Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_33

tripitaka_33

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:35

Description: tripitaka_33

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 451วา ควรในของท่คี วร ๑ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย บณั ฑิต ๒ จําพวกนีแ้ ล. จบสูตรท่ี ๔ สูตรที่ ๕ [๓๔๗] ๑๐๑. ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย คนพาล ๒ จําพวกนี้ ๒ จํา-พวกเปนไฉน คอื คนท่เี ขา ใจวาเปนอาบตั ิ ในขอ ที่ไมเปน อาบัติ ๑คนท่ีเขา ใจวา ไมเปน อาบัติในขอ ทเ่ี ปนอาบัติ ๑ ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย คนพาล ๒ จาํ พวกน้แี ล. จบสตู รท่ี ๕ สตู รท่ี ๖ [๓๔๘] ๑๐๒. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย บัณฑติ ๒ จําพวกนี้ ๒ จาํ -พวกเปนไฉน คือ คนท่ีเขา ใจวาไมเปน อาบตั ใิ นขอที่ไมเปน อาบตั ิ ๑ คนที่เขาใจวาเปน อาบตั ใิ นขอทเี่ ปน อาบัติ ๑ ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย บัณฑิต ๒จาํ พวกน้ีแล. จบสูตรที่ ๖ สตู รท่ี ๗ [๓๔๙] ๑๐๓. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย คนพาล ๒ จําพวกน้ี ๒ จาํ -พวกเปนไฉน คือ คนทเ่ี ขา ใจวา เปน ธรรมในของที่ไมเปนธรรม ๑ คนท่เี ขา ใจวา ไมเปน ธรรมในขอทีเ่ ปน ธรรม ๑ ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย คนพาล๒ จําพวกนี้แล. จบสูตรที่ ๗

พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 452 สูตรที่ ๘ [๓๕๐] ๑๐๔. ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย บณั ฑิต ๒ จาํ พวกน้ี ๒ จาํ -พวกเปน ไฉน คือ คนท่ีเขา ใจวาไมเ ปน ธรรมในขอ ทไ่ี มเ ปนธรรม ๑ คนทเี่ ขา ใจวาเปนธรรมในขอ ท่ีเปนธรรม ๑ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย บัณฑติ ๒จาํ พวกนแ้ี ล. จบสตู รท่ี ๘ สูตรที่ ๙ [๓๕๑] ๑๐๕. ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย คนพาล ๒ จาํ พวกน้ี ๒ จํา-พวกเปน ไฉน คือ คนที่เขา ใจวา เปนวินยั ในขอที่ไมเปนวินัย ๑ คนที่เขา ใจวาไมเ ปน วินยั ในขอท่เี ปน วนิ ยั ๑ ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย คนพาล ๒จําพวกน้ีแล. จบสูตรที่ ๙ สูตรท่ี ๑๐ [๓๕๒] ๑๐๖. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย บัณฑติ ๒ จาํ พวกน้ี ๒ จาํ -พวกเปนไฉน คอื คนท่ีเขา ใจวาไมเปนวินัยในขอที่ไมเ ปนวินยั ๑ คนท่ีเขา ใจวาเปน วนิ ัยในขอ ท่เี ปน วินัย ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย บัณฑิต ๒ จํา-พวกนแี้ ล. จบสูตรที่ ๑๐ สูตรที่ ๑๑ [๓๕๓] ๑๐๗. ดูกอนภิกษุท้งั หลาย อาสวะยอมเจริญแกค น ๒จําพวก ๒ จําพวกเปน ไฉน คือ ผทู ร่ี งั เกยี จสง่ิ ที่ไมนารังเกียจ ๑ ผูท่ี

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 453ไมรังเกยี จส่งิ ท่นี า รังเกยี จ ๑ ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย อาสวะยอมเจริญแกค น๒ จําพวกน้แี ล. จบสตู รที่ ๑๑ สูตรท่ี ๑๒ [๓๕๔] ๑๐๘. ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย อาสวะยอ มไมเจริญแกคน ๒จําพวก ๒ จาํ พวกเปนไฉน คือ ผทู ี่ไมร ังเกียจสงิ่ ท่ไี มน า รงั เกียจ ๑ ผูท ่ีรงั เกียจสงิ่ ทน่ี า รงั เกียจ ๑ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย อาสวะยอมไมเจรญิ แกค น๒ จาํ พวกน้ีแล. จบสูตรที่ ๑๒ สูตรท่ี ๑๓ [๓๕๕] ๑๐๙. ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย อาสวะยอ มเจริญแกคน ๒จาํ พวก ๒ จาํ พวกเปนไฉน คอื ผทู เ่ี ขา ใจวาควรในของที่ไมค วร ๑ ผทู ่ีเขา ใจวาไมควรในของที่ควร ๑ ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย อาสวะยอ มเจริญแกค น ๒ จําพวกนี้แล. จบสตู รท่ี ๑๓ สูตรที่ ๑๔ [๓๕๖] ๑๑๐. ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อาสวะยอมไมเ จรญิ แกค น๒ จาํ พวก ๒ จําพวกเปนไฉน คอื ผูที่เขาใจวา ไมค วรในของท่ไี มควร ๑ผทู ีเ่ ขาใจวาควรในของท่ีควร ๑ ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย อาสวะยอมไมเ จริญแกค น ๒ จาํ พวกนแี้ ล. จบสตู รที่ ๑๔

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 454 สตู รท่ี ๑๕ [๓๕๗] ๑๑๑. ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย อาสวะยอ มเจรญิ แกค น ๒จําพวก ๒ จาํ พวกเปน ไฉน คือ ผทู ีเ่ ขา ใจวา เปน อาบตั ใิ นขอ ทไ่ี มเปนอาบตั ิ ๑ ผทู เ่ี ขาใจวา ไมเปนอาบตั ิในขอท่เี ปนอาบัติ ๑ ดกู อนภิกษทุ ง้ัหลาย อาสวะยอมเจรญิ แกคน ๒ จาํ พวกนี้แล. จบสตู รที่ ๑๕ สูตรที่ ๑๖ [๓๕๘] ๑๑๒. ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย อาสวะยอมไมเจรญิ แกคน ๒จาํ พวก ๒ จําพวกเปนไฉน คือ ผูท ีเ่ ขา ใจวาไมเ ปน อาบัติในขอทไี่ มเปนอาบัติ ๑ ผทู ่เี ขาใจวาเปน อาบตั ิในขอที่เปนอาบัติ ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลายอาสวะยอมไมเจรญิ แกคน ๒ จาํ พวกนแ้ี ล. จบสตู รที่ ๑๖ สตู รที่ ๑๗ [๓๕๙] ๑๑๓. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย อาสวะยอมเจรญิ แกคน ๒จาํ พวก ๒ จาํ พวกเปนไฉน คือ ผทู เี่ ขา ใจวา เปนธรรมในขอ ที่ไมเ ปนธรรม ๑ ผูที่เขา ใจวาไมเปนธรรมในขอ ทีเ่ ปนธรรม ๑ ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย อาสวะยอ มเจรญิ แกค น ๒ จําพวกนีแ้ ล. จบสตู รที่ ๑๗ สูตรที่ ๑๘ [๓๖๐] ๑๑๔. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อาสวะยอ มไมเ จรญิ แกค น ๒จําพวก ๒ จําพวกเปน ไฉน คอื ผทู เ่ี ขาใจวาไมเ ปนธรรมในขอ ทไี่ มเ ปน

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 455ธรรม ๑ ผทู เ่ี ขาใจวาเปนธรรมในขอ ทีเ่ ปน ธรรม ๑ ดกู อ นภิกษุท้ังหลายอาสวะยอ มไมเ จรญิ แกคน ๒ จาํ พวกนแ้ี ล. จบสูตรที่ ๑๘ สูตรที่ ๑๙ [๓๖๑] ๑๑๕. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย อาสวะยอ มเจริญแกคน ๒จาํ พวก ๒ จําพวกเปน ไฉน คอื ผูท เ่ี ขาใจวาเปนวินยั ในขอท่ไี มเปนวนิ ยั ๑ ผูทเี่ ขา ใจวา ไมเปน วนิ ยั ในขอทีเ่ ปน วินัย ดูกอนภิกษุท้งั หลายอาสวะยอ มเจรญิ แกคน ๒ จาํ พวกน้ีแล. จบสูตรท่ี ๑๙ สูตรที่ ๒๐ [๓๖๒] ๑๑๖. ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย อาสวะยอ มไมเ จริญแกค น ๒จําพวก ๒ จาํ พวกเปน ไฉน คือ ผทู ี่เขา ใจวา ไมเ ปน วนิ ยั ในขอ ทไ่ี มเ ปนวนิ ยั ๑ ผูท ี่เขา ใจวา เปน วนิ ยั ในขอทเี่ ปนวนิ ยั ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลายอาสวะยอ มไมเ จรญิ แกค น ๒ จําพวกนแ้ี ล. จบสตู รท่ี ๒๐ จบพาลวรรคท่ี ๕ จบทตุ ิยปณ ณาสก

พระสุตตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 456 พาลวรรค๑ที่ ๕ อรรถกถาสูตรท่ี ๑ วรรคท่ี ๕ สูตรท่ี ๑ (ขอ ๓๔๓) มวี นิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน้ี. บทวา อนาคต ภาร วหติ ความวา เปน นวกะ พระเถระมิไดเช้ือเชิญ กก็ ระทาํ ภาระ ๑๐ อยา ง ในพระบาลีนว้ี า ถวายโรงอโุ บสถ ๑ตามประทีป ๑ ต้งั นํ้าดม่ื ๑ ตง้ั อาสนะ ๑ นาํ ฉนั ทะมา ๑ นําปารสิ ุทธิมา ๑ บอกฤดู ๑ นับภกิ ษุ ๑ โอวาท ๑ สวดปาตโิ มกข ๑ ทา นเรียกวา ภาระหนาทข่ี องพระเถระ ดงั นี้ ช่ือวา นาํ พาภาระท่ียังไมม าถงึ . บทวา อาคต ภาร น วหติ ความวา เปนพระเถระอยู ไมกระทาํ ภาระ ๑๐ น้ันแหละดวยตน หรอื ไมชกั ชวนมอบหมายผอู น่ื ช่อื วาไมน ําพาภาระทมี่ าถงึ เขา . จบอรรถกถาสตู รท่ี ๑ อรรถกถาสตู รที่ ๒ แมในสตู รท่ี ๒ (ขอ ๓๔๔) ก็พึงทราบเน้อื ความโดยนัยนแ้ี หละ. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๒ อรรถกถาสตู รท่ี ๓ ในสูตรท่ี ๓ (ขอ ๓๔๕) มีวนิ จิ ฉยั ดังตอไปน.้ี บทวา อกปฺปเย กปฺยิยสฺี ไดแก ผมู ีความสาํ คัญในสิ่งทเี่ ปนอกัปปยะ คอื เนื้อราชสหี เปน ตน อยางนี้วา น้เี ปนกัปปยะ.๑. วรรคนี้มี ๒๐ สตู ร แตอรรถกถาแกไวเ พียง ๑๖ สูตร จึงลงเลขขอสูตรกํากับไว.

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 457 บทวา กปฺปเย อกปปฺ ยสฺี ไดแ ก ผูมคี วามสําคญั ในสิง่ ที่เปนกปั ปยะ มเี นอ้ื จระเข และเน้อื แมวเปน ตน อยา งนวี้ า น่ีเปน อกปั ปยะ. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๓ อรรถกถาสตู รที่ ๔ ในสูตรท่ี ๔ (ขอ ๓๔๖) พงึ ทราบตามนยั ทก่ี ลา วแลวน่ันแหละ. จบอรรถกถาสตู รที่ ๔ อรรถกถาสตู รท่ี ๕ ในสตู รท่ี ๕ (ขอ ๓๔๗) มีวินจิ ฉยั ดังตอ ไปน้.ี บทวา อนาปตฺติยา อาปตตฺ สิ ฺี ไดแ ก เปนผูม ีความสาํ คญัในเร่อื งทไ่ี มเปน อาบตั ิ เปนตน วา ภกิ ษุทําความสะอาดภัณฑะ รมบาตรตดั ผม เขาบา นโดยบอกลา นน้ั อยา งน้วี า น้เี ปน อาบตั .ิ บทวา อาปตตฺ ยิ าอนาปตฺติสฺี ไดแก เปนผูม ีความสําคัญในอาบตั เิ พราะไมเอ้ือเฟอตอเรอื่ งเหลา นัน้ น่นั แหละ นน้ั อยา งนว้ี า นี้ไมเ ปนอาบตั ิ. จบอรรถกถาสูตรที่ ๕ อรรถกถาสูตรท่ี ๖ ในสตู รที่ ๖ (ขอ ๓๔๘) พง่ึ ทราบเน้ือความโดยนยั ที่กลาวแลวนัน่ แล. จบอรรถกถาสตู รที่ ๖ อรรถกถาสูตรที่ ๗ ในสตู รที่ ๗ (ขอ ๓๔๙ - ๓๕๒) มีเน้ือความงายทง้ั นนั้ . จบอรรถกถาสตู รท่ี ๗

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 458 อรรถกถาสตู รท่ี ๑๑ ในสตู รท่ี ๑๑ (ขอ ๓๕๓) มีวินจิ ฉัยดังตอไปน้ี. บทวา อาสวา ไดแ ก กิเลส. บทวา น กกุ ฺกจุ จฺ ายิตพพฺ  ความวาความไมป รารถนาไมว ิจารณส ว นในสงฆ ช่อื วา สิง่ ทไ่ี มค วรรําคาญ. บทวากุกฺกุจจฺ ายิตพฺพ ความวา ไมร าํ คาญความปรารถนาวจิ ารณส วนในสงฆนั้นนัน่ แหละ. จบอรรถกถาสตู รที่ ๑๑ อรรถกถาสตู รท่ี ๑๒ เปน ตน ในสูตรท่ี ๑๒ (ขอ ๓๕๔-๓๖๒) พึงทราบโดยนยั ที่กลา วแลวในหนหลงั นน่ั แล. จบอรรถกถาสตู รที่ ๑๒ เปนตน จบพาลวรรคท่ี ๕ จบทตุ ิยปณ ณาสก

พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 459 ตติยปณณสก อาสาวรรคท่ี ๑ สูตรท่ี ๑ [๓๖๓] ๑๑๗. ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย ความหวัง ๒ อยา งน้ีละไดย าก ๒ อยางเปน ไฉน คอื ความหวงั ในลาภ ๑ ความหวังในชวี ิตดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ความหวงั ๒ อยา งนแ้ี ลละไดย าก. จบสูตรท่ี ๑ สูตรที่ ๒ [๓๖๓] ๑๑๘. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย บุคคล ๒ จาํ พวกนี้หาไดยากในโลด ๒ จาํ พวกเปน ไฉน คือ บุพพการีบุคคล ๑ กตญั กู ต-เวทบี คุ คล ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย บคุ คล ๒ จําพวกนีแ้ ลหาไดย ากในโลก. จบสูตรที่ ๒ สตู รท่ี ๓ [๓๖๔] ๑๑๙. ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย บคุ คล ๒ จําพวกนีห้ าไดยากในโลก ๒ จาํ พวกเปนไฉน คือ คนทพ่ี อใจ ๑ คนท่อี ิ่มหนํา ๑ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย บคุ คล ๒ จําพวกน้ีแลหาไดยากในโลก. จบสตู รที่ ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 460 สูตรท่ี ๔ [๓๖๖] ๑๒๐. ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย บุคคล ๒ จาํ พวกนีใ้ หอมิ่ไดย าก ๒ จําพวกเปนไฉน คอื บุคคลผเู ก็บส่ิงทไ่ี ดไ วแลว ๆ ๑ บุคคลผูสละสิง่ ท่ไี ดเ เลว ๆ ๑ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย บุคคล ๒ จําพวกนี้แลใหอิม่ ไดยาก. จบสูตรที่ ๔ สูตรท่ี ๕ [๓๖๗] ๑๒๑. ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย บคุ คล ๒ จําพวกน้ใี หอิ่มไดง า ย ๒ จาํ พวกเปนไฉน คอื บคุ คลผไู มเกบ็ สง่ิ ท่ีคนไดไ วแลว ๆ ๑บคุ คลผูไมสละสง่ิ ที่ตนไดแลว ๆ ๑ ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย บคุ คล ๒ จาํ พวกนี้แลใหอ ิม่ ไดงาย. จบสูตรที่ ๕ สูตรท่ี ๖ [๓๖๘] ๑๒๒. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย ปจจัยเพอื่ ความเกดิ ข้ึนแหงราคะ ๒ อยางนี้ ๒ อยางเปน ไฉน คือ สุภนมิ ติ ๑ อโยนโิ สมนสิการ ๑ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ปจจยั เพอ่ื ความเกดิ ขน้ึ แหง ราคะ ๒ อยา งนแ้ี ล. จบสตู รท่ี ๖ สตู รที่ ๗ [๓๖๙] ๑๒๓. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ปจ จัยเพ่อื ความเกดิ ขึน้ แหงโทสะ ๒ อยา งน้ี ๒ อยางเปนไฉน คอื ปฏิฆนมิ ิต ๑ อโยนิโสมนสกิ าร ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 461ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ปจ จัยเพือ่ ความเกดิ ขึ้นแหงโทสะ ๒ อยางนแี้ ล. จบสตู รท่ี ๗ สูตรที่ ๘ [๓๗๐] ๑๒๔. ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ปจจัยเพื่อความเกดิ ข้นึ แหงมิจฉาทฏิ ฐิ ๒ อยางนี้ ๒ อยา งเปน ไฉน คือ การโฆษณาแตบ ุคคลอื่น ๑อโยนิโสมนสกิ าร ๑ ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ปจ จยั เพอื่ ความเกิดข้นึ แหงมจิ ฉาทิฏฐิ ๒ อยางนแ้ี ล. จบสูตรท่ี ๘ สูตรท่ี ๙ [๓๗๑] ๑๒๕. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ปจจัยเพอ่ื ความเกดิ ขึน้ แหงสัมมาทิฏฐิ ๒ อยางน้ี ๒ อยางเปนไฉน คอื การโฆษณาแตบคุ คลอ่ืน ๑โยนิโสมนสกิ าร ๑ ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ปจ จัยเพอ่ื ความเกิดขนึ้ แหงสัมมาทิฏฐิ ๒ อยา งน้แี ล. จบสตู รที่ ๙ สตู รที่ ๑๐ [๓๗๒] ๑๒๖. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อาบัติ ๒ อยา งนี้ ๒ อยา งเปน ไฉน คอื ลหกุ าบัติ ๑ ครุกาบตั ิ ๑ ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย อาบัติ ๒อยางนี้แล. จบสูตรท่ี ๑๐

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 462 สูตรท่ี ๑๑ [๓๗๓] ๑๒๗. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย อาบัติ ๒ อยางนี้ ๒ อยา งเปนไฉน คอื อาบตั ิชวั่ หยาบ ๑ อาบตั ไิ มชว่ั หยาบ ๑ ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลายอาบัติ ๒ อยา งน้แี ล. จบสตู รที่ ๑๑ สูตร ๑๒ [๓๗๔] ๑๒๘. ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย อาบตั ิ ๒ อยางน้ี ๒ อยางเปนไฉน คอื อาบตั ทิ ่มี ีสว นเหลือ ๑ อาบตั ทิ ่ีไมม สี ว นเหลอื ๑ ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อาบตั ิ ๒ อยางนี้แล. จบสูตรที่ ๑๒ จบอาสาวรรคท่ี ๑ ตตยิ ปณณสก อาสาวรรคที่ ๑ อรรถกถาสตู รที่ ๑ ตติยปณ ณาสก สูตรท่ี ๑ (ขอ ๓๖๓) มีวินิจฉัยดังตอ ไปน.ี้ บทวา อาสา ไดแ ก ตัณหา ความอยาก. บทวา ทุปฺปชหาไดแก ละไดยาก คือนําออกไดยาก. สัตวท ้ังหลายใชเ วลา ๑๐ ปบ า ง๒๐ ปบ าง ๖๐ ปบา ง รบั ใชพระราชา ทํากสกิ รรมเปน ตน เขาสสู งความท่ฝี ายสองรบประชิดกัน ดาํ เนนิ อาชีพเล้ียงแพะและทําหอกเปนตน แลน เรือไปยงั มหาสมทุ ร ดวยหวงั วา พวกเราจกั ไดวนั น้ี พวก

พระสตุ ตันตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 463เราจกั ไดพรงุ นี้ ดงั น้ี เพราะความหวงั ในลาภเปนเรอ่ื งละไดย าก แมเ ม่อืถึงเวลาจะตาย กย็ ังสาํ คญั ตนวาจะอยไู ด ๑๐๐ ป แมจะเห็นกรรมและกรรมนิมติ เปนตน มผี หู วังดีตกั เตอื นวา จงใหทาน จงทําการบชู าเถดิก็ไมเชอื่ คาํ ของใคร ๆ ดว ยหวังอยางนว้ี า เราจกั ยงั ไมตาย น้เี พราะความหวงั ในชวี ติ เปนเรอ่ื งละไดยาก. จบอรรถกถาสูตรท่ี ๑ อรรถกถาสตู รท่ี ๒ ในสูตรที่ ๒ (ขอ ๓๖๔) มวี ินจิ ฉยั ดงั ตอไปนี้. บทวา ปุพฺพการี ไดแ ก ผทู ําอปุ การะกอน. บทวา กตฺ กู ตเวที ไดแ ก ผูร ูอุปการะที่เขาทําแลว ตอบแทนภายหลัง. ในสองทานนน้ั ผทู าํ อปุ การะกอน ยอมสําคัญวา เราใหกูหน้ีผูต อบแทนภายหลัง ยอ มสาํ คญั วา เราชําระหน.ี้ จบอรรถกถาสูตรที่ ๒ อรรถกถาสตู รท่ี ๓ ในสูตรท่ี ๓ (ขอ ๓๖๕) มีวินจิ ฉัยดังตอ ไปน้ี. บทวา ตติ ฺโต จ ตปฺเปตา จ ความวา พระปจเจกพุทธเจาและพระขณี าสพผูเปน สาวกของพระตถาคต ช่ือวาผูอม่ื แลว. พระตถาคตอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา ชอ่ื วา ผอู ิ่มแลวดวย ผูทําคนอื่นใหอ ิม่ ดว ย. จบอรรถกถาสตู รที่ ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 464 อรรถกถาสตู รท่ี ๔ ในสูตรท่ี ๔ (ขอ ๓๖๖) มีวนิ ิจฉัยดงั ตอ ไปน.้ี บทวา ทุตฺตปฺปยา ความวา ทายกทําใหอ มิ่ ไดย าก คือ การทําใหเขาอมิ่ ทําไมไ ดงา ย. บทวา นกิ ฺขิปติ ไดแ ก ไมใ หใคร ไมใ ชส อยเอง. บทวา วิสชเฺ ชติ ไดแก ใหแ กผ อู ่นื . จบอรรถกถาสตู รท่ี ๔ อรรถกถาสตู รท่ี ๕ ในสูตรที่ ๕ (ขอ ๓๖๗) มีวินิจฉยั ดังตอไปน.้ี บทวา น วิสชเฺ ชติ ความวา ไมใหแ กผอู น่ื เสียทง้ั หมดทีเดยี วแตใ หถ ือเอาพอเยยี วยาอตั ภาพตน เหลือนอกน้ันไมใ ห. จบอรรถกถาสูตรที่ ๕ อรรถกถาสูตรที่ ๖ ในสตู รที่ ๖ (ขอ ๓๖๘) มวี ินิจฉยั ดังตอไปน้.ี บทวา สภุ นมิ ติ ฺต ไดแก อารมณท่นี าปรารถนา. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๖ อรรถกถาสตู รท่ี ๗ ในสูตรท่ี ๗ (ขอ ๓๖๙) มีวินิจฉยั ดังตอ ไปนี้. บทวา ปฏฆิ นิมิตตฺ  ไดแ ก นมิ ติ ทไ่ี มนา ปรารถนา. จบอรรถกถาสตู รที่ ๗ อรรถกถาสตู รที่ ๘ ในสูตรที่ ๘ (ขอ ๓๗๐) มีวนิ ิจฉยั ดงั ตอไปน้ี.

พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 465 บทวา ปรโต จ โฆโส ไดแ ก การฟงอสทั ธรรมจากสาํ นกัของผอู ่ืน. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๘ อรรถกถาสตู รท่ี ๙ ในสตู รท่ี ๙ (ขอ ๓๗๑) มวี นิ ิจฉัยดงั ตอ ไปนี้. บทวา ปรโต จ โฆโส ไดแก การฟง พระสทั ธรรมจากสาํ นกัของผูอ่นื . จบอรรถกถาสูตรท่ี ๙ คาํ ทเ่ี หลอื ในบททั้งปวง งา ยทั้งน้นั แล. จบอาสาวรรคที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 466 อายาจนวรรคที่ ๒ สตู รท่ี ๑ [๓๗๕] ๑๒๙. ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษผุ มศี รัทธา เม่ือออ นวอนโดยชอบ พึงออนวอนอยางน้วี า ขอเราจงเปนเชน พระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานะเถดิ ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษสุ ารีบุตรและภิกษุโมคคัลลานะน้ี เปนตราชมู าตรฐานของภิกษุสาวกของเรา. จบสูตรท่ี ๑ สตู รที่ ๒ [๓๗๖] ๑๓๐. ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย นางภิกษุณผี มู ีศรัทธา เมื่อออนวอนโดยชอบ พงึ ออ นวอนอยา งนี้วา ขอเราจงเปนเชน ภิกษุณเี ขมาและอบุ ลวรรณาเถิด ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษณุ ีเขมาและภิกษุณีอบุ ล-วรรณานี้ เปน ตราชมู าตรฐานของภิกษณุ สี าวกิ าของเรา. จบสูตรท่ี ๒ สูตรท่ี ๓ [๓๗๗] ๑๓๑. ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย อุบาสกผูม ศี รทั ธา เมือ่ออนวอนโดยชอบ พงึ ออ นวอนอยา งน้วี า ขอเราจงเปน เชน จติ ตคฤหบดีและหัตถกอบุ าสกชาวเมอื งอาฬวเี ถิด ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย จิตตคฤหบดีและหตั ถกอบุ าสกชาวเมืองอาฬวีนี้ เปน ตราชูมาตรฐานของอบุ าสกสาวกของเราแล. จบสตู รที่ ๓

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 467 สูตรที่ ๔ [๓๗๘] ๑๓๒. ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย อุบาสิกาผมู ศี รัทธา เมอ่ืออนวอนโดยชอบ พึงออ นวอนอยา งน้วี า ขอเราจงเปนเชน อุบาสิกาขชุ ชตุ ตราและนางเวฬุกัณฏกีนนั ทมารดาเถดิ ดูกอนภิกษุท้ังหลายอุบาสิกาขุชชุตตราและนางเวฬุกณั ฏกนี ันทมารดา เปน ตราชูมาตรฐานของอุบาสกิ าสาวกิ าของเรา. จบสูตรที่ ๔ สตู รท่ี ๕ [๓๗๙] ๑๓๓. ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย อสตั บุรษุ ผเู ขลา ไมเ ฉยี บแหลม ประกอบดว ยธรรม ๒ ประการ ยอ มบริหารตนใหถ กู กาํ จดั ใหถูกทําลาย เขายอ มเปนไปกบั ดว ยโทษ ถูกผูรูต เิ ตยี น ทงั้ ไดประสบบาปเปนอันมาก ธรรม ๒ อยางเปน ไฉน คอื ไมพจิ ารณาไตรตรองพดูสรรเสรญิ คุณของตนทีค่ วรตเิ ตียน ๑ ไมพ จิ ารณาไตรตรองพดู ตโิ ทษของคนที่ควรสรรเสรญิ ๑ ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย อสตั บรุ ุษผูเขลา ไมเ ฉยี บแหลมประกอบดวยธรรม ๒ ประการนีแ้ ล ยอ มบรหิ ารตนใหถ ูกกาํ จดั ถูกทําลาย เขายอมเปน ไปกับดว ยโทษถูกผูร ูต ิเตียน ทั้งไดป ระสบบาปเปน อันมากอีกดวย. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย สัตบุรษุ ผฉู ลาด เฉยี บแหลม ประกอบดว ยธรรม ๒ ประการ ยอ มบริหารคนไมใ หถกู กําจดั ไมใ หถูกทาํ ลาย เขายอ มไมม โี ทษ ไมถกู ผรู ตู เิ ตยี น ทงั้ ไดป ระสบบญุ เปน อนั มากอกี ดว ย ธรรม๒ ประการเปน ไฉน คือ พิจารณาไตรตรองแลว พดู ติเตียนคนที่ควรตเิ ตยี น ๑ พจิ ารณาไตรตรองแลว พดู สรรเสรญิ ๑ ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลายสัตบรุ ษุ ผูฉลาด เฉียบแหลม ประกอบดวยธรรม ๒ การนีแ้ ล ยอม

พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 468บริหารตนไมใ หถกู กําจัด ไมใหถูกทาํ ลาย เขายอ มไมม ีโทษ ไมถ กู ผูรูตเิ ตียน ทง้ั ไดประสบบญุ เปน อนั มากอีกดว ย. จบสตู รท่ี ๕ สูตรที่ ๖ [๓๘๐] ๑๓๔. ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย อสัตบุรุษผูเขลา ไมเฉียบแหลม ประกอบดว ยธรรม ๒ ประการ ยอมบริหารคนใหถกู กําจดั ใหถกู ทําลาย เขายอ มเปน ไปกับดว ยโทษ ถูกผูรูต เิ ตียน ทั้งไดป ระสบบาปเปน อันมากอกี ดว ย ธรรม ๒ ประการเปน ไฉน คือ ไมพ จิ ารณาไตรต รองแลว เกดิ เลือ่ มใสในฐานะอันไมเ ปน ทต่ี ้งั แหง ความเลอ่ื มใส ๑ ไมพ จิ ารณาไตรต รองแลว เกดิ ไมเลอ่ื มใสในฐานะอนั เปนท่ีต้งั แหงความเลอื่ มใส ๑ดกู อนภิกษทุ งั้ หลา อสัตบรุ ษุ ผูเขลา ไมเ ฉยี บแหลม ประกอบดว ยธรรม ๒ ประการนี้แล ยอ มบริหารคนใหถ กู กําจดั ถกู ทําลาย เขายอมเปนไปกบั ดวยโทษ ถกู ผูรูตเิ ตยี น ทงั้ ไดป ระสบบาปเปน อนั มากอีกดว ย. ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย สัตบรุ ุษผูฉ ลาดเฉยี บแหลม ประกอบดวยธรรม ๒ ประการ ยอมบรหิ ารตนไมใหถูกกําจดั ไมใ หถกู ทาํ ลายเขายอมไมม โี ทษ ไมถกู ผูร ูต ิเตยี น ทัง้ ไดป ระสบบุญเปน อันมากอกี ดวย ธรรม๒ ประการเปนไฉน คือ พจิ ารณาไตรต รองแลว เกดิ ไมเ ลอ่ื มใสในฐานะอัน เปน ที่ตัง้ แหงความไมเ ล่อื มใส ๑ พิจารณาไตรตรองแลว เกิดเลอ่ื มใสในฐานะอันเปน ที่ตั้งแหงความเลื่อมใส ๑ ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย สตั บรุ ษุผฉู ลาดเฉียบแหลม ประกอบดว ยธรรม ๒ ประการนแี้ ล ยอ มบริหารตน

พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 469ไมใ หถ ูกกาํ จดั ไมใหถกู ทําลาย เขายอ มไมมโี ทษ ไมถกู ผูรูติเตียน ทงั้ไดป ระสบบญุ เปนอนั มากอกี ดวย. จบสตู รที่ ๖ สตู รท่ี ๗ [๓๘๐] ๑๓๕. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย อสตั บรุ ษุ ผเู ขลา ไมเ ฉยี บแหลม ปฏิบัติผิดในบคุ คล ๒ จาํ พวก ยอมบรหิ ารตนใหถกู กําจัด ใหถกู ทาํ ลาย เขายอมเปนไปกับดว ยโทษ ถูกผูรตู ิเตยี น ทั้งไดประสบบาปเปนอันมากอกี ดวย บคุ คล ๒ จาํ พวกเปน ไฉน คือ มารดา ๑ บิดา ๑ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย อสัตบุรุษผเู ขลา ไมเ ฉียบแหลม ปฏิบัติผดิ ในบุคคล ๒จาํ พวกนแี้ ล ยอมบรหิ ารตนใหถกู กาํ จัด ใหถูกทําลาย เขายอมเปนไปกบัดวยโทษ ถกู ผรู ูต ิเตยี น ท้งั ไดป ระสบบาปเปน อันมากอีกดวย. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย สตั บุรษุ ผฉู ลาด เฉยี บแหลม ปฏิบตั ิชอบในบุคคล ๒ จาํ พวก ยอ มบรหิ ารตนไมใหถ ูกกําจดั ไมใ หถ กู ทาํ ลาย เขายอมไมมีโทษ ไมถกู ผรู ตู ิเตียน ท้งั ไดป ระสบบุญเปนอนั มากอีกดวยบคุ คล ๒ จําพวกเปน ไฉน คือ มารดา ๑ บดิ า ๑. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย สัตบุรษุ ผฉู ลาด เฉียบแหลม ปฏบิ ตั ิชอบในบุคคล ๒ จาํ พวกนแี้ ล ยอ มบริหารตนไมใหถ ูกกําจัด ไมใหถ กู ทําลายเขายอมไมมีโทษ ไมถกู ผรู ตู ิเตยี น ทั้งไดป ระสบบญุ เปนอนั มากอกี ดว ย. จบสตู รที่ ๗ สูตรท่ี ๘ [๓๘๒] ๑๓๖. ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย อสัตบุรษุ ผเู ขลา ไมเฉียบแหลม ปฏบิ ัติผดิ ในบุคคล ๒ จาํ พวก ยอมบรหิ ารตนใหถ กู กําจัด

พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 470ใหถ ูกทําลาย เขายอมเปน ไปกบั ดวยโทษ ถูกผรู ูตเิ ตยี น ท้งั ไดป ระสบบาปเปนอันมากอีกดวย บคุ คล ๒ จาํ พวกเปน ไฉน คอื พระตถาคต ๑สาวกของพระตถาคต ๑ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย อสตั บรุ ุษผูเขลา ไมเฉยี บแหลม ปฏิบตั ผิ ิดในบคุ คล ๒ จาํ พวกน้แี ล ยอมบริหารตนใหถ กูกาํ จดั ใหถ กู ทาํ ลาย เขายอมเปน ไปกบั ดว ยโทษ ถกู ผูร ูตเิ ตียน ทงั้ ไดประสบบาปเปนอนั มากอีกดวย. ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย สัตบุรุษผูฉ ลาด เฉียบแหลม ปฏิบัติชอบในบคุ คล ๒ จําพวก ยอมบริหารตนไมใหถกู กาํ จัด ไมใ หถูกทําลาย เขายอ มไมม โี ทษ ไมถ ูกผรู ูตเิ ตยี น ท้งั ไดประสบบุญเปน อนั มากอกี ดว ยบคุ คล ๒ จําพวกเปนไฉน คอื พระตถาคต ๑ สาวกของพระตถาคต ๑ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย สัตบรุ ุษผูฉลาด เฉียบแหลม ปฏบิ ตั ชิ อบในบุคคล๒ จาํ พวกนี้แล ยอ มบรหิ ารตนไมใ หถกู กําจดั ไมใหถ ูกทําลาย เขายอมไมมโี ทษ ไมถูกผรู ูติเตียน ทง้ั ไดประสบบุญเปน อนั มากอกี ดว ย. จบสตู รที่ ๘ สตู รท่ี ๙ [๓๘๓] ๑๓๗. ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ธรรม ๒ อยางน้ี ๒ อยา งเปน ไฉน คือ การชาํ ระจติ ของตนใหผอ งแผว ๑ การไมถือม่นั อะไร ๆในโลก ๑ ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อยางน้แี ล. จบสูตรท่ี ๙ สตู รท่ี ๑๐ [๓๘๔] ๑๓๘. ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรม ๒ อยางนี้ ๒ อยา ง

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 471เปน ไฉน คอื ความโกรธ ๑ ความผูกโกรธ ๑ ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลายธรรม ๒ อยางน้ีแล. จบสูตรท่ี ๑๐ สูตรที่ ๑๑ [๓๘๕] ๑๓๙. ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ธรรม ๒ อยางน้ี ๒ อยา งเปนไฉน คือ การกําจัดความโกรธ ๑ การกาํ จดั ความผกู โกรธ ๑ ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ธรรม ๒ อยางนี้แล. จบสูตรท่ี ๑๑ จบอายาจนวรรคท่ี ๒ อายาจนวรรคท่ี ๒ อรรถกถาสตู รที่ ๑ วรรคที่ ๒ สตู รที่ ๑ มวี นิ ิจฉยั ดังตอ ไปน.้ี บทวาสทโฺ ธ ภกิ ฺขเว ภิกขฺ ุ เอว สมมฺ า อายาจมาโน อายาเจยยฺความวา ภกิ ษุผมู ศี รัทธา เม่ือจะขอ คอื ตอ งการปรารถนาอยา งนวี้ าแมเราก็จงเปน เชน พระสารีบตุ รเถระ ทางปญ ญา แมเรากจ็ งเปน เชนพระ-โมคคัลลานเถระ ทางฤทธ์ิ ดงั น้ี ชื่อวาพงึ ปรารถนาโดยชอบ เพราะปรารถนาสง่ิ ท่มี ีอยเู ทา นั้น. เมือ่ ปรารถนายิง่ กวา น้ี พงึ ปรารถนาผดิดวยวาละความปรารถนา ๒ อยา งเสีย ปรารถนาเหน็ ปานนี้ ยอ มชอ่ื วาปรารถนาผิด เพราะปรารถนาสงิ่ ทไี่ มม .ี เพราะเหตไุ ร. บทวา เอสาภกิ ขฺ เว เอต ปมาณ ความวา เหมือนอยา งวา เม่อื จะช่งั ทองหรือเงนิ

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 472พงึ ใชตราชู เมื่อจะตวงขา วเปลอื ก พงึ ใชเ ครือ่ งตวง ตราชเู ปน มาตรฐานในการช่ัง และเครือ่ งตวงเปนมาตรฐานในการตวง ดว ยประการดงั น้ีฉันใด สารบี ตุ รและโมคคลั ลานะเปน เคร่ืองชัง่ เปนเครอ่ื งตวง สําหรบัเหลาภิกษผุ ูเปนสาวกของเรา ยดึ ทานท้งั สองนัน้ จึงอาจท่ีจะชัง่ หรอื ตวงคนวา แมเรากเ็ ทากัน ทางญาณ หรอื ทางฤทธ์ิ นอกไปจากนไ้ี มอ าจจะชง่ั หรอื ตวงได. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๑ อรรถกถาสูตรท่ี ๒ เปนตน แมในสตู รท่ี ๒ เปน ตน ก็นัยนเ้ี หมือนกนั . แตในสตู รน้ี แยกกันดงั นี้. บทวา เขมา จ ภิกฺขุนี อุปปฺ ลวณฺณา จ ความวา ก็บรรดาภิกษุณี ๒ รปู น้นั ภิกษณุ เี ขนาเสิศทางปญญา ภกิ ษณุ อี ุบลวรรณาเลิศทางฤทธ์ิ ฉะน้ัน เม่ือขอโดยชอบ พงึ ขอวา ขอเราจงเปน แมเ ชน นี้ ทางปญ ญากต็ าม ทางฤทธิ์กต็ าม แมอบุ าสกิ าขุชชตุ ตรากเ็ ลิศเพราะมปี ญ ญามากนันทมารดา๑เลิศเพราะมฤี ทธม์ิ าก เพราะฉะน้นั เมอ่ื ขอโดยชอบ พึงขอวาขอเราจงเปน แมเชนน้ี ทางปญ ญากต็ าม ทางฤทธ์กิ ็ตาม. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๒ เปนตน อรรถกถาสตู รท่ี ๕ สูตรท่ี ๕ มวี ินจิ ฉยั ดังตอ ไปน.ี้ บทวา ขต ความวา ช่อื วา ถกู กาํ จัด เพราะถูกกําจดั คณุ ความดี.๑. พระสูตรขอ ๓๗๘ วานางเวฬกุ ัณฏกนี นั ทมารดา.

พระสุตตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 473บทวา อปุ หต ความวา ช่อื วา ถกู ทาํ ลาย เพราะถูกทําลายคุณความดีอธบิ ายวา ถูกตดั คุณความดี ขาดคณุ ความดี เสียคุณความด.ี บทวาอตฺตาน ปริหรติ ความวา รักษาคมุ ครองตนท่ีปราศจากคุณความด.ีบทวา สารชฺโช แปลวา มโี ทษ. บทวา สานวุ ชโฺ ช แปลวา ถูกตาํ หนิ. บทวา ปสวติ แปลวา ยอ มได. บทวา อนนุวิจฺจ ไดแ กไมรู ไมพ ิจารณา. บทวา อปรโิ ยคาเหตฺวา แปลวา ไมสอบสวน.บทวา อวณณฺ ารหสสฺ ความวา ของเดยี รถยี ก ต็ าม ของสาวกเดีรถยี ก็ตาม ผปู ฏิบัติผิด ควรตาํ หน.ิ บทวา วณณฺ  ภาสติ ความวากลา วคณุ วา ผนู ้ปี ฏบิ ัติดีปฏิบัติชอบ ดงั น้ี . บทวา วณณฺ ารหสสฺความวา บรรดาพระอรยิ บคุ คลมีพระพุทธเจา เปนตน องคใ ดองคหน่ึงผปู ฏบิ ตั ชิ อบ. บทวา อวณิณ ภาสติ ความวา กลาวโทษวา ผนู ี้ปฏิบัตชิ ั่วปฏบิ ตั ผิ ดิ ดังน้ี. บทวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณ ภาสติ ความวา บคุ คลบางคนในโลกนี้ กลาวตําหนิเดียรถีย สาวกเดียรถยี  ผปู ฏบิ ตั ชิ ัว่ ปฏิบตั ผิ ดิ วาเปนผปู ฏบิ ัตชิ วั่ เพราะเหตุดังน้บี าง เปน ผูป ฏบิ ตั ิเพราะเหตุดังนี้บา ง ช่ือวา ยอ มกลา วตาํ หนิผทู ่คี วรตําหนิ. บทวา วณฺณารหสฺส วณฺณ ความวา กลาวสรรเสรญิ พระพุทธเจา และเหลาพุทธสาวกผูปฏิบัตดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ วาเปนผปู ฏิบัติดเี พราะเหตุดังน้บี าง เปน ผปู ฏบิ ตั ชิ อบเพราะเหตดุ ังนบี้ า ง. จบอรรถกถาสูตรท่ี ๕

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 474 อรรถกถาสตู รท่ี ๖ สูตรที่ ๖ มีวินิจฉัยดังตอไปน.้ี บทวา อปฺปสาทนเี ย าเน ไดแ ก ในเหตทุ ี่ทาํ ใหไ มเ ล่อื มใสบทวา ปสาท อปุ ธ เสติ ความวา ใหเกิดความเลอ่ื มใสในขอปฏบิ ัตชิ ั่วขอ ปฏบิ ตั ิผิด วา นข้ี อปฏิบัติดี ขอปฏิบตั ชิ อบ ดงั นี้. บทวา ปสาทนีเยาเน อปฺปสาท ความวา ใหเ กดิ ความไมเ ล่อื มใสในขอปฏิบตั ดิ ีขอปฏบิ ตั ิชอบวา น้ขี อ ปฏบิ ตั ิชว่ั นีข้ อ ปฏิบตั ิผิด ดงั นี.้ คําที่เหลือในสตู รน้ีงายทั้งน้นั . จบอรรถกถาสตู รที่ ๖ อรรถกถาสตู รที่ ๗ สูตรที่ ๗ มวี นิ ิจฉยั ดงั ตอไปนี้. บทวา ทฺวีสุ ไดแ กในโอกาสสอง ในเหตุสอง. บทวา มิจฉฺ า-ปฏิปชชฺ มาโน ไดแ ก ถือขอ ปฏิบตั ผิ ิด. บทวา มาตริ จ ปตริ จความวา ปฏิบตั ผิ ิดในมารดาเหมอื นนายมติ ตวนิ ทกุ ะ ปฏิบัติผดิ ในบิดาเหมอื นพระเจา อชาตศัตรู. ธรรมฝายขาวพึงทราบตามนัยทีก่ ลา วแลวนั่นแล จบอรรถกถาสตู รที่ ๗ อรรถกถาสูตรท่ี ๘ สตู รท่ี ๘ มีวนิ ิจฉยั ดังตอ ไปนี.้ บทวา ตถาคเต จ ตถาคตสาวเก เจ ความวา ปฏิบัตผิ ิดในพระตถาคต เชน พระเทวทัต และปฏบิ ัตผิ ดิ ในสาวกของพระตถาคต

พระสตุ ตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 475เชน พระโกกาลกิ ะ. ในฝายขาว ปฏบิ ัตชิ อบในพระตถาคต เชน พระอานนทเถระ และปฏบิ ัตชิ อบในสาวกของพระตถาคต เชน บตุ รของเศรษฐีผูเ ลย้ี งโคชอ่ื นนั ทะ. จบอรรถถถาสูตรท่ี ๘ อรรถกถาสตู รที่ ๙ สูตรท่ี ๙ มีวินิจฉัยดงั ตอ ไปน้.ี บทวา สจติ ฺตโวทาน แปลวา ความผองแผวแหงจิตของตนบทน้ี เปนชอ่ื ของสมาบตั ิ ๘. บทวา น จ กิ จฺ ิ โลเก อุปาทิยติความวา ไมถือ คอื ไมแ ตะตองบรรดาธรรมมรี ปู เปนตน แมธรรมอยางหนึ่งไร ๆ ในโลก. ในสตู รนี้ ความไมถ ือม่ัน เปนธรรมท่ี ๒ ดว ยประการฉะนี้. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๙ อรรถกถาสูตรที่ ๑๐ - ๑๑ สูตรท่ี ๑๐ และสูตรที่ ๑๑ งา ยท้งั น้ันแล. จบอรรถกถาสูตรท่ี ๑๐ - ๑๑ จบอายาจนวรรคที่ ๒


















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook