พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 201 อรรถกถาอัมพปาลิสตู ร อัมพปาลสิ ูตรที่ ๙. คําวา อาสภวิ าจา หมายถงึ วาจาสงู สุดที่สอ งถงึ ความเปนพระอรหนั ตของตน. คําทเี่ หลือในทที่ กุ แหงมีใจความตน้ื ทัง้ น้ันแล. จบอรรถกถาอัมพปาลิสูตรท่ี ๙ จบรโหคตวรรควรรณนาที่ ๑ ๑๐. คิลานสตู ร* จิตต้งั มัน่ ในสติปฏ ฐานทกุ ขเวทนาไมครอบงาํ [๑๒๘๓] สมัยหนงึ่ ทานพระอนุรุทธะอยูใ นปาอันธวนั ใกลพระ-นครสาวัตถี อาพาธ ไดรบั ทุกข เปน ไขห นกั คร้ังนน้ั ภกิ ษมุ ากรปู เขาไปหาทา นพระอนรุ ุทธะถงึ ท่ีอยู ครน้ั แลว ไดถามทา นพระอนรุ ทุ ธะวา ทานอนุรทุ ธะอยดู วยวหิ ารธรรมขอ ไหน ทกุ ขเวทนาในสรีรกายทบี่ งั เกดิ ขึ้น จึงไมครอบงําจติ . [๑๒๘๔] ทานพระอนรุ ุทธะตอบวา ดูกอนผมู อี ายุท้ังหลาย เรามีจติ ตัง้ ม่ันอยูใ นสติปฏ ฐาน ๔ ทกุ ขเวทนาในสรีรกายทบี่ ังเกดิ ขึ้น จงึ ไมครอบงําจติสตปิ ฏ ฐาน ๔ เปนไฉน เรายอมพจิ ารณาเห็นกายในกายอยู ...ยอ มพจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู ... ยอ มพิจารณาเห็นจติ ในจติ อยู ... ยอมพจิ ารณาเหน็ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชัญญะ มสี ติ กําจัดอภชิ ฌาและโทมนัส* คลิ านสตู รท่ี ๑๐ ไมมีอรรถกถาแก
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 202ในโลกเสยี ได ดูกอนทานผูมอี ายุทง้ั หลาย เรามีจิตตงั้ มั่นอยใู นสติปฎฐาน ๔เหลา น้แี ล ทุกขเวทนาในสรรี กายที่บงั เกิดขึ้น จึงไมค รอบงาํ จติ . จบคลิ านสตู รที่ ๑๐ จบรโหคตวรรคท่ี ๑ รวมพระสตู รทมี่ ีในวรรคน้ี คอื ๑. ปฐมรโหคตสูตร ๒. ทุตยิ รโหคตสตู ร ๓. สตุ นสุ ตู ร ๔. ปฐมกณั ฏกสี ตู ร ๕. ทตุ ิยกณั ฏกสี ูตร ๖. ตติยกัณฏกสี ตู ร ๗. ตณั หักขยสูตร๘. สลฬาคารสูตร ๙. อมั พปาลสิ ตู ร ๑๐. คิลานสตู ร และอรรถกถา
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 203 ทุตยิ วรรคท่ี ๒* ๑. สหสั สูตร การบรรลภุ าวะแหงมหาอภิญญา [๑๒๘๕] สมัยหนึง่ ทานพระอนรุ ทุ ธะอยู ณ พระวิหารเชตวันอารามของทา นอนาถบิณฑกิ เศษรฐี ใกลพระนครสาวตั ถี คร้ังน้ัน ภิกษุมากรูปเขาไปหาทา นพระอนุรุทธะถงึ ทีอ่ ยู ไดปราศรยั กบั ทานพระอนรุ ุทธะ ฯลฯครนั้ แลวไดถ ามทา นพระอนุรุทธะวา ทา นอนุรุทธะบรรลุภาวะแหงมหาอภิญญาเพราะไดเจริญ ไดกระทาํ ใหม ากซง่ึ ธรรมเหลา ไหน. [๑๒๘๖] ทานพระอนรุ ทุ ธะตอบวา ดกู อ นผูมีอายุทัง้ หลาย เราบรรลุภาวะแหงมหาอภญิ ญา เพราะไดเ จรญิ ไดกระทาํ ใหมากซึง่ สตปิ ฏ ฐาน ๔ สติ-ปฏ ฐาน ๔ เปนไฉน เรายอมพิจารณาเหน็ กายในกายอย.ู .. ยอ มพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... ยอ มพจิ ารณาเหน็ จิตในจิตอยู ... ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมอยู มคี วามเพยี ร มีสัมปชัญญะ มีสติ กาํ จดั อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ดูกอนผมู อี ายุท้ังหลาย เราบรรลุภาวะแหง มหาอภญิ ญา เพราะไดเ จริญ ไดก ระทาํ ใหม ากซ่ึงสตปิ ฎ ฐาน ๔ เหลา นี้แล อนึ่ง เรายอมระลึกไดตลอดพันกัป เพราะไดเ จริญ ไดกระทาํ ใหมากซ่ึงสติปฏฐาน ๔ เหลา น้ี. จบสหสั สสตู รที่ ๑* ทตุ ยิ วรรคท่ี ๒ อรรถกถาแกร วม ๆ กนั ไวท ายสูตรวรรคนี้.
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 204 ๒. อทิ ธสิ ูตร เจรญิ สติปฏฐานแสดงฤทธ์ไิ ด [๑๒๘๗] ดกู อนผมู ีอายทุ ้ังหลาย อนึ่ง เรายอ มแสดงฤทธ์ไิ ดห ลายอยางคือ คนเดยี วเปนหลายคนกไ็ ด ฯลฯ ใชอาํ นาจทางกายไปตลอดพรหมโลกกไ็ ด เพราะไดเ จริญ ไดก ระทาํ ใหม ากซึ่งสตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลาน้ี. จบอทิ ธิสูตรท่ี ๒ ๓ . ทิพโสตสูตร วา ดวยเสยี ง ๒ ชนิด [๑๒๘๘] ดูกอ นผมู อี ายุท้งั หลาย อนึง่ เรายอมไดยนิ เสียง ๒ ชนิดคอื เสยี งทพิ ยและมนุษย ทง้ั ท่อี ยไู กลและใกล ดวยทิพโสตอนั บริสุทธล์ิ วงโสตของมนษุ ย เพราะไดเ จรญิ ไดก ระทําใหม ากซงึ่ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลานี.้ จบทพิ โสตสตู รที่ ๓
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 205 ๔. เจโตปริจจสตู ร วา ดว ยการกําหนดรใู จผอู นื่ [๑๒๘๙] ดูกอ นผูมอี ายุทงั้ หลาย อน่ึง เรายอมกําหนดรใู จของสตั วอืน่ ของบคุ คลอน่ื ดว ยใจ คอื จิตมรี าคะก็รูวา จิตมรี าคะ ฯลฯ จติ หลุดพนก็รูวา จติ หลุดพน เพราะไดเจริญ ไดกระทําใหมากซงึ่ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลา น.้ี จบเจโตปริจจสูตรที่ ๔ ๕. ฐานาฐานสูตร วา ดวยการรฐู านะและอฐานะ [๑๒๙๐] ดกู อ นผูมอี ายุทงั้ หลาย อน่ึง เรายอ มรูฐานะโดยความเปนฐานะและอฐานะโดยความเปนอฐานะ ตามความเปนจรงิ เพราะไดเ จริญ ไดการทําใหม ากซ่ึงสติปฏฐาน ๔ เหลา น้ี. จบฐานาฐานสูตรที่ ๕ ๖.วปิ ากสูตร วา ดว ยการรวู บิ ากของกรรม [๑๒๙๑] ดกู อ นผูม ีอายุทัง้ หลาย อนง่ึ เรายอมรูว บิ ากของการกระทํากรรมท้ังทีเ่ ปน อดตี อนาคต และปจจุบนั โดยฐานะ โดยเหตุ ตามความเปนจริง เพราะไดเจริญ ไดกระทําใหมากซึ่งสตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลานี้. จบวปิ ากสตู รที่ ๖
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 206 ๗. สพั พตั ถคามินปี ฏปิ ทาสตู ร ปฏิปทาอันใหถ ึงประโยชนท ้งั ปวง [๑๒๙๒] ดกู อ นผูม ีอายุทั้งหลาย อนงึ่ เรายอ มรจู ักปฏิปทาอนั ใหถ ึงประโยชนท้ังปวง ตามความเปนจริง เพราะไดเ จริญ ไดกระทาํ ใหมากซง่ึ สติปฏ ฐาน ๔ เหลา น.้ี จบสพั พัตถคามินปี ฏปิ ทาสูตรท่ี ๗ ๘. นานาธาตุสูตร วา ดวยการรูธาตตุ า ง ๆ [๑๒๙๓] ดูกอ นผมู อี ายุท้ังหลาย อนึง่ เรายอมรธู าตุเปน อเนกและโลกธาตุตา ง ๆ ตามความเปน จรงิ เพราะไดเจรญิ ไดก ระทําใหมากซึ่งสต-ิปฏ ฐาน ๔ เหลา นี้. จบนานาธาตุสูตรท่ี ๘
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 207 ๙. อธิมุตตสิ ตู ร วาดวยการรอู ธมิ ตุ ตติ า ง ๆ [๑๒๙๔] ดูกอนผมู ีอายุทั้งหลาย อน่งึ เรายอมรอู ธมิ ตุ ตอิ นั เปนตางๆกันของสตั วทั้งหลาย ตามความเปนจรงิ เพราะไดเจริญ ไดก ระทําใหม ากซงึ่สติปฎฐาน ๔ เหลา น.ี้ จบอธมิ ุตติสตู รท่ี ๙ ๑๐. อินทริยสูตร วา ดวยการรคู วามย่ิงหยอ นแหง อนิ ทรีย [๑๒๙๕] ดูกอนผูมอี ายทุ ้ังหลาย อนึ่ง เรายอ มรูความยง่ิ และหยอนแหง อนิ ทรยี ของสตั วอ่ืน ของบคุ คลอนื่ ตามความเปนจริง เพราะไดเจริญไดกระทาํ ใหมากซึ่งสติปฏ ฐาน ๔ เหลา น.้ี จบอนิ ทริยสูตรที่ ๑๐
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 208 ๑๑. สงั กเิ ลสสตู ร วา ดวยรคู วามเศราหมองความผองแผว [๑๒๙๖] ดูกอนผมู อี ายทุ ้งั หลาย อนงึ่ เรายอมรูความเศรา หมองความผอ งแผว ความออกแหง ฌาน วิโมกข สมาธิ และสมาบัติ ตามความเปน จรงิ เพราะไดเ จรญิ ไดก ระทาํ ใหม ากซ่งึ สตปิ ฏฐาน ๔ เหลา น.้ี จบสังกิเลสสตู รที่ ๑๑ ๑๒. ปฐมวิชชาสูตร วา ดว ยการระลกึ ชาติได [๑๒๙๗] ดกู อ นผมู อี ายทุ ้งั หลาย อนึ่ง เรายอมระลึกถงึ ชาตกิ อนไดเปนอนั มาก คอื ระลกึ ไดช าตหิ น่ึงบา ง สองชาติบา ง ฯลฯ เรายอมระลกึ ถงึชาตกิ อนไดเปน อันมาก พรอ มทง้ั อาการ พรอ มทง้ั อุเทศ ดว ยประการฉะนี้เพราะไดเจรญิ ไดก ระทาํ ใหม าซ่งึ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลา น.ี้ จบปฐมวิชชาสตู รท่ี ๑๒
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 209 ๑๓. ทตุ ิยวิชชาสตู ร วาดว ยการเหน็ จุตแิ ละอุบตั ิ [๑๒๙๘] ดูกอนผมู ีอายุทง้ั หลาย อนง่ึ เรายอมเหน็ หมสู ัตวท ี่กําลงัจุติ กําลงั อบุ ัติ ฯลฯ ดวยทพิ จกั ษุอนั บรสิ ทุ ธิล์ ว งจกั ษขุ องมนษุ ย ยอมรชู ดั ซงึ่หมสู ตั วผเู ปนไปตามกรรม ฯลฯ เพราะไดเจริญ ไดก ระทําใหมากซึง่ สติปฏฐาน๔ เหลา นี.้ จบทตุ ยิ วชิ ชาสูตรท่ี ๑๓ ๑๔. ตตยิ วชิ ชาสตู ร วา ดว ยการทาํ อาสวะใหส ้นิ ไป [๑๒๙๙] ดกู อ นผมู อี ายทุ งั้ หลาย อนงึ่ เรายอมกระทําใหแ จงซึ่งเจโตวิมตุ ติ ปญญาวมิ ตุ ติ อันหาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะทงั้ หลายสิน้ ไปดวยปญ ญาอันย่งิ เอง ในปจจุบัน เขา ถึงอยู เพราะไดเจรญิ ไดกระทําใหมากซึ่งสตปิ ฏ ฐาน ๔ เหลานี้. จบตตยิ วชิ ชาสตู รท่ี ๑๔ จบทุตยิ วรรคที่ ๒ จบอนุรุทธสงั ยุต
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 210 อรรถกถาทตุ ยิ วรรคท่ี ๒ ทุตยิ วรรคที่ ๒. พระเถระปฏิญาณทศพลญาณดวยคาํ เปน ตน วาฐานะ โดยความเปนฐานะ. ก็ทศพลญาณนี้ พวกสาวกมหี รือไม มีเปนบางสวน. แตสําหรับพระสัพพญั พู ทุ ธเจา ทั้งหลาย ทศพลญาณนี้ มีครบบริบูรณด ว ยอาการทกุ อยา งแล. จบอรรถกถาอนรุ ทุ ธสังยตุ รวมพระสูตรท่ีมีในวรรคนี้ คอื ๑. สหัสสสูตร ๒. อทิ ธิสูตร ๓. ทิพโสตสตู ร ๔. เจโตปรจิ จสูตร๕. ฐานาฐานสตู ร ๖. วิปากสตู ร ๗. สพั พัตถคามนิ ปี ฏิปทาสูตร ๘. นานาธาตุสตู ร ๙. อธิมตุ ตสิ ูตร ๑๐. อินทรยิ สูตร ๑๑. สังกเิ ลสสตู ร ๑๒. ปฐมวชิ ชาสูตร ๑๓. ทตุ ยิ วิชชาสตู ร ๑๔. ตติยวชิ ชาสตู ร. ฌานสังยตุ วาดว ยฌาน ๔ [๑๓๐๐] สาวัตถนี ทิ าน. ณ ทน่ี น้ั แล พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วาดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ฌาน เหลาน้ี ฌาน ๔ เปน ไฉน ภิกษุในธรรมวินยั นี้สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรม บรรลปุ ฐมฌานมวี ติ กวจิ าร มปี ติและสขุเกดิ แตว เิ วกอยู บรรลทุ ุตยิ ฌาน มคี วามผองใสแหงจติ ในภายใน เปน
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 211ธรรมเอกผดุ ขน้ึ ไมมวี ติ ก ไมมีวจิ าร เพราะวติ กวจิ ารสงบไป มปี ตแิ ละสุขเกดิ แตสมาธิอยู มอี ุเบกขา มีสติสัมปชญั ญะ เสวยสขุ ดว ยนามกาย เพราะปต ิส้นิ ไป บรรลุตตยิ ฌาน ท่พี ระอรยิ เจา ทง้ั หลายสรรเสรญิ วา ผไู ดฌ านนี้ เปนผูมอี ุเบกขา มสี ตอิ ยูเปน สุข บรรลจุ ตตุ ถฌาน ไมม ที ุกข ไมมสี ุข เพราะละสขุ ละทกุ ขและดับโสมนสั โทมนัสกอน ๆ ได มีอุเบกขาเปน เหตใุ หสติบริสทุ ธิ์อยู ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ฌาน ๔ เหลานแี้ ล. [๑๓๐๑] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย เปรยี บเหมอื นแมน ํา้ คงคา ไหลไปสทู ิศปราจีน หล่งั ไปสูทศิ ปราจนี บา ไปสูท ิศปราจีน ฉันใด ภิกษเุ จรญิกระทาํ ใหมากซึ่งฌาน ๔ ยอ มเปนผนู อ มไปสูนิพพาน โนม ไปสูนิพพาน โอนไปสนู ิพพาน ฉนั นัน้ เหมือนกนั . [๑๓๐๒] ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย กภ็ กิ ษุเจรญิ กระทาํ ใหมากซ่งึ ฌาน๔ อยา งไร ยอ มเปนผูนอ มไปสนู ิพพาน โนม ไปสนู พิ พาน โอนไปสูน พิ พานภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ สงดั จากกาม สงดั จากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌานมวี ติ กวจิ าร มีปตแิ ละสุขเกดิ แตวเิ วกอยู บรรลทุ ุติยฌาน... ตติยฌาน...จตตุ ถฌาน... ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุเจรญิ กระทําใหม ากซึง่ ฌาน ๔อยา งน้ีแล ยอ มเปนผูน อมไปสูนพิ พาน โนมไปสูนพิ พาน โอนไปสนู ิพพาน (พงึ ขยายความบาลอี อกไปอยางน้ี จนถึงความแสวงหา) [๑๓๐๓] ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย สงั โยชนอ ันเปน สวนเบือ้ งบน ๕เหลา น้ี สังโยชนอ นั เปน สวนเบอ้ื งบน ๕ เปนไฉน คือ รูปราคะ อรปู ราคะมานะ อทุ ธจั จะ อวชิ ชา สงั โยชนอนั เปนสวนเบ้ืองบน ๕ เหลานแ้ี ล. [๑๓๐๔า ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ฌาน ๔ อนั ภกิ ษพุ ึงเจรญิ เพือ่ ความรยู ่ิง เพือ่ กําหนดรู เพือ่ ความส้นิ ไป เพือ่ ละสงั โยชนอันเปน สวนเบ้ืองบน๕ เหลา น้ี ฌาน ๕ เปน ไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 212อกุศลธรรม บรรลปุ ฐมฌาน มีวิตกวิจาร มปี ต แิ ละสขุ เกิดแตวิเวกอยู บรรลุทุติยฌาน ... ตติยฌาน... จตตุ ถฌาน... ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย ฌาน ๔อันภิกษพุ งึ เจรญิ เพอ่ื ความรยู ง่ิ เพ่อื กําหนดรู เพอื่ ความสิน้ ไป เพ่อื ละสงั โยชนอ นั เปนสว นเบ้อื งบน ๕ เหลา นแ้ี ล. (คงั คาเปยยาล พึงขยายเนือ้ ความฌานสังยุต ตลอดถงึ บาลี ไปจนถึงความแสวงหา เหมอื นมรรคสังยตุ ) จบฌาณสงั ยตุ ฌาณสงั ยตุ มใี จความตื้น ๆ ท้ังน้ัน.
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 213 อานาปานสังยตุ เอกธรรมวรรคที่ ๑ ๑. เอกธรรมสูตร วา ดว ยอานาปานสติ [๑๓๐๕] กรุงสาวตั ถี ฯลฯ พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหน่งึ อนั ภกิ ษเุ จริญแลว กระทําใหมากแลว ยอมมผี ลมากมีอานิสงสมาก ธรรมอนั หนึง่ เปน ไฉน คือ อานาปานสต.ิ [๑๓๐๖] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจรญิ แลวกระทาํ ใหม ากแลวอยางไร ยอมมผี ลมาก มีอานสิ งสมาก ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้อยใู นปากด็ ี อยทู ่โี คนไมก ด็ ี อยูทเ่ี รอื นวา งกด็ ี น่งั คูบลั ลังก ต้ังกายตรงดํารงสตไิ วเฉพาะหนา เธอมีสตหิ ายใจออก มีสตหิ ายใจเขา เมือ่ หายใจออกยาวก็รชู ดั วา หายใจออกยาว เมื่อหายใจเขา ยาวก็รชู ัดวา หายใจเขา ยาว เมือ่หายใจออกส้ันก็รูชดั วา หายใจออกส้ัน เม่อื หายใจเขา สนั้ ก็รชู ัดวา หายใจเขา ส้นั ยอ มสาํ เหนยี กวา เราจักเปนผูร ูแจงกายท้งั ปวงหายใจออก ยอ มสําเหนียกวา เราจกั รแู จง กายทั้งปวงหายใจเขา ยอมสาํ เหนยี กวา เราจักเปนผูระงับกายสงั ขารหายใจออก ยอ มสําเหนยี กวา เราจกั เปนผรู ะงับกายสังขารหายใจเขา ยอ มสาํ เหนยี กวา เราจักรแู จงปตหิ ายใจออก ยอ มสําเหนยี กวาเราจักรูแ จงปต หิ ายใจเขา ยอ มสําเหนยี กวา เราจักรแู จง สขุ หายใจออก ยอมสําเหนยี กวา เราจักรแู จง สุขหายใจเขา ยอมสําเหนยี กวา เราจกั รูแจงจิต-สังขารหายใจออก ยอ มสาํ เหนียกวา เราจกั รแู จงจิตสงั ขารหายใจเขา ยอม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 214สําเหนียกวา เราจกั เปนผูระงับจติ สงั ขารหายใจออก ยอมสาํ เหนียกวา เราจักระงับจิตสงั ขารหายใจเขา ยอ มสําเหนยี กวา เราจกั เปน ผูร แู จงจติ หายใจออกยอ มสําเหนยี กวา เราจกั เปนผูรแู จง จติ หายใจเขา ยอ มสาํ เหนยี กวา เราจักทําจติ ใหบ ันเทิงหายใจออก ยอ มสําเหนียกวา เราจักทําจติ ใหบ นั เทงิ หายใจเขายอ มสาํ เหนียกวา เราจกั ต้งั จติ มน่ั หายใจออก ยอมสาํ เหนยี กวา เราจกั ตัง้ จติ มน่ัหายใจเขา ยอ มสาํ เหนียกวา เราจักเปล้อื งจิตหายใจออก ยอมสําเหนียกวาเราจักเปลอ้ื งจิตหายใจเขา ยอ มสาํ เหนยี กวา เราจกั พิจารณาเห็นโดยความเปน ของไมเท่ียงหายใจออก ยอ มสําเหนียกวา เราจกั พจิ ารณาเหน็ โดยความเปนของไมเทย่ี งหายใจเขา ยอมสําเหนียกวา เราจกั พิจารณาเห็นโดยความคลายกําหนดั หายใจออก ยอ มสําเหนยี กวา เราจักพจิ ารณาเหน็ โดยความคลายกําหนัดหายใจเขา ยอ มสาํ เหนยี กวา เราจกั พจิ ารณาเหน็ โดยความดับหายใจออก ยอ มสาํ เหนียกวา เราจกั พิจารณาเห็นโดยความดบั หายใจเขา ยอ มสําเหนียกวา เราจกั พิจารณาเหน็ โดยความสละคนื หายใจออก ยอมสาํ เหนียกวาเราจักพจิ ารณาเหน็ โดยความสละคืนหายใจเขา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย อานา-ปานสติ อันภิกษุเจริญแลว กระทาํ ใหม ากแลว อยางนแ้ี ล ยอ มมีผลมากมีอานิสงสม าก. จบเอกธรรมสูตรที่ ๑
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 215 อานาปานสังยุตตวรรณนา เอกธรรมวรรคที่ ๑ อรรถกถาเอกธรรมสูตร อานาปานสงั ยตุ เอกธรรมสตู รท่ี ๑. ธรรมอยา งเอก ชือ่ วาเอกธรรม. คําใดทีเ่ หลอื อันจะพงึ กลา วในที่นี้ คําน้ันท้ังหมด ไดก ลาวไวเสรจ็ แลวในนเิ ทศทวี่ าดว ยอานาปานสั สติกมั มฏั ฐาน ในวสิ ุทธิมรรค. จบอรรถกถาเอกธรรมสตู ร ๒. โพชฌงคสตู ร* วาดวยโพชฌงค [๑๓๐๗] ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย อานาปานสติ อนั ภกิ ษเุ จรญิ แลวกระทาํ ใหมากแลว ยอมมผี ลมาก มีอานิสงสม าก. [๑๓๐๘] ก็อานาปานสติ อันภิกษุเจรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลวอยา งไร ยอมมีผลมาก มีอานิสงสมาก ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ยอมเจรญิ สติสมั โพชฌงค อนั สหรคตดว ยอานาปานสติ อาศัยวิเวก อาศยั วริ าคะ อาศยั นโิ รธนอมไปในการสละ ยอ มเจริญธรรมวจิ ยสัมโพชฌงค. .. วิริยสมั โพชฌงค ...ปตสิ ัมโพชฌงค. . ปสสทั ธิสัมโพชฌงค. .. สมาธสิ มั โพชฌงค. .. อุเบกขาสมั โพชฌงค อันสหรคตดวยอานาปานสติ อาศยั วิเวก อาศัยวริ าคะ อาศยั* สูตรท่ี ๒ ถึง ๔ ไมม อี รรถกถาแก.
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 216นโิ รธ นอมไปในการสละ ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย อานาปานสติ อนั ภิกษุผูเ จริญแลว กระทําใหมากแลว อยางนีแ้ ล ยอมมผี ลมาก มีอานสิ งสม าก. จบโพชฌงคสูตรท่ี ๒ ๓. สุทธิกสูตร วิธีเจริญอานาปานสติ [๑๓๐๙] ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย อานาปานสติ อนั ภกิ ษเุ จริญแลวกระทาํ ใหมากแลว ยอมมผี ลมาก มีอานสิ งสม าก. [๑๓๑๐] ก็อานาปานสติ อนั ภิกษเุ จรญิ แลว กระทาํ ใหมากแลวอยา งไร ยอ มมผี ลมาก มีอานิสงสมาก ภิกษุในธรรมวินยั นี้ อยูในปา ก็ดีอยทู ่โี คนไมก ด็ ี อยทู ่เี รือนวา งกด็ ี นง่ั คบู ัลลังก ตัง้ กายตรง ดํารงสตไิ วเฉพาะหนา เธอมสี ติหายใจออก มสี ติหายใจเขา (พงึ ขยายเน้อื ความใหพิสดารตลอดถึง ยอ มสาํ เหนียกวา เราจักเปน ผพู จิ ารณาเหน็ โดยความสละคนืหายใจออก ยอ มสําเหนยี กวา เราจักเปนผูพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจเขา ) ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย อานาปานสติ อันภกิ ษุเจริญแลว กระทําใหม ากแลว อยา งน้แี ล ยอ มมผี ลมาก มีอานสิ งสมาก. จบสทุ ธกิ สูตรที่ ๓
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 217 ๕. ปฐมผลสูตร ผลานสิ งสเจริญอานาปานสติ ๒ ประการ [๑๓๑๑] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อานาปานสติ อนั ภิกษุเจรญิ แลวกระทําใหม ากแลว ยอ มมีผลมาก มอี านสิ งสมาก. [๑๓๑๒] ก็อานาปานสติ อนั ภิกษเุ จรญิ แลว กระทําใหมากแลวอยางไร ยอมมผี ลมาก มอี านิสงสมาก ภกิ ษุในธรรมวินยั นี้ อยใู นปากด็ ีอยูทีโ่ คนไมกด็ ี อยูท เี่ รือนวางก็ดี นง่ั คูบ ัลลงั ก ต้ังกายตรง ดํารงสตไิ วเฉพาะหนา เธอมสี ติหายใจออก มีสตหิ ายใจเขา (พงึ ขยายเนอ้ื ความใหพิสดารตลอดถึง ยอมสาํ เหนียกวา เราจักเปนผพู ิจารณาเหน็ โดยความสละคืนหายใจออก ยอ มสําเหนยี กวา เราจักเปนผพู จิ ารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจเขา ) ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย อานาปานสติ อนั ภิกษุเจริญแลว กระทาํใหมากแลวอยางน้แี ล ยอ มมผี ลมาก มอี านิสงสม าก. [๑๓๑๓] ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย อานาปานสติ อนั ภิกษเุ จริญแลวกระทําใหม ากแลวอยางนี้ พึงหวังไดผล ๒ ประการอยา งใดอยางหนึ่ง คอือรหตั ผลในปจจุบัน หรือเม่ือยังมคี วามถือม่นั อยู เปนพระอนาคามี. จบปฐมผลสูตรที่ ๔
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 218 ๕. ทุตยิ ผลสูตร ผลานิสงสก ารเจรญิ อานาปานสติ ๗ ประการ [๑๓๑๔] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจรญิ แลวกระทําใหมากแลว ยอมมผี ลมาก มีอานิสงสม าก. [๑๓๑๕] กอ็ านาปานสติ อันภิกษุเจรญิ แลว กระทําใหม ากแลวอยางไร ยอมมีผลมาก มีอานิสงสมาก ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี อยใู นปากด็ ีอยูทโี่ คนไมก็ดี อยูทเี่ รอื นวางกด็ ี น่งั คบู ัลลังก ต้งั กายตรง ดาํ รงสตไิ วเฉพาะหนา เธอมสี ติหายใจออก มสี ติหายใจเขา (พงึ ขยายเนือ้ ความใหพ สิ ดารตลอดถึง ยอ มสําเหนยี กวา เราจักเปน ผูพจิ ารณาเห็นโดยความสละคนื หายใจออก ยอมสาํ เหนียกวา เราจักเปน ผพู ิจารณาเหน็ โดยความสละคนื หายใจเขา )ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย อานาปานสติ อนั ภิกษุเจริญแลว กระทาํ ใหม ากแลวอยา งน้แี ล ยอ มมีผลมาก มีอานิสงสมาก. [๑๓๑๖] ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย เม่อื อานาปานสติ อันภกิ ษุเจริญแลวกระทาํ ใหมากแลว อยางน้ี พงึ หวังไดผลานสิ งส ๗ ประการ ผลานสิ งส๗ ประการ เปน ไฉน คือ จะไดช มอรหัตผลในปจจุบนั กอน ๑ ถา ไมไ ดชมอรหตั ผลในปจจุบนั กอน จะไดชมในเวลาใกลต าย ถา ในปจ จุบันก็ไมไดชม ในเวลาใกลต ายก็ไมไดช มไซร เพราะสังโยชนอนั เปนสวนเบื้องตา่ํสน้ิ ไป จะไดเ ปนพระอนาคามผี อู ันตราปรินพิ พายี ๑ ผอู ปุ หัจจปรนิ ิพพายี ๑ผอู สงั ขารปรนิ ิพพายี ๑ ผสู สังขารปรินิพพายี ๑ ผูอุทธังโสโตอกนิฏฐคามีดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย เมื่ออานาปานสติ อนั ภิกษุเจรญิ แลว กระทาํ ใหม ากแลวอยางน้แี ล พงึ หวังไดผ ลานิสงส ๗ ประการเหลาน.ี้ จบทตุ ยิ ผลสตู รท่ี ๕
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 219 ๖. อริฏฐสตู ร การเจริญอานาปานสติ [๑๓๑๗] กรุงสาวตั ถ.ี ณ ที่นั้นแล พระผูมีพระภาคเจา ฯลฯ ไดตรัสถามวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เธอทั้งหลายยอ มเจรญิ อานาปานสติหรือหนอ. [๑๓๑๘] เมือ่ พระผูมีพระภาคเจาตรัสถามอยา งน้แี ลว ทานพระอรฏิ ฐะไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจาวา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ขาพระองคเจริญอานาปานสตอิ ย.ู พ. ดกู อ นอรฏิ ฐะ กเ็ ธอเจริญอานาปานสตอิ ยางไรเลา . [๑๓๑๙] อ. ขา แตพระองคผ ูเจรญิ กามฉันทใ นกามท่ีลว งไป ขา-พระองคละไดแ ลว กามฉนั ทในกามทีย่ งั ไมม าถงึ ของขาพระองคไ ปปราศแลวปฏิฆสัญญาในธรรมทง้ั หลาย ท้งั ทีเ่ ปน ภายในและภายนอก ขา พระองคกาํ จดัเสยี แลว ขาพระองคม ีสตหิ ายใจออก มีสติหายใจเขา ขา แตพระองคผูเ จรญิขาพระองคเ จริญอานาปานสตอิ ยา งนแ้ี ล. [๑๓๒๐] พ. ดกู อนอรฏิ ฐะ อานาปานสตินน้ั มีอยู เราไมไ ดก ลา ววา ไมมี กแ็ ตวา อานาปานสตยิ อ มบริบูรณโ ดยกวางขวางดว ยวิธีใด เธอจงฟงวธิ นี ั้น จงใสใจใหดี เราจักกลาว ทานพระอรฏิ ฐะทลู รบั พระดํารัส พระผูมีพระ-ภาคเจาแลว พระผูมีพระภาคเจา ไดตรสั วา ดูกอ นอริฏฐะ ก็อานาปานสติยอมบรบิ ูรณโดยกวา งขวางอยา งไรเลา ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ อยูใ นปาก็ดี อยทู ่ีโคนไมกด็ ี อยูทเ่ี รือนวา งก็ดี น่งั คบู ัลลังก ตั้งกายตรง ดํารงสติไวเฉพาะหนา เธอมสี ติหายใจออก มีสติหายใจเขา ฯลฯ ยอมสาํ เหนียกวา เราจกัพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ยอมสําเหนียกวา เราจักพิจารณา
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 220เหน็ โดยความสละคนื หายใจเขา ดกู อ นอรฏิ ฐะ อานาปานสติยอ มบริบรู ณโ ดยกวางขวางอยางนี้แล. จบอรฏิ ฐสตู รท่ี ๖ อรรถกถาอริฏฐสตู ร อรฏิ ฐสตู รที่ ๖. คาํ วา ภาเวถ โน คอื ภาเวถ นุ (แปลวาพวกทา นยอ มเจรญิ หรอื ). คําวา กามฉันท ไดแ ก ความรกั ใครท ่เี ปนไปในกามคณุ ๕. คําวา ในธรรมท้ังหลาย ท้งั ท่ีเปนภายในและภายนอกไดแ ก ปฏฆิ สัญญา ในธรรม คอื อายตนะ ๑๒ ท้งั ภายในและภายนอก อันขา พระองคกําจดั เสยี แลว ไดแก ความสําคัญท่ปี ระกอบดว ยความรูส ึกกระทบกระทัง่ ไดถ กู นาํ ออกไปไดโ ดยเฉพาะโดยดี หมายความวา ถูกตดั ขาดแลว. ดว ยบทน้ี ทานยอ มแสดงถึงอนาคามิมรรคของตน. คราวน้ี เม่ือจะช้ถี ึงวปิ ส สนาแหงอรหัตมรรค ทานจงึ กลาวคาํ เปนตน วา ขาพระองคมสี ติหายใจออก ดงั น.้ี จบอรรถกถาอรฏิ ฐสตู รที่ ๖
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 221 ๗. กัปปนสตู ร วาดว ยอานาปานสติสมาธิ [๑๓๒๑] กรงุ สาวตั ถี. ก็สมัยนนั้ ทา นพระมหากัปปน ะ น่งั คูบ ลั ลงั กตง้ั กายตรง ดาํ รงสติไวเ ฉพาะหนา ในทีไ่ มไกลพระผมู ีพระภาคเจา . [๑๓๒๒] พระผูมพี ระภาคเจา ไดท อดพระเนตรเหน็ ทานพระมหากัป-ปน ะนัง่ คูบลั ลังก ตัง้ กายตรง ดํารงสตไิ วเ ฉพาะหนา ครน้ั แลวไดต รสั ถามภิกษุทง้ั หลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย เธอทง้ั หลายเหน็ ความไหวหรอื ความเอนเอยี งแหง กายของภิกษนุ ้นั หรือหนอ. [๑๓๒๓] ภกิ ษุทง้ั หลายกราบทลู วา ขา แตพ ระองคผ เู จริญ เวลาใดขาพระองคท ้ังหลายเห็นทานผูมีอายนุ น้ั นง่ั อยูในทา มกลางสงฆ หรือน่ังในทลี่ ับรูปเดียว ในเวลานั้น ขา พระองคทั้งหลายมไิ ดเ ห็นความไหวหรือความเอนเอยี งแหงกายของทานผมู อี ายุน้นั เลย. [๑๓๒๔] พ. ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย ความไหวหรือความเอนเอียงแหงกายกด็ ี ความหวั่นไหวหรือความกวดั แกวงแหงจิตก็ดี ยอมไมมี เพราะไดเ จรญิ ไดก ระทําใหม ากซงึ่ สมาธใิ ด ภิกษนุ ้นั ไดสมาธนิ ้นั ตามความปรารถนาไดโ ดยไมยากไมลาํ บาก. [๑๓๒๕] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็ความไหวหรอื ความเอนเอียงแหงกายกด็ ี ความหว่นั ไหวหรอื ความกวัดแกวง แหงจิตก็ดี ยอ มไมม ี เพราะไดเจรญิกระทาํ ใหมากซงึ่ สมาธิ เปน ไฉน เพราะไดเจริญ ไดก ารทาํ ใหม ากซ่งึ อานาปานสติสมาธิ.
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 222 [๑๓๒๖] ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เม่อื อานาปานสตสิ มาธิ อันภกิ ษุเจริญแลว กระทาํ ใหม ากแลวอยา งไร ความไหวหรือความเอนเอยี งแหงกายก็ดีความหวั่นไหวหรอื ความกวดั แกวง แหง จิตก็ดี ยอ มไมม ี ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ีอยใู นปาก็ดี อยูทโ่ี คนไมก ็ดี อยทู ่เี รอื นวา งก็ดี นงั่ คบู ัลลงั ก ต้งั กายตรงดํารงสตไิ วเฉพาะหนา เธอมีสติหายใจออก มสี ตหิ ายใจเขา (พึงขยายเน้อื ความใหพิสดารตลอดถงึ ยอมสําเหนียกวา เราเปน ผพู ิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ยอ มสาํ เหนียกวา เราจักเปน ผูพิจารณาเหน็ โดยความสละคืนหายใจเขา )ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย เมอ่ื อานาปานสตสิ มาธิ อนั ภกิ ษเุ จริญ กระทาํ ใหม ากแลว อยางน้ีแล ความไหวหรือความเอนเอียงแหง กายกด็ ี ความหวั่นไหวหรือความกวัดแกวง แหง จติ กด็ ี ยอ มไมม .ี จบกัปปน สูตรท่ี ๗ อรรถกถากปั ปน สตู ร กปั ปนสูตรที่ ๗. ทา นแสดงถงึ ความหว่นั ไหวนั่นเอง แมด ว ยสองคําวา ความไหวหรอื ความเอนเอยี ง. จบอรรถกถากปั ปนสตู รท่ี ๗
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 223 ๘. ทปี สตู ร อานสิ งสแ หง การเจรญิ อานาปานสติสมาธิ [๑๓๒๗] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย อานาปานสติสมาธิ อันภกิ ษเุ จรญิแลว กระทาํ ใหมากแลว ยอมมผี ลมาก มอี านิสงสม าก. [๑๓๒๘] ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย กอ็ านาปานสตสิ มาธิ อนั ภิกษเุ จริญแลว กระทําใหมากแลวอยา งไร ยอ มมผี ลมาก มีอานสิ งสม าก ภิกษใุ นธรณมวินยั นี้ อยใู นปา ก็ดี อยทู ่โี คนไมก ็ดี อยทู ี่เรือนวางก็ดี น่งั คูบัลลังก ต้งั กายตรง ดํารงสติมน่ั ไวเ ฉพาะหนา เธอมสี ตหิ ายใจออก มีสตหิ ายใจเขา (พึงขยายเนอ้ื ความใหพ สิ ดารตลอดถงึ ยอ มสําเหนยี กวา เราจกั เปนผูพิจารณาโดยความเห็นสละคนื หายใจออก ยอมสําเหนยี กวา เราจักเปนผูพิจารณาเห็นโดยความสละคนื หายใจเขา) ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อานาปานสตสิ มาธิ อนั ภกิ ษุเจริญแลว กระทําใหม ากแลวอยางนีแ้ ล ยอมมผี ลมาก มอี านสิ งสมาก. [๑๓๒๙] ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ไดย นิ วา เมือ่ กอนแตตรัสรู ครั้งเราเปนโพธิสัตวยังมไิ ดตรสั รู กย็ อมอยูด ว ยวหิ ารธรรมนีโ้ ดยมาก เมอื่ เราอยูดวยวหิ ารธรรมนี้โดยมาก กายไมล าํ บาก จกั ษไุ มล ําบาก และจิตของเรายอ มหลุดพน จากอาสวะทั้งหลายเพราะไมถ อื มัน่ . [๑๓๓๐] ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เพราะเหตนุ ั้นแล ถาแมภกิ ษุพงึ หวงัวา แมก ายของเราไมพ ึงลําบาก จักษขุ องเราไมพ ึงลาํ บาก และจติ ของเราพึงหลุดพนจากอาสวะทั้งหลายเพราะไมถือมนั่ กพ็ งึ มนสิการอานาปานสติสมาธนิ ี้แหละใหด .ี
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 224 [๑๓๓๑] ...ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย เพราะเหตุนั้นแหละ ถา แมภิกษพุ ึงหวงั วา เราพงึ สละความระลึกและความดําริของเราที่อาศัยเรอื นน้ันเสยี ก็พึงมนสกิ ารอานาปานสตสิ มาธนิ แ้ี หละใหดี. [๑๓๓๒] ... ถาแมภ ิกษพุ ึงหวงั วา เราพงึ เปน ผูมคี วามสําคัญในส่งิไมปฏิกูลวา ปฏกิ ลู อยู ก็พงึ มนสิการอานาปานสติสมาธนิ ีแ้ หละใหด.ี [๑๓๓๓] ... ถาแมภิกษพุ ึงหวังวา เราพึงเปนผูม ีความสาํ คญั ในส่งิปฏกิ ลู วา ไมปฏกิ ลู อยู ก็พงึ มนสกิ ารอานาปานสตสิ มาธิน้ีแหละใหด.ี [๑๓๓๔] ... ถา แมภกิ ษุหวงั วา เราพงึ เปนผมู คี วามสําคัญทงั้ ในส่งิไมป ฏกิ ูลและในสง่ิ ปฏกิ ูลอยู ก็พงึ มนสิการอานาปานสติสมาธนิ ้แี หละใหด ี. [๑๓๓๕] ... ถา แมภกิ ษุพงึ หวงั วา เราเปน ผมู ีความสาํ คัญทัง้ ในส่ิงปฏกิ ูลและในสิง่ ไมป ฏิกลู อยู ก็พึงมนสิการอานาปานสติสมาธนิ ีแ้ หละใหด.ี [๑๓๓๖] ... ถา แมภกิ ษพุ งึ หวงั วา เราพึงเวน ส่งิ ไมปฏิกลู และสิ่งปฏิกูลท้งั สองน้นั เสีย เเลววางเฉย มสี ตสิ มั ปชญั ญะอยู กพ็ งึ มนสกิ ารอานาปานสตสิ มาธนิ ้ีแหละใหด .ี [๑๓๓๗] ...ถา แมภ ิกษุพึงหวงั วา เราพงึ สงดั จากกาม สงดั จากกุศลธรรม บรรลปุ ฐมฌาน มีวติ กวจิ าร มปี ติและสขุ เกดิ แตวเิ วกอยู ก็พงึมนสิการอานาปานสตสิ มาธินแี้ หละใหด.ี [๑๓๓๘] ... ถาแมภิกษพุ งึ หวังวา เราพงึ บรรลุทตุ ิยฌาน มคี วามผองใสแหง จติ ในภายใน เปน ธรรมเอกผุดข้นึ ไมม วี ติ ก ไมมวี จิ าร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปต ิและสุขเกดิ แกส มาธิอยู กพ็ ึงมนสกิ ารอานาปานสตสิ มาธินีแ้ หละใหดี. [๑๓๓๙] ... ถาแมภ กิ ษพุ ึงหวังวา เราพึงมอี ุเบกขา มีสติ มสี ัมป-ชญั ญะ เสวยสุขดว ยนามกาย เพราะปตสิ ิ้นไป บรรลุตติยฌานทพี่ ระอรยิ เจา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 514
Pages: