Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_66

tripitaka_66

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_66

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 173กเ็ ปนทางแหงญาณ. บทวา ณาณสสฺ อารมฺมณมปฺ  าณปโล แมอ ารมณแหงญาณ กช็ ือ่ วาเปน ทางแหงญาณ คอื แมป จ จัยแหง ญาณ ก็ชือ่ วาเปน ทางแหงญาณ เพราะหนว งอารมณน ้นั แลวเกิดขึน้ . บทวา าณสหภูโนปธมมฺ า าณปโถ แมธรรมทง้ั หลายอนั เกิดรว มกับญาณ ก็ช่ือวา ทางแหง ญาณ คือแมธ รรมทั้งหลายทีเ่ ปน จติ เจตสกิ อันเหลือ เกิดรว มกบั ญาณกเ็ ปนทางแหง ญาณ. บดั น้ี พระพุทธสมณะเมอื่ จะทรงใหแจมแจง ดวยอปุ มา จึงตรัสวา ยถา อรยิ มคฺโค อรยิ ปโถ เปรียบเหมือนอรยิ มรรคก็ช่ือวา ทางแหงอรยิ ะ ดงั นเี้ ปน ตน. บทวา กถ กถี ปุคคฺ โล คอื บคุ คลผมู คี วามสงสัย. บทวา สกงโฺ ขคอื มคี วามเคลือบแคลง. บทวา สวิเลโข มีความลังเล คือมีความขดั แยงในจิต. บทวา สเทฺวฬฺหโก เปนสองทาง คอื กังขาอยู. บทวา สริจกิ จิ ฺโฉคือ ไมแ นใจ. บทวา าณาธิคมาย คอื เพอื่ ไดญาณ. บทวา าณทสฺส-นาย เพ่ือเหน็ ญาณ คือเพอื่ แทงตลอดญาณ. อีกอยางหน่งึ เพ่ือประสบญาณ.บทวา าณสจฉฺ ิกริ ยิ าย คือ เพ่ือทําใหแ จมแจงซง่ึ ญาณ. บทวา สนทิ านาห เราแสดงธรรมมเี หตุ คอื เรา (พระพุทธสมณะ)แสดงธรรมมเี หตุมปี จจยั . บทวา สปฺปาฏหิ ารยิ  เราแสดงธรรมมปี าฏหิ ารยิ คอื นําสัตวใ หพ นทกุ ข. บทวา โน อปฺปาฏิหาริย เราไมแ สดงธรรมไมม ีปาฏหิ ารยิ  คือแสดงธรรมไมทําใหส ตั วพนจากทกุ ข. บทวา สาตาสาต ในบทวา สาต อสาตจฺ กุโตนิทานา ความดใี จและความเสียใจมีอะไรเปน นทิ าน น้ที านประสงคเอาสุขเวทนาและทกุ ขเวทนานน่ั เอง. บทวา น ภวนฺติ เหเต คือ ความดใี จและเสยี ใจเหลานั้นยอ มไมม .ี บทวา วิภว ภวจฺ าป ยเมตมตถฺ  เอตมเฺ ม ปพรฺ หู ิ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 174ยโตนทิ าน ความวา อรรถนน้ั ใด คอื ความไมมีและความมแี หง ความดใี จและความเสยี ใจ ขอพระองคจ งตรสั บอกอรรถนนั้ วา มสี ่ิงใดเปนนทิ านแกขาพระองค ในบทนี้ เปลยี่ นรปู ลิงค. ควรจะเปนดงั ทท่ี านอธิบายไววา สาตาสาตาน วภิ โว ภโว จาติ โย เอส อตโฺ ถ เอตมฺมปพรฺ ูหิ. ความอยา งเดยี วกับที่กลา วแลว. ในบทวา ยโตนทิ าน นี้ พงึ ทราบโดยอรรถวา ความไมม แี ละความมี คอื ความเห็นวาไมมแี ละมีน่ันเองอันเปนวัตถุแหงความดใี จและความเสียใจ. เปน ความจริงดังน้ันในฝายแกป ญ หาน้ี แมค วามเหน็ วามี กม็ ผี สั สะเปนนิทาน แมความเห็นวาไมม ีก็มผี ัสสะเปน นิทาน เพราะเหตนุ ้นั จกั กลาวในนิเทศตอ ไป. ในนิเทศแหง คาถานไี้ มมขี อ ทีค่ วรกลาว. บทวา อโิ ตนิทาน คือ มผี สั สะเปน นทิ าน. บทวา กิสฺมึ วภิ เู ตน ผุสนตฺ ิ ผสสฺ า เมอ่ื อะไรไมมีผัสสะจึงไมถ ูกตอง คอื เมอ่ื อะไรลว งไปแลวผัสสะ ๕ มีจักษสุ มั ผสั เปน ตน จงึ ไมถูกตอง แมค าถานีก้ ็ไมม ีอะไรควรกลาว. บทวา นามจฺ รปู ฺจ ปฏิจฺจ ผัสสะเกิดข้ึนเพราะอาศยั นามและรปู คือเพราะอาศยั นามท่ปี ระกอบกนั และรปู คอื วัตถุเปนอารมณ.บทวา รเู ป วภิ เู ต น ผุสนฺติ ผสฺสา เม่ือรูปไมม ี ผสั สะจงึ ไมถ ูกตอ งคือเม่อื รปู ลว งแลว ผสั สะ ๕ จงึ ไมถกู ตอง. บทวา ติณฺณ สงฺคติ ผสฺโส ประชมุ ธรรม ๓ ประการ ผสั สะจึงเกดิ ขึน้ . คือผสั สะยอมเกดิ ขึ้นเพราะประชมุ ธรรม ๓ ประการ คอื จกั ษุรูปและวิญญาณ. บทวา จกฺขุฺจ รปู า จ รูปสมฺ ึ จักษรุ ปู ในสวนรปูคอื ประสาทจักษุ รปู ารมณ อารมณต ั้งไวใ นสว นรปู . บทวา จกขฺ ุสมฺผสฺสเปตวฺ า เวนจกั ษสุ ัมผสั คอื ปลอ ยผสั สะอันเกิดขึ้นเพราะประชมุ ธรรม

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 175๓ ประการ. บทวา สมปฺ ยุตฺตกา ธมฺมา นามสมฺ ึ สมั ปยตุ ธรรมในสว นนาม ธรรมในสว นนามเกิดพรอ มกบั ผสั สะ มเี วทนาเปน ตน ท่ีเหลอื .แมใ นบทวา โสตจฺ ปฏิจจฺ อาศยั หเู ปนตน กม็ ีนัยนเี้ หมือนกัน.บทวา จตหู ิ การเณหิ รปู  วิภูต โหติ คือ รูปลว งไปดว ยเหตุ ๔ อยาง(โดยการรู โดยการพจิ ารณา โดยการละ โดยการกา วลว ง). บทวาญาตวิภเู ตน โดยการรู คือทําใหปรากฏแลว กา วลวง. บทวา ตีรณวิภเู ตนโดยการพิจารณา คอื พิจารณาโดยความเปน ของไมเที่ยงเปนตน แลวกา วลวง. บทวา ปหานวภิ เู ตน โดยการละ คือโดยการลว งไป เพราะละฉันทราคะ. บทวา สมติกฺกมวภิ เู ตน โดยการกา วลวง คือโดยการกา วลวงดวยสามารถการไดอรปู สมาบัติ ๔. บทวา กถ สเมตสฺส คือ ปฏบิ ตั ิอยา งไร. บทวา วโิ ภติ รูป รปู จงึไมมี หรอื ไมพ งึ ม.ี บทวา สุข ทุกฺข วา ความวา พระพทุ ธนมิ ิตทูลถามถึงรูปที่นาปรารถนา และไมน าปรารถนาน่นั เอง. บทวา ชาเนยยฺ าม คือ จกั ร.ู บทวา อาชาเนยยฺ าม คือ จกั รูทั่วถึง. บทวา วชิ าเนยยฺ าม คือ จกั รูแจงหลาย ๆ อยา ง. บทวา ปฏวิ ชิ า-เนยยฺ าม จกั รูแจม เเจง คอื จกั รโู ดยชอบ. บทวา ปฏิวิชเฺ ฌยยฺ าม จกัแทงตลอด คอื จกั ตรัสรดู วยจติ . บทวา น สฺ สฺ ี บุคคลไมเปนผูมสี ัญญา โดยสญั ญาปกติคือบคุ คลน้นั ไมเปนผมู ีสัญญาโดยสญั ญาปกติ เมอ่ื บคุ คลปฏบิ ัตอิ ยา งน้ี รปูจงึ ไมม ี. บทวา น วิสฺสญฺ  บุคคลไมเปนผมู ีสัญญาโดยสญั ญาผิดปกติคอื ไมเปนผูม ีสญั ญาโดยสัญญาผดิ ปกติ แมไมม ีสญั ญา ไดแ กคนบาหรอื คนมจี ติ ฟงุ ซาน. บทวา โนป อสฺี ไมเ ปน ผไู มม ีสัญญา คือแมเ วน จาก

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 176สัญญาก็ไมใ ช. ไดแก ทานผเู ขานโิ รธ หรือสัตวไ มม สี ัญญา. บทวา นวิภตู สฺี ไมเ ปน ผูปราศจากสัญญา คอื ไมเ ปนผมู สี ัญญากาวลวงแลวโดยนยั มอี าทวิ า สพฺพโส รปู สฺาน แหง รูปสัญญาโดยประการท้ังปวงคือไดอ รูปฌาน. บทวา เอว สเมตสสฺ วโิ ภติ รปู  เม่ือปฏบิ ตั อิ ยางน้รี ปู จงึไมม ี คือบคุ คลนัน้ เม่อื จิตตง้ั ม่นั แลว อยางนี้ ไมต้งั อยใู นความเปนผมู ีสัญญาโดยสญั ญานแี้ ลว ฯลฯ ยอ มนาํ จิตท่ที านกลาวไวแ ลว น้ันไป เพือ่ ไดอากาสานญั จายตนสมาบตั ิ เพราะเหตนุ นั้ เมื่อบคุ คลปฏิบตั อิ ยา งน้ี คอื มคี วามพรอ มในอรูปมรรค รูปจึงไมม .ี บทวา สฺ านทิ านา หิ ปปจฺ สงฺขาเพราะสวนแหง ธรรมทเ่ี นน่ิ ชามสี ัญญาเปน นิทาน ทานแสดงไววา แมเมื่อบคุ คลปฏิบตั แิ ลว อยา งน้ี ธรรมท่เี นน่ิ ชามตี ณั หาเปน ตน อันมสี ัญญานั้นเปน นทิ านเปน อนั ยังละไมไดเ ลย. บทวา อสฺฺโน วจุ จฺ นตฺ ิ นิโรธสมาปนฺนา ผูเขา นิโรธทานเรียกวาเปน ผไู มม ีสญั ญา คือผูเขา นโิ รธเพราะดบั สญั ญาและเวทนา ทา นกลา ววาเปนผไู มม สี ัญญา เพราะสญั ญาไมม ี. บทวา อสฺสตตฺ า เปนอสญั ญีสตั วคอื เกดิ ในอสญั ญภี พ เพราะไมม ีสญั ญาโดยประการทง้ั ปวง. บทวา โส ในบทนัน้ วา โส เอว สมาหเิ ต จติ เฺ ต ไดแก ภกิ ษนุ ัน้ เม่ือจิตเปนสมาธอิ ยูอยางนี้. บทวา เอว น้ี แสดงถึงการกาวไปสจู ตตุ ถฌาน. อธิบายวา ไดจตุตถฌานตามลาํ ดับน.้ี บทวา สมาหิเต คือ จติ เปนสมาธิดว ยสมาธิในจตตุ ถฌานน.้ีอนึ่ง ในบทวา ปริสุทฺเธ เปน ตน ไดแ ก จติ บรสิ ทุ ธ์ดิ ว ยความบรสิ ทุ ธิ์แหงอเุ บกขาและสต.ิ ช่อื วา จติ ผดุ ผอง เพราะเปนจติ บริสทุ ธิ์น้นั เอง.อธิบายวา ผอ งใส. ชอื่ วา จติ ไมมีกเิ ลส เพราะกเิ ลสมรี าคะเปน ตน ถูกกาํ จดั ออกไปดวยการทําลายปจ จัยมีสุขเวทนาเปนตน ช่ือวา จิตปราศจาก

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 177อปุ กิเลส เพราะไมมีกิเลสน่ันเอง. จิตเศราหมองดว ยกเิ ลส ชื่อวา จติ ออนเพราะอบรมดแี ลว . อธบิ ายวา จิตถงึ ความชาํ นาญ. เพราะจติ เปน ไปในอํานาจ จงึ เรยี กวา จติ ออน. ชอื่ วาจิตควรแกก ารงานเพราะจิตออนน่ันเองทา นอธิบายวา ควรแกการงาน เหมาะแกการงาน. เพราะวาจิตออนเปนจติ ทคี่ วรแกก ารงาน เหมอื นทองคําบรสิ ทุ ธ์.ิ แมจิตทง้ั สองอยา งนัน้กเ็ ปนจิตที่อบรมดแี ลวนั่นเอง. ดังทพี่ ระผูมีพระภาคเจาตรัสไวว า ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย เราไมเ หน็ ธรรมอนื่ แมส กั อยา งเดียว เหมือนจิตทอ่ี บรมแลวทาํ ใหมากแลวเปนจติ ออ นควรแกก ารงานนเี้ ลย. ในบรรดาจิตเหลา น้ันชือ่ วาจิตตง้ั มนั่ เพราะต้ังม่ันอยูในความบริสทุ ธ์ิเปน ตน . ช่ือวาจิตถึงความไมหว่นั ไหว เพราะเปน จิตตงั้ มน่ั นน่ั เอง. อธบิ ายวา ไมหวนั่ ไมไ หว. อีกอยางหนึ่งชื่อวา จิตตง้ั มั่น เพราะตั้งอยใู นอาํ นาจของตนโดยความเปนจติ ออ นและควรแกการงาน. ช่ือวาจิตถึงความไมห วน่ั ไหวเพราะกําหนดไวดวยศรทั ธาเปน ตน. จรงิ อยู จิตทีก่ ําหนดไวดว ยศรัทธายอมไมห วนั่ เพราะความไมเ ช่อื . จติ ที่กําหนดไวด ว ยความเพยี รยอมไมหวั่นไหว เพราะความเกยี จครา น. จิตทกี่ ําหนดไวด ว ยสตยิ อมไมหว่นั ไหวเพราะความประมาท. จติ ทก่ี ําหนดไวด วยสมาธยิ อ มไมหวัน่ ไหว เพราะความฟงุ ซา น. จติ ที่กาํ หนดไวดวยปญญายอมไมห ว่นั ไหว เพราะอวชิ ชาจติ ทีก่ ําหนดไวดวยแสงสวาง ยอมไมหวน่ั ไหว เพราะความมดื คอื กเิ ลสเปน อนั วาจิตถึงความไมหวน่ั ไหว กาํ หนดแลว ดวยธรรม ๖ ประการเหลานนั้จิตประกอบดว ยองค ๘ เปน จติ ควรแกอ ภินหิ าร (อาํ นาจบุญกศุ ล) เพราะไดอ ากาสานญั จายตนสมาบัต.ิ อีกนยั หน่ึง ชอ่ื วา จิตมีสมาธิ เพราะมสี มาธใิ นจตตุ ถฌาน. ช่อื วา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 178จติ บรสิ ุทธ์ิ เพราะไกลจากนวิ รณ. ช่อื วาจติ ผองแผว เพราะกา วลวงวติ กเปน ตน . ช่ือวาจิตไมม ีกิเลส เพราะไมมคี วามเคลอื่ นไหวไปในความปรารถนาลามกอันเปน ขาศึกแกการไดฌ าน. บทวา อิจฉฺ าวจราน มีอธิบายวา เคลือ่ นไปในความปรารถนา คอื หยงั่ ลงเปนไปดวยอาํ นาจความปรารถนาเปน ปจจยั แหงความโกรธมปี ระการตาง ๆ. อนึง่ ชอื่ วาจติ ปราศ-จากอุปกิเลส เพราะปราศจากอปุ กเิ ลสแหง จติ มอี ภชิ ฌาเปน ตน. พงึ ทราบแมทง้ั สองอยา งนัน้ โดยทํานองเดียวกันกับอนังคณสูตรและวัตถสุ ตู ร. ช่อื วาจติ ออน เพราะถึงความชํานาญ. ชื่อวาจติ ควรแกก ารงาน เพราะเขาถงึอิทธบิ าท. ชอื่ วา จติ ต้ังมน่ั ถึงความไมหว่ันไหว เพราะเขา ถึงความประณตีดวยการบาํ เพ็ญภาวนาใหบริบูรณ. อธิบายวา จติ ตง้ั มัน่ โดยอาการท่ีจติไมมีความหว่นั ไหว ไมถ งึ ความหวน่ั ไหว. จิตประกอบดวยองค ๘ อยางน้ีเปน จิตควรแกอ ภนิ ิหาร เปน บาท คอื เปนปทฏั ฐานเพ่อื ไดอากาสานญั จา-ยตนสมาบัติ. บทวา อรปู มคคฺ สมงคฺ ี เปน ผพู รอ มเพรียงดวยธรรมเปน ทางแหงอรปู สมาบัติ คอื เปนผไู มเ สื่อมจากธรรมเปนทางใหถ ึงอรปู สมาบัต.ิ บทวาปปฺจาเยว ปปฺจสงฺขา ไดแ ก ธรรมเปน เครอ่ื งเนิ่นชา มีตัณหาเปน ตนชื่อวา ธรรมเปน สวนแหง ความเนิ่นชา . บทวา เอตตฺ าวตคคฺ  โน ฯลฯ วทนฺติ เอตโฺ ต กส็ มณพราหมณบางพวกอา งคนเปน บัณฑติ ในโลกนี้ ยอ มกลาวความหมดจดแหง ยักษดวยอรปู สมาบตั เิ พยี งเทาน้ี หรอื วาเปนธรรมอันเลิศ หรอื วาสมณพราหมณบางพวกกลาวความหมดจดอยา งอ่ืนกวา อรูปสมาบัตนิ ี้ คือพระพทุ ธนมิ ติทูลถามวา สมณพราหมณผ เู ปน บัณฑิตในโลกน้ี ยอ มกลา วความหมดจด

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 179ของสัตวดวยอรูปสมาบตั ิเพยี งเทา นี้ หรือวาเปนธรรมอนั เลิศ หรอื วากลา วความหมดจดแมอยางอื่นยง่ิ กวาอรูปสมาบัติน.ี้ บทวา เอตฺโต อรปู สมา-ปตฺตโิ ต คือ กวาอรูปสมาบตั ิน.้ี บทวา เอตตฺ าวตฺคฺคมฺป วทนฺติ เหเก คอื พระผมู พี ระภาคเจาตรสัตอบวา สมณพราหมณผูม ีวาทะวา เที่ยง บางพวกสาํ คญั คนวา เปน บัณฑติยอมกลา วความหมดจดแหงยักษด ว ยอรูปสมาบตั ิเพียงเทา นว้ี า เปน ธรรมอนั เลิศ. บทวา เตส ปเุ นเก สมย วทนฺติ คอื บรรดาสมณพราหมณเหลานั้น สมณพราหมณอ ีกบางพวก มีวาทะวา สูญยอมกลาวความสงบวาเปนความสูญ. บทวา อนปุ าทเิ สเส กุสลาวทานา คอื สมณพราหมณอางตนวาเปนผฉู ลาด ยอมกลา วความสงบในอนปุ าทเิ สส. บทวา ภวตชฺชติ า กลัวตอ ภพ. บทวา วิภว อภนิ นฺทนตฺ ิ ยอ มยินดีความไมม ีภพ คือยินดเี พราะอาศัยความขาดสูญ. บทวา เตสตฺตสฺส สมสมณพราหมณเ หลา นน้ั ยอ มกลา วถึงความสงบแหง สัตว คือสมณพราหมณเหลา นัน้ ผมู วี าทะวาสูญ ยอมกลาวถงึ ความสงบ คอื ความไมเกิดของบุคคล.บทวา อุปสม ความเขาไปสงบ คอื ความสงบอยางย่ิง. บทวา วปู สมความเงยี บ คือสันต.ิ บทวา นโิ รธ ความดับ คอื ความไมเ กดิ . บทวาปฏปิ สฺสทธฺ  ความระงบั คอื ไมเ กดิ อกี ตอไป. บทวา เอเต จ ตวฺ า อุปนิสฺสติ า มนุ ีรูสมณพราหมณน้ันวาเปนผอู ันทฏิ ฐเิ ขา ไปอาศยั คือรวู าสมณพราหมณเ หลาน้ันเปน ผูมีทฏิ ฐิอาศยั สสั สตทิฏฐิและอุจเฉททฏิ ฐิ. บทวา ตวฺ า มุนิ นิสสฺ เย โส วมิ  สีมนุ นี ้ันมปี ญญาเปน เครอ่ื งพจิ ารณา รูวาสมณพราหมณเ ปน ผูม ีทฏิ ฐิเปน ท่ีอาศยั คือมนุ ีน้นั เปนผมู ปี ญ ญาเปน เครื่องพิจารณา เปนบณั ฑิต เปน พระ-

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 180พทุ ธมนุ ี รวู าสมณพราหมณเ ปนผมู ที ฏิ ฐิเปน ท่ีอาศัย. บทวา ตฺวาวิมตุ ฺโต รแู ลว พนวิเศษแลว คือรธู รรมทงั้ หลายโดยความเปนทกุ ขและไมเ ที่ยงเปน ตน แลวพนวเิ ศษ. บทวา ภวาภวาย น สเมติ ไมถ ึงพรอมในภพนอ ยภพใหญ คอื ไมถึงพรอ มดวยการเกิดบอ ย ๆ. บทวาอปรามส ความวา ภิกษนุ น้ั มไิ ดถ อื มนั่ คือไมถ งึ ความถือมนั่ . จบอรรถกถากลหววิ าทสุตตนิทเทสที่ ๑๑

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 181 จูฬวิยูหสตุ ตนเิ ทสที่ ๑๒ [๕๒๐] (พระพุทธนิมิตตรัสถามวา ) มสี มณพราหมณบ างพวก มคี วามอยูรอบในทิฏฐิของตน ๆ ถอื ทฏิ ฐนิ ้ันแลว อา งตน เปน ผฉู ลาดพดู ตา ง ๆ วา บคุ คลใดรูอ ยางน้ี บคุ คลนน้ั ช่อื วารูธรรมแลว บุคคลใดคดั คา นธรรมนี้ บคุ คลนนั้ ชอ่ื วายัง เปน ผไู มบ รบิ ูรณห รอื . วา ดวยทิฏฐิ [๕๒๑] คาํ วา มคี วามอยรู อบในทิฏฐขิ องตน ๆ ความวา มีสมณพราหมณบ างพวกผดู ําเนนิ ไปดว ยทฏิ ฐิ สมณพราหมณบ างพวกนน้ัถือ ยึดถือ จบั ตอ ง ถือมั่น ยึดมน่ั ซง่ึ ทิฏฐิ ๖๒ อยาง อยา งใดอยางหนึ่งชอ่ื วา ยอ มอยู อยูร ว ม มาอยู อยูร อบในทฏิ ฐิของตน ๆ เปรยี บเหมอื นพวกคฤหัสถผ อู ยคู รองเรอื น ชอื่ วา ยอ มอยูใ นเรือน หรือพวกบรรพชิตผมู ีอาบัติ ช่อื วายอ มอยูในอาบตั ิ หรอื พวกมกี เิ ลส ช่อื วา ยอมอยูในกเิ ลสฉะนัน้ เพราะฉะนั้น จงึ ชอื่ วา มีความอยูร อบในทฏิ ฐิของตนๆ. [๕๒๒] คาํ วา ถือ ในคาํ วา ถือทฏิ ฐิน้ันแลว อา งตนเปนผูฉ ลาดพูดตา ง ๆ ความวา ถือ ยดึ ถอื จับตอง ถือมนั่ ยดึ ม่นั . คําวา พูดตาง ๆความวา พดู ไปตาง ๆ พูดมีอยา งตา ง ๆ พูดอยางอื่น ๆ พดู มาก ไมพ ูดไมกลา ว ไมบ อก ไมแสดง ไมแถลงอยา งเดยี ว. คาํ วา อางตนเปนผูฉลาด ความวา อางตนเปน ผฉู ลาด อา งตนเปนบณั ฑิต อางตนเปนธีรชนอางตนเปน ผูม ีญาณ อา งตนโดยเหตุ อา งตนโดยลกั ษณะ อา งตนโดย

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 182การณ อา งตนโดยฐานะ โดยลทั ธิของตน เพราะฉะนนั้ จึงช่อื วา ถอื ทิฏฐิน้นั แลว อางตนเปนผูฉ ลาดพูดตาง ๆ. [๕๒๓] คําวา บุคคลใดรูอ ยา งนี้ บุคคลนั้นชือ่ วารูธ รรมแลวความวา บคุ คลใดรูธรรม คอื ทฏิ ฐิ ปฏิปทา มรรคน้ี บุคคลนัน้ ช่อื วารู ทราบ เหน็ แทงตลอดธรรมแลว เพราะฉะน้ัน จงึ ชือ่ วา บุคคลใดรูอยา งนี้ บุคคลนั้นชื่อวา รูธรรมแลว . [๕๒๔] คาํ วา บคุ คลใดคัดคา นธรรมน้ี บคุ คลน้นั ชอ่ื วา ยังเปน ผไู มบรบิ รู ณ ความวา บคุ คลใดคัดคานธรรม คือ ทฏิ ฐิ ปฏปิ ทา มรรคน้ีบคุ คลนน้ั ชอ่ื วา ยงั เปนผูไ มบ ริบรู ณ ไมค รบถวน ไมเ ตม็ รอบ คือ ยังเปนผูเ ลวทราม ต่ําชา ลามก สกปรก ตาํ่ ตอ ย เพราะฉะนัน้ จงึ ชอื่ วา บคุ คลใดคดั คานธรรมนี้ บุคคลนน้ั ช่อื วา ยังเปน ผูไ มบ รบิ ูรณ เพราะเหตุนั้น พระ-พทุ ธนิมิตนนั้ จงึ ตรสั ถามวา สมณพราหมณบางพวก มีความอยรู อบในทิฏฐขิ อง ตน ๆ ถอื ทฏิ ฐแิ ลว อา งตนเปนผฉู ลาด พูดตา ง ๆ วา บคุ คลใดรูอ ยางน้ี บคุ คลนั้นช่อื วา รูธรรมแลว บคุ คลใด คดั คานธรรมน้ี บุคคลนน้ั ชื่อวายังเปน ผูไ มบรบิ รู ณหรอื . [๕๒๕] (พระพทุ ธนิมิตตรัสถามอีกวา ) สมณพราหมณ บางพวก ถอื ทิฏฐิแมอ ยา งนี้ ยอ มวิวาท และกลา ววา คนอืน่ โงไมฉลาด วาทะของสมณพราหมณเหลา น้ี วาทะ ไหนจะจรงิ หนอ เพราะสมณพราหมณเหลา นท้ี งั้ หมด ตา งก็อา งตนวา เปน ผูฉลาด.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 183 วาดวยวิวาทกันเพราะถือทฏิ ฐิ [๕๒๖] คาํ วา สมณพราหมณบางพวก ถือทฏิ ฐแิ มอ ยา งน้ียอมวิวาท ความวา สมณพราหมณบ างพวก ถอื ยดึ ถอื จบั ตอง ถือม่นัยึดมน่ั ทฏิ ฐิอยางน้ี ยอมววิ าท คอื ทาํ ความทะเลาะ ทําความหมายม่นัทําความแกงแยง ทําความวิวาท ทําความมุง รา ยกันวา ทา นไมรูธรรมวินยั นี้ ฯลฯ หรือจงแกไขเพ่ือปลดเปลอ้ื งวาทะ ถา ทา นสามารถ เพราะฉะน้นั จึงชอื่ วา สมณพราหมณบ างพวก ถอื ทฏิ ฐแิ มอยางนี้ยอมวิวาท. [๕๒๗] คําวา และกลาววา คนอ่นื โง ไมฉ ลาด ความวา กลา วบอก พูด แถลง อยางนี้วา คนอ่ืนโง เลว ทราม ต่ําชา ลามกสกปรก ต่ําตอ ย ไมฉ ลาด ไมมีความรู ถึงอวชิ ชา ไมมีญาณ ไมมปี ญญาแจมแจง มีปญญาทบึ เพราะฉะนน้ั จึงชอื่ วา และกลา ววา คนอืน่ โงไมฉ ลาด. [๕๒๘] คําวา วาทะของสมณพราหมณเ หลา น้ี วาหะไหนจะจริงหนอ ความวา วาทะของสมณพราหมณเหลานี้ วาทะไหนจรงิ แท แนเปน จรงิ ไมว ิปรติ เพราะฉะนน้ั จงึ ช่อื วา วาทะของสมณพราหมณเหลานั้นวาทะไหนจะจรงิ หนอ. [๕๒๙] คาํ วา เพราะสมณพราหมณเ หลา น้ีท้ังหมด ตา งกอ็ างคนวาเปน ผฉู ลาด ความวา สมณพราหมณเหลาน้ีท้งั หมด ตา งก็อา งตนวา เปน ผฉู ลาด อา งตนเปนบัณฑติ อางตนเปนธรี ชน อา งคนเปน ผูมญี าณอา งตนโดยเหตุ อา งตนโดยลกั ษณะ อางตนโดยการณ อางตนโดยฐานะโดยลัทธิของตน เพราะฉะนั้น จงึ ชอ่ื วา เพราะสมณพราหมณเหลาน้นั

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 184ท้งั หมด ตางกอ็ างตนวา เปนผูฉลาด เพราะเหตุน้นั พระพุทธนิมติ นั้นจงึ ตรสั ถามวา สมณพราหมณบ างพวก ถือทฏิ ฐแิ มอยางนย้ี อ มวิวาท และกลา ววา คนอื่นโง ไมฉลาด วาทะของสมณพราหมณ เหลา น้ี วาทะไหนจรงิ หนอ เพราะสมณพราหมณเ หลานี้ ท้ังหมดตางก็อา งคนวาเปน ผูฉลาด. [๕๓๐] (พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ตอบวา) ขา พระองคไ ม อนญุ าตธรรมของคนอ่ืน คนอ่นื เปนพาล ลามก มี ปญ ญาเลว สมณพราหมณท ัง้ หมด เปนพาล มีปญ ญา เส่ือมทราม สมณพราหมณท้ังปวงนเี้ ทียว มคี วามอยูร อบ ในทิฏฐ.ิ [๕๓๑] คําวา ไมอนญุ าตธรรมของคนอืน่ ความวา ไมอ นุญาตไมเ หน็ ตาม ไมอ นมุ ัติ ไมอนุโมทนา ซึง่ ธรรม คือทิฏฐิ ปฏิปทามรรค ของคนอ่ืน เพราะฉะน้ัน จงึ ชอื่ วา ไมอ นญุ าตธรรมของคนอ่ืน. [๕๓๒] คําวา คนอน่ื เปนพาล ลามก มีปญญาเลว ความวาคนอืน่ เปน พาล เลว ทราม ต่ําชา ลามก สกปรก ตํ่าตอ ย มปี ญ ญาเลวมปี ญญาทราม มปี ญ ญาต่ําชา มีปญญาลามก มีปญ ญาสกปรก มปี ญ ญาต่ําตอย เพราะฉะนั้น จงึ ช่อื วา คนอนื่ เปนพาล ลามก มปี ญญาเลว. [๕๓๓] สมณพราหมณท้ังหมดเปน พาล มีปญ ญาเสือ่ มทรามความวา สมณพราหมณเหลาน้ที ้งั หมดเทยี ว เปนพาล เลว ทราม ตํ่าชาลามก สกปรก ตํา่ ตอ ย มปี ญญาเลว มปี ญ ญาทราม มปี ญญาต่ําชา

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 185มปี ญญาลามก มีปญ ญาสกปรก มีปญ ญาต่าํ ตอ ย เพราะฉะน้นั จึงชอื่ วาสมณะพราหมณท้ังหมด เปน พาล มีปญญาเส่อื มทราม. [๕๓๔] คําวา สมณพราหมณทั้งปวงน้ีเทยี ว มคี วามอยรู อบในทิฏฐิ ความวา สมณพราหมณเ หลานท้ี ้งั หมด เปนผดู ําเนนิ ไปดว ยทิฏฐิ สมณพราหมณเ หลานน้ั ถือ ยึดถอื จับตอง ถอื มนั่ ยดึ มน่ัซง่ึ ทิฏฐิ ๖๒ อยาง อยางใดอยา งหนึง่ ชอ่ื วายอมอยู อยรู วม มาอยูอยรู อบในทฏิ ฐิของตน ๆ เปรียบเหมือนพวกคฤหัสถผูอยคู รองเรือน ชอื่ วายอ มอยูในเรือน พวกบรรพชติ ผูมีอาบัติ ชื่อวา ยอ มอยูในอาบตั ิ หรือพวกมกี ิเลส ชอื่ วา ยอ มอยูใ นกเิ ลสฉะนั้น เพราะฉะนัน้ จึงช่อื วา สมณ-พราหมณทั้งปวงเทยี ว มคี วามอยรู อบในทิฏฐิ เพราะเหตนุ นั้ พระ-ผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรสั ตอบวา ขาพระองคไมอนญุ าตธรรมของคนอ่นื คนอ่นื เปน พาล ลามก มปี ญญาเลว สมณพราหมณท ัง้ หมด เปนพาล มี ปญ ญาเสื่อมทราม สมณพราหมณทั้งปวงนเี้ ทียว มคี วาม อยรู อบในทิฏฐิ. [๕๓๕] ก็ถาพวกสมณะพราหมณเปนผูผ อ งแผวเพราะทิฏฐิของ คน เปนผมู ีปญญาหมดจดดี เปน ผฉู ลาด มีความรไู ซร บรรดาสมณพราหมณพ วกนัน้ ใคร ๆ จะไมเปนผูมีปญญา เสอื่ มรอบ เพราะทฏิ ฐิเปนธรรมชาติอนั สมณพราหมณ แมเหลานน้ั ถือเอาบรบิ รู ณอ ยา งนน้ั . [๕๓๖] คําวา กถ็ า เปน ผูผ อ งแผว เพราะทิฏฐิของตน ความวาเปน ผผู อ งแผว ผอ งใส ไมเศราหมอง เพราะทิฏฐิ ความควร ความ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 186ชอบใจ ลทั ธิของตน เพราะฉะนนั้ จงึ ชื่อวา ก็ถา เปน ผผู องแผวเพราะทฏิ ฐิของตน. [๕๓๗] คําวา เปนผมู ีปญ ญาหมดจดดี เปน ผฉู ลาด มีความรไู ซร ความวา เปน ผมู ีปญ ญาหมดจด มีปญ ญาหมดจดวิเศษ มปี ญ ญาหมดจดรอบ มีปญญาผอ งแผว มปี ญญาผองใส อีกอยางหนง่ึ เปน ผมู ีความเห็นหมดจด มีความเห็นหมดจดวิเศษ มคี วามเห็นหมดจดรอบมคี วามเหน็ ผองแผว มีความเห็นผองใส เพราะฉะนนั้ จึงชื่อวา เปนผมู ีปญ ญาหมดจดด.ี คาํ วา เปน ผูฉลาด ความวา เปนผฉู ลาด เปนบัณฑิตมปี ญญา มีความรู มญี าณ มปี ญ ญาแจม แจง มีปญ ญาทาํ ลายกเิ ลส เพราะ-ฉะนัน้ จงึ ชือ่ วา เปนผูมปี ญญาหมดจดดี เปน ผูฉลาด. คาํ วา มคี วามรูความวา เปนผูมคี วามรู เปน บณั ฑติ มีปญ ญา มีความตรัสรู มีญาณมปี ญญาแจม แจง มีปญญาทาํ ลายกเิ ลส เพราะฉะนน้ั จึงชือ่ วา เปนผมู ีปญญาหมดจดดี เปนผูฉ ลาด มีความรู. [๕๓๘] คําวา บรรดาสมณพราหมณเหลานั้น ใคร ๆ จะไซรเปน ผูมีปญญาเส่ือมรอบ ความวา บรรดาสมณพราหมณเ หลาน้นั ใคร ๆจะไมเปน ผูมปี ญญาเลว มีปญ ญาทราม มีปญ ญาตํา่ ชา มีปญ ญาลามก มีปญ ญาสกปรก มปี ญญาต่าํ ตอย สมณพราหมณท้ังหมด จะเปนผมู ปี ญญาเลิศมปี ญ ญาประเสริฐ มปี ญ ญาวิเศษ มีปญญาเปน ประธาน มปี ญญาอดุ มมีปญญาบวร เพราะฉะนน้ั จงึ ชือ่ วา บรรดาสมณพราหมณพวกน้นั ใคร ๆจะไมเ ปนผมู ปี ญญาเส่อื มรอบ. [๕๓๙] คาํ วา เพราะทิฏฐเิ ปน ธรรมชาติอนั สมณพราหมณเหลา นน้ั ถือเอาบริบูรณอ ยางนัน้ ความวา ทิฏฐิเปน ธรรมชาตอิ นั สมณ-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 187พราหมณเหลานั้นถอื เอาบรบิ ูรณ สมาทาน ถือ ยึดม่ัน ถอื ม่นั ตดิ ใจนอมใจไปอยา งน้ัน เพราะฉะนนั้ จงึ ช่ือวา เพราะทิฏฐเิ ปน ธรรมชาติอนัสมณพราหมณเหลา น้นั ถือเอาบรบิ ูรณอ ยางน้นั เพราะเหตนุ ั้น พระผูม-ีพระภาคเจา จงึ ตรัสตอบวา ก็ถาพวกสมณพราหมณเปนผผู องแผว เพราะทฏิ ฐิของ ตน เปน ผมู ปี ญญาหมดจดดี เปน ผูฉลาด มคี วามรไู ซร บรรดาสมณพราหมณพ วกนัน้ ใคร ๆ จะไมเ ปน ผมู ีปญญา เส่ือมรอบ เพราะทิฏฐเิ ปน ธรรมชาติอนั สมณพราหมณ แมเ หลา นั้น ถอื เอาบรบิ รู ณอยางนั้น. [๕๔๐] คนคูกลาวปรารภทิฏฐใิ ดกะกนั และกนั วา เปน พาล ขาพระองคไมก ลา วทิฏฐนิ น้ั วาจรงิ พวกสมณพราหมณ ไดทําทิฏฐขิ องตน ๆ วา จรงิ เพราะเหตนุ ัน้ แหละ พวก สมณพราหมณจ งึ เห็นคนอน่ื วาเปนพาล. [๕๔๑] ศพั ทวา น ในคําวา ขา พระองคไมก ลา วทิฏฐินัน้ วาจริงเปนศพั ทปฏิเสธ. คาํ วา ทิฏฐิน้นั คือ ทิฏฐิ ๖๒ เพราะฉะนัน้ ขา พระองคจงึ ไมกลา ว บอก แสดง บญั ญตั ิ แตงตงั้ เปด เผย จําแนก ทําใหต ื้นประกาศทิฏฐิ ๖๒ นน้ั วา จริง แท เปน จริง เปน ตามจริง ไมว ปิ รติเพราะฉะนั้น จงึ ชื่อวา ขา พระองคไ มก ลาวทิฏฐนิ น้ั วา จรงิ . [๕๔๒] คําวา คนคู ในคาํ วา คนคกู ลา วปรารภทฏิ ฐิใดกะกนั -และกนั วา เปน พาล ความวา คน ๒ คน ไดแกคนสองคนผูความ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 188ทะเลาะกนั คนสองคนผูทาํ ความหมายมนั่ กนั คนสองคนผูทําความอ้อื ฉาวกัน คนสองคนผูท ําความวิวาทกนั คนสองคนผกู อ อธิกรณกนั คนสองคนผพู ดู กัน คนสองคนผูป ราศรยั กัน คนคเู หลานัน้ กลา ว บอก พดูแสดง แถลง กะกนั และกนั อยางนี้วา ทานเปนพาล เลวทราม ต่าํ ชาลามก สกปรก ต่ําตอ ย เพราะฉะน้ัน จึงชื่อวา คนคกู ลา วปรารภทิฏฐใิ ดกะกันและกนั วา เปนพาล. [๕๔๓] คาํ วา พวกสมณพราหมณไดท ําทิฏฐิของตน ๆ วา จรงิความวา พวกสมณพราหมณไดทําทฏิ ฐขิ องตน ๆ วา จริง โดยอา งวา โลกเทีย่ ง สง่ิ น้ีแหละจริง สง่ิ อื่นเปลา โลกไมเ ทยี ง สง่ิ น้แี หละจริง สง่ิ อนื่เปลา ฯลฯ สตั วเ ม่อื ตายไปยอมเปน อีกกห็ ามไิ ด ยอ มไมเปนอีกกห็ ามไิ ดสิง่ นแ้ี หละจริง สง่ิ อืน่ เปลา เพราะฉะนน้ั จงึ ชือ่ วา พวกสมณพราหมณไดทาํ ทฏิ ฐิของตน ๆ วา จริง. [๕๘๔] คําวา เพราะเหตุน้ัน ในคําวา เพราะเหตนุ ั้นแหละ พวกสมณพราหมณจ ึงเห็นคนอืน่ วาเปน พาล ความวา เพราะเหตนุ นั้ เพราะการณน ัน้ จงึ เห็น คือ มองเหน็ แลดู เพงดู พินิจดู พจิ ารณาดูซง่ึ คนอ่ืนวา เปนพาล เลว ทราม ตํ่าชา ลามก สกปรก ตา่ํ ตอ ย เพราะเหตุน้นัพระผูมพี ระภาคเจา จงึ ตรัสตอบวา คนคูก ลา วปรารภทิฏฐใิ ดกะกันและกันวาเปน พาล ขาพระองคไมก ลา วทิฏฐนิ ้นั วา จริง พวกสมณพราหมณ ไดท ําทิฏฐิของตน ๆ วา จรงิ เพราะเหตุนัน้ แหละ พวก สมณพราหมณจงึ เห็นคนอื่นวาเปนพาล.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 189 [๕๔๕] (พระพทุ ธนมิ ติ ตรสั ถามอีกวา ) สมณพราหมณบ าง พวก กลาวธรรมใดวาจริงแท สมณพราหมณแ มพ วกอนื่ ก็กลาวธรรมนนั้ วาเปลาเทจ็ สมณพราหมณเ หลา นั้น ถอื ทิฏฐิแมอยางน้แี ลวก็ววิ าทกัน เพราะเหตไุ ร พวกสมณ- พราหมณจ งึ ไมกลาวเปนอยา งเดยี วกัน. [๕๔๖] คาํ วา สมณพราหมณ บางพวกกลาวธรรมคา จริงแทความวา สมณพราหมณเหลาหนงึ่ กลาว บอก พูด แสดง แถลงซง่ึธรรมะ คอื ทิฏฐิ ปฏิปทา มรรคใด อยา งนี้วา ธรรมน้ี จริง แทเปนจริง เปน ตามจรงิ ไมว ปิ รติ เพราะฉะนน้ั จึงชอ่ื วา สมณพราหมณบางพวกกลาวธรรมใดวาจริงแท. [๕๔๗] คาํ วา สมณพราหมณแมพ วกอ่ืนกก็ ลา วธรรมน้ันวาเปลา เท็จ ความวา สมณพราหมณอ กี พวกหนงึ่ กลาว บอก พดู แสดงแถลงซ่งึ ธรรมะ คือ ทิฏฐิ ปฏปิ ทา มรรคน้นั น่นั แหละ อยางนี้วา ธรรมนเ้ี ปลาเท็จ ไมเ ปนจรงิ เหลวไหล ไมเปนตามจริง เพราะฉะนั้น จึงช่ือวาสมณพราหมณแ มพวกอืน่ ก็กลา วธรรมนัน้ วาเปลาเท็จ. [๕๔๘] คาํ วา สมณพราหมณเ หลานั้น ถอื ทฏิ ฐแิ มอ ยางนแ้ี ลวววิ าทกนั ความวา สมณพราหมณเหลา น้ัน ถือ ยดึ ถือ จบั ตอ ง ถือมั่นยดึ มัน่ ซ่ึงทฏิ ฐอิ ยางนีแ้ ลวกว็ ิวาทกัน คือ ทาํ ความทะเลาะกนั ทาํ ความหมายม่นั กัน ทําความแกง แยง กัน ทําความมงุ รายกนั วา ทา นไมร ูธ รรม-วินัยน้ี ฯลฯ หรือจงแกไขเพ่ือปลดเปลื้องวาทะ ถา ทานสามารถ เพราะ-ฉะนนั้ จึงชอื่ วา สมณพราหมณเหลา นัน้ ถอื ทฏิ ฐิแมอยางน้แี ลว กว็ ิวาทกัน.






















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook