิ เตอร์เครอ่ื งแรกของโลก 11 ภาพท่ี 1.3 Very Large Scale Integration chip 12 ภาพที่ 1.4 IBM's z15 mainframes 13 ภาพท่ี 1.5 IBM Personal Computer 16 ภาพท่ี 1.6 IBM Personal Computer 16 ภาพท่ี 1.7 การเข้าใช้งาน google form 17 ภาพท่ี 1.8 การใช้ template ในฟอรม์ 17 ภาพที่ 1.9 การระบุหัวเร่อื งของแบบสอบถาม 17 ภาพท่ี 1.10 การระบหุ วั เรอ่ื งของแบบสอบถาม 18 ภาพที่ 1.11 การสรา้ งคำตอบแบบข้อความยาว ๆ 18 ภาพที่ 1.12 การสร้างคำตอบแบบตวั เลือกรปู แบบ Multiple Choice 18 ภาพที่ 1.13 การสร้างคำตอบแบบตัวเลือกรูปแบบ Checkboxes 19 ภาพท่ี 1.14 การสร้างคำตอบแบบตัวเลอื กรูปแบบ Drop-down 19 ภาพท่ี 1.15 การสรา้ งคำตอบแบบอพั โหลดไฟล์ 19 ภาพที่ 1.16 การสรา้ งคำตอบแบบตัวเลอื กแบบ Linear scale 20 ภาพที่ 1.17 การสร้างคำตอบแบบตัวเลือกในรูปแบบตาราง 20 ภาพที่ 1.18 การสร้างคำตอบแบบตัวเลอื กในรปู แบบตาราง Checkbox grid 21 ภาพท่ี 1.19 แสดงเครื่องมือการแบบสอบถาม 21 ภาพที่ 1.20 การตง้ั คา่ ส่งแบบฟอร์ม 31 ภาพที่ 1.21 การแสดงผลข้อมูลใน Google Form 47 ภาพท่ี 2.1 Search Engine 50 ภาพที่ 3.1 Microsoft Office 51 ภาพที่ 3.2 ตารางการเลอื กซ้อื Microsoft Office 52 ภาพที่ 3.3 หน้าตา่ งแรกของการใช้ Microsoft Word 54 ภาพที่ 3.4 หน้าต่างแรกของการใช้ Microsoft Word 54 ภาพที่ 3.5 แท็บหน้าแรก (Home) 54 ภาพที่ 3.6 แท็บแทรก (Insert) 55 ภาพที่ 3.7 แท็บออกแบบ (Design) 55 ภาพที่ 3.8 แท็บเค้าโครง (Layout) ภาพท่ี 3.9 แท็บการอา้ งอิง (References)
[13] หน้า สารบัญภาพ (ตอ่ ) 55 55 ภาพที่ 3.10 แท็บการส่งจดหมาย (Mailings) 56 ภาพท่ี 3.11 แท็บรวี ิว (Review) 56 ภาพท่ี 3.12 แท็บมมุ มอง (View) 56 ภาพท่ี 3.13 การสรา้ งเอกสารใหม่ 57 ภาพที่ 3.14 หนา้ ตา่ งหลกั ในการสร้างเอกสารและรบิ บอน (ribbon) 57 ภาพท่ี 3.15 หน้าต่างชอ่ งเพือ่ คน้ หาเทมเพลตออนไลน์ 58 ภาพที่ 3.16 แสดงตัวอย่างเทมเพลตทคี่ ้นหา 59 ภาพท่ี 3.17 แสดงตวั อยา่ งเทมเพลตทีเ่ ราเลอื ก 60 ภาพท่ี 3.18 แสดงการบันทกึ ไฟล์เอกสาร 61 ภาพที่ 3.19 แสดงการเปิดไฟลเ์ อกสาร 62 ภาพท่ี 3.20 การกำหนดค่าขอบกระดาษ 62 ภาพที่ 3.21 การกำหนดค่าขอบกระดาษ 63 ภาพท่ี 3.22 การวางแนวกระดาษ 63 ภาพท่ี 3.23 การเปลี่ยนขนาดกระดาษ 64 ภาพท่ี 3.24 เวบ็ ไซต์บริการวทิ ยุออนไลน์ 65 ภาพที่ 3.25 การพมิ พเ์ อกสารออกทางเคร่ืองพิมพ์ 66 ภาพที่ 3.26 template ของหนา้ เอกสาร 67 ภาพที่ 3.27 การปรับขนาดเอกสาร 67 ภาพที่ 3.28 การปรับขนาดเอกสาร 68 ภาพท่ี 3.29 การเปลีย่ นภาพในหนา้ เอกสารแม่แบบ 68 ภาพท่ี 3.30 การเพมิ่ ภาพใหม่ในหน้าเอกสารแม่แบบ 69 ภาพท่ี 3.31 การเพิ่มตารางในหนา้ เอกสารแม่แบบ 69 ภาพที่ 3.32 การเปลย่ี น styles ในหน้าเอกสารแม่แบบ 70 ภาพที่ 3.33 การเปลีย่ นรูปแบบในหนา้ เอกสารแม่แบบ 70 ภาพที่ 3.34 การเพ่มิ SmartArt ในหนา้ เอกสารแมแ่ บบ 71 ภาพที่ 3.35 การเลอื กใช้ SmartArt ในหน้าเอกสารแมแ่ บบ 71 ภาพท่ี 3.36 การปรับใช้ SmartArt ในหนา้ เอกสารแม่แบบ 72 ภาพท่ี 3.37 การเพมิ่ chart ในหนา้ เอกสารแม่แบบ 72 ภาพที่ 3.38 การปรบั เลขหน้าในหน้าเอกสารแม่แบบ 73 ภาพท่ี 3.39 การปรบั เลขหนา้ ในหน้าเอกสารแม่แบบ 74 ภาพที่ 3.40 การปรับรปู แบบเลขหน้าในหนา้ เอกสารแม่แบบ ภาพที่ 3.41 การใชค้ ำส่งั Section Break ในหนา้ เอกสารแมแ่ บบ
[14] หนา้ สารบัญภาพ (ตอ่ ) 75 75 ภาพท่ี 3.42 การหา newsletter จากแม่แบบ 76 ภาพท่ี 3.43 การสรา้ ง newsletter จากแม่แบบ 76 ภาพท่ี 3.44 การหา invitation card จากแมแ่ บบ 77 ภาพที่ 3.45 การสรา้ ง invitation card จากแมแ่ บบ 78 ภาพที่ 3.46 การหาแม่แบบ flyers 85 ภาพท่ี 3.47 การสร้าง flyers จากแมแ่ บบ 87 ภาพท่ี 4.1 Microsoft Excel 88 ภาพที่ 4.2 ส่วนประกอบของหนา้ ต่างโปรแกรม 88 ภาพที่ 4.3 เมนหู นา้ แรก (Home) 88 ภาพที่ 4.4 เมนแู ทรก (Insert) 89 ภาพท่ี 4.5 เมนูเค้าโครงหนา้ กระดาษ (Page Layout) 89 ภาพที่ 4.6 เมนสู ูตร (Formula) 89 ภาพที่ 4.7 เมนูข้อมลู (Data) 89 ภาพที่ 4.8 เมนตู รวจทาน (Review) 90 ภาพท่ี 4.9 เมนูมมุ มอง (View) 90 ภาพท่ี 4.10 การสรา้ งไฟล์งานใหม่ 91 ภาพท่ี 4.11 การสร้างไฟล์งานใหม่ 91 ภาพท่ี 4.12 การทำงานกบั แผน่ งาน 92 ภาพที่ 4.13 คำสง่ั ในการทำงานกบั แผ่นงาน 92 ภาพท่ี 4.14 เมนูตรงึ แนวหน้าจอ 93 ภาพที่ 4.15 เมนูยกเลกิ การตรึงแนวหน้าจอ 93 ภาพที่ 4.16 เมนูการจดั รปู แบบตามเงือ่ นไข 94 ภาพที่ 4.17 การจัดรูปแบบตามเงือ่ นไข 94 ภาพท่ี 4.18 ผลลพั ธก์ ารจดั รปู แบบตามเงื่อนไข 95 ภาพท่ี 4.19 การกำหนดช่วงขอ้ มูล 98 ภาพที่ 4.20 การคำนวณ 99 ภาพท่ี 4.21 การคำนวณหาผลรวมโดยฟงั ก์ชัน 99 ภาพท่ี 4.22 ฟังกช์ นั ท่ใี ชง้ านบอ่ ยๆ 100 ภาพที่ 4.23 ฟังก์ชันทีใ่ ช้งานบอ่ ยๆ 100 ภาพที่ 4.24 ฟังก์ชันการกรองขอ้ มูล 101 ภาพท่ี 4.25 การกรองข้อมูลในช่วงหรอื ตาราง ภาพท่ี 4.26 การเลอื กชว่ งขอ้ มลู แบบตอ่ เนอื่ ง
[15] สารบัญภาพ (ตอ่ ) หน้า ภาพท่ี 4.27 การเลือกชว่ งขอ้ มลู แบบไม่ตอ่ เนอื่ ง 101 ภาพที่ 4.28 การสรา้ งกราฟในโปรแกรม Excel 102 ภาพท่ี 4.29 รปู กราฟท่สี ร้างไว้ 102 ภาพที่ 4.30 การใชค้ ีย์บนแปน้ พมิ พใ์ นการข้ามแผ่นงาน 103 ภาพท่ี 4.31 การใชค้ ยี บ์ นแปน้ พมิ พ์ในการขา้ มแถว 104 ภาพท่ี 4.32 การใช้ shift เพื่อคลุมดำข้อความ 104 ภาพท่ี 4.33 การใช้ปมุ่ ลัดในการแปลงค่า 105 ภาพที่ 4.34 การกด F4 เพื่อล็อคเซลล์ 105 ภาพที่ 4.35 การดับเบลิ คลิกเพื่อทำการคัดลอก 106 ภาพที่ 4.36 การลบข้อมลู ด้วยคำสั่ง 106 ภาพที่ 4.37 การสร้างค่าสุม่ ดว้ ย RAND 107 ภาพท่ี 4.38 หวั ขอ้ ของขอ้ มลู ทงั้ หมด 107 ภาพท่ี 4.39 บนั ทกึ ขอ้ มูลการขายในแต่ละวัน 108 ภาพที่ 4.40 การใสส่ ูตรลงไป 108 ภาพที่ 4.41 การคำนวณยอดขายใหโ้ ดยอตั โนมตั ิ 108 ภาพที่ 4.42 การทำ Pivot Table 109 ภาพที่ 4.43 หน้าตา่ งทำ Pivot Table 109 ภาพที่ 4.44 การวเิ คราะห์ขอ้ มูลดว้ ย Pivot Table 109 ภาพที่ 4.45 การวิเคราะหข์ ้อมูลดูว่าลูกคา้ คนไหนซื้อสินค้ากบั เราเยอะท่ีสดุ 110 ภาพท่ี 4.46 การวิเคราะหข์ อ้ มูลดูวา่ เวลาไหนทข่ี ายดี 110 ภาพท่ี 4.47 การวิเคราะห์ข้อมูลดูวา่ เวลาไหนทีข่ ายดี 111 ภาพท่ี 4.48 สินค้าที่ขายดีในแต่ละช่วงเวลา 111 ภาพที่ 4.49 การวิเคราะห์แนวโน้มตามช่วงเวลา 112 ภาพท่ี 4.50 การใช้ Area Chart 113 ภาพท่ี 4.51 การใช้ Stacked Bar Chart 113 ภาพท่ี 4.52 การเปรยี บเทียบและจัดอนั ดบั 114 ภาพท่ี 4.53 การใช้ Scatter Plot หรือ Bubble Chart 114 ภาพท่ี 4.54 การใช้ Chart หลายแบบประกอบกัน 115 ภาพที่ 4.55 การใช้ Box Plot ทำ Distribution Analysis 116 ภาพที่ 4.56 การใช้ Histogram 116 ภาพท่ี 4.57 การใช้ Pie Chart ในการเปรยี บเทยี บสัดส่วน 117 ภาพท่ี 4.58 การใช้ Stacked Bar Chart แบบเปรยี บเทยี บสัดสว่ นเป็นเปอรเ์ ซ็นต์ 117
[16] หน้า สารบญั ภาพ (ต่อ) 118 118 ภาพท่ี 4.59 การใช้ Pie Chart หรอื Cross-tab Table 119 ภาพท่ี 4.60 การจดั ทำข้อมูลใบกำกบั ภาษี 126 ภาพท่ี 4.61 การคำนวณหาคา่ ตา่ งๆ 129 ภาพที่ 5.1 โปรเเกรมในการนำเสนอ 129 ภาพที่ 5.2 สว่ นหนา้ จอของโปรแกรม 130 ภาพท่ี 5.3 แท็บ Ribbon หนา้ แรก (Home) 130 ภาพที่ 5.4 แท็บ Ribbon แทรก (Insert) 130 ภาพที่ 5.5 แท็บ Ribbon ออกแบบ (Design) 130 ภาพท่ี 5.6 แท็บ Ribbon การเปลย่ี น (Transitions) 131 ภาพท่ี 5.7 แท็บ Ribbon ภาพเคลอื่ นไหว (Animations) 131 ภาพท่ี 5.8 แท็บ Ribbon การนำเสนอสไลด์ (Slide Show) 131 ภาพท่ี 5.9 แท็บ Ribbon รวี วิ (Review) 132 ภาพที่ 5.10 แท็บ Ribbon มุมมอง (View) 132 ภาพที่ 5.11 แท็บ Ribbon Contextual Tab 133 ภาพที่ 5.12 เปิดโปแกรม PowerPoint ครง้ั แรก 133 ภาพท่ี 5.13 สไลดแ์ ผ่นเร่ิมตน้ แบบ 134 ภาพท่ี 5.14 การเลือกสรา้ งพรเี ซนเตชันจากชดุ ธีม 134 ภาพท่ี 5.15 การเพิ่มสไลด์แผน่ ใหม่ 135 ภาพท่ี 5.16 การเปลยี่ นเคา้ โครงสไลด์ 136 ภาพที่ 5.17 การบนั ทึกไฟล์พรเี ซนเตชนั 136 ภาพที่ 5.18 การเพ่ิมรปู ภาพในสไลด์ 137 ภาพที่ 5.19 การเพม่ิ รปู ภาพในสไลด์ 138 ภาพที่ 5.20 การเพม่ิ SmartArt Graphic 138 ภาพที่ 5.21 การ Slide Master 139 ภาพที่ 5.22 การ Insert Slide Master ใหม่ 139 ภาพที่ 5.23 การเปลยี่ นธีม (Theme) 140 ภาพที่ 5.24 การสรา้ งขอ้ ความโดยใช้ Text box 140 ภาพที่ 5.25 การสร้างข้อความโดยใช้ WordArt 141 ภาพที่ 5.26 การสรา้ ง AutoShape 141 ภาพท่ี 5.27 การสรา้ งรูปภาพในงาน 141 ภาพที่ 5.28 การสรา้ งรูปภาพจาก screen shot ภาพท่ี 5.29 การเพิ่มรปู ภาพจาก Icons
[17] หนา้ สารบญั ภาพ (ต่อ) 142 142 ภาพที่ 5.30 การเพ่ิม Effect การเลอ่ื นสไลด์ 143 ภาพท่ี 5.31 การเพิม่ Sound 143 ภาพที่ 5.32 การเลอื กความเรว็ ในการเปลยี่ นสไลด์ 144 ภาพที่ 5.33 ตัวอย่างการต้ังเวลาอัตโนมตั ิ 144 ภาพที่ 5.34 การกำหนด Animation ใหก้ ับ Object 145 ภาพท่ี 5.35 การกำหนด Animation แบบกำหนดเอง 145 ภาพที่ 5.36 การกำหนด Effect Options 146 ภาพที่ 5.37 การ insert Link 146 ภาพท่ี 5.38 การกำหนดคุณสมบตั ติ า่ ง ๆ ของจดุ เช่ือมโยง 147 ภาพที่ 5.39 การกำหนดข้อความอธบิ ายเพิ่มเติม 148 ภาพที่ 5.40 การกำหนดรายละเอยี ด Slide Show 148 ภาพท่ี 5.41 การกำหนดรายละเอียดจำนวนสไลด์ทีต่ ้องการนำเสนอ 155 ภาพที่ 5.42 การสร้าง Slide Master 157 ภาพท่ี 6.1 โปรแกรม Photoshop CS6 158 ภาพที่ 6.2 การเรยี กใช้งานโปรแกรม 158 ภาพที่ 6.3 หน้าตา่ งการทำงานของโปรแกรม Photoshop cs6 159 ภาพท่ี 6.4 แถบเมนคู ำสัง่ 160 ภาพท่ี 6.5 แถบตวั เลอื ก (Options Bar) 162 ภาพที่ 6.6 แถบกลอ่ งเคร่ืองมอื (Toolbox) 162 ภาพที่ 6.7 แถบช่อื เร่อื ง (Title Bar) 162 ภาพที่ 6.8 แถบสถานะ (Status Bar) 163 ภาพที่ 6.9 พ้นื ทใี่ ช้งาน (Working Area) 163 ภาพที่ 6.10 พาเนล Navigator ใช้ปรบั มุมมองของภาพ 164 ภาพที่ 6.11 พาเนล Color ใชก้ ำหนดสีพนื้ หน้า 164 ภาพท่ี 6.12 พาเนล Adjustments ใช้ปรับแตง่ สี 164 ภาพท่ี 6.13 พาเนล Layers ใช้ควบคมุ การใช้งานเลเยอร์ 165 ภาพท่ี 6.14 พาเนล History เก็บรายละเอยี ดขั้นตอนการทำงาน 166 ภาพที่ 6.15 การเปิดไฟลใ์ หม่ 167 ภาพที่ 6.16 การเปิดไฟล์ภาพ 167 ภาพที่ 6.17 การแก้ไขขนาดรปู ภาพ 168 ภาพท่ี 6.18 การ save ไฟล์ ภาพท่ี 6.19 การปรบั พ้ืนท่ีการทำงานด้วยคำส่ัง Canvas Size
[18] หนา้ สารบัญภาพ (ตอ่ ) 169 170 ภาพท่ี 6.20 การบันทึกงาน 171 ภาพท่ี 6.21 การใช้เครื่องมือ Marquee Tool 171 ภาพที่ 6.22 การใช้เครอ่ื งมอื Lasso Tool 172 ภาพที่ 6.23 การใชเ้ ครือ่ งมอื Selection Tool 172 ภาพที่ 6.24 การตง้ั คา่ เครอ่ื งมือ Selection 173 ภาพที่ 6.25 Feather ในออปชั่นบาร์ 173 ภาพที่ 6.26 การตัง้ คา่ Feather 180 ภาพท่ี 6.27 การตดั ภาพพน้ื หลังอยา่ งงา่ ย 180 ภาพท่ี 7.1 การใช้เครอ่ื งมือ TEXT สร้างตัวอักษร 181 ภาพที่ 7.2 การใช้ HORIZONTAL TYPE TOOL 182 ภาพที่ 7.3 การใช้ HORIZONTAL TYPE MASK TOOL 185 ภาพที่ 7.4 รปู แบบของ Layer Style 187 ภาพท่ี 7.5 คีย์ลดั โปรแกรม PHOTOSHOP บนแปน้ พิมพ์ 188 ภาพที่ 7.6 ตวั อย่างการออกแบบเมนสู ำหรับรา้ นอาหาร 197 ภาพที่ 7.7 เทคนิคการออกแบบเมนู 198 ภาพที่ 8.1 หนา้ ตา่ งโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 199 ภาพท่ี 8.2 ส่วนประกอบของหน้าจอ Illustrator 199 ภาพท่ี 8.3 แถบเมนคู ำสง่ั (Menu bar) 200 ภาพที่ 8.4 แถบคอนโทรลพาเนล (Control Panel) 200 ภาพที่ 8.5 แถบกลอ่ งเครื่องมือ (Toolbox) 201 ภาพท่ี 8.6 แถบพืน้ ทก่ี ารทำงาน (Artboard) 201 ภาพท่ี 8.7 แถบพาเนลควบคุมการทำงาน (Panel) 202 ภาพท่ี 8.8 การตง้ั คา่ การสรา้ งเอกสารใหม่ 203 ภาพที่ 8.9 Layer panel 203 ภาพท่ี 8.10 การปรับขนาด Layer Thumbnail 205 ภาพท่ี 8.11 การใส่สี และกำหนดค่าต่างๆ ให้กับ Layer 205 ภาพท่ี 8.12 การบิดเบอื นรปู ร่าง Distort Object 206 ภาพท่ี 8.13 การทำ Reflection 206 ภาพที่ 8.14 Transform Panel 207 ภาพที่ 8.15 การทำ Align and Distribution objects 208 ภาพที่ 8.16 การสร้าง Swatch Color ภาพท่ี 8.17 การสร้าง Link Area Text
[19] หน้า สารบัญภาพ (ตอ่ ) 208 209 ภาพท่ี 8.18 พิมพต์ ัวอักษรตามตอ้ งการ 209 ภาพที่ 8.19 สร้าง Effect 3D 210 ภาพที่ 8.20 ตง้ั ค่า 3D 210 ภาพท่ี 8.21 ตัวอกั ษร 3 มิติ 211 ภาพที่ 8.22 เราใชเ้ ครือ่ งมือ Pen Tool 211 ภาพที่ 8.23 เส้น path 212 ภาพท่ี 8.24 การ Save File 213 ภาพท่ี 8.25 การ Export เป็น TIFF File 214 ภาพที่ 8.26 ปรับโหมดสี CMYK 215 ภาพท่ี 8.27 ต้งั คา่ ระยะขอบและระยะตดั ตก 215 ภาพที่ 8.28 ตั้งคา่ Create Outline 216 ภาพท่ี 8.29 แปน้ ลัดของโปรแกรม illustrator cs6 217 ภาพที่ 8.30 Shortcut คียล์ ัดของโปรแกรม illustrator cs6 217 ภาพที่ 8.31 ภาพตวั อย่างการสรา้ งดอกไม้ 217 ภาพที่ 8.32 ภาพการทำงานกับ Polygon Tool 218 ภาพท่ี 8.33 ภาพการใช้ Effect 225 ภาพท่ี 8.34 ภาพหลงั การใช้ Effect ปรับแต่ง 226 ภาพท่ี 9.1 How VCRs Work 226 ภาพท่ี 9.2 VHS Tapes 227 ภาพที่ 9.3 เคร่อื งอ่านแผน่ บลูเรยแ์ บบพกพารนุ่ ใหม่จากซมั ซงุ 228 ภาพท่ี 9.4 Television encoding systems 230 ภาพท่ี 9.5 HDTV Features 233 ภาพที่ 9.6 KFC storyboards 233 ภาพที่ 9.7 Audacity 234 ภาพท่ี 9.8 WaveEditor 234 ภาพท่ี 9.9 Sound Forge Audio Studio 235 ภาพที่ 9.10 Adobe Audition 235 ภาพท่ี 9.11 Adobe Audition 236 ภาพที่ 9.12 iTunes 243 ภาพที่ 9.13 Winamp 243 ภาพท่ี 10.1 Adobe Premiere Pro CS6 ภาพที่ 10.2 Sony Vegas Pro 12
[20] หน้า สารบัญภาพ (ตอ่ ) 244 245 ภาพท่ี 10.3 PowerDirector 13 Ultra 246 ภาพท่ี 10.4 หนา้ ต่าง Welcome to Adobe Premiere Pro CS6 246 ภาพท่ี 10.5 หน้าต่างการสร้างโปรเจคงานใหม่ 247 ภาพที่ 10.6 หนา้ ต่างการกำหนดค่าโปรเจคงานใหม่ 248 ภาพท่ี 10.7 หนา้ ตา่ ง New Sequence 249 ภาพท่ี 10.8 ส่วนประกอบของหนา้ ตา่ งโปรแกรม 249 ภาพท่ี 10.9 การนำวีดิโอคลปิ เข้ามาทำงานใน Project 250 ภาพที่ 10.10 การนำวีดโิ อคลิปเข้ามา timeline 250 ภาพที่ 10.11 การนำคลปิ เสียงเข้ามา timeline 251 ภาพท่ี 10.12 การตดั คลิปท่ีไม่ตอ้ งการออก 251 ภาพท่ี 10.13 การ Export ไฟล์ เพือ่ นำไปใชง้ าน 261 ภาพที่ 10.14 การกำหนดค่าสำหรับ Export ไฟล์ เพือ่ นำไปใชง้ าน 261 ภาพที่ 11.1 Pre-Production 262 ภาพท่ี 11.2 Production 264 ภาพท่ี 11.3 Post-Production 264 ภาพท่ี 11.4 Extreme Long Shot 265 ภาพท่ี 11.5 Long Shot 265 ภาพที่ 11.6 Medium Long Shot 266 ภาพท่ี 11.7 Medium Shot 266 ภาพท่ี 11.8 Medium Close-Up 267 ภาพที่ 11.9 Close-Up 267 ภาพที่ 11.10 Extreme Close-Up 268 ภาพที่ 11.11 Bird's-eye view 269 ภาพท่ี 11.12 แอปพลิเคชัน ADOBE PREMIERE RUSH 269 ภาพท่ี 11.13 แอปพลิเคชนั KINEMASTER VIDEO EDITOR 270 ภาพท่ี 11.14 แอปพลิเคชนั Power Director 271 ภาพท่ี 11.15 แอปพลิเคชนั INSHOT 272 ภาพที่ 11.16 แอปพลิเคชนั WeVideo 272 ภาพที่ 11.17 หน้าตา่ งโปรแกรม 273 ภาพท่ี 11.18 หนา้ ตา่ งสร้างโปรเจคงาน 273 ภาพท่ี 11.19 หนา้ ตา่ ง Preview วดี โี อ ภาพท่ี 11.20 หน้าต่างนำไฟลว์ ดี ีโอมาตัดตอ่
[21] หน้า สารบญั ภาพ (ต่อ) 274 274 ภาพท่ี 11.21 หน้าต่างเลอื กไฟล์วีดีโอที่ต้องการ 275 ภาพท่ี 11.22 หนา้ ต่างวดี โี อที่เราจะสามารถตดั ต่อและแก้ไข 275 ภาพที่ 11.23 หน้าตา่ งเลเยอร์การใส่ตวั หนงั สือ 276 ภาพที่ 11.24 หน้าต่างพิมพต์ วั อักษร 276 ภาพท่ี 11.25 หนา้ ต่างการใส่ตวั หนังสอื 277 ภาพท่ี 11.26 หนา้ ตา่ งไอคอน “เสยี ง” 277 ภาพที่ 11.27 หน้าต่างคลังเพลงเพ่อื เลอื กเสียงเพลงท่ตี อ้ งการ 278 ภาพที่ 11.28 หนา้ ต่าง Layer ของเพลง 278 ภาพที่ 11.29 หนา้ ต่างรูปเสียง “มิกเซอร์” ปรับระดบั เสยี ง 279 ภาพท่ี 11.30 หนา้ ต่างการตัด/แยกสว่ นวดี ีโอ 279 ภาพท่ี 11.31 หนา้ ตา่ งรูปแบบการตัดแยก 280 ภาพท่ี 11.32 หน้าต่างการตัดไปทางซา้ ยของหวั อา่ น 280 ภาพที่ 11.33 หนา้ ตา่ งการตัดไปทางขวาของหัวอ่าน 281 ภาพท่ี 11.34 หนา้ ต่างการแยกทห่ี วั อา่ น 281 ภาพท่ี 11.35 หนา้ ต่างการแยกและแทรกเฟรมภาพนง่ิ 282 ภาพที่ 11.36 หน้าต่างแทรกรปู ภาพ อีก Layer ในวดี ีโอ 282 ภาพที่ 11.37 หน้าต่างเลอื กไฟลร์ ูปท่ตี ้องการ 283 ภาพท่ี 11.38 หนา้ ตา่ งการจัดวางตำแหนง่ รปู 283 ภาพท่ี 11.39 หน้าต่างปมุ่ การส่งออกวีดีโอ 284 ภาพท่ี 11.40 หนา้ ตา่ งการตงั้ คา่ การสง่ ออกไฟล์ 284 ภาพที่ 11.41 หนา้ ตา่ งการ export ไฟล์ 285 ภาพที่ 11.42 หนา้ ต่างการแชรไ์ ฟล์ 292 ภาพที่ 11.43 หนา้ ต่างการเลอื กเครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ที่ต้องการ 294 ภาพที่ 12.1 แอปพลิเคชัน 294 ภาพท่ี 12.2 แอปพลิเคชนั PicsArt 295 ภาพที่ 12.3 แอปพลิเคชนั VSCO 295 ภาพที่ 12.4 แอปพลิเคชัน Pixlr Express 296 ภาพท่ี 12.5 แอปพลิเคชัน Foodie 297 ภาพที่ 12.6 แอปพลิเคชัน Foodie 297 ภาพที่ 12.7 การสมัครเข้าใชง้ าน Canva 298 ภาพท่ี 12.8 หนา้ แรกเมือ่ เข้าส่รู ะบบ ภาพที่ 12.9 หนา้ ตา่ งการเลอื กแมแ่ บบ
[22] หนา้ สารบญั ภาพ (ตอ่ ) 298 299 ภาพท่ี 12.10 หน้าต่างการเลอื ก Elements (องค์ประกอบ) 299 ภาพท่ี 12.11 หนา้ ต่างการเลือก Uploads (อพั โหลด) รปู ภาพ 299 ภาพที่ 12.12 หน้าตา่ งการเลือกใช้ Text (ขอ้ ความ) 300 ภาพที่ 12.13 หนา้ ต่างการเพ่มิ โลโก้ 300 ภาพท่ี 12.14 หนา้ ต่างการเพิ่มแถบเมนูด้านขา้ งที่ถกู ซ่อน 301 ภาพท่ี 12.15 หน้าตา่ งเมนดู า้ นบนเปน็ เมนจู ดั การการทำงาน 301 ภาพที่ 12.16 หนา้ ต่างเมนูด้านขวาบน 302 ภาพท่ี 12.17 หน้าตา่ งส่วนหนา้ กระดาษในการทำงาน 302 ภาพที่ 12.18 หนา้ ต่างสว่ นแถบเครอ่ื งมอื สำหรับจัดการงาน 311 ภาพท่ี 12.19 หน้าต่างช่องทางในการเผยแพร่ 313 ภาพท่ี 13.1 เวบ็ ไซตส์ ่วนบุคคล 313 ภาพท่ี 13.2 เว็บไซตธ์ รุ กจิ ออนไลน์ 316 ภาพที่ 13.3 เวบ็ ไซต์สำหรับขายสินค้าและบรกิ าร 316 ภาพที่ 13.4 เว็บไซต์ WordPress 317 ภาพที่ 13.5 เวบ็ ไซต์ Weebly 318 ภาพที่ 13.6 เว็บไซต์ Blogger 318 ภาพท่ี 13.7 เว็บไซต์ WebStarts 319 ภาพท่ี 13.8 เว็บไซต์ Jimdo 320 ภาพท่ี 13.9 เวบ็ ไซต์ wix.com 320 ภาพท่ี 13.10 การลงทะเบยี นเข้าใช้งาน 320 ภาพที่ 13.11 การเขา้ สู่ระบบการใช้งาน Wix.com 321 ภาพที่ 13.12 การเลือกประเภทเว็บไซต์ 321 ภาพที่ 13.13 การเลือกวิธกี ารสร้างเวบ็ ไซต์ 322 ภาพท่ี 13.14 การเลือก template 323 ภาพท่ี 13.15 การจัดการเวบ็ ไซต์ 324 ภาพท่ี 13.16 หน้าต่าง Text Settings 325 ภาพท่ี 13.17 หน้าตา่ งการเพ่ิมรูปภาพ 325 ภาพท่ี 13.18 หน้าตา่ งแก้ไขรปู แบบพื้นหลัง 326 ภาพท่ี 13.19 หน้าตา่ งการ save 326 ภาพที่ 13.20 หน้าต่างการ Publish เว็บไซต์ 333 ภาพท่ี 13.21 การสรา้ งเว็บไซตด์ ้วยเว็บไชต์สำเร็จรปู WIX ภาพท่ี 14.1 ส่ือสังคมออนไลน์
[23] หน้า สารบัญภาพ (ต่อ) 337 339 ภาพท่ี 14.2 Social Commerce 340 ภาพที่ 14.3 FACEBOOK ในธุรกิจร้านอาหาร 341 ภาพท่ี 14.4 การสร้าง Lead Generation ใน Facebook 341 ภาพที่ 14.5 Facebook Audience 342 ภาพที่ 14.6 Facebook Offer Ads 343 ภาพท่ี 14.7 Facebook Offer Ads 345 ภาพที่ 14.8 อนิ สตาแกรม (Instagram) 346 ภาพท่ี 14.9 สร้างความอยากอาหารบน Instagram 350 ภาพที่ 14.10 สร้างความอยากอาหารบน Instagram 359 ภาพท่ี 14.11 ตัวอย่างของรา้ น Maguro Sushi 360 ภาพที่ 15.1 ตัวอย่างระบบ E- Payment 361 ภาพท่ี 15.2 ตวั อยา่ ง Digital Signage 361 ภาพที่ 15.3 ตัวอยา่ งเครอ่ื งเรยี กคิวไร้สาย 362 ภาพท่ี 15.4 ตวั อย่างการใช้งานระบบเรียกคิวในรา้ นอาหาร 363 ภาพที่ 15.5 ตวั อยา่ งบัตรสะสมแต้มบนระบบไลน์ LINE OFFICIAL ACCOUNT 364 ภาพท่ี 15.6 ตัวอยา่ งระบบจัดการรา้ นอาหาร (POS) 365 ภาพท่ี 15.7 ตวั อยา่ งแผนผงั ระบบจดั การร้านอาหาร 366 ภาพท่ี 15.8 ระบบจดั การรา้ นอาหาร (POS) ในปัจจบุ ัน 366 ภาพที่ 15.9 ระบบจดั การร้านกาแฟดุสิตเสิร์ฟ 367 ภาพที่ 15.10 การเขา้ ส่รู ะบบเพอ่ื ใช้งาน 367 ภาพท่ี 15.11 การบันทกึ เงินสดแรกเข้า 368 ภาพที่ 15.12 หนา้ กระดานสนิ คา้ สำหรบั ขายของ 368 ภาพที่ 15.13 หน้ากระดานสินค้ารา้ นกาแฟ 368 ภาพท่ี 15.14 หนา้ ตา่ งรถเข็นท่ีบนั ทึก 369 ภาพท่ี 15.15 หนา้ ตา่ งคำสงั่ ซอ้ื 369 ภาพที่ 15.16 หนา้ ต่างธรุ กรรม 370 ภาพท่ี 15.17 หนา้ ตา่ งรายงาน 370 ภาพท่ี 15.18 หน้าตา่ งใหก้ รอกที่อยู่ในการจดั ส่ง 371 ภาพที่ 15.19 หน้าต่างออกจากระบบ 371 ภาพที่ 15.20 หนา้ ตา่ ง Wongnai บนออนไลน์ 372 ภาพที่ 15.21 หนา้ ต่างเชือ่ มต่อกับ LINE MAN Delivery ภาพท่ี 15.22 หนา้ ตา่ งจัดการออเดอร์
[24] หน้า สารบญั ภาพ (ต่อ) 372 373 ภาพท่ี 15.23 หน้าต่างรายงานยอดขาย 373 ภาพที่ 15.24 หน้าต่างความปลอดภยั ในการทำงาน 374 ภาพท่ี 15.25 หน้าตา่ งวางผังจดั การโตะ๊ ในรา้ น 374 ภาพที่ 15.26 หนา้ ตา่ งการสรา้ งโปรโมชนั ได้หลายรูปแบบ 375 ภาพที่ 15.27 การพมิ พใ์ บเสร็จ/ใบกำกบั ภาษอี ย่างย่อ 375 ภาพท่ี 15.28 การแจง้ ออเดอร์เข้าครัว 376 ภาพที่ 15.29 การใช้ Wongnai Reward Card 376 ภาพที่ 15.30 การชำระเงนิ สะดวกด้วย QR Code บนใบเสรจ็ 377 ภาพที่ 15.31 ตัวช่วยจัดการสต๊อก 377 ภาพท่ี 15.32 พนกั งานรับออเดอรส์ ะดวก ไม่ตกหล่น 378 ภาพท่ี 15.33 เพ่ิมชอ่ งทางขายดว้ ย Pickup 379 ภาพท่ี 15.34 ฟเี จอรส์ ำหรบั รา้ นบุฟเฟต์ จับเวลาอัตโนมตั ิ 380 ภาพที่ 15.35 FOOD SUPPLY CHAIN AUTOMATION 380 ภาพที่ 15.36 ตวั อยา่ ง “Easy Eat” สตารท์ อัพ RestaurantTech ภาพที่ 15.37 เครื่องข้นึ รูปอาหาร 3 มิติ
[25] สารบัญตาราง หนา้ ตารางท่ี 3.1 หนา้ ต่างโปรแกรม Microsoft Word 53 ตารางที่ 3.2 ส่วนประกอบของหน้าต่างโปรแกรม 87 ตารางที่ 4.1 แสดงสูตรในการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Formula) 95 ตารางท่ี 4.2 แสดงสูตรในการเปรยี บเทียบ (Comparison Formula) 95 ตารางที่ 4.3 แสดงเครอ่ื งหมายในการเช่อื มขอ้ ความสองข้อความหรือมากกวา่ นั้น (Text Formula)96 ตารางที่ 4.4 แสดงสูตรในการอา้ งองิ (Text Formula) 96 ตารางท่ี 4.5 แสดงสตู รในการอา้ งอิง (Text Formula) 96 ตารางท่ี 4.6 แสดงผลลพั ธ์ทเี่ กดิ จากการคำนวณและการทำงานที่ไม่ถูกตอ้ ง 97 ตารางที่ 6.1 รปู แบบการทำงานของแถบเมนคู ำส่ัง 159 ตารางที่ 6.2 เครอื่ งมือพื้นฐานของโปรแกรม Adobe Photoshop CS6 160 ตารางท่ี 7.1 รูปแบบของ Layer Style 182 ตารางที่ 7.2 รูปแบบของ Blending and Layer Style 183 ตารางที่ 7.3 คยี ์ลัดท่นี ิยมใช้บอ่ ย 185 ตารางท่ี 8.1 แถบเมนูคำส่ัง (Menu bar) 199 ตารางที่ 8.2 Shortcut คียล์ ัด 216 ตารางที่ 14.1 ชนิดของสอื่ สังคมออนไลน์ 335
แผนบรหิ ารการสอนประจำรายวิชา รายวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศยุคดจิ ิทลั ในธรุ กจิ บรกิ ารอาหาร รหัสวชิ า 5073350 Digital Technology in Food Service Business 42 ชัว่ โมง/ภาคเรยี น จำนวนหน่วยกิต – ช่ัวโมง 3(2-2-5) 5 ช่ัวโมง/ภาคเรยี น เวลาเรยี น คิด 15 สปั ดาห์ (4 x 15) 28 ชั่วโมง/ภาคเรียน ศกึ ษาคน้ คว้าด้วยตนเอง บรรยาย คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาบทบาท จริยธรรม และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจอาหาร การ ประยุกต์ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการตลาด และการประยุกตใ์ ช้คอมพวิ เตอรใ์ นการดำเนินงานต่าง ๆ ในธรุ กจิ บรกิ ารอาหาร The roles, morality, digital technology application in food service business, practice use software including and application for marketing, including other processes in food service business. จดุ มงุ่ หมายรายวชิ า 1. เพื่อให้ผู้เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั พ้ืนฐาน องค์ประกอบ ประโยชน์การใช้งานระบบ การจดั การสารสนเทศสำหรับธุรกจิ การบรกิ ารอาหาร ในระดับโรงแรม และภตั ตาคาร 2. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการข้อมูลสารสนเทศด้านอาหารและการ บริการที่มคี ุณภาพตรงกบั ความตอ้ งการของตลาดแรงงาน 3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเข้าใจบทบาท และจรยิ ธรรมในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล 4. เพือ่ ให้ผู้เรียนสามารถนำเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ไปประยกุ ตใ์ ช้ในธรุ กจิ บรกิ ารอาหาร การตลาด และ การดำเนินงานต่าง ๆ เน้อื หา 4 ช่ัวโมง แผนการสอนประจำสปั ดาห์ท่ี 1 ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ - ความรูเ้ บ้ืองต้นเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ - ขอ้ มลู และสารสนเทศ
[27] - ยคุ ของคอมพิวเตอร์ ประเภทของคอมพวิ เตอร์ - องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ - ขอ้ มูลและการจัดการ - การสรา้ ง google form สำหรับเกบ็ รวบรวมและนำเสนอข้อมลู แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ี่ 2 ความรูเ้ บื้องต้นเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ 4 ชว่ั โมง - การสืบคน้ ข้อมูลด้วย Search Engine - ความเข้าใจและการใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั - คุณธรรมและจริยธรรมของการใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัล - กฎหมายดิจิทัล - การสร้าง google form สำหรบั เก็บรวบรวมและนำเสนอข้อมลู แผนการสอนประจำสัปดาห์ท่ี 3 การใช้ Microsoft Word เบอ้ื งต้น 4 ชวั่ โมง - แนะนำสว่ นประกอบของ Microsoft Word - การใช้งานจดั การงานเอกสารด้วย Microsoft Word - การประยุกตใ์ ชง้ าน Microsoft Word ในธุรกจิ การบรกิ ารอาหาร แผนการสอนประจำสปั ดาห์ที่ 4 การใช้ Microsoft Excel เบอื้ งตน้ 4 ชวั่ โมง - แนะนำส่วนประกอบของ Microsoft Excel - การใช้งานจดั การงานเอกสารด้วย Microsoft Excel - การประยุกต์ใชง้ าน Microsoft Excel ในธรุ กจิ การบริการอาหาร แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 5 การใชง้ าน Microsoft PowerPoint 4 ชว่ั โมง - แนะนำส่วนประกอบของ Microsoft PowerPoint - การใช้งานจัดการงานเอกสารดว้ ย Microsoft PowerPoint - การประยกุ ตใ์ ช้งาน Microsoft PowerPoint ในธรุ กจิ บรกิ ารอาหาร แผนการสอนประจำสปั ดาห์ที่ 6 การใช้ Adobe Photoshop เบอ้ื งตน้ ครั้งที่ 1 4 ช่ัวโมง - แนะนำส่วนประกอบของ Adobe Photoshop - การใชง้ าน Adobe Photoshop เบ้อื งตน้ - การออกแบบโปสเตอร์สำหรบั ธุรกิจบรกิ ารอาหาร แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 7 การใช้ Adobe Photoshop เบอ้ื งตน้ ครงั้ ท่ี 2 4 ชว่ั โมง - แนะนำส่วนประกอบของ Adobe Photoshop - การใชง้ าน Adobe Photoshop เบ้อื งต้น
[28] - การออกแบบเมนูอาหาร แผนการสอนประจำสัปดาหท์ ่ี 8 การใช้ Adobe Illustrator เบอื้ งต้น 4 ชวั่ โมง - แนะนำส่วนประกอบของ Adobe Illustrator - การใชง้ าน Adobe Illustrator เบื้องตน้ - การออกแบบโลโก้ (LOGO) สำหรับธรุ กจิ อาหาร แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ี่ 9 การสรา้ ง VDO ดว้ ย Adobe Premiere ครั้งท่ี 1 4 ชว่ั โมง - ความหมายของวดิ โี อคลปิ - ข้ันตอนการผลิตวิดีโอคลิป - ซอฟต์แวรแ์ ละการตดั ตอ่ วดิ ีโอคลิป - การบนั ทึกวิดโี อ แผนการสอนประจำสปั ดาห์ท่ี 10 การสร้าง VDO ดว้ ย Adobe Premiere ครั้งที่ 2 4 ชั่วโมง - ความหมายของวิดโี อคลปิ - ขน้ั ตอนการผลิตวิดีโอคลปิ - ซอฟต์แวร์และการตดั ตอ่ วิดีโอคลิป - การบันทึกวดิ ีโอ - การนำวิดีโอไปใชง้ าน - การนำวิดีโอลงในเครือข่ายสงั คมออนไลน์ แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 11 การประยุกตใ์ ชง้ านแอปพลิเคชันบนมอื ในการสร้างส่อื วิดีทัศน์ 4 ชั่วโมง - แนะนำแอปพลเิ คชันในการสรา้ งสือ่ ประเภทวิดีโอ - แนะนำการใช้แอปพลิเคชัน Kinemaster ในการสร้างวดิ ีทศั น์ - การเผยแพรว่ ิดีทศั นล์ งในเครอื ข่ายสังคมออนไลน์ - Workshop การตัดต่อวิดโี อด้วยแอปพลเิ คชนั Kinemaster แผนการสอนประจำสัปดาหท์ ่ี 12 การประยกุ ตใ์ ช้งานแอปพลิเคชันบนมือในการสรา้ งสอ่ื ภาพนง่ิ 4 ชั่วโมง - แนะนำแอปพลิเคชนั ในการสรา้ งส่ือประเภทภาพน่งิ - การใชแ้ อปพลิเคชัน Canva ในการสร้างสอ่ื ประเภทภาพน่ิง - การเผยแพร่ส่อื ภาพนิ่งลงในเครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์ - Workshop การตดั ต่อภาพนง่ิ ด้วยแอปพลิเคชัน Canva แผนการสอนประจำสัปดาห์ที่ 13 การสร้างเว็บไซต์ในธรุ กิจการบริการอาหาร 4 ชว่ั โมง - แนะนำ Tools ในการเปดิ รา้ นออนไลน์ - รจู้ กั เวบ็ ไซตแ์ ละประเภทของเว็บไซต์
[29] - การออกแบบเว็บไซต์ - การสร้างเว็บไซต์ด้วยเวบ็ ไชตส์ ำเร็จรปู WIX - การใชง้ านเวบ็ ไซตใ์ นธุรกิจการบริการอาหาร แผนการสอนประจำสัปดาห์ที่ 14 การประยกุ ตใ์ ช้ส่อื สังคมออนไลน์ในธุรกจิ การบริการอาหาร 4 ช่วั โมง - รูจ้ กั ส่ือสงั คมออนไลน์ - การใช้งาน Facebook ในธุรกิจการบรกิ ารอาหาร - การใช้ Instagram ในธุรกิจการบรกิ ารอาหาร - การใชง้ าน LINE OA - การประยกุ ตใ์ ช้ LINE ในธุรกจิ การบรกิ ารอาหาร แผนการสอนประจำสปั ดาหท์ ่ี 15 ระบบจัดการร้านอาหาร 4 ชั่วโมง - ระบบสารสนเทศในการจดั การธุรกิจบรกิ ารอาหาร - ระบบจัดการร้านอาหาร (Point of Service : POS) - ตวั อยา่ งระบบจดั การรา้ นกาแฟดสุ ติ เสริ ์ฟ - ตวั อย่างระบบจัดการร้านอาหารของ WONGNAI - แนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคตของธุรกจิ การบรกิ ารอาหาร วธิ ีสอนและกจิ กรรม จัดการเรียนการสอนโดยการเลือกวิธีสอนและกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่ จดั การเรียนการสอนแตล่ ะสปั ดาห์ซงึ่ จะตอ้ งสอคลอ้ งกับพฤตกิ รรมการเรียนรู้ของผูเ้ รียน ดงั นี้ 1. ใช้วิธีสอนแบบศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยให้ผู้เรียนศึกษาข้อมูลจากใบความรู้และเอกสาร ประกอบการสอนรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคดิจิทัลในธุรกจิ บริการอาหารและแหล่งการ เรียนรู้ต่างๆ ตลอดจนหนังสือเอกสารและแหลง่ การเรียนรู้ทีแ่ นะนำและนำความรู้ท่ีได้ศึกษา มาสร้างเปน็ ผลงานและนำเสนอผลงานและรายงานส่งผู้สอน 2. ใช้วธิ สี อนแบบรว่ มมือ โดยอาศัยทักษะและเทคนคิ การสอนท่ใี หผ้ ู้เรยี นแสวงหาความร้ดู ้วยการ พึ่งพาและเกื้อกูลกัน มีการปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิดในประเด็นศึกษาที่มอบหมาย ผู้สอน กำหนดและมอบหมายงานให้ผู้เรยี นรับผิดชอบเปน็ กลุ่มๆ โดยใหใ้ ชท้ ักษะปฏิสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลและทกั ษะการทำงานกลุ่ม ความคดิ วเิ คราะห์ การระดมพลงั สมอง และการแสดงความ คิดเหน็ ทีเ่ หมาะสมพร้อมทงั้ จดั ทำสรุปเปน็ ผลงานส่งผสู้ อน 3. ใช้วิธีสอนแบบซิปปา ที่เน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรยี นการสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญโดยให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มศึกษาตามใบความรู้ประเด็นต่าง ๆ และช่วยกันรวบรวม
[30] ความรแู้ ละสรา้ งองค์ความรู้ มีปฏิสมั พนั ธก์ ับส่งิ แวดล้อมและบุคคล มีสว่ นร่วมทางกายและมี โอกาสเคลื่อนไหวร่างกาย ในขณะปฏิบัติกจิ กรรมลักษณะต่าง ๆ ร่วมกันเรียนรูก้ ระบวนการ คิด กระบวนการแกป้ ญั หา การแสวงหาความรแู้ ละการประยุกต์ใช้ โดยนำความรูท้ ีไ่ ด้จากการ เรียนรูไ้ ปประยุกต์ใช้ในสถานการณอ์ ื่นหรอื เชื่อมโยงสรา้ งองค์ความรู้ที่เป็นสาระใกล้เคียงกัน ตามที่ผ้สู อนกำหนดขน้ึ 4. ใช้วิธีสอนแบบให้ฝึกและปฏิบัติ เกี่ยวกับการสร้างสื่อประเภทคภาพนิ่ง วิดีโอ การสร้าง เวบ็ ไซต์ และการประยุกต์ใช้สอื่ สงั คมออนไลนใ์ นธุรกิจบริการอาหาร โดยผสู้ อนมอบหมายให้ ผเู้ รียนได้กระทำซำ้ ดว้ ยการตอบคำถามทบทวนเพอื่ พัฒนาทกั ษะ และเทคนคิ การปฏบิ ัตจิ ริงใน สิ่งที่ได้เรียนมา โดยมีผู้สอนคอยให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยทำให้เป็นการเรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรง ด้วยการลงมือกระทำจริง ทำให้เห็นคุณค่าของสิ่งท่ีเรียนรู้และจดจำเขา้ ใจ สง่ิ ท่ีเรยี นรูไ้ ด้ดี สามารถถา่ ยทอดหรอื เชอ่ื มโยงการเรียนรู้ไปใชใ้ นสถานการณเ์ ดียวกันได้ สอื่ การเรียนการสอน การเรียนการสอนในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคดิจิทัลในธุรกิจบริการอาหารเพื่อให้ ผู้เรียนได้รับความรู้และเกิดกระบวนการคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนในรายวิชาท่ี สัมพันธ์กัน รวมทั้งใช้ในการประกอบอาชีพ มีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จึงใช้ สอ่ื ประกอบการเรยี นการสอนดังน้ี 1. เอกสารประกอบรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศยคุ ดจิ ิทัลในธรุ กจิ บริการอาหาร 2. สือ่ ประกอบการสอนแบบสไลด์ (PowerPoint) 3. สอ่ื อปุ กรณค์ อมพวิ เตอร์ 4. เอกสารและหนงั สืออ่านประกอบ เพ่อื การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเตมิ 5. การศึกษาคน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ จากเวบ็ ไซต์ที่เกี่ยวข้อง การวัดและประเมนิ ผล แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารประเมนิ ผล สัปดาห์ท่ี สดั สว่ นของ วิธีการทวนสอบ ประเมนิ ผล การประเมินผล 1.1.1, 1.1.4 ความตรงตอ่ เวลา ด้านคณุ ธรรม ความรับผดิ ชอบ 2-14 10% การเขา้ ชน้ั เรยี น จรยิ ธรรม และปฏิบัติตาม ข้อตกลงในชน้ั เรียน และการส่งงาน ตรงตามเวลาที่ กำหนด
[31] ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการประเมนิ ผล สัปดาหท์ ี่ สดั ส่วนของ วธิ ีการทวนสอบ ประเมนิ ผล การประเมนิ ผล 3.1.2, 3.1.3 สามารถลงมอื ทำงาน 5/7/9 30% ความสำเรจ็ จาก 6,8 ดา้ นทักษะทาง ตามที่มอบหมายได้ 13-14 งานทีม่ อบหมาย ปัญญา สำเร็จ 15 2.1.1,2.1.4 สอบระหวา่ งภาค 16 10% คะแนนสอบ ด้านความรู้ 4.1.1,4.1.2,4.1.4 การวางแผนปฏบิ ัติ 10% ความสำเร็จจาก งานทีม่ อบหมาย ด้านทกั ษะความ โครงงานอย่างเป็น สัมพันธระหวาง ระบบและการมสี ่วน บคุ คล และความ ร่วมในการทำงาน รบั ผดิ ชอบ กลุ่ม 5.1.4,5.1.2,5.1.3 ผลสรุปในรปู แบบส่อื 10% ความสำเรจ็ จาก งานทีม่ อบหมาย ดา้ นทกั ษะการวิ ทางเทคโนโลยี เคราะหเชิงตัวเลข การส่ือสารและ การใชเทคโนโลยี สารสนเทศ 2.1.1, 2.1.4 สอบปลายภาค 30% คะแนนสอบ ดา้ นความรู้ การวัดและประเมนิ ผล การวดั ประกอบด้วย 10% 30% 1) จิตพิสยั 2) งานเดยี่ ว 10% 20% 3) การทดสอบยอ่ ย 30% 4) งานกลมุ่ 5) การทดสอบปลายภาค การประเมนิ คดิ คา่ ระดบั คะแนนใช้วธิ ีแบบอิงเกณฑ์จากคา่ ร้อยละ โดยคดิ เปน็ 8 ระดบั ดงั นี้ ระดบั คะแนน คา่ ร้อยละ ค่าระดบั คะแนน A 85 – 100 4.00 B+ 79 – 84 3.50 B 73 – 78 3.00 C+ 67 – 72 2.50
[32] ระดับคะแนน ค่ารอ้ ยละ คา่ ระดับคะแนน C D+ 61 – 66 2.00 D F 55 – 60 1.50 W M 50 - 54 1.00 I 0 - 49 0.00 การถอนรายวิชา (Withdrawal) ขาดสอบ (Missing) การประเมนิ ยังไมส่ มบรู ณ์เน่อื งจากนักศึกษายังทำงานไมเ่ สรจ็ (Incomplete) ค่าระดับคะแนนท่ีถอื ว่าสอบได้ ต้องไม่ตำ่ กว่า “D” กรณีที่นักศึกษาทำงานไม่สำเร็จ เมื่อส้ิน ภาคการศึกษา จะได้รับการบันทึกคะแนนที่ไม่สมบูรณ์ “I” (Incomplete) และนักศึกษาจะต้อง เปลี่ยนค่าระดับคะแนนให้แล้วเสร็จตามประกาศของสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน เกณฑ์ ข้อกำหนดอื่นได้ให้เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยสวนดุ สิตด้วยการประเมินผลการศึกษาระดับ ปริญญาตรี
แผนการสอนประจำสปั ดาห์ที่ 1 หัวขอ้ เรื่อง ความรูเ้ บื้องตน้ เกีย่ วกับคอมพิวเตอร์ รายละเอยี ด เนอื้ หาประจำสัปดาห์ที่ 1 เน้นใหผ้ ู้เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั ความรู้เบ้อื งตน้ เกี่ยวกับ คอมพวิ เตอร์ ข้อมูลและสารสนเทศ ยคุ ของคอมพวิ เตอร์ ประเภทของคอมพวิ เตอร์ องค์ประกอบของ คอมพิวเตอร์ Workshop การสร้างฟอรม์ เพื่อรวบรวมขอ้ มลู และนำเสนองานด้วย google form จำนวนชัว่ โมงทีส่ อน 4 ช่ัวโมง วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมีความรู้ความเข้าใจความรู้เบอ้ื งต้นเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ 2. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นมคี วามร้แู ละสามารถจัดการข้อมลู และสารสนเทศ 3. เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมีความรู้และสามรถในการประยกุ ต์ใช้เครอื่ งมือในการจดั การข้อมูล กจิ กรรมการเรียนการสอน 1. ใช้วิธีสอนแบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน โดยใช้เทคนิคการสอนที่ให้ผู้เรียนศึกษาประเด็น ศกึ ษาต่าง ๆ ตามใบงานที่เชือ่ มโยงความคดิ และเน้อื หาสาระเทคนิคการเชือ่ มความรู้ (Jigsaw) จากการปฏิบัติงานตามที่กำหนดไว้ในใบโดยใช้ทักษะกระบวนการกลุ่มและทักษะการสรุป ความแล้วจัดทำผลการศึกษาแล้วนำเสนอหน้าชั้นเรียน โดยใช้เทคโนโลยีการนำเสนอ ซอฟต์แวร์/เวบ็ ไซต์นำเสนอแบบออนไลน์ ประกอบและผสู้ อนสรุปประกอบอีกครงั้ 2. ใช้วิธีสอนแบบศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยให้ผู้เรียนศึกษาข้อมูลจากใบความรู้และเอกสาร ประกอบการสอนรายวิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศยุคดิจิทลั ในธรุ กจิ บรกิ ารอาหารและการเรียนรู้ ต่าง ๆ ตลอดจนหนังสือเอกสารและแหล่งการเรียนรู้ที่แนะนำและนำความรู้ที่ศึกษามาสร้าง เป็นผลงานและนำเสนอผลงานและรายงานผู้สอน 3. ใช้วิธีสอนแบบซปิ ปา ที่เน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญ โดยให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มศึกษาตามใบความรู้ประเด็นต่างๆและช่วยกันรวบรวม ความรู้และสร้างองค์ความรู้ ทำการสอนแบบอภิปรายจากตัวอย่างกรณีศึกษา มีปฏิสัมพันธ์ กับสิ่งแวดล้อมและบุคคล มีส่วนร่วมทางกายและมีโอกาสเคลื่อนไหวร่างกาย ในขณะปฏิบัติ กิจกรรมลักษณะต่างๆร่วมกันเรียนรู้กระบวนการคิด กระบวนการแก้ปัญหา การแสวงหา ความร้แู ละการประยกุ ตใ์ ช้ โดยนำความร้ทู ไ่ี ด้จากกเรยี นร้ไู ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นสถานการณ์อ่นื หรือ เชอื่ มโยงสรา้ งองคค์ วามร้ทู ่ีเป็นสาระใกล้เคียงกนั ตามทผี่ ้สู อนกำหนดข้ึน
2 4. ให้ภาพรวมของความรู้ก่อนเข้าสู่บทเรียน การสรุปย้ำความรู้ใหม่หลังบทเรียนพร้อมกับ เช่อื มโยงความรูใ้ หมก่ ับความรเู้ ดิม การเชอ่ื มโยงความรูจ้ ากวชิ าหน่ึงไปสอู่ กี วชิ าหน่งึ ในระดับที่ สูงขึ้นเรียนรู้จากสถานการณ์จริง สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพใน เนื้อหาวิชาเรียน จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ทำการสอนแบบอภิปรายจาก ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา แนะนำและฝึกกระบวนการคิดอย่างสรา้ งสรรค์เม่ือเริ่มเข้าศกึ ษา เริ่มจาก โจทย์ท่ีงา่ ย และเพ่มิ ความยากตามระดับชั้นเรียนท่ีสงู ขน้ึ ในรายวิชาทเี่ หมาะสม 5. ใชว้ ิธีสอนโดยเรยี นรู้จากสถานการณ์จริง จากการฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพและการทัศนศึกษา จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่น่าสนใจและทันสมัย สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม และ จรรยาบรรณวิชาชีพในเน้ือหาวิชาเรียน เปน็ แบบอย่างท่ีดีของอาจารย์ จดั กจิ กรรมพิเศษเพ่ือ พัฒนาการเรยี นรู้ 6. ใช้การสอนหลายรูปแบบ ตามลักษณะของเนือ้ หาสาระ ได้แก่ การบรรยาย การทบทวน การ ฝึกปฏิบัติการ และเทคนิคการสอนอื่นๆ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เช่น การเรียนแบบร่วมมือ การเรียนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบรายวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศยุคดจิ ิทัลในธุรกจิ บริการอาหาร 2. สือ่ ประกอบการสอนแบบสไลด์ (PowerPoint) 3. สื่ออุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ 4. เอกสารและหนังสอื อ่านประกอบ เพื่อการศึกษาคน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ 5. การศึกษาคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ จากเวบ็ ไซต์ทีเ่ กีย่ วข้อง แผนประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 1.1.1 มีจติ สำนึกและตระหนกั ในการปฏิบตั ิตามจรรยาบรรณวชิ าชีพ 1.1.2 ความมีวินัย ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม เคารพ กฎระเบียบและขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ ขององคก์ รและสงั คม 1.1.3 การตระหนกั ในคณุ ค่าของคุณธรรม จริยธรรม และความซ่ือสัตย์สุจรติ 1.1.4 เคารพสทิ ธิและยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ น่ื 1.1.5 การมีจิตสาธารณะ เอ้อื เฟอ้ื เผ่อื แผ่ 1.2 ดา้ นความรู้ 1.2.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และเนื้อหาสาระสำคญั ของรายวิชาที่เกี่ยวข้องเพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการประกอบ วชิ าชพี 1.2.2 มีทักษะ และความชำนาญ ในงานด้านวิชาชีพ
3 1.2.3 สามารถในการนำความรู้มาประยกุ ตใ์ ช้ในบริบททางวิชาการและวิชาชพี 1.2.4 สามารถศึกษาค้นคว้าและพัฒนาความรู้ของตนเองได้และสามารถบูรณา การความรู้ในศาสตรต์ า่ งๆท่เี ก่ยี วขอ้ ง เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ประโยชนใ์ นวชิ าชีพได้ 1.3 ดา้ นทักษะทางปญั ญา 1.3.1 สามารถคิดวิเคราะห์อยา่ งเป็นระบบ เพื่อหาข้อเทจ็ จรงิ หรือต้นเหตุของปญั หา และ เสนอแนวทางการแก้ไขได้อยา่ งสร้างสรรค์ 1.3.2 มีความสามารถในการทำความเข้าใจและประเมินข้อมูล แนวคิดและ หลักฐานใหม่ๆ จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และใช้ข้อสรุปที่ได้ในการ พฒั นางานในวชิ าชีพ 1.3.3 สามารถถ่ายทอดและแลกเปล่ยี นความรู้กับผู้อื่น 1.4 ดา้ นทักษะความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลและความรับผดิ ชอบทีต่ ้องพัฒนา 1.4.1 รบั ผิดชอบในการทำงานที่ได้รบั มอบหมายทงั้ รายบุคคลและงานกลุ่ม 1.4.2 สามารถปรบั ตัวในและทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ ท้ังในฐานะผู้นำและสมาชิกกลุ่ม ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ 1.4.3 มีความสามารถในการวางตัวและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเหมาะสมกับ บทบาท หน้าที่ และความรับผดิ ชอบ 1.4.4 มบี คุ ลิกภาพทีด่ ี และมีมนุษยสัมพันธ์ 1.4.5 มีความสามารถในการวางแผนและรับผิดชอบในการเรียนรู้และพฒั นาตนเอง และวชิ าชพี อย่างต่อเนื่อง 1.5 ดา้ นทกั ษะการคิดวิเคราะห์เชิงตัวเลขการสือ่ สาร และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 1.5.1 สามารถนำเทคนิคทางสถิติหรือคณิตศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และ เทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้ในการสืบค้น วิเคราะห์ข้อมูล แปลความหมาย และเสนอแนวทางในการพัฒนางาน หรือ แก้ไขปัญหา ไดอ้ ยางสรา้ งสรรค์ 1.5.2 สามารถสื่อสาร สามารถสรปุ ประเด็นจากส่ิงที่ได้เห็นและฟัง ถ่ายทอดและ นำเสนอ ข้อมลู ได้อย่างสรา้ งสรรคแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ 1.5.3 สามารถติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรม และสถานการณ์ โลกโดยใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 2. วิธีประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.1 คุณธรรม จรยิ ธรรม 2.1.1 นักศกึ ษาประเมินผลการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง ก่อนและหลงั การเรยี น 2.1.2 ประเมินโดยอาจารย์จากการสังเกตพฤติกรรมการแสดงออกตามปกติของ นกั ศกึ ษา 2.1.3 ผ้ใู ช้บัณฑติ ประเมนิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของบณั ฑติ
4 2.2 ความรู้ 2.2.1 ประเมินจากผลงานระหว่างภาค เช่น การบ้าน การเขียนรายงาน การสอบ ย่อย การนำเสนอรายงานการคน้ คว้าหนา้ ชนั้ 2.2.2 ประเมนิ จากการสอบข้อเขียน การสอบปฏิบัติ 2.2.3 ประเมินผลความรขู้ องบัณฑิตโดยการสำรวจความคดิ เหน็ ของผ้ใู ช้บัณฑิต 2.3 ทักษะทางปญั ญา 2.3.1 ประเมินจากผลงานการแกไ้ ขปัญหาทไ่ี ด้รับมอบหมาย 2.3.2 ประเมินโดยการสอบข้อเขยี นด้วยโจทยท์ ต่ี อ้ งใชท้ ักษะทางปัญญา 2.3.3 ประเมนิ รายงานผลการวิจยั 2.4 ทกั ษะความสัมพันธร์ ะหว่างบคุ คลและความรับผดิ ชอบ 2.4.1 มอบหมายนักศึกษาประเมินตนเองและเพื่อนในกลุ่ม สรุปผลและมีการ ประเมินโดยใช้เสยี งส่วนใหญ่ 2.4.2 สังเกตพฤติกรรมในช้ันเรยี น 2.5 ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์เชงิ ตวั เลข การส่ือสาร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2.5.1 ประเมินจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เชิงตวั เลข การสืบค้นข้อมูล ดว้ ยเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีมอบหมายแต่ละบคุ คล 2.5.2 ประเมินจากการสอบข้อเขียนในการแก้โจทย์ปัญหาเชงิ ตัวเลขที่ไม่เคยพบมา กอ่ น 2.5.3 ประเมินทักษะการสื่อสารด้วยภาษาเขียนจากรายงานแต่ละบุคคลหรือ รายงานกลุ่มในสว่ นทีน่ ักศกึ ษานั้นรับผิดชอบ 2.5.4 ประเมนิ ทกั ษะการสือ่ สารดว้ ยภาษาพดู จากพัฒนาการในการนำเสนอรายงาน ในชั้นเรียน การนำเสนอสัมมนา การนำเสนอนิทรรศการโครงงานต่อผู้เยี่ยม ชมด้วยวาจา 3. สัดส่วนของการประเมิน รอ้ ยละ 10 3.1 ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม รอ้ ยละ 40 ร้อยละ 30 3.2 ดา้ นความรู้ 3.3 ด้านทกั ษะทางปญั ญา รอ้ ยละ 10 รอ้ ยละ 10 3.4 ดา้ นทักษะความสมั พนั ธ์ระหว่างบุคคลและความรับผดิ ชอบ 3.5 ดา้ นทักษะการคิดวเิ คราะห์ตัวเลข การสือ่ สาร และการใช้เทคโนโลยี
5 เน้อื หาที่สอน ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ ขอ้ มูล และ สารสนเทศ คอมพิวเตอร์ มาจากภาษาละตินว่า Computer ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า \" เครื่อง อิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณติ ศาสตร์ \" ดงั นน้ั คอมพวิ เตอร์ คอื เครือ่ งมอื หรอื อุปกรณท์ นี่ ำมาใช้ในการประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ยวธิ ีการ ตา่ งๆ เชน่ การคำนวณ การเปรยี บเทียบ เพ่อื ใหไ้ ด้สารสนเทศตามท่ีตอ้ งการหรือนำมาใช้ประโยชน์ได้ อยา่ งรวดเรว็ ในการทำงานของคอมพิวเตอร์ จะมีขั้นตอนการทำงานพื้นฐาน 4 ขั้นตอน ซึ่งประกอบด้วย การรับข้อมูล การประมวลผล การแสดงผล และการจัดเก็บข้อมูล หรือที่เรียกย่อๆว่า IPOS cycle (Input Process Output Storage cycle) Process Output Input Storage ภาพที่ 1.1 วงจรการทำงานพ้ืนฐานของคอมพวิ เตอร์ (IPOS cycle) 1. การรับข้อมูล (Input) คอมพิวเตอรจ์ ะทำหน้าที่รับข้อมูลเพื่อนำไปประมวลผล อุปกรณ์ที่ ทำหนา้ ที่รบั ขอ้ มูลที่นิยมใชใ้ นปัจจุบัน ไดแ้ ก่ แป้นพมิ พ์ (Keyboard) และเมาส์ (Mouse) เป็นตน้ 2. การประมวลผล(Process) เมื่อคอมพวิ เตอรร์ บั ข้อมลู เขา้ สรู่ ะบบแล้ว จะทำการประมวลผล ตามโปรแกรมหรือคำส่งั ทก่ี ำหนด เชน่ การคำนวณภาษี การคำนวณเกรดเฉลีย่ เปน็ ตน้ 3. การแสดงผล (Output) คอมพิวเตอรจ์ ะแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลไปยังหน่วย แสดงผล อุปกรณ์ทำหน้าที่แสดงผลที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบัน ได้แก่ จอภาพ (Monitor) และ เครื่องพมิ พ์ (Printer) เปน็ ตน้
6 4. การจัดเก็บขอ้ มูล (Storage) คอมพิวเตอร์จะทำการจัดเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูล เชน่ ฮารด์ ดสิ ก์ (Hard disk) แผน่ ฟล็อปปีด้ ิสก์ (Floppy disk) เป็นต้น ขอ้ มูล (data) และ สารสนเทศ (Information) ข้อมูล (data) กลุ่มตัวอักษรอักขระที่เมื่อนำมารวมกนั แล้วมีความหมายอย่างใดอย่างหนง่ึ และสำคัญควรค่าแกก่ ารจัดเก็บเพ่ือนำไปใช้ในโอกาศต่างๆ ขอ้ มลู มกั เปน็ ขอ้ ความทอี่ ธิบายถึงส่ิงใดส่ิง หนงึ่ อาจเป็นตัวอกั ษร ตวั เลข หรือสัญลกั ษณ์ใด ๆ ทีส่ ามารถนำไปประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ สารสนเทศ (Information) ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ ที่ได้รับการสรุป คำนวณ จัดเรียง หรือประมวลแล้วจากข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบตามหลักวิชาการจนได้เป็นความรู้เพื่อ นำมาเผยแพรแ่ ละใช้ประโยชนใ์ นงานด้านต่างๆ ยุคของคอมพิวเตอร์ เมื่อกล่าวถึงเทคโนโลยีทางวิศวกรรมหลายท่านอาจนกึ ถึงคอมพิวเตอร์ ในหัวข้อววิ ัฒนาการ เทคโนโลยวี ศิ วกรรมจึงกลา่ วถงึ ววิ ัฒนาการทางคอมพิวเตอร์ พัฒนาการทางดา้ นเทคโนโลยใี นชว่ ง 100 ปีทผี่ า่ นมาได้พัฒนาไปอย่างรวดเรว็ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเทคโนโลยีทางด้าน คอมพวิ เตอร์ เม่ือ 50 ปีที่ แล้วมา มีคอมพวิ เตอร์ขึน้ ใช้งาน ต่อมาเกดิ ระบบสือ่ สารโทรคมนาคมสมยั ใหมเ่ กิดข้ึนมากมาย และมี แนวโน้มการพฒั นาอยา่ งตอ่ เนื่อง เราสามารถแบง่ พฒั นาการคอมพิวเตอร์จากอดีตสปู่ ัจจบุ ัน สามารถ แบ่งเป็นยุคก่อนการใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และยุคที่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกส์โดยแบ่งเป็น 5 ยคุ จากอดีตจนถงึ ปัจจุบัน ดังนี้ 1. คอมพวิ เตอรย์ ุคแรก หรือ คอมพิวเตอรย์ คุ หลอดสญุ ญากาศ (พ.ศ. 2488-2501) อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2501 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศซึ่งใช้ กำลังไฟฟ้าสูง จึงมีปัญหาเร่ืองความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย ถึงแม้จะมีระบบระบายความร้อนท่ดี ี มาก การส่งั งานใช้ภาษาเครอื่ งซึง่ เปน็ รหัสตวั เลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เคร่อื งคอมพิวเตอร์ของยุคน้ีมีขนาด ใหญ่โต เช่น มารค์ วัน (MARK I), อนี แิ อค (ENIAC), ยนู แิ วค (UNIVAC) ในปี พ.ศ. 2486 วศิ วกรสองคน คอื จอห์น มอชลี (John Mouchly) และ เจ เพรสเปอร์ เอ็ด เคิร์ท (J.Presper Eckert) ได้พัฒนาเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ และจัดได้วา่ เปน็ เครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีใชง้ าน ทั่วไปเครื่องแรกของโลก ชื่อว่า อินิแอค (Electronic Numerical Integrator And Calculator : ENIAC)
7 ภาพที่ 1.2 Mark I คอมพวิ เตอร์เคร่อื งแรกของโลก ทม่ี า: comgeeks.net, Website. n.d. ในปี พ.ศ. 2488 จอห์น วอน นอยแมน (John Von Neumannได้เสนอแนวคิดในการสร้าง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยความจำ เพื่อใช้เก็บข้อมูลและโปรแกรมการทำงานหรือชุดคำส่ัง คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอรจ์ ะทำงานโดยเรียกชุดคำสั่งทีเ่ ก็บไว้ในหน่วยความจำมาทำงาน หลักการน้ี เป็นหลกั การทใ่ี ช้มาจนถงึ ปจั จบุ นั 2. คอมพิวเตอร์ยคุ ที่สอง หรือ คอมพวิ เตอรย์ ุคทรานซิสเตอร์ (พ.ศ.2500-2507) คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บขอ้ มูลสำรองในรูปของสือ่ บนั ทึก แม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาดีขึ้น โดยสามารถเขียนโปรแกรม ดว้ ยภาษาระดบั สูงซึ่งเป็นภาษาท่ีเขียนเปน็ ประโยคที่คนสามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษา โคบอล เป็นต้น ภาษาระดบั สูงนี้ไดม้ กี ารพัฒนาและใชง้ านมาจนถงึ ปจั จบุ ัน นักวิทยาศาสตร์ของหอ้ งปฏิบตั ิการเบลแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์สำเร็จ ซึ่งมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสร้างคอมพิวเตอร์ เพราะทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กใช้ กระแสไฟฟ้าน้อย มีความคงทนและเชื่อถือได้สูง และราคาถูก ได้มีการผลิตคอมพิวเตอร์เรียกว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ สำหรับประเทศไทยมีการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในยุคนี้ พ.ศ. 2507 โดยจุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัยนำเข้ามาใช้ในการศกึ ษา ในระยะเวลาเดียวกนั สำนักงานสถติ ิแห่งชาติก็นำมาเพื่อใช้ใน การคำนวณสำมะโนประชากร นบั เปน็ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์รุน่ แรกที่ใช้ในประเทศไทย 3. คอมพวิ เตอร์ยคุ ทส่ี าม หรอื คอมพิวเตอรย์ ุควงจรรวม (พ.ศ.2508-2512) คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม อยู่ระหย่างปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจร รวม (Integrated Circuit : IC) โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมายทำ ให้เครื่องคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อย ๆ ในการ
8 กำหนดชุดคำสั่งต่าง ๆ ทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่ง เวลาการทำงานใหก้ ับงานหลาย ๆ อย่าง ประมาณปี พ.ศ. 2508 ได้มีการพัฒนาสร้างทรานซิสเตอร์จำนวนมากลงบนแผ่นซิลิกอน ขนาดเล็ก และเกิดวงจรรวมบนแผ่นซิลิกอนที่เรียกว่า ไอซี การใช้ไอซีเป็นส่วนประกอบทำให้ คอมพิวเตอรม์ ขี นาดเลก็ ลง ราคาถกู ลง จึงมีบริษัทผลิตคอมพวิ เตอร์กนั มากขึน้ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ลง เรยี กว่า \"มนิ คิ อมพวิ เตอร\"์ 4. คอมพวิ เตอรย์ คุ ทสี่ ่ี หรอื คอมพวิ เตอร์ยคุ วแี อลเอสไอ (พ.ศ.2513-2532) คอมพวิ เตอร์ยคุ ท่ีส่ี ตง้ั แต่ปี พ.ศ. 2513 จนถึงปัจจุบัน เป็นยคุ ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม ความจสุ งู มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เช่น ไมโครโพรเซสเซอร์ท่บี รรจทุ รานซิสเตอร์ นับหมื่นนับแสนตัว ทำให้ขนาดเครือ่ งคอมพิวเตอร์มขี นาดเลก็ ลงสามารถตัง้ บนโตะ๊ ในสำนักงานหรือ พกพาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในทีต่ ่าง ๆ ได้ ขณะเดียวกันระบบซอฟตแ์ วร์ก็ไดพ้ ฒั นาขีดความสามารถ สงู ข้นึ มาก มีโปรแกรมสำเรจ็ ใหเ้ ลอื กใชก้ ันมากทำให้เกดิ ความสะดวกในการใชง้ านอย่างกว้างขวาง เทคโนโลยีทางด้านการผลิตวงจรอิเล็กทรอนิกส์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างวงจร รวมที่มีขนาดใหญ่มารวมในแผ่นซิลิกอน เรียกว่า วีแอลเอสไอ (Very Large Scale Integrated circuit : VLSI) เปน็ วงจรรวมทรี่ วมเอาทรานซิสเตอรจ์ ำนวนลา้ นตวั มารวมอยู่ในแผน่ ซลิ กิ อนขนาดเล็ก และผลิตเป็นหน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เรียกว่า ไมโครโพรเซสเซอร์ (microprocessor) ภาพท่ี 1.3 Very Large Scale Integration chip ทมี่ า: theevolutionofcomputers.wordpress.com, Website. n.d. การใช้ VLSI เป็นวงจรภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำใหป้ ระสทิ ธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ สูงขน้ึ เรียกวา่ ไมโครคอมพวิ เตอร์ ซึ่งเป็นเคร่ืองทีแ่ พร่หลายและมผี ูใ้ ช้งานกันทัว่ โลก การที่คอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถสูง เพราะ VLSI เพียงชิพเดียวสามารถสร้างเปน็ หน่วย ประมวลผลของเครื่องทั้งระบบหรือเป็นหน่วยความจำที่มีความจุสูงหรือเป็นอุปกรณ์ควบคุมการ
9 ทำงานต่าง ๆ ขณะเดียวกันพัฒนาของฮาร์ดดิสก์ก็มีขนาดเล็กลงแต่ราคาถูกลง เครื่อง ไมโครคอมพวิ เตอรจ์ ึงมขี นาดเลก็ ลงปาลม์ ทอป (palm top) โนต็ บุค๊ (Notebook) 5. คอมพวิ เตอรย์ ุคท่ีหา้ หรือ คอมพิวเตอรย์ ุคเครอื ขา่ ย (พ.ศ.2533-ปจั จบุ ัน) คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและ แก้ปัญหาให้ดยี ่งิ ขึ้น โดยจะมกี ารเก็บความรอบรตู้ า่ ง ๆ เข้าไวใ้ นเคร่อื ง สามารถเรยี กคน้ และดึงความรู้ ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไมว่ ่าจะเปน็ สหรัฐอเมรกิ า ญปี่ ุน่ และประเทศใน ทวีปยโุ รปกำลงั สนใจค้นควา้ และพฒั นาทางดา้ นนีก้ ันอย่างจรงิ จงั เมื่อไมโครคอมพวิ เตอร์มีขดี ความสามารถสงู ขึน้ ทำงานไดเ้ ร็ว การแสดงผล การจัดการข้อมูล สามารถประมวลได้ครั้งละมาก ๆ จึงทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานหลายงานพร้อมกัน (multitasking) ขณะเดียวกันก็มีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์การโดยใช้เครือข่าย ท้องถิ่นที่เรียกว่า Local Area Network : LAN เมื่อเชื่อมหลายๆ กลุ่มขององค์การเข้าด้วยกันเกิด เป็นเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ขององคก์ าร เรยี กวา่ อินทราเน็ต และหากนำเครือขา่ ยขององค์การเชื่อมต่อ เข้าสูเ่ ครอื ข่ายสากลท่ตี อ่ เช่ือมกนั ทว่ั โลก เรยี กว่า อินเตอร์เนต็ (internet) คอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันจึงเป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกัน ทำงานร่วมกัน ส่งเอกสาร ข้อความระหว่างกัน สามารถประมวลผลรูปภาพ เสียง และวิดีทัศน์ ไมโครคอมพิวเตอร์ในยุคนี้จึง ทำงานกับสอ่ื หลายชนดิ ทีเ่ รียกวา่ สื่อประสม (Multimedia) ประเภทของคอมพิวเตอร์ ประเภทของคอมพวิ เตอรต์ ามหลักการประมวลผลจำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. คอมพวิ เตอรแ์ บบแอนะล็อก (Analog Computer) องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือประมวลผลข้อมูลที่อาศัยหลักการวัด (Measuring Principle) ทำงานโดยใช้ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบต่อเนื่อง (Continuous Data) แสดงออกมาในลกั ษณะสญั ญาณที่เรียกว่า Analog Signal เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มักแสดงผล ด้วยสเกลหนา้ ปทั และเขม็ ช้ี เชน่ การวดั ค่าความยาว โดยเปรียบเทยี บกบั สเกลบนไมบ้ รรทัดการวัดค่า ความรอ้ นจากการขยายตวั ของปรอท เปรียบเทียบกบั สเกลขา้ งหลอดแก้ว นอกจาก นยี้ งั มตี วั อยา่ งของ Analog Computer ที่ใช้การประมวลผลแบบเป็นข้นั ตอน เช่น เครื่องวัดปริมาณการใช้น้ำด้วยมาตรวัดน้ำ ที่เปลี่ยนการไหลของน้ำให้เป็นตัวเลขแสดงปริมาณ อุปกรณ์วัดความเร็วของรถยนต์ในลักษณะเข็มชี้ หรือเครื่องตรวจคลื่นสมองที่แสดงผลเป็นรูปกราฟ เปน็ ต้น 2. คอมพิวเตอรแ์ บบดจิ ิทลั (Digital Computer) คือ คอมพิวเตอร์ทใ่ี ช้ในการทำงานท่ัว ๆ ไป เปน็ เคร่อื งมอื ประมวลผลข้อมูลที่อาศัยหลักการ นับทำงานกับข้อมูลที่มีลักษณะการเปลี่ยนแปลงแบบไม่ต่อเนื่อง (Discrete Data) ในลักษณะของ สัญญาณไฟฟา้ หรือ Digital Signal อาศัยการนับสัญญาณข้อมูลที่เป็นจังหวะด้วยตัวนับ (Counter) ภายใต้ระบบฐานเวลามาตรฐาน ทำให้ผลลพั ธ์เป็นท่นี ่าเชื่อถือ ทง้ั สามารถนับขอ้ มูลให้คา่ ความละเอียด สูง เชน่ แสดงผลลัพธ์เป็นทศนิยมได้หลายตำแหนง่ เป็นตน้
10 เนื่องจาก Digital Computer ต้องอาศัยข้อมูลที่เป็นสัญญาณไฟฟ้า (มนุษย์สัมผัสไม่ได้) ทำ ให้ไม่สามารถรบั ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู ต้นทางได้โดยตรง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนข้อมูลต้นทางที่รับเข้า (Analog Signal) เป็นสัญญาณไฟฟ้า (Digital Signal) เสียก่อน เมื่อประมวลผลเรียบร้อยแล้วจึง เปลี่ยนสญั ญาณไฟฟ้ากลับไปเป็น Analog Signal เพ่อื สื่อความหมายกับมนุษย์ตอ่ ไป โดยส่วนประกอบสำคัญ ที่เรียกว่า ตัวเปลี่ยนสัญญาณขอ้ มูล (Converter) คอยทำหน้าที่ใน การเปล่ยี นรูปแบบของสัญญาณข้อมลู ระหวา่ ง Digital Signal กับ Analog Signal 3. คอมพิวเตอรแ์ บบลกู ผสม (Hybrid Computer) เครื่องประมวลผลข้อมูลที่อาศัยเทคนิคการทำงานแบบผสมผสาน ระหว่าง Analog Computer และ Digital Computer โดยท่ัวไปมักใช้ในงานเฉพาะกิจ โดยเฉพาะงานด้าน วิทยาศาสตร์ เชน่ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ในยานอวกาศทใ่ี ช้ Analog Computer ควบคมุ การหมนุ ของตัว ยาน และใช้ Digital Computer ในการคำนวณระยะทาง เปน็ ตน้ การทำงานแบบผสมผสานของคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ ยังคงจำเป็นต้องอาศัยตวั เปลี่ยนสัญญาณ (Converter) เช่นเดมิ ประเภทของคอมพิวเตอร์ตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน จำแนกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ 1. เครอ่ื งคอมพิวเตอรเ์ พื่องานเฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่ถูกออกแบบตัวเครื่องและโปรแกรมควบคุมให้ทำงาน อย่าง ใดอยา่ งหนง่ึ เป็นการเฉพาะ (Inflexible) โดยท่วั ไปมักใช้ในงานควบคุมหรอื งานอุตสาหกรรมท่ี เน้นการประมวลผลแบบรวดเร็ว เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ควบคุมสัญญาณไฟจราจร คอมพิวเตอร์ ควบคมุ ลิฟทห์ รือคอมพิวเตอรค์ วบคุมระบบอัตโนมัติในรถยนต์ เป็นตน้ 2. เครื่องคอมพิวเตอร์เพอื่ งานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นในการทำงาน (Flexible) โดยได้รับการ ออกแบบให้สามารถประยุกต์ใช้ในงานประเภทตา่ ง ๆ ได้โดยสะดวกโดยระบบจะทำงานตามคำส่งั ใน โปรแกรมที่เขยี นขึ้นมา และเมื่อผู้ใช้ต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานอะไร เพียงออกคำสั่งเรียก โปรแกรมท่ีเหมาะสมเข้ามาใชง้ าน โดยเราสามารถเกบ็ โปรแกรมไวห้ ลายโปรแกรมในเครือ่ งเดยี วกันได้ เช่น ในขณะหนึ่งเราอาจใช้เครื่องนีใ้ นงานประมวลผลเกีย่ วกับระบบบัญชี และในขณะหนึ่งก็สามารถ ใชใ้ นการออกเช็คเงนิ เดือนได้ เป็นตน้ ประเภทของคอมพวิ เตอรต์ ามความสามารถของระบบ จำแนกออกไดเ้ ป็น 4 ชนิด โดยพิจารณาจาก ความสามารถในการเก็บขอ้ มูล และ ความเรว็ ในการประมวลผลเปน็ หลัก ดงั นี้ 1. ซุปเปอรค์ อมพิวเตอร์ (Super Computer) หมายถงึ เครือ่ งประมวลผลขอ้ มูลที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงที่สุดโดยทั่วไปสร้าง ขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่องานด้านวิทยาศาสตร์ท่ีตอ้ งการการประมวลผลซับซอ้ นและต้องการความเร็ว สงู เช่น งานวิจยั ขปี นาวธุ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานสอ่ื สารดาวเทียม หรอื งานพยากรณ์ อากาศ เปน็ ต้น
11 2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) หมายถึง เครือ่ งประมวลผลข้อมูลทม่ี ีสว่ นความจำและความเร็วน้อยลงสามารถใช้ข้อมูลและ คำส่ังของเครอื่ งรนุ่ อื่นในตระกูล (Family) เดียวกันได้ โดยไม่ตอ้ งดดั แปลงแกไ้ ขใด ๆ นอกจากน้ันยัง สามารถทำงานในระบบเครือข่าย (Network) ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ท่ี เรียกว่า เครื่องปลายทาง (Terminal) จำนวนมากได้ สามารถทำงานได้พร้อมกันหลายงาน (Multi- Tasking) และใช้งานไดพ้ รอ้ มกนั หลายคน (Multi User) ปกติเครอ่ื งชนดิ นี้นยิ มใช้ในธรุ กิจขนาดใหญ่มี ราคาตง้ั แต่สิบล้านบาทไปจนถงึ หลายร้อยล้านบาทตัวอยา่ งของเครือ่ งเมนเฟรมท่ีใช้กนั แพร่หลาย คือ คอมพิวเตอรข์ องธนาคารท่ีเช่อื มตอ่ ไปยังตู้ ATM และสาขาของธนาคารทวั่ ประเทศ ภาพท่ี 1.4 IBM's z15 mainframes ทมี่ า: Jayesh Shinde, Website. 2019. 3. มนิ คิ อมพิวเตอร์ (Mini Computer) ธรุ กิจและหน่วยงานทมี่ ีขนาดเล็กไม่จำเปน็ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ขนาดเมนเฟรม ซึ่งมรี าคาแพง ผู้ผลิตจึงได้พัฒนาคอมพิวเตอรใ์ ห้มีขนาดเล็กและมีราคาถกู ลง เรียกวา่ เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ โดยมี ลักษณะพิเศษในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบข้างที่มีความเร็วสูงได้มีการใช้แผ่นจาน แม่เหล็กความจุสูงชนิดแข็ง (Hard disk) ในการเก็บรักษาข้อมูลสามารถอ่านเขียนข้อมูลได้อย่าง รวดเร็ว หนว่ ยงานและบรษิ ัทที่ใช้คอมพวิ เตอร์ขนาดนี้ ไดแ้ ก่ กรม กอง มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ 4. ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Micro Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลขนาดเล็กมีส่วนของหน่วยความจำและความเร็วในการ ประมวลผลน้อยที่สุดสามารถใช้งานได้ด้วยคนเดียว จึงมักถูกเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer : PC)
12 ปัจจุบัน ไมโครคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพสูงกว่าในสมัยก่อนมากอาจเท่ากับหรือมากกว่า เคร่ืองเมนเฟรมในยุคกอ่ น นอกจากนน้ั ยังราคาถูกลงมากดังน้นั จึงเป็นท่ีนิยมใชม้ าก ทั้งตามหน่วยงาน และบรษิ ัทหา้ งร้าน ตลอดจนตามโรงเรียนสถานศกึ ษา และบา้ นเรือนบริษัททีผ่ ลิตไมโครคอมพิวเตอร์ ออกจำหนา่ ยจนประสบความสำเร็จเปน็ บริษทั แรก คือบรษิ ัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ ภาพท่ี 1.5 IBM Personal Computer ที่มา: Wikipedia, Website. 2021. เครอ่ื งไมโครคอมพวิ เตอร์ จำแนกออกได้เปน็ 2 ประเภทใหญๆ่ คอื 1. แบบตดิ ตงั้ ใชง้ านอย่กู ับท่บี นโตะ๊ ทำ งาน (Desktop Computer) 2. แบบเคลือ่ นย้ายได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตวั อาศยั พลงั งานไฟฟ้าจาก แบตเตอรี่จากภายนอก ส่วนใหญ่มักเรียกตามลักษณะของการใช้งานว่า Laptop Computer หรือ Notebook Computer องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คอื ลักษณะทางกายของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตวั เคร่ือง คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น ฮารด์ แวร์ประกอบดว้ ย 1) หน่วยรับข้อมูล (input unit) จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่ คอมพวิ เตอร์ 2) หน่วยประมวลผลกลาง (central processor unit) หรือ CPU จะนำไป ประมวลผล และแสดงผลลัพธท์ ่ีได้ออกมากให้ผ้ใู ชร้ ับทราบทางหน่วยแสดงผลลพั ธ์
13 3) หนว่ ยความจำหลัก จะทำหน้าทเี่ สมือนเกบ็ ข้อมูลชั่วคราวท่ีมีขนาดไม่สูงมากนัก การทฮ่ี ารด์ แวรจ์ ะทำหน้าท่ไี ด้มปี ระสิทธภิ าพนั้น ขึ้นอยู่กับโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ท่ใี ช้ สว่ นการทำงาน ได้มากนอ้ ยเพียงใด จะขนึ้ อยู่กบั หนว่ ยความจำหลักของเครือ่ งนัน้ ๆ ข้อเสียของหน่วยความจำหลัก คือ หากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีอยู่ในหนว่ ยความจำหลักจะ หายไป ในขณะท่ขี ้อมูลอยู่ที่ 4) หน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงผลลัพธ์หรอื สารสนเทศที่ผ่านการประมวลผล โดยจะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์จากสัญญาณไฟฟ้าของเครื่อง คอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์พิเศษ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เป็นต้น อุปกรณ์หน่วยแสดงผลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ จอภาพ (monitor) เครอื่ งพิมพ์ (printer) ลำโพง (speaker) เปน็ ตน้ 5) หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (secondary storage unit) จะไมส่ ญู หายตราบเท่าท่ี ผู้ใช้ไม่ทำการลบข้อมูลนั้น รวมทั้งหน่วยเก็บข้อมูลสำรองยังมคี วามจุที่สูงมาก จึงเหมาะสำหรับการ เก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หรือเก็บข้อมูลไว้ใช้ในภายหลัง (พนิดา พานิชกุล, 2005) ข้อเสียของหน่วย เกบ็ ข้อมลู สำรอง คือ การเรยี กใชข้ อ้ มูลจะชา้ กว่าหน่วยความจำหลกั มาก ภาพที่ 1.6 IBM Personal Computer ท่มี า: thaipng.com/, Website. 2021. 2. ซอฟต์แวร์ (Software) คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่ สามารถทำงานใด ๆ เนื่องจากต้องมีซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมีโปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ข้นึ มา ซอฟตแ์ วร์ สามารถแบ่งออกเปน็ สองประเภทใหญ่ ๆ คอื
14 ซอฟต์แวรร์ ะบบ (System Software) โดยส่วนมากแล้วจะตดิ ต้งั มากับเครอื่ งคอมพิวเตอร์ เนอื่ งจากซอฟต์แวร์ระบบเป็นส่วนควบคมุ ทำงานต่าง ๆ ของคอมพวิ เตอร์ เพื่อให้สามารถเร่ิมต้นการ ทำงานอ่นื ๆ ทผี่ ้ใู ชต้ ้องการได้ต่อไป ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) จะเป็นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการ ทำงานต่าง ๆ ให้กบั ผูใ้ ช้ ซึง่ แตกต่างกนั ไปตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ 3. บคุ ลากร (Peopleware) เครื่องคอมพวิ เตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่องทำงาน เรยี กบุคลากรเหลา่ นีว้ ่า ผ้ใู ช้ หรอื ยเู ซอร์ (user) แต่ก็มีบางชนิดท่ีสามารถทำงานไดเ้ องโดยไม่ต้องใช้ผู้ ควบคุม อยา่ งไรกต็ าม คอมพวิ เตอรก์ ็ยงั คงต้องถกู ออกแบบหรือดแู ลรักษาโดยมนษุ ยเ์ สมอ ผู้ใช้คอมพวิ เตอร์ (computer user) แบง่ ไดเ้ ปน็ หลายระดบั เพราะผู้ใชค้ อมพิวเตอรบ์ างส่วน ก็ทำงานพ้นื ฐานของคอมพวิ เตอร์เท่านนั้ แตบ่ างสว่ นกพ็ ยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น ทำให้มคี วามชำนาญในการใชโ้ ปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ นิยมเรียกกลุ่มนว้ี ่า เพาเวอร์ยสู เซอร์ (power user) ผเู้ ชีย่ วชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึง ผทู้ ีไ่ ด้ศึกษาวิชาการ ทางด้านคอมพวิ เตอร์ ทัง้ ในระดับกลางและระดับสูง ผู้เชีย่ วชาญทางด้านนี้จะนำความรู้ที่ได้ศึกษามา ประยุกต์และพัฒนาใช้งาน และประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีก นักเขียนโปรแกรม (programmer) ถือว่าเป็นผู้เชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะ สามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทาง คอมพิวเตอร์ตอ่ ไป บุคลากร เปน็ สว่ นหนงึ่ ของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวขอ้ งกับระบบคอมพิวเตอร์ ต้ังแตก่ ารพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนถงึ การนำคอมพวิ เตอร์มาใชง้ านตา่ ง ๆ ซึ่งสามารถสรุป ลกั ษณะงานได้ดงั นี้ การดำเนินงานและเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลงสื่อหรือส่งข้อมูลเข้า ประมวล หรือควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล (Data Entry Operator) เป็นตน้ การพฒั นาและบำรุงรักษาโปรแกรม เช่น เจ้าหน้าทีพ่ ฒั นาโปรแกรมประยุกต์ (Application Programmer) เจา้ หนา้ ทพ่ี ฒั นาโปรแกรม (System Programmer) เป็นตน้ การวิเคราะห์และออกแบบระบบงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล เช่น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ และออกแบบระบบงาน (System Analyst and Administrator) วศิ วกรระบบ (System Engineer) เจ้าหนา้ ท่จี ัดการฐานขอ้ มลู (Database Administrator) เปน็ ต้น การพัฒนาและบำรุงรักษาระบบทางฮาร์ดแวร์ เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการทำงานระบบ คอมพวิ เตอร์ (Computer Operator) เป็นต้น การบริหารในหนว่ ยประมวลผลข้อมูล เชน่ ผ้บู ริหารศูนย์ประมวลผลขอ้ มูลด้วยคอมพิวเตอร์ (EDP Manager) เป็นต้น 4. ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) ในการทำงานต่าง ๆ จะต้องมีข้อมูล เกิดขนึ้ ตลอดเวลา ขอ้ มลู ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับงานท่ีถูกเกบ็ รวบรวมมาประมวลผล เพ่อื ให้ไดส้ ารสนเทศท่ีเป็น
15 ประโยชน์ตอ่ ผู้ใช้ ซึ่งในปัจจุบันมีการนำเอาระบบคอมพิวเตอรม์ าเป็นข้อมลู ในการดัดแปลงขอ้ มูลให้ได้ ประสิทธภิ าพ ความแตกต่างระหว่างข้อมูลและสารสนเทศ คือ ข้อมูลนั้นได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ ไดจ้ ากขอ้ มูลทผ่ี ่านกระบวนการหนึง่ กอ่ น กระบวนการ (Procedure) คือ ข้นั ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์เพือ่ ใหไ้ ด้ผลลัพธ์ที่ ได้ตามตอ้ งการ ข้อมลู ท่ผี า่ นการประมวลผลแล้ว เรยี กวา่ สารสนเทศ สารสนเทศเปน็ สง่ิ ท่ผี บู้ ริหารนำไปใชช้ ่วยในการตัดสนิ ใจ โดยทส่ี ารสนเทศที่มีประโยชน์น้ันจะ มีคณุ สมบัติ ดงั นี้ 1) มีความสัมพันธ์กัน (relevant) สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับ สถานการณ์ปัจจุบัน 2) มีความทันสมัย (timely) ต้องมีความทันสมัยและพร้อมที่จะใช้งานได้ทันทีเมื่อ ต้องการ มีความถกู ต้องแมน่ ยำ (accurate) เมอ่ื ป้อนขอ้ มูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์และผลลัพธ์ที่ได้จะต้อง ถกู ตอ้ งในทุกสว่ น 3) มคี วามกระชบั รดั กมุ (concise) ข้อมลู จะต้องถกู ยน่ ใหม้ ีความยาวที่พอเหมาะ 4) มีความสมบูรณ์ในตัวเอง (complete) ต้องรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไว้อย่าง ครบถ้วน Workshop การสร้างแบบฟอรม์ สำหรับเกบ็ รวบรวมและนำเสนอขอ้ มลู การสรา้ ง google form สำหรับเก็บรวบรวมและนำเสนอขอ้ มลู Form ใน Google Drive เป็นการสร้างแบบฟอร์มที่ต้องการคำตอบจากผู้ตอบ เพราะการ ทำงานของ Form นั้นเมื่อเราทำการส่งไปถึงผู้รับ โดยให้ผู้รับตอบและส่งคำตอบกลับมา เราจะ สามารถรวู้ ่าผู้ที่ตอบแบบฟอร์มได้เลือกคำตอบ หรือตอบอะไรบ้าง แต่ผูท้ ีต่ อบแบบสอบถามจะไม่รู้ว่า คำตอบทีต่ วั เองตอบน้ันผดิ หรือถูก ซึง่ ประโยชนน์ ้ีสามารถนำไปใชไ้ ด้กับการทำแบบสอบถามออนไลน์ ในองค์กร แบบสอบถามความพึงพอใจในองค์กร หรือการทำข้อสอบออนไลน์ก็สามารถทำไดเ้ ช่นกัน ซึ่งการเกบ็ ข้อมูลท้ังหมดไม่ว่าจะเป็นคำถามและคำตอบของผู้ตอบ ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ที่ Drive ของ เราโดยอัตโนมตั แิ ละถกู จดั เก็บไว้ในไฟล์ Spreadsheet การสร้างแบบสอบถามออนไลน์ 1. Login เข้าสรู่ ะบบ Google Apps Business ดว้ ย Username และ Password 2. เลือกเมนู Drive เลอื ก “New\" > \"Google form\"
16 ภาพท่ี 1.7 การเข้าใช้งาน google form หากเลอื กสรา้ ง google จาก template จะปรากฏหนา้ ต่างให้เลือก template หลากหลาย รปู แบบ ได้แก่ ฟอร์มแบบประเมนิ ฟอร์มลงทะเบยี นงานอเี วน้ ท์ ฟอร์มติดต่อขอขอ้ มูล เป็นต้น ซ่ึงผู้ใช้ สามารถเลอื กใชไ้ ดต้ ามวตั ถุประสงคก์ ารใช้งาน ภาพท่ี 1.8 การใช้ template ในฟอรม์ การเลอื กสรา้ งแบบสอบถามจากฟอรม์ เปล่า สามารถทำไดด้ งั น้ี 1. เลือกเมนู Drive เลือก “New\" > \"Google form\" > Blank form หลังจากนั้นจะปรากฏ หนา้ ต่างใหมข่ ึ้น 2. ให้ระบุหัวเรื่องของแบบสอบถามที่ Untitled form และหากมีรายละเอียดเพิ่มเติมของ แบบสอบถามให้ระบุท่ี Form description
17 ภาพที่ 1.9 การระบหุ ัวเรอ่ื งของแบบสอบถาม 3. สรา้ งข้อคำถามในกลอ่ งท่ีปรากฏ โดยสามารถเลือกรูปแบบของการตอบได้ ดังนี้ 3.1 Short Answer เปน็ ฟอร์มสำหรับกรอกขอ้ ความสนั้ ๆ ลงไปในช่องคำตอบ เช่น ชื่อ – นามสกุล หรืออีเมล์ เป็นต้น กรณีต้องการกรองรูปแบบของคำตอบ เช่นต้องเป็นตัวเลขเท่านัน้ หรือต้องเป็นรูปแบบของอีเมล์เท่านั้น หรือหากต้องการรูปแบบการกรองคำตอบให้มีความสามารถ มากขึ้น กส็ ามารถใชว้ ิธกี าร Regular expression กไ็ ด้ โดยกด แล้วเลอื ก Response validation ภาพที่ 1.10 การระบุหวั เรอื่ งของแบบสอบถาม 3.2 Paragraph เป็นฟอร์มสำหรับกรอกข้อความยาว ๆ ลงไปในช่องคำตอบ เช่น กลอ่ งแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ แนะนำ เปน็ ตน้ และสามารถกรองรูปแบบของคำตอบไดเ้ ชน่ เดียวกัน ภาพท่ี 1.11 การสรา้ งคำตอบแบบข้อความยาว ๆ
18 3.3 Multiple Choice เป็นฟอร์มสำหรับสร้างคำตอบแบบตัวเลือก โดยที่ผู้ตอบ สามารถเลอื กตอบได้แค่คำตอบเดยี วเท่านน้ั เช่น การเลือกชว่ งอายุ หรอื เลอื กช่วงเงินเดือน เป็นต้น ภาพท่ี 1.12 การสรา้ งคำตอบแบบตวั เลือกรปู แบบ Multiple Choice 3.4 Checkboxes เป็นฟอร์มสำหรับสร้างคำตอบแบบตัวเลือก แต่ต่างจากแบบ Multiple Choice ตรงทีผ่ ตู้ อบสามารถเลือกตอบไดม้ ากกว่า 1 คำตอบ เช่น สอบถามความสนใจของ ผลิตภณั ฑ์ ภาพที่ 1.13 การสร้างคำตอบแบบตวั เลอื กรปู แบบ Checkboxes 3.5 Dropdown คล้ายกับรูปแบบ Multiple Choice คือ เป็นฟอร์มสำหรับสร้าง คำตอบแบบตัวเลือก โดยที่ผู้ตอบสามารถเลือกตอบได้แค่คำตอบเดียวเท่านั้น แต่ต่างกันตรงที่หาก คำตอบที่ให้เลือกมีจำนวนค่อนข้างมาก การที่จะแสดงทุกคำตอบบนหน้าจออาจจะไม่เหมาะสม จึง แสดงในรปู แบบ Drop-down จะเหมาะสมกว่า เช่น คำตอบเลือกจงั หวัดเกิด หรอื คำตอบที่ให้เลือก ว่าอาศัยอยูป่ ระเทศใด ภาพที่ 1.14 การสร้างคำตอบแบบตัวเลือกรูปแบบ Drop-down
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423