พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 202 อรรถกถาเทวทูตสูตร เทวทตู สูตร มีบทเริ่มตน วา ขาพเจา ไดส ดบั มาอยางน้:ี - ในบทเหลา นนั้ คําเปนตน วา เทวฺ อคารา ใหพิสดารไวแ ลว ในอัสสบุรสตู ร. บทวา นิรย อปุ ปนนฺ า ความวา ในบางครัง้ พระผูม ีพระภาคเจาทรงยงั เทศนาตงั้ แตน รกใหจ บลงดว ยเทวโลก. บางคร้งั ต้งั แตเ ทวโลกทรงใหจบลงดว ยนรก. ถา ประสงคจ ะตรัสสวรรคส มบัตใิ หพ สิ ดาร ตรัสถึงทุกขใ นนรกโดยเอกเทศ ทุกขในกาํ เนิดสตั วดิรัจฉาน ทกุ ขใ นปตติวิสยั ตรัสถงึ สมบตั ใิ นมนุษยโลก โดยเอกเทศ. ถา วาประสงคจ ะตรสั ทุกขใ นนรกใหพิสดาร ยอ มตรัสถึงสมบตั ใิ นเทวโลกมนษุ ยโลก และทกุ ขใ นกาํ เนิดสัตวด ิรจั ฉานและปตต-ิวสิ ัยโดยเอกเทศ ชอื่ วา ยงั ทกุ ขใ นนรกใหพิสดาร ในพระสูตรน้ี พระองคประสงคจะทรงยงั ทกุ ขใ นนรกใหพ สิ ดาร เพราะฉะนน้ั ทรงยงั เทศนาตงั้ แตเทวโลกใหจ บลงดว ยนรก เพอ่ื จะตรสั ถงึ สมบตั ใิ นเทวโลกมนษุ ยโลก และทุกขในกําเนิดสัตวด ริ ัจฉานและในปต ติวสิ ยั โดยเอกเทศ แลวตรสั ถึงทกุ ขในนรกโดยพสิ ดาร จงึ ตรสั คาํ เปนตน วา ตเมน ภกิ ฺขเว นิรยปาลา. ในบทน้นัพระเถระบางพวกกลาววา ชอ่ื วา นายนิรยบาล ไมมี กรรมเทา นนั้ ยอ มกอ เหตุเหมือนหุน ยนต. กรรมนัน้ ถกู ปฏเิ สธไวในอภิธรรม โดยนยั เปนตนวา เออนายนริ ยบาลในนรกมแี ละผกู อ เหตกุ ็มี. เหมือนอยา งวา ในมนุษยโลกนผี้ ลู งโทษดวยกรรมกรณ ฉนั ใด นายนริ ยบาลก็มีอยใู นนรก ฉันน้นั . บทวา ยมสสฺ รโฺ ไดแ กพระราชาเวมานิกเปรต ช่ือวา พญายมในเวลาหน่ึงเสวยตนกัลปพฤษทิพย อทุ ยานทิพย นกั ฟอ นรําทพิ ย สมบตั ิทิพยในวมิ านทิพย ในเวลาหน่ึงเปนพระราชาผทู รงธรรมเสวยผลกรรม แตไ มใ ช
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 203เวลาเดยี วกัน. สวนทปี่ ระตทู ัง้ ๔ มีคนอยู ๔ คน. บทวา นาททฺ ส ความวาทานหมายเอาเทวทูตคนใดคนหนงึ่ ท่ถี กู เขาสง ไปไวในสํานกั ของตน จึงกลาวอยา งนี้ ครั้งนน้ั พญายมรวู า ผูน ้ไี มก าํ หนดเนอื้ ความแหงภาษติ ประสงคจะใหเ ขากําหนด จงึ กลา วคําวา อมฺโภ. บทวา ชาติธมโฺ ม คอื มคี วามเกดิเปนสภาพ ไมพน จากความเกดิ ไปได ชอ่ื วา ชาติ ยอ มเปนไปในภายในของเรา.แมในบทเปนตน วา ปรโต ชราธมฺโม ก็มีนยั น้เี หมือนกัน. ในบทวา ปมเทวทูต สมนยุ ุ ชฺ ิตฺวา ความวา กุมารหนมุ ยอมกลาวอยางน้ี โดยเน้อืความวา ผเู จรญิ จงดเู รา แมเรากม็ มี อื และเทาเหมือนพวกทาน แตเ ราเกลอื กกลว้ั อยูใ นมตู รคถู ของตน ไมอ าจเพ่ือจะลุกขนึ้ อาบนํ้าตามธรรมดาของคนได เราเปน ผูมีกายสกปรกแลว ไมอ าจเพอ่ื จะบอกวา อาบนํ้าใหเ รา เราชอ่ื วาเปนเชน นี้ เพราะไมพ นจากความกด็ ี แตก ็ไมใชเ ราเทา นน้ั แมทานทงั้ หลายก็ไมพน จากความเกิด ความเกดิ จักมาถงึ แมแ กทานทัง้ หลายเหมอื นเรา ทา นจงทาํ ความดไี ว ต้ังแตก อนเกิดน้นั ดวยประการฉะน้ี เพราะเหตุนน้ั แล กมุ าร-หนุมนนั้ ช่อื วา เทวทตู . แตเนอ้ื ความแหงถอ ยคําทานกลา วไวในมาฆเทวสตู ร แมใ นบทวา ทุตย เทวทตู ความวา สัตวแกเฒา ชื่อวา ยอมกลา วอยา งน้ี โดยเนือ้ ความวา ผูเจริญ พวกทานจงดู แมเ รากเ็ คยเปน หนุมสมบรู ณดว ยกาํ ลังขา กาํ ลงั แขนและวองไวเหมือนทา น ความถึงพรอ มดวยกาํ ลงั และความวองไวเหลา นั้นของเรานนั้ หมดไปเสียแลว แมม อื และเทา ของเรามีอยูทาํ กจิ ดว ยมอื และเทาไมไ ด เราชอื่ วา เปน เชนนี้ เพราะไมพ น จากชรา ไมใ ชแตเราเทาน้นั แมทานท้งั หลาย กไ็ มพ น ไปจากชรา ความชราจักมาถงึ แมแ กทานท้ังหลายเหมอื นเรา ทานทัง้ หลายจงทาํ ความดไี วก อน แตช ราน้นั จะมาถึงกอน ดวยประการฉะน.้ี เพราะเหตนุ นั้ แล สัตวแกเฒา นัน้ ชอ่ื วา เทวทูต.
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 204 แมในบทวา ตติย เทวทตู นี้ ความวา สัตวผูเ จ็บไข ช่อื วา ยอมกลาวอยา งน้ี โดยเนือ้ ความวา ผูเจรญิ พวกทา นจงดู แมเ ราก็เปน ผูไมม ีโรคเหมอื นทา น เราน้นั บดั น้ี ถกู พยาธคิ รอบงาํ เกลอื กอยูในมูตรและคูถของคนไมอ าจแมเ พอื่ จะลกุ ข้นึ แมมอื และเทาของเรามอี ยู ทํากิจดว ยมอื และเทาไมไ ดเราเปน เชนน้ี เพราะไมพ นจากพยาธิ ไมใ ชแตเ ราเทา น้นั แมทานทั้งหลายก็ไมพนจากพยาธิ พยาธจิ กั มาถงึ แมแกท า นท้ังหลายเหมือนเรา ทานจงทาํความดไี วกอ น แตพ ยาธจิ ะมาถงึ ดว ยประการฉะนี้. เพราะเหตนุ นั้ สัตวผูเ จบ็ ไขน ั้น ชอื่ วา เทวทูต. กใ็ นบทวา จตุตถฺ เทวทูต นี้ กรรมกรณหรือผูลงโทษวา เทวทูต.ในสองบทนัน้ ในฝายกรรมกรณ กรรมกรณ ๓๒ กอ น ยอมกลา วอยางน้ีโดยอรรถวา พวกเราเมื่อบังเกิด ยอ มไมบ งั เกดิ ทต่ี น ไมห รือแผน หิน ยอ มบงั เกิดในสรีระของคนเชน ทา น ดว ยประการฉะนี้ ทานจงทาํ ความดีไวกอ นเราเกิด เพราะเหตุน้ัน กรรมกรณเ หลา นนั้ จึงช่อื วา เทวทูต. แมผูล งโทษยอ มกลาวอยางนี้ โดยอรรถวา พวกเราเมื่อจะลงกรรมกรณ ๓๒ อยา ง ไมไ ดลงท่ีตน ไมเ ปน ตน ยอมลงในสตั วอยางพวกทา นนนั่ แหละ. ดวยประการฉะน้ีพวกทา นจงทาํ ความดีกอ นที่เราจะลงโทษ. เพราะเหตนุ น้ั เเมผลู งโทษเหลา น้นัชื่อวา เทวทตู . ในบทวา ปจฺ ม เทวทูต นี้ ความวา สัตวผตู ายแลวยอมกลาวอยางน้โี ดยอรรถวา ผเู จรญิ พวกทา นจงดเู ราทเ่ี ขาท้ิงไวใ นปาชาผีดิบถงึ ความเปนผขู นึ้ อดื เปนตน เรากเ็ ปนเชน น้ี เพราะไมพนจากความตาย แตไมใชเ ราเทา นัน้ แมพวกทานกไ็ มพนจากความตายเหมือนกนั ความตายจักมาถงึ แกท านทง้ั หลายเหมือนเรา พวกทานจงทาํ ความดีกอ นความตายนัน้ จะมาถึงเพราะฉะนน้ั สตั วผตู ายนั้น ชอ่ื วา เทวทตู .
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 205 ถามวา ใคร จะไดป ระโยชนของเทวทูตนี้ ใครไมได. ตอบวาผูใ ดทํากรรมมาก ผูนัน้ ไปเกิดในนรก. ผใู ดทําบาปกรรมนิดหน่งึ ผูน ้ันยอมได.ชนทัง้ หลายจบั โจรพรอมดว ยภัณฑะยอ มกระทําส่ิงที่ควรทํา ไมวินจิ ฉยั แตนาํ โจรทถ่ี ูกสอบสวนจบั ไวไ ปสโู รงศาล เขาไดก ารตดั สนิ ฉันใด ขอเปรยี บเทียบก็ฉันนัน้ กผ็ ูมบี าปกรรมนิดหนง่ึ ยอ มระลกึ ไดต ามธรรมดาของตน แมถูกเขาใหระลึกได. ในขอ นั้น มที มฬิ ช่ือ ฑีฆทันตะ ระลกึ ไดตามธรรมดาของคน. ไดยินวา ทมิฬนั้นเอาผาสแี ดงบชู าอากาศเจดียใ นสุมนครี วิ หิ าร.คร้งั น้ัน เขาเกดิ ใกลอ สุ สทุ นรก ไดย ินเสยี งเปลวไฟ ระลกึ ถึงผาที่คนบชู าไว.เขาจึงไปเกิดบนสวรรค. อีกคนหน่ึง ถวายผาสาฏกเน้อื หยาบแกภ กิ ษหุ นมุเปนบุตรวางไวใ กลเ ทา. ในเวลาใกลตาย เขาถือนมิ ิตในเสียงวา ปฏะ ปฏะ แมเขาเกิดใกลอุสสทุ นรก กร็ ะลกึ ถึงผา นนั้ เพราะเสียงเปลวไฟจึงไปเกิดบนสวรรค.เขาระลึกถึงกุศลกรรมตามธรรมดาของคนกอ นอยางน้ี จึงบังเกิดบนสวรรค.สูเมื่อระลกึ ตามธรรมดาของคนไมไ ด จึงถามเทวทตู ทัง้ ๕. ในเทวทูต ทง้ั ๕น้ัน บางคนระลึกไดดว ยเทวทตู ท่หี นง่ึ . บางคน ระลึกไดดว ยเทวทูตท่ีสองเปนตน . สวนผูใด ยอ มระลกึ ไมไดด วยเทวทูตทงั้ ๕ พญายมใหผ นู ้นั ระลกึไดเอง. ไดยินวา อํามาตยค นหนงึ่ บูชาหาเจดยี ดวยหมอดอกมะลิ ไดใหสวนบุญแกพ ญายม. นายนิรยบาล นําอํามาตยน ัน้ ผเู กดิ ในนรกเพราะอกุศลกรรมไปหาพญายม. เมอื่ อํามาตยนัน้ ระลกึ ไมไ ด ดว ยเทวทูตทั้ง ๕ พญายมตรวจดูเองเห็นแลว ใหระลึกวา ทานบชู ามหาเจดยี ด วยหมอ ดอกมะลแิ ลว แผสวนบญุไหเ รามิใชห รือ. เขาระลกึ ไดในเวลาน้ันแลว ไปสเู ทวโลก กแ็ ตวา พญายมแมต รวจดเู องก็ไมเห็น ดาํ ริวา สัตวผนู ี้จักเสวยทกุ ขให จึงนง่ิ เสีย. บทวา มหานิรเย ไดแก อเวจีมหานรก ถามวา อเวจมี หานรกน้นัประมาณภายในเทา ไร. ตอบวา แผนดนิ โลหะหลังคาโลหะโดยยาว และโดยกวาง
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 206ประมาณ ๙๐๐ โยชน ฝาขางหนงึ่ ๆ ประมาณ ๘๑ โยชน. เปลวไฟน้นั ตั้งขึ้นในทิศบูรพาจดฝาทิศประฉิมทะลุฝาน้ันไปขางหนา ๑๐๐ โยชน. แมใ นทศิทเ่ี หลือ กม็ ีนยั น้ีแล. ดวยประการฉะนี้ โดยสว นยาวและสวนกวาง ดว ยทส่ี ุดของเปลวไฟ มีประมาณ ๓๑๘ โยชน. แตโ ดยรอบ ๆ มีประมาณ ๙๕๔ โยชน.สว นโดยรอบกับอสุ สุทประมาณหม่นื โยชน. ในบทวา อุพภฺ ต ตาทสิ เมว โหตินี้ ความวา ไมสามารถจะยกเทา ทเ่ี หยียบจนถงึ กระดูกใหมั่นคงได. กใ็ นบทนี้มีอธบิ ายดังนี้ ถูกเผาไหมทั้งขางลา งขางบน. ดวยประการฉะนี้ ในเวลาเหยียบปรากฏถูกเปลวไฟเผาไหมในเวลายกขึน้ ก็เปนเชนนั้น . เพราะฉะนน้ั ทา นจึงกลาวอยา งน.้ี บทวา พหสุ มฺปตโฺ ต คือถึงหลายแสนป ถามวา เพราะเหตุไร นรกนจ้ี งึ ช่ือวา อเวจ.ี ตอบวา ทานเรียกระหวางวาคล่นื . ในนรกนัน้ ไมม รี ะหวางของเปลวไฟของสตั วห รอื ของทกุ ขเพราะฉะนัน้ นรกนน้ั จงึ ชือ่ วา อเวจ.ี เปลวไฟตง้ั ขน้ึ แคฝ าดานทศิ บรู พาของนรกนน้ั พลุงไป ๑๐๐ โยชน ทะลุฝาไปขา งหนา ๑๐๐ โยชน. แมใ นทศิ ที่เหลือก็มนี ยั นีแ้ ล. เทวทตั เกดิ ในทามกลางแหงเปลวไฟท้ัง ๖ เหลาน.้ี เทวทตั มีอัตภาพประมาณ ๑๐๐ โยชน. เทา ทงั้ สองเขาไปสโู ลหะแผน ดินถงึ ขอเทามือท้งั สองเขาไปสูฝาโลหะถงึ ขอ มือ. ศรี ษะจดหลังคาโลหะถึงกระดูกดิว้ . หลาวโลหะอนั หนง่ึ เขา ไปโดยสว นลา งทะลกุ ายไปจดหลงั คา. หลาวออกจากฝาดา นทศิปราจนี ทะลุหัวใจ เขาไปฝาดานทิศประฉมิ หลาวออกจากฝาดา นทศิ อดุ รทะลซุ ีโ่ ครงไปจดฝาดา นทศิ ทกั ษณิ เทวทตั เปน เชนนี้ เพราะผลกรรมทว่ี าเทวทตั หมกไหมอ ยูเพราะผิดในพระตถาคตผไู มหวัน่ ไหว. ดวยประการฉะนี้นรกช่ือวา อเวจี เพราะเปลวไฟไมห ยดุ ย้ัง. ในภายในนรกนน้ั ในทป่ี ระมาณ๑๐๐ โยชน. สตั วย ดั เหยยี ดกนั เหมือนแปง ท่เี ขายัดใสไวใ นทะนาน ไมค วรกลา ววา ในทีน่ ้ี มีสตั ว ในท่นี ไ้ี มม.ี สตั วเดิน ยนื นงั่ และนอนไมมีทสี่ ุด.
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 207สัตวท้ังหลายเม่ือเดนิ ยืน นัง่ หรอื นอน ยอมไมเ บยี ดเบยี นซง่ึ กันและกันชือ่ วา อเวจี เพราะสตั วท้ังหลายยดั เหยยี ดกันอยางนี้. สวนในกายทวาร จติ -สหรคตดว ยอุเบกขา ๖ ดวง ยอ มเกดิ ขน้ึ ดวงหนง่ึ สหรคตดว ยทกุ ข. แมเ ม่ือเปน อยางน้ี เม่ือบุคคลวางหยดนํ้าหวาน ๖ หยดไวท ป่ี ลายลิน้ หยดหนง่ึ วางไวที่ตมั พโลหะ เพราะถูกเผาผลาญกาํ ลังหยดนํา้ น้นั ยอ มปรากฏ นอกน้ีเปนอัพโพ-หารกิ ฉันใด ทกุ ขใ นนรกนี้ ไมม รี ะหวา ง เพราะมเี ผาไหมเ ปน กําลงั ทกุ ขนอกนี้เปนอัพโพหารกิ ฉันนน้ั . ชือ่ วา อเวจี เพราะเต็มไปดวยทกุ ขอยางนแี้ ล บทวา มหนโฺ ต คอื ประมาณ ๑๐๐ โยชน. บทวา โส ตตถฺ ปตติความวา เทา ขางหนึ่งอยใู นมหานรก. ขางหนึง่ ตกไปในคูถนรก บทวาสุจมิ ุขา คอื มีปากคลายเขม็ สัตวเหลา น้นั มคี อเทา ชา ง และเทาเรอื โกลนลาํ หนงึ่ . บทวา กกุ กฺ ุลนิรโย ความวา นรกเถาถานรอ นเต็มไปดวยเถาปราศจากไฟขนาดภายในเรือนยอด ประมาณ ๑๐๐ โยชน. สัตวทต่ี กไปในนรกถงึ พนื้ ลางเหมือนเมล็ดผกั กาด ในกองผกั กาดทเ่ี ขาเหวย่ี งไปในหลุมถา นเพลิง.บทวา อาโรเปนตฺ ิ ความวา เอาทอนเหล็กโบยยกข้นึ . ในเวลายกทอ นเหลก็เหลานัน้ ขึน้ หนามเหลก็ อยูขา งลาง เวลายกลงหนามเหล็กอยูขา งบน. บทวาวาเตริตานิ ไดแก เที่ยวไปดวยกรรม. บทวา หตถฺ ป ฉนิ ฺทนฺติ ความวาไดแก ทุบเฉือนเหมือนเฉือนเนื้อบนเขียง. ถา ลกุ ขึ้นหนีไปได กําแพงเหลก็โผลข ้นึ มาลอ มไว คมมดี โกนก็ดงั ขนึ้ ขา งลา ง. บทวา ขาโรทกา นทีไดแ ก แมน า้ํ ทองแดงชื่อวา เวตตรณี ในบทนัน้ ทรายหยาบสําเรจ็ ดว ยเหลก็ใบบวั ขางลางมคี มมีดโกนทีฝ่ งสองขา งมีเถาหวายและหญา คา. บทวา โส ตตฺถทกุ ขฺ า ตปิ ฺปา ขรา ความวา สตั วนรกน้นั ลอยขนึ้ ขา งบนและลงไปขางลา งในนรกขาดในใบบวั . ถกู หนามทรายหยาบมีสัณฐานเปน กากบาดถกู ผาดว ยมดี โกนคม ยอ มขีดดว ยหญาคาที่ฝงท้ังสองขาง. ครามาดว ยเถาหวาย. ถูกผาดวยศสั ตราอนั คม. บทวา ตตเฺ ตน อโยสงฺกุนา ความวา เม่ือสตั วนรก
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 208กลาววา เราหวิ นายนิรยบาลเหลา นั้น เอางบโลหะบรรจุกระเชาโลหะใหญเอาเขา ไปใหเขา. เขารูวาเปน งบโลหะแตะท่ฟี น ครง้ั นน้ั นายนริ ยบาลเอาขอเหล็กรอนงัดปากของเขา. เอานํ้าทองแดงใสเ ขา ไปในหมอ ทองแดงใหญแ ลวกระทาํ อยา งน้นั แหละ. บทวา ปุน มหานริ เย ความวา นายนิรยบาลใหลงโทษต้ังแตเ ครอ่ื งจองจํา ๕ ประการ ตลอดถงึ ดมื่ นาํ้ ทองแดงอยา งน้ี ต้ังแตดืม่ นา้ํ ทองแดงใหล งเครอื่ งจองจํา ๕ ประการเปน ตน อกี โยนลงไปในมหานรก.ในมหานรกนัน้ บางคนพน เครือ่ งจองจํา ๕ ประการ บางคนพนคร้งั ท่สี องบางตนพน คร้งั ท่สี าม บางคนพนดวยการดม่ื น้ําทองแดง. ก็เมอ่ื ยงั ไมส้ินกรรมนายนริ ยบาลก็โยนลงไปในมหานรกอีก. กภ็ กิ ษหุ นุมรปู หน่ึง เมอื่ เรียนพระสูตรน้ี กลา ววา ทานผูเจรญิ เมื่อสัตวน รกเสวยทกุ ขเทาน้แี ลว นายนิรยบาลยงั โยนเขาไปในมหานรกอีกหรอื ภิกษุกลาววา ทา นผูเ จรญิ อุทเทสจงยกไวทา นจงบอกกัมมฏั ฐานแกก ระผม ใหพระเถระบอกกัมมฏั ฐานแลว เปน พระโสดาบนั อาศัยเรยี นอุทเทส. ชนแมเหลาอน่ื เวนอทุ เทสประเทศนีบ้ รรลุอรหัตไมมีจํานวน. ก็พระสตู รน้ี พระพทุ ธเจาทกุ พระองคไ มท รงเวน เลย. บทวาหีนกายูปคา ไดแกเปนผเู ขา ถึงพวกเลว. บทวา อปุ าทาเน คอื ยึดถอืดวยตัณหาและทฐิ .ิ บทวา ชาติมรณสมภฺ เว ไดแกเปน เหตุแหง ความเกดิและความตาย. บทวา อนปุ าทา ไดแ ก ไมยึดถือดวยอปุ าทาน ๔. บทวาชาติมาณส ขเย คือ ยอ มพน ในเพราะนพิ พานกลาวคอื เปน ท่สี ิ้นชาตแิ ละมรณะ.บทวา ทฏิ ธมมฺ าภินพิ พฺ ตุ า ความวา ดับแลว ดว ยความดับกิเลสทงั้ ปวงในทิฏฐธรรมคอื ในอัตภาพน้ีเอง. บทวา สพฺพทุกฺข อุปจจฺ คู คอื ช่ือวาลว งทกุ ขทง้ั ปวงได. จบอรรถกถาเทวทตู สูตร ท่ี ๑๐ จบวรรค ที่ ๓.
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 209รวมพระสูตรใน สญุ ญตวรรค๑. จฬู สุญญตสูตร พรอมท้ังอรรถกถา๒. มหาสญุ ญตสูตร พรอ มท้งั อรรถกถา๓. อัจฉรยิ พั ภตู ธรรมสตู ร พรอมทัง้ อรรถกถา๔. พักกุลตั เถรจั ฉรยิ พั ภูตสตู ร พรอ มท้ังอรรถกถา๕. ทันตภมู ิสตู ร พรอมทั้งอรรถกถา๖. ภูมชิ สูตร พรอมทัง้ อรรถกถา๗. อนรุ ทุ ธสูตร พรอ มทัง้ อรรถกถา๘. อปุ ก กิเลสสตู ร พรอมทงั้ อรรถกถา๙. พาลบณั ฑิตสูตร พรอ มทง้ั อรรถกถา๑๐. เทวทตู สูตร พรอมทง้ั อรรถกถา
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 210 วภิ ังควรรค ๑. ภทั เทกรตั ตสูตร วาดวยผมู ีราตรีเดยี วเจริญ [๕๒๖] ขาพเจาไดส ดับมาอยาง:- สมัยหน่ึง พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยูท่ีพระวหิ ารเชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถ.ี สมัยนั้นแล พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเรยี กภิกษทุ ้ังหลายวา ดูกอนภิกษุท้ังหลาย. ภกิ ษเุ หลาน้ัน ทูลรบั พระดาํ ตรสัแลว พระผมู ีพระภาคเจา ไดต รัสวา ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย เราจกั แสดงอเุ ทศและวิภงั คของบุคคลผมู ีราตรีหนึง่ เจริญแกเธอท้งั หลาย พวกเธอจงพงึ อเุ ทศและวิภังคนั้น จงใสใ จใหดีเราจกั กลา วตอไป. ภิกษุเหลา น้นั ทูลรบั พระผมู พี ระ-ภาคเจา วา ชอบแลว พระพุทธเจา ขา. [๕๒๗] พระผูมพี ระภาคเจาจงึ ไดต รัสดังนีว้ า บุคคลไมควรคาํ นึงถึงสง่ิ ท่ีลว งแลว ไมควรมุงหวังสิง่ ท่ียังไมมาถงึ สงิ่ ใดลวง ไปแลว สงิ่ น้นั ก็เปนอันละไปแลว และ ส่ิงที่ยังไมม าถึงก็เปน อันยงั ไมถ ึง กบ็ คุ คล ใดเห็นแจง ธรรมปจ จบุ ันไมงอ นแงน ไม คลอนแคลนในธรรมน้นั ๆ ได บคุ คลน้นั พงึ เจริญธรรมน้ันเนอื ง ๆ ใหปรโุ ปรง เถดิ พงึ ทาํ ความเพยี รเสียในวันน้แี หละ ใคร
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 211 เลา จะรูค วามตายในวันพรงุ เพราะวา ความ ผดั เพี้ยนกับมัจจรุ าชผมู เี สนาใหญน้ัน ยอ ม ไมมีแกเ ราทง้ั หลาย พระมนุ ีผสู งบยอม เรยี กบุคคลผมู ีปกติอยูอยา งน้ี มีความ เพยี รไมเกยี จครา นทัง้ กลางวนั และกลาง คืน นัน้ แลวา ผมู ีราตรหี นึ่งเจรญิ . [๕๒๘] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ก็บุคคลยอ มคํานึงถึงสง่ิ ทลี่ วงแลวอยางไรคือ ราํ พงึ ถงึ ความเพลดิ เพลนิ ในเรอื่ งน้ัน ๆ วา เราไดม ีรูปอยา งนใ้ี นกาลทลี่ ว งแลว ไดมีเวทนาอยา งน้ีในกาลทีล่ วงแลว ไดมีสัญญาอยางนใ้ี นกาลที่ลวงแลว ไดมสี ังขารอยา งนใ้ี นกาลทล่ี วงแลว ไดม ีวญิ ญาณอยา งน้ีในกาลที่ลว งแลว. ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย อยางน้ีแล ช่ือวา คาํ นึงถึงสิง่ ทล่ี ว งแลว. [๕๒๙] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็บุคคลจะไมค าํ นึงถงึ สง่ิ ที่ลว งแลวอยา งไรคอื ไมร ําพงึ ถงึ ความเพลิดเพลนิ ในเร่อื งนัน้ ๆ วา เราไดม ีรปู อยา งน้ีในกาลท่ลี วงแลว ไดม ีเวทนาอยางนใ้ี นกาลที่ลว งแลว ไดม ีสญั ญาอยา งนี้ในกาลทล่ี ว งแลว ไดม ีสังขารอยางน้ใี นกาลทล่ี ว งแลว ไดมีวญิ ญาณอยา งนี้ในกาลท่ีลวงแลว. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย อยา งนแี้ ล ชื่อวาไมค าํ นึงถึงส่งิ ท่ลี ว งแลว . [๕๓๐] ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ก็บคุ คลยอมมงุ หวงั ส่ิงที่ยงั ไมมาถงึ อยา งไรคือ รําพึงถงึ ความเพลดิ เพลนิ ในเรอ่ื งนน้ั ๆ วา ขอเราพึงมรี ปู อยา งนีใ้ นกาลอนาคต พึงมีเวทนาอยางนี้ในกาลอนาคต พงึ มสี ัญญาอยางนี้ในกาลอนาคตพงึ มสี ังขารอยา งนใ้ี นกาลอนาคต พงึ มีวญิ ญาณอยางนใ้ี นกาลอนาคต. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย อยางนแ้ี ล ชอ่ื วา มงุ หวงั ส่ิงทีย่ ังไมมาถงึ .
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 212 [๕๓๑] ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย กบ็ คุ คลจะไมม ุง หวังส่ิงทยี่ ังไมม าถึงอยางไรคือ ไมรําพงึ ถงึ ความเพลิดเพลินในเรือ่ งนน้ั ๆ วา ขอเราพงึ มีรปู อยางนี้ในกาลอนาคต พงึ มีเวทนาอยางนีใ้ นกาลอนาคต พึงมีสัญญาอยางนี้ในกาลอนาคต พึงมีสังขารอยา งน้ใี นกาลอนาคต พึงมีวญิ ญาณอยา งน้ใี นกาลอนาคต.ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย อยางนี้แล ชอื่ วา ไมมงุ หวังสิ่งที่ยงั ไมม าถึง. [๕๓๒] ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย กบ็ ุคคลยอมงอนแงนในธรรมปจ จุบันอยา งไรคอื ปุถุชนผูไ มไ ดสดับแลว ในโลกน้ี เปน ผูไ มไดเ ห็นพระอริยะ ไมฉ ลาดในธรรมของพระอริยะ ไมไดฝก ในธรรมของพระอรยิ ะ ไมไดเ ห็นสตั บุรุษไมฉลาดในธรรมของสตั บรุ ษุ ไมไ ดฝก ในธรรมของสตั บรุ ษุ ยอมเลง็ เห็นรูปโดยความเปนอตั ตาบา ง เล็งเห็นอตั ตาวามรี ูปบา ง เล็งเห็นรูปในอตั ตาบาง เล็งเหน็ อตั ตาในรูปบา ง ยอมเล็งเหน็ เวทนาโดยความเปน อัตตาบาง เล็งเห็นอัตตาวามีเวทนาบาง เลง็ เหน็ เวทนาในอัตตาบา ง เลง็ เห็นอัตตาในเวทนาบาง ยอมเล็งเห็นสัญญาโดยความเปน อตั ตาบาง เลง็ เห็นอตั ตาวามีสญั ญาบา ง เล็งเหน็ สัญญาในอัตตาบาง เลง็ เห็นอัตตาในสญั ญาบาง ยอ มเลง็ เหน็ สังขารโดยความเปนอตั ตาบา ง เลง็ เหน็ อตั ตาวา มสี ังขารบาง เลง็ เหน็ สงั ขารในอัตตาบา ง เลง็ เหน็อัตตาในสงั ขารบา ง ยอ มเลง็ เหน็ วญิ ญาณโดยความเปน อตั ตาบา ง เล็งเหน็อตั ตาวามีวญิ ญาณบา ง เล็งเหน็ วิญญาณในอัตตาบาง เลง็ เหน็ อตั ตาในวญิ ญาณบาง. ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย อยา งนีแ้ ล ชอื่ วา งอนแงนในธรรมปจ จุบนั . [๕๓๓] ดูกอนภิกษุท้งั หลาย กบ็ คุ คลยอมไมงอนแงนในธรรมปจ จบุ นัอยา งไร คือ อรยิ สาวกผูส ดับแลวในธรรมวินัยน้ี เปน ผูไ ดเห็นพระอรยิ ะ ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ฝกดีแลวในธรรมของพระอริยะ ไดเ หน็ สตั บุรษุฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ยอ มไมเล็งเหน็ รปู โดยความเปนอัตตาบาง ไมเ ล็งเหน็ อัตตาวามีรูปบาง ไมเล็งเห็นรูปในอตั ตาบาง ไมเ ล็งเห็นอัตตาในรูปบาง
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 213ยอ มไมเ ล็งเหน็ เวทนาโดยความเปนอตั ตาบาง ไมเ ล็งเห็นอัตตาวามีเวทนาบางไมเลง็ เหน็ เวทนาในอตั ตาบาง ไมเ ล็งเหน็ อตั ตาในเวทนาบาง ยอ มไมเลง็ เห็นสญั ญาโดยความเปน อัตตาบา ง ไมเ ลง็ เหน็ อัตตาวา มสี ัญญาบาง ไมเ ล็งเหน็สญั ญาในอัตตาบา ง ไมเ ลง็ เหน็ อัตตาในสญั ญาบาง ยอ มไมเลง็ เห็นสงั ขารโดยความเปนอตั ตาบา ง ไมเล็งเห็นอตั ตาวา มีสังขารบาง ไมเ ลง็ เห็นสงั ขารในอตั ตาบาง ไมเ ลง็ เห็นอัตตาในสงั ขารบา ง ยอมไมเ ล็งเห็นวญิ ญาณโดยความเปน อตั ตาบาง ไมเ ล็งเห็นอตั ตาวา มวี ญิ ญาณบา ง ไมเ ล็งเห็นวญิ ญาณในอตั ตาบาง ไมเ ล็งเหน็ อตั ตาในวิญญาณบา ง. ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย อยางน้ีแลชื่อวา ไมง อ นแงน ในธรรมปจ จบุ นั . [๕๓๔] บุคคลไมค วรคาํ นงึ ถึงส่งิ ท่ีลวงแลว ไมควรมงุ หวังสง่ิ ทยี่ ังไมมาถึง ส่งิ ใดลว ง ไปแลว สง่ิ น้นั กเ็ ปนอันละไปแลว และ สิ่งท่ียังไมม าถึง กเ็ ปน อนั ยงั ไมถึง กบ็ ุคคล ใดเห็นแจงธรรมปจจุบนั ไมง อ นแงน ไม คลอนแคลนในธรรมนั้น ๆ ได บุคคลน้นั พึงเจริญธรรมนัน้ เนอื ง ๆ ใหป รุโปรง เถิด พงึ ทาํ ความเพยี รเสยี ในวันน้ีแหละ ใครเลา จะรูค วามตายในวันพรงุ เพราะวา ความ ผัดเพย้ี นกับมจั จรุ าชผูม ีเสนาใหญนน้ั ยอ ม ไมมีแตเ ราทัง้ หลาย พระมุนีผูสงบยอ ม เรยี กบคุ คลผูมาปกติอยอู ยา งนี้ มีความ เพยี ร ไมเ กยี จครานทง้ั กลางวันและกลาง คนื นนั้ แลวา ผมู ีราตรหี นงึ่ เจรญิ .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 214 ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย คาํ ทเี่ รากลาวไววา เราจักแสดงอเุ ทศและวภิ ังคของบคุ คลผูม รี าตรหี น่ึงเจรญิ แกเ ธอทงั้ หลายนนั้ เราอาศัยเนอ้ื ความนี้ กลา วแลว ดว ยประการฉะน้.ี พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสพระภาษติ นี้แลว ภกิ ษุเหลา นั้นตางชืน่ ชมยินดีพระภาษิตของพระผมู ีพระภาคเจาแล. จบภทั เทกรัตตสูตร ท่ี ๑
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 215 วภิ ังควคั ควณั ณนา อรรถกถาภัทเทกรตั ตสูตร ภัทเทกรัตตสูตร มคี ําขนึ้ ตนวา ขา พเจาไดส ดับมาอยา งน:้ี - ในภัทเทกรตั ตสตู รนัน้ บทวา ภทเฺ ทกรตฺตสฺส ความวา ชื่อวา ผูม ีราตรหี น่ึงเจรญิ เพราะความทีเ่ ขาเปน ผถู งึ พรอมดวยการตามประกอบวปิ ส สนา.บทวา อุทฺเทส ไดแก มาติกา. บทวา วภิ งคฺ ไดแ ก บททีพ่ งึ แจกแจงโดยพิสดาร. บทวา อตีต ไดแ กในขนั ธห า ทีล่ ว งแลว . บทวา นานวฺ าคเมยยฺความวา ไมควรนกึ ถงึ ดว ยตัณหาและทฐิ ิทั้งหลาย. บทวา นปปฺ ฏกิ งเฺ ขความวา ไมพ ึงปรารถนาดว ยตัณหาและทฐิ ทิ ั้งหลาย. บทวา ยทตตี น้ีในคาถานเี้ ปน การกลาวถึงเหต.ุ เพราะสิง่ ใดลวงไปแลว ส่ิงน้ันก็ละไปแลวดับแลว ถงึ ความต้งั อยูไมไดแ ลว เพราะฉะน้นั บคุ คลไมค วรคาํ นึงถึงส่ิงท่ีลวงไปแลว นนั้ อีก. อนง่ึ เพราะสง่ิ ใดยงั ไมม าถงึ สิง่ นั้นกย็ งั ไมถ ึง ยงั ไมเ กดิยงั ไมบังเกิด เพราะฉะนั้น บุคคลไมพึงปรารถนาส่งิ ที่ยงั ไมมาถึงแมนั้น บทวาตตฺถ ตตฺถ ความวา บคุ คลผูเขา ถงึ ธรรมแมปจจบุ นั ในธรรมใด ๆ เห็นแจงธรรมนน้ั ดว ยอนปุ สสนา ๗ อยา ง มีอนจิ จานปุ ส สนาเปน ตน ในธรรมน้ัน ๆเท่ียว. อกี อยา งหน่ึง บุคคลเหน็ แจง ในธรรมนัน้ ๆ ในที่ท้งั หลายมปี าเปน ตน .บทวา อส หริ อสงฺกปุ ปฺ นี้ พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั เพ่ือทรงแสดงวิปส สนาและปฏิวิปสสนา. จรงิ อยูว ิปสสนายอมไมงอนแงน ยอมไมค ลอนแคลนดวยกิเลสทั้งหลายมีราคะเปนตน เพราะฉะนัน้ วปิ สสนาน้นั ชือ่ วา อส หิร ไมงอนแงน ชือ่ วา อส กปุ ฺป ไมค ลอนแคลน. ทานกลา วอธบิ ายวา บุคคลพึง
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 216พอกพูน พงึ เจริญ พงึ เห็นแจงเฉพาะวปิ ส สนานัน้ . อกี ประการหนึง่ นพิ พานยอ มไมงอ นแงน ยอมไมค ลอนแคลนดว ยกเิ ลสทง้ั หลายมีราคะเปนตน เพราะฉะนั้น นพิ พานน้ัน จงึ ช่ือวา อส หริ อส กปุ ฺป แปลวา ไมงอนแงน ไมคลอนแคลน. อธบิ ายวา ภกิ ษุผูบัณฑิตรแู จงแลว พึงพอกพนู นิพพานนั้น คอืเมื่อยงั ไมบ รรลผุ ลสมาบตั ิซง่ึ มนี พิ พานนนั้ เปน อารมณ ก็พึงเจรญิ บอย ๆ. ก็เพอื่ ประโยชนแกภ ิกษผุ พู อกพนู นนั้ . บทวา อชเฺ ชว กิจฺจ อาตปฺป ความวา ความเพยี รทีไ่ ดชื่อวา อาตปั ปะ เพราะเผากเิ ลสทง้ั หลายหรือยงั กิเลสท้ังหลายใหเรา รอ นท่ัว พงึ ทาํ ในวนั น้ีแหละ. บาทคาถาวา โก ชฺ า มรณ สเุ วความวา ใครเลาจะรคู วามเปนอยู หรือความตายในวนั พรุง . พระผูม ีพระ-ภาคเจาทรงแสดงวา พึงทําความเพยี รอยางน้วี า กค็ วามเนนิ่ ชายอ มมีในวันนี้เทาน้ันวา เราจกั ทาํ ทาน หรอื จักรักษาศีล ก็หรือจักทาํ กศุ ลอยางใดอยา งหนง่ึในวันนีแ้ หละ เราไมย งั จติ ใหเ กดิ ขึ้นวา เราจักรูใ นวนั พรงุ หรอื ในวนั มะรืนจักทาํ ในวันน้แี หละ. บทวา มหาเสเนน ความวา กก็ ารณแหง ความตาย มีหลายอยา งมีไฟ ยาพิษ และศสั ตรา เปน ตน คอื เสนาของมจั จุราชน้นั ความผิดเพย้ี นกลา วคอื การทําสนั ถวไมตรีอยางนี้วา ทานจงรอสอง - สามวันกอ นจนกวาขา พเจาจะทาํ กรรมเปนท่ีพึงของคนมกี ารบชู าพระพทุ ธเจาเปน ตน หรอืกลาวคอื การใหสินจางอยางน้ีวา ทา นจงถอื เอาหน่งึ รอย หรอื หนึง่ แสนน้ีแลว รอสอง - สามวนั หรอื กลา วคอื กองพลอยางนีว้ า เราจักตานทานดว ยกองพลนี้ ดังนี้ กบั มจั จรุ าชเหน็ ปานน้ี ซ่ึงมเี สนาใหญ ดวยอํานาจแหง เสนาใหญน ัน้ ยอ มไมม .ี ก็บทวา สงคฺ โร ความผิดเพยี้ นนนั้ เปนชือ่ แหง การทําสนั ถวไมตรี การใหสินจา งและกองพล. เพราะฉะน้นั เนอ้ื ความนี้ไดก ลาวแลว . บทวา อตนฺทติ ไดแก ผูไมเ กียจครา น คือขยัน. บุคคลน้ัน ชอ่ื วาผมู ีราตรีหนง่ึ เจรญิ เพราะความทบี่ ุคคลนัน้ เปนผูปฏิบตั อิ ยา งน้ี เพราะฉะนน้ั
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 217บุคคลน้นั ชื่อวา ภทเฺ ทกรตโฺ ต ผูมรี าตรหี นึ่งเจริญ. พระมุนีคือ พระพุทธ-เจา ชือ่ วา ทรงสงบแลว เพราะความท่ีกิเลสท้งั หลายมีราคะเปนตน สงบแลวตรัสเรียกบคุ คลผปู ฏบิ ัตอิ ยา งนน้ี ั้นวา บุคคลนี้ ผมู ีราตรหี น่งึ เจริญ ดวยประการฉะนี.้ ในบททัง้ หลาย มอี าทิวา เอว รูโป แมม รี ปู คํามีวรรณะดจุ แกว มณีอนิ ทนีล. หรือ บทวา อโหสึ ความวา เรามรี ูปอยา งน้ี ดวยอาํ นาจแหงรปู อนัพึงพอใจอยางน้นี ้นั เทยี ว. เรามเี วทนาอยา งน้ี ดว ยอาํ นาจแหง สขุ เวทนาและโสมนสั เวทนาอนั เปนกุศล มีสญั ญาอยา งนี้ ดว ยอาํ นาจแหง ธรรมทง้ั หลาย มีสญั ญาเปน ตน ซึ่งประกอบพรอ มดว ยเวทนานัน้ เทียว มีสงั ขารอยา งน้ี มีวิญญาณอยางนี.้ บทวา อตีตมาทฺธาน ความวา รําพึงถงึ ความเพลิดเพลนิในเร่อื งนัน้ ๆ ไดแก ราํ พึง คลอยตามตัณหาในรปู เปนตน เหลานน้ั . ยอมไมสําคญั วา เราเปน ผูมีรูปอยางน้ี ดว ยอํานาจแหง รปู ทเ่ี ลวเปนตน ฯสฯ มวี ิญญาณอยา งน.้ี บทวา นนทฺ ึ น สมนวฺ าเนติ ความวา ตณั หา หรอื ทฐิ อิ นัสัมปยตุ ดว ยตณั หา อันบคุ คลยอมไมใ หเ ปน ไป. พึงทราบความรําพึงถงึ ความเพลดิ เพลนิ กลา วคือ ความเปนไปแหงตณั หาและทิฐิ ดว ยอาํ นาจแหง รูปอนัประณีต และพงึ พอใจเปนตน เทียว แมใ นบทวา เอว รโู ป สยิ เปนตนบทวา กถฺจ ภิกฺขเว ปจฺจุปนเฺ นสุ ธมฺเมสุ ส หรต น้ี ตรสั เพอ่ื ทรงแสดงขยายอทุ เทสวา ก็บคุ คลเห็นแจงธรรมปจจบุ ันในธรรมนน้ั ๆ อันไมงอนแงน ไมคลอนแคลน. กบ็ ทวา กถฺจ ภกิ ขฺ เว ปจจฺ ปุ ปฺ นนฺ ธมฺมน วิปสฺสติ เปน ตน พึงตรัสไวในพระสตู รนกี้ จ็ ริง ถงึ อยา งนั้น ก็ยังตรสัถงึ วิปสสนาวา ไมง อ นแงน และวาไมค ลอนแคลน เพราะฉะนั้น เพ่ือทรงแสดง
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 218ความมแี ละความไมม แี หงวิปส สนานัน้ เทียว จงึ ทรงยกมาตกิ าวา บุคคลงอ นแงนไมงอ นแงน ดังนี้ แลว ตรสั ความพิสดาร. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ส หรติความวา บุคคลชื่อวา ถูกตณั หาและทิฐิคราไป เพราะไมมีวิปสสนา. บทวาน ส หรติ ความวา ชื่อวา ไมถกู ตัณหาและทฐิ คิ รา ไป เพราะมีวปิ ส สนา.บทที่เหลือในท่ที งั้ ปวงงา ยทั้งนั้นแล. จบอรรถกถาภัทเทกรตั ตสตู รท่ี ๑
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 219 ๒. อานนั ทภทั เทกรัตตสตู ร วา ดวยผมู รี าตรีเดยี วเจรญิ [๕๓๕] ขาพเจาไดสดับมาอยา งน้ี:- สมัยหน่งึ พระผูมพี ระภาคเจาประทบั อยทู ่ีพระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑกิ เศรษฐี เขตพระนครสาวตั ถี. สมยั น้นั แล ทา นพระอานนทสนทนากะภิกษทุ ง้ั หลายในอปุ ฏฐานศาลา ชกั ชวนใหอาจหาญ รา เรงิ ดวยกถาประกอบดวยธรรมและกลา วอเุ ทศและวิภังคของบคุ คลผูมีราตรหี นึง่ เจรญิ . [๕๓๖] ครนั้ ในเวลาเย็น พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ ออกจากท่ีทรงหลกี เรน เสด็จเขาไปยงั อุปฏ ฐานศาลา ครน้ั แลว จงึ ประทบั น่งั ณ อาสนะทีเ่ ขาแตงตั้งไว พอประทบั นงั่ เรยี บรอยแลว จึงตรัสถามภกิ ษทุ ั้งหลายวา ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ใครหนอแล สนทนากะพวกภกิ ษุในอปุ ฏ ฐานศาลา ชักชวนใหอ าจหาญ ราเรงิ ดว ยกถาประกอบดว ยธรรม และกลาวอเุ ทศและวภิ งั คข องบคุ คลผมู ีราตรหี น่งึ เจริญ. ภิกษุเหลา น้นั กราบทูลวา ทา นพระอานนท พระพทุ ธเจา ขา ลาํ ดับน้ันแล พระผมู ีพระภาคเจาตรสั กะทา นพระอานนทวา ดูกอ นอานนท เธอสนทนากะภิกษุทง้ั หลาย ชกั ชวนใหอาจหาญ ราเริงดวยกถาประ-กอบดว ยธรรม ไดกลา วอุเทศและวิภังคข องบคุ คลผมู รี าตรีหน่งึ เจรญิ อยา งไรเลา. [๕๓๗] ทา นพระอานนทกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผ เู จริญ ขาพระองค สนทนากะภกิ ษทุ ้งั หลาย ชกั ชวนใหอาจหาญ รา เริงดวยกถาประกอบดวยธรรม ไดก ลาวอุเทศและวิภงั คข องบุคคลผมู รี าตรีหนง่ึ เจรญิ อยางนว้ี า
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 220 บคุ คลไมค วรคํานงึ ถึงสงิ่ ท่ีลวงแลว ไมควรมงุ หวังสิ่งท่ียงั ไมมาถงึ สง่ิ ใดลว ง ไปแลว สง่ิ นัน้ กเ็ ปนอนั ละไปแลว และ สงิ่ ทยี่ ังไมมาถงึ กเ็ ปนอันยังไมถ งึ ก็ บุคคลใดเห็นแจง ธรรมปจจบุ นั ไมงอน- แงน ไมคลอนแคลนในธรรมน้นั ๆ ได บคุ คลนนั้ พึงเจริญธรรมนน้ั เนือง ๆ ให ปรุโปรงเถิด พงึ ทาํ ความเพียรเสียในวนั นี้ แหละ ใครเลาจะรคู วามตายในวนั พรงุ เพราะวา ความผัดเพี้ยนกบั มัจจุราชผมู เี สนา ใหญนั้น ยอมไมม แี กเ ราทั้งหลาย พระ มุนีผสู งบยอ มเรียกบุคคล ผูมีปกตอิ ยู อยางน้ี มคี วามเพียร ไมเ กียจครานท้ัง กลางวนั และกลางคืน น้ันแลวา ผมู ีราตรี หนึ่งเจริญ. [๕๓๘] ดกู อนทา นผูมอี ายุท้งั หลาย กบ็ ุคคลยอมคํานงึ ถงึ ส่ิงทลี่ วงแลวอยางไร คือ ราํ พงึ ถึงความเพลดิ เพลินในเร่ืองนัน้ ๆ วา เราไดม ีรปูอยางนใี้ นกาลทล่ี วงแลว ไดมีเวทนาอยา งนใ้ี นกาลทล่ี ว งแลว ไดมสี ัญญาอยางนี้ในกาลทล่ี วงแลว ไดม สี ังขารอยา งน้ีในกาลท่ีลว งแลว ไดมีวญิ ญาณอยา งนใ้ี นกาลทลี่ ว งแลว . ดูกอนทา นผมู ีอายทุ ง้ั หลาย อยา งนแี้ ล ชอื่ วา คาํ นึงถึงส่ิงที่ลวงแลว. [๕๓๙] ดกู อนทา นผมู ีอายทุ ั้งหลาย ก็บคุ คลจะไมค ํานึงถงึ สง่ิ ทลี่ วงแลว อยางไร คือ ไมรําพึงถึงความเพลดิ เพลนิ ในเรื่องนน้ั ๆ วา เราไดม รี ูป
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 221อยา งนี้ในกาลที่ลวงแลว ไดม ีเวทนาอยา งนใี้ นกาลท่ลี วงแลว ไดม สี ญั ญาอยางนใ้ี นกาลท่ีลว งแลว ไดมีสงั ขารอยา งนใี้ นกาลท่ีลวงแลว ไดม วี ญิ ญาณอยา งนี้ในกาลท่ีลวงแลว. ดูกอ นทานผูมอี ายุทัง้ หลาย อยา งนแี้ ล ชื่อวา ไมคาํ นงึ ถงึส่งิ ท่ลี วงแลว. [๕๔๐] ดกู อ นทา นผมู อี ายทุ ้งั หลาย กบ็ ุคคลยอ มมุงหวังส่ิงทย่ี งั ไมม าถึงอยา งไร คือ ราํ พึงถงึ ความเพลิดเพลนิ ในเรอื่ งน้ัน ๆ วา ขอเราพึงมีรปูอยางน้ี ในกาลอนาคต พงึ มเี วทนาอยางนใ้ี นกาลอนาคต พึงมีสญั ญาอยางน้ีในกาลอนาคต พึงมีสงั ขารอยางน้ีในกาลอนาคต พึงมีวญิ ญาณอยา งน้ใี นกาลอนาคต ดูกอนทานผมู อี ายทุ ้งั หลาย อยางนี้แลช่ือวา มุงหวังสิ่งทย่ี ังไมมาถงึ . [๕๔๑] ดกู อ นทา นผมู อี ายทุ ้งั หลาย กบ็ คุ คลจะไมม งุ หวงั สง่ิ ทยี่ ังไมมาถึงอยางไร คอื ไมร ําพงึ ถงึ ความเพลดิ เพลินในเรื่องนน้ั ๆ วา ขอเราพงึ มีรปู อยา งน้ใี นกาลอนาคต พึงมเี วทนาอยา งน้ีในกาลอนาคต พึงมสี ญั ญาอยางน้ีในกาลอนาคต พึงมสี ังขารอยา งน้ีในกาลอนาคต พงึ มีวญิ ญาณอยางนี้ในกาลอนาคต. ดกู อ นทานผูม อี ายุทง้ั หลาย อยางนี้แล ชอื่ วา ไมม ุงหวังส่ิงที่ยังไมมาถึง. [๕๔๒] ดูกอ นทา นผมู ีอายุท้ังหลาย ก็บุคคลยอมงอนแงนในธรรมปจจบุ นั อยางไร คอื ปุถชุ นผไู มไดส ดับแลวในโลกน้ี เปนผไู มไ ดเ ห็นพระอรยิ ะ ไมฉ ลาดในธรรมของพระอริยะ ไมไ ดฝกในธรรมของพระอรยิ ะ ไมไดเห็นสัตบุรษุ ไมฉลาดในธรรมของสัตบุรษุ ไมไ ดฝก ในธรรมของสตั บรุ ษุยอมเลง็ เหน็ รปู โดยความเปนอัตตาบา ง เล็งเห็นอัตตาวา มีรปู บาง เลง็ เห็นรูปในอตั ตาบาง เล็งเห็นอัตตาในรูปบาง ยอ มเล็งเห็นเวทนาโดยความเปนอตั ตาบา ง ฯลฯ ยอ มเลง็ เห็นสัญญาโดยความเปน อตั ตาบาง ฯลฯ ยอมเล็งเหน็สังขารโดยความเปน อัตตาบาง ฯลฯ ยอ มเล็งเห็นวิญญาณโดยความเปนอัตตา
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 222บาง เล็งเหน็ อัตตาวามีวญิ ญาณบา ง เลง็ เหน็ วิญญาณในอตั ตาบาง เล็งเหน็อตั ตาในวญิ ญาณบาง. ดกู อนทา นผูมีอายุทงั้ หลาย อยา งนแี้ ล ช่ือวา งอ นแงนในธรรมปจจุบนั . [๕๔๓] ดูกอ นทา นผูม ีอายทุ ั้งหลาย ก็บคุ คลยอ มไมง อ นแงน ในธรรมปจจบุ ันอยางไร คอื อริยสาวกผูสดบั แลว ในธรรมวินัยนี้ เปนผูไดเห็นพระอริยะ ฉลาดในธรรมของพระอรยิ ะ ฝกดีแลวในธรรมของพระอริยะ ไดเหน็ สตั บรุ ษุ ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ยอ มไมเลง็ เห็นรปู โดยความเปนอตั ตาบาง ไมเลง็ เห็นอตั ตาวา มรี ูปบาง ไมเล็งเห็นรปู ในอตั ตาบาง ไมเล็งเห็นอัตตาในรูปบา ง ยอ มไมเ ลง็ เหน็ เวทนาโดยความเปน อตั ตาบา ง ฯลฯ ยอมไมเล็งเหน็ สัญญาโดยความเปน อตั ตาบา ง ฯลฯ ยอมไมเ ลง็ เห็นสงั ขารโดยความเปน อตั ตาบา ง ฯลฯ ยอ มไมเ ลง็ เห็นวิญญาณโดยความเปนอัตตาบาง ไมเล็งเหน็ อตั ตาวามวี ญิ ญาณบาง ไมเล็งเหน็ วญิ ญาณในอตั ตาบา ง ไมเ ลง็ เหน็อัตตาในวิญญาณบาง. ดกู อ นทานผูมีอายทุ ัง้ หลาย อยา งนแี้ ล ช่ือวา ไมง อนแงนในธรรมปจจบุ ัน. [๕๔๔] บุคคลไมควรคาํ นึงถงึ ส่ิงท่ีลว งแลว ไมควรมุง หวงั สิ่งทยี่ ังไมมาถงึ ส่งิ ใด ลว งไปแลว ส่งิ นัน้ กเ็ ปน อนั ละไปแลว และส่ิงท่ยี งั ไมม าถึง กเ็ ปนอนั ไมถ ึง ก็ บคุ คลใดเห็นแจง ธรรมปจ จบุ นั ไมงอน- แงน ไมค ลอนแคลน ในธรรมน้นั ๆ ได บคุ คลนั้นพึงเจริญธรรมน้ันเนือง ๆ ใหป รุโปรง เถดิ พงึ ทาํ ความเพยี รเสยี ในวนั นีแ้ หละ ใครเลา จะรูค วามตายใน
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 223 วันพรุง เพราะวาความผัดเพยี้ นกบั มัจจุราชผมู ีเสนาใหญน้ัน ยอมไมม ีแก เราทง้ั หลาย พระมุนีผูส งบยอมเรยี ก บคุ คลผมู ีปกติอยอู ยางน้ี มคี วามเพียร ไมเ กียจครานทั้งกลางวนั และกลางคนื น้นั แลวา ผมู รี าตรีหน่ึงเจรญิ . ขา แตพ ระองคผูเจรญิ ขาพระองคส นทนากะภกิ ษทุ ้งั หลาย ชกั ชวนใหอ าจหาญ ราเริงดว ยกถาประกอบดวยธรรม ไดก ลา วอเุ ทศและวภิ ังคข องบุคคลผูมรี าตรีหนึง่ เจริญอยา งนี้แล. [๕๔๕] พระผูมีพระภาคเจา ตรสั วา ดกู อ นอานนท ดแี ลว ๆ เธอสนทนากะภิกษทุ งั้ หลาย ชักชวนใหอาจหาญ รา เรงิ ดว ยกถาประกอบดว ยธรรมไดกลา วอเุ ทศและวภิ งั คข องบคุ คลผมู ีราตรหี นงึ่ เจริญวา บคุ คลไมควรคาํ นึงถงึ สงิ่ ทล่ี วงแลว ฯลฯ พระมุนีผสู งบ ยอมเรียกบคุ คล... นั้นแลวา ผมู รี าตรีหน่งึ เจริญ ดงั นี้ ถูก แลว. [๕๔๖] ดูกอ นอานนท ก็บคุ คลยอมคํานึงถึงส่ิงท่ีลวงแลวอยางไรฯลฯ ดกู อ นอานนท อยา งน้ีแล ช่ือวา คาํ นึงถงึ สง่ิ ทีล่ วงแลว . ดกู อนอานนท ก็บุคคลจะไมคํานึงถงึ สิง่ ทลี่ วงแลวอยางไร ฯลฯ ดูกอ นอานนท อยางน้ีแล ชื่อวา ไมค ํานึงถงึ ส่งิ ที่ลว งแลว. ดกู อนอานนท ก็บคุ คลยอ มมงุ หวงั สิ่งท่ียังไมม าถงึ อยา งไร ฯลฯ ดูกอนอานนท อยางนี้แล ชื่อวา มงุ หวงั สง่ิ ที่ยงั ไมมาถงึ .
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 224 ดกู อ นอานนท กบ็ ุคคลจะไมมงุ หวงั สิ่งทย่ี ังไมมาถึงอยา งไร ฯลฯ ดูกอ นอานนท อยางนีแ้ ล ชอื่ วาไมมงุ หวงั ส่ิงทย่ี งั ไมมาถงึ . ดูกอ นอานนท กบ็ ุคคลยอมงอนแงนในธรรมปจจบุ นั อยา งไร ฯลฯดกู อ นอานนท อยา งน้แี ล ชอ่ื วางอนแงนในธรรมปจจุบนั . ดูกอ นอานนท ก็บุคคลยอมไมง อ นแงน ในธรรมปจ จบุ ันอยางไร ฯลฯดกู อ นอานนท อยา งนี้แล ช่อื วา ไมง อนแงน ในธรรมปจจุบนั . [๕๔๗] บุคคลไมควรคาํ นงึ ถงึ สิง่ ลว งแลว ฯลฯ พระมุนผี สู งบยอ มเรียกบุคคล ...นัน้ แลวา ผูม รี าตรหี น่ึงเจรญิ . พระผูมีพระภาคเจาไดต รัสพระภาษิตน้ีแลว ทา นพระอานนทก ช็ ืน่ ชมยินดพี ระภาษิตของพระผมู ีพระภาคเจาแล. จบ อานนั ทภทั เทกรัตตสตู ร ที่ ๒
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 225 อรรถกถาอานนั ทภทั เทกรัตตสตู ร อานันทภัทเทกรัตตสูตรมคี าํ ข้ึนตน วา ขา พเจา ไดสดับมาอยา งน้:ี - บรรดาบทเหลานัน้ บทวา ปฏิสลลฺ านา วุฏ ิโต โดยความวา เสดจ็ออกจากผลสมาบตั ิ. บทวา โก นุโข ภกิ ฺขเว ความวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงรูอยนู ั้นเทียว ตรัสถามเพอ่ื ทรงตั้งเรือ่ งข้นึ . บทวา สาธุ สาธุความวา ทรงประทานสาธกุ ารแกพระเถระ. บทวา สาธุ โข ตวฺ ความวาทรงสรรเสริญเทศนาแลว ตรัส เพราะความทเ่ี ทศนาอนั พระเถระแสดงดวยบทและพยัญชนะท้งั หลาย กลมกลอม บริสุทธิ์ด.ี บทท่เี หลอื ในทที่ ั้งปวง งา ยทงั้ น้ันแล. จบอรรถกถาอานันทภทั เทกรตั ตสูตรที่ ๒
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 226 ๓. มหากัจจานภัทเทกรัตตสตู ร สมัยหนึ่ง พระผูม พี ระภาคเจาประทบั อยทู ่ีพระวิหารตโปทาราม เขต-พระนครราชคฤห. คร้งั นนั้ แล ทานพระสมทิ ธลิ กุ ข้นึ ในราตรีตอนใกลร ุงเขา ไปยงั สระตโปทะเพื่อสรงสนานรา งกาย. ครน้ั เสรจ็ เรียบรอยแลว จงึ กลับขน้ึ มานุงสบงผืนเดยี ว ยนื ผง่ึ ตัวใหแ หง อย.ู ฉะน้ันลว งปฐมยามไปแลว มีเทวดาตนหนงึ่ มีรศั มงี าม สองสระตโปทะใหสวางท่ัว เขา ไปหาทานพระสมทิ ธิยังที่ที่ยนื อยนู นั้ แลวไดย นื ณ ท่ีควรสว นขางหนึง่ . [๕๔๙] เทวดานั้น พอยนื เรียบรอยแลว จงึ กลา วกะทานพระสมทิ ธิดังนีว้ า ดูกอ นภกิ ษุ ทา นทรงจําอุเทศและวิภังคข องบุคคลผูมรี าตรหี น่ึงเจรญิไดไ หม. ทา นพระสมทิ ธกิ ลาววา ดกู อนทา นผูมอี ายุ เราทรงจาํ ไมได ก็ทา นทรงจําไดหรือ. เท. ดูกอนภกิ ษุ แมข าพเจา กท็ รงจําไมได และทา นทรงจําคาถาแสดงราตรหี น่งึ เจรญิ ไดไ หม. ส. ดกู อ นทานผูมอี ายุ เราทรงจาํ ไมได กท็ านทรงจําไดหรือ. เท. ดูกอ นภิกษุ แมขา พเจา ก็ทรงจาํ ไมได ขอทานจงเลาเรียน และทรงจําอุเทศและวิภังคข องบคุ คลผมู รี าตรีหน่ึงเจริญเถดิ เพราะอเุ ทศและวิภงั คของบคุ คลผมู ีราตรีหน่งึ เจรญิ ประกอบดว ยประโยชนเ ปน เบอื้ งตนแหงพรหม-จรรย.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 227 เทวดานนั้ กลาวดังนีแ้ ลว จึงหายไป ณ ท่นี ้นั เอง. [๕๕๐] ครงั้ น้ันแล ทานพระสมิทธิ พอลว งราตรนี ัน้ ไปแลว จึงเขา ไปเฝาพระผูม พี ระภาคเจา ยังท่ีประทบั ครั้นแลวจงึ ถวายอภิวาทพระผูม พี ระ-ภาคเจา นง่ั ณ ทคี่ วรสว นขา งหนงึ่ พอนัง่ เรียบรอ ยแลว ไดก ราบทลู พระผมู ีพระภาคเจา ดังนว้ี า ขา แตพระองคผูเจริญ เมอ่ื คืนน้ตี อนใกลร งุ ขาพระองคลุกขน้ึ เขา ไปยังสระตโปทะเพื่อสรงสนานรา งกาย ครัน้ เสรจ็ เรียบรอยแลว จงึกลบั มานงุ แตสบงผืนเดยี วยนื ผึ่งตวั ใหแ หง อยู. ขณะนน้ั ลว งปฐมยามไปแลวเทวดาองคหน่งึ มีรศั มีงามสองสระตโปทะใหส วา งท่ัว เขาไปหาขาพระองคยงัทท่ี ีย่ นื อยูน้นั แลว ยืน ณ ท่คี วรสว นขา งหน่ึง พอยืนเรียบรอ ยแลว ไดก ลาวกะขาพระองคด ังน้วี า ดกู อ นภกิ ษุ ทา นทรงจําอเุ ทศและวิภังคข องบุคคลผูมีราตรีหนึ่งเจรญิ ไดไหม. ขาแตพระองคผ เู จริญ เมอ่ื เทวดานน้ั กลาวแลว อยางนี้ขา พระองคไดกลา วกะเทวดาน้ันดังนวี้ า ดูกอ นทา นผูมอี ายุ เราทรงจําไมไดทา นทรงจาํ ไดห รอื . เทวดานนั้ กลาววา ดกู อนภกิ ษแุ มข าพเจากท็ รงจาํ ไมไ ดและทานทรงจําคาถาแสดงราตรีหนง่ึ เจริญไดไหม. ขาพระองคต อบวา ดกู อนทา นผูมีอายุ เราทรงจําไมได ก็ทา นทรงจําไดห รอื . เทวดานั้นกลา ววา ดูกอนภิกษุ แมขา พเจา ก็ทรงจาํ ไมได ขอทานจงเลาเรยี น และทรงจําอเุ ทศและวิภังคข องบุคคลผมู รี าตรีหนึง่ เจรญิ เถดิ เพราะอุเทศและวิภังคข องบคุ คลผมู ีราตรหี นงึ่ เจริญ ประกอบดว ยประโยชน เปนเบอ้ื งตน แหงพรหมจรรย.เทวดานน้ั กลา วดังนแี้ ลว จึงหายไป ณ ทนี่ ัน้ เอง. ขาแตพ ระองคผูเจริญขอพระผูม ีพระภาคเจา ไดโ ปรดแสดงอเุ ทศและวภิ งั คของบุคคลผูมรี าตรีหน่งึเจรญิ แกขาพระองคเ ถิด.
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 228 พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภิกษุ ถา เชนนนั้ เธอจงพึง จงใสใจใหด ี เราจกั กลาวตอ ไป. ทานพระสมทิ ธิทลู รับพระผูม ีพระภาคเจาวา ชอบแลว พระพทุ ธเจาขา. [๕๕๑] พระผูมพี ระภาคเจาจึงไดตรสั ดงั น้ีวา บุคคลไมค วรคํานงึ ถึงส่ิงทลี่ ว งแลว ไมค วรมงุ หวงั ส่งิ ที่ยงั ไมม าถงึ สิ่งใดลว ง ไปแลว สง่ิ น้นั เปนอนั ละไปแลว และ สง่ิ ท่ียงั ไมมาถึง ก็เปนอันยงั ไมถงึ ก็ บุคคลใดเหน็ แจงธรรมปจจุบนั ไมง อ นแงน ไมค ลอนแคลนในธรรมนน้ั ๆ ได บคุ คล นน้ั พึงเจรญิ ธรรมนั้นเนอื่ ง ๆ ใหปรโุ ปรง เถดิ พึงทาํ ความเพยี รเสยี ในวนั นีแ้ หละ ใครเลาจะรคู วามตายในวันพรงุ เพราะวา ความผัดเพ้ียนกบั มจั จรุ าชผมู เี สนาใหญน นั้ ยอมไมม ีแกเ ราท้งั หลายพระมนุ ีผูสงบยอ ม เรียกบคุ คลผมู ปี กติอยอู ยางนี้ มคี วาม เพยี รไมเ กยี จครา นทัง้ กลางวนั และกลางคนื น้นั แลวา ผมู รี าตรหี นึง่ เจรญิ . พระผูมีพระภาคเจา ตรัสคาถาประพันธด งั น้ี คร้นั แลวพระสุคตจึงทรงลกุ จากอาสนะ เสด็จเขา ไปยงั พระวิหาร.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 229 พวกภกิ ษปุ รกึ ษากนั ถงึ อุเทศ [๕๕๒] คร้นั พระผมู พี ระภาคเจาเสด็จหลกี ไปแลวไมนาน ภิกษเุ หลานัน้ จงึ ไดมีขอปรึกษากนั อยางน้ีวา ดกู อ นทา นผูมอี ายทุ ง้ั หลาย พระผูมพี ระ-ภาคเจาทรงแสดงอุเทศโดยยอแกพ วกเราวา . บคุ คลไมควรคํานึงถึงสิง่ ทล่ี วงแลว ไมค วรมงุ หวังสง่ิ ท่ียงั ไมมาถึง สิง่ ใดลวง ไปแลว สิ่งนั้นก็เปนอนั ละไปแลวและสิ่ง ท่ียังไมมาถึง กเ็ ปน อันยงั ไมถงึ กบ็ ุคคล ใดเหน็ แจงธรรมปจ จุบันไมงอ นแงน ไม คลอนแคลนในธรรมนั้น ๆได บุคคลน้นั พงึ เจรญิ ธรรมน้ันเนอื ง ๆ ใหปรุโปรงเถิด พงึ ทาํ ความเพยี รเสียในวนั นแ้ี หละ ใคร เลา จะรคู วามตายในวันพรุง เพราะวา ความ ผดั เพยี้ นกับมัจจรุ าชผมู ีเสนาใหญน้ัน ยอ ม ไมม ีแกเราทัง้ หลาย พระมนุ ีผูสงบ ยอ ม เรียกบุคคลผูมีปกตอิ ยอู ยางนี้ มคี วาม เพยี รไมเ กียจครา นท้งั กลางวนั และกลางคนื นั้นแลวา ผูมรี าตรีหนงึ่ เจริญ. ดังนแ้ี ล มิไดทรงจําแนกเนอื้ ความโดยพิสดาร ก็ทรงลกุ ออกจากอาสนะเสด็จเขาไปยังพระวหิ าร ใครหนอแลจะพึงจําแนกเนอ้ื ความแหง อุเทศที่พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงโดยยอน้ีใหพิสดารได. ครั้งนน้ั แล ภกิ ษุเหลาน้ันไดมคี วามคิดอยา งน้ีวา ทานพระมหากจั จานะนีแ้ ล อนั พระศาสดาและพวกภิกษุ
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 230ผูรว มประพฤติพรหมจรรยผเู ปนวญิ ชู นยกยอง สรรเสรญิ แลว ก็ทา นพระ-มหากจั จานะ พอจะจําแนกเน้อื ความแหง อเุ ทศที่พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงโดยยอนีใ้ หพสิ ดารได ถากระไร พวกเราพงึ เขา ไปหาทา นพระมหากจั จานะยงัท่ีอยูแลว พึงสอบถามเน้ือความนี้กะทานพระมหากัจจานะเถิด. [๕๕๓] ตอ น้นั แล ภกิ ษุเหลา น้นั จงึ เขาไปหาทานพระมหากจั จานะยังทอี่ ยู แลวไดทกั ทายปราศรัยกับทานพระมหากจั จานะ คร้ันผานคาํ ทักทายปราศรัยพอใหระลึกถึงกนั ไปแลว จงึ นั่ง ณ ท่คี วรสวนขา งหนึ่ง พอนั่งเรยี บรอ ยแลวไดก ลา วกะทานพระมหากัจจานะดงั นี้วา ดูกอ นทานกัจจานะ พระผูม ีพระเจา ทรงแสดงอุเทศโดยยอ แกพ วกกระผมวา บคุ คลไมค วรคาํ นงึ ถงึ ส่งิ ที่ลว งแลว ฯลฯ พระมนุ ีผสู งบ ยอมเรียกบุคคล...นัน้ แลวา ผมู ีราตรหี นงึ่ เจริญดงั นแ้ี ล มไิ ดทรงจาํ แนกเนอ้ื ความโดยพิสดาร กท็ รงลกุ จากอาสนะเสด็จเขาไปยงั พระวิหาร ดกู อนทานกัจจานะ ครัน้ พระผูม พี ระภาคเจา เสด็จหลกี ไปแลวไมน าน พวกกระผมน้ันไดมีขอ ปรกึ ษากันอยา งน้วี า ดกู อนทานผมู อี ายทุ ้ังหลาย พระผูมีพระภาคเจา ทรงแสดงอุเทศโดยยอ แกพ วกเราวา บุคคลไมค วรคํานงึ ถงึ สิง่ ที่ลว งแลว ฯลฯ พระมุนีผูสงบ ยอ มเรียกบคุ คล...น้ัน แลวา ผูมีราตรีหนง่ึ เจริญดงั นแ้ี ล มิไดท รงจาํ แนกเนื้อความโดยพสิ ดาร กท็ รงลกุ จากอาสนะเสดจ็ เขาไปยังพระวิหาร ใครหนอแลจะพึงจาํ แนกเน้ือความแหงอุเทศทพ่ี ระผูม พี ระภาคเจาทรงแสดงโดยยอ นใ้ี หพ สิ ดารได ดกู อ นทา นกัจจานะ พวกกระผมนั้นไดมีความ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 535
Pages: