Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_66

tripitaka_66

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_66

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 517จะหย่ังลงไปโดยรอบได. ชื่อวาไมก ําหนดถือเอาได เพราะไมส ามารถจะกําหนดเอาได. ชื่อวา ความท่ีจติ หวน่ั ไหว เพราะไมส ามารถเพือ่ เปนไปในอารมณ ดว ยความแนใจได. อธบิ ายวา ความทจี่ ิตผกู พัน. จริงอยูความสงสยั เกดิ ขน้ึ แลว ยอมทาํ ใหจติ ผกู พัน. อนึ่ง เพราะความสงสยั น้ันเมอ่ื เกิดยดึ อารมณไ วดุจขดี เขยี นใจ ฉะน้นั ทา นจงึ กลา ววา มโนวเิ ลโขความติดขัดในใจ. บทวา วทิ โฺ ธ แทงเขา ไป คอื ไดประหารดวยลกู ศร. บทวา ผฏุ โถกู ตอ งแลว คอื เสยี บเขาไป. บทวา ปเรโต เสียบตดิ แนน คอื กดลงไปบทวา ธาวติ ยอ มแลน คือวิง่ ไปขา งหนา. บทวา วธิ าวติ แลน พลานคือไปโดยวิธีตาง ๆ. บทวา สนธฺ าวติ วนเวียน คือแลน ไปโดยเร็ว.บทวา ส สรติ ทอ งเทย่ี วไป คอื เทย่ี วไปขางโนนขา งนี.้ บทวา อเจลโกคนเปลือย คือเปลือยไมม ผี า นุง . บทวา มตุ ฺตาจาโร คือ ไรมารยาท. ไมประพฤตเิ ยี่ยงกลุ บุตรชาวโลก ในการถายอุจจาระเปนตน ยนื ถายอจุ จาระปสสาวะ ยนื เคยี้ วกนิ อาหาร. บทวา หตฺถาวเลขโณ เลียมือ คือเม่อืกอนขาวในมือหมดกเ็ ลยี มือ. ถา ยอุจจาระแลว สาํ คญั วาไมชาํ ระอยใู นมอืเอามือเชด็ . ไดยินวา พวกอเจลกเหลานัน้ บญั ญตั ิไมชําระวา เปน สตั ว. ช่อื วานเอหิภทนตฺ ิโก เพราะเม่อื เขากลาววา เชิญมารับอาหารซิทาน ก็ไมมา.ช่อื วา นติฏ ภทนติ โิ ก เพราะแมเ ม่อื เขากลาววา ถากระน้ันเชญิ หยุดกอนซิทาน ก็ไมหยุด. นยั วา ผถู กู ศรทฏิ ฐปิ กตดิ นนั้ ไมท ําแมท้ังสองอยา งดวยคิดวา จกั เปนอันกระทําตามถอยคาํ ของเขาแลว. บทวา นาภหิ ฏ คือ ไมรับภิกษทุ เี่ ขาแบงไวกอ น. บทวา น อุทฺทสิ ฺสกต คอื ไมร บั ภิกษาท่เี ขาบอกอยางนวี้ า นท้ี ําเฉพาะทาน. บทวา น นิมนฺ-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 518ตน คอื ไมย นิ ดี ไมรบั แมภ ิกษาที่เขานมิ นตอยา งนีว้ า นมิ นตเขา ไปยังตระกลู ถนน หรือบา นโนน เถดิ . บทวา น ภมุ ภฺ ิมขุ า คอื ไมรบั ภิกษาท่ีเขาคดจากหมอถวาย. บทวา น กโฬปม ขุ า หมอ ขาวหรือกระจาดชือ่ วา กโฬป ไมรบั ภกิ ษาจากหมอขา วน้ัน. เพราะเหตไุ ร. เพราะหมอ ขาวท้ังหลายยอ มไดก ารกระทบดว ยทัพพี เพราะอาศัยเรา. บทวา น เอฬกมนฺตร คอื ไมร ับภกิ ษาทบี่ ุคคลยืนครอ มธรณปี ระตูถวาย เพราะเหตุไร. เพราะผนู อ้ี าศยั เราจึงยืนครอ มประตู. แมใ นการยนืครอมทอนไมแ ละสากกม็ นี ัยนีเ้ หมือนกนั . บุทวา ทวฺ นิ นฺ  คอื ไมร บั ภิกษาเมือ่ คนสองคนกาํ ลงั บรโิ ภคอาหารอยู. คนหนึ่งลุกขึ้นมาถวาย. เพราะเหตุไร. เพราะมีอันตรายจากดาํ ขา ว. อนึง่ พึงทราบความในบทมีอาทิวาน คพภฺ ินิยา ไมร บั ภิกษาของหญงิ มีครรภ ดังนตี้ อไป ทารกในทองของหญงิ มีครรภย อมลําบาก. เมื่อทารกกาํ ลงั ดมื่ จะเปน อนั ตรายเพราะน้ํานมได.ไมรบั ภกิ ษาของหญงิ ที่คลอเคลยี กับบรุ ุษ เพราะจะเปน อนั ตรายแกความอภริ มยของหญงิ ท่ีอยูก บั ชาย. บทวา น สงกฺ ิตฺตีสุ คอื ไมรับภกิ ษาที่นดั แนะกนั ทาํ ไว. ไดยินวา ในสมัยขาวยาก พวกสาวกของอเจลกชวนกนั ใหน ําขาวสารเปน ตนมาหงุ ขา ว เพอ่ื ประโยชนแกพวกอเจลก. อเจลกท่เี ครงครดัไมย อมรบั จากอาหารนั้น. บทวา น ยตฺถ สา คือ ไมรบั ภกิ ษาท่เี ขาไมใหแ กสุนขั ในทท่ี ่ีสุนขั คดิ วา เราจักไดก อนขาว ซง่ึ เขาเล้ียงดูนาํ มาถวาย.เพราะเหตไุ ร. เพราะจะเปนอันตรายแกกอนขา วของสุนัขนนั้ . บทวา สณฺฑสณฑฺ จารนิ ี คอื ไมร บั อาหารทม่ี ีแมลงวันไตตอม.เพราะหากวา มนษุ ยท ัง้ หลายเห็นอเจลกแลว คดิ วา เราจักถวายภิกษาแกอเจลกนี้ จึงเขา ครวั เมอื่ มนุษยเขา ไป แมลงวันท่ีเกาะอยูบ นปากหมอขา ว

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 519เปน ตน จะกระโดดบินเปน กลุมๆ หนีไป. จงึ ไมรับภกิ ษาที่นํามาจากหมอนั้น. เพราะเหตไุ ร. เพราะอาศัยเราจะเกิดอนั ตรายแกอ าหารของแมลงวนัทั้งหลาย. บทวา ถุโสทก คอื ยาดองทาํ ดวยเครือ่ งปรุงคอื ขาวทุกชนดิ .ในบรรดาส่ิงเหลา นส้ี รุ าบานเทา นั้นมโี ทษ. แตอเจลกน้ี มคี วามสาํ คญัในวัตถทุ กุ ชนดิ วา มโี ทษ. บทวา เอกาคารโิ ก รบั ภกิ ษาทีเ่ รอื นหลงั เดยี วคือไดภกิ ษาในเรอื นหลงั เดียวเทาน้ันกก็ ลับ. บทวา เอกาโลปโ ก คือ ยงัอตั ภาพใหเ ปนไปดวยขาวคําเดียวเทา นัน้ . แมใ นบทวา ทวฺ าคาริโก ยง่ิอัตภาพใหเ ปน ไปดวยขาวสองคําเปนตน ก็มีนยั นเ้ี หมอื นกัน. บทวาเอกิสสฺ าป ทตฺติยา คอื ในถาดนอ ยใบเดยี ว. ถาดเลก็ ๆ ใบหนึง่ ชอ่ื วาทตฺติ. ใสภ ิกษาเลิศลงในถาดเล็กใบน้นั . บทวา เอกาหิก คือ บริโภคอาหารท่ีเก็บคางไววันหนึ่ง. บทวา อฑฒฺ มาสกิ  คือ บรโิ ภคอาหารทีเ่ กบ็ ไวกง่ึ เดือนบา ง. บทวา ปริยายภตฺตโภชน คอื บริโภคอาหารท่เี วียนมาถงึ ตามวาระ. บรโิ ภคอาหารทีม่ าถึงตามวาระอยางน้ี วนั หนงึ่สองวนั เจด็ วนั กึ่งเดอื น. บทวา สากภกฺโข มีผกั ดองเปนภิกษาเปนตนมคี วามดงั ไดกลา วแลว น่นั แล. บทวา อพุ ภฺ ฏโก เปนผูยืนตรง คอื ยนื ตรง. บทวา อกุ ฺกฏุ ิกปฺ-ปธานมนุยตุ โฺ ต เปน ผูประกอบความเพียรในการกระหยง คอื เดินกระหยงกระโดดไป. บทวา กณฏฺ กาปสสฺ ยโิ ก นอนบนหนาม คอื ปกหนามเหลก็หรอื หนามธรรมดาลงบนแผน ดิน แลวปหู นงั ลงบนนน้ั ยืนและจงกรมเปน ตน. บทวา เสยฺย คอื แมน อนก็สาํ เร็จการนอนบนหนามน้นั น่นั เอง.บทวา ผลกเสยยฺ  คือ นอนบนแผน ไมกระดาน. บทวา ถณฺฑิลเสยยฺ 

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 520คอื นอนบนเนินดนิ มีพ้ืนดินสงู . บทวา เอกปสฺสสยโิ ก คือ นอนตะแคงขา งเดียวเทานั้น. บทวา รโชชลฺลธโร หมกั หมมดวยธุลี คอื เอาน้าํ มันทารา งกายแลว ยืนในท่ีท่หี มักหมมดวยธุล.ี แตน ้ันธุลียอมติดในรา งกายของเขาหมัก-หมมธุลนี น้ั ไว. บทวา ยถาสนฺถติโก นั่งบนอาสนะตามทีล่ าดไว คอืพอใจอาสนะที่ได แลวนัง่ บนอาสนะท่ไี ดน ้ันเปน ปกติ. ในบทวาเวกฏโิ ก คูถเรยี กวา วิกฏ คอื บรโิ ภคคูถ. บทวา อปานโก คอื หา มด่ืมน้าํ เยน็ . ชอ่ื วา สายตติยก คือ อาบน้ําวันละ ๓ ครงั้ , ประกอบความขวนขวายในการลงอาบน้ําดวยตัง้ ใจวา เราจกั ลอยบาปวนั ละ ๓ ครั้งคอื เชา กลางวนั เยน็ . บทวา เต สลฺเล อภสิ งฺขโรติ สตั วน้นั ยอมปรุงแตงลูกศรเหลาน้ันคอื ยงั ลกู ศร ๗ ลูก มีราคะเปนตน ใหเกดิ . บทวา อภิสงขฺ โรนฺโต เม่อืปรุงแตง คอื เมือ่ ใหเ กิด. บทวา สลลฺ าภิสงขฺ ารวเสน ดว ยสามารถแหงการปรงุ แตงลูกศร คอื เพราะเหตุใหลกู ศรเกิด. บทวา ปรุ ตฺถมิ ทิส ธาวติ คอื แลนไปสทู ิศตะวนั ออก. บทวา สลฺลาภิสงฺขารานอปฺปหีนตตฺ า เพราะเปน ผลู ะอภิสังขารคือลกู ศรไมได คอื เพราะละการประกอบลูกศรไมไ ด. บทวา คตยิ า ธาวติ คอื แลน ไปในคต.ิ บทวาคติยา คตึ คอื จากคตินสี้ ูค ตโิ นน. บทวา น สีทติ คอื ไมจม. บทวาน ส สีทติ คอื ไมจ มโดยรอบ. บทวา น โอสีทติ คอื ไมลม ลง. บทวาน อวสีทติ คอื ไมจ มลง. บทวา น อวคจฺฉติ คือ ไมต กลงไปเบ้ืองตํา่ . เม่อื สตั วทง้ั หลายตกลงไปดว ยลกู ศรมีอานภุ าพใหญอ ยา งนี้ พึงทราบคาถามอี าทิวา ตตถฺ สิกขฺ านคียนตฺ ิ ยานิ โลเก คธติ านิ สตั วท งั้ หลาย

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 521ยอมกลาวถึงการศึกษาในเพราะกามคุณเปน ที่พวั พันในโลก ดังน้.ี บทน้ันมีอธิบายดังนี้ สัตวท ้งั หลายยอมกลาวถงึ หรอื ยอ มเรียนการศกึ ษาไมนอย มีการศกึ ษาเรือ่ งชา งเปน ตน อนั เปนนิมิตในเพราะกามคณุ ท่ีทา นกลา ววา เปน ทพี่ วั พัน เพราะพวั พันดว ยกามคณุ ๕ ในโลกหรือเพราะพวั พันในกาลนาน ทานทั้งหลายจงดกู ุลบตุ รผเู ปนบณั ฑิตตลอดเวลาท่ขี วนขวายตอสูอยกู บั โลก ไมพงึ นอมไปในความกาํ หนดั เหลานัน้ หรือในการศึกษาเหลา นนั้ พงึ รชู ดั กามทง้ั หลายโดยประการทั้งปวงดวยการเหน็ ความเปน ของไมเ ท่ยี งเปน ตนโดยแท พงึ ศึกษาความดับของคนเทาน้ัน. บทวา ปฏิวชิ ฺฌิตฺวา คอื แทงตลอดดวยญาณ. บดั น้ี พระผมู พี ระภาคเจา เมื่อจะทรงแสดงถงึ สง่ิ ที่ควรศกึ ษาเพอ่ืการดบั จงึ ตรัสพระดาํ รัสมีอาทวิ า สจฺโจ สยิ า บคุ คลพงึ เปน ผมู ีสจั จะดงั นี.้ ในบทเหลา น้ัน บทวา สจฺโจ คอื ประกอบดวยวาจาสจั ญาณสัจมรรคสัจ. บทวา รติ ตฺ เปสุโณ ปราศจากคําสอ เสียด คอื ละคําสอ เสียด.บทวา เวววิจฺฉ คอื ความตระหน.ี่ บทวา นิทฺท ตนฺทึ สเห ถีน บุคคลพึงปราบความหลบั ความเกยี จคราน ความทอ แท คือพงึ ครอบงําธรรม ๓ อยา งเหลา น้ี คอื ความงว งเหงาหาวนอน ๑ ความเกยี จครา นทางกาย ความเกียจครา นทางใจ ๑. บทวา นพิ ฺพานมนโส คอื เปน ผมู ใี จนอ มไปในนิพพาน. บทวา กายสฺส อกลยฺ ตา ความทกี่ ายเปน ไข คอื ความทนี่ ามกายอนั ไดแ กข นั ธ ๓ เปน ไข. กเ็ พราะความไขท า นเรยี กวา อกลลฺ โก เปนโรค.แมในวนิ ยั ทานก็กลา วไววา นาห ภนฺเต อกลลฺ โก ทานขอรบั ผมไมเปนไข. บทวา อกมฺมฺตา ความทก่ี ายไมค วรแกการงาน คอื อาการ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 522ไมควรแกก ารงาน กลาวคือความทก่ี ายเจ็บปว ยลง. ช่อื วา โอนาโหอาการท่หี ยุด เพราะยงั กายใหหยุด ดุจเมฆยงั อากาศใหหยดุ ฉะนัน้ .อาการท่หี ยดุ โดยทกุ ๆ สวนชื่อวา ปรโิ ยนาหะ คือ อาการท่ีพกั . ชื่อวาอนโฺ ต สโมโรโธ เพราะพกั ผอนในภายใน. ชอ่ื วา มทิ ธฺ  เพราะงวง.อธบิ ายวา ลาํ บากเพราะความไมค วรแกก ารงาน. ช่อื วา สปุ ฺป เพราะเปน เหตหุ ลบั . ชอ่ื วา ปจลายกิ า เพราะทําใหห นงั ตาหลบุ ลง. บทวาสปุ นา สปุ ต ตฺต กิรยิ าทีห่ ลับ คอื ความเปน ผูหลับ แสดงถงึ อาการ. บทวาโอลิยนา ความหดหู คืออาการทีห่ ดหู บททสี องเพิ่มอุปสัค. บทวา ลนี ความทอ แท คืองอไมผ่งึ ผาย. อีกสองบทนอกน้ี แสดงถึงความเปนอาการ. บทวา ถนี  ความหงอยเหงา คอื ตง้ั อยูเปน กอน เพราะไมกระจายเหมือนกอ นเนยใส. บทวา ถียนา แสดงถงึ อาการหงอยเหงา คอืความเปนผูหงอยเหงา ชื่อวา ถียติ ตตฺ  อธิบายวา ถกู ผูกมดั ไวไ มผึ่งผาย.บทวา สพพฺ สงขฺ ารธาตุยา คอื สังขารธาตอุ ันเปนไปในไตรภูมิทั้งปวง.บทวา จติ ตฺ  ปฏวิ าเปตฺวา คือ ยงั จิตใหก ลบั . บทวา เอต สนตฺ ธรรมชาตินส้ี งบ คือนพิ พานนี้ช่ือวา สงบ เพราะสงบจากกิเลส ชอ่ื วาประณตี เพราะไมเ ดอื ดรอ น. บทวา อุปธสิ ุขสสฺ เหตุ เพราะเหตุ แหงสขุ อันกอ ใหเกดิ อุปธิ คือบณั ฑติ ทัง้ หลายยอมไมใหทาน เพราะเหตุแหงกามสขุ อัน เปน ความเกิดท่ีชัว่ . บทวา กามฺจ เต อปุ ธิ ปรกิ ขฺ ยาย แตบณั ฑิตเหลานนั้ ใหท านเพอ่ื ความหมดสนิ้ แหงอุปธิโดยแท คือบัณฑิตเหลานั้นใหทานเพือ่ ความสน้ิกามโดยแท. บทวา อปุนพภฺ วาย เพือ่ ไมเ กิดอีก คอื เพอื่ นพิ พาน. บทวาฌานานิ ภาเวนฺติ เจริญฌาน คอื ยงั ปฐมฌานเปนตน ใหเจรญิ . บทวา

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 523ปนุ พฺภวาย คือ เพื่อเกดิ ใหม. บัณฑิตเหลาน้นั เปนผูใ หเ พราะมงุ ตอนิพพาน. บทวา สาหสา ความผลุนผลัน คอื เพราะเหตุความผลุนผลันมีราคจริตเปนตน ของผูก ําหนดั . บทวา ปุราณ นาภนิ นเฺ ทยยฺ คอื ไมพึงพอใจรูปเปนตนในอดีต.บทวา นเว คือ ในปจ จบุ นั . บทวา หยี มาเน คือ พินาศ. บทวาอากสฺส น สโิ ต สิยา ไมพงึ เปนผอู าศยั กเิ ลสทเี่ กี่ยวขอ ง คอื ไมพ งึ เปนผอู าศัยตณั หา. จริงอยู ตัณหาทา นเรยี กวา อากสสฺ เพราะเกย่ี วของกับรปูเปน ตน . บทวา เวมาเน แปรไป คือไมเ ปน อย.ู บทวา วคิ จฉฺ มาเนหายไป คือปราศจากไป. ปาฐะสองอยา ง คือ อากาสติ อากสสฺ ติแปลวา เก่ียวขอ ง. หากถามวา เพราะเหตุไร จงึ ไมเ ปน ผอู าศัยกิเลสทเ่ี ก่ียวของ พงึทราบพระคาถาวา เพราะเรากลาวความกาํ หนัดนีว้ า เปนหวงนา้ํ ใหญดังน้ี. บทนั้น มีความดังนี้ เพราะเรากลา วตัณหาคอื ความเก่ียวของน้ีวาเปนความกาํ หนัด เพราะกาํ หนดั ในรปู เปน ตน และกลา ววา เคธะความอยาก. มอี ะไรยิ่งไปกวานัน้ อกี . มดี ังตอ ไปน้ี :- เรากลาวความกาํ หนดั วา เปน หวงนํา้ ใหญ เพราะอรรถวา ทว มทับ กลา ววา เปน ความวอ งไว อรรถวา ไปไว กลาววา เปนความปรารถนา เพราะคอยกระซบิ วานขี้ องเรา กลาววา เปน อารมณ เพราะอรรถวา ปลอ ยไดยาก และกลา ววา เปน ความหวั่นไหว เพราะอรรถวา ทําความหว่ันไหว และกลา วความกาํ หนดั น้นั วา เปน เปอกตมคอื กาม เปน สภาพลว งไดโ ดยยาก เพราะ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 524อรรถวา เปน ความหว งใยของโลก และเพราะอรรถวา กาวไปไดย าก.บทวา อาจม ชือ่ วา อาจมะ เพราะมาวอ งไวตง้ั แตปฏิสนธ.ิ บทน้เี ปนช่อื ของตัณหาใหปฏสิ นธใิ นภพใหมอันมวี ฏั ฏะเปนมลู . บทวา ชปปฺ น น้ีเปนช่ือของตัณหาอนั เปนความปรารถนา. บทวา อารมฺมณมปฺ  วุจจฺ ติ ตณหฺ าแมอ ารมณก ็เรยี กวาตณั หา คอื ทา นกลา ววา ตัณหาเกิดขึ้นในอารมณม ีรปูเปน ตน ช่อื วา เปนอารมณ เพราะไมส ามารถปลอ ยไปได. บทวากามปงโฺ ก เปอกตมคือกาม ช่ือวาเปอกตม เพราะอรรถวา จมลงบทวา กทฺทโม ความวา หลมคอื กาม ช่อื วา หลม เพราะอรรถวา ตดิ อยู.ช่ือวา กิเลส เพราะอรรถวา เผาผลาญ. ชอ่ื วา ปลิโป โคลนคอื กามเพราะอรรถวา ใหตดิ แนน ดจุ ยาง. ช่ือวา ปลิเคโธ ความกังวลคือกามเพราะอรรถวา ปด ทรงไว. ความกงั วลคือกามมไิ ดอาศัยชองอนั เปนปริยายมคี วามกาํ หนัดเปน ตนนี้ ดว ยประการฉะนี.้ พงึ ทราบคาถา มีอาทิวา สจฺจา อโวกกฺ ม เปนมุนไี มก า วลวงสจั จะดังน้ตี อ ไป. บทน้ันมีความดังนี้ ชือ่ วา มนุ ี เพราะปฏิบัตเิ พือ่ ความเปน มนุ ี ไมกาวลวงสจั จะแม ๓ อยาง ดังท่กี ลา วไวแ ลวในคราวกอนเปนพราหมณ ตั้งอยบู นบกคอื นิพพาน ผนู นั้ แล เรากลาววาเปนผสู งบเพราะสละเสยี ไดซ งึ่ อายตนะทง้ั ปวง. ในนเิ ทศไมมีขอควรกลา ว. มอี ะไรยิ่งไปกวานั้นอกี . พึงทราบคาถามีอาทิวา สเว วทิ ฺธา ผูน้ันแลมคี วามรูดงั นต้ี อไป. ในบทเหลาน้ัน บทวา ตวฺ า ธมฺน คอื รูสังขตธรรมโดยนัยมอี าทิวา ความไมเ ทีย่ งเปนตน. บทวา สมมฺ า โส โลเก อริ ิยาโน ผนู ้ันอยู

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 525ในโลกโดยชอบ คอื ผนู นั้ อยูในโลกโดยชอบ เพราะละกเิ ลสอนั ทาํ ใหอ ยูโดยมิชอบ. ก็เม่ือเปนอยอู ยา งนี้ พงึ ทรามความวา โย จ กาเม ผูใดขามพนกามท้งั หลายดังนีเ้ ปน ตน ตอ ไป. ในบทเหลา นนั้ บทวา สงคฺ  เครอื่ งของคอื ผใู ดขามพน เครอื่ งของ ๗ อยา งได. บทวา นาชฺเฌติ คอื ยอ มไมเพง เลง็ เพราะฉะน้นั บรรดาเธอทั้งหลาย เรากลาวถึงผูปรารถนาเพอ่ื จะเปนอยา งนนั้ . พงึ ทราบคาถามีอาทวิ า ย ปุพฺเพ ดงั นี้ตอ ไป. ในบทเหลาน้นั บทวาปพุ ิเพ คอื กิเลสชาตและกรรมในอดตี ท่พี ึงเกิดขน้ึ เพราะปรารภถงึสงั ขารในอดตี . บทวา ปจฺฉา เต มาหุ กิจฺ น กเิ ลสชาตเคร่อื งกงั วลมีราคะเปน ตน อนั จะพงึ เกดิ ขนึ้ เพราะปรารภสงั ขารแมใ นอดีต อยาไดม ีแกทาน. บทวา มชเฺ ณ เจ โน คเหสฺสติ หากทา นไมถือเอาสังขารในทา มกลาง คอื หากทา นจกั ไมถอื ธรรมมรี ูปเปน ตนในปจ จุบันไซร ทานจกั เปนผูเขาไปสงบประพฤติอยางน้.ี บทวา อพชี  โรหิ จงทําใหส นิ้ พชื ความวา จงทําใหส น้ิ พชืดวยมรรคญาณ. บทวา ราคกิ ฺจน กิเลสชาตเคร่ืองกงั วลคือราคะความวา บรรเทากเิ ลสคือราคะ แมในบทวา โทหสกิฺจน เปน ตน กน็ ยั น้ีเหมือนกัน. พระผูมพี ระภาคเจา ครน้ั ทรงแสดงการบรรลพุ ระอรหตั อยางน้แี ลวบัดนี้ไดต รสั คาถาท้งั หลายตอ จากนี้ ดวยทรงสรรเสริญพระอรหตั ตอไป. ในบทเหลานัน้ พงึ ทราบความแหงคาถามอี าทิวา สพพฺ โส โดยประการทงั้ ปวงดังน้ตี อ ไป. บทวา มมายิต การถอื วาของเรา คอื ทําความ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 526ถอื วา เปนตนของเรา. หรือถอื วัตถวุ า น้ีเปน ของเรา. บทวาอสตา จ น โสจติและผใู ดยอ มไมเ ศราโศก เพราะสิง่ ท่ถี ือวาของเราไมม อี ยู คอื ไมเศรา โศกเพราะเหตุไมม ีความยินดี เพราะความไมมอี ยเู ปนเหตุ. บทวา น ชียติคือ ไมถ ึงความเส่ือม. บทวา อหุ วต เม คือ นามรปู ของเราไดมแี ลวหนอ.บทวา ต วต เม นตฺถิ นามรูปยอ มไมมแี กเ ราหนอ คือนามรูปท่ไี ดมแี ลว ในอดตี บดั นี้ ไมม แี กเรา. บทวา สยิ า วต เม นามรูปของเราพงึ มีหนอ คือเราไมไดน ามรูปทจ่ี กั มแี กเ ราหนอ บัดน้เี ราจะไมบ รรลุโดยสว นเดยี ว. มีอะไรยิง่ ไปกวานั้นอีก. พงึ ทราบคาถามอี าทวิ า ยสฺส นตถฺ ิ ยอ มไมมีแกผูใด ดังน้ีตอไป. ในบทเหลา นน้ั บทวา กิจฺ น ความกังวล คอื ธรรมชาติมีรปูเปน ตน อะไร ๆ. บทวา อภิสงฺขต คือ อันกรรมควบคุมแลว . บทวาอภสิ ฺเจตยิก คอื อนั จติ ประมวลเขาแลว . บทวา อวชิ ฺชาย เตวฺ ว ตดั บทเปน อวิชชฺ าย ตุ เอว. บทวา อเสสวิราคนโิ รธา เพราะดบั ดวยความสาํ รอกโดยไมเ หลอื คือเพราะดบั โดยไมเ หลอื ดว ยมรรค อันไดแกความสํารอก. บทวา สุ ฺ โต โลก อเวกขฺ สสฺ ุ จงพจิ ารณาเห็นโลกโดยความเปน ของสญู คือจงดูโลกโดยความเปน ของสญู ดว ยอาการสองอยา ง คอืดว ยการกาํ หนดความไมเ ปนไปในอํานาจ ๑ ดว ยเขาไปพจิ ารณาสังขารโดยความเปน ของเปลา ๑. บทวา อตตฺ านุทิฏึ โอหจจฺ ถอนอัตตานุสทิฏฐิ(ความเหน็ เปน ตวั ตน) เสียแลว คือถอนสกั กายทิฏฐิ (ความเหน็ เปนเหตุถือตวั ถือตน). บทวา เอว มจจฺ ุตโร สยิ า พงึ เปนผูขามมัจจุราชไดดวยอาการอยา งนี้ คือพึงเปน ผขู ามมรณะไดด วยอาการอยางน.ี้ บทวา เอว

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 527โลก อเวกฺขนฺต มจั จุราชยอ มไมเหน็ ผพู ิจารณาเห็นโลกอยางน้ี. บทวามจจฺ ุราชา น ปสสฺ ติ คอื มจั จุราชไมเหลยี วแลด.ู บทวา นาฺปฏ ยเต กิจฺ ิ บุคคลไมปรารถนาอะไร ๆ อนื่ คือไมปรารถนาไมต อ งการอยา งอื่นแมม ปี ระมาณนอ ย. บทวา อฺ ตรฺ อปปฺ ฏิสนฺธิยา คือ นอกจากนิพพานอนั ไมมปี ฏสิ นธิ อาจารยท ัง้ หลายกลาวทาํ เปนบทเดยี วดว ยประการฉะน้ี. มอี ะไรย่ิงไปกวาน้ันอีก. พงึ ทราบคาถามีอาทิวา อนฏิ ุรี ไมมีริษยา ดังนีเ้ ปน ตนตอไป.ในบทเหลา น้ัน บทวา อนฏิ  ุรี คอื ไมม รี ษิ ยา. อาจารยบ างพวกกลา ววา อนิฏรี บาง. บทวา สพฺพธิ สโม คือ เปนผูเสมอในอายตนะทง้ั ปวง. อธบิ ายวา เปนผูว างเฉย. ทานอธิบายไวอ ยางไร. พระผมู พี ระ-ภาคเจา ตรสั ไววา ผูใ ดไมเศรา โศกวา น้ันไมมแี กเรา เราถูกถามถงึบคุ คลผไู มหวน่ั ไหว กบ็ อกอานิสงส ๔ อยา งในบคุ คลนั้นนวี้ า บุคคลเปน ผูไมมีรษิ ยา ไมตามตดิ ใจ ไมห วั่นไหว เปนผูเสมอในอายตนะท้งั ปวง. บทวา นฏิ  ุริโย คอื เปนผูรษิ ยา. ความเปนผูร ิษยา ช่ือวานิฏ ุรยิ  คอื เปนผรู ษิ ยา. ความเปนผูริษยา ช่ือวา นิฏ รุ ยิ  อธบิ ายวาคณุ แมม ีประมาณนอยก็ยอมไมมี เพราะอาศัยความเปนผูรษิ ยานั้น เพราะ-ฉะนัน้ จึงชอื่ วา เขฬปาตน ถมนาํ้ ลาย. บทวา นิฏุรยิ กมนฺ  คอืการทําความเปน ผูริษยา. จรงิ อยู คฤหสั ถอาศัย คฤหัสถอยู หรอื ภิกษอุ าศยัภกิ ษอุ ยู ครั้นโกรธดวยเหตเุ พียงเล็กนอ ยเทาน้นั กพ็ ดู วาอาศัยผูน ้นั แลวไมม คี ณุ แมส ักนอย จึงทําเสมอื นชื่อวา ความเปนผูริษยา เสมอื นถม นํา้ ลายแลวเอาเทา ขย้ีฉะนนั้ การกระทําของผนู ัน้ เรียกวา นฏิ ุริยกรรม คือ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 528การทําความเปนผรู ษิ ยา. บทวา อิสสฺ า แสดงความเปนสภาวะ คือความริษยาสองอยาง ตอ จากนน้ั เปนการแสดงความเปน อาการ. สามอยา งนอกน้นั เปน คาํ กลาวโดยปริยาย. อนง่ึ ความริษยานน้ั โดยลักษณะเปนตนมคี วามหวงสมบัติของผอู ื่นเปน ลกั ษณะ มคี วามไมย นิ ดีในสมบัตนิ ้ันเปน รสมคี วามเพกิ เฉยตอ สมบตั ขิ องผอู ื่นนั้นเปนเครอื่ งปรากฏ มสี มบัตขิ องผอู ื่นเปนปทัฏฐาน. บทวา ลาเภป น อิฺชติ ไมหวัน่ ไหวแมในลาภ คือไมหว่ันไหวในเพราะการไดป จ จยั . บทวา อลาเภป คอื แมในการไมไ ดปจ จัยท้งั หลาย. มีอะไรยิง่ ไปกวา นนั้ อกี . พงึ ทราบคาถามีอาทวิ า อเนชสฺส ผไู มหวนั่ ไหว ดังน้ีเปนตนตอไป. ในบทเหลา นน้ั บทวา นสิ งขฺ ติ ิ ไดแ ก สังขารอยางใดอยา งหน่งึในบรรดาอภสิ งั ขารมปี ญุ ญาภสิ งั ขารเปน ตน . เพราะอภิสงั ขารน้ันอันบญุกรรมตกแตง หรอื ยอ มตกแตง ฉะนั้น จงึ เรียกวา นสิ งฺขิติ คอื อภิสังขาร.บทวา วิยารมฺภา ไดแก อภสิ งั ขาร มปี ุญญาภิสังขารเปน ตนหลายอยา ง.บทวา เขม ปสฺสติ สพฺพธิ ยอมเหน็ ความปลอดโปรง คอื ความไมม ภี ัยในท่ีทง้ั ปวง. บทา อารมภฺ า คือ การพยายามทํากรรมครั้งแรก.บทวา วิยารมภฺ า คอื พยายามหลายอยางสงู ในรูป. บทนีเ้ ปน ชอ่ื ของกรรมอันยังปฏสิ นธิใหเ กดิ ใน ๓ ภพ. เพราะฉะนน้ั เวนจากวยิ ารัมภะ(ความพยายามยง่ิ ขึ้นไป) จงึ เห็นอยางน.้ี พงึ ทราบคาถามอี าทิวา น สเมสุ ดังน้ีเปน ตนตอ ไป. ในบทเหลานน้ั บทวา น สเมสุ คอื มนุ ี ไมพดู ถงึ ตนแมในบคุ คลผูเ สมอตนดวยมานะมอี าทวิ า เราเปนผูเ สมอกบั เขา. แมใ นคนท่ีตํ่ากวา ในคนทีส่ ูงกวากไ็ มพ ดู . บทวา นาเทติ น นริ สฺสติ ยอมไมย ดึ ถือ ยอ มไมส ลดั คอื

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 529ไมยึดถอื ไมสละธรรมอะไร ๆ ในรูปเปนตน. บทท่เี หลือในทที่ ั้งปวงชัดดีแลว เพราะมนี ยั ดงั ไดก ลาวไวแ ลวในทนี่ น้ั ๆ. พระผูมพี ระภาคเจาทรงจบเทศนาดวยธรรมเปน ยอด คอื พระอรหัต. จบอรรถกถาอตั ตทณั ฑสตุ ตนทิ เทสท่ี ๑๕

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 530 สารีปุตตสตุ ตนิทเทสท่ี ๑๖ วา ดวยกระแสเสียงของพระพทุ ธเจา ประกอบดวยองค ๘ [๘๘๒] (ทา นพระสารีบตุ รกลาวดงั น้วี า ) พระศาสดาผูม ี พระกระแสเสยี งอันไพเราะ เสดจ็ จากภพดสุ ติ มาสูความ เปนพระคณาจารยอ ยางน้ี กอ นแตนขี้ าพเจาไมเคยเหน็ เลย ท้ังไมเคยไดยินตอ ใคร ๆ เลย. [๘๘๓] คําวา แตก อนนี้ขาพเจาไมเคยเหน็ เลย ความวา ในกาลกอนแตน้ี พระผูม พี ระภาคเจา พระองคน ้ัน ขาพเจาไมเ คยเหน็ ดวยจักษนุ ้ี ดว ยอตั ภาพน้ีเลย คอื พระผูมีพระภาคเจา ทรงจาํ พรรษาทบ่ี ณั ฑุ-กัมพลศิลาอาสน ณ ควงไมป ารฉิ ตั ตกะ (ตน ทองหลาง) ในภพดาวดึงสอนั หมเู ทวดาหอ มลอ มเสด็จลงสูส ังกสั สนคร โดยบันไดอันสําเรจ็ ดวยแกวมณใี นทามกลาง ในกาลนน้ั ขา พเจา เวน การเห็นครงั้ นี้ ไมเคยเหน็ ในกาลกอนเลย เพราะฉะนัน้ จึงช่ือวา กอ นแตน ้ีขา พเจา ไมเคยเหน็ เลย. [๘๘๔] บทวา อิติ ในคาํ วา ทา นพระสารีบตุ รกลาวดงั นวี้ าเปน บทสนธิ เปนบทอุปสคั เปนบทปทปรู ณะ เปน ศัพทประชุมอกั ขระเปนศพั ทส ละสลวยดวยพยัญชนะ เปน ลําดับบท. คาํ วา อายสมฺ า เปนเครือ่ งกลาวดว ยความรัก เปน เครื่องกลาวดวยความเคารพ เปน เครือ่ งกลา วเปนไปกบั ดว ยความเคารพ เปน เครอื่ งกลา วเปนไปกับดว ยความยาํ เกรง. คาํ วา สารีบุตร เปนนาม เปน เคร่อื งนับ เปน เคร่อื งหมายเปนบญั ญตั ิ เปนโวหาร เปน ช่อื เปนความตง้ั ช่อื เปน ความทรงช่ือเปนเครื่องกลาวถงึ เปนเคร่ืองแสดงความหมาย เปน เครือ่ งกลา วเฉพาะ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 531แหง พระเถระนั้น เพราะฉะนัน้ จึงชอ่ื วา ทานพระสารีบุตรกลาวดังน้ีวา . [๘๘๕] ศัพทวา น ในคาํ วา ทั้งไมเคยไดยนิ ตอใคร ๆ เลยเปน ปฏิเสธ. ศพั ทวา อุท เปน บทสนธิ เปน บทอปุ สัค เปนบทปท-ปรู ณะ เปน ศัพทป ระชุมอักขระ เปน ศัพทสละสลวยดวยพยัญชนะ เปนลาํ ดบั บท. คาํ วา ตอ ใคร ๆ คือ ตอใคร ๆ ทเ่ี ปน กษัตรยิ  เปนพราหมณเปนแพศย เปน ศูทร เปนคฤหสั ถ เปนบรรพชติ เปนเทวดา หรือเปนมนุษย เพราะฉะนน้ั จึงชื่อวา ทัง้ ไมเคยไดยินตอใคร ๆ เลย. [๘๘๖] คาํ วา พระศาสดาผมู ีพระกระแสเสียงอนั ไพเราะอยา งนี้ความวา พระศาสดามพี ระกระแสเสียงอนั ไพเราะ คอื มพี ระกระแสเสียงอนั เสนาะ มพี ระกระแสเสียงเปนทต่ี ้ังแหง ความรกั มีพระกระแสเสียงดดู ด่มื หทยั มีพระกระแสเสยี งเพราะดงั เสยี งนกการเวก เสยี งอนั ประกอบดว ยองค ๘ ประการ ยอมเปลง ออกจากพระโอฐแหง พระผมู ีพระภาคเจาน้ันคือ เปน เสียงไมขัดขอ ง ๑ เปนเสียงผูฟงทราบไดงา ย ๑ เปนเสียงไพเราะ ๑ เปนเสยี งนา ฟง ๑ เปนเสยี งกลมกลอม ๑ เปนเสียงไมแปรง ๑ เปนเสยี งลกึ ๑ เปน เสยี งกอ งกังวาน ๑ เมือ่ ใดพระผูมีพระ-ภาคเจานน้ั จะทรงยงั บรษิ ทั ใหทราบดวยเสยี ง เมื่อนัน้ เสยี งของพระผู-มีพระภาคเจานนั้ ยอ มไมอ อกไปนอกบริษทั กพ็ ระผมู พี ระภาคเจาน้ัน มีเสียงเหมอื นเสยี งพรหม มีเสยี งดงั เสียงนกการเวก เพราะฉะน้นั จงึ ชื่อวามีพระกระแสเสียงอันไพเราะอยางน้ี พระผูม ีพระภาคเจา ผนู าํ พวก ชอื่ วาพระศาสดา บุคคลผนู าํ พวก ยอ มนาํ พวกใหข า มทางกนั ดาร คอื ใหขา มขามขึ้น ขา มออก ขามพน ซงึ่ ทางกนั ดารแตโ จร ทางกันดารแตสัตวร า ย






































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook