พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 451 [๗๕๖] ขา แตพระผูมีพระภาคเจา ขอนีเ้ ปน อยางนัน้ ขาแตพ ระ-สุคต ขอนีเ้ ปน อยางนนั้ ขาแตพ ระองคผเู จริญ ทางนเ้ี ปน ทไ่ี ปอนั เอก เพือ่ความบริสุทธิข์ องสัตวทงั้ หลาย เพื่อลว งความโศกและความรํ่าไร เพือ่ ความดับสูญแหง ทุกขแ ละโทมนัส เพ่อื บรรลธุ รรมท่ถี ูกตอง เพอ่ื ทํานพิ พานใหแ จงคอื สติปฏฐาน ๔. สติปฏฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษพุ จิ ารณาเหน็ กายในกายอยูมีความเพียร มสี มั ปชัญญะ มีสติ พึงกําจัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี .พิจารณาเหน็ เวทนาใหเวทนาอยู ... พิจารณาเหน็ จติ ในจิตอยู ... พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ พึงกาํ จดั อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ทางนเี้ ปน ทางไปอนั เอก เพือ่ ความบรสิ ทุ ธข์ิ องสัตวท้งั หลาย เพอ่ื ลวงความโศกและความรา่ํ ไร เพื่อความดบั สูญแหง ทุกขโทมนัสเพื่อบรรลุธรรมท่ถี กู ตอ ง เพ่อื ทาํ นพิ พานใหแ จง คือ สตปิ ฏฐาน ๔. [๗๕๗] ทา วสหมั บดพี รหมไดกราบทูลอยา งน้แี ลว ครน้ั แลว ไดกราบทูลนิคมคาถาตอไปอกี วา พระผูม ีพระภาคเจา ผูทรงเห็นความ ส้ินชาตแิ ละท่สี ุดชาติ ทรงอนุเคราะหดว ย ประโยชนเกื้อกูล ทรงทราบทางเปนทไี่ ป อนั เอก ในกาลกอน ชนทง้ั หลายขาม โอฆะไดแ ลวดวยทางนี้ ในอนาคตก็จัก ขามดว ยทางนี้ และในบัดน้ี ก็ขามอยูด ว ย ทางน.้ี จบพรหมสตู รท่ี ๘
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 452 อรรถกถาพรหมสตู ร พงึ ทราบอธบิ ายในพรหมสตู รท่ี ๘ บทวา ขา แตพระองคผเู จรญิ หรือวา ภกิ ษทุ ั้งหลาย... ในกายความวา พระผมู พี ระภาคเจา ยอมแสดงวา ภิกษุทง้ั หลายยอ มไมม ีในกาลน้ันเทียว แมเม่อื เปนอยา งน้นั ผใู ดเจริญสติปฏ ฐาน ผูนัน้ ชื่อวา เปน ภกิ ษุเพราะทําลายกเิ ลสได จึงตรสั แลว อยา งน้ี. บทวา เอกายน ท่ไี ปอนั เอก คือ ทางเดยี่ ว. บทวา ชาตขิ ยนตฺ -ทสสฺ ี ทรงเห็นควานสิ้นชาตแิ ละท่สี ุดชาติ ความวา ชอ่ื วา นิพพานเพราะอรรถวา สิ้น และเพราะอรรถวา ท่สี ดุ แหง ชาติ. อธิบายวา เหน็นพิ พานน้ัน. บทวา ทรงทราบทนทาง ความวา ทรงทราบหนทางทเ่ี ปนทางเอก กลาวคือทางเปนไปอันเอก. ทางคอื สติปฏฐานท่ีเปน สว นเบ้อื งตนทานเรยี กวา ทางเปนทไ่ี ปเบือ้ งหนา อยางเอก. อธบิ ายวา ทรงรทู างน้นั . จบอรรถกถาพรหมสูตรท่ี ๘
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 453 ๙. ปฐมเสทกสูตร ผรู ักษาผูอื่นชอ่ื วา รกั ษาตน [๗๕๘] สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา ประทับอยู ณ นิคมของชาวสุมภะ ชือ่ เสทกะ ในสมุ ภชนบท. ณ ที่น้ันแล พระผมู พี ระภาคเจาตรัสกะภกิ ษุทง้ั หลายวา ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย เรอื่ งเคยมีมาแลว คนจัณฑาลผเู ปนนักไตร าว ยกไมไผข น้ึ ตัง้ ไวแลว เรียกศิษยชอื่ เมทกถาลกิ ะมาบอกวาดูกอนเมทกถาลิกะผูเปน สหาย มาเถดิ มาขนึ้ ไมไ ผ แลว ยนื อยบู นคอของเรา.เมทกถาลกิ ะผูเปนศษิ ยร บั คาํ ของนกั ไตร าวแลว ขึน้ ราวไมไ ผ ยนื อยูบ นคอของอาจารย ครัง้ น้นั แล คนจัณฑาลนกั ไตราวจงึ พูดกะเมทกถาลิกะผูเ ปน ศิษยว าดกู อ นเมทกถาลิกะผูเปน สหาย ทา นจงรักษาเรา เราจักรกั ษาทา น เราทัง้ สองตางคมุ ครองกันและกัน ตางรักษากนั และกันอยา งนี้ จกั แสดงศิลปะ จกั ไดลาภและจักลงจากราวไมไผไดโดยสวัสด.ี [๗๕๙] ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย เมอ่ื อาจารยก ลาวอยางนัน้ แลว เมทกถา-ลกิ ะผเู ปนศษิ ยไดกลาวตอบวา ขาแตท า นอาจารย ก็เร่ืองนจี้ กั เปนอยา งนัน้หามไิ ด ทา นจงรักษาตน ผมกจ็ ักรักษาตน เราทัง้ สองตางคมุ ครองตน ตา งรกั ษาตนอยางนน้ั จักแสดงศลิ ปะ จกั ไดลาภ แสะจกั ลงจากไมไผไ ดโดยสวสั ด.ีพระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา เหตผุ ลในขอ นน้ั มดี ังน้ี เหมอื นศษิ ยช ่อื เมทกถาลกิ ะไดพดู กะอาจารย ฉะนั้น. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เธอพงึ เสพสติปฏฐานดวยคิดวา เราจกั รกั ษาตน พึงเสพสตปิ ฏฐานดว ยคดิ วา เราจกั รักษาผอู ืน่ . บคุ คลผูร ักษาตน ยอ มช่อื วารักษาผอู ่ืน บคุ คลผูร ักษาผูอ่ืน ช่อื วา รักษาตน.
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 454 [๗๖๐] ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย กบ็ ุคคลผูรกั ษาตน ยอ มชือ่ วารกั ษาผอู ่นื อยา งไร. ท่ีช่อื วารกั ษาผอู ่นื ดว ยการสอ งเสพ ดว ยการเจรญิ ดวยการกระทําใหมาก. บุคคลผรู กั ษาตน ยอมชอื่ วารักษาผูอ่ืนอยางน้แี ล. [๗๖๑] ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ก็บุคคลผรู กั ษาผูอ่ืน ยอมชอื่ วา รกั ษาตนอยา งไร. ท่ีชอ่ื วารกั ษาตนดวยความอดทน ดว ยความไมเ บียดเบยี น ดวยความมีจิตประกอบดว ยเมตตา ดว ยความเอน็ ด.ู บุคคลผรู กั ษาผูอน่ื ยอ มชอ่ื วา รักษาตนอยางน้แี ล. [๗๖๒] ดูกอนภิกษุท้งั หลาย เธอพึงเสพสตปิ ฏฐานดว ยคดิ วา เราจกั รกั ษาตน พึงเสพสติปฏ ฐานดวยคิดวา เราจักรกั ษาผูอ ่ืน. บคุ คลผูร กั ษาตนยอมชื่อวา รักษาผูอน่ื บุคคลผูรกั ษาผูอืน่ ยอ มชอ่ื วา รักษาตน. จบปฐมเสทกสูตรท่ี ๙ อรรถกถาปฐมเสทกสตู ร พงึ ทราบอธิบายในปฐมเสทกสตู รที่ ๙. บทวา ในนคิ มช่ือสมุ ภะ ไดแ ก ในชนบททมี่ ชี อื่ อยา งนี.้ คําวาเมทกถาลกิ ะ คอื ไดชือ่ อยา งนดี้ วยอํานาจอติ ถีลงิ ค. ในบทวา ทา นจงรักษาเรา เราจะรักษาทาน น้ีมอี ธบิ ายวา คนจณั ฑาลนัน้ มลี ัทธิวาอาจารยเ มอ่ื ไมจ ับเอาไมไ ผ ท่ีลูกศษิ ยย กขึน้ แลว จับไวใหดี ไมไปทศิ ทเี่ เลนไปแลว . ๆ และไมแลดปู ลายไมไ ผตลอดเวลาทั้งหมดช่ือวาไมรักษาลกู ศิษย. ลกูศษิ ยท่ีอาจารยไมรักษาแลว อยางนี้ตกไปยอมแหลกละเอยี ด. แตวา อาจารย
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 455จบั ไมไผไ วอยางดี ไปตามทิศท่ีลกู ศิษยแ ลน ไป ๆ นัน้ และตรวจดปู ลายไมไผตลอดเวลาทัง้ หมด ช่อื วายอ มรกั ษาศษิ ยน้นั . แมลกู ศษิ ยท ไี่ ตไ ปขา งโนนขางน้ี เหนือ่ ยเหมือนเนื้อวิ่งไปอยู ก็ชื่อวาไมร ักษาอาจารย. เพราะวา เมื่อเปนอยางนน้ั ปลายไมไ ผท ่ีคมกลา ท่ีวางไวบ นพนื้ หรอื บนหนา ผากอาจารย ก็จะพงึ ทําลายทีอ่ าจารยน น้ั แลว ไป ไมไผก็จะไมโ อนไปเพราะครบอาการ ศษิ ยเมือ่ไมเ อนไปขางนน้ั เหมอื นดึงไมไผนนั้ มาเเบง ออกเปนสวนจากสว นหนึง่ แลวใหจบั เสาคาํ้ ธาตุ ตงั้ สติมั่น น่ังไมไ หวทีเดียว ยอ มรักษาอาจารย. อาจารยขอทานจงรกั ษาตน กระผมก็จะรกั ษาตน ในคาํ นม้ี อี ธบิ ายน้ีดงั วามานแ้ี ล.อาจารย เมื่อจบั ไมไผใ หมนั่ ดี ไปตามทศิ ทศ่ี ษิ ยไตไ ป ๆ และตรวจดปู ลายไมไผตลอดเวลาท้ังหมด ชื่อวา รักษาตนน่นั เที่ยว ไมช ่ือวารกั ษาศษิ ย. ฝายศษิ ยแบง กายใหเปนสว น ๆ จากสวนหนึ่ง แลว ใหเสาคํ้าธาตุ ต้งั สตมิ ่นั ดี นั่งนิ่งช่อื วา รกั ษาตนทเี ดยี ว ไมช ่ือวารกั ษาอาจารย. บทวา กายน้ันในนน้ั ความวา ศิษยชือ่ วา เมทกถาลิกะกลาวอุบายใดกะอาจารย อุบายนัน้ เหตนุ ั้นก็ใชไดใ นเหตนุ ้ัน. บทวา พงึ เสพสติปฏ ฐาน ความวา เพ่อื เสพสตปิ ฏ ฐาน ๔. บทวา ดวยการซอ งเสพความวา ดวยการเสพกรรมฐาน. คําวา ภกิ ษุทง้ั หลาย บคุ คลเมือ่ รกั ษาตน ชอ่ื วา รกั ษาผูอ่ืนอยางน้ี ความวา ภิกษุใดละกามราคะเปนตน เสพมูลกรรมฐาน ท้ังในท่ีพกั กลางคืนและกลางวัน ยอมบรรลพุ ระอรหัต. ทนี น้ัคนอื่นเหน็ เธอเขา คดิ วา ภกิ ษุนี้ ชางดีแทหนอ เปนผูปฏบิ ตั ชิ อบ แลวยังจิตใหเ ลื่อมใสในภกิ ษนุ ้ัน ครั้นตายไปก็ไปสวรรค บคุ คลนเี้ ม่ือรกั ษาตนก็ชอื่ วารกั ษาคนอ่ืนดวย. คําวา ดว ยความอดทน ไดแ ก ดวยความอดทน.คือความอดกลัน้ . คําวา ดวยความไมเบียดเบยี น คอื ดว ยความสงสารที่
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 456เปนไปกบั สว นเบื้องตน. คาํ วา ดว ยความเปนผมู ีจติ ทปี่ ระกอบดว ยความหวังดี คือดวยความรกั ที่เปน ไปกบั สวนเบือ้ งตน. คําวา ดวยความเอน็ ดูหมายถึงดวยความบันเทิงอนั เปน ไปกับสว นเบอื้ งตน แหง ความคอ ย ๆ เจริญ.ในคําวา เมอ่ื รกั ษาคนอ่นื กช็ ่ือวา รกั ษาตน นม้ี ีอธิบายวา ภกิ ษไุ ปสทู พ่ี กักลางคืนหรือทพ่ี กั กลางวนั แลว ทําฌานหมวดสามหรอื หมวดส่ีในพรหมวหิ ารใหเกดิ แลว เอาฌานเปนทีร่ องรบั มาพจิ ารณาสงั ขาร เจรญิ วปิ สสนาจนไดเปน พระ-อรหันตน้ี กพ็ งึ ทราบวา เมื่อรักษาคนอน่ื ก็ช่อื วา รกั ษาตนดวย. จบอรรถกถาปฐมเสทกสูตรท่ี ๙ ๑๐. ทตุ ยิ เสทกสูตร วา ดวยกายคตาสติ [๗๖๓] ขา พเจาไดส ดบั มาแลวอยางน้ี :- สมัยหน่ึง พระผมู ีพระภาคเจาประทับอยู ณ นคิ มของชาวสุมภะ ช่อืเสทกะ ในสุมภชนบท. ณ ท่ีน้นั แล พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเรยี กภิกษุทัง้ หลายวา ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษเุ หลา นัน้ ทูลรบั พระผูมพี ระภาคเจา แลวพระผมู ีพระภาคเจาไดตรัสพระดาํ รสั นวี้ า [๗๖๔] ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เปรยี บเหมือนหมูม หาชนไดทราบขาววา มีนางงามในชนบท ๆ พึงประชมุ กนั . กน็ างงามในชนบทนั้น แสดงไดดใี นการฟอนราํ แสดงไดดีย่งิ ในการขบั รอง หมมู หาชนไดทราบขาววา นาง
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 457งามในชนบทจะฟอ นรําขับรอง พึงประชุมกนั ยง่ิ ข้นึ กวา ประมาณ. คร้ังนั้นบรุ ษุ ผอู ยากเปนอยู ไมอ ยากตาย ปรารถนาความสขุ เกลียดทกุ ข พึงมากลาวกะหมมู หาชนน้ันอยา งนี้วา ดกู อนบรุ ษุ ผูเ จริญ ทานพึงนําภาชนะนํ้ามันอันเต็มเปยมนไ้ี ปในระหวา งท่ีประชุมใหญกบั นางงามในชนบท. และจักมีบุรษุเงื้อดาบตามบุรษุ ผนู าํ หมอ นา้ํ มนั น้นั ไปขางหลงั ๆ บอกวา ทา นจักทํานํ้ามันนน้ั หกแมหนอยหนึ่งในทีใ่ ด ศีรษะของทานจกั ขาดตกลงไปในทนี่ ้นั ทีเดียว.ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย เธอท้ังหลายจะสาํ คัญความขอ นน้ั เปนไฉน. บรุ ษุ ผนู ั้นจะไมใ สใ จภาชนะนํ้ามันโนน แลว พงึ ประมาทในภายนอกเทียวหรือ. ภกิ ษุทั้งหลายกราบทลู วา ไมเปน อยางนั้น พระเจาขา. [๗๖๕] พ. ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย เราทาํ อุปมานี้ เพ่อื ใหเขาใจเนื้อความนชี้ ดั ขึน้ เน้อื ความในขอ น้ีมีอยางนีแ้ ล คําวาภาชนะน้าํ มันอนั เตม็ เปย มเปน ชอ่ื ของกายคตาสต.ิ [๗๖๖] ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เพราะเหตนุ ั้นแหละ เธอทงั้ หลายพงึศกึ ษาอยางนั้นวา กายคตาสติ จกั เปนของอันเราเจรญิ แลว กระทาํ ใหม ากแลวกระทาํ ใหเปนดังยาน กระทาํ ใหเปนที่ตงั้ กระทําไมห ยุด ส่งั สมแลว ปรารภดแี ลว . ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เธอทัง้ หลายพงึ ศกึ ษาอยางนีแ้ ล. จบทุตยิ เสทกสูตรที่ ๑๐ จบนาฬันทวรรคท่ี ๒
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 458 อรรถกถาทตุ ิยเสทกสูตร ในสูตรท่ี ๑๐. คําวา นางงามในชนบท หมายถงึ นางทงี่ ามท่สี ุดในชนบท ซงึ้ เวน จากโทษประจําตัว ๖ อยาง แลว ประกอบดวยความงาม๕ อยา ง. กเ็ พราะนางน้นั ไมส ูงนัก ไมเ ตย้ี นัก ไมผอมนัก ไมอว นนัก ไมด ํานักไมขาวนัก ผวิ พรรณแมจ ะไมถงึ ทิพย แตก ็เกินผวิ พรรณมนษุ ยด ว ยกนั ฉะนัน้จงึ จัดวา ปราศจากโทษประจาํ ตัว ๖ อยา ง. และเพราะประกอบดวยความงามเหลา น้ีคอื ผิวงาม เนอื้ งาม เล็บงาม* (นหารุกลยฺ าณ ) กระดกู งาม วยั งาม จึงช่อื วาประกอบดวยความงาม ๕ อยาง. นางไมตอ งใชแ สงสวา งจรมาเลย ดว ยแสงสวางประจาํ ตัวของตนน่ันแหละ กท็ าํ ใหสวา งในที่มรี ะยะ ๑๒ ศอก เปน ผิวท่เี หมอื นกับดอกประยงค หรือเหมอื นกับทองคาํ นีเ้ ปนความงามแหง ผิวของนาง.สวนมอื เทาท้งั ๔ และริมฝปากของนางน้ันเลา กค็ ลา ยกบั ทาดวยชาด เหมือนแกวประพาฬแดงหรอื ผากัมพลแดง น้คี อื ความงามแหง เน้อื ของนาง. สว นกลบีเล็บทงั้ ๒๐ นัน้ เลา ในทที ไ่ี มพ นจากเนือ้ ก็คลายกบั เอาชาดมาทาไว ที่พนจากเนือ้ แลว ก็เหมือนกับธารนํ้านม น้คี ือความงามแหง เลบ็ * ของนาง. ท่ีฟน๓๒ ซี่ ซงึ่ งอกขน้ึ มานนั่ เลา ก็ปรากฏคลายเอาเพชรทเี่ จียระไนแลวมาเรยี งเปนแถวไว นคี้ ือความงามแหงกระดกู ของนาง. และตอใหมีอายุถงึ ๑๒๐ ป ก็ยงัสาวพริง้ เหมอื นอายแุ ค ๑๖ ป ผมไมม ีหงอกเลย นี้ คอื ความงามแหงวยั ของนาง. สาํ หรบั ในคําวา มีกระแสเสยี งไพเราะอยา งยิ่ง นี้หมายความวากระแสเสยี งไหลเออื่ ยไป กระแสเสียงนนั้ ไพเราะอยางยง่ิ ทีช่ อ่ื วา มีกระแส* คาํ วา นหารุกลยฺ าณ นี้ อรรถกถาอธบิ ายเร่ืองเล็บ ไมไ ดอ ธบิ ายเรอื่ งเอน็ เลย จงึ แปลวา เล็บงาม ไมใชเ อน็ งามตามศัพท อรรถกถาอทุ าน นนั ทวรรค นนั ทสตู รท่ี ๒ หนา ๒๑๒ แกว า ฉวิกลยฺ าณ ม สกลยฺ าณ นขกลฺยาณ (เลบ็ งาม) อฏ ิกลยฺ าณ วยกลฺยาณ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 459เสยี งไพเราะอยา งย่งิ ก็เพราะนางมีกระแสเสยี งทไ่ี พเราะอยางยง่ิ น้นั . มคี าํที่ทานขยายความวา นางมีความประพฤติสูงสุด มีกริ ิยาประเสริฐ ในการราํและการรอ ง ยอมรําทําราํ ทส่ี ูงท่สี ุด หรอื ถาจะรอง ก็รองแตเ พลงช้นั สูงที่สุดเทานน้ั . คําท่ีเหลือในทุกบท มใี จความตน้ื ท้งั นน้ั . ก็และวิปส สนาแรกเริม่เปนอันตรสั ไวแลวในสูตรทง้ั สองน้ี ดวยประการฉะนี้แล. จบอรรถกถาทตุ ิยเสกทกสูตรที่ ๑๐ จบอรรถกถานาฬันทวรรคที่ ๒ รวมพระสตู รท่มี ีในวรรคน้ี คอื ๑. มหาปุริสสูตร ๒. นาฬันทสูตร ๓. จนุ ทสตู ร ๔. เจลสูตร๕. พาหิยสตู ร ๖. อุตติยสตู ร ๗. อริยสตู ร ๘. พรหมสูตร ๙. ปฐม-เสทกสูตร ๑๐. ทุติยเสทกสูตร พรอมทัง้ อรรถกถา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 460 สลี ฏั ฐิตวิ รรคที่ ๓ ๑. สีลสตู ร วา ดว ยกศุ ลศีล [๗๖๗] ขา พเจาไดส ดับมาแลวอยางนี้ :- สมัยหน่ึง ทานพระอานนท และทานพระภทั ทะอยู ณ กกุ กุฏารามใกลเ มืองปาฏลบี ตุ ร. ครั้งน้นั ทานพระภทั ทะออกจากที่เรน ในเวลาเย็นเขา ไปหาทา นพระอานนทถึงทอี่ ยู ไดปราศรยั กบั ทา นพระอานนท ครน้ั ผานการปราศรยั พอใหร ะลกึ ถึงกันไปแลว จงึ นงั่ ณ ที่ควรสวนขา งหนึง่ . ครั้นแลวไดพ ดู กะทานพระอานนทวา [๗๖๘] ดกู อ นทา นอานนท ศลี ทเ่ี ปน กุศลเหลาใดอันพระผมู พี ระ-ภาคเจาตรัสแลว ศีลท่เี ปน กศุ ลเหลาน้ี พระผูมพี ระภาคเจาตรสั แลว มพี ระประสงคอ ยางไร. ทา นพระอานนทก ลาววา ดลี ะ ๆ ทานภทั ทะ ทา นชางคดิ ชา งเฉียบแหลม ชา งไตถามเหมาะ ๆ. ก็ทา นถามอยางน้นั หรอื วา ดูกอนอานนทศีลทีเ่ ปนกุศลเหลา ใด อันพระผมู พี ระภาคเจาตรัสแลว ศลี ทเ่ี ปน กุศลเหลา นี้พระผูมีพระภาคเจา ตรสั แลว มพี ระประสงคอยางไร. ภ. อยางนั้น ทานผูมีอาย.ุ [๗๖๙] อา. ดูกอ นทา นภัททะ ศีลท่เี ปนกุศลเหลา ใดอันพระผมู ีพระภาคเจาตรสั แลว ศลี ที่เปนกศุ ลเหลานี้ พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั แลวเพียงเพอื่ เจริญสติปฏ ฐาน ๔. สติปฏ ฐาน ๔ เปน ไฉน. ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 461ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู มคี วามเพียร มสี มั ปชัญญะ มีสติ กาํ จัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . ยอ มพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ...ยอมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู ... ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มีสมั ปชญั ญะ มสี ติ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสีย. ดกู อ น.ทา นภัททะ ศีลที่เปนกศุ ลเหลา ใด อันพระผูม ีพระภาคเจาตรสั ไวแ ลว ศีลท่ีเปนกุศลเหลานี้ พระผมู พี ระภาคเจาตรัสแลว เพยี งเพื่อเจริญสตปิ ฏ ฐานเหลาน้.ี จบสีลสูตรท่ี ๑ สีลฏั ฐติ ิวรรควรรณนาที่ ๓ อรรถกถาสลี สูตร ในสีลสูตรท่ี ๑ แหงวรรคท่ี ๓ คําวา ศีลทั้งหลาย ไดแกปาริสุทธศีล ๔ ขอ. คําวา อมุ ฺมงโฺ ค ไดแ ก เสาะหาปญหา คือ แสวงหาปญหา. จบอรรถกถาสลี สตู รท่ี ๑
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 462 ๒. ฐิตสิ ตู ร วา ดว ยการตงั้ อยูแหง พระสทั ธรรม [๗๗๐] นิทานตน สูตรเหมือนกนั ทา นพระภทั ทะนั่ง ณ ทค่ี วรสว นขา งหน่งึ แลว ไดถ ามทานพระอานนทว า [๗๗๑] ดูกอ นทา นอานนท อะไรหนอ เปนเหตุเปน ปจจัยเครอ่ื งทําใหพ ระสทั ธรรมต้ังอยูไมไดน าน ในเม่ือพระตถาคตเสดจ็ ปรนิ ิพพานแลว.และอะไรเปนเหตุเปนปจ จยั เครื่องทาํ ใหพ ระสทั ธรรมตัง้ อยูไ ดน าน ในเม่ือพระตถาคตเสดจ็ ปรินพิ พานแลว. ทานพระอานนทก ลา ววา ดีละ ๆ ทา นภทั ทะ ทา นชางคดิ ชางเฉียบแหลม ชา งไตถามเหมาะ ๆ. กท็ า นถามอยางนี้หรอื วา ดูกอ นทา นอานนทอะไรเปน เหตุเปนปจจยั เครื่องทําใหพ ระสทั ธรรมตงั้ อยูไ มไ ดน าน ในเม่อืพระตถาคตเสดจ็ ปรนิ พิ พานแลว . และอะไรเปนเหตเุ ปนปจจยั เครือ่ งทําใหพระสัทธรรมตั้งอยูไดน าน ในเม่ือพระตถาคตเสดจ็ ปรนิ พิ พานแลว. ภ. อยา งนน้ั ทานผูมอี ายุ. [๗๗๒] อา. ดกู อนทานผมู อี ายุ เพราะบคุ คลไมไ ดเ จรญิ ไมไดกระทาํ ใหม ากซง่ึ สติปฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยไู มไดน าน ในเม่อื พระ-ตถาคตเสดจ็ ปรินพิ พานแลว . และเพราะบุคคลเจรญิ กระทาํ ใหม าก ซึ่งสติปฏ ฐาน ๔ พระสทั ธรรมจึงตัง้ อยไู ดน าน ในเมอ่ื พระตถาคตเสดจ็ ปรนิ พิ พานแลว. สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปนไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยอ มพจิ ารณาเห็นกาย
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 463ในกายอยู. มคี วามเพียร มีสัมปชญั ญะ มสี ติ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสีย. ยอมพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู ... ยอ มพจิ ารณาเห็นจิตในจิตอยู ... ยอมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มสี มั ปชญั ญะมสี ติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ดูกอนทา นผูมอี ายุ เพราะบคุ คลไมไดเจรญิ ไมไดก ระทาํ ใหม ากซึง่ สติปฏ ฐาน ๔ เหลานแ้ี ล พระสัทธรรมจึงต้ังอยไู มไ ดนาน ในเนื้อพระตถาคตเสดจ็ ปรินพิ พานแลว. และเพราะบคุ คลไดเจรญิ ไดก ระทาํ ใหมาก ซง่ึ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลา น้แี ล พระสัทธรรมจงึ ตัง้อยูไ ดน าน ในเมือ่ พระตถาคตเสดจ็ ปรินพิ พานแลว. จบฐติ ิสูตรท่ี ๒ อรรถกถาฐิตสิ ูตร ในฐติ ิสตู รที่ ๒ คาํ วา ยอ มมกี ารเสื่อมสญู แหง พระสัทธรรม *ไดแ ก ยอมมีความเสอ่ื มหายดวยอาํ นาจบคุ คล. จรงิ อยู ภกิ ษใุ ด ตอนท่ีพระพุทธเจา ท้ังหลายยังทรงพระชนมอยู ไมเ จริญสติปฏ ฐาน ๔ พระสทั ธรรมของภกิ ษุน้ัน กเ็ ปนอันหายไป เหมือนพระสทั ธรรมของพระเทวทัตเปนตน .ในสูตรนี้ ตรสั ถึงความสญู หายแหง ธรรมของบุคคลน้ันแล. จบอรรถกถาฐิตสิ ูตรท่ี ๒* พมาไมม ี แหง พระสทั ธรรม
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 464 ๓. ปริหานสูตร * วาดวยความเส่อื มแหงพระสทั ธรรม [๗๗๓] สมยั หน่ึง ทานพระอานนทแ ละทา นพระภทั ทะ อยู ณกกุ กุฏาราม ใกลเมืองปาฏลบี ตุ ร. ครัง้ น้นั ทานพระภทั ทะออกจากทีเ่ รน ในเวลาเย็น เขา ไปหาทา นพระอานนทถ ึงที่อยู ไดปราศรัยกบั ทา นพระอานนทครัน้ ผานการปราศรยั พอใหระลึกถึงกนั ไปแลว จงึ นั่ง ณ ท่คี วรสว นขา งหน่งึ .ครั้นแลวไดถ ามทานพระอานนทวา [๗๗๔] ดกู อนทา นอานนท อะไรหนอเปนเหตุเปน ปจจัย เคร่อื งทําใหพ ระสัทธรรมเสอื่ ม. อะไรหนอเปเ หตเุ ปนปจจัย เคร่ืองทาํ ใหพระ-สัทธรรมไมเสื่อม. ทานพระอานนทกลาววา ดีละ ๆ ทานภัททะ ทานชางคดิ ชางเฉียบแหลม ชางไตถามเหมาะ ๆ. ก็ทานถามอยา งน้หี รอื วา ดกู อนอานนทอะไรหนอเปน เหตุเปน ปจ จัย เคร่อื งทําใหพ ระสทั ธรรมเส่ือม อะไรหนอเปนเหตเุ ปนปจจยั เครอื่ งทาํ ใหพระสัทธรรมไมเส่ือม. ภ. อยา งน้ัน ทา นผูเจรญิ . [๗๗๕] อา. ดูกอ นทานผมู ีอายุ เพราะบคุ คลไมไ ดเ จรญิ ไมไ ดกระทําใหม ากซ่งึ สตปิ ฎฐาน ๔ พระสทั ธรรมจงึ เสื่อม. และเพราะบุคคลไดเ จริญ ไดก ระทาํ ใหมากซึ่งสติปฎฐาน ๔ พระสัทธรรมจงึ ไมเสือ่ ม. สติปฎฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษุในธรรมวนิ ัยน้ี ยอมพิจารณาะหน็ กายในกายอยูมคี วามเพียร มีสมั ปชญั ญะ มสี ติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสีย.* ไมม ีอรรถกถาแก
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 465พจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... พิจารณาเห็นจติ ในจติ อยู ... พิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพยี ร มสี ัมปชัญญะ มีสติ กําจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . ดกู อ นทา นผูมอี ายุ เพราะบคุ คลไมไดเจริญ ไมไ ดก ระทําใหมากซึง่ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลาน้แี ล พระสัทธรรมจึงเส่ือม เพราะบคุ คลไดเ จรญิไดก ระทําใหม ากซึ่งสตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลาน้นั แล พระสทั ธรรมจึงไมเสอื่ ม. จบปริหานสตู รที่ ๓ ๔. สุทธกสตู ร * วา ดวยการเจริญสติปฏฐาน ๔ [๗๗๖] สาวตั ถนี ทิ าน. ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย สติปฏฐาน ๔ เหลานั้น.สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปน ไฉน. ภิกษุในธรรมวนิ ัยนี้ ยอมพิจารณาเห็นกายในกายอยูมีความเพยี ร มสี ัมปชัญญะ มีสติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . ยอ มพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... ยอมพิจารณาเหน็ จิตในจติ อยู ... ยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี . ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลา น้นั แล. จบสทุ ธกสูตรที่ ๔* อรรถกถาวา มเี นอื้ ความงา ยทัง้ นนั้
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 466 ๕. พราหมณสตู ร * วาดว ยพระสัทธรรมตั้งอยไู มไ ดน าน [๗๗๗] ขาพเจา ไดสดบั มาแลวอยา งนี้ :- สมัยหนึง่ พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระวหิ ารเชตวนั อารามของทานอนาถบัณฑกิ เศรษฐี ใกลกรุงสาวัตถี. ครง้ั น้ัน พราหมณคนหน่ึงเขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจา ถึงที่ประทับ ไดปราศรยั กะพระผมู ีพระ-ภาคเจา ครน้ั ผา นการปราศรยั พอใหร ะลกึ ถงึ กนั ไปแลว จงึ นงั่ ณ ที่ควรสว นขางหนึง่ . คร้ันแลวไดทลู ถามพระผมู ีพระภาคเจาวา [๗๗๘] ขา แตพระโคดมผเู จริญ อะไรหนอ เปนเหตุเปน ปจ จยัเครอื่ งทาํ ใหพ ระสัทธรรมตง้ั อยไู มไ ดน าน ในเมอื่ พระตถาคตเสด็จปรนิ ิพพานแลว . และอะไร เปน เหตุเปน ปจจัย เคร่อื งทําใหพ ระสัทธรรมตง้ั อยูไดน านในเมอื่ พระตถาคตเสด็จปรินพิ พานแลว . [๗๗๙] พระผูมีพระภาคเจา ตรสั วา ดกู อนพราหมณ เพราะบคุ คลไมไ ดเจริญ ไมไดก ระทําใหมากซง่ึ สตปิ ฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจงึ ตงั้ อยูไมไดนาน ในเมอ่ื ตถาคตปรินิพพานแลว. และเพราะบคุ คลเจริญ กระทาํ ใหมากซงึ่ สตปิ ฏ ฐาน พระสัทธรรมจงึ ต้งั อยูไดนาน ในเมอื่ ตถาคตปรนิ พิ พานแลว.สตปิ ฏฐาน ๔ เปน ไฉน. ภกิ ษุในธรรมวินัยน้ี ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกายอยูมคี วามเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มีสติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสีย. ยอ ม* อรรถกถาวา มเี นอื้ ความงา ยท้ังน้นั .
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 467พิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู ... ยอมพจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู ... ยอมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มีสมั ปชัญญะ มสี ติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนัสโนโลกเสีย. ดกู อนพราหมณ เพราะบุคคลไมไดเ จริญไมไ ดกระทาํ ใหม ากซึง่ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลา นั้นแล พระสทั ธรรมจึงตัง้ อยไู ดไมน าน ในเมื่อตถาคตปรินพิ พานแลว. และเพราะบุคคลไดเจริญ ไดกระทําใหมากซ่งึ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลานแี้ ล พระสทั ธรรมจึงตงั้ อยไู ดน าน ในเมอ่ืตถาคตปรนิ พิ พานแลว. [๗๘๐] เมอื่ พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั อยา งน้ีแลว พราหมณนน้ั ไดกราบทลู พระผมู ีพระภาคเจา วา ขา แตพ ระโคดมผูเจริญ ภาษติ ของพระองคไพเราะยิ่งนกั . ขา แตพระโคดมผูเจรญิ ภาษติ ของพระองคไพเราะยงิ่ นักเปรยี บเหมอื นบคุ คลหงายของที่ควํ่า เปด ของทีป่ ด บอกทางแกบ คุ คลผหู ลงทางหรอื ตามประทีปในท่มี ืดดว ยหวงั วา ผมู จี ักษุจักแลเหน็ ได ฉะนัน้ ขอทานพระโคดมโปรดทรงจาํ ขา พระองค วา เปน อบุ าสกผูถงึ สรณะจนตลอดชีวติ ตัง้ แตวนั น้เี ปน ตนไป. จบพราหมณสตู รที่ ๕
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 468 ๖. ปเทสสูตร วาดว ยบุคคลจะช่ือวาเปนพระเสขะ [๗๘๑] สมยั หนึง่ ทา นพระสารีบุตรทานพระมหาโมคคัลลานะและ ทา นพระอนรุ ุทธะอยู ณ กณั ฏกีวัน ใกลเมอื งสาเกต. ครงั้ นัน้ทา นพระสารบี ตุ รและทา นพระมหาโมคคลั ลานะออกจากทีพ่ กั ผอ นในเวลาเย็นเขาไปหาทานพระอนุรุทธะถึงท่อี ยู ไดป ราศรัยกบั ทานพระอนุรทุ ธะ ครัน้ผา นการปราศรัยพอใหร ะลกึ ถงึ กันไปแลว จึงนงั่ ณ ท่ีควรสวนขางหนงึ่ . ครั้นแลว ทา นพระสารีบตุ รไดถามทา นพระอนรุ ุทธะวา [๗๘๒] ดกู อ นทานอนรุ ุทธะ ทเ่ี รยี กวา พระเสขะ ๆ ดังนี้ ดว ยเหตุเพียงเทา ไรหนอ บคุ คลจึงจะชือ่ วาเปนพระเสขะ. ทา นพระอนรุ ทุ ธะตอบวา ดูกอนผมู อี ายุ บุคคลท่จี ะชอ่ื วาเปน พระเสขะ เพราะเจรญิ สตปิ ฏฐาน ๔ไดเ ปน สวน ๆ. สตปิ ฏฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษใุ นธรรมวินัยนี้ ยอมพจิ ารณาเหน็ กายในกายอยู มคี วามเพยี ร มสี ัมปชัญญะ มสี ติ กําจัดอภิชฌาและโทมนสัในโลกเสยี . ยอมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... ยอมพจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ อยู ... ยอมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มคี วามเพียร มสี มั ปชัญญะมีสติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ดกู อนผมู อี ายุ บคุ คลทจ่ี ะชือ่ วาเปน พระเสขะ เพราะเจรญิ สติปฏ ฐาน ๔ เหลาน้แี ล ไดเ ปนสวน ๆ. จบปเทสสูตรท่ี ๖
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ท่ี 469 อรรถกถาปเทสสตู ร ในสูตรท่ี ๖. คาํ วา เพราะอบรมไดเปน บางสว น คอื เพราะความทอ่ี บรมไดโ ดยเปนบางสว น. จริงอยู ผูท่กี าํ ลังทาํ ใหม รรค ๔ และผล ๓ เกิดขึน้ชอ่ื วา ไดอบรมสตปิ ฏฐานไดเปนบางสว น. จบอรรถกถาปเทสสตู รที่ ๖ ๗. สมัตตสูตร วา ดว ยบคุ คลจะช่ือวาเปนพระอเสขะ [๗๘๓] นิทานตนสูตรเหมือนกัน. ครั้นทานพระสารีบุตรนง่ั ณ ท่ีควรสวนขางหนึง่ แลว ไดถามทา นพระอนรุ ุทธะวา [๗๘๔] ดูกอ นทานอนุรุทธะ ท่เี รยี กวา พระอเสขะ ๆ ดังน้ี ดวยเหตุเพยี งเทาไรหนอ บคุ คลจงึ จะชื่อวา เปนพระอเสขะ. ทา นพระอนุรทุ ธะตอบวา ดกู อ นผูมีอายุ บุคคลท่จี ะชอื่ วา เปน พระอเสขะ เพราะเจริญสตปิ ฏ ฐาน๔ ไดบรบิ รู ณ. สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษใุ นธรรมวินยั นี้ ยอมพจิ ารณาเหน็ กายในกายอยู มีความเพยี ร มสี ัมปชญั ญะ มสี ติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนสัในโลกเสีย. ยอ มพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู . . . ยอ มพจิ ารณาเห็นจติ ในจิตอยู . . . ยอ มพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มสี ัมปชญั ญะ
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 470มีสติ กาํ จัดอภิชฌาและโทมนสั โนโลกเสยี . ดกู อ นทา นผูมีอายุ บคุ คลท่จี ะช่อื วา เปนพระอเสขะ เพราะเจรญิ สตปิ ฏฐาน ๔ เหลา น้ันแลไดบ ริบูรณ. จบสมตั ตสูตรที่ ๗ อรรถกถาสมัตตสตู ร ในสูตรท่ี ๗. คําวา เพราะอบรมสมบูรณแลว คอื เพราะความท่ตี นไดอบรมเตม็ ทแี่ ลว . จริงอยู ผทู ่กี ําลังทาํ ใหเ กิดอรหัตผลข้นึ ชอื่ วาไดอบรมสตปิ ฏฐานสมบรู ณเเลว . จบอรรถกถาสมัตตสตู รท่ี ๗ ๘. โลกสูตร วา ดวยผูร ูโลก [๗๘๕] นทิ านตนสตู รเหมือนกัน. ครั้นทานพระสารบี ุตร นง่ั ณทค่ี วรสวนขางหน่ึงแลว ไดถ ามทา นพระอนรุ ุทธะวา [๗๘๖] ทานพระอนุรทุ ธะถึงความเปน ผูมีอภญิ ญามาก เพราะไดเจรญิ ไดกระทาํ ใหมากซึ่งธรรมเหลาไหน. ทานพระอนรุ ุทธะตอบวา ดกู อ นผูมีอายุ ผมถงึ ความเปนผูม ีอภญิ ญามาก เพราะไดเ จรญิ ไดก ระทําใหม ากซึ่งสติปฏฐาน ๔. สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปนไฉน. ภกิ ษุในธรรมวินัยนี้ ยอมพิจารณา
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 471เห็นกายในกายอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชัญญะ มสี ติ กาํ จัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ยอ มพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู . .. ยอมพจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ อยู . . . ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มีสัม-ปชญั ญะ มีสติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ดกู อ นผูมีอายุ ผมถงึ ความเปนผูมอี ภญิ ญามากเ็ พราะไดเจริญไดก ระทําใหม ากซ่งึ สติปฏ ฐาน ๔ เหลานแี้ ลและเพราะไดเจรญิ ไดท าํ ใหมากซ่ึงสติปฏ ฐาน ๔ เหลาน้แี ล ผมจึงรโู ลกไดต ั้งพนั . จบโลกสตู รที่ ๘ อรรถกถาโลกสตู ร ในสตู รที่ ๘. คาํ วา ความเปนผมู ีอภญิ ญามาก พระเถระกลา วดวยอาํ นาจอภญิ ญา ๖ อยา ง. คาํ วา ขาพเจารโู ลกไดตง้ั พนั ทานกลาวดวยอํานาจการอยูตดิ ตอ กนั . เลา กนั มาวา พระเถระตน่ื แตเชา บว นปากแลวนั่งบนเสนาสนะ ตามระลกึ ถงึ อดตี ๑ พนั กปั อนาคต ๑ พนั กปั . ตามพวั พันคติแหงการคดิ คํานงึ น้นั ของพันจักรวาลแมในปจ จบุ ัน. พระเถระนน้ั ทราบชัดพนัโลกดว ยตาทิพย ดงั วา มาน.้ี นเี้ ปน ธรรมเคร่ืองอยูของทาน.คาํ ทเ่ี หลอื ในทุกบท ทีใ่ จความแจม แจง แลว ท้ังนัน้ เเล. จบอรรถกถาโลกสูตรที่ ๘
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาท่ี 472 ๙. สริ ิวฑั ฒสตู ร * ผูเ จรญิ สติปฏ ฐาน ๔ ไดอ นาคามผิ ล [๗๘๗] สมัยหนงึ่ ทา นพระอานนทอ ยู ณ พระวิหารเวฬุวัน กลนั -ทกนวิ าปสถาน ใกลก รุงราชคฤห. ก็สมยั น้นั สิรวิ ัฑฒคฤหบดอี าพาธ ไดรับทกุ ข เปนไขห นกั . ครั้งนนั้ สริ ิวัฑฒคฤหบดีเรียกบรุ ษุ คนหนง่ึ มาสง่ั วามานี่แนะ บรุ ุษผเู จริญ ทานจงเขา ไปหาทา นพระอานนทถงึ ท่ีอยู คร้นั แลว จงกราบเทา ทงั้ สองของทานดว ยเศยี รเกลา ตามคําของเราวา ขาแตทา นผเู จริญสริ ิวัฑฒคฤหบดอี าพาธ ไดรบั ทุกข เปนไขหนกั เขาขอกราบเทา ทงั้ สองขา งทานพระอานนทดว ยเศียรเกลา ดังนี้ และจงเรยี นอยางนั้นวา ขาแตทา นผูเจริญ ไดโ ปรดเถิด ขอทานพระอานนทจ งอาศัยความอนเุ คราะห เขาไปยังนิเวศนของสริ ิวัฑฒคฤหบดีเถิด. บรุ ษุ น้ันรบั คาํ สริ วิ ัฑฒคฤหบดีแลว จึงเขาไปหาทา นพระอานนทถ ึงท่ีอยู นมัสการทา นพระอานนทแ ลว จงึ นัง่ ณทค่ี วรสว นขา งหนึ่ง. ครนั้ แลวไดเ รียนทา นพระอานนทวา ขาแตทานผเู จริญสริ ิวฑั ฒคฤหบดอี าพาธ ไดรบั ทุกข เปน ไขห นกั ทา นขอกราบเทา ท้ังสองของทา นพระอานนทดว ยเศยี รเกลา และสั่งใหเ รียนอยางนี้วา ขา แตทานผเู จริญไดโปรดเถิด ขอทา นพระอานนทจงอาศัยความอนเุ คราะห เขา ไปยังนเิ วศนของสิริวัฑฒคฤหบดีเถดิ . ทานพระอานนทร บั คาํ ดวยดษุ ณภี าพ. [๗๘๘] คร้งั นั้น เวลาเชา ทา นพระอานนทนงุ แลว ถือบาตรและจวี รเขาไปยงั นเิ วศนของสริ วิ ฑั ฒคฤหบดี แลวน่ังบนอาสนะทเ่ี ขาปถู วาย. คร้นัแลว ไดถ ามสริ ิวัฑฒคฤหบดวี า* อรรถกถาวา มีเน้ือความงาย
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 473 [๗๘๙] ดูกอนคฤหบดี ทานพอจะอดทนไดหรือ พอจะยังอัตภาพใหเ ปนไปไดห รอื ทุกขเวทนายอมคลายลงไมกําเรบิ ขนึ้ หรอื ความทเุ ลาปรากฏความกําเรบิ ไมป รากฏหรอื . สริ วิ ฑั ฒคฤหบดตี อบวา ขาแตท า นผเู จรญิ กระผมอดทนไมไ ด ยังอตั ภาพใหเ ปนไปไมได ทุกขเวทนาของกระผมกาํ เริบหนกัไมเส่อื มคลายไปเลย ความกําเริบปรากฏอยู ความทุเลาไมปรากฏ. [๗๙๐] อา. ดูกอ นคฤหบดี เพราะเหตนุ ั้นและ ทานพึงศกึ ษาอยา งนี้วา เราจกั พิจารณาเห็นกายในกายอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชัญญะ มสี ติกําจัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสีย. จักพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู . . .จักพิจารณาเหน็ จิตในจติ อยู. . . จกั พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพียรมีสัมปชญั ญะ มสี ติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ดกู อนคฤหบดีทานพึงศึกษาอยา งนนั้ แล. [๗๙๑] สิ. ขา แตท า นผเู จริญ ธรรมคือสติปฏฐาน ๔ เหลา ใดท่ีพระผูม ีพระภาคเจาทรงแสดงแลว ธรรมเหลา น้นั มีอยูใ นกระผม และกระผมยอ มเหน็ ชัดในธรรมเหลานั้น. กก็ ระผมยอมพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู มีความเพยี ร มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ กาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี . ยอ มพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... ยอมพจิ ารณาเห็นจิตในจติ อยู ... ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยี . [๗๙๒] ขาแตทานผเู จรญิ กส็ ังโยชนอันเปนสวนเบือ้ งตา่ํ ๕ เหลาใดที่พระผูม ีพระภาคเจา ทรงแสดงไว กระผมยังไมแลเห็นสงั โยชนขอ ใดขอ หน่งึท่ียงั ละไมไ ดแ ลวในตน. อา. ดูกอนคฤหบดี เปนลาภของทา น ทา นไดด แี ลว อนาคามผิ ลอนัทา นกระทําใหแ จงแลว . จบสิริวฑั ฒสตู รท่ี ๙
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 474 ๑๐. มานทนิ นสตู ร * ผูเจริญสตปิ ฏ ฐาน ๔ ไดอ นาคามผิ ล [๗๙๓] นทิ านตนสตู รเหมือนกนั . ก็สมัยนน้ั มานทนิ นคฤหบดีอาพาธ ไดรบั ทกุ ข เปนไขหนัก ครัง้ นัน้ มานทินนคฤหบดีเรียกบรุ ุษคนหนึ่งมาสั่งวา มานแ่ี นะ บุรษุ ผเู จริญ ทานจงเขาไปหาพระอานนทถ ึงท่อี ยู ครั้นแลว จงกราบเทา ทง้ั สองของทานดวยเศยี รเกลา ตามคําของเราวา ขา แตท า นผูเจริญ มานทินนคฤหบดีอาพาธ ไดรบั ทุกข เปนไขหนกั เขาขอกราบเทาทง้ั สองของทา นพระอานนทดว ยเศยี รเกลา ดังน้ี และจงเรียนอยา งน้วี า ขาแตทานผูเ จรญิ ไดโ ปรดเถิด ขอทานพระอานนทจ งอาศัยความอนุเคราะหเขาไปยังนเิ วศนข องมานทนิ นคฤหบดีเถดิ . บุรษุ นัน้ รับคาํ มานทินนคฤหบดีแลว เขาไปหาพระอานนทถ ึงที่อยู นมสั การทา นพระอานนทแ ลว จงึ นัง่ ณท่ีควรสวนขา งหนง่ึ . ครน้ั แลวไดเรยี นทา นพระอานนทวา ขาแตท า นผเู จรญิมานทนิ นคฤหบดีอาพาธ ไดร บั ทุกข เปน ไขห นกั ทา นขอกราบเทาทง้ั สองของทา นพระอานนทด วยเศยี รเกลา และสัง่ ใหเ รยี นอยางนนั้ วา ขาแตท า นผเู จรญิไดโ ปรดเถิด ขอทานพระอานนทอ าศัยความอนเุ คราะห เขาไปยงั นเิ วศนข องมานทนิ นคฤหบดีเถิด. ทา นพระอานนทรับคาํ ดวยดษุ ณีภาพ. ครัง้ นั้น เวลาเชา ทา นพระอานนทน งุ แลว ถอื บาตรและจีวรเขา ไปยงั นิเวศนของมานทนิ น-คฤหบดี แลวน่ังบนอาสนะทีเ่ ขาปถู วาย. ครัน้ แลวไดถ ามมานทินนคฤหบดีวาดูกอ นคฤหบดี ทานพอจะอดทนไดห รือ พอจะยงั อัตภาพใหเ ปน ไปไดหรอืทุกขเวทนายอ มคลายลงไมกาํ เรบิ ข้นึ หรือ ความทุเลาปรากฏ ความกําเรบิ ไม* อรรถกถาวา มเี นื้อความงา ย
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๑ - หนา ที่ 475ปรากฏหรือ. มานทนิ นคฤหบดตี อบวา ขา แตทานผูเจริญ กระผมอดทนไมได ยังอัตภาพใหเปน ไปไมได ทุกขเวทนาของกระผมยงั กําเริบหนกั ไมเ สอื่ มคลายไปเลย ความกาํ เริบยงั ปรากฏอยู ความทุเลาไมปรากฏ. [๗๙๔] ขาแตท า นผูเ จริญ กระผมอนั ทุกขเวทนาเห็นปานนก้ี ระทบแลว ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู มีความเพยี ร มสี ัมปชญั ญะ มสี ติกําจดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสีย. พจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู . . .พิจารณาเห็นจติ ในจิตอยู . . . พจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มคี วามเพียรมีสมั ปชัญญะ มสี ติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. [๗๙๕] ขาแตท า นผเู จริญ กส็ ังโยชนอ นั เปนสวนเบอ้ื งตาํ่ ๕ เหลาใดท่ีพระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงไว กระผมยงั ไมแลเห็นสังโยชนขอ ใดขอหนง่ึท่ยี งั ละไมไดแ ลวในตน. ทานพระอานนทก ลาววา ดกู อ นคฤหบดี เปน ลาภของทาน ทา นไดดีแลว อนาคามผิ ลอนั ทานกระทําใหแจง แลว . จบมานทนิ นสตู รท่ี ๑๐ จบสลี ัฏฐติ วิ รรคที่ ๓ รวมพระสูตรทม่ี ีในวรรคนี้ คอื ๑. สีลสูตร ๒. ฐิตสิ ตู ร ๓. ปรหิ านสตู ร ๔. สุทธกสูตร๕. พราหมณสูตร ๖. ปเทสสูตร ๗. สมัตตสูตร ๘. โลกสูตร ๙. สริ -ิวฑั ฒสูตร ๑๐. มานทินนสูตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 498
Pages: