พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 401หนเดยี วแนน อน เราจักไมท ําปาณาตบิ าต ราชบุรุษนั้นไดก ราบทูลแดพระราชาอีกครงั้ . พระราชาสงไปเปนคร้งั ท่ี ๓ แลว รบั สงั่ ใหเ รยี กอุบาสกผไู มรบั มาตรสั ถามดวยพระองคเ อง. อุบาสกก็ถวายคําตอบแมแกพ ระ-ราชาเหมอื นอยา งนนั้ . ลําดับนั้น พระราชาสัง่ ราชบุรษุ ท้ังหลายวา คนผนู ้ี ขัดพระราชโองการ พวกเจา จงไป จงวางมันไวในซองสาํ หรบั ฆา คนแลว จงตัดศีรษะเสยี แตไ ดป ระทานสัญญาในท่ลี บั แกราชบุรุษเหลา น้ันวาพวกเจา ขอู ุบาสกนนี้ ําไปวางศีรษะของมนั ไวใ นซองสาํ หรบั ฆาคน แลวมาบอกเรา. ราชบรุ ษุ เหลานั้น ใหอ ุบาสกนนั้ นอนในซองสาํ หรบั ฆา คนแลววางไกตวั นัน้ ไวใ นมือของเขา อุบาสกน้ัน วางไกน ้ันไวต รงหัวใจแลว พูดวาพอเอย ขาไหช วี ิตของขาแทนเจา ขาจะคงชวี ิตของเจาไว เจาจงปลอดภยัไปเถดิ ดงั นี้แลว ก็ปลอ ยไกไ ป ไกปรบปก แลว กบ็ นิ ไปทางอากาศแอบอยูท่ตี นไทรยอ ย สถานที่ ๆ อุบาสกใหอ ภัยแกไกน ้ัน ชอื่ วากกุ กฏุ ครี ี. พระราชาทรงสดับเรื่องนั้นแลว รับสัง่ ใหเรยี กอุบาสกบตุ รอาํ มาตยมา ทรงประดบั ดว ยเคร่ืองอาภรณท ้ังปวง ตรัสวาพอ เอย เราทดลองเจาเพ่ือประโยชนนี้เอง เม่อื เราประสงคจ ะกินเน้ือนกกระทา ลวงไปถึง ๓ ปเจา จกั อาจกระทาํ เนอ้ื ใหบ ริสทุ ธิ์ โดยสวนสาม แลว ปรนนิบัตเิ ราไดห รือไมบุตรอาํ มาตยท ลู วา เทวะ ขน้ึ ชอ่ื วา กรรมน้เี ปน กรรมของขา พระองคเองดงั นแี้ ลว ออกไปยนื อยูท รี่ ะหวางประตู เห็นบรุ ุษคนหนง่ึ ถือเอานกกระทา๓ ตัวเขา ไปแตเ ชาตรู ใหท รัพย ๒ กหาปณะ ซือ้ เอานกกระทําชําระใหสะอาด แลวอบดว ยผักชเี ปนตน ปง ใหส ุกดที ่ถี า นไฟ แลวปรนนบิ ัติแกพระราชา. พระราชา ประทบั นัง่ บนบลั ลังก ( พระแทน ) อนั มพี ืน้ ใหญ
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 402ถอื เอานกกระทาํ ตวั หนง่ึ ตัดหนอยหนึ่งแลว ใสเ ขาในพระโอษฐ. ทันใดน้ันเอง เนอ้ื นกกระทาไดแ ผซานตลอดเสนประสาทเครื่องรับรส ๑๗,๐๐๐ ของพระราชานัน้ . ในสมัยนัน้ พระราชา ทรงระลึกถงึ ภกิ ษุสงฆ ทรงพระดําริวา ราชาผูเปน เจา แผน ดนิ เชน เรา ประสงคจะกินเนื้อนกกระทาํย่งิ ไมไ ดถงึ ๓ ป ภิกษสุ งฆผ ู ไมป ระมาท จกั ไดแตท ่ีไหน. จึงทรงคายเนอื้ ชิ้นท่ีใสเ ขา ในพระโอษฐล งท่ีพ้นื บตุ รอํามาตย คกุ เขา เอาปากรบั .พระราชา ตรัสวา หลกี ไปเสยี พอ เรารูวา ทานไมมีความผดิ ดว ยเหตนุ ี้เอง เราจงึ ท้ิงกอนเน้อื น้ี แลว จงึ ตรสั วา ทานจงเก็บงําเน้ือนกกระทาทเ่ี หลอืไวอ ยางน้ันนั่นแล. วนั รงุ ขน้ึ พระเถระผูเปน ราชกุลปุ กะ ( ประจาํ ราชสกุล ) เขา ไปบณิ ฑบาต. บุตรอํามาตยเห็นทานเขา จึงรบั บาตร ใหเ ขาไปในกรงุ ราชคฤห.ภิกษบุ วชเมอ่ื แก แมร ปู หน่ึง ตดิ ตามเขา ไป เหมือนปจฉาสมณะของพระเถระพระเถระสําคญั ผดิ วา เปน ภิกษุท่ี พระราชา รบั สั่งใหเ ฝา แมบ ุตรแหงอาํ มาตยก็สาํ คญั ผดิ ไปวา เปนอปุ ฏ ฐากของพระเถระ. พวกเจา หนา ที่ ใหท า นนั่งแลวถวายขาวยาคแู กท า นทั้งสองนนั้ . เม่ือทา นดืม่ ขา วยาคแู ลว พระราชาไดนอ มนกกระทาเขาไปถวาย. แมพ ระเถระก็รับตัวหน่งึ . ฝายอกี รปู หน่งึกร็ บั ตัวหนึ่ง. พระราชาทรงพระดํารวิ า ยงั มีสวนนอ ยอยูสวนหน่งึ การไมบอกเลา เสยี กอนแลว เค้ียวกนิ ไมสมควร ดังนแี้ ลว จึงบอกเลา พระเถระ.พระเถระหดมือ. พระเถระแกยื่นมือรับ. พระราชา กไ็ มพอพระทัย จึงรับเอาบาตรแลว ตามสง พระเถระ ผเู สรจ็ ภตั ตกิจไป ตรัสวา ทานผูเจริญ การที่ทานมาสูเ รือนตระกลู พาภกิ ษแุ มผ ศู ึกษาวัตรแลว มา จึงควร ขณะนน้ัพระเถระ รวู า ภกิ ษุรูปน้พี ระราชามิไดร บั ส่งั ใหเฝา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 403 วันรุงข้นึ จึงพาสามเณรผอู ปุ ฏฐากเขาไป. พระราชา เมอ่ื ทา นดม่ืยาคูแลว แมใ นเวลานนั้ ก็นอมนกกระทาเขาไป พระเถระไดร ับสวนหนึง่ .สามเณรสัน่ นวิ้ มือ ใหต ัดตรงกลาง รบั ไวส ว นหนึ่งเทา นัน้ . พระราชานอ มสว นน้ันเขา ไปถวายพระเถระ พระเถระหดมอื . ฝายสามเณรก็หดมอืพระราชาประทับนั่ง ตดั ใหเปนชิ้นเลก็ ชนิ้ นอยเสวย ตรสั วา เราอาศยัภิกษผุ ูศ กึ ษาวัตรมาแลว จึงไดก ินนกกระทาหนง่ึ สว นครึง่ . พอเสวยเน้ือนกกระทาน้ันเทา น้ัน นํ้าหนวกกไ็ หลออกจากพระกรรณทั้งสองขาง แตนั้นก็บว นพระโอษฐแลว เขา ไปหาสามเณร ตรสั วา พอสามเณร โยมเลอื่ มใสจริง ๆ โยมจะถวายธุวภตั ตาหารประจาํ ทั้ง ๘ อยา งแดพ อ สามเณร. สามเณรทูลวา มหาบพติ ร อาตมภาพจะถวายแดพระอปุ ช ฌาย. พระราชาตรสั วาโยมจะถวายธุวภตั อีก ๘. สามเณร ทลู วา อาตมภาพจะถวายภัตเหลาน้ันแดพระเถระปูนอปุ ช ฌาย. พระราชาตรัสวา จะถวายอกี ๘. สามเณรทูลวา อาตมภาพจะถวายแดภ ิกษสุ งฆ. พระราชาตรัสวาจะถวายอกี ๘.สามเณรกท็ ูลรบั . ภกิ ษเุ มื่อรูจักประมาณในการรบั อยา งน้ี จึงทําลาภท่ยี งั ไมเ กิดใหเ กดิข้ึน ทําลาภทเี่ กดิ ข้ึนแลวใหม ่นั คง. นี้ ชือ่ วาประมาณการรบั . กก็ ารทีภ่ กิ ษุคดิ วา เราจะบริโภคโภชนะ ที่มอี ยแู ลวบริโภคปจ จยัตามทีพ่ ิจารณาแลว ชอื่ วา ประมาณในการบริโภค. ประมาณในการบริโภคน้ัน ทา นประสงคเอาในท่ีนี้ . ดวยเหตุนนั้ นนั่ แล พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรสั วา ปฏสิ งขฺ า โยนิโส ดงั น้ีเปน ตน . ประมาณในการบรโิ ภคแมนอกน้ี กค็ วรเหมอื นกัน.
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 404 ในบทวา สีหเสยยฺ นี้ มวี ินจิ ฉัยดงั ตอ ไปนี้ . ช่ือวา การนอนมี๔ อยา ง การนอนของผบู รโิ ภคกาม ๑ การนอนของเปรต ๑ การนอน.ของสีหะ การนอนของพระตถาคต ๑ ในการนอน ๔ อยา งนน้ั การนอนท่ีตรัสไวว า ภกิ ษทุ ั้งหลาย สัตวผ บู รโิ ภคกาม โดยมากยอ มนอนตะแคงซายนี้ช่ือวา การนอนของผูบรโิ ภคกาม. จริงอยู ขึน้ ชอื่ วา การนอนโดยตะแคงขางขวาของสัตวผูบรโิ ภคกามเหลาน้ัน โดยมากไมม.ี การนอนทีต่ รัสไวว าภกิ ษุทัง้ หลาย โดยมากพวกเปรต ยอ มนอนหงาย นี้ ชอ่ื วา การนอนของเปรต. จริงอยู พวกเปรต ชอื่ วา มีรา งกระดกู พนั กนั ยุง เพราะมเี น้อืเลอื ดนอ ย ไมสามารถจะนอนตะแคงได จงึ นอนหงายเทาน้ัน. การนอนทีต่ รสั ไววา ภิกษทุ ง้ั หลาย โดยมาก สหี มฤคราช สอดหางเขาไปตามหวา งขา นอนตะแคงขา งขวา แมน ี้กช็ ่อื วาการนอนของสหี ะจรงิ อยู สหี ราชาแหง มฤค เพราะตวั มีอาํ นาจมาก จงึ วางเทาหนา ท้ัง ๒ไวข างหนึ่ง เทา หลังทัง้ ๒ ไวขางหนง่ึ แลวสอดหางเขาไปในหวางขากาํ หนดโอกาสท่ีตัง้ ของเทาหนา เทาหลงั และขาง แลวนอนวางศรี ษะไวเหนอื เทา หนาทั้ง ๒. แมนอนทัง้ วันเมือ่ ต่นื ก็ไมส ะดงุ ตน่ื . ชะเงอ ศรี ษะกําหนดโอกาสที่เทาหนาเปน ตน ตัง้ อยู. ถา อะไร ๆ ละเคลือ่ นทไี่ ป กจ็ ะเสยีใจวา ขอนไี้ มค วรแกช าติและแกค วามแกลว กลา ของทาน จึงนอนลงเสยีในท่นี ้ันนั่นแลอีกไมอ อกไปหาเหยือ่ . แตเ มอ่ื ไมละ ต้งั คงทอี่ ยู มนั กร็ า เริงยินดีวา นี้สมควรแกชาตแิ ละแกความแกลว กลา ของทาน ลกุ ขน้ึ สะบดั กายสะบดั สรอยคอ แผดสีหนา ท่ี ๓ ครั้ง แลว ออกไปหาเหยอื่ .
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 405 สว นการนอนในจตุตถฌาน ทา นเรยี กวา การนอนของพระตถาคต. ก็ในการนอนเหลาน้ัน การนอนของสหี ะมาแลว ในสูตรน้ี .ก็การนอนของสหี ะนี้ เปนการนอนอยา งสูงสดุ เพราะเปนอริ ิยาบถของสตั วผูมีอํานาจมาก. บทวา ปาเทน ปาท ไดแก เทาซา ยทับเทา ขวา. บทวา อจฺจาธายแปลวา เหลือ่ มกนั คือ วางเลยไปหนอ ยหน่งึ . จริงอยู เม่ือขอเทากับขอ เทา หรือเขา กับเขา ขบกัน เวทนากเ็ กดิ เนือง ๆ จิตยอมไมมีอารมณเปนอันเดยี วนอนกไ็ มผาสกุ . แตเ มือ่ วางใหเหลื่อมกัน โดยอาการทีม่ ันไมขบกัน เวทนากไ็ มเกดิ จติ ก็มีอารมณเปนอนั เดียว นอนก็ผาสกุเพราะฉะน้นั ราชสหี จ ึงนอนอยางน.ี้ บทวา สโต สมปฺ ชาโน ความวา ประกอบดว ยสติและสมั ปชญั ญะถามวา นอนอยางไรช่ือเปนผมู สี ตสิ มั ปชญั ญะ แกวา เพราะไมละสติและสมั ปชญั ญะ จรงิ อยภู กิ ษุนี้ ชําระจติ ใหหมดจดจากธรรมเปนเครอ่ื งกัน้ตลอดวันตลอดยามทั้งสิ้น ลงจากทจี่ งกรมที่สดุ แหง ปฐมยาม แมลา งเทาก็ไมล ะมูลกรรมฐานเลย. ไมล ะมูลกรรมฐานน้นั เปด ประตู นง่ั บนเตียงลงนอนก็ไมล ะ เม่อื ตืน่ กย็ ังถอื กรรมฐานแลว ตื่น. ชอ่ื วา เปน ผมู สี ติ.สัมปชัญญะ แมเ มอ่ื ลงนอนหลบั อยา งน้.ี แตพระอาจารยท ้ังหลายไมบอกความขอ นนั้ วา เปนญาณธาต.ุ กภ็ กิ ษนุ ัน้ ครน้ั ชาํ ระจิตใหห มดจดโดยนัยดงั กลา วแลว ที่สุดแหงปฐมยาม คดิ วา เราจะพักผอนสรรี ะทีม่ ใี จครอง ดวยการหลับนอนแลว ลงจากท่ีจงกรม ไมล ะมลู กรรมฐานเลย ลา งเทา เปด ประตู นง่ับนเตยี ง ไมละมูลกรรมฐาน คิดวา ขนั ธน ้ันแลขดั กันในขนั ธ ธาตนุ น้ั แล
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 406ขดั กันในธาตุ ดังนแ้ี ลว พจิ ารณาเสนาสนะ ไมจงกรมหลบั เมอ่ื ต่นื ก็ถอืมลู กรรมฐานไวแ ลว ตื่น. เมื่อหลับดวยอาการอยางน้ี พงึ ทราบวา เปนผูมีสตสิ ัมปชัญญะ. ในสตู รน้ี พระผูมีพระภาคเจา ตรสั วิปส สนาอนั สว นเบ้ืองตนอันมีองค ๓ ดวยประการฉะนี้. ก็ดว ยเหตุมีประมาณเทานีแ้ ล ภิกษยุ งั ไมถึงที่สุด กช็ มุ นุมอนิ ทรยี พละ และโพชฌงค เหลา น้ันน่นั แล เจรญิวปิ ส สนา บรรลุพระอรหัต. พงึ กลา วเทศนา จนถงึ พระอรหตั ดังกลา วมา. จบ อรรถกถารถสูตรที่ ๒ ๓. กุมมสูตร วาดวยการคุมครองทวารในอินทรีย [๓๒๐] ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เรื่องเคยมมี าแลว มเี ตา ตวั หนงึ่เท่ยี วหากนิ อยูท ีร่ ิมฝง แมน า้ํ นอ ยแหงหนึ่งในเวลาเยน็ สนุ ขั จงิ้ จอกตัวหนง่ึก็ไดเ ท่ียวหากนิ อยทู ่ีรมิ ฝง แมน้าํ นอ ยแหงหน่งึ ในเวลาเยน็ เตา ไดแลเหน็สนุ ัขจ้งิ จอกซ่ึงเท่ยี วหากินอยแู ตไ กลแลว ก็หดอวัยวะ ๕ ทงั้ หวั ( หดขาทง้ั ๔มีคอเปน ที่ ๕ ) เขาอยูใ นกระดองของตนเสีย มคี วามขวนขวายนอย น่ิงอยูดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ฝา ยสนุ ขั จ้ิงจอกก็ไดแ ลเหน็ เตาซึง่ เที่ยวหากนิ อยแู ตไกลแลว เขาไปหาเตาถึงที่แลว ไดย นื อยใู กลเ ตา ดว ยคิดวา เวลาใดเตา ตัวน้ีจักเหยียดคอหรือขาขางใดขางหนึ่งออกมา เวลานั้น เราจกั งับมันฟาดแลวกัดกินเสยี เวลาใด เตาไมเหยียดคอหรอื ขาขางใดขา งหนงึ่ ออกมา เวลาน้ัน
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 407สนุ ัขจ้ิงจอกกห็ มดความอาลัย ไมไดโ อกาส จึงหลีกไปจากเตา ฉนั ใดดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย มารผูใจบาปผูปรากฏอยูใ กลพ วกทานเสมอ ๆ แลวคดิ วา บางทเี ราจะพงึ ไดโ อกาสทางจักษุ หู จมูก ลิน้ กายหรอื ใจ ของภกิ ษุเหลานบ้ี า ง เพราะฉะนนั้ แล ทานทั้งหลายจงเปนผูค มุ ครองทวารในอินทรียทง้ั หลายอยู เห็นรูปดว ยจกั ษุแลว อยา ถอื นิมติ อยา ถืออนพุ ยญั ชนะจงปฏิบัตเิ พื่อสาํ รวมจกั ขนุ ทรยี ท่ีเมื่อไมส ํารวมแลว จะพงึ เปนเหตใุ หอกศุ ลธรรมอันลามก คอื อภชิ ฌาและโทมนสั ครอบงาํ ได ชือ่ วา รักษาจักขุนทรยี ชื่อวา ถึงความสาํ รวมในจกั ขุนทรยี ฟง เสียงดวยหู ดมกลน่ิดวยจมูก ลมิ้ รสดวยลิน้ ถกู ตองโผฏฐัพพะดวยกาย รูแจง ธรรมารมณด ว ยใจแลว อยาถอื นิมิต อยา ถืออนพุ ยัญชนะ จงปฏบิ ตั เิ พือ่ สาํ รวมมนนิ ทรยี ทเี่ มื่อไมสํารวมแลว จะพึงเปน เหตุใหอ กุศลธรรมอนั ลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงําได ช่ือวารักษามนนิ ทรยี ช่ือวาถึงความสาํ รวมในมนนิ ทรยี ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เวลาในทา นท้งั หลายจกั เปน ผคู ุมครองทวารในอินทรยี ท ั้งหลายอยู เวลานัน้ มารผูใจบาปก็จกั หมดความอาลยั ไมไดโ อกาส หลกี จากทานทงั้ หลายไป ดุจสนุ ัขจ้งิ จอกหมดความอาลัยหลกีจากเตา กฉ็ ันนนั้ เหมอื นกนั . [๓๒๑] ภกิ ษผุ ูม ใี จตัง้ ม่ันในมโนวติ ก อันตัณหามานะ และทฏิ ฐิไมอ งิ อาศยั ไมเบยี ดเบียน ผูอืน่ ดบั กิเลสได แลว ไมต เิ ตยี นผใู ดผหู น่ึง เหมือนเตาหดคอและ ขาอยูในกระดองของตน ฉะน้ัน. จบ กมุ มสตู รท่ี ๓
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 408 อรรถกถากมุ มสูตรที่ ๓ ในกุมมสตู รที่ ๓ มวี นิ ิจฉัยดังตอไปนี้ . บทวา กุมฺโม แปลวา เตามีกระดอง. บทวา กจฺฉโป น้ี เปนไวพจนแหง บทวา กมุ ฺโม นั้นแล. บทวา อนนุ ทีตีเร แปลวา ท่รี มิ ฝงแหงแมน้าํ . บทวา โคจรปสุโต ความวา เตาคดิ วาถา เราจักไดผ ลไมน อยใหญก็จกั กนิ จงึ ขยัน คอื ขวนขวาย สืบกนั มาตามประเพณ.ี บทวา สโมทหติ วฺ าไดแก เหมอื นใสเขา ในกลอ ง. บทวา สงกฺ สายติ แปลวา ยอ มปรารถนา บทวา สโมทห ไดแ ก ตัง้ ไว คอื วางไว. ทานกลา วอธบิ ายไวด งั น้ี วาเตา ต้ังอวยั วะทัง้ หลายไวใ นกระดองของตน ไมใ หโ อกาสแกสุนขั จง้ิ จอกและสุนขั จ้ิงจอกก็ทํารายเตาไมไดฉนั ใด ภกิ ษุตัง้ มโนวติ ก ( ความตรกึทางใจ ) ของตนไว นกระดอง คอื อารมณของตน ไมใ หโ อกาสแกกิเลสมารมารกท็ ํารายภกิ ษนุ ้ันไมไดฉ ันนนั้ . บทวา อนิสสฺ โิ ต ไดแ ก ผอู นั นิสสยั คอื ตัณหาและทฏิ ฐไิ มอาศยัแลว . บทวา อฺ มเหยาโน ไดแ ก ไมเบยี ดเบยี นบคุ คลไร ๆ อื่นบทวา ปรินพิ ฺพุโต ไดแ ก ดับสนิท ดว ยการดับกเิ ลสไดส นทิ . บทวาน อปุ วทเยยฺ กฺจิ ความวา ไมพงึ วา รา ยบคุ คลไร ๆ อื่น ดวยศีลวบิ ตั ิหรือดว ยอาจารวบิ ัติ ดว ยประสงคจ ะยกตน หรือดวยประสงคจะขมผอู ืน่โดยท่ีแท ภกิ ษตุ งั้ ธรรม ๕ เขา ไวใ นตน อยูดวยท้งั จิตท่ีต้งั อยใู นสภาวะอันยกข้นึ พูดอยางนว้ี า เราจะกลาวตามกาล จะไมกลา วโดยมใิ ชก าลกลา วดวยคาํ เปน จรงิ ไมกลาวดว ยคําไมเ ปนจรงิ กลา วดว ยคําออนหวานไมก ลา วดวยคาํ หยาบ กลาวดวยคาํ อนั ประกอบดว ยประโยชน ไมก ลาวคุณทไี่ มป ระกอบดวยประโยชน. มเี มตตาจิต ไมม ากดวยโทสจติ กลา ว จบ อรรถกถากุมมสตู รท่ี ๓
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 409 ๔. ปฐมทารขุ ันธสูตรวา ดวยอปุ มาการทองเทย่ี วในสงั สารวัฏกับทอ นไมล อยนํา้ [๓๒๒] สมยั หนึง่ พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยทู ีฝ่ ง แมนํ้าคงคาแหงหนง่ึ พระผมู ีพระภาคเจาไดทอดพระเนตรเห็นทอนไมใ หญทอ นหนึ่งอนั กระแสนาํ้ พดั ลอยมาริมฝง แมนํา้ คงคา แลวตรสั ถานภกิ ษทุ ัง้ หลายวาดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ทา นทง้ั หลายเหน็ หรอื ไม ทอ นไมใ หญโ นน อันกระแสนา พดั ลอยมาในแมน าํ้ คงคา ภกิ ษทุ ูลหลายกราบทลู วา เห็น พระเจา ขา. พ. ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ถาทอ นไมจ ะไมเ ขามาใกลฝ งนห้ี รอื ฝง โนนจักไมจ มเสียในทามกลาง จกั ไมเ กยบก ไมถกู มนุษยห รอื อมนุษยจบั เอาไวไมถูกนา้ํ วน ๆ ไว จักไมเ นา ในภายใน ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย ดวยประการดงั กลา วมานแี้ ล ทอนไมน้ันจกั ลอยไหลเลือ่ นไปสูส มุทรได ขอ นั้นเพราะเหตไุ ร เพราะเหตวุ า กระแสนาํ้ แหง แมน้าํ คงคาลมุ ลาดไหลไปสสู มุทรฉันใด ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ถาทา นท้ังหลายจะไมแ วะเขา ฝง ขา งนีห้ รือฝงขางโนน ไมจมลงในทา มกลาง ไมเกยบก ไมถ กู มนุษยหรืออมนุษยจ ับไวไมถกู เกลียวน้าํ วน ๆ ไว จักไมเ ปนผเู สยี ในภายในไร ดวยประการดังกลา วมาน้ี ทา นทงั้ หลายจักโนม นอ มเอียงโอนไปสูนิพพาน ขอ นน้ั เพราะเหตุไร. เพราะเหตวุ า สัมมาทฏิ ฐยิ อมโนม นอมเอยี งโอนไปสนู พิ พาน ก็ฉนั นัน้ เหมือนกัน. [๓๒๓] เมอ่ื พระผมู พี ระภาคเจาตรัสอยางนีแ้ ลว ภิกษุรปู หนง่ึ ไดทูลถามพระผมู พี ระภาคเจาวา ขา แตพระองคผเู จรญิ ฝงนไ้ี ดแกอะไร ฝงโนนไดแกอ ะไร การจมลงในทามกลางไดแกอ ะไร การเกยบกไดแ กอะไร
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 410มนุษยผ จู บั คืออะไร อมนษุ ยผ ูจบั คืออะไร. เกลียวน้าํ วน ๆ ไวคอื อะไรความเปนของเนาในกายในคอื อะไร. พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา ดูกอนภกิ ษุคําวา ฝง นี้ เปนช่ือแหงอายตนะภายใน ๖ คําวาฝง โนน เปนชื่อแหงอายตนะภายนอก ๖ คําวาจมในทามกลางเปนชอ่ื แหง นันทริ าคะ คาํ วาเกยบก เปนชื่อแหงอสั มมิ านะ ดูกอ นภกิ ษุ กม็ นษุ ยผูจ ับเปนไฉน. ภกิ ษใุ นธรรมวินัยน้ีเปนผูคลกุ คลี เพลดิ เพลิน โศกเศราอยูกับพวกคฤหัสถ เมอ่ื เขาสุขก็สขุดว ย เมือ่ เขาทุกขก ท็ ุกขด ว ย ยอ มถงึ การประกอบตนในกจิ การอันบังเกดิขนึ้ แลว ของเขา ดูกอ นภิกษุ นี้เรยี กวา มนษุ ยผูจบั ดูกอนภิกษุ อมนุษยจับเปน ไฉน. ภกิ ษุบางรปู ในธรรมวนิ ัยนี้ ยอ มประพฤตพิ รหมจรรยปรารถนาเปน เทพนิกายหมใู ดหมูห นง่ึ วา ดว ยศลี ดว ยวัตร ดว ยตบะหรอื ดวยพรหมจรรยน้ี เราจกั ไดเ ปน เทวดาหรอื เทพยเจาองคใ ดองคห น่งึดูกอนภกิ ษุ นเี้ รยี กวา อมนษุ ยผ ูจบั ดกู อนภกิ ษุ คําวาเกลยี วนํ้าวน ๆ ไวเปน ชอื่ แหง กามคุณ ๕ ดูกอ นภิกษุ ความเปน ของเนา ในภายในเปนไฉน.ภกิ ษุบางรูปในธรรมวินยั นี้ เปน ผทู ุศีล มธี รรมอนั ลามกไมส ะอาด มีความประพฤตนิ ารังเกียจ มกี ารงานปกปดไว ไมเปนสมณะ ก็ปฏญิ าณวาเปนสมณะ ไมเปน พรหมจารี กป็ ฏญิ าณวาเปนพรหมจารี เปนผูเนาในภายในมีใจชุมดวยกาม เปน ดุจขยะมลู ฝอย ดูกอนภกิ ษุ นเ้ี รยี กวา ความเปนผเู นาในภายใน. [๓๒๔] ก็โดยสมัยน้ันแล นายนนั ทโคบาลย่นื อยูในท่ไี มไกลพระผมู พี ระภาคเจา ณ ทน่ี ัน้ แล นายนันทโคบาลไดก ราบทูลพระผูม.ีพระภาคเจาวา ขา แตพระองคผ เู จรญิ ขา พระองคไมเขา ใกลฝง น.ี้ ไมเ ขา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 411ใกลฝง โนน ไมจ มลงในทามกลาง ไมตดิ บนบก ไมถูกมนษุ ยจบั ไมถูกอมนุษยจบั ไมถ ูกเกลียวน้าํ วน ๆ ไว จักไมเนา ในภายใน ขาแตพ ระองคผเู จริญ ขาพระองคข อประทานพระวโรกาส ขา พระองคพงึ ไดบรรพชาอุปมาบทในสาํ นักของพระผมู พี ระภาคเจา พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสวาดูกอ นนนั ทะ. ถา อยา งน้นั ทานจงมอบโคใหเจา ของเขาเถิด น. ขาแตพระองคผเู จรญิ โคท่ตี ดิ ลูกจักไปเอง. พ. ทา นจงมอบโคใหแกเ จาของเถิด นนั ทะ. คร้ังนัน้ แล นายนันทโคบาลมอบโคใหแกเ จา ของแลว เขาไปเฝาพระผูมีพระภาคเจาถงึ ทปี่ ระทับ คร้นั แลว ไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วาขาแตพระองคผ ูเ จริญ ขา พระองคม อบโคใหเจา ของแลว ขา พระองคพึงไดบรรพชาอปุ สมบทในสํานกั ของพระผมู ีพระภาคเจา นายนันทโคบาลไดบรรพชาอปุ สมบทแลวในสํานักของพระผมู พี ระภาคเจา กแ็ ลทานพระนนั ทะอปุ สมบทแลว ไมน าน เปน ผูๆ เดียว หลีกออกจากหมู ไมป ระมาท มคี วามเพียร มีใจเดด็ เด่ยี วอยู ไมนานนัก ก็ทําใหแ จงซง่ึ ท่สี ดุ แหง พรหมจรรยอนั ยอดเย่ียม ซึง่ กลุ บุตรทัง้ หลายผอู อกบวชเปน บรรพชติ โดยชอบตองการนัน้ ดว ยปญ ญาอนั ยิง่ ดว ยตนเองในปจ จบุ ันเขาถงึ อยู รูชดั วา ชาตสิ ิน้ แลวพรหมจรรยอยูจ บแลว กจิ ท่คี วรทาํ ทําเสร็จแลว ก็อื่นเพื่อความเปน อยา งนี้มไิ ดมี กท็ านพระนันทะไดเปนพระอรหนั ตองคห นงึ่ ในจํานวนพระอรหนั ตทั้งหลาย. จบ ปฐมทารุขนั สตู รที่ ๔
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 412 อรรถกถาปฐมทารขุ ันธสตู รท่ี ๔ ในปฐมทารขุ นั ธสตุ รที่ ๔ มีวินจิ ฉัยดงั ตอไปนี้. บทวา อทฺทสา ความวา ประทับนัง่ บนบวรพทุ ธอาสนท ี่เขาจดั ไวณ ริมฝง แมน ํ้าคงคา ไดทอดพระเนตรเห็นแลว . บทวา วุยฺหมาน ไดแกทอ นไมทีเ่ ขาถากเปน . เหลีย่ มแลว กองไวร ะหวางเขา แหง สนทิ ดีเพราะลมและแดด เม่ือเมฆฝนตกชกุ ก็ลอยขึ้นตามนํ้า ตกไปในกระแสแมน้าํคงคาตามลาํ ดับ ลอยไหลไปตามกระแสนํ้านนั้ . บทวา ภิกฺขู อามนฺเตสิความวา พระผูม พี ระภาคเจา ทรงพระดาํ รวิ า เราจกั แสดงกลุ บตุ รผูบวชดวยศรทั ธา ในศาสนาของเรา กระทาํ ใหเหมอื นทอ นไมนี้ ดงั นแ้ี ลวจงึ ตรัสเรยี กมา เพราะทรงประสงคจ ะทรงแสดงธรรม. อน่งึ เพราะนอกจากโทษ ๘ ประการของทอนไมที่ลอยไปตามกระแสนาํ้ เพ่อื จะทรงแสดงโทษอีก ๘ ประการอันจะกระทาํ อันตรายแกท อนไมท ีล่ อยไปสสู มทุ รพระผูม ีพระภาคเจา จึงทรงเรมิ่ พระดํารสั น้วี า อมุ มหนตฺ ทารกุ ฺขนธฺ คงคฺ าย นทยิ า โสเตน วยุ หฺ มาน ดังนี้ . จรงิ อยู ตนไมตนหนึง่ เกิดทพ่ี ้ืนภเู ขา ไมไกลแมนํา้ คงคา ถกูเถาวลั ยต างๆพันไวม ใี บเหลือง ถกู ปลวกเปนตนกัดกิน ก็ถึงความไมม บี ัญญัติ( ตาย ) ในทีน่ ัน้ น่นั เอง ทอ นไมนล้ี งสแู มนาํ้ คงคาแลว งดงามอยูในวังวนถึงสาครแลว ยอ มไมไดเพอ่ื จะงดงาม บนหลังคลน่ื ซง่ึ มีสีดังแกวมณ.ี
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 413 ตน ไมอกี ตน หนง่ึ มีรากอยภู ายนอก มกี ง่ิ อยภู ายในฝงแมน้ําคงคาตนไมน้ถี ูกน้ํา โดยกิง่ ทห่ี อยยอ ยลงมาบางคร้งั บางคราวก็จริง ถึงอยา งนนั้เพราะมนั มีรากอยภู ายนอกแมน ้าํ คงคา ลงสแู มน้ําคงคาแลว งดงามอยูใ นวงั วน ถึงสาครแลว ยอ มไมไ ดเ พอ่ื จะงดงามบนหลงั คล่นื ซึง่ มสี ดี งั แกว มณ.ี อกี ตน หน่ึง เกดิ กลางแมน้าํ คงคา แตยนื ตนอยูดีเพราะรากม่ันคงและกงิ่ คดของมันยนื่ ไปนอกตน ถกู เถาวลั ยตาง ๆ เก่ียวพนั ไว. แมตนไมน ี้ก็ลงสูแ มนํา้ คงคา ฯลฯ ไมไดง ดงาม เพราะมรี ากมั่นคง และมีเถาวัลยเกี่ยวพนั ไวขางนอก. อกี ตน หนง่ึ ถกู ทรายคลมุ ทบั ไว ในท่ี ๆ มนั ลม ลงนั่นแล กเ็ นา ฯลฯตนไมแ มน ้ี กล็ งสูแมน้าํ คงคา ฯลฯ ก็ไมงาม. อกี ตน หนง่ึ ยนิ ตน อยูอยา งแนน สนทิ เหมอื นฝงไวด ี เพราะเกดิในระหวา งแผน หนิ ๒ แผน นํ้าคงคาทไี่ หลมาถงึ ไดแ ยกเปน ๒. ตน ไมนี้เพราะอยดู ว ยดี ในระหวางแผน หนิ ลงสแู มน้าํ คงคา ฯลฯ ก็ไมง าม. อีกตน หน่ึง ยงั ทองฟา ใหเต็มในทกี่ ลางแจง ถูกเถาวัลยเ กี่ยวพนัยืนตนอยู เปยกนาํ้ ๑ - ๒ คร้ัง ในหว งนา้ํ ใหญท ีห่ ลากมาถึงเกิน ๑- ๒ ปแมตน ไมน้ี เพราะมันยนื ตน ระทอ งฟา และเพราะเปย กอยู ๑-๒ ครั้งโดยลวงไป ๑ - ๒ ป ลงสูแมน ้ําคงคา ฯลฯ ก็ไมง าม. แมอกี ตนหน่งึ เกดิ บนเกาะนอ ย กลางแมนา้ํ คงคา มลี าํ ตน และกิง่ ออ น เมอ่ื โอฆะ หว งนํา้ หลากมาก็ลมลอยไปตามกระแสน้ํา เมือ่ น้าํ ไหลถงึกช็ ยู อดขนึ้ เหมอื นฟอ นราํ ได. เพือ่ ประโยชนไ รเลา สาครเหมือนกลาวกะแม
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 414คงคาวาดูกอ นทา นคงคา ทานนํามาแตไ มต า ง ๆ มไี มแกนจนั ทน และไมแกน มหี นามเปน ตน แตไมน ําทอนไมมา. แมน ้ําคงคากลาววา ขาแตเทวะนัน่ เปนการดีแลวละ ขากจ็ ักรูอีกครง้ั แลวไหลมาเหมือนสวมกอดดว ยนํ้าสีแดงอกี ครัง้ . ตน ไมแมน ั้น กล็ อยไปตามกระแสนาํ้ เหมอื นอยางนน้ั แลเม่ือนํ้าผา นมาถึง ก็ชูยอดขนึ้ เหมอื นรําฟอ นฉะน้ัน. ตน ไมน ล้ี งสูแ มน ้ําคงคา เพราะยงั เปนไมออน ฯลฯ กไ็ มง าม. อกี ตนหนง่ึ ลมลงขวางแมนํ้าคงคา ถกู ทรายคลมุ ทับไว เปน ท่ีอาศัยของคนเปนอนั มาก เหมือนสะพานทอดอยใู นระหวา งฉะน้ัน. ไมไผไ มออไมกมุ บกและไมก มุ นํ้าเปน ตน ทฝ่ี ง ท้งั ๒ ลอยมาตดิ อยทู ี่ตนไมนั้นน่ันแลกอไมต าง ๆ กล็ อยมาอยา งนนั้ ทงั้ สากแตก กระดง ขาด ซากงู ลูกสุนขัและชาง มาเปนตน ก็ตดิ อยูท ่ีนัน้ เหมอื นกนั . แมน าํ้ คงคาใหญก ระทบสง่ิ น้นั แลว กแ็ ยกเปน ๒ สาย ทัง้ ปลา เตา จระเข และมังกรเปนตนก็อยใู นท่นี ั้นนัน่ แล แมต นที่ไมน้ี ลม ขวางแมน ํา้ คงคา โดยภาวะที่ทําใหเปนท่อี าศัยของมหาชน เม่ืองอกงามอยใู นทอ่ี ันเปน วังวน ถงึ สาครก็ไมง ามบนหลงั คลนื่ อนั มสี ีดงั แกว มณ.ี ดงั นั้น เพอ่ื จะทรงแสดงโทษอีก ๘ ประการ อันกระทาํ อันตรายแกการถึงสมุทรแหงทอ นไม ที่ไปตามกระแสนํ้า เพราะนอกจากโทษ ๘ประการน้ี พระผูม พี ระภาคเจา จงึ ตรัสพระดํารัสมอี าทวิ า ทอ นไมใหญทอนโนน ถกู กระแสนํา้ คงคาพดั ไปอยู. บรรดาบทเหลานนั้ บทวา น ถเล อสุ ฺสาทสิ ฺสติ ไดแ กจักไมข ้ึนบก. บทวา น มนุสสฺ คคฺ าโห คเหสสฺ ติ ความวา มนุษยทง้ั หลาย เหน็ วา ตนไมน้ีใหญหนอ จงึ ขามนํ้าไปดวยแพ ไมย ดึ ถือเอา
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 415เพือ่ ประโยชนจะทําเปน ไมก ลอนเปนตน. บทวา น อมนุสฺสคฺคาโหคเหสสฺ ติ ความวา อมนษุ ยท ั้งหลายสําคญั วา ไมแ กนจันทนน้ีมคี า มากพวกเราจกั พกั ไวทางประตูวมิ าน แตก ไ็ มถือเอา. ในคําวา เอวเมวโข นี้ พงึ ทราบการเทยี บเคยี งขอ อปุ มา พรอมกบัทัง้ โทษภายนอก ๘ ประการอยา งนี.้ จริงอยู บคุ คลผูประกอบดวยมจิ ฉา-ทิฏฐิ มอี าทวิ า ทานทบี่ ุคคลใหแลวยอ มไมม ีผล พงึ ทราบเหมือนทอนไมเกดิ ทพ่ี ื้นภเู ขา ไกลแมน ้ําคงคา ถกู ปลวกเปนตน กัดกิน ถึงความหาบญั ญตั มิ ไิ ดใ นท่นี ้ันนน่ั แล. จริงอยู บคุ คลน้ี ลงสูอ รยิ มรรค นงั่ บนทนุคอื สมาธิ ก็ไมอ าจไปถึงสาครคือพระนิพพาน เพราะไกลพระศาสนา. บคุ คลผูเปน สมณกฎุ ม พี ยังตดั ความผูกพันทางคฤหสั ถไมข าดพึงเหน็ เหมือนตน ไม ทีม่ รี ากอยูภ ายนอก มกี งิ่ อยูภายใน เกิดทร่ี มิ ฝงแมน้ําคงคา. จรงิ อยู บคุ คลนี้ คิดวา ธรรมดาจติ น้ีไมตอเน่อื งกนั เมื่อกลา ววา เราเปน สมณะ แตกเ็ ปน คฤหัสถ เม่อื กลา ววา เราเปน คฤหสั ถแตก็เปนสมณะ ใครจกั รูวา เราจะเปนอยา งไร แมเมือ่ บวชในเวลาแกก็ไมสละความเก่ียวพันทางคฤหัสถ. และชือ่ วา สมบตั ิของผูบวชในเวลาแกยอ มไมม ี. ถาจวี รมาถงึ เธอไซร ก็ถงึ แตจวี รขาด ๆ จวี รเกา ๆ หรือจีวรซดี ๆแมเ สนาสนะเลา ไมวา บรรณศาลา หรือมณฑป กม็ าถึงแตที่อยูชายวหิ าร.แมเม่ือเที่ยวไปบณิ ฑบาต ก็เทย่ี วไปขางหลงั เดก็ ๆ ผเู ปนลกู และหลานนัง่ ในทท่ี าย ๆ ดวยเหตุนน้ั เธอจึงเปนทุกข เสยี ใจ หลังน้ําตา คิดวาทรพั ยอ ันเปนของตระกลู ของเรามีอยู ควรไหมหนอ ท่เี ราใชท รพั ยน น้ัเลย้ี งชวี ติ จึงถามพระวนิ ยั ธรรูปหนง่ึ วา ทานอาจารย การพิจารณาสง่ิ ของ
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 416อันเปน ของตนแลว กนิ จะสมควรหรอื ไมสมควร. พระวินัยธรตอบวาในขอนไี้ มมโี ทษ ขอ น้นั สมควรแท. เธอจงึ พาพวกภกิ ษวุ ายาก ประพฤติเลวทราม ผูค บกับตน ๒-๓ รปู ในเวลาเย็นไปภายในบา น ยืนอยูกลางบาน ใหเ รียกชาวบานมากลา ววา ทา นจะใหท รัพยท เ่ี กดิ จากการประกอบ ของพวกเราแกใ คร. ชาวบานพูดวา ทานขอรบั พวกทา นเปนบรรพชิต พวกทา นจะใหใ ครเลา . ภิกษนุ นั้ กลาววา ทรัพยข องตนไมค วรแกบ รรพชิตหรอื . ดังนีแ้ ลว ใหค นถอื จอบและตะกรา กระทาํ กจิ มกี ารกอคนั นาเปนตน รวบรวมปุพพณั ณชาต อปรณั ณชาต และผลไมน อยใหญมีอยางตาง ๆ ใหห ุงตนเคย้ี วกนิ สงิ่ ปรารถนา ในเหมนั ตฤดู คมิ หันตฤดูและวัสสนั ตฤดู เปนสมณกฎุ มพี เลี้ยงชีวติ . หญิงบาํ เรอบาทบริจาริกาพรอมกับเด็กไวผ ม ๕ แหยม ของสมณกฎุ ม พนี ัน้ คนเดยี วก็ไมมี. บคุ คลน้ีใหกายสามัคคี แกภกิ ษทุ ้งั หลาย ทล่ี านพระเจดยี และลานตน โพธิ์ เปน ตนเหมอื นตนไม ถงึ แมม กี ง่ิ อยใู นฝง แตกม็ ีกิ่งหอยยอ ยลงมาถูกน้าํ เธอลงสูอริยมรรค นงั่ บนทนุ คือสมาธิ ไมอ าจไปถึงสาคร คอื พระนพิ พานไดเพราะมีรากภายนอกตน เหตทุ ีต่ ัดความเกีย่ วพันทางคฤหัสถ ยังไมข าด. บุคคลผขู าดอาชีวะ อาศัยของสงฆเ ลยี้ งชีพ พงึ เห็นเหมอื นก่งิ คดเกดิ กลางแมน า้ํ คงคา ถูกเถาวัลยเ กีย่ วพันไวภายนอก. คนบางคนแมล ะความเกยี่ วพนั ทางคฤหัสถ ออกบวช กไ็ มไ ดบ รรพชา ในสถานอนั สมควร.จรงิ อยู ขึน้ ชื่อวา การบรรพชาน้ี เปนเหมือนการถอื ปฏิสนธิ. มนุษยท้ังหลายถอื ปฏิสนธิ ในตระกูลเหลาใด ยอมศึกษาอาจาระ ( มารยาทและธรรมเนยี ม ) ของตระกลู เหลาน้นั นั่นแลฉนั ใด แมภ กิ ษุ ก็ฉนั น้ัน
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 417ถอื เอาอาจาระเฉพาะมนสาํ นกั ของเหลา ภิกษุทีต่ นบวช เพราะฉะนัน้ บคุ คลบางคน บวชในสถานอนั ไมส มควร ก็เปนผเู หินหา งจากคณุ ธรรม มีโอวาทานสุ าสนี อทุ เทศ ( การเรียน ) และปริปุจฉา ( การสอบถาม )เปนตน ถอื เอาหมอเปลา แตเ ชา ตรู ไปยังทา น้าํ วางบาตรไวท ค่ี อไปสูโรงฉัน เพื่อตอ งการภัต สําหรบั อาจารยและอปุ ช ฌายท ้งั หลาย. เลนการเลน ตาง ๆ กบั ภกิ ษหุ นุม และสามเณร ผูวายาก คลกุ คลีกับคนวดั และเดก็ อยู. ในเวลาเปน หนมุ เธอกก็ นิ อยรู ว มกบั ภกิ ษหุ นุม สามเณร และคนวัดอันเหมาะแกต น กลาววา ผนู ี้เปนผกู นิ อยูข องสงฆ อนั พระขณี าสพทั้งหลายรบั มาจากสาํ นกั ของพระราชาชอื่ โนน พวกทานไมใ หส ิ่งน้นั ส่ิงน้แี กสงฆพระราชาหรืออํามาตยของพระราชา ทราบเร่อื งของพวกทานแลว ก็จกัไมพอพระทัย บัดน้ีพวกทานจงกระทาํ สิ่งน้ันสงิ่ นีใ้ นท่ีน้ี ดังน้แี ลวใหคนถอื เอาจอบและตะกรา กระทาํ กจิ ทีค่ วรทําในสระนา้ํ และเหมืองทงั้ หลาย ในหนหลัง ใหส ง ปุพพัณณชาตและอปรณั ณชาตเปน อันมาก เขาไวในวหิ ารใหคนวัดบอกแกสงฆ ถงึ ความท่ีตนเปนผอู ปุ การ สงฆส ัง่ ใหใ หว า ภกิ ษุหนุมน้ีเปน ผมู ีอปุ การมาก พวกทา นจงให ๑๐๐ บาง ๒๐๐ บาง แกภ ิกษุหนุม นี้ ดังนน้ั ทานจงึ เพ่มิ พนู ดวยสมบตั ขิ องสงฆ ขางโนนบาง ขางนี้บา งถกู อเนสนา ๒๑ อยา งผูกพันไวภ ายนอก ถึงจะหยงั่ ลงอริยมรรคนัง่ บนทุนคือสมาธิ กไ็ มส ามารถบรรลุถงึ สาครคือพระนิพพาน. บคุ คลผูเ กยี จครา นและกนิ จุ พงึ ทราบเหมอื นตนไม ทถ่ี กู ทรายคลมุ ทับในที่ ๆ ลม ลงนนั่ แล แลวกลายเปน ไมผุฉะนนั้ . จรงิ อยู ภกิ ษุท้งั หลาย หมายเอาบุคคลเห็นปานน้ี ผเู หน็ แกอ ามิสและละโมบในปจจัย
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 418ผู ละทิ้งอาจารวัตร และอุปช ฌายวัตรเสยี แลว ยงั ละเวน จากอุทเทศปรปิ ุจฉา และโยนิโสมนสกิ าร ( การใสใ จ ) จึงกลา วนวิ รณ ๕ โดยอรรถอยา งน้ีวา ทา นผูเ จริญ พวกเราจะไปสํานกั ของใคร. ลาํ ดับนัน้ ถีนมทิ ธนวิ รณ ลกุ ข้ึนกลาวอยา งนีว้ า ทา นทง้ั หลายไมเห็นหรอื บคุ คลผเู กยี จครานอยูในวหิ ารโนน นนั่ ไปบานชอื่ โนน ซอนขา วตม ไวบ นขาวตม ขนมไวบนขนม ซอ นขาวสวยไวบ นขาวสวย มาวหิ าร เปนผสู ละวัตรปฏิบตั หิ มดละเวนจากอทุ เทศเปนตน ขน้ึ เตยี งนอน จงใหโ อกาสแกเ รา. ลําดับนัน้ กามฉันทนิวรณ ลกุ ขึน้ กลา ววา เม่ือเราใหโอกาสแกทา น ทานก็ตอ งใหโอกาสแกเราบาง บดั น้ีแลเขานอนหลับ ถกู กิเลสรบกวน ตนื่ ขนึ้ ก็จักตรกึ แตกามวิตก. ลําดับนน้ั พยาปาทนิวรณ ลกุ ขนึ้ กลา ววา เมือ่ เราใหโอกาสแกท าน ทานก็ตอ งใหโอกาสแกเ ราบาล บัดนี้แลเราหลบั ไป ลกุ ข้นึ แลวถกู ตอวา ทานจงทําวตั รปฏบิ ัติ ก็กลา วคําหยาบ มีประการตาง ๆ วา ทานคนพวกนี้ ไมท ําการงานของตน ขวนขวายแตในเรา จําจักควักนยั นต าออก เที่ยวไป. ลําดับนั้น อทุ ธจั จนิวรณ ลกุ ขน้ึ กลาววา เม่อื เราใหโอกาสแกท า นทา นก็ตอ งใหโอกาสเราบาง ขึ้นชื่อวา ผูเกียจครา น ยอมลุกขน้ึ เหมอื นกองเพลิงท่ถี ูกลมพัด. ลําดับนน้ั กุกกจุ จนิวรณ ลกุ ข้ึนกลาววา เม่ือเราใหโอกาสแกทานทา นกต็ อ งใหโ อกาสแกเราบาง ขึน้ ช่อื วา ผเู กยี จคราน ยอ มเปน ผมู ีความราํ คาญเปน ปกติ ทําใหเกดิ ความสําคญั ในสิ่งท่ีไมควรวา ควร และความสําคัญในสี ท่คี วรวาไมค วร.
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 419 ลําดบั นนั้ วิจกิ ิจฉานิวรณ ลกุ ข้นึ กลาววา เม่อื เราใหโอกาสแกทานทานก็ตองใหโ อกาสแกเ ราบา ง. จริงอยู บุคคลเหน็ ปานน้ี ช่ือวา ยอมใหเกิดความสงสยั อยางใหญใ นฐานะทง้ั . นิวรณ ๕ ยอ มครอบงาํ ยึดเอาผทู ่เี กียจครานกนิ จุ ดว ยอาการอยางน้ี เหมือนสนุ ขั ดุเปนตน ขมเหงโคแกต วั เขาขาดฉะน้ัน. แมผูนนั้ถึงหยั่งลงสกู ระแสอรยิ มรรค นั่งบนทุน คือสมาธิ ก็ไมส ามารถจะบรรลถุ ึงสาครคือพระนิพพานได. บุคคลผมู ีทฏิ ฐิเปน คติ ทําทิฏฐใิ หเ กดิ แลวต้ังอยู พึงทราบเหมือนตนไม ตัง้ อยโู ดยอาการดจุ รากท่ฝี งอยใู นระหวางแผนหิน ๒ แผน . จรงิ อยูผูน้นั เปนเหมอื นอรฏิ ฐภกิ ษุ และกัณฐกสามเณร เทยี่ วกลา วอยวู า ในอรปู ภพ ก็มรี ูป ในอสญั ญีภพ จิตกย็ อมเปนไป โลกตุ ตรมรรค อันเปนไปหลายขณะจติ อนสุ ยั เปน จิตตวิปยุต และเหลา สตั วเ หลา นน้ั แหละยอมเรร อ น ทอ งเทยี่ วไป กห็ รอื วา เปน ผมู ีวาทะวา สอ เสยี ด เปนผเู ท่ียวทาํ ลาย พระอุปช ฌายเ ปน ตน กับสัทธิวหิ าริกเปน ตน . แมผูน้นั ถึงหยง่ั ลงสกู ระแสพระอริยมรรค นง่ั บนทุน คอื สมาธิ ก็ไมสามารถจะบรรลุถึงสาครคอื พระนพิ พานได. บุคคลที่บวชในเวลาแก อยใู นชนบทปลายแดน และผูเห็นธรรมไดโ ดยยาก พึงทราบเหมือนตนไมท ่รี ะทอ งฟา กลางแจง ถูกเถาวัลยพ นั ยืนตน แชนาํ้ อยู ๒ - ๓ ครั้ง ในเม่อื หว งนํา้ หลากมา ทวมเกิน ๑ - ๒ ปจริงอยูบ ุคคลบางคน บวชในเวลาเปนคนแก ไดอ ปุ สมบท ในชนบท
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 420ปลายแดน โดย ๒- ๓ วัน ในเวลามีพรรษา ๕ ทอ งปาฏิโมกขไ ดคลองแคลว ในเวลาได ๑๐ พรรษา ในเวลากลาววินัยในสํานกั พระเถระผูท รงวินัย วางพริกไทย หรือชน้ิ สมอไวในปาก ปด หนา ดวยพัด นง่ั หลับ เปนผชู ่อื วา มีวินัยอันเธอกระทาํ แลว ดว ยอากัปกริ ยิ าเปนเลศ ถือบาตรและจวี รไปยงั ชนบทปลายแดน. มนุษยท้ังหลายในท่นี น้ั พากนั สกั การะภิกษนุ ้ัน กลาววา ทา นผเู จริญ ขอทานจงอยูในทนี่ ีแ้ ล เพราะการเหน็ ภิกษหุ าไดย าก จงึ พากันสรา งวหิ าร ปลกู ตน ไมม ดี อกและออกผลแลว ใหอ ยใู นวิหารนน้ั . ลําดับนัน้ ภกิ ษุท้งั หลาย ผูพหูสูต จากวหิ าร เชน กบั ดวยมหา-วหิ าร ไปในท่ีนั้นดวยตัง้ ใจวา จกั มาบําเพ็ญวิปสสนาเปนตน ในชนบท.ภิกษุนนั้ เห็นภิกษเุ หลา นั้น ยินดีรา เรงิ บาํ เพ็ญวัตรปฏบิ ัติ วนั รงุ ขึ้นจงึ พากนั เขา ไปบา นเพื่อภิกขาจารกลาววา พระเถระช่ือโนนเปนผทู รงพระสตู รพระเถระช่อื โนนเปน ผูท รงอภธิ รรม พระเถระช่ือโนน เปนผทู รงพระวนิ ยัพระเถระช่ือโนน เปน ผทู รงพระไตรปฎ ก เม่อื ไรพวกทา นจักไดพระเถระเหน็ ปานน้ี จักสรางทฟ่ี งธรรม. อุบาสกทงั้ หลายคิดวา พวกเราจกั สรางท่ีฟงธรรม ดังนแ้ี ลว ชาํ ระทางไปวิหาร แลว ถือเอาเนยใสและนา้ํ มนั เปนตนเขาไปหาพระมหาเถระ กลาววา ทา นขอรับ พวกกระผมจะสรางทีฟ่ ง ธรรมทา นจงบอกกลาวตอพระธรรมกถกึ วันรงุ ขึน้ จงึ มาฟงธรรม. พระเถระผูเปนเจาถิน่ เก็บงําบาตรและจีวร ของภกิ ษผุ อู าคันตกุ ะ.ใหส ว นแหงวันลวงเลยไป ภายในหอ งน้นั แล. พระธรรมกถึกผูกลาวตอนกลางวนั ลุกขึ้นกลาวบทสรภญั ญะเหมือนเทนํา้ จากหมอ ทานไมร บู ท
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 517
Pages: