Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_45

tripitaka_45

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_45

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 466คาถาน้มี คี วามสังเขปดังนี้ ก็ผูใ ด ไดสมณะผูเปนปฏคิ าหก ผูเขา ไปหาแลวโดยท่ีตนเองก็มไี ทยธรรมอยูก ็ไมก ารทาํ แมเ พยี งการแจกแบงวตั ถุมขี าวเปนตน ผูน น้ั จกั ใหท านอยา งอืน่ ไดอยางไร ? บัณฑิตกลาวคือ เรียกขานเขาผูตระหน่เี หนียวแนน เหน็ ปานน้นั เปนบรุ ษุ อาธรรม เปนคนเลว วา เปน ผูเหมอื นกบั เมฆ ทีไ่ มใหฝนตก ดังนี.้ บทวา เอกจจฺ าน น ททาติ ความวา แมเ มอ่ื ของที่จะตอ งใหมีอยูม ากมาย ก็ไมย อมให แกค นบางจําพวก ดวยอํานาจแหง ความโกรธเคอื งในคนเหลา น้ัน หรอื ดวยอาํ นาจแหง ความโลภในไทยธรรม. บทวา เอกจฺจานปเวจฺฉติ ความวา แตใหแกบคุ คลบางจําพวกเทา นั้น. บทวา เมธาวโิ นไดแก คนท่ีมีปญ ญา คอื เปนบัณฑติ . บทวา สุภกิ ฺขวาโจ ความวา ผใู ดสั่งใหเขาใหข องนั้น ๆ แกย าจกทง้ั หลายผเู ขาไปหาแลว โดยนัยมีอาทิวา ทานท้งั หลาย จงใหขา ว ทา นท้งั หลายจงใหนํ้า ผนู ั้น ช่ือวา สภุ ิกขฺ วาโจ เพราะวเิ คราะหว า ผมู กี ารออกปากของา ยเหตุมีการขอท่หี าไดโดยงา ย. อาจารยบางพวกกลา ววา สุภกิ ขฺ วสฺสี ดงั นี้ ก็ม.ีชาวโลก มีภิกษาหาไดโ ดยงา ยฉันใด มหาเมฆทีย่ ังฝนใหต กชุก ทุกหนแหงยอ มชอื่ วา โปรยลงมา (ใหภ ิกษา) หางา ยฉนั นัน้ . แมบ ุคคลนก้ี ฉ็ ันน้ัน เปน ผูยงั ฝนใหต กลงในทีท่ กุ หนแหง ดวยมหาทาน (ชว ยให) หาภกิ ษาไดโดยงา ย.บทวา อาโมทมาโน ปกเิ รติ ความวา บุคคลผูมีมนัสอนั ยินดีและรา เริงแลวใหทานดว ยมือของตน ยอ มเปนเสมือนหวา นไทยธรรมลงในนาคอื ปฏคิ คาหกแมวาจากพ็ ร่ําพดู อยูวา ทานทั้งหลายจงใหทานเถดิ ทานท้ังหลายจงใหท านเถิด ดังน.ี้ พระผูมพี ระภาคเจา เมื่อจะทรงแสดงภาวะท่เี มฆใหฝ นตกทาํ ใหภกิ ษาหาไดงา ย จงึ ตรัสคํามอี าทิวา ยถาป เมโฆ ดังน้ี.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย อิตวิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 467 แมในพระคาถาน้ัน มคี วามสังเขปดังตอ ไปนี้ ฟา (มหาเมฆ) รอ งดว ยเสียงเบา ๆ กอ น แลว จงึ รองกึกกองไปทว่ั ทุกหว งน้าํ และลําธารอกี แลวโปรยฝนลงมา ไหลไปใหท ลี่ มุ และทดี่ อนทวั่ ทุกหนแหง เต็มเจิ่งไปดว ยอุทกวารีทําใหเปนหว งนาํ้ หว งเดียวกัน ฉนั ใด บคุ คลทใ่ี จกวา งบางคนในทนี่ ้ีคือในโลกนี้ กฉ็ ันน้นั เพราะเปน ผมู ีใจเสมอในคนทั่วไป เหมอื นมหาเมฆนั้นเพราะตองใหฝ นตกลงมา เปน ผูไ มเ กยี จคราน โดยทที่ รัพยเ ปนของไดมาดวยความหมัน่ คือเกดิ ขนึ้ ดวยความขยันหมั่นเพยี รของตน รวบรวมทรัพยน้นั ไวโดยธรรม คอื โดยชอบ ยงั วณิพกท้ังหลายผูถ งึ แลว คอื มาถึงแลว ใหอ มิ่ คือใหอมิ่ หนําสาํ ราญ โดยชอบ คือ พอเหมาะแกก าลเทศะ และเหมาะสมแกความตอ งการ โดยชอบทเี ดยี ว ดวยขา ว นํ้า และไทยธรรมอยางอน่ื ท่เี กดิจากทรพั ยท ร่ี วบรวมไวน ้นั ดงั นี.้ จบอรรถกถาอวุฏฐกิ สูตรที่ ๖ ๗. สขุ สูตร วาดวยผปู รารถนาสุข ๓ ประการพึงรักษาศลี [๒๕๔] จริงอยู พระสตู รน้พี ระผมู พี ระภาคเจา ตรัสแลว พระ-สูตรนพ้ี ระผมู พี ระภาคเจา ผูเปนพระอรหนั ตตรสั แลว เพราะเหตนุ น้ั ขา พเจาไดสดับมาแลว วา ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย บณั ฑิตปรารถนาสุข ๓ ประการนี้พงึ รักษาศีล ๓ ประการเปนไฉน ? คือ บัณฑติ ปรารถนาอยวู า ขอความสรรเสรญิ จงมาถึงแกเรา ๑ ขอโภคสมบัติจงเกิดขึ้นแกเ รา ๑ เมอื่ ตายไป เราจกั เขา ถึงสุคตโิ ลกสวรรค ๑ พงึ รักษาศลี ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย บัณฑติ ปรารถนาสุข ๓ ประการนแี้ ล พึงรกั ษาศีล.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย อิติวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 468 พระผูมพี ระภาคเจาไดตรสั เนอื้ ความน้ีแลว ในพระสตู รนั้น พระ-ผูมพี ระภาคเจา ตรัสคาถาประพันธดังนี้วา นักปราชญป รารถนาสุข ๓ ประการ คอื ความสรรเสรญิ ๑ การไดโ ภคทรพั ย เครื่องปล้ืมใจ ๑ ความบันเทงิ ในสวรรค ในโลกหนา ๑ พงึ รักษาศีล ถา วาบุคคล แมไ มกระทําความชั่ว แตเขา ไปเสพบคุ คล ผูก ระทาํ ความชว่ั อยูไซร บุคคลนั้น เปน ผอู ัน บุคคลพงึ รังเกยี จในเพราะความชัว่ และโทษของบคุ คลผูเสพคนชั่วนี้ ยอ ม งอกงาม. บุคคลยอ มกระทําบุคคลเชนใดให เปน มติ ร และยอ มเขา ไปเสพบุคคลเชน ใด บุคคลนั้นแลเปน ผเู ชนกับดวยบุคคลนน้ั เพราะวา การอยรู วมกนั เปนเชนนน้ั คนช่วั ซอ งเสพบุคคลอนื่ ผบู รสิ ุทธิ์โดยปกตอิ ยู ยอ มทาํ บคุ คลอนื่ ผบู ริสุทธิโ์ ดยปกตทิ ี่ ซอ งเสพตน ใหติดเปอนดวยความชว่ั เหมอื นลกู ศรท่แี ชย าพษิ ถูกยาพษิ ติดเปอ น แลว ยอมทําแลง ลูกศรซงึ่ ไมต ดิ เปอนแลว ใหตดิ เปอ นดวยยาพิษ ฉะนน้ั .

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย อติ วิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 469 นกั ปราชญไ มพ ึงเปน ผูม ีคนชั่วเปน เพ่ือนเลย เพราะความกลัวแตการเขา ไป ตดิ เปอน คนใดหอปลาเนาไวดว ยใบหญา คา แมห ญา คาของคนนนั้ ยอ มมีกลิ่นเหม็น ฟงุ ไป การเขาไปซองเสพคนพาล ยอม เปนเหมอื นอยางนน้ั สวนคนใดหอ กฤษณา ไวดวยใบไม แมใบไมของคนนน้ั ยอมมี กลิ่นหอมฟุงไป การเขาไปซอ งเสพ นกั ปราชญยอ มเปน เหมอื นอยางน้นั เพราะ เหตนุ นั้ บณั ฑติ รคู วามสําเร็จผลแหง ตน ดุจหอ ใบไมแ ลว ไมพ งึ เขาไปเสพอสตั - บุรษุ พึงเสพสตั บุรุษ เพราะวาอสตั บุรษุ ยอมนําไปสนู รก สตั บุรษุ ยอ มใหถงึ สุคต.ิ เนอ้ื ความแมนี้พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสแลว เพราะเหตนุ นั้ ขา พเจาไดส ดบั มาแลว ฉะนน้ั แล. จบสุขสตู รท่ี ๗

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย อติ วิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 470 อรรถกถาสุขสตู ร ในสุขสตู รท่ี ๗ พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยดังตอไปน้ี :- บทวา สขุ านิ ไดแ ก เหตแุ หง ความสุข. บทวา ปตฺถยมาโนความวา ปรารถนาอยู คือ จํานงหมายอย.ู บทวา สีล ไดแก ทั้งศีลของคฤหสั ถ และศลี ของบรรพชติ อธบิ ายวา ถาเปน คฤหัสถ ก็ตองรักษาศลี ของคฤหัสถ ถา เปน บรรพชติ ก็ตอ งรกั ษาจาตุปารสิ ทุ ธศิ ลี . บทวา รกฺเขยฺยความวา สมาทานแลวไมล วงละเมิด รักษาไวดวยดนี น่ั เอง. บทวา ปส สา เม อาคจฺฉตุ ความวา ผูฉลาดคอื ผมู ปี ญญาปรารถนาอยวู า ขอกิตตศิ พั ทอันดงี ามของเราจงมาถงึ ดังนี้ รกั ษาศีล. อธิบายวากิตติศพั ทอนั ดีงามของคฤหสั ถผมู ศี ีล ยอ มฟงุ ขจรไปในทา มกลางบรษิ ัท โดยนยั มอี าทวิ า บตุ รของตระกูลโนน ชือ่ โนน เปนผูมศี ลี มีกัลยาณธรรม มีศรัทธา เลอื่ มใสแลว เปนผใู ห (ทาน) เปนผบู ําเพ็ญ (บญุ ) ดงั น้กี อนกติ ตศิ ัพทอันดงี ามของบรรพชิต ยอมฟุง ขจรไปในทา มกลางบรษิ ทั โดยนยั มีอาทวิ า ภกิ ษชุ ือ่ โนนเปนผมู ศี ีล สมบูรณดวยวตั ร สงบเสงยี่ ม อยูรว มดวยสบายมีความเคารพ มคี วามยาํ เกรง ดงั นี้ . สมจริงดังทต่ี รัสไวว า ดกู อ นคฤหบดีทงั้ หลาย ยังมอี ีกขอ หนึง่ กิตติศัพทอ ันดีงามของผมู ีศีล สมบรู ณดวยศลียอมฟงุ ขจรไป ดังน.ี้ อนงึ่ ดงั ทต่ี รสั ไวมอี าทิวา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ถาหากภิกษุพงึ หวังอยูวา ขอเราพงึ เปนทรี่ ัก เปน ท่ีพอใจ เปน ท่ีเคารพ และเปนทนี่ บั ถือของเพ่อื นพรหมจารที ง้ั หลายดังน้ไี ซร เธอตองเปนผูท ําใหบริบรู ณในศลี ทง้ั หลายน่ันเอง.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาที่ 471 พึงทราบวินจิ ฉัยในบทวา โภคา เม อุปปฺ ชฺชนฺตุ น้ี ดังตอไปนี้กอ นอ่นื เมอ่ื คฤหัสถผูมศี ีล มกี ลั ยาณธรรมอยู เขาเลี้ยงชวี ติ ดว ยศิลปะและความหมั่นขยันใด ๆ เชน กสกิ รรม พาณิชยกรรม และรับราชการ เม่ือเปนเชนนั้น โภคะทั้งหลายทีย่ งั ไมเกดิ ยอมเกดิ ขน้ึ แกเขา และโภคะท่ีเกดิ ข้ึนแลวจกั ถงึ ความเจริญขึน้ เพราะความเปนผูไมประมาทในศิลปะ และความหมน่ั ขยนั นั้น ตามกาลและตามวชิ .ี สว นบรรพชติ เม่อื สมบูรณด ว ยศีลาจารวตั รมปี กติไมประมาทอยู มนุษยทง้ั หลายผเู ล่อื มใสแลว ในความถึงพรอมดว ยศีลและคณุ มคี วามมกั นอ ยเปน ตน ของบรรพชติ ผูสมบูรณดว ยศลี จะนาํ ปจ จยัมาใหอยางมโหฬาร เมอ่ื เปน เชน นั้น โภคะทยี่ งั ไมเกดิ ขึ้น ยอมเกดิ ขึ้นแกบรรพชิตน้ัน และทเ่ี กิดขึน้ แลวกจ็ ะม่ันคง สมดังที่ตรัสไววา ดูกอ นคฤหบดีท้งั หลาย อกี ประการหน่ึง ภิกษุผมู ศี ลี สมบรู ณดว ยศีล จะประสบกองแหงโภคะใหญ มีความไมประมาทเปนเหตุ ดังน้ี. อนึง่ สมดังท่ีตรัสไววา ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถาภิกษพุ งึ หวังวา เราจักเปน ผูได จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะและคลิ านปจ จยั เภสัชบริขาร ดงั น้ไี ซร เธอตอ งเปน ผทู ําใหบรบิ ูรณในศลีท้งั หลาย ดังน.้ี คาํ ท่ีเหลอื มีนัยดังกลาวแลว ท้งั น้นั . พึงทราบวินิจฉยั ในคาถาทั้งหลายดงั ตอไปนี้ บทวา ปฏ ยาโน ไดแ กปฏยนฺโต แปลวา ปรารถนาอย.ู บทวา ตโย สุเข เทากับ ตณี ิ สขุ านิแปลวา ความสุข ๓ ประการ. บทวา จิตตฺ ลาภ ความวา ไดท รพั ย อธิบายวาการเกิดขึน้ แหงโภคทรัพย. ก็โดยขอท่แี ตกตางกนั บรรดาความสขุ ทั้ง ๓อยา งน้ี พงึ ทราบวา ทรงถอื เอา เจตสิกสขุ ดว ยการสรรเสริญ กายิกสขุดว ยโภคะ อปุ ปต ติสขุ ดวยศัพทนอกน้ี อน่งึ พึงทราบวา ทรงถือเอาสุขในปจจุบนั ดว ยศัพทแ รก สขุ ในสมั ปรายกิ ภพ ดว ยศพั ทท ี่ ๓ สขุ ทง้ั สองอยา ง ดว ยศัพทท่ี ๒.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย อติ วิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 472 บัดนี้ พระผมู พี ระภาคเจา เม่ือจะทรงแสดงการเวน จากปาปมิตร และการคบหากลั ยาณมติ ร ทีเ่ ปน เหตพุ เิ ศษของการสรรเสรญิ เปนตน เหมอื นศีลทเี่ ปน เหตุ (ธรรมดา) ของการสรรเสรญิ เปน ตน พรอ มดว ยโทษและอานิสงสจึงตรสั คาํ มอี าทวิ า อกโรนฺโต ดงั นี.้ บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา สงกฺ ิโย ความวา เขาพึงถกู รงั เกียจในเพราะความชั่ววา คนน้ที ําชว่ั มาแลว หรอื จกั กระทาํ ตอไปเปน แน. อน่งึเพราะเขาไปมาหาสูอ ยกู บั คนช่ัวท้ังหลาย. บทวา อสฺส ความวา การกลาวโทษแมไ มเปนจรงิ ยอมงอกงามคือถึงความงอกงามไพบลู ย ไดแ กแ ผไ ปเบื้องบน ของบคุ คลผคู บหาคนชวั่ นี้หรือบุคคลนน้ั เพราะคบหาสมาคมกบั คนชั่วเปนปกติ. อีกอยา งหน่ึง บทวาอสสฺ เปนฉฏั ฐีวภิ ัตติ ลงในอรรถแหง สัตตมีวภิ ัตติ ไดความวา ในบุคคลนน้ั .บทวา สเว ตาทสิ โก โหติ ความวา ผใู ดคบและเขาไปคบหาปาปมิตรหรือกลั ยาณมิตร เชน ใด บุคคลนนั้ กจ็ ะเปน เชน น้นั คือมบี าปธรรม หรือมีกลั ยาณธรรม เหมือนนํ้าที่สะอาดและสกปรก ดว ยสามารถแหงพนื้ ที่. เพราะเหตุไร ? เพราะการอยูรวมกัน เปนเหตุใหเปนเชนนน้ั . อธิบายวา การอยูรว มกนั กบั คนชั่วชา ไมควรทาํ เพราะการอยรู ว มกนั คือการคลุกคลีกนั ไดแกการสนิทสนมกัน เปน เหตุใหร ับเอากิรยิ าอาการของคนทคี่ บ ทีเ่ ปน อปุ นสิ ัยของตน เหมือนแกวผลกึ และแกวมณที ่อี ยูรวมกันฉะนน้ั . บทวา เสวมาโน เสวมาน ความวา คนชัว่ เมื่อคบบุคคลอ่ืนที่บรสิ ทุ ธ์ิตามปกติ ทคี่ บตนอยตู ลอดกาลเวลา หรอื ท่ีเขาคบอยู (ยอมทาํ ใหเขาแปดเปอ น). บทวา สมผฺ ุฏโ สมผฺ สุ  ความวา คนช่วั ทีบ่ ุคคลผบู รสิ ุทธิ์ตามปกตนิ ัน้ สัมผัสเขา ดวยการอยูรว มกนั คอื คบหาสมาคมกัน แมตนเองเมอื่ สมั ผสั เขาอยอู ยางน้นั . บทวา สโร ทฏุ โ  กลาป วา ความวา อุปมา

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 473เสมือนหนง่ึ วา ลกู ศรอาบคอื เปอ นยาพิษ จะแปดเปอ นแลง ศร คอื ทรี่ วม(กระบอก) ลกู ศร แมท ่ียังไมแปดเปอ น ซ่ึงคนถกู ตอ งแลวฉันใด ตนเองก็ฉันน้นั ยอ มแปดเปอ นคนอื่นทบี่ รสิ ทุ ธ์ิ โดยปกติดวยความชั่ว. บทวาอปุ เลปภยา ธีโร ความวา คนช่ือวา ธีระ เพราะเปน ผสู มบรู ณด วยปญญาเคร่ืองทรงจาํ คือคนทเ่ี ปน บณั ฑิต ไมค วรมคี นชัว่ เปน สหาย. บทวา ปูติมจฉฺ กสุ คฺเคน ความวา ผูใดเอาปลายหญา คาผูกปลาท่ีเปน ปลาเนา โดยเปน ของนา เกลยี ด คอื ผกู โดยพนั ใหเ ปนหอ หญาคาเหลา น้ันของผนู ้ัน ถึงไมเนากช็ ือ่ วา เหม็น เพราะหอปลาเนา เขา ไว จะสงกล่ินเหม็นตลบไปทีเดียวฉนั ใด. บทวา เอว พาลูปเสวนา ความวา การคบหาสมาคมกบั คนพาลพงึ เห็นวา มอี ุปมาฉันนนั้ . บทวา เอว ธีรปู เสวนา ความวา การคบหาสมาคมกับบัณฑิต ของผูไมมีศีลตามปกติ ยอมเปน เหตใุ หก ลนิ่ ศลี ฟุงขจรไปดว ยสามารถแหงการสมาทานศลี เปนตน . เหมอื นใบไมถ งึ จะไมม ีกลนิ่ หอมแตก็ชื่อวามกี ล่นิ หอมฟุงขจรไป เพราะหอกฤษณาไวฉ ะน้นั . บทวา ตสฺมา ความวา เพราะเหตทุ ี่การคบมติ รท่ีไมดี มโี ทษเชนน้ีและการคบมิตรท่ีดี มีอานิสงสอยา งนี้ คือเชน นี้ ฉะน้นั บณั ฑติ รูผลของตนดวยการระคบกัน แหงวตั ถทุ ีม่ กี ล่ินเหมน็ และกล่นิ หอม และการคบหาสมาคมกบั คนดี และคนไมดี ดจุ หอ (ปลาราและกฤษณา) ดวยใบไม คือเหมือนหอปลารา และกฤษณา (ดว ยใบไม). บทวา ตฺวา สมฺปากมตฺตโน ความวาบณั ฑติ รูคอื ทราบความสําเร็จผลของตนท่ีมที กุ ขเปน กําไร และมสี ขุ เปน กําไรแลวไมค วรคบหาอสตั บุรษุ คือมติ รชัว่ ควรเสพแตสตั บรุ ุษคือบณั ฑิตผูสงบระงับแลว ผมู โี ทษอันคลายแลว หรอื ผทู ่ีนกั ปราชญสรรเสริญแลว. สมจรงิดงั ที่พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวว า อสัตบรุ ุษนาํ ไปสูน รก สว นสัตบรุ ษุ ใหถึงสุคติ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อติ ิวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 474 ดังนั้น พระผมู ีพระภาคเจา ครน้ั ทรงแสดงเหตุแหง ความสขุ ๓ อยา งตามทก่ี ลา วมาแลว ดวยพระคาถาแรก แลวทรงแสดงเหตุเปนท่ีมาแหงความสขุความสรรเสรญิ พรอ มกับการงดเวน ธรรมท่ีเปน ปฏิปก ษ (ตอ ความสุข) ดวยพระคาถา ๕ พระคาถา ตอจากนน้ั แลวจึงทรงแสดงความสขุ สดุ ทา ย พรอ มดว ยเหตเุ ปนทีป่ ระสบความสขุ แมทัง้ ๓ อยาง ดวยพระคาถาสดุ ทา ย. จบอรรถกถาสุขสตู รท่ี ๗ ๘. ภนิ ทนสูตร วาดวยสง่ิ ทต่ี องแตกเปนธรรมดา [๒๕๕] จริงอยู พระสูตรนี้พระผูมพี ระภาคเจาตรสั แลว พระสูตรนพี้ ระผูมีพระภาคเจาผูเ ปน พระอรหนั ตตรัสแลว เพราะเหตุนั้น ขาพเจาไดสดับมาแลววา ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กายนมี้ คี วามแตกเปน ทีส่ ดุ วิญญาณมีการคลายไปเปนธรรมดา ขันธบัญจกทั้งปวงไมเ ท่ียง เปน ทกุ ข มคี วามแปรปรวนไปเปน ธรรมดา. พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรสั เนอื้ ความน้แี ลว ในพระสูตรนัน้ พระ-ผมู ีพระภาคเจา ตรสั คาถาประพันธดงั นวี้ า ภกิ ษรุ กู ายวา มีความแตกไปเปน ทีส่ ดุ และรวู ิญญาณวามีความยอ ยยับไป เห็นภัย ในขนั ธบญั จกทั้งหลายแลว ลว งชาตแิ ละ มรณะเสยี ได มตี นอนั อบรมแลว จาํ นง

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อิติวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาที่ 475 อยูซ่งึ การเปน ทดี่ ับขนั ธ เพราะบรรลถุ ึง ความสงบอยางยิ่ง. เน้อื ความแมน้พี ระผมู พี ระภาคเจา ตรัสแลว เพราะเหตุนัน้ ขาพเจาไดส ดับมาแลว ฉะนีแ้ ล. จบภินทนสูตรท่ี ๘ อรรถกถาภินทนสตู ร ในภนิ ทนสตู รท่ี ๘ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดังตอ ไปน้ี :- บทวา ภทิ รุ าย ตดั บทเปน ภิทโุ ร อย . บทวา กาโย ไดแ กรูปกาย. กร็ ปู กายนน้ั ชอ่ื วา กาย เพราะอรรถวา เปน ท่ปี ระชมุ แหง อวัยวะนอ ยใหญท ั้งหลาย มีผมเปน ตนดว ย และช่อื วา กาย เพราะมวี เิ คราะหว าเปนอายะ คือ เปนแหลง เกิดแหงของนา เกลียดนาชังทัง้ หลายอยา งนีบ้ าง. ในคาํ วากาย น้ัน มอี รรถพจนด ังตอ ไปน้ี อาการชือ่ วา อาโย เพราะเปน ทมี่ า.ถามวา อะไรมา. ตอบวา สิง่ ที่นา เกลียดมีผมเปนตนมา. ดงั น้นั อาการชอ่ื วากาย เพราะเปนที่มาแหง ของนา เกลยี ดท้ังหลาย ดงั นบ้ี าง. แตโดยใจความแลวไดแ ก กองแหง ธรรมท้งั หลาย คือภตู รูป และอุปาทายรปู ทีเ่ ปนไปอยู ดวยอาํ นาจแหงสนั ตติ ๔ อยา ง. มีพทุ ธาธิบายดงั นว้ี า ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย รูปกายทสี่ าํ เร็จดว ยมหาภตู ทัง้ ๔ น้ี มีการแตกดับ มีการแตกสลายไปเปนสภาพ มีการกระจัด กระจายไปทุกขณะเปน สภาพ. ปาฐะวา ภทิ ุราย ดงั นกี้ ม็ .ีเน้อื ความก็อยา งนัน้ นน่ั แหละ. บทวา วิ ฺาณ ไดแ ก กศุ ลจติ เปน ตน ที่เปน ไปในภูมิ ๓. สวนอรรถพจนม ดี งั ตอ ไปน้ี จติ ช่อื วา วิญญาณ เพราะรูชดั

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อติ วิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 476ซง่ึ อารมณน ้นั ๆ เพราะวาการแยกความรสู ึกออกจากความจาํ ได คือการรชู ดัอารมณ ไดแกญาณ (อุปลทั ธ)ิ ชื่อวา วิญญาณ. บทวา วริ าคธมมฺ  คอืมกี ารเสอื่ มคลายเปน ธรรมดา อธบิ ายวา มีการแตกดบั ไปเปน ธรรมดา. บทวาสพเฺ พ อปุ ธีติ ความวา อปุ ธเิ หลา น้คี ือ อปุ ธิคือขนั ธ อปุ ธิคอื กเิ ลสอปุ ธคิ ืออภิสงั ขาร (กรรม) อุปธิคอื เบญจกามคุณ ทหี่ มายรกู ันวา อปุ ธิเพราะอรรถวา เปน ที่เขาไปทรงทกุ ขไ ว แมท งั้ หมดไดแ กอุปาทานขันธ กิเลสเปนอภสิ ังขารเปนเบญจกามคณุ ชอ่ื วา ไมเทีย่ ง เพราะอรรถวามีแลว กลับไมม ี.ช่ือวาเปน ทกุ ข เพราะอรรถวาเกดิ ขึน้ และเส่ือมไป และบีบคน้ั ชอื่ วามคี วามแปรปรวนไปเปน ธรรมดา เพราะอรรถวา ละปกติเหตเุ ปนสภาวะทต่ี องเปลย่ี น-แปลงไปดว ยเหตุ ๒ ประการ คือ ชรากบั มรณะ. ดวยประการดงั ท่ีพรรณนามาน้ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสถงึ วาระแหงการพิจารณา (สัมมสั สนญาณ) ตามอธั ยาศัย แหงบุคคลผรู อู ยา งนัน้ โดยมขุคือ อนจิ จานปุ ส สนา และทกุ ขาวิปส สนา ทรงแยกรปู ธรรมและวิญญาณออกจากกนั แลวทรงรวมธรรมอนั เปนไปในภูมิ ๓ แมท ั้งหมดเขา เปน อันเดยี วกนัโดยทรงจาํ แนกออกเปน อปุ ธอิ กี เพราะบรรดาลักษณะทั้ง ๓ นี้ อนิจจลักษณะเห็นไดงาย. ก็ในบรรดาลกั ษณะทัง้ ๓ น้ี ลกั ษณะ ๒ อยางเทา นน้ั มมี าในพระบาลี กจ็ รงิ ถึงกระนน้ั โดยพระบาลวี า สง่ิ ใดเปนทกุ ข ส่ิงน้นั เปนอนตั ตาพงึ เขา ใจวา แมอ นตั ตลักษณะ พระองคกท็ รงแสดงไวแลว เหมือนกันดวยทกุ ขลักษณะนัน่ เอง. พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในพระคาถาดังตอไปนี้ บทวา อุปธสี ุ ภย ทิสวฺ าความวา เห็นภยั ในอปุ ธิทั้ง ๓ ดวยสามารถแหง ภยตปู ฏฐานญาณ คือเหน็ ความทอี่ ุปธเิ หลา นัน้ เปนของนากลวั . พระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงวิปส สนาท่ีมี

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อิติวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 477กําลังไว ดว ยบทวา อุปธสี ุ ภย ทิสฺวา น.ี้ เพราะพระผูม พี ระภาคเจาทรงจําแนกภยตปู ฏฐานญาณนนั่ แหละออกไปแลว ตรสั วปิ สสนาท่มี ีกําลัง เปนอาทนี วานปุ สสนา ๑ นพิ พทิ านุปส สนา ๑ โดยเปน ญาณทแี่ ปลกกนั . บทวาชาตมิ รณมจจฺ คา ความวา ภกิ ษพุ ิจารณาอยางนอ้ี ยู จะสบื ตอวิปส สนาญาณดวยมรรค แลว จะบรรลุอรหัตผล ตอจากมรรคนนั้ ไป ยอ มชอื่ วา เปนผูลวงพนชาติ และมรณะไดล ว งพน ไดอยา งไร ? บทวา สมปฺ ตวฺ า ปรม สนฺตึความวา เพราะบรรลุสันติธรรม อันยอดย่งิ คอื สูงสุด ไดแกไ มม ีธรรมอ่ืนยง่ิ กวา คอื พระนพิ พานอันเปนทีร่ ะงบั สังขารทง้ั มวล และภิกษนุ ้ันเปน อยา งนี้.บทวา กาล กงฺขติ ภาวติ ตฺโต ความวา ภิกษุช่อื วา มตี นอบรมแลวเพราะความเปน ผูมีกายอนั อบรมแลว ดว ยศลี สมาธิ และปญญา เหตทุ ีส่ ําเร็จการบรรลุภาวนา ดวยสามารถแหงอริยมรรค ๔ ไมอาลัยถึงความตาย และความเปน อยู ยอ มจาํ นงหวัง คือเล็งเห็นกาลกริ ยิ า ดวยขนั ธปรนิ พิ พานของตนถา ยเดียว. เธอไมมคี วามปรารถนาในอะไร ๆ ดงั น้ี ดว ยเหตนุ ้นั พระผมู -ีพระภาคเจาจงึ ตรัสวา เราตถาคตไมคาํ นงึ ถงึ ความตาย ไม คาํ นึงถงึ ชวี ิต มุง แตก าลกริ ิยา (ขนั ธ- ปรนิ พพาน) อยางเดยี ว เหมือนลูกจา ง มุงแตคา จา งเทา นัน้ ดงั นี้. จบอรรถกถาภินทนสตู รท่ี ๘

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อติ วิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 478 ๙. ธาตสุ ตู ร วา ดว ยสัตวทั้งหลายเสมอกันโดยชาติ [๒๕๖] จริงอยู พระสตู รนพ้ี ระผูม พี ระภาคเจาตรสั แลว พระสตู รน้ีพระผมู ีพระภาคเจาผเู ปน พระอรหนั ตต รัสแลว เพราะเหตนุ น้ั ขา พเจา ไดสดับมาแลว วา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย สัตวทง้ั หลายยอ มเทยี บเคยี งกัน เสมอกันกับสัตวท ้งั หลายโดยธาตแุ ล คือ สัตวผูม อี ัธยาศัยเลว ยอมเทยี บเคยี งกันเสมอกนั กับสัตวผูมีอธั ยาศยั เลว สตั วผ มู ีอธั ยาศยั ดี ยอมเทียบเคียงกันกบั สัตวผมู อี ัธยาศยั ดี ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย แมใ นอดีตกาล...แมในอนาคตกาล...แมในปจจุบนั กาล สตั วท ั้งหลายยอ มเทยี บเคียงกัน เสมอกันกับสตั วทงั้ หลายโดยธาตแุ ล คือ สตั วผมู ีอธั ยาศัยเลว ยอมเทียบเคียงกัน เสมอกันกับสตั วผ ูมอี ธั ยาศยั เลว สัตวผมู ีอธั ยาศยั ดี ยอมเทียบเคยี งกัน เสมอกันกบั สัตวผูมีอธั ยาศยั ด.ี พระผมู ีพระภาคเจา ไดต รสั เน้อื ความน้ีแลว ในพระสูตรน้นั พระ-ผมู พี ระภาคเจา ตรัสคาถาประพนั ธด งั นวี้ า กิเลสเกิดเพราะความเก่ยี วขอ ง บุคคลยอมตัดเสียไดเ พราะความไมเ กีย่ ว- ขอ ง แมบ คุ คลผูมีความเปน อยดู ี แตอ าศัย บุคคลผูเกียจครา นยอ มจมลงในสมุทร คือ สงสาร เปรียบเหมอื นบุคคลขึ้นสูแพไม นอย ๆ พึงจมลงในมหรรณพ ฉะน้ัน เพราะเหตนุ นั้ บุคคลพึงเวน บุคคลผู

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อติ วิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 479 เกยี จครา นมคี วามเพยี รอันเลวนั้นเสีย พึง อยรู วมกับพระอริยเจา ทง้ั หลาย ผูสงดั แลว ผมู ใี จเด็ดเดยี่ ว ผูมีปกตเิ พง ผูปรารภ ความเพยี รเปน นิตย ผเู ปน บัณฑิต. เน้ือความแมนพ้ี ระผมู ีพระภาคเจา ตรัสแลว เพราะเหตุน้ัน ขา พเจาไดส ดับมาแลว ฉะน้ีแล. จบธาตุสตู รท่ี ๙ อรรถกถาธาตสุ ตู ร ในธาตุสตู รท่ี ๙ พงึ ทราบวินิจฉยั ดงั ตอไปนี้ :- บทวา ธาตุโส ความวา โดยธาต.ุ ธาตคุ ืออธั ยาศัย คอื สภาพของอัธยาศยั ท่ีตรสั เรียกวา อธมิ ุตตบิ า ง พระองคทรงประสงคเอาวา ธาตุ (ในพระสตู รนี)้ . บทวา ส สนฺทติ ความวา เขากนั ได คือรวมกนั ได ตามธาตุคอื ตามอัธยาศยั เพราะมีธาตมุ ีสว นเสมอกันนั้น. บทวา สเนนตฺ ิ ความวาเปน ผูม ีความคดิ รว มกัน สมาคมกนั ได คอื คบหากันได ไดแ กเขาไปหากันไดเพราะความเปนผูม ีอธั ยาศยั เสมอกันน่นั เอง อกี อยางหนึ่ง ปรบั ความชอบใจ(รสนิยม) ความอดทน และความเห็นใหเ สมอกนั ในเรื่องนั้น ๆ. บทวาหีนาธิมุตตฺ กิ า ความวา ช่ือวามีอธิมตุ ติทราม เพราะมีความโนมเอยี งในธรรมทีต่ ่าํ ทราม มีกามคณุ เปน ตน คอื มีอัธยาศัยต่าํ . บทวา กลยฺ าณาธ-ิมุตตฺ ิกา ความวา ช่อื วา มีอธมิ ุตตดิ ี เพราะมคี วามโนม เอียงในธรรมอนั งามมีเนกขัมมะเปน ตน คือ มีอัธยาศยั ประณีต. อธบิ ายวา ถา อาจารยแ ละอปุ ชฌาย

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย อิติวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 480เปนคนไมม ศี ีล แตอ นั เตวาสิกและสทั ธิวหิ ารกิ เปน ผูม ีศีล อันเตวาสกิ และสัทธิวิหารกิ เหลา นน้ั ยอ มไมเ ขาไปหาอาจารยแ ละอปุ ช ฌาย จะเขาหาเฉพาะแกภกิ ษผุ มู ี (สมณ) สารปู เชนตน. กถ็ า อาจารยและอุปชฌายเปนผูมีศลีอนั เตวาสิกและสทั ธิวหิ ารกิ นอกนเ้ี ปน ผูไมมศี ลี แมอนั เตวาสกิ และสัทธิวหิ ารกิเหลานัน้ จะไมเขาไปหาอาจารยและอปุ ช ฌาย จะเขา ไปหาเฉพาะผูมีอธั ยาศัยตาํ่เชนเดียวกบั ตนเทา นนั้ . พระผมู พี ระภาคเจา เมือ่ จะทรงแสดงวา การเขา ไปหาอยา งน้ี จะมีเฉพาะในปจ จบุ ันอยางเดียวกห็ ามิได โดยทแ่ี ทแ ลว แมในอดตี และอนาคตก็มีดงั น้ี จงึ ตรัสวา อตตี มฺป ภิกขฺ เว ดงั นเ้ี ปนตน. โดยสงั เขปแลว ผตู ัง้ ม่นัในสังกเิ ลสธรรม ช่อื วาเปนผมู อี ัธยาศัยชัว่ ผตู ั้งมัน่ ในโวทานธรรม ชอ่ื วามีอธั ยาศยั งาม. ถามวา กก็ ารที่คนทุศีลคบคนทุศีลเทา น้นั การท่คี นมีศีลคบคนมศี ีลเทา นนั้ การทค่ี นมีปญญาทราม คบคนทมี่ ีปญ ญาทรามเทา นั้นการท่ีคนมปี ญญา คบคนท่ีมปี ญญาเทา นั้น นี้ใครกาํ หนด. ตอบวา ธาตุคอื อัธยาศยั กาํ หนด. เลากันวา ภกิ ษหุ ลายรปู เทย่ี วภกิ ษาจารในบานหมูหนึง่ . คนเหลา น้ันนําภัตรเปนอนั มากมาใสจ นเต็มบาตร กลา ววา ขอพระคุณเจา ทง้ั หลายฉนัตามสว น (ที่ตองการ) แลว สงไป. ภิกษุท้ังหลายพดู กนั วา อาวุโสทง้ั หลายคนทั้งหลายประกอบการงานที่เหมาะสมกบั ธาตุ (อธั ยาศัย) ดงั น้.ี ธาตคุ ืออัธยาศยั ยอ มกาํ หนด (งานทีท่ ํา) อยา งน้ี. บณั ฑิตพงึ แสดงความโดยธาตุ-สงั ยุต ดงั ตอ ไปน้ี กพ็ ระผูมพี ระภาคเจาบันทมบนพระแทนประชวร บนภูเขาคิชฌกูฏ ทอดพระเนตรดู พระโมคคัลลานะและพระสารบี ตุ ร ที่เฝา ถวายอารกั ขา แตล ะรปู จงกรมอยกู ับบริษทั ของตน จึงตรัสเรยี กภกิ ษุทัง้ หลายมาวาดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย พวกเธอเหน็ หรือไม พระสารบี ุตรจงกรมอยูก บั ภกิ ษ-ุ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย อติ ิวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาที่ 481ทั้งหลายจาํ นวนมาก ภิกษเุ หลา น้ันกราบทลู วา เห็นพระเจา ขา . ตรสั วา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ภิกษเุ หลาน้ที งั้ หมดแล ลว นมปี ญ ญามาก ดังน้ี ควรนําเรื่องทัง้ หมดมาแสดงโดยพสิ ดาร. พึงทราบวินจิ ฉยั ในคาถาท้งั หลายตอไปน้ี บทวา ส สคฺคา ความวาเพราะสังกเิ ลส คอื เพราะประกอบรว มกัน ดว ยสามารถแหงการอยรู วมกนัเปน ตน . อีกอยา งหนง่ึ เพราะคลุกคลกี ันในการคลกุ คลี ๕ อยาง อยางใดอยา งหน่ึงอยา งน้ี คือ ทสั สนสงั สคั คะ (คลกุ คลดี วยการเหน็ ) สวนสัง-สัคคะ (คลุกคลีดวยการฟง) สมุลลาปนสงั สัคคะ (คลกุ คลีดวยการเจรจา)สมั โภคสังสคั คะ (คลุกคลดี วยการใชรวม) กายสงั สัคคะ (คลกุ คลดี วยกาย).บทวา วนโถ ชาโต ความวา กิเลสเกิดข้ึน เพราะยังไมไ ดถ อนขึน้ ดวยมรรค.บทวา อส สคเฺ คน ฉชิ ฺชติ ความวา กิเลสขาดไปในตอนตน โดยการงดการคลกุ คลีกนั มกี ายวเิ วกเปน ตน แลวขาดไปคอื ละไดอีก ดว ยการไมเกย่ี วของโดยสว นเดียว คือดว ยสมจุ เฉทวิเวก. โดยสังเขป การเกิดขึ้นและการดบั ไปแหง อธั ยาศัยท่ีตา่ํ เปนอันพระองคท รงแสดงแลว โดยสังเขป ดว ยคาํ เพียงเทา นี้ .ก็เพราะเหตุท่ีภกิ ษุเหลา น้นั เปนผูคลุกคลีกัน และกเิ ลสเหลา นน้ั ก็เกิดขน้ึและเจรญิ ข้นึ ดว ยอาํ นาจแหงความเกยี จครา น มใิ ชด ว ยอาํ นาจแหงการปรารภความเพียร ฉะน้นั ภิกษุเวน บุคคลผมู อี ธั ยาศัยตาํ่ ผเู กยี จครานแลวคบหาผูม ีอธั ยาศยั งาม ผูป ระกอบความเพยี ร พงึ ตัดกเิ ลสอันเกดิ จากการคลุกคลกี ันไดดว ยการไมคลุกคลีกัน ดงั นี้. พระผูมพี ระภาคเจา เม่ือทรงแสดงเนื้อความ ตามทีก่ ลาวแลว โดยพิสดารจงึ ไดตรสั คาํ มอี าทิวา ปรติ ฺต ทารุ เพือ่ ประกาศโทษแหง การคบหาผเู กยี จครานกอ น.






































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook