Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_66

tripitaka_66

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_66

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 87ท่เี หลือของภิกษเุ หลา นนั้ ยอมเปน ผูสนั โดษ. นีช้ อื่ วา ยนิ ดีตามสมควรในบิณฑบาตของภกิ ษนุ น้ั . อน่ึง ภกิ ษุในศาสนานไี้ ดเสนาสนะท่ีชอบใจกต็ าม ไมช อบใจกต็ ามภิกษนุ ัน้ ไมเ กดิ โสมนัส ไมเกิดขนุ ของดว ยเสนาสนะน้นั ยอ มยนิ ดีตามได แมโดยท่สี ุดเครือ่ งลาดทาํ ดว ยหญา . นช้ี ่ือวา ยนิ ดีตามไดใ นเสนาสนะของภกิ ษนุ นั้ . อนงึ่ ภกิ ษใุ ดไดเ สนาสนะอนั ทาํ ลายสุขภาพก็ตาม ทําใหเจ็บปวยกต็ าม เม่อื อยูใ นเสนาสนะใดไมส บาย ภิกษนุ ั้นใหเ สนาสนะนน้ัแกภ ิกษุผูชอบพอกัน แมอยใู นเสนาสนะอนั เปนท่สี บายในสาํ นกั ของภิกษุน้ัน ก็เปน ผูสนั โดษ. นี้ช่อื วา ยินดตี ามกาํ ลังในเสนาสนะของภกิ ษนุ น้ัภิกษุรูปอืน่ มบี ุญมาก ไดเ สนาสนะอันประณตี มาก มถี ้ํา มณฑป และเรือนยอดเปน ตน ภกิ ษุนน้ั ถวายแกภ กิ ษผุ ูบวชนาน เปนพหสู ตู มลี าภนอยผูอาพาธ เหมอื นถวายจีวรเหลา น้ันแลว แมจะอยใู นที่ไหน ๆ กย็ อ มเปนผูส ันโดษ. นีช้ ื่อวา ยินดตี ามสมควรในเสนาสนะของภิกษุนนั้ . แมภิกษใุ ดสาํ เหนยี กอยวู า ช่ือวา เสนาสนะดีเกินไป เปน ท่ตี งั้ แหง ความประมาทเม่ือภิกษุนัง่ ณ เสนาสนะน้นั ยอมถูกความหลับครอบงาํ ยอมกาวลงสคู วามงว งเหงาหาวนอน ความวติ กลามกยอ มปรากฏแกภกิ ษผุ ูตืน่ อยูอกี แลวไมรับเสนาสนะเชนน้นั แมมาถงึ แลว ภกิ ษุน้ันปฏิเสธเสนาสนะน้ันแลว แมอยูในกลางแจงและโคนตนไมเ ปน ตน กเ็ ปน ผสู ันโดษ. แมน ้ีกช็ อื่ วา ยนิ ดีตามสมควรในเสนาสนะของภกิ ษุนัน้ . อน่ึง ภิกษไุ ดเภสชั เศราหมองก็ตาม ภิกษนุ ้ันไดเภสัชใดยนิ ดีดว ยเภสัชนน้ั เทานนั้ ไมปรารถนาอยางอืน่ แมไ ดกไ็ มร บั . นี้ช่ือวา ยนิ ดตี าม

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 88ไดในคิลานปจจยั ของภิกษุนั้น. อน่ึง ภิกษุใดตอ งการนาํ้ มนั แตไดน้าํ ออ ยภิกษนุ ้ันถวายนํ้าออ ยนัน้ แกภกิ ษุผชู อบพอกนั แลว รบั นํ้ามนั จากมือของภิกษุนั้น หรอื แสวงหาอยา งอนื่ แมเ อานาํ้ มนั และนาํ้ ออ ยเหลา นน้ั ทําเภสัช ก็เปนผสู ันโดษเหมือนกัน. น้ีชื่อวา ยนิ ดีตามกาํ ลังในคลิ านปจจยั ของภกิ ษุนัน้ . ภิกษุรูปอนื่ มีบุญมากไดเภสัชอนั ประณตี มีนํ้ามนั และนา้ํ ออ ยเปน ตนภกิ ษนุ นั้ ถวายแกภิกษุผูบ วชนาน ผเู ปนพหูสตู ผมู ลี าภนอ ย ผอู าพาธเหมอื นถวายจวี รน้ันแลว แมยงั ชวี ิตของภิกษเุ หลา นน้ั รูปใด ๆ ท่มี าแลว ๆใหเ ปน ไป กเ็ ปน ผสู นั โดษเหมือนกนั . อน่ึงภกิ ษุใดอันภกิ ษตุ งั้ ของหวาน ๔อยางไวในภาชนะเดยี วกนั แลวกลา ววา พระคุณเจา จงรบั สมอดองดวยน้ํามตู รในภายในภาชนะหนึ่งท่ีพระคุณเจา ปรารถนาเถดิ หากโรคของภิกษนุ ้ันสงบดว ยขนานใดขนานหนึ่งในยาเหลา นน้ั หา มของหวาน ๔ วาชอ่ื วา สมอดองดวยน้าํ มตู ร อนั พระพทุ ธเจา เปน ตน ทรงสรรเสริญ แลวเอาสมอดองดวยน้าํ มูตรทาํ เภสชั ยอมเปน ผสู นั โดษอยา งย่ิงทีเดยี ว. น้ีช่ือวายนิ ดตี ามสมควรในคลิ านปจ จัยของภกิ ษนุ น้ั . บรรดาสันโดษแตล ะ ๓ อยา งในปจจยั ทัง้ หลาย เฉพาะอยา งเหลาน้ัน ทา นกลา ววา ยถาสารุปปสันโดษ(ยนิ ดตี ามสมควร) เปน เลิศ. พระอรหันตเ ปนผสู นั โดษดว ยสันโดษแม๓ อยางเหลา นนั้ ในปจจัยอยางหนงึ่ ๆ. บทวา ปวเิ วกกถ ไดแก กถาเก่ียวกบั ความสงดั . จรงิ อยู ความสงัดมี ๓ อยาง คอื สงัดกาย ๑ สงดั จติ ๑ สงัดจากอุปธิ (กเิ ลส) ๑. ในความสงัด ๓ อยางนนั้ รปู หน่งึ เดิน รูปหนง่ึ ยืน รปู หนึง่ น่ัง รปู หน่งึ นอนรูปหน่ึงเขาไปบิณฑบาต รปู หนึ่งกาวไป รูปหนงึ่ เดินจงกรม รปู หน่ึงเท่ียวไป รปู หน่ึงอยู น้ชี ่ือวา กายปวเิ วก (สงัดกาย). สมาบตั ิ ๘ ชื่อวา

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 89จิตตปวิเวก (สงัดจติ ). นพิ พานชอื่ วา อปุ ธปิ วเิ วก (สงัดจากกเิ ลส). สมดังที่ทา นกลาวไววา กายปวิเวกของผูม กี ายตงั้ อยูในความสงดั จติ ตปวเิ วกของผยู นิ ดใี นเนกขมั มะแลว อุปธิปวิเวกของบคุ คลผูไมมีอุปธิ ผมู จี ิตบริสทุ ธ์ิถงึ ความผองแผวอยางยงิ่ ถึงนิพพานแลว ดังนี.้ สงั สคั คะ (ความเก่ียวขอ ง) ในบทวา อส สคฺคกถ (กถาเร่อื งการไมเ ก่ียวขอ งกนั ) นมี้ ีอยู ๕ อยา ง คอื สวนสังสัคคะ (เกีย่ วขอ งดวยการฟง ) ๑ทสั สนสังสคั คะ (เก่ยี วขอ งดว ยการเหน็ ) ๑ สมุลลปนสังสคั คะ (เกี่ยวของดว ยการสนทนา) ๑ สัมโภคสังสคั คะ (เกยี่ วของดว ยการบรโิ ภครว มกัน) ๑กายสงั สัคคะ (เกี่ยวของทางกาย) ๑. ในสังสคั คะ ๕ อยา งนัน้ ภิกษใุ นศาสนาน้ีไดฟ ง มาวา ทบ่ี า นหรือนคิ มโนน มีหญิงหรือหญิงวยั รนุ มีรปู สวย นา ดู นา รกั ประกอบดว ยผิวพรรณงามยิง่ นกั ดังน้ี ภกิ ษุนน้ั ไดฟง ดงั น้ันแลวตกหลมุ รกั ไมสามารถจะประพฤตพิ รหมจรรยอยูได หมดกาํ ลังท่ีจะเลาเรียน เวียนมาเพือ่ ความเปนคนเลว เพราะเหตุนั้น ราคะจงึ เกดิ ดว ยวิถแี หงโสตวิญญาณของภิกษนุ ั้นผฟู งซ่งึ สมบตั มิ ีรูปเปนตน ทคี่ นอน่ื บอกอยา งนี้ หรือฟงเสยี งแมหวั เราะและราํ พันดวยตนเอง ช่ือวา สวนสังสัคคะ. ภิกษใุ นศาสนานี้ไมไ ดฟ ง แตเ หน็ เองซ่ึงหญงิ หรอื หญงิ วยั รุน รปู สวยนาดู นา รกั ประกอบดวยผวิ พรรณงามย่งิ นกั ภิกษนุ ั้นเห็นเขา แลวตกหลมุ รกั ไมส ามารถประพฤตพิ รหมจรรยอ ยูได หมดกาํ ลังท่ีจะเลาเรยี นเวียนมาเพื่อความเปนคนเลว เพราะเหตนุ ั้น ราคะจึงเกดิ ดว ยวิถีแหงจกั ขุ-วญิ ญาณของภิกษุผแู ลดูรูปอันเปนขาศกึ อยางน้ี ช่ือวา ทัสสนสงั สัคคะ.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 90 อน่ึง ราคะเกดิ ดวยการสนทนาปราศรยั กนั และกนั ชื่อวา สมุล-ลปนสังสัคคะ. ราคะเกดิ ดว ยภิกษรุ ับของของภิกษุณี หรอื ภิกษุณีรบั ของของภกิ ษุแลว บรโิ ภครว มกนั ชอ่ื วา สมั โภคสงั สคั คะ. อน่ึง ราคะเกิดดวยการจับมือเปนตน ชือ่ วา กายสังสคั คะ. พระอรหันต ไมเก่ยี วขอ งกบั บรษิ ทั ๔ ดวยสังสัคคะ ๕ เหลา นี้พน จากการยดึ ถือ และพนจากการเกี่ยวของ กลา วสรรเสริญคณุ ของการไมเ กย่ี วขอ ง ช่ือวากลา ว อสังสัคคกถา. ในบทวา วรี ิยารมภฺ กถา กถาปรารภความเพยี รน้ี มคี วามวา ภกิ ษุใดเปนผปู ระคองความเพียรไว เปนผูมคี วามเพยี รทางกายและทางจติบรบิ รู ณ ในเวลาเดิน กไ็ มใ หกิเลสเกิด ในเวลายืน นั่ง นอน กไ็ มใหกเิ ลสเกิด ประพฤตดิ จุ จบั บีบงูเหาดว ยมนต และดุจเหยยี บศตั รูทค่ี อ กลา วสรรเสรญิ คุณของผูป รารภความเพยี รเชน นัน้ ชือ่ วา กลา ว วีริยารมั ภกถา. บทวา สลี  ในบทวา สลี กถ กถาวา ดว ยศลี น้ี ไดแ ก จตุปาริ-สุทธศลี . บทวา สมาธิ ไดแก สมาบตั ิ ๘ อันมีวปิ สสนาเปนบาท.บทวา ปฺา ไดแก ญาณอันเปนโลกยิ ะและโลกตุ ระ. บทวา วมิ ตุ ฺติไดแก วมิ ตุ ตอิ ัน เปนอรหัตผล. บทวา วมิ ตุ ตฺ ิ าณทสสฺ น ไดแก ปจจเวก-ขณญาณ ๑๙ อยา ง. เมือ่ จะประกาศคุณของศีลเปน ตน ชือ่ วา กลา วกถาเรอื่ งศีลเปน ตน. บทมีอาทวิ า สติปฏ านกถ อนั เปนบทสดุ ทายของบทวาสงฺคชาลมตจิ จฺ โส มนุ ิ กา วลวงธรรมเครอื่ งของ และตัณหาเพยี งดงั วา ตาขาย บคุ คลนั้นชอื่ วา เปน มุนี พึงทราบโดยทํานองดงั กลา วแลวในบทกอ น ๆ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 91 บทวา นิราสตฺตี บคุ คลผูไมม ีตณั หาเคร่ืองเกี่ยวของ คอื ไมมีตณั หา. บทวา วิเวกทสสฺ ี ผสเฺ สสุ ผูมีปกตเิ หน็ วิเวกในผสั สะทง้ั หลายไดแ กเห็นวิเวก ในความเปน ตนเปน ตน ในจักษุสัมผสั เปน ตน อนั เปนปจ จุบนั . บทวา ทฏิ  ีสุ จ น นยิ ยฺ ติ และไมถ ูกนําไปในเพราะทิฏฐิทง้ั หลาย ไดแกไ มถ ูกนาํ ไปในเพราะทฏิ ฐอิ ยางใดอยางหนงึ่ ในทิฏฐิ ๖๒. บทวา วิปริณต วา วติถุ น โสจติ ไมเศราโศกถึงวัตถุท่แี ปรปรวนคอื ละภาวะเดมิ แลว ยอ มไมถึงความเศราโศกในวัตถไุ ร ๆ ทเ่ี ส่ือมไป. บทวาวปิ ริณตสมฺ ึ วา คือ เม่อื วตั ถแุ ปรปรวนไปแลว . บทวา จกขฺ สุ มผฺ สโฺ สไดแ ก ผสั สะเกดิ พรอมกบั จกั ขุวญิ ญาณ ทําจักษใุ หเ ปน วตั ถุ ชื่อวา จกั ขุ-สมั ผสั . แมใ นผสั สะทเ่ี หลือกม็ ีนัยนี้เหมอื นกัน . อนงึ่ ในบทนผ้ี สั สะทีม่ ใี นกอ น ก็มจี กั ขุประสาทเปน ตนเปน วัตถทุ ้งั นั้น. มโนสมั ผสั มีหทยะเปน วัตถุก็มี ไมม วี ตั ถุกม็ ี ทง้ั หมดเปน ผสั สะเปน ไปในภมู ิ ๔. บทวา อธวิ จน-สมฺผสโฺ ส คือ เปนชื่อของสมั ผัสนน้ั โดยปริยาย. เพราะอรูปขันธ ๓ อยา งหมนุ ไปตามขางหลังเอง ยอ มทาํ ชอื่ ของสัมผัสท่เี กดิ พรอมกับตนวาอธวิ จน-สัมผัส. บทวา ปฏิฆสมผฺ สโฺ ส ปฏิฆสมั ผสั โดยนิปรยิ าย สมั ผสั เปนไปในปญจทวาร ช่อื ปฏิฆสมั ผสั สมั ผสั เปน ไปในมโนทวาร ชื่อวาอธวิ จนสัมผสั .บทวา สขุ เวทนีโย ผสฺโส ไดแก ผัสสะอันเกดิ ขึน้ เกอ้ื กูลแกสุขเวทนา.แมในสัมผัสท้ังสองนอกจากนี้ก็มีนยั นี้เหมือนกัน. บทวา กสุ โล ผสฺโสผัสสะอันเปน กศุ ล ไดแกผ สั สะอนั เกดิ พรอมกบั กศุ ลจติ ๒๑. บทวา อกุสโลผสั สะเปน อกุศล ไดแกผ ัสสะอันเกิดพรอ มกับอกุสลจติ ๑๒. บทวาอพุ ยฺ ากโต ผัสสะอนั เปนอพั ยากฤต ไดแ กผัสสะอันเกดิ พรอ มกับอัพยากต-จติ ๕๖. บทวา กามารจโร ผสั สะอนั เปนกามาวจร ไดแกผ ัสสะอัน

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 92เกิดพรอมกบั กามาวจรจิต ๕๔. บทวา รปู าวจโร ผัสสะอนั เปนรปู าวจรไดแก ผัสสะอันเกดิ พรอมกับรูปาวจรจิต ๑๕ มกี ุศลจติ เปนตน . บทวาอรูปาวจโร ผสั สะอันเปน อรูปาวจร ไดแ กผ สั สะท่สี ัมปยตุ ดว ยอรปู าวจรจิต๑๒ ดว ยอํานาจแหงกศุ ลจติ และอพั ยากตจติ . บทวา สุฺโต ผัสสะอนัเปน สุญญตะ ไดแ กมรรคอันเกิดขึน้ แกผ เู ห็นแจง ดว ยอํานาจแหง อนตั ตาน-ุปส สนา ชอื่ วา สญุ ญตะ ความเปน ของสูญ. ผัสสะอันเกิดพรอ มกบั มรรคนัน้ ชือ่ วา สญุ ญตผสั สะ. แมในสองบททีเ่ หลอื กม็ นี ัยนีเ้ หมอื นกนั . ในบทวา อนมิ ิตฺโต ผสั สะอันเปน อนมิ ิตตะนี้ ไดแกม รรคอันเกดิ ขึ้นแกผูเห็นแจงดว ยอํานาจแหงอนจิ จานปุ ส สนา ช่ือวา อนมิ ติ ตะ (หานิมิตมไิ ด).บทวา อปปฺ ณหิ ิโต ผสั สะอันเปน อัปปณหิ ิตะ (ไมมที ี่ตงั้ ) ไดแ กมรรคอันเกิดขนึ้ แกผูเห็นแจงดวยอํานาจทกุ ขานปุ ส สนาชือ่ วา อปั ปณหิ ติ ะ. บทวาโลกโิ ย ผสั สะอนั เปน โลกยิ ะ คอื วัฏฏะทานเรียกวา โลก เพราะอรรถวาเส่ือมโทรมแตกสลายไป ธรรมเปน ไปในภมู ิ ๓ เปน โลกยิ ะเพราะประกอบอยใู นโลกดว ยความนบั เนื่องกนั ในวัฏฏะนน้ั . บทวา โลกุตตฺ โร ผัสสะอันเปน โลกตุ ระ ไดแกผสั สะ ช่อื วา โลกุตระเพราะขามพน ไปจากโลก.ผัสสะอันเปนโลกตุ ระ เพราะไมน ับเนือ่ งในโลก. บทวา อตเฺ ตน วาคอื จากความเปน คนบาง. บทวา อตฺตนิเยน วา คือ จากธรรมที่เน่อื งในตนบา ง. บทวา ปฏิลีโน บคุ คลเปน ผูห ลีกเรน คือปราศจากอกศุ ลธรรมน้นั เพราะละราคะเปนตนได. บทวา อกหุ โก ไมห ลอกลวง คือไมทาํใหพ ศิ วงดว ยวัตถเุ ปนเครอ่ื งหลอกลวง ๓ อยาง. บทวา อปหาลุ คอื มีปกตไิ มทะเยอทะยาน. ทานอธบิ ายวา เวน จากความปรารถนาและความ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 93อยาก. บทวา อมจฺฉรี ไมตระหนี่ คือเวน จากความตระหนี่ ๕ อยา ง.บทวา อปปฺ คพฺโภ ผูไมคะนอง คือเวน จากความเปนผูคะนองกายเปน ตน.บทวา อเชคจุ ฺโฉ ไมเ ปนทร่ี ังเกยี จ คือไมนารังเกียจ ชื่นตา ชน่ื ใจเพราะสมบูรณดวยศีลเปน ตน. บทวา เปสเุ ณยฺเย จ โน ยุโต ไมประกอบในความเปนผมู ีวาจาสอเสียด คอื ไมประกอบในความสอเสยี ดอนั ควรนาํ เขา ไปดวยอาการสองอยาง. บทวา ราคสสฺ ปหนี ตฺตา เพราะละเสยี ซ่ึงราคะ คอื เพราะละราค-กเิ ลสไดดว ยอรหัตมรรค. บทวา อสฺมมิ าโน ปหีโน โหติ เปนผูละความถือตัววาเปนเรา คอื ละความหย่งิ และความถอื ตัววาเปน เราไดโดยเด็ดขาด.บทวา ตีณิ กุหนวตถฺ นู ิ วัตถแุ หงความหลอกลวง ๓ อยาง คือเหตุใหเ กิดความพศิ วง ๓ อยาง. ในบทมีอาทิวา ปจจฺ ยปฏเิ สวนสงขฺ าต กหุ นวตฺถุเร่ืองความหลอกลวงกลาวดวยการเสพปจ จัย มคี วามวา เมื่อภกิ ษุไดร บันิมนตด วยจวี รเปน ตน ทงั้ มีความตองการจีวรนัน้ เหมอื นกนั อาศยั ความปรารถนาลามก และรูวาคหบดีเหลานนั้ มีศรทั ธาตั้งมนั่ ดว ยดใี นตนเพราะการปฏเิ สธ เมอ่ื คหบดีเหลานัน้ คดิ วา นาอศั จรรยใจ พระคณุ เจา มคี วามปรารถนานอ ย ไมปรารถนาจะรบั อะไร ๆ อกี พึงเปน ส่ิงท่ีเราไดดแี ลวหนอหากพระคุณเจา จะพงึ รบั อะไร ๆ แมม ีประมาณนอยดังนี้ แสดงความประ-สงคจะอนุเคราะหเขาแลว ตัง้ แตน้นั มาก็ทาํ ใหพ ศิ วงดวยการรับ อันเปนเหตุใหเขานาํ ของเขาไปถวายเปน เกวียน ๆ. พงึ ทราบวา นคี้ ือเรื่องหลอกลวงกลา วดวยการเสพปจ จัย. อนงึ่ เมอื่ ภกิ ษมุ คี วามปรารถนาลามกทาํใหพศิ วงดว ยอริ ิยาบถอันแสดงความประสงคจ ะยกยอ ง พึงทราบวา น้คี ือ

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 94เร่ืองการหลอกลวงอาศัยอริ ยิ าบถ. อนง่ึ เม่อื ภิกษุมคี วามปรารถนาลามก ทําใหพศิ วงดว ยอาการนน้ั ๆ โดยการกลาวแสดงถึงการบรรลุอุตรมิ นสุ ธรรมพึงทราบวา น้คี อื เร่ืองหลอกลวงกลา วดวยการพูดเลยี บเคียง. ในบทวา เรื่องการหลอกลวงกลา วดวยการเสพปจ จัยเปน ไฉนน้ี พงึทราบวา ไดแกก ารหลอกลวงกลา วดวยการเสพปจ จยั คอื กลา วอยางนีว้ าการซอ งเสพปจ จัย. บทวา อธิ คหปตกิ า ภิกฺขุ นมิ นฺเตนติ คอื คหบดีในโลกนย้ี อ มนิมนตภ ิกษุ. ปาฐะอยา งนเ้ี หมอื นกนั . อาจารยบางพวกกลาววา นิมนเฺ ตนฺติ บาง วทนฺติ บา ง. บทวา จีวร ปจจฺ กขฺ าติ บอกคืนจีวร คือปฏิเสธจีวร. บทวา เอต สารปุ ฺป ย สมโณ ขอน้นั เปนการสมควรแกสมณะ คอื ขอนีส้ มณะทาํ การทรงจีวรไวเ ปนการสมควร คือเหมาะสม. บทวา ปาปณกิ า วา นนฺตกานิ ผา เกาจากตลาด คอื ผาข้รี ้ิวเวน ผาใหมอ นั ตกอยูท่ีประตตู ลาด. บทวา อจุ จฺ นิ ติ วฺ า คือ เก็บเอามา. บทวาอุ ฉฺ าจริยาย คือ ดวยการเท่ียวไปเพ่อื ภกิ ษา. บทวา ปณฺฑิยาโลเปน ไดแก ขาวทําเปนกอ นไดมา. บทวา ปตู มิ ุตเฺ ตน วา ดวยนํา้ มูตรเนา คอืน้ํามูตรโค. บทวา โอสธ กเรยฺย คือ พึงทําเปน ยา. บทวา ตทุปาทายคอื ตัง้ แตนนั้ มา. บทวา ธตุ วาโท มวี าทะกาํ จัดกเิ ลสคือกลา วคุณแหง ธดุ งค.บทวา ภยิ ฺโย ภยิ ฺโย นิมนเฺ ตนตฺ ิ ย่ิงนมิ นต คือนิมนตบอย ๆ. บทวาสมฺมขุ ภี าวา คือ เพราะประจวบกัน. อธบิ ายวา เพราะความมีอย.ู บทวาปสวติ คือ ยอ มได. สามารถจะทาํ โดยประจวบดว ยศรทั ธา เพราะฉะนนั้ทา นจึงกลา ววา สทฺธาย สมฺมุขภี าวา เพราะประจวบดวยศรทั ธาเปน อาทิ.ไทยธรรมหาไดง ายแตท กั ขไิ ณยบุคคลและศรทั ธาหาไดย าก. เพราะศรทั ธาของปุถุชนไมม ่นั คงเปลี่ยนไปทกุ ๆ ยา งกา ว. ดวยเหตนุ ั้นแลแมพ ระอคั ร-

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 95สาวกเชนกับพระมหาโมคคลั ลานะ ยงั ไมสามารถเปน ผรู ับรองปถุ ชุ นน้ันได จึงกลาววา ดูกอ นผูอ าวโุ ส พระมหาโมคคลั ลานะไมสามารถรับรองธรรมสองอยา ง คอื โภคะและชีวิตของทา นได แตจ ะรับรองทา นไดดว ยศรทั ธา. บทวา ปุ เฺ น ในบทวา เอว ตุมเฺ ห ปุ ฺเนปริหนี า ภวิสฺสถ ทา นทงั้ หลายจกั เปน ผูเ สือ่ มจากบญุ ดวยอาการอยางน้ีเปนตตยิ าวภิ ัตติลงในอรรถแหงปญจมวี ภิ ตั ต.ิ คือทานจักเปน ผูเ สอ่ื มจากบุญคอื หันหลงั ใหบ ญุ . บทวา ภากฏุ กิ า หนา สยว้ิ คอื ทําหนาสยว้ิ ดวยการเห็นหนายูยี่. อธบิ ายวา มีหนาเบย้ี วบูด. ช่อื วา ภากุฏิกะ เพราะมีหนา สย้ิว.ความเปนผูม หี นาสยว้ิ ชอื่ วา ภากุฏกิ ะ บทวา กุหนา ความหลอกลวง คอืความพศิ วง. กริ ิยาทห่ี ลอกลวง ช่อื วา กหุ ายนา. ความเปน ผหู ลอกลวงชอ่ื วา กหุ ิตัตตะ. บทวา ปาปจ โฺ ฉ มีความปรารถนาลามก คือใครจะแสดงคุณท่ีไมมีอยู. บทวา อจิ ฉฺ าปกโต คอื ถกู ความปรารถนาครอบงาํ . บทวาสมภฺ าวนาธปิ ฺปาโย มีความประสงคในการยกยอง คอื มีอัธยาศยั ถอื ตัวจัด.บทวา คมน สณฺ เปติ สํารวมการเดนิ คอื ระมัดระวงั การเดินมีการกา วไปเปนตน. อธิบายวา ทาํ ความนา เลอื่ มใส. แมใ นบทนอกน้กี ็มนี ัยน้ีเหมอื นกัน . บทวา ปณิธาย คจฺฉติ ต้งั สตเิ ดนิ คอื ต้งั ใจเดิน. แมในบทท่เี หลือกม็ ีนยั น้ีเหมือนกัน. บทวา สนาหิโต วยิ คจฺฉติ ทําเหมือนภกิ ษุมสี มาธิเดนิ คอื ทําเหมอื นภกิ ษไุ ดอุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธ.ิแมในบทท่ีเหลอื ก็มนี ยั นีเ้ หมือนกนั . บทวา อาปาถกชฌฺ ายวี โหติ ทาํ เหมือนภกิ ษุท่ีเจริญอาปาถกฌาน(เจริญฌานตอ หนา พวกมนุษย) คือแสดงความเปน ผสู งบ ทาํ เปน เหมือน

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 96เขาฌานตอหนาพวกมนุษยท เ่ี ดนิ มา. บทวา อิรยิ าปถสสฺ ไดแ ก อริ ิยา-บถ ๔. บทวา อาปนา การต้งั ใจ คือ จงใจไวแ ตต นหรอื ตั้งใจไวโ ดยเอือ้ เฟอ บทวา ปนา คือ การตงั้ ใจ. บทวา สณฺปนา ทาํ เปนตง้ั ใจ อธิบายวา ทาํ ความนาเลอ่ื มใส. บทวา อริยธมฺมสนฺนิสิตกลา ววาจาอิงอริยธรรม คือเนอ่ื งดวยโลกตุ รธรรม. บทวา กุ ฺจกิ  คอื ลกูกญุ แจสําหรับเปด . บทวา มิตตฺ า คอื มคี วามเยอื่ ใย. บทวา สนฺทิฏาคอื เพยี งเห็นกัน . บทวา สนฺภตตฺ า คอื เปน มิตรสนิทกนั มาก. บทวาอุทฺทณโฺ ฑ ไดแก เรอื นทพ่ี ักหลงั หนง่ึ . บทวา โกรชิกโกรชิโก คือทาํ หนา บดู เบ้ียว. อธิบายวา หนา นว่ิ ยิ่งนกั . ปาฐะวา โกรชโก กม็ ี.บทวา ภากุฏกิ ภากฏุ ิโก ทาํ หนา สยิ้วบดู เบย้ี ว คอื ทําหนาสย้ิวเปน ปกติเหลือเกนิ บทวา กหุ กกุหโก หลอกลวง คอื ทําใหพ ิศวงยง่ิ นัก. บทวาลปกลปโก ปล้ินปลอนตลบตะแลง คอื ชา งพูดเกินไป. บทวา มุขสมฺ-ภาวิโต อันผูอนื่ สรรเสริญ คอื ผูอื่นสรรเสริญดว ยปากของตน. อาจารยบางทานกลาววา อปฺปตจิตฺโต คอื ไมหนําใจ. บทวา สนตฺ าน มีอยูคอื มีอยูเพราะสบื เนอ่ื งดว ยกเิ ลส. บทวา สมาปตฺตีน สมาบัติ คือธรรมท่ีควรบรรลุ บทวา คมภฺ รี  ลกึ ซึ้ง คอื ทพี่ ึ่งขาดหายไป. บทวา คุฬหฺ  ลับคือยากท่จี ะใหเหน็ ได. บทวา นิปุณ คอื สขุ ุม. บทวา ปฏิจฉฺ นนฺ  ปด บังคอื อธบิ ายใหร ูแจงแทงตลอดไดย ากดว ยอรรถแหง บท. บทวา โลกุตฺตรคอื แสดงถงึ โลกุตรธรรม. บทวา สุ ฺ ตาปฏสิ ฺตุ  คือ ปฏิสังยุตดวยนิพพาน. อกี อยางหนึ่ง บทวา โลกุตตฺ รสุ ฺ ตาปฏิสฺุต ไดแ กปฏสิ ังยตุ ดว ยนิพพานอนั เปนโลกตุ รธรรม. บทวา กายิก ปคพภฺ ิย ความคะนองทางกาย คอื เปนไปทางกาย

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 97ชือ่ วา กายิกะ. แมความคะนองเปนไปทางวาจาและเปน ไปทางจติ กม็ นี ัยนี้เหมือนกัน . บทวา อจิตฺติการกโต ไมทําความเคารพ คอื เวน จากความนับถอื มาก. บทวา อนุปาหนาน จงฺกมนตฺ าน เม่อื ภกิ ษผุ เู ปน เถระเดินไมสวมรองเทา คอื อยูในท่ีใกลภิกษผุ เู ปนเถระผเู ดนิ ไมส วมรองเทา หรอืบทนเ้ี ปน ฉฏั ฐวี ภิ ัตตลิ งในอนาทระ คอื แปลวา เมอ่ื . บทวา สอุปาหโนคือ เดนิ สวมรองเทา. บทวา นเี จ จงกฺ เม จงกฺ มนฺตาน เม่อื ภกิ ษุผเู ปนเถระเดินในทจ่ี งกรมตํา่ คอื เมอื่ ภกิ ษุผูเ ปนเถระเดนิ จงกรมในพื้นที่ทมี่ ิไดท าํการกาํ หนดไว เดนิ จงกรมในทจี่ งกรมซึ่งกาํ หนดไว เกลี่ยทรายทาํ ท่เี กาะแมต าํ่ . บทวา อจุ ฺเจ จงกฺ เม จงกฺ มติ เดนิ ในท่ีจงกรมสงู คอื ในท่ีจงกรมสูงลอ มดวยเวทกี อ อิฐ. หากลอ มดว ยกาํ แพงประกอบดวยซุม ประตูก็ยอ มควรเพ่อื เดินในท่ีจงกรมเชนนั้น ซ่งึ ปกปด ไวด ว ยดี ในระหวา งภูเขาระหวา งปาและระหวา งพุม ไม. แมในที่ไมปกปดละอุปจารเสียก็ควร. บทวา ฆฏยนฺโตป ติฏติ ยืนเบยี ดบา ง คือยืนใกลเ กนิ ไป. บพวา ปุรโตป-ติฏติ คอื ยนื บงั หนาบาง. บทวา ติ โกป ภณติ ยนื ทอื่ พดู บา ง คอืพูดไมก มเหมือนตอไม. บทวา พาหาวกิ เฺ ขปโก แกวงแขน คอื แกวงแขนไปขา งโนน ขา งนพี้ ดู . บทวา อนปุ ขชชฺ นงั่ แทรกแซง คอื เขาไปยังท่ีท่ีพระเถระท้งั หลายน่ัง. บทวา นเวป ภกิ ขฺ ู อาสเนน ปฏพิ าหติ นั่งกดีกนั อาสนะพวกภิกษนุ วกะบา ง คอื ไมน ัง่ บนอาสนะทถ่ี ึงตนแลว เขา ไปแทรกขา งหนา บางขางหลังบาง ชื่อวากีดกนั อาสนะ. บทวา อนาปจุ ฺฉาปกฏ  ปกขฺ ปิ ติ ไมบ อกกอนแลว ใสฟน บา ง คอื ไมบ อกไมข อความยินยอมแลวใสฟ น ในไฟบา ง. บทวา ทวฺ าร ปท หติ ปด ประตู คือปดเรอื นไฟ.บทวา โอตรติ หยงั่ ลง คือเขาไปยังทา นา้ํ บทวา นหายติ อาบน้ํา คือ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 98ชาํ ระรางกาย. บทวา อุตฺตรติ ข้ึน คือขนึ้ ฝง จากทา นาํ้ . บทวา โวกฺ-กมมฺ าป คอื เดินเลยหนาบาง. บทวา โอวรกานิ หอ งเลก็ คือหองนอนทเ่ี ขาตกแตง เปน หอ ง. บทวา คฬุ ฺหานิ คือ ปดบงั . บทวา ปฏิจฉฺ นนฺ านิปกปด คอื มอี ยางอืน่ บงั ไว. บทวา อนชฌฺ ิฏโ วา ไมไดเ ช้อื เชิญ คือพระเถระมิไดขอรอ งและเธอเชิญวา ทานจงฟงธรรมเถิดดังน้.ี บทวา ปาปธมโฺ ม มีบาปธรรม คอื มีธรรมลามก. บทวา อสจุ ิ-สงกฺ สสฺ รสมาจาโร มีความประพฤติไมสะอาดทพ่ี งึ ระลกึ ดว ยความระแวงคือช่อื วา มีความประพฤตไิ มสะอาดทพี่ ึงระลกึ ดว ยความระแวง เพราะมีความประพฤติ คอื มกี ารประกอบท่ีผอู น่ื พึงระลึกดวยความระแวง ผเู ปนคนทุศลี ดังน้ี. บทวา ปฏิจฉฺ นฺนกมมฺ นฺโต มกี ารงานอันปกปด คือมีการงานทางกายและวาจาอนั ปกปด. บทวา อสฺสมโณ คือ มใิ ชสมณะ.บทวา สมณปฏิโฺ  คอื ปฏญิ าณณวาเราเปน สมณะ. บทวา อพฺรหฺมจารีคือ เวนจากถารประพฤตอิ ันประเสรฐิ . บทวา พฺรหมฺ จารีปฏิ โฺ  ปฏิ-ญาณวาเปน ผปู ระพฤติพรหมจรรย คอื ตรงกนั ขา มกับทีก่ ลาวแลว . บทวาอนโฺ ตปตู ิ เนา ใน คือถึงความเปน ผูเนา ใน เพราะเวน จากกศุ ลธรรมในภายใน. บทวา อวสฺสุโต คือ ชุม อยูดวยราคะ. บทวา กสมฺพชุ าโตคือ มีสภาพเปนหยากเยื่อ. ในบทวา อาจารโคจรสมฺปนฺโน ถงึ พรอมดวยอาจาระและโคจรนพี้ งึ ทราบความตอไปนี้ ภิกษุมีความเคารพ มคี วามยําเกรง ถงึ พรอ มดว ยหิรแิ ละโอตตปั ปะ นุงเรยี บรอ ย หมเรียบรอ ย กา ว ถอย มอง เหลียวคู เหยียด นาเลอ่ื มใส ทอดตา ถึงพรอมดวยอริ ยิ าบถ คุมครองทวารในอนิ ทรยี ท ั้งหลาย รูจ กั ประมาณในการบริโภค ประกอบความเพยี รเนือง ๆ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 99ประกอบดวยสตสิ มั ปชัญญะ มกั นอยสนั โดษ ปรารภความเพียร ทาํ ความเคารพในอภสิ มาจาริกวัตร มากไปดว ยความยาํ เกรงครู น้ีทานเรยี กวาอาจาระ. พึงทราบอาจาระเพยี งเทา นี้กอน. สวนโคจรมี ๓ อยาง คืออปุ นิสสยโคจร (โคจรอนั เปนอปุ นสิ ัย) ๑ อารักขโคจร (โคจรอนั ควรรักษาไว) ๑ อปุ นิพันธโคจร (โคจรอนั เขาไปผกู พนั ) ๑. ในโคจร ๓ อยา งนัน้ อปุ นิสสยโคจรเปน อยางไร. ภกิ ษปุ ระกอบดว ยคุณคือกถาวตั ถุ ๑๐ มีมิตรดี เขา ไปอาศยั มิตรดยี อ มไดฟง ส่งิ ทย่ี ังมิไดเคยฟง ยอ มทําส่ิงที่ฟงแลว ใหเ เจม แจง ขามความสงสัย ทาํ ความเหน็ ใหตรง ทําจติ ใหผ องใส เมือ่ ศึกษาตามยอมเจริญดว ยศรทั ธา ศลี สตุ ะ จาคะปญ ญา นช้ี ื่อวา อปุ นิสสยโคจร. อารกั ขโคจรเปน อยา งไร. ภิกษใุ นศาสนาน้ี เขา ไปในระหวา งเรือนแลว เดินไปตามถนน ทอดตา มองดูเพียงชั่วแอก สาํ รวมเปน อยางดเี ดินไป ไมม องดชู าง มา รถ คนเดินทาง สตรีบรุ ุษ ไมแ หงนดู ไมก มดู ไมจ องทศิ นอ ยใหญเดินไป นี้ชอ่ื วาอารักขโคจร.อปุ นิพนั ธโคจรเปน อยา งไร. สติปฏ ฐาน ๔ จิตเขา ไปผูกพันไวใ นสต-ิปฏ ฐานขอ ใด. สมดงั ทีพ่ ระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ไววา ดูกอ นภิกษุทั้งหลายก็โดยจรเปน ของตน เปน ของบดิ า เปนวสิ ัยคืออะไร คอื สตปิ ฏ ฐาน ๔ นี้ชื่อวา อุปนพิ นั ธโคจร. ภกิ ษเุ ขา ถงึ เขาถึงพรอม ประกอบแลว ดวยอาจาระน้ี และดว ยโคจรนด้ี ว ยประการฉะนี้แหละ ดว ยเหตุนั้นทา นจงึ เรียก อาจาร-โคจรสมปฺ นฺโน เปน ผถู งึ พรอมแลวดวยอาจาระและโคจร. บทวา อณุ-มตฺเตสุ วชเฺ ชสุ ภยทสฺสาวี เห็นภยั ในโทษทั้งหลายมปี ระมาณนอ ย คือมปี กติเหน็ ภยั ในโทษทงั้ หลายอนั มปี ระเภทเปนตนวา การตอ งอาบตั ิโดยไมเ จตนา เสขิยะวัตรและจิตตปุ บาทอนั เปนอกศุ ล มปี ระมาณนอย. บทวา

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 100สมาทาย สกิ ฺขติ สิกขฺ าปเทสุ สมาทานศึกษาอยูในสกิ ขาบทท้ังหลาย คือถอื เอาโดยชอบศกึ ษาสกิ ขาบททีค่ วรศกึ ษาอยางใดอยางหนึ่งในสกิ ขาบทท้งั -หลาย. อนึ่ง ในบทวา ปาฏโิ มกขฺ ส วรส วุ โต สํารวมระวงั ในพระปาติโมกขน้ี ทานแสดงถงึ ศีล คอื การสํารวมในพระปาติโมกขดว ยเทศนาอันเปนบุคลาธิษฐาน ดวยเหตุเพียงเทาน.ี้ พงึ ทราบบททัง้ ปวงมอี าทวิ า อาจาร-โคจรสมปฺ นฺโน ทานกลา วเพื่อแสดงถงึ การปฏิบัติ ของผูปฏบิ ัตทิ ม่ี ีศีลสมบูรณแ ลว. บทวา สาติเยสุ อนสิสาวี บคุ คลผไู มมีความยินดใี นวัตถเุ ปน ที่นา ยินดี คือเวนจากความชมเชยดว ยตณั หาในกามคุณทัง้ หลาย อนั เปนวตั ถทุ ี่นายนิ ดี. บทวา สณฺโห ผูล ะเอียด คือประกอบดว ยกายกรรมเปน ตน อนั ละเอยี ด. บทวา ปฏภิ าณวา มปี ฏภิ าณ คอื ประกอบดวยปรยิ ตั ิปริปุจฉา (การสอบกาม) อธคิ ม (การบรรล)ุ และปฏิภาณ. บทวา นสทโฺ ธ ไมม ีศรัทธา คอื ไมเชอ่ื ถงึ ธรรมท่ีบรรลเุ องของใคร ๆ. บทวาน วิรชชฺ ติ ไมคลายกําหนดั คือไมค ลายกําหนดั ในบดั นี้ เพราะความกาํ หนัดคลายไปแลวเพราะความสน้ิ ไป. บทวา เยส เอสา สาตยิ า ความยินดีนน้ั ของบคุ คลเหลา ใดไดแกความปรารถนาในกามคุณ มีวัตถนุ ายนิ ดีของบคุ คลเหลาใด. บทวาตณฺหา อปฺปหีนา ตัณหาอันสมั ปยตุ ดว ยความชมเชย อันบคุ คลยังละไมไ ดดว ยอรหัตมรรค. บทวา เตส จกขฺ ุโต รปู ตณฺหา สวติ ชนเหลาน้นัก็มรี ูปตัณหาไหลหลง่ั ไปทางจักษุ คือตณั หามรี ูปเปนอารมณส มั ปยุตดว ยชวนวถิ ีจติ อนั เปน ไปแลว ยอมเกดิ จากจักขทุ วารของชนเหลานน้ั . บทวาปสวติ ไหลไป คือ โดยภูมติ ัณหายอ มไหลไปถึงภวัคคพรหม โดยธรรมยอมไหลไปถึงโคตรภ.ู บทวา สนทฺ ติ หลั่งไหล คือไหลไปสปู ากเบ้อื งต่ํา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook