พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 451พระเถระกลาววา \"ทานไมร ูทางแหงพรหมโลกทเี ดียว, แมพวกอาจารยของทานกไ็ มร ู: พระศาสดาพระองคเ ดยี วเทา นั้น ทรงรู, มาเถดิพราหมณ. ฉันจะทลู อาราธนาใหพระองคต รัสบอกทางแหงพรหมโลกแกทา น\" ดังนแ้ี ลว พาพราหมณนน้ั นาํ ไปสูสาํ นกั ของพระศาสดา กราบทูลเรือ่ งน้นั วา พราหมณผูน้ี กลาวอยางนัน้ พระเจา ขา \" แลว กราบทูลวา \"ดลี ะหนอ ขอพระองคต รัสบอกทางแหงพรหมโลกแกพ ราหมณน ัน้ .\"พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณพระศาสดาตรสั ถามวา \"ไดย ินวา อยา งนัน้ หรอื ? พราหมณ\"เมอ่ื พราหมณน ัน้ ทูลวา \" อยางน้นั พระโคคมผูเจริญ \" จงึ ตรัสวา\"พราหมณ การแลดสู าวกของเราดวยจติ อันเล่อื มใสเพยี งครเู ดียว หรือการถวายอาหารวตั ถเุ พยี งภกิ ษาทัพพีเดยี ว มผี ลมากแมก วา ทานทท่ี า นเม่อืใหอ ยา งนั้น ใหแ ลว ตั้ง ๑๐๐ ป เมอ่ื จะทรงสบื อนสุ นธแิ สดงธรรมจึงตรัสพระคาถานว้ี า:-๕. มาเส มาเส สหสเฺ สน โย ยเชถ สต สมเอจฺ ภาวิตตตฺ าน มหุ ุตฺตมป ปชู เยสา เย ปชู นา เสยฮ ย ยฺเจ วสฺสสต หุต .\"ผใู ด พงึ บชู าดวยทรัพยพนั หนง่ึ ทกุ ๆ เดือนสนิ้ ๑๐๐ ป, สว นการบชู านัน้ นั่นแล ของผทู ี่พงึบชู าทา นผมู ีตนอบรนแลวคนเดียวแมต รูหน่งึ ประ-เสริฐกวาการบูชาของผูน้ัน, การบชู า สนิ้ ๑๐๐ ปจะประเสริฐอะไรเลา ?\"
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาที่ 452 แกอรรถ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สหสเฺ สน ความวา ดวยการบรจิ าคทรัพยพ ันหนง่ึ . บาทพระคาถาวา โย ยเชถ สต สม ความวา ผูใ ดเมื่อบรจิ าคทรพั ยพ ันหนึ่งทุก ๆ เดือน พงึ ใหทานแกโ ลกยิ มหาชน ส้นิ ๑๐๐ ป. บาทพระคาถาวา เอกฺจ ภาวิตตฺ าน ความวา สว นผใู ดพงึบชู าทานผูมีในอบรมแลว ดว ยอาํ นาจแหง คณุ ผูเดียว โดยทีส่ ดุ เบอื้ งต่าํ เปนพระโสดาบนั โดยที่สดุ เบ้ืองสูงเปน พระขีณาสพ ผูม าถึงแทบประตูเรือนดว ยอาํ นาจถวายภิกษาทัพพหี น่งึ ดวยอาํ นาจถวายอาหาร พอยังอัตภาพใหเปน ไปได หรือดวยเพยี งถวายผาเนื้อหยาบ, บูชาของผูน้นั นนั่ แลประเสรฐิ คอื ล้ําเลิศ ไดแก สูงสุดกวาความบชู าอันบคุ คลนอกนบ้ี ชู าแลว สิ้น ๑๐๐ ป. ในเวลาจบเทศนา พราหมณน ้นั บรรลุโสดาปตตผิ ลแลว, ชนแมเหลาอื่นเปน อนั มากบรรลุอรยิ ผลทง้ั หลาย มโี สดาปต ตผิ ลเปน ตน ดงั นีแ้ ล. เรือ่ งพราหมณผ ูเปน ลงุ ของพระสารบี ุตรเถระ จบ.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 453 ๖. เร่ืองพราหมณผ เู ปนหลานของพระสารบี ุตรเถระ [๘๖] ขอ ความเบือ้ งตน พระศาสดาเม่ือประทบั อยใู นพระเวฬวุ ัน ทรงปรารภหลานของพระสารบี ุตรเถระ ตรสั พระธรรมเทศนานวี้ า \"โย จ วสฺสสต ชนตฺ \"ุเปน ตน . พระเถระพาหลานไปเฝาพระศาสดา ความพิสดารวา พระเถระเขาไปหาหลานแมน้นั แลว ถามวา\"พราหมณ เธอทาํ กศุ ลหรือ ?\" พราหมณ. อยางนนั้ ขอรับ. พระเถระ. ทํากศุ ลอะไร ? พราหมณ. ฆา สตั วเล้ียงตัวหน่ึงแลวบําเรอไฟทุก ๆ เดือน. พระเถระ. ทาํ อยางน้นั เพอ่ื อะไร ? พราหมณ. เขาวา นัน่ เปนทางแหง พรหมโลก. พระเถระ. ใคร วา อยา งนัน้ ? พราหมณ. พวกอาจารยข องกระผม ขอรบั . พระเถระกลา ววา \" เธอไมรทู างแหงพรหมโลกเลย. แมพ วกอาจารยของเธอกไ็ มร ู มาเถดิ , เราจกั ไปสํานกั ของพระศาสดา\" ดงั นี้แลว นาํ หลานนน้ั ไปสสู าํ นกั ของพระศาสดา ทลู เรื่องน้นั แลว กราบทูลวา\" พระเจา ขา ขอพระองคตรสั บอกทางแหงพรหมโลกแกพราหมณน.ี้ \"
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ท่ี 454 พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณ พระศาสดาตรสั ถามวา \"ไดยินวา อยางนั้นหรอื ?\" เม่ือพราหมณนนั้ ทูลวา \"อยา งนัน้ พระโคดมผเู จริญ\" จงึ ตรัสวา \"พราหมณการบําเรอไฟของทานผบู ําเรอไฟอยางน้นั ตั้ง ๑๐๐ ป ยอมไมถ ึงแมการบูชาสาวกของเรา เพยี งขณะเดียว\" เมื่อจะทรงสืบอนสุ นธแิ สดงธรรมจึงตรสั พระคาถานี้วา :- ๖. โย จ วสสฺ สต ชนตฺ ุ อคคฺ ึ ปรจิ เร วเน เอกฺจ ภาวิตตตฺ าน มหุ ุติตมป ปูชเย สา เยว ปชู นา เสยโฺ ย ยฺเจ วสฺสสต หตุ . \"กส็ ตั วใด พงึ บาํ เรอไฟในปา ตั้ง ๑๐๐ ป, สว นเขา พงึ บูชาทา นผมู ตี นอบรมแลวผูเดยี ว แม ครหู นง่ึ , การบูชานั้นน่ันแลประเสรฐิ กวา ( การบชู า ตงั้ ๑๐๐ ป ของสัตวน น้ั ) การบชู า ๑๐๐ ป จะประเสรฐิ อะไรเลา ?\" แกอรรถ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา ชนตฺ ุ น้ี เปน ช่อื ของสตั ว. บาทพระ-คาถาวา อคคฺ ึ ปรจิ เร วเน ความวา แมเขา ไปสปู า ดวยปรารถนาความเปน ผูไมม ธี รรมเครื่องเน่นิ ชา พึงบําเรอไฟในปานั้น. คาํ ทีเ่ หลือ เชนเดยี วกับคาํ ท่ีมีในกอ นนน้ั แล.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาท่ี 455 ในเวลาจบเทศนา พราหมณบ รรลุโสดาปตติผล. ชนแมเหลา อน่ืเปน อนั มากบรรลุอรยิ ผลทง้ั หลาย มีโสดาปตตผิ ลเปน ตน ดงั น้ีแล. เรอื่ งพราหมณผูเปน หลานของพระสารบี ุตรเถระ จบ.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาที่ 456 ๗. เร่ืองพราหมณผ เู ปนสหายของพระสารีบตุ รเถระ [๘๗] ขอความเบ้ืองตน พระศาสดาเม่ือประทบั อยูใ นพระเวฬวุ ัน ทรงปรารภพราหมณผูเปน สหายของพระสารบี ุตรเถระ. ตรัสพระธรรมเทศนาน้วี า \"ยงฺกิ ฺจิยฏิ จฺ \" เปน ตน. พระเถระพาสหายไปเฝา พระศาสดา ความพิสดารวา พระเถระเขา ไปหาพราหมณแ มนน้ั แลว ถามวา\"พราหมณ ทา นทาํ กุศลบางอยางหรือ ?\" พราหมณ. อยา งนั้น ขอรับ. พระเถระ. ทาํ กุศลอะไร ? พราหมณ. บูชายัญอยา งท่ีเขาบชู ากนั . ทราบวา ครัง้ นนั้ ชนทั้งหลายยอมบชู ายัญนั้น ดว ยการบรจิ าคอยา งมาก. ตอแตน ี้ พระเถระถามโดยนยั กอนนั่นแล แลวนาํ พราหมณนั้นไปยงั สํานักของพระศาสดา ทลู เร่อื งนนั้ แลว กราบทลู วา \" พระ-เจาขา ขอพระองคตรสั บอกทางแหงพรหมโลก แกพ ราหมณน ี้.\" พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณ พระศาสดาตรัสถามวา ไดย ินวาอยา งนนั้ หรอื ? พราหมณ\"เม่ือพราหมณทูลรบั วา \"อยางน้นั \" แลว จงึ ตรสั วา \"พราหมณทานทท่ี า นบชู ายัญอยางทเ่ี ขาบชู ากัน ใหแ กโลกิยมหาชนตั้งป ยอมไมถึง
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาท่ี 457แมเ พียงสวนท่ี ๔ แหงกศุ ลเจตนาท่ีเกดิ ข้ึนแกคนท้ังหลาย ผไู หวส าวกของเราดว ยจิตที่เล่อื มใส\" เม่อื จะทรงสบื อนุสนธิแสดงธรรม จึงตรสัพระคาถาน้วี า :- ๗. ยงกฺ ิฺจิ ยิฏ ว หุต ว โลเก ส วจฺฉร ยเชถ ปุ ฺเปกโฺ ข สพฺพ ป ต น จตุภาคเมติ อภวิ าทนา อุชคุ เตสุ เสยฺโย. \"ผมู ุงบญุ พึงบูชายญั และทาํ บาํ บวงอยางใด อยา งหนง่ึ ในโลกตลอดป, ทานนัน้ แมทั้งหมดไมถงึ สว นที่ ๔, การอภิวาทในทานผดู ําเนินตรงประเสริฐ สดุ .\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลานั้น บทวา ยงกฺ ิ ฺจิ นี้ เปนคาํ รวบถือไมมีสวนเหลอื . บทวา ยิฏ ไดแก ทานทเ่ี ขาใหดว ยอํานาจการทํามงคลเปน ตนโดยมาก. บทวา หุต ไดแ ก ทานเพือ่ แขกที่เขาจัดแจงทํา และทานท่ีเขาเธอกรรมและผลของกรรมทํา. สองบทวา ส วจฺฉร ยเชถ ความวา พึงใหทานมีประการดงั กลา วแลว แกโ ลกิยมหาชนแมในจกั รวาลทง้ั สิ้น ตลอดปหนง่ึ ไมมีระหวางเลย. บทวา ปุ ฺ เปกโฺ ข ไดแ ก ผปู รารถนาบญุ . บทวา อุชคุ เตสุความวา ในพระโสดาบนั โดยท่ีสุดอยา งตา่ํ ในพระขณี าสพโดยท่ีสดุ อยา งสูง.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาที่ 458 คํานี้ เปนคําทพ่ี ระศาสดาตรัสไววา \"ทานน้นั ท้ังหมด ไมถงึ แมสวนที่ ๔ จากผลแหง กศุ ลเจตนา ของผูน อ มสรีระไหว ดว ยจติ ทเี่ ล่อื มใสเหน็ ปานน้นั ; เพราะฉะน้ัน การอภวิ าทในทานผดู าํ เนนิ ตรงเทา นั้นประเสริฐสดุ . ในเวลาจบเทศนา พราหมณบ รรลุโสดาปตตผิ ลแลว. ชนแมเ หลาอืน่ เปนอันมากบรรลุอริยผลท้งั หลาย มโี สดาปตตผิ ลเปน ตน ดงั นี้แล. เรอื่ งพราหมณผ ูเปน สหายของพระสารบี ุตรเถระ จบ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ท่ี 459 ๘. เร่อื งอายุวฒั นกุมาร [๘๘] ขอความเบอ้ื งตน พระศาสดาเมือ่ ทรงอาศัยทฆี ลัมพิกนคร ประทบั อยู ณ กฎุ ใี นปา ๑ทรงปรารภกุมารผูอายุยนื ตรัสพระธรรมเทศนาน้ีวา \"อภวิ าทนสลี ิสฺส\"เปนตน. พราหมณ ๒ สหายออกบวช ไดย นิ วา พราหมณ ๒ คนชาวทฆี ลัมพิกนคร บวชในลัทธภิ ายนอก บําเพ็ญตบะสิ้นกาล ๔๘ ป. บรรดาพราหมณ ๒ คนนัน้ คนหนงึ่คิดวา \"ประเพณขี องเราจักเสอื่ มเสีย, เราจกั สกึ \" ดงั น้แี ลว จงึ ขายบริขารตบะทีต่ นทาํ ไวแ กค นเหลา อืน่ ไดภรรยาพรอมดว ยโค ๑๐๐ ตวัและทรัพย ๑๐๐ กหาปณะ ใหต งั้ ไวเปน กองทุน. คร้ังน้ัน ภรรยาของเขาคลอดเดก็ . สวนสหายของเขานอกจากนไี้ ปสตู างถนิ่ แลว ก็กลับมาสูนครนน้ั อีกน่นั แล. เขาไดย ินความทสี่ หายน้นั มา จงึ ไดพาบุตรและภรรยาไปเพ่ือตองการเย่ยี มสหาย, คร้ันถงึ แลวใหบตุ รในมอื ของมารดาแลว ก็ไหวเองกอ น. แมมารดาใหบ ุตรในมือของบิดาแลว ก็ไหว. สหายน้นั กลาววา\" ขอทา นจงเปน ผมู ีอายุยนื \" แตเมือ่ มารดาบิดาใหบุตรไหวแลว สหายนนั้ ไดนิ่งเสยี .๑. กฏุ ิกศัพท แปลวา กระทอ ม ก็มี คําวา อรฺกฏุ ิกาย คงเปน กระทอ มทีเ่ ขาสรา งไวในปา ไมใชสถานทปี่ ระทบั ยนื เปนที่ประทับชวั่ คราว.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาท่ี 460 พราหมณถ ามเหตทุ ี่สหายไมใหพ รแกบ ตุ ร สําคญั นน้ั เขากลาวกะสหายนัน้ วา \"ผเู จรญิ ก็เพราะเหตไุ ร ?เมอื่ ผมไหว ทา นจึงกลา ววา ' ขอทา นจงเปนผมู ีอายยุ ืน.' ในเวลาทเ่ี ด็กนไี้ หว ไมก ลาวคาํ อะไร ๆ ?\" สหาย. พราหมณ อันตรายอยางหนงึ่ ของเด็กน้มี ีอยู. พราหมณ. เดก็ จกั เปน อยตู ลอดกาลเทา ไร ? ขอรับ. สหาย. ๗ วนั พราหมณ. พราหมณ. เหตเุ ปน เคร่ืองปองกนั มีไหม ? ขอรับ. สหาย. เราไมร เู หตุเปนเครอ่ื งปองกนั . พราหมณ. กใ็ ครพงึ รเู ลา ? ขอรบั . สหาย. พระสมณโคดม, ทา นจงไปสํานักของพระสมณโคดมน้นัแลวถามเถิด. พราหมณ. ผมไปในทน่ี ้นั กลวั แตการเส่ือมแหงตบะ. สหาย. ถาความรักในบตุ รของทานมีอย,ู ทานอยา คิดถึงการเสือ่ มแหงตบะ จงไปสาํ นักของพระสมณโคดมนน้ั ถามเถิด. พราหมณไ ปเฝาพระศาสดา พราหมณน้นั ไปสูสํานกั ของพระศาสดาไหวเองกอ น. พระศาสดาตรสั วา \"ทานจงมีอายยุ ืน,\" แมในเวลาทป่ี ชาบดไี หว ก็ตรัสแกนางอยา งน้ันเหมือนกัน ในเวลาทีเ่ วลาใหบุตรไหวไดทรงนงิ่ เสยี . เขาทูลถามพระศาสดาโดยนยั กอ นนั่นแล. แมพระศาสดาก็ทรงพยากรณแกเ ขาอยา งนั้นเหมอื นกัน.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 461 ไดย นิ วา พราหมณน น้ั ไมแทงตลอดพระสพั พญั ุตญาณ จึงเทยี บเคยี งมนตของตนกบั พระสพั พัญุตญาณ. แตไ มรูอบุ ายเครอื่ งปอ งกัน. พระศาสดาตรัสบอกอบุ ายปองกัน พราหมณท ูลถามพระศาสดาวา \"กอ็ ุบายเคร่อื งปอ งกันมอี ยูหรือ ?พระเจา ขา .\" พระศาสดา พงึ มี พราหมณ. พราหมณ. พึงมอี ยา งไร ? พระศาสดา. ถาทา นพงึ อาจเพ่อื ทํามณฑปใกลประตเู รอื นของตนใหท ําตัง่ ไวตรงกลางมณฑปน้นั แลวปอู าสนะไว ๘ หรอื ๖ ที่ ลอมรอบตั่งนัน้ ใหส าวกของเรานัง่ บนอาสนะเหลานนั้ ใหท าํ พระปรติ ร ๗วันไมมรี ะหวา ง. อันตรายของเดก็ นัน้ พึงเสื่อมไป ดว ยอบุ ายอยางน้.ี พราหมณ. พระโคดมผูเจรญิ ขา พระองคอ าจทาํ มณฑปเปน ตนได.แตจ ักไดสาวกของพระองคอ ยา งไร ? พระศาสดา. เมื่อทา นทาํ กิจเทา นี้แลว เราจกั สง สาวกของเราไป พราหมณทูลรบั วา \"ดีละ พระโคดมผูเ จรญิ \" แลวทํากจิ นั้นท้งั หมดใกลประตูเรอื นของตนแลว ไดไ ปยงั สาํ นักของพระศาสดา. พวกภกิ ษไุ ปสวดพระปริตร พระศาสดาทรงสงภกิ ษทุ ัง้ หลายไป. ภกิ ษุเหลา นน้ั ไปนง่ั ในมณฑปนน้ั . พราหมณสามีภรยิ าใหเ ดก็ นอนบนตง่ั แลว. ภกิ ษทุ ั้งหลายสวดพระ-ปรติ ร ๗ คืน ๗ วันไมมีระหวาง. ในวนั ท่ี ๗ พระศาสดาเสด็จมาเอง.เมอ่ื พระศาสดานนั้ เสดจ็ ไปแลว . พวกเทวดาในจกั รวาลทัง้ ส้นิ ประชุมกนัแลว.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาท่ี 462 กอ็ วรุทธกยกั ษตนหนึ่งบาํ รุงทาวเวสวัณ ๑๒ ป เมอ่ื จะไดพ รจากสาํ นกั ทา วเวสวัณน้ัน ไดกลาววา \"ในวันที่ ๗ จากวันน้ี ทา นพงึ จับเอาเดก็ น;้ี เพราะฉะนัน้ ยกั ษตนนน้ั จึงไดมายืนอย.ู ก็เมือ่ พระศาสดาเสดจ็ ไปในมณฑปนัน้ , เม่ือพวกเทวดาผมู ศี กั ดใิ์ หญประชมุ กัน. พวกเทวดาผูมศี กั ดิน์ อยถดถอยไป ไมไดโ อกาส หลกี ไปตลอด ๑๒ โยชนถึงอวรุทธกยักษก ไ็ ดห ลีกไปยนื อยา งน้นั เหมือนกนั . เดก็ พนอนั ตรายกลบั มอี ายุยืน แมพระศาสดาไดทรงทาํ พระปรติ รตลอดคนื ยังรุง. เม่ือ ๗ วันลว งแลว, อวรทุ ธกยักษไ มไดเด็ก. ก็ในวนั ที่ ๘ เนอ้ื อรุณพอข้ึนเทานนั้ ,สองสามีภรรยานาํ เด็กมาใหถ วายบังคมพระศาสดา. พระศาสดาตรัสวา\" ขอเจาจงมีอายยุ นื เถดิ .\" พราหมณ. พระโคดมผูเจรญิ ก็เดก็ จะดํารงอยูนานเทา ไร ? พระศาสดา. ๑๒๐ ป พราหมณ. ลําดบั นัน้ ๒ สามภี รรยาขนานนามเดก็ นน้ั วา \"อายวุ ฒั นกมุ าร.\"อายวุ ฒั นกุมารนัน้ เตบิ โตแลว อนั อบุ าสก ๕๐๐ คนแวดลอ มเทย่ี วไป. การกราบไหวทา นผูมีคณุ ทําใหอ ายุยืน ภายหลังวนั หนง่ึ ภิกษทุ งั้ หลายสนทนากนั ในโรงธรรมวา \"ผูมีอายุทง้ั หลาย ทา นทง้ั หลายจงด,ู ไดย นิ วา อายวุ ัฒนกุมารพงึ ตายในวนั ที่ ๗, บดั นีอ้ ายวุ ฒั นกมุ ารนนั้ (ดาํ รงอยู ๑๒๐ ป) อันอบุ าสก ๕๐๐คนแวดลอ มเท่ยี วไป; เหตเุ ครอ่ื งเจรญิ อายขุ องสตั วเ หลาน้ี เหน็ จะม.ี \"
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 463พระศาสดาเสดจ็ มาแลวตรัสถามวา \"ภกิ ษุทั้งหลาย บัดนพี้ วกเธอนัง่ ประชมุ กัน ดว ยเรอื่ งอะไรหนอ ?\" เมื่อภกิ ษทุ ้งั หลายกราบทลู วา\"ดวยเรือ่ งช่อื น,้ี \" จงึ ตรัสวา \"ภิกษทุ งั้ หลาย อายุเจรญิ อยา งเดยี วเทา นน้ั กห็ าไม, กส็ ตั วเ หลานไ้ี หวทานผูมพี ระคุณ ยอ มเจริญดวยเหตุ๔ ประการ, พน จากอันตราย, ดาํ รงอยจู นตลอดอายุทีเดียว\" ดงั น้ีแลวเมือ่ จะทรงสบื อนสุ นธิแสดงธรรม จงึ ตรสั พระคาถานว้ี า :-๘. อภวิ าทนสลี ิสสฺ นิจจฺ วุฑฒฺ าปจายิโนจตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนตฺ ิ อายุ วณโฺ ณ สุข พล .\"ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สขุ ะพละ เจรญิ แกบุคคลผกู ราบไหวเปนปกติ ผอู อ นนอมตอ ทา นผเู จรญิ เปน นติ ย.\"แกอ รรถบรรดาบทเหลานนั้ บทวา อภวิ าทนสลี สิ สฺ คือ ผไู หวเปนปกติไดแ ก ผขู วนขวายกจิ คอื การไหวเนือง ๆ. บทวา วุฑฺฒาปจายโิ น ความวา แกค ฤหัสถผ ูออ นนอมหรือผบู ูชาเปน นติ ย ดว ยการกราบไหว แมในภกิ ษุหนุมและสามเณรบวชในวนั นน้ั , กห็ รอื แกบรรพชิตผูอ อ นนอมหรือผบู ชู าเปน นิตย ดวยการกราบไหวในทานผูแ กกวาโดยบรรพชาหรือโดยอุปสมบท (หรือ ) ในทานผเู จริญดว ยคุณ.สองบทวา จตฺตาโร ธมฺมา ความวา เม่ืออายเุ จริญอยู, อายนุ ้ันยอ มเจรญิ สน้ิ กาลเทา ใด, ธรรมทง้ั หลายแมน อกน้ี กเ็ จรญิ สนิ้ กาลเทา นน้ัเหมือนกนั , ดว ยวาผใู ดทาํ กศุ ลทยี่ งั อายุ ๕๐ ป ใหเ ปนไป, อันตราย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาที่ 464แหง ชีวติ ของผนู ้ันพึงเกดิ ข้นึ แมใ นกาลมีอายุ ๒๕ ป; อันตรายนั้นยอ มระงบั เสยี ได ดว ยความเปน ผกู ราบไหวเปนปกต.ิ ผนู ้ันยอมดํารงอยไู ดจ นตลอดอายทุ ีเดียว. แมวรรณะเปน ตน ของผนู ัน้ ยอ มเจริญพรอมกับอายแุ ล. นัยแมย ิ่งกวานี้ ก็อยางน้แี ล. ก็ชอ่ื วาการเจริญแหงอายุ ทเ่ี ปน ไปโดยไมม ีอนั ตราย หามไี ม. ในเวลาจบเทศนา อายุวฒั นกุมาร ตัง้ อยใู นโสดาปต ติผล พรอมกบั อุบาสก ๕๐๐ แลว. แมชนเหลา อ่ืนเปนอันหาก ก็บรรลอุ ริยผลท้งั หลาย มีโสดาปตตผิ ลเปนตน ดงั นแ้ี ล. เร่อื งอายุวฒั นกมุ าร จบ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 465 ๙. เรื่องสังกจิ จสามเณร [๘๙] ขอ ความเบอ้ื งตน พระศาสดาเม่อื ประทับอยูใ นพระเชตวนั ทรงปรารภสังกิจจสามเณรตรสั พระธรรมเทศนานีว้ า \"โย จ วสฺสสต ชีเว\" เปน ตน. กลุ บุตร ๓๐ คนออกบวช ไดยินวา กุลบุตรประมาณ ๓๐ คนในกรุงสาวัตถี ฟง ธรรมกถาแลว บวชถวายชวี ิตในศาสนาของพระศาสดา. ภิกษุเหลา นน้ั อุปสมบท๑ได ๕ พรรษา เขาไปเฝาพระศาสดา สดบั ธุระ ๒ ประการ คือ\" คนั ธธุระ วิปสสนาธรุ ะ\" ไมทําอตุ สาหะในคันถธรุ ะ เพราะเปน ผูบวชในเวลาเปนคนแก มีความประสงคจะบาํ เพญ็ วปิ ส สนาธรุ ะ ทูลใหพระศาสดาตรสั บอกกม มัฏฐานจนถึงพระอรหัตแลว จึงทลู อาํ ลาพระ-ศาสดาวา \"ขาพระองคจ ักไปสแู ดงปา แหงหน่ึง พระเจาขา .\" พระศาสดาตรัสถามวา \"พวกเธอจกั ไปยังที่ไหน ? เมื่อภกิ ษุเหลา นน้ั กราบทลู วา \"สถานช่อื โนน,\" ไดท รงทราบวา \"ภัยจกั เกิดขึ้นในที่น้นั แกภกิ ษุเหลานัน้ เพราะอาศัยคนกนิ เดนคนหนึง่ กแ็ ตวา เม่อืสังกจิ จสามเณรไปแลว ภัยน้ันจกั ระงับ, เม่อื เปนเชน น้ันกจิ บรรพชติ ของภกิ ษเุ หลานัน้ จกั ถงึ ความบรบิ รู ณ. \"๑. อปุ สมฺปทาย ปจฺ วสสฺ า หุตวฺ า เปนผูมีพรรษา ๕ โดยการอุสมบท.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 466 ประวตั ขิ องสงั กจิ จสามเณร สามเณรของพระสารบี ุตรเถระชอื่ สังกิจจสามเณร มีอายุ ๗ ปโดยกําเนดิ . ไดยินวา มารดาของสังกจิ จสามเณรนนั้ เปนธิดาของตระกลู ม่ังค่งั ในกรุงสาวัตถี. เม่อื สามเณรน้นั ยงั อยใู นทอ ง มารดาน้ันไดทํากาละในขณะนน้ั นัน่ เอง ดวยความเจบ็ ไขอ ยา งหนึง่ . เมอื่ มารดาน้นั ถูกเผาอยู เน้อื สว นทีเ่ หลือไหมไป เวนแตเ น้อื ทอ ง. ลําดบั นนั้พวกสัปเหรอยกเนอื้ ทอ งของนางลงจากเชิงตะกอน แทงดว ยหลาวเหลก็ในท่ี ๒-๓ แหง. ปลายหลาวเหลก็ กระทบทางตาของทารก. พวกสปั เหรอแทงเน้ือทอ งอยา งนนั้ แลว จงึ โยนไปบนกองถา น ปกปดดวยถานนน่ั แลแลว หลกี ไป. เน้ือทองไหมแลว. สวนทารกไดเ ปน เชนกับรปูทองคาํ บนกองถา น เหมือนนอนอยใู นกลบี แหงดอกบวั . แทจริง สตั วผูมีในภพเปนทสี่ ุด แมถูกภูเขาสเิ นรุทับอยู ชอื่ วายงั ไมบรรลพุ ระอรหตัแลวส้นิ ชวี ติ ไมมี. ในวนั รุงข้ึน พวกสปั เหรอมาดว ยคดิ วา \"จกั ดบั เชงิตะกอน\" เห็นทารกนอนอยูอยางน้นั เกิดอัศจรรยแ ละแปลกใจ คดิ วา\" ช่ืออยางไรกัน ? เม่ือสรีระทั้งสนิ้ ถูกเผาอยูบนฟนเทา น้ี ทารกไมไ หมแลว , จกั มเี หตอุ ะไรกนั หนอ ?\" จงึ อุมเด็กน้ันนําไปภายในบา นแลวถามพวกหมอทายนิมิต. พวกหมอทายนมิ ิตพดู วา \"ถาทารกน้ี จกั อยูครองเรอื น. พวกญาตคิ ลอด ๗ เครือสกลุ จักไมยากจน; ถา จักบวช,จักเปน ผูอนั สมณะ ๕๐๐ รูปแวดลอมเทย่ี วไป.\" พวกญาตขิ นานนามวาสังกิจจะ เพราะหางตาของเขาแตกดวยขอเหลก็ . สมัยอื่น เด็กน้ันปรากฏวา \"สังกิจจะ.\" ครั้งน้นั พวกญาติ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาท่ี 467เลย้ี งเขาไว ดวยปรึกษากันวา \"ชางเถดิ , ในเวลาทเี่ ขาเตบิ โตแลว พวกเราจะใหเขาบวชในสาํ นกั พระสารบี ุตรผเู ปนเจาของเรา. ในเวลาทีต่ นมอี ายุได ๗ ขวบ สังกจิ จะนน้ั ไดยนิ คาํ พดู ของพวกเด็ก ๆ วา \"ในเวลาทเ่ี จา อยูในทอ ง มารดาของเจา ไดกระทาํ กาละแลว, เมอื่ สรรี ะมารดาของเจาน้นั แมถ กู เผาอยู เจากไ็ มไหม\" จงึ บอกแกพ วกญาตวิ า \"เขาวาฉนั พนภัยเหน็ ปานนั้น, ประโยชนอ ะไรของฉันดว ยเรือน. ฉันจกั บวช.\"ญาติเหลานั้นรับวา \" ดีละพอ\" แลว นาํ ไปยงั สํานกั พระสารีบุตรเถระไดถ วายดวยกลา ววา \"ทา นเจา ขา ขอทานจงใหเ ด็กนีบ้ วช.\" พระเถระใหต จปญจกกมั มัฏฐานแลว กใ็ หบวช. สามเณรน้นั บรรลพุ ระอรหตั พรอ มดว ยปฏิสมั ภิทา ในเวลาปลงผมเสรจ็ น่ันเอง, ชอื่ วา สงั กิจจสามเณรเพียงเทาน.ี้ รับสัง่ ใหภกิ ษุไปลาพระสารีบตุ ร พระศาสดาทรงทราบวา \"เมือ่ สามเณรน้ีไปแลว ภยั นัน้ จกั ระงับ,เม่ือเปน เชนนั้น กิจแหง บรรพชิตของภกิ ษุเหลา น้นั จกั ถงึ ความบริบูรณ\"ดงั นีแ้ ลว จึงตรัสวา \"ภกิ ษทุ ัง้ หลาย พวกเธอจงอาํ ลาสารบี ตุ รพ่ชี ายของพวกเธอแลวจงึ ไป.\" ภิกษุเหลานั้น รบั วา \"ดลี ะ\" แลวไปยังสํานักของพระเถระ เมอ่ื พระเถระถามวา \"อะไร ? ผูม อี ายุ\" จงึ กลาววา \"พวกกระผมเรยี นกมั มัฏฐานในสํานักพระศาสดาแลว มปี ระสงคจะเขา ไปปาจึงทูลอาํ ลา, เมอื่ เปนเชนนนั้ พระศาสดาจึงตรัสอยางนี้แกพ วกกระผมวา 'พวกเธออาํ ลาพี่ชายของพวกเธอแลวจงึ ไป,' ดวยเหตนุ ้ันพวกกระผมจงึ มาในทน่ี .้ี \"
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 468 พระเถระ คิดวา \"ภกิ ษุเหลา นี้ จักเปนผูทีพ่ ระศาสดาทรงเห็นเหตอุ ยางหน่งึ แลวสงมาทีน่ ,่ี นอ่ี ะไรกนั หนอแล ? รูเรอ่ื งนั้นแลว จงึกลาววา \"ผูมีอายุ กส็ ามเณรของพวกทานมหี รอื ?\" พวกภิกษุ. ไมม ี ทานผูมีอายุ. พระเถระ. ถา ไมม,ี พวกทานจงพาสังกจิ จสามเณรนไ้ี ป. พวกภกิ ษุ. อยา เลย ทานผมู อี ายุ. เพราะอาศยั สามเณร ความกงั วลจกั มีแกพ วกกระผม, ประโยชนอะไรดวยสามเณร สําหรบั พวกภิกษุผทู ่อี ยใู นปา. พระเถระ. ทา นผมู อี ายุ เพราะอาศยั สามเณรนี้ ความกังวลจักไมม ีแกพ วกทาน, กแ็ ตวา เพราะอาศยั พวกทา น ความกังวลจกั มแี กสามเณรน้,ี ถงึ พระศาสดาเมอ่ื จะทรงสง พวกทา นมายังสํานักเรา ทรงหวงั จะสง สามเณรไปกับพวกทา นจงึ ทรงสงมา, พวกทานจงพาสามเณรนี้ไปเถิด. ภกิ ษุ ๓๐ รปู ไปทําสมณธรรม ภกิ ษุเหลา นัน้ รับวา \"ดีละ\" รวมเปน ๓๑ รูปพรอมทั้งสามเณรอําลาพระเถระออกจากวิหารเทย่ี วจาริกไป บรรลุถึงบานหนง่ึ ซงึ่ มีพันสกลุ ในท่ีสดุ ๑๒๐ โยชน. พวกมนุษยเหน็ ภกิ ษเุ หลานัน้ มีจติ เลื่อมใสองั คาสโดยเคารพแลว ถามวา \"ทานเจา ขา พวกทา นจะไปไหน ?\"เมื่อภกิ ษุเหลานัน้ ตอบวา \"จะไปตามสถานทผ่ี าสกุ ผูม ีอายุ\" จึงหมอบลงแทบเทา ออ นวอนวา \"ทานเจาขา เมอื่ พวกพระผูเปน เจาอาศยั บานน้ีอยูต ลอดภายในพรรษา, พวกกระผมจะสมาทานศีลหาทําอโุ บสถกรรม.\"
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาท่ี 469พระเถระท้งั หลายรับแลว . ครั้งน้ัน พวกภกิ ษุจัดแจงทพี่ ักกลางคืนทพี่ กั กลางวนั ทจี่ งกรมและบรรณศาลา ถึงความอุตสาหะวา \"วันน้ีพวกเรา, พรุง น้ี พวกเรา\" ไดทาํ การบาํ รุงภิกษเุ หลา นน้ั . พวกภกิ ษุต้งั กตกิ ากันอยจู าํ พรรษา ในวันเขา จําพรรษา พระเถระทั้งหลายทํากตกิ วตั รกนั วา \"ผูม ีอายุ พวกเราเรยี นกัมมัฏฐาน ในสาํ นกั ของพระพุทธเจา ผยู ังทรงพระ-ชนมอ ย,ู แตเ วนความถงึ พรอมดว ยขอปฏิบัติ พวกเราไมอาจยังพระ-พทุ ธเจา ท้ังหลายใหยินดีได, อนึ่ง ประตอู บายกเ็ ปด แลวสาํ หรบั พวกเราทเี ดียว, เพราะฉะนัน้ เวน เวลาภกิ ษาจารในตอนเชา และเวลาบาํ รุงพระเถระตอนเยน็ ในกาลทเี่ หลือ พวกเราจกั ไมอยูใ นที่แหงเดียวกัน ๒รปู ; ความไมผาสุกจักมแี กทานผูใด, เมอ่ื ทานผนู ั้นตรี ะฆัง, พวกเราจักไปสํานักทา นผนู ัน้ ทาํ ยา; ในสว นกลางคนื หรือสว นกลางวนั อ่ืนจากน้ีพวกเราจกั ไมประมาทประกอบกมั มฏั ฐานเนือง ๆ.\" ทุคตบุรุษมาอาศัยอยูกับพวกภกิ ษุ เม่ือภิกษเุ หลานั้น ครนั้ ทาํ กติกาอยา งนนั้ อยู. บรุ ุษเข็ญใจคนหนึ่งอาศัยธดิ าเปน อยู, เมอ่ื ทพุ ภกิ ขภัยเกิดขึน้ ในทน่ี ้ัน, มีความประสงคจะอาศยัธดิ าคนอ่นื เปนอยู จึงเดนิ ทางไป, แมพ ระเถระทั้งหลายเทย่ี วไปบณิ ฑบาตในบาน มาถึงที่อยู อาบนาํ้ ในแมน ้าํ แหงหนง่ึ ในระหวางทางนัง่ บนหาดทราย ทําภตั กจิ . ในขณะนน้ั บรุ ษุ นั้นถงึ ทนี่ ั้นแลวไดยนื อยู ณ ทีส่ ดุสว นขา งหน่งึ . ลาํ ดับนั้น พระเถระท้งั หลายถามเขาวา \"จะไปไหน ?\"บรุ ษุ นน้ั บอกเนือ้ ความนน้ั แลว. พระเถระท้งั หลายเกดิ ความกรณุ าในบุรุษ
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาที่ 470นนั้ จึงกลา ววา \"อุบาสก ทา นหวิ จดั , จงไป, นาํ ใบไมมา, พวกเราจักใหก อนภตั แกท า นรปู ละกอ น\" เมอ่ื เขานําใบไมม าแลว; จึงคลุกดวยแกงและกับ โดยทาํ นองทจ่ี ะฉันดว ยตน ๆ ไดใหก อนภัตรูปละกอ น.ทราบวา ธรรมเนยี มมีดงั นี้ ภกิ ษผุ ูจะใหภ ัตแกผมู าถึงในเวลาฉนั ไมใหภัตตอนยอด๑ พึงใหน อ ยบาง มากบาง โดยทาํ นองท่จี ะฉันดวยตนนัน้ แล; เพราะฉะน้นั ภกิ ษุแมเหลานน้ั จึงไดใหอยางน้นั . บรุ ุษนัน้ ทาํภตั กิจแลว ไหวพระเถระทง้ั หลาย ถามวา \"ทานขอรับ พวกพระผเู ปน เจาใคร ๆ นมิ นตไวห รือ ?\" พวกภิกษุ. ไมมีการนมิ นตด อก อบุ าสก, พวกมนษุ ยถวายอาหารเชนนี้แหละทกุ วนั ๆ. ทุคตบรุ ษุ คิดวา \"เราแมขยันขันแข็งทํางานตลอดกาลเปน นติ ยกไ็ มอ าจไดอาหารเชน นั้น, ประโยชนอะไรของเราดวยการไปทอี่ ่นื , เราจักเปนอยูในสาํ นักของภิกษเุ หลานนี้ ี่แหละ.\" ลาํ ดับนน้ั จงึ กลาวกะภกิ ษุเหลา น้ีวา \"กระผมปรารถนาจะทําวัตรปฏบิ ัตอิ ยูในสํานักของพวกพระผู-เปน เจา.\" พวกภิกษ.ุ ดีละ อุบาสก. ทคุ ตบรุ ษุ หนพี วกภกิ ษุไปเยี่ยมธดิ า เขาไปทีอ่ ยขู องภกิ ษเุ หลาน้ันกับภกิ ษเุ หลา น้ัน ทําวตั รปฏิบัตเิ ปนอันดี ยงั พวกภกิ ษุใหรกั ใครอ ยา งยิง่ โดยลวงไป ๒ เดือน ปรารถนาจะไปเยี่ยมธดิ า คดิ วา \"ถาเราจักอําลาพวกพระผเู ปน เจา, พระผเู ปนเจา๑. อนามฏั ฐบณิ ฑบาต ภกิ ษุละเมดิ ธรรมเนียมนี้ ทานปรับอาบัติทกุ กฏ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 471ทัง้ หลาย จักไมป ลอ ยเรา, เราจักไมอาํ ลาไปละ\" ดังนแี้ ลว ก็ไมบ อกแกภกิ ษุเหลาน้ันเลยออกไปแลว . ทราบวา ขอ ทเ่ี ขาไมบ อกพวกภกิ ษุหลกี ไปเทาน้ัน ไดเ ปน ความพล้งั พลาดอยา งขนาดใหญ, กใ็ นหนทางไปของบรุ ษุ น้ัน มดี งอยูแหงหน่ึง. วนั ท่ี ๗ เปน วันของโจร ๕๐๐ คนผทู ําการบนบานเทวดาวา \" ผูใดจกั เขา สูดงน,้ี พวกเราจกั ฆา ผนู ้นั แลวทาํ พลกี รรมแดท าน ดวยเน้อื และเลอื ดของผูน ้นั แหละ\" แลว อยใู นดงนน้ั . เขาถกู โจรจับในกลางดง เพราะฉะน้ัน ในวันท่ี ๗ หวั หนาโจรขนึ้ ตนไมต รวจดูพวกมนุษยเหน็ บรุ ุษน้ันเดินมา จงึ ไดใหส ัญญาแกพวกโจร. โจรเหลานนั้ รคู วามท่ีบรุ ุษนั้นเขาสูก ลางดง จึงลอมจบั เขา ทําการผกู อยา งมั่นคง สไี ฟดว ยไมสีไฟ ขนฟน มากอ เปนกองไฟใหญ เสย้ี มหลาวไว. บรุ ุษนัน้ เห็นกิรยิ าของโจรเหลานน้ั ถึงถามวา \"นาย ในทน่ี ี้ ขาพเจาไมเ หน็ หมูและเนอื้เปน ตน เลย, เหตไุ ร พวกทานจึงทาํ หลาวน้ี ?\" พวกโจร. พวกเราจกั ฆาเจา ทําพลกี รรมแกเ ทวดา ดว ยเนอื้ และเลอื ดของเจา . บรุ ษุ นัน้ ถกู มรณภยั คุกคาม มไิ ดติดถึงอปุ การะนน้ั ของพวกภกิ ษุเมือ่ จะรักษาชวี ติ ของตนอยางเดียวเทา นนั้ จงึ กลาวอยางนี้วา \"นายขา พเจา เปน คนกินเดน กนิ ภตั ท่เี ปน เดนเตบิ โต, ข้นึ ช่ือวาคนกนิ เดนเปนคนกาลกณิ ;ี ก็พวกพระผูเปน เจา แมออกบวชจากสกุลใดสกลุ หน่ึงเปน กษตั ริยทีเดียว; ภกิ ษุ ๓๑ รูปอยใู นท่โี นน พวกทา นจงฆาภกิ ษุเหลานน้ั แลว ทาํ กรรม, เทวดาของพวกทา นจกั ยนิ ดี เปนอยางย่ิง.\"
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 472 พวกโจรไปจับภิกษุเพ่ือทําพลีกรรม พวกโจรฟง คาํ นั้นแลว คดิ วา \"คนนพ้ี ดู ด,ี ประโยชนอะไรดวยคนกาลกิณีนี,้ พวกเราจักฆา พวกกษตั ริยท ําพลกี รรม\" ดงั นีแ้ ลวจึงกลาววา \"มาเถดิ , จงแสดงท่อี ยูของภิกษุเหลา นั้น\" แลวใหเขาน่ันแลเปน ผนู าํ ทาง ถึงท่นี ้นั แลว ไมเ ห็นพวกภิกษใุ นทา นกลางวิหารจงึ ถามเขาวา \"พวกภกิ ษุไปไหน ?\" เขารกู ตกิ วัตรของภิกษเุ หลา น้ันเพราะอยถู ึง ๒ เดอื น จงึ กลา วอยางน้ีวา \"พวกภิกษนุ ่ังอยูในที่พักกลางคืนและที่พักกลางวนั ของตน, จงตีระฆงั นั่น, พวกภิกษจุ ักประชุมกนั ดวยเสยี งระฆงั .\" หัวหนาโจรตีระฆงั แลว . พวกภิกษไุ ดยนิ เสยี งระฆังคิดวา \"ใครตีระฆังผิดเวลา, ความไมผาสุกจกั มแี กใคร\" ดังนแี้ ลวจงึ มานัง่ บนแผนหินทเ่ี ขาแตงตัง้ ไว โดยลาํ ดับตรงกลางวิหาร พระสังฆ-เถระแลดูพวกโจรแลว ถามวา \"อุบาสก ใครตีระฆังนี.้ \" หวั หนาโจรตอบวา ขา พเจาเองขอรบั .\" พระสงั ฆเถระ. เพราะเหตไุ ร ? หัวหนา โจร. พวกขา พเจา บนบานเทพยดาประจําดงไว, จกั จับภกิ ษุรปู หนงึ่ ไป เพื่อตอ งการทาํ พลกี รรมแกเทวดานน้ั . พวกภกิ ษุยอมตวั ใหโจรจบั พระมหาเถระฟง คาํ นัน้ แลว จึงกลาวกะพวกภกิ ษวุ า \"ผูมีอายุธรรดากิจเกิดแกพวกนอ ง ๆ ผูเปน พี่ชายตองชวยเหลือ, ผมจักสละชีวิตของตนเพื่อพวกทาน ไปกับโจรเหลาน,้ี ขอ อันตรายจงอยา มแี กท กุ ๆทา น, พวกทานจงเปน ผูไ มป ระมาททาํ สมณธรรมเถดิ .\" พระอนเุ ถระ
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 473กลา ววา \"ทา นขอรับ ธรรมดากิจของพชี่ ายยอมเปนภาระของนองชาย,กระผมจกั ไป, ขอทานทง้ั หลายจงเปน ผไู มประมาทเถดิ .\" โดยอุบายนี้ชนแมทัง้ ๓๐ ลุกข้นึ พดู เปน ลําดบั วา \"ผมเอง ผมเอง.\" ดวยประการฉะน้ี ภกิ ษทุ ้งั หมดไมเ ปน บุตรของมารดาเดยี วกันเลย. ไมเปน บุตรของบดิ าเดียวกัน, ท้ังยังไมสนิ้ ราคะ, แตก ระน้นั ก็ยอมเสียสละชีวิตตามลาํ ดบัเพือ่ ประโยชนแ กภกิ ษทุ เี่ หลือ; บรรดาภิกษเุ หลา นั้น แมภกิ ษุรปู หนึ่งช่ือวาสามารถกลาววา \"ทา นไปเถิด\" มไิ ดม เี ลย. สังกิจจสามเณรยอมมอบตวั ใหแกโ จร สงั กจิ จสามเณรไดฟง คําของภิกษุเหลาน้นั จึงกลา ววา \"หยุดเถิด ทานขอรบั , กระผมจกั สละชีวิตเพ่อื พวกทานไปเอง.\" พวกภิกษุ. ผูม อี ายุ เราทงั้ หมดแมจ กั ถูกฆา รวมกนั กจ็ กั ไมยอมสละเธอผเู ดียว. สามเณร. เพราะเหตุไร ? ขอรับ. พวกภิกษุ. ผมู ีอายุ เธอเปน สามเณรของพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถระ, ถาเราจักสละเธอ, พระเถระจกั ติวา 'พวกภกิ ษพุ าสามเณรของเราไปมอบใหแกพ วกโจร,' เราไมอาจจะสลดั คาํ ตเิ ตียนนั้นได ดวยเหตนุ ั้น เราจกั ไมส ละเธอ. สามเณร. ทา นขอรบั พระสมั มาสัมพุทธเจา ทรงสง พวกทานไปยังสาํ นักพระอุปช ฌายะของกระผมกด็ ี, พระอุปช ฌายะของกระผม สงกระผมมากับพวกทานกด็ ี. ไดทรงเห็นเหตอุ นั นี้แลว ทั้งน้ัน จึงสงมา,หยุดเถดิ ขอรบั , กระผมน่แี หละจักไปเอง.
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาท่ี 474 สามเณรนั้นไหวภกิ ษุทัง้ ๓๐ รูปแลว กลา ววา \"ทา นขอรับถาโทษของกระผมมอี ย,ู ขอทานจงอดโทษ\" ดงั นี้ แลว กอ็ อกไป.ความสลดใจอยา งใหญเ กิดข้ึนแกพ วกภกิ ษุแลว , ตาเต็มไปดว ยนํา้ ตา,เน้ือหวั ใจส้นิ แลว . พระมหาเถระพดู กะพวกโจรวา \"อุบาสก เดก็ นีเ้ หน็พวกทา นกอไฟ เสี้ยมหลาว ลาดใบไมจ กั กลัว, ทา นทงั้ หลายพกั สามเณรน้ไี วใ นท่สี วนหนงึ่ พึงทํากิจเหลานัน้ .\" พวกโจรพาสามเณรไปพกั ไวในทสี่ วนหนึ่ง แลว ทํากจิ ทง้ั ปวง. นายโจรลงมือฆา สามเณร ในเวลาเสร็จกจิ หวั หนาโจรชักดาบเดนิ เขาไปหาสามเณร. สามเณรเมอื่ น่ัง นง่ั เขา ฌานมน่ั , หัวหนาโจรแกวงดาบฟน ลงท่ีคอสามเณร.ดาบงอเอาคมกระทบคม. หวั หนาโจรนนั้ สาํ คัญวา \"เราประหารไมดี\"จงึ ดัดดาบนน้ั ใหต รงแลว ประหารอีก. ดาบเปน ดังใบตาลที่มว น ไดรนถงึโคนดาบ. แทจ รงิ บุคคลแมจ ะเอาภูเขาสิเนรุทบั สามเณรในเวลานนั้ชอ่ื วา สามารถจะใหสามเณรตายไมมเี ลย, จะปว ยกลาวไปไยถงึ วาจะเอาดาบฟน ใหตาย. หัวหนา โจรเหน็ ปาฏหิ ารยิ น้นั แลว คิดวา \"เม่ือกอ นดาบของเรา ยอมตดั เสาหนิ หรือตอไมต ะเคยี นเหมอื นหยวกกลว ย, บัดนี้ ดาบของเรางอคราวหนึง่ อีกคราวหน่ึงเกดิ เปนดงั ใบตาลมวน; ดาบชือ่ นี้แมไมม เี จตนา ยังรูคณุ ของสามเณรน,้ี เรามีเจตนายังไมร .ู นายโจรเลือ่ นใสในปาฏหิ าริยข องสามเณร นายโจรน้ันทิง้ ดาบลงทฟ่ี น ดนิ เอาอกหมอบแทบใกลเทา ของสามเณร แมจะถามวา \"ทา นเจาขา พวกผมเขา มาในดงน้ี เพราะเหตุ
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 475ตอ งการทรพั ย. บุรษุ แมมปี ระมาณพนั คน เห็นพวกเราแตทไี่ กลเทียวยังสัน่ , ไมอ าจพูด ๒ - ๓ คาํ ได, สว นสําหรบั ทานแมเพยี งความหวาดสะดุงแหงจิตกม็ ิไดม ี, หนา ของทานผอ งใสดงั ทองคาํ ในปากเบา และดังดอกกรรณกิ ารทีบ่ านดี; เหตุอะไรกันหนอ ?\" จึงกลา วคาถาน้วี า :- \"ความหวาดเสยี วไมม แี กท า น, ความกลัวก็ ไมม ี, วรรณะผอ งใสยิง่ นกั , เหตุไร ทา นจึงไม ครา่ํ ครวญ ในเพราะภัยใหญห ลวงเหน็ ปานน้เี ลา ?\" สามเณรออกจากฌาน เม่ือจะแสดงธรรมแกหวั หนาโจรนนั้ จึงกลา ววา \"ทานผูเปนนายบาน ขน้ึ ชื่อวา อตั ภาพของพระขีณาสพ ยอ มเปน เหมือนภาระ (ของหนกั ) ซ่ึงวางไวบนศีรษะ, พระขีณาสพนนั้เมอ่ื อตั ภาพนน้ั แตกไป ยอมยนิ ดที เี ดียว ยอ มไมกลวั เลย\" ดังนีแ้ ลวไดก ลาวคาถาเหลา นว้ี า :- \"ทา นผูเปนนายบา น ทุกขท างใจยอมไมมแี ก ทา นผไู มมคี วามหว งใย, ทานผแู สวงหาคุณ ส้ิน สญั โญชนแ ลว กาวลวงภัยทกุ อยางได, ตัณหา อนั นาํ ไปสูภพของพระขีณาสพนัน้ สนิ้ แลว, ทานเหน็ ธรรมแลวตามเปนจริง หรอื โดยถอ งแท, ความตาย [ของทาน] หมดภยั ดงั ปลงภาระลงฉะน้ัน.\" นายโจรขอบรรพชากะสามเณร หัวหนา โจรนัน้ ฟง คาํ สามเณรนน้ั แลว แลดโู จร ๕๐๐ คนพูดวา\" พวกทานจกั ทาํ อยา งไร ?\"
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ท่ี 476 พวกโจร. กท็ า นเหลา ? นาย. นายโจร. กิจในทามกลางเรือนของฉันไมม ี เพราะเหน็ ปาฏิหารยิ เหน็ ปานนี้กอ น, ฉันจักบวชในสาํ นกั พระผเู ปน เจา . พวกโจร. แมเ ราจกั ทําอยา งนนั้ เหมอื นกัน. นายโจร. ดลี ะ พอ . ลําดบั นัน้ โจรทงั้ ๕๐๐ คนไหวส ามเณรแลว จงึ ขอบรรพชา.สามเณรน้นั ตัดผมและชายผาดวยคมดาบของโจรเหลา นน้ั เอง ยอมดวยดนิ แดง ใหค รองผากาสายะเหลา นน้ั ใหต งั้ อยูในศลี ๑๐ เม่ือพาสามเณรเหลาน้นั ไป คดิ วา \"ถาเราจกั ไมเ ย่ียมพระเถระทง้ั หลายไปเสยี ,พระเถระเหลา น้ันจักไมอาจทาํ สมณธรรมได, จาํ เดมิ แตกาลที่พวกโจรจบัเราออกไป บรรดาพระเถระเหลาน้นั แมร ปู หนงึ่ กม็ ิไดอาจอดกล้ันน้ําตาไวไ ด, เมอื่ พระเถระเหลานั้น คิดอยวู า 'สามเณรถกู โจรฆา ตายแลวหรอื ยงั หนอ' กัมมฏั ฐาน จักไมม งุ หนาได; ๑ เพราะฉะนัน้ เราเยี่ยมทา นแลวนั้นแหละ จงึ จักไป.\" สามเณรกลับไปเยย่ี มพวกภิกษุ สามเณรนน้ั มีสามเณร ๕๐๐ รปู เปน บรวิ ารไปในท่ีนั้น, เม่ือภกิ ษุเหลา น้ันกลบั ไดความเบาใจเพราะเห็นตนแลว กลา ววา \"สงั กิจจะผูสัตบุรษุ เธอไดชีวิตแลว หรือ ?\" จงึ ตอบวา \"อยา งนั้นขอรับ, โจรเหลาน้ีใครจะฆากระผมใหต าย กไ็ มอาจฆา ได เลื่อมใสในคณุ ธรรมของกระผม ฟงธรรมแลว บวช: กระผมมาดวยหวังวา 'เย่ียมทา นแลว จกั๑. ถอื เอาความวา ไมเปน อนั ต้งั หนาทาํ กมั มฏั ฐานได.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนาที่ 477ไป,' ขอทานจงเปนผูไมประมาททําสมณธรรมเถดิ , กระผมจักไปสาํ นกัพระศาสดา\" แลวไหวภ ิกษุเหลา น้ัน พาสามเณรนอกน้ีไปยงั สาํ นกัพระอปุ ชฌายะ, เมอื่ ทานถามวา \"สังกจิ จะ เธอไดอ ันเตวาสกิ แลวหรือ ?\" จึงตอบวา \"ถกู แลว ขอรับ\" ดงั นแ้ี ลวกเ็ ลา เร่ืองน้ัน, ก็เมื่อพระเถระกลาววา 'สงั กิจจะ เธอจงไป, เฝา เยีย่ มพระศาสดา,' เธอรับวา \"ดลี ะ\" แลวไหวพระเถระพาสามเณรเหลา น้นั ไปยง่ิ สํานกั พระ-ศาสดา, แมเ ม่อื พระศาสดาตรสั ถามวา \"สังกจิ จะ เธอไดอนั เตวาสิกแลว หรือ ?\" จึงกราบทลู เรือ่ งน้ัน ผูมศี ีลประเสริฐกวาผูท ศุ ลี พระศาสดาตรัสถามวา \"ไดย ินวา อยา งน้ันหรอื ? ภิกษุท้งั หลาย,\"เมอื่ พวกภกิ ษุทูลรับวา \"อยา งน้นั พระเจาขา\" จึงตรัสวา \"ความต้งั อยใู นศลี แลวเปน อยแู มว นั เดียวในบดั นี้ ประเสรฐิ กวา การทที่ า นทําโจรกรรมต้ังอยใู นทุศลี เปนอยตู ัง้ ๑๐๐ ป\" ดังน้ีแลว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จงึ ตรัสพระคาถาน้ีวา:- ๙. โย จ วสฺสสต ชเี ว ทุกสฺสีโล อสมาหิโต เอกาห ชีวิต เสยโฺ ย สลี วนฺตสฺส ฌายโิ น. \"ก็ผใู ดทุศลี มใี จไมต ้ังม่นั พึงเปนอยู ๑๐๐ ป, ความเปน อยวู ันเดยี วของผูมศี ลี มีฌาน ประเสริฐ วา (ความเปนอยขู องผนู น้ั ).\"
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 478 แกอรรถ บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา ทสุ ฺสีโล คอื ไมม ีศลี . บทวา สีลวนตฺ สสฺ ความวา ความเปน อยูแ มวนั เดยี ว คอืแมค รูเดียวของผมู ศี ลี มีฌาน ดวยฌาน ๒ ประการ ประเสรฐิ คือสูงสุดกวาความเปน อยู ๑๐๐ ปข องผทู ุศีล. ในเวลาจบเทศนา ภิกษุแม ๕๐๐ น้ันบรรลุพระอรหตั พรอ มดว ยปฏิสมั ภทิ าทง้ั หลาย, ธรรมเทศนาไดม ปี ระโยชนแ มแ กม หาชนผปู ระชุมกนั . ประวัตอิ ธมิ ุตตกสามเณร โดยสมยั อน่ื อีก สงั กิจจะไดอ ุปสมบทแลว มพี รรษา ๑๐ จึงรับสามเณรไว. ก็สามเณรน้ันเปน หลานของทา นเอง ชอ่ื อธิมุตตกสามเณร.ครัง้ นน้ั พระเถระเรยี กสามเณรนั้นมาในเวลามีอายุครบสง ไปดวยคาํ วา\" เราจกั ทําการอุปสมบทเธอ, จงไป, ถามจํานวนอายใุ นสาํ นักพวกญาติแลวจงมา.\" อธิมุตตกสามเณรนน้ั เม่ือไปสํานักของมารดาบดิ า ถูกพวกโจร ๕๐๐ คนจะฆา ใหตายเพ่อื ตองการทําพลีกรรมในระหวา งทางแสดงธรรมแกโ จรเหลาน้ันเปน ผูอนั พวกโจรมีจิตเลอ่ื มใส ปลอ ยไปดวยคําวา \"ทา นไมพ ึงบอกความทีพ่ วกผมมอี ยูในที่นี้แกใคร ๆ\" เหน็ มารดาบิดาเดนิ สวนทางมาก็รกั ษาสจั จะไมบ อกแกมารดาบิดาเหลานั้น แมเดนิ ไปทางนน้ั นน่ั แหละ. เมอ่ื มารดาบดิ านนั้ ถูกพวกโจรเบียดเบียน ครา่ํ ครวญพูดวา \"ชะรอยวา แมทานกเ็ ปน พวกเดียวกันกบั พวกโจรจงึ ไมบ อกแกเ รา\"โจรเหลานนั้ ไดยนิ เสยี งแลว รคู วามทส่ี ามเณรไมบ อกแกมารดาบดิ า ก็มีจิต
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ท่ี 479เล่อื มใส ขอบรรพชา. แมอธิมตุ ตกสามเณรนัน้ ก็ยังโจรเหลา น้นั ทัง้ หมดใหบ วชแลว เหมือนสงั กิจจสามเณร นํามายงั สาํ นักพระอปุ ช ฌาย ผูอันพระอปุ ชฌายน ้ันสง ไปยงั สาํ นักพระศาสดา พาภกิ ษเุ หลาน้ันไป กราบทูลเรื่องน้นั แดพระศาสดาแลว. พระศาสดาตรสั ถามวา \"เขาวาอยา งนั้นหรือ ?ภิกษุทั้งหลาย\" เมอ่ื พวกภิกษทุ ูลวา \"ถกู แลว พระเจา ขา\" เม่อื จะทรงสืบอนสุ นธิแสดงธรรมโดยนัยกอ นนั้นแล จึงตรสั พระคาถานี้วา :- \"ก็ผใู ดทศุ ีล มีใจไมต ัง้ มัน่ พึงเปนอยู ๑๐๐ ป, ความเปนอยูวันเดยี วของผมู ศี ลี มฌี าน ประเสรฐิ วา [ความเปน อยูของผนู น้ั ].\" (ชื่อเรอ่ื งอธมิ ุตตกสามเณร) แมนี้ ขาพเจากก ลา วไวแ ลว ดว ยพระคาถานเี้ หมอื นกัน. เรอื่ งสังกจิ จสามเณร จบ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หนา ที่ 480 ๑๐. เร่ืองพระขานุโกณฑญั ญเถระ [๙๐] ขอความเบื้องตน พระศาสดาเมื่อประทับอยูใ นพระเชตวัน ทรงปรารภพระขานุ-โกณฑัญญเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานีว้ า \"โย จ สฺสสต ชีเว \"เปน ตน. พระเถระนงั่ เขา ฌาน โจรเอาหอของทบั ไมรสู กึ ไดย นิ วา พระเถระนั้นเรยี นกัมมัฏฐานในสํานักพระศาสดาอยูใ นปาบรรลุพระอรหัตแลวคิดวา \"จกั ทลู พระศาสดา\" เม่ือมาจากทีน่ ัน้ เหนด็เหนอื่ ยในระหวางทาง แวะจากทางนง่ั เขา ฌานบนศิลาดาด๑แหงหนึ่ง.ครัง้ นน้ั โจร ๕๐๐ คนปลนบานแหง หนึ่งแลวผูกหอ ส่ิงของตามสมควรแกก าลังของตน เอาศรี ษะเทนิ เดนิ ไป ครน้ั เดินไปไกลกเ็ หนด็ เหนือ่ ยคิดวา 'เรามาไกลแลว , จกั พกั เหน่ือยบนศลิ าดาดน้ี' แวะจากทางไปยงัที่ใกลศ ลิ าดาด แมเห็นพระเถระแลวกม็ คี วามสําคัญวา \"นีเ่ ปน ตอไม.\"ลาํ ดับนนั้ โจรคนหนงึ่ วางหอ สง่ิ ของลงบนศรี ษะพระเถระ. โจรคนอน่ื ๆกว็ างหอ สง่ิ ของพิงพระเถระนัน้ . ดวยประการฉะน้ี โจรแมทัง ๕๐๐ คนเอาหอสิง่ ของ ๕๐๐ หอ ลอ มรอบพระเถระ แมต นเองกน็ อนหลับ ตืน่ในเวลาอรณุ ขน้ึ ควา หอ ของตน ๆ ไดเหน็ พระเถระก็เรมิ่ จะหนีไป ดวยสาํ คัญวา \"เปนอมนษุ ย.\" ทันใดน้นั พระเถระกลาวกะพวกโจรน้ันวา \"อยา กลัวเลยอบุ าสก,๑. ปฏิปาสาเณ บนแผน หินมีหลัง.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 507
Pages: