พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 261ใคร ยอ มไมเห็นรูปอันไมนาใคร ยอ มเห็นแตรปู อันนา พอใจ ยอ มไมเ ห็นรูปอนั ไมน า พอใจ ฯลฯ จะรแู จงธรรมารมณอะไร ๆ ดว ยใจ กย็ อมรแู จงแตธรรมารมณอ ันนา ปรารถนา ยอมไมร แู จงธรรมารมณอนั ไมนา ปรารถนายอ มรแู จง แตธรรมารมณที่นาใคร ยอมไมรูแจง ธรรมารมณท่ไี มน า ใครยอมรแู จงแตธรรมารมณอนั นา พอใจ ยอมไมร ูแจง ธรรมารมณอ นั ไมน าพอใจ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย เปน ลาภของเธอท้ังหลายแลว เธอท้งั หลายไดด ีแลว เธอทง้ั หลายไดข ณะอยูประพฤติพรหมจรรยแ ลว. จบ ขณสตู รที่ ๒ อรรถกถาขณสตู รท่ี ๒ ในขณสูตรท่ี ๒ มวี นิ ิจฉยั ดังตอ ไปน.ี้ บทวา ฉ ผสฺสายตนิกา นาม ความวา นรก ขอ่ื วา ผัสสายตนะ ๖ไมมี นรกทงั้ หลายท่ชี อื่ ฉผสั สายตนกิ าแตล ะช่อื ไมม.ี จรงิ อยู บัญญตั ิวาผสั สายตนะทางทวาร ๖ ยอ มมใี นมหานรก แมท ง้ั หมด ๓๑ ขมุ นัน่ เองแตค ํานี้ ทานกลา ว หมายเอาอเวจีมหานรก. แมใ นบทวา สคคฺ า (สวรรค)น้ี ทา นประสงคเอาเฉพาะ บุรดี าวดึงสเทานั้น. แตช ื่อวาบญั ญตั ิแหงอายตนะหก แมแตละอยาง ในกามาวจรเทวโลกไมมีกห็ าไม. ถามวาพระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดง ฉผัสสายตนกิ าน้ีไวทําไม. ตอบวา ใคร ๆไมอาจจะอยูประพฤติมรรคพรหมจรรยใ นนรกได เพราะไดรบั แตทุกขโ ดยสวนเดียว และไมอาจอยปู ระพฤตมิ รรคพรหมจรรยใ นเทวโลกได เพราะเกิดความประมาทดว ยสามารถความยินดใี นการเลน โดยสว นเดียว เพราะ
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 262ไดรับความสุขโดยสว นเดยี ว สวนมนุษยโลก มีความสขุ และความทุกขระคนกนั ในมนษุ ยโลกนเี้ ทา นน้ั ยอมมีทั้งอบายและสวรรคปรากฏ.น้ี ชอื่ วา เปนกรรมภูมิ ของมรรคพรหมจรรย. กรรมภูมิน้ัน พวกทา นไดแลว เพราะฉะนั้น ขันธซ ึ่งเปน ของมนษุ ย ทีพ่ วกเธอไดก ันแลว จดั เปนลาภของพวกทาน และภาวะเปนมนุษยทพี่ วกเธอไดแลว น้ี กเ็ ปนขณะเปนสมัยของการอยปู ระพฤติพรหมจรรย ท่พี วกเธอได. สมจริงดังคาํ ที่พระโปราณาจารยทง้ั หลายกลาวไววา . การเจรญิ มรรคในที่น้ี นกี้ เ็ ปนกรรมภมู ิ ธรรม เปนท่ีต้ังแหงความสังเวชเปน อนั มาก ในทนี่ ้กี เ็ ปน ฐานะอยู ทานเกิดความสงั เวชแลว ก็จงประกอบ ความเพยี รโดยแยบคายในวตั ถอุ นั เปน ท่ตี ง้ั แหง ความสลดสังเวชเถิด. บรรดาบทเหลา นั้น บทวา ส เวคา แปลวา ความสงั เวช. จบ อรรถกถาขณสตู รที่ ๒ ๓. ปฐมรูปารามสตู ร วาดว ยผยู ินดีในอายตนะ ๖ อยเู ปน ทุกข [๒๑๖] ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย เทวดาและมนุษยเปนผมู รี ูปเปน ท่ีมายินดี เปน ผูยินดีแลวในรูป เปนผูเพลดิ เพลินแลวในรูป เพราะรูปแปรปรวน คลายไปและดบั ไป เทวดาและมนุษยยอ มอยูเปน ทุกข เทวดา
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 263และมนษุ ยเปน ผมู เี สยี งเปนที่มายินดี. . . . เปนผมู ีกลิน่ เปนทีม่ ายินดี. . . .เปนผูมีรสเปน ท่ีมายนิ ดี. . . . เปนผมู โี ผฏฐัพพะเปนทม่ี ายินดี. . . เปนผมู ีธรรมารมณเ ปน ทีม่ ายินดี เปน ผยู ินดแี ลวในธรรมารมณ เปน ผเู พลิด-เพลนิ แลว ในธรรมารมณ เพราะธรรมารมณแ ปรปรวนคลายไปและดบั ไปเทวดาและมนุษยย อ มอยเู ปนทุกข ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย สว นตถาคตผเู ปนอรหนั ตต รสั รูเองโดยชอบ รูแจง แลว ซ่ึงความเกดิ ข้ึน ความดับไป คณุโทษ และอบุ ายเปนเคร่อื งสลดั ออกแหง รูปทัง้ หลาย ตามความเปน จรงิไมเปนผมู ีรูปเปนทม่ี ายินดี ไมเ ปน ผูยนิ ดีแลว ในรูป ไมเ ปน ผเู พลิดเพลนิแลวในรปู เพราะรูปแปรปรวน คลายไปและดบั ไป ตถาคตยอ มอยูเปนสุข ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ตถาคตผูเปน อรหนั ต ตรัสรเู องโดยชอบ รูแจงแลวซ่ึงความเกดิ ขนึ้ ความดบั ไป คณุ โทษและอบุ ายเปน เครอ่ื งสลัดออกแหงเสียง . . . . กลิ่น. . . รส . . . . โผฏฐพั พะ . . . .ธรรมารมณ ตามความเปน จริงยอมไมเปน ผูม ธี รรมารมณเปน ทม่ี ายินดี ไมเปน ผยู ินดแี ลว ในธรรมารมณไมเ ปนผูเพลิดเพลินแลว ในธรรมารมณ เพราะธรรมารมณแปรปรวนไปคลายไปและดับไป ตถาคตก็ยอมอยเู ปน สขุ . ครน้ั พระ ผมู ีพระภาคเจาผสู คุ ตศาสดา ไดตรสั ไวยากรณภาษติ นี้จบลงแลว จึงไดต รัสคาถาประพนั ธตอ ไปวา [๒๑๗] รปู เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณทงั้ สิ้น อนั นา ปรารถนา นา ใครแ ละ นาพอใจ ทก่ี ลา วกนั วา มอี ยูประมาณเทา ใด รปู ารมณ เปนตน เหลาน้นั นนั่ แล เปนสิ่งอันชาวโลกพรอ ม ทัง้ เทวโลก สมมติวา เปนสุข ถา วา รปู ารมณเปน ตน
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 264เหลา น้นั ดบั ไปในที่ใด ทีน่ ้ัน เทวดา และมนษุ ยเหลานั้น สมมตวิ า เปนทุกข สว นวา พระอรยิ เจาทงั้ หลายเหน็ การดบั สกั กายะ (รูปารมณเปน ตนท่ีบุคคลถอื วา เปน ของตน) วาเปนสุข การเหน็ของพระอริยเจาทง้ั หลายผเู ห็นอยูน ้ี ยอ มเปนขา -ศึกกบั ชาวโลกท้งั ปวง บคุ คลเหลาอ่นื กลา วส่งิ ใดวา เปน สขุ พระอริยเจาทง้ั หลายกลา วสิง่ น้นั วาเปนทกุ ข บุคคลเหลาอ่นื กลา วสิ่งใดวา เปนทกุ ขพระอริยเจาทัง้ หลายรแู จงสง่ิ นน้ั วา เปน สุข เธอจงเหน็ ธรรมทร่ี ไู ดย าก คนพาลผูหลง ไมร แู จง ในนิพพานน้ี ความมืดยอ มมีแกบ คุ คลผูถกู นิวรณหุมหอ เหมือนความมดื มนยอ มมแี กบคุ คลผูไมเหน็ นพิ พานยอ มมแี กสตั บุรุษ เหมือนแสงสวา งยอมมีแกบ คุ คลผเู ห็น ชนทงั้ หลายผูแสวงหา ไมฉลาดในธรรม ถึงอยใู กลก็ไมร ูแจง ธรรมนอ้ี ันบคุ คลผูถ กู ความกาํ หนัดในภพครอบงาํ ผแู ลน ไปตามกระแสตัณหาในภพ ผูอ ันบว งแหงมารรดั รงึ ไวแลว ไมต รัสรไู ดงายเลย ใครหนอ เวน จากพระ-อริยเจาท้ังหลายแลว ยอมควรจะตรัสรนู ิพพานบททพี่ ระอรยิ เจาทงั้ หลายรูโ ดยชอบ เปนผูไมมีอาสวะปรินิพพาน. จบ ปฐมรูปารามสูตรที่ ๓
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 265 อรรถกถาปฐมรปู ารามสูตรที่ ๓ ในปฐมรปู ารามสูตรที่ ๓ มวี ินิจฉัยดงั ตอไปน.้ี บทวา รูปสมทุ ติ า แปลวา บันเทิงในรูป. บทวา ทุกฺขา แปลวาถงึ ทุกข. บทวา สุโข แปลวา ถงึ สุข ดว ยสขุ ในพระนพิ พาน. บทวา เกวลา แปลวา ทงั้ สิ้น. บทวา ยาวตตถฺ ีติ วุจฺจติ ความวากลาววา มอี ยปู ระมาณเทา ใด.โว อักษร ในคําวา เอเต โว น้ี เปนเพียงนิบาต. บทวา ปจฺจนกิ มิท โหติ สพพฺ โลเกน ปสฺสต ความวาความเหน็ ของบัณฑติ ผูเ ห็น ยอมขัดแยงผดิ กับชาวโลกทง้ั มวล. จรงิ อยูชาวโลก สําคัญขันธ ๕ วา เทยี่ ง เปน สขุ เปน อตั ตา เปนของงามบัณฑติ สําคญั วา ไมเ ท่ียง เปน ทุกข เปนอนตั ตา ไมง าม. บทวาสุขโต อาหุ ไดแ ก กลาววา เปนสุข. บทวา สุขโต วทิ ู ความวาบณั ฑติ ทงั้ หลาย รวู า เปนสขุ . คําทัง้ หมดนี้ ทา นกลา วหมายเอาพระนิพพานท้งั นั้น. ในบทวา สมฺมูฬเฺ หตฺถ นี้ ไดแก ผหู ลงพระนพิ พาน. บทวาอวทิ ฺทสุ ไดแ ก คนเขลาท้งั หลาย. จริงอยู เจาลทั ธิ ๕* ลทั ธทิ ้งั หมดความสําคัญวา \"พวกเราจักบรรลุพระนพิ พุ าน\" แตพวกเขา ยอมไมรูแมวา \"ชื่อวานพิ พานคือสิ่งนี\"้ . บทวา นิวตุ าน ไดแก ถูกเคร่อื งกางกน้ัคอื กเิ ลส หุมหอ รอ ยรดั ไว. บทวา อนฺธกาโร อปสสฺ ต ไดแก ความมืดมนยอ มมีแกผไู มเ หน็ . ถามวา ขอนั้น ทําไมจึงเปนอยา งนนั้ . แกวา๑.พมา เปน ๙๖
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 266คนเขลายอ มไมประสบพระนิพพานหรือการเหน็ พระนพิ พาน. จริงพระ-นพิ พานกด็ ี การเหน็ พระนิพพานก็ดี ของคนพาลผูไมเ หน็ อยู ยอ มเปนเหมอื นมณฑลพระจนั ทรท่ถี ูกเมฆดําปดไว, เหมอื นภาชนะทีก่ ะทะบังไวและเหมือนสิ่งของท่เี ปด เผยอยแู ลวเปนนิจ. สองบาทคาถาวา สตจฺ ววิ ฏโหติ อาโลโก ปสฺสตามวิ ความวา ววิ ฏะ คอื นิพพาน ยอมมแี กผ สู งบคอื สัตบรุ ุษผูเ ห็นอยู ดวยปญ ญาทสั สนะ เหมือนแสงสวางมีอยแู กบคุ คลเหน็ อยู. บทวา สนฺตเิ ก น วชิ านนตฺ ิ มคฺคา ธมฺมสสฺ อโกวิทาความวา พระนิพพานใดช่อื วาอยใู กล เพราะผูแสวงหากําหนดสว นในผมหรือขนเปน ตน อยา งใดอยางหน่ึง ในรางกายของตน เปนอารมณพ งึ บรรลุไดโ ดยลําดับ หรือเพราะแสวงหาความดับขันธทัง้ หลายของตน พระ-นิพพานนัน้ น่ันและแมอ ยใู กล ๆ เหลาชนผแู สวงหา ผไู มฉลาดในธรรมกไ็ มรซู งึ่ ทีใ่ ชท างและมใิ ชทาง หรือสัจจธรรมส่.ี บทวา มารเธยยฺ าน-ุปนเฺ นภิ ไดแ ก ผูเขาถึงวัฏฏะอันเปนไปในภูมิ ๓ อันเปนสถานทอี่ ยขู องมารบทวา โก นุ อฺ ตรฺ มริเยภิ ความวา เวน พระอรยิ ะทั้งหลายเสยีคนอนื่ ใครเลา ควรเพ่ือจะรูบ ท คือ พระนพิ พาน. บทวา สมมฺ ทฺายปรนิพฺพนฺติ ความวา รูโดยชอบดว ยปญ ญาอันสัมปยุตดวยอรหตั ในลาํ ดับนั่นแล เปน ผูไมมอี าสวะ ยอมดับสนิท ดว ยกิเลสปรนิ พิ พาน การดับกเิ ลส อีกนัยหนง่ึ เปนผไู มม ีอาสวะ เพราะรชู อบยอมปรินพิ พาน ดวยขันธปรินพิ พาน ดบั ขันธในท่ีสุด. จบ อรรถกถาปฐมรปู ารามสูตรท่ี ๓
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 267 ๔. ทุตยิ รูปารามสูตร๑ วา ดว ยผยู ินดใี นอายตนะ ๖ อยูเ ปน ทกุ ข [๒๑๘] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เทวดาและมนษุ ยเ ปนผูมรี ูปเปนที่มายนิ ดี เปน ผูยินดแี ลว ในรปู เปนผเู พลิดเพลินแลวในรูป เพราะรูปแปรปรวน คลายไปและดบั ไป เทวดาและมนษุ ยท้งั หลายยอมอยูเปน ทกุ ขเทวดาและมนษุ ยทงั้ หลาย เปน ผูมีเสียงเปนท่มี ายนิ ดี. . . เปนผมู ีกลิน่ เปนทีม่ ายนิ ด.ี .. เปน ผมู ีรสเปน ทีม่ ายนิ ด.ี . . เปน ผูมโี ผฏฐัพพะเปน ท่มี ายินด.ี . .เปนผมู ีธรรมารมณเ ปนทม่ี ายนิ ดี เปน ผยู ินดีแลว ในธรรมารมณ เปนผูเพลิดเพลินแลวในธรรมารมณ เพราะธรรมารมณแปรปรวน คลายไปและดับไป เทวดาและมนุษยท้ังหลายยอ มอยเู ปน ทุกข ดูกอนภิกษทุ ั้งหลายสวนตถาคตผูอรหนั ตตรัสรเู องโดยชอบ รแู จง แลวซึ่งความเกิดข้นึ ความดบั ไป คณุ โทษ และอบุ ายเปนเคร่ืองสลดั ออกแหง รูปทงั้ หลาย ไมเปนผมู รี ปู เปนที่มายนิ ดี ไมเปนผยู ินดแี ลว ในรปู ไมเปน ผูเ พลดิ เพลินแลว ในรปูเพราะรูปแปรปรวน คลายไปและดับไป ตถาคตยอมอยูเ ปน สขุ ตถาคตผูอรหันตตรสั รเู องโดยชอบ รแู จงแลว ซง่ึ ความเกดิ ข้ึน ความดบั ไป คุณ โทษและอุบายเครอื่ งสลัดออกแหง เสยี ง. . . แหงกล่ิน. . . แหง รส . . . แหงโผฏฐพั พะ. . . แหง ธรรมารมณ ตามความเปนจรงิ ไมเปน ผูม ธี รรมารมณเปน ทมี่ ายนิ ดี ไมเปน ผูย ินดแี ลวในธรรมารมณ ไมเปนผเู พลิดเพลนิ แลวในธรรมารมณ ดกู อนภิกษุท้งั หลาย เพราะธรรมารมณแปรปรวนไปคลายไปและดับไป ตถาคตก็ยอ มอยูเปนสขุ . จบ ทุติยรูปารามสตู รที่ ๔๑. อรรถกถาสูตรที่ ๔ -๑๐ แกไ วทายวรรคน้.ี
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 268 ๕. ปฐมนตมุ หากสตู ร วา ดว ยอายตนะภายใน ๖ ไมใ ชส ง่ิ ของตน [๒๑๙] ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ส่ิงใดไมใ ชของเธอท้ังหลาย เธอ-ท้งั หลายจงละสง่ิ นน้ั เสยี สงิ่ นั้นอันเธอท้งั หลายละไดแ ลว จักเปน ไปเพ่อืประโยชนเกื้อกูล เพือ่ ความสขุ ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย อะไรเลา ไมใ ชข องเธอท้ังหลาย. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย จกั ษุไมใ ชของเธอท้งั หลาย เธอทง้ั หลายจงละจักษุนน้ั เสีย จักษุนัน้ อันเธอทงั้ หลายละไดแลว จักเปน ไปเพอ่ืประโยชนเ ก้ือกลู เพือ่ ความสุข หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ ไมใชของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงละใจน้ันเสีย ใจนน้ั อนั เธอทั้งหลายละไดแ ลวจักเปนไปเพ่อื ประโยชนเก้ือกลู เพื่อความสขุ ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ชนพงึนาํ หญา ไม กง่ิ ไม ใบไมท ม่ี ีอยูในเชตวนั น้ไี ป หรือพึงเผา หรือพงึ ทําตามสมควรแกเหตุ เธอทง้ั หลายพงึ มีความคดิ อยางนวี้ า ชนนําพวกเราไปหรือเผา หรอื ทาํ พวกเราตามสมควรแกเ หตุ ดังน้ีบา งหรือหนอ. ภกิ ษุเหลาน้ัน กราบทลู วา หาเปนดงั นนั้ ไม พระเจาขา . พ . ขอ นั้น เพราะเหตุอะไร. ภ.ิ เพราะเหตวุ า หญา เปน ตน น้นั มไิ ดเ ปนคน หรอื เปน ของ.เน่อื งดว ยตนของขา พระองคท้งั หลายเลย พระเจา ขา . พ. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ฉนั นน้ั เหมอื นกันแล จกั ษุไมใชของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงละจกั ษุนนั้ เสยี จักษนุ นั้ อนั เธอทั้งหลายละไดแลวจักเปน ไปเพ่ือประโยชนเ ก้อื กลู เพ่อื ความสุข หู จมูก ลิน้ กาย ใจไมใชข องเธอทง้ั หลาย เธอทัง้ หลายจงละใจนั้นเสีย ใจนน้ั อันเธอทง้ั หลายละไดแลว จกั เปนไปเพ่อื ประโยชนเ กื้อกลู เพอื่ ความสุข. จบ ปฐมนตุมหากสตู ร
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 269 ๖. ทตุ ิยนตุมหากสตู ร วาดวยอายตนะภายนอก ๖ ไมใชของตน [๒๒๐] ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย สงิ่ ใดไมใ ชข องเธอทง้ั หลาย เธอทงั้ หลายจงละสิง่ นน้ั เสยี ส่ิงนนั้ อันเธอทั้งหลายละไดแ ลว จักเปน ไปเพอ่ืประโยชนเกอื้ กูล เพื่อความสุข ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อะไรเลาไมใ ชข องเธอทัง้ หลาย รูปไมใ ชของเธอทั้งหลาย เธอท้ังหลายจงละรูปน้ันเสยีรปู น้นั อันเธอท้งั หลายละไดแ ลว จักเปน ไปเพ่อื ประโยชนเก้ือกูล เพ่ือความสุข เสียง กลิน่ รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณไมใชของเธอทง้ั หลายเธอทง้ั หลายจงละธรรมารมณน น้ั เสีย ธรรมารมณน้ันอันเธอท้ังหลายละไดแ ลว จกั เปน ไปเพ่อื ประโยชนเกอื้ กูล เพือ่ ความสุข ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลายชนพงึ นําหญาไม กิง่ ไมแ ละใบไมท ่ีมีอยใู นเชตวันน้ีไป หรือพงึ เผา หรอืพึงทําตามสมความแกเหตุ เธอทั้งหลายพงึ มคี วามคิดอยางนว้ี า ชนนําพวกเราไป หรอื เผา หรอื ทําตามสมควรแกเหตุ ดงั น้ี บางหรอื หนอ. ภกิ ษุทง้ั หลาย กราบทูลวา หาเปน ดงั นั้นไม พระเจาขา . พ. ขอ นนั้ เพราะเหตอุ ะไร. ภิ. เพราะเหตวุ า หญาเปน ตน ตน น้นั มไิ ดเ ปน ตน หรอื เปน ของเนอื่ งดวยตนของขา พระองคทัง้ หลายเลย พระเจา ขา. พ. ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ฉนั น้ันเหมอื นกันแล รปู ไมใ ชของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงละรปู น้นั เสยี รปู นนั้ อันเธอท้งั หลายละไดแ ลวจักเปนไปเพื่อประโยชนเ กอื้ กลู เพื่อความสุข เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 270ธรรมารมณไมใชของเธอท้งั หลาย เธอทัง้ หลายจงละธรรมารมณนนั้ เสยีธรรมารมณน ้นั อันเธอทัง้ หลายละไดแ ลว จกั เปนไปเพอ่ื ประโยชนเกือ้ กูลเพ่อื ความสขุ . จบ ทุตยิ นตมุ หากสตู รท่ี ๖ ๗. ปฐมเหตอุ ชั ฌัตตสูตร วาดว ยอายตนะภายในเปนของไมเ ที่ยง [๒๒๑] ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย จักษุเปนของไมเทีย่ ง แมเหตแุ ละปจ จัยเพ่ือความเกิดขน้ึ แหง จักษนุ น้ั กไ็ มเทีย่ ง จักษุอันเกดิ แตเ หตุปจ จยั ที่ไมเท่ยี ง ที่ไหนจกั เที่ยงเลา ฯลฯ ใจเปนของไมเทีย่ ง แมเหตุและปจจยัเพ่อื ความเกดิ ข้ึนแหง ใจนัน้ กไ็ มเ ที่ยง ใจอนั เกดิ แตเหตุปจจัยทไี่ มเ ทีย่ ง ที่ไหนจกั เท่ยี งเลา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย อริยสาวกผูสดับแลว เห็นอยอู ยางนี้ยอ มเบื่อหนายแมใ นจักษุ แมใ นหู แมในจมกู แมในล้นิ แมใ นกายแมใ นใจ เมื่อเบือ่ หนาย ยอ มคลายกําหนดั เพราะคลายกําหนดั จึงหลดุ พน เม่ือหลดุ พน แลว ยอ มมีญาณหยง่ั รวู า หลุดพน แลว รูชัดวาชาติส้ินแลว พรหมจรรยอ ยูจบแลว กิจทีค่ วรทํา ทําเสรจ็ แลว กิจอนื่เพ่ือความเปน อยา งน้มี ไิ ดม.ี จบ ปฐมเหตุอชั ฌตั ตสูตรท่ี ๗
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 271 ๘. ทตุ ยิ เหตอุ ัชฌัตตสตู ร วา ดวยอายตนะภายในเปน ทุกขเปน อนตั ตา [๒๒๒] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย จักษเุ ปน ทุกข แมเ หตุและปจ จยัเพอ่ื ความเกิดข้นึ แหงจักษุนัน้ กเ็ ปนทกุ ข จกั ษอุ นั เกิดแตเหตปุ จ จัยที่เปนทุกข ทไ่ี หนจักเปนสุขเลา ฯลฯ ใจเปน ทุกข แมเ หตุและปจจยั เพื่อความเกิดขึน้ แหง ใจก็เปน ทุกข ใจอนั เกดิ แตเ หตปุ จ จัยทเี่ ปน ทกุ ข ทีไ่ หนจกั เปนสุขเลา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย อริยสาวกผไู ดสดบั แลว เห็นอยูอยา งน้ียอมเบื่อหนายแมในจักษุ แมในหู แมในจมูก แมใ นลน้ิ แมใ นกายแมใ นใจ เมอื่ เบือ่ หนาย ยอมคลายกาํ หนัด เพราะคลายกําหนัด จึงหลุดพน เมอ่ื หลุดพน แลว ยอ มมีญาณหยั่งรูวา หลุดพนแลว รชู ัดวาชาติสน้ิ แลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กจิ ทีค่ วรทาํ ทาํ เสรจ็ แลว กิจอน่ืเพอ่ื ความเปนอยางนีม้ ิไดม ี [๒๒๓] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย จกั ษุเปนอนัตตา แมเ หตุและปจ จยัเพอ่ื ความเกดิ ขึน้ แหงจักษกุ ็เปน อนัตตา จักษุอันเกิดแตเ หตุปจจยั ที่เปนอนตั ตา ทีไ่ หนจกั เปนอตั ตาเลา ฯลฯ ใจเปน อนัตตา แมเ หตแุ ละปจ จัยเพือ่ ความเกิดขึน้ แหงใจกเ็ ปนอนตั ตา ใจอนั เกดิ แตเ หตุปจ จยั ทเี่ ปนอนัตตาท่ไี หนจักเปน อตั ตาเลา . ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย อรยิ สาวกผไู ดสดับแลว เหน็อยอู ยางนี้ ยอมเบือ่ หนายแมใ นจักษุ แมในหู แมในจมูก แมใ นลน้ิ แมในกาย แมในใจ เม่ือเบ่ือหนา ย ยอมคลายกําหนดั เพราะคลายกําหนดัจงึ หลุดพน เม่อื หลดุ พน แลว ยอ มมีญาณหยัง่ รูว า หลดุ พนแลว รชู ัดวาชาติสนิ้ แลว พรหมจรรยอ ยูจบแลว กิจที่ควรทาํ ทาํ เสร็จแลว กจิ อนื่ เพื่อความเปน อยา งน้ีมิไดม .ี จบ ทุติยอชั ฌัตตสตู รท่ี ๘
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 272 ๙. ปฐมเหตุพาหิรสตู รวาดว ยอายตนะภายนอกเปน ของไมเ ที่ยงเปนทุกข [๒๒๔] ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย รปู เปนของไมเท่ยี ง แมเหตแุ ละปจ จัยเพ่ือความเกดิ ขน้ึ แหงรูปก็ไมเทีย่ ง รปู อันเกดิ แตเ หตปุ จ จัยท่ีไมเ ทีย่ งทไ่ี หนจักเทย่ี งเลา เสียง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณเปนของไมเ ที่ยงแมเ หตุและปจ จัยเพือ่ ความเกดิ ขึน้ แหง ธรรมารมณกไ็ มเ ที่ยง ธรรมารมณอันเกดิ แตเหตุปจจัยทีไ่ มเทีย่ ง ทไี่ หนจักเทีย่ งเลา ดกู อนภิกษุทงั้ หลายอริยสาวกผูไดส ดับแลว เห็นอยอู ยา งน้ี ยอมเบอื่ หนา ยแมในรูป แมในเสยี ง แมในกลน่ิ แมใ นรส แมใ นโผฏฐพั พะ แมในธรรมารมณ เม่อืเบื่อหนาย ยอ มคลายกําหนัด เพราะคลายกาํ หนดั จึงหลดุ พน เม่ือหลดุ พน แลว ยอมมญี าณหย่งั รูว า หลุดพนแลว รูชัดวา ชาติสน้ิ แลวพรหมจรรยอ ยูจ บแลว กิจทคี่ วรทํา ทาํ เสร็จแลว กิจอนื่ เพอื่ ความเปนอยางน้ีมิไดม.ี [๒๒๕] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย รปู เปน ทกุ ข แมเ หตุและปจจยั เพ่อืความเกิดข้นึ แหง รูปกเ็ ปนทกุ ข รูปอนั เกดิ แตเหตปุ จจยั ทีเ่ ปน ทุกข ที่ไหนจักเปน สขุ เลา เสียง กล่นิ รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณเ ปนทุกข แมเหตุและปจ จยั เพือ่ ความเกิดขน้ึ แหงธรรมารมณก เ็ ปน ทกุ ข ธรรมารมณอ ันเกดิแตเหตุปจจัยทเี่ ปน ทุกข ทไี่ หนจกั เปนสุขเลา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อริย-สาวกผูไดสดบั แลว เห็นอยูอยางนี้ ยอมเบอื่ หนายแมใ นรูป แมใ นเสียงเเมในกลนิ่ แมใ นรส แมในโผฏฐพั พะ แมในธรรมารมณ เมอ่ื เบื่อหนาย
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 273ยอมคลายกําหนดั เพราะคลายกําหนดั จงึ หลดุ พน เม่ือหลุดพน แลวยอมมีญาณหยง่ั รูวา หลดุ พน แลว รชู ัดวา ชาติสิน้ แลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กจิ ทีค่ วรทํา ทําเสรจ็ แลว กจิ อ่ืนเพื่อความเปน อยา งน้ีมิไดม ี. จบ ปฐมเหตุพาหิรสูตรที่ ๙ ๑๐. ทตุ ิยเหตุพาหริ สูตร วา ดวยอายตนะภายนอกเปนอนตั ตา [๒๒๖] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย รปู เปนอนตั ตา แมเ หตแุ ละปจ จัยเพือ่ ความเกดิ ข้ึนแหงรูปก็เปนอนัตตา รูปอันเกดิ แตเ หตุปจ จยั ท่เี ปน อนัตตาทไ่ี หนจกั เปนอัตตาเลา เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณเ ปนอนัตตา แมเหตแุ ละปจจยั เพอื่ ความเกิดขึ้นแหงธรรมารมณก็เปนอนตั ตาธรรมารมณอ นั เกดิ แตเหตุปจ จัยทีเ่ ปนอนตั ตาทไ่ี หนจกั เปนอัตตาเลา ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย อริยสาวกผไู ดส ดับแลว เห็นอยอู ยางน้ี ยอ มเบื่อหนายแมในรูป แมในเสยี ง แมในกลิ่น แมใ นรส แมในโผฏฐัพพะ แมใ นธรรมารมณ เม่อื เบ่อื หนา ย ยอ มคลายกําหนัด เพราะคลายกําหนดั จงึหลุดพน เม่อื หลุดพน แลว ยอมมีญาณหย่ังรูวา หลุดพนและ รชู ัดวาชาตสิ นิ้ แลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจที่ควรทาํ สาํ เสร็จแลว กจิ อื่นเพอื่ความเปน อยางนีม้ ไิ ดมี. จบ ทตุ ิยเหตุพาหริ สูตรท่ี ๑๐ จบ เทวทหวรรคท่ี ๔
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 274อรรถกถาทุติยรปู ารามสตู รท่ี ๔ เปน ตน สูตรท่ี ๔ เมื่อทรงแสดงลว น ๆ กต็ รสั ดวยอธั ยาศัยของบุคคลผจู ะตรสั ร.ู สูตรท่ี ๕ เปน ตน ก็ตรัสดว ยอธั ยาศยั ของบคุ คลผจู ะตรสั รโู ดยประการนั้น ๆ. สวนเน้อื ความแหงสูตรเหลานัน้ ปรากฏชัดแลว แล. จบ เทวทหวรรคท่ี ๔ รวมพระสูตรทมี่ ีในวรรคนี้ คือ ๑. เทวทหสตู ร ๒. ขณสตู ร ๓. ปฐมรูปารามสตู ร ๔. ทุติย-รปู ารามสูตร ๕. ปฐมนตมุ หากสูตร ๖. ทุติยนะตุมหากสตู ร ๗. ปฐม-เหตุอัชฌัตตสูตร ๘. ทตุ ยิ เหตอุ ชั ฌตั ตสูตร ๙. ปฐมเหตุพาหริ สูตร๑๐. ทตุ ิยเหตพุ าหริ สตู ร.
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 275 นวปรุ าณวรรคท่ี ๕ ๑. กรรมสตู ร วาดว ยกรรมเกา และกรรมใหม [๒๒๗] ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เราจกั แสดงกรรมทง้ั ใหมแ ละเกาความดับแหงกรรม และปฏปิ ทาอันใหถ ึงความดบั แหง กรรม ทานทง้ั หลายจงพึง จงใสใ จใหด ี เราจกั กลา ว ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย กก็ รรมเกา เปนไฉน.จกั ษุอนั บณั ฑิตพงึ เห็นวา เปนกรรมเกา อันปจจัยทงั้ หลายปรุงแตงแลวสําเร็จดวยเจตนา เปนทีต่ ัง้ แหง เวทนา หู จมูก ล้ิน กาย ใจอนั บัณฑิตพงึ เหน็ วาเปนกรรมเกา อันปจจัยปรงุ แตง แลว สําเรจ็ ดว ยเจตนา เปน ที่ตงั้ แหงเวทนา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย น้เี ราเรียกวา กรรมเกา. [๒๒๘] ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็กรรมใหมเปนไฉน. กรรมท่ีบคุ คลทําดวย กาย วาจา ใจ ในบดั นี้ น้ีเราเรียกวา กรรมใหม. [๒๒๙] ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ก็ความดับแหง กรรมเปน ไฉน.นโิ รธทีถ่ ูกตองวิมุตติ เพราะความดบั แหงกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมน้ีเราเรยี กวา ความดบั แหง กรรม. [๒๓๐] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ปฏปิ ทาอันใหถงึ ความดับแหง กรรมเปน ไฉน. อริยมรรคมอี งค ๘ ประการ คอื สัมมาทฏิ ฐิ ๑ สมั มาสงั กัปปะ ๑สัมมาวาจา ๑ สัมมากมั มนั ตะ ๑ สัมมาอาชวี ะ ๑ สมั มาวายามะ ๑ สมั มาสติ ๑สมั มาสมาธิ ๑ ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย น้ีเราเรยี กวา ปฏิปทาอนั ใหถ งึ ความดบั แหงกรรม.
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 276 [๒๓๑] ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย กรรมเกา กรรมใหม ความดบั แหงกรรมและปฏปิ ทาอันใหถ ึงความดบั กรรม เราไดแสดงแลว แกทา นทั้งหลายดวยประการดงั นแี้ ล กิจใดแล อนั เราผูศาสดา ผแู สวงหาประโยชนเ กอ้ื กลูผอู นเุ คราะหแกส าวกทง้ั หลาย พึงทาํ กิจน้ันเราทําแลวเพราะอาศัยความอนเุ คราะห ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย น่ันโคนไม นัน่ เรือนวา งเปลา เธอทัง้หลายจงพยายาม อยา ประมาท อยาไดเปน ผูมีความเดอื ดรอนใจในภายหลงั น้ีเปน อนุศาสนีของเราสาํ หรบั เธอท้งั หลาย. จบ กรรมสูตรที่ ๑ นวปุราณวรรคท่ี ๕ อรรถกถากรรมสูตรที่ ๑ นวปุราณวรรค กรรมสูตรที่ ๑ มีวนิ ิจฉัยดังตอ ไปน้ี . บทวา นวปรุ าณานิ แปลวา ใหม และ เกา. บทวา จกขฺ ุภกิ ขฺ เว ปุราณกมฺม ความวา จกั ษุ ไมเปน ของเกา. กรรมตางหากเปนของเกา. แตทานกลา วอยา งน้ัน ตามชือ่ แหงปจจัยเพราะเกิดแตก รรม.บทวา อภสิ งฺขต ความวา อันปจ จยั ประชมุ ปรงุ แตงขนึ้ . บทวาอภิสฺเจตยิต ไดแ กส าํ เรจ็ ดวยเจตนา. บทวา เวทนิย ทฏฐ พฺพความวา พึงเหน็ วา เปนท่ตี ง้ั แหง เวทนา. บทวา นโิ รธา วิมุตฺตึ ผสุ ติความวา นโิ รธยอ มถกู ตองวมิ ุตติ เพราะกรรม ๓ อยางนี้ ดบั ไป. บทวาอย วุจจฺ ติ ความวา นโิ รธความดบั อันเปน อารมณแ หง วิมตุ ตินน้ั ทานเรยี กวา กรรมนิโรธดับกรรม. ดงั นนั้ จงึ ตรัสวิปส สนาอันเปนบพุ ภาคสวนเบ้ืองตน ไวใ นพระสตู รน.ี้ จบ อรรถกถากรรมสูตรท่ี ๑
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 277 ๒. ปฐมสปั ปายสูตร๑ วา ดว ยปฏปิ ทาเปนสปั ปายะแกนพิ พาน [๒๓๒] ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย เราจะแสดงปฏปิ ทาอันเปนสปั ปายะแกนพิ พาน แกเธอทงหลาย เธอท้ังหลายจงฟง ฯลฯ ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลายปฏิปทาอนั เปนสปั ปายะแกน พิ พานนน้ั เปนไฉน. ภิกษุในศาสนาน้ี ยอ มเห็นวา จักษไุ มเทีย่ ง รูปทง้ั หลายไมเ ท่ยี ง จักษวุ ญิ ญาณไมเทยี่ ง จกั ษุสัมผสัไมเท่ยี ง แมส ุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดข้ึนเพราะจกั ษุสมั ผัสเปนปจ จยั กไ็ มเที่ยง ฯลฯ ภิกษุในศาสนานี้ ยอ มเหน็ วาใจไมเ ทย่ี ง ธรรมารมณไ มเ ทยี่ ง มโนวญิ ญาณไมเทีย่ ง มโนสมั ผสั ไมเทยี่ งแมสขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรืออทกุ ขมสขุ เวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผสั เปนปจ จยั กไ็ มเ ที่ยง ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย น เปนปฏิปทาอนั เปนสัปปายะแกนิพพาน. จบ ปฐมสัปปายสตู ร ๒ ๓. ทตุ ยิ สปั ปายสูตร วา ดว ยปฏิปทาเปน สัปปายะแกนิพพาน [๒๓๓] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย เราจกั แสดงปฏิปทาอนั เปน สปั ปายะแกน ิพพานแกเธอทง้ั หลาย เธอท้ังหลายจงฟง ฯลฯ ดูกอนภิกษุทง้ั หลายปฏิปทาอันเปน สัปปายะแกนิพพานน้นั เปน ไฉน ภิกษุในศาสนานี้ เหน็ วา๑. อรรถกถาสตู รท่ี ๒ - ๕ แกรวมกันไวท ายสตู รที ๕
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 278จักษุเปนทกุ ข รูปเปนทกุ ข จักษวุ ิญญาณเปน ทุกข จกั ษุสมั ผสั เปน ทุกขแมสขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ท่เี กิดขึ้นเพราะจกั ษุสัมผสั เปน ปจจัยก็เปน ทกุ ข ฯลฯ ภิกษุในศาสนาน้ี เห็นวา ใจเปนทุกขธรรมารมณเปนทกุ ข มโนวญิ ญาณเปนทุกข มโนสัมผัสเปน ทกุ ข แมสขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทุกขมสขุ เวทนา ทเ่ี กิดขนึ้ เพราะมโนสัมผัสเปน ปจจยั กเ็ ปน ทุกข ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย น้แี ลปฏิปทาอันเปนสปั ปายะแกนิพพาน. จบ ทตุ ิยสัปปายสูตรท่ี ๓ ๔. ตติยสปั ปายสูตร วาดวยปฏปิ ทาเปน สัปปายะแกนิพพาน [๒๓๔] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เราจกั แสดงปฏิปทาอันเปนสัปปายะแกน พิ พานแกเธอทั้งหลาย เธอท้งั หลายจงพึง ฯลฯ ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลายปฏปิ ทาอันเปนสปั ปายะแกนพิ พานนน้ั เปนไฉน. ภกิ ษุในศาสนาน้ี เห็นวาจกั ษเุ ปนอนตั ตา รูปเปนอนัตตา จักษุวญิ ญาณเปนอนตั ตา จกั ษสุ มั ผสัเปนอนตั ตา แมส ุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ทเี่ กดิ ขน้ึเพราะจักษสุ ัมผสั เปนปจ จยั กเ็ ปน อนัตตา ฯลฯ ภกิ ษใุ นศาสนานี้ เหน็ วาใจเปนอนตั ตา ธรรมารมณเ ปน อนตั ตา มโนวญิ ญาณเปนอนตั ตา มโน-สัมผสั เปน อนตั ตา แมส ขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ที่เกิดข้ึนเพราะมโนสมั ผัสเปน ปจจยั ก็เปน อนตั ตา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย นีแ้ ลปฏิปทาอนั เปนสัปปายะแกน พิ พาน. จบ ตติยสปั ปายสตู รท่ี ๔
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 279 ๕. จตุตถสปั ปายสตู ร วา ดว ยปฏิปทาเปนสปั ปายะแกน พิ พาน [๒๓๕] ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เราจักแสดงปฏปิ ทาอันเปนสปั ปายะแกน ิพพานแกเธอทงั้ หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง ฯลฯ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลายปฏปิ ทาอันเปน สปั ปายะแกนิพพานนนั้ เปน ไฉน. ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย เธอท้ังหลายจกั สําคัญความขอนัน้ เปนไฉน. จักษุเท่ยี งหรอื ไมเท่ยี ง ภกิ ษุท้ังหลายกราบทูลวา ไมเ ทยี่ ง พระเจาขา . พ. กส็ ่งิ ใดไมเ ที่ยง สง่ิ นั้นเปน ทุกขหรอื เปน สุขเลา . ภิ. เปนทกุ ข พระเจา ขา . พ. กส็ ่ิงใดไมเ ทยี่ ง เปนทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาควรหรือท่ีจะตามเห็นสิ่งน้ันวา น่ันของเรา เราเปน นนั่ น่นั เปน ตัวตนของเรา. ภิ. ไมควรเหน็ อยา งนั้น พระเจาขา . พ. รูป จักษุวญิ ญาณ จักษสุ ัมผัส แมสขุ เวทนา ทุกขเวทนาหรอื อทุกขมสขุ เวทนา ท่เี กิดข้ึนเพราะจกั ษสุ มั ผสั เปนปจจยั เที่ยงหรือไมเท่ยี ง. ภ.ิ ไมเที่ยง พระเจา ขา . พ. ก็สงิ่ ใดไมเทย่ี ง ส่ิงน้ันเปน ทุกขห รอื สุขเลา. ภิ. เปนทกุ ข พระเจาขา. พ. กส็ ่งิ ใดไมเทย่ี ง เปนทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาควรหรือทจ่ี ะตามเหน็ ส่ิงนั้นวา น่ันของเรา เราเปน นั่น นั่นเปนตวั ตนของเรา.
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 280 ภ.ิ ไมค วรเหน็ อยา งนั้น พระเจา ขา . พ. ใจเท่ียงหรอื ไมเที่ยง. ภ.ิ ไมเ ทย่ี ง พระเจา ขา. พ. ก็สิง่ ใดไมเทยี่ ง สิง่ นั้นเปน ทุกขห รอื เปนสขุ เลา. ภิ. เปน ทุกข พระเจา ขา. พ. ก็ส่งิ ใดไมเทีย่ ง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาควรหรือที่จะตามเห็นสง่ิ นนั้ วา นัน่ ของเรา เราเปนน่นั นนั่ เปน ตวั ตนของเรา. ภิ. ไมค วรเหน็ อยางนั้น พระเจาขา . พ. ธรรมารมณ มโนวญิ ญาณ มโนสมั ผัส แมสขุ เวทนาทกุ ขเวทนา หรืออทุกขมสขุ เวทนา ท่เี กิดขน้ึ เพราะมโนสัมผสั เปนปจจยัเทีย่ งหรอื ไมเ ทย่ี ง. ภิ. ไมเ ที่ยง พระเจา ขา . พ. ก็สิ่งใดไมเท่ียง สง่ิ นั้นเปน ทุกขหรือเปนสุขเลา. ภิ. เปนทกุ ข พระเจาขา . พ. กส็ ง่ิ ใดไมเที่ยง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาควรหรือทจี่ ะตามเห็นส่ิงน้นั วา นนั่ ของเรา เราเปนน่นั น่นั เปนตัวตนของเรา ภ.ิ ไมควรเหน็ อยา งน้ัน พระเจาขา.
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 281 พ. ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย อริยสาวกผูไดส ดับแลว เห็นอยอู ยา งนี้ยอมเบื่อหนายแมในจกั ษุ แมใ นรูป แมในจกั ษวุ ิญญาณ แมใ นจักษุสัมผสัแมใ นสุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทุกขมสขุ เวทนา ทีเ่ กิดขน้ึ เพราะจกั ษุสัมผัสเปน ปจ จัย ฯลฯ ยอ มเบอ่ื หนา ยแมในใจ แมใ นธรรมารมณ แมในมโนวญิ ญาณ แมในมโนสมั ผัส แมใ นสุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรอือทุกขมสุขเวทนา ทเี่ กิดขนึ้ เพราะมโนสัมผัสเปน ปจ จยั เม่ือเบอื่ หนายยอ มคลายกําหนดั เพราะคลายกาํ หนดั จงึ หลุดพน เมอ่ื หลุดพนแลวยอมมญี าณหยง่ั รวู า หลดุ พน แลว รชู ดั วา ชาตสิ ้ินแลว พรหมจรรยอยูจบแลว กจิ ทคี่ วรทาํ ทาํ เสร็จแลว กจิ อนื่ เพ่อื ความเปนอยางนมี้ ิไดม ีดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย นีแ้ ลเปนปฏปิ ทาอันเปน สปั ปายะแกนิพพาน. จบ จตตุ ถสปั ปายสูตรที่ ๕อรรถกถาอนจิ จนิพพานสัปปายสตู รท่ี ๒ เปน ตน ในอนจิ จนิพพานสัปปายสตู รที่ ๒ มีวินิจฉยั ดงั ตอ ไปนี้ . บทวา นพิ พฺ านสปฺปาย ไดแ ก อันเปนสัปปายะ คือ ปฏปิ ทาอันเปนอุปการะแกพระนพิ พาน. แมใ นสตู รท่ี ๓ เปน ตนกน็ ัยนี้เหมือนกัน.แตในพระสูตรทง้ั ๔ นี้ ตรสั มรรค ๔ พรอมดวยวิปสสนาโดยลําดบั . จบ อรรถกถาอนจิ จนิพานสัปปายสตู รท่ี ๒ - ๕
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 282 ๖. อนนั เตวาสิกานาจริยสูตร๑วา ดวยผปู ระพฤตพิ รหมจรรยอ ยเู ปน ทุกขและเปน สขุ [๒๓๖] ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษอุ ยูป ระพฤตพิ รหมจรรยนี้อนัไมม ีอนั เตวาสกิ ไมมอี าจารย ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษุยงั มอี ันเตวาสกิยังมีอาจารยอยเู ปนทุกข ไมส าํ ราญ สวนภิกษไุ มม ีอนั เตวาสกิ ไมมีอาจารยอยเู ปน สุขสาํ ราญ ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็ภกิ ษุยงั มอี ันเตวาสิก ยังมีอาจารย ยอมอยเู ปน ทุกข ไมส าํ ราญเปน ไฉน. ธรรมทงั้ หลายอนั เปน บาปเปนอกุศล คือ ความดําริอนั ฟงุ ซานอันเปน เคร่ืองประกอบสัตวไ วใ นภพยอมบงั เกดิ ข้นึ แกภิกษใุ นศาสนาน้ี เพราะเห็นรูปดวยจกั ษุ อกศุ ลธรรมเหลา นน้ั ยอ มอยูภายในของภกิ ษุน้ัน เพราะอกศุ ลธรรมอยูภายในของภกิ ษุน้นั เหตุนั้นเราจึงเรยี กภิกษุนนั้ วา มีอันเตวาสิก เพราะอกุศลธรรมอันลามกเหลา น้นั ยอมครอบงําภกิ ษุน้ัน เหตุนั้นเราจงึ เรียกภกิ ษุน้นั วามีอาจารย อีกประการหนงึ่ อกศุ ลธรรมอันลามก คือ ความดํารฟิ ุง ซานเปน เครอ่ื งประกอบสตั วไวใ นภพ ยอ มเกิดขึ้นแกภ กิ ษุ เพราะฟงเสียงดวยห.ู .. เพราะสูดกลนิ่ ดว ยจมูก... เพราะลม้ิ รสดว ยลนิ้ . . . เพราะถูกตอ งโผฏฐัพพะดว ยกาย. . . เพราะรแู จง ธรรมารมณดวยใจ อกศุ ลธรรมเหลา นนั้อยูภายในของภกิ ษนุ ั้น เพราะอกุศลธรรมอนั ลามกเหลานั้นอยูภายในของภกิ ษุนน้ั เหตนุ ั้น เราจึงเรยี กภกิ ษุนนั้ วา มอี ันเตวาสิก เพราะอกศุ ลธรรมอนั ลามกเหลานนั้ ยอ มครอบงําภกิ ษนุ น้ั เหตุนัน้ เราจึงเรยี กภิกษนุ น้ั วามีอาจารย ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษุผูมีอันเตวาสิก มอี าจารย ยอ มอยูเปนทุกข ไมส าํ ราญ อยางน้ีเลย.๑. อรรถกถาสูตรที่ ๖ - ๗ แกร วมไวท า ยสูตรท่ี ๗
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 283 [๒๓๗] ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย กภ็ กิ ษผุ ไู มมีอนั เตวาสกิ ไมมีอาจารย ยอ มอยเู ปนสุข สาํ ราญอยา งไร. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย อกุศลธรรมอนั ลามก คือ ความดาํ รฟิ ุง ซาน เปน เครื่องประกอบสตั วไวในภพไมเ กิดขึ้นแกภ ิกษใุ นธรรมวินยั น้ี เพราะเหน็ รูปดว ยจกั ษุ อกศุ ลธรรมอันลามกเหลา นัน้ ไมอยูในภายในของภิกษุนนั้ เพราะอกุศลธรรมอันลามกไมอ ยูในภายในของภิกษนุ ั้น เหตนุ นั้ เราจงึ เรียกภกิ ษุน้นั วา ไมมีอัน-เตวาสิก เพราะอกศุ ลธรรมอนั ลามกไมครอบงาํ ภกิ ษุนน้ั เหตุนั้น เราจงึเรยี กภิกษนุ ัน้ วา ไมม อี าจารย อกุศลธรรมอันลามก คอื ความดํารอิ นัฟุงซา น เปนเคร่ืองประกอบสัตวไ วในภพ ยอ มไมเกดิ ข้ึนแกภ ิกษุ เพราะฟง เสยี งดวยหู เพราะสูดกลน่ิ ดว ยจมกู เพราะลิม้ รสดว ยลิน้ เพราะถกู ตอ งโผฏฐพั พะดวยกาย เพราะรูแจง ธรรมารมณดว ยใจ อกุศลธรรมอันลามกเหลานั้น ไมอยใู นภายในของภกิ ษนุ ้นั เพราะอกศุ ลธรรมอนั ลามกไมอ ยูใ นภายในของภกิ ษุนั้น เหตุนน้ั เราจึงเรียกภกิ ษุน้ันวา ไมม ีอัน-เตวาสกิ เพราะอกุศลธรรมอันลามกไมค รอบงาํ ภิกษนุ ้ัน เหตุน้ัน เราจงึเรียกภกิ ษุน้นั วา ไมมีอาจารย ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุผูไ มมอี นั เตวาสิกไมมีอาจารย ยอ มอยเู ปนสขุ สําราญ ดวยประการอยางนี้แล ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษุอยูป ระพฤตพิ รหมจรรยอ นั ไมมีอนั เตวาสิก ไมมอี าจารยดงั นี้ ภกิ ษุผูม อี นั เตวาสกิ มอี าจารย ยอมอยูเ ปนทุกข ไมสําราญ ( สว น )ผไู มม ีอนั เตวาสิก ไมม ีอาจารย ยอ มอยเู ปน สุขสาํ ราญ ดงั นี้แล. จบ อนนั เตวาสกิ านาจริยสตู รท่ี ๖
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 284 ๗. ตติ ถยิ สตู ร วาดวยทกุ ข [ ๒๓๘ ] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ถาวา พวกปริพาชกอญั ญเดยี รถียพึงถามพวกเธออยางนวี้ า อาวุโสทง้ั หลาย พวกทานอยปู ระพฤตพิ รหมจรรยในสํานักพระสมณโคดมเพ่ือประสงคอ ะไร. พวกเธอเมือ่ ถูกถามอยางนี้พงึ พยากรณแ กพวกเขาอยางน้วี า พวกเราอยูป ระพฤตพิ รหมจรรยใ นสํานกัพระผมู พี ระภาคเจา เพ่อื กําหนดรูทุกข ก็ถาพวกเขาถามอยา งน้วี า อาวุโสท้ังหลาย ก็ทุกขทท่ี านทั้งหลายอยปู ระพฤตพิ รหมจรรยในสํานกั พระสมณ-โคดมเพ่อื รูนัน้ เปน ไฉน พวกเธอพึงพยากรณแ กพวกเขาอยางน้วี า พวกเราอยูป ระพฤติพรหมจรรยในสํานักพระผมู พี ระภาคเจา เพ่ือกาํ หนดรูท กุ ขคือจกั ษุ ทกุ ขคอื รปู ทุกขค อื จกั ษุวิญญาณ ทกุ ขคือจักษุสัมผัสทกุ ขค ือสขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทุกขมสขุ เวทนาท่ีเกิดขึน้ เพราะจกั ษสุ มั ผสั เปนปจ จยั ฯลฯ พวกเราอยูป ระพฤติพรหมจรรยในสาํ นักพระ-ผมู ีพระภาคเจา เพื่อกาํ หนดรทู ุกขค อื ใจ ทุกขค ือธรรมารมณ ทกุ ขคือมโนวิญญาณ ทุกขค ือมโนสัมผัส ทกุ ขค ือสุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรืออทุกขมสขุ เวทนา ท่เี กิดข้นึ เพราะมโนสมั ผัสเปน ปจจยั ดูกอนอาวุโสทัง้ หลาย พวกเธอเม่ือถูกถามอยา งน้ี พงึ พยากรณแกพ วกปริพาชกอัญญ-เดียรถียเหลานนั้ อยา งนี้แล. จบ ตติ ถยิ สตู รท่ี ๗
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 285อรรถกถาอนั เตวาสิกสูตรที่ ๖ เปน ตน ในอนั เตวาสิกสตู รท่ี ๖ มีวินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปน้ี. บทวา อนนฺเตวาสกิ ไดแ กเวน จากกิเลสอันอยใู นภายใน. บทวาอนาจรยิ ก ไดแ กเวนจากกเิ ลสอันมาจากภายนอก. บทวา อนตฺ สฺส วสนตฺ ิไดแ ก ยอมอยใู นภายในของผูนน้ั . บทวา เต น สมุทาจรนฺติ ความวาอกุศลธรรมเหลาน้นั ยอมครอบงาํ ทว มทับ ผูน นั้ หรอื ใหผูน น้ั สาํ เหนียกกเิ ลสเหลานนั้ ชือ่ วาเปนอาจารยของเขา ดว ยอรรถวา อบรม กลา วคือใหสําเหนียกดังนว้ี า จงทําเวชกรรมอยางนี้ จงทําทตู กรรมอยางน.ี้ กเิ ลสเหลานี้ ยอมชื่อวา เปน อาจารยด งั น.ี้ อธบิ ายวา ภิกษุเปนผูอ ันอาจารยเหลา นน้ั ทําใหเลื่อมใส. คําท่เี หลือในท่นี ้ี พงึ ทราบโดยนัยดงั กลา วแลวนนั่ แล. สูตรที่ ๗ มี่นัยดังกลา วแลว แล. จบ อรรถกถาอันเตวาสิกสูตรที ๖ - ๗ ๘. ปรยิ ายสตู รวา ดวยเหตทุ จ่ี ะใหภิกษอุ าศัยพยากรณอ รหตั ตผล [๒๓๙] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย เหตุมหี รือ ทีจ่ ะใหภ ิกษุอาศยัพยากรณอรหตั ตผล เวนจากเช่ือผอู น่ื หรอื เวน จากความชอบใจ เวน จากการฟงตอ ๆ กนั มา เวนจากการนกึ เดาเอาตามเหตุ เวน จากการถือเอาใจความตามความเห็นของตน ยอ มรชู ดั วา ชาตสิ น้ิ แลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจทีค่ วรทาํ ทาํ เสรจ็ แลว กจิ อ่นื เพอ่ื ความเปน อยา งน้ีมิไดม ี ภิกษุ
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 286ทง้ั หลายกราบทูลวา ขาแตพระองคผเู จรญิ ธรรมท้ังหลายของพวกขา พระ-องค มีพระผมู พี ระภาคเจา เปน มูล เปนผแู นะนํา เปนที่พ่ึง ขา แตพ ระองคผเู จริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอเนือ้ ความแหง ภาษติ นี้จงแจมแจงกะพระผมู พี ระภาคเจา เถิด ภกิ ษุท้ังหลายไดฟง ตอพระผูม พี ระภาคเจา แลวจกั ทรงจําไว พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ถาอยา งนนั้พวกเธอจงฟง จงใสใ จใหด ี เราจกั กลาวบดั นี้ ภกิ ษุเหลา นัน้ ทลู รับพระดํารัสพระผูมีพระภาคเจาแลว พระผูม ีพระภาคเจา ไดต รสั วา ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลายเหตุมีอยู ทจ่ี ะใหภกิ ษุอาศัยพยากรณอ รหัตตผล เวน จากการเชอ่ื ผูอ่ืน เวนจากความชอบใจ เวน จากการฟงตอ ๆ กนั มา เวน จากการนึกเดาเอาตามเหตุ เวน จากการถอื เอาวา ตองกับความเหน็ ของตน ยอ มรูชดั วา ชาติสนิ้ แลวพรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจทคี่ วรทํา ทาํ เสร็จแลว กจิ อน่ื เพ่อื ความเปนอยางนี้มไิ ดมี. [๒๔๐] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย กเ็ หตุที่จะใหภ กิ ษอุ าศยั พยากรณอรหัตตผล ฯลฯ เปน ไฉน. ภกิ ษุในธรรมวินยั นี้ เหน็ รปู ดว ยจักษุแลวยอมรชู ดั ซ่ึงราคะ โทสะและโมหะอันมอี ยูใ นภายในวาราคะ โทสะ และโมหะมอี ยใู นภายในของเรา ภกิ ษุเห็นรปู ดวยจักษแุ ลว ยอมรชู ดั ซ่ึงราคะโทสะ และโมหะอันมีอยูใ นภายในวา ราคะ โทสะ และโมหะมีอยใู นภายในของเรา หรอื รูชดั ซึ่งราคะ โทสะ และโมหะอันไมม ีอยใู นภายในวาราคะ โทสะ และโมหะไมมีอยใู นภายในของเรา ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลายธรรม เหลานพี้ ึงทราบดว ยการเชอื่ ตอ ผูอื่น พงึ ทราบดว ยความชอบใจ พึง
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 287ทราบดว ยการฟง ตอ ๆ กนั มา พงึ ทราบดวยการนึกเดาเอาตามเหตุ หรือพึงทราบดว ยการถือเอาวาตองกับความเหน็ ของตนบางหรอื หนอ. ภิกษุเหลาน้นั กราบทลู วา ไมใชอยา งน้ัน พระเจา ขา. พ. ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ธรรมเหลา น้พี งึ ทราบไดเพราะเหน็ ดว ยปญ ญามิใชห รือ. ภิ. อยางนนั้ พระเจา ขา. พ. ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย แมข อ นี้กเ็ ปน เหตใุ หภิกษุอาศัยพยากรณอรหตั ตผล เวนจากการเชือ่ ผูอ ื่น เวนจากความชอบใจ เวนจากการฟงตอ ๆ กันมา เวนจากการนกึ เดาเอาตามเหตุ เวน จากการถือเอาวาตอ งกบัความเหน็ ของตน ยอ มรูชดั วา ชาติสน้ิ แลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจทค่ี วรทํา ทําเสร็จแลว กจิ อน่ื เพ่ือความเปนอยางนมี้ ไิ ดม.ี [๒๔๑] ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย อกี ประการหน่ึง ภิกษลุ ้ิมรสดวยลน้ิ ฯลฯ. [๒๔๒] ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อีกประการหนึง่ ภิกษุรูแจงธรรมารมณดว ยใจแลว ยอมรชู ดั ซึ่งราคะ โทสะ และโมหะอันมอี ยใู นภายในวา ราคะ โทสะ และโมหะมอี ยใู นภายในของเรา หรือยอ มรูช ัดซง่ึ ราคะ โทสะ และโมหะอันไมม อี ยใู นภายในวา ราคะ โทสะ และโมหะไมมีอยใู นภายในของเรา ภิกษรุ แู จง ธรรมารมณอ ยางใดดว ยใจแลว ยอ มรูชดั ซึ่งราคะ โทสะ และโมหะอนั มีอยใู นภายในวา ราคะ โทสะ และโมหะมีอยใู นภายในของเรา หรือยอมรูช ัดซึ่งราคะ โทสะ และโมหะ อนั ไมม อี ยู
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 288ในภายในวา ราคะ โทสะ และโมหะไมมีอยใู นภายในของเรา ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ธรรมเหลา นน้ั พงึ ทราบไดด วยการเชอ่ื ตอผูอื่น ทราบไดดว ยความชอบใจ ทราบไดดว ยการฟง ตอ ๆ กันมาทราบไดด วยการนกึ เดาเอาตามเหตุหรอื พงึ ทราบไดด ว ยการถอื เอาวา ตอ งกับความเห็นของตน บางหรือหนอ. ภ.ิ ไมใชอ ยางนั้น พระเจา ขา . พ. ธรรมเหลา น้พี งึ ทราบไดเพราะเหน็ ดวยปญญามใิ ชหรอื . ภ.ิ อยา งนัน้ พระเจา ขา . พ. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย แมขอนก้ี ็เปน เหตใุ หภกิ ษอุ าศัยพยากรณอรหตั ตผลเวน จากการเช่ือตอผอู น่ื เวน จากความชอบใจ เวนจากการฟง ตอ ๆกนั มา เวน จากการนกึ เดาเอาตามเหตุ เวน จากการถอื เอาวาตองกบั ความเหน็ ของตน ยอ มรชู ัดวา ชาตสิ น้ิ แลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจท่คี วรทําทําเสร็จแลว กิจอืน่ เพื่อความเปน อยางน้มี ไิ ดม .ี จบ ปรยิ ายสตู รท่ี ๘ อรรถกถาปริยายสูตรท่ี ๘ ในปริยายสูตรที่ ๘ มวี นิ ิจฉัยดังตอไปน.ี้ บทวา ย ปรยิ าย อาคมมฺ ความวา อาศัยเหตุใด. บทวา อฺเตฺรวสทธฺ าย ความวา เวน ศรทั ธา คอื ปราศจากศรัทธา. กใ็ นทน่ี ี้ บทวาสทฺธา ไมไดห มายเอาศรัทธา ทป่ี ระจักษ ( เหน็ ดวยตนเอง ) แตคําวาศรทั ธาน้ี ทา นกลาวหมายถึงอาการเชือ่ ท่ฟี งคนอื่นพูดวาเขาวาอยา งนั้นแลว
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 289กม็ ิไดเ ล่อื มใสอาการ คอื การใหช อบใจแมในสงิ่ ท่ชี อบใจเปน ตน เห็นดวยแลวยดึ ถอื วา น่มี ีจรงิ เปนจรงิ ชื่อวา รุจิ ชอบใจ ฟงตามคําบอกเลา วาเรือ่ งนี้จกั มจี กั เปนจริง ชือ่ วา ฟง ตามกนั มา. เมอ่ื นงั่ คดิ ถึงเหตุ เหตยุ อ มปรากฏ เม่อื เหตุปรากฏอยา งนี้ การเช่อื ถือวา เรื่องนีม้ จี รงิ ชื่อวา ตรึกตามอาการ. อธิบายวา ตรึกตามเหตุ. เม่ือนง่ั คดิ ลัทธิอันลามก ยอมเกิดข้นึอาการคือการถือเอาลทั ธลิ ามกนั้นวา ส่ิงนี้กค็ ือส่ิงนั้นมอี ยู ชื่อวา เชือ่ ดวยชอบใจวา ตอ งกบั ลทั ธขิ องตน. บทวา อฺ พฺยากเรยฺย ความวา หลุด-พนฐานะ ๕ เหลา นี้แลว พึงพยากรณพ ระอรหตั . ในสตู รนต้ี รสั ถึงปจเจกขณญาณ สาํ หรบั พระเสขะและอเสขะ. จบ อรรถกถาปรยิ ายสตู รที่ ๘ ๙. อนิ ทรยิ สตู ร วาดว ยเร่อื งอนิ ทรยี [๒๔๓] ครั้งน้นั แล ภกิ ษุรปู หนงึ่ เขาไปเฝาพระผูม พี ระภาคเจาถึงที่ประทบั ฯลฯ ครั้นแลว ไดทลู ถามพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพระองคผเู จริญ ท่ีพระองคตรัสวา ภกิ ษุผถู งึ พรอมดว ยอินทรยี ๆ ดงั น้ี ภิกษเุ ปนผูถงึ พรอมดวยอินทรยี ดวยเหตเุ พยี งเทา ไรหนอ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวาดกู อนภิกษุ ถาวา ภิกษุพิจารณาเหน็ ความเกดิ ขึน้ และความเส่ือมไปในจัก-ขุนทรีย ยอมเบอื่ หนา ยในจกั ขนุ ทรีย ฯลฯ พจิ ารณาเหน็ ความเกิดขนึ้ และ
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 290ความเส่ือมในมนินทรยี ยอ มเบอื่ หนา ยในมนนิ ทรยี เมื่อเบ่อื หนา ย ยอมคลายกําหนัด เพราะคลายกําหนดั จึงหลุดพน เมื่อหลุดพนแลว ยอ มมีญาณหยัง่ รวู า หลุดพน แลว รูชดั วา ชาติส้นิ แลว พรหมจรรยอยจู บแลวกิจท่คี วรทาํ ทําเสรจ็ แลว กิจอืน่ เพ่อื ความเปนอยา งน้ีมิไดมี ดกู อนภิกษุภกิ ษุเปนผูถึงพรอมดว ยอินทรีย ดว ยเหตเุ พียงเทา นีแ้ ล. จบ อนิ ทริยสูตรท่ี ๙ อรรถกถาอินทริยสูตรท่ี ๙ ในอินทรยิ สูตรท่ี ๙ มีวนิ ิจฉัยดังตอ ไปนี้. บทวา อินฺทรฺ ยิ สมฺปนฺโน ไดแก ภกิ ษุผูมอี ินทรียสมบูรณ. ในคาํ นน้ัภกิ ษใุ ดพิจารณาอินทรีย ๖ แลวบวรลุพระอรหัต ภกิ ษนุ น้ั ชอื่ วา มีอนิ ทรยี สมบูรณ ภิกษนุ น้ั ชือ่ วา เปนผมู อี นิ ทรียสมบูรณเพราะประกอบดวยอนิ ทรยี ทข่ี าวสะอาดหมดพยศ หรอื เพราะประกอบดวยอินทรีย มีศรทั ธาเปน ตนที่เกดิ ขนึ้ แกผูพิจารณาอนิ ทรีย ๖ มีจกั ขนุ ทรียเปน ตน. พระผูมพี ระภาคเจาทรงหมายเอาภิกษผุ ูมอี ินทรียส มบรู ณนัน้ จงึ ทรงทําเทศนาใหพ ิสดารแกภิกษุน้นั โดยนัยมีอาทิวา จกฺขุนทฺ รฺ ิเย จ ดงั น้ี แลว ตรสั วา เอตฺตาวตา โขภกิ ขฺ ุ อินทฺ ฺรียสมฺปนฺโน ภิกษทุ ชี่ อื่ วา สมบูรณดวยอนิ ทรยี ดวยเหตุเพียงเทา นี.้ จบ อรรถกถาอนิ ทริยสูตรท่ี ๙
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 291 ๑๐. ธรรมกถิกสูตร วาดวย เหตทุ ่ีเรยี กวา เปน ธรรมกถึก [๒๔๔] ครั้งน้นั แล ภกิ ษรุ ูปหนง่ึ เขา ไปเฝาพระผูมีพระภาคเจาถงึ ท่ีประทับ ฯลฯ ครนั้ แลว ไดท ลู ถามพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพระองคผเู จรญิ ที่เรยี กวา ภกิ ษุเปน พระธรรมกถึก ๆ ดงั น้ี ภิกษุเปนพระธรรมกถึกดวยเหตุเพยี งเทาไรหนอ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อ นภิกษุ ถา ภกิ ษุแสดงธรรมเพื่อหนาย เพ่อื คลายกาํ หนัด เพอื่ ดบั จักษุ ควรเรยี กไดวาภกิ ษุเปน พระธรรมกถึก ถา เปนผูปฏิบตั เิ พ่ือหนาย เพื่อคลายกาํ หนดั เพือ่ดับจกั ษุ ควรเรียกไดวา ภกิ ษุปฏิบัตธิ รรมสมควรแกธ รรม ถาเปน ผูหลุดพนเพราะหนา ย เพราะคลายกาํ หนัด เพราะดับ เพราะไมถ อื มัน่ จักษุ ควรเรยี กไดวา ภกิ ษุผบู รรลุนพิ พานในปจ จบุ นั ฯลฯ ภิกษแุ สดงธรรมเพอ่ื หนายเพ่ือคลายกําหนดั เพื่อดบั ใจ ควรเรยี กไดว า ภิกษเุ ปนพระธรรมกถึกถาเปน ผูปฏิบัตเิ พอ่ื หนา ย เพอ่ื คลายกาํ หนัด เพื่อดบั ใจ ควรเรียกไดว าภิกษเุ ปนผปู ฏบิ ตั ิธรรมสมควรแกธรรม ถาเปนผหู ลุดพนเพราะหนา ยเพราะคลายกําหนัด เพราะดับ เพราะไมถ อื มนั่ ใจ ควรเรียกไดวา ภิกษุผูบรรลุนิพพานในปจจบุ นั . จบ ธรรมกถิกสูตรที่ ๑๐ จบ นวปุราณวรรคท่ี ๕
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 517
Pages: