พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 321พระผมู พี ระภาคเจา น้นั อยางท่ีพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสถามพราหมณถ งึเรอื่ งพอทนไดเ ปนตน คอื ไดถึงความช่นื ชมอยางเดียวกนั เหมอื นนํา้ รอนกบั น้ําเยน็ . กก็ ถาชอ่ื สมั โมทนยี ะ เพราะใหเกดิ ความชื่นชมกลา วคือปติและปราโมทย และเพราะภาวะท่ีควรชื่นชม ซึง่ ช่ืนชมดวยคาํ เปน ตนวาพอทนหรอื ทานพระโคดมพอเปน ไปไดห รอื ทานพระโคดมและสาวกของทานพระโคดม มอี าพาธนอย มโี รคนอ ย กะปร้กี ะเปรา มกี าํ ลังอยสู บายดหี รือ ชือ่ สาราณยี ะ เพราะสมควรใหระลกึ ถงึ กันตลอดกาลนานระลึกอยเู รื่อย ๆ และเพราะภาวะทค่ี วรระลกึ เพราะมีความไพเราะท้งั อรรถะและพยัญชนะ ช่อื วา สมั โมทนียะ เพราะเปนสุขเม่ือฟงชอื่ วา สาราณียะ เพราะเปน สขุ เมื่อระลกึ ถงึ อน่ึง ชอ่ื วา สัมโมทนียะเพราะพยญั ชนะบรสิ ทุ ธิ์ ช่อื วา สาราณียะ เพราะอรรถะบรสิ ทุ ธิ์พราหมณเสรจ็ การกลา วสัมโมทนยี กถา สาราณยี กถา คือใหจบสน้ิ โดยอเนกปริยายอยา งนี้ดวยประการฉะนั้นแลว ประสงคจ ะทูลถามเรอื่ งที่ตนมาจงึ นง่ั ลง ณ ที่อนั สมควร. ศพั ทวา เอกทนตฺ แสดงภาวนปุงสกะเหมือนในประโยคเปนตนวา วสิ ม จนทฺ ิมสุรยิ า ปรวิ ตฺตนฺติ พระจันทรและพระอาทติ ยโ คจรไมเ ทา กนั ดังนี้ ฉะนัน้ พึงทราบเน้ือความในทนี่ ี้อยา งนวี้ า นั่งอยางทผี่ นู ั่งน่งั ในทอี่ ันสมควร. อกี อยา งหนึง่ บทน้ีเปนทตุ ยิ าวิภัตติ ลงในอรรถแหงสตั ตมีวิภตั ต.ิ บทวา นสิ ีทิ ไดแก เขา ไปใกล.ธรรมดาคนฉลาด เขาไปหาผูท่ีมีฐานะเปน ครู ยอมน่งั ในทีอ่ นั สมควรดวยความเปน ผูฉลาดในเร่ืองนง่ั . และพราหมณนก้ี เ็ ปนคนหนึ่งในบรรดาคนฉลาดเหลา นัน้ ฉะนน้ั จงึ น่ัง ณ ทอ่ี นั สมควร.
พระสุตตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 322 ถามวา นงั่ อยางไร จงึ ชือ่ วา น่ัง ณ ท่อี ันสมควร. แกว า นง่ั เวนโทษของการน่ัง ๖ อยาง. โทษของการน่งั ๖ อยาง อะไรบาง. โทษของการนัง่ ๖ อยาง คอื ไกลเกนิ ไป ใกลเ กินไป น่ังเหนือลม นั่งท่สี งูนั่งตรงหนา เกินไป น่ังขางหลังเกินไป. ผูนงั่ ไกลเกินไป ถาตอ งการจะพดูก็ตอ งพูดเสยี งดัง. นง่ั ใกลเกนิ ไป ยอมจะเสียดสี. นั่งเหนือลม ยอมจะเบียดเบียนดว ยกล่ินตัว. น่งั ทสี่ ูง ยอมประกาศวาไมเ คารพ. นั่งตรงหนาเกินไป ถาตอ งการจะดู ก็จะสบตากัน. นงั่ ขางหลงั เกนิ ไป ถา ตอ งการจะดู กจ็ ะตองยนื่ คอดู. เพราะฉะนนั้ พราหมณแมน ้ีจึงนง่ั เวน โทษของการนั่ง ๖ อยางเหลา นี้ เหตุนั้น ทา นจงึ กลา ววา นัง่ ลง ณ ท่ีอันสมควร. บทวา เอตทโวจ ความวา คําถามมี ๒ อยาง คอื คาํ ถามของคฤหัสถ ๑ คําถามของบรรพชิต ๑ ใน ๒ อยางนนั้ คาํ ถามของคฤหสั ถมาโดยนัยเปน ตนวา ขาแตทานผูเ จรญิ อะไรเปนกุศล อะไรเปนอกศุ ล.คําถามของบรรพชิตมาโดยนยั นีว้ า ขา แตท านผเู จรญิ อปุ าทานขนั ธ ๕เหลา นหี้ รือหนอแล. ก็พราหมณน้เี มือ่ จะถามคําถามของคฤหัสถซ่งึ สมควรแกตน จงึ ไดกราบทูลคาํ น้ี คือคาํ เปน ตน วา ขาแตทา นพระโคดม อะไรหนอเปน เหตุ อะไรเปน ปจ จยั . บรรดาบทเหลา นัน้ บททัง้ สองวาเหตปุ จฺจโย น้ี เปนคําแสดงไขถึงเหตุนั่นเอง. บทวา อธมฺมจรยิ าวสิ มจริยาเหตุ แปลวา เพราะเหตแุ หง ความประพฤตไิ มเ รียบรอ ย กลา วคอื ความประพฤติผดิ ธรรม อธิบายวา เพราะความประพฤตนิ ้ันเปน เหตุเพราะความพระพฤตินั้นเปนปจจัย. ในบทนัน้ มอี รรถของบท ดงั น้ีความประพฤติส่ิงที่ไมเ ปน ธรรม ช่อื วา ความประพฤติผิดธรรม อธบิ ายวาการกระทําทีไ่ มเปน ธรรม ความประพฤติทไ่ี มเ รยี บรอย หรอื ความ
พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 323ประพฤติซ่ึงกรรมอนั ไมเ รยี บรอ ย เหตุนั้น จงึ ชือ่ วา ความประพฤติไมเรียบรอ ย. ความประพฤตไิ มเรยี บรอ ยนน่ั ดว ย เปน ความประพฤตผิ ิดธรรมดว ยเหตุน้ัน จึงช่ือวาความประพฤตไิ มเรียบรอย เปน ความประพฤตผิ ิดธรรม.แมในธรรมฝา ยขาว กพ็ ึงทราบเนอ้ื ความโดยอบุ ายน้ี แตโดยใจความในทน่ี ี้ พึงทราบวา อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ช่ือวา ความประพฤติไมเรยี บรอ ยคอื ความประพฤตผิ ดิ ธรรม กศุ ลกรรมบถ ๑๐ ชอ่ื วา ความประพฤตเิ รียบรอยกลาวคือความประพฤตถิ ูกธรรม. อภิกกฺ นฺต ศพั ท ในคําวา อภกิ ฺกนฺต โภ โคตน อภิกกฺ นตฺ โภ โคตม นี้ แปลวา สนิ้ ไป ดี งาม และนาอนุโมทนาย่ิง. แปลวาสิน้ ไป ไดในประโยคเปน ตน วา อภิกฺกนฺตา ภนฺเต รตฺติ นิกขฺ นโฺ ตปฐโม ยาโม จริ นิสนิ โฺ น ภกิ ฺขสุ งโฺ ฆ ขา แตพระองคผูเจรญิ ราตรสี ้ินไปแลว ปฐมยามลว งไปแลว ภกิ ษุสงฆน งั่ นานแลว. แปลวา ดี ไดใ นประโยคเปน ตน วา บคุ คล ๔ คนเหลา น้ี คนน้ดี ีกวาและประณตี กวา .แปลวา งาม ไดใ นคาถาเปนตน วา ใครมีวรรณะงามยงิ่ นกั รงุ เรืองดวยฤทธิ์ รุง เรือง ดว ยยศ ยังทิศทั้งปวงใหสวา งไสว ไหวเทา ของเรา.แปลวา นา อนุโนทนาย่ิง ไดในคําเปนตน วา นาอนโุ มทนาย่ิง พระเจาขา.แมใ นที่น้ี อภกิ ฺกนฺต ศพั ท ก็แปลวา นาอนุโมทนายง่ิ นัน่ แล. และเพราะแปลวา นาอนุโมทนาย่งิ ฉะนัน้ พงึ ทราบวา ทา นอธบิ ายไวว าดยี ิ่ง พระโคดมผเู จริญ ดังนี.้
พระสุตตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 324 ทานผรู ยู อ มพดู ซาํ้ เพราะความกลัว โกรธ สรรเสริญ รีบดวน ตืน่ ตระหนก ราเริง โศก และเลือ่ มใส.ก็ อภกิ กฺ นตฺ ศพั ทน้ี พึงทราบวา ทานกลาว ๒ ครง้ั ในท่ีน้ี ดว ยอํานาจความเลอื่ มใส และดว ยอํานาจความสรรเสรญิ ตามลกั ษณะดงั กลา วมานี.้ อกี อยางหนง่ึ บทวา อภิกกฺ นฺต แปลวา นา ปรารถนายงิ่ คือนาพอใจยงิ่ อธิบายวา ดีย่ิง. ในสองศพั ทน ้ัน ดวย อภิกฺกนตฺ ศัพทหนึง่ พราหมณชมเทศนา อกี ศพั ทหน่งึ ชมความเล่ือมใสของตน. แลในทีน่ ี้มอี ธิบายดงั นวี้ า พราหมณช มพระดาํ รัสของพระผมู ีพระภาคเจา หมายเอาเน้อื ความ ๒ เนื้อความวา ดียง่ิ พระโคดมผเู จริญ คอื ธรรมเทศนาของพระโคดมผเู จริญ ดียิ่ง และขา พระองคเ ลื่อมใส ก็เพราะอาศัยเทศนาของพระโคดมผูเ จรญิ . พระดํารสั ของพระโคดมผูเจริญ ดีย่ิง เพราะดยี ิง่ เพราะใหบ รรลคุ ณุ พงึ ประกอบเหมอื นกัน ดว ยบทมอี าทิอยา งนี้วา เพราะใหเ กิดศรัทธา เพราะใหเกิดปญญา เพราะมอี รรถ เพราะมีพยัญชนะ เพราะบทตนื้ เพราะอรรถลกึ เพราะสะดวกหู เพราะถงึ ใจเพราะไมยกตน เพราะไมข มทา น เพราะเยน็ ดว ยกรุณา เพราะตรสั ดวยปญญา เพราะเปนทางท่ีนาร่นื รนย เพราะขม ศตั รไู ด เพราะสบายแกผ ูฟ งเพราะนาพิจารณา และเพราะเกื้อกลู . แมต อ จากนัน้ กย็ งั ชมเทศนาดว ยอปุ มาถึง ๔ ขอทเี ดียว. บรรดาบทเหลานัน้ บทวา นกิ กฺ ุชฺชติ ไดแ กตั้งควํา่ หนา หรอื เอาหนา ไวลา ง. บทวา อุกกฺ ุชฺเชยฺย แปลวาหงายหนา . บทวา ปฏจิ ฺฉนนฺ ไดแ ก ปกปด ดวยหญา เปนตน . บทวาววิ เรยฺย แปลวา หงายหนา ขนึ้ . บทวา มฬู หฺ สฺส ไดแก คนหลงทศิ .
พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 325บทวา มคคฺ อาจกิ ฺเขยยฺ ความวา จงู มือไปบอกวาทางนี้. บทวาอนฺธกาเร ไดแ ก มดื ๔ อยา ง คือ แรม ๑๔ ค่ํา เทยี่ งคนื ไพรสณั ฑท บึเมฆหนา. เนื้อความของบทท่ียากเทา น้ี. มอี ธิบายดังตอไปนี้ พระโคดมผเู จริญใหขาพระองคผ หู นั หลงั ใหพ ระสทั ธรรม ตกอยใู นอสัทธรรม ออกจากอสัทธรรมได เหมือนคนบางคนหงายของท่ีควาํ่ ทรงเปด คําสอนทีถ่ กูมจิ ฉาทฏิ ฐิปกปดจําเดมิ แตศาสนาของพระผูม ีพระภาคเจากสั สปะอนั ตรธานเหมือนเปดของทีป่ ด ทรงทาํ ใหแจง ซงึ่ ทางสวรรคและนิพพานแกขา พระ-องคผ ดู าํ เนินทางชว่ั ทางผดิ เหมอื นบอกทางแกคนหลง ทรงประกาศธรรมแกข าพระองค ดว ยทรงชูประทีปคือเทศนา กาํ จดั ความมือคอื โมหะทปี่ กปดพระรัตนตรัยนนั้ แกข า พระองคผ จู มอยูใ นท่มี ดื คอื โมหะ ไมเ หน็รูปแหงพุทธรตั นะเปน ตน เหมอื นคนสองประทปี นํา้ มันในที่มืด. เพราะทรงประกาศโดยปริยายเหลานี้ เปนอนั ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย.พราหมณชมเทศนาอยางนีแ้ ลว มจี ติ เลื่อมใสในพระรตั นตรยั เพราะเทศนานี้ เม่ือกระทําอาการของผูทเี่ ลื่อมใส จึงกลา วคําเปน ตน วา เอสาห ดงั น้ี .บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา เอสาห ตดั บทเปน เอโส อห แปลวาขา พระองคน้ี. บทวา ภวนฺต โคตม สรณ คจฉฺ ามิ ความวาขาพระองคข อถงึ คือคบ เสพ นงั่ ใกล ซงึ่ พระโคดมผเู จริญ ดวยความประสงคนีว้ า พระโคดมผูเจรญิ เปนที่พึง่ เปนทีไ่ ปในเบื้องหนาเปนผกู ําจดั ความชว่ั และเปนผูประทานประโยชนเ กอื้ กลู แกข า พระองคอธบิ ายวา ทราบ คอื รอู ยางน.ี้ กธ็ าตุเหลาใดมคี วามวา ไป ธาตเุ หลาน้นั มคี วามวา รู กม็ ี ฉะนั้น ความของบทวา คจฉฺ ามิ น้ี ทานจงึ กลาววา ชานามิ พชุ ฌฺ ามิ ขา พระองคทราบ คือรู ดงั น้ี . ในบทวา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 326ธมฺมจฺ ภกิ ขฺ ุสงฺฆฺจ น้ี ชือ่ วา ธรรม เพราะทรงเหลา สตั วผ ูบรรลุมรรค และทาํ นโิ รธใหแจง ปฏิบัตติ ามคาํ สั่งสอน ไมใ หต กไปในอบาย ๔โดยอรรถ ไดแ กอ ริยมรรคและพระนพิ พาน. สมจริงดังท่ีพระผูมีพระ-ภาคเจาตรสั ไวว า ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย บรรดาสังขตธรรมทั้งหลาย อริย-มรรคประกอบดวยองค ๘ เรากลาววาเปน ยอดของสังขตธรรมเหลา น้ัน.วาโดยพสิ ดาร มใิ ชแ ตอ รยิ มรรคและพระนพิ พานเทา นั้น ท่ีชื่อวาธรรมท่จี ริง แมป ริยตั ิธรรมกบั อรยิ ผล กช็ ่อื วาธรรม. สมจริงดังทต่ี รสั ไวใ นฉัตตมาณวกวมิ านวตั ถวุ า ราควิราคมเนชมโสก ธมมฺ มสงฺขตมปปฺ ฏกิ ูล มธรุ มมิ ปคุณ สุวภิ ตฺต ธมมฺ มิม สรณติถมุเปห.ิ เธอจงเขาถงึ ธรรมเครอื่ งสํารอกราคะ ไมหวัน่ ไหว ไมเศราโศก เปนอสงั ขตธรรม ไมปฏกิ ูล งาม คลองแคลว จําแนกไวด แี ลว นี้ วา เปน สรณะ เถิด.บทวา ราควิราโค ในท่ีนี้ ตรัสหมายถงึ มรรค. บทวา อเนชมโสกไดแ ก ผล. ธมฺมมสงฺขต ไดแ กน ิพพาน. บทวา อปฺปฏิกลู มธรุ มิมปคณุ สุวภิ ตฺต ไดแก ธรรมขนั ธท้งั หมดที่จาํ แนกเปน ๓ ปฎ ก ชือ่ วาสงฆ เพราะเก่ยี วเนือ่ งกนั โดยทิฏฐิและศลี . สงฆน น้ั โดยอรรถไดแ กกลุมพระอริยบคุ คล ๘. สมจริงดงั ท่ตี รัสไวใ นวมิ านวตั ถนุ ้ันแหละวา ยตถฺ จ ทนิ นฺ มหปผฺ ลมาหุ จตูสุ สจุ ีสุ ปุริสยุเคสุ อฏ จ ปคุ คฺ ลธมมฺ ทสา เต สงฆฺ มิม สรณตถฺ มุเปห.ิ
พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 327 เธอจงเขา ถงึ สงฆ คอื คนสะอาด ๔ คู เปน พระอรยิ บคุ คล ๘ ซ่งึ บณั ฑติ กลาววา ทานท่ถี วาย ทา นแลว มผี ลมาก น้ี วา เปนสรณะเถิด.หมแู หงภิกษุทงั้ หลาย ช่ือภิกษสุ งฆ. พราหมณประกาศการถึงสรณะ๓ ประการ ดวยคําเพยี งเทา น้ี . เพ่อื ความเปนผฉู ลาดในสรณคมนเหลานั้น แมใ นท่ีนีก้ ็ควรทราบวิธีนีว้ า สรณคมนของผทู ี่ถึงสรณะมี ๒ประเภท คอื สรณคมนประเภท ๑ อานสิ งสแหงสรณคมนป ระเภท ๑.คอื อยา งไร. พึงทราบโดยเนอื้ ความของบทกอน ช่อื วาสรณะ เพราะอรรถวา กําจัด อธิบายวา ฆาเครือ่ งเศรา หมองรอบ ๆ คอื ความสะดุงความทุกข และทคุ ติ ทําใหพ ินาศ ดว ยสรณคมนน ่ันแหละ ของผทู ีถ่ ึงสรณะ คําวา สรณคมนน เ้ี ปนชื่อของพระรัตนตรัย. อีกอยา งหนงึ่ ช่อื วาพทุ ธ เพราะกําจดั ภัยของเหลา สตั ว ดว ยใหส่ิงทีเ่ ปน ประโยชนเ ปนไปใหออกจากสิง่ ท่ไี มเ ปนประโยชน. ชอ่ื วา ธรรม เพราะยกสัตวใ หข ามจากกันดารคือภพ และเพราะทาํ ความเบาใจแกสัตวโ ลก ช่ือวา สงฆเพราะทาํ สักการะแมม ีประมาณนอ ย กลับไดผ ลไพบลู ย. ฉะนัน้ พระ-รัตนตรัยจึงเปน สรณะ โดยปริยายแมน้ี จิตตุปบาททกี่ ําจัดกเิ ลสไดด ว ยความเล่อื มใสและความเคารพพระรตั นตรยั นน้ั ที่เปนไปโดยอาการ คอืความเปน ผูม ีพระรตั นตรัยนั้นเปนเบ้ืองหนา ช่ือวา สรณคมน สัตวท่มี ีความพรอ มเพรยี งดวยสรณคมนนั้น ถึงสรณะ คือถงึ รตั นะ ๓ เหลา นวี้ าเปนสรณะ ดว ยจติ ตปุ บาทมีประการดงั กลา วแลว อธิบายวา เขา ถงึ รตั นะ๓ เหลา น้วี า เปนทไ่ี ปในเบือ้ งหนาอยางน้ี ดว ยประการฉะน้ี. กส็ รณคมนของผูท ่ถี ึงสรณะ พงึ ทราบเพยี งเทา น้ีกอน. กใ็ นประเภทแหงสรณคมน
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 328สรณคมนมี ๒ ประเภท คอื ทเี่ ปนโลกุตระประเภท ๑ ทเ่ี ปน โลกิยะประเภท ๑. ใน ๒ ประเภทน้นั สรณคมนท เี่ ปน โลกุตระ สําหรบั ผูที่เห็นอริยสจั แลว โดยอารมณม พี ระนิพพานเปน อารมณ โดยกจิ ยอ มสาํ เร็จในพระรตั นตรัยทง้ั ส้นิ ดว ยการตัดขาดอุปกเิ ลสดว ยสรณคมนในมรรคขณะ. สรณคมนที่เปน โลกยิ ะสาํ หรบั พวกปุถชุ น โดยอารมณมพี ุทธ-คุณเปนตน เปน อารมณ ยอมสําเรจ็ ดวยการขมอุปกเิ ลสดวยสรณคมนแล.สรณคมนนน้ั โดยอรรถ ไดแกการไดศรัทธาในวตั ถุ ๓ มีพระพุทธเจาเปนตน และสัมมาทฏิ ฐทิ ่ีมีศรทั ธาเปนมูล. ในบญุ กิริยาวัตถุ ๑๐ ทา นเรยี กวา ทฏิ ุชุกรรม. สรณคมนน น้ี นั้ เปนไปโดยอาการ ๔ คือ โดยการมอบถวายตน ๑ โดยความเปนผูมีพระรตั นตรยั เปน เบื้องหนา ๑ โดยเขาถงึ ความเปน ศษิ ย ๑ โดยการนอบนอม ๑. ใน ๔ อยา งนนั้ ที่ชือ่ วาการมอบถวายตน ไดแกก ารสละตนถวายแดพ ระพุทธเจา เปนตน อยางน้ีวา ตง้ั แตวนั นีเ้ ปน ตน ไป ขา พเจา ขอมอบถวายตนแดพ ระพทุ ธเจา แดพระธรรม แดพระสงฆ. ท่ชี อ่ื วา ความเปน ผูมีพระรตั นตรัยเปน เบ้อื งหนาไดแกความเปน ผูมีพระรตั นตรัยเปนเบอ้ื งหนา อยา งนว้ี า ต้ังแตว ันนเี้ ปนตน ไป ขา พเจามีพระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ เปน เบ้ืองหนาขอทานทั้งหลายจงทรงจาํ ขาพเจาไว ดังนี้. ทช่ี ่อื วาเขา ถงึ ความเปนศษิ ยไดแกการเขาถึงความเปน ศษิ ย อยา งนี้วา ตั้งแตว นั นี้เปนตนไป ขา พเจาเปน อันเตวาสิก (ศษิ ย) ของพระพุทธเจา ของพระธรรม ของพระสงฆขอทา นทั้งหลายจงทรงจําขา พเจาไว ดงั น.้ี ท่ีช่อื วาทาํ ความนอบนอ มไดแ กก ารทาํ ความเคารพอยางยิ่งในพระพุทธเจา เปนตน อยา งนี้วา ตั้งแตวนั นเ้ี ปนตนไป ขาพเจาขอการทําอภิวาท การลุกข้ึนรับ อัญชลีกรรม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 329สามจี กิ รรม แดว ตั ถุ ๓ มีพระพทุ ธเจา เปนตนเทา นนั้ ขอทานทงั้ หลายจงทรงจําขา พเจาไว ดงั นี้ . เม่ือทําอาการ ๔ อยางนแี้ มอ ยา งใดอยางหน่งึยอ มเปนอนั รบั สรณคมนแลวทเี ดยี ว. อกี อยางหนึ่ง พงึ ทราบการมอบถวายตน แมอยางนว้ี า ขา พเจาขอสละตน แดพระผมู พี ระภาคเจา ขอสละตน แดพระธรรม แดพ ระสงฆ ขา พเจา ขอสละชวี ิต ดงั น้ี เปน อนัขาพเจา สละตนแลวทีเดียว เปนอันขาพเจาสละชวี ติ แลว ทเี ดียว ขา พเจาขอถึงพระพทุ ธเจาเปน สรณะ พระพทุ ธเจา เปนสรณะ เปนท่เี รน เปนที่ฟง ของขาพเจา จนสดุ สนิ้ ชีวิต ดวยประการฉะนี.้ การเขา ถึงความเปนศษิ ย พงึ เห็นเชน สรณคมนของพระมหากัสสปะ แมอ ยา งนี้วา ถา ขาพเจาจะพงึ เห็นพระศาสดา กข็ อเหน็ พระผมู พี ระภาคเจา เทานัน้ ถาขา พเจา จะพงึ เหน็ พระสคุ ต ก็ขอเห็นพระผมู ีพระภาคเจาเทา นัน้ ถาขาพเจา จะพึงเหน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา ก็ขอเหน็ พระผมู พี ระภาคเจา เทานั้น. ความเปนผมู พี ระรตั นตรัยเปนเบ้ืองหนา พึงทราบอยา งสรณคมนข องอาฬวก-ยกั ษเปนตน แมอยา งนีว้ า โส อห วจรสิ ฺสามิ คามา คาม ปุรา ปุร นมสฺสมาโน สมพฺ ทุ ฺธ ธมฺมสฺส จ สุธมมฺ ต . ขาพเจานั้น จกั เท่ียวไป จากบา นสูบา น จาก เมอื งสูเมือง ขอนมัสการพระพทุ ธเจา และพระ- ธรรมของพระองคอ นั เปน ธรรมดี ดังน้แี ล. ครั้งนัน้ แล พราหมณพ รหมายุ ลุกจากอาสนะ หมผา เฉวยี งบาหมอบศรี ษะลงแทบพระยุคลบาทของพระผูมพี ระภาคเจา จูบพระยุคลบาทนวดดวยฝา มอื และประกาศช่ือวา ขา แตพ ระโคดมผูเจริญ ขาพเจา
พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 330พราหมณพ รหมายุ ขาแตพระโคดมผเู จรญิ ขา พเจา พราหมณพรหมายุการทําความนอบนอ ม พึงเห็นแมอ ยา งนี้ ดว ยประการฉะนี้. ก็การทาํความนอบนอมน้ีนัน้ มี ๔ อยา ง ดวยอาํ นาจญาต,ิ ภัย, อาจารย และทกั ข-ิเณยยบคุ คล, ใน ๔ อยา งนัน้ สรณคมนย อมมไี ดด ว ยการทําความนอบนอมแกท ักขเิ ณยยบคุ คล มิใชมดี วย ๓ อยางนอกน้.ี ดวยวา สรณะอันบคุ คลถือดว ยอาํ นาจคนประเสรฐิ น่นั แล ขาดกด็ ว ยอาํ นาจคนประเสริฐเหมอื นกนั ฉะน้นั ผใู ดเปนศากยะกต็ าม เปนโกลยิ ะกต็ าม ไหวดว ยคิดวาพระพุทธเจาเปน พระญาตขิ องเรา ดงั น้ี สรณะยอ มไมเ ปนอนั ผนู ั้นรบั เลย.อีกอยางหนึง่ ผูใ ดไหวดวยความกลัววา พระสมณโคดม เปนผูทพี่ ระราชาบูชา มีอานุภาพมาก เมอื่ เราไมไหว จะพงึ ทาํ ความพินาศให ดงั น้ีสรณะยอมไมเ ปน อันผนู น้ั รบั เหมือนกนั . ผใู ดระลกึ ถงึ อะไร ๆ ทตี่ นเลาเรียนในสํานักของพระผูม ีพระภาคเจา ครง้ั เปน พระโพธิสตั ว และเลาเรยี นอนุสาสนี ครง้ั เปน พระพทุ ธเจา เห็นปานน้ีวา เอเกน โภเค ภุเฺ ชยยฺ ทวฺ หี ิ กมมฺ ปโยชเย จตตุ ฺถฺจ นิธาเปยฺย อาปทาสุ ภวสิ สฺ ติ. บคุ คลพึงใชท รพั ยส ว นหนึง่ กินอยู ใชทรพั ย ๒ สวนประกอบการงาน สวนท่ี ๔ พึงเก็บไว เผ่ือ คราวอนั ตราย ดังน้ี.แลว ไหวดวยคดิ วา เปนอาจารยข องเรา ดงั น้ี สรณะยอมไมเปนอันผนู ้ันรบั เหมอื นกัน. แตผ ูใดไหวดว ยคดิ วา ผนู ้เี ปน อคั รทักขิเณยยบคุ คลในโลกสรณะยอ มเปน อนั ผูนนั้ รับแลว ทีเดียว. ผทู ร่ี บั สรณะอยางนแี้ ลว เปนอุบาสกกต็ าม เปนอุบาสิกากต็ าม ไหวญาติแมบ วชในพวกอญั ญเดียรถีย
พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 331ดวยคดิ วา ผนู เี้ ปน ญาตขิ องเรา ดังน้ี สรณคมนไ มขาด จะปวยกลาวไปไยถึงผูท ีม่ ไิ ดบวช ไหวพระราชาดว ยอาํ นาจความกลัววา ธรรมดาวาพระราชานน้ั เพราะเขาบชู ากันทว่ั ประเทศ เม่ือเราไมไหว จะพงึ ทําความพินาศให ดงั น้ี เหมือนกัน แมไหวเดยี รถียผสู อนศิลปะอยางใดอยา งหนึ่งดว ยคดิ วา ผนู ี้เปนอาจารยข องเรา สรณคมนไ มข าด พงึ ทราบประเภทแหงสรณคมน ดวยประการฉะนี้. และในท่นี ้ี สรณคมนทเี่ ปนโลกุตระมสี ามัญญผล ๔ เปน วิบากผล มีความส้ินทุกขท ัง้ หมด เปน อานสิ งั สผล.สมจริงดงั ท่ตี รสั ไววาโย จ พุทธฺ จฺ ธมฺมฺจ สงฺฆจฺ สรณ คโตจตตฺ าริ อรยิ สจฺจานิ สมฺมปฺปฺ าย ปสสฺ ติทุกขฺ ทกุ ขฺ สมปุ ฺปาท ทุกฺขสฺส จ อตกิ กฺ มอริยจฺ ฏงคฺ กิ มคคฺ ทกุ ฺขปู สมคามนิ เอต โข สรณ เขม เอต สรณมตุ ฺตมเอต สรณมาคมฺม สพพฺ ทกุ ฺขา ปมจุ ฺจติผใู ดถงึ พระพุทธเจา พระธรรม และพระสงฆเปนสรณะ ผูน นั้ ยอ มเห็นอริยสจั ๔ ดว ยปญ ญาอนัชอบ คือเหน็ ทุกข ทกุ ขสมุทัย ทุกขนโิ รธ และอรยิ มรรคประกอบดวยองค ๘ ซงึ่ ใหถงึ ความสงบทกุ ข นนั่ แลเปนสรณะอนั เกษม นัน่ เปนสรณะสงู สดุผูอาศัยสรณะนี้ ยอ มพนจากทกุ ขทงั้ ปวง ดงั นี้.อกี อยางหนงึ่ พึงทราบอานิสงั สผลของสรณคมนนั้น แมดวยสามารถความไมเ ขา ไปยดึ โดยความเปนของเท่ยี งเปน ตน. สมจรงิ ดังที่
พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 332ตรสั ไวว า ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย มใิ ชฐานะ มใิ ชโ อกาสทบี่ คุ คลผสู มบูรณดวยทิฏฐิจะพงึ เขายึดสังขารอะไร ๆ วาเท่ียง วา เปน สุข เขา ถงึ ธรรมอะไร ๆ วา เปนตัวตน ฆาแม ฆา พอ ฆา พระอรหนั ต คิดรา ยทําพระ-ตถาคตถงึ หอเลือด ทําลายสงฆ อุทิศศาสดาอ่นื นนั่ มใิ ชฐานะท่จี ะมีได.แตท้ังภวสมบัติ ทง้ั โภคสมบตั ิ ก็เปน ผลของสรณคมนท ีเ่ ปน โลกิยะนน่ั เอง.สมจรงิ ดังท่ตี รัสไวว า เยเกจิ พทุ ฺธ สรณ คตาเส น เต คมิสสฺ นฺติ อปายภูมึ ปหาย มานุส เทห เทวกาย ปรปิ ูเรสสฺ นฺติ ชนเหลา ใดเหลา หนึง่ ถงึ พระพทุ ธเจา เปนสรณะ ชนเหลานัน้ จักไมไปสอู บายภูมิ เขาละกายมนษุ ย แลว จักทํากายเทพใหบรบิ ูรณ ดงั นี้. ทา นกลาวไวอ ีกอยางหนึ่งวา ครัง้ นัน้ แล ทา วสักกะจอมเทพ พรอ มดว ยเทวดา ๘๔,๐๐๐ เขาไปหาทานมหาโมคคลั ลานะถึงท่อี ยู ฯลฯทา นมหาโมคคลั ลานะไดกลาวคาํ น้กี ะทาวสักกะจอมเทพ ผูย นื อยู ณ ทอ่ี ันสมควรวา ดกู อ นจอมเทพ การถงึ พระพุทธเจาเปนสรณะ มปี ระโยชนจริง ดกู อ นจอมเทพ เพราะเหตทุ ่ีถึงพระพทุ ธเจา เปน สรณะนน่ั แหละสตั วบางพวกในโลกนี้ เม่อื แตกกายตายไป ยอ มเขา ถงึ สุคติโลกสวรรคเขาท้ังหลายยอมเหนอื เทวดาอน่ื ๆ โดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุทพิ ยวรรณะทพิ ย สขุ ยศ อธิปไตยทิพย รปู เสียง กลนิ่ รส และโผฏฐัพพะ อนั เปน ทิพย. ในพระธรรมและพระสงฆกน็ ัยนี.้ อีกอยา งหน่งึ พงึ ทราบผลวเิ ศษแหง สรณคมน แมด วยอาํ นาจเวลามสูตรเปนตน
พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 333ผลแหง สรณคมนพ งึ ทราบอยางน้.ี แลในสรณคมน ๒ อยางนน้ั สรณคมนทเ่ี ปนโลกยิ ะ ยอ มเศรา หมองดวยไมรู สงสัย และรผู ดิ เปน ตน ในพระ-รัตนตรัย ยอมไมม ผี ลรงุ โรจน ไมมผี ลแผไพศาล. สรณคมนท ่เี ปนโลกุตระไมมีเศราหมอง. อน่ึง สรณคมนที่เปน โลกยิ ะ มี ๒ ชนดิ คอืชนดิ มโี ทษ ๑ ชนิดไมมโี ทษ ๑. ใน ๒ ชนดิ นนั้ ชนิดมีโทษยอมมไี ดดวยการมอบถวายตนในศาสดาอืน่ เปนตน ชนิดนน้ั มผี ลไมน าปรารถนา.ชนดิ ไมมีโทษ ยอมมีไดดวยกาลกิรยิ า [ตาย] ชนดิ น้ันไมม ีผลเพราะไมม วี บิ าก. สวนสรณคมนท ี่เปน โลกุตระไมม ีขาดเลยทเี ดยี ว. ดวยวาแมในระหวา งภพ พระอรยิ สาวกก็ไมอ ุทศิ ศาสดาอ่นื พงึ ทราบความเศราหมอง และความขาดแหงสรณคมนอยางน้ี ดว ยประการฉะนี.้ บทวา อปุ าสก ม ภว โคตโม ธารตุ ความวา ขอทา นพระโคดมผเู จรญิ จงทรงจาํ คือจงทรงทราบขาพระองคอ ยางนีว้ า ผนู ี้เปนอบุ าสก ดงั น้.ี เพือ่ ความเปนผฉู ลาดในเรอื่ งของอบุ าสก พึงทราบขอเบ็ดเตลด็ ในที่นดี้ งั นว้ี า อุบาสกคอื ใคร เหตไุ รจึงเรียกอบุ าสก อบุ าสกมีศลี เทาไร มีอาชีวะอยา งไร มวี ิบตั อิ ยา งไร มสี มบัตอิ ยา งไร. บรรดาบทเหลานั้น บทวา โก อปุ าสโก ไดแก คฤหัสถบ างคนท่ถี งึ สรณะสาม. สมจรงิดังท่ีตรัสไวว า ดูกอ นมหานามะ บุคคลเปน อุบาสกดว ยเหตุใดแล บุคคลเปนผูถ งึ พระพทุ ธเจาเปนสรณะ ถึงพระธรรมเปนสรณะ ถงึ พระสงฆเปน สรณะ ดูกอนมหานามะ บคุ คลยอ มเปน อุบาสกดวยเหตุเพยี งนี้แล.ถามวา เหตุไรจึงเรียกอุบาสก แกวา เรยี กวา อบุ าสก เพราะนั่งใกลพระรัตนตรยั คอื เรยี กเขาวา อุบาสก เพราะน่งั ใกลพระพุทธเจา เรียกวา อุบาสก เพราะน่งั ใกลพระธรรม พระสงฆ. ถามวา อุบาสกมีศลี
พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 334เทา ไร แกว า มีเจตนาเครือ่ งงดเวน บาป ๕ ขอ . อยา งทตี่ รสั วา ดูกอ นมหานามะ ดวยเหตใุ ดแล อุบาสกเปนผงู ดเวนจากปาณาติบาต เปนผูงดเวน จากอทินนาทาน จากกาเมสมุ ิจฉาจาร จากมุสาวาท จากการดม่ื นา้ํ เมาคอื สุราและเมรยั อนั เปนทต่ี ั้งแหง ความประมาท ดูกอ นมหานามะ อบุ าสกยอ มมีศลี ดวยเหตุเพยี งนี้แล. ถามวา มอี าชวี ะอยางไร แกวา ละเวนการคา ขายท่ีผดิ ๕ อยา ง เลี้ยงชีพโดยธรรมโดยเหมาะสม. สมจรงิ ดังท่ีตรสั ไววา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย การคาขาย ๕ อยาง อุบาสกไมพึงกระทํา๕ อยา งอะไรบา ง คอื ขายศสั ตรา ขายสตั ว ขายเนอื้ ขายนํา้ เมา ขายยาพิษ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย การคาขาย ๕ อยางเหลา นี้แล อุบาสกไมพงึ กระทํา. ถามวา มวี บิ ัตอิ ยางไร แกว า ศีลวิบตั ิและอาชีววบิ ตั นิ น้ัแหละ เปน วบิ ัตขิ องอบุ าสก. อกี อยา งหนงึ่ กริ ิยาทเ่ี ปนเหตใุ หอบุ าสกน้ีเปนผูต ํ่าชา มัวหมอง เลวทราม แมนนั้ พงึ ทราบวา เปนวิบัตขิ องอุบาสกนัน้ . กริ ยิ าที่วา นัน้ โดยความกค็ อื ธรรม ๕ ประการมคี วามเปนผูไมม ีศรัทธาเปน ตน . เหมือนอยา งทต่ี รัสวา ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อบุ าสกประกอบดว ยธรรม ๕ ประการ ยอ มเปน อุบาสกตา่ํ ชา เปนอบุ าสกมวัหมอง เปนอบุ าสกเลวทราม ธรรม ๕ ประการอะไรบาง คอื เปนผูไมม ีศรทั ธา ๑ ทุศลี ๑ ถอื มงคลตน่ื ขา ว คดิ เชือ่ มงคล ไมเช่อื กรรม ๑แสวงหาเขตบญุ นอกพทุ ธศาสนา ๑ ไมบําเพ็ญบุญแตใ นพทุ ธศาสนา ๑ดงั น้ี . ถามวา มสี มบัตอิ ยา งไร. แกวา ศีลสมบตั ิและอาชีวสมบัติน่ันแหละ เปน สมบตั ขิ องอุบาสก ธรรม ๕ ประการ มีศรทั ธาเปน ตนทาํ อบุ าสกนนั้ ใหเปน อบุ าสกแกวเปน ตน . เหมอื นอยางทต่ี รสั วา ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย อุบาสกประกอบดว ยธรรม ๕ ประการ ยอมเปน อบุ าสก
พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 335แกว อุบาสกปทมุ และอบุ าสกบุณฑรกิ ธรรม ๕ ประการ อะไรบา งคือเปนผมู ีศรัทธา ๑ มศี ลี บรสิ ทุ ธ์ิ ๑ ไมถอื มงคลตนื่ ขาว คอื เชอื่ กรรมไมเชอื่ มงคล ๑ ไมแ สวงหาเขตบุญนอกพทุ ธศาสนา ๑ บาํ เพ็ญบญุ แตใ นพุทธศาสนา ๑ ดังน้ี. อคคฺ ศัพท ในบทวา อชฺชตคเฺ ค นี้ ยอ มปรากฏในความวา(แปลวา) เปนตน ปลาย สว น และประเสรฐิ ทส่ี ุด. ปรากฏในความวา เปนตน ในประโยคเปนตน วา แนะนายประตเู พอ่ื นรกั ตั้งแตว นั น้ีเปน ตนไป ทา นจงกันประตพู วกนคิ รนถ ชายหญิง ดังนี้. ในความวาปลาย ในประโยคเปนตนวา พึงเอาปลายนิ้วนั่นแหละจดปลายนวิ้ ปลายออย ปลายไผ ดงั นี้ . ในความวา สว น ในประโยคเปนตน วา ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เราอนุญาตใหแบง สวนของมรี สเปรย้ี ว หรือสวนน้ําผ้ึง ตามสว นของวิหาร หรือตามสว นของบรเิ วณ ดงั นี้. ในความวา ประเสรฐิ ท่สี ดุในประโยคเปน ตน วา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย สัตวเหลาใดไมมีเทา ก็ตาม ฯลฯบรรดาสัตวเหลานัน้ เรากลา วพระตถาคต วาประเสรฐิ ท่สี ดุ ดงั น.้ี กใ็ นทนี่ ้ีอคฺค ศพั ทน ี้ พงึ เห็นในความวา เปนตน . ฉะนนั้ ในบทวา อชฺช-ตคเฺ ค น้ี พึงเห็นความอยางน้ีวา ทาํ วนั นี้ใหเปน ตน ( ตง้ั ตน แตวนั นี้เปนตน ไป) บทวา อชฺชต แปลวา ความเปน วันน.ี้ ปาฐะวาอชฺชทคเฺ ค ดงั น้กี ็ม.ี ท อักษรทาํ หนา ที่เช่อื มบท. ความวา ทําวนั นใ้ี หเปน ตน . บทวา ปาณุเปต ความวา เขาถงึ ดวยลมปราณท้งั หลาย คือเขาถึงชัว่ เวลาที่ชีวติ ของขาพระองคย งั เปนไปอยู. ขอทา นพระโคดมผเู จริญจงทรงจํา คือทรงทราบขา พระองคว า ไมมีศาสดาอ่ืน เปน อุบาสกผถู ึง
พระสตุ ตันตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 336สรณะดว ยไตรสรณคมน เปนกปั ปย การก ถาแมจะมีใครเอาดาบคมกรบิมาตัดศีรษะของขาพระองค ขาพระองคก ็จะไมยอมกลาวพระพทุ ธเจา วาไมใชพ ระพุทธเจา พระธรรมวา ไมใ ชพ ระธรรม หรือพระสงฆว า ไมใชพระสงฆ พราหมณ (ไมปรากฏนาม) ถึงสรณะดวยการมอบถวายตนอยางนี้. ดว ยประการฉะน้ี ปวารณาดว ยปจจัย ๔ แลวลกุ จากอาสะ ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจา กระทาํ ประทักษิณ รอบแลวหลีกไป แล. จบอรรถกถาสตู รที่ ๖ สตู รที่ ๗ วา ดว ยเหตปุ จจยั ใหส ตั วต ายแลว เขา ถึงทุคตแิ ละสคุ ติ [๒๖๓] ๑๗. ครัง้ ในแล พราหมณชานุสโสณีเขา ไปเฝาพระผูม ี-พระภาคเจา ถึงที่ประทบั ไดปราศรยั กับพระผูมพี ระภาคเจา ครนั้ ผานการปราศรยั พอใหระลกึ ถึงกนั ไปแลว จึงนง่ั ณ ทค่ี วรสว นขา งหนง่ึ ครั้นแลวไดทูลถามพระผมู พี ระภาคเจา วา ขา แตพระโคดมผเู จริญ อะไรหนอเปนเหตุ เปน ปจจยั ใหสตั วบางพวกในโลกน้ี เม่ือแตกกายตายไปยอมเขา ถึงอบาย ทุคติ วนิ บิ าต นรก พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสตอบวาดกู อนพราหมณ เพราะการทาํ ดวย เพราะไมก ระทาํ ดว ย สัตวบ างพวกในโลกน้ี เมื่อแตกกายตายไป จึงเขา ถึงอบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต. นรก. ชา. ขา แตพ ระโคดมผูเจริญ ก็อะไรเปนเหตุ เปนปจจัย ใหส ตั วบางพวกในโลกนี้ เม่อื แตกกายตายไป เขาถงึ สุคตโิ สกสวรรค. พ. ดกู อ นพราหมณ เพราะกระทาํ ดวย เพราะไมกระทําดว ยสตั วบางพวกในโลกน้ี เมื่อแตกกายตายไป ยอ มเขา ถงึ สุคตโิ ลกสวรรค.
พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 337 ชา. ขาพระองคย อมไมร ทู ่วั ถงึ เน้อื ความแหง ภาษติ ทท่ี านพระ-โคดมตรสั แลว โดยยอไดโ ดยพิสดาร ขอประทานวโรกาส ขอทา นพระ-โคดมจงทรงแสดงธรรม โดยทขี่ า พระองคจะพึงรูทัว่ ถงึ เนื้อความแหงภาษิตที่ทา นพระโคดมตรัสแลวโดยยอ ไดโ ดยพิสดารเถดิ . พ. ดกู อนพราหมณ ถา เชน นัน้ ทา นจงฟง จงตัง้ ใจใหดี เราจกั กลา ว พราหมณชานุสโสณีไดท ลู สนองพระดาํ รัสของพระผูม พี ระภาคเจาแลว พระผูมีพระภาคเจาไดต รสั พระพทุ ธวจนะดังนว้ี า ดกู อนพราหมณบคุ คลบางคนในโลกนี้ ยอ มทําแตก ายทุจรติ มิไดท ํากายสจุ รติ ยอมทาํ แตวจีทุจริต มไิ ดท ําวจีสุจรติ ยอ มทาํ แตมโนทุจริต มิไดทาํ มโนสจุ ริต ดูกอ นพราหมณ เพราะกระทาํ ดว ย เพราะไมการทําดวย สัตวบางพวกในโลกนี้เม่อื แตกกายตายไป ยอ มเขา ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก ดกู อ นพราหมณสว นบคุ คลบางคนในโลกนี้ ยอ มทําแตกายสจุ รติ มิไดท าํ กายทุจริต ยอ มทําแตวจีสุจริต มไิ ดทาํ วจีทุจริต ยอ มทาํ แตม โนสุจริต มไิ ดท าํ มโนทุจรติดกู อ นพราหมณ เพราะกระทาํ ดว ย เพราะไมก ระทาํ ดวย สัตวบางพวกในโลกนี้ เม่ือแตกกายตายไป ยอ มเขาถึงสคุ ติโลกสวรรค. ชา. ขา แตพระโคดมผูเจรญิ ภาษิตของพระองคแจม แจง นกั ขา แตพระโคดมผูเจรญิ ภาษิตของพระองคแจม แจง นกั ทานพระโคดมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปรยิ าย เปรยี บเหมอื นบคุ คลหงายของท่ีคว่าํ เปดของท่ีปด บอกทางแกผหู ลงทาง หรือสองประทปี ในทม่ี ืดดวยต้ังใจวาคนมีจักษุจักเห็นรูปฉะนนั้ ขา พระองคน ีข้ อถึงทา นพระโคดม กบั ทั้งพระ-ธรรมและภกิ ษสุ งฆเปนสรณะ ขอทา นพระโคดมจงทรงจาํ ขา พระองควาเปนอุบาสกผถู งึ สรณะตลอดชีวิตต้ังแตว ันน้เี ปน ตนไป. จบสูตรท่ี ๗
พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 338 อรรถกถาสตู รที่ ๗ ในสตู รท่ี ๗ มวี ินิจฉัยดงั ตอไปนี.้ คําวา ช๑าณุสโฺ สณี ในบทวา ชาณุสโฺ สณี นี้ เปนตาํ แหนงตาํ แหนงอะไร. ตระกูลใด ไดตาํ แหนง ตระกลู นน้ั ทานเรียกวาตระกูลชาณุสโสณี (ตระกลู ท่เี ปน เหตใุ หไดต ําแหนง นั้น ทา นเรียกวาตระกูลชาณสุ โสณ)ี . ดวยวา พราหมณน ี้ เรยี กกนั วา ชาณสุ โสณี เพราะเกดิ ในตระกลู น้นั และเพราะไดสักการะตาํ แหนงชาณสุ โสณีแตร าชสาํ นกั .บทวา เตนุปสงกฺ มิ ความวา พราหมณทราบมาวา พระสมณโคดมเปน บัณฑิต เปน ผเู ฉยี บแหลม เปนพหสู ูต คิดวา ถาพระสมณโคดมนน้ัจกั รูประเภทลงิ ค วภิ ตั ติ และ การกเปนตน ไซร พระองคจักรสู ่ิงทพี่ วกเรารเู ทานน้ั หรอื วาสิ่งท่พี วกเราไมรูพ ระองคก ็รู พระองคจักตรสั สิ่งที่พวกเรารเู ทานั้น หรือวา สง่ิ ที่พวกเราไมร ู พระองคก ต็ รสั เขาถอื ธงคอืมานะชูข้นึ ทันที แวดลอ มไปดวยบรวิ ารเปนอันมาก เขา ไปเฝาพระผูม -ีพระภาคเจา ถงึ ท่ปี ระทบั . บทวา กตฺตา จ พฺราหฺมณ อกตตาฺ จ ความวา พระ-ศาสดาทรงสดับคาํ ของพราหมณนัน้ แลว มีพระดําริวา พราหมณน ้มี าในท่นี ้ี มใิ ชประสงคจ ะรู แตมาเพือ่ แสวงหาเนอ้ื ความ จงึ ไดถ อื ธงคอื มานะชูข้ึนทันทีท่มี า จะมีอะไรหนอ เมอ่ื เราบอกโดยวิธีท่ีพราหมณน ี้จะรทู ่วั ถึงเนื้อความของปญหา จกั มคี วามเจรญิ หรือวา บอกโดยวิธที ี่พราหมณยังไมร ทู วั่ ถงึ จึงจกั มคี วามเจริญ ทรงทราบวา บอกโดยวธิ ที ่ีพราหมณไ มรู จกั มคี วามเจรญิ จึงตรสั วา กตตฺตา จ พฺราหฺมณอกตตฺตา จ ดงั น้.ี พราหมณไ ดฟ งดงั น้ันแลว คิดวา พระสมณโคดม๑. บาลี ชานุสโฺ สณี.
พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 339ตรัสถงึ การบังเกิดในนรก เพราะทาํ กม็ ี เพราะไมท าํ ก็มี ขอนร้ี ไู ดย ากมดื ต้ือ เพราะตรัสถึงการบงั เกดิ ในทีแ่ หง เดยี ว ดว ยเหตุถึงสองอยาง เราไมมีทพ่ี ง่ึ ในเร่อื งน้ี แตถาเราจะนงิ่ เสียเลย ถงึ เวลาพูดในทา มกลางพวกพราหมณ พราหมณท้งั หลายจะพึงกลา วกะเราอยางน้วี า ทานยกธงคอืมานะชูขนึ้ ทันทีทีม่ าในสาํ นักของพระสมณโคดม ถูกเขา คาํ เดียวเทานั้นก็นิง่ เงยี บ พดู อะไรไมอ อก ทา นจะพูดในท่นี ้ที าํ ไม ฉะนน้ั กต็ อ งทาํ เปนไมแ พ จักถามปญหาในการไปสวรรคอีก จงึ เริ่มปญ หาทส่ี องวา กึ ปนโภ โคตม ดังนี้. อนึง่ พราหมณน ้นั ไดมคี วามคิดอยา งนี้วา เราจกั รูปญหาเบื้องลางดว ยปญ หาเบื้องบน จักรปู ญ หาเบือ้ งบนดว ยปญ หาเบ้อื งลาง.ฉะน้ัน พราหมณจึงถามปญหานี.้ พระศาสดามีพระดํารโิ ดยนยั กอนนนั่เอง เม่ือจะตรัสโดยวิธีท่พี ราหมณไมร ู จึงตรัสวา กตตตฺ า จ พฺราหฺมณอกตตตฺ า จ ดงั น้ีอีก. เมอ่ื พราหมณไมอ าจจะดํารงอยูในเร่ืองนั้นไดจึงตกลงใจวา เร่อื งนั้นจงยกกไ็ ว คนทม่ี าสาํ นกั ของคนขนาดน้ี ควรจะรูเ รือ่ งแลว ไป เราจกั ละวาทะของตน อนวุ ัตรตามพระสมณโคดม แสวงหาประโยชน จักชาํ ระทางไปสปู รโลก เม่อื จะอาราธนาพระศาสดา จงึ กลา วคาํ เปน ตนวา น โข อห ดงั น้ี. ลาํ ดับนั้น พระศาสดาทรงทราบวาพราหมณล ดมานะลงแลว เมื่อจะทรงขยายเทศนาใหส ูงข้นึ จงตรัสวาเตนหิ พฺราหมฺ ณ เปน ตน . บรรดาบทเหลานั้น บทวา เตนหิ แสดงถึงเหตุ. อธบิ ายวา เพราะพราหมณน ั้น เมื่อไมร ูเ นือ้ ความของพระดํารสั ที่ตรสั โดยยอ จงึ อาราธนาใหแสดงโดยพิสดาร. ฉะน้นั คาํ ทเี่ หลอื ในทีน่ ้ีงา ยทัง้ น้ันแล. จบอรรถากถาสูตรท่ี ๗
พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 340 สูตรท่ี ๘ทุจรติ ๓ เปนกิจทไี่ มค วรทาํ โดยสวนเดียว เพราะมีโทษ ๕ ประการสจุ รติ ๓ เปน กจิ ท่คี วรทาํ โดยสว นเดียว เพราะมอี านิสงห ๕ ประการ [๒๖๔] ๑๘. คร้งั นนั้ แล ทานพระอานนทเขาไปเฝา พระผูม-ีพระภาคเจาถงึ ทีป่ ระทบั ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลว จงึ นง่ั ณ ที่ควรสว นขางหนง่ึ ครัน้ แลวพระผูม พี ระภาคเจา ไดต รสั กะทานพระอานนทวา ดกู อ นอานนท เรากลา วกายทจุ ริต วจีทุจรติ มโนทุจรติ วา เปน กิจไมค วรทาํ โดยสวนเดียว ทา นพระอานนททูลถามวา ขาแตพ ระองคผ ูเจรญิเม่ือบุคคลทาํ กายทุจรติ วจที ุจรติ มโนทุจริต ที่พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวาเปนกจิ ไมค วรทําโดยสวนเดยี ว โทษอะไรอันผนู น้ั พงึ หวังได. พ. ดูกอนอานนท เมอื่ บคุ คลทํากายทุจริต วจที ุจริต มโนทุจรติท่ีเรากลาววา เปน กิจไมค วรทําโดยสวนเดียว โทษอยา งน้ีอันผูนน้ั พึงหวังไดคือ ๑. แมตนก็ตเิ ตยี นตนเองได ๒. ผรู ใู ครครวญแลว ยอ มติเตียนได๓. กติ ตศิ ัพทช ว่ั ยอ มกระฉอนไป ๔. เปนคนหลงทํากาละ ๕. เมือ่แตกกายตายไป ยอมเขาถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ ิบาต นรก. ดูกอ นอานนท เมือ่ บคุ คลทาํ กายทจุ ริต วจีทุจริต มโนทจุ ริต ที่เรากลาววาเปน กิจไมควรทําโดยสวนเดียว โทษอยา งนอ้ี นั ผูนั้นพึงหวังไดดกู อ นอานนท เรากลา วกายสจุ ริต วจสี ุจริต มโนสจุ รติ วาเปนกจิควรทําโดยสวนเดียว. อา. ขาแดพ ระองคผูเจริญ เม่ือบคุ คลทาํ กายสุจรติ วจีสจุ ริตมโนสุจรติ ทพ่ี ระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา เปนกิจควรทาํ โดยสวนเดยี ว
พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 341อานสิ งสอะไรอนั ผนู ั้นพงึ หวงั ได. พ. ดูกอนอานนท เมอื่ บคุ คลทํากายสจุ ริต วจีสจุ รติ มโนสจุ รติที่เรากลาววาเปนกจิ ควรทําโดยสว นเดยี ว อานิสงสอยางน้ีอันผนู ้ันพึงหวังไดคือ ๑. แมตนกต็ ิเตียนตนเองไมได ๒. ผรู ใู ครค รวญแลวสรรเสริญ๓. กิตติศพั ทอ นั ดยี อ มกระฉอนไป ๔. ไมเปนคนหลงทํากาละ ๕. เม่ือแตกกายตายไป ยอ มเขาถงึ สุคติโลกสวรรค. ดูกอนอานนท เม่ือบคุ คลทํากายสจุ ริต วจีสจุ รติ มโนสจุ ริต ท่ีเรากลาววาเปนกิจควรทําโดยสวนเดยี ว อานิสงสอยางน้ีอันผูน ้ันพึงหวงั ได. จบสตู รที่ ๘ อรรถกถาสูตรท่ี ๘ ในสูตรที่ ๘ มวี ินิจฉยั ดังตอ ไปนี้. คําวา อายสมฺ า เปน คําแสดงความรัก. คําวา อานนโฺ ท เปนชอื่ ของพระเถระนน้ั . บทวา เอก เสน แปลวา โดยสว นเดียว. บทวาอนวุ ิจจฺ แปลวา ใครค รวญแลว. บทวา วิฺู ไดแก บัณฑิตบทวา ครหนตฺ ิ แปลวา ตําหนิ คอื กลา วโทษ. คําท่ีเหลอื ในท่ีนี้งายทง้ั นน้ั . จบอรรถกถาสตู รท่ี ๘ สูตรที่ ๙ วา ดว ยจงละอกุศล เจริญกศุ ล [๒๖๕] ๑๙. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย เธอทงั้ หลายจงละอกศุ ล
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 342กศุ ลอนั บุคคลอาจละได ถาบคุ คลไมอ าจละอกศุ ลได เราไมพ งึ กลาวอยางนีว้ า ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย เธอทั้งหลายจงละอกศุ ล ดงั นี้ ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ก็เพราะอกศุ ลอนั บคุ คลอาจละได ฉะน้ัน เราจงึ กลา วอยา งน้ีวา ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เธอทงั้ หลายจงละกุศล ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ถาอกศุ ลนอ้ี ันบคุ คลละไดแลว จะพงึ เปนไปเพ่อื ไมเ ปนประโยชนเพื่อทุกขไ ซร เราไมพึงกลา วอยางนี้วา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอทงั้ หลายจงละอกศุ ล ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย กเ็ พราะอกุศลอันบุคคลละไดแ ลว ยอ มเปน ไปเพ่ือประโยชน เพ่ือความสุข ฉะน้ัน เราจึงกลาวอยา งนวี้ าดกู อนภิกษุทั้งหลาย เธอทัง้ หลายจงยงั กุศลใหเกิด ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลายกศุ ลอันบุคคลอาจใหเ กดิ ได ถา บคุ คลไมอ าจใหเกดิ ได เราไมพงึ กลาวอยา งน้ีวา ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย เธอทง้ั หลายจงยงั กศุ ลใหเ กิด ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย เพราะกศุ ลอนั บคุ คลอาจใหเกิดได ฉะน้นั เราจึงกลาวอยางน้วี า ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เธอทงั้ หลายจงยังกุศลใหเ กดิ ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ถากุศลน้ีอนั บคุ คลใหเกดิ แลว จะพึงเปนไปเพ่อื ไมเปนประโยชน เพ่ือทกุ ขไซร เราไมพ ึงกลา วอยางน้ี ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลายเธอท้งั หลายจงยังกุศลใหเกดิ ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย กเ็ พราะกศุ ลอันบุคคลใหเกดิ แลว ยอมเปนไปเพ่อื ประโยชน เพอื่ ความสขุ ฉะนั้น เราจงึ กลาวอยา งน้ีวา ภิกษุทงั้ หลาย เธอท้ังหลายจงยงั กุศลใหเกิด. จบสตู รที่ ๙ อรรถกถาสูตรที่ ๙ คาํ ทง้ั หมดในสูตรท่ี ๙ งา ยทงั้ น้ัน. จบอรรถกถาสูตรที่ ๙
พระสุตตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 343 สูตรที่ ๑๐ วาดว ยธรรม ๒ อยา งท่เี ปน เหตใุ หพ ระสัทธรรมเลือนหาย และต้งั มน่ั [๒๖๖] ๒๐. ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ธรรม ๒ อยา งน้ี ยอ มเปนไปเพอื่ ความฟนเฟอนเลือนหายแหง พระสัทธรรม ๒ อยางเปนไฉน คือบทพยัญชนะทตี่ ้ังไวไ มด ี ๑ อรรถที่นาํ มาไมด ี. แมเ น้ือความแหงบทพยญั ชนะที่ตงั้ ไวไมด ี ก็ยอ มเปน อนั นาํ มาไมด ี ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ธรรม๒ อยา งน้ีแล ยอมเปนไปเพื่อความฟน เฟอนเลอื นหายแหงพระสทั ธรรมดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ธรรม ๒ อยางนี้ ยอ มเปน ไปเพอื่ ความตั้งม่นั ไมฟน เฟอ นไมเ ลอื นหายแหง พระสัทธรรม ๒ อยา งเปนไฉน คือบทพยญั ชนะที่ต้ังไวด ี ๑ อรรถที่นาํ มาดี ๑ แมเน้ือความแหงบทพยญั ชนะที่ต้งั ไวดีแลว กย็ อมเปนอนั นํามาดี ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อยางน้แี ลยอ มเปน ไปเพ่อื ความตงั้ มั่น ไมฟน เฟอน ไมเ ลอื นหายแหง พระสัทธรรม. จบสตู รท่ี ๑๐ จบอธกิ รณวรรคที่ ๒ อรรถกถาสูตรที่ ๑๐ ในสูตรที่ ๑๐ มีวนิ ิจฉยั ดงั ตอไปน้ี. บทวา ทนุ ฺนกิ ฺขติ ตฺ ฺจ ปทพฺยชฺ น ไดแก บาลีทีเ่ รียงไวผ ดิ ลําดบัก็บทนัน่ แหละ เรียกวา พยญั ชนะ เพราะเปนทีป่ รากฏชดั แหง ขอ ความ.บทและพยญั ชนะทง้ั สองน้นั เปน ช่อื ของบาลีน่งั เอง. บทวา อตฺโถ จทุนนฺ ีโต ความวา อรรถกถาแหง บาลที แ่ี ปลจบั ความผดิ ลําดับ . บทวาทนุ ฺนกิ ฺขิตสฺส ภิกฺขเว ปทพฺยชฺ นสสฺ อตฺโถป ทุนนฺ โย โหติ
พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 344ความวา อรรถกถาของบาลที แี่ ปลจับความผดิ ลําดับสบั สน ยอมช่อื วานํามาชัว่ ทําช่ัว. จบอรรถกถาท่ี ๑๐ อรรถกถา๑สูตรที่ ๑๑ ในสูตรท่ี ๑๑ พึงทราบเนอ้ื ความโดยนัยตรงกนั ขามกบั ทก่ี ลา วแลว จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๑ จบอธกิ รณวรรคที่ ๒๑. ในพระบาลมี เี พยี ง ๑๐ สูตร สตู รที่ ๑๑ รวมอยูใ นขอ ๒๖๖ ซง่ึ เปน สตู รท่ี ๑๐.
พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 345 พาลวรรคท่ี ๓ สูตรท่ี ๑ วา ดวยคนพาล ๒ จาํ พวก [๒๗๖] ๒๑. ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย คนพาล ๒ จําพวก ๒จาํ พวกเปนไฉน คอื คนท่ไี มเห็นโทษโดยความเปนโทษ ๑ คนทีไ่ มร ับรองตามธรรม เมอ่ื ผูอน่ื แสดงโทษ ๑ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย คนพาล ๒จําพวกนี้แล ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย บณั ฑติ ๒ จาํ พวก ๒ จาํ พวกเปนไฉน คือ คนท่เี ห็นโทษโดยความเปนโทษ ๑ คนทร่ี บั รองตามธรรมเมือ่ ผูอืน่ แสดงโทษ ๑ ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย บณั ฑติ ๒ จาํ พวกนแี้ ล. จบสตู รที่ ๑ พาลวรรคท่ี ๓ อรรถกถาสตู รที่ ๑ พาลวรรคที่ ๓ สูตรที่ ๑ มวี นิ ิจฉัยดงั ตอไปน้ี. บทวา อจฺจย อจฺจยโต น ปสฺสติ ความวา ทาํ ผิดแลว ไมเห็นความผิดของตนวา เราทําผิด ไดแ ก ไมกลาววา ขา พเจา ทาํ ผดิ แลวนําทัณฑกรรมมาขอขมาโทษ. บทวา อจฺจย เทเสนตฺ สฺส ความวาเมอ่ื เขากลา วอยา งนแ้ี ลวนาํ ทัณฑกรรมมาขอขมาโทษ. บทวา ยถาธมฺมน ปฏิคคฺ ณหฺ าติ ความวา เม่ือเขากลาววา ขาพเจาจกั ไมก ระทาํ อยา งน้ี
พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 346อีก ขอทานโปรดยกโทษแกข า พเจา ดงั นี้ ก็ไมย อมรับการขอขมาน้ีตามธรรม คอื ตามสมควร คือไมกลา ววา จาํ เดิมแตน ้ี ทานอยา ไดทาํ อยางนี้อีก เรายกโทษแกท า น ดงั น้.ี ธรรมฝายขาวพึงทราบโดยนัยตรงกันขามกับท่ีกลาวแลว . จบอรรถกถาสูตรที่ ๑ สูตรที่ ๒ วาดว ยคน ๒ จาํ พวก กลาวตูพระตถาคต [๒๖๘] ๒๒. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย คน ๒ จาํ พวกนย้ี อมกลา วตูตถาคต ๒ จาํ พวกเปน ไฉน คือ คนเจา โทสะซ่ึงมีโทษอยูภายใน ๑ คนท่ีเชอื่ โดยถอื ผิด ๑ ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย คน ๒ จาํ พวกน้ี ยอมกลาวตูตถาคต. จบสตู รที่ ๒ อรรถกถาสตู รท่ี ๒ ในสตู รที่ ๒ มวี นิ จิ ฉัยดงั ตอไปนี.้ บทวา อพภฺ าจิกขฺ นตฺ ิ ไดแก กลาวตู คือกลาวดว ยเร่อื งไมจ ริงบทวา โทสนฺตโร แปลวา มโี ทสะตัง้ อยใู นภายใน. จรงิ อยู คนแบบน้ียอ มกลาวตูพระตถาคต เชน สุนกั ขตั ตลจิ ฉวี กลา ววา อตุ ตรมิ นุสสธรรมของพระสมณโคดมหามไี ม. บทวา สทฺโธ วา ทุคคฺ หเิ ตน ความวาหรอื วา ผทู ่มี ีศรทั ธาแกก ลา ดวยศรทั ธาทีเ่ วน จากญาณ มคี วามเลอื่ มใสออ นนน้ั ถือผิด ๆ กลา วตูพ ระตถาคตโดยนยั เปน ตน วา ข้นึ ช่ือวาพระพุทธเจา น้ัน เปนโลกตุ ระท้งั พระองค พระอาการ ๓๒ มีพระเกสา
พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 347เปนตน ของพระองคลวนเปนโลกตุ ระท้งั นนั้ ดังน.้ี จบอรรถกถาสตู รท่ี ๒ สตู รท่ี ๓ วาดวยคน ๒ จําพวกที่กลา วตแู ละไมกลาวตูพระตถาคต [๒๖๙] ๒๓. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย คน ๒ จาํ พวกนี้ ยอมกลาวตูตถาคต ๒ จําพวกเปน ไฉน คือ คนท่ีแสดงสงิ่ ท่ตี ถาคตมิไดภ าษิตไวมิไดตรสั ไววา ตถาคตไดภ าษิตไว ไดตรัสไว ๑ คนท่แี สดงสิง่ ท่ตี ถาคตภาษิตไว ตรสั ไววา ตถาคตมิไดภ าษิตไว มิไดต รัสไว ๑ ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย คน ๒ จําพวกน้ีแล. ยอมกลาวตตู ถาคต ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลายคน ๒ จําพวกนี้ ยอมไมกลา วตตู ถาคต ๒ จําพวกเปน ไฉน คอื คนท่ีแสดงสงิ่ ท่ีตถาคตมิไดภาษิตไว มไิ ดตรัสไววา ตถาคตมไิ ดภ าษิตไว มไิ ดตรัสไว ๑ คนที่แสดงสิ่งทตี่ ถาคตภาษติ ไว ตรสั ไวว า ตถาคตภาษิตไวตรัสไว ๑ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย คน ๒ จําพวกนแ้ี ล ยอ มไมก ลาวตูตถาคต. จบสตู รท่ี ๓ อรรถกถาสูตรที่ ๓ ในสตู รที่ ๓ งายทงั้ นัน้ แล. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๓
พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 348 สตู รที่ ๔ วา ดวยคน ๒ จาํ พวกท่กี ลา วตแู ละไมก ลาวตพู ระตถาคต [๒๗๐] ๒๔. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย คน ๒ จาํ พวกนี้ ยอ มกลา วตตู ถาคต ๒ จําพวกเปน ไฉน คือ คนท่แี สดงพระสตุ ตนั ตะท่มี อี รรถจะพึงนําไปวา พระสุตตันตะมีอรรถนําไปแลว ๑ คนที่แสดงพระสตุ ตันตะท่ีมอี รรถอันนําไปแลว วา พระสตุ ตันตะมีอรรถที่จะพงึ นาํ ไป ๑ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย คน ๒ จาํ พวกนแี้ ล ยอมกลา วตูต ถาคต ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย คน ๒ จาํ พวกนี้ ยอ มไมกลาวตูตถาคต ๒ จาํ พวกเปน ไฉนคอื คนทแี่ สดงพระสตุ ตันตะท่มี ีอรรถจะพง่ึ นําไปวา พระสตุ ตนั ตะมีอรรถท่ีจะพึงนําไป ๑ คนที่แสดงพระสุตตันตะท่มี อี รรถอนั นําไปแลว วาพระสุตตนั ตะมอี รรถอนั นําไปแลว ๑ ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย คน ๒ จําพวกนแ้ี ล ยอ มไมกลา วตูต ถาคต. จบสตู รท่ี ๔ อรรถกถาสูตรที่ ๔ ในสตู รท่ี ๔ มีวินิจฉัยดงั ตอ ไปน้ี. บทวา เนยฺยตฺถ สตุ ฺตนตฺ ความวา สตุ ตนั ตะใดมเี นอื้ ความพึงแนะนาํ ซึ่งสุตตนั ตะมีเนื้อความพงึ แนะนํานน้ั . บทวา นีตตฺโถสุตตฺ นโฺ ตติ ทเี ปติ ความวา เม่อื กลาววา สุตตนั ตะน้ี มีเนอ้ื ความกลาวไวแ ลว . ในบาลีประเทศน้ัน สตุ ตนั ตะเหน็ ปานนีว้ า ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลายบุคคลจาํ พวก ๑ บคุ คล ๒ จาํ พวก บคุ คล ๓ จําพวก บุคคล ๔ จาํ พวก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 511
Pages: