พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 379 ๓. ภกิ ขสุ ตู ร วาดวยการเจรญิ สตปิ ฏ ฐาน ๔ โดยสวน ๓ [๖๘๕] สมัยหนง่ึ พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระวิหารเชตวันอารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี ใกลก รงุ สาวัตถี คร้งั นน้ั ภิกษรุ ปู หน่ึงเขาไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจา ถงึ ทปี่ ระทบั ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจาแลวน่งั ณ ท่คี วรสวนขางหนึง่ ครนั้ แลว ไดก ราบทลู พระผูม พี ระภาคเจา วา [๖๘๖] ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผูมีพระภาคเจา โปรดแสดงธรรมโดยยอแกข าพระองค ท่ขี าพระองคไดฟ งแลวพงึ เปน ผู ๆ เดยี วหลีกออกจากหมู ไมประมาท มคี วามเพยี ร มใี จเดด็ เดย่ี วเถดิ . พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ก็โมฆบุรุษบางพวกในโลกนี้ ยอ มเธอเชญิ เราอยา งน้ันเหมอื นกัน และเม่ือเรากลาวธรรมแลว ยอ มสาํ คัญเราวาเปน ผคู วรติดตามไปเทา นน้ั ภิกษนุ ั้นทูลวิงวอนวา ขา แตพระองคผ เู จรญิ ขอพระผูมีพระภาคเจาโปรดแสดงธรรมโดยยอแกขา พระองค ขอพระสุคตเจา โปรดแสดงธรรมโดยยอแกขาพระองค แมไ ฉน ขา พระองคพ ึงรูทั่วถงึ เนื้อความแหงภาษิตของพระผมู พี ระภาคเจา แมไฉน ขาพระองคพ งึ เปนทายาทแหงภาษติ ของพระผูม ี-พระภาคเจา . [๖๘๗] พ. ดูกอนภกิ ษุ เพราะเหตนุ นั้ แหละ เธอจงยงั เบ้อื งตน ในกศุ ลธรรมใหบ ริสุทธิ์กอน. เบอ้ื งตนของกศุ ลธรรมคืออะไร. คอื ศลี ท่ีบริสุทธด์ิ ีและควานเห็นตรง. เมื่อใด ศลี ของเธอจกั บรสิ ุทธ์ิดี และความเห็นของเธอ
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 380จกั ตรง. เมอ่ื นัน้ เธออาศัยศลี ตง้ั อยใู นศีลแลว พงึ เจรญิ สตปิ ฏฐาน ๔โดยสว น ๓. สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปนไฉน. [๖๘๘] ดูกอนภกิ ษุ เธอจงพิจารณาเห็นกายในกายภายในอยู มีความเพียร มีสมั ปชญั ญะ มสี ติ กําจัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเหน็ กายในกายภายนอกอยู มีความเพยี ร มสี ัมปชัญญะ มีสติ กําจดัอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ๑ จงพจิ ารณาเห็นกายในกายทง้ั ภายในภายนอกอยู มีความเพยี ร มสี ัมปชญั ญะ มีสติ กําจัด อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑จงพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาภายในอยู ... จงพจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาภายนอกอยู ... จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาท้ังภายในและภายนอกอยู ...จงพจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ ภายในอยู ... จงพจิ ารณาเหน็ จิตในจิตภายนอกอยู ..จงพิจารณาเห็นจิตใจจิตทัง้ ภายในภายนอกอยู ... จงพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมภายในอยู มคี วามเพียร มสี มั ปชัญญะ มีสติ กาํ จดั อภิชฌาและโทมนสัในโลกเสยี ๑ จงพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมภายนอกอยู ๑ มีความเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มสี ติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี ๑ จงพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมทงั้ ภายในภายนอกอยู มคี วามเพียร มีสัมปชัญญะ มสี ติ กาํ จดัอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสีย ๑. [๖๘๙] ดกู อ นภิกษุ เม่ือใด เธออาศยั ศีล ตั้งอยใู นศีลแลว จกัเจรญิ สตปิ ฏฐาน ๔ เหลาน้ี โดยสวน ๓ อยา งน้ัน. เม่ือนัน้ เธอพงึ หวังความเจรญิ ในกุศลธรรมทัง้ หลายอยา งเดียว ตลอดคืนหรอื วนั อันจักมาถึง ไมม ีความเสื่อมเลย. [๖๙๐] ครัง้ น้นั ภิกษุนนั้ ช่นื ชม ยนิ ดภี าษิตของพระผูมพี ระภาคเจาลุกจากอาสนะ ถวายบงั คมพระผูมพี ระภาคเจา กระทาํ ประทักษิณแลว หลกี ไปเธอเปนผู ๆ เดียว หลีกออกจากหมู ไมประมาท มีความเพยี ร มีใจเดด็ เดีย่ ว
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 381ไมน านนกั กท็ าํ ใหแจง ซึ่งท่สี ดุ แหง พรหมจรรยอ นั ยอดเย่ยี ม ซ่งึ กลุ บตุ รทง้ั หลายผอู อกบวชเปน บรรพชิตโดยชอบตองการน้นั ดวยปญ ญาอันยง่ิ ดว ยตนเองในปจ จุบัน เขาถึงอยรู ูช ดั วาชาตสิ ้ินแลว พรหมจรรยอยจู บแลว กจิ ทีค่ วรทําทําเสรจ็ แลว กจิ อนื่ เพอื่ ความเปน อยา งนนั้ มิไดม ี กแ็ ลภกิ ษนุ ั้นไดเ ปนพระ-อรหันตองคห น่ึง ในจํานวนพระอรหนั ตทง้ั หลาย. จบภิกขสุ ตู รที่ ๓ อรรถกถาภิกขสุ ูตร พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในภกิ ขสุ ตู รท่ี ๓. บทวา เอวเมว ปนิเธกจฺเจ ความวา ไดย ินวา ภิกษุน้นั ใหบอกกมั มัฏฐานแลว ยอ มเทย่ี วไปขางโนน ขา งนี้ ไมต ามประกอบกายวเิ วก.เพราะเหตุนั้น พระผูมพี ระภาคเจา เมอื่ ทรงขม ภกิ ษุน้ัน จึงตรัสอยา งน.ี้บทวา ตสมฺ า ไดแ ก เพราะเธอยอมขอเทศนาโดยสังเขป. บทวา ทิฏ ิไดแ ก ความเหน็ วา สัตวม กี รรมเปนของ ๆ ตน. จบอรรถกถาภิกขุสตู รที่ ๓
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 382 ๔. โกสลสตู ร วา ดว ยการเจริญสตปิ ฏฐาน ๔ [๖๙๑] สมัยหน่ึง พระผูม พี ระภาคเจาประทบั อยู ณ พราหมณคามชอ่ื โกศล ในแควน โกศล ณ ท่ีน้นั แล พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั เรยี กภกิ ษุทง้ั หลาย ฯลฯ แลว ไดตรสั พระพุทธภาษิตน้วี า ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย ภิกษุ-ท้ังหลายที่เปนผูมาใหม บวชยังไมน าน เพ่งิ มาสูธรรมวินยั นี้ อนั เธอทั้งหลายพงึ ใหสมาทาน พึงใหตงั้ อยู พึงใหดํารงมัน่ ในการเจรญิ สติปฏ ฐาน ๔.สตปิ ฎฐาน ๔ เปนไฉน. [๖๙๒] มาเถดิ ผมู ีอายทุ ้ังหลาย เธอทง้ั หลายจงพิจารณาเหน็ กายในกายอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชญั ญะ มธี รรมเอกผุดข้นึ มจี ิตผอ งใสมจี ิตตง้ั มน่ั มจี ติ มีอารมณเดยี ว เพ่ือรกู ายตามความเปนจริง. จงพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู ... เพอื่ รเู วทนาตามความเปนจรงิ . จงพิจารณาเหน็ จติในจิตอยู. .. เพ่ือรูจ ิตตามความเปน จรงิ . จงพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยูมคี วามเพียร มีสมั ปชัญญะ มีธรรมเอกผดุ ขึน้ มีจิตผอ งใส มจี ิตตง้ั มน่ัมีจติ มอี ารมณเ ดียว เพื่อรูธรรมตามความเปนจริง. [๖๙๓] ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย แมภกิ ษุทัง้ หลายท่ยี งั เปนเสขะ ยงั ไมบรรลอุ รหัต ปรารถนาความเกษมจากโยคะอนั ยอดเยี่ยม กย็ อ มพิจารณาเหน็กายในกายอยู มีความเพยี ร มสี ัมปชัญญะ มธี รรมเอกผดุ ข้นึ มจี ิตผอ งใสมีจิตต้งั มั่น มีจิตมอี ารมณเ ดยี ว เพื่อกาํ หนดรกู าย. ยอ มพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ...เพอื่ กาํ หนดรเู วทนา. ยอ มพจิ ารณาเห็นจิตในจิตอยู . . . เพ่ือกําหนดรูจิต. ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชัญญะ
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 383มธี รรมเอกผดุ ข้ึน มจี ติ ผองใส มีจติ ตัง้ มั่น มจี ติ มีอารมณเ ดียว เพ่อื กาํ หนดรธู รรม. [๖๙๔] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย แมภิกษุทัง้ หลายท่เี ปน อรหนั ตขีณาสพอยจู บพรหมจรรย ทํากิจทีค่ วรทาํ เสรจ็ แลว ปลงภาระลงแลว มปี ระโยชนตนถงึ แลวโดยลาํ ดับ ส้นิ สงั โยชนท ี่จะนําไปสูภพแลว หลุดพนแลวเพราะรูโดยชอบ กย็ อมพจิ ารณาเหน็ กายในกายอยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชัญญะมธี รรมเอกผดุ ข้ึน มีจติ ผองใส มีจติ ต้ังม่ัน มจี ิตมีอารมณเ ดียว พรากจากกายแลว . ยอ มพจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู ... พรากจากเวทนาแลว .ยอมพจิ ารณาเห็นจติ ในจิตอยู ... พรากจากแลว . ยอ มพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มีสมั ปชญั ญะ มีธรรมเอกผดุ ข้ึน มีจติ ผองใสมีจิตตัง้ มัน่ มีจติ มีอารมณเ ดียว พรากจากธรรมเเลว . [๖๙๕] ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุทง้ั หลายทีเ่ ปน ผูมาใหม บวชยังไมนาน เพ่ิงมาสธู รรมวนิ ัยนี้ อนั เธอทั้งหลายพึงใหส มาทาน พงึ ใหต ้งั อยูพึงใหดํารงมัน่ ในการเจรญิ สตปิ ฏฐาน ๘ เหลา น้ี. จบโกสลสูตรที่ ๔
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 384 อรถกถาโกสลสตู ร พงึ ทราบวินิจฉยั ในโกสลสตู รท่ี ๔. บทวา ธมฺมวินโย ความวา บทท้ัง ๒ วา ธรรมหรอื วินัยนัน้เปนชอ่ื ของสตั ถุศาสนเทา น้ัน. บทวา สมาทเปตพฺพา ไดแก อันเธอทัง้ หลายพงึ ใหถือเอา. บทวา เอโกทภิ ตู า ไดแก ความเปนผูม ีจิตสงบดวยขณิกสมาธิ.บทวา สมาหติ า เอกคฺคจติ ฺตา ความวา มจี ติ ตั้งม่นั โดยชอบ และมีจติมีอารมณเ ดยี ว ดว ยสามารถอุปจาระและอัปปนา. ในสตู รนี้ สตปิ ฏฐาน อันภกิ ษุใหมท ้ังหลายและพระขีณาสพทงั้ หลายเจรญิ แลว เปน บุพภาค. พระเสขะ๗ จาํ พวกเจรญิ แลว เปน มสิ สกะคลุกเคลากัน. จบอรรถกถาโกสลสตู รที่ ๔ ๕. อกุสลราสสิ ูตร * กองอกศุ ล ๕ [๖๙๖] สาวตั ถนี ิทาน. ณ ทีน่ น้ั แล ฯลฯ พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรัสพระพุทธภาษิตน้ีวา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย เมอื่ จะกลาววากองอกศุ ล จะกลาวใหถ ูก ตอ งกลา วถงึ นิวรณ ๕. เพราะวากองอกศุ ลทง้ั สน้ิ น้ี ไดแ กน ิวรณ ๕.นิวรณ ๕ เปนไฉน. คือกามฉันทนวิ รณ ๑ พยาบาทนิวรณ ๑ ถีนมิทธนวิ รณ ๑ อุทธัจจกกุ กจุ จนิวรณ ๑ วิจกิ จิ ฉานวิ รณ ๑. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย* สตู รที่ ๕ ไมม อี รรถกถาแก
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 385เมือ่ จะกลาววากองอกุศลจะกลาวใหถกู ตองกลาวถงึ นวิ รณ ๕ เหลา น.ี้ เพราะกองอกุศลทัง้ สิน้ นไ้ี ดแกนวิ รณ ๕. [๖๙๗] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย เมือ่ จะกลา ววากองกุศล จะกลาวใหถูกตองกลา วถึงสตปิ ฏฐาน ๔. เพราะวากองกศุ ลทัง้ สน้ิ นี้ ไดแ ก สติปฏฐาน ๔.สตปิ ฏฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกายอยูมีความเพยี ร มีสมั ปชญั ญะ มีสติ พงึ กาํ จัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสียยอมพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู . . . ยอมพิจารณาเห็นจติ ในจิตอย.ู ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มสี ัมปชัญญะ มีสติ พึงกาํ จัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เม่อื จะกลาววากองกุศลจะกลา วใหถ ูก ตองกลาวถงึ สตปิ ฏ ฐาน ๔. เพราะวากองกศุ ลท้งั สิน้ น้ี ไดแกสติปฏ ฐาน. จบอกสุ ลราสสิ ตู รที่ ๕
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 386 ๖. สกณุ ัคฆีสูตร วา ดว ยอารมณโ คจร [๖๙๘] ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย เรอ่ื งเคยมีแลว เหย่ียวโฉบลงจบั นกมูลไถโดยรวดเร็ว ครงั้ น้นั นกมลู ไถกําลังถูกเหยย่ี วนําไป ไดร ําพันอยา งน้ีวา เราะเปนผูอับโชค มบี ุญนอ ย ทเี่ ที่ยวไปในถนี ของผูอนื่ อันมิใชถ ิ่นหากิน.ถา วนั นี้ เราไปเท่ียวในถนี อนั เปนของบิดาตน ซง่ึ ควรเท่ยี วไปไซร เหยีย่ วตวั นเี้ ราอาจตอ สูไ ด. เหย่ียวจงึ ถามวา แนะนกมูลไถ กถ็ ีนซง่ึ เปน ของบิดาตน อนั เปน ที่หากนิ ของเจา เปนเชนไร. นกมลู ไถตอบวา คอื ที่ ๆ มกี อ นดนิ ซ่งึ เขาทาํ การไถไว. ครัง้ นั้น เหยี่ยวหย่ิงในกําลังของตน อวดอางกาํ ลังของตน ปลอ ยนกมูลไถไป พรอมดวยบอกวา เจาจงไปเถดิ นกมูลไถ เจาจะไปแมใ นท่นี น้ักไ็ มพ น เราได. นกมลู ไถจงึ ไปยงั ที่ ๆ มกี อนดนิ ซงึ่ เขาทาํ การไถไว ขึ้นสกู อ นใหญ ยนื ทาเหยยี่ วอยูวา แนะ เหย่ยี ว บดั นท้ี านจงมาจับเราเถิด แนะ เหย่ียวบดั นี้ทา นจงมาจบั เราเถิด. ครั้งน้ัน เหยย่ี วหยิง่ ในกําลังของตน อวดอา งในในกาํ ลงั ของตน จงึ หอปกท้งั ๒ โฉบนกมลู ไถโดยรวดเร็ว. ครง้ั ใด นกมลู ไถรวู าเหยีย่ วน้โี ฉบลงมาเร็วจะจับเรา คร้งั นัน้ ก็หลบเขา ซอกดนิ นนั่ เอง. เหย่ยี วยงั อกใหกระแทกดนิ (ตาย) ในทีน่ ้นั เทยี ว ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เรื่องนกมูลไถเทีย่ วไปในถิ่นอืน่ อนั มิใชถ ่ินหากนิ ยอ มเปน เชนน้ีแล.
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 387 [๖๙๙] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนนั้ แหละ เธอทัง้ หลายอยาเท่ยี วไปในอารมณอน่ื อนั มิใชโคจร. เม่อื เธอทงั้ หลายเท่ยี วไปในอารมณอ่นือันมิใชโ คจร มารจกั ไดชอ ง มารจักไดอ ารมณ. กอ็ ารมณอ่ืนอันมิใชโ คจรของภิกษุ คืออะไร. คือ กามคณุ ๕. กามคุณ ๕ เปนไฉน. คือ รูปอนัพึงรดู วยจักษุ อนั นา ปรารถนา นา ใคร นาพอใจ นา รัก ชกั ใหใ คร ชวนใหกาํ หนดั เสียงทพ่ี งึ รดู วยโสต...กลนิ่ ทพ่ี งึ รดู วยฆานะ...รสทพี่ ึงรูดว ยชิวหา.โผฏฐพั พะทีพ่ ึงรูดว ยกาย อนั นา ปรารถนา นาใคร นา พอใจ นารกั ชักใหใคร ชวนใหก าํ หนดั . ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย น้ี คือ อารมณอนื่ มใิ ชโคจรของภกิ ษ.ุ [๗๐๐] ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เธอทั้งหลายจงเทย่ี วไปในอารมณ ซึง่เปน ของบดิ าตน อนั เปน โคจร เมอื่ เธอท้ังหลายเท่ียวไปในอารมณ ซ่งึ เปนของบดิ าตน อนั เปน โคจร มารจกั ไมไดชอง มารจกั ไมไดอารมณ. กอ็ ารมณอันเปน ของบดิ า อนั เปน โคจร คอื อะไร. คอื สติปฏ ฐาน ๔. สตปิ ฏฐาน ๔เปนไฉน. ภิกษุในธรรมวินยั ยอมพิจารณาเหน็ กายในกายอยู มีความเพยี รมีสมั ปชัญญะ มสี ติ กาํ จดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสีย ยอมพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... ยอมพิจารณาเหน็ ในจิตอยู ... ยอมพิจารณาเหน็ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพียร มสี ัมปชัญญะ มีสติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนสัในโลกเสยี ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย นค้ี อื อารมณซึ่งเปนของบดิ าตน อันเปนโคจรของภกิ ษ.ุ จบสกุณัคฆีสตู รที่ ๖
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 388 อรรถกถาสกุณัคฆีสูตร พึงทราบวินิจฉยั ในสกณุ คั ฆีสตู รที่ ๖. บทวา สกุณคฺฆิ ไดแ ก ชอ่ื วา สกุณคั ฆิ เพราะอรรถวา ฆา นก.คาํ นั่นเปนชอื่ ของเหยี่ยว. บทวา สหสา อชฺฌปฺปตฺตา ไดแก โฉบลงโดยเร็ว เพราะความโลภ. บทวา อลกขฺ กิ า ไดแ กเ ปนผหู มดสิริ. บทวาอปปฺ ปุ ฺา แปลวา เปน ผมู บี ุญนอ ย. บทวา สจชชฺ มย ตัดบทเปนสเจ อชฺช มย ถา วันน้ีเรา. บทวา นงคฺ ลกฏกรณ ไดแก การทาํ นาดวยไถ คอื ไถใหม ๆ อธบิ ายวาทาํ นา. บทวา เลณฑฺ ุฏ าน แปลวา ทแ่ี ตกระแหง. บทวา อวาทมานา คอื เหยีย่ วเมื่อหยิ่ง อธบิ ายวา กลา วสรรเสริญกําลงั ของตนดว ยด.ี บทวา มหนฺต เลณฑฺ ุ อภิรหุ ิตฺวา ความวา นกมูลไถกาํ หนดท่ีกอนดนิ ๓ กอน ต้งั อยู โดยสณั ฐานดังเตาไฟวา เมอ่ื เหย่ยี วบินมาขางนีเ้ ราจกั หลกี ไปขา งโนน เมือ่ บนิ มาขางโนน เราจกั หลกี ไปขา งนี้ ดังน้ีข้นึ กอนดนิ กอ นหนง่ึ ในกอ นดิน ๓ กอ นเหลา น้ัน ยืนทาอยู. บทวา สนธฺ ายไดแก หลบุ ปก ดจุ ลูอก คอื ต้งั ไวดว ยดี. บทวา พหุ อาคโต โข มยายความวา นกมลู ไถรูวาเหยยี่ วน้ีมาสูทไ่ี กลกวาเพ่อื ตองการเรา บดั น้ีจกั จบั เราไมใ หเ หลอื แตนอย ดังนี้ จึงหลบเขาไปในระหวางดินนนั้ แล คลายนาํ้ ออ ยงบติดอยูท่พี นื้ . บทวา อรุ ปจิจตาเฬสิ ความวา เหย่ยี วเมอื่ ไมส ามารถดํารงความเร็วไวได เพราะแลน ไปดว ยติดวา เราจักจับตดั หัวของนกมลู ไถครัง้ เดียวกระแทกอกทดี่ ินนน้ั ในทันใดน้นั เอง หัวใจของมันแตกแลว ครัง้ นั้น นกมูลไถราเริงยินดี วาเราเห็นหลังของศตั รู ดงั น้ี จงึ เดนิ ไปมาตรงหัวใจของเหยีย่ วนัน้ . จบอรรถกถาสกณุ คั ฆีสตู รที่ ๖
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 389 ๗. มักกฏสูตร วาดวยอารมณอันมใิ ชโคจร [๗๐๑] ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ถิ่นแหง ขุนเขาชื่อหมิ พานต อันไปไดยากขรขุ ระ ไมเ ปนท่ีเทยี่ วไปทง้ั ของฝงู ลงิ ทง้ั ของหมูมนษุ ย มีอย.ู ถิน่ แหงขุนเขาช่ือหิมพานต อันไปไดยาก ขรขุ ระ เปน ท่เี ท่ียวไปของฝงู ลิงเทา น้นั ไมใชข องหมมู นุษย มีอย.ู ภมู ิภาคแหงขนุ เขาชอื่ หมิ พานต ราบเรยี บ นา-รน่ื รมย เปน ทเ่ี ที่ยวไปท้ังของฝงู ลงิ ท้ังของหมมู นุษย มีอยู. ณ ที่น้นั พวกพรานวางตงั ไวในทางเดินของฝูงลิงเพ่อื ดกั ลงิ . ในลงิ เหลา นั้น ลงิ เหลาใดไมโง ไมลอกแลก ลิงเหลานนั้ เห็นตังนน้ั ยอ มหลกี ออกหา ง. สว นลิงใดโงลอกแลก ลงิ ตัวนน้ั เขา ไปใกลทง้ั น้นั เอามือจับ มือก็ตดิ ตงั มนั จึงเอามอื ขา งที่สองจบั ดว ยคิดวา จกั ปลดมอื ออก มอื ขางที่สองตดิ ตงั อกี มันจึงเอาเทาจบัดว ยคดิ วา จักปลดมอื ท้ังสองออก เทา ก็ตดิ ตังอกี มนั จงึ เอาเทาขา งทสี่ องจบัดว ยคดิ วา จักปลดมือท้งั สองงและเทา ออก เทา ท่สี องตดิ ตงั อกี มันจึงเอาปากกดั ดว ยคิดวา จกั ปลดมือทั้งสองและเทาทงั้ สองออก ปากกต็ ิดตงั อีก. ลิงตวั นนั้ ถกู ตรงึ ๕ ประการอยา งนี้แล นอนถอนใจ ถงึ ความพนิ าศ ถึงความฉิบหายแลว อันพรานจะพึงกระทาํ ไดตามความปรารถนา. พรานแทงลิงตวั นนั้แลว จึงดงึ ออกท้งิ ไวในท่นี นั้ เอง ไมป ลอ ยไป หลกี ไปตามความปรารถนา.ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย เร่ืองลงิ เทยี่ วไปในถิน่ อืน่ อันมใิ ชท ีค่ วรเทย่ี วไปยอ มเปนเชนน้ี แหละ. [๗๐๒] ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทง้ั หลายวาเทย่ี วไปในอารมณอ ื่น อันมิใชโ คจร เมอ่ื เธอทง้ั หลายเท่ยี วไปในอารมณอ่ืน
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 390อนั มิใชโคจร มารจักไดชอ ง มารจักไดอารมณ. ก็อารมณอ น่ื อันมใิ ชโคจรของภกิ ษคุ อื อะไร. คือ กามคุณ ๕. กามคณุ ๕ เปนไฉน. คอื รปู ที่พงึ รูด วยจกั ษุ อันนาปรารถนา นา ใคร นา พอใจ นารัก ชกั ใหใ คร ชวนใหก าํ หนดัเสียงท่พี งึ รดู วยโสต. . .กลนิ่ ที่พึงรูดว ยฆานะ. . .รสทพี่ งึ รูดวยชวิ หา. . .โผฏฐพั พะที่พึงรดู ว ยกาย อันนาปรารถนา นาใคร นาพอใจ นารัก ชกั ใหใคร ชวนใหก ําหนดั ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย นี้ คือ อารมณอ่ืนอันมใิ ชโ คจรของภกิ ษุ. [๗๐๓] ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เธอทัง้ หลายจงเทีย่ วไปในอารมณซ งึ่เปน ของบดิ าตน อนั เปนโคจร เมอื่ เธอทง้ั หลายเทยี่ วไปในอารมณซง่ึ เปนของบิดาตน อนั เปน โคจร มารจกั ไมไดชอ ง มารจกั ไมไ ดอ ารมณ. ก็อารมณอนั เปนของบิดาตน อนั เปนโคจรของภิกษุ คืออะไร. คือ สติปฏ ฐาน ๔.สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มพิจารณาเห็นกายในกายอยูมคี วามเพยี ร มสี ัมปชัญญะ มีสติ พงึ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยียอ มพจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู ... ยอ มพจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู...ยอมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มสี มั ปชัญญะ มีสติ กาํ จัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย น้ี คอื อารมณซ่ึงเปนของบดิ าตน อันเปน โคจรของภกิ ษุ. จบมกั กฏสตู รที่ ๗
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 391 อรรถกถามกั กฏสูตร พึงทราบวนิ จิ ฉัยในมกั กฏสตู รที่ ๗. บทวา ทุคคฺ า แปลวา ไปยาก. บทวา จารี แปลวา เปน ที่เทีย่ ว. บทวา เลป โอฑเฺ ฑนฺติ ความวา พวกพรานทาํ ตังผสมดว ยยางตน ไทรยอ ยเปน ตน กาํ หนดวา ที่น้นั ๆ เปนทเ่ี ดนิ ประจาํ ของพวกลิง ดงั นี้แลว วางไวทกี่ ิ่งตน ไมเ ปนตน. บทวา ปโฺ จฑฑฺ โิ ต ความวา ลิงถกู ตรึงในท่ที ้งั ๕ เหมือนสาแหรกอันตนสอดไมคานเขาไปแลว จบั ไวฉะน้นั . บทวาถุน เสติ ไดแ ก นอนถอนใจอย.ู จบอรรถกถามักกฏสตู รท่ี ๗ ๘. สูทสตู ร วา ดว ยการสาํ เหนียกและไมสําเหนยี กนิมิต [๗๐๔] ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย เปรียบเหมือนพอ ครวั ผเู ขลา ไมฉ ลาดเฉยี บแหลม บาํ รงุ พระราชาหรอื มหาอํามาตยของพระราชาดว ยสูปะตา งชนดิมรี สเปรย้ี วจดั บาง ขมจดั บา ง เผ็ดจัดบาง หวานจัดบาง มรี สเฝอนบา งไมเฝอ นบา ง เคม็ บาง จืดบา ง. พอครวั นั้น. . . ไมส ังเกตรสอาหารของตนวา วันนี้ ภัตและสปู ะของเราชนิดนที้ านชอบใจ หรอื ทา นรบั สปู ะน้ี หรอืทา นหยิบสูปะน้ีมาก หรอื ทา นชมสูปะน้ี วนั นี้ ภัตและสูปะของเรามีรสเปร้ยี วจัด ทา นชอบใจ หรอื ทานรับสูปะมรี สเปรย้ี วจดั หรอื ทา นหยบิ เอาสปู ะมรี ส
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 392เปรยี้ วจัดมาก หรอื ทา นชมสูปะมรี สเปรี้ยวจัด วันน้ี ภตั และสูปะของเรามีรสขมจัด . . . มีรสเผ็ดจดั . . . มีรสหวานจัด .. . มีรสเฝอ น. . . มีรสไมเฝอ น. . . มรี สเคม็ . . . วันนี้ ภตั และสูปะของเรามีรสจดื ทา นชอบใจ หรือทา นรบั สูปะมีรสจดื หรือทานหยิบเอาสูปะมีรสจดื มาก หรือทานชมสปู ะมีรสจดืดังนี.้ พอ ครัวน้ัน. . . ยอมไมไดเ คร่ืองนุง หม ไมไ ดค าจาง ไมไดร างวลั .ขอ นัน้ เพราะเหตุไร. เพราะพอครวั นั้นเปน คนเขลา ไมฉ ลาดเฉยี บแหลม ไมสงั เกตเครอ่ื งหมายอาหารของตน ฉนั ใด. [๗๐๕] ฉนั น้นั เหมอื นกนั ภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษุบางรูปในธรรมวินยันีเ้ ปน ผูเขลา ไมฉ ลาดเฉยี บแหลม ยอมพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู มคี วามเพยี ร มีสมั ปชญั ญะ มสี ติ กําจดั อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี . เมื่อเธอพิจารณาเห็นกายในกายอยู จติ ยอ มไมต้ังมน่ั ยังละอปุ กิเลสไมไ ด เธอไมสาํ เหนยี กนมิ ติ น้นั ยอ มพจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู .. . ยอมพิจารณาเห็นจติ ในจิตอยู .. . ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มีสัมปชญั ญะ มสี ติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. เม่อื เธอพจิ ารณาเหน็ธรรมในธรรมอยู จิตยอมไมต ง้ั มั่น ยงั ละอุปกิเลสไมไ ด เธอไมส ําเหนยี กนิมติ นัน้ . ภกิ ษนุ ้นั ... ยอ มไมไ ดธรรมเปนเครื่องอยเู ปนสขุ ในปจจุบัน และไมไ ดส ติสัมปชัญญะ. ขอ นั้นเพราะเหตุไร. เพราะภกิ ษนุ น้ั เปนผูเขลา ไมฉลาดเฉียบแหลม ไมสาํ เหนียกนิมติ แหง จติ ของตน. [๗๐๖] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย เปรยี บเหมือนพอครวั ผมู ีปญ ญาฉลาดเฉยี บแหลม บาํ รงุ พระราชาหรอื มหาอํามาตยข องพระราชาดวยสปู ะตางชนิดมีรสเปร้ียวจัดบา ง ขมจัดบา ง เผ็ดจดั บา ง หวานจัดบา ง มีรสเฝอ นบางไมเ ฝอนบา ง มีรสเคม็ บา ง จดื บาง พอครวั นั้นยอ มสังเกตรสอาหารของตนวาวนั น้ี ภัตและสูปะของเราชนิดน้ี ทา นชอบใจ หรือทานรับสปู ะนี้ หรือหยิบ
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 393เอาสูปะนีม้ าก หรอื ทา นชมสปู ะนี้ วนั น้ี ภตั และสปู ะของเรามรี สเปร้ียวจดั . . .วนั น้ี ภัตและสปู ะของเรามีรสขมจัด... มีรสเผด็ จัด. . . มรี สหวานจัด...มีรสเฝอ น... มรี สไมเฝอ น... มรี สเค็ม . . วนั น้ี ภัตและสูปะของเรามีรสจดื ทา นชอบใจ หรือทา นรบั สปู ะมีรสจืด หรอื ทา นหยบิ เอาสปู ะมรี สจืดมากหรอื ทา นชมสปู ะมีรสจืด ดังน้ี พอครวั นั้นยอ มไดเ ครอ่ื งนุงหม ไดค าจา งไดร างวัล. ขอ นัน้ เพราะเหตุไร. เพราะพอ ครวั น้นั เปน คนมปี ญ ญา ฉลาดเฉยี บแหลม สังเกตรสอาหารของตน ฉันใด. [๗๐๗] ฉันนน้ั เหมอื นกนั ภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษุบางรปู ในธรรมวนิ ัยนี้เปนผูมีปญญา ฉลาด เฉียบแหลม ยอมพิจารณาเห็นกายในกายอยู มีความเพียร มีสมั ปชัญญะ มีสติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี เม่อืเธอพจิ ารณาเหน็ กายในกายอยู จติ ยอ มตั้งมั่น ละอุปกิเลสได เธอยอมสาํ เหนียกนิมิตนน้ั ยอ มพจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู ... ยอมพิจารณาเหน็ จิตในจิตอยู. . . ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี เมอื่ เธอพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู จิตยอ มตั้งมน่ั ละอุปกิเลสได เธอยอ มสาํ เหนียกในนิมิตนั้น ภิกษุน้ันยอมไดธรรมเปน เครื่องอยเู ปนสขุ ในปจ จบุ ัน สละไดส ติสมั ปชัญญะ. ขอ นน้ั เปน เพราะเหตไุ ร. เพราะภิกษุนั้นเปนผูมีปญญา ฉลาดเฉยี บแหลม สาํ เหนียกนิมติ แหงจติ ของตน. จบสทู สตู รที่ ๘
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 394 อรรถกถาสูทสตู ร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในสูทสตู รที่ ๘ บทวา สโู ท แปลวา คนทาํ กับขาว. บทวา นานจจฺ เยหิ คอืตางชนิด อธบิ ายวา ตา งอยาง. อกี อยางหน่งึ ปาฐะนี้ก็เหมือนกัน. บทวาอมพฺ ลิ คเฺ คหิ ไดแก มีสว นเปร้ยี ว. ในบทท้ังปวงก็นยั นีแ้ ล. บทวา อภิหรติไดเเก เหยยี ดมือออกเพ่ือตองการรบั . บทวา พหุ คณฺหาติ ความวาเมือ่ รบั มากโดยรบั ครัง้ เดียวกด็ ี รับบอ ย ๆ กด็ ี ก็ชื่อวา รับมากอยนู นั่ เอง.บทวา อภิหาราน ความวา รางวัลทเ่ี ขายกขึน้ รอ ยหนึง่ หรอื พันหนึ่งนาํ ไป.บทวา อุปกลฺ เิ ลสา ไดแ ก นวิ รณ ๕ อยาง. บทวา นิมติ ฺต น อคุ ฺคณฺหาติความวา ภิกษุยอมไมร วู า กัมมัฏฐานนขี้ องเรา จดถงึ อนุโลมญาณ หรือโคตรภญู าณแลว ดงั นี้ ยอ มไมส ามารถจะจับนมิ ิตแหง จิตของตนได. ในพระ-สูตรน้ี พระองคตรสั สตปิ ฏฐานอนั เปน บุพภาควิปสสนาแล. จบอรรถกถาสทู สตู รท่ี ๘
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 395 ๙. คิลานสตู ร วาดวยมตี นเปน เกาะ [๗๐๘] ขาพเจาไดสดบั มาแลวอยา งน้ี :- สมัยหนึง่ พระผมู ีพระภาคเจาประทับอยู ณ เวฬุวคาม ใกลก รุงเวสาล.ี ณ ที่น้ันแล พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั เรยี กภิกษุท้ังหลายมาแลวตรัสวามาเถิด ภิกษทุ ้ังหลาย เธอทง้ั หลายจงเขาจําพรรษาในกรงุ เวลีโดยรอบตามมติ ร ตามสหาย ตามพวก ( ของตน ๆ) เถดิ เราจะเขาจาํ พรรษา ณเวฬวุ คามนี้แล. ภกิ ษเุ หลา น้นั ทลู รบั พระดํารัสของพระผูม ีพระภาคเจาแลวเขาจําพรรษาในกรงุ เวสาลีโดยรอบ ตามมิตร ตามสหาย ตามพวก (ของตนๆ). [๗๐๙] สว นพระผมู ีพระภาคเจา ทรงเขาจําพรรษา ณ เวฬวุ คามน้ันแหละ เม่ือพระผูมีพระภาคเจาทรงเขา จาํ พรรษาแลว อาพาธกลา บงั เกิดขนึ้เวทนาอยางหนักใกลม รณะเปน ไปอย.ู ไดย นิ วา ณ ท่ีนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงดํารงพระสตสิ มั ปชัญญะ ทรงอดกล้นั ไมท รงพร่ันพรึง. คร้ังนั้น พระองคทรงดํารวิ า การที่เรายงั ไมบอกภกิ ษผุ อู ุปฏ ฐาก ยงั ไมอาํ ลาภิกษุสงฆ แลวปรินพิ พานเสยี นัน้ หาสมควรแกเ ราไม ไฉนหนอ เราพึงขบั ไลอ าพาธนี้เสยีดวยความเพียร แลวดํารงชวี ิตสังขารอย.ู ครัง้ น้ัน พระผูมพี ระภาคเจา ทรงขบั ไลพ ระประชวรน้ันดวยความเพียร แลว ทรงดาํ รงชีวติ สังขารอย.ู ครงั้ นนั้พระผมู ีพระภาคเจา ทรงหายจากพระประชวรแลว ทรงหายจากความเจบ็ ปวยไมนาน ประทับน่ังบนอาสนะทเ่ี ขาปูลาดไวใตรม เงาแหง วิหาร. [๗๑๐] ลําดับน้นั ทา นพระอานนทเ ขาไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถงึทป่ี ระทับ ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา แลว จงึ นั่ง ณ ทีค่ วรสว นขา งหนึ่ง
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 396ครน้ั แลวไดกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผ ูเจรญิ ขา พระองคเหน็ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงอดทน ขาพระองคเ ห็นพระผมู ีพระภาคเจา ทรงยงัอตั ภาพใหเ ปน ไป กายของขา พระองคป ระหนง่ึ จะงอมระงมไป แมท ิศทงั้ หลายกไ็ มปรากฏแกข าพระองค แมธ รรมท้ังหลายก็ไมแจม แจง แกขา พระองคเพราะความประชวรของพระผมู พี ระภาคเจา แตข าพระองคม าเบาใจอยหู นอยหนึ่งวา พระผมู ีพระภาคเจา ยงั ไมทรงปรารภภกิ ษสุ งฆ แลว ตรสั พระพุทธพจนอันใดอนั หน่งึ จักยงั ไมเสดจ็ ปรินิพพานกอ น. พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวาดกู อนอานนท ก็บัดนภี้ ิกษุสงฆจ ะยังมาหวังอะไรในเราเลา . ธรรมอันเราแสดงแลว กระทาํ ไมใหมีในภายใน ไมใ หม ใี นภายนอก. กาํ มืออาจารยในธรรมทัง้ หลาย มิไดม ีแกต ถาคต. ผูใดพงึ มีความดาํ รฉิ ะน้ีวา เราจกั บริหารภิกษุสงฆหรอื วา ภิกษสุ งฆยงั มตี วั เราเปน ที่เชิดชู ผูน น้ั จะพึงปรารภภกิ ษสุ งฆ แลวกลา วคําอันใดอันหน่งึ แนนอน. ดกู อนอานนท ตถาคตมไิ ดมีความดํารอิ ยางน้ีวา เราจักบริหารภกิ ษสุ งฆ หรอื วาภกิ ษสุ งฆม ตี วั เราเปนท่เี ชดิ ชู ดงั น้ี.ตถาคตจกั ปรารภภิกษุสงฆแ ลวกลา วคาํ อันใดอัน หนึง่ ทําไมอกี เลา. บดั นเี้ ราก็แกเ ฒา เปน ผใู หญลวงกาลผา นวัยแลว วัยของเราเปน มาถึง ๘๐ ปแ ลว .เกวยี นเกา ยงั จะใชไ ปไดกเ็ พราะการซอ มแซมดวยไมไ ผ ฉันใด กายของตถาคตก็ฉันนั้นเหมอื นกนั ยงั เปน ไปไดก ็คลา ยกับเกวยี นเกาท่ีซอมแซมแลวดว ยไมไผ ฉะนัน้ . [๗๑๑] ดูกอ นอานนท สมยั ใด ตถาคตเขาเจโตสมาธอิ ันไมมีนิมิตเพราะไมกระทําไวในใจซง่ึ นมิ ติ ทงั้ ปวง เพราะดับเวทนาบางเหลา แลวอยูสมัยนั้น กายของตถาคตยอ มผาสุก เพราะฉะนัน้ แหละ เธอท้ังหลายจงมีตนเปน เกาะ มตี นเปนทพ่ี ง่ึ อยามสี ่ิงอน่ื เปนท่พี ึง่ คือ จงมธี รรมเปน เกาะ มีธรรมเปน ท่ีพ่งึ อยา มีส่ิงอืน่ เปนท่ีพึง่ อยูเถิด.
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 397 [๗๑๒] ดูกอนอานนท กภ็ ิกษเุ ปนผูมตี นเปน เกาะ มีตนเปนทพ่ี งึ่ไมมสี ่งิ อื่นเปน ท่ีพง่ึ คือ มีธรรมเปนเกาะ มีธรรมเปนที่พงึ่ ไมม สี ่งิ อื่นเปนท่ีพ่งึ อย.ู ภิกษุในธรรมวินยั นี้ ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู มีความเพียรมสี ัมปชญั ญะ มีสติ กําจัดอภชิ ฌา และโทมนสั ในโลกเสีย. ยอมพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู. . . ยอ มพจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอย.ู . . ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชญั ญะ มีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ดกู อ นอานนท ภิกษเุ ปนผูมตี นเปน เกาะ มีตนเปนท่ีพ่ึง ไมมีส่ิงอ่นื เปนทพ่ี ่งึ คอื มีธรรมเปน เกาะ มีธรรมเปน ท่พี ่งึ ไมม ีส่ิงอนื่เปน ท่พี ง่ึ อยู อยา งน้ันแล. [๗๑๓] ดูกอนอานนท ก็ผูใ ดผูห นึง่ ในบดั นก้ี ็ดี ในเวลาที่เราลว งไปแลว ก็ดี จกั เปน ผมู ีตนเปนเกาะ มตี นเปนทีพ่ ่งึ ไมม ีสิง่ อื่นเปน ท่พี ง่ึ คือมธี รรมเปน เกาะ มีธรรมเปนที่พง่ึ ไมมีสิ่งอ่นื เปน ท่ีพ่ึงอยู ภกิ ษุเหลาใดเปนผูใครต อการศึกษา ภิกษุเหลานนั้ จักเปนผูเลศิ . จบคิลานสูตรที่ ๙
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 398 อรรถกถาคลิ านสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในคลิ านสตู รท่ี ๙. บทวา เวลุวคามเก ความวา มีปารคามอยแู หงหนงึ่ มชี ื่ออยางน้ีใกลกรุงเวสาล.ี ณ ปารคามนนั้ . ในบทวา ยถามติ ตฺ เปน ตน ไดแกมติ รท้ังหลาย. บทวา สนทฺ ฏิ ความวา เพื่อนแรกพบรว มกนั ในที่น้ัน ๆจัดเปนมิตรทไี่ มม ัน่ คงนกั . บทวา สมภฺ ตตฺ ความวา เพอ่ื นคบกนั ดีมคี วามเยือ่ ใย จดั เปนมติ รม่นั คง. อธิบายวา พวกเธอทงั้ หลายจงเขา จาํ พรรษาในท่ีมภี กิ ษุทงั้ หลายเหน็ ปานนน้ั อยูเถิด. ถามวา ตรสั อยางน้ัน เพราะเหตไุ รตอบวา เพอื่ ยูผาสกุ ของภกิ ษุท้ังหลายเหลานัน้ . ไดย นิ วา ในเวฬวุ คาม เสนาสนะไมพ อสําหรบั ภกิ ษุเหลา นน้ั ทัง้ภิกษาก็นอ ย แตโดยรอบกรุงเวสาลี มีเสนาสนะมาก ทง้ั ภิกษาก็หาไดงา ยเพราะฉะนั้น พระองคจงึ ตรสั อยางน้.ี ถามวา เมื่อเปน เชนนนั้ เพราะเหตุไร พระองคจึงไมท รงปลอ ยไปวา เธอทั้งหลาย จงไปตามสบายเถิด. ตอบวา เพือ่ นเุ คราะหภิกษุท้งั หลายเหลา นน้ั . ไดยินวา พระองคไ ดม พี ระดาํ ริอยา งน้ีวา เราดํารงอยูเพยี งกงึ่ เดือนจกั ปรนิ พิ พาน. ถาภกิ ษทุ ง้ั หลาย จักไปไกลเรา เธอทั้งหลายจกั ไมอ าจเหน็ เราในเวลาปรินิพพาน. คร้ังน้ัน พวกเธอพงึ มีความเดือดรอ นวา เมอ่ื พระศาสดาปรินพิ พานไมไดป ระทานแมเ พียงสติแกเ ราท้งั หลาย ถาเราทั้งหลายพงึ รู ก็ไมพงึ อยไู กลอยางน้ี. แตเมือ่ เธอท้ังหลายอยูร อบกรงุ เวสาลี จกั มาฟง ธรรมเดือนละ ๘ ครง้ั กไ็ ดโอวาทของสุคต ดังนี้ จงึ ไมท รงปลอย.
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 399 บทวา ขโร ไดแ ก กลาแขง็ . บทวา อาพาโธ ไดแ ก โรคที่เปนวสิ ภาคะ. บทวา พาฬฺหา แปลวา มกี าํ ลงั . บทวา มรณนฺตกิ า ไดแกสามารถจะใหถ งึ ตาย คอื ใกลต ายได. บทวา สโต สมปฺ ชาโน อธิวาเสติความวา ทรงดํารงพระสตไิ วด ี กําหนดดวยญาณทรงอดกล้ัน. บทวาอวหิ ฺ มโน ความวา ไมทรงกระสับกระสายไปตามอํานาจเวทนา คือทรงอดกล้นั ไวไมใ หถูกเวทนาเบยี ดเบยี น และไมใ หเ กิดทกุ ข. บทวา อนามนฺ-เตตฺวา คอื ไมบ อกภิกษุใหรู และไมเผดียงภิกษุสงฆใ หรู ทา นอธบิ ายวาไมประทานโอวาทานุสาสน.ี บทวา วริ ิเยน ไดแ ก ดวยความเพยี รเปนบรุ พภาค และดวยความเพยี รเปน ผลสมาบัต.ิ บทวา ปฏิปณาเมตฺวา คือขมไว. ในบทวา ชีวติ ส ขาร นี้ แมชีวติ จดั เปนชีวติ สงั ขาร. ชวี ิตอันบุคคลปรบั ปรุง คือตอ ชีวิตทีก่ าํ ลงั ขาด ดาํ รงอยไู ดด ว ยธรรมคือผลสมาบัติใด แมธรรมคือผลสมาบตั ินั้น ก็จัดเปน ชีวติ สังขาร. ชีวติ สงั ขารนั้น ทรงประสงคในทน่ี ้.ี บทวา อธิฏาย ความวา เราพงึ เขาผลสมาบัติ อันสามารถอธิษฐานเหตใุ หดํารงชวี ติ อยูต อ ไปได ดังน.ี้ นค้ี วามสงั เขปในขอ น.ี้ ถามวา กก็ อนแตน ี้ พระผมู ีพระภาคเจา ไมท รงเขา ผลสมาบตั หิ รือ.ตอบวา ทรงเขา . แตส มาบัตินนั้ เปนขณิกสมาบัติ ก็ขณกิ สมาบตั ิ ยอ มขมเวทนาได ในภายในสมาบตั เิ ทาน้นั พอออกจากสมาบตั ิแลว เวทนายอ มครอบงาํ สรรี ะอีก เหมือนสาหรายขาดจากกนั เพราะไมขอนตก หรือเพราะหินตก แลวกป็ กคลมุ นาํ้ อีก ฉะนน้ั . สมาบัติท่เี ขาดว ยอาํ นาจมหาวิปสสนา*ทาํ หมวด ๗ แหงรปู *และหมวด ๗ แหงอรปู มิใหเ ปนกอ มใิ หเ ปน ชัฏใดสมาบัตนิ นั้ ยอมขม ไวด ว ยดี. เม่ือออกจากสมาบัตนิ น้ั แลวนาน เวทนาจงึ จะเกิดขนึ้ ได เหมอื นสาหรา ยท่ใี ชใ หค นลงสสู ระโบกขรณีเอามือและเทา แยก* ดูในวสิ ทุ ธมิ รรคบาลภี าค ๓ ตอนมคั คามคั คญาณทสั สนวิสุทธิ
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 400ไมใ หประชิดกันดวยดี นานจงึ จะปกคลมุ น้าํ ได ฉะนัน้ . ดว ยประการอยา งน้ันในวันน้นั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทาํ หมวด ๗ แหงรปู และหมวด ๗ แหงอรปู มใิ หเปน กอ มใิ หเ ปนชัฏ เหมือนแรกตัง้ วิปส สนาใหม ๆ ณ มหา-โพธิบลั ลังก ไหลไปดวยอาการ ๑๔ ทรงขมเวทนาดว ยมหาวปิ สสนา ทรงเขาสมาบตั ดิ ว ยทรงดํารวิ า ตลอด ๑๐ เดอื น เวทนาอยา เกิดขึน้ เลย ดงั น.ี้เวทนาอนั สมาบัติขม ไวกเ็ กิดข้นึ ไมไ ดต ลอด ๑๐ เดอื น. บทวา คิลานา วฏุ โิ ตไดแก ประชวรแลว หายประชวรอกี . บทวา มธุรกชาโต วิย ความวา เกดิ ความหนัก เกดิ ความกระดาง เหมอื นถูกคนเง้ือหลาวขึ้นใหสะดงุ . บทวา น ปกขฺ ายนตฺ ิ ไดแ กยอมไมประกาศ คือ ยอมไมป รากฏ เพราะเหตุตาง ๆ. บทวา ธมมฺ าปม นปฺปฏิภนตฺ ิ ทานแสดงวา สติปฏฐานธรรม ยอมไมป รากฏแกขาพระองค.สวนธรรมท่ีเปนแบบอยา ง เปนความคลอ งแคลว ดว ยดีของพระเถระ. บทวาน อทุ าหรติ ความวา พระผมู ีพระภาคเจา ยงั ไมประทานปจ ฉิมโอวาททานพระอานนท กลาวหมายถึงขอนนั้ . บทวา อนนฺตร อพาหิร ความวา กภ็ กิ ษุเมอ่ื ไมทาํ ธรรมทงั้ สองดวยอํานาจธรรม หรอื ดว ยอํานาจบคุ คล คดิ วา เราจักไมแสดงธรรมประมาณเทาน้ี ช่ือวา กระทําธรรมใหม ีในภายใน. เมอื่ คิดวา จักแสดงธรรมประมาณเทา น้แี กค นอน่ื ชือ่ วา กระทําบคุ คลใหม ีในภายนอก. แตเมื่อคดิ วา จกั แสดงแกบุคคลอืน่ ชือ่ วา กระทําบคุ คลใหมใี นภายใน. เม่อื คิดวา จักไมแสดงแกบ คุ คลน้ี ชอื่ วา กระทําบคุ คลใหในภายนอก. อธิบายวา เราไมท าํ อยา งน้นัแสดงธรรม. บทวา อาจรยิ มุฏิ ความวา ช่อื วา กาํ มืออาจารยย อมมีสําหรับพวกคนภายนอก. ในเวลาหนุม ทานไมก ลา วแกใ คร ในปจฉิมกาล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 498
Pages: