Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_42

tripitaka_42

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_42

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 1 พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลมท่ี ๑ ภาคท่ี ๒ ตอนที่ ๓ขอนอบนอ มแดพ ระผมู พี ระภาคอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา พระองคน น้ั คาถาธรรมบท ปาปวรรค๑ท่ี ๙ วาดว ยบุญและบาป [๑๙] ๑. บคุ คลพงึ รบี ขวนขวายในความดี พงึ หา มจิต เสียจากบาป เพราะวา เมอื่ บคุ คลทําความดชี า อยู ใจจะยินดใี นบาป. ๒. ถา บุรษุ พึงทําบาปไซร ไมควรทาํ บาปน้นั บอ ย ๆ ไมควรทาํ ความพอใจในบาปนน้ั เพราะวา ความสัง่ สมเปนเหตุใหเ กิดทกุ ข. ๓. ถา บรุ ษุ พึงทาํ บุญไซร พงึ ทําบุญนั้นบอย ๆ พงึ ทําความพอใจในบุญนน้ั เพราะวา ความสง่ั สมบญุ ทําใหเ กิดสขุ .๑. วรรคนี้มีอรรถกถา ๑๒ เร่ือง.

Edited by Foxit Reader Copyright(C) by Foxit Software Company,2005-2006 For Evaluation Only. พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 2 ๔. แมค นผทู ําบญุ ยอมเหน็ บาปวาดี ตลอดกาลทบ่ี าปยงั ไมเผลด็ ผล แตเมอื่ ใดบาปเผล็ดผลเมื่อน้ันเขายอมเห็นบาปวาช่วั ฝา ยคนทาํ กรรมดี ยอ มเหน็ กรรมดีวาชว่ั ตลอดกาลท่กี รรมดียังไมเ ผล็ดผลแตเ มื่อใดกรรมดเี ผลด็ ผล เม่อื น้ันเขายอ มเห็นกรรมดีวาดี. ๕. บุคคลไมควรดูหมิน่ บาปวา บาปมปี ระมาณนอยจักไมม าถึง แมห มอนํา้ ยงั เตม็ ดวยหยาดน้ําทต่ี กลง (ทีละหยาดๆ) ไดฉ ันใด ชนพาลเมื่อสั่งสมบาปแมท ีละนอย ๆ ยอมเต็มดว ยบาปไดฉ ันนั้น. ๖. บุคคลไมค วรดูหมิน่ บุญวา บญุ มปี ระมาณนอ ยจักไมม าถึง แมหมอ นาํ้ ยังเตม็ ดวยหยาดนํ้าท่ีตกลงมา (ทลี ะหยาดๆ) ไดฉ นั ใด ธรี ชน (ชนผมู ีปญญา) ส่ังสมบุญแมท ลี ะนอยๆ ยอ มเตม็ ดวยบุญไดฉนั น้ัน. ๗. บคุ คลพึงเวน กรรมชว่ั ท้งั หลายเสยี เหมือนพอคามีทรัพยม าก มพี วกนอ ย เวน ทางอนั พงึ กลวั(และ) เหมอื นผูต อ งการจะเปน อยู เวนยาพษิ เสียฉะน้ัน. ๘. ถาแผลไมพ งึ มใี นฝามือไซร บคุ คลพงึ นาํ ยาพิษไปดวยฝามือได เพราะยาพิษยอมไมซ มึ เขา ไปสู

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 3ฝา มอื ทไ่ี มมแี ผล ฉันใด บาปยอ มไมมีแกผไู มทาํ อยูฉนั นั้น. ๙. ผูใด ประทุษรายตอนรชนผไู มป ระทษุ รายผูบรสิ ุทธิ์ ไมม ีกเิ ลสดุจเนิน บาปยอมกลบั ถงึ ผนู ้นัซง่ึ เปน คนพาลนัน่ เอง เหมอื นธุลีอนั ละเอยี ดทเี่ ขาซดัทวนลมไปฉะน้นั . ๑๐. ชนท้งั หลายบางพวก ยอ มเขาถงึ ครรภ ผมู ีกรรมลามก ยอมเขาถึงนรก ผูมีกรรมเปนเหตแุ หงสุคติ ยอ มไปสวรรค ผไู มมอี าสวะยอมปรนิ ิพพาน. ๑๑. บุคคลทที่ ํากรรมช่ัวไว หนีไปแลวในอากาศก็ไมพ งึ พนจากกรรมชว่ั ได หนีไปในทามกลางมหา-สมทุ ร กไ็ มพ ึงพน จากกรรมชัว่ ได หนเี ขาไปสูซ อกภูเขา กไ็ มพ ึงพน จากกรรมชวั่ ได (เพราะ) เขาอยูแลว ในประเทศแหง แผนดินใด พงึ พนจากกรรมชว่ัได ประเทศแหง แผน ดนิ น้ัน หามอี ยูไม. ๑๒. บุคคลที่ทํากรรมชัว่ ไว หนไี ปแลว ในอากาศก็ไมพงึ พนจากกรรมชั่วได หนไี ปในทา มกลางมหา-สมุทร กไ็ มพ ึงพน จากกรรมชัว่ ได หนเี ขา ไปสซู อกภูเขา ก็ไมพงึ พน จากกรรมชว่ั ได (เพราะ) เขาอยูแลว ในประเทศแหงแผน ดนิ ใด ความตายพึงครอบงําไมได ประเทศแหง แผน ดินนั้น หามอี ยไู ม. จบปาปวรรคท่ี ๙

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 4 ๙. ปาปวรรควรรณนา ๑. เร่ืองพราหมณช อ่ื จเู ฬกสาฎก [๙๕] ขอ ความเบ้ืองตน พระศาสดา เม่อื ประทับอยใู นพระเชตวัน ทรงปรารภพราหมณ ชอื่จูเฬกสาฎก ตรัสพระธรรมเทศนาน้ีวา \"อภติ ฺถเรถ กลยฺ าเณ \" เปน ตน . พราหมณแ ละพราหมณีผลัดกนั ไปฟง ธรรม ความพสิ ดารวา ในการแหงพระวปิ สสที ศพล ไดม พี ราหมณคนหน่ึงชือ่ มหาเอกสาฎก. แตใ นกาลนี้ พราหมณนี้ไดเ ปนพราหมณ ชื่อจูเฬกสาฎกในเมอื งสาวตั ถ.ี กผ็ า สาฎกสาํ หรับนุงของพราหมณน ัน้ มีผนื เดยี ว.แมข องนางพราหมณกี ็มีผืนเดยี ว. ทั้งสองคนมผี าหม ผนื เดียวเทา นน้ั . ในเวลาไปภายนอก พราหมณห รือพราหมณยี อ มหมผาผนื นั้น. ภายหลงั วันหนึ่ง เมื่อเขาประกาศการฟง ธรรมในวหิ าร พราหมณกลาววา \"นางเขาประกาศการฟงธรรม. เจาจกั ไปสสู ถานท่ฟี งธรรมในกลางวัน หรือกลางคนื ? เพราะเราท้ังสองไมอ าจไปพรอมกันได เพราะไมม ผี าหม\"พราหมณีตอบวา \"นาย ฉันจักไปในกลางวัน\" แลวไดห มผา สาฎกไป. พราหมณคิดบูชาธรรมดวยผา สาฎกทหี่ ม อยู พราหมณย บั ย้งั อยใู นเรือนตลอดวนั ตอ กลางคืนจงึ ไดไปนง่ั ฟงธรรมทางดา นพระพกั ตรพ ระศาสดา. ครง้ั น้ัน ปต ๑ิ ๕ อยางซาบซา น๑. ปติ ๕ คอื ขุททกาปต ิ ปตอิ ยา งนอย ๑ ขณกิ าปติ ปตชิ ว่ั ขณะ ๑ โอกกนั ติกาปต ิ ปต ิเปนพัก ๆ ๑ อุพเพงคาปต ิ ปต อิ ยางโลดโผน ๑ ผรณาปติ ปต ซิ าบซา น ๑.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 5ไปท่วั สรีระของพราหมณน ัน้ เกดิ ข้ึนแลว . เขาเปนผใู ครจ ะบชู าพระศาสดาคดิ วา \" ถา เราจักถวายผา สาฎกนไ้ี ซร, ผาหมของนางพราหมณจี กั ไมมีของเราก็จักไมมี \" ขณะนนั้ จติ ประกอบดวยความตระหนพ่ี นั ดวงเกิดขึน้แลวแกเ ขา, จิตประกอบดว ยสทั ธาดวงหน่งึ เกิดข้นึ อกี . จิตประกอบดว ยความตระหนพี่ นั ดวงเกดิ ขึน้ ครอบงําสทั ธาจติ แมน น้ั อีก. ความตระหน่ีอนั มีกาํ ลังของเขาคอยกดี กันสทั ธาจิตไว ดจุ จบั มดั ไวอ ยูเทียว ดวยประการฉะนี.้ ชนะมัจเฉรจิตดว ยสัทธาจติ เมื่อเขากาํ ลงั คดิ วา \" จักถวาย จักไมถ วาย \" ดังนี้น่ันแหละ ปฐม-ยามลว งไปแลว . แตน้นั ครั้นถึงมชั ฌมิ ยาม เขาไมอ าจถวายในมชั ฌมิ ยามแมน ัน้ ได. เม่ือถงึ ปจ ฉิมยาม เขาคิดวา \" เมอ่ื เรารบกบั สทั ธาจติ และมัจเฉรจติ อยูน่นั แล ๒ ยามลวงไปแลว . มจั เฉรจติ น้ขี องเรามปี ระมาณเทา นี้เจริญอยู จกั ไมใ หย กศรี ษะข้นึ จากอบาย ๔, เราจักถวายผา สาฎกละ. \"เขาขมความตระหนีต่ ้ังพนั ดวงไดเ เลวทาํ สัทธาจิตใหเปนปุเรจาริก ถอื ผาสาฎกไปวางแทบบาทมูลพระศาสดา ไดเปลง เสยี งดงั ขึน้ ๓ คร้งั วา \" ขา พ-เจาชนะแลว ขา พเจาชนะแลว เปนตน .\" ทานของพราหมณใ หผลทันตาเห็น พระเจา ปเสนทิโกศล กําลงั ทรงฟง ธรรม ไดสดับเสียงนั้นแลวตรสั วา \" พวกทานจงถามพราหมณนั้นดู. ไดย ินวา เขาชนะอะไร ?.\" พราหมณน ั้นถูกพวกราชบุรษุ ถาม ไดเ เจงความน้นั . พระราชาไดสดับความน้นั แลว ทรงดําริวา \" พราหมณท ําสิ่งที่บุคคลทําไดยาก เราจักทําการสงเคราะหเขา \" จงึ รับสั่งใหพระราชทานผาสาฎก ๑ คู.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 6 เขาไดถวายผาแมน น้ั แดพระตถาคตเหมือนกัน พระราชาจงึ รบั สง่ัใหพ ระราชทานทําใหเ ปน ทวคี ณู อีก คือ ๒ คู ๔ คู ๘ คู ๑๖ ค.ู เขาไดถวายผาแมเ หลานน้ั แดพระตถาคตนนั้ เทียว. ตอ มา พระราชารับสง่ั ใหพระราชทานผา สาฎก ๓๒ คแู กเขา. พราหมณเพ่อื จะปองกนั วาทะวา \" พราหมณไ มถ อื เอาเพือ่ ตน สละผา ที่ไดแลว ๆ เสียสนิ้ \" จึงถือเอาผาสาฎก ๒ คูจากผา ๓๒ คูน้ันคือ \" เพอ่ืตน ๑ คู เพอื่ นางพราหมณี ๑ คู \" ไดถ วายผาสาฎก ๓๐ คูแ ดพ ระตถาคตทเี ดยี ว. ฝา ยพระราชา เมอ่ื พราหมณนน้ั ถวายถงึ ๗ คร้ัง ไดมีพระราชประสงคจะพระราชทานอีก. พราหมณชอ่ื มหาเอกสาฎก ในกาลกอนไดถ ือเอาผา สาฎก ๒ คูในจํานวนผา สาฎก ๖๔ คู. สวนพราหมณชื่อจูเฬก-สาฎกน้ี ไดถอื เอาผาสาฎก ๒ คู ในเวลาท่ตี นไดผาสาฎก ๓๒ ค.ู พระราชา ทรงบงั คับพวกราชบรุ ษุ วา \" พนาย พราหมณท าํ สง่ิ ทีท่ ําไดยาก. ทา นทั้งหลายพึงใหนําเอาผา กมั พล ๒ ผนื ภายในวังของเรามา.\"พวกราชบรุ ุษไดกระทําอยา งน้นั . พระราชารับส่ังใหพระราชทานผากัมพล๒ ผนื มคี า แสนหนึ่งแกเขา. พราหมณค ิดวา \" ผากมั พลเหลานี้ไมสมควรแตะตอ งทสี่ รรี ะของเรา. ผา เหลา น้ันสมควรแกพระพทุ ธศาสนาเทานั้น \"จงึ ไดขึงผากัมพลผนื หน่งึ ทาํ ใหเ ปน เพดานไวเบ้อื งบนท่บี รรทมของพระ-ศาสดาภายในพระคนั ธกฎุ ี. ขงึ ผืนหนง่ึ ทาํ ใหเ ปน เพดานในทีท่ าํ ภตั กิจของภกิ ษผุ ฉู นั เปน นติ ยในเรือนของตน. ในเวลาเย็น พระราชาเสดจ็ ไปสูสํานกั ของพระศาสดา ทรงจําผากัมพลไดแลว ทลู ถามวา \" ใครทําการบชู า พระเจาขา ? \" เมื่อพระศาสดาตรสั ตอบวา \" พราหมณช่อื เอกสาฎก \"ดงั น้ีแลว ทรงดาํ รวิ า \" พราหมณเลอื่ มใสในฐานะทเี่ ราเลื่อมใสเหมือน

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 7กนั \" รับส่งั ใหพระราชทานหมวด ๔ แหงวตั ถทุ ุกอยา ง จนถงึ รอ ยแหงวตั ถุทัง้ หมด ทําใหเปนอยา งละ ๔ แกพ ราหมณน้นั อยา งนี้ คือชา ง ๔มา ๔ กหาปณะ๑ส่พี นั สตรี ๔ ทาสี ๔ บุรุษ ๔ บานสว ย ๔ ตาํ บล. รบี ทาํ กศุ ลดกี วา ทําชา ภิกษุทงั้ หลาย สนทนากันในโรงธรรมวา \" แม ! กรรมของพราหมณช่อื จเู ฬกสาฎก นาอัศจรรย. ชวั่ ครูเดยี วเทานน้ั เขาไดหมวด ๔ แหงวตั ถุทุกอยาง. กรรมอันงามเขาทาํ ในท่ีอนั เปน เนื้อนาในบัดน้นี ่นั แล ใหผลในวันน้ีทเี ดียว. \" พระศาสดาเสดจ็ มา ตรัสถามวา \" ภิกษทุ งั้ หลาย บัดนีเ้ ธอทัง้ หลายนัง่ สนทนากนั ดวยกถาอะไรเลา ? \" เมื่อพวกภกิ ษกุ ราบทูลวา \" ดวยกถาชือ่น้ี พระเจาขา \" ตรสั วา \" ภิกษทุ ง้ั หลาย ถา เอกสาฎกนจี้ ักไดอาจเพ่ือถวายแกเราในปฐมยามไซร เขาจักไดสรรพวตั ถอุ ยา งละ ๑๖, ถา จกั ไดอ าจถวายในมัชฌมิ ยามไซร เขาจกั ไดสรรพวตั ถอุ ยา งละ ๘, แตเ พราะถวายในเวลาจวนใกลรงุ เขาจงึ ไดสรรพวตั ถอุ ยา งละ ๔, แทจรงิ กรรมงามอนั บคุ คลผเู มอ่ื กระทาํ ไมใหจ ิตที่เกดิ ขึน้ เสื่อมเสยี ควรทาํ ในทันทนี น้ั เอง,ดวยวา กศุ ลทบ่ี คุ คลทําชา เมือ่ ใหส มบัติ ยอ มใหชาเหมอื นกัน เพราะฉะน้ัน พึงทํากรรมงามในลําดับแหง จติ ตปุ บาททเี ดียว \" เมอ่ื ทรงสบื อน-ุสนธแิ สดงธรรม จึงตรสั พระคาถานี้วา ๑. อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ ปาปา จติ ตฺ  นวิ ารเย ทนฺธิ หิ กรโต ปุ ฺ ปาปสฺมึ รมตี มโน ทนธฺ ิ หิ กรโต ปุฺ  ปาปสมฺ ึ รมตี มโน.๑. เปนช่ือเงินตราชนิดหนงึ่ ซ่ึงในอินเดยี โบราณ มีคา เทากับ ๔ บาท.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 8 \"บคุ คลพึงรีบขวนขวายในความดี, พงึ หา มจติ เสยี จากบาป, เพราะวา เมื่อบคุ คลทําความดชี าอยู, ใจจะยินดใี นบาป.\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา อภิตฺเรถ ความวา พงึ ทาํ ดวนๆ คอืเร็ว ๆ. จริงอยู คฤหสั ถเ มื่อจิตเกิดขนึ้ วา \" จกั ทาํ กุศลบางอยา ง ในกุศลทานทง้ั หลายมถี วายสลากภัตเปนตน \" ควรทาํ ไว ๆทเี ดียว ดวยคิดวาเราจะทํากอ น เราจะทํากอน \" โดยประการทช่ี นเหลาอน่ื จะไมไ ดโ อกาสฉะน้นั . หรือบรรพชติ เมอื่ ทาํ วตั รทัง้ หลายมีอปุ ช ฌายวตั รเปนตน ไมใหโอกาสแกผ อู ืน่ ควรทําเร็ว ๆ ทีเดียว ดว ยคดิ วา \" เราจะทาํ กอ น เราจะทาํ กอน.\" สองบทวา ปาปา จิตฺต ความวา ก็บคุ คลพึงหา มจิตจากบาปกรรมมกี ายทุจริตเปน ตน หรอื จากอกุศลจิตตปุ บาท ในท่ีทุกสถาน. สองบทวา ทนฺธิ หิ กรโต ความวา กผ็ ูใดคิดอยูอ ยา งน้ันวา \" เราจกั ให, จกั ทาํ , ผลนี้จกั สาํ เร็จแกเราหรือไม \" ช่อื วา ทาํ บญุ ชา อยู เหมือนบุคคลเดินทางลื่น. ความชัว่ ของผูน้ันยอมไดโ อกาส เหมือนมจั เฉรจติพันดวงของพราหมณช่ือเอกสาฎกฉะนัน้ . เมื่อเชนน้นั ใจของเขายอมยนิ ดีในความช่ัว, เพราะวา ในเวลาท่ีทํากุศลกรรมเทานนั้ จิตยอ มยนิ ดใี นกศุ ลกรรม, พน จากนนั้ แลว ยอ มนอ มไปสูความช่ัวไดแ ท. ในกาลจบคาถา ชนเปนอนั มาก ไดบ รรลุอริยผลทัง้ หลาย มโี สดา-ปตตผิ ลเปน ตน ดงั นี้แล. เรื่องพราหมณชื่อจเู ฬกสาฎก จบ.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 9 ๒. เรอ่ื งพระเสยยสกตั เถระ [๙๖] ขอความเบื้องตน พระศาสดา เม่ือประทับอยูในพระเชตวนั ทรงปรารภพระเสยยส-กัตเถระ ตรสั พระธรรมเทศนานวี้ า \"ปาปฺเจ ปุรโิ ส กยิรา\" เปน ตน. พระเถระทาํ ปฐมสังฆาทเิ สส ดังไดสดบั มา พระเสยยสกัตเถระน้ัน เปนสทั ธวิ ิหาริกของพระ-โลฬทุ ายีเถระ บอกความไมย นิ ด๑ี ของตนแกพระโลฬุทายนี ัน้ ถกู ทา นชกั ชวนในการทาํ ปฐมสังฆาทเิ สส เมือ่ ความไมย ินดีเกดิ ทวขี ึ้น ไดท ํากรรมนั้นแลว. กรรมช่ัวใหทุกขในภพท้ัง พระศาสดา ไดสดับกริ ยิ าของเธอ รบั สั่งใหเรียกเธอมาแลว ตรัสถามวา \" ไดย นิ วา เธอทาํ อยา งนั้นจรงิ หรือ ? \" เมอื่ เธอทูลวา \" อยางน้ันพระเจา ขา ? \" จึงตรัสวา \" แนะโมฆบรุ ษุ เหตุไร เธอจงึ ไดท ํากรรมหนกัอันไมส มควรเลา ? \" ทรงติเตียนโดยประการตา ง ๆ ทรงบญั ญัติสกิ ขาบทแลว ตรสั วา \" กก็ รรมเห็นปานน้ี เปน กรรมยงั สัตวใ หเปน ไปเพือ่ ทุกขอยางเดยี ว ทง้ั ในภพน้ที งั้ ในภพหนา \" เมื่อจะทรงสืบอนุสนธแิ สดงธรรมจึงตรสั พระคาถานีว้ า ๒. ปาปฺเจ ปุริโส กยริ า น น กยริ า ปนุ ปฺปุน น ตมฺหิ ฉนฺท กยิราถ ทกุ โฺ ข ปาปสสฺ อจุ ฺจโย. \"ถาบรุ ษุ พงึ ทาํ บาปไซร, ไมควรทําบาปนน้ั บอย ๆ ไมควรทําความพอใจในบาปนน้ั . เพราะวา ความสงั่ สมบาปเปน เหตใุ หเ กิดทกุ ข. \"๑. อนภริ ดี บางแหง แปลวา ความกระสัน.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 10 แกอ รรถ เนอื้ ความแหง พระคาถามน้นั วา \" ถาบคุ คลพงึ ทํากรรมลามกคราวเดยี ว. ควรพิจารณาในขณะนน้ั แหละ สําเหนียกวา \" กรรมนไี้ มส มควรเปน กรรมหยาบ \" ไมควรทํากรรมน้นั บอ ย ๆ. พงึ บรรเทาเสีย ไมค วรทําแมซง่ึ ความพอใจ หรอื ความชอบใจในบาปกรรมนน้ั ซ่ึงจะพึงเกิดข้ึนเลย. ถามวา \" เพราะเหตุไร ? \" แกว า \" เพราะวา ความส่งั สม คอื ความพอกพูนบาป เปน เหตุใหเ กิดทุกข คือยอ มนําแตทกุ ขมาให ทั้งในโลกนี้ ทั้งในโลกหนา. \" ในกาลจบเทศนา ชนเปน อันมาก ไดบรรลุอริยผลท้งั หลาย มีโสดาปต ตผิ ลเปนตน ดังนแี้ ล. เร่ืองพระเสยยสกัตเถระ จบ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 11 ๓. เรอื่ งนางลาชเทวธดิ า [๙๗] ขอความเบอื้ งตน พระศาสดา เม่อื ประทับอยใู นพระเชตวนั ทรงปรารภนางลาช-เทวธิดา ตรัสพระธรรมเทศนานี้วา \"ปุ ฺญฺเจ ปรุ ิโส กยิรา\" เปน ตน .เรอ่ื งเกดิ ข้ึนแลว ในเมอื งราชคฤห. หญิงถวายขา วตอกแกพ ระมหากัสสป ความพิสดารวา ทา นพระมหากสั สป อยูทีป่ ปผลิคูหา เขาฌาณแลว ออกในวันที่ ๗ ตรวจดูท่ีเท่ียวไปเพื่อภิกษาดวยทพิ ยจักษุ เห็นหญิงรกั ษานาขาวสาลีคนหนงึ่ เดด็ รวงขาวสาลที ําขา วตอกอยู พจิ ารณาวา\" หญิงนี้มศี รทั ธาหรอื ไมหนอ \" รวู า \" มศี รทั ธา \" ใครค รวญวา \" เธอจกั อาจ เพอ่ื ทําการสงเคราะหแ กเราหรอื ไมห นอ ? \" รูว า \" กุลธิดาเปนหญงิ แกลว กลา จักทําการสงเคราะหเรา, กแ็ ลครนั้ ทําแลว จกั ไดสมบัติเปนอันมาก \" จึงครองจวี รถอื บาตร ไดยืนอยูทใ่ี กลน าขาวสาล.ี กลุ ธิดาพอเหน็ พระเถระก็มจี ิตเลือ่ มใส มสี ระรอี นั ปต ิ ๕ อยางถกู ตองแลว กลาววานมิ นตหยุดกอ น เจา ขา \" ถอื ขาวตอกไปโดยเร็ว เกล่ียลงในบาตรของพระเถระแลว ไหวด วยเบญจางค๑ประดิษฐ ไดท าํ ความปรารถนาวา \" ทา นเจา ขา ขอดิฉันพงึ เปน ผูมสี วนแหง ธรรมทีท่ า นเหน็ แลว . \" จิตเลื่อมใสในทานไปเกิดในสวรรค พระเถระไดทาํ อนุโมทนาวา \"ความปรารถนาอยา งนนั้ จงสําเรจ็ .\"ฝายนางไหวพระเถระแลว พลางนึกถึงทานที่ตนถวายแลว กลับไป. กใ็ น๑. คําวา เบญจางคประดิษฐ แปลวา ต้ังไวเ ฉพาะซ่งึ องค ๕ หมายความวา ไหวไ ดองค ๕ คือหนาผาก ๑ ฝามือทง้ั ๒ และเขา ทงั้ ๒ จดลงทพี่ ้นื จงึ รวมเปน ๕.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 12หนทางท่นี างเดนิ ไป บนคันนา มงี พู ษิ รายนอนอยูในรูแหง หนงึ่ งไู มอาจขบกดั แขง พระเถระอนั ปกปด ดวยผา กาสายะได. นางพลางระลึกถงึทานกลบั ไปถึงทีน่ ้ัน. งเู ลือ้ ยออกจากรู กดั นางใหล มลง ณ ท่ีนั้นเองนางมจี ิตเล่ือมใส ทํากาละแลว ไปเกดิ ในวิมานทองประมาณ ๓๐ โยชนในภพดาวดงึ ส มีอัตภาพประมาณ ๓ คาวุต๑ ประดบั เคร่ืองอลังการทุกอยา ง เหมอื นหลบั แลว ตื่นข้ึน. วธิ ที ําทพิ ยสมบัตใิ หถ าวร นางนงุ ผา ทิพยป ระมาณ ๑๒ ศอกผนื หนึง่ หมผนื หนง่ึ แวดลอมดว ยนางอปั สรต้ังพนั เพอ่ื ประกาศบรุ พกรรม จงึ ยนื อยูท ี่ประตูวมิ านอันประดบั ดว ยขนั ทองคํา เต็มดวยขาวตอกทองคําหอยระยาอยู ตรวจดูสมบัตขิ องตน ใครครวญดว ยทพิ ยจักษวุ า \" เราทาํ กรรมสิง่ ไรหนอ จึงไดสมบตั นิ ้ี \" ไดรูวา \" สมบัตนิ เี้ ราไดเเลว เพราะผลแหง ขา วตอกที่เราถวายพระผูเ ปน เจามหากัสสปเถระ. \" นางคดิ วา \" เราไดส มบัตเิ หน็ ปานนี้เพราะกรรมนดิ หนอ ยอยา งน้ี บดั น้เี ราไมค วรประมาท. เราจักทาํ วัตรปฏิบัติแกพ ระผูเ ปน เจา ทาํ สมบัตินีใ้ หถาวร \" จงึ ถือไมกวาด และกระเชาสําหรับเทมูลฝอยสาํ เร็จดวยทองไปกวาดบริเวณของพระเถระ แลวต้งั นํา้ฉันน้าํ ใชไ วแตเชา ตร.ู พระเถระเห็นเชน น้ัน สาํ คัญวา \" จกั เปนวตั รที่ภกิ ษหุ นมุ หรือสามเณรบางรูปทํา. \" แมในวันที่ ๒ นางกไ็ ดทําอยางน้นั . ผา ยพระเถระกส็ ําคัญเชน น้ันเหมือนกนั . แตใ นวนั ท่ี ๓ พระเถระไดย นิ เสยี งไมกวาดของนาง๑. คาวุต ๑ ยาวเทา กบั ๑๐๐ เสน .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 13และเห็นแสงสวางแหงสรีระฉายเขา ไปทางชองลกู ดาล จึงเปด ประตู (ออกมา) ถามวา \" ใครน่ัน กวาดอยู ? \" นาง. ทานเจา ขา ดฉิ นั เอง เปนอุปฏ ฐายกิ าของทา น ช่อื ลาช-เทวธดิ า. พระเถระ. อนั อุปฏฐายกิ าของเรา ผูมชี อื่ อยางนนั้ ดูเหมอื นไมมี. นาง. ทา นเจาขา ดฉิ ัน ผรู ักษานาขา วสาลี ถวายขาวตอกแลว มจี ติเลือ่ มใสกําลงั กลับไป ถกู งกู ัด ทํากาละแลว บงั เกดิ ในเทวโลกช้นั ดาวดงึ ส.ทา นเจา ขา ดฉิ ันคดิ วา \" สมบตั นิ ีเ้ ราไดเพราะอาศยั พระผูเปน เจา , แมในบดั น้ี เราจกั ทาํ วตั รปฏบิ ัตแิ กทา น ทําสมบตั ใิ หมัน่ คง, จงึ ไดมา. \" พระเถระ. ทง้ั วานน้ีทง้ั วานซนื นี้ เจา คนเดยี วกวาดทีน่ ี.่ เจาคนเดยี วเขา ไปต้งั นาํ้ ฉันน้ําใชไ วห รอื ? นาง. อยา งน้นั เจา ขา. พระเถระ. จงหลีกไปเสีย นางเทวธดิ า, วัตรท่ีเจา ทําแลว จงเปนอันทาํ แลว , ตงั้ แตน้ไี ป เจาอยามาท่ีนี้ (อีก). นาง. อยาใหดฉิ นั ฉิบหายเสยี เลย เจาขา , ขอพระผเู ปนเจา จงใหดิฉนั ทาํ วตั รแกพระผูเ ปนเจา ทาํ สมบัตขิ องดิฉนั ใหมน่ั คงเถดิ . พระเถระ. จงหลีกไป นางเทวธดิ า, เจาอยาทาํ ใหเ ราถกู พระ-ธรรมกถกึ ทง้ั หลาย น่ังจบั พัดอนั วิจติ ร พงึ กลา วในอนาคตวา ' ไดย นิ วานางเทวธิดาผูหนง่ึ มาทาํ วตั รปฏบิ ัติ เขา ไปตั้งน้ําฉนั นํ้าใช เพอื่ พระมหา-กัสสปเถระ,' แตนี้ไป เจาอยา มา ณ ท่นี ี้ จงกลบั ไปเสีย. นางจึงออ นวอนซา้ํ ๆ อกี วา \" ขอทานอยาใหดฉิ ันฉิบหายเลยเจาขา . \"

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 14 พระเถระคิดวา \" นางเทวธิดานี้ไมเชอื่ ฟงถอยคาํ ของเรา \" จงึ ปรบมอื ดวยกลา ววา \" เจาไมร จู กั ประมาณของเจา. \" นางไมอาจดาํ รงอยใู นทีน่ ้ันได เหาะข้นึ ในอากาศ ประคองอญั ชลีไดยืนรอ งไห (คราํ่ ครวญอยู) ในอากาศวา \" ทานเจา ขา อยาใหสมบตั ิทีด่ ิฉนั ไดเเลวฉบิ หายเสียเลย, จงใหเพอื่ ทาํ ใหม น่ั คงเถดิ . \" บญุ ใหเ กดิ สขุ ในภพทัง้ สอง พระศาสดา ประทับนง่ั ในพระคันธกุฎนี ั่นเอง ทรงสดับเสียงนางเทวธดิ านั้นรอ งไห ทรงแผพระรัศมดี จุ ประทับน่งั ตรสั อยูในที่เฉพาะหนานางเทวธิดา ตรัสวา \" เทวธดิ า การทาํ ความสงั วรน่ันเทยี ว เปนภาระ.'ของกสั สปผบู ตุ รของเรา. แตก ารกาํ หนดวา ' น้เี ปน ประโยชนของเราแลว มงุ กระทําแตบญุ ยอมเปน ภาระของผูมคี วามตองการดวยบญุ , ดว ยวาการทําบญุ เปนเหตใุ หเ กดิ สุขอยางเดยี ว ทัง้ ในภพน้ี ทัง้ ในภพหนา \" ดงั นี้เมื่อจะทรงสบื อนสุ นธแิ สดงธรรม จงึ ตรัสพระคาถานว้ี า ๓. ปุ ฺ เฺ จ ปุรโิ ส กยิรา กยิราเถน ปุนปปฺ นุ  ตมหฺ ิ ฉนฺท กยิราถ สุโข ปุ ฺสฺส อจุ ฺจโย. \" ถาบรุ ุษพงึ ทาํ บุญไซร, พึงทาํ บุญนั้นบอย ๆ พงึ ทาํ ความพอใจในบญุ น้ัน, เพราะวา ความส่ังสมบุญ ทาํ ใหเกิดสขุ . \" แกอรรถ เนอื้ ความแหงพระคาถานนั้ วา \" ถาบุรุษพงึ ทาํ บุญไซร. ไมพงึงดเวน เสยี ดว ยเขาใจวา \" เราทําบุญครั้งเดียวแลว, พอละ ดวยบุญเพยี ง

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 15เทาน้ี พึงทาํ บอยๆ แมใ นขณะทําบุญนั้น พึงทําความพอใจ คือความชอบใจ ไดแ กความอตุ สาหะในบญุ น่นั แหละ. ถามวา \" เพราะเหตุไร? \" วสิ ัชนาวา เพราะวา ความส่ังสมบญุ ใหเ กิดสุข อธิบายวา เพราะวาความสง่ั สมคอื ความพอกพนู บุญ ชอื่ วา ใหเกดิ สขุ เพราะเปน เหตุนําความสุขมาใหในโลกนแ้ี ละโลกหนา. ในกาลจบเทศนา นางเทวธดิ านั้น ยืนอยูในทส่ี ดุ ทาง ๔๕ โยชนนน่ั แล ไดบรรลโุ สดาปต ติผลแลว ดงั นี้แล. เรอื่ งนางลาชเทวธิดา จบ.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 16 ๔. เรือ่ งอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี [๙๘] ขอ ความเบือ้ งตน พระศาสดา เมือ่ ประทบั อยูในพระเชตวนั ทรงปรารภเศรษฐชี ือ่อนาถบิณฑิกะ ตรัสพระธรรมเทศนานวี้ า \" ปาโปป ปสสฺ ตี ภทฺร \"เปน ตน . ทา นเศรษฐบี าํ รงุ ภิกษสุ ามเณรเปน นติ ย ความพิสดารวา อนาถบิณฑกิ เศรษฐี จา ยทรัพยต้ัง ๕๔ โกฎิ ในพระพุทธศาสนาเฉพาะวิหารเทานัน้ . เม่ือพระศาสดาประทบั อยใู นพระ-เชตวัน ไปสูทบี่ ํารุงใหญ ๓ แหง ทกุ วัน, กเ็ มื่อจะไป คิดวา \" สามเณรก็ดี ภกิ ษหุ นุม กด็ ี พึงแลดูแมม ือของเรา ดวยการนึกวา เศรษฐีนน้ั ถืออะไรมาบาง ดังน้ี ไมเคยเปนผชู ื่อวามมี อื เปลา ไปเลย, เมอื่ ไปเวลาเชาใหคนถอื ขาวตมไป บรโิ ภคอาหารเชา แลว ใหคนถอื เภสชั ทัง้ หลาย มเี นยใสเนยขน เปน ตน ไป. ในเวลาเยน็ ใหถ อื วตั ถุตางๆ มรี ะเบียบดอกไม ของหอม เคร่อื งลูบไลแ ละผา เปนตน ไปสวู หิ าร. ถวายทาน รักษาศีล อยางนัน้ทุก ๆ วนั ตลอดกาลเปนนติ ยทเี ดียว. การหมดส้ินแหงทรพั ยของเศรษฐี ในกาลตอ มา เศรษฐี ยอ มถงึ ความสิ้นไปแหง ทรพั ย. ทั้งพวกพาณชิกก็ หู น้ีเปนทรพั ย ๑๘ โกฏจิ ากมือเศรษฐนี นั้ . เงนิ ๑๘ โกฏิแมเปน สมบัติแหงตระกูลของเศรษฐี ทฝี่ ง ตัง้ ไวใกลฝง แมนา้ํ เมอื่ ฝง พังลงเพราะน้ํา(เซาะ) กจ็ มลงยังมหาสมทุ ร. ทรพั ยข องเศรษฐนี นั้ ไดถึงความหมดสน้ิไปโดยลาํ ดบั ดว ยประการอยา งนี้.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 17 เศรษฐถี วายทานตามมีตามได เศรษฐแี มเ ปน ผอู ยา งนัน้ แลว ก็ยังถวายทานแกสงฆเ รื่อยไป. แตไมอาจถวายทาํ ใหประณตี ได. ในวนั หนง่ึ เศรษฐี เม่ือพระศาสดารบั สัง่ วา\" คฤหบดี ก็ทานในตระกลู ทานยังใหอยหู รอื ? \" กราบทลู วา \" พระเจาขาทานในตระกูล ขาพระองคยังใหอย.ู กแ็ ลทานนน้ั (ใช) ขาวปลายเกรยี นมนี ํา้ สมพะอมู เปน ที่ ๒.\" เม่อื มจี ติ ผองใสทานทีถ่ วายไมเปน ของเลว ทนี ั้น พระศาสดา ตรสั กะเศรษฐีวา \" คฤหบดี ทา นอยาคิดวา ' เราถวายทานเศรา หมอง. ' ดวยวา เมื่อจติ ประณตี แลว , ทานท่บี คุ คลถวายแดพระอรหนั ตทัง้ หลายมีพระพุทธเจา เปนตน ช่อื วา เศรา หมองยอ มไมม.ีคฤหบดี อีกประการหนึ่ง ทานไดถ วายทานแดพ ระอริยบุคคลท้งั ๘แลว ;สวนเราในกาลเปน เวลาพราหมณน ัน้ กระทาํ ชาวชมพทู ทวีปทั้งสน้ิ ใหพกัไถนา ยงั มหาทานใหเปนไปอยู ไมไ ดทกั ขไิ ณยบคุ คลไรๆ แมผ ูถงึ ซึง่ไตรสรณะ. ชือ่ วาทกั ขิไณยบคุ คลทัง้ หลาย ยากท่บี คุ คลจะไดดวยประการฉะน.ี้ เพราะเหตุนัน้ ทา นอยาคดิ เลยวา 'ทานของเราเศรา หมอง' ดงั น้ีแลว ไดตรสั เวลามสูตร๑ แกเ ศรษฐีนั้น. เทวดาเตือนเศรษฐใี หเลิกการบริจาค ครง้ั นนั้ เทวดาซง่ึ สถิตอยทู ซ่ี ุม ประตูของเศรษฐี เมือ่ พระศาสดาและสาวกท้งั หลายเขา ไปสเู รอื น. ไมอ าจจะดํารงอยไู ดเ พราะเดชแหงพระ-ศาสดาและพระสาวกเหลา น้นั คดิ วา \" พระศาสดาและพระสาวกเหลานจ้ี ะ๑. อัง. นวก. ๒๓/๔๐๖

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 18ไมเขาไปสูเรือนน้ีไดดวยประการใด. เราจะยยุ งคฤหบดีดวยประการนน้ั :แมใครจะพูดกะเศรษฐนี ้นั กไ็ มไดอ าจเพอ่ื จะกลา วอะไร ๆ ในกาลท่ีเศรษฐีเปน อิสระ \" คิดวา \" ก็บัดน้เี ศรษฐนี ้ีเปน ผยู ากจนแลว. คงจกั เช่ือฟงคาํ ของเรา \" ในเวลาราตรี เขาไปสูหอ งอนั เปน สิรขิ องเศรษฐี ไดยืนอยูในอากาศ. ขณะน้นั เศรษฐีเห็นเทวดานน้ั แลวถามวา \" น่ันใคร ? \" เทวดา. มหาเศรษฐี ขา พเจา เปน เทวดาสถติ อยทู ่ซี มุ ประตทู ่ี ๔ ของทา น มาเพ่ือตอ งการเตอื นทา น. เศรษฐ.ี เทวดา ถา เชนน้ัน เชญิ ทา นพูดเถิด. เทวดา. มหาเศรษฐี ทา นไมเหลียวแลถึงกาลภายหลงั เลย จายทรัพยเ ปน อันมากในศาสนาของพระสมณโคคม. บัดนี้ ทานแมเปน ผูยากจนแลว กย็ ังไมละการจา ยทรัพยอ กี . เมื่อทานประพฤตอิ ยางน้ี จกั ไมไดแมว ตั ถสุ กั วาอาหารและเคร่อื งนงุ หม โดย ๒-๓ วนั แนแท; ทา นจะตองการอะไรดวยพระสมณโคคม ทานจงเลิกจากการบรจิ าคเกิน (กาํ ลงั ) เสยีแลว ประกอบการงานทง้ั หลาย รวบรวมสมบตั ิไวเ ถดิ . เศรษฐี. น้ีเปนโอวาทท่ที า นใหแกข าพเจา หรือ ? เทวดา. จะ มหาเศรษฐ.ี เศรษฐี. ไปเถดิ ทาน. ขา พเจา อันบุคคลผูเ ชนทา น แมต ั้งรอ ยตัง้ พนั ต้งั แสนคน ก็ไมอาจใหหวั่นไหวได. ทา นกลาวคําไมสมควร จะตองการอะไรดวยทา นผอู ยูใ นเรอื นของขาพเจา . ทา นจงออกไปจากเรือนของขา พเจา เรว็ ๆ.

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 19 เทวดาถูกเศรษฐขี ับไลไมมที ี่อาศยั เทวดานัน้ ฟงคาํ ของเศรษฐีผูเปน โสดาบันอรยิ สาวกแลว ไมอ าจดาํ รงอยไู ด จงึ พาทารกทั้งหลายออกไป, ก็แล คร้นั ออกไปแลวไมไดทีอ่ ยูในทอี่ ื่น จึงคดิ วา \" เราจักใหท า นเศรษฐีอดโทษแลวอยใู นทเี่ ดมิ น้นัเขา ไปหาเทพบตุ รผูรักษาพระนคร แจง ความผิดท่ีตนทาํ แลว กลา ววา\" เชญิ มาเถิดทาน, ขอทานจงนําขา พเจา ไปยังสํานักของทา นเศรษฐี ใหทานเศรษฐีอดโทษแลว ใหท่ีอยู (แกข า พเจา). \" เทพบุตรหา มเทวดานั้นวา \" ทานกลาวคาํ ไมส มควร, ขาพเจาไมอาจไปยังสํานักของเศรษฐีน้นั ได. \" เทวดาน้นั จงึ ไปสสู ํานักของทาวมหาราชทั้ง ๔ กถ็ กู ทานเหลา น้นัหามไว จึงเขาไปเฝาทา วสกั กเทวราช กราบทูลเรื่องนน้ั (ใหทรงทราบ)แลว ทลู วงิ วอนอยา งนาสงสารวา \" ขาแตเทพเจา ขาพระองคไมไดท ี่อยูตองจงู พวกทารกเทีย่ วระหกระเหิน หาที่พึง่ มิได. ขอไดโ ปรดใหเ ศรษฐีใหท อ่ี ยแู กขาพระองคเถดิ .\" ทาวสกั กะทรงแนะนาํ อุบายใหเ ทวดา คราวน้นั ทา วสกั กะ ตรสั กะเทวดานั้นวา \" ถึงเราก็จกั ไมอ าจกลา วกะเศรษฐีเพราะเหตุแหงทานได (เชนเดียวกัน). แตจกั บอกอุบายใหแกทา นสกั อยา งหนงึ่ . \" เทวดา. ดีละ เทพเจา ขอพระองคทรงพระกรณุ าตรสั บอกเถิด. ทา วสกั กะ. ไปเถิดทาน. จงแปลงเพศเปน เสมียนของเศรษฐี ใหใครนําหนังสอื (สัญญากเู งิน) จากมอื เศรษฐมี าแลว (นําไป) ใหเ ขาชําระ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 20ทรพั ย ๑๘ โกฏิ ทพ่ี วกคาขายถือเอาไป ดวยอานภุ าพของตนแลว บรรจุไวใ หเ ต็มในหองเปลา. ทรัพย ๑๘ โกฏิ ท่ีจมลงยงั มหาสมทุ รมีอยูก็ด.ีทรัพย ๘ โกฏิ สวนอ่ืน ซึง่ หาเจา ของมไิ ด มอี ยใู นทโ่ี นน ก็ดี. จงรวบรวมทรัพยท้ังหมดนน้ั บรรจไุ วใหเ ต็มในหองเปลาของเศรษฐี คร้นั ทาํกรรมช่อื นี้ใหเปนทณั ฑกรรมแลว จงึ ขอขมาโทษเศรษฐี. เศรษฐีกลบั รวยอยางเดิม เทวดานัน้ รบั วา \" ดีละ เทพเจา \" แลว ทาํ กรรมทกุ ๆ อยางตามนัยท่ีทา วสกั กะตรสั บอกแลวน่นั แล ยังหองอนั เปน สริ ิของทา นเศรษฐใี หสวา งไสว ดํารงอยูใ นอากาศ เมอ่ื ทา นเศรษฐกี ลาววา \" นัน่ ใคร \" จึงตอบวา \" ขา พเจาเปน เทวดาอนั ธพาล ซ่ึงสถิตอยทู ซ่ี ุม ประตทู ่ี ๔ ของทา น. คําใด อันขา พเจา กลา วแลวในสํานักของทา นดวยความเปนอันธ-พาล. ขอทานจงอดโทษคํานน้ั แกขา พเจา เถดิ . เพราะขาพเจา ไดท ําทณั ฑ-กรรมดว ยการรวบรวมทรัพย ๕๔ โกฏิ มาบรรจุไวเต็มหองเปลา ตามบัญชาของทา วสกั กะ. ขาพเจาเมื่อไมไดท่อี ยู ยอ มลําบาก. \" เศรษฐีอดโทษแกเ ทวดา อนาถบณิ ฑิกเศรษฐี จินตนาการวา \" เทวดาน้ี กลา ววา \"ทัณฑ-กรรม อันขาพเจากระทาํ แลว \" ดงั น.้ี และรสู ึกโทษ (ความผิด) ของตน.เราจักแสดงเทวดานัน้ แดพระสัมมาสัมพุทธเจา.\" ทานเศรษฐี นําเทวดานน้ั ไปสสู ํานกั ของพระศาสดา กราบทลู กรรมอันเทวดานน้ั ทําแลวทัง้ หมด. เทวดาหมอบลงดว ยเศียรเกลา แทบพระบาทยุคลแหงพระศาสดา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 21กราบทูลวา ขา แตพระองคผ ูเจริญ ขาพระองคไ มท ราบพระคณุ ท้งั หลายของพระองค ไดก ลาวคําใดอนั ชวั่ ชา เพราะความเปนอนั ธพาล. ขอพระองคทรงงดโทษคาํ นั้นแกข า พระองค ใหพ ระศาสดาทรงอดโทษแลวจึงใหท า นมหาเศรษฐีอดโทษให (ในภายหลงั ). เมอ่ื กรรมใหผล คนโงจ งึ เหน็ ถูกตอง พระศาสดา เมือ่ จะทรงโอวาทเศรษฐแี ละเทวดา ดวยสามารถวบิ ากแหงกรรมดีและชวั่ นน่ั แล จึงตรสั วา \" ดูกอนคฤหบดี แมบุคคลผทู ําบาปในโลกน้ี ยอมเหน็ บาปวา ดี ตลอดกาลท่ีบาปยังไมเ ผลด็ ผล. แตเ มอื่ ใดบาปของเขาเผลด็ ผล, เมอ่ื นัน้ เขายอมเห็นบาปวาช่ัวเเท ๆ; ฝายบคุ คลผูท าํ กรรมดี ยอ มเห็นกรรมดวี าชวั่ ตลอดกาลทก่ี รรมดยี งั ไมเผลด็ ผล,แตเมอื่ ใด กรรมดขี องเขาเผล็ดผล. เม่อื นน้ั เขายอมเหน็ กรรมดีวาดีจรงิ ๆ \" ดงั นี้แลว เม่ือจะทรงสืบอนุสนธแิ สดงธรรม จงึ ไดภาษิตพระ-คาถาเหลาน้ีวา ๔. ปาโปป ปสฺสติ ภทรฺ  ยาว ปาป น ปจจฺ ติ ยทา จ ปจจฺ ติ ปาป อถ (ปาโป) ปาปานิ ปสสฺ ต.ิ ภโทฺรป ปสสฺ ติ ปาป ยาว ภทฺร น ปจจฺ ติ ยทา จ ปจจฺ ติ ภทฺร อถ (ภโทรฺ ) ภทรฺ านิ ปสฺสติ. \" แมคนผทู าํ บาป ยอ มเห็นบาปวา ดี ตลอดกาล ที่บาปยังไมเ ผลด็ ผล, แตเมื่อใด บาปเผล็ดผล, เมอ่ื นน้ั เขายอมเหน็ บาปวาชว่ั , ฝายคนทาํ กรรมดี ยอ มเหน็ กรรมดวี า ชว่ั ตลอดกาลทกี่ รรมดยี ังไมเ ผลด็

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 22 ผล แตเ มอ่ื ใด กรรมดเี ผลด็ ผล เม่อื น้ัน เขายอ ม เหน็ กรรมดวี าดี.\" แกอ รรถ บคุ คลผปู ระกอบบาปกรรมมีทจุ รติ ทางกายเปนตน ชื่อวาคนผบู าปในพระคาถานน้ั . กบ็ ุคคลแมน้ัน เมื่อยงั เสวยสุขอันเกดิ ข้นึ ดว ยอานุภาพแหงสจุ รติกรรมในปางกอ นอยู ยอมเห็นแมบ าปกรรมวา ด.ี บาทพระคาถาวา ยาว ปาป น ปจจฺ ติ เปน ตน ความวา บาปกรรมของเขานน้ั ยงั ไมใ หผลในปจ จบุ ันภพหรอื สมั ปรายภพเพียงใด. (ผูทําบาป ยอมเหน็ บาปวาดี เพียงนนั้ ). แตเ มื่อใดบาปกรรมของเขานั้นใหผ ลในปจจุบันภพหรอื ในสมั ปรายภพ. เม่ือนน้ั ผูทาํ บาปนัน้ เม่อื เสวยกรรม-กรณตา ง ๆ ในปจจบุ นั ภพ และทกุ ขใ นอบายในสมั ปรายภพอยู ยอมเห็นบาปวาชัว่ ถา ยเดยี ว. ในพระคาถาท่ี ๒ (พงึ ทราบเน้อื ความดังตอไปน)้ี . บุคคลผปู ระ-กอบกรรมดมี ีทุจริตทางกายเปนตน ชื่อวา คนทาํ กรรมด.ี คนทํากรรมดีแมน้ัน เมื่อเสวยทกุ ขอนั เกิดขึ้นดว ยอานภุ าพแหง ทจุ รติ ในปางกอ น ยอ มเห็นกรรมดีวา ชั่ว. บาทพระคาถาวา ยาว ภทรฺ  น ปจจฺ ติ เปน ตน ความวา กรรมดีของเขานน้ั ยงั ไมใหผ ล ในปจ จุบนั ภพหรือในสัมปรายภพเพยี งใด. (คนทาํ กรรมดี ยอ มเหน็ กรรมดวี า ชวั่ อยู เพยี งน้ัน). แตเมือ่ ใด กรรมดนี น้ัใหผ ล, เมือ่ น้ันคนทํากรรมดนี ั้น เม่อื เสวยสขุ ท่อี ิงอามสิ มีลาภและสักการะ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 23เปนตน ในปจ จุบันภพ และสุขทอี่ ิงสมบตั ิ อันเปนทิพยใ นสัมปรายภพอยูยอ มเห็นกรรมดีวา ดีจริง ๆ ดงั น้.ี ในกาลจบเทศนา เทวดาน้นั ดาํ รงอยใู นโสดาปตตผิ ล. พระธรรม-เทศนา ไดมีประโยชนแมแกบรษิ ทั ผูมาประชมุ กัน ดงั น้เี เล. เร่อื งอนาถบิณฑิกเศรษฐี จบ.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 24 ๕. เร่อื งภกิ ษไุ มถ นอมบรขิ าร [๙๙] ขอความเบือ้ งตน พระศาสดา เมื่อประทับอยูในพระเชตวนั ทรงปรารภภิกษรุ ูปหน่ึงผไู มถ นอมบริขาร ตรสั พระธรรมเทศนานี้วา \" มาวมฺเถ ปาปสสฺ \"เปนตน . ของสงฆใ ชเเลว ควรรบี เกบ็ ไดย ินวา ภกิ ษนุ ้นั ใชส อยบริขารอันตางดว ยเตียงและต่ังเปน ตนอยางใดอยางหนึ่ง ในภายนอกแลว ทงิ้ ไวในท่ีน้ันนั่นเอง. บรขิ ารยอ มเสียหายไป เพราะฝนบาง แดดบา ง พวกสตั วมีปลวกเปน ตนบาง. ภิกษุน้นั เมอ่ื พวกภิกษกุ ลา วเตือนวา \" ผูมอี ายุ ธรรมดาบรขิ าร ภกิ ษคุ วรเกบ็ งํามิใชหรือ ? \" กลับกลา ววา \" กรรมท่ีผมทําน่ันนิดหนอย ผมู ีอายุ,บริขารนัน่ ไมม ีจิต, ความวจิ ิตรกไ็ มมี \" ดังนแ้ี ลว (ยงั ขนื ) ทําอยูอ ยา งนนั้น่นั แลอกี . ภกิ ษทุ ั้งหลายกราบทลู กิริยา (การ) ของเธอแดพ ระศาสดา. พระศาสดารับส่ังใหเ รยี กภกิ ษุนัน้ มาแลว ตรสั ถามวา \" ภกิ ษุ ขาววาเธอทาํ อยางน้ันจริงหรอื ? \" เธอแมถ กู พระศาสดาตรัสถามแลว ก็กราบ-ทูลอยา งดหู ม่ินอยา งนัน้ นั่นแหละวา \" ขาเเตพระผมู ีพระภาคเจา ขอนนั้จะเปนอะไร, ขา พระองคทํากรรมเลก็ นอย. บรขิ ารนน้ั ไมมจี ติ . ความวจิ ิตรก็ไมมี. \" อยา ดูหมน่ิ กรรมชว่ั วานิดหนอย ทนี ้นั พระศาสดาตรัสกบั เธอวา \" อนั ภกิ ษทุ งั้ หลายทาํ อยางนนั้ยอ มไมค วร, ขน้ึ ช่อื วาบาปกรรม ใคร ๆ ไมค วรดูหมิน่ วา นดิ หนอ ย;

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 25เหมอื นอยา งวา ภาชนะทเ่ี ขาเปดปากตง้ั ไวกลางแจง เม่อื ฝนตกอยู ไมเต็มไดด ว ยหยาดนํา้ หยาดเดียวโดยแท, ถึงกระนัน้ เม่อื ฝนตกอยบู อย ๆภาชนะนน้ั ยอมเตม็ ไดเ เน ๆ ฉนั ใด. บุคคลผูท าํ บาปกรรมอยู ยอ มทาํ กองบาปใหใ หญโ ตขึน้ โดยลําดับไดอ ยา งแน ๆ ฉันนั้นเหมอื นกัน \" ดงั น้ีแลว .เมื่อจะทรงสืบอนสุ นธิแสดงธรรม จึงตรสั พระคาถาน้วี า ๕. มาวมเฺ ถ ปาปสฺส น มตตฺ  อาคมิสฺสติ อทุ พนิ ฺทนุ ิปาเตน อุทกมุ ฺโภป ปรู ติ อาปูรติ พาโล ปาปสสฺ โถก โถก ป อาจนิ  . \" บคุ คลไมค วรดหู มิน่ บาปวา บ าปมีประมาณ นอยจักไมมาถึง ' แมหมอ นํา้ ยังเต็มดว ยหยาดนํ้าท่ี ตกลง (ทลี ะหยาดๆ) ไดฉ ันใด, ชนพาลเม่อื สัง่ สม บาปแมทลี ะนอย ๆ ยอ มเต็มดวยบาปได ฉันนัน้ . \" แกอรรถบรรดาบทเหลานัน้ บทวา มาวมฺเถ ความวา บุคคลไมค วรดหู ม่นิ .บทวา ปาปสฺส แปลวา ซึ่งบาป.บาทพระคาถาวา น มตตฺ  อาคมิสสฺ ติ ความวา บคุ คลไมควรดหู มิน่บาปอยางนัน้ วา \" เราทําบาปมีประมาณนอ ย, เมอื่ ไร บาปนั่นจกั เผล็ดผล ? \"บทวา อุทกมุ ฺโภป ความวา ภาชนะดนิ ชนิดใดชนดิ หน่ึง ทเี่ ขาเปด ปากทิ้งไวในเมือ่ ฝนตกอยู ยอมเตม็ ดวยหยาดนาํ้ ที่ตกลงแมทีละหยาดๆ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 26โดยลาํ ดับไดฉ นั ใด. บุคคลเขลา เมือ่ สง่ั สมคอื เมอ่ื พอกพูนบาปแมทลี ะนอ ย ๆ ยอ มเตม็ ดวยบาปไดฉนั นนั้ เหมือนกัน. ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มากบรรลอุ ริยผลทง้ั หลาย มีโสดา-ปตติผลเปน ตน แลว. แมพ ระศาสดา กท็ รงบัญญตั ิสิกขาบทไววา \" ภกิ ษุลาดที่นอน (ของสงฆ) ไวใ นท่ีแจง แลว ไมเ ก็บไวต ามเดมิ ตอ งอาบัตชิ ่ือนี้ \"ดังนแ้ี ล. เรื่องภิกษุไมถ นอมบริขาร จบ.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 27 ๖. เรอ่ื งเศรษฐีช่ือพิฬาลปทกะ [๑๐๐] ขอ ความเบอื้ งตน พระศาสดา เมื่อประทับอยใู นพระเชตวัน ทรงปรารภเศรษฐีช่อืพฬิ าลปทกะ (เศรษฐตี นี แมว) ตรสั พระธรรมเทศนานวี้ า \" มาวมเฺ ถปุฺ สฺส เปน ตน. ใหท านองและชวนคนอ่ืน ไดส มบัติ ๒ อยาง ความพสิ ดารวา สมยั หน่งึ ชาวเมืองสาวตั ถีพากนั ถวายทานแดภกิ ษุสงฆม พี ระพทุ ธเจาเปน ประธาน โดยเนอื่ งเปน พวกเดยี วกัน. อยมู าวันหน่งึ พระศาสดา เมอ่ื จะทรงทําอนโุ มทนา ตรัสอยา งนี้วา \" อบุ าสกอุบาสกิ าทงั้ หลาย บคุ คลบางคนในโลกน้ี ใหท านดว ยตน, (แต) ไมช ัก-ชวนผอู ่ืน. เขายอมไดโ ภคสมบตั ,ิ (แต) ไมไ ดบริวารสมบตั ิ ในทีแ่ หงตนเกิดแลว ๆ; บางคนไมใ หทานดว ยตน. ชกั ชวนแตคนอ่นื . เขายอ มไดบริวารสมบัติ (แต) ไมไดโภคสมบตั ใิ นท่ีแหง ตนเกดิ แลว ๆ; บางคนไมใหทานดวยตนดว ย ไมชกั ชวนคนอ่นื ดว ย. เขายอ มไมไ ดโภคสมบตั ิไมไดบ รวิ ารสมบัติ ในทแ่ี หง ตนเกิดแลว ๆ; เปนคนเที่ยวกนิ เดน บางคน ใหทานดว ยคนดว ย ชกั ชวนคนอน่ื ดว ย,. เขายอมไดท ้งั โภคสมบตั ิและบริวารสมบตั ิ ในทแี่ หง คนเกดิ แลว ๆ.\" บัณฑิตเรี่ยไรของทําบุญ ครงั้ นนั้ บณั ฑิตบรุ ุษผหู นึง่ ฟง ธรรมเทศนาน้นั แลว คดิ วา \" โอ !เหตนุ นี้ าอัศจรรย, บัดนี้ เราจกั ทาํ กรรมทเี่ ปนไปเพอื่ สมบตั ิทง้ั สอง,\" จงึกราบทลู พระศาสดาในเวลาเสด็จลุกไปวา \"ขาแตพระองคผ ูเ จรญิ พรงุ น้ีขอพระองคจงทรงรับภกิ ษาขอพวกขาพระองค.\"

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 28 พระศาสดา. ก็ทานมีความตอ งการดว ยภิกษุสักเทาไร ? บุรษุ . ภกิ ษทุ ัง้ หมด พระเจา ขา. พระศาสดาทรงรบั แลว. แมเขาก็เขา ไปยงั บา น เทยี่ วปาวรองวา\"ขาแตแ มและพอ ท้ังหลาย ขา พเจานิมนตภ ิกษุสงฆม พี ระพุทธเจาเปนประธาน เพือ่ ฉันภตั ตาหารในวนั พรุง น้,ี ผูใ ดอาจถวายแกภ กิ ษทุ ั้งหลายมีประมาณเทาใด, ผนู นั้ จงใหวัตถุตา ง ๆ มขี าวสารเปน ตน เพอื่ ประโยชนแกอาหารมียาคูเปน ตน เพอ่ื ภกิ ษทุ ้งั หลายมปี ระมาณเทา นั้น, พวกเราจกัใหหุงตมในท่ีแหงเดยี วกันแลวถวายทาน\" เหตทุ เี่ ศรษฐชี ื่อวา พฬิ าลปทกะ ทีนัน้ เศรษฐคี นหนึ่ง เหน็ บรุ ุษนนั้ มาถึงประตรู านตลาดของตนก็โกรธวา \"เจาคนนี้ ไมน มิ นตภ กิ ษุแตพอ (กาํ ลัง) ของตน ตองมาเท่ยี วชกั ชวนชาวบานท้ังหมด (อกี ),\" จึงบอกวา \"แกจงนาํ เอาภาชนะที่แกถอื มา\" ดงั นแ้ี ลว เอาน้ิวมอื ๓ น้วิ หยิบ ไดใหข าวสารหนอ ยหน่ึง,ถว่ั เขยี ว ถ่ัวราชมาษก็เหมอื นกนั แล. ตั้งแตนั้น เศรษฐีนน้ั จึงมชี ่ือวาพิฬาลปทกเศรษฐ.ี แมเ ม่ือจะใหเ ภสชั มีเนยใสและนาํ้ ออ ยเปนตน ก็เอียงปากขวดเขาทหี่ มอ ทาํ ใหป ากขวดนั้นตดิ เปนอนั เดยี วกัน ใหเภสัชมีเนยใสและนํ้าออยเปนตน ไหลลงทลี ะหยด ๆ ไดใหหนอ ยหน่ึงเทานนั้ . อุบาสกทาํ วตั ถุทานทีค่ นอ่ืนใหโ ดยรวมกัน (แต) ไดถือเอาส่ิงของที่เศรษฐนี ี้ใหไวแผนกหนง่ึ ตา งหาก. เศรษฐีใหคนสนทิ ไปดูการทาํ ของบรุ ุษผูเรีย่ ไร เศรษฐีนนั้ เห็นกริ ยิ าของอบุ าสกนนั้ แลว คดิ วา \" ทาํ ไมหนอเจา คนนจ้ี งึ รับส่ิงของท่เี ราใหไ วแผนกหน่ึง ? \" จงึ สงจฬู ุปฏฐากคนหน่งึ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 29ไปขางหลงั เขา ดว ยสงั่ วา \" เจาจงไป, จงรูกรรมท่เี จานั่นทาํ .\" อุบาสกนั้นไปแลว กลาววา \" ขอผลใหญจงมีแกเศรษฐ.ี \" ดังนแ้ี ลว ใสขาวสาร๑-๒ เมล็ด เพ่ือประโยชน แกยาคู ภตั และขนม, ใสถวั่ เขยี วถว่ั ราชมาษบาง หยาดน้ํามันและหยาดนา้ํ ออ ยเปนตนบาง ลงในภาชนะทกุ ๆ ภาชนะ.จูฬุปฏ ฐากไปบอกแกเศรษฐีแลว . เศรษฐฟี ง คาํ นัน้ แลว จงึ คิดวา \" หากเจา คนนัน้ จักกลา วโทษเราในทามกลางบรษิ ทั ไซร, พอมนั เอย ช่ือของเราข้นึ เทาน้ัน เราจักประหารมนั ใหตาย.\" ในวนั รงุ ข้ึน จงึ เหน็บกฤชไวใ นระหวางผานุงแลว ไดไปยืนอยทู ี่โรงครวั . ฉลาดพดู ทําใหผมู ุงรายกลบั ออ นนอ ม บุรุษนั้น เลี้ยงดภู กิ ษุสงฆม พี ระพทุ ธเจาเปน ประธาน แลว กราบทลู พระผมู ีพระภาคเจา วา \"ขา แตพระองคผ เู จริญ ขาพระองคชักชวนมหา-ชนถวายทานน,ี้ พวกมนุษยข า พระองคชกั ชวนแลวในท่ีนัน้ ไดใหข าวสารเปน ตนมากบา งนอ ยบา ง ตามกําลงั ของตน, ขอผลอนั ไพศาลจงมีแกมหาชนเหลา น้ันทง้ั หมด.\" เศรษฐีไดย นิ คาํ นนั้ แลว คิดวา \" เรามาดว ยต้ังใจวา ' พอมนั เอยชือ่ ของเราขึน้ วา ' เศรษฐชี ื่อโนน ถอื เอาขาวสารเปนตนดว ยหยิบมอื ให,'เราก็จักฆา บุรษุ นี้ ใหตาย, แตบุรุษนี้ ทําทานใหรวมกันทง้ั หมด แลวกลาววา ' ทานทช่ี นเหลาใดตวงดวยทะนานเปน ตน แลว ใหก ็ด,ี ทานที่ชนเหลาใดถอื เอาดว ยหยิบมือแลวใหก ็ด,ี ขอผลอนั ไพศาล จงมีแกช นเหลาน้ันท้ังหมด,' ถา เราจกั ไมใ หบรุ ษุ เห็นปานนี้อดโทษไซร, อาชญาของเทพเจา จกั ตกลงบนศรี ษะของเรา.\" เศรษฐีน้ันหมอบลงแทบเทา ของ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 30อุบาสกน้ันแลว กลา ววา \" นาย ขอนายจงอดโทษใหผ มดวย,\" และถกูอุบาสกน้นั ถามวา \"นอ้ี ะไรกนั ? \" จงึ บอกเร่อื งนั้นท้งั หมด.พระศาสดาทรงเห็นกริ ิยานัน้ แลว ตรัสถามผขู วนขวายในทานวา\" น่ีอะไรกัน ? \" เขากราบทูลเรื่องน้นั ทัง้ หมดต้งั แตวันทีแ่ ลว ๆ มา.อยา ดหู มิ่นบุญวา นดิ หนอ ยทีนัน้ พระศาสดาตรสั ถามเศรษฐนี นั้ วา \" นัยวา เปนอยา งนนั้หรอื ? เศรษฐี.\" เมอ่ื เขากราบทูลวา \" อยา งน้ัน พระเจา ขา. \" ตรสั วา\" อุบาสก ข้นึ ชอื่ วา บญุ อนั ใคร ๆ ไมค วรดูหมิน่ วา 'นดิ หนอย.' อนับคุ คลถวายทานแกภ กิ ษุสงฆ มพี ระพทุ ธเจา เชน เราเปนประธานแลว ไมควรดหู ม่ินวา 'เปนของนดิ หนอย.' ดวยวา บุรุษผบู ัณฑิต ทาํ บญุ อยูยอมเต็มไปดว ยบุญโดยลาํ ดบั แนแ ท เปรยี บเหมอื นภาชนะท่เี ปดปาก ยอ มเตม็ ไปดว ยน้ํา ฉะน้ัน.\" ดงั นี้แลว เมื่อจะทรงสบื อนสุ นธแิ สดงธรรม จงึตรสั พระคาถาน้วี า๖. มาวมฺเถ ปุ สสฺ น มตฺต อาคมิสฺสติอุทพินทฺ นุ ปิ าเตน อทุ กุมฺโภป ปรู ติอาปรู ติ ธีโร ปุ ฺ สฺส โถก โถก ป อาจนิ  .\" บุคคลไมค วรดหู มิ่นบญุ วา 'บุญมีประมาณนอยจักไมม าถงึ ' แมหมอ นํ้ายังเตม็ ดวยหยาดนาํ้ ทีต่ กลงมา(ทีละหยาดๆ)ไดฉ ันใด, ธรี ชน (ชนผมู ปี ญญา) สงั่ -สมบุญแมทีละนอ ย ๆ ยอมเต็มดว ยบญุ ไดฉันนน้ั .\" แกอ รรถเนอ้ื ความแหง พระคาถาน้นั วา \" มนษุ ยผูบณั ฑิต ทําบญุ แลว อยา








































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook