Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_28

tripitaka_28

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:36

Description: tripitaka_28

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 66 มคิ ชาลวรรคที่ ๒ ๑. ปฐมมิคชาลสูตร วาดว ยผมู ีปกตอิ ยูผ เู ดยี ว [ ๖๖ ] กรงุ สาวัตถี ฯลฯ ครง้ั นั้นแล ทานพระมิคชาละเขาไปเฝาพระผูม พี ระภาคเจาถงึ ทป่ี ระทับ ถวายอภิวาทแลวน่ัง ณ ทค่ี วรสวนขางหนึง่คร้นั แลวไดท ลู ถามพระผูมีพระภาคเจา วา ขา แตพ ระองคผเู จริญ ทีพ่ ระองคตรัสวา ผูม ีปกตอิ ยเู ดียว ผูมปี กตอิ ยูเ ดยี วฉะนี้ ดว ยเหตเุ พยี งเทาไรพระเจาขา ภิกษุจึงช่อื วามปี กติอยูผูเดยี ว และดวยเหตเุ พยี งเทา ไร ภิกษุจงึ ชอ่ื วา อยดู ว ยเพ่ือน. พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นมคิ ชาละ รูปท่จี ะพงึ รูแ จงดวยจักษอุ นั นาปรารถนา นาใคร นา พอใจ นารัก อาศยั ความใครทตี่ ั้งความกาํ หนัด มีอยู ถา ภิกษยุ นิ ดี กลา วสรรเสริญ หมกมนุ รูปน้ันอยูเม่อื เธอยนิ ดี กลา วสรรเสรญิ หมกมนุ รปู นัน้ อยู ยอ มเกดิ ความเพลิดเพลินเม่อื มีความเพลดิ เพลนิ กม็ คี วามกําหนดั กลา เม่ือมีความกาํ หนดั กลา ก็มีความเกีย่ วขอ ง ดูกอ นมคิ ชาละ ภกิ ษปุ ระกอบดว ยความเพลิดเพลนิ และความเก่ยี วของ เราเรียกวา ผมู ีปกตอิ ยดู วยเพอ่ื น ฯลฯ ธรรมารมณท่พี ึงรูแจง ดว ยใจ อนั นาปรารถนา นาใคร นาพอใจ นารกั อาศยั ความใครทีต่ ั้งความกําหนดั มีอยู ถาภกิ ษุยินดี กลาวสรรเสริญ หมกมนุ ธรรมารมณนน้ั อยู เมอื่ เธอยนิ ดี กลาวสรรเสรญิ หมกมนุ ธรรมารมณน ั้นอยู ยอมเกดิความเพลิดเพลนิ เมอื่ มีความเพลิดเพลิน ก็มีความกําหนดั กลา เมื่อมคี วามกําหนดั กลา กม็ ีความเกี่ยวขอ ง ดูกอ นมคิ ชาละ ภกิ ษผุ ูประกอบดว ยความ

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 67เพลิดเพลินและความเกย่ี วของ เราเรยี กวา มปี กตอิ ยูดวยเพื่อน ดูกอนมคิ ชาละ ภกิ ษผุ มู ีปกติอยูด ว ยอาการอยา งน้ี ถงึ จะเสพเสนาสนะอนั สงัดคือ ปาไมแ ละปา หญา เงียบเสียง ไมอ ้อื อึง ปราศจากกล่ินอาย ควรเปนที่ประกอบงานลับของมนษุ ย สมควรเปน ที่หลีกเรน อยูก็จริง ถงึ อยางน้ันกย็ งั เรียกวา มปี กตอิ ยดู ว ยเพื่อน ขอ น้ันเพราะเหตุไร เพราะผูน ัน้ ยงั มีตัณหาเปน เพอื่ น เขายังละตณั หานน้ั ไมไ ด ฉะนน้ั จงึ เรยี กวา มปี กตอิ ยดู ว ยเพ่ือน. [ ๖๗ ] ดกู อ นมคิ ชาละ รปู ทจี่ ะพึงรูแจง ดว ยจกั ษุ อนั นาปรารถนานา ใคร นา พอใจ นา รัก อาศัยความใคร ที่ตงั้ ความกําหนัด มอี ยู ถาภิกษุไมยนิ ดี ไมก ลา วสรรเสรญิ ไมหมกมนุ รูปนน้ั เมือ่ เธอไมยินดี ไมกลา วสรรเสริญ ไมหมกมุน รปู นั้นอยู ความเพลิดเพลนิ ยอมดับ เม่อื ไมม ีความเพลดิ เพลิน กไ็ มมีความกาํ หนดั เม่ือไมม ีความกําหนัด ก็ไมม คี วามเกีย่ วของ ดกู อ นมคิ ชาละ ภกิ ษุไมป ระกอบดวยความเพลดิ เพลินและความเกี่ยวของ เราเรียกวามีปกติอยูผูเดียว ฯลฯ ธรรมารมณทจี่ ะพึงรแู จงดวยใจ อนั นา ปรารถนา นาใคร นาพอใจ ใหเกิดความรกั ชกั ใหใ ครชวนใหก ําหนดั มีอยู ถาภกิ ษไุ มยนิ ดี ไมก ลาวสรรเสรญิ ไมห มกมนุธรรมารมณน้นั อยู เมือ่ เธอไมย นิ ดี ไมก ลา วสรรเสริญ ไมห มกมนุธรรมารมณนนั้ ความเพลิดเพลนิ ก็ดับ เมื่อไมม ีความเพลดิ เพลิน ก็ไมมีความกาํ หนดั กลา เม่ือไมมีความกาํ หนัดกลา กไ็ มมีความเกย่ี วขอ ง ดูกอ นมิคชาละ ภกิ ษผุ ไู มป ระกอบดวยความเพลดิ เพลินและความเกีย่ วขอ ง เราเรยี กวา มปี กตอิ ยูผเู ดียว ดูกอ นมคิ ชาละ ภกิ ษผุ ูม ีปกติอยดู วยอาการอยา งนี้แมจะอยูป ะปนกับภกิ ษุ ภิกษณุ ี อบุ าสก อบุ าสิกา พระราชา มหาอาํ มาตย

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 68ของพระราชา เดียรถีย สาวกของเดียรถยี  ในละแวกบานก็จริง ถึงอยางนน้ั กย็ ังเรียกวา มีปกติอยผู ูเ ดยี ว ดกู อนมิคชาละ เราเรียกผมู ีปกตอิ ยูดวยอาการอยางนว้ี า มปี กติอยูผูเ ดยี ว ขอน้ันเพราะเหตุไร เพราะตณั หาซึง่ เปนเพ่ือน เธอละไดแ ลว เพราะเหตนุ ัน้ จงึ เรยี กวามีปกตอิ ยผู เู ดียว. จบ ปฐมมคิ ชาลสูตรท่ี ๑ มิคชาลวรรคท่ี ๒ อรรถกถาปฐมมคิ ชาลสูตรที่ ๑ มิคชาลวรรคท่ี ๒ ปฐมมิคชาลสูตรที่ ๑ มวี ินิจฉยั ดังตอ ไปนี้ บทวา จกขฺ ุวิฺเยยฺ า ไดแก พึงกาํ หนดรูด ว ยจกั ขวุ ญิ ญาณ.แมในสภาวะทจี่ ะพึงรูแจง ดว ยโสตวิญญาณ ก็นัยนเ้ี หมอื นกัน. บทวาอิฏา ความวา จะเปน อารมณท่นี าปรารถนาหรอื ไมนาปรารถนากต็ าม.บทวา กนฺตา แปลวา นา ใคร. บทวา มนาปา แปลวา นาเจริญใจ.บทวา ปยรปู า แปลวา เปน ท่รี ัก. บทวา กามูปสฺหิตา ความวาประกอบดวยความใคร ซ่งึ เกิดขึ้นทาํ เปน อารมณ. บทวา รชนิยา แปลวาเปน ที่ตั้งความกําหนดั อธบิ ายวา เปนเหตใุ หเกดิ ความกาํ หนดั . บทวานนฺทิ ไดแก ความเพลดิ เพลินดว ยอาํ นาจตณั หา. บทวา สฺโโคไดแก สญั โญชน. บทวา นนทฺ ิสฺโชนสมปฺ ยุตฺโต ไดแ ก พวั พนัดวยความเพลนิ และความผูกพัน. บทวา อรฺวนปฏานิ ไดแ ก ปาและติณชาตท่ีเกิดในปา.

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 69 ในบทเหลานนั้ แมในอภิธรรมทา นกลาวตรง ๆ วาปาท่อี อกไปนอกเสาเขอ่ื นท้งั หมดนนั้ เปน อรัญญะ กจ็ รงิ ถงึ อยา งนน้ั เสนาสนะทใ่ี หสาํ เร็จเปนอารญั ญกิ ธุดงคอ งคค ณุ ของผูอยปู า ท่ที านกลา ววา โดยทส่ี ดุ ชั่ว๕๐๐ ธนู น้ันแหละ พงึ ทราบวา ทา นประสงคเอาแลว . บทวา วนปฏไดแ ก ท่เี ลยชายบา นไป พวกมนุษยไ มใชสอย ซึ่งไมเปนทไ่ี ถหวาน.สมจริงดวยคําทที่ า นกลา วไววา คําวา วนปฏ นเ้ี ปนชอื่ ของเสนาสนะไกล. คาํ วา วนปฏ  น้เี ปน ช่อื ไพรสณฑ. คาํ วา วนปฏ  นเี้ ปน เหตุทนี่ ากลัว. คาํ วา วนปฏ  นเ้ี ปนช่ือของความกลัวขนลกุ ชนั . คาํ วาวนปฏ  น้เี ปน ชอื่ ของชายแดน. คําวา วนปฏ นีเ้ ปน ชือ่ ของเสนาสนะทอี่ ยูหา งไกลมนษุ ย. ในท่นี ้ี หมไู มท ี่อยูในปา เวนปริยายหนึง่ น้ที ี่วาชายแดน ก็พึงทราบโดยปรยิ ายท่ีเหลอื แล. บทวา ปนตฺ านิ แปลวา ทส่ี ุดแดน คอื ไกลมาก. บทวา อปปฺ สท-ฺทานิ ไดแ ก ชื่อวา มเี สียงนอ ย เพราะไมม ีเสยี งครกเสยี งสากและเสียงเดก็เปนตน. บทวา อปปฺ นคิ โฺ ฆสานิ ไดแก ชื่อวา มเี สียงกกึ กอ งนอย เพราะไมม ีบันลอื ลนั่ และกึกกอ งอยางมากของเสียงนน้ั ๆ. บทวา วิชนวาตานิไดแก เวน จากลมในรา งกายของคนผูสญั จร. บทวา มนสุ ฺสราหเสยฺยกานิไดแ ก สมควรแกก ารงานลับของพวกมนุษย. บทวา ปฏิสลลฺ านสารปุ ปฺ านิไดแ ก สมควรแกก ารหลกี เรน. จบ อรรถกถาปฐมมิคชาลสตู รที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 70 ๒. ทุตยิ มิคชาลสตู ร วาดวยผูมปี กตอิ ยผู ูเ ดยี ว [๖๘] คร้ังนนั้ แล ทานพระมิคชาละเขาไปเฝาพระผูม ีพระภาคเจาถงึ ทีป่ ระทบั ถวายอภิวาทแลว นั่ง ณ ทคี่ วรสวนขางหน่ึง คร้ันแลวไดกราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคเจริญ ขาพระองคขอโอกาสขอพระผูม พี ระภาคเจาโปรดทรงแสดงธรรมแกข าพระองคโ ดยยอ ท่ขี า-พระองคไ ดฟง แลว พงึ เปน ผูหลกี ออกจากหมอู ยูผเู ดยี ว ไมป ระมาท มีความเพยี ร มใี จเด็ดเดี่ยวอยเู ถดิ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อนมคิ ชาละ รูปท่จี ะพึงรูแจงดว ยจกั ษุ อันนาปรารถนา นาใคร นา พอใจนารัก อาศยั ความใคร ท่ตี ง้ั ความกําหนัด มีอยู ถา ภิกษุยนิ ดี กลา วสรรเสริญ หมกมุน รปู นั้นอยู ยอ มเกิดความเพลิดเพลนิ เรากลาววาเพราะความเพลิดเพลนิ จึงเกิดทุกข ฯลฯ ธรรมารมณท จ่ี ะพงึ รูแ จง ดวยใจอันนาปรารถนา นา ใคร นา พอใจ นา รัก . อาศัยความใคร ทีต่ ั้งความกําหนัดมีอยู ถา ภกิ ษุยนิ ดี กลาวสรรเสริญ หมกมุนธรรมารมณน ัน้ อยูเมอ่ื เธอยนิ ดี กลาวสรรเสรญิ หมกมุน ธรรมารมณน ้ันอยู ยอมเกดิ ความเพลดิ เพลิน เรากลา ววา เพราะเกดิ ความเพลิดเพลนิ จึงเกดิ ทกุ ข. [ ๖๙ ] ดกู อนมิคชาละ รปู ที่จะพึงรแู จงดว ยจกั ษอุ นั นาปรารถนานา ใคร นา พอใจ นา รัก อาศัยความใคร ท่ีตง้ั ความกาํ หนัด มีอยู ถาภิกษุไมย นิ ดี ไมกลาวสรรเสริญ ไมห มกมุนรปู นน้ั อยู เมือ่ ไมยินดี ไมกลาวสรรเสริญ ไมห มกมุน รูปนน้ั ความเพลดิ เพลนิ ก็ดับ เรากลา ววา เพราะความเพลดิ เพลนิ ดับทุกขจ งึ ดบั ฯลฯ ธรรมารมณทจ่ี ะพงึ รแู จง ดว ยใจอัน

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 71นาปรารถนา นา ใคร นาพอใจ นารกั อาศัยความใคร ทต่ี งั้ ความกาํ หนดัมอิ ยู ถา ภิกษุไมยินดี ไมกลาวสรรเสรญิ ไมหมกมุนธรรมารมณน้นั อยูเม่ือเธอไมยินดี ไมกลา วสรรเสริญ ไมห มกมนุ ธรรมารมณนัน้ ความเพลดิ เพลนิ กด็ บั เรากลา ววา เพราะความเพลดิ เพลินดับ ทกุ ขจึงดบั . [๗๐] คร้งั นน้ั แล ทา นพระมคิ ชาละยนิ ดอี นโุ มทนาภาษิตของพระผูมพี ระภาคเจา ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผมู ีพระภาคเจา ทําประทักษิณแลวหลีกไป คร้ังน้นั แล ทา นพระมิคชาละหลีกออกจากหมูอยูแ ตผ เู ดียว ไมป ระมาท มีความเพยี ร มใี จเด็ดเด่ยี ว ทําใหแ จง ซึง่ ทส่ี ดุแหงพรหมจรรยอันยอดเย่ียม ทีก่ ลุ บุตรทงั้ หลายออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชิตตอ งการ ดว ยปญ ญาอันยิง่ เองในปจ จบุ นั เขา ถงึ อยู รูช ัดวา ชาติส้นิ แลว พรหมจรรยอ ยูจ บแลว กจิ ท่คี วรทําทําเสร็จแลว กจิ อื่นเพอื่ ความเปน อยางนีม้ ิไดม ี และทานพระมคิ ชาละไดเปนพระอรหนั ตองคห นึ่ง ในจํานวนพระอรหันตทัง้ หลาย ฉะนีแ้ ล. จบ ทุติยมคิ ชาลสูตรท่ี ๒ อรรถกถาทุตยิ มิคชาลสตู รท่ี ๒ ในทตุ ิยมิคชาลสตู รที่ ๒ มวี ินิจฉยั ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา นนทฺ ินโิ รธา ทกุ ขฺ นิโรโธ ความวา เพราะความเพลดิ เพลนิ ดวยอาํ นาจตัณหาดบั วัฏฏทุกขจกั ดบั . จบ อรรถกถาทตุ ิยมิคชาลสตู รท่ี ๒

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 72 ๓. ปฐมสมิทธิสูตร วาดว ยสงิ่ ท่ีเรยี กวามาร [ ๗๑ ] สมยั หน่งึ พระผูมีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระวหิ ารเวฬวุ นั กลนั ทกนิวาปสถาน กรงุ ราชคฤห คร้งั น้ันแล ทา นพระสมทิ ธิเขาไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจาถงึ ทปี่ ระทับ ฯลฯ คร้ันแลวไดทูลถามพระผ-ูมพี ระภาคเจาวา ขา แตพระองคผูเ จริญ ท่เี รียกวา มาร มาร ดังนี้ ดวยเหตุเพยี งเทาไร พระเจา ขา จึงเปน มารหรอื การบญั ญตั วิ า มาร. พระผมู -ีพระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นสมทิ ธิ จกั ษุ รูป จักษุวิญญาณ ธรรมท่ีจะพงึ รูแจงดว ยจักษวุ ญิ ญาณ มีอยู ณ ทใี่ ด มารหรอื การบญั ญัติวามารกม็ ีอยู ณท่นี ้นั หู เสยี ง โสตวญิ ญาณ ธรรมทพ่ี ึงรูแจงดวยโสตวญิ ญาณ มีอยู ณที่ใด มารหรอื การบัญญตั ิวา มารก็มีอยู ณ ท่ีน้นั จมูก กล่นิ ฆานวญิ ญาณธรรมที่จะพึงรแู จงดว ยฆานวญิ ญาณ มอี ยู ณ ทีใ่ ด มารหรอื การบญั ญตั วิ ามารก็มีอยู ณ ทีน่ น้ั ลิน้ รส ชวิ หาวญิ ญาณ ธรรมทีพ่ งึ รแู จง ดวยชวิ หา-วิญญาณ มอี ยู ณ ทใี่ ด มารหรอื การบัญญัตวิ ามารกม็ ีอยู ณ ทนี่ ้ัน กายโผฏฐพั พะ กายวญิ ญาณ ธรรมที่จะพึงรูแจง ดว ยกายวิญญาณ มอี ยู ณ ท่ีใดมารหรือการบัญญตั ิวา มารก็มีอยู ณ ท่นี ัน้ ใจ ธรรมารมณ มโนวญิ ญาณธรรมทจ่ี ะพึงรูแจงดวยมโนวิญญาณ มอี ยู ณ ทีใ่ ด มารหรือการบญั ญัติวามารก็มอี ยู ณ ทีน่ ั้น. [ ๗๒ ] ดูกอนสมทิ ธิ จกั ษุ รปู จกั ษวุ ิญญาณ ธรรมท่ีจะพงึ รูแจงดวยจักษวุ ิญญาณ ไมม ี ณ ท่ีใด มารหรือการบญั ญตั ิวา มารก็ไมม ี ณ ท่ีนน้ัฯลฯ ใจ ธรรมารมณ มโนวญิ ญาณ ธรรมท่ีจะพึงรแู จง ดว ยมโนวิญญาณไมม ี ณ ทีใ่ ดมารหรอื การบัญญัติวา มารก็ไมม ี ณ ทนี่ นั้ . จบ ปฐมสมิทธิสตู รท่ี ๓

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 73 ๔. ทตุ ิยสมทิ ธสิ ูตร วา ดวยสง่ิ ที่เรียกวาสตั ว [ ๗๓ ] ขาแตพระองคผ เู จรญิ ท่ีเรียกวา สัตว สัตว ดงั น้ี ดว ยเหตเุ พียงเทาไร พระเจาขา จงึ เปน สตั วห รือบัญญตั วิ าสตั ว ฯลฯ จบ ทตุ ิยสมทิ ธิสตู รที่ ๔ ๕. ตตยิ สมทิ ธสิ ตู ร วา ดว ยส่ิงที่เรียกวา ทุกข [ ๗๔ ] ขาแตพ ระองคผูเจรญิ ทเี่ รยี กวา ทกุ ข ทกุ ข ดังนี้ ดวยเหตเุ พยี งเทา ไร พระเจา ขา จะพึงเปน ทกุ ข หรอื บญั ญัตวิ าทกุ ข ฯลฯ จบ ตตยิ สมิทธิสูตรที่ ๕ อรรถกถาสมิทธสิ ูตรท่ี ๓ - ๕ ในสมทิ ธมิ ารปญ จสูตรท่ี ๓ มีวินิจฉยั ดังตอไปน้ี. บทวา สมทิ ฺธิ ความวา ไดช ือ่ อยา งนเี้ พราะมอี ัตตภาพบรบิ รู ณ.เลากันวา พระเถระนัน้ มีอตั ตภาพงามนา เลื่อมใส บริบรู ณดวยอาการทั้งปวงเหมอื นพวงมาลาทแี่ ขวนไว เหมือนหอ งมาลาทต่ี กแตง ไว ฉะนั้นจงึ นบั วาสมทิ ธิ นัน่ แล. ดว ยบทวา มาโร ทานสมิทธถิ ามถงึ ความตาย คําวา มาร ในคาํ วามารปฺตฺติ เปน นามบญั ญตั ิ เปนนามไธย. ในบทวา อตถฺ ิ ตตถฺ มเรวา มารปฺตฺติ วา น้นั บทวา มรณ วา มรณ นท้ี า นแสดงวานามมีอย.ู สูตรท่ี ๔ งา ยทั้งนนั้ . สตู รท่ี ๕ ก็เหมอื นกนั . จบ อรรถกถาสมทิ ธิสตู รท่ี ๓ - ๕

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 74 ๖. จตตุ ถสมิทธิสตู ร วาดว ยส่งิ ทีเ่ รยี กวา โลก [ ๗๕ ] ขา แตพระองคผ ูเ จริญ ที่เรยี กวา โลก โลก ดังน้ี ดว ยเหตเุ พียงเทา ไร จึงเปน โลก หรอื บัญญัติวาโลก. พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวากอ นสมทิ ธิ จกั ษุ รปู จักษวุ ญิ ญาณ ธรรมท่พี งึ จะรแู จง ดวยจกั ษุวิญญาณมอี ยู ณ ท่ใี ดโลกหรอื การบัญญัตวิ า โลกก็มีอยู ณ ที่นั้น ฯลฯใจ ธรรมารมณมโนวิญญาณ ธรรมท่จี ะพงึ รูแ จงดวยมโนวญิ ญาณ มอี ยู ณ ทใี่ ด โลกหรือการบัญญตั ิวา โลกก็มีอยู ณ ทน่ี ัน้ [๗๖] ดกู อนสมทิ ธิ จกั ษุ รูป จักษุวญิ ญาณ ธรรมท่จี ะพึงรูแจงดวยจักษุวิญญาณ ไมม ี ณ ทใี่ ด โลกหรือการบญั ญตั วิ า โลกกม็ ี ณ ท่นี นั้ฯลฯ ใจ ธรรมารมณ มโนวญิ ญาณ ธรรมทจ่ี ะพงึ รแู จง ดวยมโนวญิ ญาณไมม ี ณ ทีใ่ ด โลกหรอื การบญั ญัติวาโลกก็มี ณ ท่นี ้นั . จบ จตตุ ถสมิทธิสตู รที่ ๖ อรรถกถาสมทิ ธสิ ูตรท่ี ๖ ในสมิทธิสตู รที่ ๖ มวี ินิจฉยั ดังตอ ไปนี้ . บทวา โลโก ความวา ที่ช่ือวา โลก เพราะอรรถวา แตกทําลาย.ในสูตรทงั้ ๕ ตงั้ แตสตู รทพี่ ระมคิ ชาลเถระอาราธนา ตรสั เฉพาะวฏั ฏะและวิวฏั ฏะเทา น้ัน ดวยประการฉะนี.้ จบ อรรถกถาสมทิ ธิสตู รท่ี ๖

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 75 ๗. อปุ เสนสูตร วาดวยกายเรยี่ ราดประดจุ กาํ แกลบ [ ๗๗] สมยั หนึ่ง พระผมู ีพระภาคเจา และทานพระสารีบุตรทานพระอุปเสนะ อยทู ป่ี าชื่อสีตวนั เงือ้ มเขาสัปปโสณฑกิ ะ กรุงราชคฤหสมัยนนั้ แล อสรพษิ ตัวหนงึ่ ไดตกลงทก่ี ายของทานพระอปุ เสนะ ครัง้ นนั้ แลทา นพระอปุ เสนะเรียกภกิ ษุทงั้ หลายวา จงมาเถิด ผูมีอายุ จงยกกายเราน้ีขนึ้ สเู ตียงแลวนาํ ออกไปในภายนอก กอ นที่กายนีจ้ ะเรย่ี ราดประดจุ กําแกลบในที่น้แี ล เมื่อทา นพระอุปเสนะกลาวอยา งนแ้ี ลว ทานพระสารีบตุ รไดกลาวกะทา นพระอปุ เสนะวา ความท่ีกายของทาน พระอปุ เสนะเปน อยา งอน่ืหรือความแปรปรวนแหง อนิ ทรียข องทานพระอปุ เสนะ เราทงั้ หลายยงั ไมเห็นเลย เมอ่ื เปน เชน น้ี ทา นพระอุปเสนะยังพดู อยางน้ีวา จงมาเถิด ผูมีอายุ จงยกกายเรานขี้ นึ้ สเู ตยี งแลว นําไปภายนอก กอ นทกี่ ายนจ้ี ะเรย่ี ราดประดุจกาํ แกลบเลา ณ ท่ีน้ี ทานพระอุปเสนะกลาววา ทา นพระสารีบตุ รผูใดพึงมีความตรกึ อยางนีว้ า เราเปน จักษุ หรอื จกั ษุเปน ของเรา ฯลฯ เราเปน ใจ หรอื ใจเปน ของเรา ความทกี่ ายเปนอยางอ่ืน หรอื ความแปรปรวนแหงอินทรียพึงมีแกผูน น้ั แนนอน ทา นพระสารบี ุตร เรามิไดมีความตรกึอยา งนี้วา เราเปนจกั ษุ หรือจกั ษเุ ปนของเรา ฯลฯ เราเปน ใจ หรอื ใจเปนของเรา ความทกี่ ายจักกลายเปน อยา งอ่ืน หรือความแปรปรวนแหงอนิ ทรียจักมีแกเรานน้ั ไดอยา งไร.

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 76 สา. จรงิ อยา งนน้ั ทานพระอุปเสนะไดถ อนอหงั การ มมงั การและมานานสุ ยั ไดเ ด็ดขาดเปนเวลานานมาแลว ฉะน้ัน ทานพระอุปเสนะจึงไมมีความตรึกอยางนนั้ . คร้งั นน้ั แล ภกิ ษุเหลาน้ันยกกายของทานพระอุปเสนะข้ึนสูเตยี งนาํ ไปภายนอก กายของทา นพระอุปเสนะเร่ยี ราดประดจุ กําแกลบในที่นนั้ เอง ฉะนนั้ . จบ อุปเสนสตู รที่ ๗ อรรถกถาอปุ เสนอาสีวิสสูตรที่ ๗ ในอปุ เสนอาสีวิสสตู รท่ี ๗ มวี นิ ิจฉัยดงั ตอไปน้ี. บทวา สีตวเน ไดแกในปาของปา ชามชี อ่ื อยา งน้ัน. บทวาิสปปฺ โสณฑฺ กิ ปพภฺ าเร ไดแกทเ่ี งื้อมเขามชี อ่ื อยา งน้นั เพราะเหมือนกนัพังพานงู. บทวา อุปเสนสฺส ไดแ กท านอุปเสนะผเู ปน นองชายของพระธรรมเสนาบด.ี บทวา อาสีวโิ ส ปติโต โหติ ความวา เลากันมาวา พระเถระเสรจ็ ภตั กิจแลว ถอื มหาจีวร ถูกลมออนๆ ทางชองหนา ตา งทรี่ มเงาถํ้า รําเพยพดั น่ังทาํ สูจกิ รรมผา นุง ๒ ชนั้ . ขณะนั้น ลูกอสรพษิเลื้อยเลนอยูบนหลังคาถาํ้ ลูกงเู หลา นนั้ ตัวหนง่ึ ตกลงมาถูกจะงอยบาพระเถระ. พระเถระถกู พษิ เขา ฉะน้ันพิษของงนู ั้นจึงซาบซา นไปในกายของพระเถระ เหมือนเปลวประทีปลามไปตามไสต ะเกียง. พระเถระทราบวาพษิ แลนมาดงั นนั้ พษิ นั้นพอตกลงเทานั้นแลน ไปตามกาํ หนด ก็จริงถึงอยางน้ัน ทานจึงใชพ ลังฤทธิข์ องตนอธษิ ฐานวา ขออัตตภาพนี้จงอยา

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 77พินาศในถํ้า ดังนแ้ี ลว เรยี กภิกษทุ งั้ หลายมา. บทวา ปรุ าย กาโย อิเธววถิ รี ติ ความวา พวกทา นจงนาํ กายนั้นออกขางนอกชว่ั เวลาทย่ี งั ไมกระจดักระจาย. บทวา อฺ ถตตฺ  แปลวา เปน อยางอ่ืน. บทวา อนิ ทฺ ฺรยิ านวปิ รณิ าม ไดแ กภาวะคืออนิ ทรยี ม ีจกั ขุนทรยี แ ละโสตินทรียเปนตนละปกติไป บทวา ตตฺเถว วิกริ ิ ความวา กระจดั กระจายบนเตียงนอ ยน่ันเองในท่ีท่นี ําออกมาต้ังไวภายนอก. จบ อรรถกถาอปุ เสนสูตรที่ ๗ ๘. อปุ วาณสตู ร วา ดว ยธรรมอันผบู รรลุจะพึงเหน็ เอง [๗๘] ครัง้ นนั้ แล ทานพระอุปวาณะเขาไปเฝาพระผูม พี ระภาค-เจา ถึงทปี่ ระทบั ฯลฯ ครัน้ แลวไดท ลู ถามพระผมู พี ระภาคเจาวา ขาแตพระองคผูเจรญิ ทต่ี รัสวา ธรรมอนั ผูบ รรลุจะพึงเห็นเอง ธรรมอนั ผูบรรลจุ ะพึงเหน็ เอง ดังนี้ ดวยเหตเุ พยี งเทา ไร พระธรรมจึงชอื่ วาอนั ผูบรรลจุ ะพงึ เห็นเอง ไมประกอบดว ยกาล ควรเรยี กใหมาดู ควรนอ มเขามาในตน อนั วญิ ชู นพงึ รูเฉพาะตน พระเจา ขา . [๗๙] พระผูม พี ระภาคเจาตรสั วา ดกู อ นอุปวาณะ กภ็ ิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี เหน็ รปู ดว ยจักษแุ ลวรเู สวยรูป รเู สวยความกําหนัดในรปูแลวรชู ัดซ่ึงความกาํ หนัดในรปู อันมีอยใู นภายในวา เรายังมีความกําหนดัในรูปในภายใน อาการทภี่ ิกษเุ หน็ รปู ดว ยจกั ษแุ ลวรูเสวยรูป รูเสวยความ

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 78กําหนัดในรปู และรชู ดั ซ่งึ ความกาํ หนัดในรปู อนั มีอยูใ นภายในวา เรายงั มีความกาํ หนดั ในรูปในภายใน อยางนแี้ ล เปนธรรมอนั ผูบรรลจุ ะพึงเห็นเอง ไมประกอบดวยกาล ควรเรียกใหมาดู ควรนอมเขามาในตนอันวญิ ูชนพงึ รเู ฉพาะตน. [๘๐] อีกประการหนง่ึ ดูกอ นอุปวาณะ ภกิ ษุล้มิ รสดว ยลนิ้ ฯลฯ [๘๑] อีกประการหนึง่ ดูกอ นอปุ วาณะ ภิกษุรูแจงธรรมารมณดว ยใจแลวรูเสวยธรรมารมณ รเู สวยความกาํ หนัดในธรรมารมณ และรชู ัดซ่งึ ความกาํ หนัดในธรรมารมณอ นั มอี ยูภ ายในวา เรายงั มคี วามกําหนัดในธรรมารมณใ นภายใน อาการท่ีภิกษรุ แู จงธรรมารมณดวยใจแลว รูเสวยธรรมารมณ รเู สวยความกําหนดั ในธรรมารมณ และรชู ัดซงึ่ ความกําหนัดในธรรมารมณอ นั มีอยูในภายในวา เรายังมีความกําหนัดในธรรมารมณในภายใน อยางนี้แล เปน ธรรมอนั ผบู รรลจุ ะพึงเห็นเอง ไมป ระกอบดว ยกาล ควรเรียกใหมาดู ควรนอมเขา มาในตน อนั วญิ ชู นพึงรูเฉพาะตน. [๘๒] ดกู อนอปุ วาณะ ก็ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี เห็นรูปดวยจกั ษุแลวรเู สวยรปู แตไ มรเู สวยความกาํ หนดั ในรปู และรูชดั ซึง่ ความกาํ หนดัในรูปอันไมมใี นภายในวา เราไมม คี วามกาํ หนดั ในรูปในภายใน อาการท่ีภิกษเุ ปน ผูเ หน็ รปู ดวยจกั ษแุ ลวรเู สวยรปู แตไมรเู สวยความกําหนดั ในรปูและรูชัดซงึ่ ความกาํ หนัดในรปู อนั ไมมีในภายในวา เราไมมีความกาํ หนัดในรูปในภายในอยางน้ีแล เปนธรรมอันผูบรรลจุ ะพึงเห็นเอง ไมประกอบดว ยกาล ควรเรียกใหม าดู ควรนอมเขา มาในตน อนั วญิ ชู นพงึ รูเ ฉพาะตน.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 79 [๘๓] ดูกอนอปุ วาณะ อีกประการหน่งึ ภิกษฟุ ง เสียงดว ยหูสดู กลน่ิ ดวยจมกู ลม้ิ รสดว ยลน้ิ . [๘๔] ดกู อ นอุปวาณะ อีกประการหนง่ึ ภิกษุรูซึ่งธรรมารมณดวยใจแลวรูเสวยธรรมารมณ แตไ มรูเ สวยความกําหนัดในธรรมารมณและรูชดั ซึง่ ความกําหนัดในธรรมารมณอ นั ไมมีในภายในวา เราไมม คี วามกําหนัดในธรรมารมณในภายใน อาการท่ีภิกษรุ ูธ รรมารมณด วยใจแลวรูเสวยธรรมารมณ แตไ มร ูเสวยความกาํ หนดั ในธรรมารมณ และรูชดั ซงึ่ความกําหนัดในธรรมารมณอนั ไมม ีในภายในวา เราไมม คี วามกําหนัดในธรรมารมณใ นภายใน อยางนแ้ี ล เปน ธรรมอันผูบรรลุจะพงึ เหน็ เอง.ไมป ระกอบดว ยกาล ควรเรยี กใหมาดู ควรนอมเขามาในตน อันวิญชู นพึงรูเฉพาะตน. จบ อุปวาณสูตรท่ี ๘ อรรถกถาอปุ วาณสตู รท่ี ๘ ในอุปวาณสตู รที่ ๘ มวี ินจิ ฉัยดงั ตอไปนี้. บทวา รปู ปฏิส เวที ความวา กาํ หนดอารมณตางโดยกสณิ มีนลีกสิณและปต กสิณเปน ตน ทํารูปใหเปน อันตนรูแ จง แลว. ถามวา เพราะเหตไุ รจึงเปน ผูไ ดช ือ่ วา รูแจงรูป. แกวา เพราะภาวะที่กเิ ลสยงั มอี ยนู ั้นแลช่ือวา กระทํารปู ราคะใหเปนอนั ตนรแู จงแลว ฉะน้ัน ทานจงึ กลาววารปู ราคปฏิส เวท.ิ คําวา. สนฺทฏโิ ก เปนตน มอี รรถไดกลา วไวแลว

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 80ในคมั ภีรวสิ ุทธมิ รรคน้นั แล. บทวา โน จ รูปราคปฏสิ  เวที ความวาเพราะภาวะทีก่ เิ ลสไมม ีนั่นแล ชอ่ื วาไมก ระทํารปู ราคะใหเปน อนั ตนรแู จงแลว ฉะน้ัน จงึ ตรัสวา โน จ รูปราคปฏสิ  เวที ดงั น้.ี ในพระสตู รนี้ตรสั ปจจเวกขณญาณของพระสขะและอเสขะ. จบ อรรถกถาอปุ วาณสตู รที่ ๘ ๙. ปฐมผัสสายตนสูตรวาดวยผไู มทราบชดั ความเกิดเปนตนเปน ผูไกลจากธรรมวินยั [๘๕] ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ก็ภิกษุบางรปู ไมทราบชดั ความเกดิความดบั คณุ โทษ และอุบายเคร่ืองสลดั ออกแหง ผัสสายตนะ ๖ ตามความเปนจริง พรหมจรรยอนั เธอยงั ไมอยจู บแลว เธอชือ่ วา เปน ผไู กลจากธรรมวินัยนี้ เม่อื พระผูมีพระภาคเจา ตรัสอยา งนแ้ี ลว ภกิ ษุรปู หนงึ่ ไดกราบทลูพระผูมีพระภาคเจาวา ขา แตพระองคผูเ จริญ ขาพระองคเปน ผฉู ิบหายในศาสนานี้ เพราะขา พระองคไ มทราบชัด ความเกดิ ความดบั คุณ โทษและอบุ ายเคร่อื งสลดั ออกแหง ผสั สายตนะ ๖ ตามความเปน จริง. พ. ดกู อ นภิกษุ เธอจะสาํ คัญความขอนัน้ เปน ไฉน เธอพจิ ารณาเห็นจักษวุ า น่ันของเรา เราเปน นัน่ นัน่ เปน ตัวตนของเรา ดงั นีห้ รือ. ภ.ิ หามิได พระเจา ขา . พ. ดลี ะ ภกิ ษุ ในขอ นี้ การที่เธอพิจารณาเหน็ จกั ษุดวยอาการอยางนว้ี า น่นั ไมใชของเรา เราไมเ ปนน่ัน น่นั ไมใ ชต ัวตนของเรา ดงั น้ีจกั เปนอนั เธอเห็นดีแลว ดว ยปญญาอนั ชอบ ตามความเปนจริง นแ้ี ลเปน ท่สี ุดแหงทกุ ข ฯลฯ

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 81 พ. เธอจะสําคัญความขอนั้นเปนไฉน เธอพิจารณาเห็นใจวาน่ันของเรา เราเปน น่ัน นนั่ เปน ตัวตนของเรา ดงั น้ีหรือ. ภิ. หามิได พระเจาขา . พ ดีละ ภกิ ษุ ในขอนี้ การท่ีเธอพิจารณาเห็นใจวา นั่นไมใ ชของเรา เราไมเปน นน่ั น่นั ไมใ ชตวั ตนของเรา ดงั น้ี จักเปนอนั เธอเหน็ แลวดว ยปญ ญาอนั ชอบ ตามความเปน จริง น้แี ลเปน ทส่ี ุดแหงทกุ ข. จบ ปฐมผสั สายตนสูตรท่ี ๙ อรรถกถาปฐมผัสสายตนสตู รที่ ๙ ในปฐมผัสสายตนสตู รท่ี ๙ มีวนิ จิ ฉัยดงั ตอ ไปน้ี บทวา ผสสฺ ายตน ไดแ ก อาการถกู ตอ ง. บทวา อวสุ ิต แปลวาไมอยูแลว . บทวา อารกา แปลวา ในทไ่ี กล. ดว ยบทวา เอตฺถาหภนฺเต อนสฺสาส น้ี ภิกษทุ ลู วา ขา แตพ ระองคผ ูเ จริญ ขา พระองคชื่อวาเปนผูฉ บิ หายแลว ในพระศาสนานี้ พระผูม พี ระภาคเจา ทรงพระดาํ ริวาภิกษนุ กี้ ลา ววา เราชื่อวาฉิบหายแลว ในพระศาสนานี้ เธอยงั มคี วามเพยี รยง่ิอยูใ นธาตุกมั มัฏฐานและกสิณเปนตน อยา งอืน่ หรือหนอ. เมอื่ ไมเ หน็ ความเพยี รย่ิงนั้น จงึ ทรงพระดําริวา กมั มฏั ฐานอะไรหนอจักเปน สัปปายสบายแกภกิ ษนุ ้ี. แตนนั้ ทรงเห็นวา กมั มฏั ฐานคืออายตนะน่นั แล จกั เปนสปั ปายะเม่ือจะตรัสบอกกมั มัฏฐานน้นั จึงตรัสวา ต กึ มฺสิ ภิกฺขุ ดังนเี้ ปนตนบทวา สาธุ เปนความรา เริงในการพยากรณของเธอ. บทวา เอเสวนฺโตทุกขฺ สฺส ความวา นนี้ ี่แลเปนทสี่ ุดคือความขาดไปแหงวัฏฏทกุ ข คอืนิพพาน. จบ อรรถกถาปฐมผัสสายตนสตู รท่ี ๙

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 82 ๑๐. ทตุ ิยผสั สายตนสตู รวา ดวยผูไ มท ราบชัดความเกดิ เปน ตนเปนผไู กลจากธรรมวนิ ยั [๘๖] พระผูม พี ระภาคเจาตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ก็ภิกษุบางรูปไมทราบชัดความเกดิ ความดบั คุณ โทษ และอบุ ายเคร่ืองสลดั ออกแหง ผัสสายตนะ ๖ ตามความเปน จรงิ พรหมจรรยอ นั ภิกษนุ ั้นไมอยจู บแลวเธอช่อื วาเปนผูไ กลจากธรรมวนิ ัยนี้ เม่อื พระผมู ีพระภาคเจาตรัสอยางนี้แลว ภกิ ษุรูปหนง่ึ ไดก ราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผเู จริญก็ขาพระองคเ ปน ผูฉิบหายแลวในธรรมวินัยนี้ เพราะขา พระองคไ มท ราบชัดความเกดิ ความดบั คณุ โทษ และอุบายเครอ่ื งสลัดออกแหงผสั สายตนะ๖ ตามความเปนจรงิ . พ. ดูกอนภกิ ษุ เธอจะสําคญั ความขอ นั้นเปน ไฉน เธอพจิ ารณาเห็นจกั ษุวา นัน่ ไมใ ชของเรา เราไมเ ปนนน่ั น่นั ไมใ ชตวั ตนของเราดงั นห้ี รือ. ภ.ิ อยา งน้นั พระเจาขา. พ. ดลี ะ. ภิกษุ ในขอน้ี การท่เี ธอพิจารณาเห็นจักษุวา นัน่ ไมใชของเรา เราไมเ ปนน่นั นนั่ ไมใชตัวตนของเรา ดังนี้ จักเปน อนั เธอเห็นดีแลวดวยปญ ญาอนั ชอบ ตามความเปนจรงิ ดว ยอาการอยา งน้ี ผัสสายตนะที่ ๑ น้ีจักเปนอันเธอละไดแ ลว เพอื่ มิใหผสั สายตนะน้ันเกดิ ขึ้นอีกตอไป ฯลฯ ภิ. อยางน้นั พระเจา ขา .

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 83 พ. ดีละ ภกิ ษุ ในขอ น้ี การทเ่ี ธอพจิ ารณาเห็นใจวา นัน่ ไมใ ชของเรา เราไมเ ปนน่นั นน่ั ไมใ ชต ัวตนของเรา ดังนี้ จักเปนอนั เธอเหน็ ดีแลว ดวยปญ ญาอนั ชอบ ตามความเปน จริง ดว ยอาการอยา งน้ี ผัสสายตนะท่ี ๖ น้ีจกั เปน อนั เธอละไดแ ลว เพ่ือมใิ หผสั สายตนะน้ันเกิดขึ้นอกี ตอ ไป. จบ ทุติยผสั สายตนสูตรที่ ๑๐ อรรถกถาทตุ ยิ ผสั สายตนสูตรท่ี ๑๐ ในทตุ ิยผัสสายตนสตู รท่ี ๑๐ มีวนิ จิ ฉัยดังตอ ไปน.้ี บทวา ปนสสฺ าส แปลวา ฉิบหายแลว. อธิบายวา เราชอ่ื วาเปนผฉู ิบหายแลวแล. ในบทวา อายตึ อปนุ พภฺ วาย น้ี นิพพานช่อื วา ความไมเกิดอีกตอไป. อธิบายวา ผัสสายตนะ จักเปน อนั เธอละไดแลว เพอ่ืประโยชนแ กการไมบงั เกิด. จบ อรรถกถาทุติยผัสสายตนสตู รที่ ๑๐ ๑๑. ตตยิ ผัสสายตนสูตรวา ดวยผไู มท ราบชัดความเกดิ เปน ตนเปนผไู กลจากธรรมวนิ ยั [ ๘๗ ] พระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษุบางรูปไมท ราบชดั ความเกิด ความดบั คุณ โทษ และอุบายเครือ่ งสลัดออกแหง ผสั สายตนะ ๖ ตามความเปนจรงิ พรหมจรรยอนั เธอไมอ ยจู บแลว เธอชอื่ วา เปน ผูไ กลจากธรรมวนิ ยั น้ี เมื่อพระผูมีพระภาคเจาตรัส

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 84อยา งนี้แลว ภกิ ษรุ ูปหนง่ึ ไดก ราบทลู พระผมู ีพระภาคเจาวา ขาแตพระองคผูเ จริญ ขา พระองคเ ปน ผฉู บิ หายแลวในธรรมวินยั น้ี เพราะขาพระองคไมท ราบชัดความเกดิ ความดับ คุณ โทษ และอบุ ายเครอ่ื งสลดั ออกแหงผสั สายตนะ ๖ ตามความเปนจริง. พ. ดูกอ นภิกษุ เธอจะสาํ คญั ความขอนน้ั เปนไฉน จักษเุ ทีย่ งหรอืไมเทย่ี ง. ภ.ิ ไมเ ท่ยี ง พระเจา ขา . พ. ก็สิ่งใดไมเ ที่ยง ส่ิงนน้ั เปน ทกุ ขห รือเปน สุขเลา . ภิ. เปนทกุ ข พระเจาขา . พ. กส็ ่งิ ใดไมเที่ยง เปน ทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดา ควรหรือท่จี ะตามเห็นสงิ่ นัน้ วา น่ันของเรา เราเปนน่ัน น่นั เปน ตัวตนของเรา. ภ.ิ ไมค วรเหน็ อยางนั้น พระเจาขา . พ. หู จมกู ล้ิน กาย ใจ เท่ียงหรอื ไมเ ทยี่ ง. ภิ. ไมเท่ยี ง พระเจา ขา . พ. กส็ ง่ิ ใดไมเทยี่ ง ส่ิงนน้ั เปน ทกุ ขห รือเปน สุขเลา . ภิ. เปนทุกข พระเจา ขา . พ. ก็สิ่งใดไมเ ท่ยี ง เปน ทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นส่ิงนนั้ วา นั่นของเรา เราเปน น่นั นนั่ เปนตวั ตนของเรา. ภิ. ไมควรเหน็ อยา งนน้ั พระเจาขา . พ. ดกู อนภกิ ษุ อรยิ สาวกผไู ดสดบั แลว เหน็ อยูอ ยางนี้ ยอมเบือ่ หนา ยแมในจักษุ แมในหู แมใ นจมกู แมในลิ้น แมในกาย แมใ นใจ

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 85เมื่อเบ่อื หนายยอมคลายกําหนดั เพราะคลายกาํ หนัดจึงหลุดพน เมื่อหลุดพน แลว ยอ มมญี าณ หยงั่ รวู า หลุดพนแลว รชู ัดวา ชาตสิ ิ้นแลว พรหม-จรรยอ ยจู บแลว กจิ ทคี่ วรทํา ทาํ เสรจ็ แลว กจิ อนื่ เพือ่ ความเปนอยา งนม้ี ิไดม .ี จบ ตตยิ ผัสสายตนสตู รที่ ๑๑ มิคชาลวรรคท่ี ๒ อรรถกถาตตยิ ผัสสายตนสูตรท่ี ๑๑ ใน ตติยผัสสายตนสตู รท่ี ๑๑ มวี นิ ิจฉยั ดังตอไปน้ี บทวา อนสสฺ าส แปลวา ฉิบหายแลว. บทวา ปนสฺสาส แปลวาฉบิ หายนกั แลว . คําทเี่ หลอื พงึ ทราบตามนยั ดงั กลา วแลว แล. จบ อรรถกถาตตยิ ผัสสายตนสตู รท่ี ๑๑ จบ มิคชาลวรรคที่ ๒ รวมพระสตู รท่มี ีในวรรคนี้ คอื ๑. ปฐมมิคชาลสูตร ๒. ทุติยมิคชาลสตู ร ๓. ปฐมสมทิ ธิสูตร ๔. ทุตยิ สมิทธสิ ตู ร ๕. ตตยิ สมทิ ธิสูตร ๖. จตตุ ถสมทิ ธิสูตร ๗. อปุ เสนสตู ร ๘. อุปวาณสูตร ๙. ปฐมผัสสายตนสูตร๑๐. ทุติยผัสสายตนสูตร ๑๑. ตตยิ ยผัสสตนสตู ร.๑. บาลี เปน ปนสฺสาส

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 86 คลิ านวรรคท่ี ๓ ๑. ปฐมคลิ านสูตร วาดว ยทรงแสดงธรรมแกภิกษุผูอาพาธ [ ๘๘ ] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนนั้ แล ภิกษุรปู หนง่ึ เขาไปเฝาพระ-ผมู ีพระภาคเจา ถึงทป่ี ระทับ ถวายอภิวาทแลวน่งั ณ. ทคี่ วรสว นขางหน่ึงคร้นั แลวไดกราบทลู พระผูมพี ระภาคเจา วา ขา แตพ ระองคผ ูเจริญ ในวิหารโนน มีภกิ ษุรูปหนึ่งเปน ผูใ หม ไมปรากฏนามและโคตร เปนผูอาพาธถึงความทกุ ข เปน ไขห นัก ขาแตพระองคผูเจรญิ ขอประทานโอกาสขอพระผมู พี ระภาคเจา จงอาศัยความเอ็นดูเสด็จเขา ไปหาภิกษุนนั้ เถดิ พระ-เจาขา. ครั้งน้นั แล พระผูมพี ระภาคเจา ทรงสดับคําวา ภิกษุ. ใหม และวาเปน ไข ทรงทราบชัดวา เปนภิกษุไมปรากฏชือ่ และโคตร เสดจ็ เขา ไปหาภิกษุนั้น ภกิ ษนุ ้นั ไดเห็นพระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ มาแตไกล คร้ันเหน็ แลวปอู าสนะไวท่ีเตียง ครั้งน้ันแล พระผมู พี ระภาคเจาไดตรสั กะภกิ ษุน้นั วาอยาเลยภกิ ษุ เธออยา ปอู าสนะไวท ี่เตยี งเลย อาสนะทเี่ ขาจัดไวเหลาน้มี อี ยูเราจักนง่ั บนอาสนะน้นั พระผูม พี ระภาคเจา ประทบั น่ังบนอาสนะซ่งึ เขาจัดไว ครนั้ แลว ไดตรสั ถามภกิ ษุนนั้ วา เธอพอทนไดหรอื เธอยงั อตั ภาพใหเปนไปไดหรอื ทกุ ขเวทนาลดนอ ยลง ไมกาํ เรบิ หรอื ความทเุ ลายอมปรากฏ ความกําเริบไมปรากฏหรอื . ภิ. ขา แตพระองคผ เู จริญ ขาพระองคทนไมไหว ยังอัตภาพใหเปน ไปไมได ทุกขเวทนาของขาพระองคแกก ลายิ่งนกั ไมล ดนอ ยไปเลยความกําเรบิ ปรากฏ ความทุเลาไมปรากฏ พระเจา ขา.

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 87 พ. ดกู อ นภกิ ษุ เธอไมมคี วามรังเกียจ ไมมคี วามรอ นใจไร ๆ หรอื . ภ.ิ ขาแตพระองคผ ูเ จริญ ขา พระองคม คี วามรังเกยี จ มคี วามรอนใจไมนอ ยเลย พระเจาขา. พ. ดกู อนภกิ ษุ เธอไมต ิเตียนตนเองโดยศีลบา งหรือ. ภ.ิ ขา แตพระองคผ ูเจริญ ขา พระองคไมต เิ ตยี นตนโดยศลี เลยพระเจาขา . พ. ดูกอ นภิกษุ ถา เธอไมต เิ ตียนตนโดยศีล เมื่อเปนเชน นน้ัเธอจะมีความรงั เกียจ มคี วามรอนใจเพราะเรื่องอะไรเลา . ภิ. ขา แตพ ระองคผ ูเจรญิ ขา พระองคยังไมรทู ่ัวถงึ ธรรมทพี่ ระผมู ี-พระภาคเจา ทรงแสดงเพอ่ื สลี วิสุทธเิ ลย พระเจา ขา . พ. ดูกอนภิกษุ ถาวาเธอยงั ไมรตู ัวถึงธรรมทีเ่ ราแสดงแลว เพ่ือสลี วสิ ุทธไิ ซร เมอ่ื เปนเชนนน้ั เธอจะรทู วั่ ถึงธรรมท่ีเราแสดงแลวประพฤติเพ่ืออะไรเลา. ภิ. ขา แตพระองคผเู จรญิ ขา พระองคร ทู วั่ ถึงธรรมที่พระผมู ีพระ-ภาคเจา ทรงแสดงแลวเพือ่ คลายจากราคะ พระเจาขา. พ. ดีแลว ๆ ภกิ ษุ เปนการถกู ตองดีแลว ทเี่ ธอรทู ว่ั ถึงธรรมที่แสดงแลวเพ่อื คลายจากราคะ ดูกอนภิกษุ เพราะวา ธรรมทเี่ ราแสดงแลวลวนมีความคลายจากราคะเปนประโยชน. [๘๙] พ. ดกู อนภิกษุ เธอจะสาํ คัญความขอนั้นเปนไฉน จกั ษุเท่ยี งหรือไมเ ทยี่ ง.

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 88 ภ.ิ ไมเทยี่ ง พระเจาขา. พ. หู จมูก ล้ิน กาย ใจ เทยี่ งหรอื ไมเท่ียง. ภิ. ไมเที่ยง พระเจาขา. พ. กส็ ง่ิ ใดไมเ ทย่ี ง ส่ิงน้นั เปน ทกุ ขห รอื เปน สขุ เลา . ภ.ิ เปน ทุกข พระเจาขา . พ. ก็สิ่งใดไมเท่ยี ง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนน้ั วา นน่ั ของเรา เราเปน นั่น น่ันเปนตวั ตนของเรา. ภิ. ไมควรเห็นอยางนน้ั พระเจา ขา. พ. ดกู อ นภิกษุ อริยสาวกผไู ดส ดับแลว เห็นอยูอ ยา งนี้ ยอมเบ่ือหนาย แมใ นจกั ษุ ฯลฯ แมใ นใจ เมื่อเบือ่ หนาย ยอมคลายกําหนัดเพราะคลายกําหนัด จึงหลุดพน เมอื่ หลุดพน แลว ยอ มมญี าณหยง่ั รูวาหลดุ พน แลว รูชัดวา ชาตสิ น้ิ แลว พรหมจรรยอยูจบแลว กจิ ทีค่ วรทาํทําเสรจ็ แลว กิจอน่ื เพอ่ื ความเปนอยา งน้ีมไิ ดม ี. พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรัสไวยากรณภาษติ นีจ้ บลงแลว ภกิ ษุนั้นชน่ื ชมยินดภี าษิตของพระผมู ีพระภาคเจา ก็แลเมอ่ื พระผูมพี ระภาคเจาตรัสไวยากรณภาษิตน้อี ยู ธรรมจักษอุ นั ปราศจากธุลี ปราศจากมลทนิ เกดิ ขึ้นแกภกิ ษนุ ัน้ วา สงิ่ ใดสิง่ หนึ่งมคี วามเกดิ ขนึ้ เปน ธรรมดา สง่ิ นนั้ ทง้ั มวลลวนมีความดบั ไปเปนธรรมดา. จบ ปฐมคิลานสตู รท่ี ๑

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 89 ๒. ทตุ ิยคลิ านสูตร วา ดวยทรงแสดงธรรมแกภกิ ษผุ ูอาพาธ [๙๐] ครั้งนัน้ แล ภิกษุรูปหนงึ่ ไดก ราบทูลพระผมู ีพระภาคเจา วาขา แตพ ระองคผ เู จริญ ภิกษุรปู หนึ่งในวหิ ารโนน เปน ผูใ หม ไมป รากฏช่ือและโคตร เปน ผอู าพาธ ถึงความทกุ ข เปนไขห นกั ขา แตพ ระองคผเู จรญิขอประทานโอกาส ขอพระผูมพี ระภาคเจาทรงอาศยั ความอนเุ คราะหเ สดจ็ไปหาภกิ ษุน้ันเถิด พระเจา ขา. ครัง้ น้นั แล พระผมู ีพระภาคเจาทรงสดบั คาํ วาภกิ ษใุ หม เปน ไขทรงทราบชดั วา เปนภกิ ษไุ มปรากฏช่อื และโคตร จงึ เสดจ็ เขา ไปหาภิกษนุ น้ัภกิ ษุนนั้ ไดเ ห็นพระผูมีพระภาคเจาเสดจ็ มาแตไกล ครนั้ แลว ปูอาสนะไวทเ่ี ตยี ง ครงั้ นัน้ แล พระผมู พี ระภาคเจาไดตรสั กะภกิ ษนุ ัน้ วา อยาเลยภกิ ษุ เธออยา ปอู าสนะทเี่ ตยี งเลย อาสนะทเี่ ขาจัดไวเ หลา นมี้ ีอยู เราจักน่งั บนอาสนะน้ัน พระผมู พี ระภาคเจาประทบั นั่งบนอาสนะซึ่งเขาจดั ไวครน้ั แลวไดตรัสกะภกิ ษุนน้ั วา ดกู อ นภิกษุ เธอพอทนไดห รอื เธอยังอตั ภาพใหเปนไปไดห รือ ทุกขเวทนาลดนอ ยลง ไมกาํ เริบหรอื ความทุเลายอมปรากฏ ความกําเริบไมปรากฏหรือ. ภ.ิ ขา แตพระองคผ ูเจริญ ขา พระองคท นไมไหว ยังอตั ภาพใหเ ปนไปไมไ ด ฯลฯ ขาแตพระองคผ เู จรญิ ขา พระองคไ มติเตียนตนโดยศีลเลยพระเจาขา. พ. ดูกอนภิกษุ ถาเธอไมต ิเตียนตนโดยศีลไซร เม่อื เปนเชน นั้นเธอจะมคี วามรงั เกียจ มคี วามรอ นใจเพราะเร่อื งอะไรเลา .

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 90 ภิ. ขาแตพ ระองคผเู จริญ ขา พระองคไมรตู ัวถึงธรรมท่ีพระผมู ี-พระภาคเจา ทรงแสดงเพอื่ สีลวิสุทธเิ ลย พระเจา ขา . พ. ดูกอนภิกษุ ถาเธอยังไมรทู ว่ั ถึงธรรมทเ่ี ราแสดงแลว เพ่อื สีล-วิสุทธไิ ซร เม่อื เปนเชนนั้น เธอจะรทู ่ัวถงึ ธรรมทเ่ี ราแสดงแลวประพฤติเพอื่ อะไรเลา . ภ.ิ ขา แตพ ระองคผเู จริญ ขา พระองคร ูต วั ถึงธรรมอันพระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงแลว เพื่ออนุปาทาปรนิ พิ พาน พระเจา ขา . พ. ดีแลว ๆ ภิกษุ เปนการถูกตอ งดแี ลว ท่เี ธอรูทั่วถงึ ธรรมอนั เราแสดงแลวเพื่ออนปุ าทาปรนิ พิ พาน เพราะวาธรรมทเี่ ราแสดงแลว ลวนมีอนุปาทาปรนิ พิ พานเปน ประโยชน. [๙๑] พ. ดูกอนภกิ ษุ เธอสําคญั ความขอนนั้ เปน ไฉน. จกั ษุเทีย่ งหรือไมเที่ยง. ภิ. ไมเ ที่ยง พระเจา ขา. ฯลฯ พ. จมูก ลน้ิ กาย ใจ มโนวิญญาณ มโนสมั ผสั แมส ุขเวทนาทุกขเวทนา หรืออทุกขมสขุ เวทนา ท่ีเกดิ ขึ้นเพราะมโนสมั ผัสเปนปจ จยัเท่ยี งหรือไมเท่ียง. ภ.ิ ไมเท่ยี ง พระเจา ขา. พ. ก็ส่งิ ใดไมเ ทย่ี ง สิ่งน้ันเปน ทกุ ขหรือเปนสขุ เลา. ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจาขา .

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 91 พ กส็ ิง่ ใดไมเ ทีย่ ง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาควรหรือท่ีจะตามเห็นสิ่งน้ันวา นัน่ ของเรา เราเปน นั่น น่ันเปนตัวตนของเรา. ภ.ิ ไมควรเห็นอยา งน้ัน พระเจาขา. พ. ดูกอนภิกษุ อรยิ สาวกผไู ดส ดับแลว เห็นอยอู ยางนี้ ยอมเบอ่ื หนา ย แมในจกั ษุ ฯลฯ แมในสุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรืออรกุ ขม-สขุ เวทนา ทเี่ กิดเพราะมโนสัมผสั เปน ปจ จัย เมอ่ื เบื่อหนาย ยอมคลายกาํ หนัด เพราะคลายกาํ หนดั จงึ หลุดพน เมอื่ หลุดพน แลว ยอมมีญาณหย่งั รวู า หลดุ พนแลว รชู ดั วา ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยอ ยูจบแลวกิจทคี่ วรทาํ ทาํ เสรจ็ แลว กจิ อนื่ เพ่ือความเปนอยา งนี้มไิ ดมีฉะนี.้ พระผมู ีพระภาคเจาไดตรสั ไวยากรณภาษิตนจ้ี บลงแลว ภกิ ษนุ ัน้ชน่ื ชม ยนิ ดีภาษิตของพระผูมพี ระภาคเจา ก็แลเม่ือพระผมู พี ระภาคเจาตรสั ไวยากรณภาษติ นอ้ี ยู จิตของภิกษนุ ั้นหลุดพน จากอาสวะเพราะไมถ ือม่ันดงั นแ้ี ล. จบ ทุตยิ คลิ านสูตรที่ ๒ ๓. ปฐมราธสตู ร วาดวยทรงแสดงอนจิ จธรรมแกร าธภกิ ษุ [๙๒] ครง้ั น้ันแล ทานพระราธะเขาไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจาถงึ ที่ประทับ ถวายอภวิ าทแลว น่งั ณ ทีค่ วรสว นขา งหนง่ึ ครั้นแลว ไดกราบทูลพระผูม พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ขอประทานโอกาส

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 92ขอพระผูมีพระภาคเจา โปรดทรงแสดงธรรมแกขาพระองคโ ดยยอ ซึ่งขา พระองคไ ดสดบั แลว พึงเปน ผู ๆ เดียวหลีกออกจากหมูไมป ระมาทมคี วามเพียร มีใจเด็ดเด่ียวอยเู ถดิ พระเจา ขา. พระผมู พี ระภาคเจา ดูกอนราธะ สงิ่ ใดไมเ ทยี่ ง เธอพงึ ละความพอใจในสิ่งนั้นเสยี ดกู อ นราธะ อะไรเลาไมเ ท่ยี ง จักษุแลไมเ ที่ยงเธอพึงละความพอใจในจกั ษนุ ั้นเสยี รูปไมเ ทีย่ ง จกั ษวุ ญิ ญาณ จักษุสัมผัสสขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรืออทกุ ขมสขุ เวทนา ทเี่ กิดขนึ้ เพราะจกั ษสุ ัมผสัเปน ปจ จยั ไมเ ท่ียง เธอพงึ ละความพอใจในเวทนาน้นั เสีย ฯลฯ ใจไมเที่ยงเธอพึงละความพอใจในส่ิงนั้น ๆ เสยี ธรรมารมณ มโนวิญญาณ มโน-สัมผัส สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรืออทกุ ขมสขุ เวทนา ท่เี กิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเปน ปจ จยั ไมเ ทีย่ ง เธอพึงละความพอใจในเวทนานั้นเสียดกู อนราธะ ส่ิงใดแลไมเ ทย่ี ง เธอพงึ ละความพอใจในสงิ่ นั้นเสีย. จบ ปฐมราธสตู รที่ ๓ ๔. ทตุ ิยราธสูตร วาดวยทรงแสดงทกุ ขธรรมแกร าธภกิ ษุ [๙๓] ดกู อ นราธะ ส่ิงใดเปนทุกข เธอพงึ ละความพอใจในสิ่งนั้นเสยี อะไรเลา เปนทกุ ข จักษุแลเปน ทุกข เธอพึงละความพอใจในจกั ษุนน้ั เสยี รปู จกั ษวุ ิญญาณ จกั ษุสมั ผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือ

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 93อทกุ ขมสขุ เวทนา ท่เี กิดขึน้ เพราะจกั ษุสัมผัสเปน ปจจยั เปนทุกข เธอพงึละความพอใจในสงิ่ นั้นเสีย ฯลฯ ใจเปน ทกุ ข ธรรมารมณ มโนวิญญาณมโนสัมผัส สุขเวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนา ทเี่ กดิ ขน้ึ เพราะมโนสมั ผสั เปนปจจัย เปนทกุ ข เธอพงึ ละความพอใจในส่ิงน้ันเสีย ดกู อ นราธะ สิ่งใดแลเปน ทกุ ข เธอพึงละความพอใจในสิ่งน้ันเสยี . จบ ทตุ ิยราธสตู รที่ ๔ ๕. ตตยิ ราธสตู ร วาดวยทรงแสดงอนตั ตาธรรมแกราธภกิ ษุ [๙๔] ดูกอนราธะ สภาพใดแลไมใ ชต ัวตน เรอพึงละความพอใจในสภาพนัน้ เสีย อะไรเลาไมใ ชต ัวตน จกั ษแุ ลไมใชตัวตน เธอพงึ ละความพอใจในจักษุนัน้ เสีย รูป จักษวุ ญิ ญาณ จกั ษสุ มั ผสั ฯลฯ ใจธรรมารมณ มโนวิญญาณ มโนสมั ผสั สขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสขุ เวทนา ท่ีเกิดขน้ึ เพราะมโนสัมผสั เปน ปจจยั ไมใชต วั ตน เธอพงึ ละความพอใจในสภาพนั้นเสยี ดกู อนราธะ สภาพใดแลไมใชตวั ตนเธอพึงละความพอใจในสภาพนนั้ เสีย. จบ ตติยราธสตู รที่ ๕

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 94 คลิ านวรรคที่ ๓ อรรถกถาคิลานสตู รท่ี ๑-๕ คิลานวรรคที่ ๔ คิลานสตู รที่ ๑ มวี ินิจฉยั ดังตอไปน.ี้ บทวา อมกุ สฺมึ แปลวา ในวหิ ารโนน. อน่ึง บาลี กน็ ยั นี้เหมอื นกัน. บทวา อปปฺ ฺ าโต ไดแก ไมมใี ครรูจกั คอื ไมปรากฏจรงิ อยภู ิกษบุ างรปู แมใ หม กม็ คี นรูจ กั เหมอื นอยาง พระราหลุ เถระ และสมุ นสามเณร. แตภ กิ ษุนีย้ ังใหม และไมมใี ครรจู ัก. คําที่เหลอื ในขอนี้มีนัยดังกลาวแลวแล. แมใ นสูตรทั้ง ๔ อ่ืนจากน้ี ก็อยางนนั้ . จบ อรรถกถาคิลานสูตรท่ี ๑-๕ ๖. ปฐมอวชิ ชาสูตร วาดวยการละอวิชชาได วิชชาก็เกดิ ข้ึน [๙๕] ครงั้ นนั้ แล ภกิ ษรุ ูปหนึ่งเขาไปเฝา พระผูมพี ระภาคเจาถึงท่ีประทบั ฯลฯ ครน้ั แลว ไดก ราบทลู พระผูม พี ระภาคเจา วา ขาแตพระองคผูเ จริญ ธรรมขอหนงึ่ ซ่งึ เมอ่ื ภิกษลุ ะไดแลว ยอมละอวิชชาได วชิ ชายอมเกดิ ขน้ึ มีอยหู รอื พระเจา ขา พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภิกษุธรรมขอหนงึ่ ซงึ่ เมอ่ื ภกิ ษลุ ะไดแ ลว ยอ มละอวิชชาได วิชชายอมเกดิ ขึน้มอี ย.ู ภิ. ขา แตพ ระองคผเู จรญิ ธรรมขอหนงึ่ ซ่ึงเมอื่ ภกิ ษลุ ะไดแ ลว ยอมละอวชิ ชาได วชิ ชาเกดิ ขน้ึ น้นั เปน ไฉน พระเจา ขา

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 95 พ. ดกู อ นภกิ ษุ ธรรมขอหนง่ึ คอื อวชิ ชาแล ซ่ึงเมือ่ ภกิ ษุละไดแ ลว ยอ มละอวิชชาได วิชชายอมเกดิ ขน้ึ . ภ.ิ ขาแตพ ระองคผูเ จรญิ ก็เมือ่ ภิกษุรูอยูอยา งไร เหน็ อยูอ ยางไรจงึ ละอวิชชาได วชิ ชาจงึ เกิดขนึ้ พระเจาขา. พ. ดูกอ นภกิ ษุ เมื่อภิกษรุ ูอ ยู เหน็ อยูจักษโุ ดยความเปน ของไมเที่ยง จึงละอวิชชาได วชิ ชาจงึ เกิดขึ้น เมื่อภกิ ษุรูอยูเหน็ อยซู ่งึ รปูท้งั หลาย ฯลฯ ซึง่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทกุ ขมสุขเวทนา ท่เี กดิ ขน้ึเพราะจักษสุ ัมผัส เปนปจ จัย โดยความเปน ของไมเทีย่ ง จงึ ละอวิชชาไดวิชชาจึงเกิดขึน้ ดกู อ นภกิ ษุ เมอื่ ภกิ ษุรูอ ยูอ ยา งนี้ เหน็ อยอู ยา งนีแ้ ล จงึละอวชิ ชาได วิชชาจงึ เกดิ ขึ้น. จบ ปฐมอวิชชาสูตรที่ ๖อรรถกถาปฐมอวชิ ชาปหานสูตรที่ ๖ ในปฐมอวชิ ชาปหานสตู รท่ี ๖ มวี นิ จิ ฉยั ดังตอไปน้.ี บทวา อนิจฺจโต ชานโต ความวา อวิชชา เธอยอมละไดดว ยสามารถแหงอนิจจลกั ขณะ และ อนัตตลกั ขณะน่นั เอง. กพ็ ระผมู ีพระภาค-เจา ครั้นตรสั แสดงอนจิ จลักขณะนีแ้ ลว จงึ ตรัสตามอธั ยาศัย ของผตู รัสร.ู จบ อรรถกถาปฐมอวชิ ชาปหานสูตรที่ ๖

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 96 ๗. ทตุ ยิ อวชิ ชาสูตร วา ดว ยการละอวิชชาได วิชชาก็เกิด [๙๖] ครงั้ นนั้ แล ภิกษรุ ปู หนงึ่ ฯลฯ ขา แตพ ระองคผ เู จริญธรรมขอ หนง่ึ ซ่ึงภิกษลุ ะไดแลว ยอ มละอวชิ ชาได วิชชายอมเกิดขึน้ มีอยูหรอื . พ. ดกู อนภกิ ษุ ธรรมขอ หนึ่งซง่ึ ภกิ ษุละไดแลว ยอมละอวิชชาไดวชิ ชายอมเกดิ ข้นึ มอี ย.ู ภิ. ขา แตพระองคผูเ จริญ ธรรมขอหนึ่งซ่งึ ภกิ ษลุ ะไดแลว ยอ มละอวชิ ชาได วชิ ชายอ มเกดิ ขน้ึ เปนไฉน พระเจาขา. พ. ดูกอนภิกษุ ธรรมขอ หน่งึ คอื อวชิ ชาแล ซ่ึงภกิ ษลุ ะไดแลวยอ มละอวิชชาได วิชชายอมเกดิ ข้นึ . ภิ. ขา แตพระองคผูเจริญ ก็เมอ่ื ภกิ ษุรูอ ยา งไร เห็นอยอู ยางไรจึงละอวิชชาได วชิ ชาจึงเกดิ ขึ้น พระเจาขา. พ. ดูกอ นภิกษุ ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นไี้ ดส ดบั วา ธรรมท้ังปวงไมควรยึดมนั่ เธอยอ มรซู งึ่ ธรรมท้ังปวง ครั้นรูย งิ่ ซึง่ ธรรมทงั้ ปวงแลว ยอมกาํ หนดรูธ รรมทัง้ ปวง ครนั้ กําหนดรธู รรมทั้งปวงแลว ยอมเห็นนิมิตทงั้ ปวงโดยประการอื่น คอื เหน็ จกั ษโุ ดยประการอ่นื เหน็ รูป จกั ษวุ ิญญาณจักษสุ มั ผสั สขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทุกขมสขุ เวทนา ท่ีเกิดขน้ึ เพราะจักษสุ มั ผสั เปน ปจ จยั โดยประการอ่นื ฯลฯ เห็นใจ ธรรมารมณมโนวญิ ญาณ มโนสมั ผสั สขุ เวทนา ทุกขเวทนา หรอื อทกุ ขมสขุ เวทนาที่เกิดขน้ึ เพราะมโนสมั ผสั เปน ปจ จยั โดยประการอ่นื ดูกอ นภกิ ษุ เมื่อภกิ ษุรูอ ยูอยา งน้ี เหน็ อยูอยา งนแ้ี ล จงึ ละอวชิ ชาได วชิ ชาจงึ เกิดขนึ้ . จบ ทุตยิ อวชิ ชาสตู รท่ี ๗

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 97 อรรถกถาทตุ ิยอวิชชาสูตรท่ี ๗ ในทุตยิ อวิชชาสตู รท่ี ๗ มวี ินิจฉัยดงั ตอ ไปนี้. บทวา สพฺเพ ธมมฺ า ไดแ ก ธรรมทเ่ี ปน ไปในภูมิ ๓ ทง้ั หมด.บทวา นาล อภนิ ิเวสาย ความวา ไมควรถอื ม่ัน คือ ไมควรเพ่ือจะยึดถือโดยลูบคลาํ . บทวา สพพฺ นมิ ติ ตฺ านิ ไดแ ก สงั ขารนมิ ติ ท้งั หมด. บทวาอฺโต ปสฺสติ ไดแ ก ชนทมี่ คี วามยึดมน่ั อันมิไดก ําหนดรู ยอมเหน็โดยประการใด ยอมเห็นโดยประการอ่ืนจากประการนั้น. จริงอยูชนผมู ีความยดึ มัน่ อนั มิไดกําหนดรู ยอมเห็นนิมิตทงั้ ปวง โดยเปนอัตตา สวนผยู ึดมั่นอนั ไดกาํ หนดรูแลว ยอมเหน็ โดยเปน อนัตตา ไมเ หน็ โดยเปนอัตตา.ในพระสตู รนี้ ตรัสเฉพาะอนตั ตลักขณะเทา นนั้ ดวยประการฉะนี.้ จบ อรรถกถาอวชิ ชาสูตรท่ี ๗ ๘. ภกิ ขสุ ตู รวาดวยการประพฤติพรหมจรรยเ พือ่ กาํ หนดรทู ุกข [๙๗] ครั้งนน้ั แล ภิกษเุ ปน อันมากเขา ไปเฝา พระผูม พี ระภาคเจาถึงท่ปี ระทบั ฯลฯ ครัน้ แลวไดก ราบทลู พระผูม ีพระภาคเจา วา ขาแตพระองคผ เู จริญ พวกปริพาชกผูถ ือลัทธิอ่ืนในโลกน้แี ล ยอ มถามขาพระ-องคอ ยา งนี้วา อาวุโส ทานอยูประพฤติพรหมจรรยในพระสมณโคดมเพอื่อะไรเลา ขา แตพ ระองคผเู จรญิ เม่อื ขา พระองคถูกถามอยางน้ี จึงพยากรณแกปรพิ าชกผถู ือลัทธิอืน่ เหลาน้นั อยา งนว้ี า เราประพฤติพรหมจรรยใน






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook