Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_45

tripitaka_45

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_45

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อติ วิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาที่ 94สพั พวสิ ยั (ทงั้ หมดเปนบางสว น) อายตนสพั พวสิ ัย (ทง้ั หมดเฉพาะอายตนะ)สกั กายสพั พวิสยั (ท้ังหมดเฉพาะสักกายะ). ในวิสยั เหลา นัน้ วสิ ยั อันมาแลว ในสัพพสพั พวิสัย ดงั ในบทมีอาทวิ า ธรรมทงั้ ปวงมาสพู ระญาณของพระผมู ีพระ-ภาคเจาผเู ปนพทุ ธะโดยสิ้นเชงิ . มาในสัพพปเทสวิสยั ดงั ในพุทธพจนมีอาทิวา ดกู อ นสารบี ุตร เราไดกลา วแลว เปน บางสว นแกพ วกเธอ มาในอายตน-สัพพวิสัย ดงั ในพุทธพจนม อี าทิวา ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย เราจักแสดงจกั ษุ รปูฯลฯ ใจและธรรมทงั้ หมดแกพวกเธอ. มาในสกั กายสพั พวิสัยดังในพทุ ธพจนมอี าทวิ า ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย เราจักแสดงธรรมบางสวนอันเปน มูลแหงธรรมทั้งปวง. สพั พศัพทอันมาในสัพพสพั พวิสยั น้ันช่ือนิปปเทสวสิ ยั . มาใน ๓ วสิ ยันอกนั้น ช่ือสปั ปเทสวสิ ยั . แตในท่นี ีพ้ ึงทราบวา มาในสกั กายสัพพวิสยั . ก็บทวา สพฺพ ในที่นีท้ านถอื เอาธรรมเปนไปในภมู ิ ๓ อนั เปนอารมณแ หงวปิ สสนาโดยไมมสี ว นเหลือ. บทวา อนภิชาน ความวา ภิกษุไมรูย่งิ ธรรมท่ีควรรูท้งั ปวง โดยความเปน จริงไมว ิปรติ คอื ไมรูดวยญาณอันวิเศษยิง่ มีอาทิวาธรรมเหลานี้เปนกศุ ล เหลา น้ีเปนอกุศล เหลานมี้ ีโทษ เหลาน้ไี มม โี ทษ และมีอาทิวา เหลานีเ้ ปนธาตุ ๑๘ น้เี ปนทุกขอริยสัจ น้เี ปนทกุ ขสมุทยอรยิ สจั . บทวา อปริชาน ไดแ กไมก ําหนดรู. จริงอยู ผูใ ดกาํ หนดรธู รรมเปนไปในภมู ิ ๓ ทั้งหมด ผนู ้นั ยอมรูดวยปรญิ ญา ๓ คือดวยญาตปรญิ ญา(กาํ หนดรดู วยการรู) ๑ ดวยตรี ณปริญญา (กําหนดรดู วยการพจิ ารณา) ๑ดว ยปหานปริญญา (กําหนดรดู วยการละเสยี ) ๑. ในปรญิ ญา ๓ น้นั ญาตปริญญาเปนไฉน. ภกิ ษุกําหนดรูนามรูปเปนไปในภูมิ ๓ ท้งั หมด คอื รปู มีประเภทเปน ตนวา ภตู รูปและปสาทรปู และนามมปี ระเภทเปน ตน วา ผสั สะ วา น้ี รูป รปู มีเทา น้ี ย่งิ ไปจากนไ้ี มมี นนี้ าม นามมี

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 95เทานี้ ย่งิ ไปจากนไี้ มม.ี โดยความเปนลักษณะ รส ปจจปุ ฏ ฐาน ปทัฏฐาน และกําหนดปจจยั ของนามรูปนัน้ มีกรรมและอวิชชาเปน ตน นี้ชื่อวา ญาตปรญิ ญา.ตีรณปรญิ ญาเปนไฉน ภิกษพุ ิจารณาปจ จยั ทง้ั หมดนน้ั ทาํ ใหรูโดยอาการ ๔๒คอื โดยความไมเทย่ี ง โดยความเปน ทุกข โดยความเปนโรคเปนตน นี้ชอ่ื วาตีรณปรญิ ญา. ปหานปริญญาเปนไฉน ภกิ ษุครั้น พิจารณาอยางนแ้ี ลว ละฉนั ทราคะในอาการทงั้ หมดดวยมรรคอันเลศิ นชี้ ่ือวา ปหานปรญิ ญา. แมทิฏฐ-ิวสิ ทุ ธิ (ความหมดจดแหง ทิฏฐิ) กงั ขาวิตรณวสิ ุทธิ (ความหมดจดแหงญาณเปนเคร่ืองขามพน ความสงสัย) ก็ช่ือวา ญาตปรญิ ญา. มัคคามัคคญาณทสั สน-วิสทุ ธิ (ความหมดจดแหงญาณเปนเครือ่ งเหน็ วาทางหรอื มิใชท าง) ปฏปิ ทา-ญาณทสั สนวิสุทธิ (ความหมดจดแหง ญาณเครอ่ื งรทู างปฏิบัต)ิ หรอื ปญ ญามีการพจิ ารณาธรรมเปนหมวดเปนกอง (กลาป) เปนเบ้อื งตนมอี นุโลมเปนทสี่ ดุช่ือวาตีรณปริญญา การละดว ยอริยมรรค ช่อื วา ปหานปรญิ ญา. ภิกษใุ ดกําหนดรูธ รรมทงั้ หมด ภกิ ษนุ ัน้ ช่ือวา กําหนดรดู วยปริญญา ๓ เหลา นี.้ แตใ นท่นี พี้ ึงทราบวา กาํ หนดรดู วยอํานาจแหงญาตปรญิ ญาและตรี ณปริญญา เพราะการละวริ าคะทา นถือเอาตางกันดวยการปฏิเสธ. ความไมก ําหนดรทู า นกลา วหมายถงึ ผูท่ีไมรอู ยางนี้ ดวยประการฉะน.้ี ในบทเหลานัน้ บทวา จิตตฺ  อวิราชย ความวา ภิกษไุ มย งั จติ -สนั ดานของตนใหคลายกําหนัด คอื ไมค ลายกําหนดในธรรมท่คี วรรยู ิง่ น้นั คือในธรรมท่คี วรกาํ หนดรูอ ยางวิเศษ อธิบายวา ไมยงั วริ าคานุปสสนา (การเหน็ เนอื ง ๆ ในวริ าคะ) ใหเกดิ ข้นึ โดยทไ่ี มม รี าคะในธรรมท่ีควรรูย ่ิงนน้ั .บทวา อปปฺ ชห ไดแกไ มล ะกเิ ลสวัฏ อนั ควรจะละในธรรมทค่ี วรรยู ง่ิ นนั้ดว ยมรรคปญ ญาอนั รว มกบั วปิ ส สนาปญญาโดยไมมสี ว นเหลอื . พงึ ทราบแมธรรมท่ีควรรยู ง่ิ เปน ตน ดวยมรรคเจอื ปนกัน เหมอื นขอนัน้ . พึงทราบดว ย

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ท่ี 96อาํ นาจจติ ตา ง ๆ กัน ในสวนเบือ้ งตน . ญาณอันหนงึ่ เทาน้นั ยังธรรมที่ควรรยู ิง่เปนตน ใหถ งึ โดยลาํ ดบั ดว ยญาตปริญญา ตีรณปรญิ ญาและปหานปริญญาแลวยงั ธรรมทงั้ หมดนั้นใหส ําเร็จดวยมรรคกจิ ในขณะเดยี วกันน่นั เอง เปนไปดว ยประการฉะนี้. บทวา อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยาย ความวาเปนผไู มค วรคอื ไมสามารถเพ่ือความส้ินทุกขใ นวัฏฏะท้ังสนิ้ ดวยการดบั กเิ ลส. จ ศัพทใ นบทวา สพฺพพฺจ โข น้ี เปนไปในอรรถพยตเิ รกะ(มคี วามแยง กัน ). โข ศพั ทเ ปน ไปอรรถอวธารณ. ดว ยบททงั้ สองนน้ั พระผมู พี ระภาค-เจาทรงแสดงถงึ เหตุสวนเดียวแหง การสิน้ ทุกขอนั พิเศษ ทีค่ วรไดจากการรยู ่ิงเปน ตน. คําใดที่ควรกลา วในบทวา อภิชานนเปนตน คํานั้นทานไดก ลา วไวชดั เจนแลว แตในบทนนั้ ทานกลาวโดยการทักทวง ในบทนพ้ี งึ ทราบโดยเปนกฏ. ความตางกนั มีดังน.ี้ บทวา อภิชาน ความวา เปน ผูรยู ิง่ ซึ่งสักกายสพั พะอันไดแ กอปุ าทานขันธ ๕ โดยสรปุ และโดยปจ จยั ดวยทาํ ญาณไวเฉพาะหนา คอื กําหนดรูส ักกายสพั พะนน้ั โดยถอื เอาอาการทไี่ มม เี ปนตน ดว ยกาํ หนดตามลักษณะมีอนจิ จลักษะเปนตน . บทวา วิราชย ความวา กระทําจิตของตนใหค ลายกาํ หนัดดว ยรูช ดั ถงึ ความเปนของไมเ ทีย่ งเปน ตน แหงสกั กายสัพพะนัน้ โดยชอบและกา วดว ยอานภุ าพของญาณมนี พิ พทิ าญาณ คอื เบอื่ หนายตอ ภัยที่เกิดขน้ึเปน ตน ไมใหค วามกาํ หนดั แมเพียงเลก็ นอยเกิดขึ้นในจติ น้นั . บทวา ปชหไดแ กละ คือ ตัดขาดกเิ ลสวัฏอนั เปน ฝายของสมทุ ยั ดวยมรรคปญ ญาอนั ประกอบกบั วุฏฐานคามินีวิปส สนา. บทวา ภพโฺ พ ทกุ ฺขกขฺ ยาย ไดแกเปน ผูควรเพอื่ ความสนิ้ วิปากวฏัไมม ีสวนเหลือ หรืออนุปาทิเสสนพิ พานธาตอุ ันเปน ความสน้ิ ทกุ ข ในสังสารวัฏ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 97ทง้ั ส้ิน เพราะละมลทินคอื กิเลสเสียได และเพราะส้ินกรรมวฏั ทัง้ หมด พึงเห็นความในขอ นีอ้ ยางน้ีวา เปนผคู วรเพื่อบรรลุธรรมน้นั โดยสวนเดยี ว. บทวา โย สพพฺ  สพพฺ โต ตวฺ า ความวา ผูใ ดคือผปู ระกอบความเพียร ผเู จรญิ วปิ สสนารธู รรมเปน ไปในภูมิ ๓ ทัง้ ปวงโดยสวนทั้งปวงคอื โดยจาํ แนกขันธม กี ศุ ลขนั ธเ ปน ตน และโดยจาํ แนกการบีบคนั้ มที ุกขเปนตน. อกี อยางหนงึ่ บทวา สพพฺ โต ไดแก รูโ ดยอาการทงั้ ปวง คือโดยลกั ษณะมีหยาบและละเอยี ดเปน ตน และโดยลกั ษณะมีความไมเ ทยี่ งเปน ตนทั้งปวง หรอื เพราะเหตแุ ทงตลอดดว ยมรรคญาณอันเปน สว นเบอื้ งตน แหง วิปส-สนาแลว รดู ว ยวิปสสนาญาณ. บทวา สพพฺ ตเฺ ถสุ น รชชฺ ติ ไดแก ยอ มไมก าํ หนดั ในสกั กาย-ธรรมท้งั ปวงอันมปี ระเภทตางกนั ไมนอยโดยมีในอดตี เปน ตน คือ ไมใหราคะเกิดดว ยการบรรลอุ ริยมรรค. พระผมู พี ระภาคเจา เมือ่ จะทรงแสดงความไมมแี หง การยดึ ตณั หาน้นัดวยบทวา สพพฺ ตฺเถสุ น รชชฺ ติ น้ี จึงทรงแสดงถึงความไมมี แมก ารยึดผิด ๓ หมวดนี้ คือ น้ีของเรา ๑ น้เี ปนเรา ๑ นี้เปนอตั ตาของเรา ๑ของผทู ่ยี ดึ ทฏิ ฐิมานะ เพราะมสี ่งิ นัน้ เปนนมิ ติ . บทวา ส ในบทวา สเว น้ีเปนเพียงนบิ าต. บทวา เว เปนพยัตตะ (ความปรากฏ). หรือเปน นบิ าตในความน้ีวา เอก เสน โดยสว นเดยี ว. บทวา สพฺพ ปริฺา ไดแกเพราะกาํ หนดรูธรรมท้งั ปวง คือ เพราะกําหนดรธู รรมทงั้ ปวงตามที่กลาวแลวโดยบรรลุปริญญา. บทวา โส ไดแ ก พระโยคาจรตามทกี่ ลาวแลวหรอืพระอรยิ ะน่ันเอง. บทวา สพฺพ ทุกขฺ  อปุ จฺจคา ไดแก ลวง คือกา วลวง คือ พนทกุ ขในวฏั ฏะไดท ัง้ หมด. จบอรรถกถาสัพพสูตรที่ ๗

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อิตวิ ุตตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนา ที่ 98 ๘. มานสตู ร วาดวยละมานะไมไ ด ไมพนความทุกข [๑๘๖] จริงอยู พระสตู รนพี้ ระผูม พี ระภาคเจา ตรสั แลว พระสูตรนี้พระผูม ีพระภาคเจาผเู ปนพระอรหันตต รัสแลว เพราะเหตนุ ั้น ขาพเจา ไดส ดับมาแลววา ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษไุ มรยู ิ่ง ไมก าํ หนดรูมานะ ไมย ังจิตใหคลายกําหนัดในมานะน้ัน ยงั ละมานะนน้ั ไมไ ดเ ดด็ ขาด เปน ผไู มควรเพอ่ืความสิ้นทกุ ข ดกู อนภิกษุทั้งหลาย สวนภกิ ษรุ ูย งิ่ กาํ หนดรูมานะ ยงั จติ ใหคลายกาํ หนัดในมานะนน้ั ละมานะน้นั ไดเดด็ ขาด เปน ผูค วรเพื่อความส้นิ ทกุ ข. พระผูมพี ระภาคเจาไดตรสั เน้ือความน้แี ลว ในพระสตู รน้นั พระผมู ี-พระภาคเจาตรัสคาถาประพนั ธดังนี้วา หมสู ตั วน ้ปี ระกอบแลว ดวยมานะ มี มานะเปน เครอื่ งรอยรดั ยินดีแลว ในภพ ไมก าํ หนดรูมานะ ตองเปน ผมู าสูภพอีก สว นสตั วเหลา ใดละมานะไดแ ลว นอ มไป ในธรรมทเี่ ปนสน้ิ นานะ สตั วเ หลานนั้ ครอบงาํ กิเลสเคร่อื งรอยรดั คอื มานะเสียได กาวลวงไดแลวซงึ่ กเิ ลสเครือ่ งรอ ยรัดทั้ง- ปวง. เน้อื ความแมน ้พี ระผมู ีพระภาคเจา ตรัสแลว เพราะเหตนุ ้นั ขาพเจาไดส ดบั มาแลว ฉะนแี้ ล. จบมานสตู รท่ี ๘

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อติ ิวตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 99 อรรถกถามานสตู ร ในมานสูตรที่ ๘ ไมมเี รอ่ื งทไ่ี มเ คยกลา ว เทศนาเปน ไปดวยมานะลว น. ในคาถาท้งั หลายมีอธิบายดังตอไปน.ี้ บทวา มานเู ปตา อย ปชาความวา สัตวเ หลา นี้ไดช อ่ื วา ปชา เพราะเกิดดว ยกรรมกิเลส ประกอบดวยมานะอันมีการคอื ตวั เปน ลักษณะ. บทวา มานคณฺ า ภเว รตา ความวาสตั วทั้งหลายถกู มานะรอยรดั คือ ประกอบดวยมานสังโยชน อบรมมาจากมานะนน้ั เปน เวลานาน ยินดีในกามภพเปน ตน ดว ยเหตุผิดในสงั ขารน้นั วาเทยี่ ง เปน สุข มีตัวตน เปน ตน เพราะมัวหมกมนุ ในสังขารทง้ั หลายวาน้ขี องเราดว ยความถือตัว. บทวา มาน อปริชานนฺตา ความวา ไมกาํ หนดรูมานะน้นั ดวยปริญญา ๓ หรือไมพ น มานะนน้ั ดวยอรหัตมรรคญาณ. อาจารยบางพวกกลา ววา มาน อปริ ฺาย ดงั นี.้ บทวา อาคนฺตาโร ปุนพฺภวความวา เปนผูตองไปคือตอ งเขา ไปสูภ พอันจะตองเกดิ ตอ ไปอีก หรอื สสู งสารอันไดแกภ พใหม จากทเ่ี กิดบอ ย ๆ ดวยการหมนุ เวียนไป ๆ มา ๆ. อธิบายวาไมพ นไปจากภพ. บทวา เย จ มาน ปหนตฺ วฺ าน วมิ ตุ ฺตา มานส สเย แปลวาก็สตั วเหลาใดละมานะไดแ ลว นอ มไปในธรรมเปน ทส่ี น้ิ มานะ อธิบายวาก็สัตวเ หลาใดละมานะเสียดว ยประการท้งั ปวง ดวยอรหัตมรรคแลว นอมไปคอื นอ มไปดว ยดใี นอรหัตผล หรือในนิพพานอันเปนท่ีสนิ้ สดุ มานะดวยการหลดุ พน กเิ ลสทงั้ มวล อนั มมี านะนน้ั เปนตัวเอก. บทวา เต มานคณฺ าภิภตู า สพพฺ  คณฺ อปุ จจฺ คุ แปลวาสตั วเ หลา น้นั ครอบงาํ กิเลสเคร่ืองรอยรดั คอื มานะเสียไค กาวลวงกิเลสเครื่องรอยรดั ท้ังปวง ความวา สัตวเ หลานนั้ คอื พระอรหนั ตผมู สี ังโยชน

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อิตวิ ตุ ตก เลม ๑ ภาค ๔ - หนาท่ี 100คอื ภพส้ินไปแลว ครอบงาํ กเิ ลสเครอื่ งรอ ยรดั คือมานะ กเิ ลสเคร่ืองผกู สัตว คือมานะ ไดโ ดยประการทง้ั ปวง ดว ยสมุจเฉทปหาน ตงั้ อยู กา วลวงวฏั ทุกขไ ดโดยไมมีสวนเหลือ. ในสูตรนแี้ ละในสตู รที่ ๗ ทา นกลาวถึงพระอรหตั . จบอรรถกถามานสตู รท่ี ๘ ๙. โลภสตู ร วา ดวยละความโลภไดเปนพระอนาคามี [๑๘๗] จรงิ อยู พระสตู รนพ้ี ระผูมพี ระภาคเจา ตรัสแลว พระสตู รนี้พระผูมพี ระภาคเจา ผูเปนพระอรหันตต รัสแลว เพราะเหตนุ นั้ ขา พเจา ไดสดบัมาแลว วา ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษุไมร ยู ิ่ง ไมกาํ หนดรโู ลภะ ไมยังจติ ใหคลายกาํ หนัดในโลภะ ยงั ละโลภะน้ันไมไดเดด็ ขาด เปนผไู มควรเพอื่ ความสิ้นทุกข ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย สว นภกิ ษรุ ยู ่ิง กําหนดรูโลภะ ยงั จติ ใหค ลายกําหนดั ในโลภะนนั้ ละโลภะน้นั ไดเ ดด็ ขาด เปน ผคู วรเพ่อื ความสน้ิ ทกุ ข. พระผมู พี ระภาคเจาไดตรัสเน้อื ความนแ้ี ลว ในพระสตู รนนั้ พระผมู ี-พระภาคเจา ตรสั คาถาประพันธดงั น้ีวา ชนผูเห็นแจงทง้ั หลาย รูชัดดว ยดี ซ่งึ ความโลภอันเปนเหตใุ หสัตวผ โู ลภไปสู ทุคติ แลว ละได ครัน้ ละไดแ ลว ยอม ไมม าสโู ลกนีอ้ ีกในกาลไหน ๆ. เน้ือความแมน ีพ้ ระผมู พี ระภาคเจาตรัสแลว เพราะเหตนุ ัน้ ขาพเจาไดสดบั มาแลว ฉะน้แี ล. จบโลภสตู รท่ี ๙


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook