Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_23

tripitaka_23

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_23

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 403มาก จึงกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผเู จริญ แมพระผมู พี ระภาคเจา ดงั นี้เปน ตน . บรรดาบทเหลา นั้น บทวา ภควนตฺ  อาคมฺม คอื ทรงอาศัย คอืทรงพ่ึงพา ทรงมุงหมายพระผมู ีพระภาคเจา. ลาํ ดบั นัน้ พระผูมพี ระภาคเจาเมื่อจะทรงอนุโมทนาถึงพระอุปการะยงิ่ ๆ ขึ้นไป ในพระอปุ การะทั้งสอง จงึตรัสวา ขอ น้ันเปนอยางนัน้ เปน ตน . บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา ย หานนฺทปุคคฺ โล ปคุ ฺคล อาคมฺม ความวา บคุ คลผอู ันเตวาสกิ อาศยั บุคคลผูอาจารยใด. บทวา อิมสสฺ านนทฺ ปุคฺคลสฺส อมิ นิ า ปุคคฺ เลน ความวา บคุ คลผอู ันเตวาสกิ นต้ี อบแทนตอ บุคคลผูอ าจารยน ี้. บทวา น สุปฏกิ าร วทามิความวา เราไมก ลาวการตอบแทนอปุ การะเปนการทําดวยดี. ในกรรมทั้งหลายมกี ารอภิวาทนะเปน ตน การเห็นอาจารยแลวทําการกราบไหว ชือ่ วาอภิวาทนะ ไดแ ก เม่ือจะสําเร็จอิรยิ าบถทงั้ หลาย ผินหนาไปทางทิศาภาคท่ีอาจารยอยู ไหวแ ลว เดิน ไหวแลวยนื ไหวแ ลวนัง่ ไหวแลวนอน สวนการเหน็ อาจารยแ ตท่ไี กลแลว ลกุ ข้ึนทําการตอนรบั ชอื่ วา ปจ จฏุ ฐานะ. ก็กรรมนคี้ อื เหน็ อาจารยแ ลว ประคองอัญชลีไวเหนอื ศรี ษะ นมสั การอาจารยหรือแมผินหนา ไปทางทิศาภาคที่อาจารยน้นั อยู นมสั การอยางนัน้ แล เดนิ ไปกด็ ี ยนื กด็ ี นงั่ กด็ ี นอนก็ดี ประคองอญั ชลแี ลวนมสั การนน้ั เทียว ชือ่ วาอัญชลีกรรม. การทาํ กรรมอันสมควร ช่ือวา สามีจกิ รรม. ในวตั ถทุ ัง้ หลายมีจวี รเปนตน เม่อื จะถวายจีวร ไมถวายตามมตี ามเกิด. ถวายจวี รอันมีคา มากมมี ูลคา ๑๐๐ บา ง ๒๐๐ บา ง ๑,๐๐๐ บาง. ในวตั ถทุ งั้ หลายแมมบี ณิ ฑบาตเปน ตน มนี ยั น้เี หมือนกัน . ดวยปจจัยมากอยา งไร. แมเม่ือยงั ระหวา งจักรวาลใหเ ตม็ ดว ยปจ จัยอนั ประณีต ๔ ถอื เอายอดเทาสิเนรบุ รรพตถวาย ยอ มไมอาจเพอื่ ทาํ กริ ิยาทส่ี มควรแกอาจารยเ ลย.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 404 เพราะเหตไุ ร พระผูมพี ระภาคเจา จึงทรงปรารภวา ก็ทกั ขณิ า ๑๔นแ้ี ล. สูตรน้ีเกดิ ข้ึนปรารภทกั ขิณาเปนปาฏิบคุ คลกิ . ฝา ยพระอานนทเถระถอืทกั ขิณาเปน ปาฏิบุคคลิกอยางเดยี ววา ขาแตพระองคผูเ จริญ ขอพระผูมีพระ-ภาคเจาโปรดรบั ดังน้ี. แตพ ระผมู ีพระภาคเจาทรงปรารภเทศนี้ เพือ่ ทรงแสดงวา ทานท่ีบุคคลใหแลว ในฐานะสิบสช่ี ือ่ วา เปน ปาฏบิ คุ คลิก. บทวาอย ปมา ความวา ทักขณิ านป้ี ระการท่ี ๑ ดวยอํานาจคณุ บาง ดวยอาํ นาจเปนทักขณิ าเจรญิ ทีส่ ดุ บาง จริงอยู ทกั ขณิ านี้ ท่ีหนง่ึ คือ ประเสรฐิ ไดแกเจรญิ ทสี่ ุด ช่ือวา ประมาณแหงทกั ขณิ าน้ี ไมม .ี ทกั ขณิ าแมป ระการที่ ๒๓เปนทักขิณาอยา งยิง่ เหมือนกัน. ทกั ขิณาท้งั หลายทเ่ี หลอื ยอ มไมถึงความเปนทกั ขิณาอยางยง่ิ ได. บทวา พาหริ เก กาเมสุ วตี ราเค ไดแ ก ผูกมั มวาทีผกู ิริยวาที ผูม ีอภญิ ญา ๕ อนั เปน โลกิยะ. บทวา ปถุ ุชฺชนสลี วา ความวาปถุ ชุ นผมู ศี ลี โดยช่ือเปนผูมีศีลเปน พนื้ ไมโ ออ วด ไมมมี ายา ไมเ บยี ดเบยี นคนอ่นื สาํ เร็จชีวิตดว ยกสกิ รรมหรือพาณชิ กรรม โดยธรรม โดยชอบ. บทวาปุถชุ ชฺ นทุสสฺ ีเล ความวา บคุ คลท้งั หลายมีนายเกวฏั ฏะ และผูจบั ปลาเปน ตนช่ือวา ปุถุชนผูทุศีล. เล้ียงชวี ติ ดว ยการเบียดเบยี นสตั วอ น่ื . บัดน้ี พระผมู ีพระภาคเจาเมื่อจะทรงกาํ หนดวิบากของทกั ขณิ า เปนปาฏบิ ุคคลิก จงึ ตรัสวา ตตรฺ านนทฺ เปน ตน. ในบทเหลาน้นั บทวาติรจฺฉานคเต ความวา ทานใดทีบ่ ุคคลใหแลว เพื่อเลี้ยงดวยอํานาจแหง คณุดว ยอํานาจแหง อปุ การะ ทานนี้ไมถือเอา. ทานแมใดสักวา ขาวคาํ หน่งึ หรือครงึ่ คําอันบคุ คลใหแ ลว ทานแมนัน้ ไมถ อื เอาแลว . สวนทานใดอันบุคคลหวงั ผลแลว ใหต ามความตองการแกส ัตวทั้งหลายมสี นุ ัข สุกร ไก และกาเปนนี้ตัวใดตวั หนึ่งทม่ี าถงึ ทรงหมายถึงทานนี้ จึงตรสั วา ใหทานในสตั วด ริ จั ฉาน

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 405ดงั น้ี. บทวา สตคุณา ไดแกมอี านิสงสร อยเทา . บทวา ปาฏิกงฺขิตพฺพาคือ พงึ ปรารถนา. มอี ธิบายวา ทักขิณานีย้ อมใหอานสิ งสหา รอ ยเทา คืออายรุ อยเทา วรรณะรอ ยเทา สุขรอ ยเทา พละรอยเทา ปฏภิ าณรอยเทา.ทักขิณาใหอายใุ นรอยอตั ภาพ ชือ่ วา อายุรอยเทา ใหว รรณะในรอยอัตภาพช่ือวา วรรณะรอยเทา ใหส ขุ ในรอ ยอัตภาพ ชอ่ื วา สขุ รอยเทา ใหพละในรอ ยอัตภาพ ชือ่ วา พละรอยเทา ใหปฏิภาณ ทําความไมสะดงุ ในรอย-อตั ภาพ ช่อื วา ปฏิภาณรอ ยเทา . แมในภพรอยเทา ทกี่ ลา วแลว ก็มีเน้ือความอยา งนีแ้ ล. พงึ ทราบนยั ทุกบท ดว ยทํานองน.ี้ ในบทนว้ี า ผูปฏิบตั ิ เพอื่ ทําใหแจงซึ่งโสดาปตตผิ ล แมอุบาสกผถู ึงไตรสรณะโดยทีส่ ุดเบื้องตาํ่ ชื่อวาปฏิบัตเิ พ่อื ทาํ ใหแจง ซงึ่ โสดาปตติผล. แมท านทใ่ี หใ นอบุ าสก ผูป ฏบิ ตั ิเพื่อทําใหแจงซ่ึงโสดาปตติผลนนั้ นบั ไมได ประมาณไมไ ด. สวนทานท่ใี หแกบุคคลผูต ้ังอยใู นศลี หา มผี ลมากกวา นนั้ ทานทใ่ี หแ กบคุ คลผูตง้ั อยใู นศิลสิบ มผี ลมากกวานนั้ อีก. ทานทถ่ี วายแกส ามเณรทบี่ วชในวนั น้ัน มีผลมากกวา น้นั ทานท่ีถวายแกภิกษผุ ูอ ุปสมบท มีผลมากกวานน้ั ทานทถ่ี วายแกภ ิกษุผอู ปุ สมบทนัน้ แล ผถู งึ พรอ มดว ยวตั รมผี ลมากกวานัน้ ทานใหแกผ ปู รารภวิปส สนา มีผลมากกวาน้นั . กส็ าํ หรบั ผูมรรคสมังคโี ดยท่สี ุดชัน้ สูง ผปู ฏบิ ัติเพอ่ื ทําใหแจงซึง่ โสดาปตตผิ ล ชือ่ วา ปฏบิ ตั แิ ลว . ทานที่ใหแ กบุคคลนั้น มีผลมากกวานนั้ อีก ถามวา ก็อาจเพอ่ื ใหทานแกภ กิ ษผุ มู รรคสมงั คี หรอื . ตอบวา เอออาจเพือ่ ให. ก็ภิกษผุ ปู รารภวิปสสนา ถอื บาตรและจวี ร เขา บานเพอื่ บิณฑบาตเมอื่ ภิกษุผมู รรคสมงั คีน้นั ยนื ท่ีประตูบา น ชนทง้ั หลายรบั บาตรจากมือกใ็ สขาทนยี ะและโภชนียะ. การออกจากมรรคของภิกษุยอมมใี นขณะน้ัน.ทานนีช้ อื่ วา เปนอันใหแ ลว แกภกิ ษุผูม รรคสมังค.ี ก็อกี ประการหนงึ่ ภกิ ษุนัน้ นง่ั ณ โรงฉนั . มนุษยทั้งหลายไปแลว วางขาทนยี ะ โภชนยี ะในบาตร.

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 406การออกจากมรรคของภกิ ษุนนั้ ยอ มมีในขณะน้ัน. ทานแมน้ี ชือ่ วาใหแลวแกภกิ ษผุ มู รรคสมังค.ี อีกอยางหน่ึง เมอ่ื ภิกษนุ นั้ น่งั ณ วิหาร หรือ โรงฉันอบุ าสกท้งั หลายถือบาตรไปสูเ รือนของตนแลว ใสขาทนียะและโภชนียะ. การออกจากมรรคของภกิ ษนุ นั้ ยอมมใี นขณะนั้น . ทานแมน้ี ชื่อวา ใหแลวแกภ ิกษุผูมรรคสมงั คี. พึงทราบความท่ที านอันบุคคลใหแ ลวแกผูปฏบิ ตั ิเพอื่ ทําใหแจงซงึ่ โสดาปต ติผลนั้น เหมือนนํา้ ในลาํ รางไมอ าจนับไดฉ ะนั้น. พงึ ทราบความท่ีทานอนั บุคคลใหแ ลว ในบคุ คลทงั้ หลาย มพี ระโสดาบันเปนตน ดจุ นํา้ ในมหา-สมุทรแล ในบรรดามหานทีน้ัน ๆ เปนอนั นับไมไ ด. พงึ แสดงเนื้อความน้ีแมโ ดยความท่ที าํ ฝุนในสถานสกั วา ลานขาวแหง แผน ดินเปนตน จนถงึ ฝุน ทั้งแผนดนิ อนั ประมาณไมได. เพราะเหตุไร พระผมู พี ระภาคเจา จึงทรงปรารภวา กท็ ักขณิ า ๗ อยางน้ี.ทรงปรารภเทศนานี้ ทต่ี รัสวา ดกู อนโคตมี พระนางจงถวายสงฆเ ถิด เม่อืถวายสงฆแลว จักเปน อนั พระนางไดบ ชู าท้ังอาตมาภาพและสงฆ เพือ่ ทรงแสดงวา ทานที่ใหในฐานะ ๗ นัน้ เปนอนั ชอ่ื วา ถวายสงฆแ ลว. บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา พทุ ฺธปปฺ มเุ ข อุภโตสงฺเฆ ความวา สงฆนค้ี อื ภกิ ษสุ งฆฝายหนึง่ ภกิ ษุณีสงฆฝา ยหนึ่ง พระศาสดาประทับนง่ั ณ ทามกลาง ช่อื วาสงฆ ๒ ฝา ย มพี ระพทุ ธเจา เปน ประมุข. บทวา อย ปมา ความวา ช่ือวาทักขณิ า มปี ระมาณเสมอดว ยทักขิณาน้ีไมมี. กท็ ักขณิ าท้ังหลายมที ักขณิ าที่สองเปนตน ยอ มไมถ ึงทกั ขณิ าแมน ้นั . ถามวา ก็เมือพระตถาคตปรนิ พิ พานแลวอาจเพอ่ื ถวายทานแดพ ระสงฆ ๒ ฝายมพี ระพุทธเจา เปนประมขุ หรือ. ตอบวาอาจ. อยางไร. ก็พึงตั้งพระพุทธรูปทม่ี ีพระธาตุในฐานะประมขุ ของสงฆ ๒ ฝา ยในอาสนะ วางตัง้ ถวายวัตถทุ งั้ หมดมีทักขิโณทกเปนตนแดพ ระศาสดากอ นแลวถวายแดพ ระสงฆ ๒ ฝา ย. ทานเปน อนั ชื่อวาถวายสงฆ ๒ ฝา ย มพี ระพทุ ธเจา

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 407เปน ประมุข ดว ยประการฉะน้.ี ถามวา ในพระสงฆ ๒ ฝายนั้น ทานใดถวายพระศาสดา ทานนนั้ พงึ ทําอยา งไร. ตอบวา พงึ ถวายภกิ ษผุ ถู ึงพรอมดว ยวัตร ผูปฏบิ ัติพระศาสดา ดว ยวา ทรัพยอนั เปนของบดิ ายอ มถึงแกบ ตุ รแมการถวายทานแกภกิ ษสุ งฆ ก็ควร. ก็ถือเนยใสและนาํ้ มนั พงึ ตามประทีปถอื ผาสาฏกพงึ ยกธงปฏาก. บทวา ภิกขฺ ุสงฺเฆ ไดแ ก ภิกษุสงฆส ว นมากยงัไมข าดสาย. แมใ นภกิ ษุณสี งฆก น็ ยั นเ้ี หมอื นกัน. บทวา โคตรฺ ภโุ น ไดแ กเสวยสักวา โคตรเทา นั้น อธิบายวา เปนสมณะแตช่ือ. บทวา กาสาวกณฺ าคือผูมชี อื่ วา มผี า กาสาวะพนั คอ. ไดยนิ วา ภิกษเุ หลาน้ันพนั ผากาสาวะผนื หนึง่ทม่ี อื หรอื ที่คอเท่ยี วไป. ก็ประตบู าน แมกรรมมีบุตรภริยากสกิ รรมและวณชิ กรรม เปน ตนท้งั หลาย ของภิกษผุ ูทุศลี เหลาน้นั ก็จกั เปน ปกตเิ ทยี ว.ไมไ ดตรสั วา สงฆทุศีล ในบทน้วี า คนทง้ั หลายจักถวายทาน เฉพาะสงฆไดในเหลาภิกษุทุศีลนน้ั จรงิ อยู สงฆชอื่ วาทุศีลไมม ี แตอ ุบาสกทงั้ หลายช่อื วาทศุ ีล จกั ถวายทานดวยคดิ วา เราจักถวายเฉพาะสงฆใ นเหลาภิกษุทุศลี น้ัน แมท กั ขิณาที่ถวายสงฆมพี ระพทุ ธเจา เปนประมุข อันพระผูมีพระภาค-เจา ตรสั วา มีผลนับไมได ดว ยการนบั คุณ ดว ยประการฉะน.้ี แมท กั ขณิ าที่ใหใ นสงฆซง่ึ มีภิกษมุ ผี ากาสาวะพันคอ ตรัสวา มีผลนบั ไมไ ด ดวยการนบั คุณเหมือนกัน. กท็ กั ขิณาท่ถี ึงสงฆยอมมแี กบคุ คลผอู าจเพื่อทาํ ความยําเกรงในสงฆแตค วามยาํ เกรงในสงฆ ทาํ ไดย าก. กบ็ คุ คลไดเ ตรียมไทยธรรมดวยคดิ วาเราจักใหท กั ขณิ าถงึ สงฆ ไปวหิ ารแลว เรียนวา ขา แตทา นผเู จรญิ ขอทา นจงใหพระเถระรูปหนง่ึ เจาะจงสงฆเถดิ . ลําดับนนั้ ไดสามเณรจากสงฆย อ มถึงความเปน ประการอ่ืนวา เราไดสามเณรแลว ดังน้.ี ทกั ขิณาของบุคคลน้ันยอมไมถ ึงสงฆ. เมือ่ ไดพ ระมหาเถระแมเกิดความโสมนัสวา เราไดม หาเถระแลว ดงั น้ี ทักขิณาก็ไมถงึ สงฆเหมือนกนั . สวนบคุ คลใดไดสามเณร ผูอ ุป-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 408สมบทแลว ภิกษหุ นมุ หรอื เถระ ผูพ าลหรอื บณั ฑิต รูปใดรูปหน่ึงจากสงฆแ ลว ไมสงสัย ยอ มอาจเพอื่ ทาํ ความยาํ เกรงในสงฆวา เราจะถวายสงฆ.ทกั ขิณาของบคุ คลนั้นเปน อัน ชอ่ื วาถงึ สงฆแลว . ไดยนิ วา พวกอบุ าสกชาวสมทุ รฝง โนน กระทาํ อยางนี้. ก็ในอุบาสกเหลานนั้ คนหนง่ึ เปนเจาของวดัเปน กฏุ ม พี เจาะจงจากสงฆวา เราจักถวายทกั ขิณาท่ีถงึ สงฆ จึงเรียนวาขอทา นจงใหภิกษุรูปหนึง่ . อบุ าสกน้ัน ไดภ กิ ษทุ ุศลี รปู หนง่ึ พาไปสูสถานท่ีน่ังปูอาสนะผูกเพดานเบ้อื งบน บชู าดว ยของหอม ธูป และดอกไม ลา งเทาทาดว ยน้ํามนั ไดถวายไทยธรรมดว ยความยาํ เกรงในสงฆ ดจุ ทําความนอบนอมแดพระพทุ ธเจา. ภกิ ษุรปู นน้ั มาสปู ระตเู รือนวาทา นจงใหจอบเพอื่ ประโยชนแกก ารปฏิบัตวิ ัดในภายหลงั ภัต. อุบาสกนัง่ เขย่ี จอบดว ยเทา แลวใหวา จงรับไป.มนษุ ยท ง้ั หลายไดกลาวกะเขานั้นวา ทา นไดทําสกั การะแกภกิ ษุนแ้ี ตเ ชาตรูเทียวไมอาจเพ่อื จะกลาว บัดน้ี แมส ักวา อุปจาระ (มรรยาท) ก็ไมมนี ี้ช่อื วาอะไรดังน้ี. อุบาสก กลาววา แนะนาย ความยาํ เกรงนน้ั มีตอ สงฆ ไมม ีแกภกิ ษุน้ัน. ถามวา ก็ใครยอ มยงั ทักขณิ าที่ถวายสงฆ ซงึ่ มีภิกษมุ ีผากาสาวะพันคอใหห มดจด. ตอบวา พระมหาเถระ ๘๐ รูปมีพระสารีบุตรและพระ-โมคคัลลานะเปน ตน ยอมใหห มดจดได. อน่ึง พระเถระท้งั หลายปรนิ ิพพานนานแลว พระขณี าสพท้ังหลายท่ยี ังมีชวี ิตอยูต้ังแตพ ระเถระเปนตน จนถงึ ทุกวันน้ี ยอมใหหมดจดเหมอื นกนั . ในบทนี้วา ดูกอ นอานนท แตวา เราไมก ลา วปาฏบิ คุ คลิกทานวา มีผลมากกวา ทักขณิ าที่ถึงแลว ในสงฆโ ดยปรยิ ายไร ๆ เลยสงฆมีพระพทุ ธเจาเปนประมขุ มอี ยู สงฆปจจบุ ันนม้ี อี ยู สงฆซง่ึ มภี ิกษุมผี ากาสาวะพนั คอในอนาคตก็มีอยู สงฆท ม่ี ีพระพุทธเจาเปนประมขุ ไมพ ึงนําเขาไปกับสงฆใ นปจ จบุ ันนี้ สงฆใ นปจ จุบันน้ีกไ็ มพ งึ นาํ เขา ไปกับสงฆซ่งึ มภี กิ ษมุ ผี า

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 409กาสาวะพันคอในอนาคต พงึ กลาวตามสมัยนน้ั เทาน้ัน. กส็ มณปถุ ุชนซงึ่ นําไปเฉพาะจากสงฆ เปน ปาฏบิ ุคคลกิ โสดาบนั เมือ่ บคุ คลอาจเพอื่ ทําความยําเกรงในสงฆ ทานทใ่ี หในสมณะผปู ุถชุ น มีผลมากกวา . ในคาํ แมม ีอาทวิ า โสดาบันอนั ทายกถือเอาเจาะจง เปนปาฏิบุคคลิกสทาคามี ก็มีนัยนเี้ หมอื นกัน. จริงอยูเมือ่ บคุ คลอาจเพอ่ื ทาํ ความยําเกรงในสงฆ ใหทานแมใ นภิกษทุ ศุ ีลซึ่งเจาะจงถอื เอา มีผลมากกวา ทานที่บุคคลถวายในพระขีณาสพนั้นแล. ก็คําใดที่กลาววา ดูกอ นมหาบพติ ร ทานทีใ่ หแกผูมีศลี แล มีผลมากทานที่ใหในผทู ุศีลหามผี ลมากอยางนนั้ ไม คํานั้นพงึ ละนยั น้แี ลว พึงเห็นในจตกุ ะนว้ี า ดกู อนอานนท กค็ วามบริสทุ ธิ์แหงทกั ขิณานมี้ ี ๔ อยา ง.บทวา ทายกโต วสิ ชุ ฺฌติ ความวา ทักขิณาบางอยา งบรสิ ทุ ธ์ิ โดยความมีผลมาก อธิบายวา เปนทาน มผี ลมาก. บทวา กลยฺ าณธมฺโม ไดแ ก มีสจุ ธิ รรมบทวา ปาปธมฺโม คือมธี รรมอนั ชว่ั . กพ็ ึงแสดงพระเวสสันดรมหาราชในบทนีว้ า ทักขณิ าบางอยางบริสทุ ธฝิ์ ายทายก. ก็พระเวสสนั ดรมหาราชนน้ั ทรงใหพระโอรสพระธิดาแกพราหมณช ชู กแลว ยังแผนดนิ ใหห วั่นไหว พึงแสดงนายเกวฏั ฏะ ผูอาศยั อยทู ี่ประตปู ากน้าํ กลั ยาณนทใี นคํานีว้ า ทักขิณาบางอยา งบรสิ ทุ ธ์ิฝายปฏิคาหก. ไดย นิ วา เกวัฏฏะนั้น ไดถวายบิณฑบาตแกพระทฆี -โสมเถระถงึ ๓ คร้งั นอนบนเตียงเปนท่ตี ายไดก ลาววา บิณฑบาตท่ถี วายแกพระผเู ปนเจาทีฆโสมเถระ ยอ มยกขา พเจาข้นึ . พึงแสดงถงึ พรานผอู ยูในวฑั ฒมานะในบทวา เนว ทายกโต นี.้ ไดยินวา นายพรานนัน้ เมอ่ื ใหท กุ ขณิ าอทุ ศิ ถึงผูต ายไดใหแ กภกิ ษผุ ูท ุศลี รูปหนึง่ น้ัน แลถงึ ๓ คร้ัง. ในครั้งท่ี ๓ อมนุษยรองขึ้นวา ผูท ุศลี ปลนฉนั ดงั นี.้ ในเวลาท่พี รานนน้ั ถวายแกภ ิกษุผูม ศี ีลรูปหนึ่งมาถึง ผลของทักขิณาก็ถึงแกเ ขา. พงึ แสดงอสทิสทานในคาํ นวี้ า ทกั ขิณาบางอยา งบริสทุ ธ์ิ ฝายทายกเทา น้นั .

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 410 ในคําวา ทกั ขณิ านั้นบรสิ ทุ ธ์ฝิ า ยทายกนี้ พึงทราบความบรสิ ุทธแิ์ หงทานในบททง้ั ปวง โดยทาํ นองนว้ี า ชาวนาผฉู ลาดไดนาแมไ มด ี ไถในสมยักาํ จัดฝนุ ปลูกพชื ที่มีสาระ ดแู ลตลอดคนื วนั เมื่อไมถ งึ ความประมาท ยอ มไดขาวดีกวานาทีไ่ มดูแลของคนอ่ืน ชอ่ื ฉันใด ผมู ศี ีลแมใ หทานแกผูท ศุ ลี ยอ มไดผลมากฉันน้ัน. ในบทวา วตี ราโค วตี ราเคสุ พระอนาคามี ช่อื วา ปราศจากราคะ สว นพระอรหนั ทีเ่ ปนผปู ราศจากราคะโดยสนิ้ เชิงทเี ดียว เพราะฉะน้ันทานท่พี ระอรหนั ตใ หแ กพระอรหนั ตน ัน่ แหละ เปน ทานอนั เลิศ. เพราะเหตไุ ร.เพราะไมมีความปรารถนาภพของผอู าลยั ในภพ. ถามวา พระขณี าสพยอ มไมเชื่อผลทานมใิ ชหรือ. ตอบวา บุคคลทง้ั หลายเธอผลทาน ที่เปนเชน กบั พระ-ขณี าสพเทยี ว ไมม ี ก็กรรมที่พระขณี าสพทําแลว ไมเปน กุศล หรอื อกุศลเพราะเปน ผูปราศจากฉันทราคะแลว ยอมตั้งอยูในฐานกิรยิ า ดว ยเหตุนั้นบณั ฑติ ท้งั หลายจึงกลาววา ทานของพระขณี าสพน้นั มีผลเลศิ ดงั น.ี้ ถามวาก็ทานที่พระสัมมาสมั พทุ ธเจาทรงใหแกพระสารีบุตรเถระมผี ลมาก หรอื วา ทานท่ีพระสารีบุตรเถระถวายแดพระสมั มมาสัมพุทธเจามผี ลมาก. ตอบวา บัณฑิตทงั้ หลายกลาววาทานที่พระสัมมาสมั พุทธเจา ทรงใหแกพระสารบี ุตรมีผลมาก.เพราะเหตไุ ร. เพราะบคุ คลอ่นื เวน พระสัมมาสมั พทุ ธเจา ชื่อวาสามารถใหผลทานใหเกดิ ขึ้นไมม ี. จรงิ อยา งน้ัน ทานยอมใหผลแกผ อู าจเพอื่ ทาํ ดวยสัมปทา ๔ในอตั ภาพนน้ั แล. สัมปทาในสตู รนมี้ ดี งั น้ี คือความทไี่ ทยธรรมไมเ บียดเบยี นผอู ่ืนเกิดขึ้น โดยธรรม โดยชอบ, ความท่ีเจตนาดว ยอํานาจแหงบุพเจตนาเปน ตน เปนธรรมใหญ, ความเปนผูมีคุณอนั เลศิ ย่งิ โดยความเปน พระขณี าสพ.ความถึงพรอ มดวยวตั ถุ โดยความเปนผอู อกแลว จากนโิ รธในวันน้ัน ดังนี.้ จบอรรถกถาทกั ขณิ าวภิ ังคสูตรท่ี ๑๒ จบวรรคท่ี ๔

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 411รวมพระสตู รและอรรถกถาในวิภังควรรค๑. ภทั เทกรัตตสตู ร พรอ มทั้งอรรถกถา๒. อานนั ทภทั เทกรัตตสูตร \"๓. มหากัจจานภัตเทกรตั ตสูตร \"๔. โลมสกงั คิยภทั เทกรตั ตสูตร \"๕. จูฬกัมมวิภงั คสตู ร \"๖. มหากัมมวภิ ังคสตู ร \"๗. สฬายตนวิภงั คสูตร \"๘. อทุ เทสวิภังคสูตร \"๙. อรณวภิ งั คสตู ร \"๑๐. ธาตวุ ิภงั คสูตร \"๑๑. สัจจวิภังคสตู ร \"๑๒. ทกั ขณิ าวิภงั คสูตร \"

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 412 สฬายตนวรรค ๑. อนาถปณฑิโกวาทสูตร [๗๒๐] ขา พเจาไดสดบั มาอยา งน้:ี - สมยั หน่งึ พระผูม พี ระภาคเจา ประทบั อยูท พ่ี ระวหิ ารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี กส็ มยั นน้ั แล อนาถบณิ ฑิกคฤหบดปี วย ทนทกุ ขเวทนา เปนไขห นัก จงึ เรียกบรุ ุษคนหนง่ึ มาสงั่ วา มาเถดิ พอ มหาจําเริญ พอ จงเขา ไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจายงั ท่ปี ระทับ แลวจงถวายบังคมพระบาทพระผูม ีพระภาคเจา ดว ยเศยี รเกลาตามคาํ ของเรา แลวจงกราบทูลอยางนวี้ า ขา แตพ ระองคผูเจริญ อนาถบณิ ฑกิ คฤหบดปี ว ย ทนทุกขเวทนา เปนไขห นกั ขอถวายบังคมพระบาทพระผมู ีพระภาคเจา ดวยเศียรเกลา อนง่ึ จงเขา ไปหาทานพระสารบี ุตรยังที่อยู แลวจงกราบเทาทานพระสารีบุตรตามคาํ ของเรา และเรยี นอยางน้วี า ขาแตท า นผเู จรญิ อนาถ-บิณฑิกคฤหบดปี ว ย ทนทุกขเวทนาเปนไขห นัก ขอกราบเทาทา นพระสารีบตุ รดว ยเศียรเกลา และเรียนอยา งน้อี กี วา ขาแตท า นผูเจริญ โอกาสเหมาะแลวขอทานพระสารีบุตรจงอาศยั ความอนุเคราะห เขาไปยงั นเิ วศนของอนาถบณิ ฑกิคฤหบดีเถดิ บรุ ษุ น้ันรับคาํ อนาถบิณฑกิ คฤหบดแี ลวเขา ไปเฝาพระผมู พี ระ-ภาคเจา ยงั ทป่ี ระทับ ถวายอภิวาทแลว นง่ั ณ ทค่ี วรสว นขางหนึง่ . [๗๒๑] พอนงั่ เรยี บรอ ยแลว ไดก ราบทูลพระผูมพี ระภาคเจา ดังน้วี าขา แตพระองคผเู จริญ อนาถบิณฑกิ คฤหบดปี วย ทนทุกขเวทนา เปน ไขหนักขอถวายบังคมพระผูมพี ระภาคเจา ดวยเศยี รเกลา ตอ นน้ั เขา ไปหาทา น

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 413พระสารีบุตรยงั ท่อี ยู กราบทานพระสารีบตุ รแลว นง่ั ณ ที่ควรสวนขางหนึ่งพอนัง่ เรยี บรอยแลว จึงเรียนทา นพระสารีบุตรดงั นีว้ า ขา แตทา นผูเจรญิอนาถบิณฑิกคฤหบดีปว ย ทนทกุ ขเวทนา เปนไขห นัก ขอกราบเทา ทา นพระสารีบุตรดว ยเศยี รเกลา และสั่งมาอยา งนวี้ า ขา แตท านผเู จริญ โอกาสเหมาะแลว ขอทา นพระสารบี ุตรจงอาศัยความอนเุ คราะหเ ขาไปยังนเิ วศนข องอนาถบิณฑกิ คฤหบดีเถิด ทานพระสารีบุตรรับนมิ นตด วยดษุ ณีภาพ ครง้ั นนั้ แลทานพระสารบี ุตรนั่งสบงทรงบาตรจีวร มที านพระอานนทเ ปนปจฉาสมณะเขา ไปยังนเิ วศนช องอนาถบิณฑกิ คฤหบดี แลวนง่ั บนอาสนะทเ่ี ขาแตง ตง้ั ไว [๗๒๒] พอนงั่ เรียบรอยแลว จงึ กลาวกะอนาถบิณฑกิ คฤหบดีดงั น้วี าดูกอ นคฤหบดี ทานพอทน พอเปน ไปไดหรือ ทกุ ขเวทนาทุเลา ไมก ําเริบปรากฏความทุเลาเปน ทส่ี ดุ ไมปรากฏความกาํ เรบิ ละหรือ. อ. ขาแตพระสารีบุตรผเู จริญ กระผมทนไมไหว เปนไปไมไหวทุกขเวทนาของกระผมหนัก กาํ เรบิ ไมท ุเลา ปรากฏความกาํ เรบิ เปนทส่ี ดุไมป รากฏความทุเลาเลย. ความเปน ไปแหง อาพาธ [๗๒๓] ขาแตพระสารบี ตุ รผูเจรญิ ลมเหลอื ประมาณกระทบขมอ มของกระผมอยู เหมอื นบรุ ุษมกี าํ ลงั เอาของแหลมคมทม่ิ ขมอ มฉะนั้น กระผมจงึ ทนไมไหว เปนไปไมไหว ทุกขเวทนาของกระผมหนัก กําเริบ ไมท ุเลาปรากฏความกําเริบเปน ทีส่ ุด ไมป รากฏความทเุ ลาเลย. [๗๒๔] ขา แตพระสารบี ตุ รผูเจริญ ลมเหลอื ประมาณเวยี นศรี ษะกระผมอยู เหมือนบุรุษมกี าํ ลังขนั ศรี ษะดว ยชะเนาะม่ันฉะนนั้ กระผมจึงทน

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 414ไมไหว เปนไปไมไ หว ทกุ ขเวทนาของกระผมหนกั กําเริบ ไมทุเลา ปรากฏมีความกาํ เริบเปนทีส่ ดุ ไมปรากฏความทุเลาเลย. [๗๒๕] ขา แตพ ระสารบี ตุ รผูเจรญิ ลมเหลอื ประมาณปน ปว นทอ งของกระผมอยู เหมือนคนฆา โค หรือลกู มอื คนฆา โคผฉู ลาดเอามดี แลโคอันคมควา นทอง ฉะนน้ั กระผมจึงทนไมไ หว เปนไปไมไหว ทุกขเวทนาของกระผมหนกั กําเริบ ไมท ุเลา ปรากฏความกาํ เรบิ เปน ท่สี ุด ไมป รากฏความทเุ ลาเลย. [๗๒๖] ขา แตพระสารีบตุ รผูเ จรญิ ความรอนในกายของกระผมเหลอื ประมาณ เหมือนบรุ ษุ มกี ําลัง ๒ คน จับบรุ ุษมกี าํ ลงั นอยกวาทอี่ วยั วะปองกนั ตวั ตา ง ๆ แลว นาบ ยาง ในหลมุ ถานเพลิง ฉะนั้น กระผมจึงทนไมไ หว เปน ไปไมไหว ทุกขเวทนาของกระผมหนัก กาํ เรบิ ไมท เุ ลา ปรากฏความกาํ เริบเปนท่ีสดุ ไมป รากฏความทเุ ลาเลย. [๗๒๗] สา. ดกู อ นคฤหบดี เพราะฉะนนั้ แล ทานพึงสําเหนียกอยา งนีว้ า เราจกั ไมย ึดมนั่ จักษุ และวิญญาณทอี่ าศยั จักษจุ ักไมม แี กเ รา. พงึ สําเหนยี กอยางน้วี า เราจักไมย ึดม่นั โสต และวิญญาณทีอ่ าศยั โสตจักไมม ีแกเรา. พึงสาํ เหนยี กอยางน้ีวา เราจักไมย ดึ มน่ั ฆานะ และวิญญาณทอ่ี าศัยฆานะจกั ไมมีแกเ รา. พึงสําเหนียกอยา งนว้ี า เราจกั ไมยดึ มน่ั ชิวหา และวิญญาณที่อาศัยชวิ หาจักไมม แี กเรา. พงึ สาํ เหนียกอยางนีว้ า เราจักไมย ึดมั่นกาย และวิญญาณท่ีอาศัยกายจกั ไมม แี กเ รา.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 415 พงึ สาํ เหนยี กอยา งนีว้ า เราจักไมยดึ มน่ั มโน และวิญญาณทีอ่ าศยั มโนจกั ไมม แี กเ รา. ดกู อนคฤหบดี ทา นพึงสําเหนียกไวอยางนีเ้ ถดิ . วา ดวยพาหริ ายตนะ [๗๒๘] ดูกอนคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล ทา นพงึ สาํ เหนยี กอยางนว้ี าเราจักไมยึดมั่นรปู และวญิ ญาณทีอ่ าศัยรปู จกั ไมม ีแกเ รา. พึงสําเหนียกอยางนี้วา เราจักไมย ดึ ม่นั เสียง และวิญญาณทอ่ี าศยั เสียงจักไมมีแกเ รา. พึงสาํ เหนยี กอยา งนวี้ า เราจกั ไมย ึดมนั่ กล่ิน และวิญญาณท่ีอาศยั กลนิ่จักไมม แี กเรา. พงึ สําเหนยี กอยา งนี้วา เราจกั ไมยึดม่ันรส และวิญญาณท่อี าศยั รสจักไมม ีแกเรา. พึงสําเหนยี กอยา งนว้ี า เราจกั ไมยดึ มั่นโผฏฐัพพะ และวิญญาณท่ีอาศัยโผฏฐัพพะจกั ไมม ีแกเรา. พึงสําเหนียกอยางนว้ี า เราจกั ไมย ึดม่ันธรรมารมณ และวิญญาณที่อาศัยธรรมารมณจ ักไมม ีแกเรา. ดกู อนคฤหบดี พา นพึงสาํ เหนียกไวอ ยา งนี้เถิด. [๗๒๙] ดกู อนคฤหบดี เพราะฉะนัน้ แล ทานพงึ สําเหนยี กอยา งนวี้ าเราจกั ไมย ดึ ม่นั จักษุวญิ ญาณ และวญิ ญาณท่ีอาศยั จักษวุ ญิ ญาณจกั ไมมีแกเรา. พงึ สาํ เหนยี กอยางนวี้ า เราจกั ไมย ดึ ม่นั โสตวิญญาณ และวญิ ญาณที่อาศัยโสตวญิ ญาณจักไมม แี กเ รา.

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 416 พงึ สาํ เหนยี กอยางน้ีวา เราจกั ไมยดึ มน่ั ฆานวิญญาณ และวิญญาณท่ีอาศยั ฆานวญิ ญาณจักไมม ีแกเรา. พึงสาํ เหนียกอยา งนวี้ า เราจักไมยดึ มนั่ ชวิ หาวิญญาณ และวญิ ญาณท่ีอาศยั ชิวหาวญิ ญาณจกั ไมมีแกเ รา. พึงสําเหนียกอยางน้ีวา เราจกั ไมยึดม่ันกายวญิ ญาณ และวญิ ญาณท่ีอาศยั กายวิญญาณจักไมมีแกเ รา. พึงสําเหนียกอยางน้ีวา เราจกั ไมย ดึ มัน่ มโนวญิ ญาณ และวญิ ญาณที่อาศยั มโนวิญญาณจกั ไมม ีแกเรา. ดกู อนคฤหบดี ทา นพงึ สําเหนยี กไวอ ยางนี้เถิด. [๗๓๐] ดกู อ นคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล ทานพงึ สาํ เหนยี กอยา งนี้วาเราจกั ไมย ดึ มน่ั จักษุสัมผัส และวิญญาณท่ีอาศยั จกั ษสุ ัมผสั จกั ไมมแี กเรา. พงึ สําเหนียกอยางน้ีวา เราจกั ไมย ดึ มนั่ โสตสมั ผสั และวิญญาณที่อาศัยโสตสมั ผัสจักไมม แี กเ รา. พึงสาํ เหนียกอยางน้วี า เราจกั ไมยดึ มน่ั ฆานสมั ผสั และวญิ ญาณท่ีอาศยั ฆานสัมผสั จักไมม แี กเรา. พึงสาํ เหนียกอยา งน้วี า เราจักไมย ึดมนั ชวิ หาสมั ผัส และวิญญาณที่อาศัยชิวหาสมั ผสั จักไมมแี กเ รา. พงึ สําเหนยี กอยางน้ีวา เราจักไมย ดึ ม่ันกายสัมผัส และวญิ ญาณท่ีอาศยักายสัมผสั จกั ไมมีแกเ รา. พึงสําเหนียกอยางน้วี า เราจกั ไมย ดึ ม่ันมโนสัมผสั และวิญญาณทอี่ าศยัมโนสมั ผสั จกั ไมมแี กเรา. ดกู อนคฤหบดี ทานพึงสาํ เหนยี กไวอยา งน้เี ถดิ .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 417 [๗๓๑] ดูกอ นคฤหบดี เพราะฉะน้ันแล ทา นพึงสาํ เหนียกอยา งน้ีวาเราจกั ไมย ึดมัน่ เวทนาเกิดแตจักษุสมั ผัส และวิญญาณทอ่ี าศัยเวทนาเกิดแตจ กั ษุสัมผสั จักไมมีแกเ รา. พึงสําเหนียกอยา งนี้วา เราจกั ไมย ดึ มนั่ เวทนาเกดิ แตโสตสัมผัสและวิญญาณที่อาศัยเวทนาเกิดแตโสตสมั ผสั จักไมม แี กเ รา. พึงสาํ เหนยี กอยางนวี้ า เราจกั ไมยดึ มั่นเวทนาเกิดแตฆ านสมั ผัส และวญิ ญาณท่ีอาศยั เวทนาเกิดแตฆานสัมผสั จกั ไมมแี กเรา. พึงสําเหนียกอยางน้วี า เราจักไมยดึ มัน่ เวทนาเกดิ แตชวิ หาสัมผสั และวญิ ญาณท่ีอาศยั เวทนาเกดิ แตช วิ หาสัมผสั จักไมมแี กเรา. พึงสําเหนียกอยา งนีว้ า เราจกั ไมย ดึ มน่ั เวทนาเกดิ แตกายสัมผัส และวิญญาณทอ่ี าศัยเวทนาเกิดแตก ายสัมผสั จักไมมแี กเ รา. พงึ สําเหนียกอยางนี้วา เราจักไมยดึ มน่ั เวทนาเกิดแตม โนสมั ผสั และวญิ ญาณทอ่ี าศัยเวทนาเกดิ แตมโนสมั ผสั จกั ไมมีแกเรา. ดกู อ นคฤหบดี ทานพงึ สาํ เหนยี กไวอยา งนเี้ ถิด. [๗๓๒] ดูกอนคฤหบดี เพราะฉะนนั้ แล ทา นพงึ สําเหนียกอยา งนว้ี าเราจักไมยดึ มน่ั ปฐวธี าตุ และวญิ ญาณทีอ่ าศยั ปฐวีธาตุจกั ไมม ีแกเ รา พงึ สําเหนยี กอยางน้ีวา เราจกั ไมย ึดม่นั อาโปธาตุ และวิญญาณทอ่ี าศัยอาโปธาตุจกั ไมม แี กเรา. พึงสําเหนยี กอยางนว้ี า เราจกั ไมย ึดมั่น เตโชธาตุ และวญิ ญาณที่อาศัยเตโชธาตุจักไมมแี กเ รา. พงึ สําเหนยี กอยา งนวี้ า เราจักไมยึดมัน่ วาโยธาตุ และวิญญาณท่อี าศัยวาโยธาตุจกั ไมม แี กเ รา.

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 418 พงึ สาํ เหนยี กอยางน้ีวา เราจักไมยึดมนั่ อากาสธาตุ และวญิ ญาณท่ีอาศัยอากาสธาตุจักไมมแี กเ รา. ดูกอ นคฤหบดี ทานพึงสาํ เหนียกไวอ ยา งนี้เถดิ . [๗๓๓] ดกู อนคฤหบดี เพราะฉะนน้ั แล ทานพงึ สาํ เหนียกอยา งนว้ี าเราจัก ไมย ึดม่ันรูปและวญิ ญาณทีอ่ าศยั รูปจักไมมีแกเ รา. พึงสําเหนียกอยา งนวี้ า เราจกั ไมยึดมั่นเวทนา และวญิ ญาณทอ่ี าศยัเวทนาจกั ไมมแี กเรา. พึงสาํ เหนยี กอยา งน้ีวา เราจกั ไมยดึ มั่นสญั ญา และวญิ ญาณทีอ่ าศยัสญั ญาจกั ไมมีแกเรา. พึงสําเหนยี กอยา งนี้วา เราจักไมยดึ มั่นสังขาร และวญิ ญาณทอี่ าศยัสงั ขารจกั ไมม ีแกเ รา. พึงสาํ เหนียกอยา งนว้ี า เราจักไมยดึ มนั่ วิญญาณ และวญิ ญาณทอี่ าศัยวิญญาณจักไมมแี กเรา. ดกู อนคฤหบดี ทานพึงสาํ เนยี กไวอยา งนี้เถดิ . วาดว ยอรูป ๔ [๗๓๔] ดูกอนคฤหบดี เพราะฉะนนั้ แล ทา นพึงสาํ เหนยี กอยางนี้วาเราจกั ไมย ึดมัน่ อากาสานัญจายตนฌาน และวิญญาณทอ่ี าศยั อากาสานญั จายตนะฌานจกั ไมมีแกเ รา. พึงสาํ เหนียกอยา งนวี้ า เราจักไมยดึ ม่นั วิญญาณัญจายคนฌานและวญิ ญาณทีอ่ าศยั วิญญาณัญจายตนฌานจกั ไมมแี กเรา. พงึ สาํ เหนยี กอยางนวี้ า เราจกั ไมยดึ มน่ั อากญิ จัญญายตนฌานและวญิ ญาณทอ่ี าศัยอากิญจญั ญายตนฌานจกั ไมม แี กเ รา.

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 419 พึงสําเหนียกอยา งนว้ี า เราจักไมย ดึ ม่นั เนวสญั ญานาสญั ญายตนฌานและวญิ ญาณทีอ่ าศัยเนวสญั ญานาสญั ญายตนฌานจักไมม ีแกเรา. ดูกอนคฤหบดี ทา นพึงสําเหนียกไวอ ยา งน้เี ถดิ . [๗๓๕] ดกู อ นคฤหบดี เพราะฉะน้นั แล ทา นพึงสําเหนยี กอยา งนี้วาเราจักไมยดึ มนั่ โลกนี้ และวญิ ญาณที่อาศัยโลกนจี้ ักไมม แี กเรา พงึ สําเหนียกอยางนว้ี า เราจกั ไมย ดึ ม่นั โลกหนา และวญิ ญาณท่ีอาลยัโลกหนาจกั ไมม ีแกเ รา. ดกู อนคฤหบดี ทา นพงึ สาํ เหนยี กไวอยา งน้ีเถดิ [๗๓๖] ดูกอ นคฤหบดี เพราะฉะน้ันแล ทา นพงึ สําเหนียกอยางนี้วาอารมณใดทเี่ ราไดเหน็ ไดฟง ไดทราบ ไดร ูแจง ไดแสวงหา ไดพ ิจารณาดว ยใจแลว เราจักไมย ึดมั่นอารมณแ มน น้ั และวญิ ญาณทอ่ี าศยั อารมณน ้ันจกัไมมีแกเ รา ดูกอนคฤหบดี ทา นพึงสําเหนยี กไวอ ยา งนีเ้ ถดิ . [๗๓๗] เม่อื ทานพระสารบี ุตรกลาวอยางนี้ อนาถบิณฑิกคฤหบดีรอ งไห น้ําตาไหล ขณะนัน้ ทา นพระอานนทไ ดกลาวกะนาถบัณฑิกคฤหบดีดงั นี้วา ดูกอ นคฤหบดี ทานยงั อาลยั ใจจดใจจอ อยหู รือ. อ. ขา แตพ ระอานนทผ เู จริญ กระผมมไิ ดอาลัย มไิ ดใจจดใจจอแตว ากระผมไดนั่งใกลพระศาสดาและหมูภกิ ษุที่นา เจริญใจมาแลว นาน ไมเ คยไดสดบั ธรรมมกี ถาเหน็ ปา นน้.ี อา. ดกู อ นคฤหบดี ธรรมกถาเห็นปานน้ี มิไดแจมแจง แกคฤหสั ถผูน งุ ผาขาว แตแ จม แจง แกบ รรพชิต อ. ขา แตพ ระสารบี ุตรผเู จริญ ถาอยางนน้ั ขอธรรมีกถาเห็นปานน้ีจงแจมแจงแกคฤหัสถผ ูน งุ ผา ขาวบา งเถิด เพราะมีกลุ บุตรผูเกดิ มามกี ิเลส-ธุสใี นควงตานอ ย จะเสอ่ื มคลายจากธรรม จะเปน ผูไมร ธู รรม โดยมไิ ดส ดับ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 420 ครน้ั นัน้ แล ทานพระสารบี ุตรและทา นพระอานนทกลาวสอนอนาถ-บณิ ฑิกคฤหบดีดว ยโอวาทนี้แลว จงึ ลกุ จากอาสนะหลกี ไป. การเขา ไปเฝาพระผูม ีพระภาคเจา [๗๓๘] ตอ น้ัน อนาถบิณฑิกคฤหบดีเมอ่ื ทานพระสารีบตุ รและทานพระอานนทห ลีกไปแลวไมน าน ก็ไดท าํ กาลกริ ยิ าเขาถึงช้นั ดุสิตแล ครง้ั นนั้ลวงปฐมยามไปแลว อนาถบิณฑิกเทพบตุ รมีรศั มีงามสอ งพระวหิ ารเชตวัน ใหสวา งท่ัว เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจายงั ที่ประทบั แลว ถวายอภวิ าทพระผูมี-พระภาคเจายืน ณ ทคี่ วรสว นขา งหนึ่ง พอยนื เรยี บรอ ยแลว ไดก ราบทลู พระผมู ีพระภาคเจาดว ยคาถาเหลานวี้ า พระเชตวันนม้ี ีประโยชน อันสงฆผู แสวงบุญอยูอ าศัยแลว อนั พระองคผเู ปน ธรรมราชาประทบั เปน ทเ่ี กิดปตแิ กข า- พระองค สัตวท ัง้ หลายยอมบรสิ ุทธด์ิ วย ธรรม ๕ อยา งนี้ คอื กรรม ๑ วชิ ชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวติ อุดม ๑ ไมใชบรสิ ุทธ์ิ ดว ยใครหรือดว ยทรพั ย เพราะฉะนน้ั แล บุคคลผเู ปนบัณฑติ เม่อื เล็งเหน็ ประโยชน ของตน พึงเลอื กเฟนธรรมโดยแยบคาย จะบรสิ ทุ ธ์ใิ นธรรมนนั้ ไดดวยอาการนี้ พระสารบี ตุ รน้ันแล ยอมบริสุทธ์ิไดด วย ปญ ญา ดว ยศลี และดวยความสงบ

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 421 ความจริง ภกิ ษผุ ูถ งึ ฝง แลว จะอยา งย่งิ กเ็ ทาพระสารีบุตรน้ี. อนาถบิณฑิกเทวบุตรกลา วดังนี้แลว พระศาสดาทรงพอพระทยั ตอนน้ัอนาถบณิ ฑกิ เทวบตุ รทราบวา พระศาสดาทรงพอพระทัยจึงถวายอภวิ าทพระผูม ีพระภาคเจา แลว กระทาํ ประทักษณิ หายตวั ไป ณ ที่นน้ั เอง. [๗๓๙] คร้ังนัน้ แล พอลว งราตรนี ั้นไปแลว พระผูม พี ระภาคเจาตรสั กะภกิ ษทุ ง้ั หลายวา ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เม่ือคืนน้ลี ว งปฐมยามไปแลวมีเทวบุตรตนหน่งึ มรี ศั มงี าม สองพระวิหารเชตวันใหส วา งทั่ว เขา มาหาเรายงั ท่ีอยู อภิวาทแลว ไดยนื ณ ท่คี วรสว นขา งหนึ่ง พอยนื เรยี บรอ ยแลวไดกลาวกะเราดว ยคาถามีวา พระวหิ ารเชตวนั นี้มปี ระโยชน อัน สงฆผ ูแสวงบญุ อยอู าศยั แลว อนั พระองค ผูเ ปนธรรมราชาประทบั อยูเปนท่ีเกิดปต ิ แกข า พระองค สัตวทัง้ หลายยอมบรสิ ทุ ธ์ิ ไดด ว ยธรรม อยางน้ี คือ ธรรม ๑ วิชชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชวี ติ อดุ ม ๑ ไมใ ชบรสิ ทุ ธิดวยโคตร หรอื ดว ยทรัพย เพราะฉะน้นั แล บุคคลผูเ ปน บณั ฑติ เม่ือ เล็งเห็นประโยชนข องตน พงึ เลอื กเฟน ธรรมโดยแยบคาย จะบริสุทธใ์ิ นธรรมนน้ั ไดด ว ยอาการนี้ พระสารบี ตุ รนน้ั แล ยอม บริสทุ ธ์ไิ ดด ว ยปญญา ดว ยศลี และดว ย

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 422 ความสงบ ความจริง ภกิ ษผุ ูถ งึ ฝงแลว จะอยา งยิง่ ก็เทาพระสารบี ตุ รนี้. ภกิ ษทุ ้งั หลาย เทวบตุ รนน้ั ไดก ลาวดังน้ีแลว รวู าพระศาสดาทรงพอพระทัย จึงอภวิ าทเรา แลวกระทาํ ประทักษิณ หายตวั ไป ณ ท่ีนนั้ แล. [๗๔๐] เมื่อพระผมู พี ระภาคเจาตรสั แลวอยางนี้ ทา นพระอานนทไ ดกราบทลู พระผูมพี ระภาคเจา ดงั น้วี า ขาแตพระองคผเู จรญิ กเ็ ทวบตุ รนน้ั คงจักเปนอนาถบิณฑกิ เทวบตุ รแน เพราะอนาถบิณฑิกคฤหบดีไดเ ปน ผูเลอ่ื มใสแลวในทา นพระสารบี ุตร. พ. ดูกอนอานนท ถกู แลว ๆ เทา ทคี่ าดคะเนนน้ั แล เธอลําดับเรื่องถูกแลว เทวบุตรนัน้ คืออนาถบณิ ฑกิ เทวบุตร มิใชอ ืน่ . พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสพระภาษติ นี้แลว ทานพระอานนทจึงช่ืนชมยนิ ดี พระภาษิตของพระผูมีพระภาคเจาแล. จบ อนาถปณ ฑิโกวาทสูตร ท่ี ๑

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 423 สฬายตนวรรค อรรถกถาอนาถปณ ฑิโกวาทสูตร อนาถบณิ ฑโิ กวาทสูตรขน้ึ ตนวา ขาพเจา ไดสดบั มาแลวอยางน:ี้ -. ในบทเหลานน้ั คาํ วา ปวยหนกั คือปวยเหลอื ขนาด เขาถงึ การนอนรอความตาย. คาํ วา เรียกหาแลว คือ เลากนั มาวา ตราบใดทเ่ี ทาของคฤหบดี ยงั พาไปได ตราบน้ัน คฤหบดี กไ็ ดท าํ การบาํ รุง พระพทุ ธเจาวนั ละครง้ั สองคร้ังหรอื สามครงั้ ไมขาด และทา นบํารุงพระศาสดาเทา ใด ก็บาํ รุงพวกพระมหาเถระเทาน้นั เหมอื นกนั วันนี้ ทา นเขาถึงการนอนชนดิ ทไ่ี มมกี ารลกุ ขนึ้ อกี เพราะเทาเดินไมไดแลว อยากสงขา วไปจึงเรยี กหาชายคนใดคนหนงึ่มา. คําวา เขาไปแลวโดยสว นแหง ทิศนัน้ คอื ครนั้ ทูลอําลาพระผมู ีพระ-ภาคเจาแลว ก็เขาไปหาในเวลาพระอาทิตยต ก. คําวา คอ ยยังชวั่ คอื ทุเลาเบาลง. คําวา หนกั ขึน้ คอื เจรญิ ยง่ิ ไดแ กเ พยี บลง คือเปนเวทนาท่กี ลา แขง็คําวา. มีแตค วามหนักขึน้ เปนท่ีสดุ ปรากฏ ไมมีความทุเลาลง คือกใ็ นสมยั ทเี่ กดิ เวทนาชนดิ ทีม่ คี วามตายเปนที่สดุ ข้นึ มานัน้ ยอ มเปนเหมอื นกระพอืลมบนไฟทลี่ ุกโพลง ตลอดเวลาทไ่ี ออนุ ยังไมดับ ตอใหใ ชค วามเพียรใหญขนาดไหน กไ็ มอาจทําใหเ วทนานนั้ ระงับไปได แตจ ะระงับไปไดก็คอื เมอ่ื ไออนุ ดับไปแลว ทีน่ ัน้ ทานพระสารีบตุ รคิดวา เวทนาของมหาเศรษฐี เปนเวทนาชนดิ มคี วามตายเปน ที่สดุ ไมม ใี ครสามารถหา มได ถอ ยคาํ ที่เหลือ ใชประโยชนไมไ ด เราจกั กลา วธรรมกถาแกม หาเศรษฐนี น้ั . และแลวเมอ่ื กลาวธรรมกถามานี้ กะคฤหบดนี นั้ จึงกลา วข้นึ ตน วาเพราะเหน็ ในกรณนี ้ี. ในคาํ เหลาน้นั คําวา เพราะฉะนนั้ คอื เพราะ

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 424ข้ึนชือ่ วาผทู ่ีถือเอาจกั ษุดว ยการถอื เอาท้ังสามอยา งอยู สามารถปอ งกนั เวทนาท่ีมี ีความตายเปนท่ีสุดทีบ่ ังเกดิ ข้ึนแลวไมม ี. คาํ วา จักไมย ึดม่ันจกั ษุ คอื จกัไมถือเอาจกั ษุดวยการถือเอาทง้ั สามอยา ง. คําวา และความรแู จง ท่ีอาศยั จักษุของเรากไ็ มมี คือ และความรแู จงทอี่ าศัยจกั ษุของเรากจ็ กั ไมมี. รูปในอายตนะทานไดแ สดงในหนหลงั วา รปู กไ็ มมี แลว . ในท่ีนเ้ี มอื่ จะแสดงแมรปู ในกามภพท้งั หมด ทานจงึ กลา วอยางนี.้ คําวา โลกนี้ ก็ไมม ี หมายความวา ไมวาจะเปนที่อยอู าศยั หรืออาหารการกินตลอดถึงเคร่ืองนุงหม กระผมไมยึดติดทัง้ น้นั . กแ็ หละคาํ นที้ านแสดงเพอ่ื การไมม ีความสะดุงในปจ จัยทง้ั หลาย. สวนในคาํ วา โลกหนา ก็ไมนี้ หมายความวา ยกโลกมนษุ ยออกแลว ทีเ่ หลือ ช่ือวา โลกหนา หรือโลกอืน่ คาํ นี้ ทา นกลา วเพ่อื การละความสะดงุ นวี้ า เรา เมื่อเกิดในเทวโลกโนนแลวจะเปนในฐานะช่อื โนน เราจะขบจะกินจะนงุ จะหม ส่งิ ช่ือน.ี้ พระเถระปลดเปล้อื งจากความยึดถือท้งั สามอยาง อยางนวี้ า ถึงสง่ิ น้นั กระผมก็จะไมย ึดตดิและความรแู จงทอ่ี าศยั ความยึดติดนัน้ กจ็ ะไมม แี กก ระผมดวย แลวจงึ จบเทศนลงดว ยยอดคอื พระอรหตั . คําวา แชลง คอื ทา นไดเ หน็ สมบัตขิ องตนแลว ยอ มเกิด ยอ มแชแฉะในอารมณทัง้ หลาย. เม่ือทานพระอานนทวา ดังทกี่ ลาวมานี้แลว ก็สําคญัอยวู า ขนาดคฤหบดีน้ี ซ่ึงมีความเชื่อความเลอื่ มใสอยางนี้ ยงั กลวั ตาย แลวคนอนื่ ใครเลา จะไมกลวั เมอื่ จะทาํ ใหแ นใ จแลว ใหโอวาทแกค ฤหบดนี น้ั จึงไดกลาวอยางน.้ี คาํ วา ธรรมกถาทาํ นองนี้ กระผมยังไมเ คยไดฟ ง เลย.คอื อบุ าสกน้ีกลา ววา ธรรมกถาทาํ นองน้ี แมจ ากสาํ นกั พระศาสดา กระผมก็ยงั ไมเคยไดฟ ง เลย. ถามวา พระศาสดาไมท รงแสดงถอ ยคาํ ทล่ี ะเอยี ดลกึ ซ้ึง

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 425แบบนี้หรอื . ตอบวา ไมทรงแสดงก็หาไม. แตท วา ถอยคําทีท่ รงแสดงถึงอายตนะภายใน ๖ อายตนะภายนอก ๖ พวกวิญญาณ ๖ พวกผัสสะ ๖ พวกเวทนา ๖ ธาตุ ๖ ขนั ธ ๕ อรูป ๔ โลกนี้และโลกหนา แลวตรสั ใสไ วในความเปน พระอรหนั ตด วยอํานาจรูปทตี่ าไดเห็นแลว เสียงทีห่ ไู ดย นิ แลว กลิน่ รส-โผฏฐพั พะที่จมกู ล้นิ กายไดทราบแลวและธรรมารมณที่ใจไดร ูแจง แลว ทานคฤหบดนี ย้ี งั ไมเ คยฟง . เพราะฉะนน้ั จงึ กลาวอยางนนั้ . อีกอยา งหน่งึ อบุ าสกนี้ ยินดยี ่ิงในทาน เมือ่ จะไปสาํ นกั พระ-พทุ ธเจา จึงไมเคยไปมอื เปลา เมื่อจะไปกอนฉันก็ใหค นเอาขาวตม และของขบเค้ยี วเปนตนแลวจึงไป เมือ่ จะไปหลงั ฉนั แลว กใ็ หเ อาเนยใส นํ้าผึ้งและน้ําออ ยเปน ตน แลวจงึ ไป เม่อื ไมม ีสง่ิ น้ัน ก็ใหแ บกหามทรายเอาไปเกล่ียลงในบรเิ วณพระคันธกุฎี คร้นั ใหท าน รักษาศีลเสร็จแลวจึงกลับไปสเู รือน.เลากันวา อบุ าสกนี้มคี ตแิ บบโพธสิ ัตว ฉะน้นั ตลอดเวลา ๒๔ ป โดยมากพระผมู พี ระภาคเจาตรสั แตทานกถาเทานั้นแกอุบาสกวา อบุ าสก ธรรมดาวาทานน้ี เปนทางดาํ เนินของเหลา โพธิสัตว เปน ทางดาํ เนนิ ของเราดว ย เราไดใหทานมาเปน เวลาสอี่ สงไขยย่งิ ดว ยแสนกัป ทานกช็ ือ่ วาดาํ เนนิ ตามทางท่เี ราไดด ําเนนิ มาแลว โดยแท. ถงึ พระมหาสาวกมพี ระธรรมเสนาบดเี ปนตน ในเวลาทีอ่ ุบาสกมาสสู ํานักของตน ๆ ก็แสดงแตทานกถาแกทานเหมือนกัน . เพราะเหตุน้นั แล ทานจงึ วา คฤหบดีธรรมกถาเห็นปานน้ี ยอ มไมปรากฏแกพวกคฤหสั ถผนู งุ หมขาวเลย. มคี าํ ท่ที านอธิบายไวอ ยา งนี้วา คฤหบดีสาํ หรับ พวกคฤหสั ถมคี วามพวั พันเหนียวแนนแตในนา สวน เงนิ ทอง คนใชหญงิ ชาย บุตรและภรรยาเปน ตน เอาแตความพอใจและความกลุมรุมอยา งแรง ถอ ยคาํ วาอยาทาํ ความอาลัยใยดีในสิ่งเหลานี้ อยา ไปทําความพออกพอใจ ดงั น้ี จงึ ไมปรากฏ คอื ยอมไมช อบใจแกคฤหสั ถเ หลานนั้ ดวยประการฉะน้ี.

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 426 คําวา เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจา ถึงที่ประทับ ความวาทําไมจงึ เขาไปเฝา. เลา กันมาวา พอคฤหบดนี ัน้ เกิดในช้ันดสุ ติ เทา นัน้ ก็เห็นอตั ภาพขนาดสามคาวตุ โชตชิ วงเหมอื นกองทอง และสมบตั ิมีอทุ ยานและวิมานเปน ตน จึงสํารวจดวู า สมบัติของเราน้ีย่งิ ใหญ เราไดท ําอะไรไวใ นถน่ิ มนษุ ยหนอแล เหน็ การกระทาํ อยา งยง่ิ ในไตรรตั น จึงคดิ วา ความเปน เทพนเ้ี ปนที่ตงั้ แหง ความประมาท เพราะวาเมอ่ื เรามวั ชน่ื ชมสมบตั ิน้ี กจ็ ะตอ งมีความหลงลมื สตบิ า งกไ็ ด เอาละ เราจะไปกลา วชมพระเชตวันของเรา พระภกิ ษสุ งฆพระตถาคตเจา อริยมรรค และพระสารีบุตรเถระ มาจากนัน้ แลวจงึ จะคอยเสวยสมบตั ิ เทพบตุ รนั้นจึงไดท าํ อยา งนน้ั . เพอ่ื แสดงขอ ความนน้ั ทานจงึกลา วคําวา ครง้ั นน้ั แล อนาถบณิ ฑิกะ เปนตน . ในคําเหลา นั้น คําวาท่พี วกฤษสี รองเสพแลว ไดแก ท่หี มภู กิ ษสุ รอ งเสพแลว . คร้ัน กลา วชมพระเชตวันดว ยคาถาแรกอยา งน้แี ลว บดั นเ้ี ม่อื จะกลาวชมอรยิ มรรค จึงไดกลาวคําวา การงานและความรู เปน ตน. ในคําเหลา นน้ัคําวา การงาน หมายถงึ มรรคเจตนา. คาํ วา ความรู หมายถึงมรรคปญ ญา.คาํ วา ธรรม หมายถึงธรรมทเี่ ปนฝก ฝายแหง สมาธ.ิ ทา นแสดงวา ชวี ติ ของผูท่ีต้งั อยใู นศีลวาเปนชวี ติ ท่ีสงู สุด ดวยคําวา ศีล ชีวติ ทีส่ ูงสดุ . อกี อยา งหนง่ึ ความเหน็ และความดาํ ริ ชอ่ื วา ความรู. ความพยายามความระลึก และความตัง้ ใจมน่ั ชอ่ื วา ธรรม. การพูด การงาน และการเลี้ยงชพี ชือ่ วา ศีล. ชีวติ ของผตู ง้ั อยูในศีลนี้ เปน ชีวิตทส่ี งู สุด ช่ือวา ชวี ิตอุดม. คาํ วา หมูส ตั วย อ มหมดจดดวยสิ่งน้ี คอื หมูส ัตวย อมบรสิ ุทธ์ิ ดวยมรรคทีป่ ระกอบดวยองค ๘ น.้ี

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 427 คําวา เพราะเหตุนน้ั คือเพราะเหตุทีห่ มดจดดว ยมรรค มิใชเพราะดวยโคตรหรือทรัพย. บาทคาถาวา พึงเลือกเฟนธรรมโดยอบุ ายที่แยบคาย คอื พงึ เลือกเฟน ธรรมอนั เปนฝก ฝา ยแหง สมาธอิ ยา งแนบเนียน.บาทคาถาวา อยา งนจี้ งจะหมดจดในธรรมน้นั คอื ดวยลักษณะเชน นจ้ี ึงจะหมดจดในอรยิ มรรคนัน้ . อกี อยางหนึ่ง บาทคาถาวา พึงเลือกเฟน ธรรมโดยอุบายทแ่ี ยบคาย คือ พงึ เลือกเฟนธรรมคือขนั ธ ๕ อยางแนบเนียน.บาทคาถาวา อยา งน้จี ึงจะหมดจดในธรรมน้นั คือ อยางนีจ้ งึ จะหมดจดในสจั จะทงั้ ๔ ขอนัน้ . บดั น้ี อนาถบิณฑกิ เทพบตุ ร เมอื่ จะกลา วชมพระสารบี ุตรเถระ จงึไดกลา ววา พระสารบี ุตรนนั่ แหละ เปน ตน . ในบทเหลานั้น คาํ วา พระ-สารีบตุ รนัน่ แหละ เปน คาํ อวธารณะ (หามขอ ความอน่ื ) อนาถบิณฑกิเทพบตุ รยอ มกลา ววา พระสารีบุตรเทา นัน้ เปนผเู ลศิ ดว ยปญ ญาเปน ตนเหลานี้.คาํ วา ดว ยความสงบระงับ คอื ดวยความเขาไปสงบกเิ ลส. คําวา ถงึ ฝงคอื ถงึ พระนิพพาน. อนาถบณิ ฑิกเทพบุตรยอมกลา ววา ภิกษรุ ปู ใดรปู หนงึ่บรรลพุ ระนิพพาน ภกิ ษรุ ูปนน้ั อยา งมากกเ็ ทานี้ ไมมีใครทีเ่ กินเลยพระเถระไปได. ท่เี หลือในท่ีทุกแหง ตืน้ ท้ังนั้นแล. จบอรรถกถาอนาถปณ ฑโิ กวาทสูตร ที่ ๑

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 428 ๒. ฉันโนวาทสตู ร [๗๔๑] ขาพเจา ไดสดบั มาอยางน:ี้ - สมยั หน่ึง พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยทู ่ีพระวิหารเวฬวุ นั อนั เคยเปนสถานท่ีพระราชทานเหย่ือแกกระแต เขตพระนครราชคฤห สมยั นัน้ แลทา นพระสารบี ุตร ทานพระมหาจนุ ทะ และทานพระฉนั นะ อยบู นภูเขาคชิ ฌกูฏ เฉพาะทานพระฉนั นะอาพาธ ทนทกุ ขเวทนา เปนไขห นกั . [๗๔๒] ครง้ั นั้นแล ทา นพระสารีบตุ รออกจากทห่ี ลีกเรนในเวลาเยน็เขา ไปหาทานพระมหาจุนทะยงั ท่ีอยู แลวไดกลาวกะทานพระมหาจนุ ทะดังนว้ี าดกู อ นทา นจนุ ทะ มาเถิด เราจะเขา ไปหาทา นพระฉนั นะยงั ที่อยู ไดถ ามถึงความไข ทา นพระมหาจุนทะรบั คาํ ทา นพระสารีบตุ รแลว ตอนั้น ทา นพระ-สารีบตุ รและทา นพระมหาจนุ ทะ ไดเ ขาไปหาทา นพระฉันนะยงั ทีอ่ ยู แลวทกั ทายปราศรยั กับทา นพระฉนั นะ ครนั้ ผานคาํ ทักทายปราศรัยพอใหระลกึ ถึงกนัไปแลว จึงน่ัง ณ ท่คี วรสว นขา งหนึง่ พอนง่ั เรยี บรอ ยแลว ทา นพระสารบี ตุ รไดกลาวกะทา นพระฉันนะดงั นีว้ า ดูกอนทา นฉนั นะ ทานพอทน พอเปน ไปไดหรือ ทกุ ขเวทนาทุเลา ไมก าํ เรบิ ปรากฏความทุเลาเปน ท่สี ุด ไมปรากฏความกาํ เรบิ หรือ. ฉ. ขาแตท า นพระสารบี ุตร กระผมทนไมไหว เปน ไปไมไหวทกุ ขเวทนาของกระผมหนกั กําเรบิ ไมท ุเลา ปรากฏความกําเรบิ เปน ที่สุดไมปรากฏความทเุ ลาเลย. [๗๔๓] ขาแตท า นพระสารีบตุ ร ลมเหลอื ประมาณกระทบขมอมของกระผม เหมอื นบรุ ุษมกี าํ ลังเอาของแหลมคมทม่ิ ขมอม ฉะนัน้ กระผมจึงทน

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 429ไมไ หว เปนไปไมไ หว ทุกขเวทนาของกระผมหนกั กําเริบ ไมท เุ ลา ปรากฏความกาํ เรบิ เปน ท่ีสุด ไมป รากฏความทเุ ลาเลย. [๗๔๔] ขาแตท า นพระสารบี ตุ ร ลมเหลือประมาณเวียนศีรษะของกระผมอยู เหมอื นบุรุษมกี าํ ลังใหก ารขนั ศีรษะดวยชะเนาะอยา งม่ัน ฉะนน้ักระผมจงึ ทนไมไ หว เปนไปไมไหว ทกุ ขเวทนาของกระผมหนัก กาํ เริบไมทเุ ลา ปรากฏความกําเรบิ เปน ท่สี ุด ไมปรากฏความทเุ ลาเลย. [๗๔๕] ขาแตทานพระสารบี ุตร ลมเหลอื ประมาณปน ปวนทองของกระผม เหมือนคนฆาโค หรอื ลกู มอื ของคนฆา โคผูฉ ลาด เอามีดแลโคอนั คมควานทอ ง ฉะนั้น กระผมจึงทนไมไ หว เปน ไปไมไหว ทกุ ขเวทนาของกระผมหนกั กําเริบ ไมท เุ ลา ปรากฏความกําเรบิ เปน ทสี่ ุด ไมป รากฏความทุเลาเลย [๗๔๖] ขา แตทา นพระสารบี ุตร ความรอ นในกายของกระผมเหลือประมาณ เหมอื นบุรุษมีกําลงั ๒ คน จับบรุ ษุ มีกาํ ลงั นอ ยท่ีอวยั วะปองกันตัวตาง ๆ แลว นาบ ยา ง ในหลมุ ถานเพลงิ ฉะน้นั กระผมจึงทนไมไ หวเปนไปไมไหว ทกุ ขเวทนาของกระผมหนกั กาํ เรบิ ไมท เุ ลา ปรากฏความกําเริบเปน ท่ีสดุ ไมป รากฏความทเุ ลาเลย ขาแตทา นพระสารีบุตร กระผมจักหาศาสตรามาฆา ตวั ไมอ ยากจะไดเปนอยเู ลย. [๗๔๗] สา. ทานฉนั นะอยาไดห าศาสตรามาฆา ตวั เลย จงเปน อยูกอ นเถิด พวกเรายังปรารถนาใหท านฉันนะเปนอยู ถาทานฉันนะไมม ีโภชนะเปน ท่ีสบาย ผมจักแสวงหามาให ถาทานฉนั นะไมมีเภสชั เปนท่สี บาย ผมจักแสวงหามาให ถาทา นฉนั นะไมมคี นบํารงุ ทส่ี มควร ผมจักคอยบํารงุ ทา นเองทานฉันนะอยาไดห าศาสตรามาฆา ตัวเลย จงเปน อยกู อนเถดิ พวกเรายงัปรารถนาใหทา นฉนั นะเปนอยู.










































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook