พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 201กอ น อธบิ ายวา เมื่อบรรลไุ มได กจ็ ะบรรลุในมรณกาล บทวา อถมรณกาเล ไดแ ก ยอ มบรรลุอรหตั ผลในเวลาใกลจะตาย บทวา อนฺตราปรนิ ิพฺพายี ความวา อนั ตราปรนิ ิพพายใี ด อายุยังไมถ งึ กลางคน ปรินิพพานเสยี กอ น อนั ตราปรินิพพายีนนัน้ มีสามอยา ง คอืผหู น่ึงเกิดในช้นั อวหิ ามอี ายุพันกัป จะบรรลพุ ระอรหตั ผล ครั้งแรกในวันทตี่ นเกิดนัน่ เอง. ถา ไมบรรลใุ นวันท่ีตนเกดิ กจ็ ะบรรลใุ นที่สุดแหง รอ ยกปั ตนนเี้ ปน อันตราปรินิพพายที ่ีหนึ่ง อกี หน่ึง เม่ือไมอ าจอยางน้ี จะบรรลุในท่ีสุดแหงสองรอ ยกปั น้เี ปน อันตราปรินิพพายีทสี่ อง อกี หนึง่ เมอื่ ไมอ าจอยา งนี้ จะบรรลุในทสี่ ุดแหง สี่รอยกัป นเ้ี ปนอันตราปรินพิ พายที ี่สาม ก็พน รอ ยกัปท่หี า บรรลุอรหตั ผลชื่อวา อปหัจจปรินิพพายี แมในช้นั อตปั ปา กม็ นี ยั น้เี หมือนกนัก็เขาเกิดในที่แหงใดแหง หน่งึ บรรลุอรหัตผลแลว ดว ยการประกอบรวมกนั มีปจจยั ปรงุ แตง ช่อื วา สสงั ขารปรนิ พิ พายี. บรรลอุ รหัตผลแลว ดวยการไมประกอบทง้ั ไมม ีปจ จัยปรงุ แตง ชอ่ื วา อสงั ขารปรินิพพาย.ี ผเู กดิ แมในช้ันอวิหาเปนตน ดาํ รงอยูใ นชน้ั น้ันตลอดอายแุ ลว เกิดในช้ันสูง ๆ ขน้ึ ไปถงึ อกนฏิ ฐพรหม ชอื่ วา อุทธังโสโตอกนฎิ ฐคาม.ี สวนอนาคามี ๔๘ ควรกลา วไวใ นทีน่ ี้ดว ย กใ็ นชั้นอวหิ า อนั ตรา-ปรินพิ พายมี สี าม อปุ หจั จปรินิพพายมี ีหนงึ่ อทุ ธังโสโตอกนฏิ ฐคามมี หี นึ่งรวมเปน ๕ อสังขารปรนิ พิ พายีเหลานน้ั ๕ สสงั ขารปรินิพพายี ๕ รวมเปน ๑๐.ในชน้ั อตปั ปาเปนตน กอ็ ยา งน้นั สว นในช้นั อกนฏิ ฐพรหม ไมมีอุทธงั โสโต.เพราะฉะนนั้ ในช้ันอกนฏิ ฐพรหมน้นั มสี สังขารปรนิ ิพพายี ๔ มอี สังขารปรินิพพายี ๔ รวมเปน ๘ รวมอนาคามีได ๔๘ ดวยประการฉะนี้ บรรดาอนาคามีเหลา นั้น อุทธังโสโตอกนฏิ ฐคามยี อมเปน ผใู หญกวาเขาทง้ั หมด
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 202และเปนผนู อ ยกวา เขาทง้ั หมด ถามวา อยางไร. ตอบวา ก็เขาช่อื วาผใู หญก วา อนาคามที งั้ ปวงดว ยอายุ เพราะมอี ายหุ นง่ึ หม่ืนหกพนั กปั . ชือ่ วาผูนอยกวา อนาคามที ้งั ปวง เพราะบรรลอุ รหัตผลภายหลังกวา เขาท้ังหมด. ในสตู รนี้ ทา นกลาวโพชฌงคอนั เปนบพุ ภาควปิ ส สนาแหงอรหตั มรรค ซึ่งมีลักษณะตา ง ๆ อนั เปนไปในขณะแหงจิตดวงหนึ่ง ไมกอน ไมห ลัง. จบอรรถกถาสลี สตู รท่ี ๓ ๔. วตั ตสูตร การอยดู วยโพชฌงค ๗ [๓๘๓] สมัยหน่ึง ทานพระสารีบตุ รอยู ณ พระวหิ ารเชตวัน อารามของทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี ใกลก รงุ สาวัตถี ณ ท่ีนน้ั แล ทา นพระสารีบตุ รเรียกภิกษทุ งั้ หลายวา ดกู อ นผูมีอายุทง้ั หลาย ภกิ ษเุ หลา น้ันรับคาํ ทา นพระสารี-บุตรแลว. ทา นพระสารบี ุตรไดกลา ววา ดกู อนผูมีอายทุ ้งั หลาย โพชฌงค ๗ประการน้ี. ๗ ประการเปน ไฉน. คือ สติสัมโพชฌงค ๑ ธรรมวจิ ยสัมโพชฌงค ๑วิริยสมั โพชฌงค ๑ ปต ิสัมโพชฌงค ๑ ปส สัทธสิ มั โพชฌงค ๑ สมาธสิ ัมโพชณงค ๑อุเบกขาสัมโพชฌงค ๑ ดูกอ นผมู อี ายุทั้งหลาย โพชฌงค ๑ ประการนีแ้ ล. [๓๘๔] ดูกอนผมู อี ายุทั้งหลาย บรรดาโพชฌงค ๗ ประการนี้ เราประสงคจะอยดู ว ยโพชฌงคขอ ใด ๆ ในเวลาเชา กอ็ ยูดว ยโพชฌงคขอนน้ั ๆเราประสงคจ ะอยูด วยโพชฌงคขอ ใด ๆ ในเวลาเทยี่ ง กอ็ ยดู ว ยโพชฌงคขอ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 203น้นั ๆ เราประสงคจะอยดู ว ยโพชฌงคขอใด ๆ ในเวลาเย็น กอ็ ยูด ว ยโพชฌงคขอ น้นั ๆ. [๓๘๕] ดกู อ นผมู ีอายทุ ัง้ หลาย ถา สติสัมโพชฌงคม ีอยู แกเ รา ดงัพรรณนามาน้ี เรากร็ วู า สติสมั โพชฌงคของเราหาประมาณมไิ ด อันเราปรารภดีแลว สตสิ มั โพชฌงคเ มือ่ ยงั ตง้ั อยู เรากร็ ูวาตั้งอยู ถา แมส ติสมั โพชฌงคของเราเคล่ือนไป เราก็รวู าเคลื่อนไป เพราะสงิ่ น้เี ปนปจจยั ฯลฯ [๓๘๖] ดกู อนผูม ีอายุท้ังหลาย ถา อุเบกขาสมั โพชฌงคมอี ยูแ กเ ราดังพรรณนามานี้ เราก็รูวาอเุ บกขาสัมโพชณงคของเราหาประมาณมไิ ด อนั เราปรารภดแี ลว อเุ บกขาสัมโพชฌงคเ มอ่ื ยังต้งั อยู เรากร็ วู า ตัง้ อยู ถา แมอเุ บกขาสมั โพชฌงคข องเราเคลือ่ นไป เราก็รูวาเคลื่อนไป เพราะสิ่งนี้เปนปจจยั . [๓๘๗] ดูกอนผูม อี ายทุ ั้งหลาย หบี ผา ของพระราชาหรอื ของราช-มหาอาํ มาตย เตม็ ดว ยผาสตี า ง ๆ พระราชาหรอื ราชมหาอํามาตย ประสงคจะนุง หมผาชุดใด ๆ ในเวลาเชา กน็ งุ หม ผาชุดนน้ั ๆ ได ประสงคจ ะนงุ หมผาชุดใด ๆ ในเวลาเท่ียง กน็ ัง่ หมผา ชุดนั้น ๆ ได ประสงคจะนุงหมผา ชดุ ใด ๆในเวลาเยน็ ก็นงุ หมผาชุดนั้น ๆ ได แมฉ นั ใด เรากฉ็ ันนัน้ เหมอื นกนั บรรดาโพชฌงคทงั้ ๗ นี้ ประสงคจ ะอยดู วยโพชฌงคขอใด ๆ ในเวลาเชา ก็อยูด ว ยโพชฌงคข อน้ัน ๆ ประสงคจ ะอยดู ว ยโพชฌงคขอ ใด ๆ ในเวลาเท่ยี ง กอ็ ยดู วยโพชฌงคขอ น้ัน ๆ ประสงคจ ะอยดู ว ยโพชฌงคข อ ใด ๆ ในเวลาเย็น ก็อยดู ว ยโพชฌงคข อนน้ั ๆ. [๓๘๘] ถาสตสิ ัมโพชฌงคม อี ยูแกเรา ดงั พรรณนามาน้ี เราก็รูวาสติสัมโพชฌงคข องเราหาประมาณมไิ ด อันเราปรารภตีแลว สติสัมโพชฌงค
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 204เมอ่ื ยงั ตง้ั อยู เรากร็ วู า ตง้ั อยู ถา แมส ติสมั โพชฌงคของเราเคลอื่ นไป เรากร็ ูวา เคล่ือนไป เพราะส่ิงน้ีเปนปจจัย ฯลฯ [๓๘๙] ถาอเุ บกขาสมั โพชฌงคม ีอยแู กเ รา ดงั พรรณนามานี้ เราก็รูวา อเุ บกขาสัมโพชฌงคข องเราหาประมาณมไิ ด อันเราปรารภดีแลว อเุ บกขา-สัมโพชฌงคเ ม่ือยงั ต้ังอยู เราก็รวู า ตัง้ อยู ถา แมอ เุ บกขาสัมโพชฌงคข องเราเคลือ่ นไป เรากร็ ูว าเคลื่อนไป เพราะสิ่งนเี้ ปน ปจจัย. จบวัตตสตู รท่ี ๔ อรรถกถาวตั ตสูตร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในวัตตสูตรที่ ๔. บทวา สติสมโฺ พชฌฺ งฺโค อิติ เจ เม โหติ ความวา ถาสติสัม-โพชฌงคย อ มมแี กเ ราตังพรรณนามาน.้ี บทวา อปปฺ มาโณติ เม โหติ ความวาเรารวู า สตสิ มั โพชฌงคข องเราหาประมาณมไิ ดอ ยา งน้ี. บทวา สุสมารทฺโธไดแก บริบูรณดีแลว. ในบทวา ตฎิ นตฺ น้ี สติสมั โพชณงคยอมตง้ั อยูโดยอาการแปด. คือ พระเถระยอมรูวา สตสิ ัมโพชฌงค ช่อื วา ตงั้ อยู เพราะไมระลกึ ถงึ ความเกดิ เพราะระลึกถงึ ความไมเ กดิ คือ ความเปน ไป ความไมเ ปนไป นมิ ิต ไมม ีนิมิต สติสัมโพชฌงค ชื่อวา ตงั้ อยู เพราะไมร ะลกึถึงสังขาร เพราะระลึกถึงอสังขาร ดังนนั้ สติสัมโพชฌงค จึงต้ังอยูด วยอาการแปดเหลา นี้แล. พระเถระยอมรูชดั ซึง่ สตสิ ัมโพชฌงค เม่ือประพฤติยอ มประพฤตดิ ว ยอาการแปดตรงกันขามกันอาการที่กลาวแลว นัน่ แหละ. แม
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 205ในโพชฌงคท่ีเหลอื ก็มีนยั น้นี ้แี ล. สตู รนท้ี า นกลาวโพชฌงคทีม่ ีกําลงั ของพระเถระ. กเ็ มอ่ื ใดพระเถระทําสตสิ มั โพชฌงคใหเ ปน หลกั ยอ มเขา ผลสมาบัติเมอื่ น้นั โพชฌงค ๖ นอกนี้ ยอ มไปตามสติสมั โพชฌงคนั้น. เมอ่ื ใด พระ-เถระทําโพชฌงคอ ยา งใดอยา งหนง่ึ ใหเ ปน หลกั ในบรรดาโพชฌงค มธี รรมวจิ ยะเปน ตน แมเม่อื น้ัน โพชฌงคท เ่ี หลอื ยอ มไปตามโพชฌงคนนั้ แล.พระเถระ เมื่อแสดงความชาํ นาญที่ประพฤติมาของตน ในผลสมาบตั ิอยา งน้ีจงึ กลาวสตู รนี้ ดวยประการดังนี้. จบอรรถกถาวตั ตสตู รที่ ๔. ๕. ภิกขสุ ตู ร เรื่องวาโพชฌงคเ พราะเปนไปเพ่ือตรัสรู [๓๙๐] ครั้งนัน้ แล ภกิ ษรุ ปู หน่งึ เขา ไปเฝาพระผูมีพระภาคเจาถึงท่ีประทบั ฯลฯ คร้นั แลว ไดท ูลถามพระผูมีพระภาคเจาวา ขา แตพระองคผ เู จริญทเี่ รียกวาโพชฌงค ๆ ดังนี้ ดว ยเหตเุ พยี งเทา ไรหนอ จึงจะเรยี กวา โพชฌงค.พระผูมีพระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภิกษุ ทเ่ี รยี กวาโพชฌงค เพราะเปนไปเพอื่ ตรัสรู. [๓๙๑] ดกู อ นภิกษุ ภิกษุในธรรมวินยั น้ี ยอ มเจรญิ สติสัมโพชฌงคอันอาศยั วิเวก อาศัยวริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอมไปในการสละ ฯลฯ [๓๙๒] ภิกษใุ นธรรมวินัยนี้ ยอมเจริญอุเบกขาสมั โพชฌงค อนัอาศัยวิเวก อาศัยวริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละ ฯลฯ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 206 [๓๙๓] เม่อื ภิกษนุ ัน้ เจริญโพชฌงค ๗ ประการน้ี จิตยอ มหลุดพนแมจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ เมือ่ จติ หลุดพน แลว ยอมมญี าณหย่ังรูว า หลดุ พนแลว ยอมรชู ัดวา ชาติสน้ิ แลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจท่ที าํทําเสร็จแลว กิจอ่ืนเพอื่ ความเปน อยางนีม้ ไิ ดมี ดูกอ นภิกษุ ที่เรยี กวาโพชฌงค เพราะเปน ไปเพ่อื ตรัสรู ฉะน้แี ล. จบภิกขสุ ูตรท่ี ๕ อรรถกถาภิกขสุ ตู ร พึงทราบวินจิ ฉยั ในภกิ ขสุ ตู รท่ี ๕. บทวา โพธาย ส วตตฺ นตฺ ิ ความวา ยอ มเปนไปเพ่อื ตรสั รู. ถามวาเพ่อื ตรัสรูอ ะไร ตอบวา ตรัสรนู ิพพาน อันปจ จัยปรุงแตง ไมไ ดดว ยมรรค ตรสั รูก ิจอนั ตนทาํ แลวดว ยปจจเวกขณญาณ. มีอธบิ ายวา อกี อยา งหนง่ึ โพชฌงคย อมเปน ไปเพ่อื ตรสั รู เพราะการตัดกิเลสไดขาดดว ยมรรคเพ่ือความเปนพทุ ธะ ดวยผลดงั นก้ี ม็ .ี ดวยเหตุนน้ั แล ในทีน่ ี้ ทานจงึ แสดงไวท้งัหมดวา การกระทํานิพพานใหแ จง การพจิ ารณาซึง่ การละกิเลส. จบอรรถกถาภิกขุสูตรที่ ๕
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 207 ๖. กุณฑลยิ สตู ร ตถาคตมวี ิชชาและวมิ ตุ ติเปนผลานิสงส [๓๙๔] สมยั หนึ่ง พระผมู พี ระภาคเจาประทบั อยู ณ ปา อญั ชนมฤค-ทายวนั ใกลเมอื งสาเกต. ครง้ั นนั้ แล กณู ฑลิยปรพิ าชกเขาไปเฝา พระผูม ีพระภาคเจาถึงท่ีประทบั ไดป ราศรยั กับพระผมู พี ระภาคเจา ครั้นผา นการปราศรัยพอใหระลกึ ถึงกนั ไปแลว จงึ นั่ง ณ ทคี่ วรสว นขา งหน่ึง ครัน้ แลว ไดกราบทูลพระผมู ีพระภาคเจา วา ขา แตพ ระโคดมผูเจริญ ขาพระองคช อบเที่ยวไปในอารามและชอบเขาไปในท่ชี มุ นุมชน น้เี ปน เหตกุ ารณของขา พระองค ผูบรโิ ภคอาหารเชา แลว ในเวลาหลังอาหาร ขาพระองคเ ดินไปเนอื ง ๆ เทยี่ วไปเนอื งๆสอู ารามจากอาราม สอู ทุ ยานจากอทุ ยาน ณ ทีน่ ้นั ขา พระองคเ หน็ สมณ-พราหมณพวกหน่งึ ก าลงั กลา วถอยคํามวี าทะและการเปล้ืองวาทะวา ดังน้เี ปนอานสิ งส และมคี วามขนุ เคอื งเปน อานิสงส สว นทานพระโคดมมอี ะไรเปนอานสิ งสอ ยเู ลา. พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอ นกณุ ฑลยิ ะ ตถาคตมีวชิ ชาและวมิ ตุ ติเปนผลานิสงสอ ย.ู [๓๙๕] ก. ขาแตท า นพระโคคมผเู จรญิ กธ็ รรมเหลา ไหนท่ีบุคคลเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลว ยอ มยงั วิชชาและวิมตุ ติใหบ ริบูรณ. พ. ดกู อนกณุ ฑลยิ ะ โพชฌงค ๗ อนั บคุ คลเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลว ยอ มยังวชิ ชาและวิมตุ ตใิ หบริบูรณ. ก. ขา แตทา นพระโคคมผูเ จรญิ กธ็ รรมเหลาไหนท่บี ุคคลเจริญแลวกระทาํ ใหม ากแลว ยอมยังโพชฌงค ๗ ใหบ ริบรู ณ.
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 208 พ. ดกู อ นกุณฑลิยะ สติปฏ ฐาน ๔ อนั บคุ คลเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลว ยอมยงั โพชฌงค ๗ ใหบรบิ รู ณ. ก. ขา แตทานพระโคดมผเู จริญ ก็ธรรมเหลา ไหนทบี่ ุคคลเจริญแลวกระทําใหมากแลว ยอมยังสตปิ ฏฐาน ใหบรบิ รู ณ พ. ดกู อ นกุณฑลยิ ะ สจุ ริต ๓ อันบุคคลเจริญแลว กระทําใหม ากแลว ยอมยงั สติปฏฐาน ๔ ใหบ ริบูรณ ก. ขาแตท านพระโคดมผูเ จริญ กธ็ รรมเหลาไหนทบี่ ุคคลเจรญิ แลวกระทาํ ใหม ากแลว ยอมยงั สจุ ริต ๓ ใหบริบรู ณ. [๓๙๖] พ. ดูกอนกณุ ฑลยิ ะ อินทรยี ส งั วรอันบคุ คลเจรญิ แลวกระทําใหมากแลว ยอมยงั สจุ รติ ๓ ใหบริบรู ณ อินทรยี สงั วรอันบคุ คลเจรญิแลว กระทําใหมากแลวอยา งไร ยอ มยังสุจรติ ๓ ใหบริบูรณ ดกู อ นกุณฑลยิ ะภิกษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี เห็นรูปทชี่ อบใจดวยจักษุแลว ยอมไมย นิ ดี ไมข ง้ึ เคยี ดไมย งั ความก าหนดั ใหเกิด และกายของเธอก็คงที่ จิตกค็ งท่ี มัน่ คงดใี นภายใน หลุดพนดีแลว อนึง่ เธอเหน็ รูปที่ไมช อบใจดวยจกั ษุแลว ก็ไมเ กอไมมีจิตตงั้ อยดู ว ยอํานาจกิเลส ไมเสยี ใจ มีจิตไมพ ยาบาท และกายของเธอก็คงท่ี จิตกค็ งท่ี มน่ั คงดใี นภายใน หลดุ พน ดแี ลว อีกประการหนึ่ง ภกิ ษุฟงเสียงดว ยหู ฯลฯ ดมกล่นิ ดว ยจมกู ฯลฯ ลิ้มรสดวยลน้ิ ฯลฯ ถูกตองโผฏฐพั พะดว ยกาย ฯลฯ รธู รรมารมณท ี่ชอบใจดวยใจแลว ยอมไมยินดี ไมขึง้ เคียด ไมย งั ความก าหนดั ใหเกิด และกายของเธอก็คงท่ี จติ กค็ งท่ี มัน่ คงดีในภายใน หลุดพนดีแลว อน่งึ เธอรูธ รรมารมณทีไ่ มชอบใจดวยใจแลว ไมเ กอ ไมม ีจติ ตง้ั อยดู วยอํานาจกเิ ลส ไมเสียใจมีจิตไมพ ยาบาท และกายของเธอกค็ งที่ จติ กค็ งที่ มั่นคงดใี นภายในหลุดพนดีแลว.
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 209 ดกู อ นกุณฑลิยะ เพราะเหตุที่ภกิ ษุเหน็ รปู ดว ยจักษุแลว เปนผคู งที่ไมเสยี ใจ มีจติ ไมพ ยาบาท เพราะรูปทั้งที่ชอบใจและไมช อบใจ กายของเธอกค็ งที่ จิตกค็ งที่ ม่นั คงดีในภายใน หลดุ พนดีแลว ภิกษฟุ งเสียงดวยโสต ฯลฯ ดมกลนิ่ ดว ยฆานะ ฯลฯ ลม้ี รสดว ยชิวหา ฯลฯ ถกู ตองโผฏฐพั พะดว ยกาย ฯลฯ รธู รรมารมณด ว ยใจแลว เปน ผูคงที่ ไมเ สยี ใจ มจี ติ ไมพ ยาบาทเพราะธรรมารมณท ีช่ อบใจและไมช อบใจ และกายของเธอกค็ งที่ จติ กค็ งที่ม่นั คงดใี นภายใน หลุดพนดีแลว ดกู อนกณุ ฑลิยะ อินทรียสงั วรอนั บุคคลเจริญแลว กระทาํ ใหมากแลว อยา งนแ้ี ล ยอมยงั สจุ รติ ณ ใหบริบรู ณ. [๓๙๗] ดกู อนกณุ ฑลยิ ะ กส็ ุจรติ เหลานน้ั อันบุคคลเจรญิ แลวกระทาํ ใหม ากแลวอยางไร ยอ มยังสตปิ ฏ ฐาน ๔ ใหบรบิ รู ณ ภกิ ษใุ นธรรมวินยั นี้ เจริญกายสุจริตเพ่ือละกายทจุ ริต เจริญวจสี จุ รติ เพือ่ ละวจที จุ รติ เจรญิมโนสุจรติ เพือ่ ละมโนทุจริต สุจริต ๓ อนั บุคคลเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลวอยางน้แี ล ยอ มยงั สตปิ ฏ ฐาน ๔ ใหบ ริบรู ณ. [๓๙๘] ดูกอ นกุณฑลิยะ สติปฏ ฐาน ๔ อันบุคคลเจรญิ แลว กระทําใหมากแลว อยางไร ยอ มยงั โพชฌงค ๗ ใหบ รบิ รู ณ ภิกษใุ นธรรมวนิ ัยน้ียอมพิจารณาเหน็ กายในกายเนอื ง ๆ อยู มีความเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มสี ติพงึ ก าจดั อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี ได ยอมพจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาเนือง ๆ อยู ฯลฯ ยอ มพจิ ารณาเห็นจติ ในจิตเนือง ๆ อยู ฯลฯ ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมเนือง ๆ อยู มีความเพียร มสี ัมปชัญญะ มีสติ พงึ ก าจัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี ได ดูกอนกุณฑลิยะ สติปฏฐาน ๔ อนั บคุ คลเจริญแลว กระทาํ ใหมากแลว อยางน้แี ล ยอ มยงั โพชฌงค ๔ ใหบ ริบรู ณ.
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 210 [๓๙๙] ดกู อ นกุณฑลยิ ะ โพชฌงค ๗ อันบุคคลเจริญแลว กระทําใหม ากแลว อยางไร ยอ มยงั วชิ ชาและวิมตุ ติใหบ ริบรู ณ ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ียอมเจรญิ สตสิ ัมโพชฌงค อันอาศัยวิเวก อาศัยวริ าคะ อาศัยนิโรธ นอ มไปในการสละ ฯลฯ ยอ มเจรญิ อุเบกขาสมั โพชฌงค อันอาศยั วิเวก อาศัยวริ าคะอาศัยนิโรธ นอ มไปในการสละ ดกู อนกณุ ฑลิยะ โพชฌงค ๗ อนั บุคคลเจริญแลว กระทําใหม ากแลวอยางนแี้ ล ยอมยังวชิ ชาและวิมตุ ตใิ หส มบูรณ [๔๐๐] เมือ่ พระผมู ีพระภาคตรสั อยางนี้แลว กุณฑลิยปรพิ าชกไดกราบทลู พระผูม ีพระภคเจาวา ขาแตพระโคดมผูเจริญ ภาษติ ของพระองคแจมแจงนัก ขา แตพ ระโคคมผูเจริญ ภาษิตของพระองคแ จมแจงนกั ทานพระโคคมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปรยิ าย เปรยี บเหมือนบคุ คลหงายของท่ีคว่าํ เปด ของท่ีปด บอกทางแกคนหลงทาง หรือตามประทปี ในท่ีมืดดวยหวงั วา ผูมีจักษุจักเหน็ รปู ได ฉะน้ัน ขา พระองคข อถึงทานพระโคดมกับท้ังพระธรรมและพระภิกษสุ งฆ วา เปนสรณะ ขอทา นพระโคดม จงทรงจําขา พระองคว า เปน อบุ าสกผถู งึ สรณะจนตลอดชีวติ จําเดมิ แตว นั นเ้ี ปนตนไป. จบกณุ ฑลยิ สูตรท่ี ๖
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 211 อรรถกถากุณฑลยิ สูตร พึงทราบวินิจฉัยในกุณฑลยิ สตู รที่ ๖. บทวา อารามนิยาทิ ไดแ ก ชอ่ื วา เทยี่ วไปในอาราม เพราะอาศยัอารามเปน ทไี่ ป. บทวา ปรสิ าวจโร ไดแก เทยี่ วไปในบรษิ ัท. คนพาลบางบณั ฑติ บาง มารวมกนั อยู ช่อื วา บริษทั . สว นผูใด ยอมสามารถเพอ่ื ยาํ่ ยีวาทะของคนอืน่ แลว จึงแสดงวาทะของตนได ผูน้ีชอื่ วา เทีย่ วไปในบรษิ ัท.บทวา อาราเมน อาราม ความวา ขา พเจา เดินไปเนือง ๆ สอู ารามจากอาราม อธิบายวา มไิ ดเ ดนิ ไปภายนอก แมใ นอทุ ยานกม็ ีนยั นเี้ หมือนกัน.ในขอ นม้ี เี น้อื ความดังน้วี า เขา ไปสูอ ารามหนึ่ง จากอารามหน่งึ เขาไปสูอทุ ยานหน่ึง จากอุทยานหน่ึง. บทวา อิตวิ าทปฺปโมกฺขานิส ส ความวาวาทะดงั นี้ การเปลื้องวาทะดังนี้ โดยนัยนวี้ า การถามมีอยางน้ี การตอบมีอยางนี้ การถอื เอาความอยา งน้ี ไขความอยา งนี้ ดังนี้ นั่นเปน อานสิ งสบทวา อุปารมฺภานิส ส ไดแ ก มโี ทษในวาทะเปนอานสิ งส อยางนวี้ านเ้ี ปน โทษในการถาม นเ้ี ปน โทษในการตอบ ดังน้.ี บทวา กถ ภาวโิ ตกิณฺฑลยิ อินฺท รยิ สฺวโร ความวา พระศาสดาทรงรวู า กป็ ริพาชกถามฐานะมีประมาณเทา น้ีแลว บัดน้ี เขาไมอ าจเพอื่ จะถามอีก เมือ่ ทรงถามจึงทรงเริม่ เทศนานด้ี วยพระองคโดยทรงดํารวิ า คราวแรก เทศนานไ้ี มเ ปน ไปตอเน่อื งกนั บัดนี้ เราจักใหเ ทศนานถ้ี งึ การตอเน่ืองกัน ดงั น.ี้ ในบทเหลานน้ั บทวา มนาป นาภชิ ฺณายติ ไดแ ก ยอ มไมเพง อารมณท ี่นา ปรารถนา. บทวา นาวหิ สึ ติ ไดแก ยอมไมข ึง้ เคียดดว ยความยนิ ดี อนั มอี ามสิ . บทวา ตสสฺ โิ ต จ กาโย โหติ ิต จติ ตฺ
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 212อชฌฺ ตตฺ ความวา นามกายและจิตของเธอคงที่อยูภายในอารมณ บทวาสสณฺ ิต ไดแก ม่ันคงดว ยดดี วยอาํ นาจกมั มัฏฐาน บทวา สวุ มิ ตุ ตฺ ไดแกหลุดพนดีแลวดว ยกัมมฏั ฐาน. บทวา อมนาป ไดแ ก อารมณท่ไี มนาปรารถนาบทวา น มงกฺ ุ โหติ ไดแก ยอมไมเกอ ในรปู น้ัน บทวา อปปฺ ติฎติ -จติ โฺ ต ไดแ ก มจี ติ ไมต ัง้ อยูดว ยอาํ นาจกเิ ลส. บทวา อาทินฺนมานโสไดแ ก มีจิตอนั กเิ ลสยดึ ถือดว ยอํานาจโทมนัสไมได. บทวา อพยฺ าปนนฺ เจตโสไดแ ก มีจติ ไมตั้งอยูด ว ยอํานาจโทสะ. ในบทวา เอวมภฺ าวิโต โข กณุ ฑฺ ลิย อินฺทริยส วโร เอวพหุลกี โต ตณี ิ สุจรติ านิ ปรปิ ูเรติ นี้ พงึ ทราบการยังสุจรติ ใหบ รบิ รู ณอยา งนี้ ทุจรติ ทัง้ หลายมี ๑๘ ในทวาร ๖ เหลา นก้ี อ น. ถามวา มีไดอ ยา งไรตอบวา เมื่อไมใหสวนกายและวาจาหว่นั ไหว เมื่ออารมณอนั นาปรารถนามาสูคลอคงในจกั ขทุ วารครง้ั แรก แตย งั ความโลภใหเกิดข้ึนในอารมณนัน้จดั เปนมโนทุจริต. เมื่อพดู ดวยจติ ประกอบดว ยความโลภวา โอหนอ สงิ่ น้ีนา ปรารถนา นาใคร นาพอใจดังน้ี จัดเปน วจที ุจรติ เม่ือเอามอื จับตอ งสิ่งน้นั เทานน้ั จัดเปนกายทุจริต. แมในทวารทเี่ หลอื กม็ นี ยั น้เี หมอื นกัน. สว นความตา งกันดังนี้ ดว ยวา เม่อื จับตอ งเคร่ืองดนตรมี สี ังขและบัณเฑาะวเ ปน ตน อนั เปนอนามาส ซ่งึ เปน ทต่ี ั้งของสทั ทารมณในโสตทวารจับตองของหอมและดอกไมเปนตน ซึ่งเปน ทต่ี ้ังของคนั ธารมณในฆานทวาร.จับตองปลาและเนอ้ื เปนตน ซึ่งเปน ทต่ี ้ังของรสารมณในชิวหาทวาร. จับตอ งจวี รเปนตน ซง่ึ เปน ท่ตี ั้งของโผฏฐัพพารมณ ในกายทวาร เม่ือจบั ตอง เนยใสน้าํ มัน น้าํ ผึ้ง และนํา้ ออยเปนตน ซึ่งเปนธรรมารมณดว ยอํานาจแหง บญั ญัติในมโนทวาร พงึ ทราบวา กายทุจรติ แตเมื่อวาโดยยอ ในขอ นี้มีทุจริตสาม
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 213เทาน้นั คือ การละเมดิ ทางกายในทวาร ๖ จดั เปนกายทุจริต การละเมดิทางวาจา จัดเปนวจที ุจรติ การละเมดิ ทางใจ จดั เปน มโนทจุ ริต. สวนภกิ ษนุ ี้ มนั่ คงอยูในการพจิ ารณาภาวนาของตนยอ มประพฤติสจุ ริตเหลา นใี้ หเ ปน สุจริตธรรม ถามวา ประพฤติอยางไร ตอบวา เมือ่ไมย ังสวนกายและวาจาใหเ คลือ่ นไหว เม่อื อารมณอนั นา ปรารถนามาสูค ลองในจกั ขทุ วารครง้ั แรก ปรารถนาอยซู ึ่งวปิ ส สนาอันมรี ูปเปนอารมณ จัดเปนมโนสจุ ริต เมือ่ พดู ดวยจิตอันประกอบดวยวปิ สสนาวา มีความสน้ิ ไปเปนธรรมดา มคี วามเสอื่ มไปเปนธรรมดา จดั เปน วจสี ุจรติ . เม่อื ไมจ ับตอ งดว ยคิดวา ส่ิงนีเ้ ปน อนามาส จัดเปนกายสจู รติ แมใ นทวารท่ีเหลอื กม็ นี ยั น้ีเหมือนกนั . วา โดยพิสดาร สจุ รติ มดี ว ยทวารที่เหลือดวยประการฉะน้ีแตโดยสงั เขปในขอน้ี มสี จุ ริตสามเทา น้นั คอื การสาํ รวมทางกายในทวาร ๖จดั เปน กายสจริตุ การสาํ รวมทางวาจาจดั เปน วจสี จู ริต. การสํารวมทางใจจัดเปน มโนสุจรติ ความสาํ รวมอนิ ทรยี อ ยา งนี้ พงึ ทราบวา ยอ มยังสจุ ริตสามใหบรบิ ูรณ. ทานกลาวถงึ อินทรยี สัง่ วรศีล อนั ศีลตามรกั ษาแลว ดวยเหตุประมาณเทาน้ี. ในบทเปน ตนวา กายทุจริต ปหาย ไดแ ก กายทุจรติ ๓ อยา งวจที ุจรติ อยา งมโนทจุ ริต ๓ อยาง. พึงทราบกายสุจริตเปน ตน ดวยอํานาจตรงกนั ขามกับกายทจุ ริตเปน ตนนนั้ ดว ยคาํ ประมาณเทา นี้ยอ มเปนอันทานกลาวถงึ ปาฏิโมกขศลี ดวยการสาํ รวมทางกายและทางวาจา. ศลี สามดวยการสํารวมทางใจ ยอ มเปนอันทา นกลาวแลวถงึ จตปุ ารสิ ทุ ธศิล ลว นในสตู รนี้ท้ังสิน้ พึงทราบวา ทา นกลาวสตปิ ฏ ฐานมสี ุจริตเปน มูลวา คลุกเคลา ดวยโลกตุ ตระ. สตปิ ฏฐานเปนมูลแหง โพชฌงค ๗ วาเปนบพุ ภาค. โพชฌงคมี
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 214สติปฏ ฐานเปน มลู แมเหลา นัน้ วา เปน บุพภาค. สว นโพชฌงคซ ง่ึ เปนมูลแหงวิชชาและวิมุตติ พึงทราบวา ทา นกลา ววา เปนโลกุตตระแท. อรรถกถากุณฑลิยสูตรท่ี ๖ ๗. กฏู สูตร ผเู จรญิ โพชฌงคยอมนอ มไปสูนิพพาน [๔๐๑] ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย กลอนเรอื นยอดท้งั หมดนอ มใบสูยอดโนมไปสูยอด โอนไปสยู อด แมฉันใด ภิกษเุ จริญโพชฌงค ๗ กระทาํใหมากซ่ึงโพชฌงค ๗ ยอ มเปนผูน อมไปสนู พิ พาน โนมไปสนู ิพพาน โอนไปสูนพิ พาน ฉนั นัน้ เหมือนกนั . [๔๐๒] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย กภ็ ิกษุเจรญิ โพชฌงค กระทําใหมากซึ่งโพชฌงค ๗ อยางไร ยอมเปน ผนู อมไปสูนิพพาน โนม ไปสนู พิ พานโอนไปสนู พิ พาน ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั น้ี ยอมเจริญสตสิ ัมโพชฌงค อันอาศยัวเิ วก อาศัยวิราคะ อาศยั นโิ รธ . นอมไปในการสละ ฯลฯ ยอมเจริญอเุ บกขาสมโพชฌงค อันอาศยั วิเวก อาศยั วริ าคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุเจริญโพชฌงค ๗ อยา งนี้แล ยอ มเปน ผนู อ มไปสูนพิ พาน โนมโปสนู ิพพาน โอนไปสูนิพพาน. จบกูฏสูตรที่ ๗สว นอรรถกถากูฏสูตรท่ี ๗ มีเนอื้ ความงา ยทัง้ นน้ั แล.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 215 ๘. อุปวาณสูตร โพชฌงค ๗ ทป่ี รารภดีแลวยอ มใหอ ยูผาสุก [๔๐๓] สมยั หนงึ่ ทานพระอปุ วาณะและทานพระสารีบุตรอยู ณโฆสิตาราม ใกลกรงุ โกสัมพี ครั้งน้ัน ทา นพระสารีบุตรออกจากทีพ่ กั ผอนในเวลาเย็นแลว เขา ไปหาทานพระอปุ วาณะถงึ ที่อยู ไดปราศรัยกับทานพระ-อุปวาณะ ครนั้ ผานการปราศรยั พอใหร ะลึกถงึ กันไปแลว จงึ นั่ง ณ ที่ควรสวนขางหนึง่ คร้นั แลวไดถ ามทานพระอปวาณะวา ทา นอุปวาณะผูมีอายุภิกษุจะพึงรหู รอื ไมวา โพชฌงค ๗ อันเราปรารภดแี ลวอยา งน้ี ดว ยการกระทาํไวใ นใจโดยแยบคายเฉพาะตน ยอ มเปน ไปเพื่อความอยูเปนผาสุก ทานพระ-อุปวาณะตอบวา ดกู อ นทานสารบี ตุ รผูมอี ายุ ภกิ ษุพงึ รูไดว า โพชฌงค ๗อันเราปรารภดีแลวอยางน้ี ดวยการกระทาํ ไวในใจโดยแยบคายเฉพาะตนยอ มเปนไปเพื่อความอยูผาสุก. [๔๐๔] สา. ดกู อนผมู อี ายุ ภิกษปุ รารภสตสิ มั โพชฌงค ยอมรูไดหรอื วาจติ ของเราหลดุ พน ดีแลว ถนี มทิ ธะเราถอนเสยี แลว อทุ ธจั จกกุ กจุ จะเราก าจดั ไดแ ลว ความเพียรเราปรารภแลว เรากระทาํ ไวในใจอยางจรงิ จังมิไดยอ หยอน ฯลฯ [๔๐๕] ดกู อ นผูมีอายุ ภิกษุเจรญิ อุเบกขาสัมโพชฌงค ยอ มรไู ดหรือวาจิตของเราหลดุ พน แลว ถีนมทิ ธิ ะเราถอนเสยี แลว อุทธจั จกกุ กจุ จะเราก าจัดไดแลว ความเพียรเราปรารภแลว เรากระทําไวใ นใจอยา งจรงิ จงัมิไดยอหยอน ฯลฯ
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 216 [๔๐๖] อ. ดูกอ นทานสารีบตุ รผมู ีอายุ ภิกษพุ งึ รูไดอยา งนีแ้ ลวาโพชฌงคอ นั เราปรารภดีแลวอยางนี้ ดวยการกระทาํ ไวใ นใจโดยแยบคายเฉพาะตน ยอมเปน ไปเพ่อื ความอยผู าสกุ . จบอุปวาณสูตรท่ี ๘ อรรถกถาอุปวาณสูตร พงึ ทราบวินิจฉัยในอุปวาณสูตรท่ี ๘ บทวา ปจจฺ ตตฺ คอื เฉพาะตน. บทวา โยนิโสมนสกิ ารา ไดแ กดว ยการกระทําไวใ นใจโดยแยบคาย. บทวา อารพฺภมาโน ไดแก กระทาํอยแู ล บทวา สุวมิ ตุ ฺต ไดแ ก หลุดพน ดว ยกัมมฏั ฐาน บทวา อฎิกตวฺ าไดแก กระทาํ ใหเ ปน ประโยชน อธิบายวา มีความตอ งการ จบอรรถกถาอปุ าทสูตรท่ี ๙
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 217 ๙. ปฐมอปุ าทสตู ร โพชฌงค ๗ ไมเกดิ นอกจากการปรากฏแหงตถาคต [๔๐๗] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย โพชฌงค ๗ ประการน้ี อนั ภกิ ษุเจริญแลว กระทําใหมากแลว ท่ยี งั ไมเ กดิ ยอมเกดิ ข้นึ นอกจากความปรากฏแหง พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจา แลว โพชฌงค ๗ ประการน้ี ยอมไมเกิดข้นึ โพชฌงค ๗ เปน ไฉน คอื สติสมั โพชฌงค ฯลฯ อเุ บกขาสัมโพชฌงคโพชฌงค ประการนแี้ ล อนั ภิกษเุ จริญแลว กระทาํ ใหมากแลว ท่ียังไมเ กิดยอ มเกดิ ขน้ึ นอกจากความปรากฏแหง พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจาแลวโพชฌงค ประการน้ี ยอ มไมเกดิ ขึ้น. จบปฐมอุปาทสูตรท่ี ๙ อรรถกถาปฐมอปุ าทสตู ร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ใน อุปาทสตู รท่ี ๙. บทวา นาฺ ตรฺ ตถาคตสสฺ ปาตภุ าวา ความวา เวนความปรากฏแหงพระตถาคต โพชฌงคย อมไมเกิดข้ึนในกาลอน่ื . จบอรรถกถาอปุ าทสูตรที่ ๙
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 218 ๑๐. ทตุ ยิ อุปาทสูตร โพชฌงค ๗ ไมเ กิดนอกวนิ ยั ของพระสคุ ต [๔๐๘] ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย โพชฌงค ๗ ประการนี้ อันภิกษุเจรญิ แลว กระทาํ ใหม ากแลว ท่ียงั ไมเกดิ ยาอมเกดิ ข้ึน ยอ มไมเ กดิ ข้ึนนอกวินัยของพระสคุ ต โพชฌงค ๗ เปน ไฉน คือ สติสมั โพชฌงค ฯลฯ อุเบกขา-สัมโพชฌงค โพชฌงค ๗ ประการนแ้ี ล อันภกิ ษเุ จริญแลว กระทาํ ใหมากแลวท่ยี งั ไมเกิด ยอ มเกดิ ขึน้ ยอมไมเกิดขน้ึ นอกวินัยของพระสุคต. จบทุตยิ อุปาทสูตรที่ ๑๐ จบปพ พตวรรคท่ี ๑ อรรถกถาทุตยิ อปุ าทสูตรที่ ๑๐ พงึ ทราบวินิจฉยั ในทตุ ยิ อปุ าทสตู รที่ ๑๐. บทวา นาฺตฺร สคุ ตวินยา ความวา เวน พระโอวาทของพระสุคตเจา เสีย โพชฌงคย อมไมเกิดข้ึน ดังนี.้ จบอรรถกถาทุตยิ อุปาทสูตรท่ี ๑๐ จบปพพตวรรควรรณนาท่ี ๑ รวมพระสูตรทีม่ ีในวรรคนี้ คือ ๑. หิมวนั ตสูตร ๒. กายสตู ร ๓. สลี สตู ร ๔. วตั ตสูตร๕. ภกิ ขสุ ตู ร ๖. กณุ ฑลิยสูตร ๗. กฎุ สูตร ๘. อุปวาณสตู ร ๙. ปฐม-อปุ าทสูตร ๑๐. ทตุ ยิ อปุ าทสตู ร พรอ มท้ังอรรถกถา.
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 219 คิลานวรรคท่ี ๒ ๑. ปาณูปมสูตร อาศัยศลี เจริญโพชฌงค ๗ [๔๐๙] ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย สตั วเ หลาใดเหลาหนงึ่ สําเร็จอริ ยิ าบถคอื บางคราวกเ็ ดนิ บางคราวกย็ นื บางคราวก็น่ัง บางคราวก็นอน สัตวเหลาน้ันทัง้ หมด อาศัย แผนดนิ ดาํ รงอยูบ นแผน ดิน จงึ สําเร็จอริ ิยาบถ ๔ นน้ัอยางน้ันแหละ แมฉนั ใด ภกิ ษุอาศยั ศลี ตงั้ อยใู นศลี แลว ยอมเจรญิ โพชฌงค ๗ยอมกระทาํ ใหม ากซ่ึงโพชฌงค ๗ ฉนั นั้นเหมอื นกัน . [๔๑๐] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย กภ็ กิ ษุอาศยั ศีล ตัง้ อยูในศลี แลวยอ มเจริญโพชฌงค ๗ อยา งไรเลา ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ียอ มเจริญสตสิ ัมโพชฌงค อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศยั นิโรธ นอมไปในการสละ ฯลฯ ยอมเจรญิ อเุ บกขาสัมโพชฌงค อันอาศยั วเิ วก อาศัยวิราคะอาศัยนิโรธ นอมไปในการสละ ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุอาศัยศลี ต้ังอยูในศีลแลว ยอมเจริญโพชฌงค ๗ ยอ มกระทําใหม ากซ่ึงโพชฌงคอ ยา งนแี้ ล. จบปาณปู มสตู รที่ ๑
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 220 คลิ านวรรควรรณนาที่ ๒ อรรถกถาปาณปู มสูตร พึงทราบวินจิ ฉยั ในปาณปู มสตู รท่ี ๑ แหงคิลานวรรคท่ี ๒. บทวา จตตุ าโร อิรยิ าปเถ กปเฺ ปนฺติ ความวา อิรยิ าบถ ๔ของสตั วเหลา ใด มอี ยู คําน้ัน ทา นกลา วดว ยอาํ นาจแหง สตั วเ หลานั้นเทานั้น.บทวา สลี นสิ สฺ าย ไดแก ทาํ จตุปารสิ ุทธศลี ใหเ ปน ทอี่ าศยั บทวาสตตฺ โพชณฺ งฺเค ไดแก โพชฌงคอ นั เปน มรรคทเ่ี ห็นแจง รวมกนั . สูริย-ูปมสตู รท่ี ๒ และท่ี ๓ มีเนอ้ื ความงายท้ังนน้ั แล. จบอรรถกถาปาณปู มสตู ร ท่ี ๑ ๒. ปฐมสรุ ิยปู มสตู ร อาศยั กลั ยาณมิตรเจริญโพชฌงค ๗ [๔๑๑] ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เมื่อพระอาทติ ยจ ะขึ้น สง่ิ ท่ขี ้นึ กอ นส่งิ ท่เี ปนนิมติ มากอ น คือ แสงเงนิ แสงทอง ฉนั ใด สงิ่ ทเ่ี ปน เบ้อื งตนเปน นมิ ติ มากอ น เพอ่ื ความบงั เกดิ ขึน้ แหง โพชฌงค ๗ แกภ ิกษุ คอื ความเปนผูม ีมติ รดี ฉนั น้นั เหมอื นกัน ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย อนั ภิกษุผมู มี ติ รดีพงึ หวงั ขอนไี้ ดวา จักเจรญิ โพชฌงค ๘ จกั กระทําใหม ากซึง่ โพชฌงค ๗ [๔๑๒] ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย กภ็ ิกษผุ ูม มี ติ รดี ยอ มเจรญิ โพชฌงค ๗ยอ มกระทาํ ใหม ากซ่ึงโพชฌงค ๗ อยางไรเลา ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษุในธรรมวินยั น้ี ยอ มเจริญสตสิ มั โพชฌงค อันอาศัยวิเวก อาศยั วิราคะ
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 221อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละ ฯลฯ ยอมเจริญอเุ บกขาสมั โพชฌงค อนั อาศัยวเิ วก อาศยั วิราคะ อาศยั นโิ รธ นอ มไปในการสละ ดูกอนภกิ ษุทั้งหลายภกิ ษุผมู มี ติ รดี ยอมเจรญิ โพชฌงค ๗ อยางน้ีแล. จบปฐมสุรยิ ูปมสตู รที่ ๒ ๓. ทุตยิ สรุ ยิ ปู มสตู ร โยนโิ สมนสิการเปนเบือ้ งตนแหง โพชฌงค [๔๑๓] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย เมอ่ื พระอาทิตยจ ะข้นึ สง่ิ ที่ขึ้นกอ นสงิ่ ท่เี ปนนิมิตมากอ น คือ แสงเงนิ แสงทอง ฉนั ใด ส่ิงทีเ่ ปน เบอ้ื งตนเปนนมิ ิตมากอน เพอ่ื ความบงั เกิดแหง โพชฌงค ๗ แกภ กิ ษุ คอื การกระทาํไวในใจโดยแยบคาย ฉนั น้นั เหมอื นกนั ดกู อนภิกษุทั้งหลาย อนั ภิกษผุ ถู ึงพรอมดวยการกระทําไวในใจโดยแยบคาย พึงหวงั ขอน้ีไดว า จกั เจริญโพชฌงค๗ จักกระทําใหม ากซ่ึงโพชฌงค ๗. ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ก็ภกิ ษผุ ูถ ึงพรอมดว ยการกระทําไวในใจโดยแยบคาย ยอ มเจริญโพชฌงค ๗ ยอมกระทาํ ใหมากซง่ึ โพชฌงค ๗อยา งไรเลา ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ยอมเจริญสตสิ มั -โพชฌงค อนั อาศยั วิเวก อาศยั วิราคะ อาศัยนโิ รธ นอมไปในการสละ ฯลฯยอมเจรญิ อเุ บกขาสัมโพชฌงค อนั อาศยั วิเวก อาศัยวริ าคะ อาศัยนโิ รธนอมไปในการสละ ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษผุ ถู ึงพรอมดวยการกระทําไวในใจโดยแยบคาย ยอ มเจรญิ โพชฌงค ๗ ยอมกระทาํ ใหมากซึง่ โพชฌงค ๗อยางน้แี ล. จบทตุ ยิ สุรยิ ูปมสตู รที่ ๓
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 222 ๔. ปฐมคิลานสตู ร พระมหากสั สปหายอาพาธดวยโพชฌงค ๗ [๔๑๕] สมัยหน่งึ พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระวิหารเวฬวุ ัน กลนั ทกนวิ าปสถาน ใกลกรุงราชคฤห ก็สมัยนัน้ ทานพระมหากสั สปอาพาธ ไมสบาย เปน ไขหนัก อยูทป่ี ปผลคิ ูหา. [๔๑๖] ครั้งน้นั พระผมู ีพระภาคเจาเสด็จออกจากที่เรนในเวลาเย็นเขา ไปหาทา นพระมหากัสสปถึงทอี่ ยู แลว ประทบั นั่งบนอาสนะที่ปูลาดไวครั้นแลว ไดตรสั ถามทานพระมหากสั สปวา ดูกอ นกสั สป เธอพออดทนไดหรอืพอยงั อัตภาพใหเปนไปไดหรอื ทกุ ขเวทนาคลายลง ไมก าเริบข้ึนแลหรือความทเุ ลายอมปรากฏ ความก าเริบขนึ้ ไมป รากฏแลหรือ ทา นพระมหากสั สปกราบทูลวา ขาแตพระองคผ ูเ จริญ ขา พระองคอดทนไมได ยังอัตภาพใหเปนไปไมได ทกุ ขเวทนาของขาพระองคก าเริบหนัก ยงั ไมค ลายไป ความก าเริบขึ้นยอมปรากฏ ความทเุ ลาไมปรากฏ. [๔๑๗] พ. ดูกอนกัสสป โพชฌงค ๗ เหลานี้ เรากลา วไวชอบแลวอันบุคคลเจริญแลว กระทาํ ใหมากแลว ยอมเปนไปเพอ่ื ความรยู ่งิ เพอื่ ความตรสั รู เพือ่ นิพพาน โพชฌงค ๗ เปน ไฉน [๔๑๘] ดูกอนกัสสป สติสัมโพชฌงค ๗ เรากลาวไวชอบแลว อนับคุ คลเจริญแลว กระทําใหมากแลว ยอ มเปน ไปเพื่อความรยู งิ่ เพอื่ ความตรัสรูเพือ่ นิพพาน ฯลฯ อเุ บกขาสัมโพชฌงค เรากลา วไวชอบแลว อันบคุ คลเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลว ยอ มเปนไปเพ่ือความรูย ิ่ง เพอ่ื ความตรัสรูเพือ่ นพิ พาน ดูกอนกัสสป โพชฌงค ๗ เหลาน้แี ล เรากลา วไวช อบแลว
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 223อันบุคคลเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลว ยอมเปนไปเพือ่ ความรูย่ิง เพอ่ื ความตรัสรู เพ่อื นิพพาน [๔๑๙] ทานพระมหากัสสปกราบทลู วา ขาแตพระผมู ีพระภาคเจาโพชฌงคด ีนกั ขาแตพระสคุ ต โพชฌงคดีนกั พระผูมีพระภาคเจาไดต รสัไวยากรณภาษติ น้ีแลว ทา นพระมหากัสสปปลืม้ ใจ ช่นื ชมภาษติ ของพระผมู -ีพระภาคเจา ทา นพระมหากสั สปหายจากอาพาธนั้นแลว และอาพาธนน้ัอนั ทานพระมหากสั สปละไดแลว ดว ยประการฉะนแ้ี ล จบปฐมคิลานสตู รที่ ๔ อรรถกถาปฐมคลิ านสูตร พึงทราบวินิจฉัยใน ปฐมคลิ านสตู รที่ ๔. บทวา ตถา ปหีโน จายสฺมโต มหากสสฺ ปสฺส โส อาพาโธอโหสิ ความวา ไดย นิ วา เมอ่ื พระมหากสั สปเถระตัง้ ใจพงิ โพชฌงคภาวนานีอ้ ยู ไดม คี วามดาํ รินี้วา เม่ือเราแทงตลอดอยซู ง่ึ สัจจะท้ังหลายในวันท่ี ๗แตวันที่เราบวชแลว โพชฌงคเหลาน้กี ็ปรากฏ ก็เม่ือทานคิดอยวู า โอ คําสอนของพระศาสดานําสัตวออกจากทกุ ขดงั น้ี โลหติ กผ็ องใส อปุ าทารูป ก็หมดจด. โรคหายไปจากกายเหมอื นหยาดน้ําตกในใบบวั ฉะน้ัน. เพราะเหตุนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรสั วา ตถา ปหโี น จายสฺมโต มหากสฺสปสฺโส อาพาโธ อโหสิ ดงั น.ี้
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 224 แมใ น คิลานสตู รท่ี ๔ และท่ี ๕ ก็มีนัยนีเ้ หมอื นกนั ความปว ยไขท่ีเกิดแตความเยน็ ออ น ๆ ซ่งึ เกิดข้นึ ดว ยการถูกตองกบั ลมจากตน ไมมดี อกเปนพษิ ทบ่ี านแลว ทเ่ี ชิงแหงภเู ขา พงึ ทราบวา เปน อาพาธของชนแมทัง้ ๓เหลาน้ี. คาํ ทเี่ หลือในบททงั้ ปวง งายทงั้ น้ันแล. จบอรรถกถาปฐมคิลานสตู รที่ ๔ ๕. ทตุ ิยคลิ านสตู ร พระมหาโมคคัลลานะหายอาพาธดวยโพชฌงค ๗ [๔๒๐] สมยั หน่ึง พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระวหิ าร-เวฬุวนั กลนั ทกนวิ าปสถาน ใกลกรุงราชคฤห ก็สมยั นนั้ ทานพระมหาโมค-คลั ลานะอาพาธ ไมสบาย เปน ไขหนัก อยู ณ ภูเขาคชิ ฌกูฎ. [๔๒๑] คร้ังน้นั พระผูมีพระภาคเจา เสด็จกจากท่เี รนในเวลาเย็นเขาไปหาทา นพระมหาโมคคลั ลานะถึงท่ีอยู แลว ประทบั น่ังบนอาสนะทป่ี ลู าดไวครั้นแลว ไดตรสั ถามทา นพระมหาโมคคลั ลานะวา ดกู อนโมคคัลลานะ เธอพออดทนไดห รอื พอยงั อัตภาพใหเปน ไปไดแลหรอื ทุกขเวทนาคลายลงไมก าเรบิ ขน้ึ แลหรอื ความทเุ ลายอ มปรากฏ ความก าเริบขน้ึ ไมปรากฏแลหรือทา นพระมหาโมคคัลลานะกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผูเ จริญขาพระองคอดทนไมไ ด ยังอัตภาพใหเปน ไปไมได ทุกขเวทนาของขาพระองคย อมก าเริบหนักยังไมค ลายลง ความก าเริบยอ มปราก ความทเุ ลาไมปรากฏ.
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 225 [๔๒๒] พ. ดกู อ นโมคคลั ลานะ โพชฌงค ๗ เหลา นี้ เรากลาวไวชอบแลว อนั บคุ คลเจริญแลว กระทาํ ใหมากแลว ยอมเปนไปเพอื่ ความรยู ง่ิเพ่อื ความตรสั รู เพ่ือนิพพาน โพชฌงค ๗ เปนไฉน. [๔๒๓] ดูกอ นโมคคลั ลานะ สติสัมโพชฌงค เรากลาวไวช อบแลวอนั บคุ คลเจริญแลว กระทําใหม ากแลว ยอ มเปน ไปเพ่อื ความรยู ิ่ง เพ่อื ความตรสั รู เพ่อื นพิ พาน ฯลฯ อเุ บกขาสัมโพชฌงค เรากลา วไวชอบแลว อนั บคุ คลเจริญแลว กระทาํ ใหมากแลว ยอมเปน ไปเพ่ือความรยู งิ่ เพือ่ ความตรสั รูเพ่อื นพิ พาน ดูกอนโมคคลั ลานะ โพชฌงค ๗ เหลา นี้แล เรากลาวไวช อบแลว อันบคุ คลเจริญแลว กระทําใหมากแลว ยอ มเปน ไปเพือ่ ความรูย ิ่งเพ่อื ความตรสั รู เพอื่ นพิ พาน. [๔๒๔] ทานมหาพระโมคคลั ลานะกราบทลู วา ขาแตพ ระผมู พี ระภาคเจาโพชฌงคดนี ัก ขา แตพระสคุ ต โพชฌงคด นี กั . พระผูม ีพระภาคเจาไดตรัสไวยากรณภาษิตนี้แลว ทา นพระมหาโมคคัลลานะปลม้ื ใจ ชืน่ ชมภาษิตของพระผูม พี ระภาคเจา ทา นพระมหาโมคคลั ลานะหายจากอาพาธนั้นแลว และอาพาธน้นั อันทานพระมหาโมคคลั ลานะละไดแลว ดวยประการฉะน้ีแล. จบทุตยิ คิลานสูตรท่ี ๕
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 226 ๖. ตตยิ คิลานสูตร พระผูม ีพระภาคเจาทรงหายประชวรดวยโพชฌงค ๗ [๔๒๕] สมยั หนงึ่ พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระวหิ าร-เวฬวุ นั กลันทกนวิ าปสถาน ใกลกรุงราชคฤห ก็สมัยนั้น พระผมู ีพระภาคเจา ประชวร ไมท รงสบาย ทรงเปนไขห นัก. [๔๒๖] ครงั้ นั้น ทา นพระมหาจุนทะเขาไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจาถงึ ทปี่ ระทบั ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา แลว นง่ั ณ ทีค่ วรสว นขา งหนง่ึพระผมู พี ระภาคเจาไดต รัสกะทา นพระมหาจนุ ทะวา ดกู อ นจนุ ทะ โพชฌงคจ งแจม แจง กะเธอ. จ. ขาแตพระองคผเู จริญ โพชฌงค ๗ เหลา น้ี พระผูม ีพระภาคเจาตรัสไวชอบแลว อันบคุ คลเจรญิ แลว กระทําใหม ากแลว ยอมเปน ไปเพอ่ืความรยู ่ิง เพื่อความตรสั รู เพอื่ นิพพาน โพชฌงค ๗ เปน ไฉน. [๔๒๗] ขาแตพ ระองคผ ูเ จรญิ สตสิ ัมโพชฌงค พระผูมีพระภาคเจาตรสั ไวชอบแลว อันบคุ คลเจรญิ แลว กระทําใหม ากแลว ยอ มเปนไปเพอ่ืความรูยิ่ง เพื่อความตรสั รู เพื่อนิพพาน ฯลฯ อเุ บกขาสัมโพชฌงค พระผูมีพระภาคเจาไดต รสั ไวชอบแลว อันบคุ คลเจรญิ แลว กระทําใหม ากแลวยอ มเปน ไปเพือ่ ความรูยิง่ เพอ่ื ความรู เพือ่ นพิ พาน. ขา แตพ ระองคผูเจรญิ โพชฌงค ๗ เหลานี้แลพระผมู พี ระภาคเจาตรัสไวช อบแลว อันบุคคลเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลว ยอ มเปน ไปเพอ่ื ความรูย ่ิง เพือ่ ความตรัสรูเพอื่ นพิ พาน.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 498
Pages: