Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_30

tripitaka_30

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:36

Description: tripitaka_30

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 401เมือ่ นอนบนเตียงเปนทต่ี าย จงึ กลา วแกอ ันเตวาสกิ ผเู ปน ที่รกั ท่ชี อบใจทา นแสดงวา พระตถาคตไมม คี าํ อะไร ทจ่ี ะกํามือเกบ็ ไวอยา งน้นั วา เราจักกลา วคาํ น้ี ในเวลาแก ในเวลาคร้งั สดุ ทาย ดังนี้. บทวา อห ภิกฺขุสงฆฺ  ความวา เราจักบริหารภกิ ษุสงฆห รือ.บทวา มมุทฺเทสโิ ก ความวา หรือวา เราชื่อวา มมทุ เทสกิ ะ เพราะวิเคราะหว า มีความเชดิ ชู ดวยอรรถวา อนั ภิกษสุ งฆพ ึงเชิดชู ขอภกิ ษสุ งฆจงหวงั เรา เฉพาะเราเทา นัน้ จะเปนเร่ืองใด เรื่องหนงึ่ กต็ าม อยาลว งเราไปอธิบายวา ก็หรอื วาแกค นใด คนหนึ่ง. บทวา น เอว โหติ ความวาตถาคตยอ มไมมีอยางนี้ เพราะอิสสาและมจั ฉริยะทั้งหลาย หมดส้นิ แลว ณโพธบิ ัลลงั กน ่นั แล. บทวา ส กึ แปลวา นนั้ อะไร. บทวา อสีติโกความวา วัย ๘๐ ป. คํานี้ ตรสั เพือ่ ทรงแสดงถึงวัยทผี่ านมาตามลําดับถงึปจ ฉิมวยั . บทวา เวฬุมิสสฺ เกน ความวา เพราะซอมแซมดวยไมไผอันปรบั ปรงุ ดว ยเครอ่ื งผูกทีท่ บู และทลี่ อเปน ตน. บทวา มฺเ ยาเปติทานแสดงวา การกา วไปดวยอิรยิ าบถ ๔ ยอมมีแกตถาคต เพราะผูกดว ยพระอรหตั ผล เหมือนเกวียนเกายังเปนไปได เพราะซอ มแซมดวยไมไ ผฉะน้ัน. บัดน้ี เมื่อพระองคทรงประกาศเนอ้ื ความนัน้ จงึ ตรสั คําเปนตน วายสฺมึ อานนทฺ สมเย ดังนี้. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สพฺพนิมิตตฺ านไดแ ก รปู นมิ ิตเปนตน . บทวา เอกจฺจาน เวทนาน ไดแก โลกิยเวทนา.บทวา ตสมฺ าตหิ านนฺท ทานแสดงวา เพราะความผาสกุ ยอ มมีได ดว ยผลสมาบัติวิหารน้.ี ฉะน้ัน แมเ ธอทัง้ หลายจงอยูอยางนี้ เพ่ือประโยชนแกความอยูผาสุกนน้ั เถิด. บทวา อตฺตทปี า ความวา เธอท้งั หลาย จงทําตนใหเปน เกาะคือเปนท่พี ึ่งอยูเ ถิด เหมอื นคนอยใู นมหาสมุทร ทําเกาะอาศยั อยู

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 402ฉะนนั้ . บทวา อตตฺ สรณา ความวา เธอทง้ั หลาย จงมีตนเปนคติ อยามคี นอื่นเปน คติเลย. แมในบทมธี รรมเปนเกาะ มีธรรมเปน ท่พี ึง่ กน็ ยั นี้นน่ั แล. ก็โลกุตรธรรม ๙ อยาง พึงทราบวา ธรรมในบทนี้. บทวาตมตคเฺ คเม เต ตัดบทเปน ตมอคเฺ ค ต อกั ษร ในทา มกลางทานกลา วดวยสามารถการเชอื่ มบท. มีอธิบายวา ภกิ ษุเหลาน้ี ช่อื วา ตมตัคคา เพราะอรรถวา มคี วามมดื เปน เลิศ. พระผูมีพระภาคเจา ทรงถอื เทศนาดว ยธรรมอนั เปนยอด คอื พระอรหัตวา ดูกอ นอานนท ภกิ ษทุ ง้ั หลายเหลา น้นั ของเราตัดกระแสแหง ความมืดไดท้งั หมดอยางน้แี ลว จกั เปนผเู ลศิ คือสว นสงสดุเกินเปรยี บ คือจกั เปน ผเู ลิศกวาพวกภกิ ษุเหลานั้น. ภกิ ษเุ หลาใดเหลา หนึ่งเปน ผูใครต อ การศกึ ษา และภกิ ษเุ หลา นน้ั ท้งั หมด มสี ตปิ ฏฐาน ๔ เปน อารมณจกั เปน ผเู ลศิ ดงั น.้ี จบอรรถกถาคลิ านสตู รท่ี ๙ ๑๐. ภิกขุนีสูตร ผมู จี ิตต้ังม่ันในสติปฏฐาน ๔ ยอ มรคู ุณวเิ ศษ [๗๑๔] สาวตั ถนี ิทาน. ครัง้ นัน้ เวลาเชา ทานพระอานนทน งุ แลวถอื บาตรและจวี รเขา ไปยังสํานกั ของนางภกิ ษุณแี หง หนงึ่ แลว นง่ั บนอาสนะทเี่ ขาปูลาดไว. ครัง้ น้ัน ภกิ ษณุ มี ากรูปเขา ไปหาทานพระอานนท ไหวทานพระอานนทแลว จงึ นง่ั ณ ทค่ี วรสว นขา งหนึ่ง. ครัน้ แลว จงึ พูดกะทา นพระอานนทวา ขาแตพระอานนทผ ูเจรญิ ภิกษุณมี มี ากรูปในธรรมวินยั น้ี

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 403มีจติ ตั้งมัน่ ดีแลวในสตปิ ฏ ฐาน ๔ ยอ มรูคณุ วิเศษอันยิ่งอยางอืน่ จากคณุ วเิ ศษในกาลกอ น. ทานพระอานนทต อบวา นอ งหญิง ขอน้เี ปนอยางนน้ั ขอ น้ีเปน อยางน้ัน ภกิ ษหุ รอื ภิกษุณีรูปใดรปู หนึ่ง มจี ิตตัง้ ม่นั ดแี ลว ในสตปิ ฏฐาน ๔ภิกษุหรือภิกษณุ ีรูปนัน้ พงึ หวงั ขอนไ้ี ดว า จกั รคู ุณวเิ ศษอนั ยง่ิ อยา งอ่นื จากคณุ วเิ ศษในกาลกอน. ลาํ ดับนน้ั ทา นพระอานนทยงั ภิกษุณเี หลานนั้ ใหเห็นแจงใหสมาทาน ใหอ าจหาญ ใหรา เริงดว ยธรรมมีกถา แลว ลกุ จากอาสนะหลกี ไป. [๗๑๕] ครัง้ นน้ั ทานพระอานนทเที่ยวไปบิณฑบาตในพระนคร-สาวัตถีแลว ในเวลาปจ ฉาภตั กลับจากบณิ ฑบาตเขา ไปเฝาพระผูม พี ระภาคเจาถึงทปี่ ระทบั ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลว น่งั ณ ทีค่ วรสวนขา งหน่ึงคร้นั แลว ไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผ เู จริญ เม่อื เชานี้ขา พระองคน งุ แลว ถอื บาตรและจวี รเขา ไปยงั สาํ นักนางภกิ ษณุ ีแหง หนึ่งแลว นั่งบนอาสนะทีเ่ ขาปลู าดไว. คร้งั นน้ั ภิกษณุ มี ากรูปเขา มาหาขาพระองคไหวข า พระองคแ ลว จงึ นั่ง ณ ท่คี วรสวนขา งหนึง่ . ครนั้ แลว ไดพูดกะขา-พระองควา ขา แตทา นพระอานนทผ เู จริญ ภิกษณุ มี ากรปู ในธรรมวินัยน้ีมจี ติ ตั้งมน่ั ดแี ลวในสตปิ ฏฐาน ๔ ยอ มรคู ณุ วเิ ศษอันยิ่งอยางอื่นจากคณุ วเิ ศษในกาลกอ น. เมอ่ื ภกิ ษณุ ที ้ังหลายพดู อยางนน้ั แลว ขาพระองคตอบวา นอ งหญงิขอ น้ีเปนอยา งนน้ั ขอน้เี ปนอยางนัน้ ภิกษหุ รือภกิ ษณุ ีรปู ใดรูปหน่งึ มีจิตตัง้ มน่ั ดแี ลว ในสติปฏฐาน ๔ ภกิ ษุหรอื ภกิ ษณุ ีรูปนั้นพึงหวังขอ นีไ้ ดวา จกั รูคุณวิเศษอันยง่ิ อยา งอนื่ จากคุณวิเศษในกาลกอ น. [๗๑๖] พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา ดกู อ นอานนท อนั เปนอยา งนั้นขอนีเ้ ปน อยางนั้น ภกิ ษุหรอื ภกิ ษณุ รี ูปใดรูปหน่งึ มจี ติ ตั้งม่ันดีแลว ในสตปิ ฏฐาน ๔ ภิกษุหรอื ภกิ ษุณรี ูปนั้นพึ่งหวังขอนไี้ ดว า จักรคู ุณวเิ ศษอันยง่ิอยางอื่นจากคุณวิเศษในกาลกอน. สติปฏ ฐาน ๔ เปน ไฉน.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 404 [๗๑๗] ดกู อ นอานนท ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ี ยอมพิจารณาเหน็กายในกายอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนสัในโลกเสยี . เมอื่ เธอพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู ความเรา รอนมกี ายเปนอารมณเกดิ ข้ึนในกายกด็ ี ความหดหูแ หงจิตเกดิ ข้นึ ก็ดี จิตฟงุ ซานไปในภายนอกกด็ ี.ภกิ ษนุ ้ันพงึ ตัง้ จิตไวใ หม่นั ในนมิ ติ อนั เปน ท่ตี ัง้ แหง ความเลื่อมใสอยา งใดอยางหน่ึง เม่ือเธอต้ังจติ ไวม น่ั ในนมิ ติ อันเปนทต่ี ัง้ แหงความเลื่อมใสอยางใดอยางหน่งึ อยู ปราโมทยยอมเกดิ เมื่อเธอปราโมทย ปต ิยอมเกิด เมื่อเธอมีใจประกอบดวยปติ กายยอมระงับ เธอมีกายระงับแลว ยอ มเสวยสุขเมอ่ื เธอมสี ขุ จิตยอ มต้ังมน่ั . เธอยอ มพิจารณาเหน็ อยางนว้ี า เราตง้ั จิตไวเพอื่ ประโยชนใด ประโยชนน้นั สาํ เร็จแกเราแลว บัดนเี้ ราจะคมุ จติ ไว. เธอคุมจิตไว และไมตรกึ ไมต รอง ยอ มรชู ดั วา เราไมมวี ติ ก ไมมวี จิ ารมีสติ ในภายใน เปน ผมู คี วามสขุ ดงั น้.ี [๗๑๘] ดูกอนอานนท อกี ประการหนงึ่ ภิกษุในธรรมวินยั นี้ ยอมพจิ ารพาเห็นเวทนาในเวทนาอยู . . . ยอมพจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ อยู . . . ยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มสี มั ปชัญญะ มสี ติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . เม่อื เธอพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู ความเรารอ นมีธรรมเปนอารมณเกดิ ขน้ึ ในกายกด็ ี ความหดหแู หง จิตเกิดขึ้นก็ดีจิตฟุงซา นไปในภายนอกก็ดี. ภิกษุน้นั พงึ ตั้งจิตไวใหมนั่ ในนมิ ติ อนั เปนท่ตี ัง้ แหง ความเล่อื มใสอยางใดอยางหนงึ่ เม่ือเธอต้ังจติ ไวม น่ั ในนิมติ อนั เปนทีต่ ง้ั แหงความเลอื่ มใสอยางใดอยางหนึง่ อยู ปราโมทยยอมเกิด เมอื่ เธอปราโมทย ปติยอมเกดิ เมอ่ื เธอมใี จประกอบดว ยปต ิ กายยอ มระงับ เธอมีกายระงบั แลว ยอมเสวยสุข เมอื่ เธอมสี ขุ จติ ยอมตง้ั มัน่ . เธอยอมพจิ ารณาเห็นอยางนว้ี า เราตัง้ จิตไวเ พอ่ื ประโยชนใ ด ประโยชนนนั้ สาํ เรจ็ แกเราแลว

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 405บดั นเ้ี ราจะคุมจติ ไว. เมอ่ื เธอคมุ จติ ไว และไมต รกึ ไมครอง ยอ มรูช ัดวาเราไมม วี ิตก เราไมม วี จิ าร มีสติในภายใน เปนผมู คี วามสุข ดังน้ี ดูกอนอานนท ภาวนายอ มมเี พราะต้ังจติ ไว ดวยประการฉะน้ีแล. [๗๑๙] ดูกอนอานนท ก็ภาวนายอมมีเพราะไมตัง้ จิตไวในภายนอก.อยางไร. ดกู อ นอานนท ภกิ ษุมิไดตง้ั จิตไวในภายนอก ยอมรชู ดั วา จติอนั เรามิไดตัง้ ไวในภายนอก ในลาํ ดบั น้ัน เธอยอ มรชู ัดวา จติ ของเราไมไ ดฟุงซานไปขางหลงั และขา งหนา พนแลวมไิ ดตั้งอยู ก็แลในกาลน้ัน เธอยอมรชู ัดวา เรายอ มพิจารณาเห็นกายในกายอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชญั ญะมสี ติ เปน ผมู ีความสุข ดงั น้.ี [๗๒๐] ดูกอนอานนท ภิกษุมิไดตง้ั จติ ไวในภายนอก ยอ มรชู ัดวาจิตอันเรามไิ ดตง้ั ไวใ นภายนอก ในลําดับนัน้ เธอยอมรชู ดั วา จติ ของเราไมฟงุ ซา นไปขา งหลงั และขา งหนา พน แลว มิไดตง้ั อยู ก็แลในกาลนนั้ เธอยอมรูชดั วา เรายอมพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มสี ติ เปน ผมู ีความสุข ดงั น้.ี [๗๒๑] ดูกอนอานนท ภิกษมุ ไิ ดต้งั จติ ไวใ นภายนอก ยอมรชู ดั วาจิตอนั เรามิไดต ั้งไวใ นภายนอก ในลาํ ดับน้ัน เธอยอมรูชดั วา จิตของเราไมฟงุ ซา นไปขางหลงั และขา งหนา พนแลว มไิ ดต ้ังอยู กแ็ ลในกาลนน้ั เธอยอมรชู ัดวา เรายอ มพิจารณาเหน็ จติ ในจิตอยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชัญญะมสี ติ เปนผมู คี วามสุข ดงั น้ี. [๗๒๒] ดูกอนอานนท ภิกษมุ ิไดตั้งจติ ไวใ นภายนอก ยอมรชู ัดวาจิตอนั เรามิไดตัง้ ไวใ นภายนอก ในลําดับน้ัน เธอยอ มรูชดั วา จติ ของเรามไิ ดฟุงซา นไปขา งหลงั และขา งหนา พนแลว มิไดต ้ังอยู กแ็ ลในกาลน้ัน เธอยอม

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 406รูช ดั วา เรายอ มพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพียร มีสัมปชัญญะมีสติ เปนผมู ีความสุข ดังน.้ี [๗๒๓] ดูกอนอานนท ภาวนายอมมีเพราะไมไดตง้ั จติ ไวอ ยางนน้ั แลดูกอนอานนท ภาวนายอ มมเี พราะตัง้ จิตไว เราแสดงแลว ภาวนายอมมีเพราะมิไดตง้ั จติ ไว เราก็แสดงแลว ดวยประการฉะนี้แล. ดูกอนอานนทกิจอนั ใดอนั ศาสดาผูแสวงหาประโยชน ผูอนุเคราะห นงุ ความอนุเคราะหจะพึงทําแกส าวกทง้ั หลาย กจิ อันนนั้ เรากระทาํ แลวแกเ ธอทง้ั หลาย. อานนทนัน่ โคนไม นั่นเรือนวาง. เธอทั้งหลายจงเพงพนิ ิจ อยา ประมาท อยา ไดม ีความรอ นใจในภายหลงั นเ้ี ปนอนศุ าสนีของเรา สาํ หรับเธอทงั้ หลาย. พระผมู ีพระภาคเจา ไดต รัสพทุ ธพจนนแ้ี ลว ทานพระอานนทป ลม้ื ใจชน่ื ชมภาษติ ของพระผมู พี ระภาคเจา แลวแล. จบภกิ ขนุ ีสตู รท่ี ๑๐ จบอมั พปาลิวรรคที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 407 อรรถกถาภกิ ขุนีสูตร พึงทราบวินิจฉยั ในภิกขุนีสตู รท่ี ๑๐ บทวา เตนปุ สงกฺ มิ ความวา พระอานนท เขาไปหาดวยคดิ วาเราจกั ใหพ วกภิกษณุ ีผูบาํ เพญ็ กัมมฏั ฐานมอี ยใู นสํานักนั้น เกดิ ความขวนขวายแลว จักบอกกมั มฏั ฐานแกเ ธอเหลา น้นั . บทวา อฬุ าร ปุพเฺ พนาปร วิเสสความวา ยอมรูคุณวเิ ศษอนั ยิ่งอยา งอืน่ จากคณุ วเิ ศษในเบ้อื งตน . การกําหนดมหาภูตรปู ในบทน้นั เปนคุณวเิ ศษในเบื้องตน การกาํ หนดอุปาทายรูป ชื่อวาคณุ วิเศษในเบือ้ งปลาย การกาํ หนดสกลรูป เปน คณุ วิเศษในเบอ้ื งตน ก็อยางนนั้ การกาํ หนดอรปู ชือ่ วา คุณวิเศษในเบื้องปลาย การกาํ หนดรปู และอรปูเปนคุณวิเศษในเบือ้ งตน. การกําหนดปจ จัย ชือ่ วา คุณวเิ ศษในเบอื้ งปลาย.การเหน็ นามรปู พรอ มทัง้ ปจจัย เปน คุณวเิ ศษในเบ้ืองตน. การยกขน้ึ สูไตรลักษณ ชอ่ื วา คณุ วิเศษในเบือ้ งปลาย อธิบายวา ยอมรูค ณุ วเิ ศษอันยงิ่เบอ้ื งปลายจากคณุ วิเศษในเบื้องตน อยางน้.ี บทวา กายารมมฺ โณ ความวา เธอยอ มพิจารณาเห็นกายใด และความเรา รอนเพราะกเิ ลสยอ มเกิดข้นึ เพราะทาํ กายน้นั แลใหเ ปนอารมณ.บทวา พหิทธฺ า วา จิตตฺ  วิกขฺ ปิ ติ ความวา จติ ตุปบาทยอ มฟงุ ไปในภายนอก คอื ในอารมณมากบาง. บทวา กิสฺมิ ฺเทว ปสาทนเี ย นิมิตเฺ ตจติ ฺต ปณิทหติ พพฺ  ความวา เมื่อความเรารอ นเพราะกเิ ลส ความหดหูและความฟงุ ซา นไปในภายนอก เกดิ ข้นึ แลว ไมพ ึงประพฤติไปตามความยนิ ดีของกิเลส คอื พึงต้ังจิตไวในกัมมฏั ฐาน ในนมิ ติ อันเปนท่ตี ง้ั แหง ความเลื่อมใส คือนําความเล่ือมใสมาใหอ ยางใดอยา งหนึ่ง คอื ในฐานะอยา งใด

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 408อยางหนง่ึ ในบรรดาพระพทุ ธเจาเปนตน . บทวา จิตตฺ  สมาธยิ ติ ความวาจิตรบั อารมณโดยชอบ ยอมตั้งมน่ั ดี. บทวา ปฏสิ  หรามิ ไดแ ก เราจะคมุ จิต จากฐานะอันเปนทต่ี ้ังแหงความเล่ือมใส อธบิ ายวา เราจะทําจิตนัน้ใหม ุง ตรงตอ มลู กัมมัฏฐาน. บทวา โส ปฏสิ  หรติ เจว ความวา เธอสง จิตมุงตรงตอ มูลกมั มฏั ฐาน. บทวา น จ วติ กเฺ กติ น จ วิจาเรติความวา ไมต รกึ ถงึ กเิ ลส ไมต รองถงึ กเิ ลส. บทวา อวิตกฺโกมฺหิ อวิจาโรความวา เราไมมีวติ ก ไมมวี จิ าร โดยวติ กวิจารในกิเลส. บทวา อชฌฺ ตตฺ สติมา สุขมสมฺ ิ ความวา เธอยอ มรูช ดั วา เรามสี ติ และมีความสุขดงั น้ีดว ยสติทด่ี าํ เนนิ ไปในภายในอารมณ. บทวา เอว โข อานนฺท ปณิธาย ภาวนา โหติ ความวาอานนท ภาวนามีกเ็ พราะตงั้ จิตไวอยา งน้ัน. ก็ภาวนาของภิกษุนี้ ผูถือเอากมั มฏั ฐานไปเพือ่ บรรลุพระอรหตั เมอ่ื ความเรา รอ นในกายเปนตน เกดิ ขน้ึ แลวพักกัมมัฏฐานนั้นไว ยงั จิตใหเลือ่ มใส ดว ยการระลกึ ในพระพทุ ธคุณเปน ตนทําใหเปนทต่ี ้งั แหงการงาน ดําเนนิ ไปแลว เหมือนการเดนิ ไปของตนแบกออ ยหนักมาก ไปยังโรงหีบออ ย ในเวลาเหน่ือยแลว และเหน่อื ยแลว วางลงบนแผน ดิน เคย้ี วกนิ ทอ นออยแลว ก็แบกไปอีกฉะน้นั . เพราะฉะนัน้ พระองคจงึ ตรสั วา ภาวนามเี พราะตัง้ ใจไว. พงึ ทราบการเสวยสุขในผลสมาบัตขิ องภิกษนุ ้ี ผูบาํ เพ็ญกมั มัฏฐานถึงทสี่ ดุ แลว ไดบ รรลพุ ระอรหัต เหมือนคนนนั้นาํ ออ ยหนกั นัน้ ไปยงั โรงหีบออย บีบออ ยเสรจ็ แลว ดม่ื รสฉะนนั้ . บทวา พหทิ ธฺ า ความวา ละมูลกัมมฏั ฐานไปในอารมณอ ่นื ภายนอกบทวา อปปฺ ณิธาย แปลวา มิไดตง้ั จิตไว. ในบทวา อถ ปจฉฺ า ปุเรอสขฺ ิตตฺ  วิมตุ ตฺ  อปฺปณหิ ิตนฺติ ปชานาติ นี้ พึงทราบความหมายดว ยอํานาจกมั มฏั ฐานบาง ดวยอาํ นาจสรีระบา ง ดว ยอํานาจเทศนาบาง.

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 409 ในบทเหลานน้ั พงึ ทราบใหก มั มฏั ฐานกอ นความเชอ่ื มนั่ ตอ กัมมัฏฐานชอ่ื วา ขางหนา พระอรหัต ชอ่ื วา ขางหลงั . ในธรรมเหลานัน้ ภกิ ษรุ ูปใดถือเอามลู กัมมัฏฐาน ไมป ลอ ยโอกาสใหค วานเรา รอ นในกเิ ลส ความหดหูหรือความฟุงซา นไปในภายนอก เกดิ ขนึ้ ได เม่อื เริม่ วปิ ส สนา มจี ติ ม่ัน ไมต ิดยอมบรรลุพระอรหัต เหมอื นเทียมโคท่ฝี ก ดีใหแ ลนไป และเหมอื นใสล่มิสีเหลี่ยมทีถ่ ากไวใ นชองส่เี หล่ยี ม. ภกิ ษุรปู นัน้ ช่อื วา ยอมรูชดั วา จติ ไมฟุงซานไปขา งหลงั และขา งหนา พน แลว มิไดตงั้ อยู ดวยอาํ นาจความเชอ่ื มัน่ ในกัมมัฏฐาน กลาวคอื ขา งหนา และพระอรหัตกลาวคือขางหลงั สวนในสรรี ะ ขอ ปลายนิว้ เทา ชือ่ วา ขา งหนา กระโหลกศีรษะช่ือวา ขา งหลงั . ในสองอยา งเหลานน้ั ภกิ ษรุ ูปใด มุงมั่นในกระดูกขอปลายน้ิวเทา เมือ่ กาํ หนดกระดูกดว ยอํานาจการกําหนดสี สณั ฐาน ทิศ โอกาสเหมือนฟาดฟอ นขาวเหนยี ว หามความเกิดแหงความเรารอน เพราะกิเลสในระหวางเปน ตน บําเพญ็ ภาวนาไปจนถงึ กระโหลกศรี ษะ. ภกิ ษรุ ปู น้นัชอื่ วา ยอ มรชู ดั วา จติ ของเราไมฟ ุง ซานไปขางหลังและขา งหนา พน แลวมไิ ดต้ังอยู ดว ยอํานาจแหง ขอ นิ้วปลายเทา กลาวคือขางหนา และแหง กระโหลกศรี ษะ กลาวคือขางหลงั . แมใ นเทศนา ผมทงั้ หลายชื่อวา ขา งหนา ดว ยการแสดงอาการ ๓๒มตั ถลุงคงั (มนั สมอง) ชอ่ื วา ขางหลัง. ในสองอยา งเหลา นนั้ ภิกษุรปู ใดมงุ ม่นั ในผม กาํ หนดจบั ผมเปนตน ดวยอาํ นาจ สี สณั ฐาน ทิศ โอกาสหามความเกิดแหง ความเรา รอ นในกิเลสในระหวา ง บําเพญ็ ภาวนาไปจนถงึมนั สมอง. ภกิ ษรุ ูปน้นั ช่ือวา ยอมรูช ดั วา จิตของเราไมฟุง ซา นไปขา งหลังและขา งหนา พน แลว มไิ ดตงั้ อยู ดว ยอาํ นาจผมกลาวคือขา งหนา และแหงมนั สมอง กลา วคือขางหลัง.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 410 บทวา เอว โข อานนฺท อปฺปณิธาย ภาวนา โหติ ความวาดูกอนอานนท ภาวนายอมมี เพราะมไิ ดต ง้ั จติ ไวอยา งนี้ ก็กมั มฏั ฐานภาวนาของภิกษนุ ี้ ยอ มเปน ไป เพราะหามความเกิดข้นึ แหง ความเรารอ นทางกายเปนตน แหงการเร่มิ ภาวนา เพือ่ บรรลุพระอรหัต เหมือนคนไดน ํ้าออ ยงบหนกั เมอื่ นาํ ไปยงั เรอื นของตน ไมพักในระหวาง เคยี้ วกนิ กอ นน้ําออ ยงบเปนตน ที่ใสไ วในพก ยอมหยง่ั เขาไปบา นของตน ฉะนน้ั เพราะฉะนัน้พระองคจึงตรสั วา ภาวนายอมมีเพราะมิไดต ้งั จิตไว. พงึ ทราบการเสวยความสุขในผลสมาบตั ิ ของภกิ ษนุ ี้ ผบู ําเพญ็ กัมมัฏฐานถึงทีส่ ุดแลว บรรลุพระอรหตัเหมอื นคนนัน้ นาํ น้ําออยงบหนักไปยงั บานของตนแลว บรโิ ภคพรอมดวยพวกญาติ ฉะนนั้ . ในพระสูตรนี้ ตรัสบุพภาควิปสสนา คําทีเ่ หลอื ในบทท้ังปวงงายท้งั นัน้ แล. จบอรรถกถาภิกขุนีสูตรท่ี ๑๐ จบอรรถกถาอัมพปาลวิ รรคท่ี ๑ รวมพระสตู รทีม่ ีในวรรคน้ี คือ ๑. อมั พปาลสิ ตู ร ๒. สตสิ ูตร ๓. ภิกขสุ ตู ร ๘. โกสลสตู ร๕. อกุสลราสิสตู ร ๖. สกุณัคฆสี ูตร ๗. มกั กฎสูตร ๘. สูทสตู ร ๙.คลิ านสตู ร ๑๐. ภิกขุนสี ูตร พรอ มท้ังอรรถกถา.

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 411 นาฬันทวรรค ที่ ๒ ๑. มหาปรุ ิสสูตร* วา ดวยผูเ ปน มหาบุรุษ [๗๒๔] สาวตั ถีนทิ าน. คร้ังนัน้ ทานพระสารีบตุ รเขา ไปเฝาพระผูม ีพระภาคเจาถึงท่ปี ระทับ ถวายบงั คมพระผมู ีพระภาคเจา แลว น่งั ณท่คี วรสวนขางหนึ่ง. ครนั้ แลว ไดทลู ถามพระผมู ีพระภาคเจาวา ขาแตพระองค-ผเู จรญิ ทเ่ี รยี กวา มหาบุรษุ ๆ ดงั น้ี บุคคลจะเปน มหาบุรษุ ไดด ว ยเหตุเทา ไรหนอแล. พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ดกู อนสารบี ตุ ร เราเรียกวามหาบุรุษ เพราะเปน ผมู จี ติ หลุดพน เราไมเ รยี กวา มหาบรุ ษุ เพราะเปนผมู จี ติ ยงั ไมหลุดพน . [๗๒๕] ดูกอนสารีบตุ ร กบ็ คุ คลเปน ผูม ีจิตหลดุ พน อยางไร. ภิกษุในธรรมวินยั นี้ ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู. มคี วามเพยี ร มสี มั ปชัญญะมีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. เม่อื เธอพิจารณาเห็นกายในกายอยูจิตยอมคลายกําหนัด ยอมหลดุ พนจากอาสวะทัง้ หลายเพราะไมถือม่นั . ยอ มพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... ยอมพจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู ... ยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มสี ติ กําจัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . เมอ่ื พจิ ารณาเห็นธรรมในธรรนอยู จติ ยอมคลายกําหนดั ยอมหลดุ พน จากอาสวะท้งั หลายเพราะไมถ อื มนั่ . ดูกอ นสารีบตุ รบคุ คลเปน ผูมจี ิตหลดุ พนอยางนแี้ ล. เราเรียกวา มหาบรุ ุษ เพราะเปนผูมีจติหลุดพน เราไมเ รียกวา มหาบรุ ษุ เพราะเปน ผูมจี ิตยงั ไมหลุดพน. จบมหาปุริสสตู รท่ี ๑* ไมม อี รรถกถาแก

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 412 ๒. นาฬนั ทาสตู ร วาดวยธรรมปริยาย [๗๒๖] สมัยหนึ่ง พระผูม ีพระภาคเจาประทบั อยทู ี่ปาวาริกอัมพวนัใกลเมอื งนาฬนั ทา ครัง้ นั้น ทา นพระสารบี ตุ รเขาไปเฝา พระผูมพี ระภาคเจาถึงท่ปี ระทบั ถวายบังคมพระผูม ีพระภาคเจา แลวนง่ั ณ ทค่ี วรสวนขา งหนง่ึ ครนั้แลวไดกราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผูเจรญิ ขา พระองคเ ลื่อมใสในพระผมู ีพระภาคเจาอยา งนวี้ า สมณะหรือพราหมณอ่ืน ซึ่งจะรยู ง่ิ ไปกวาพระผูมีพระภาคเจา ในทางปญญาเครอื่ งตรัสรู มไิ ดม ีแลว จักไมมี และยอ มไมมีในบดั น้ี. พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อ นสารีบตุ ร นีเ้ ปนอาสภิวาจาอยา งสงู ทเี่ ธอกลาวแลว เธอถอื เอาแตวาทะอยา งเดยี วบนั ลอื สหี นาทวา พระพทุ ธ-เจาขา ขา พระองคเล่ือมใสในพระผมู พี ระภาคเจาอยา งนั้นวา สมณะหรอื พราหมณอ่นื ซึ่งจะรยู งิ่ ไปกวาพระผมู พี ระภาคเจา ในทางปญญาเครือ่ งตรสั รูมิไดมีแลวจักไมมี และยอ มไมม ีในบัดนี.้ [๗๒๗] ดูกอ นสารบี ตุ ร พระอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจาเหลา ใดท่ไี ดมมี าแลว ในอดตี กาล พระผูมีพระภาคเจา เหลา นนั้ ทกุ พระองค อนั เธอกาํ หนดซงึ่ใจดวยใจแลวรูวา พระผูมีพระภาคเจาเหลานัน้ ไดทรงมศี ีลอยางนน้ั ไดม ีธรรมอยา งน้ี ไดม ีปญ ญาอยางนน้ั ไดมธี รรมเปน เครื่องอยอู ยางนัน้ หรือวาหลดุ พนแลวอยางนนั้ ดงั นี้ กระนั้นหรอื . สา. หามไิ ด พระเจา ขา. [๗๒๘] พ. ดกู อ นสารีบุตร พระอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจา เหลา ใดทจ่ี ักมใี นอนาคตกาล และพระผูม ีพระภาคเจา เหลาน้ันทุกพระองค อนั เธอ

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 413กําหนดซงึ่ ใจดว ยใจแลวรวู า พระผูมีพระภาคเจาเหลา นน้ั จกั ทรงมศี ลี อยา งน้ี จักมธี รรมอยา งนั้น จกั มปี ญ ญาอยางนี้ จักมีธรรมเปน เคร่ืองอยูอ ยา งน้ีหรอื วาหลุดพนแลว อยางน้ี ดงั นี้ กระน้นั หรือ. สา. หามิได พระเจา ขา [๗๒๙] พ. ดกู อนสารบี ุตร พระอรหนั ตสมั มาพทุ ธเจา ในบดั นี้ คือเรา อนั เธอกําหนดซึง่ ใจดวยใจแลวรูวา พระผมู พี ระภาคเจาเปน ผูม ีศลี อยางน้ี มีธรรมอยา งน้ี มีปญญาอยา งนี้ มีธรรมเปนเครือ่ งอยูอยางน้ี หรอื วาหลุดพน แลว อยา งนนั้ ดงั น้ี กระนั้นหรือ. สา. หามิได พระเจา ขา. [๗๓๐] พ. ดูกอ นสารีบตุ ร กใ็ นขอ น้ี เธอไมมเี จโตปรยิ ญาณในพระอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจาทัง้ ทเ่ี ปนอดีต อนาคต และปจ จบุ นั เม่อื เปนเชน น้นั เพราะเหตอุ ะไร เธอจงึ กลาวอาสภิวาจาอยางสูงนี้ เธอถอื เอาวาทะแตอยา งเดยี วบันลอื สหี นาทวา พระพุทธเจา ขา ขา พระองคเ ลอ่ื มใสในพระผมู ีพระภาคเจา อยา งน้ันวา สมณะหรือพราหมณอ ืน่ ซง่ึ จะรูยง่ิ ไปกวาพระผูมพี ระภาคเจา ในทางพระปญ ญาเคร่อื งตรสั รู มิไดม แี ลว จกั ไมมีและยอ มไมมีในบัดน.ี้ สา. ขาแตพระองคผูเจรญิ ขาพระองคจ ะมเี จโตปรยิ ญาณในพระ-อรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา ทัง้ ทเี่ ปนอดตี อนาคต และปจ จุบนั กห็ ามไิ ด แตว าขา พระองคร ไู ดต ามกระแสพระธรรม. [๗๓๑] ขา แตพ ระองคผเู จรญิ เปรยี บเหมือนปจจยั ตนครของพระ-ราชามเี ชงิ เทินมนั่ คง มกี าํ แพงและหอรบแนนหนา มปี ระตเู ดียว คนเฝา ประตูของพระราชาในนครน้นั มปี ญ ญาเฉลยี วฉลาด มคี วามรู หามคนท่ไี มร ูจกั

























































พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 442ความวา เพราะเหตนุ น้ั ใด จึงมีความตาง ๆ กนั จากส่ิงท่เี ปนทร่ี กั ทช่ี อบใจเพราะฉะน้ัน บุคคลบาํ เพญ็ บารมี ๑๐ กด็ ี บรรลสุ ัมโพธญิ าณกด็ ี ใหธรรมจักรเปนไปกด็ ี แสดงยมกปาฏิหารยิ ก ด็ ี ทําการกาวลงจากเทวโลกก็ดี รอ งไหบา ง กลาวอยบู า ง ก็ไมอ าจเพื่อจะไดเหตุทีเ่ กดิ แลว เปนแลว ถูกปจจัยปรงุแตง แลว มคี วามแตกดบั ไปเปน ธรรมดาน้นั ซงึ่ มใิ ชฐานะมอี ยดู วยความปรารถนาวา ขอพระสรีระแมของพระตถาคตเจานั้นอยา แตกดบั ไปเลย. บทวา โส ปลชุ ฺเชยยฺ ตน ไมน ้นั พงึ ทาํ ลาย ความวา ตนไมน้นั พงึ แตก. ในคาํ วา เอวเมว โข ฉนั นนั้ เหมือนกนั แล มีอธบิ ายวาภกิ ษสุ งฆ เหมอื นตนหวาใหญสงู รอยโยชน. พระธรรมเสนาบดี เปรียบเหมือนลาํ ตน ใหญประมาณหา สบิ โยชน ทางเบอื้ งขวาแหงตน ไมนั้น. พระเถระปรนิ ิพพานแลว เหมือนตน ไมใหญนน้ั หักแลว ก็ไมม ีลาํ ตนอ่ืนทีส่ ามารถเจรญิ ขน้ึ โดยลาํ ดับแตต น ไมทห่ี กั แลวนั้น อันสามารถเพื่อใหท ี่นั้นเตม็ ดวยดอกและผลเปน ตน. ความไมมีภกิ ษุอ่นื ผูถงึ ที่สดุ แหง ปญญาสิบหกอยางเชนกับพระสารีบตุ ร ผูสามารถท่ีจะน่งั บนอาสนะขางขวาแตภ ิกษสุ งฆนั้น เหมอื นตนไมในทศิ นัน้ สว นลาํ ตนพึงทราบวา เถดิ แลว . บทวา ตสฺมา เพราะเหตุน้นั ความวา เพราะสง่ิ ทป่ี จ จัยทั้งหมดปรงุ แตงแลว มีความยอยยับเปน ธรรมดาบคุ คลไมอ าจเพื่อจะไดว า ขอสงิ่ นั้นจงอยา ทาํ ลายไปเลย. จบอรรถกถาจุนทสูตรที่ ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 443 ๔. เจลสูตร วาดว ยการมีธรรมเปน เกาะเปนทพี่ ึง [๗๔๑] สมัยหนึ่ง เมือ่ พระสารบี ุตรและพระโมคคลั ลานะปรินิพพานแลว ไมนาน พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยูแทบฝงแมน า้ํ คงคาใกลอุกกเจลนครในแควนวชั ชี กบั พระภกิ ษุสงฆห มูใหญ. ก็สมัยนั้น พระผมู ีพระภาคเจาอันภกิ ษุสงฆแ วดลอมแลว ประทบั นงั่ ทก่ี ลางแจง . คร้ังน้นั พระ-ผมู พี ระภาคเจา ทรงชาํ เลืองดูภกิ ษุสงฆผนู ่ิงอยู แลว ตรัสกะภิกษทุ ง้ั หลายวา ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ก็บรษิ ทั ของเราน้ปี รากฏเหมือนวา งเปลา เมื่อสารีบตุ รและโมคคลั ลานะยังไมป รินิพพาน สารบี ตุ รและโมคคัลลานะอยใู นทิศใด ทศินน้ั ของเรายอ มไมวา งเปลา ความไมห ว งใยยอมมีในทศิ นัน้ . [๗๔๒] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย พระอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา แมเหลา ใด ไดม มี าแลว ในอดีตกาล พระผูมีพระภาคเจา แมเหลา น้ันกม็ คี สู าวกนน้ัเปนอยา งยง่ิ เทานน้ั เหมือนกบั สารีบุตรและโมคคัลลานะของเรา. พระอรหนั ต-สัมมาสัมพทุ ธเจา แมเ หลาใด จักมใี นอนาคตกาล พระผูม พี ระภาคเจาแมเหลานน้ั กจ็ กั มคี ูสาวกน้นั เปนอยา งยิง่ เทาน้ัน เหมือนกับสารีบตุ รและโมค-คลั ลานะของเรา. [๗๔๓] ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เปนความอัศจรรยของสาวกทงั้ หลายเปนเรอื่ งท่ีไมเ คยมมี าของสาวกทง้ั หลาย สาวกทงั้ หลายจกั กระทําตามคาํ สอนและกระทําตามโอวาทของพระศาสดา และจักเปน ทรี่ กั เปนทชี่ อบใจ เปน ทีต่ งั้* พมา เปน ปรินิพพฺ ุเตสุ ปรนิ พิ พานแลว . ๒. ยโุ รปและพมาเปน สุฺญา เม ภิกขฺ เว ปริสา โหติ บรษิ ัทของเราก็วางเปลาไป.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 444แหง ความเคารพและสรรเสรญิ ของบริษัท ๔. เปน ความอัศจรรยของตถาคตเปน เร่อื งทีไ่ มเ คยมีมาของตถาคต เมือ่ คูสาวกแมเห็นปานนปี้ รนิ ิพพานแลวความโศกหรือความรํา่ ไรกม็ ิไดม ีแกต ถาคต เพราะฉะนัน้ จะพึงไดข อน้แี ตท ่ีไหน ส่งิ ใดเกิดแลว มแี ลว ปจ จัยปรงุ แตงแลว มคี วามทาํ ลายเปน ธรรมดาการปรารถนาวา ขอส่ิงน้ันอยา ทาํ ลายเลย ดงั น้ี มิใชฐ านะท่จี ะมีได. [๗๔๔] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย เปรยี บเหมอื นตน ไมใหญ มแี กน ดงัอยลู ําตน ทีใ่ หญก วาพงึ ทาํ ลายลง ฉนั ใด เมอ่ื ภกิ ษุสงฆหมูใ หญซ ่ึงมแี กน ดาํ รงอยู สารบี ตุ รและโมคคัลลานะปรนิ พิ พานแลว ฉันนั้นเหมือนกนั . เพราะฉะน้ันจะพึงไดใ นขอ นแ้ี ตท ี่ไหน. สิ่งใดเกิดแลว มีแลว ปจจยั ปรงุ แตงแลว มคี วามทาํ ลายเปนธรรมดา การปรารถนาวา ขอสิง่ น้นั อยา ทาํ ลายไปเลย ดังน้ี มใิ ชฐานะที่จะมีได เพราะเหตนุ น้ั แล ภิกษุท้งั หลาย เธอทงั้ หลายจงมีตนเปน เกาะมีตนเปน ท่พี ่ึง อยา มสี ่ิงอน่ื เปนที่พงึ่ คือ มธี รรมเปน เกาะ มีธรรมเปนทพี่ ึง่อยามสี ิง่ อืน่ เปน ทีพ่ ่งึ อยูเถดิ . [๗๔๕] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมตี นเปน เกาะ มีตนเปน ที่พง่ึไมม สี ่ิงอน่ื เปน ทพี่ ่งึ คอื มธี รรมเปน เกาะ มีธรรมเปนท่ีพึ่ง ไมม สี ง่ิ อื่นเปนที่พง่ึ อยูอยางไร. ภิกษใุ นธรรมวินยั นี้ ยอมพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู...พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... พิจารณาเห็นจติ ในจิตอย.ู .. พจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มสี มั ปชญั ญะ มีสติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ภิกษุมีตนเปนเกาะ มตี นเปนท่ีพ่ึงไมมสี ิง่ อืน่ เปน ท่ีพง่ึ คอื มธี รรมเปน เกาะ มีธรรมเปน ทีพ่ ง่ึ ไมม สี ง่ิ อืน่ เปน ท่ีพึ่งอยอู ยา งนั้นแล. [๗๔๖] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย กภ็ ิกษพุ วกใดพวกหน่ึงในบัดน้ีกด็ ี ในกาลท่ีลวงไปแลว กด็ ี จักเปน ผูม ีตนเปนเกาะ มตี นเปน ทพี่ ง่ึ ไมม ีส่ิงอ่นื เปน

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 445ท่ีพ่งึ คือ มีธรรมเปน เกาะ มธี รรมเปน ที่พงึ่ ไมมีสงิ่ อืน่ เปน ทพี่ ่ึงอย.ู ภิกษุเหลาน้ีน้นั เปนผใู ครตอการศึกษา จักเปน ผูเลศิ . จบเจลสูตรท่ี ๔ อรรถกถาเจลสตู ร พึงทราบอธบิ ายใน เจลสตู รท่ี ๔. บทวา เม่อื พระสารบี ุตรและพระโมคคลั ลานะ ปรินพิ พานแลว ไมน าน ความวา เมื่อพระอคั รสาวกท้ังสองปรนิ พิ พานนานแลว หามิไดกบ็ รรดาพระอคั รสาวกทัง้ สองน้ัน พระธรรมเสนาบดี ปรนิ ิพพานในวนั เพ็ญเดอื นสิบสอง จากนนั้ ลว งมาคร่ึงเดือน ในวนั อโุ บสถแหงกาฬปกขก่ึงเดอื นนน้ั พระมหาโมคคัลลานะจึงปรินิพพาน พระศาสดา เมือ่ พระอัครสาวกท้งัสองปรินิพพานแลว มหี มูภิกษใุ หญแ วดลอ มเสด็จจาริกไปในมหามณฑลชนบทเสดจ็ ถึงอุกกเจลนครโดยลําลับ เสดจ็ ไปบิณฑบาตในอุกกเจลนครนั้น แลวประทับอยูบ นหาดทรายมสี ีดุจแผนเงนิ ทฝ่ี งแมนํา้ คงคา เพราะเหตุนน้ั ทานจึงกลา ววา เมอื่ พระสารีบตุ ร และพระโมคคลั ลานะ ปรนิ พิ พานแลวไมนาน.แมไ มบ ทวา ลาํ ตนทใ่ี หญกวา เหลา น้นั ใด พงึ ทําลาย มีอธิบายวา หมูภกิ ษเุ ปรียบเหมือนตนหวาใหญส ูงรอยโยชน พระอัครสาวกทง้ั สองเปรียบเหมอื นลาํ ตน ทใ่ี หญท ง้ั ๒ ประมาณหา สบิ โยชนที่แผไปท้ังเบ้อื งขวา และเบ้ืองซา ยแหงตนไมน น้ั . คําทเ่ี หลอื ควรประกอบในนัยกอนนั่นเทียว. จบอรรถกถาเจลสูตรท่ี ๔

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 446 ๕. พาหยิ สตู ร ศีลเปน เบอ้ื งตน แหง กุศลธรรม [๗๔๗] สาวตั ถนี ทิ าน. คร้งั นน้ั ทานพระพาหิยะเขา ไปเฝา พระ-ผูมีพระภาคเจาถงึ ทปี่ ระทับ ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจาแลวน่งั ณ ทค่ี วรสวนขางหนึ่ง. ครัน้ แลว ไดกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจาวา ขาแตพ ระองคผูเจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผูพ ระภาคเจา ทรงแสดงธรรมโดยยอแกข าพระองค ซง่ึ ขาพระองคไดฟ งแลว จะพงึ เปน ผหู ลีกออกจากหมอู ยผู ูเดยี วไมป ระมาท มคี วามเพยี ร มีใจเดด็ เด่ียวเถิด. พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นพาหิยะ เพราะฉะนนั้ เธอจงชําระเบ้ืองตน ในกศุ ลธรรมใหบรสิ ุทธิ์เสยี กอ นกอ็ ะไรเปน เบือ้ งตน ของกศุ ลธรรม คือศลี ทบ่ี รสิ ุทธด์ิ ี และความเห็นอันตรง. [๗๔๘] ดกู อ นพาหยิ ะ เมื่อใดแล ศลี ของเธอจกั บรสิ ุทธ์ิดี และความเห็นของเธอจักตรง เมื่อนั้น เธอพงึ อาศัยศลี ตั้งมนั่ ในศลี แลวเจริญสตปิ ฏฐาน ๔. สตปิ ฏฐาน ๔ เปน ไฉน. ดูกอ นพาหิยะ เธอจงพจิ ารณาเหน็กายในกายอยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสีย. พจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู. . . พจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู . . . พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสีย. เมื่อใด เธออาศัยศลี ตั้งม่นั อยูในศลี แลว จกั เจรญิ สต-ิปฏ ฐาน ๔ เหลาน้อี ยางน้ี เมอ่ื นั้น เธอพึงหวังความเจรญิ ในกศุ ลธรรมทง้ัหลายไดทเี ดียว ตลอดราตรหี รอื วันท่จี กั มาถงึ ไมม คี วามเส่ือมเลย. [๗๔๙] คร้ังนนั้ ทานพระพาหิยะชืน่ ชม อนุโมทนา ภาษติ ของพระผมู ีพระภาคเจา แลว ลกุ จากอาสนะถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจา กระทํา

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 447ประทักษณิ แลว หลกี ไป. ทานพระพาหยิ ะหลกี ออกจากหมอู ยูผ ูเดียว ไมป ระมาทมีความเพียร มีใจเดด็ เด่ียว ไมนานนกั ก็กระทําใหแจง ซึ่งท่สี ุดแหงพรหม-จรรยอ นั ยอดเย่ยี ม ที่กลุ บตุ รทง้ั หลายออกบวชเปน บรรพชิตโดยชอบตอ งการนั้นดวยปญ ญาอนั ยิง่ เอง ในปจ จุบัน เขา ถึงอยู รูชดั วา ชาตสิ น้ิ แลว พรหมจรรยอยจู บแลว กิจที่ควรทาํ ทาํ เสรจ็ แลว กจิ อนื่ เพื่อความเปนอยางนมี้ ิไดมี. และทานพระพาหยิ ะเปนพระอรหันตองคหนึง่ ในจํานวนพระอรหนั ตทั้งหลาย. จบพาหยิ สูตรท่ี ๕ อรรถกถาพาหยิ สตู ร พึงทรามอธบิ ายในพาหยิ สูตรที่ ๕. บทวา ความเหน็ ไดแก ความเห็นวา สตั วม ีกรรมเปน ของตน. จบอรรถกถาพาหยิ สูตรที่ ๕ ๖. อุตตยิ สูตร อาศัยศลี เจริญสติปฏฐาน ๔ [๗๕๐] สาวัตถีนทิ าน. คร้ังน้นั ทา นพระอตุ ติยะเขา ไปเฝา พระ-ผมู พี ระภาคเจาถงึ ท่ปี ระทบั ฯลฯ คร้ันแลว ไดกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วาขาแตพระองคผ ูเจรญิ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงธรรมโดยยอ แกขาพระองค ซ่งึ ขาพระองคไดฟ ง แลว จะพึงเปน ผหู ลกี

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 448ออกจากหมูอยผู เู ดยี ว ไมป ระมาท มคี วามเพียร มีใจเดด็ เดยี่ วเถดิ . พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดูกอ นอตุ ติยะ เพราะฉะนั้น เธอจงชาํ ระเบอื้ งตน ในกศุ ลธรรมใหบ รสิ ุทธเิ์ สียกอน. ก็อะไรเปน เบือ้ งตน ของกุศลธรรม คอื ศลีทบ่ี ริสทุ ธิด์ ี และความเห็นอันตรง. [๗๕๑] ดูกอ นอตุ ตยิ ะ เม่อื ใดแล ศลี ของเธอจักบรสิ ุทธ์ดิ แี ละความเห็นของเธอจกั ตรง เมือ่ นน้ั เธอพงึ อาศัยศีล ตงั้ ม่ันในศีลแลว เจรญิ สตปิ ฏ ฐาน๔. สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปน ไฉน. ดกู อนอุตติยะ เธอจงพจิ ารณาเห็นกายในกายอยูมคี วามเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มสี ติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสีย.พจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอย.ู . . พิจารณาเห็นจติ ในจติ อยู . . พิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพยี ร มีสมั ปชญั ญะ มสี ติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสีย. เมอื่ ใดเธออาศยั ศลี ตัง้ มั่นในศลี แลว จกั เจรญิ สติปฏ ฐาน๔ เหลานอี้ ยา งน้ี เม่อื นัน่ เธอจกั ไปสฝู ง แหงวัฏฏะเปน ทตี่ ง้ั แหง มจั จุ. [๗๕๒] ครง้ั นั้น ทานพระอุตติยะชนื่ ชมอนุโมทนาภาษติ ของพระ-ผมู ีพระภาคเจา แลว ลกุ จากอาสนะ ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจา กระทาํประทกั ษิณแลว หลีกไป. ทา นอุตตยิ ะหลีกออกจากหมู อยูผูเ ดยี ว ไมป ระมาทมคี วามเพยี ร มใี จเดด็ เดียว ไมนานนกั ก็กระทาํ ใหแ จง ซ่ึงท่ีสุดแหงพรหมจรรยอนั ยอดเยีย่ ม ท่ีกลุ บตุ รทัง้ หลายออกบวชเปน บรรพชติ โดยชอบตองการนนั้ดว ยปญญาอนั ยิง่ เอง ในปจ จุบัน เขาถึงอยู รูช ดั วา ชาตสิ ้ินแลว พรหมจรรยอยูจบแลว กจิ ที่ควรทาํ ทาํ เสร็จแลว กจิ อื่นเพื่อความเปนอยางนั้นมไิ ดม ี.และทา นพระอตุ ตยิ ะเปนพระอรหนั ตองคห นึง่ ในจาํ นวนพระอรหนั ตทัง้ หลาย. จบอตุ ติยสูตรท่ี ๖

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 449 อรรถกถาอตุ ติยสตู ร พงึ ทราบอธบิ ายในอตุ ติยสตู รท่ี ๖. บทวา ฝง แหง บวงมาร ความวา พระนิพพาน จดั เปน ฝง แหงวัฏฏะท่เี ปน ไปในภูมิ ๓. จบอรรถกถาอุตติยสตู รที่ ๖ ๗. อริยสูตร * สติปฏฐาน ๔ เปน อรยิ ะ [๗๕๓] สาวัตถีนิทาน. ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลาน้ีอันภิกษเุ จริญแลว กระทาํ ใหมากแลว เปน อรยิ ะ เปนนยิ ยานกิ ะ. ยอมนาํ ไปเพอ่ื ความส้นิ ทกุ ขโ ดยชอบแกผูกระทาํ ตาม. สติปฏฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษุในธรรมวินยั นี้ ยอ มพจิ ารณาเหน็ กายในกายอยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชัญญะมสี ติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสีย. ยอ มพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู . . . ยอมพจิ ารณาเหน็ จิตในจติ อยู ... ยอมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยูมีความเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มสี ติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี .สติปฏ ฐาน ๔ เหลา นี้แล อนั ภกิ ษเุ จรญิ แลว กระทําใหมากแลว เปนอริยะเปน นิยยานิกะ ยอ มนาํ ไปเพ่อื ความส้นิ ทกุ ข โดยชอบแกผ กู ระทําตาม. จบอรยิ สตู รท่ี ๗* ไมมีอรรถกถาแก

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 450 ๘. พรหมสตู ร สติปฏ ฐาน ๔ เปนทางอนั เอก [๗๕๔] สมัยหน่ึง พระผูม ีพระภาคเจา แรกตรสั รู ประทบั อยู ณอชปาลนิโครธ แทบฝงแมน า้ํ เนรัญชรา. ครง้ั นน้ั พระผมู พี ระภาคเจาทรงหลีกออก เรน อยใู นท่ลี บั ไดเ กิดความปริวติ กข้นึ ในพระหฤทยั อยา งนว้ี าทางนีเ้ ปน ทไ่ี ปอนั เอก เพ่ือความบรสิ ทุ ธิข์ องสัตวทั้งหลาย เพอ่ื ลวงความโศกและความร่ําไร เพือ่ ความดบั สูญแหง ทุกขและโทมนัส เพอ่ื บรรลุธรรมท่ีถูกตอง เพือ่ ทํานพิ พานใหแจง คือ สติปฏ ฐาน ๔. สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปน ไฉน.ภกิ ษใุ นธรรมวินยั นี้พิจารณาเห็นกายในกายอยู มคี วามเพียร มีสัมปชญั ญะมสี ติ พึงกาํ จดั อภิชฌาโทมนสั ในโลกเสยี . พิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู . . .พจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู . . . พจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพียรมสี ัมปชัญญะ มีสติ พงึ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ทางน้เี ปน ทไ่ี ปอนั เอก เพ่อื ความบรสิ ุทธิข์ องสตั วทัง้ หลาย เพื่อลว งความโศกและความรา่ํ ไรเพอื่ ความดบั สญู แหง ทกุ ขและโทมนัส เพื่อบรรลธุ รรมที่ถกู ตอ ง เพือ่ ทํานพิ พาน ใหแจง คือ สติปฏฐาน ๔. [๗๕๕] คร้งั นั้น ทาวสหัมบดพี รหมทราบความปรวิ ติ กในพระหฤทัยของพระผมู ีพระภาคเจาแลวดว ยใจ จงึ หายตวั จากพรหมโลกมาปรากฏเบ้ืองพระพกั ตรข องพระผูม ีพระภาคเจา เหมอื นบุรุษมกี ําลังเหยยี ดแขนทคี่ ู หรือคแู ขนทีเ่ หยียด ฉะนน้ั . ทาวสหัมบดพี รหมกระทําผา หมเฉวียงบา ขางหน่งึประณมอญั ชลไี ปทางพระผมู ีพระภาคเจา แลวไดก ราบทูลวา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook