Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_30

tripitaka_30

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:36

Description: tripitaka_30

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 101 ๔. สรภปู าจนี นนิ นสูตร ผเู จรญิ อรยิ มรรค ฯลฯ เหมอื นแมน ้าํ สรภูไหลไปสทู ิศปราจีน [๑๘๗] สาวัตถีนิทาน. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย แมน้ําสรภูไหลไปสูทิศปราจีน หล่ังไปสูท ศิ ปราจนี บา ไปสทู ศิ ปราจีน แมฉันใด ภกิ ษเุ ม่อื เจรญิอริยมรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ . . . ฉนั นนั้ เหมอื นกัน ฯลฯ จบสรภปู าจนี นนิ นสตู รที่ ๔ ๕. มหีปาจีนนินนสตู ร ผูเ จรญิ อริยมรรค ฯลฯ เหมือนแมน้ํามหไี หลไปสูทิศปราจีน [๑๘๘] สาวัตถนี ทิ าน. ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย แมน ้าํ มหีไหลไปสูทศิปราจนี หล่งั ไปสทู ิศปราจีน บาไปสทู ศิ ปราจีน แมฉ ันใด ภกิ ษเุ ม่ือเจรญิอรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘ . . . ฉันนนั้ เหมอื นกนั ฯลฯ. จบมหีปาจนี นินนสูตรที่ ๕



















































พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 127 ๑๑. มหสี มุททนินนสตู ร ผเู จรญิ อริยมรรค ฯลฯ เหมอื นแมน้ํามหีไหลไปสสู มทุ ร [๒๔๒] สาวัตถีนทิ าน. ดกู อนภิกษุทั้งหลาย แมนํา้ มหีไหลไปสูสมทุ ร หล่ังไปสูสมุทร บาไปสูสมทุ ร แมฉนั ใด ภิกษเุ มือ่ เจรญิ อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ . . . ฉันนั้นเหมอื นกัน ฯลฯ จบมหีสมทุ ทนนิ นสูตรท่ี ๑๑ ๑๒. มหานทีสมุททนินนสตู รผเู จรญิ อรยิ มรรค ฯลฯ เหมอื นแมน้ําใหญไ หลไปสูสมทุ ร [๒๔๓] สาวัตถนี ิทาน. ดกู อนภิกษุท้ังหลาย แมน้ําใหญ ๆ สายใดสายหน่ึงนี้ คือแมน ํา้ คงคา แมน าํ้ ยมุนา แมนา้ํ อจิรวดี แมน้ําสรภู แมนาํ้มหี ทงั้ หมดนัน้ ไหลไปสสู มุทร หลง่ั ไปสูส มุทร บา ไปสูสมทุ ร แมฉันใดภิกษุเมือ่ เจริญอรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ เมือ่ กระทําใหมากซึง่ อรยิ -มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ ก็เปนผูนอมไปสูนิพพาน โนม ไปสูน ิพาน โอนไปสูนพิ พาน ฉันนนั้ เหมอื นกนั . [๒๔๔] ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษุเมอ่ื เจรญิ อริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ เมอ่ื กระทําใหมากซง่ึ อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยา งไรเลาจึงเปน ผูนอ มไปสนู พิ พาน โนมไปสูนพิ พาน โอนไปสูนพิ พาน ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ยอ มเจริญสมั มาทฏิ ฐิ อันนอ มไปสนู พิ พาน

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 128โนมไปสูนพิ พาน โอนไปสูนิพพาน ฯลฯ ยอ มเจริญสัมมาสมาธิ อันนอมไปสูน พิ พาน โนมไปสนู ิพพาน โอนไปสนู ิพพาน ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษุเมอื่ เจริญอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ เม่อื กระทําใหมากซง่ึ อริยมรรคอนัประกอบดวยองค ๘ อยางน้แี ล จึงเปน ผูนอมไปสูนิพพาน โนมไปสนู ิพพานโอนไปสูนิพพาน. จบมหานทสี มทุ ทนนิ นสูตรที่ ๑๒ หมวดที่ ๔ วา ดวยการนอ มไปสูน พิ พาน รวมเปน ๑๒ สูตร๖ สูตรแรก อปุ มาดว ยแมน้ําไหลไปสทู ิศปราจีน ๖ สูตรหลงั อปุ มาดว ยแมน าํ้ ไหลไปสูส มทุ ร. จบหมวดท่ี ๔ จบคงั คาเปยยาลที่ ๙

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 129 อัปปมาทวรรคท่ี ๑๐ ๑. ปฐมตถาคตสตู ร* ผเู จรญิ อรยิ มรรคนอ มไปในการสละ [๒๔๕] สาวัตถีนิทาน. ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย สัตวทัง้ หลายทไ่ี มมีเทา กด็ ี มี ๒ เทากด็ ี มี ๔ เทา ก็ดี มีเทามากกด็ ี มรี ูปกด็ ี ไมม ีรูปกด็ ี มีสญั ญาก็ดี ไมม ีสัญญากด็ ี มสี ัญญากม็ ิใช ไมมีสญั ญาก็มใิ ชก ็ดี มีประมาณเทาใด พระตถาคตอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา บัณฑิตกลา ววาเปนผเู ลศิ กวาสัตวเ หลา น้ัน ฉนั ใด กศุ ลธรรมเหลา ใดเหลาหนง่ึ ท้ังหมดนัน้ มคี วามไมประมาทเปนมลู รวมลงในความไมป ระมาท ความไมป ระมาท บัณฑิตกลา ววา เลศิ กวา กุศลธรรมเหลานน้ั ฉนั น้นั เหมือนกัน ดูกอ นภิกษุทง้ั หลายอันภิกษุผูไมป ระมาทแลว พึงหวงั ขอน้ีไดวา จักเจรญิ อรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ จกั กระทําใหม ากซึ่งอรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘. [๒๔๖] ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย กภ็ ิกษผุ ูไมประมาท ยอ มเจริญอริย-มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ ยอมกระทําใหม ากซ่งึ อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยา งไรเลา ภิกษุในธรรมวินัยน้ี ยอมเจริญสัมมาทฏิ ฐิ อนั อาศัยวเิ วกอาศัยวิราคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละ ฯลฯ ยอมเจรญิ สมั มาสมาธิอันอาศยั วเิ วก อาศยั วริ าคะ อาศยั นิโรธ นอมไปในการสละ ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ภิกษผุ ูไ มประมาท ยอ มเจรญิ อรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ ยอ มกระทาํ ใหม ากซึง่ อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยางนแ้ี ล. จบปฐมตถาคตสตู รท่ี ๑ (อกี ๓ สูตรขา งหนา พงึ ใหพสิ ดารอยา งน)ี้* อรรถกถาแกร วมไวท ายวรรคนี.้

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 130 ๒. ทตุ ิยตถาคตสตู ร ผูเ จริญอรยิ มรรคมีการกําจัดราคะเปน ท่สี ุด [๒๔๗] สาวตั ถีนทิ าน. ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย สัตวท ้ังหลายทไี่ มมีเทากด็ ี มี ๒ เทากด็ ี มี ๔ เทา ก็ดี มีเทามากกด็ ี. . . อนั ภิกษผุ ูไ มประมาทพงึ หวังขอ นีไ้ ดวา . จกั เจรญิ อรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ จกั กระทาํ ใหมากซ่ึงอริยมรรคอันประกอบดว ยองค. [๒๔๘] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษผุ ูไมป ระมาท ยอ มเจริญอรยิ -มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ ยอ มกระทําใหมากซ่ึงอริยมรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ อยา งไรเลา ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี ยอมเจรญิ สมั มาทฏิ ฐิ มีอันกาํ จัดราคะเปน ที่สดุ มอี ันกําจัดโทสะเปน ที่สดุ มอี ันกําจัดโมหะเปน ท่สี ดุ ฯลฯยอ มเจรญิ สมั มาสมาธิ มอี ันกําจดั ราคะเปน ทสี่ ดุ มีอนั กาํ จดั โทสะเปนทีส่ ดุมีอนั กาํ จดั โมหะเปนที่สดุ ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษุผไู มประมาท ยอ มเจรญิอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ ยอ มกระทาํ ใหมากซ่งึ อรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘ อยางน้ีแล. จบทตุ ยิ ตถาคตสูตรท่ี ๒ ๓. ตติยตถาคตสตู ร ผเู จริญอริยมรรคอนั หยั่งลงสูอมตะ [๒๔๙] สาวัตถนี ทิ าน. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย สตั วทัง้ หลายที่ไมม ีเทา ก็ดี มี ๒ เทากด็ ี มี ๔ เทา กด็ .ี . . อันภกิ ษผุ ไู มประมาท พึงหวงั ขอนี้ไดว า จักเจริญอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ จักกระทาํ ใหม ากซึง่ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘.

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 131 [๒๕๐] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษผุ ไู มป ระมาท ยอ มเจริญอริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ ยอ มกระทาํ ใหม ากซึ่งอริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘อยา งไรเลา ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ยอ มเจริญสมั มาทิฏฐิ อันหย่ังลงสอู มตะมอี มตะเปนเบอื้ งหนา มีอมตะเปนที่สดุ ฯลฯ ยอ มเจริญสัมมาสมาธิ อนัหยงั่ ลงสอู มตะ มอี มตะเปน เบอื้ งหนา มอี มตะเปน ทีส่ ุด ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลายภกิ ษผุ ไู มป ระมาท ยอมเจรญิ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ ยอ มกระทาํใหม ากซ่งึ อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยา งน้ีแล. ๔. จตตุ ถตถาคตสูตร ความไมป ระมาทเลิศกวากศุ ลธรรม [๒๕๑] สาวตั ถนี ทิ าน. ดุกอนภกิ ษุท้งั หลาย สัตวท ั้งหลายทไ่ี มมีเทา ก็ดี มี ๒ เทา กด็ ี มี ๔ เทา ก็ดี มีเทา มากกด็ ี มรี ปู ก็ดี ไมม ีรูปก็ดี มีสัญญากด็ ี ไมม ีสัญญากด็ ี มีสญั ญากม็ ิใช ไมมีสญั ญาก็มิใชก ็ดี มีประมาณเทา ใด พระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา บณั ฑติ กลาววา เปนผูเ ลศิ กวาสตั วเ หลา น้ัน ฉนั ใด กศุ ลธรรมเหลา ใดเหลาหนึ่ง ทงั้ หมดน้ันมคี วามไมประมาทเปนมูล รวมลงในความไมป ระมาท ความไมประมาท บัณฑิตกลา ววา เลิศกวากุศลธรรมเหลาน้นั ฉันนั้นเหมอื นกนั ดกู อ นภิกษุทง้ั หลายอนั ภกิ ษุผไู มป ระมาท พงึ หวงั ขอ น้ไี ดวา จักเจรญิ อริยมรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ จักกระทําใหมากซึง่ อรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘.

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 132 [๒๕๒] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผูไมป ระมาท ยอ มเจริญอรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ ยอมกระทําใหม ากซงึ่ อรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ อยางไรเลา ภิกษใุ นธรรมวินยั นี้ ยอมเจริญสัมมาทฏิ ฐิ อนั นอ มไปสนู ิพพาน โนมไปสูน ิพพาน โอนไปสูนิพพาน ฯลฯ ยอ มเจรญิ สมั มาสมาธิอันนอ มไปสนู ิพพาน โนม ไปสูน ิพพาน โอนไปสนู ิพพาน ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษุผูไมประมาท ยอมเจริญอรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ยอ มกระทําใหมากซ่งึ อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยางนแี้ ล. จบจตตุ ถตถาคตสูตรที่ ๔ ๕. ปทสตู ร กศุ ลธรรมท้ังปวงมคี วามไมป ระมาทเปนมูล [๒๕๓] สาวัตถีนิทาน. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย รอยเทาของสตั วทั้งหลาย ผสู ญั จรไปบนแผน ดนิ ชนดิ ใดชนิดหนงึ่ ทงั้ หมดน้ันยอ มถงึ ความประชมุ ลงในรอยเทาชา ง รอยเทาชาง บัณฑติ กลา ววาเลศิ กวา รอยเทา สตั วเหลานน้ั เพราะเปนรอยใหญ แมฉ ันใด กุศลธรรมเหลาใดเหลา หน่งึท้ังหมดนน้ั มีความไมป ระมาทเปนมลู รวมลงในความไมประมาท ความไมประมาท บณั ฑิตกลา ววาเลิศกวากุศลธรรมเหลานั้น ฉนั น้ันเหมือนกันดกู อนภิกษุทั้งหลาย อันภกิ ษผุ ไู มประมาท พึงหวงั ขอน้ไี ดว า จกั เจรญิอรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ จกั กระทําใหม ากซงึ่ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘.

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 133 [๒๕๔] ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็ภกิ ษุผูไ มป ระมาท ยอ มเจริญอรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ ยอมกระทําใหมากซ่ึงอรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ อยา งไรเลา ภิกษใุ นธรรมวินัยนี้ ยอ มเจรญิ สมั มาทฏิ ฐิ อนัอาศยั วิเวก อาศยั วิราคะ อาศัยนิโรธ นอมไปในการสละ ฯลฯ ยอ มเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศยั วเิ วก อาศัยวริ าคะ อาศยั นิโรธ นอ มไปในการสละดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษุผูไ มประมาท ยอมเจรญิ อริยมรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ ยอมกระทาํ ใหม ากซึ่งอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ อยางนแ้ี ล. จบปทสตู รท่ี ๕ ๖. กฏู สูตร วา ดวยเรือนยอด [๒๕๕] สาวตั ถีนิทาน. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย กลอนแหงเรอื นยอดอยา งใดอยา งหนง่ึ ท้งั หมดนัน้ ไปสูยอด นอมไปสูย อด ประชมุ เขาที่ยอดยอดแหง เรอื นยอดนนั้ บณั ฑิตกลาววา เลิศกวากลอนเหลา น้ัน แมฉันใดกศุ ลธรรมเหลาใดเหลา หนง่ึ ท้ังหมดน้นั มีความไมประมาทเปนมลู . . .ฉันนน้ั เหมอื นกัน ฯลฯ จบกูฏสตู รที่ ๖

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 134 ๗. มูลคันธสตู ร วา ดวยกลน่ิ ทร่ี าก [๒๕๖] สาวตั ถนี ิทาน. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ไมมกี ล่ินท่ีรากชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ ไมก ลัมพกั บณั ฑิตกลาววาเลศิ กวาไมม กี ล่นิ ทร่ี ากเหลานน้ั แมฉันใด กศุ ลธรรมเหลา ใดเหลา หนง่ึ ทั้งหมดน้ัน มคี วามไมประมาทเปนมลู ...ฉนั นัน้ เหมอื นกนั ฯลฯ จบมูลคนั ธสตู รท่ี ๗ ๘. สารคนั ธสตู ร วา ดว ยกลิ่นที่แกน [๒๕๗] สาวตั ถนี ทิ าน. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ไมมีกลิน่ ทแี่ กนชนดิ ใดชนดิ หนึง่ จันทนแ ดง บณั ฑิตกลา ววา เลศิ กวาไมมีกล่ินที่แกนเหลา นนั้แมฉ นั ใด กศุ ลธรรมเหลา ใดเหลาหน่ึง ทั้งหมดน้ัน มคี วามไมประมาทเปนมลู . . . ฉนั นน้ั เหมือนกัน ฯลฯ จบสารคันธสูตรท่ี ๘

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 135 ๙. ปปุ ผคันธสตู ร วา ดวยกลน่ิ ท่ีดอก [๒๕๘] สาวตั ถีนทิ าน. ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย ไมม ีกลนิ่ ท่ดี อกชนิดใดชนดิ หนึ่ง มลิ บณั ฑิตกลาววา เลิศกวา ไมม ีกลน่ิ ทีด่ อกเหลานั้น แมฉนั ใดกุศลธรรมเหลาใดเหลาหนง่ึ ทั้งหมดนนั้ มีความไมป ระมาทเปนมูล. . .ฉันนนั้ เหมือนกัน ฯลฯ จบปปุ ผคันธสูตรที่ ๙ ๑๐. กฏุ ฐราชสตู ร วาดว ยพระราชาผเู ลศิ [๒๕๙] สาวตั ถีนิทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พระราชาผนู อ ย(ช้นั ต่าํ ) เหลา ใดเหลาหน่งึ ทัง้ หมดนัน้ ยอมเปนผตู ามเสด็จพระเจา จกั รพรรดิพระเจา จักรพรรดิบัณฑิตกลา ววา เลิศกวา พระราชาผนู อ ยเหลานนั้ แมฉ นั ใดกุศลธรรมเหลาใดเหลา หน่ึง ทง้ั หมดนั้น มคี วามไมป ระมาทเปนมลู . . .ฉนั นนั้ เหมอื นกัน ฯลฯ จบกุฏฐราชสูตรท่ี ๑๐

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 136 ๑๑. จันทมิ สตู ร วา ดวยพระจนั ทร [๒๖๐] สาวัตถนี ทิ าน. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย แสงสวางแหงดวงดาวชนดิ ใดชนิดหนึ่ง ทง้ั หมดน้นั ยอมไมถงึ เส้ียวที่ ๑๖ แหง แสงสวา งของพระจนั ทร แสงสวา งของพระจนั ทร บณั ฑิตกลาววา เลิศกวาแสงสวางของดวงดาวเหลานัน้ แมฉ นั ใด กศุ ลธรรมเหลา ใดเหลา หนึ่ง ทงั้ หมดน้ัน มคี วามไมประมาทเปนมูล. . . ฉนั น้ันเหมอื นกัน ฯลฯ จบจันทมิ สตู รที่ ๑๑ ๑๒. สุริยสตู ร วาดวยพระอาทิตย [๒๖๑] สาวัตถนี ทิ าน. ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ในสรทสมัย ทอ งฟาบริสทุ ธิ์ ปราศจากเมฆ พระอาทติ ยข ้ึนไปสทู อ งฟา ยอ มสองแสงและแผดแสงไพโรจน กาํ จดั ความมดื อนั มีอยูใ นอากาศทั่วไป แมฉนั ใด กศุ ลธรรมเหลา ใดเหลาหนึง่ ท้งั หมดนน้ั มคี วามไมประมาทเปน มลู . . . ฉนั นั้นเหมือนกนั ฯลฯ จบสรุ ยิ สตู รที่ ๑๒

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 137 ๑๓. วตั ถสตู ร วา ดวยผา [๒๖๒] สาวตั ถีนทิ าน. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ผาท่ีทอดว ยดา ยชนิดใดชนดิ หนึ่ง ผาของชาวกาสี บัณฑิตกลาววาเลศิ กวา ผา ท่ที อดว ยดา ยเหลานัน้แมฉนั ใด กุศลธรรมเหลาใดเหลา หนงึ่ ท้ังหมดน้ัน มคี วามไมประมาทเปน มูล รวมลงในความไมป ระมาท ความไมประมาท บณั ฑิตกลา ววาเลศิกวา กศุ ลธรรมเหลานัน้ ฉนั นัน้ เหมอื นกัน ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผูไมป ระมาท พึงหวังขอ นไี้ ดวา จักเจริญอริยมรรคประกอบดวยองค ๘ จกักระทําใหม ากซึง่ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘. [๒๖๓] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็ภิกษุผไู มป ระมาท ยอ มเจริญอรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘ ยอ มกระทําใหม ากซง่ึ อรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ อยางไรเลา ภกิ ษใุ นธรรมวินยั นี้ ยอ มเจรญิ สัมมาทฏิ ฐิ อันอาศยัวิเวก อาศัยวิราคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละ ฯลฯ ยอ มเจริญสมั มา-สมาธิ อนั อาศัยวเิ วก อาศัยวิราคะ อาศยั นโิ รธ นอมไปในการสละ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษผุ ไู มประมาท ยอ มเจริญอริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ยอมกระทาํ ใหม ากซึง่ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ อยา งนแ้ี ล. จบวตั ถสตู รท่ี ๑๓ จบอปั ปมาทวรรคที่ ๑๐

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 138 อัปปมาทวรรควรรณนาที่ ๑๐ อรรถกถาแหงอัปปมาทเปยยาล พงึ ทราบวินจิ ฉยั ใน อปั ปมาทเปยยาล. ในบทวา เอวเมว โข นพี้ งึ เห็นวา พระสัมมาสัมพุทธเจา เปน ผูเลศิ กวาสัตวท ั้งปวง ฉันใด ความไมป ระมาทอนั เปนตัวการเปน ธรรมเลิศกวากศุ ลธรรมท้งั หลายทง้ั ปวง ฉนั น้ัน. ถามวา กค็ วามไมประมาทนีเ้ ปน โลกยิ ะมใิ ชห รอื แตก ศุ ลธรรมเปน โลกุตระก็มี อนงึ่ ความไมป ระมาทน้เี ปนกามาวจร แตกศุ ลธรรมท้งั หลายเปนไปในภมู ิ ๔ ความไมป ระมาทน้จี ะเปนธรรมเลิศกวาธรรมเหลา น้นั ไดอยางไร. ตอบวา เพราะกุศลธรรมเหลานัน้อันบุคคลผไู ด ยอมไดด วยความไมป ระมาท เพราะฉะนนั้ ความไมประมาทนัน้ จึงเปน ธรรมเลศิ กวาธรรมเหลาน้ัน. ดว ยเหตนุ ัน้ พระผูมพี ระภาคเจาจึงตรัสวา ธรรมเหลาน้นั ทง้ั หมดมคี วามไมป ระมาทเปนมูล ดงั นี้เปน ตน. บทวา ชงฺคลาน ไดแก สัตวผูเทย่ี วไปบนฟน แผนดิน. บทวาปาณาน ไดแกพ วกสัตวมเี ทา . บทวา ปทชาตานิ ไดแก เทาทัง้ หลาย. บทวาสโมธาน คจฺฉนตฺ ิ ไดแ ก ถึงการรวบรวมคือยกข้ึน. บทวา อคคฺ มกขฺ ายติไดแก ยอมกลา ววา ประเสริฐที่สุด. บทวา ยทิท มหนฺตตเฺ ตน ไดแ กยอ มกลา ววา เลิศโดยความเปนธรรมยงิ่ ใหญ. อธบิ ายวา ไมใ ช กลา ววา เลิศดวยสามารถแหง คณุ . บทวา วสฺสกิ  ไดแ ก ดอกมะลิ. มีเรอื่ งเลาวา พระภาคิยมหาร สดบั เรือ่ งน้ีแลว รับสัง่ ใหอ บดว ยกลน่ิ ดอกไม ๔ ชนดิ ในหองหนึ่ง ดวยพระประสงคจ ะทดลองใหน าํ ดอกไมมีกลิ่นหอม ตัง้ ดอกมะลกิ าํ หน่งึ ไวก ลางผอบใบหนึ่ง จัดดอกไมท ี่เหลอื กําหน่ึง ๆ ตง้ั ไวโ ดยรอบดอกมะลนิ นั้ ทรงปด พระทวารเสด็จออกไปขางนอก เมือ่

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 139พระองคร อเวลาผานไปครูห นึ่งจงึ เปด พระทวารเสด็จเขาไป กล่ินดอกมะลิกระทบพระฆานะกอ นดอกไมทั้งหมด. พระองคเสดจ็ บายพระพกั ตรท รงไปยังมหาเจดีย ทรงหมอบลง ณ พ้นื แผนดินใหญน น้ั เอง ถวายบังคมพระเจดียดว ยทรงพระดาํ ริวา พระสมั มาสมั พุทธเจา ตรัสวา ดอกมะลิเปน ดอกไมท ี่เลิศกวา ดอกไมท ัง้ หลาย เปน อันพระองคต รสั ถูกตองแลว ดงั นี.้ บทวา กฎุ ราชาโน ไดแ ก พระราชาผูน อย. บาลีวา กฏุ ราชาโนดงั น้ีก็ม.ี บทวา ตนตฺ าวุตาน ตดั บทเปน ตนฺเต อาวุตาน ความวายกดา ยขนึ้ คือทอ. บทน้ีเปน ฉัฏฐีวิภตั ติลงในอรรถแหง ปฐมาวภิ ตั ต.ิ บทวายานิกานิจิ ตนตฺ าวุตานิ น้มี ีเนื้อความในตอนตน . อกี อยา งหนึง่ พงึ เห็นเนอ้ื ความในบทน้แี มโดยนยั แหง ปาฐะท่ีเหลืออยา งนว้ี า ตนฺตาวตุ าน อาวุ-ตานิ กานิจิ วตฺถานิ ดังน้ี แปลวา ผาชนดิ ใดชนิดหนงึ่ ท่ที อดว ยดาย.บทท่เี หลอื ในที่ทั้งปวงงายทงั้ นน้ั . จบอปั ปมาทวรรควรรณนาท่ี ๑๐ รวมพระสตู รทีม่ ใี นวรรคน้ี คอื ๑. ปฐมตถาคตสูตร ๒. ทุติยตถาคตสูตร ๓. ตติยตถาคตสตู ร๔. จตตุ ถตถาคตสูตร ๕. ปทสตู ร ๖. กฏู สูตร ๗. มลู คันธสตู ร๘. สารคนั ธสตู ร ๙. ปปุ ผคันธสูตร ๑๐. กฏุ ฐราชาสูตร ๑๑. จนั ทมิ สตู ร๑๒. สุริยสตู ร ๑๓. วัตถสูตร พรอมทงั้ อรรถกถา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 140 พลกรณยี วรรคที่ ๑๑ ๑. ปฐมพลกรณียสตู ร อาศยั ศลี เจริญอริยมรรคนอ มไปในการสละ [๒๖๔] สาวตั ถนี ทิ าน ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย การงานที่จะพงึ ทาํ ดว ยก าลังอยางใดอยางหนง่ึ อนั บคุ คลทําอยู ท้ังหมดน้ัน อนั บุคคลอาศยั แผน ดินดาํ รงอยบู นแผน ดนิ จงึ ทาํ ได การงานทจี่ ะพงึ ทําดว ยกําลังเหลาน้ี อันบคุ คลยอ มกระทาํ ไดดว ยอาการอยา งนี้ แมฉนั ใด ภกิ ษอุ าศัยศีล ตง้ั อยูในศีลแลวจงึ เจรญิ อรยิ มรรคประกอบดว ยองค ๘ กระทาํ ใหมากซึ่งอริยมรรคอันประกอบดวยองค ฉนั น้นั เหมอื นกัน. [๒๖๕] ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษุอาศัยศีล ตัง้ อยูในศลี แลว จึงเจริญอริยมรรคอันประกอบกวยองค ๘ กระทําใหม ากซี่งอริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ อยา งไรเลา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ยอมเจริญสัมมาทิฏฐิ อนั อาศยั วเิ วก อาศัยวริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละ ฯลฯยอ มเจริญสัมมาสมาธิ อินอาศัยวเิ วก อาศยั วริ าคะ อาศัยนิโรธ นอ มไปในการสละ ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษอุ าศัยศีล ตัง้ อยใู นศลี แลว จงึ เจริญอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ กระทําใหม ากซี่งอริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ อยางน้แี ล. จบ ปฐมพลกรณียสตู รที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 141 พลกรณียวรรควรรณนาที่ ๑๑ อรรถกถาปฐมพลกรณียสตู ร พึงทราบวินจิ ฉัยใน พลกรณียวรรค. บทวา พลกรณียา ไดแก การงานมีการว่งิ การกระโดด การกมและการหวา นเปนตัน พงึ ทาํ ดว ยก าลังขาและก าลงั แขน. บทวา สเี ลปตฎิ  าย ไดแก ต้งั อยูใ นจตปุ ารสิ ุทธศิ ีล บทวา อฏงฺคิก มคฺค ไดแ กอรยิ มรรคกับวปิ สสนา. จบอรรถกถาปฐมพลกรณียสตู รที่ ๑ ๒. ทตุ ยิ พลกรณยี สตู ร * อาศัยศลี เจริญอรยิ มรรคมกี าราจํากดั ราคะ [๒๖๖] สาวตั ถนี ทิ าน. ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย การงานทจ่ี ะพงึ ทําดว ยกาํ ลงั อยางใดอยา งหน่งึ อนั บคุ คลทาํ อยู ทั้งหมดน้นั อันบคุ คลอาศัยแผน ดิน ดํารงอยบู นแผน ดิน จึงทาํ ได การงานท่ีจะพึงทาํ ดว ยกาํ ลงั เหลานี้อันบคุ คลยอ มกระทําไดด วยอาการอยา งน้ี แมฉ ัดใด ภิกษอุ าศยั ศีล ตงั้ อยูในศลี แลว จึงเจริญอรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ กระทาํ ใหมากซ่งึอริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ ฉันนัน้ เหมอื นกัน.* สูตรที่ ๒ - ๔ ไมมอี รรถกถา

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 142 [๒๖๗] ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กภ็ ิกษุอาศัยศีล ต้ังอยใู นศลี แลวจึงเจรญิ อริยมรรคอนั ประกอบองค ๘ กระทําใหม ากซึ่งอริยมรรคอนัประกอบดว ยองค ๘ อยา งไรเลา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ียอมเจรญิ สัมมาทฏิ ฐิ มอี นั ก าจดั ราคะเปนทส่ี ุด มีอันก าจัดโทสะเปน ที่สุดมอี นั ก าจดั โมหะเปน ทีส่ ุด ฯลฯ ยอมเจริญสัมมาสมาธิ มอี ันก าจัดราคะเปนที่สุด มอี นั ก าจดั โทสะเปน ทสี่ ุด มอี ันก าจัดโมหะเปน ท่ีสดุ ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษอุ าศัยศลี ต้ังอยูในศลี แลว จึงเจริญอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ กระทาํ ใหมากซ่งึ อริยมรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ อยา งนี้แล. จบทตุ ิยพลกรณียสตู รที่ ๒ ๓. ตติยพลกรณยี สตู ร อาศยั ศีล เจริญอริยมรรคอันหยั่งลงสอู มตะ [๒๖๘] สาวตั ถนี ทิ าน. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย การงานท่จี ะพงึ ทาํดวยกําลงั อยางใดอยางหนึ่ง อนั บคุ คลทาํ อยู ทัง้ หมดนั้น อันบคุ คลอาศัยแผน ดิน ดํารงอยบู นแผนดนิ จงึ ทาํ ได การงานท่จี ะพงึ ทาํ ดว ยกําลงั เหลานี้อนั บุคคลยอมกระทาํ ไดดวยอาการอยา งน้ี แมฉ ันใด ภกิ ษอุ าศยั ศีล ตง้ั อยูในศลี แลว จงึ เจรญิ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ กระทําใหม ากซึ่งอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ ฉันน้ันเหมือนกนั . [๒๖๙] ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ก็ภิกษุอาศัยศลี ต้ังอยูใ นศีลแลว จึงเจรญิ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ กระทาํ ใหม ากชง่ี อริยมรรคอนั ประกอบ

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 143ดว ยองค ๘ อยางไรเลา ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ ยอมเจริญสัมมาทฏิ ฐิ อันหยงั่ ลงสูอมตะ มอี มตะเปนเบ้ืองหนา มอี มตะเปน ทสี่ ดุ ฯลฯยอมเจริญสมั มาสมาธิ อนั หยังลงสูอมตะ มีอมตะเปน เบือ้ งหนา มีอมตะเปนท่สี ุด ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ภิกษอุ าศยั ศลี ตงั้ อยใู นศีลแลว จงึ เจรญิ อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ กระทาํ ใหมากช่ีงอรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘อยางน้ีแล. จบตติยพลกรณียสตู รที่ ๓ ๔. จตุตถพลกรณยี สตู ร อาศยั ศีล เจริญอริยมรรคนอมไปสนู พิ พาน [๒๗๐] สาวัตถนี ิทาน. ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย การงานทจ่ี ะพึงทาํดว ยก าลงั อยา งใดอยา งหนง่ึ อันบุคคลทาํ อยู ทงั้ หมดนน้ั อนั บุคคลอาศยัแผนดิน ดํารงอยบู นแผน ดนิ จึงทําได การงานทพ่ี งึ ทาํ ดว ยกาํ ลังเหลา นี้อนั บุคคลยอ มทําไดดวยอาการอยางนี้ แมฉันใด ภิกษอุ าศัยศลี ตง้ั อยใู นศลีแลว จงึ เจรญิ อริยมรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ กระทําใหมากซ่งี อรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ ฉนั นนั้ เหมอื นกนั . [๒๗๑] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย กภ็ กิ ษอุ าศัยศลี ตง้ั อยใู นศลี แลว จงึเจริญอริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ กระทําใหม ากชี่งอรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยางไรเลา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ ยอ มเจริญสมั มาทิฏฐิ อันนอ มไปสูนิพพาน โนม ไปสนู ิพพาน โอนโปสูนพิ พาน ฯลฯยอ มเจรญิ สัมมาสมาธิ อนั นอ มไปสูนพิ พาน โนมไปสูนิพพาน โอนไปสู

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 144นิพพาน ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ภกิ ษุอาศยั ศลี ตง้ั อยใู นศีลแลว จงึ เจรญิอริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ กระทําใหม ากซง่ี อริยมรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยา งน้ีแล. จบจตุตถพลกรณียสตู รที่ ๔ ๕. พีชสูตร ผูอาศัยศลี เจรญิ อรยิ มรรค เหมอื นพชื อาศยั แผน ดิน [๒๗๒] สาวตั ถนี ิทาน. ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย พืชคามและภูตคามชนิดใดชนดิ หนง่ึ นี้ ยอมถึงความเจรญิ งอกงามใหญโ ต พืชคามและภตู คามทงั้ หมดนน้ั อาศยั แผน ดิน ตั้งอยูใ นแผนดนิ กงึ ถึงความเจริญงอกงามใหญโตพืชคามและภตู คามเหลา นี้ ยอมถงึ ความเจรญิ งอกงามใหญโต ดวยอาการอยา งนี้ แมฉันใด ภกิ ษอุ าศยั ศีล ต้ังอยูใ นศลี แลว เจรญิ อรยิ มรรคอนัประกอบดว ยองค ๘ กระทําใหมากซง่ึ อรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ ยอมถึงความเจริญงอกงามไพบูลยในธรรมทง้ั หลายฉนั นัน้ เหมอื นกัน. [๒๗๓] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษอุ าศัยศลี ตง้ั อยูในศลี แลว เจรญิอรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘ กระทําใหม ากซีง่ อริยมรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ อยางไรเลา จงึ ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย ในธรรมทั้งหลายดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ยอมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศยั วริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอมไปในการสละ ฯลฯ ยอ มเจรญิ สมั มา-สมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศยั วริ าคะ อาศัยนโิ รธ นอ มไปในการสละ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษอุ าศัยศีล ตั้งอยูในศลี แลว เจริญอริยมรรคอันประกอบ

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 145ดวยองค ๘ กระทาํ ใหม ากซ่งึ อรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘ อยางน้แี ลยอ มถึงความเจรญิ งอกงามไพบลู ย ในธรรมทัง้ หลาย. จบพีชสตู รท่ี ๕ อรรถกถาพีชสูตร ในบทวา พีชคามภูตคามา นี้ พึงทราบวา พืช ๕ ชนิด ชอื่ วาพชี คาม พืชนน้ั นั่นแล สมบรู ณด ว ยใบ ชอ่ื วา ภูตคาม ต้ังแตม ีสเี ขยี วบทวา พล คาเหนฺติ ไดแก ถงึ ความเจริญงอกงาม คือ มีลําตนมนั่ คง.นเ้ี ปนกถาตามลําดบั ในบทวา กสุ ุพฺเภ โอตรนฺติ เปน ตน . จบอรรถกถาพชี สูตรท่ี ๕ ๖. นาคสตู ร ผอู าศัยศีลเจริญอริยมรรคเหมือนนาคอาศยั ขุนเขา [๒๗๔] สาวัตถนี ทิ าน. ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย พวกนาคอาศัยขุนเขาชื่อหิมวนั ต มกี ายเติบโต มีกําลงั ครน้ั มีกายเตบิ โต มีกําลังทขี่ นุ เขาน้นั แลวยอ มลงสูบงึ นอ ย ครั้นลงสบู งึ นอยแลว ยอ มลงสบู งึ ใหญ คร้นั ลงสูบึงใหญแลว ยอมลงสแู มน ้ํานอ ย คร้นั ลงสูแมน ํา้ นอ ยแลว ยอมลงสแู มน ้าํ ใหญครน้ั ลงสแู มนา้ํ ใหญแลว ยอมลงสมู หาสมุทรสาคร นาคพวกน้ันยอ มถงึ ความโตใหญท างกายในมหาสมุทรสาครนน้ั แมฉนั ใด ภกิ ษุอาศัยศลี ตั้งอยใู นศีล

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 146แลว เจรญิ อรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ กระทําใหม ากซ่ึงอริยมรรคอนัประกอบดวยองค ๘ ยอ มถึงความเปนใหญไ พบลู ยในธรรมทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกนั . [๒๗๕] ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย ก็ภกิ ษอุ าศยั ศีล ตั้งอยใู นศลี แลวเจริญอรยิ มรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ กระทาํ ใหม ากซึ่งอรยิ มรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ อยางไรเลา ยอมถงึ ความเปน ใหญไ พบูลยในธรรมทงั้ หลาย ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินัยนี้ ยอ มเจรญิ สมั มาทิฏฐิ อันอาศัยวเิ วกอาศัยวริ าคะ อาศัยนิโรธ นอมไปในการสละ ฯลฯ ยอมเจรญิ สัมมาสมาธิอันอาศัยวิเวก อาศัยวริ าคะ อาศยั นิโรธ นอมไปในการสละ ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษอุ าศยั ศลี ต้งั อยใู นศลี แลว เจริญอรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘กระทําใหมากซ่ึงอริยมรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ อยา งน้แี ล ยอมถึงความเปน ใหญไ พบูลยใ นธรรมท้ังหลาย. จบนาคสตู รท่ี ๖ อรรถกถานาคสูตร พวกนางนาคตง้ั ครรภในอุตสุ มยั พากันคิดวา หากเราจักคลอดในบึงนอยน้ี พวกลูก ๆ ของเราจักไมอ าจทนกําลังของกระแสคลนื่ และครุฑทีโ่ ลดแลน มาไดด ังนี้ แมนาคเหลาน้ัน จงึ พากนั ดาํ ลงในมหาสมทุ รถึงประตมู ปี ากทางรว มกนั พากันเขาไปยงั แมน ํ้าใหญ ๕ สาย แลวไปสูป าหิมวันต. ณ ท่ีน้นั พวกนางนาคอาศยั อยทู ่ีถํ้าทอง ถ้ําเงิน และถา แกวมณซี ่ึงพวกครฑุเขาไปไมไ ด จึงคลอดแลวสอนใหล กู นาคหย่งั ลงในนํา้ ประมาณขอเทา เปนตน

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 147แลว ขามนํ้าไปได. ตอจากนั้น เมอ่ื ใดพวกนาคเหลา นั้นขา มแมน้ําคงคาเปนตน ไดโดยลาํ ดบั สามารถขามไปมาไดค ือขามจากฝง น้ไี ปฝง โนม ขา มจากฝงโนนมาฝง น้ีได เมอื่ นน้ั แมนาคท้งั หลายรวู า บดั น้ี ลกู ๆ ของเราสามารถทนกระแสคลื่นและก าลงั ครฑุ ไดแ ลว จึงใหเ มฆใหญต้ังขน้ึ ดว ยอานุภาพของตน ใหฝนตกดจุ ทาํ ปาหมิ วันตท ั้งสน้ิ ใหมนี าํ้ เปนสายเดยี วกนั นริ มติ เรอื สาํ เร็จดว ยทองและเงนิ เปนตน ดาดเพดานผามพี วงดอกไมซ ึง่ มกี ลน่ิ หอมตลบ วิจติ รดว ยดาวทองเบอ้ื งบน ถือเอาสรู าอาหารและดอกไมม ีกล่นิ หอมเปน ตน แลนไปกังมหานทีทง้ั หาดว ยเรือเหลานนั้ ถงึ มหาสมทุ รโดยลาํ ดบั . กพ็ วกนาคอาศัยอยู ณ ทีน่ ้นั เติบโตขนึ้ ประมาณ รอ ยวา พันวา แสนวา ชอ่ื วา ถงึ ความเปน ผเู จริญเตบิ โตไพบูลย. ในบทวา เอวเมว โข นี้ พงึ เห็นวา ภเู ขาหิมวนั ต คือจตปุ าริสุทธ-ศีล โยคาวจรดจุ ลูกนาค อรยิ มรรคดุจบึงเปนตน นพิ พานดจุ มหาสมุทรลกู นาคทัง้ หลายดาํ รงอยูใ นปาหิมวันตถ ึงมหาสมทุ รดวยบึงเปนตน ถึงความเปนผมู รี า งกายใหญโตฉันใด พระโยคที ัง้ หลายอาศัยศลี ตวั อยูใ นศีล บรรลุนพิ พานดว ยอริยมรรค ถงึ ความเปน ผมู สี รีระคือคณุ ธรรมอนั ใหญในอภิญญาธรรมทงั้ หลายอันมาถงึ แลว ดว ยอรหตั มรรค ฉันนน้ั นัน่ แล. จบอรรถกถานาคสตู รที่ ๖

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 148 ๗. รกุ ขสูตร *ผเู จริญอริยมรรคนอมไปสูนิพพาน เหมือนตนไมลม ลงทางท่ีโอน [๒๗๖] สาวตั ถนี ทิ าน. ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ตนไมน อ มไปสูท ิศปราจนี โนม ไปสูทศิ ปราจนี โอนไปสูทิศปราจีน ตนไมน ัน้ เมื่อถูกตัดรากเสยี แลว จกั ลม ลงทางทิศทีม่ ันนอ ม โนม โอนไป เเมฉันใด ภิกษเุ จริญอรยิ มรรคอันประกอบดวยองค ๘ กระทําใหมากซึ่งอริยมรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ ยอมเปนผูนอมไปสนู พิ พาน โนมไปสนู พิ พาน โอนไปสนู พิ พานฉนั นนั้ เหมอื นกนั [๒๗๗] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย กภ็ กิ ษุเจริญอรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ กระทําใหมากซึง่ อรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ อยา งไรเลา ยอมเปน ผนู อมไปสนู พิ พาน โนมไปสนู พิ พาน โอนไปสนู ิพพาน ดูกอ นภกิ ษทุ งั้หลาย ภิกษุในธรรมวินยั นี้ ยอมเจริญสมั มาทฏิ ฐิ อันอาศยั วเิ วก อาศยั วิราคะอาศยั นิโรธ นอ มไปในการสละ ฯลฯ ยอมเจรญิ สมั มาสมาธิ อนั อาศยั วเิ วกอาศยั วริ าคะ อาศยั นิโรธ นอมไปในการสละ ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุเจรญิ อริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ กระทําใหม ากซ่ึงอริยมรรคอนั ประกอบดวยองค ๘ อยางนแ้ี ล ยอ มเปนผูนอมไปสูนพิ พาน โนม ไปสนู พิ พาน โอนไปสนู พิ พาน. จบรกุ ขสตู รท่ี ๗* สตู รที่ ๗ ไมม ีอรรถกถาแก

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 149 ๘. กมุ ภสูตร ผูเจรญิ อรยิ มรรคยอ มระบายอกศุ ลธรรม [๒๗๘] สาวตั ถนี ทิ าน. ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย หมอที่ควํา่ ยอมทําใหนา้ํ ไหลออกอยางเดยี ว ไมท าใหกลบั ไหลเขา แมฉันใด ภิกษเุ จริญอริยมรรคอนั ประกอบดว ยองค ๘ กระทาํ ใหมากซึง่ อริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ ยอ มระบายอกุศลธรรมอันลามกออกอยา งเดียว ไมใหกลับคืนมาได ฉนั นัน้ เหมอื นกนั . [๒๗๙] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุเจริญอรยิ มรรคอันประกอบดว ยองค ๘ กระทาํ ใหม ากซ่งึ อรยิ มรรคประกอบดว ยองค ๘ อยา งไรเลา . ยอ มระบายอกุศลธรรมอนั ลามกออกอยางเดียว ไมใ หกลบั คืนมาได ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ภิกษใุ นธรรมวินัยน้ี ยอมเจรญิ สมั มาทฏิ ฐิ อันอาศยั วเิ วก อาศยัวริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละ ฯลฯ ยอมเจริญสมั มาสมาธิ อันอาศยั วเิ วก อาศยั วริ าคะ อาศยั นิโรธ นอ มไปในการสละ ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลายภิกษเุ จรญิ อริยมรรคอันประกอบดวยองค ๘ กระทําใหมากซ่ึงอรยิ มรรคอนัประกอบดวยองค ๘ อยา งนแ้ี ล ยอมระบายอกุศลธรรมอนั ลามกออกอยางเดยี วไมใหกลบั คนื มาได. จบกุมภสูตรที่ ๘

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 150 อรรถกถากุมภสูตร บทวา กมุ ฺโภ ไดแ ก หมอ น้ํา. บทวา โน ปจจฺ าวมติ คอืนาํ้ ไมกลับเขาไป. อธบิ ายวา ไมไ หลเขาภายใน. จบอรรถกถากมุ ภสตู รที่ ๘ ๙. สุกกสตู ร* ทฏิ ฐทิ ีต่ ้งั ไวชอบยอ มทาํ งายอวชิ ชา [๒๘๐] สาวตั ถนี ทิ าน. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย เดอื ยขาวสาลีหรอื เดือยขาวยวะ ต้งั ไวเ หมาะ มอื หรอื เทายา่ํ เหยียบแลว จักทําลายมือหรือเทา หรือวา จกั ใหห อ เลือด ขอ น้ีเปนฐานะที่มีได ขอ นนั้ เพราะเหตไุ ร เพราะเดือยต้ังไวเ หมาะ แมฉ นั ใด ภกิ ษกุ ฉ็ นั นนั้ เหมอื นกนั จักทาํ ลายอวิชชา จักยังวชิ ชาใหเกดิ จักกระทาํ ใหแ จง ซง่ึ นิทาน เพราะทฏิ ฐิทตี่ ง้ั ไวชอบ เพราะมรรคภาวนาตงั้ ไวช อบ ขอน้เี ปนฐานะที่มไี ด ขอ น้นั เพราะเหตุไร เพราะทิฏฐทิ ี่ตง้ั ไวช อบ. [๒๘๑] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษยุ อ มทําลายอวชิ ชา ยอ มยงั วชิ ชาใหเ กดิ ยอมทํานพิ พานใหแ จง เพราะทิฏฐิทต่ี ง้ั ไวชอบ เพราะมรรคภาวนาท่ีตงั้ ไวช อบอยางไร ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภิกษุในธรรมวนิ ัยนี้ ยอ มเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวเิ วก อาศัยวิราคะ อาศยั นโิ รธ นอมไปในการสละ ฯลฯ* สูตรท่ี ๙. ไมมอี รรถกถาแก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook