พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย อิตวิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 280 สัตบรุ ุษ ยอมปรากฏในท่ีไกล ดุจ ภเู ขาหิมพานต อสัตบุรษุ ยอมไมปรากฏ ในท่นี ี้ เหมอื นลกู ศรทซี่ ัดไปในเวลา กลางคืน ฉะนนั้ . ในสูตรนี้ และในคาถาท้งั หลาย พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงกระทาํพระองคด จุ ผอู ่ืน. จบอรรถกถาวติ กั กสตู รที่ ๑ ๒. เทศนาสูตร วาดวยพระธรรมเทศนา ๒ ประการ [๒๑๗] จริงอยู พระสูตรน้ีพระผูมพี ระภาคเจาตรัสแลว พระสตู รน้ีพระผูมพี ระภาคเจาผเู ปน พระอรหันตตรสั แลว เพราะเหตุนัน้ ขา พเจา ไดส ดับมาแลววา ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย ธรรมเทศนา ๒ ประการ ของพระตถาคต-อรหันตสมั มาสมั พุทธเจา ยอมมีโดยปรยิ าย ๒ ประการเปน ไฉน คอื ธรรมเทศนาประการท่ี ๑ น้ีวา เธอทัง้ หลายจงเห็นบาปโดยความเปนบาป ธรรมเทศนาประการที่ ๒ แมน ว้ี า เธอทง้ั หลายครั้นเหน็ บาปโดยความเปนบาปแลวจงเบอ่ื หนา ย จงคลายกําหนัด จงปลดเปลอ้ื งในบาปนัน้ ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลายธรรมเทศนา ๒ ประการน้ี ของพระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา ยอ มมีโดยปริยาย. พระผมู ีพระภาคเจาไดตรัสเนือ้ ความน้ีแลว ในพระสูตรนี้ พระผูม-ีพระภาคเจาตรัสคาถาประพนั ธด ังน้วี า
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย อติ ิวุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 281 เธอจงเหน็ การแสดงโดยปรยิ ายของ พระตถาคต พระพุทธเจาผอู นเุ คราะหสัตว ทุกหมูเหลา ก็ธรรม ๒ ประการ พระ- ตถาคต พระพุทธเจา ผูอนเุ คราะหส ตั ว ทกุ หมูเหลาประกาศแลว . เธอทั้งหลาย ผูฉลาดจงเหน็ บาป จงคลายกําหนัดใน บาปนัน้ เธอท้งั หลายผมู จี ติ คลายกําหนัด จากบาปน้ันแลว จกั กระทําท่สี ุดแหง ทุกข ได. เน้ือความแมน ีพ้ ระผมู ีพระภาคเจา ตรสั แลว เพราะเหตุนัน้ ขาพเจาไดส ดับมาแลว ฉะนี้แล. จบเทศนาสูตรที่ ๒ อรรถกถาเทศนาสตู ร ในเทศนาสูตรท่ี ๒ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดังตอ ไปน้ี :- ปริยายศัพทในบทวา ปรยิ าเยน นี้ มาในความวา เทศนาในบทมีอาทวิ า มธปุ ณฑฺ กิ ปรยิ าโย เตวฺ ว น ธาเรหิ ทานจงทรงจาํ เทศนานน้ั ไววาเปนมธปุ ณ ฑกิ ปรยิ ายเทศนา ดงั น้ี . มาในความวา เหตใุ นบทมอี าทวิ า อตถฺ ิเขวฺ ส พรฺ าหมฺ ณ ปรยิ าโย เยน ม ปรยิ ายน สมมฺ า วทมาโน วเทยยฺอกิริยวาโท สมโณ โคตโม ดกู อ นพราหมณ เหตุนี้มอี ยูแ ล เม่ือจะกลาวกะเราโดยชอบดวยเหตุ พึงกลา ววา สมณโคดม เปน อกิรยิ วาท (วาทะวา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาที่ 282ไมเ ปนอนั ทาํ ) ดงั น้ี. มาในความวา วาระในบทมอี าทิวา กสฺส นุ โขอานนทฺ อชชฺ ปรยิ าโย ภิกขฺ นุ โิ ย โอวทิตุ ดกู อ นอานนท วนั นีถ้ งึวาระของใครจะสอนภกิ ษุณที ้ังหลาย ดังน้.ี กใ็ นท่ีน้ี สมควรท้งั ในวาระ ท้งั ในเหตุ. ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เพราะฉะนั้น ธรรมเทศนา ๒ อยาง ของตถาคตยอ มมขี ้ึนโดยเหตุ และโดยวาระตามสมควร ดังน้ี นีเ้ ปน อธบิ ายในบทนี.้ จริงอยู พระผูมพี ระภาคเจา บางคร้ังทรงจําแนกกศุ ลธรรมและอกศุ ล-ธรรม ตามสมควรแกอธั ยาศัยของเวไนยสตั ว โดยนัยมอี าทิวา ธรรมเหลา น้ีเปน กุศล ธรรมเหลา นี้เปน อกุศล ธรรมเหลา น้มี ีโทษ ธรรมเหลา นี้ไมมโี ทษธรรมเหลานี้ควรเสพ ธรรมเหลา น้ีไมควรเสพ ดังนี้ ทรงแสดงใหรูโดยไมปนอกศุ ลธรรมเขา กับกุศลธรรม ทรงแสดงธรรมวา พวกเธอจงเห็นบาปโดยความเปนบาป. บางครั้งทรงประกาศโทษ โดยนยั มีอาทิวา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลายปาณาติบาตที่บุคคลเสพแลว เจริญแลว ทําใหม ากแลว ใหเปน ไปในนรกใหเ ปนไปในกําเนิดเดยี รัจฉาน ใหเ ปนไปในเปรตวิสัย ปาณาติบาตทีเ่ บากวาบาปทง้ั ปวง ทําใหมีอายนุ อ ย ดังน้ี ทรงใหพรากจากบาปดวยนพิ พทิ าเปนตนทรงแสดงธรรมวา พวกเธอจงเบอ่ื หนาย จงคลายกําหนดั ดงั น้.ี บทวา ภวนตฺ ิ ไดแ ก ยอ มมี คือ ยอ มเปนไป. บทวา ปาปปาปกโต ปสฺสถ ความวา พวกเธอจงเหน็ ธรรมอันลามกท้ังปวง โดยเปนธรรมลามก เพราะนําสง่ิ ไมเ ปน ประโยชน และทุกขมาในปจจุบนั และอนาคต.ในบทเหลา นน้ั บทวา นิพฺพนิ ทฺ ถ ความวา พวกเธอเหน็ โทษมอี ยา งตา งๆกนั โดยนยั มีอาทวิ า บาปชอื่ วาเปน บาป เพราะเปนของลามก โดยความเปนของเลวสว นเดยี ว ช่อื วา เปนอกุศล เพราะเปนความไมฉลาด ช่อื วาเปน ความเศรา หมอง เพราะทาํ จิตท่เี คยประภัสสร และผองใสใหพ ินาศจาก
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย อิตวิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 283ความประภัสสรเปนตน ชือ่ วา ทาํ ใหมภี พใหม เพราะทําใหเกดิ ทุกขในภพบอ ยๆชอื่ วามคี วามกระวนกระวาย เพราะเปนไปกบั ดวยความกระวนกระวาย คือความเดือดรอน ชื่อวา มีทุกขเ ปน วบิ าก เพราะใหผลเปนทกุ ขอ ยา งเดยี ว ชอ่ื วาเปนเหตใุ หมชี าติ ชรา และมรณะตอไป เพราะทําใหม ีชาติ ชรา และมรณะในอนาคตตลอดกาลนานไมมกี ําหนด สามารถกาํ จดั ประโยชนสขุ ทั้งหมดไดและเห็นอานิสงสใ นการละบาปนั้นดว ยปญ ญาชอบ จงเบอ่ื หนา ย คอื ถงึ ความเบอ่ื หนา ยในธรรมอนั ลามกน้ัน เม่อื เบือ่ หนายพึงเจรญิ วิปส สนาแลว จงคลายกําหนัด และจงปลดเปล้อื งจากบาปนน้ั โดยความเปน บาป ดว ยบรรลุอรยิ มรรคหรือจงคลายกาํ หนดั ดว ยการคลายอยา งเดด็ ขาด ดวยมรรค แตน ้ันจงปลดเปล้อื งดวยปฏปิ ส สทั ธิวมิ ุตตดิ วยผล. อกี อยางหนงึ่ บทวา ปาป ไดแก ชอื่ วา บาป เพราะเปนของลามก.ถามวา ทานอธิบายไวอ ยางไร. ตอบวา ชื่อวา บาป เพราะเปนสิง่ นา รงั เกียจคือ พระอริยะเกลียดโดยความเปนของไมเทยี่ งเปน ทกุ ขเ ปน ตน ยังสตั วใ หถึงทกุ ขในวัฏฏะ. ถามวา ก็บาปนั้นเปนอยา งไร. ตอบวา เปน ธรรมชาติทําใหเกิดในภมู ิ ๓ พวกเธอเห็นบาปโดยความเปนบาป มเี นอื้ ความตามทกี่ ลาวแลวเจรญิ วิปสสนาโดยนัยมีอาทิวา โดยความเปนของไมเ ทยี่ ง โดยความเปนทกุ ขโดยความเปนโรค โดยความเปนลูกศร โดยความเปน ของช่ัว โดยความเบียดเบียน ดังน้ี จงเบ่อื หนา ยในบาปนั้น. บทวา อยมปฺ ทตุ ิยา ไดแ กธรรมเทศนาประการท่ี ๒ นี้ เปน การเลือกปฏิบัติจากธรรมนัน้ อาศัยธรรม-เทศนาประการที่ ๑ อนั แสดงถงึ ส่ิงไมเปนประโยชนและความฉิบหายโดยความแนน อน. พงึ ทราบอธิบายในคาถาทงั้ หลายดงั ตอไปน.้ี บทวา พทุ ธฺ สฺส ไดแกพระสพั พัญญพุทธเจา . บทวา สพพฺ ภูตานุกมปฺ โ น ไดแก พระพุทธเจา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อิตวิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 284ผูอ นเุ คราะหส ัตวท้งั หมดดวยมหากรณุ า. บทวา ปรยิ ายวจน ไดแ ก การกลา วคือ การแสดงโดยปรยิ าย. บทวา ปสสฺ คือ ทรงรอ งเรยี กบริษทั . ทานกลาวหมายถึง บรษิ ทั ผเู ปน หวั หนา. แตอาจารยบางพวกกลา ววา พระผมู ีพระภาคเจาไดต รัสวา ปสสฺ หมายถงึ พระองคเทา น้นั . บทวา ตตฺถ ไดแก ในบาปน้ัน.บทวา วิรชฺชถ ความวา พวกเธอจงละความกาํ หนัด. บทที่เหลือมีนัยดังไดก ลาวแลวนั่นแล. จบอรรถกถาเทศนาสูตรท่ี ๒ ๓. วิชชาสตู ร วาดวยวชิ ชาเปน หวั หนา แหง กุศลธรรม [๒๑๑] จริงอยู พระสูตรนพ้ี ระผูมพี ระภาคเจาตรสั แลว พระสูตรน้ีพระผมู พี ระภาคเจาผูเปนพระอรหนั ตต รสั แลว เพราะเหตุนน้ั ขาพเจา ไดสดับมาแลววา ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย อวิชชาเปน หวั หนา แหงอกศุ ลธรรม อหริ ิกะอโนตตัปปะเปน ไปตาม ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย สว นวชิ ชาแลเปนหัวหนา แหงการถึงพรอมแหง กุศลธรรม หิริและโอตตัปปะเปน ไปตาม. พระผมู ีพระภาคเจาไดตรัสเนอ้ื ความนี้แลว ในพระสูตรน้นั พระผมู ี-พระภาคเจา ตรสั คาถาประพนั ธด งั นว้ี า ทคุ ตอิ ยางใดอยางหนง่ึ ในโลกน้ี และในโลกหนา ท้ังหมดมอี วิชชาเปนมูล อนั ความปรารถนาและความโลภกอ ขึ้น ก็ เพราะเหตุทบี่ คุ คลเปน ผูมคี วามปรารถนา
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย อติ วิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 285 ลามก ไมมีหิริ ไมเออื้ เฟอ ฉะนน้ั จึงยอม ประสบบาป ตอ งไปสูอบาย เพราะบาปนัน้ เพราะเหตนุ ้นั ภิกษุสํารอกฉันทะ โลภะ และอวิชชาได ใหว ิชชาบังเกดิ ข้ึนอยู พงึ ทคุ ตทิ ั้งปวงเสยี ได. เนื้อความแมน ้พี ระผูมีพระภาคเจา ตรสั แลว เพราะเหตุน้ัน ขา พเจาไดสดบั มาแลว ฉะน้แี ล. จบวชิ ชาสตู รท่ี ๓ อรรถกถาวิชชาสตู ร ในวิชชาสูตรที่ ๓ พึงทราบวนิ จิ ฉัยดังตอ ไปน้ี :- บทวา ปพุ พฺ งคฺ มา ไดแ ก เปน หัวหนาโดยอาการ ๒ อยา ง คอืโดยสหชาตปจจยั และอปุ นิสสยปจ จยั . หรือเปน ประธานแหง อกศุ ลธรรมเบ้ือง-หนา . จรงิ อยู การเกิดข้นึ แหง อกศุ ล เวนจากอวิชชาเสยี แลว ยอ มมีไมไ ด.บทวา สมาปตฺตยิ า ไดแก ความเปน ไปเพ่อื ไดความจริงอันถึงเฉพาะหนา .ความเปนอุปนสิ สยปจ จัยแหงอกุศลธรรมทั้งหลาย โดยความเปน ปจ จัยแหงอโยนโิ สมนสกิ ารดว ยการปกปดโทษแหงความเปนไปของอกุศล และโดยความที่ยงั ละไมไ ด ยอมปรากฏในความนัน้ . คติแมท้ังหมด ชอื่ วา ทคุ ติในคาถาน้ี เพราะเปนทต่ี ้งั แหงทกุ ขม พี ยาธิและมรณะเปน ตน ดวยประการฉะน.้ี อกี อยางหนง่ึ กายทุจรติ วจที จุ รติและมโนทุจรติ ช่อื วา ทคุ ติ เพราะคติทถี่ ูกกเิ ลสมีราคะเปน ตนประทุษราย
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 286เปน ไปทางกาย วาจา และใจ. บทวา อสมฺ ึ โลเก ไดแก ในโลกนห้ี รือในมนษุ ยคติ. บทวา ปรมฺหิ จ ไดแก ในคตอิ ่ืนจากมนษุ ยคตินนั้ . บทวาอวชิ ฺชามลู กิ า สพพฺ า ไดแก ความวิบตั แิ หง ทจุ รติ แมท ้ังหมดน้ันมีอวิชชาเปน มลู อยา งเดยี ว เพราะมอี วิชชาเปน หัวหนาโดยนัยดังกลาวแลว. บทวาอิจฉฺ าโลภสมุสฺสยา ความวา ช่อื วา อิจฉฺ าโลกสมสุ ฺสยา เพราะอนั ความปรารถนามีลักษณะแสวงหาสง่ิ อันยงั ไมถงึ พรอม และอนั ความโลภมีลกั ษณะอยากไดส ่งิ อันถึงพรอ มแลว กอขนึ้ คอื สะสม. บทวา ยโต ไดแ ก เพราะมอี วชิ ชาเปน เหตุ เปน ผูถกู อวชิ ชาปกปด. บทวา ปาปจโฺ ฉ ไดแ ก ผมู คี วามปรารถนาลามกไมเห็นโทษ ทาํ ความหลอกลวงเปนตน ดวยการยกยอ งคุณที่ไมมีเพราะมคี วามปรารถนาลามก เพราะถกู อวิชชาปกปด. พงึ เหน็ วา แมความปรารถนาในคนกเ็ ปนอันถอื เอาดวยความโลภเหมือนกัน. บทวา อนาทโรไดแก เวน จากความเอือ้ เฟอ ในเพือ่ นสพรหมจารี เพราะไมมีโอตตัปปะอันถอืโลกเปนใหญ. บทวา ตโต ไดแ ก เพราะเปน เหตุแหงอวชิ ชาความปรารถนาลามก ความไมมหี ริ ิ ไมมีโอตตปั ปะ. บทวา ปสวติ ไดแกสะสมบาป มกี ายทุจริตเปนตน. บทวา อปาย เตน คจฉฺ ติ ไดแก ยอมไป คอื ยอมเขาถึงอบายมีนรกเปนตน เพราะบาปตามทีข่ วนขวายนนั้ . บทวา ตสมฺ า ไดแ กเพราะอวชิ ชาเปน ตน เหลา น้ี เปนรากเหงาแหงทจุ รติ ท้ังปวง และเปนเหตแุ หงความเศราหมองอันเปนแดนเกิดในทุคติทงั้ ปวง อยา งนี้ ฉะนั้น ภิกษสุ ํารอกความปรารถนา ความโลภ อวิชชา อหิรกิ ะ และอโนตตัปปะได ละดว ยสมุจเฉท.ถามวา สํารอกอยางไรจึงจะใหว ิชชาเกิดขนึ้ ได. ตอบวา ขวนขวายตามลําดับวปิ สสนาและตามลาํ ดบั มรรคแลวยังวชิ ชา คอื อรหตั มรรคใหเกิดในสันดานของตน. บทวา สพพฺ า ทคุ คฺ ตโิ ย ไดแก พงึ ละ คอื พึงสละพงึ กาวลว ง
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อิติวุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 287ทุคติ กลาวคือทุจริตแมท้ังปวง หรอื คติ ๕ ทั้งปวงอันช่ือวา เปน ทุกข เพราะเปนท่ตี ั้งแหงทุกขในวัฏฏะ. จรงิ อยู กรรมวัฏและวิปากวฏั เปนอนั ละไดด ว ยการละกิเลสวฏั น่ันแล ดวยประการฉะน.้ี จบอรรถกถาวชิ ชาสูตรที่ ๓ ๔. ปญ ญาสตู รวา ดว ยขาดปญญาพาใหเสื่อมมีปญ ญาพาใหเ จรญิ [๒๑๙] จริงอยู พระสูตรนพ้ี ระผูมพี ระภาคเจาตรสั แลว พระสูตรนี้พระผมู พี ระภาคเจา ผูเปน พระอรหนั ตตรัสแลว เพราะเหตนุ ้ัน ขาพเจา ไดส ดับมาแลววา ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย สตั วท ง้ั หลายผูเ ส่อื มจากอรยิ ปญญา ชื่อวาเสอ่ื มสดุ สตั วเหลาน้นั ยอมอยูเปนทุกข มคี วามเดือดรอ น มีความคบั แคนมีความเรา รอน ในปจจุบันทเี ดยี ว เมอ่ื ตายไปแลวพงึ หวงั ไดทุคติ ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย สตั วท ั้งหลายผูไ มเสอ่ื มจากอริยปญญา ชือ่ วา ไมเส่ือม สตั วเ หลานนั้ยอ มอยูเปน สุข ไมมีความเดอื ดรอน ไมม ีความคับแคน ไมม คี วามเรา รอ นในปจจบุ นั เทยี วแล เมื่อตายไปพงึ หวังไดสุคต.ิ พระผมู ีพระภาคเจา ไดต รัสเนื้อความนีแ้ ลว ในพระสูตรน้ัน พระผมู -ีพระภาคเจา ตรัสคาถาประพันธดังน้ีวา จงดูโลกพรอมดวยเทวโลก ผตู ั้งม่นั ลงแลว ในนามรปู เพราะความเสอื่ มไปจาก ปญญา โลกพรอ มดว ยเทวโลกยอ มสาํ คญั วา นามรูปน้ีเปนของจริง ปญญาอนั ให
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย อติ วิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 288 ถงึ ความชําแรกกิเลสนี้แล ประเสรฐิ ทสี่ ดุ ในโลก ดว ยวา ปญญานัน้ ยอมรูชัดโดยชอบ ซงึ่ ความสิน้ ไปแหง ชาตแิ ละภพเทวดาและ มนุษยทง้ั หลาย ยอ มรักใครต อพระสมั มา- สมั พทุ ธเจา เหลาน้นั ผูมีสติ มีปญ ญาราเริง ผทู รงไวซง่ึ สรรี ะอันมีในทสี่ ดุ . เนือ้ ความแมน้ีพระผูมีพระภาคเจาตรัสแลว เพราะเหตุนน้ั ขาพเจาไดสดับมาแลว ฉะน้แี ล. จบปญ ญาสตู รที่ ๔ อรรถกถาปญญาสูตร ในปญญาสตู รที่ ๔ พึงทราบวินจิ ฉัยดังตอ ไปน้ี :- บทวา สุปริหนี า ไดแก เส่ือมสุด. บทวา เย อรยิ าย ปฺ ายปริหีนา ความวา สัตวเ หลา ใด เสื่อมจากวิปสสนาปญ ญา และมรรคปญญาอนั เปนอรยิ ะ คอื บริสุทธิ์ เพราะต้งั อยไู กลจากกเิ ลสทั้งหลาย ดวยการรูความเกิดและความเสอื่ มของขันธ ๕ และดวยการแทงตลอดอรยิ สัจ ๔ สัตวเหลา น้นั เส่อื มคอื เส่อื มมากเหลอื เกินจากสมบัตอิ ันเปนโลกยิ ะและโลกตุ ระ. ถามวา กส็ ตั วเหลานนั้ เปน จําพวกอะไร. ตอบวา เปน ความจริงดงั นัน้ สตั วเหลาใดประกอบดวยเครือ่ งกัน้ คือ กรรม สตั วเหลา นัน้ เสื่อม คอื พรอ ง คือ เส่อื มมากโดยสว นเดียว โดยความเปนผแู นนอนตอ ความเห็นผดิ . ดังทท่ี านกลา ววา ทุคคฺ ติปาฏิกงขฺ า ทุคติเปน อันหวังได ดังน.้ี แมพรอมเพรียงดว ยเครือ่ งกน้ั คือ
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อิติวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 289วบิ ากกเ็ สอื่ ม. อกี อยา งหนง่ึ พึงทราบในธรรมฝา ยขาว ผเู ปน สัมมาทิฏฐิเวน จากเครื่องก้ัน ๓ อยาง และเปน ผปู ระกอบดวยกัมมัสสกตาญาณ ชือ่ วาไมเสื่อม. คําท่เี หลอื พงึ ทราบโดยทํานองอันมีนยั ดังทก่ี ลาวแลว. ในคาถาท้ังหลายพึงทราบอธบิ ายดังตอไปน้ี บทวา ปฺาย เปนปญจมวี ิภัตติ. ความวา เพราะความเสอ่ื มไปจากวปิ ส สนาญาณและมรรคญาณ.หรือบทวา ปฺาย นี้ เปน ฉัฏฐวี ภิ ตั ต.ิ ความวา เพราะเสื่อมไปแหง ญาณดงั ท่ไี ดก ลา วแลว. อน่ึง การไมใ หเกดิ ขึ้นแหงญาณท่ีควรใหเ กิดน่ันแล เปนความเสอ่ื มในบทน้.ี บทวา นวิ ิฏ นามรปู สมฺ ึ ไดแก ผูตงั้ มนั่ แลว คือหยัง่ ลงแลว ในนามรปู คอื ในอุปาทานขันธ ๕ ดวยอํานาจตัณหาและทิฏฐโิ ดยนยั มีอาทวิ า เอต มม นั่นของเราดงั น้ี เพราะความเสอ่ื มไปจากปญญาน้ัน.บทวา อทิ สจจฺ นตฺ ิ มฺ ติ ไดแก ยอ มสาํ คญั วานามรูปน้เี ทานั้นเปนของจริง อยา งอื่นเปนโมฆะดงั น้.ี พงึ เปล่ียนวภิ ตั ตเิ ปน สเทวเก โลเก ดังน้.ี พระผูมพี ระภาคเจา คร้นั ทรงแสดงธรรมฝายเศรา หมองในคาถาที่ ๑อยา งนี้แลว บัดนีเ้ มื่อจะทรงประกาศอานภุ าพแหง ปญญาวา กิเลสวัฏ ยอ มเปนไปดวยความมัน่ หมายและยดึ ม่นั ในนามรูป เพอ่ื มิใหเกิดอันใด การเขา ไปตดั วฏั ฏะเพ่อื ใหเ กดิ อันนั้น ดังนจี้ งึ ตรัสคาถาวา ปฺ า หิ เสฏ า โลกสฺมึปญ ญาแล ประเสริฐทีส่ ดุ ในโลก ดงั น.ี้ ในบทเหลา นนั้ บทวา โลกสมฺ ึ ไดแกส งั ขารโลก. ธรรมเชน กบัปญญาในสงั ขารทง้ั หลาย ในสตั วท งั้ หลายยอ มไมม ดี ุจพระสมั มาสัมพทุ ธเจา.จริงอยู กุศลธรรมทง้ั หลายมีปญ ญาเปน อยา งย่งิ และธรรมอนั ไมม โี ทษท้ังปวงเปน อนั สําเสร็จเพราะความสําเร็จแหง ปญญา. สมดงั ทพี่ ระผูม ีพระภาคเจา ตรสั ไววา สมฺมาทิฏสิ ฺส สมฺมาสงฺกปโฺ ป โหติ ความดํารชิ อบยอ มมแี กผ เู ห็นชอบดังนี้. กป็ ญญาท่ปี ระสงคเ อาในทน่ี ี้ทา นยกยอ งวา ประเสรฐิ ทส่ี ุด. เพ่ือ
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย อติ วิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาที่ 290ทรงแสดงถึงความเปนไปนั้น จึงตรสั วา ยาย นพิ ฺเพธคามนิ ี ปญญาอนั ใหถงึความชาํ แรกกิเลส ดังน้ีเปน ตน. อธิบายความแหงบทนั้นวา ปญญาใดอนั ใหถงึ ความชําแรกกเิ ลสวาปญญานถี้ ึงความชาํ แรก คือ ทําลายกเิ ลสมีกองโลภะเปน ตน อันยังไมเ คยชาํ แรกยงั ไมเคยทําลาย ยอมไป ยอมเปนไป โยคาวจรยอมรู ยอมทาํ ใหแ จง นิพพานและอรหัตอันเปน ที่ส้ินไป เปน ทสี่ ุดแหง ชาติ กลาวคอื ความเกดิ ครง้ั แรกแหง ขันธท้งั หลายในหมสู ตั ว ในภพ กําเนดิ คติ วิญญาณฐติ แิ ละสัตตาวาสนนั้ ๆ และกรรมภพอันมชี าตนิ ั้นเปน นิมติ โดยชอบไมว ปิ รติ ดว ยปญ ญาใดปญญานี้เปนมรรคปญ ญาพรอ มดวยวปิ สสนา ประเสริฐทสี่ ุดในโลก ดงั น้ี. บัดน้ี พระผูม พี ระภาคเจา เมื่อจะทรงยกยองพระขีณาสพ ผถู งึ พรอมแลว ดว ยบุญญานภุ าพตามที่กลาวแลว จงึ ตรัสพระคาถาสดุ ทายวา เตส เทวามนุสสฺ า จ เทวดาและมนุษยท ั้งหลายยอมรักใครตอ พระสัมมาสัมพทุ ธเจาพระองคน้ัน ดงั น.้ี อธิบายความแหงบทน้นั วา เทวดาและมนุษยทั้งหลายยอ มกระหยมิ่ รักใครต อ พระขีณาสพเหลา น้ัน ผูช ่ือวาเปนสัมพุทธะดว ยการตรสั รูอริยสจั ๔เพราะสาํ เร็จโสฬสกิจ มีปญ ญาเปน ตนในอริยสัจ ๔ ชอื่ วา ผมู ีสติ เพราะมีสติไพบูลย ชื่อวา ผูมปี ญ ญารา เริง ดวยถึงความไพบลู ยแ หงปญ ญา เพราะถอนความลมุ หลงเสยี ไดโดยนัยดังกลา วแลว หรือวา ชือ่ วา ผูมีปญญารา เริง ความโสมนัส ความยินดี ความบันเทิง ตั้งแตเปน ผบู รบิ รู ณด ว ยศลี เปน ตน ในสว นเบอ้ื งตน จนถึงทาํ นิพพานใหแจง ชือ่ วา ผทู รงไวซึ่งสรีระอนั มีในทีส่ ดุเพราะเปนผสู ้ินภวสงั โยชนโดยประการท้ังปวง ยอมปรารถนาเพ่ือบรรลุความเปนอยางน้ันบางวา บุญญานภุ าพนา อัศจรรย ถากระไร แมเรากค็ วรเปน ผูขามพนทกุ ขท ้ังปวงเชน น้ไี ดบ าง ดงั น.้ี จบอรรถกถาปญ ญาสตู รท่ี ๔
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย อติ ิวุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 291 ๕. ธรรมสูตร วา ดว ยเรอื่ งสกุ ธรรมประจาํ โลก ๒ ประการ [๒๒๐] จรงิ อยู พระสูตรน้พี ระผมู ีพระภาคเจา ตรสั แลว พระสตู รนี้พระผมู พี ระภาคเจา ผูเ ปน พระอรหนั ตต รสั แลว เพราะเหตุนั้น ขาพเจาไดส ดบัมาแลววา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย สกุ ธรรม ๒ ประการนี้ยอ มรักษาโลก ๒ประการเปน ไฉน คอื หริ ิ ๑ โอตตปั ปะ ๑ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ถาวาสุก-ธรรม ๒ ประการนี้จะไมพ งึ รกั ษาโลกไซร ในโลกนกี้ ไ็ มพึงปรากฏวา มารดานา ปา ภรรยาของอาจารย หรือวา ภรรยาของครู โลกจะถงึ ความปะปนกนัไป เหมือนอยางแพะ แกะ ไก สุกร สุนขั สุนัขจ้งิ จอกฉะน้ัน ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย กเ็ พราะเหตุที่สกุ ธรรม ๒ ประการนย้ี ังรกั ษาโลกอยู ฉะนน้ั จึงยงั ปรากฏวา มารดา นา ปา ภรรยาของอาจารย หรือวาภรรยาของครู. พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรสั เน้อื ความนีแ้ ลว ในพระสูตรน้ัน พระผูมี-พระภาคเจาตรสั คาถาประพันธดงั น้วี า ถา สตั วเหลาใด ไมมหี ริ แิ ละโอต- ตัปปะในกาลทุกเม่ือไซร สัตวเ หลาน้ันมี สกุ ธรรมเปนมลู ปราศไปแลว เปน ผถู ึง ชาติและมรณะ สวนสัตวเ หลา ใด เขาไป ตัง้ หริ แิ ละโอตตัปปะไวโ ดยชอบในกาลทุก เมอื่ สตั วเหลานนั้ มพี รหมจรรยง อกงาม เปน ผสู งบ มีภพใหมส นิ้ ไปแลว.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อติ วิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 292 เน้อื ความแมนี้พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสแลว เพราะเหตนุ ัน้ ขา พเจาไดส ดับมาแลว ฉะนแี้ ล. จบธรรมสตู รที่ ๕ อรรถกถาธรรมสูตร ในธรรมสูตรที่ ๕ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดงั ตอไปน้ี :- บทวา สกุ ฺกา ช่อื วา สกุ ธรรมเพราะเปน ธรรมขาว กส็ ุกธรรมยอมเปนไปเพ่อื ความผอ งแผวอยางยิง่ โดยความเปน ธรรมขาว เพราะเหตนุ นั้ธรรมท้งั หลายชอื่ วา ขาว เพราะเปนธรรมขาวบริสทุ ธิ์ . ธรรมทั้งหลายท่เี ปนกศุ ลท้ังปวง แมโ ดยพรอ มดวยรสชื่อวา ธรรมขาว เพราะตรงขา มกับความเปนธรรมดาํ . ดว ยวา เพราะธรรมขาวเกดิ ข้นึ จิตจงึ เปนประภัสสรบรสิ ทุ ธิ.์ บทวาธมมฺ า ไดแ กธรรมเปนกุศล. บทวา โลก ไดแ กสตั วโลก. บทวา ปาเลนฺติไดแ ก วางขอบเขตรกั ษาดว ยการรองรับไว ทรงไว. ในบทวา หิริ จ โอตตฺ ปปฺ จฺ นพ้ี ึงทราบอธิบายดังตอไปน้ีชือ่ วา หริ ิ เพราะอันเขาละอาย. หรือชือ่ วา หริ ิ เพราะเปน เหตลุ ะอาย.แมข อ นี้ทา นก็กลาวไววา ขอ ที่อนั บุคคลละอายดวยสิง่ ท่คี วรละอาย คือ ละอายตอความเกิดแหง อกศุ ลธรรมอนั ลามก ทานเรยี กวา หริ ิ. ช่ือวา โอตตปั ปะเพราะกลัว. หรือช่อื วา โอตตปั ปะ เพราะเปน เหตกุ ลัว. แมข อน้ีทา นก็กลาวไววา ขอท่กี ลวั ส่ิงท่ีควรกลัว คือ กลวั ตอความเกดิ แหงอกศุ ลธรรมอันลามกทานเรียกวา โอตตปั ปะ.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อิติวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาที่ 293 ในหิรแิ ละโอตตัปปะน้ัน หิริ เกดิ ขน้ึ ในภายใน โอตตปั ปะเกิดขน้ึในภายนอก. หริ ิ ถือตนเปน ใหญ โอตตัปปะถอื โลกเปนใหญ. หริ ิตง้ั อยใู นความละอายเปน สภาพ. โอตตปั ปะตัง้ อยใู นความกลวั เปน สภาพ. หริ ิ มลี กั ษณะยาํ เกรง. โอตตัปปะ มลี กั ษณะเห็นภยั อนั เปนโทษท่ีนากลวั . ในหิริและโอตตปั ปะนัน้ หริ ิ เกิดขึ้นในภายในยอมเกิดดวยเหตุ ๔อยา ง คือ นึกถงึ ชาติ นกึ ถงึ วัย นึกถงึ ความเปนผกู ลา นกึ ถึงความเปนผูคงแกเรียน ถามวา อยา งไร. ตอบวา บคุ คลนกึ ถงึ ชาติอยา งน้กี อ นวา ช่ือวา การกระทาํ ความชัว่ นี้ ไมใ ชเปนการกระทําของตนผูมีชาติเจริญ เปน การกระทําของชาวประมงเปนตน ผมู ีชาติตา่ํ ผูเจรญิ ดว ยชาติเชนทา นไมค วรกระทํากรรมน้ี ดังนี้ แลวไมกระทาํ กรรมชวั่ เกดิ หิริขน้ึ . อนึ่ง นึกถงึ วัยอยางน้ีวา ชื่อวา การกระทาํ กรรมชั่วน้เี ปนกรรมที่คนหนมุ ๆ ควรกระทาํ คนที่ตัง้ อยูในวัยเชนทานไมค วรทํากรรมน้ี แลว ไมก ระทาํ กรรมชว่ั มีปาณาติบาตเปน ตนเกิดหิริข้นึ . อนึ่ง นกึ ถึงความเปน ผูกลวั อยางนี้วา ช่ือวา การกระทําความชั่วน้เี ปน การกระทาํ ของผูทมี่ กี าํ ลงั ออนแอ ผทู ่สี มบรู ณด ว ยกําลงั เชนทานไมค วรกระทํากรรมนี้ ดังนแ้ี ลว ไมกระทํากรรมช่วั มีปาณาตบิ าตเปนตน เกดิหิริข้ึน. อนึ่ง นกึ ถงึ ความเปนผูคงแกเ รียนอยา งนว้ี า ชอื่ วา การกระทาํ ความช่ัวนเ้ี ปนการกระทาํ ของอนั ธพาล. มิใชเ ปน การกระทาํ ของบณั ฑติ ผเู ปนบัณฑติ คงแกเ รียนเชนทา นไมควรกระทาํ กรรมนี้ ดงั นแี้ ลว ไมกระทําความชั่วมีปาณาตบิ าตเปน ตน เกดิ หิริข้ึน. บคุ คลยงั หริ อิ นั เกดิ ในภายในใหเ กิดขน้ึ ดว ยเหตุ ๔ ประการอยา งน้ี ก็และครัน้ ใหเกดิ แลว พจิ ารณาถึงหริ ิในจติ ของตนแลวไมก ระทํากรรมชวั่ . หริ ิ ชอ่ื วา เกดิ ขึ้นในภายในดว ยประการฉะน.ี้ ถามวา โอตตปั ปะ ช่อื วา เกดิ ในภายนอกเปนอยา งไร. ตอบวาบุคคลนึกอยูวา หากวา ทา นจักกระทํากรรมชั่วนน้ั ทานจักไดรับความติเตยี นในบริษัท ๔
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อติ ิวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 294 วิญูชนท้ังหลาย จกั ตเิ ตยี นทาน เหมอื นชาวเมือง รังเกียจของสกปรก ทา น ถูกผมู ีศีลกําจดั เสยี แลว จักเปนภกิ ษอุ ยไู ด อยางไร ดงั นี้ยอ มไมก ระทํากรรมช่วั ดวยโอตตปั ปะอันเกดิ แลว ในภายนอก. โอตตัปปะช่ือวา ต้งั ข้นึ ในภายนอก ดว ยประการฉะนี.้ ถามวา หริ ิ ช่ือวา ถอื ตนเปนใหญเ ปน อยางไร. ตอบวา กุลบุตรบางคนในโลกน้ี กระทาํ ตนใหเปนใหญ เปนหัวหนา แลว ไมทาํ กรรมช่วั ดว ยเหน็ วา ผูบวชดว ยศรัทธาเปนผูคงแกเรยี น ผูกลา วสอนธุดงค เชนทา นไมค วรทาํ กรรมชว่ั ดงั น.ี้ หิริ ช่อื วา ถอื คนเปนใหญ ดว ยประการฉะนี.้ ดวยเหตนุ ้นัพระผมู พี ระภาคเจาจึงตรสั วา โส อตฺตาน เยว อธปิ ตึ กตวฺ า อกุสลปชหติ กุสล ภาเวติ สาวชฺช ปชหติ อนวชฺช ภาเวติ สทฺธมตฺตานปรหิ รติ ความวา บคุ คลนน้ั นึกทาํ ตนเปนใหญ แลวละอกศุ ล เจรญิ กุศลละส่งิ มีโทษ เจริญส่ิงไมม ีโทษ รกั ษาตนใหบ ริสทุ ธิ์ ดังนี้. ถามวา โอตตปั ปะ ชื่อวา ถอื โลกเปน ใหญ เปน อยา งไร. ตอบวากุลบุตรบางคนในโลกนี้ นกึ ถงึ โลกเปนใหญเปน ผูเจริญ แลวไมก ระทาํ ความช่ัว.ดังทีท่ า นกลาวไววา โลกสนั นิวาสน้ใี หญน ักแล ในโลกสนั นวิ าสใหญม ีสมณพราหมณ ผูม ฤี ทธ์ิ มที พิ ยจกั ษุ รจู ิตของผอู ืน่ ทา นเหลานั้นยอมเห็นแตไกล ไมเ ห็นแมในท่ใี กล ยอ มรจู ิตดว ยจติ ทา นเหลา น้นั กจ็ ักประกาศใหรูจักเรา อยา งนีว้ า ทานทั้งหลายจงดูกลุ บุตรน้ี เขามศี รัทธาออกบวชแลวยังเกลอื กกลวั้ ดว ยอกุศลธรรมอันลามกอยูอ กี ดังน้.ี มีเทวดาผมู ีฤทธิ์ มที ิพยจักษุรจู ิตของผอู ่ืน เทวดาเหลา นั้นยอ มเห็นแมแตไ กล เขาไมป รากฏแมใ นท่ีใกลยอมรจู ิตดวยจิต เทวดาเหลา นัน้ กจ็ กั ประกาศใหร จู กั เราอยา งนีว้ า ทานทั้งหลาย
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย อติ ิวุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 295จงดูกลุ บตุ รนมี้ ศี รัทธาออกบวช แลวยังเกลอื กกลั้วดวยอกศุ ลธรรมอนั ลามกอยูอ ีกดงั นี้ กลุ บุตรนนั้ กระทาํ โลกใหเปน ใหญ แลวจึงละอกุศล ดงั นี้.โอตตัปปะถอื โลกเปน ใหญ ดวยประการฉะน้.ี ในบทวา สชชฺ าสภาวสณฺิตา น้ี พงึ ทราบอธบิ ายดงั ตอไปนี้อาการแหง ความละอายช่อื วา ลชฺชา. หิริต้งั อยูโดยสภาพนั้น ความกลวั ในอบายช่อื วา ภัย. โอตตัปปะตั้งอยูโดยสภาพน้นั ทง้ั สองอยางนัน้ เปน อันปรากฏในการเวน จากความช่วั . ในหริ แิ ละโอตตปั ปะนน้ั มีวนิ จิ ฉยั วา เหมือนอยา งวา กอ นเหล็ก ๒กอ น กอ นหน่ึงแมเยน็ ก็เปอนคูถ กอนหนึ่งรอนจัด ใน ๒ กอ นนั้น วญิ ชู นเกลยี ดกอ นที่เยน็ เพราะเปอ นคูถ จงึ ไมจบั อกี กอนหนึง่ ไมจับเพราะกลัวความรอน ฉันใด บณั ฑติ เกลยี ด ไมท าํ ความชั่วเพราะละอาย กลัวอบายไมทาํ ความชวั่ เพราะเกรงกลัว ก็ฉนั น้นั . หิรติ งั้ อยูในสภาพแหง ความละอายโอตตปั ปะตง้ั อยูในสภาพแหง ความกลวั . ถามวา หิริ มีลักษณะยาํ เกรง โอตตัปปะมลี ักษณะเหน็ ภยั อนั เปน โทษทนี่ ากลวั นัน้ อยางไร. ตอบวา จรงิ อยู บุคคลบางคนยงั หิริอันมลี กั ษณะยาํ เกรงใหเ กิดขน้ึ ดว ยเคารพในผูน ้นั โดยอาการ ๔ อยาง คือ นึกถงึ ความเปนใหญโดยชาติ ๑ นกึ ถงึ ความเปน ใหญโ ดยเปน ผสู อน ๑ นกึ ถงึ ความเปนใหญใ นมรดก ๑ นึกถงึ ความเปนใหญใ นทางประพฤตพิ รหมจรรย ๑ แลวไมทําความช่วั . บางคนกลัวโดยความเปนโทษ ดวยเหตุ ๔ อยา ง คือ อัตตานวุ าทภยั(กลัวถูกตเิ ตียนตน) ๑ ปรานวุ าทภัย (กลวั ผอู ื่นตเิ ตียน) ๑ ทณั ฑภัย (กลัวถูกลงอาญา) ๑ ทุคติภยั (กลัวตกนรก) ๑ แลว เกิดโอตตัปปะอันมลี กั ษณะเห็นภยั อันมโี ทษนากลวั แลวจึงไมทํากรรมช่ัว. อนง่ึ ในขอนีเ้ มื่อทานกลา วถึงหริ ิโอตตัปปะ อนั เกดิ ในภายในเปนตน โดยความเปน ส่งิ ปรากฏในท่ีนั้น ๆ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 742
Pages: