Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_23

tripitaka_23

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_23

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 68เมตตาจติ . ไฟในอเวจนี รกกด็ บั . แสงสวา งเกิดข้นึ ในโลกันตรนรก. นาํ้ ในแมน ํา้ ทง้ั หลายก็ไมไ หล. ทัง้ นา้ํ ในมหาสมทุ รไดกลายเปน นํ้าหวาน. มหาวาตภัยก็ไมพ ดั นกท่บี ินไปในอากาศ และทีจบั อยูต ามตน ไม ภูเขา กต็ กลงพ้นื ดิน.พระจันทรง ามยง่ิ นัก. พระอาทิตยกไ็ มรอ น ไมเย็นปราศจากมลทนิ สมบรู ณตามฤดูกาล. เทวดาทั้งหลายยนื อยทู ่ีประตวู ิมานของตน ๆ พากัน เลนมหากิฬาเปน ตนวา ปรบมอื โหร อ ง และโบกผา . มหาเมฆท่ีต้ังข้ึนแตทศิ ทั้ง ๔ยังฝนใหตก. ความหวิ และความกระหายไมเบยี ดเบยี นมหาชน. ประตหู นาตางกเ็ ปดไดเอง. นี้ ไมทจ่ี ะมีดอกมีผลกไ็ ดผ ลดิ อกออกผลสะพร่งั . ทว่ั ทัง้ หม่นื -โลกธาตุ ไดม ีธงดอกไมเ ปน แนวเดยี วกนั หมด. แมในขอที่นา อัศจรรยน นั้ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน้ี ความหวั่นไหวแหง หม่ืนโลกธาตุเปน . บุพนมิ ติ แหง การไดเ ฉพาะซึง่ พระสพั พญั ุตญาณของพระมหาบรุ ษุ . ขอ ท่ีเทวดาทัง้ หลายมาประชุมกนั ในจกั รวาลอนั หน่งึ เปนบุพนิมติ แหง การรว มประชุมรับพระสัทธรรมคราวเดียวกนั ในเวลาทท่ี รงประกาศธรรมจกั ร. ขอ ท่ีเทวดาทงั้ หลายรับพระโพธสิ ัตวกอน เปน บพุ นมิ ิตแหง การไดเ ฉพาะซงึ่ รปู าวจรฌานทัง้ ๔. ขอ ทมี่ นุษยท ัง้ หลายรับภายหลงัเปนบุพนมิ ติ แหงการไดเ ฉพาะซ่ึงอรูปาวจรฌานท้ัง ๔. ขอ ทีพ่ ณิ ซึ่งเขาขงึ ดวยเสน ดาย ดังไดเ อง เปนบุพนิมติ แหง การไดเฉพาะซึง่ อนุปพุ พวิหารธรรม.ขอท่ีกลองที่เขาข้ึนดวยหนังดงั เอง เปนบพุ นมิ ติ แหงการพรํา่ สอน ดว ยธรรมเภรีอนั ย่ิงใหญ. ขอท่ีเครื่องพันธนาการ มชี ่อื คาและโซต รวนเปนตนขาดออกจากกนั เปน บพุ นมิ ติ แหงการตดั อัสมิมานะไดเดด็ ขาด. ขอทค่ี นทง้ั หลายหายจากโรคตา ง ๆ เปน บุพนิมติ แหง การปราศไปแหงกเิ ลสท้งั ปวง. ขอที่คนบอดแตก ําเนิด เห็นรูปได เปน บุพนิมติ แหง การไดเ ฉพาะซง่ึ ทิพยจักษุ.ขอท่คี นหนวกแตก ําเนดิ ไดยินเสียง เปนบุพนมิ ิตแหงการไดเ ฉพาะซ่งึ ทิพย-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 69โสตธาต.ุ ขอทค่ี นงอยเปล้ยี สมบูรณดวยกาํ ลัง เปน บพุ นิมิตแหง การบรรลซุ ่ึงอทิ ธิบาทท้ัง ๔. ขอท่คี นบาน้ําลาย กลบั ไดสติ เปนบุพนิมติ แหง การไดเฉพาะซ่ึงสติปฏ ฐาน ๔. ขอ ท่เี รือทั้งหลายทีแ่ ลน ออกนอกประเทศถึงทา โดยสะดวก เปน บุพนิมติ แหง การบรรลปุ ฏิสัมภทิ า ๔. ขอที่รตั นะทง้ั หลายสองสวางไดเ อง เปน บพุ นมิ ิตแหงแสงสวา งของพระธรรม ท่พี ระองคทรงแสดงแกช าวโลก. ขอ ที่ศัตรทู ั้งหลาย กลับไดเมตตาจิต เปนบพุ นิมติแหงการไดเ ฉพาะซึ่งพรหมวหิ าร ๔. ขอที่ไฟในนรกอเวจีดับลง เปนบพุ นมิ ติแหง การดบั ไฟ ๑๑ กองได. ขอ ท่ีโลกนั ตรนรก มีแสงสวาง เปน บุพนิมิตแหงการทพ่ี ระองคท รงกาํ จัดความมดื คอื อวชิ ชา แลว ทรงเหน็ แสงสวา งไดด ว ยพระญาณ. ขอทน่ี ํ้าของมหาสมทุ รมีรสหวาน เปน บพุ นมิ ติ แหง ความที่พระธรรมมีรสอยางเดยี วกนั . ขอที่ไมเ กดิ วาตภยั เปนบพุ นมิ ติ แหงการที่พุทธบรษิ ัทไมแตกแยกกันดวยอาํ นาจทิฐิ ๖๒. ขอ ทีน่ กทงั้ หลายตกลงยงัแผน ดิน เปนบุพนมิ ติ แหงการที่มหาชนฟง คาํ ส่งั สอนถงึ สรณะดว ยชีวิต.ขอท่พี ระจนั ทรง ามยิง่ นัก เปนบพุ นมิ ิตแหงการที่มหาชนสนใจพระธรรม.ขอท่ีพระอาทติ ยไมรอ นไมเยน็ ใหความสะดวกตามฤดู เปน บุพนิมิตแหงการที่มหาชน ถงึ ความสขุ กายสุขใจ. ขอ ท่ีเทวดาท้ังหลาย เลนกีฬามีการปรบมือเปน ตนทีป่ ระตวู มิ าน เปน บพุ นิมิตแหง การทีพ่ ระมหาสัตวบ รรลุถึงความเปนพระพทุ ธเจา แลวทรงเปลง อุทาน. ขอที่มหาเมฆทวั่ ๔ ทศิ ยังฝนใหตก เปนบพุ นิมติ แหง การท่สี ายน้าํ คือพระธรรมตกลงเปนอนั มาก. ขอท่ีมนษุ ยท้งั หลายไมถกู ความหวิ เบียดเบียน เปนบพุ นมิ ติ แหงการไดเ ฉพาะซงึ่ อมตธรรมคอืกายคตาสต.ิ ขอท่มี นษุ ยท งั้ หลายไมถ กู ความกระหายเบยี ดเบยี นเปน บพุ นมิ ติแหงการที่พุทธบรษิ ทั ถงึ ความสขุ แลว ดว ยวมิ ุตตสิ ขุ . ขอทป่ี ระตูหนาตางทัง้ หลายเปด ไดเ อง เปนบุพนิมิตแหง การเปด ประตูอฏั ฐังคิกมรรค. ขอ ท่ีตนไมท งั้ หลาย

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 70ผลิดอกออกผล เปน บพุ นิมติ แหงพระธรรมทีบ่ านดวยดอกคอื วมิ ุตติ และเตม็ แนน ดว ยสามัญญผล. ขอทห่ี มน่ื แหงโลกธาตมุ ีธงเปนระเบยี บอยางเดียวกนัพงึ ทราบวา เปน บุพนิมติ แหงการท่ีพุทธบรษิ ทั มธี งของพระอรยิ เจา เปนมาลัย.นี้ ช่อื สมั พหุลวาร. ในสัมพหุลวารน้ี มตี นเปน อนั มากถามเปน ปญหาวา ในเวลาทม่ี หา-บรุ ษุ เหยยี บบนแผน ดิน เสดจ็ พระดาํ เนนิ บา ยหนา ไปทางทิศอุดร แลวทรงเปลงอาสภิวาจาน้นั ทรงประทับยืนบนแผนดินหรอื อยูในอากาศ ปรากฏพระองคหรือไมป รากฏ ไมน ุงผา หรือวาประดบั ตกแตงแลวเปน อยา งดี เปนหนมุหรือแก แมภ ายหลงั กค็ งสภาพเชน นั้น หรอื เปนเดก็ ออน. กค็ รนั้ ตอมาภายหลงั พระจลุ ลาภยั เถระผูท รงพระไตรปฎก ไดว ิสชั นาปญ หาขอ นีไ้ วแลวในทปี่ ระชมุ ณ โลหะปราสาท. ไดยินวา ในขอนพ้ี ระเถระ กลา วถึงเรอื่ งราวไวเ ปนอนั มาก โดยเปน นยิ ตวาทะ ปพุ เพกตกัมมวาทะและอสิ สรนมิ มานวาทะในชั้นสดุ ทายไดพยากรณไวอ ยา งนว้ี า พระมหาบรุ ุษ ยืนบนแผนดนิ แตไ ดปรากฏแกม หาชน เหมือนเสดจ็ ไปโดยอากาศ และเสดจ็ ไปมีตนเห็น แตไดปรากฏแกมหาชนเหมอื นมองไมเห็น. ไมมีผานุง เสดจ็ ไป แตป รากฏแกม หาชนเหมอื นประดบั ตกแตงไวแ ลวเปนอยางด.ี ทง้ั ที่ยงั เปนเดก็ แตไดปรากฏแกมหาชนเหมอื นมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา. แตในภายหลงั คงเปน เดก็ ออ นธรรมดา ไมไดเ ปนเหมือนเชนทป่ี รากฏ. และเม่อื พระเถระกลา วชแี้ จงอยางนแี้ ลวบริษัททงั้ หลายของทานตา งพากันพอใจ โดยกลาววา ทา นผูเ จริญ พระเถระกลา วแกป ญหาไดแจมแจง เหมอื นพระพุทธเจาทเี ดยี ว. โลกันตริกวาร มนี ัยดงั กลา วแลวนนั่ เอง. บทวา วทิ ิตา แปลวา ปรากฏแลว . แทจ รงิ พระสาวกทงั้ หลายยอมไมสามารถจะหาชอ งทางพิจารณาสังขารทีเ่ ปน สวนอดตี ในขณะท่ีไมมโี อกาสเชนเวลาอาบนา้ํ ลา งหนา เค้ยี ว และดม่ื เปน ตน ได จะพจิ ารณาได

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 71เฉพาะเม่ือมีโอกาสเทานน้ั ฉันใด พระพทุ ธเจา ทัง้ หลายไมเปน เหมอื นเชน น้นั .ก็พระพุทธเจาทั้งหลาย ทรงพิจารณาสังขารที่ผานไปแลว ภายใน ๗ วนั ไดตั้งแตตนทรงยกข้นึ สพู ระไตรลกั ษณแ ลว ยอมทรงช้แี จงได ขึน้ ชอื่ วา ธรรมท่ีไมแจมแจง แกพระพุทธเจา เหลา น้ัน ไมมเี ลย เพราะฉะน้นั ทานจงกลา ววาวทิ ติ า ทรงรแู จม แจง แลว . คาํ ที่เหลอื ในบทท้งั ปวงงา ยท้ังน้ัน. จบอรรถกถา อัจฉรยิ พั ภตู สูตร ที่ ๓

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 72 ๔. พักกลุ ตั เถรัจฉริยัพภตู สตู ร [๓๘๐] ขา พเจา ไดส ดบั มาอยางน้ี:- สมยั หนึ่ง ทา นพระพกั กุลเถระอยูท พ่ี ระวิหารเวฬุวัน อนั เคยเปน สถานทพ่ี ระราชทานเหย่อื แกก ระแต กรุงราชคฤห ครง้ั น้ันแล ปรพิ าชกชอื่ อเจล-กสั สปะ ผเู ปน สหายของทา นพระพกั กลุ ะ คร้งั เปนคฤหัสถ ในกาลกอน เขา ไปหาทานพระพักกลุ ะ ครัน้ แลว ไดท กั ทายปราศรยั กับทานพระพกั กลุ ะ ครน้ั ผา นคาํ ทกั ทายปราศรัยพอใหระลกึ ถงึ กนั ไปแลว ไดน ั่ง ณ ที่ควรสวนขา งหน่งึ พอน่ังเรยี บรอยแลว ไดกลาวกะทานพระพกั กลุ ะดังนวี้ า ขาแตท านพระพักกุละทา นบวชมานานเทา ไรแลว . ทานพระพักกุละตอบวา ดกู อ นทานผูมอี ยู เราบวชมา ๘๐ พรรษาแลว. อเจล. ขา แตทา นพระพกั กุละ ชวั่ ๘๐ ปน้ี ทา นเสพเมถุนธรรมกค่ี รัง้ . [๓๘๑] พักกลุ ะ ดกู อ นกสั สปะผูมอี ายุ ทา นไมค วรถามเราอยา งนน้ัเลย แตค วรจะถามเราอยางนว้ี า กช็ วั่ ๘๐ ปนี้ กามสัญญาเคยเกิดขึ้นแกทา นก่คี รัง้ ดูกอ นทา นผูม ีอายุ เม่ือเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา ไมรูส ึกกามสัญญาเคยเกิดขึน้ . อเจล. ขอ ท่ีทา นพระพักกุละ ไมร ูส กึ กามสญั ญาเคยเกิดขึน้ ช่วั เวลา๘๐ พรรษา นี้ พวกขา พเจา จะทรงจาํ ไวว า เปนธรรมไมน าเปนไปได นาอศั จรรยข องทา นพระพกั กุละ ประการหนง่ึ .

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 73 พักกุละ. ดกู อ นทา นผมู ีอายุ เม่อื เราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไมร สู กึ พยาบาทสญั ญาเคยเกดิ ขน้ึ . อเจล. ขอท่ที า นพระพกั กุละ ไมร สู ึกพยาบาทสญั ญาเคยเกิดขึน้ ช่วัเวลา ๘๐ พรรษานี้ พวกขา พเจาจะทรงจาํ ไวว า เปนธรรมไมน าเปน ไปไดนาอัศจรรย ของทานพระพักกลุ ะ ประการหน่ึง. พกั กลุ ะ. ดูกอนทา นผูม ีอายุ เมอ่ื เราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไมร สู ึกวหิ งิ สาสญั ญาเคยเกดิ ขนึ้ . อเจล. ขอ ทที่ านพักกลุ ะ ไมร สู ึกวหิ ิงสาสัญญาเคยเกดิ ขน้ึ ช่ัวเวลา ๘๐พรรษา นี้ พวกขา พเจาจะทรงจําไวว าเปนธรรมไมน าเปนไปได นาอัศจรรยของทา นพระพกั กลุ ะ. ประการหนงึ่ . [๓๘๒] พกั กลุ ะ. ดูกอนทานผมู อี ายุ เมือ่ เราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษาเราไมรสู กึ กามวติ กเคยเกดิ ขน้ึ . อเจล. ขอทีท่ า นพระพักกุละ ไมร สู กึ กามวิตกเคยขน้ึ ช่วั เวลา ๘๐พรรษา น้ี พวกขา พเจา จะทรงจําไววา เปนธรรมไมน า เปน ไปได นา อัศจรรยของทา นพระพกั กลุ ะ ประการหน่งึ . พักกุละ. ดูกอ นทา นผูมอี ายุ เม่อื เราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา เราไมรูสกึ พยาบาทวติ ก. . . วหิ งิ สาวติ กเคยเกดิ เลย. อเจล. ขอทที านพระพักกลุ ะ ไมรูส ึกวิหญิงสาวิตกเคยเกดิ ขึ้นชว่ั เวลา๘๐ พรรษา น้ี พวกขาพเจาจะทรงจําไววา เปนธรรมไมน าเปนไปได นาอัศจรรย ของทา นพระพกั กลุ ะ ประการหน่งึ . [๓๘๓] พักกุละ. ดกู อนทา นผมู ีอายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษาเราไมรสู กึ ยินดีคหบดจี วี ร. อเจล. ขอที่ทานพระพกั กุละ ไมรสู ึกยินดีคหบดจี ีวรช่ัวเวลา ๘๐พรรษา น้ี พวกขาพเจา จะทรงจําไวว า เปนธรรมไมน าเปน ไปไดน าอัศจรรยของทานพระพกั กลุ ะ ประการหนึง่ .

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 74 พักกุละ. ดูกอ นทา นผูมีอายุ เมอ่ื เราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา ไมรูจกั ใชศาสตราตดั จวี ร...ไมรจู กั ใชเขม็ เย็บจวี ร...ไมร ูจกั ใชเ ครอื่ งยอ มจีวร...ไมร จู กั เย็บจีวรในสะดึง...ไมรจู ักจดั ทําจีวรของเพอ่ื นภกิ ษรุ ว มประพฤติพรหม-จรรยด ว ยกนั ...ไมรสู ึกยินดีกจิ นิมนต...ไมร สู ึกเคยเกดิ จิตเห็นปานนว้ี า ขอใคร ๆ พึงนมิ นตเ ราเถดิ ... ไมรูจ กั นงั่ ในละแวกบาน...ไมร จู กั ฉนั อาหารในละแวกบาน...ไมร จู ักถือเอานิมติ ของมาตุคามโดยอนพุ ยัญชนะ ...ไมรจู กัแสดงธรรมแกม าตคุ ามแมท่ีสดุ คาถา ๔ บาท ...ไมร จู ักเขาไปสูสาํ นักของภกิ ษณุ ี ...ไมร ูจักแสดงธรรมแกภ กิ ษณุ .ี ..ไมร ูจักแสดงธรรมแกส ิกขมานา...ไมร จู กั แสดงธรรมแกสามเณร.ี ..ไมรูจ ักใหบรรพชา...ไมรูจ กั ใหอ ุปสมบท...ไมร ูจกั ใหน ิสสยั ...ไมร จู ักใชส ามเณรอุปฏ ฐาน...ไมรจู ักอาบนาํ้ ในเรือนไฟ...ไมร ูจ กั ใชจ ุณอาบนา้ํ ...ไมร จู ักยินดกี ารนวดฟนตวั ของเพื่อนภกิ ษรุ ว มประ-พฤตพิ รหมจรรยดวยกัน...ไมร ูจักเคยเกิดอาพาธท่ีสุดแมช ่ัวขณะรีดนมโคสาํ เร็จ... ไมร จู กั ฉันยาทีส่ ดุ แมช น้ิ สมอ. . .ไมรจู ักอิงพนกั . ..ไมรจู ักสําเร็จการนอน. อเจล. ขอทท่ี านพระพักกลุ ะ ไมรจู ักสาํ เรจ็ การนอนชว่ั เวลา ๘๐พรรษา น้ี พวกขา พเจาจะทรงจําไววา เปนธรรมไมน าเปน ไปไดน าอศั จรรยของทานพระพกั กุละ ประการหนึ่ง. วาดวยความอศั จรรย [๓๘๔] ดูกอนทานผมู อี ายุ เมื่อเราบวชมาตลอด ๘๐ พรรษา ไมร ูจกั จําพรรษาในเสนาสนะในละแวกบา น. อเจล. ขอ ทท่ี านพระพกั กุละ ไมร ูจกั จาํ พรรษาในเสนาสนะในละแวกบา น ช่วั เวลา ๘๐ พรรษา น้ี พวกขา พเจาจะทรงจําไวว า เปนธรรมไมน าเปนไปได นา อัศจรรย ของทา นพระพักกลุ ะ ประการหนึ่ง.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 75 พกั กุละ. ดกู อ นทา นผูม อี ายุ เราไดเปนผูยงั มีกเิ ลสตอ งรณรงคฉ ันบณิ ฑบาต ของชาวแวน แควน เพียง ๗ วัน เทานนั้ ตอวนั ที่ ๘ พระอรหตั ผลจึงเกดิ ข้ึน. อเจล. ขอที่ทา นพระพกั กลุ ะ ไดเปนผูย งั มกี ิเลสตอ งรณรงคฉ ันบิณฑบาต ของชาวแวนแควน เพยี ง ๗ วันเทาน้นั ตอวนั ท่ี ๘ จงึ เกดิ พระอรหัตผลขึน้ นี้ พวกขา พเจา จะทรงจําไวว า เปนธรรมไมนา เปนไปได นาอัศจรรยของทา นพระพกั กลุ ะ ประการหนงึ่ . [๓๘๕] อเจล. ขาแตท านพระพักกลุ ะ ขอขา พเจาพึงไดบรรพชาไดอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้เถดิ . ปริพาชกชอื่ อเจลกสั สปะ ไดบรรพชา ไดอ ปุ สมบทในพระธรรมวนิ ยันแ้ี ลวแล ก็แหละทานพระกัสสปะอปุ สมบทแลวไมนาน เปน ผผู ูเ ดียวหลกี ออกไมป ระมาท มคี วามเพยี ร สงคนไปในธรรมอยู ไมชา เทา ไร ก็ไดเ ขาถงึประโยชนทก่ี ลุ บุตรท้งั หลาย ผอู อกจากเรอื นบวชเปน บรรพชิตโดยชอบตอ งการอันไมม ปี ระโยชนอนื่ ยิ่งกวา เปนที่สุดแหงพรหมจรรย ทําใหแ จงเพราะรยู ิ่งดวยตนเองในปจจบุ นั อยู ไดรดู วยปญ ญาอนั ย่ิงวา ชาติสน้ิ แลว พรหมจรรยอ ยูจบแลว กจิ ที่ควรทาํ ไดทําสาํ เรจ็ แลว กจิ อ่ืนเพื่อความเปนอยางนมี้ ิไดม ี กแ็ ลทานพระกัสสปะไดเปนพระอรหนั ตอ งคห นง่ึ แลว . [๓๘๖] ครั้นสมยั ตอมา ทานพระพักกุละ ถอื ลกู ดาลเขาไปยังวหิ ารทุก ๆ หลงั แลวกลา วอยางนีว้ า นมิ นตท า นผมู ีอายุออกมาเถดิ ๆ วันน้จี กั เปนวนั ปรนิ ิพพานของเรา. ทา นพระกสั สปะกลาววา ขอทีท่ านพระพกั กลุ ะ ถอื ลกู ดาลเขา ไปยังวิหารทุก ๆ หลัง แลวกลา วอยา งนวี้ า นิมนตทานผมู อี ายุออกมาเถดิ ๆ วนั นี้

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 76จักเปนวนั ปรินิพพานของเรา น้ี พวกขา พเจาจะทรงจําไววา เปน ธรรมไมนาเปน ไปได นาอศั จรรย ของทา นพระพักกุละ ประการหนงึ่ . วา ดวยท่สี ดุ ความอศั จรรย [๓๘๗] ครง้ั นนั้ แล ทานพระพกั กลุ ะ นั่งปรินพิ พานแลว ในทา มกลางภกิ ษุสงฆ. ทา นพระกัสสปะกลา ววา ขอ ที่ทา นพระพักกลุ ะนง่ั ปรนิ พิ พานแลว ในทา มกลางภกิ ษุสงฆ น้ี พวกขาพเจา จะทรงจําไววา เปนธรรมไมน าเปน ไปไดนา อศั จรรย ของทานพระพักกุละ อีกประการหน่งึ . จบ พกั กุลตั เถรจั ฉรยิ พั ภูตสูตร ที่ ๔

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 77 อรรถกถาพักกุลสตู ร พกั กลุ สตู ร* มบี ทเรม่ิ ตนวา ขาพเจาไดสดับมาอยา งน้:ี - บรรดาบทเหลานน้ั บทวา พกฺกโุ ล มอี ธบิ ายวา เปรียบเหมอื นเมอื่ ควรจะกลา วคาํ เปนตนวา ทฺวาวสี ติ ทวตฺตึส คนทั้งหลายกลบั กลาววาพาวีสติ พตตฺ ึส ดงั นีเ้ ปนตน ฉันใด บทน้ี กฉ็ นั นนั้ เหมอื นกนั คือเมื่อควรจะกลา ววา ทฺวกิ กฺ โุ ล หรือ ทวกกฺ ุโล กลับกลาววา พกฺกโุ ล.กพ็ ระเถระนั้น ไดม ีตระกูลถึงสองตระกูล. เลา กนั วา ทา นจตุ ิจากเทวโลก เกดิ ขึน้ ตระกลู มหาเศรษฐี ช่อื นครโกสัมพี. ในวนั ที่ ๕ พวกพ่เี ลยี้ งพาทา นไปดาํ เกลา แลว ลงเลนในแมนาํ้ คงคาเม่ือพวกพเ่ี ลีย้ งกําลงั ใหทารกเลนคาํ ผุด ดําวายอยู ปลาตวั หนง่ึ เหน็ ทารกสําคัญวา เปน อาหาร จงึ คาบเดก็ ไป. พวกพ่ีเลยี้ ง ตา งกท็ ง้ิ เด็กหนีไป ปลากลืนเดก็ แลว ธรรมดาสัตวม ีบญุ ไมเ ดอื ดรอนเลย. เขาไดเ ปนเหมือนเขา ไปสูหอ งนอนแลว นอนหลบั ไป. ดวยเดชแหงทารก ปลามีสภาพเหมอื นกลนื กระ-เบื้องทร่ี อนลงไป ถูกความรอนแผดเผาอยู มีกําลังวา ยไปไดเพยี ง ๓๐ โยชนแลว เขาไปคิดขา ยของชาวประมง ชาวเมืองพาราณสี ก็ธรรมดาปลาใหญท่ีติดขา ย เมือ่ ถกู นําไป ถงึ จะตาย แตดว ยเดชแหงทารก ปลาตวั นี้ พอเขานําออกจากขายก็ตายทันท.ี และธรรมดาชาวประมง ไดปลาตวั ใหญ ๆ แลวยอ มผาออกแบงขาย. แตด ว ยอานุภาพของเดก็ ชาวประมงยังไมผาปลานัน้ใชคานหามไปทง้ั ตวั รองประกาศไปทวั่ เมอื งวา จะขายราคาหนึง่ พนั ใคร ๆก็ไมช ้อื .๑. พระสูตรเปน พกั กุลตั เถรัจฉรยิ พั ภตู สูตร

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 78 กใ็ นเมืองน้นั มีตระกลู เศรษฐี มีสมบัติ ๘๐ โกฏิ ไมม ีบุตรอยูตระกูลหนงึ่ครน้ั ถงึ ประตเู รอื นเศรษฐีนัน้ พอเขาถามวา จะขายเทาไร. กลับตอบวาขายหนึง่ กหาปณะ. เขาใหเงนิ หนง่ึ กหาปณะแลว ซ้ือไว. แมภ ริยาทา นเศรษฐีในวันอนื่ ๆ จะไมชอบทําปลา แตในวนั นัน้ วางปลาไวบนเขียง แลวลงมอืผา เองทเี ดยี ว. ก็ธรรมดาปลาตอ งผาทท่ี อง. แตนางผา ขางหลงั เห็นทารกผิวดงั ทองในทองปลา ตะโกนล่ันวา เราไดบ ุตรในทอ งปลาแลว อุมเดก็ตรงไปยงั สาํ นกั ของสามี ทา นเศรษฐีใหคนตกี ลองประกาศขา วไปทัว่ ในทันทีทนั ใดนน้ั เอง แลวอุมทารกตรงไปยังราชสาํ นัก กราบทูลวา ขอเดชะขา พระพทุ ธเจาไดทารกในทองปลา ขาพระพทุ ธเจา จะทาํ ประการใด. พระราชาตรสั วา ทารกที่อยูในทอ งปลาไดโดยปลอดภัยไดนี้มีบญุ ทานจงเลีย้ งไวเ ถดิ .ตระกูลนอกน้ี ไดฟงขาววา ในพระนครพาราณสี ตระกูลเศรษฐตี ระกูลหนง่ึไดทารกในทองปลา. พวกเขาจงึ พากันไปในเนืองน้นั ขณะนัน้ มารดาของเด็กเหน็ เขากาํ ลังแตง ตวั เดก็ แลว ใหเ ลน อยู จงึ ตรงเขาอุมดว ยคดิ วา เดก็ คนน้ีนา รักจรงิ หนอ แลว บอกเลา ความเปน ไปตา ง ๆ หญงิ นอกน้ีพดู วา เด็กคนน้เี ปนลกู เรา. หญงิ นนั้ ถามวา ทานไดม าจากไหน. หญิงนอกนพ้ี ดู วา เราไดในทองปลา. หญิงนน้ั จงึ พูดวา เด็กคนนีไ้ มใชลกู ของทา น เปน ลกู ของเรา. หญงิ นอกน้ี ถามวา ทา นไดที่ไหน. หญิงนนั้ เลา วา เราอุม ทองเด็กคนนม้ี าถึง ๑๐ เดือน คราวน้นั ปลาไดกนิ เด็กทีพ่ วกพ่ีเล้ยี งกาํ ลังใหเ ลน นํา้ . หญิงนอกน้ี จงึ แจงวา ลกู ของทา นชะรอยปลาอ่นื จะกลนื ไป แตเด็กคนนข้ี า พเจาไดในตอ งปลา. ทงั้ สองฝา ยจงึ พากนั ไปยงั ราชสํานกั .

พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 79 พระราชาตรสั วา หญิงคนนใ้ี คร ๆ ไมสามารถจะปฏเิ สธไดวา ไมใชมารดา เพราะตั้งทอ งมาถึง ๑๐ เดอื น แมพ วกชาวประมงที่จับปลาได กไ็ ดทําการชือ้ ขายเปนตน เสร็จสนิ้ ไปแลว จงึ หมดสิทธิ เพราะฉะน้ัน แมหญงิคนนี้ กป็ ฏิเสธไมไดวา ไมใ ชมารดา เพราะไดเด็กในทอ งปลา ขอท้ังสองฝายจงเลย้ี งดเู ดก็ รวมกันเถิด. แมทง้ั สองตระกลู กเ็ ลย้ี งดเู ด็กรว มกันแลว เมอ่ื เด็กเจรญิ วัยแลว ตระกลู ทั้งสองกไ็ ดใ หเ ขาสรางปราสาท ไวใ นพระนครทั้งสองแลว ใหบาํ รงุ บําเรอดว ยพวกหญิงฟอนราํ . เขาจะอยนู ครละ ๔ เดอื น เมื่อเขาอยูในนครหนึง่ ครบ ๔ เดือนแลว ทง้ั สองตระกลู ใหชางสรางมณฑปไวในเรอืทต่ี อ ขนานกนั แลวใหเ ขาอยูใ นเรอื น้นั พรอ มดว ยหญงิ ฟอนราํ ทง้ั หลายเขาเสวยสมบัตเิ พลนิ เดินทางไปอกี เมอื งหนง่ึ . หญงิ ฟอนรําชาวพระนครไดไ ปสง เขาถึงครงึ่ ทาง. หญงิ เหลานัน้ ตอ นรับหอมลอ มแลวนําเขาไปยังปราสาทของตน. หญิงฟอ นราํ ชุดเกากพ็ ากันกลับเมืองของตนเหมือนกนั เขาอยูในปราสาทนั้นตลอด ๔ เดือน แลวเดินทางกลับไปยงั อีกเมอื งหนึ่ง โดยทํานองนน้ั แล. เขาเสวยสมบตั ิอยอู ยา งนี้ครบ ๙๐ ปบ ริบูรณ. ครัง้ นนั้ พระผมู ีพระ-ภาคเจาเสดจ็ จารกิ ไปถึงพระนครพาราณสแี ลว. เขาฟงธรรมในสาํ นกั ของพระ-ผมู พี ระภาคเจา เกดิ ศรัทธา บวชแลว ไดเ ปน ปถุ ุชนอยเู พยี ง ๗ วัน เทานั้นคร้นั ในวนั ที่ ๘ เขาไดบ รรลพุ ระอรหตั พรอมดว ยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย. ตระกูลทั้งสองเน่ืองกับทานอยา งน้ี เพราะฉะน้นั ทา นจึงไดชือ่ วา พกั กุละ บทวา ปุราณคหิ สิ หาโย แปลวา เคยเปน สหายกนั มา ในเวลาทีเ่ ปน คฤหัสถ. แมปริพาชกช่อื อเจลกกัสสปะนี้กม็ อี ายยุ นื เหมือนกนั เม่อื จะไปเย่ยี มพระเถระผบู วชแลว ไดไปในปท ่ี ๙๐. บทวา เมถโุ น ธมฺโมความวา คนโงผ ูอยูในพวกสมณะเปลือย ถามไปอยางโง ๆ ไมไดถามโดยใชถอยคาํ องิ ศาสนโวหาร. เขาตั้งอยูใ นนยั ทีพ่ ระเถระใหแลวในบัดนี้ จึงถามดว ย

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 80คาํ เปนตนวา อิเมหิ ปน เต ดังน.ี้ พระธรรมสงั คาหกเถระทั้งหลายกําหนดบททง้ั หลายมีอาทวิ า ยมฺปายสฺมา ดังนี้ ตัง้ ไวแ ลว ในสัพพวารทั้งหลาย กใ็ นสพั พวารเหลา นั้น สญั ญาพอเกิดขน้ึ แลว เทา นนั้ วติ กกจ็ ะทาํ ลายกรรมบถ เพราะฉะนัน้ พระเถระจึงกลา ววา ทานทัง้ หลาย จะแยกจากกันทาํ ไมทงั้ สองอยางนี้ ลว นทาํ กรรมบถใหแ ตกท้ังนน้ั . บทวา คหปติจวี ร ไดแ ก จีวรของภิกษผุ อู ยจู ําพรรษา. บทวาสตฺเถน ไดแก กรรไกร. บทวา สูจยิ า มีอธิบายวา เราไมร ะลึกถึงขอที่จวี รจะตอ งเย็บดวยเข็ม. บทวา กิเน จวี ร ไดแก กฐนิ จวี ร. กก็ ฐินจีวรมคี ตอิ ยา งเดียวกับผาจาํ นําพรรษาเทา นน้ั เพราะฉะนั้น ในกฐนิ จวี รนนั้ ทานจงึ กลา ววา สนิ ฺเนตา ฯ เป ฯ นาภชิ านามิ ดงั น.ี้ ถามวา ก็เม่ือทา นพกั กลุ เถระน้นั ไมย ินดคี หบดีจวี ร ไมก ระทํานวกรรม มกี ารตัดและการเย็บเปนตน ตลอดเวลามีประมาณเทาน้ี จวี รจะเกดิแตทไ่ี หน. ตอบวา เกดิ จากพระนครทงั้ สอง พระเถระมยี ศใหญย ิ่ง. บตุ รธดิ าหลานเหลนของทา นใหคนทําจีวรดว ยผาสาฎกเนอื้ ละเอยี ดออ น ใหย อมแลวใสในผอบสงไปถวาย. ในเวลาทีพ่ ระเถระอาบน้าํ เขาจะวางไวทีป่ ระตู หอ งนาํ้พระเถระนงุ และหม จีวรเหลานน้ั . ทานจะใหจ วี รเกา แกบ รรพชิดทง้ั หลายที่ทา นพบ. พระเถระนุงหม จวี รเหลาน้ันแลว ไมตอ งกระทํานวกรรม. กิจกรรมที่จะตอ งรวบรวมอะไร ๆ ก็ไมม .ี ทานจะนง่ั เขาผลสมาบัติ เม่ือครบส่เี ดือนไปแลว ขนก็หลุดลยุ คราวน้ัน ลกู ๆ หลาน ๆ ก็จะสง จีวรไปถวายทา นโดยทํานองนนั้ แหละ. อาจารยบางพวกกลา ววา ทานผลดั เปลี่ยนจวี รทุก ๆครง่ึ เดือน.

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 81 กข็ อ ทพ่ี ระเถระผมู ีบุญมาก มอี ภญิ ญามาก บําเพ็ญบารมีมาถึงแสนกัปผลดั เปลีย่ นจวี รทกุ ๆ ก่ึงเดอื นนั้น เปนของไมน าอัศจรรยเลย พระนิโครธเถระผูอ ยูป ระจําราชสํานกั ของพระเจาอโศกธรรมราช ยังเปล่ยี นจวี รถงึ วนั ละ๓ ครัง้ . กเ็ จา พนกั งานจะวางไตรจวี รของทา นไวบนคอชาง นาํ มาถวายแตเชาครู พรอ มกับผอบใสของหอม ๕๐๐ ผอบใสด อกไม ๕๐๐ ถึงในเวลากลางวนัและเวลาเย็น กป็ ฏบิ ัติเชน นัน้ . ไดย นิ วา พระราชาเมื่อใหท า นเปล่ียนผา วันละ ๓ ครงั้ จะตรัสถามวา พวกทานนําจวี รไปถวายพระเถระแลว หรอื . พอทรงสดบั วา นําไปถวายแลว พระเจา เขา จึงจะใหเ ปลย่ี น. แมพ ระเถระกไ็ มผูกรวมเปนหอ เกบ็ ไว. แตไดถ วายแกเพ่ือนพรหมจรรยท ่ที า นพบแลว . ไดยนิ วา ในครั้งนน้ั ภิกษสุ งฆในชมพทู วปี ทัง้ สน้ิ โดยมากไดใชปจ จัยคือจีวรอนั เปน ของพระนิโครธเถระท้งั นนั้ . ในบทวา อโห วต ม โกจินิมนเฺ ตยฺย น้ี มีคําถามวา เหตไุ ร การไมใ หจิตบังเกดิ ข้นึ จงึ เปนของหนกัและทีเ่ กดิ ขนึ้ แลวกต็ องละ. ตอบวา ข้นึ ช่อื วา จิต เปล่ียนแปลงไดเ ร็ว เพราะฉะน้ัน การไมใหจติ เกดิ ขน้ึ จงึ เปนของหนัก แมถงึ การละจติ ที่เกดิ ข้นึ แลว กเ็ ปน ของหนักเชนเดียวกัน . บทวา อนตฺ รฆเร ความวา ในมหาสกลุ ทุ ายิสตู ร ต้งั แตธรณีประตูไป เรียกวา เรอื น แตในทน่ี ้ี ประสงคเอาตง้ั แตท ตี่ ้งั แหงนา้ํ ตกจากชายคา. ถามวา กภ็ กิ ษาจะเกิดแกทานไดแตทไ่ี หน. ตอบวา พระ เถระคนรูจักกันทั่วสองพระนคร พอทา นมาถงึ ประตูเรือนเทา นั้น คนจะพากนั มารับบาตร ใสโภชนะอนั มรี สเลิศตาง ๆ ถวาย.ทา นจะกลบั แตทีซ่ ึ่งทา นไดร ับอาหารแลว . แตท ่ีสําหรับทาํ ภัตภิจของทา นไดม ปี ระจาํ ทเี่ ดยี ว. บทวา อนุพยฺ ชฺ นโส ความวา ไดยินวา พระเถระถอื เอานมิ ติ ในรปู แลว ไมเ คยมองดมู าตุคามเลย. บทวา มาตุคามสสฺ ธมฺม

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 82ความวา จะแสดงธรรมแกม าตคุ ามดวยวาจาเพียง ๕-๖ ค่ํา ก็ควร แตถ าถูกถามปญ หา จะกลา วคาถาแมตั้งพนั ก็สมควรโดยแท. กพ็ ระเถระไมเคยทําสิ่งท่เี ปนกับปย ะใหเปนอกปั ปยะเลย. แทจริงการทาํ เชน นน้ั โดยมากจะมแี กภิกษุผเู ขาตระกูล. บทวา ภกิ ฺขนุ ูปสฺสย แปลวา สํานกั ของภกิ ษณุ ี. กผ็ ูท่ีจะเย่ียมไขจะไปสํานกั ของภกิ ษุณนี ้นั ก็ควร. ก็พระเถระไมก ระทาํ เฉพาะสง่ิ ทเี่ ปนกัปปย ะ. ในบททงั้ ปวงกม็ ีนยั นี.้ บทวา จณุ ฺเณน ไดแ ก จุณแหง ดอกคาํ ฝอยเปนตน . บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา ปริกมฺเม ไดแก กระทําการนวดตวั .บทวา วิจารติ า แปลวา ใหประกอบแลว. บทวา คททฺ ูหนมตตฺ  ความวาแมช่วั ขณะจบั นมโค แลว รดี เอานํา้ นมเพียงหยดเดียว. ก็พระเถระไมเคยอาพาธดวยเหตไุ ร ๆ เลย. ไดยนิ วา เม่ือพระผูมีพระภาคเจา ทรงพระนามวา ปทุมุตตระ. มภี ิกษุหนงึ่ แสนเปนบรวิ าร เสดจ็เที่ยวจาริกไป ตน ไมท มี่ พี ษิ ในปาหมิ พานตบานแลว . แมภิกษทุ งั้ แสนกป็ วยเปน โรคเนือ่ งดว ยดอกหญา เปนพษิ . ในสมยั นน้ั พระเถระเปน ดาบสผูมีฤทธ์ิ .ทา นเหาะไปเห็นภิกษุสงฆ จึงลงมาถามถึงโรคทเี่ ปน แลวนาํ โอสถมาจากปาหมิ พานตจ ดั ถวาย. พอกระทบยาเทานั้น โรคก็สงบทนั ท.ี แมใ นศาสนาของพระสมั มาสมั พุทธเจาทรงพระนามวา กสั สปะ ทา นหยดุ ไถนาในวันแรกนา ใหสรา งโรงครัว และเวจกุฏิ จดั ยาถวายภกิ ษสุ งฆเปนประจาํ ดว ยกรรมนี้ทานจึงเปน ผปู ราศจากอาพาธ. และเพราะทานถอื การน่งั เปน วัตรอยางอุกฤษฏ และการอยปู า เปนวตั รอยางอกุ ฤษฏ ฉะนัน้ ทา นจึงกลา วคํามอี าทวิ า นาภชิ านามิอปสสฺ ยิตา. บทวา สรโณ แปลวา ยงั มีกิเลส. บทวา อฺ า อทุ ปาทิ ความวา ไมควรพยากรณพระอรหัต แกอนุปสมั บนั . ถามวา เพราะเหตุไร พระเถระจึงไดพยากรณ.

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 83 ตอบวา พระเถระมิไดกลาววา เราเปนพระอรหตั แตกลา ววาพระอรหตั ผล เกดิ ข้นึ แลว. อกี ประการหน่ึง ปรากฏวา พระเถระไดเ ปนพระอรหตั แลว เพราะฉะนัน้ ทา นจงึ กลาวอยางนี.้ บทวา ปพฺพชชฺ  ความวา พระเถระไมไ ดใหป ริพาชกช่อื อเจลกสั สปะ. บรรพชาและอุปสมบทดว ยตนเอง แตใหภ ิกษุเหลาอน่ื บวชให. บทวา อปาปุรณ อาทาย แปลวา ถอืลูกดาล บทวา นิสินฺนโกว ปรินิพฺยายิ ความวา พระเถระดาํ รวิ า แมเ รามชี วี ติ อยอู ยาไดเปนภาระแกภ ิกษเุ หลาอ่ืน สรรี ะของเราแมปรินพิ านแลว อยาใหภ ิกษุสงฆตอ งเปนกงั วลเลย จึงเขาเตโชธาตุปรนิ พิ านแลว เปลวไฟลุกขน้ึ ทว มสรรี ะ. ผิวหนงั เนอ้ื และโลหิตถกู เผาไหมสิ้นไป เหมือนเนยใส. ยังคงเหลืออยแู ตธ าตุ ที่มลี กั ษณะดงั ดอกมะลิตมู . คําท่ีเหลือในบททงั้ ปวง ชัดแลว ท้งั นัน้กแ็ ลพระสูตรน้ี ทา นสงเคราะหเขา ในทุตยิ สังคหวาร. จบอรรถกถาพกั กลุ สูตรที่ ๔.

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 84 ๕. ทันตภูมสิ ูตร [๓๘๘] ขา พเจาไดส ดบั มาอยา งน:ี้ - สมัยหนงึ่ พระผูมีพระภาคเจา ประทับ อยทู พี่ ระหารเวฬวุ นั อันเคยเปนสถานทพ่ี ระราชทานเหยือ่ แกกระแต กรงุ ราชคฤห สมยั น้ันแล สมณทุ -เทสอจิรวตะอยูในกระทอ มในปา ครัง้ นัน้ พระราชกมุ ารชยเสนะ ทรงพระดําเนนิ ทอดพระชงฆเท่ยี วเลนไปโดยลาํ ดับ เขา ไปหาสมณุทเทสอจิรวตะ ครน้ั -แลว ไดต รสั ทกั ทายปราศรยั กับสมณทุ เทสอจิรวตะ. คร้ันผานคาํ ทกั ทายปราศรัยพอใหระลึกถึงกัน ไปแลว ไดป ระทบั นัง่ ณ ทค่ี วรสวนขา งหนงึ่ . [๓๘๙] พระราชกุมารชยเสนะ พอประทับน่ังเรยี บรอยแลว ไดร ับส่ังกะสมณุทเทสอจิรวตะดงั นี้วา ขาแตท า นอคั คเิ วสสนะผเู จรญิ ขาพเจาไดสดับมาดังนีว้ า ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปน ผูไ มป ระมาท มีความเพียร มตี นสงไปแลว พึงสาํ เรจ็ เอกคั คตาแหงจิตได. สมณทุ เทสอจิรวตะถวายพระพรวา ดกู อนพระราชกมุ าร ขอ น้นั ถกูตองแลว ๆ ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ี เปน ผไู มป ระมาท มีความเพียร มีตนสงไปแลว พึงสาํ เรจ็ เอกคั คตาแหงจติ ได. ร. ดีแลว ขอทาอัคคิเวสสนะโปรดแสดงธรรมตามที่ไดส ดับ ตามท่ไี ดศ ึกษามาแกข า พเจาเถิด. [๓๙๐] อ. ดกู อนพระราชกมุ าร อาตมภาพไมอ าจจะแสดงธรรมตามทไ่ี ดส ดบั ตามท่ีไดศ ึกษามาแกพ ระองคไ ด เพราะถาอาตมาภาพพึงแสดงธรรมตามทไ่ี ดสดบั ตามท่ไี ดศกึ ษามาแกพ ระองค และพระองคไมท รงทราบ

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 85อรรถแหงภาษติ ของอาตมภาพได ขอนัน้ จะเปนความยาก จะเปนความลําบากของอาตมภาพ. ร. ขอทานอัคคิเวสสนะโปรดแสดงธรรมตามทไ่ี ดสดับ ตามท่ีไดศึกษามาแกขาพเจาเถดิ บางทขี าพเจา จะพึงทราบอรรถแหงภาษติ ของทา นอัคคิเวสสนะได. อ. ดกู อนพระราชกมุ าร อาตมภาพจะพึงแสดงธรรมตามท่ีไดสดับตามทไี่ ดศึกษามาแกพ ระองค ถาพระองคท รงทราบอรรถแหง ภาษิตของอาตมภาพไดน้นั เปน ความดี ถา ไมท รงทราบ ขอพระองคพึงดาํ รงอยใู นภาวะของพระองคตามทีค่ วรเถดิ อยา ไดซ กั ถามอาตมภาพในธรรมนัน้ ใหยิง่ ขึน้ ไปเลย. ร. ขอทา นอัคคิเวสสนะโปรดแสดงธรรมตามทไ่ี ดส ดบั ตามทไ่ี ดศึกษามาแกข าพเจา เถดิ ถาขา พเจา ทราบอรรถแหง ภาษิตของทานอคั คิเวสสนะได น้นั เปน ความดี ถา ไมทราบ ขา พเจา จักดาํ รงอยใู นภาวะของตนตามที่ควรขา พเจาจักไมซ ักถามทานอคั คิเวสสนะในธรรมนัน้ ใหยงิ่ ขึน้ ไป. วา ดวยการเขา ไปเฝาพระผูมปี ระภาคเจา [๓๙๑] ลาํ ดับน้ันแล สมณุทเทสอจริ วตะไดแสดงธรรมตามท่ีไดสดบัตามท่ีไดศ กึ ษามาแกพ ระราชกมุ ารชยเสนะ เม่ือสมณุทเทสอจริ วตะกลาวแลวอยา งน้ัน พระราชกุมารชยเสนะไดตรสั กะสมณุทเทสอจิรวตะดงั นว้ี า ขาแตทา นอัคคิเวสสนะผูเจรญิ ขอทภี่ ิกษไุ มป ระมาท มคี วามเพยี ร มีตนสง ไปแลวพึงสําเร็จเอกคั คตาแหงจติ นัน่ ไมใ ชฐ านะ ไมใชโอกาส ตอ น้ัน พระราชกมุ าร-ชยเสนะ ทรงประกาศความไมใชฐ านะ ไมใ ชโ อกาสแตส มณุทเทสอจริ วตะแลวทรงลกุ ขึน้ จากอาสนะเสดจ็ หลกี ไป.

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 86 ครัง้ นั้นแล สมณุทเทสอจริ วตะ เม่อื พระราชกุมารชยเสนะเสด็จหลกีไปแลวไมน าน จึงเขา ไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจา ครนั้ แลวถวายอภวิ าทพระผมู ีพระภาคเจา น่งั ณ ท่คี วรสวนขา งหน่งึ พอนงั่ เรียบรอยแลว ไดกราบทูลเรอ่ื งราวเทาที่ไดสนทนากับพระราชกุมารชยเสนะทง้ั หมดนั้นแดพระผูม พี ระ-ภาคเจา. [๓๙๒] เม่อื สมณทุ เทสอจริ วตะกราบทูลแลวอยา งนี้ พระผูม ีพระภาคเจาไดตรสั กะสมณุทเทสอจริ วตะดงั น้วี า ดูกอนอัคคเิ วสสนะ พระราช-กมุ ารจะพึงไดความขอ นน้ั ในภาษติ ของเธอนีแ้ ตท ีไ่ หน ขอ ท่คี วามขอน้นั เขารูเขาเห็น เขาบรรลุ เขาทาํ ใหแจงกัน ไดดว ยเนกขัมมะ แตพระราชกุมารชยเสนะยังอยทู า มกลางกาม ยงั บริโภคกาม ถูกกามวิตกกิน ถกู ความเรารอ นเพราะกามเผา ยงั ขวนขวายในการแสวงหากาม จักทรงรู หรือจกั ทรงเห็น หรือจักทรงทําใหแ จงความขอนนั้ ได นน้ั ไมใชฐ านะท่ีมไี ด. [๓๙๓] ดกู อ นอคั คเิ วสสนะ เปรียบเหมอื นชางทคี่ วรฝก หรือมา ที่ควรฝก หรอื โคทคี่ วรฝก คูห นงึ่ ท่ีเขาฝกดี หัดดีแลว อีกคหู นึ่งเขาไมไดฝกไมไ ดห ัดเลย ดกู อ นอัคคิเวสสนะ เธอจะสาํ คญั ความขอนน้ั เปน ไฉน ชา งที่ควรฝก หรอื มา ทคี่ วรฝก หรือโคทค่ี วรฝก คทู ีเ่ ขาฝก ดี หัดดแี ลว นัน้ อนัเขาฝก แลว จงึ เลียนเหตกุ ารณท่ีฝก แลว สาํ เร็จภมู ิทฝ่ี ก แลว ได ใชไหม. อ. ใช พระพทุ ธเจาขา . พ. สว นชางท่คี วรฝก หรือมาทคี่ วรฝก หรือโคทคี่ วรฝก คูท เ่ี ขาไมไ ดฝ ก ไมไ ดหัดแลว นั้น อันเขาไมไ ดฝกเลย จะเลียนเหตุการณท ี่ฝก แลวสาํ เร็จภมู ทิ ่ฝี ก แลว เหมอื นอยางคทู ่ฝี กดี หัดดแี ลวนัน้ ไดไ หม. อ. ขอ นหี้ ามไิ ดเ ลย พระพทุ ธเจาขา.

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 87 พ. ดกู อนอคั คเิ วสสนะ ฉนั นั้นเหมือนกนั แล ขอ ท่คี วามขอนัน้ เขารูเขาเห็น เขาบรรลุ เขาทําใหแจงกัน ไดด ว ยเนกขมั มะ แตพ ระราชกุมารชยเสนะยงั อยูทามกลางกาม ยงั บริโภคกาม ถูกกามวิตกกิน ถูกความเรา รอนเพราะกามเผา ยงั ขวนขวายในการแสวงหากาม จักทรงรู หรอื จกั ทรงเหน็ หรอื จกัทรงทาํ ใหแจงความขอ นัน้ ได นั้นไมใชฐ านะท่ีมิได. วา ดวยอุปมาภเู ขาใหญ [๓๙๔] ดูกอ นอคั คิเวสสนะ เปรยี บเหมอื นภูเขาใหญไ มหา งไกลบานหรอื นิคม สหาย ๒ คนออกจากบา นหรอื นคิ มนน้ั ไปยังภเู ขาลกู น้ันแลว จูงมอืกันเขา ไปยงั ทตี่ ง้ั ภูเขา ครนั้ แลวสหายคนหนึ่ง ยืนทเี่ ชงิ ภเู ขาเบ้ืองลา ง อีกคนหนึ่งขน้ึ ไปขางบนภูเขา สหายที่ยนื ตรงเชงิ ภูเขาขา งลาง เอย ถามสหายผูยืนบนภูเขานน้ั อยางน้วี า แนะ เพ่อื นเทาท่เี พ่ือนยืนบนภูเขานนั้ เพือ่ นเหน็ อะไร สหายคนน้นั ตอบอยางนี้วา เพ่อื นเอย เรายนื บนภเู ขาแลว เหน็ สวน ปา ไม ภมู ิภาคและสระโบกขรณที นี่ า ร่ืนรมย สหายขา งลางกลาวอยางน้ีวา แนะ เพอื่ น ขอ ท่ีเพือ่ นยืนบนภูเขาแลว เหน็ สวน ปา ไม ภมู ิภาค และสระโบกขรณที น่ี า รน่ื รมยนน้ั ไมใชฐานะ ไมใชโ อกาสเลย สหายทยี่ ืนบนภูเขา จงึ ลงมายงั เชิงเขาขางลา งแลวจูงแขนสหายคนนั้นใหในรปู บนภูเขาลกู นั้น ใหสบายใจครหู น่ึงแลว เอยถามสหายน้นั วา แนะ เพอื่ น เทา ทเ่ี พือ่ นยนื บนภเู ขาแลว เพื่อนเหน็ อะไร สหายคนนน้ั ตอบอยา งนีว้ า เพื่อนเอย เรายืนบนภูเขาแลวแลเห็นสวน ปา ไม ภูมิภาคและสระโบกขรณีทีน่ าร่นื รมย สหายคนขึน้ ไปกอ นกลา วอยา งน้ีวา แนะ เพอ่ื นเราเพ่ิงรคู าํ ทท่ี านกลา วอยางนี้วา เพื่อนเอย ขอทเ่ี พอื่ นยนื บนภเู ขา แลว เหน็สวน ปา ไม ภูมภิ าค และสระโบกขรณีท่นี า ร่ืนรมย น่นั ไมใชฐานะ. ไมใชโอกาสเลย เด๋ียวนเ้ี อง และสหายคนข้นึ ไปท่ีหลงั กพ็ ูดวา เรากเ็ พ่งิ รคู าํ ท่ีทา น

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 88กลาวอยา งนี้วา แนะ เพื่อน เรายนื บนภูเขาแลวเหน็ สวน ปา ไม ภมู ภิ าคและสระโบกขรณที ีน่ ารน่ื รนย เด๋ียวนเ้ี หมือนกนั สหายคนขนึ้ ไปกอ นจึงพูดอยา งน้วี า สหายเอย ความเปนจริง เราถกู ภเู ขาใหญลกู น้กี นั้ ไว จึงไมแลเหน็สงิ่ ทค่ี วรเห็น น้ี ฉันใด ดูกอนอัคคิเวสสนะ ฉนั นน้ั เหมือนกันแล พระราชกุมารชยเสนะ ถูกกองอวิชชาใหญยีงกวา ภเู ขาลูกนั้นกนั้ ไว บงั ไว ปดไว คลุมไวแลว พระราชกมุ ารชยเสนะนั้นแลยังอยูทามกลางกาม ยังบรโิ ภคกาม ถูกกามวติ กกิน ถกู ความเรา รอนเพราะกามเผา ยังขวนขวายในการแสวงหากามจักทรงรู หรือทรงเหน็ หรือทรงทําใหแ จงซงึ่ ความขอทเี่ ขารู เขาเห็น เขาบรรลุ เขาทาํ ใหแ จงกนั ไดด วยเนกขมั มะ นัน้ ไมใชฐ านะท่มี ีได ดูกอนอคั ค-ิเวสสนะ ถาอปุ มา ๒ ขอน้ี จะพงึ ทาํ เธอใหแ จม แจงเพอื่ พระราชกมุ ารชยเสนะไดพระราชกุมารชยเสนะจะพึงเลื่อมใสเธอ และเล่อื มใสแลว จะพงึ ทาํ อาการของบุคคลผูเ ลื่อมใสตอ เธออยางไมน า อศั จรรย. อ. ขา แตพ ระองคผูเจรญิ ก็อปุ มา ๒ ขอน้ี จกั แจม แจง กะขาพระองคตอพระกมุ ารชยเสนะไดแ ตท ี่ไหน เพราะอุปมาอนั ไมน า อศั จรรย ขาพระองคไมเคยไดส ดบั มาในกอ น เหมือนทไ่ี ดส ดับ ตอ พระผมู ีพระภาคเจานัน้ เลย. วาดว ยอปุ มาดว ยชา ง [๓๙๕] พ. ดูกอนอัคคเิ วสสนะเปรียบเหมอื นพระราชามหากษตั ริยผูทรงไดมรู ธาภเิ ษกแลว ตรัสเรยี กพรานนาควนกิ มารบั สั่งวา มานแี่ นะพอพรานเพ่อื นยาก ทา นจงข่ชี างหลวงเขาไปยังปาชา ง เห็นชางปาแลว จงคลอ งมนั ไว ใหมนั่ คงท่ีคอชา งหลวงเถดิ พรานนาควนกิ รับสนองพระราชโองการแลว จึงข้ึนชางหลวงเขาไปยงั ปา ชา ง เห็นชา งปาแลว จึงคลองไวม่ันคงท่คี อชา งหลวง ชา งหลวงจึงนาํ ชางปา นนั้ ออกมาสทู ่กี ลางแจง ได ดูกอ นอัคคิเวสสนะ

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 89เพียงเทา น้แี ล ชา งปา จึงมาอยูกลางแจง ธรรมดาชางปาท้ังหลายยงั หวงถน่ิ คือปา ชา งอยู พรานจึงกราบทูลเร่อื งนีแ้ ดพระราชามหากษตั รยิ ว า ขอเดชะ ชา งปาของพระองคมาอยูที่กลางแจง แลว พระพทุ ธเจาขา พระราชามหากษตั รยิ จ งึตรสั เรยี กควาญผฝู กชางมารบั สง่ั วา มานีแ่ นะ ควาญชางเพือ่ นยาก ทานจงฝกชางปา จงไปแกไขปกตขิ องสตั วปา แกไขความดํารพิ ลา นของสัตวป า แกไขความกระวนกระวาย ความลาํ บากใจ และความเรารอ นใจของสัตวปา เพื่อใหช างปา เชอื กน้ันอภิรมยในแดนบาน ใหบนั เทิงในปกติท่ีมนษุ ยตอ งการเถดิควาญชางรับสนองพระราชโองการแลว จงึ ฝง เสาตะลงุ ใหญในแผนดนิ ลา มคอชา งปา ไวมนั่ คง เพือ่ แกไ ขปกติของสตั วปา แกไ ขความดาํ ริพลานของสตั วป าแกไ ขความกระวนกระวาย ความลําบากใจ และความเรารอนใจของสตั วป าเพือ่ ใหชา งปา เชือกนั้นอภริ มยในแดนบาน ใหบ ันเทิงในปกติทมี่ นษุ ยต อ งการควาญชางยอ มรองเรียกชางปาเชือกนั้นดว ยวาจาซึ่งไมม ีโทษ เสนาะหู ชวนใหรักใคร จับ ใจ เปนภาษาชาวเมอื ง อันคนสว นมากปรารถนาและชอบใจเห็นปานนัน้ ในเมอ่ื ชา งปาอันควาญชางรอ งเรยี กอยูดวยวาจาซงึ่ ไมม โี ทษ เสนาะหู ชวนใหรักใคร จบั ใจ เปนภาษาชาวเมอื ง อนั คนสวนมากปรารถนาและชอบใจเห็นปานนัน้ แลว จึงสาํ เหนียกดว ยดี เงยี่ โสตสดบั ดังจิตรบั รูควาญชา งจงึ เพ่ิมอาหาร คือ หญาและน้ําใหช า งน้ันย่งิ ขน้ึ ในเมอ่ื ชา งปา รบั รูอาหาร คอื หญา และน้าํ ของควาญชา ง ควาญชา งจึงมคี วามดํารอิ ยางน้ีวา คราวนี้ชางปาจกั เปนอยไู ดละ จึงใหชางน้นั ทาํ การณย่งิ ข้นึ ดว ยคําวา รบั พอ ทิง้ พอในเม่อื ชา งของพระราชาเปน สัตวทาํ ตามคาํ รับทาํ ตามโอวาทของควาญชา งในการรบั และการท้งิ ควาญชางจงึ ใหชา งนนั้ ทาํ การณย ิง่ ขนึ้ ดวยคําวา รุกพอ ถอยพอในเม่ือชางของพระราชาเปน สัตวท ําตามคาํ รับทําตามโอวาทของควาญชา งใหการรุกและการถอย ควาญชางจงึ ใหชางนน้ั ทาํ การณยิง่ ข้ึนดว ยคาํ วายนื พอ เทาพอ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 90ในเม่ือชางของพระราชาเปน สตั วท าํ ตามคํา รับทําตามโอวาทของควาญชางในการยืนและการเทา ควาญชา งจึงใหช างนัน้ ทาํ การณชอ่ื อาเนญชะยิ่งข้นึ คอื ผูกโลใ หญเขา ท่งี วงชา งนนั้ จัดบุรุษถอื หอกซดั นง่ั บนคอ จดั บรุ ุษถอื หอกซัดหลายคนยืนลอ มรอบ และควาญชา งถอื ของาวยาว ยืนขา งหนา ชางนนั้ ถูกควาญชางใหท าํ การณช ือ่ อาเนญชะอยู จงึ ไมเคลอ่ื นไหวเทา หนา ไมเคลือ่ นไหวเทาหลัง ไมเ คลอ่ื นไหวกายเบอ้ื งหนา ไมเคลือ่ นไหวกายเบือ้ งหลัง ไมเคลอ่ื นไหวศีรษะ ไมเ คลอ่ื นไหวหู. ไมเ คลอื่ นไหวงา ไมเ คลือ่ นไหวหาง ไมเคลือ่ นไหวงวง จงึ เปนชางหลวงทนตอ การประหารดว ย หอก ดาบ ลกู ศรและเครือ่ งประหารของศัตรูอืน่ ทนตอ เสียงกึกกอ งแหงกลองใหญ บณั เฑาะวสงั ข และกลองเล็ก กาํ จดั โทษคดโกงทุกอยา งได หมดพยศ ยอมถึงความนบั วา เปน ชางสมควรแกพระราชา อนั พระราชาควรใชส อย เปน องคส มบัติของพระราชา ฉนั ใด. วาดว ยพระพุทธคุณ [๓๙๖] ดูกอนอคั คิเวสสนะ ฉันน้นั เหมอื นกันแล ตถาคตอุบตั ิในโลกน้ี ไดเปน ผไู กลจากกิเลส รเู องโดยชอบ ถงึ พรอมดว ยวิชชาและจรณะดําเปนไปดี รูแจงโลก เปน สารถผี ูฝก บุรษุ ทีค่ วรฝกอยางหาคนอ่ืนยีงกวามิไดเปนครขู องเทวดาและมนษุ ยท ้ังหลาย เปนผคู นแลว เปนผแู จกธรรม ตถาคตนน้ั ทําใหแ จงดวยปญ ญาอันยงิ่ เองแลว สอนโลกนีท้ ้ังเทวดา มาร พรหมทุกหมูสตั ว ท้ังสมณะ และพราหมณ ทง้ั เทวดาและมนุษยใหร ูทว่ั แสดงธรรมไพเราะในเบ้อื งตน ในทามกลาง ในที่สุด พรอมทง้ั อรรถทงั้ พยญั ชนะประกาศพรหมจรรยอนั บรสิ ุทธิ์บรบิ รู ณสนิ้ เชงิ คฤหบดีก็ดี บตุ รของคฤหบดีก็ดี คนทเ่ี กดิ ภายหลงั ในสกลุ ใดสกลุ หนงึ่ ก็ดี ยอมฟงธรรมนน้ั ครนั้ พึงแลว

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 91ยอมไดความเธอในตถาคต เขาประกอบดว ยการไดความเชือ่ โดยเฉพาะน้นั จึงพจิ ารณาเหน็ ดังนีว้ า ฆราวาสคับแคบ เปน ทางมาแหงธลุ ี บรรพชาเปน ชอ งวาง เรายงั อยคู รองเรือนจะประพฤตพิ รหมจรรยใหบ รสิ ทุ ธิบ์ ริบรู ณโ ดยสว นเดียว ดจุ สงั ขท เ่ี ขาขัดแลว น้ีไมใชทําไดงา ย อยา กระน้ันเลย เราพึงปลงผมและหนวด นุงหมผา กาสาวพสั ตร ออกจากเรือนบวชเปน บรรพชติ เถดิ สมัยตอ มา เขาละโภคสมบัตนิ อ ยบาง มากบา ง และวงศญาติเลก็ บา ง ใหญบางปลงผมและหนวด นุงหม ผากาสาวพัสตรแ ลว ออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชติดกู อ นอคั คเิ วสสนะ เพียงเทา น้แี ล เขาชือ่ วาเปนอรยิ สาวก อยูในโอกาสอนัวา งแลว ความจริง เทวดาและมนุษยท ั้งหลาย ยงั หว งถนิ่ คอื กามคุณท้งั๕ อยู ตถาคตจึงแนะนําเธอนั้นใหย่ิงขนึ้ ไปวา ดกู อ นภิกษุ มาเถดิ เธอจงเปน ผูมีศีล สํารวมดว ยปาติโมกขสงั วร ถึงพรอมดว ยอาจาระและโคจรอยู จงเปนผเู หน็ ภยั ในโทษเพียงเลก็ นอย สมาทานศึกษาในสกิ ขาบททัง้ หลายเถดิดกู อนอคั คเิ วสสนะ. ในเมอ่ื อริยสาวกเปน ผูมีศีล สาํ รวมดว ยปาติโมกขสงั วรถึงพรอ มดว ยอาจาระและโคจรอยู ยอมเปนผเู ห็นภัยในโทษเพียงเล็กนอ ยสมาทานศกึ ษาในสิกขาบทท้งั หลายได ตถาคตจึงแนะนาํ เธอใหยิ่งในรปู วา ดกู อ นภกิ ษุ มาเถดิ เธอจงเปน ผูคุม ครองทวารในอนิ ทรียทัง้ หลาย เห็นรปู ดว ยจกั ษุแลว จงอยา ถอื โดยนิมติ ฯลฯ๑ เธอครนั้ ละนิวรณ ๕ ประการ อันเปนเครือ่ งทาํ ใจใหเศราหมอง ทําปญญาใหถ อยกาํ ลงั น้ีไดแลว ยอ มเปน ผพู ิจารณาเห็นกายในกาย มีความเพียร รูสกึ ตวั มีสติ กาํ จดั อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอ ยู ยอมเปนผูพ จิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนา...ยอ มเปนผูพจิ ารณาเห็นจติ ในจิต... ยอ มเปนผพู จิ ารณาเห็นธรรมในธรรม มคี วามเพียร รูส ึกตัว๑. เหมอื นขอ ๙๕ ถึงขอ ๙๙

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 92 [๓๙๗] ดูกอ นอคั คเิ วสสนะ เปรยี บเหมือนควาญชา งฝง เสาตะลงุ ใหญลงในแผนดนิ ลามคอชางปา ไวม่ันคง เพ่ือแกไ ขปกติของสัตวป า แกไขความดํารพิ ลานของสัตวปา แกไ ขความกระวนกระวาย ความลําบากใจ และความเรา รอนใจของสัตวปา เพือ่ ใหชางปา เชือกนัน้ อภิรมยในแดนบาน ใหบ ันเทิงในปกติท่ีมนษุ ยตอ งการ ฉันใด ดูกอ นอัคคิเวสสนะ ฉันนั้น เหมอื นกนั แลสติปฏฐาน ๔ นี้ ชอื่ วาเปน หลกั ผูกใจของอริยสาวก เพอื่ แกไ ขปกติ ชนดิอาศัยบาน แกไ ขความดาํ รพิ ลานชนดิ อาศัยบาน แกไขความกระวนกระวายความลาํ บากใจ และความเรารอนใจชนดิ อาศยั บา น เพอ่ื บรรลญุ ายธรรม เพ่อืทานพิ พานใหแ จง. วา ดว ยจตสุ ตปิ ฏ ฐานเปนตน [๓๙๘] ตถาคตจึงแนะนําเธอใหย ิ่งขน้ึ ไปวา ดูกอนภกิ ษุ มาเถดิเธอจงเปน ผพู ิจารณาเหน็ กายในกายอยู แตอ ยตู รกึ วติ กทเ่ี ขา ประกอบกับกายจงเปน ผพู จิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู แตอยูตรึกวติ กท่เี ขา ประกอบกบัเวทนา จงเปน ผูพ จิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู แตอ ยา ตรกึ วิตกทีเ่ ขา ประกอบกบั จิตจงเปน ผพู ิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู แตอ ยาตรกึ วิตกท่เี ขา ประกอบกับธรรมเธอยูอมเขาทตุ ยิ ฌาน มคี วามผองใสแหง ใจภายใน มีความเปนธรรมเอกผดุขึ้น เพราะสงบวิตกและวจิ าร ไมมีวติ ก ไมมวี จิ าร มีปติและสขุ เกิดแตสมาธิอยู ยอมเปน ผูวางเฉยเพราะหนา ยปต ิ มีสติสมั ปชัญญะอยู และเสวยสขุ ดว ยนามกาย เขา ตตยิ ฌาน... ยอ มเขาจตตุ ถฌาน อันไมมที ุกขไ มม ีสขุ เพราะละสุข ละทุกข และดับโสมนัสโทมนัสกอนๆไดมีสติบริสุทธเ์ิ พราะอุเบกขาอยู. [๓๙๙] เธอ เมอื่ จิตเปน สมาธิ บริสทุ ธ์ผิ ดุ ผอ ง ไมมกี เิ ลสเคร่ืองยียวน ปราศจากอุปกิเลส เปน จิตออนโยน ควรแกก ารงานต้งั มัน่ ถึงความ

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 93ไมห วนั่ ไหวอยางนี้แลว ยอมนอมจิตไปเพอื่ ปุพเพนวิ าสานสุ ตญิ าณ ระลึกขนั ธท่ีอยูอาศัยในชาตกิ อนไดเปน อเนกประการ คือระลกึ ไดช าตหิ นึ่งบาง สองชาติบา ง ฯลฯ๑ เธอยอมระลึกขนั ธท อ่ี ยูอาศัยในกาลกอ นไดเ ปนอเนกประการพรอ มทงั้ อาการ พรอมทัง้ อุเทศเชนน้ี. [๔๐๐] เธอ เมือ่ จติ เปนสมาธิ บริสทุ ธิ์ผดุ ผอง ไมมีกิเลสเครอ่ื งยยี วน ปราศจากอุปกเิ ลส เปนจิตออนโยน ควรแกการงาน ตง้ั มั่น ถงึ ความไมหวน่ั ไหว อยา งนแี้ ลว ยอมนอ มจติ ไปเพอื่ จตุ ปู ปาตญาณของสตั วท ัง้ หลายมองเหน็ หมสู ตั วกาํ ลงั จุติ กาํ ลงั อุปบตั ิ เลว ประณีต มผี วิ พรรณดี มีผิวพรรณทราม ไดด ตี กยาก ดว ยทพิ ยจกั ษอุ นั บริสุทธิ์ ลว งจกั ษขุ องมนษุ ย ฯลฯ๒ยอมทราบชดั ซงึ่ หมสู ตั วผ เู ปนไปตามกรรมเชนน.ี้ [๔๐๑] เธอ เมอื่ จิตเปนสมาธิ บริสุทธิ์ผดุ ผอ ง ไมมกี เิ ลสเคร่ืองยยี วน ปราศจากอุปกเิ ลส เปนจติ ออนโยน ควรแกก ารงาน ตั้งมน่ั ถงึ ความไมห ว่ันไหวอยา งน้ีแลว ยอ มนอมจติ ไปเพอ่ื อาสวกั ขยญาณ รชู ัดตามเปน จริงวา น้ที กุ ข นีเ้ หตใุ หเกิดทกุ ข นที้ ีด่ ับทกุ ข น้ปี ฏปิ ทาใหถึงทีด่ ับทกุ ข รชู ัดตามเปนจริงวา เหลา นี้อาสวะ น้ีเหตใุ หเกดิ อาสวะ นี้ที่ดบั อาสวะ นี้ปฏิปทาใหถ ึงทดี่ ับอาสวะ เมื่อเธอรูอยา งน้ี เห็นอยา งน้ี จติ ก็หลุดพน แมจ ากกามาสวะแมจากภวาสวะ แมจากอวชิ ชาสวะ. เมือ่ จิตหลดุ พน แลว ยอ มมญี าณรวู าหลุดพนแลว รูชดั วาชาติสิน้ แลว พรหมจรรยอยูจบแลว กิจท่คี วรทําไดท าํเสรจ็ แลว กจิ อนั เพ่ือความเปนอยางนมี้ ิไดม .ี [๔๐๒] ภกิ ษนุ น้ั เปนผอู ดทน คอื มปี กติอกกลั้นตอ ความหนาวความรอ น ความหิว และความกระหาย ตอ สมั ผสั แหง เหลือบ ยุง ลม แดดและสัตวเ ล้ือยคลาน ตอ ถอ ยคํา คําพูดทกี่ ลา วราย ใสร าย ตอเวทนาประจํา๑. เหมอื นขอ ๒๔ ฯ ๒. เหมอื นขอ ๒๕

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 94สรรี ะที่เกิดขน้ึ แลว อันเปนทกุ ขกลา เจ็บแสบ ไมใ ชค วามสําราญ ไมเปน ท่ีชอบใจพอจะสังหารชวี ิตได เธอเปน ผูกําจัดราคะ โทสะ โมหะทัง้ ปวงไดหมดกิเลส เพียงดงั นํา้ ฝาดแลว เปน ผูค วรแกข องคํานับ ควรแกข องตอนรับควรแกทกั ขิณาทาน ควรแกก ารกระทําอญั ชลี เปนเนือ้ นาบญุ ของโลกอยา งหาแหง อนื่ เปรียบมิได. วา ดวยอปุ มาดวยชา ไมไดฝก [๔๐๓] ดกู อ นอคั คเิ วสสนะ ถา ชา งหลวงแก ทีไ่ มไ ดฝ ก ไมไ ดห ัดลม ลง กถ็ ึงความนบั วา ชา งหลวงแก ลม ตายไปอยา งมไิ ดฝก ถาชา งหลวงปนู ปานกลาง ทีไ่ มไ ดฝก ไมไดหดั ลม ลง ก็ถงึ ความนบั วา ชา งหลวงปูนปานกลางลม ตายไปอยางมไิ ดฝ ก ถาชา งหลวงปนู หนมุ ทไ่ี มไ ดฝ ก ไมไ ดห ัดลมลง ก็ถงึ ความนบั วา ชา งหลวงหนุม ลมตายไปอยางมไิ ดฝ ก ฉันใด ดูกอนอคั คเิ วสสนะ ฉนั นัน้ เหมอื นกันแล ถาภกิ ษเุ ถระยงั ไมสิ้นอาสวะ ทาํ กาละลง ก็ถึงความนบั วา ภกิ ษุเถระทํากาละ ตายไปอยา งไมไ ดฝ ก ถาภกิ ษุมัชฌิมะยังไมสิน้ อาสวะ ทาํ กาละลง ก็ถงึ ความนบั วา ภกิ ษมุ ัชฌิมะทํากาละตายไปอยา งไมไ ดฝก ถาภกิ ษนุ วกะยงั ไมส นิ้ อาสวะ ทํากาละลง ก็ถึงความนับวา ภกิ ษุนวกะ ทาํ กาละ ตายไปอยางไมไ ดฝ ก. [๔๐๔] ดูกอ นอัคคิเวสสนะ ถา ชางหลวงแกท ฝ่ี ก ดี หัดดแี ลว ลม ลงก็ถึงความนับวา ชา งหลวงแกลม ตายไปอยา งฝกแลว ถา ชางหลวงปูนปานกลางท่ฝี ก ดี หดั ดีแลว ลมลง ก็ถงึ ความนบั วา ชา งหลวงปูนปานกลางลม ตายไปอยางฝก แลว ถาชา งหลวงปนู หนุมทฝ่ี กดี หดั ดแี ลว ลมลง กถ็ งึ ความนับวา ชา งหลวงปูนหนมุ ลม ตายไปอยางฝกแลว ฉนั ใด ดูกอนอัคคเิ วสสนะ ฉนั นน้ัเหมือนกนั แล ถา ภกิ ษเุ ถระส้นิ อาสวะแลว ทาํ กาละลง กถ็ ึงความนบั วา ภิกษุ

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 95เถระทาํ กาละตายอยา งฝก แลว ถาภิกษมุ ัชฌมิ ะสน้ิ อาสวะแลว ทํากาละลง ก็ถงึความนับวาภิกษมุ ชั ฌมิ ะทํากาละ ตายอยา งฝก แลว ถาภิกษนุ วกะสนิ้ อาสวะแลวทาํ กาละลง กถ็ งึ ความนับวา ภกิ ษุนวกะทํากาละ ตายอยางฝกแลว. พระผูมพี ระภาคเจา ไดต รสั พระภาษติ นแ้ี ลว สมณุทเทสอจริ วตะจงึชนื่ ชมยนิ ดี พระภาษติ ของพระผูมพี ระภาคเจาแล. จบทนั ตภูมสิ ูตรที่ ๔

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 96 อรรถกถาทันตภมู ิสูตร ทันตภูมสิ ูตร มบี ทเร่ิมตน วา ขา พเจาไดสดบั มาอยางน้ี:- บรรดาบทเหลานน้ั บทวา อรฺ กุฏกิ าย ไดแกในเสนาสนะท่ีเขาสรางไว เพื่อประโยชนแ กภ กิ ษุผบู าํ เพ็ญเพียร ในที่ซ่งึ เงยี บสงัดแหง หนงึ่ ของพระวหิ ารเวฬุวันนน้ั แล. บทวา ราชกุมาโร หมายถึงพระราชกมุ ารชยเสนะผูเปน ราชบตุ รของพระเจาพมิ พิสาร. บทวา ผเุ สยยฺ แปลวา พงึ ได. บทวา เอกคคฺ ต ความวา พระราช-กุมารตรสั วา ขา พเจา ไดฟง มาอยางน้วี า ภกิ ษผุ ปู ฏบิ ัตอิ ยางนี้ ชอื่ วา ยอมไดสมาบัติ ช่อื วายอมไดฌาน. บทวา กิลมโถ ไดแ ก ความลาํ บากกาย. ความลําบากนัน่ แหละเรียกวา วิเหสา บา ง. บทวา ยถาสเก ตฏิ เ ยยฺ าสิ ความวาขอพระองคพ งึ ดาํ รงอยูในสวนท่ไี มรู ของพระองคเถดิ . บทวา เทเสสิ ความวา ยอ มไดอยา งนี้ คือ ไดจ ิตเตกัคคตา ไดแ กยอ มยงั สมาบตั ิใหเ กิดอยา งน้ี เพราะฉะนัน้ ผูท่ีถงึ อปั ปนาสมาธิแตอปุ จารสมาธิแลว จึงกลาวกสณิ บริกรรมอยางน้.ี บทวา ปเวทตฺวา แปลวา ประกาศแลว. บทวา เนกขฺ มเฺ มน าตพฺพ ความวา พึงรดู ว ยคณุ คอื บรรพชาอนั เปน เครือ่ งสลัดออกจากกาม. ขอ น้นั ทา นกลา วไวโดยอธบิ ายวา ขน้ึ ช่อื วาเอกคฺคตา อันบุคคลผูต้ังอยใู นคุณคอื บรรพชาอันเปน เครอ่ื งสลดั ออกจากกามพึงร.ู บททเ่ี หลือเปนไวพจนข อง บทวา าตพฺพ นนั้ แหละ. บทวา กาเมปริภุ ชฺ นฺโต ไดแ ก บริโภคกามแมท ง้ั สองอยา ง. บทวา หตฺถทิ มฺมา วา อสฺสทมมฺ า วา โคทมฺมา วา นี้ มีอธิบายวา บุคคลผเู วนจากความเปน ผูม จี ิตแนวแน พงึ เหน็ เปน เหมือนการฝก

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 97ชางทย่ี ังไมเคยไครบั การฝกเปน ตน บุคคลผูส มบรู ณดว ยความเปนผูม จี ติ แนวแน พึงเห็นเปนเหมือนการฝกชางท่เี คยฝก แลว เปน ตน. เปรียบเหมือนสตั วพาหนะมชี า งเปน ตน ทย่ี ังไมไ ดร ับการฝก ยอมไมส มควรจะไปสูส นามฝกหรือถงึ ภูมภิ าคอนั สัตวผ ฝู ก แลว พึงถึง โดยไมต องทําเรอื นยอด ไมตองทอดทิง้ ธรุ ะฉนั ใด บุคคลทปี่ ราศจากความเปน ผูม ีจติ แนว แนก ็ฉนั น้นั ยอมไมสามารถท่ีจะยังคณุ อนั บุคคลผสู มบรู ณดว ยเอกัคคตาจติ ใหเ กิดแลว ใหเกดิ ขึน้ บทวา หตฺถวลิ งฆฺ เกน แปลวา จูงมือกนั ไป. บทวา ทฏิ เยยฺ แปลวา ควรดู. บทวา อาวโุ ฏ แปลวา ปด กั้นไว. บทวา นิวโุ ฏ แปลวาบังไว. บทวา โอผโุ ฏ แปลวา คลมุ ไวแลว . บทวา นาควนิก ความวา ในหตั ถปิ โทปมสูตร ทานเรียกบรุ ุษผูเทย่ี วไปในนาควันวา นาควโิ ก. ในขอนี้ มอี ธบิ ายวา บุรุษผูฉ ลาดในการฝกชา ง ยอ มสามารถจะคลองชางได. บทวา อติปสฺสติ ฺวา แปลวา เห็นแลว.บทวา เอตฺถ เคธา ไดแ ก ความหวงท่เี ปน ไปในนาควนั นัน้ . บทวาสรสงกฺ ปฺปาน แปลวา ความดํารพิ ลาน. ในบทวา มนสุ ฺสกนฺเตสุ สีเลสุสมาทปนาย มีอธิบายวา ในเวลาใด สตรแี ละบุตร กุมารกมุ ารี จับที่งวงเปน ตน เลน หวั อยดู ว ย ชา งไมแสดงอาการผดิ ปกติ คอื อยอู ยา งสบายในเวลาน้นั ชางน้ัน ช่ือวา ยอมบรรเทิงใจ ตามปกตทิ ีม่ นษุ ยต อ งการ. บทวา เปมนียา ไดแก พูดวา พอคุณ พระราชาโปรดพอ แลว จกัแตงต้งั พอไว ในตําแหนง มงคลหัตถที ีเดยี ว พอจักไดของกนิ ดี ๆ มีโภชนะเปนตน ที่คูค วรแกพระราชา คาํ พูดเห็นปานนี้ เปนคําพูดท่ชี างรัก. บทวาสุสสฺ ุสติ ความวา ชา งยอ มประสงคจ ะฟงถอ ยคําทนี่ า รักเห็นปานน้นั . บทวา






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook