พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 259 ของทา น ดกู อ นพระยามาร เสนาของทา นนเ้ี ปนผมู ีปกติ กําจดั บุคคลผมู ธี รรมดํา คนไมกลายอมไมช นะมารเสนา นนั้ ได สว นคนกลา ยอมชนะได คร้ันชนะแลวยอมได ความสขุ ดงั น.้ี เมอ่ื ใด มารเสนาทั้งหมด และกิเลสอันทําความเปนปฏิปกษทงั้ หมดอันมุนีชนะ ใหพ ายแพ ทําลายเสยี กําจัดเสีย ทาํ ใหไ มสหู นาแลว ดวยอริยมรรค ๔ เมื่อน้ัน มุนีนนั้ เรยี กวา เปน ผกู ําจดั เสนาแลว มุนนี ั้นกําจดั เสนาในรปู ที่เห็น ในเสยี งทีไ่ ดยนิ ในอารมณท ี่ทราบ ในอารมณทรี่ ูแจง แลว เพราะฉะนัน้ จึงช่ือวา มุนีนนั้ กาํ จดั เสนาแลว ในธรรมทั้งปวง คอื ในรปู ที่เหน็ ในเสยี งทีไ่ ดยิน ในอารมณท ท่ี ราบ. วา ดวยภาระ ๓ อยา ง [๖๙๘] ชอ่ื วาภาระ ในคําวา มุนนี นั้ เปนผปู ลงภาระลงแลวพน ขาด ไดแกภ าระ ๓ อยา ง คือ ขันธภาระ ๑ กเิ ลสภาระ ๑อภิสังขารภาระ ๑. ขันธภาระเปนไฉน รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณในปฏสิ นธิ นชี้ ่อื วา ขนั ธภาระ. กเิ ลสภาระเปนไฉน ราคะ โทสะ โมหะ ฯลฯ อกุสลาภิสงั ขารท้งั ปวง น้ีชือ่ วา กเิ ลสภาระ. อภสิ งั ขารภาระเปนไฉน ปุญญาภิสงั ขาร อปญุ ญาภสิ ังขารอเนญชาภิสงั ขาร นี้ชอื่ วา อภสิ งั ขารภาระ. ขันธภาระ กิเลสภาระ และอภิสังขารภาระ เปน สภาพอนั มุนีละแลว มรี ากอันตดั ขาดแลว ทาํ ไมใหมที ี่ตัง้ ดงั ตาลยอดดวน ใหถ งึ ความไมมใี นภายหลัง มคี วามไมเกดิ ขึ้น
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 260ตอ ไปเปน ธรรมดา เม่ือใด เม่ือนนั้ มุนีนน้ั เรียกวา เปน ผูปลงภาระลงแลว มภี าระตกไปแลว มภี าระอันปลดแลว มีภาระอนั ปลอ ยแลวมภี าระอนั วางแลว มีภาระระงบั แลว . วา ดว ยโมเนยยะ ๓ อยา ง คาํ วา มุนี ความวา ญาณเรยี กวาโมนะ ไดแ กปญ ญา ความรทู ัว่ความเลือกเฟน ความเลือกเฟน ทั่ว ความเลือกเฟนธรรม ความกาํ หนดดีความเขาไปกําหนด ความเขา ไปกาํ หนดเฉพาะ ความเปน บณั ฑติ ความเปน ผูฉลาด ความเปนผมู ปี ญญารักษาตน ปญญาเปนเคร่อื งจําแนกปญญาเปนเครอ่ื งคิด ปญ ญาเปน เคร่อื งเขาไปเหน็ ปญญาอนั กวางขวางดจุ แผน ดนิ ปญญาเปน เครอื่ งทําลายกเิ ลส ปญญาอนั นําไปรอบ ปญญาเปนเคร่อื งเหน็ แจง ความรสู กึ ตวั ปญ ญาเปน เครื่องเจาะแทง ปญ ญาเปนเครอ่ื งเห็นชัด ปญ ญาเปน ใหญ ปญญาเปนกําลงั ปญ ญาเปน ดังศาสตรา ปญ ญาเพยี งดงั ปราสาท ปญ ญาอันสวา ง ปญญาอนั แจมแจงปญ ญาอนั รงุ เรือง ปญ ญาเปน ดังแกว ความไมหลง ความเลอื กเฟน ธรรมความเหน็ ชอบ บุคคลประกอบดวยญาณนัน้ ช่ือวาเปนมนุ ี คอื ผูถงึ ญาณที่ช่อื วาโมนะ โมเนยยะ (ธรรมเครื่องทาความเปน มนุ )ี มี ๓ อยา คือโมเนยยธรรมทางกาย ๑ โมเนยยธรรมทางวาจา ๑ โมเนยยธรรมทางใจ ๑. โมเนยยธรรมทางกายเปน ไฉน การละกายทจุ รติ ๓ อยา ง ชื่อวาโมเนยยธรรมทางกาย กายสจุ รติ ๓ อยา ง ญาณมีกายเปน อารมณ ความกําหนดรูกาย มรรคอนั สหรคตดวยปรญิ ญา การละฉนั ทราคะในกาย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 261ความดบั แหง การสังขาร ความบรรลุจตุตถฌาน แตล ะอยาง ๆ ชื่อวาโมเนยยธรรมทางกาย น้ชี อื่ วา โมเนยยธรรมทางกาย. โมเนยยธรรมทางวาจาเปน ไฉน การละวจที ุจริต ๔ อยาง ชอ่ื วาโมเนยยธรรมทางวาจา วจีสจุ ริต ๔ อยา ง ญาณมีวาจาเปนอารมณ ความกําหนดรูว าจา มรรคอนั สหรคตดว ยปรญิ ญา การละฉันทราคะในวาจาความดบั แหงวจสี งั ขาร ความบรรลทุ ุตยิ ฌาน แตล ะอยา ง ๆ ชื่อวาโมเนยยธรรมทางวาจา นีช้ อื่ วา โมเนยยธรรมทางวาจา. โมเนยยธรรมทางใจเปนไฉน การละมโนทุจรติ ๓ อยาง ช่อื วาโมเนยธรรมทางใจ มโนสุจริต ๓ อยา ง ญาณมีจิตเปนอารมณ ความกาํ หนดรจู ิต มรรคอันสหรคตดว ยปริญญา การละฉนั ทราคะในจิต ความดบั แหงจิตตสังขาร ความบรรลสุ ัญญาเวทยติ นโิ รธ แตล ะอยาง ๆ ชอื่ วาโมเนยยธรรมทางใจ นีช้ ื่อวา โมเนยยธรรมทางใจ. สมจรงิ ดังทพ่ี ระผูมีพระภาคเจา ตรสั วา บัณฑติ ทงั้ หลายไดก ลา วมนุ ี ผูเปนมนุ ที างกาย เปน มนุ ีทางวาจา เปนมุนที างใจ ไมม อี าสวะวา เปนผูถ งึ พรอมดว ยธรรมทที่ าํ ใหเ ปนมนุ ี เปน ผลู ะกิเลสท้งั ปวง บณั ฑติ ท้งั หลายไดกลา วมนุ ีผเู ปนมนุ ีทางกาย เปนมนุ ี ทางวาจา เปน มุนที างใจ ไมม ีอาสวะวา เปนผูถึงพรอ ม ดวยธรรมที่ทาํ ใหเ ปน มนุ ี เปนผมู บี าปอนั ลางเสียแลว. บุคคลผปู ระกอบดว ยธรรมท่ที ําใหเปนมุนเี หลา น้ัน ช่อื วา เปน มนุ ีมี๖ จําพวก คือ อาคารมุนี อนาคารมนุ ี เสขมนุ ี อเสขมนุ ี ปจเจกมนุ ีมนุ มิ ุน.ี อาคารมนุ เี ปน ไฉน ชนเหลาใดเปนผูค รองเรอื น มีบทคอื นพิ พาน
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 262อันเหน็ แลว มีศาสนาอันรแู จง แลว ชนเหลา นี้ ช่ือวาอาคารมุนี. อนาคารมุนีเปน ไฉน ชนเหลา ใดออกบวช มีบทคอื นพิ พานอนั เหน็ แลว มศี าสนาอันรแู จง แลว ชนเหลา นีช้ ่อื วา อนาคารมุนี. พระเสขะ ๗ จาํ พวก ชื่อวาเสขมุนี. พระอรหนั ตทัง้ หลาย ช่ือวา อเสขมนุ .ี พระปจ เจกพทุ ธเจาทั้งหลาย ช่อื วา ปจ เจกมนุ ี พระตถาคตอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจาชื่อวา มนุ ิมนุ ี. สมจรงิ ดงั ทีพ่ ระผูม ีพระภาคเจาตรสั วา บคุ คลไมเ ปน มนุ ีดว ยความเปนผนู ่งิ เปนแตผ เู ปลา มใิ ชผ ูร ู สว นบุคคลใดเปน บัณฑิต ถือธรรมอนั ประเสริฐ ละเวน บาปทัง้ หลาย เหมอื นคนทีถ่ อื เครือ่ งชง่ั ตงั้ อยูฉ ะนั้น บคุ คลนั้นชื่อวา เปน มนุ ี เรยี กวา มุนโี ดยเหตุนนั้ บุคคลใด ยอ มรโู ลกทัง้ ๒ บุคคลนั้นเรียกวา มุนโี ดยเหตุนนั้ บคุ คล ใดรูธรรมของอสัตบุรษุ และธรรมของสัตบรุ ษุ ในโลก ทั้งปวงท้งั ภายในและภายนอก กาวลว งธรรมเปนเครอื่ ง ขอ งและตณั หาเพียงดังวาขา ยดํารงอยู เปนผูอนั เทวดา และมนษุ ยบูชาแลว บคุ คลนน้ั ช่ือวา เปน มุนี. คําวา พนขาดแลว ความวา จติ ของมนุ ีพน พน ขาด พน วเิ ศษดีแลว จากราคะ โทสะ โมหะ ฯลฯ อกสุ ลาภสิ งั ขารท้ังปวง เพราะ-ฉะนั้น จึงชือ่ วา มนุ ีน้นั เปน ผปู ลงภาระลงแลว พน ขาดแลว . [๖๙๙] ชอื่ วา ความกําหนด ในคําวา ไมมีความกาํ หนด ไมเขา รูปยินดี ไมม คี วามปรารถนา พระผูม ีพระภาคเจาตรัสวาดังน้ี ไดแ กความกาํ หนด ๒ อยา ง คือ ความกาํ หนดดวยตณั หา ความกําหนดดว ยทฏิ ฐิ ๑ ฯลฯ น้ีช่ือวา ความกาํ หนดดว ยตณั หา ฯลฯ นีช้ ่อื วา ความ
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 263กําหนดดว ยทฏิ ฐิ มุนนี น้ั ละความกาํ หนดดวยตณั หา สละคืนความกาํ หนดดว ยทฏิ ฐแิ ลว เพราะเปนผลู ะความกาํ หนดดว ยตณั หา สละคนื ความกําหนดดวยทฏิ ฐิ จงึ ยอ มไมก าํ หนดความกาํ หนดดว ยตณั หา หรอื ความกําหนดดวยทิฏฐิ คือ ไมใหเกิด ไมใหเ กิดพรอ ม ไมใ หบงั เกิด ไมใ หบังเกดิเฉพาะ เพราะฉะนน้ั จึงช่อื วา ไมมคี วามกําหนด. คําวา ไมเ ขา ไปยินดีความวา พาลปุถุชน ท้ังปวงยอมกาํ หนัด พระเสขะ ๗ จาํ พวกรวมทั้งกัลยาณปุถุชน ยอมยินดี ยนิ ดียิ่ง ยินดยี ่งิ เฉพาะ เพื่อถึงธรรมท่ยี ังไมถ งึเพื่อบรรลุธรรมทีย่ ังไมบ รรลุ เพ่ือทําใหแจง ซึ่งธรรมทย่ี ังไมทําใหแจงสว นพระอรหันตเ ปนผยู ินดี ยินดยี ่งิ ยินดยี ง่ิ เฉพาะแลว คอื เปน ผอู อกสละ พนขาด ไมเกย่ี วขอ ง พึงเปนผูมีจิตปราศจากแดนกเิ ลสอยู เพราะ-ฉะน้ัน จึงช่อื วา ไมมคี วามกําหนด ไมเขาไปยนิ ด.ี คาํ วา ไมมคี วามปรารถนา ความวา ตณั หา เรยี กวา ความปรารถนา ไดแก ราค-สาราคะ ฯ ล ฯ อภชิ ฌา โลภะ อกศุ ลมลู ความปรารถนานน้ั อนั มุนใี ดละ ตัดขาด สงบ ระงบั แลว ทาํ ไมใ หควรเกดิ ขึน้ เผาเสียแลวดวยไฟคอื ญาณ มุนีนน้ั เรยี กวาผูไ มมีความปรารถนา. คาํ วา ภควา เปนเคร่ืองกลาวดว ยความเคารพ. อีกอยา งหนึ่ง ช่ือวา ภควา เพราะอรรถวา ผูท าํ ลายราคะแลวทําลายโทสะแลว ทาํ ลายโมหะแลว ทาํ ลายมานะแลว ทําลายทฏิ ฐิแลวทําลายเส้ยี นหนามแลว ทาํ ลายกิเลสแลว เพราะอรรถวา ทรงจําแนกวเิ ศษ ทรงจาํ แนกเฉพาะแลว ซ่ึงธรรมรตั นะ. ช่อื วา ภควาเพราะอรรถวา ทรงทาํ ซึ่งท่ีสุดแหงภพท้งั หลาย มพี ระกายอนั อบรมแลวมศี ลี อนั อบรมแลว มีจติ อันอบรมแลว. อน่งึ พระผูม พี ระภาคเจา ทรง
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 264ซองเสพเสนาสนะอันเปน ปาละเมาะและปา ทึบอนั สงดั มีเสยี งนอ ยปราศจากเสียงกึกกอ ง ปราศจากชนผสู ัญจรไปมา เปนที่ควรทาํ กรรมลับของมนุษย ควรแกวเิ วก เพราะฉะนัน้ จงึ ช่อื วา ภควา. อนง่ึ พระผูมพี ระภาคเจาทรงมสี วนแหง จีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะและคลิ านปจจยั เภสัชบริขาร เพราะฉะนัน้ จึงชอ่ื วา ภควา. อนึง่ พระ-ผมู พี ระภาคเจา ทรงมีสวนแหงอธศิ ลี อธจิ ิต อธิปญญา อันมอี รรถรสธรรมรส วิมุตตริ ส เพราะฉะนนั้ จงึ ชือ่ วา ภควา. อนง่ึ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงมสี วนแหง ฌาน ๔ อัปปมัญญา ๔อรูปสมาบตั ิ ๔ เพราะฉะนนั้ จงึ ช่ือวา ภควา. อน่ึง พระผูม พี ระภาคเจา ทรงมสี ว นแหงวิโมกข ๘ อภิภายตนะ(ฌานเปน ท่ตี งั้ แหงความครอบงําอารมณ) ๘ อนุปพุ พวหิ ารสมาบัติ ๙เพราะฉะน้ัน จงึ ชื่อวา ภควา. อนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา ทรงมสี วนแหง สัญญาภาวนา ๑๐ กสณิ -สมาบตั ิ ๑๐ อานาปานสติสมาธิ อสุภสมาบัติ เพราะฉะน้นั จงึ ชื่อวาภควา. อนงึ่ พระผูมีพระภาคเจา ทรงมีสว นแหง สตปิ ฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔อิทธิบาท ๔ อนิ ทรยี ๕ พละ ๕ โพชฌงค ๗ อรยิ มรรคมอี งค ๘เพราะฉะนั้น จึงชอ่ื วา ภควา. อนึ่ง พระผูม ีพระภาคเจาทรงมสี วนแหง ตถาคตพละ ๑๐ เวสารัชช-ญาณ ๔ ปฏิสมั ภทิ า ๔ อภญิ ญา ๖ พทุ ธธรรม ๖ เพราะฉะน้นั จึงช่ือวาภควา. พระนามวา ภควา น้ี พระมารดา พระบดิ า พระภาดา พระภคนิ ีมติ รอาํ มาตย พระญาตสิ าโลหติ สมณพราหมณ เทวดา มิไดเฉลิมให
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 265พระนามวา ภควา น้ี เปนวิโมกขนั ตกิ นาม (พระนามมีในอรหัตผลในลําดบั แหง อรหตั มรรค) เปนสัจฉกิ าบญั ญตั ิ (บัญญตั ิท่ีเกดิ เพราะทาํ ใหแ จม -แจง ซ่งึ อรหัตผลและธรรมท้ังปวง) พรอมดว ยการทรงบรรลพุ ระสัพพญั -ตุ ญาณ ณ ควงโพธิพฤกษข องพระผูม พี ระภาคเจาทัง้ หลาย ผตู รสั รูแ ลวเพราะฉะนั้น จงึ ช่ือวา ไมม ีความกําหนด ไมเ ขา ไปยนิ ดี ไมมคี วามปรารถนา พระผูม ีพระภาคเจาตรัสวา ดังนี้ เพราะเหตุนั้น พระผมู พี ระ-ภาคเจา จงึ ตรสั ตอบวา มนุ นี ้ัน กาํ จดั เสนาแลว ในธรรมทัง้ ปวง คอื ในรูป ท่ีเห็น ในเสียงทีไ่ ดยนิ ในอารมณท ีท่ ราบ มนุ ีน้ัน เปน ผปู ลงภาระลงแลว พนขาดแลว ไมมีความกําหนด ไม เขาไปยนิ ดี ไมมีความปรารถนา พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั วาดงั นี้ ฉะน้แี ล. จบมหาวิยูหสตุ ตนิทเทสที่ ๑๓ อรรถกถามหาวิยหู สตุ ตนิทเทสที่ ๑๓ พงึ ทราบวินจิ ฉัยในมหาวิยหู สตุ ตนทิ เทสที่ ๑๓ ดงั ตอ ไปน้.ี แมบ ทนว้ี า เยเกจเิ ม ทฏิ ปิ รพิ พฺ สานา สมณพราหมณเหลาใดเหลา หน่งึ มคี วามอยูรอบในทิฏฐิ พระผูมีพระภาคเจา เพ่อื จะทรงทาํ ความนัน้ ใหแจง แกเ ทวดาท้ังหลาย บางพวกที่มีจติ เกดิ ขนึ้ วา สมณพราหมณเหลา นั้น มีความอยูรอบในทฏิ ฐิยอ มไดรบั นินทาอยา งเดียวหรือ หรอื วา
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 266ไดร ับความสรรเสรญิ ดว ย จากสํานักของทา นผรู ทู ัง้ หลาย จึงทรงใหพระพทุ ธนมิ ติ ตรัสถามพระองค แลวจงึ ตรัสโดยนัยกอนนนั่ แล. ในบทเหลานนั้ บทวา อนฺวานยนตฺ ิ ความวา ยอมติดความเนือง ๆยอมนํามาบอ ยๆ. บทวา นนิ ฺทเมว อนเฺ วนฺติ ยอ มถกู นนิ ทาอยางเดียว คือยอมเขา ถึงการตเิ ตยี น. บัดนี้ เพราะพวกเจาทิฏฐิทง้ั หลาย แมกลา วอยวู า น้เี ทา นั้นจรงิยอ มไดรับแมความสรรเสรญิ ในบางครง้ั บางคราว ผลแหงวาทะ คือความสรรเสรญิ นั้นนอ ยไมส ามารถเพอ่ื สงบกิเลสมรี าคะเปน ตน ได จะกลาวอะไรถงึ ผลแหงการนนิ ทาครัง้ ที่สอง ฉะน้ัน พระผูมีพระภาคเจาเมอ่ื จะทรงแสดงความน้ัน จึงตรัสคาถาแกน ้กี อ น มอี าทวิ า ก็ความสรรเสริญนั้นเปนของนอ ย ไมพอเพอื่ สงบกิเลส ขาพระองคกลาวผลแหงความววิ าทเปน๒ อยาง. ในบทเหลาน้ัน บทวา ทเุ ว ววิ าทสสฺ ผลานิ ผลแหงวิวาท๒ อยาง ไดแ ก นินทา และสรรเสรญิ หรือความชนะและความแพเปน ตน อนั มีสวนเสมอกนั กับนนิ ทาและสรรเสริญน้ัน. บทวา เอตมปฺ ทสิ ฺวา คอื เห็นโทษในผลแหง วิวาทแมน น้ั วา นินทาเปนสิ่งไมน าปรารถนาเลย ความสรรเสริญนอยไมพอเพ่ือสงบกเิ ลสไดเลย. บทวา เขมาภปิ สฺสอวิวาทภูม๑ึ คือ เหน็ อยซู ึ่งภูมแิ หง ความไมว ิวาท คอื นพิ พานวา เปน ธรรม-ชาตเิ กษม. บทวา อปฺปก คือ นอ ย. บทวา ปรติ ฺตก คือ นิดหนอย. บทวาโอมก คือ ตาํ่ ชา. บทวา ลามก คือ ลามก. บทวา สมาย คือ เพอื่ความสงบกเิ ลสมรี าคะเปนตน. บทวา อุปสมาย เพ่อื เขาไปสงบ คอื เพ่ือ๑. บาลีวา อวิวาทภุมมฺ .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 267ความสงบสงู ขน้ึ รปู . บทวา วปู สมาย เพอื่ สงบวเิ ศษ คือเพอ่ื ใหจมหายไป.บทวา นพิ พฺ าปนาย เพื่อดับ คอื เพอ่ื ประโยชนแ กอมตมหานพิ พาน.บทวา ปฏินิสสฺ คฺคาย เพื่อสละคืน คือเพ่อื สละกเิ ลสท้งั หลายดว ยมรรค.บทวา ปฏปิ สสฺ ทฺธิยา เพ่อื ระงบั คอื ไมพอเพอ่ื ไมใหเ กิดความระงบัดวยผล. เพราะอยา งน้จี งึ ไมววิ าทกัน. พงึ ทราบคาถาวา ยากาจมิ า ทิฏฐเิ หลาใดเหลา หนึ่งเปน ตนดงั น้ี .ในบทเหลา น้นั บทวา สมมฺ ตโิ ย คือ ทฏิ ฐิทั้งหลาย. บทวา ปถุ ชุ ฺชาคือ ท่ีเกิดแตปุถุชน. บทวา โส อปุ ย กิเมยฺย บคุ คลน้ัน พึงถึงสังขารธรรมอันควรเขาถงึ อยา งไรเลา ความวา บคุ คลน้ัน พงึ เขาถึงธรรมแมอยา งหน่ึงในบรรดารปู เปนตน อันควรเขา ถงึ อยา งไรเลา หรอื พงึ เขาถึงดวยเหตุไรเลา. บทวา ทิฏเฐ สเุ ต ขนตฺ ิมกุพฺพมาโน คือ ไมท าํ ความชอบใจในรูปที่เหน็ และในเสยี งที่ฟงอนั หมดจดทง้ั หลาย. บทวา ปถุ ชุ ฺชเนหิ ชนติ า วา คือ สมมตเิ หลานัน้ อนั ปุถุชนใหเ กิด. บทวา ตา สมฺมติโย ไดแก ทฏิ ฐิเหลา นัน้ . บทวา ปุถุนานา-ชเนหิ ชนติ า วา คือ หรอื วาอนั เปน เจาทฏิ ฐติ าง ๆ มากใหเ กดิ . บทวาเนติ ตดั บทเปน น เอติ คือ ไมถ ึง. บทวา น อเุ ปติ ไมเขา ถึง คือไมเ ขา ไปใกล. บทวา น อุปคจฺฉติ ไมเ ขา ไปถงึ คอื กลบั . บทวานาภนิ วิ ิสติ ไมยึดม่นั คือไมเขาไปตงั้ มั่น. นอกเหนอื ไปจากนี้ พึงทราบคาถาวา สลี ตุ ตฺ มา สมณพราหมณท งั้ หลายผูสําคญั วา ศีลอุดม ดงั นี้เปนตน ตอ ไป. บทน้ันมีความดังน้ี สมณพราหมณผ เู จริญบางพวกสาํ คญั วา ศลี อดุ มสมาทานวัตรมวี ตั รของชา งเปนตน แลว เขา ไปต้งั อยู ไดกลาวความหมดจด
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 268ดวยความสํารวมวา ความหมดจดของศาสดาน้ัน ในทฏิ ฐินแ่ี หละสมณพราหมณเหลา นนั้ เปนผเู ขาถงึ ภพ สยบอยูในภพ ยอมกลา ววาเปนผฉู ลาด. อนง่ึ สมณพราหมณเหลาน้นั กลา ววา เปนผูฉลาด คือ มีวาทะอยางนี้วา เราเปน ผูฉลาด. บรรดาสมณพราหมณผ มู ีศลี อดุ ม อยางนี้เหลานนั้ สมณพราหมณคนใดคนหน่ึงปฏิบัตอิ ยางนนั้ พงึ ทราบคาถาวาสเจ จุโต ถา บุคคลเปน ผเู คล่อื นจากศลี และพรตน้ี ดงั นีเ้ ปนตน ตอไป. บทนั้นมคี วามดงั นี้ ถาบุคคลเปน ผเู คล่อื นจากศลี และพรต คือเปนผูเคลอ่ื น ดวยการตดั ขาดจากบคุ คลอนื่ หรอื ไมบรรลุ บคุ คลนน้ั พลาดมรรคคอื ศลี และพรตนั้น หรือกรรมมปี ุญญาภิสังขารเปน ตน แลว ยอ มหว่นั ไหวถงึ ภพ อนงึ่ ยอมอยาก เพอ เจอ และปรารถนาถึงความหมดจดของศลีและพรตนนั้ . เหมือนอะไร. เหมือนบุรษุ ออกจากเรอื นตามไปไมทันพวกฉะนนั้ เขาปรารถนาเรอื นนั้นหรอื พวก ดว ยการชี้ขาดของคนอ่นื ถกู คนอน่ืหา มหรือไมบ รรลุ เพราะเหตุนนั้ จงึ ไมย ังการปฏิบัตินัน้ ใหสมบรู ณได. บทวาายาปรทฺโธ พลาดจากอรหัตผล คือ เส่อื มจากนพิ พาน หรือจากมรรค. บทวา ต วา สตถฺ อนพุ นธฺ ติ คอื ติดตามพวกน้นั ไปขา งหลงัในทุกแหง หน. พงึ ทราบคาถาวา อริยสาวกละศีลและพรตทั้งปวงอนั เปน เหตใุ หศ ีลอดุ มหวน่ั ไหวได ดงั น้ีเปนตน ตอ ไป. ในบทเหลา นั้น บทวา สาวชชฺ านวชชฺ ละกรรมอันมโี ทษและไมมโี ทษ คอื อกุศลทง้ั หมด และกุศลทเี่ ปน โลกิยะ. บทวา เอต สทุ ธึอสทุ ฺธนิ ฺติ อปฏยาโน ไมป รารถนาความหมดจดและความไมห มดจดน้ีคอื ไมป รารถนาความหมดจด อันไดแ กก ามคุณ ๕ เปน ตน และความไมหมดจด อนั ไดแกอกศุ ลเปน ตน.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 269 บทวา วิรโต จเร เปนผูเ วน แลว จงึ ประพฤติ คือ เปน ผเู วน แลวจากความหมดจดและความไมห มดจด พึงปฏิบตั ิ. บทวา สนฺติมนคุ ฺคหายคอื ไมย ดึ ถอื ทิฏฐ.ิ บทวา กณหฺ กณฺหวปิ าก กรรมดํามีผลดํา คอื อกศุ ลกรรมใหผลเปนอกุศลวบิ าก. บทวา สุกกฺ สุกฺกวปิ าก กรรมขาวมผี ลขาว คือ กุศลเปน โลกิยะใหผลขาว เชน เดียวกับดวยตน. บทวา นิยามาวกกฺ นตฺ ึ คือปรารถนาเขาสอู ริยมรรค. บทวา เสกฺขา คือ พระเสขะ ๗ จาํ พวก. บทวา อคคฺ ธมฺม คือธรรมสูงสุด ไดแ กอรหตั ผล. พระผมู พี ระภาคเจา คร้นั ทรงแสดงถึงการกําจัดวาทะอนั หมดจดดวยการสาํ รวมในศีลอดุ ม ภายนอกจากน้อี ยา งนข้ี องสมณพราหมณเหลา นน้ัและการปฏบิ ัตขิ องพระอรหนั ตผลู ะศลี และพรตแลว บัดนเี้ พอ่ื ทรงแสดงวาทะอนั บริสุทธิ์ภายนอกโดยประการอ่นื จงึ ตรัสคาถานีว้ า ตมูปนิสฺสายพวกสมณพราหมณอาศัยตบะน้นั ดังน้เี ปน ตน . บทน้ันมคี วามดังนี้ มีสมณพราหมณแมพ วกอื่นอาศยั ตบะทเ่ี กลยี ดชังน้นั หรืออาศัยอยา งใดอยางหน่ึงบรรดารปู ท่เี หน็ อนั หมดจดเปนตนเปนผกู ลา วความหมดจดในสงสารขางหนา ดว ยอกริ ิยทฏิ ฐิ ยังไมป ราศจากตณั หาในภพนอ ยภพใหญ ยอมพร่าํ พดู ถึงความหมดจด. บทวา ตโปชคิ จุ ฺฉวาทา มวี าทะเกลยี ดชงั ตบะ คือ สมณพราหมณทั้งหลาย มีวาทะละอายตอ บาปดว ยทําความเพียรมที รมานรา งกายเปน ตน. บทวา ตโปชคิ ุจฉฺ สารา มีความเกลยี ดชงั ตบะเปน สาระ คอื มี
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 270ความละอายดวยตบะน้ันเปน สาระ. บทวา อุทธฺ สราวาทา คอื กลา วความหมดจดดวยสงสาร. อธิบายวา เม่อื สมณพราหมณเ หลาน้นั ผยู งั ไมปราศจากตัณหาอยา งนี้ยงั กลา วถึงความหมดจด แมผูใดสาํ คัญตนวา ถงึ ความหมดจดแลว เม่อืผนู ัน้ ยังปรารถนาวัตถุนน้ั ๆ ในภพนอยภพใหญ เพราะยงั ไมปราศจากตัณหา ยอมมคี วามอยากไดอยบู อย ๆ น่นั เอง. จริงอยู ตณั หาที่บุคคลเสพเปนอาจิณ ยอมเพิม่ ความทะเยอทะยานหนักขึน้ ไมเพยี งความอยากอยา งเดยี ว แมค วามหวน่ั ไหวกย็ อมมใี นเพราะวตั ถทุ ้ังหลายที่กาํ หนดไวแลว.ทานอธบิ ายวา แมค วามหวน่ั ไหวกย็ อ มมี ในเพราะวตั ถุทก่ี ําหนดไวดว ยตณั หาและทฏิ ฐ.ิ พงึ เช่อื มความแหงคาถาน้วี า การจตุ แิ ละอปุ บตั ิตอ ไป ไมม แี กภิกษใุ ดในศาสนานี้ เพราะปราศจากตัณหาแลว ในภพนอ ยและภพใหญ ภกิ ษนุ ัน้ พงึ หวนั่ ไหวดว ยเหตุอะไร พงึ ชอบใจในทไี่ หนดังนี้. บทวา อาคมน คือ มาบอย ๆ. บทวา คมน คอื ไปในภพอื่นจากภพน.้ี บทวา คมนาคมน ไปและมา คือไปจากนี้แลว กลับมาอีก.บทวา กาล คอื ความตาย. บทวา คติ คอื ควรไปตามคตดิ ว ยอํานาจแหงการไป. บทวา ยมาหุ ธมมฺ สมณพราหมณบ างพวกกลา วธรรมใดวา เปนเยีย่ มดังนี้. เปนคาถาถาม. เพราะในวาทะเหลา นี้วาทะจริงไมม แี มแ ตอ ยา งเดยี ว เพราะสมณพราหมณเ หลา นน้ั พูดเพยี งแตเห็นอยา งเดียว ฉะนน้ับดั นพี้ ระผมู พี ระภาคเจาเมือ่ จะทรงแสดงความนั้น จึงตรัสคาถาแกน ้กี อ นวา สก หิ ธรรมของตนบรบิ รู ณ ดังนี้เปน ตน .
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 271 ในบทเหลา นั้น บทวา สมฺมตึ คอื ทฏิ ฐ.ิ บทวา อโนน คอื ไมพ รอง.เม่อื สมณพราหมณเหลา นี้ กลา วธรรมของตนวา เปน ธรรมบริบูรณ กลาวธรรมของตนอ่นื วาเลว พงึ ทราบความวา หากวาบุคคลเปนคนเลวเพราะคาํ ทผี่ ูอ่นื ตาํ หนดิ งั นเี้ ปน ตน. บทนน้ั มีความดงั นี้ ผวิ า บคุ คลพึงเปน คนเลว เพราะเหตุที่ผอู ่นืตาํ หนไิ ซร ใคร ๆ ก็ไมพ ึงเปน ผูว เิ ศษ คือ เลศิ ในธรรมทั้งหลาย เพราะอะไร เพราะปุถุชนยอ มกลา วธรรมของผูอื่น โดยความเปน ธรรมเลวชนทง้ั หลายเปนผูกลา วยืนยันในธรรมเปน ทางดาํ เนนิ ของตนเทานน้ั . บทวา วมฺภยติ การณา เพราะเหตุท่ีผูอืน่ ตําหนิ คือ เพราะถกู กําจดั . บทวา ครหติ การณา เพราะเหตุที่ผอู น่ื ตเิ ตยี น คือ เพราะเหตุทต่ี นทาํ ความลามกไว. บทวา อุปวทติ การณา เพราะเหตุท่ผี อู ืน่ คอนคือดา . บทวา สกายน คอื ทางดําเนนิ ของตน. มีอะไรท่จี ะกลา วอีกมีดังตอไปนี.้ พงึ ทราบคาถาวา สธมมฺ บูชา การบูชาธรรมเปนทางดําเนินของตนตอ ไป. บทนนั้ มคี วามดงั นี้ ก็แมการบูชาธรรมของสมณพราหมณเหลานัน้ ยอ มเปน ของจรงิ เหมอื นดงั พวกเดียรถียเ หลานนั้ สรรเสรญิ ธรรมเปนทางดาํ เนินของตน เพราะพวกเขานับถอื บูชาศาสดาเปน ตนอยา งยง่ิผิวา พวกเขาพงึ ถือเปน ประมาณในขอ นั้นได เมอ่ื เปนอยา งนน้ั วาทะทง้ั หมดกพ็ ึงเปน ของจรงิ . เพราะอะไร. เพราะความหมดจดของสมณ-พราหมณเหลา นัน้ เปนของเฉพาะตวั เทานั้น. ความสําเรจ็ นนั้ ยอมไมสาํ เร็จในบคุ คลอ่นื แมโ ดยปรมัตถก ็ไมม ี. เพราะความหมดจดน้นั เปน เพียงยดึ ถอื ดวยความเหน็ เทา นน้ั ของสมณพราหมณเหลาน้ัน ผูมีปญญาอัน
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 272บุคคลอ่ืนพึงแนะนํา. บทวา ปจฺจตตฺ เมว คอื เฉพาะตัวเทานน้ั . อน่งึโดยตรงกนั ขาม ผูใดชอ่ื วา เปน สมณพราหมณ เพราะลอยบาปไดแ ลวพึงทราบคาถาวา ญาณอันบุคคลอ่ืนแนะ นาํ ยอ มไมม ีแกพ ราหมณน ้นั . บทนัน้ มคี วามดงั น้ี ญาณอันบุคคลอื่นพึงแนะนาํ ยอ มไมม ีแกพราหมณ เพราะเปน ผูเหน็ ชอบแลวโดยนัยมอี าทิวา สงั ขารท้ังหลายทัง้ ปวงไมเ ที่ยงดังน้ี แมค วามตัดสินใจแลว ยดึ มั่นในธรรม คอื ทฏิ ฐทิ ้งั หลายวาน้ีเทานั้นจรงิ ดังนกี้ ไ็ มมแี กพราหมณ เพราะเหตุน้ัน พราหมณจงึ กาวลว งเสียแลวซึ่งความทะเลาะกนั ดว ยทฏิ ฐิ เพราะพราหมณนน้ั ยอมไมเหน็ ธรรมอน่ื โดยความเปน ธรรมประเสริฐ นอกจากสติปฏ ฐานเปนตน. บทวา น ปรเนยฺโย คอื พราหมณไมตองอาศยั ผูอ ื่นแนะนาํ คือใหร ู.บทวา ปรปตฺตโิ ย น ปรปจจฺ โย คือ ไมเชอ่ื ผอู น่ื . บทวา น ปรปฏพิ ทธฺ คูคอื ไมดําเนินเน่อื งดว ยผอู ื่น. พงึ ทราบการเช่อื มและความแหงคาถาวา ชานามิ เรายอ มรดู งั นี้เปน ตน ตอ ไป. เพราะพราหมณช ้นั เย่ยี ม (ปรมตั ถพราหมณ) ยอ มไมเ หน็ธรรมอน่ื โดยความเปน ธรรมประเสริฐอยางนี้กอ น สวนเดยี รถียพ วกอน่ืรอู ยดู ว ยปรจิตตญาณ (ญาณรูใจผอู ื่น) เปน ตน แมเ ห็นอยู แมก ลาวอยูอยา งนว้ี า เรารเู ราเห็นความหมดจดนเ้ี ปนของจรงิ ชอื่ วา ยอมเห็นความหมดจดดวยทิฏฐ.ิ เพราะเหตุไร. เพราะบรรดาสมณพราหมณเหลา น้นั หากวาแมส มณพราหมณผูหนึ่งไดเ หน็ แลว สมณพราหมณผ ูไดเ ห็นเน้ือความตามเปนจรงิ ดว ยปรจติ ตญาณเปน ตน นั้น จะมีประโยชนอ ะไรดวยการเหน็น้ันของสมณพราหมณนั้นเลา จะทําอะไรไดเ ลา จะกําหนดรูทุกขใหสําเรจ็ไดอ ยางไรเลา หรือวา พวกเดยี รถยี เหลานน้ั ลวงอริยมรรคแมโ ดยประการ
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 273ท้ังปวงอยางใดอยา งหน่งึ บรรดาการละเหตุแหง ทุกขเปน ตน ยอ มกลาวความบริสุทธด์ิ วยทศั นะอื่น พระพทุ ธเจา เปนตน ทรงกา วลว งเดยี รถยี เหลา นั้น ยอ มกลา วความบรสิ ุทธดิ์ วยทศั นะอนื่ นัน่ แล. พึงทราบการเชอ่ื มและความแหง คาถาวา ปสฺส นโร นรชนเมื่อเห็นดงั นี้เปน ตน . มีอะไรทีจ่ ะกลา วยิง่ กวานอี้ ีก มดี งั ตอ ไปนี้. นรชนใดไดเหน็ ดวยปรจติ ตญาณเปนตน นรชนน้นั เมอ่ื เหน็ ก็ยอ มเห็นนามรปู ไมอนื่ไปจากนั้น หรอื เหน็ แลวก็รูจักนามรูปเหลา นั้นเทา น้นั โดยความเปน ของเที่ยงหรอื โดยความเปนสขุ ไมเ หน็ เปนอยา งอืน่ นรชนเมือ่ เหน็ อยา งนี้เห็นนามรูปมากบา ง นอ ยบา ง โดยความเปนของเทย่ี ง และโดยเปนสุขโดยแท ถงึ อยางน้นั ผฉู ลาดทั้งหลาย ยอมไมกลา วความหมดจดดวยความเห็นนามรปู นนั้ เลย. พงึ ทราบการเช่อื มและความแหงคาถาวา นวิ ิสฺสวาที นรชนผูกลาวดว ยความถอื ม่นั ดังนีเ้ ปน ตนตอไป. แมเมอื่ ความบรสิ ุทธไิ์ มมดี วยความเหน็ น้ัน นรชนใดกลา วดวยความถือมน่ั อยา งนว้ี า เรารเู ราเหน็ ความบรสิ ทุ ธ์นิ ้ันเปน จริง หรอื อาศัยความเห็นนั้น ถือความบริสุทธิ์ดวยทฏิ ฐิกลา วดวยความถือมั่นอยางน้ีวา นี้เทา นั้นจรงิ นรชนนั้นเปนผูอนั ใคร ๆไมพึงแนะนาํ ใหดีได เปน ผูเ ชดิ ทิฏฐทิ ี่กําหนดปรงุ แตง แลว ไวในเบื้องหนานรชนัน้ นอาศยั วตั ถุใดมศี าสดาเปนตน กก็ ลา ววตั ถุนั้นวา งามในเพราะทฏิ ฐนิ ้นั สาํ คัญตนวา เราเปนผูมวี าทะหมดจด มีวาทะบรสิ ทุ ธด์ิ งั น้ี ไดเห็นวา แทใ นทิฏฐนิ นั้ คอื ไดเห็นความไมว ปิ รติ ในทฏิ ฐขิ องตนนัน้ . อธิบายวา ทฏิ ฐินนั้ เปนไปอยางใด ไดเหน็ ทิฏฐนิ ้ันเปนไปอยางน้ัน ไมป รารถนาจะเหน็ โดยประการอ่ืน.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 274 บทวา นวิ สฺสวาที คือ กลา วเพราะความม่ันใจ. บทวา ทพุ พฺ ินโยคือ ยากทจ่ี ะแนะนําได. บทวา ทุปปฺ ฺ าปโย คอื ยากทจ่ี ะใหรู คือใหไดอยางใจได. บทวา ทนุ ฺนชิ ฺฌาปโย ยากที่จะใหเ ขาใจได คือ ยากทจี่ ะใหเขาใจบอ ย ๆ เพือ่ ทดสอบใจแลวถือเอาได. บทวา ทปุ ฺเปกฺขาปโย คอื ยากท่จี ะใหเ หน็ ได. บทวา ทุปปฺ สาทโย คอื ยากที่ใหจ ติ เกดิ ความเล่ือมใสได. บทวา อปสฺสิ ไดเ หน็ แลว คอื ไดบรรลปุ ฏเิ วธดวยญาณ. บทวาปฏวิ ชฺฌิ ไดแทงตลอด คือไดบ รรลคุ วามตรสั รูดว ยจิต. พึงทราบความในเดียรถียท ัง้ หลาย ผเู ชดิ ทฏิ ฐิท่ีกาํ หนดไวใ นเบอื้ งหนา ดงั ตอ ไปน้.ี พึงทราบคาถาวา น พฺราหมฺ โณ กปปฺ มุเปติ สงฺข ๑ พราหมณทราบดวยญาณแลวยอ มไมเ ขาถึงซ่ึงความกําหนด ดงั นเ้ี ปนตนตอ ไป.ในบทเหลานน้ั บทวา สงขฺ ๒ ความวา ทราบแลว คือรแู ลว . บทวานป าณพนธฺ ุ ไมม ตี ัณหาหรอื ทฏิ ฐิเปน เครื่องผกู พันเพราะญาณ คือไมทําตัณหาหรือทิฏฐเิ ปนเคร่อื งผูกพนั ดวยสมาปตตญิ าณเปน ตน . ในบทนน้ั มวี เิ คราะหวา ชื่อวาไมมตี ัณหาหรอื ทฏิ ฐิเปน เครอ่ื งผกู พนั เพราะญาณเพราะมวี เิ คราะหว า ไมมีตัณหาและทิฏฐเิ ปน เคร่ืองผกู พนั อันทําแลวดว ยญาณ. บทวา สมฺมติโย ไดแก สมมตคิ อื ทิฏฐ.ิ บทวา ปุถุชชฺ า คือเปนแดนเกดิ ของปุถชุ น. บทวา อคุ คฺ หณนตฺ ิ มเฺ คอื สมณพราหมณเหลา อน่ื ยอ มถอื ม่นั . อธิบายวา สมณพราหมณเ หลา อน่ื ยอมถือม่ันทฏิ ฐิเหลานัน้ . บทวา อเุ ปกขฺ ติ ยอ มวางเฉย คอื ไมเ พง ดตู ง้ั แตเกดิ . มอี ะไรทก่ี ลาวใหย ่ิงไปอีก มีดังตอไปน้ี.๑. ๒. ม. สงฺขา แกเ ปน สงฺขาย.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 685
Pages: