พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 326 ๓๙. ตติยอนิจจสตู รวาดว ยอายตนะภายในที่เปนปจ จุบันไมเทย่ี งเปนทกุ ขเ ปนอนัตตา [๒๗๓] ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย จกั ษทุ ีเ่ ปนปจ จุบันไมเ ทีย่ ง ส่ิงใดไมเ ท่ียง สิ่งนนั้ เปน ทกุ ข สิง่ ใดเปนทกุ ข สิง่ นัน้ เปน อนัตตา สิง่ ใดเปนอนัตตา สงิ่ น้นั ไมใชข องเรา เราไมเ ปน น่นั น่ันไมใ ชต วั ตนของเรา ขอ นี้พึงเห็นดวยปญญาอันชอบตามความเปน จรงิ อยางน้ี หูทเี่ ปน ปจจุบนั ไมเ ทีย่ งจมูกท่เี ปนปจจบุ ันไมเ ทย่ี ง ล้นิ ที่เปนปจ จบุ นั ไมเ ท่ยี ง กายท่เี ปนปจจุบันไมเท่ียง ใจท่ีเปนปจจบุ นั ไมเท่ยี ง ฯลฯ กจิ อื่นเพื่อความเปน อยางนี้มไิ ดมี. จบ ตติยอนจิ จสูตรที่ ๓๙ ๔๐. ปฐมทกุ ขสตู รวา ดว ยอายตนะภายในทเี่ ปนอดตี เปนทกุ ขเ ปนอนัตตา [๒๗๔] ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย จกั ษุทีเ่ ปนอดีตเปน ทุกข สง่ิ ใดเปนทุกข สิ่งนั้นเปน อนตั ตา สง่ิ ใดเปนอนตั ตา ส่ิงนั้นไมใ ชข องเรา เราไมเปนนั่น น่ันไมใ ชต ัวตนของเรา ขอ นพี้ งึ เห็นดวยปญ ญาอันชอบตามความเปน จรงิ อยา งนี้ หูที่เปนอดตี เปนทุกข จมกู ที่เปน อดตี เปนทุกข ลน้ิ ท่ีเปนอดตี เปนทกุ ข กายท่ีเปน อดีตเปนทุกข ใจท่เี ปนอดีตเปนทกุ ข สงิ่ ใดเปนทุกข สิง่ นั้นเปน อนัตตา ส่งิ ใดเปนอนัตตา สงิ่ น้ันไมใ ชข องเรา เราไมเปนนัน่ น่ันไมใชต วั ตนของเรา ขอ น้พี งึ เหน็ ดว ยปญ ญาอันชอบตามความเปนจรงิ อยา งนี้ ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย อริยสาวกผูไ ดสดับแลว เหน็ อยูอยา งนี้ ฯลฯ กจิ อนื่ เพอื่ ความเปน อยา งนมี้ ิไดม .ี จบ ปฐมทุกขสตู รท่ี ๔๐
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 327 ๔๑. ทตุ ยิ ทุกขสูตรวาดวยอาตนะภายในท่เี ปน อนาคตเปนทกุ ขเ ปน อนัตตา ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย จักษุทีเ่ ปนอนาคตเปนทกุ ข ส่งิ ใดเปน ทุกขส่งิ น้นั เปน อนัตตา สง่ิ ใดเปน อนตั ตา ส่ิงนัน้ ไมใชข องเรา เราไมเปนนัน่นั่นไมใชตวั ตนของเรา ขอนี้พึงเห็นดว ยปญ ญาอันชอบตามความเปนจริงอยางน้ี หูที่เปนอนาคตเปน ทกุ ข จมูกท่เี ปนอนาคตเปน ทุกข ล้ินท่ี เปนอนาคตเปนทกุ ข กายทเี่ ปนอนาคตเปนทกุ ข ใจทเ่ี ปน อนาคตเปน ทกุ ขฯลฯ กจิ อ่นื เพอ่ื ความเปน อยา งน้ีมไิ ดม ี. จบ ทตุ ิยทุกขสตู รท่ี ๔๑ ๔๒. ตตยิ ทกุ ขสตู รวา ดว ยอายตนะภายในทเ่ี ปนปจจุบนั เปนทกุ ขเ ปน อนัตตา ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย จกั ษทุ ่ีเปน ปจ จบุ นั เปนทกุ ข ส่ิงใดเปน ทุกขส่ิงนัน้ เปน อนัตตา สิ่งใดเปน อนตั ตา สง่ิ น้นั ไมใ ชข องเรา เราไมเปนนั่น นนั่ไมใ ชต ัวตนของเรา ขอน้ีพงึ เหน็ ดวยปญญาอันชอบตามความเปนจรงิ อยา งน้ีหทู ่ีเปนปจ จบุ ันเปน ทกุ ข จมกู ท่ีเปน ปจ จบุ ันเปนทุกข ลน้ิ ที่เปน ปจ จบุ ันเปนทกุ ข กายที่เปนปจจุบนั เปน ทกุ ข ใจทเ่ี ปน ปจจุบันเปนทุกข ฯลฯกิจอื่นเพ่ือความเปนอยา งน้ีมไิ ดม.ี จบ ตติยทุกขสูตรที่ ๔๒
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 328 ๔๓. ปฐมอนตั ตสูตร วา ดว ยอายตนะภายในทเ่ี ปนอดตี เปน อนตั ตา [๒๗๕] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย จักษทุ เี่ ปนอดีตเปน อนตั ตา สง่ิ ใดเปน อนตั ตาส่งิ นั้นไมใ ชของเรา เราไมเ ปนนน่ั นนั่ ไมใชต ัวตนของเรา ขอ นี้พึงเหน็ ดว ยปญญาอันชอบตามความเปน จริงอยางน้ี หูท่ีเปนอดตี เปนอนตั ตา จมูกทเี่ ปน อดตี เปน อนัตตา ลิ้นทเ่ี ปน อดตี เปนอนัตตา กายทเี่ ปนอดตี เปนอนตั ตา ใจที่เปนอดีตเปนอนตั ตา สงิ่ ใดเปนอนัตตา ส่ิงนน้ัไมใ ชข องเรา เราไมเปนนั่น นน่ั ไมใชต ัวตนของเรา ขอนี้พึงเหน็ ดวยปญญาอันชอบตามความเปนจริงอยา งนี้ ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย อริยสาวกผไู ดส ดบัแลว เห็นอยอู ยา งน้ี ฯลฯ กจิ อืน่ เพื่อความเปน อยา งนีม้ ไิ ดม .ี จบ ปฐมอนัตตสูตรท่ี ๔๓ ๔๔. ทุตยิ อนตั ตสูตร วา ดว ยอายตนะภายในทีเ่ ปน อนาคตเปน อนัตตา ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย จักษุทเี่ ปน อนาคตเปนอนตั ตา สงิ่ ใดเปนอนตั ตาสิ่งน้ันไมใชของเรา เราไมเ ปนนั่น นั่นไมใชตัวตนของเรา ขอนพ้ี ึงเห็นดวยปญ ญาอนั ชอบตามความเปนจรงิ อยา งนี้ หูทเี่ ปนอนาคตเปน อนตั ตาจมกู เปนอนาคตเปนอนัตตา ล้ินท่ีเปนอนาคตเปนอนัตตา กายทเี่ ปนอนาคตเปนอนตั ตา ใจที่เปนอนาคตเปน อนัตตา ฯลฯ กจิ อน่ื เพอื่ ความเปน อยา งนมี้ ไิ ดม .ี จบ ทุตยิ อนัตตสูตรที่ ๔๔
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 329 ๔๕. ตติยอนตั ตสตู รวาดว ยอายตนะภายในทีเ่ ปน ปจจบุ นั เปน อนัตตา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย จักษุทีเ่ ปนปจ จุบนั เปนอนตั ตา สิ่งใดเปนอนตั ตา ส่ิงน้ันไมใ ชข องเรา ไมเปนเรา ไมใ ชต วั ตนของเรา ขอนพี้ งึ เหน็ดว ยปญญาอันชอบตามความเปนจริงอยา งนี้ หูที่เปนปจจบุ ันเปนอนัตตาจมูกทเี่ ปน ปจจบุ นั เปนอนตั ตา ล้ินท่เี ปน ปจ จุบันเปน อนัตตา กายที่เปนปจจุบนั เปน อนัตตา ใจท่ีเปน ปจจบุ นั เปน อนัตตาฯลฯ กิจอ่ืนเพือ่ ความเปนอยา งนม้ี ไิ ดม.ี จบ ตติยอนัตตสูตรท่ี ๔๕ ๔๖. จตตุ ถอนจิ จสตู รวา ดว ยอายตนะภายนอกท่ีเปน อดตี ไมเ ท่ยี งเปน ทุกขเปนอนตั ตา [๒๗๖] ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย รูปทเ่ี ปนอดตี ไมเท่ยี ง ส่ิงใดไมเท่ียงสงิ่ นนั้ เปนทกุ ข สงิ่ ใดเปน ทกุ ข สิง่ นนั้ เปน อนัตตา สง่ิ ใดเปนอนัตตาส่งิ นนั้ ไมใชข องเรา ไมเปน เรา ไมใชตัวตนของเรา ขอนพ้ี งึ เหน็ ดวยปญญาอนั ชอบตามความเปนจริงอยางน้ี เสียงทีเ่ ปน อดตี ไมเที่ยง กลน่ิ ที่เปน อดตี ไมเทย่ี ง รสท่เี ปน อดีตไมเทยี่ ง โผฏฐัพพะท่ีเปน อดีตไมเ ทย่ี งธรรมารมณท่เี ปนอดีตไมเ ทีย่ ง สิง่ ใดไมเ ท่ียง สิ่งน้ันเปน ทกุ ข สง่ิ ใดเปน ทุกข สิ่งน้ันเปน อนัตตา สงิ่ ใดเปนอนัตตา ส่ิงนน้ั ไมใ ชข องเราไมเปนเรา ไมใชต วั ตนของเรา ขอ นพ้ี ึงเห็นดวยปญ ญาอันชอบตามความเปน จรงิ อยางน้ี ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย อริยสาวกผไู ดสดับแลว เหน็ อยูอยางนี้ ฯลฯ กิจอ่ืนเพ่อื ความเปน อยางน้มี ไิ ดม.ี จบ จตุตถอนจิ จสูตรท่ี ๔๖
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 330 ๔๗. ปญ จมอนจิ จสตู รวา ดวยอายตนะภายนอกท่ีเปน อนาคตไมเท่ียงเปน ทุกขเ ปน อนตั ตา ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย รูปทเ่ี ปนอนาคตไมเทีย่ ง สง่ิ ใดไมเที่ยง สง่ิ น้นัเปนทุกข ส่งิ ใดเปน ทุกข ส่ิงนนั้ เปนอนตั ตา สิ่งใดเปนอนัตตา ส่ิงนัน้ไมใ ชของเรา ไมเปนเรา ไมใชตัวตนของเรา ขอน้พี ึงเห็นดวยปญญาอันชอบตามความเปน จรงิ อยางนี้ เสียงท่เี ปน อนาคตไมเทยี่ ง กล่นิ ท่เี ปนอนาคตไมเทีย่ ง รสทเี่ ปน อนาคตไมเ ท่ียง โผฏฐัพพะท่ีเปน อนาคตไมเ ทยี่ งธรรมารมณทเี่ ปน อนาคตไมเท่ียง ฯลฯ กิจอื่นเพือ่ ความเปน อยา งน้ีมไิ ดม.ี จบ ปญ จมอนิจจสตู รที่ ๔๗ ๔๘. ฉัฏฐอนจิ จสูตรวาดวยอายตนะภายนอกทเ่ี ปนปจ จุบนั ไมเทย่ี งเปน ทกุ ขเปน อนัตตา ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย รูปทีเ่ ปน ปจจบุ นั ไมเ ทย่ี ง สิ่งใดไมเที่ยง สง่ิ นน้ัเปนทกุ ข สิ่งใดเปน ทกุ ข สงิ่ นนั้ เปนอนตั ตา สิ่งใดเปนอนตั ตา สงิ่ นั้นไมใ ชข องเรา ไมเ ปน เรา ไมใ ชตวั ตนของเรา ขอนพ้ี ึงเห็นดวยปญ ญาอันชอบตามความเปนจรงิ อยางน้ี เสียงทีเ่ ปนปจ จบุ ันไมเ ที่ยง กล่ินท่เี ปนปจจุบนั ไมเ ท่ยี ง รสท่ีเปน ปจ จุบนั ไมเที่ยง โผฏฐพั พะท่ีเปนปจจบุ นั ไมเทีย่ งธรรมารมณท ีเ่ ปนปจจบุ ันไมเที่ยง ฯลฯ กิจอ่ืนเพือ่ ความเปนอยา งนี้มไิ ดมี. จบ ฉฏั ฐอนิจจสูตรที่ ๔๘
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 331 ๔๙. จตตุ ถทกุ ขสตู รวา ดวยอายตนะภายนอกที่เปน อดตี เปน ทกุ ขเ ปน อนัตตา [๒๗๗] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย รปู ทีเ่ ปน อดตี เปน ทุกข สง่ิ ใดเปน ทุกข สง่ิ น้นั เปน อนตั ตา สิ่งใดเปน อนัตตา ส่ิงนัน้ ไมใชข องเราไมเ ปน เรา ไมใชต ัวตนของเรา ขอน้พี งึ เหน็ ดว ยปญญาอนั ชอบตามความเปนจรงิ อยางนี้ เสียงทเี่ ปนอดตี เปนทกุ ข กล่นิ ท่เี ปนอดตี เปนทกุ ข รสที่เปนอดีตเปน ทุกข โผฏฐพั พะทเ่ี ปน อดตี เปนทุกข ธรรมารมณที่เปนอดตีเปนทุกข สงิ่ ใดเปน ทกุ ข ส่งิ นนั้ เปนอนตั ตา สิ่งใดเปนอนตั ตา สิ่งน้ันไมใชของเรา ไมเ ปน เรา ไมใ ชต ัวตนของเรา ขอ น้ีพงึ เห็นดว ยปญ ญาอันชอบตามความเปน จริงอยา งนี้ ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย อริยสาวกผูไ ดสดบัแลว เหน็ อยูอยางนี้ ฯลฯ กจิ อื่นเพอ่ื ความเปน อยา งนม้ี ไิ ดม.ี จบ จตตุ ถทุกขสตู รท่ี ๔๙ ๔๐. ปญ จมทุกขสตู รวาดวยอายตนะภายนอกทเี่ ปน อนาคตเปนทุกขเ ปนอนตั ตา ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย รปู ท่ีเปนอนาคตเปน ทุกข ส่งิ ใดเปนทุกขส่ิงนั้นเปนอนัตตา ส่งิ ใดเปน อนตั ตา สง่ิ นนั้ ไมใ ชของเรา ไมเ ปน เราไมใ ชต วั ตนของเรา ขอ นพี้ งึ เหน็ ดวยปญ ญาอนั ชอบตามความเปนจรงิอยา งนี้ เสียงทเ่ี ปน อนาคตเปนทกุ ข กลิน่ ทเี่ ปน อนาคตเปนทุกข รสทเ่ี ปนอนาคตเปน ทุกข โผฏฐัพพะทเ่ี ปน อนาคตเปน ทกุ ข ธรรมารมณทเี่ ปนอนาคตเปนทุกข ฯลฯ กจิ อน่ื เพ่ือความเปนอยางน้ีมิไดมี. จบ ปญ จมทุกขสูตรท่ี ๕๐
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 332 ๕๑. ฉัฏฐทุกขสูตรวา ดว ยอายตนะภายนอกทีเ่ ปน ปจจุบนั เปนทุกขเ ปน อนตั ตา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย รูปท่ีเปน ปจจบุ นั เปน ทุกข สิง่ ใดเปนทกุ ขสง่ิ นัน้ เปน อนัตตา ส่งิ ใดเปน อนัตตา ส่งิ น้นั ไมใ ชข องเรา ไมเ ปนเราไมใชต ัวตนของเรา ขอ น้ีพงึ เห็นดวยปญญาอนั ชอบตามความเปน จรงิ อยางนี้เสยี งทเี่ ปน ปจ จุบนั เปนทุกข กล่นิ ท่ีเปน ปจ จบุ ันเปน ทกุ ข รสทเ่ี ปนปจ จุบันเปน ทุกข โผฏฐัพพะท่เี ปน ปจจบุ นั เปน ทุกข ธรรมารมณท เี่ ปน ปจจบุ นัเปน ทกุ ข ฯลฯ กจิ อ่ืนเพ่อื ความเปนอยางนมี้ ิไดม.ี จบ ฉฏั ฐทุกขสตู รท่ี ๕๑ ๕๒. จตตุ ถอนตั ตสูตร วาดว ยอายตนะภายนอกทีเ่ ปน อดตี เปน อนัตตา [๒๗๘] ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย รปู ทีเ่ ปนอดตี เปน อนัตตา สงิ่ ใดเปนอนตั ตา ส่ิงนน้ั ไมใ ชของเรา ไมเ ปน เรา ไมใชตวั ตนของเรา ขอ นี้พึงเหน็ ดว ยปญญาอันชอบตามความเปนจริงอยา งนี้ เสียงทีเ่ ปน อดีตเปนอนตั ตา กล่ินท่ีเปนอดีตเปน อนัตตา รสท่เี ปนอดตี เปน อนตั ตา โผฏฐพั พะที่เปนอดตี เปน อนัตตา ธรรมารมณทเ่ี ปนอดีตเปน อนตั ตา สิง่ ใดเปนอนัตตา สง่ิ นนั้ ไมใ ชข องเรา ไมเปน เรา ไมใชตัวตนของเรา ขอ น้พี งึ เห็นดว ยปญญาอนั ชอบตามความเปน จริงอยา งน้ี ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย อริยสาวกผไู ดสดบั แลว เห็นอยอู ยางน้ี ฯ ฯ กจิ อ่ืนเพอื่ ความเปนอยางนม้ี ไิ ดม.ี จบ จตตุ ถอนตั ตสตู รที่ ๕๒
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 333 ๕๓. ปญ จมอนตั ตสูตร วาดว ยอายตนะภายนอกท่ีเปนอนาคตเปนอนัตตา ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย รปู ทีเ่ ปน อนาคตเปน อนัตตา สง่ิ ใดเปน อนตั ตาสงิ่ นน้ั ไมใชข องเรา ไมเปน เรา ไมใชต วั ตนของเรา ขอ น้ีพึงเห็นดว ยปญญาอันชอบตามความเปนจรงิ อยางนี้ เสียงทเี่ ปน อนาคตเปนอนัตตากลิ่นทเ่ี ปน อนาคตเปน อนัตตา รสทเ่ี ปน อนาคตเปนอนัตตา โผฏฐพั พะท่เี ปน อนาคตเปน อนัตตา ธรรมารมณท เ่ี ปน อนาคตเปนอนัตตา ฯลฯกจิ อน่ื เพ่ือความเปน อยา งน้มี ิไดม .ี จบ ปญจมอนตั ตสตู รท่ี ๕๓ ๕๔. ฉฏั ฐอนัตตสตู ร วา ดว ยอายตนะภายนอกที่เปน ปจ จุบันเปน อนตั ตา ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย รูปท่ีเปน ปจ จุบันเปน อนตั ตา สิง่ ใดเปนอนตั ตาส่งิ น้นั ไมใชของเรา ไมเ ปนเรา ไมใชตวั ตนของเรา ขอ นีพ้ ึงเห็นดวยปญญาอนั ชอบตามความเปนจริงอยา งน้ี เสยี งท่เี ปน ปจจบุ ันเปน อนตั ตากลิ่นที่เปน ปจ จุบนั เปนอนตั ตา รสที่เปน ปจ จุบนั เปน อนัตตา โผฏฐัพพะที่เปน ปจ จบุ นั เปน อนตั ตา ธรรมารมณท ี่เปน ปจจบุ ันเปนอนัตตา ฯลฯกิจอ่นื เพ่ือความเปน อยา งนม้ี ิไดม .ี จบ ฉัฏฐอนัตตสตู รท่ี ๕๔
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 334 ๕๕. ปฐมอัชฌัตตายตนสตู ร วาดวยอายตนะภายในท่เี ปนของไมเ ทยี่ ง [๒๗๙] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย จักษุเปนของไมเท่ียง หเู ปน ของไมเทยี่ ง จมูกเปน ของไมเที่ยง ล้นิ เปน ของไมเทย่ี ง กายเปนของไมเท่ียงใจเปน ของไมเทยี ง ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย อริยสาวกผไู ดส ดบั แลว เห็นอยูอยางน้ี ฯลฯ กิจอ่ืนเพือ่ ความเปนอยา งนี้มไิ ดม ี. จบ ปฐมอชั ฌตั ตายตนสตู รท่ี ๕๕ ๕๖. ทุตยิ อัชฌตั ตายตนสูตร วาดว ยอายตนะภายในเปนทุกข [๒๘๐] ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย จักษเุ ปนทกุ ข หูเปน ทกุ ข จมูกเปน ทกุ ข ล้ินเปนทกุ ข กายเปน ทุกข ใจเปน ทกุ ข ดูกอ นภิกษุทงั้ หลายอริยสาวกผูไดส ดบั แลว เหน็ อยอู ยา งน้ี ยอมเบื่อหนายแมใ นจกั ษุ ฯลฯกจิ อ่ืนเพอื่ ความเปนอยางนมี้ ิไดม .ี จบ ทุติยอัชฌัตตายตนสตู รที่ ๕๖ ๕๗. ตตยิ อัชฌัตตายตนสูตร วา ดวยอายตนะภายในเปนอนตั ตา [๒๘๑] ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย จกั ษเุ ปน อนตั ตา หเู ปนอนัตตาจมูกเปนอนตั ตา ลิน้ เปนอนตั ตา กายเปน อนัตตา ใจเปนอนัตตา ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อรยิ สาวกผไู ดสดับแลว เห็นอยูอยางน้ี ยอ มเบ่อื หนา ยแมในจักษุ ฯลฯ กิจอน่ื เพ่ือความเปน อยา งนีม้ ไิ ดม ี. จบ ตติยอชั ฌตั ตายตนสตู รท่ี ๕๗
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 335 ๕๘. ปฐมพาหิรายตนสตู ร วา ดวยอายตนะภายนอกเปนของไมเทีย่ ง [๒๘๒] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย รูปไมเท่ียง เสียงไมเท่ียง กล่นิไมเทย่ี ง รสไมเ ทีย่ ง โผฏฐัพพะไมเ ที่ยง ธรรมารมณไมเทีย่ ง ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย อรยิ สาวกผไู ดสดับแลว เห็นอยูอ ยา งน้ี ฯลฯ กิจอน่ื เพอื่ความเปน อยางนมี้ ไิ ดมี. จบ ปฐมพาหริ ายตนที่ ๕๘ ๕๙. ทุตยิ พาหิรายตนสูตร วาดว ยอายตนะภายนอกเปน ทกุ ข [๒๘๓] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย รปู เปนทกุ ข เสยี งเปนทกุ ข กลิน่เปนทกุ ข รสเปนทกุ ข โผฏฐัพพะเปนทุกข ธรรมารมณเปน ทุกข ดกู อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผไู ดสดบั แลว เหน็ อยอู ยา งน้ี ฯลฯ กิจอื่นเพอ่ืความเปนอยางน้มี ิไดม.ี จบ ทตุ ิยพาหริ ายตนสตู รท่ี ๕๙ ๖๐. ตตยิ พาหริ ายตนสตู ร วาดว ยอายตนะภายนอกเปนอนัตตา [๒๘๔] ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย รูปเปนอนัตตา เสียงเปน อนตั ตากลิน่ เปน อนัตตา รสเปนอนตั ตา โผฏฐัพพะเปนอนตั ตา ธรรมารมณเปนอนตั ตา ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย อริยสาวกผไู ดส ดับแลว เหน็ อยูอ ยา งนี้ยอ มเบ่ือหนา ยแมใ นรปู แมใ นเสยี ง แมในกล่ิน แมในรส แมในโผฏฐพั พะแมในธรรมารมณ ฯลฯ กิจอ่ืนเพอื่ ความเปนอยา งน้มี ไิ ดม ี. จบ ตติยพาหริ ายตนสูตรที่ ๖๐ จบ สัฏฐเิ ปยยาลวรรคที่ ๒
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 336 อรรถกถาสัฏฐเิ ปยยาลวรรคที่ ๒ ลําดับตอจากนนั ทิขยวรรคน้นั ชอ่ื สัฏฐเิ ปยยาลวรรค. สฏั ฐิเปย-ยาลวรรคนนั้ มีอรรถงา ยทัง้ นัน้ . แต ๖๐ สูตร ที่ตรัสไวในทนี่ ี้ ตรสั ดว ยอํานาจอธั ยาศัยของบุคคลผจู ะตรัสรูดว ยอาํ นาจบทนัน้ ๆ อยางน้วี า ฉนโฺ ทปหาตพฺโพ พึงละฉนั ทะ ดงั น้ีเปน ตน. ดังนน้ั สตู รทงั้ หมดตรสั ดว ยอํานาจบคุ คล แผนกหน่ึงตางหาก. ในเวลาจบสูตรหนงึ่ ๆ ท้ังในสูตรนี้ ภิกษบุ รรลุพระอรหตั สตู รละ ๖๐ รูป ๆ. จบ อรรถกถาสัฏฐิเปยยาลวรรคท่ี ๒ รวมพระสูตรท่มี ใี นวรรคนี้ คอื ๑. ปฐมฉนั ทสูตร ๒. ปฐมราคสูตร ๓. ปฐมฉนั ทราคสูตร๔. ทุติยฉนั ทสูตร ๕. ทตุ ยิ ราคสตู ร ๖. ทตุ ิยฉันทราคสตู ร ๗. ตติย-ฉันทสตู ร ๘. ตติยราคสตู ร ๙. ตตยิ ฉนั ทราคสูตร ๑๐. จตตุ ถฉนั ทสตู ร๑๑. จตุตถราคสตู ร ๑๒. จตุตถฉันทราคสูตร ๑๓. ปญ จมฉันทสตู ร๑๔. ปญจมราคสตู ร ๑๕. ปญจมฉันทราคสูตร ๑๖. ฉัฏฐฉนั ทสูตร๑๗. ฉฏั ฐราคสูตร ๑๘. ฉฏั ฐฉันทราคสตู ร ๑๙. ปฐมอตตี สตู ร๒๐. ปฐมอนาคตสตู ร ๒๑. ปฐมปจจุปน นสตู ร ๒๒. ทุติยอตีตสตู ร๒๓. ทุตยิ อนาคตสตู ร ๒๔. ทตุ ิยปจ จุปน นสูตร ๒๕. ตตยิ อตีตสตู ร๒๖. ตตยิ อนาคตสูตร ๒๗. ตติยปจ จุปน นสตู ร ๒๘. จตตุ ถอตีตสูตร
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 337๒๙. จตตุ ถอนาคตสตู ร ๓๐. จตตุ ถปจจปุ นนสตู ร ๓๑. ปญ จมอตีตสตู ร๓๒. ปญ จมอนาคตสตู ร ๓๓. ปญ จมปจ จปุ นนสูตร ๓๔. ฉัฏฐอตตี สูตร๓๕. ฉัฏฐอนาคตสูตร ๓๖. ฉฏั ฐปจจุปนนสูตร ๓๗. ปฐมอนิจจสตู ร๓๘. ทุตยิ อนิจจสตู ร ๓๙. ตติยอนิจจสูตร ๔๐. ปฐมทกุ ขสตู ร ๔๑. ทตุ ิย-ทกุ ขสูตร ๔๒. ตตยิ ทุกขสูตร ๔๓. ปฐมอนตั ตสูตร ๔๔. ทตุ ิยอนตั ต-สตู ร ๔๕. ตตยิ อนตั ตสูตร ๔๖. จตุตถอนิจจสตู ร ๔๗. ปญ จมอนิจจ-สตู ร ๔๘. ฉัฏฐอนจิ จสตู ร ๔๙. จตุตถทุกขสตู ร ๕๐. ปญจมทุกขสตู ร๕๑. ฉัฏฐทกุ ขสูตร ๕๒. จตุตถอนตั ตสูตร ๕๓. ปญจมอนตั ตสตู ร๕๔. ฉัฏฐอนัตตสูตร ๕๕. ปฐมอชั ฌตั ตายตนสูตร ๕๖. ทุตยิ อัชฌัต-ตายตนสูตร ๕๗. ตตยิ อชั ฌตั ตายตนสตู ร ๕๘. ปฐมพาหริ ายตนสูตร๕๙. ทุติยพาหริ ายตนสตู ร ๖๐. ตติยพาหิรายตนสตู ร.
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 338 สมุททวรรคที่ ๓ ๑. ปฐมสมุททสตู ร วา ดว ยสมุทรในวนิ ยั ของพระอริยเจา [๒๘๕] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ปถุ ุชนผไู มไ ดส ดับแลว ยอ มกลาววา สมุทร ๆ ดังน้ี ภิกษุทงั้ หลาย สมทุ รนัน้ ไมชือ่ วา เปนสมทุ รในวินัยของพระอริยเจา ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย สมุทรน้นั เรยี กวา เปนแอง นํา้ ใหญเปน หว งน้ําใหญ ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย จกั ษุเปนสมทุ รของบรุ ุษ กําลงัของจกั ษุน้นั เกิดจากรปู บุคคลใดยอ มอดกล้ันกาํ ลงั อันเกิดจากรูปน้นั ไดบคุ คลน้เี รียกวา เปน พราหมณ ขามสมทุ รคือจักษุ ซ่งึ มที ้ังคล่ืน มที ้ังน้าํ วนมที ัง้ สตั วร า ย มที ั้งผเี ส้ือนาํ้ แลว ข้ึนถงึ ฝงต้งั อยบู นบก ฯลฯ ใจเปนสมทุ รของบุรุษ กาํ ลังของใจนัน้ เกิดจากธรรมารมณ บุคคลใดยอ มอดกล้นั กาํ ลงัอนั เกิดจากธรรมารมณน ัน้ ได บุคคลนีเ้ รยี กวา เปน พราหมณ ขามสมุทรคือใจได ซ่งึ มีทั้งคลน่ื มที ั้งน้าํ วน มที ั้งสัตวร า ย มีทงั้ ผีเสื้อนาํ้ แลวขนึ้ ถึงฝงตั้งอยูบนบก. พระผมู ีพระภาคเจาผสู คุ ตศาสดา ครน้ั ไดต รสั ไวยากรณภาษติ นจ้ี บลงแลว จงึ ไดต รัสคาถาประพนั ธต อไปวา [๒๘๖] บุคคลใดขา มสมุทรนี้ ซ่งึ มีทั้งคล่นื มีทั้งนํา้ วน มีท้ังสัตวรา ย มที ั้งผเี สือ้ นาํ้ นา หวาดกลัว ขา มได แสนยาก ไดแลว บคุ คลนัน้ เราเรยี กวา เปน ผูจ บ เวท อยจู บพรหมจรรย ถึงทส่ี ุดแหงโลก ถึงฝง แลว. จบ ปฐมสมุททสตู รที่ ๑
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 339 สมุททวรรคที่ ๓ อรรถกถาปฐมสมุททสูตรที่ ๑ ในสมทุ ทวรรค ปฐมสมทุ ทสตู รที่ ๑ มีวนิ จิ ฉัยดงั ตอไปนี้ บทวา จกขฺ ุ ภภิ ฺขเว ปรุ สิ สฺส สมทุ ฺโท ความวา อารมณชื่อวา สมทุ รเพราะอรรถวา เตม็ ไดโ ดยยาก ก็ได หรอื เพราะอรรถวา ตัง้ ข้ึนกไ็ ด จักษุน่ันแหละเปนสมทุ ร. จริงอยูอ ารมณม สี ีเขยี วเปนตน ของจักษุนนั้รวมกนั เขาตัง้ แตพ้นื ปฐพี จนจดช้นั อกนิฏฐทพ่ี รหมโลก ไมส ามารถจะทําใหเตม็ ท่ีได อารมณช่ือวาสมทุ ร เพราะอรรถวาเตม็ ไดยาก ก็มดี ว ยประการฉะนี้สวนจกั ษุชอ่ื วาเปน สมุทรในเพราะอารมณท งั้ หลาย มสี ีเขยี วเปนตน น้ัน ๆอนั ภิกษไุ มสํารวมแลว ยอ มถึงความกลาแข็งดวยการดาํ เนินไปท่มี โี ทษเพราะเปนเหตเุ กิดกิเลส เพราะฉะนน้ั จึงชือ่ วาสมทุ ร เพราะอรรถวา ต้ังขึ้นกม็ .ี บทวา ตสฺส รปู มโย เวโค ความวา กําลงั เรว็ แหงสมุทรคอื จักษแุ มนัน้สําเร็จมาแตรปู หาประมาณมไิ ด ดวยอํานาจอารมณ ตางดวยอารมณมีสีเขยี วเปน ตน ท่ีมารวมกัน พึงทราบเหมือนกาํ ลงั เร็วอนั สาํ เรจ็ มาแตคลื่นของสมุทรอนั หาประมาณมไิ ด. บทวา โย ต รูปมย เวค สหติ ความวาใู ด ไมทํากิเลสมรี าคะเปน ตน ใหเกดิ ข้นึ อยา งนค้ี อื ราคะในอารมณท ่ีนาพอใจ โทสะในอารมณทไี่ มนา พอใจ โมหะในอารมณทีเ่ ปน กลาง ๆ อดทนกาํ ลงั เร็วที่สาํ เร็จมาแตร ปู ซ่ึงรวมลงในสมทุ รน้ัน โดยเปน ผวู างเฉยเสีย. ในบทวา สอมุ ฺมิ เปน ตน พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปน.้ี ชอ่ื วาสอมุ มฺ ิ เพราะคลื่นคือกเิ ลส. ชอ่ื วา สาวฏั ฏะ เพราะวงั วนคือกิเลสชอ่ื วา สุคาหะ เพราะสัตวรา ยผูจบั คอื กเิ ลส ชอ่ื วา สรักขสะ เพราะผรี าย
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 340คือกิเลส อนง่ึ ช่อื วา สอมุ ฺมิ มคี ล่นื กโ็ ดยอํานาจความโกรธและความคับแคน. สมจรงิ ดงั ทตี่ รัสไววา อมุ ฺมภิ ยนฺติ โข ภิกขฺ เว โกธุปายาสสฺ-เสต อธิวจน ภกิ ษุท้งั หลาย คาํ วา อมุ ฺมภิ ย ภยั คือคลื่นนี้แล เปนช่อื แหง ความโกรธและความคับแคน ชื่อวา สาวฏั ฏะวังวนดว ยอํานาจกามคณุ สมจรงิ ดังทตี่ รสั ไวว า อาวฏฏ วา โหติ โข ภิกขฺ เว ปจฺ นฺเนตกามคุณาน อธิวจน ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย คําวา อาวฏฏ น้เี ปนชอ่ืกามคณุ ๕. ช่ือวา สคาหะ ช่อื วา สรักขสะ ดวยอาํ นาจแหงมาตคุ าม.สมจรงิ ดังที่ตรสั ไวว า ภกิ ษุท้งั หลาย คําวา สรกฺขโส น้ีแลเปน ช่ือมาตุคาม. แมใ นทวารท่ีเหลอื กน็ ัยนี้เหมอื นกนั . บทวา สภย ทุตฺตรอจจฺ ตริ ความวา ขามสมทุ รทมี่ ีภยั ดว ยภัยคือคลืน่ กาวลงไดยาก.บทวา โลกนฺตคู ไดแกถงึ ท่สี ดุ แหง สังขารโลก. บทวา ปารคโตติ วจุ ฺจติความวา ทานเรียกวา ถงึ พระนพิ พาน. จบ อรรถกถาปฐมสมทุ ทสูตรท่ี ๑ ๒. ทุติยสมทุ ทสูตร วา ดว ยสมทุ รในวนิ ัยของพระอริยเจา [๒๘๗] ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ปถุ ุชนไมไดส ดบั แลว ยอมกลา ววาสมทุ ร ๆ ดังนี้ ภิกษทุ ้ังหลาย สมุทรน้ันไมช ือ่ วาเปนสมทุ รในวนิ ยั ของพระอริยเจา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย สมทุ รน้นั เรยี กวา เปนแอง น้าํ ใหญเปนหว งน้าํ ใหญ รปู อันจะพึงรูแจง ดว ยจักษุ อนั นา ปรารถนา นา ใคร นาพอใจ นา รัก อาศยั ความใคร ชวนใหก าํ หนัด น้เี รียกวาเปน สมทุ รในวนิ ัย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 341ของพระอรยิ เจา โลกนี้ พรอมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมสู ัตวพรอ มทั้งสมพราหมณ เทวดาและมนุษย มีอยูในสมุทรนี้ โดยมากเปน ผูเศราหมอง เกิดเปนผยู ุงประดจุ ดา ยของชางหกู เกดิ เปนปมประหน่งึกระจุกดาย เปนดุจหญาปลอ งและหญา มุงกระตาย หาลว งอบาย ทคุ ติวินิบาต สงสารไปไดไม ฯลฯ ธรรมารมณอนั จะพงึ รไู ดด ว ยใจ นาปรารถนานา ใคร นา พอใจ นา รัก อาศัยความใคร ชวนใหกาํ หนดั นเี้ รยี กวาเปนสมุทรในวนิ ัยของพระอรยิ เจา โลกนี้ พรอมทั้งเทวโลก มารโลก พรหม-โลก หมูสตั วพรอมทงั้ สมณพราหมณ เทวดาและมนษุ ย มอี ยใู นสมทุ รนี้โดยมาก เปน ผูเ ศรา หมอง เกิดเปนผูยงุ ดุจดา ยของชา งหูก เกิดเปนปมประหนง่ึ กระจกุ ดาย เปนดุจหญา ปลอ งและหญามงุ กระตา ย หาลว งอบายทุคติ วินิบาต สงสารไปไดไ ม. [๒๘๘] บคุ คลใดคลายราคะ โทสะ และอวิชชาไดแ ลว บุคคลน้ันชอื่ วา ขามสมุทรน้ี ซึ่งมที งั้ สตั วราย มีทั้ง ผเี ส้อื นํ้า มภี ยั คอื คลืน่ ท่ขี า มไดแสนยาก ไดแ ลว เรากลาววา บุคคลน้ันลวงพน เครื่องขอ ง ละมจั จุ ไมม ีอุปธิ และทุกขไดข าดเพ่ือไมเ กิดตอไป ถงึ ความดบั สูญ ไมกลับมาเกิดอกี ลวงมัจจรุ าชให หลงได. จบ ทตุ ยิ สมทุ ทสูตรที่ ๒
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 342 อรรถกถาทตุ ยิ สมุททสตู รท่ี ๒ ในทตุ ิยสมุททสตู รท่ี ๒ มวี นิ ิจฉัยดังตอไปน.้ี บทวา สมทุ โฺ ท ความวา ช่อื วา สมุททะ เพราะอรรถวา ต้งั ขน้ึทานอธิบายไวว า เพราะอรรถวา เปยกชุม. บทวา เยภุยเฺ ยน ความวาเวนพระอริยสาวกทัง้ หลาย. บทวา สมุททฺ า ความวา เปยก ชมุ จมนาํ้ .คาํ วา กนตฺ า กลุ กชาตา เปน ตน กลาวไวพ สิ ดารแลวในหนหลังนัน่ แล.บทวา มจฺจุชโห ไดแกล ะมัจจุท้งั ๓ แลว อย.ู บทวา นริ ูปธิ ไดแ กไมมีอปุ ธิ ดว ยอุปธทิ ั้ง ๓. บทวา อปนุ พฺภวาย ไดแก เพื่อประโยชนแกพ ระนพิ พาน. บทวา อโมหยี มจฺจุราช ความวา ไปทางขางหลังพระยามัจจุราช โดยอาการท่พี ระยามจั จุราชไมรคู ตขิ องเขา. จบ อรรถกถาทุตยิ สมทุ ทสูตรที่ ๒ ๓. พาลิสกิ สูตร วา ดวยเบด็ ๖ ชนิด [๒๘๙] ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย พรานเบด็ หยอนเบด็ ท่มี ีเหยื่อลงในหว งน้าํ ลกึ ปลาทเี่ ห็นแกเหยอ่ื ตัวหนง่ึ กลนื กินเบด็ นนั้ ปลานน้ั ช่ือวากลนื กนิ เบด็ ของนายพรานเบ็ด ถงึ ความวบิ ัติ ถงึ ความพนิ าศ พรานเบ็ดพึงกระทําไดต ามชอบใจฉันใด ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ในโลกนี้มเี บด็ อยู๖ ชนิดเหลานี้ สาํ หรับนําสัตวท ง้ั หลายไป สําหรบั ฆาสตั วท ั้งหลายเสยีกฉ็ ันนั้นเหมอื นกนั เบด็ ๖ ชนดิ คืออะไรบาง. คอื รูปอนั จะพึงรแู จง
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 343ดวยจักษุ อันนา ปรารถนา นาใคร นาพอใจ นารกั อาศยั ความใครชวนใหก ําหนัด มีอยู ถา ภกิ ษเุ พลดิ เพลิน สรรเสรญิ หมกมุนในรูปนัน้ภิกษนุ ีเ้ ราเรียกวา กลนื กนิ เบด็ ของมาร ถงึ ความวิบัติ ถึงความพนิ าศมารใจบาปพงึ กระทาํ ไดต ามชอบใจ เสยี ง กลิ่น รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณอนั จะพงึ รแู จง ดวยใจ อนั นา ปรารถนา นาใคร นา พอใจ นา รกั อาศัยความใคร ชวนใหก าํ หนดั มอี ยู ถาภิกษุเพลิดเพลนิ สรรเสริญ หมกมนุธรรมารมณนน้ั ภิกษนุ ี้เราเรยี กวา กลืนกินเบ็ดของมาร ถงึ ความวบิ ัติถึงความพินาศ มารใจบาปพงึ กระทําไดต ามชอบใจ. [๒๙๐] ดูกอนภิกษุท้งั หลาย รูปอันจะพงึ รแู จงดว ยจกั ษุอนั นาปรารถนา นาใคร นา พอใจ นา รกั อาศยั ความใคร ชวนใหก ําหนัดมอี ยู ถาภกิ ษุไมเพลิดเพลนิ ไมสรรเสรญิ ไมห มกมนุ รปู นน้ั ภกิ ษุน้ีเราเรียกวา ไมกลนื กินเบ็ดของมาร ไดท ําลายเบด็ ตัดเบ็ด ไมถ งึ ความวบิ ัติไมถ งึ ความพนิ าศ มารใจบาปไมพ ึงกระทําไดตามชอบใจ เสยี ง กลน่ิ รสโผฏฐพั พะ ธรรมารมณอ นั จะพึงรูไดดว ยใจ อนั นาปรารถนา นาใครนาพอใจ นา รกั อาศยั ความใคร ชวนใหก ําหนดั มอี ยู ถา ภิกษไุ มเพลิดเพลนิ ไมสรรเสรญิ ไมหมกมนุ ธรรมารมณน ัน้ ภิกษนุ ้ีเราเรยี กวาไมก ลนื กนิ เบด็ ของมาร ไดทาํ ลายเบ็ด ตดั เบ็ด ไมถ ึงความวิบัติ ไมถ งึความพนิ าศ มารใจบาปไมพ งึ กระทําไดต ามชอบใจ. จบ พาลสิ ิกสตู รท่ี ๓
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 344 อรรถกถาพาลิสิกสูตรท่ี ๓ พาลสิ กิ สตู รท่ี ๓ มนี ยั ดงั กลา วแลวนนั่ แล. จบ อรรถกถาพาลิสกิ สูตรท่ี ๓ ๔. ขีรรกุ ขสูตร วาดว ยทรงเปรียบเทยี บกเิ ลสกบั ยางไม [๒๙๑] ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ราคะ โทสะ โมหะ ของภิกษุหรอื ภกิ ษุณรี ปู ใดรูปหนง่ึ มอี ยใู นรูปทั้งหลาย อนั จักษุวิญญาณพงึ รูแจงภิกษุหรือภกิ ษุณนี ั้น ไมละราคะ โทสะ โมหะน้นั แลว ถา แมร ูปอันจักขุวญิ ญาณพึงรแู จง ซ่ึงมีประมาณนอ ย มาปรากฏในจกั ษุของภิกษุหรือภิกษณุ นี ัน้ กย็ งั ครอบงําจติ ของภิกษหุ รอื ภกิ ษุณนี ั้นได จะปว ยกลา วไปไยถงึ รูปอันมีประมาณย่งิ จักไมค รอบงาํ จิตของภกิ ษุหรือภิกษุณนี ัน้ ไดเ ลาขอนัน้ เพราะเหตไุ ร. เพราะราคะ โทสะ โมหะน้นั ยังมอี ยู ภกิ ษุหรือภกิ ษณุ ีน้นั ยงั ละราคะ โทสะ โมหะนนั้ ไมไ ด. ราคะ โทสะ โมหะของภิกษุหรือภิกษณุ รี ปู ใดรปู หนงึ่ มีอยูในเสียง ในกลน่ิ ในรส ในโผฏฐัพพะในธรรมารมณอันมโนวญิ ญาณพึงรูแ จง ภกิ ษหุ รอื ภิกษณุ ีนัน้ ไมล ะราคะโทสะ โมหะน้นั แลว ถา แมธรรมารมณอ ันมโนวญิ ญาณพึงรแู จง ซึ่งมีประมาณนอย มาปรากฏในใจของภิกษุหรือภกิ ษุณีนั้น. ก็ยังครอบงาํ จติของภิกษหุ รอื ภกิ ษณุ ีนน้ั ได จะปวยกลา วไปไยถึงธรรมารมณอ ันมปี ระมาณย่ิง จักไมครอบงาํ จิตของภิกษุหรือภิกษุณนี ัน้ ไดเ ลา ขอนนั้ เพราะเหตุไร.เพราะราคะ โทสะ โมหะนนั้ ยงั มีอยู ภกิ ษหุ รอื ภกิ ษณุ ีน้นั ยังละราคะ โทสะโมหะนั้นไมไ ด.
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 345 [๒๙๒] ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ตน โพธ์ิ ตนไทร ตน กราง หรือตน มะเดื่อ เปนตน ไมมียาง ขนาดเขื่อง ขนาดรุน ขนาดเลก็ บรุ ุษเอาขวานอนั คมสับตนไมนน้ั ตรงที่ไร ๆ ยางพึงไหลออกหรือ. ภิกษุท้ังหลายกราบทลู วา อยางนั้นพระเจาขา . พ. ขอ นัน้ เพราะอะไร. ภ.ิ เพราะยางมอี ยู พระเจาขา . พ. ขอ นน้ั ฉนั ใด ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ขอน้กี ฉ็ ันนัน้ เหมอื นกันราคะ โทสะ โมหะ ของภกิ ษหุ รอื ภิกษุณีรปู ใดรปู หน่ึง มีอยใู นรปู อนั จกั ขุ-วิญญาณพงึ รูแจง ภกิ ษหุ รอื ภกิ ษุณีนั้นไมล ะราคะ โทสะ โมหะนั้นแลวถา แมรูปอันจักขวุ ญิ ญาณพงึ รแู จง ซง่ึ มปี ระมาณนอ ย มาปรากฏในจักษุของภกิ ษหุ รือภกิ ษุณีนนั้ ก็ยงั ครอบงําจติ ของภิกษหุ รือภกิ ษณุ ไี ด จะปวยกลา วไปไยถงึ รปู อนั มปี ระมาณยิง่ จกั ไมครอบงาํ จติ ของภิกษุหรอื ภิกษุณีนั้นไดเ ลา ขอ นนั้ เพราะเหตไุ ร. เพราะราคะ โทสะ โมหะนน้ั ยงั มีอยู ภกิ ษุหรือภิกษุณนี นั้ ยงั ละราคะ โทสะ โมหะนน้ั ไมไ ด ราคะ โทสะ โมหะของภิกษหุ รือภิกษณุ ีรปู ใดรูปหนึ่งมีอยใู นเสยี ง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐพั พะ ในธรรมารมณอันมโนวญิ ญาณพงึ รูแจง ภิกษุหรือภิกษณุ นี ั้นไมละราคะ โทสะ โมหะนัน้ แลว ถาแมธ รรมารมณอนั มโนวิญญาณพงึ รแู จง ซ่ึงมปี ระมาณนอย มาปรากฏในใจของภิกษุหรอื ภิกษุณนี ้ัน ยังครอบงําจิตของภิกษหุ รอื ภกิ ษุณีน้ันได จะปวยกลาวไปไยถึงธรรมารมณอันมปี ระมาณย่ิง จักไมค รอบงําจติ ของภิกษหุ รอื ภกิ ษุณีนัน้ ไดเ ลา ขอ นั้นเพราะเหตุไร. เพราะราคะ โทสะ โมหะ ยงั มีอยู ภกิ ษหุ รือภกิ ษณุ ีนั้นยังละราคะ โทสะ โมหะนนั้ ไมได.
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 346 [๒๙๓] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ราคะ โทสะ โมหะ ของภกิ ษุหรือภิกษุณรี ูปใดรปู หนึง่ ไมม ีอยูใ นรูปอนั จักขวุ ิญญาณพงึ รแู จง ภกิ ษุหรอื ภิกษุณนี ้นั ละราคะ. โทสะ โมหะนัน้ แลว ถา แมรปู อนั จักขุวิญญาณพึงรูแจงซ่ึงมีประมาณยิง่ มาปรากฏในจักษุของภกิ ษหุ รอื ภิกษุณีน้นั กย็ ังครอบงําจิตของภกิ ษหุ รือภิกษณุ นี ้ันไมไ ดเลย จะปว ยกลาวไปไยถึงรปู อันมีประมาณนอย จักครอบงําจิตของภกิ ษหุ รือภิกษุณีนน้ั ไดเลา ขอ นน้ั เพราะเหตุไร. เพราะราคะ โทสะ โมหะน้ันไมม ี ภกิ ษุหรอื ภิกษุณีนัน้ ละราคะโทสะ โมหะนั้นไดแ ลว ราคะ โทสะ โมหะ ของภิกษหุ รือภิกษุณีรูปใดรูปหนึง่ ไมม ีอยใู นเสยี ง ในกลนิ่ ในรส ในโผฏฐพั พะ ในธรรมารมณอันมโนวิญญาณพงึ รูแจง ซงึ่ มปี ระมาณยงิ่ มาปรากฏในใจของภกิ ษุหรือภิกษณุ ีนัน้ ก็ครอบงําจิตของภกิ ษุหรอื ภิกษุณนี นั้ ไมไ ดเลย จะปวยกลาวไปไยถงึ ธรรมารมณอันมีประมาณนอย จกั ครอบงําจิตของภิกษหุ รือภิกษุณีน้ันไดเ ลา ขอ นน้ั เพราะเหตุไร. เพราะราคะ โทสะ โมหะน้ันไมมี ภิกษุหรือภกิ ษณุ ีนนั้ ละราคะ โทสะ โมหะน้นั ไดแ ลว . [๒๙๔] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย ตน โพธ์ิ ตนไทร ตน กรา ง หรือตนมะเดอ่ื ซงึ่ เปนไมม ียาง เปน ตนไมแหง เปน ไมผุ เกนิ ปห นึง่ บรุ ุษเอาขวานอันคมสับตนไมนัน้ ตรงท่ไี ร ๆ ยางพึงไหลออกมาหรือ. ภิกษุท้งั หลายกราบทลู วา ไมใ ชอ ยา งนน้ั พระเจา ขา . พ. ขอน้ัน เพราะเหตไุ ร. ภ.ิ เพราะยางไมม ี พระเจา ขา .
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 347 พ. ขอนั้นฉันใด ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ขอนกี้ ฉ็ นั นนั้ เหมอื นกันราคะ โทสะ โมหะ ของภกิ ษหุ รอื ภกิ ษุณีรปู ใดรปู หนึง่ ไมม อี ยูในรูปอันจกั ขุวญิ ญาณพงึ รแู จง ภกิ ษหุ รือภิกษณุ นี ัน้ ละราคะ โทสะ โมหะนนั้ แลวถาแมรปู อนั จกั ขุวิญญาณพงึ รูแจง ซึง่ มปี ระมาณย่ิง มาปรากฏในจักษขุ องภิกษหุ รือภกิ ษุณนี น้ั ก็ยงั ครอบงําจติ ของภกิ ษุหรือภกิ ษุณนี ั้นไมไดเลย จะปว ยกลาวไปไยถงึ รูปอนั มปี ระมาณนอย จักครอบงําจติ ของภิกษหุ รือภิกษุณีน้นั ไดเ ลา ขอนัน้ เพราะเหตไุ ร. เพราะราคะ โทสะ โมหะน้นั ไมม ี ภิกษุหรอื ภกิ ษุณนี ้ันละราคะ โทสะ โมหะนัน้ แลว ราคะ โทสะ โมหะ ของภิกษหุ รอื ภิกษณุ ีรูปใดรูปหนง่ึ ไมม อี ยูในเสยี ง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐพั พะ ในธรรมารมณอนั มโนวญิ ญาณพึงรแู จง ภิกษุหรอื ภกิ ษณุ ีนนั้ละราคะ โทสะ โมหะนน้ั แลว ถาธรรมารมณอ นั มโนวญิ ญาณพงึ รแู จงซงึ่ มีประมาณยิง่ มาปรากฏในใจของภกิ ษุหรือภิกษุณนี ้ัน ก็ยงั ครอบงําจติของภิกษหุ รือภิกษุณีนน้ั ไมไ ดเ ลย จะปว ยกลาวไปไยถงึ ธรรมารมณอ ันมีประมาณนอ ย จักครองงาํ จิตของภิกษุหรอื ภิกษณุ ีนัน้ ไดเลา ขอ นัน้ เพราะเหตุไร เพราะราคะ โทสะ โมหะนั้นไมมี ภกิ ษหุ รือภิกษณุ นี น้ั ละราคะโทสะ โมหะนน้ั ไดแ ลว . จบ ขรี รุกขสตู รที่ ๔ อรรถกถาขีรรกุ ขสูตร ในขีรรกุ ขสตู รที่ ๔ มีวินจิ ฉยั ดังตอไปน.้ี
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 348 ช่อื วา อตถฺ ิ มีอยู เพราะอรรถวา ยังละกิเลสไมไ ด. ดวยเหตนุ ั้นพระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรัสวา โส อปฺปหโี น. บทวา ปรติ ฺตา ความวาจรงิ อยูรปู แมขนาดเทาภเู ขา คนไมเ หน็ ไมพ อเปน ทีต่ ้งั แหง ความยนิ ดี ชอ่ื วาเลก็ นอย. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงวา รูปท้ังหลายแมเหน็ ปานนัน้ยังครอบงาํ จติ ของผนู ั้นได. บทวา โก ปน วาโท อธิมตตฺ าน ความวาจะปว ยกลา วไปไยเลา ในคําทว่ี า อฏิ ฐารมณ อันเปน วัตถเุ ปนทต่ี ั้งแหงความยินดี จกั ไมค รอบงาํ จิตของเขา. กใ็ นทีน่ ี้วตั ถุอนั เปนทต่ี งั้ แหง ความยนิ ดี มแี กว มณีและแกว มุกดาเปน ตน แมมีขนาดเทา หลงั เลบ็ พึงทราบวาอารมณม ีขนาดใหญท ัง้ นนั้ . บททง้ั ๓ มบี ทวา ทหโร เปน ตน เปน ไวพจนแหง กนั และกนั น่ันแล. บทวา ภินเฺ ทยยฺ ความวา พงึ เฉาะ พึงกรดี . จบ อรรถกถาขรี รุกขสตู รท่ี ๔ ๕. โกฏฐกิ สตู ร วา ดวยปญหาของทานพระมหาโกฏฐิกภกิ ษุ [๒๙๕] สมยั หนง่ึ ทานพระสารีบตุ รและทานพระมหาโกฏฐิกะอยใู นปาอิสปิ ตนมฤคทายวนั กรงุ พาราณสี ครั้งนน้ั เปน เวลาเยน็ ทา นพระมหาโกฏฐกิ ะออกจากท่พี กั แลว เขา ไปหาทา นพระสารบี ุตรถงึ ทอี่ ยู ไดปราศรัยกับทานพระสารบี ุตร ครน้ั ผานการปราศรยั พอใหระลกึ ถงึ กนั ไปแลว จงึ นง่ั ณ ทีค่ วรสวนขางหน่ึง คร้นั แลวไดถ ามทา นพระสารีบุตรวาทานพระสารีบตุ ร จักษุเปน สังโยชนเคร่ืองผกู ของรปู รปู เปน สังโยชน.เครอ่ื งผกู ของจกั ษุ หูเปน สังโยชนเ คร่ืองผกู ของเสยี ง เสียงเปน สงั โยชน
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 349เคร่อื งผูกของหู จมูกเปนสังโยชนเครื่องผกู ของกลิ่น กลนิ่ เปนสงั โยชนเครื่องผกู ของจมูก ลนิ้ เปน สงั โยชนเครอื่ งผกู ของรส รสเปน สังโยชนเครอ่ื งผูกของลน้ิ กายเปน สังโยชนเครื่องผกู ของโผฏฐัพพะ โผฏฐัพพะเปน สังโยชนเคร่อื งผูกของกาย ใจเปนสังโยชนเคร่ืองผกู ของธรรมารมณธรรมารมณเ ปน สงั โยชนเคร่ืองผูกของใจหรือ. ทานพระสารีบตุ รตอบวาทา นโกฏฐิกะ จกั ษเุ ปนสงั โยชนเ คร่ืองผกู ของรปู รูปเปนสังโยชนเครื่องผูกของจกั ษหุ ามไิ ด แตฉันทราคะความพอใจรกั ใครเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยจักษุและรูปทงั้ สองนั้น เปน สงั โยชนเครอ่ื งผกู จักษุและรปู นน้ั หูเปนสังโยชนเครอ่ื งผูกของเสยี ง เสยี งเปนสังโยชนเ ครือ่ งผูกของหูหามิได แตฉันทราคะความพอใจรักใครเ กิดข้นึ เพราะอาศัยหแู ละเสียงทงั้ สองนน้ั เปนสังโยชนเครือ่ งผกู หูและเสยี งนน้ั จมกู เปนสังโยชนเ ครอื่ งผูกของกลิ่น กล่นิ เปนสังโยชนเ ครือ่ งผกู ของจมกู หามิได แตฉ ันทราคะความพอใจรกั ใครเกิดขึ้นเพราะอาศัยจมกู และกลิ่นทั้งสองนัน้ เปนสงั โยชนเครื่องผกู จมูกและกล่นินัน้ ลิ้นเปนสงั โยชนเ ครื่องผกู ของรส รสกเ็ ปน สังโยชนเ ครือ่ งผูกของลิน้หามิได แตฉนั ทราคะความพอใจรกั ใครเ กดิ ข้ึนเพราะอาศยั ล้ินกบั รสทงั้ สองน้นั เปน สงั โยชนเ ครือ่ งผูกล้ินและรสนั้น กายเปนสังโยชนเ ครื่องผูกของโผฏฐัพพะ โผฏฐัพพะก็เปนสงั โยชนเคร่อื งผกู ของกายหามไิ ด แตฉันทราคะความพอใจรักใครเ กดิ ขนึ้ เพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะทงั้ สองนั้น เปนสังโยชนเ คร่อื งผกู กายและโผฏฐพั พะน้นั ใจเปนสงั โยชนเ คร่ืองผูกของธรรมารมณ ธรรมารมณกเ็ ปน สงั โยชนเคร่อื งผกู ของใจหามไิ ด แตฉนั ท-ราคะความพอใจรกั ใครเ กิดข้ึนเพราะอาศยั ใจและธรรมารมณทงั้ สองนั้นเปน สงั โยชนเ ครือ่ งผกู ใจและธรรมารมณน้นั .
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 350 [๒๙๖] ทานโกฏฐกิ ะ โคดํากับโคขาว เขาผกู ติดกนั ดว ยสายครา วหรือดว ยเชอื กเสนเดยี วกัน หากจะมีบคุ คลใดกลา ววา โคดาํ เกีย่ วเนอ่ื งกับโคขาว โคขาวเกย่ี วเนือ่ งกับโคดํา ดงั นี้ บคุ คลนั้นกลา วถกู หรอื . ก. ทา นพระสารีบุตร ไมถ กู เลย โคดําไมเกี่ยวเนือ่ งกับโคขาวทั้งโคขาวก็ไมเ กย่ี วเนอ่ื งกับโคดํา โคดาํ กับโคขาวน้นั เขาผกู ติดดวยสายครา วหรอื ดว ยเชือกเสนเดยี วกนั สายคราวหรือเชอื กนนั้ เปน เครอ่ื งผกู โคทัง้ สองน้นั ใหต ดิ กัน. สา. ขอนนั้ ฉนั ใด ทา นโกฏฐกิ ะ ขอ นี้กฉ็ นั นัน้ เหมอื นกัน จักษุเปนสังโยชนเ ครือ่ งผูกของรปู รูปเปนสังโยชนเ คร่ืองผกู ของจกั ษุหามไิ ด แตฉนั ทราคะความพอใจรักใครเ กดิ ขึน้ เพราะอาศัยจกั ษแุ ละรปู ท้ังสองน้นั เปนสงั โยชนเ ครอื่ งผกู ในจกั ษุและรปู น้นั ฯลฯ ใจเปนสงั โยชนเ ครอ่ื งผูกของธรรมารมณ ธรรมารมณเปนสังโยชนเ ครือ่ งผูกของใจหามิได ฉันทราคะความพอใจรักใครเ กิดขนึ้ เพราะอาศยั ใจและธรรมารมณทงั้ สองนัน้ เปนสงั โยชนเคร่ืองผกู ใจและธรรมารมณน้นั . [๒๙๗] ทา นโกฏฐกิ ะ จกั ษุจกั เปนสงั โยชนเ คร่อื งผูกของรูป หรือรูปจกั เปนสงั โยชนเครือ่ งผูกของจักษุ การอยูประพฤตพิ รหมจรรยเพ่อื ความพน ทกุ ขโ ดยชอบ ยอ มไมปรากฏ แตเพราะจักษไุ มเ ปน สงั โยชนเ ครอ่ื งผูกของรปู รูปก็ไมเปนสังโยชนเคร่ืองผกู ของจักษุ แตฉันทราคะความพอใจรกั ใครเกิดขึ้นเพราะอาศยั จักษุและรปู ทัง้ สองนนั้ เปน สงั โยชนเ ครอื่ งผูกจักษุและรูปนั้น เพราะฉะนัน้ การอยูประพฤติพรหมจรรยเพ่ือความ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 517
Pages: