Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_31

tripitaka_31

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:36

Description: tripitaka_31

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 456ฉะน้ันแหละ เธอทง้ั หลายพงึ กระทาํ ความเพยี รเพอ่ื รูตามความเปนจริงวา นี้ทกุ ข ฯลฯ น้ีทกุ ขนโิ รธคามนิ ีปฏิปทา. จบปาณสตู รท่ี ๖ ๗. ปฐมสุริยูปมสตู ร วาดว ยสง่ิ ที่เปน นมิ ติ มากอ นการตรัสรูอริยสจั [๑๗๒๐] ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เมื่อพระอาทติ ยจ ะข้ึน สิง่ ทีจ่ ะข้ึนกอ น ส่งิ ท่เี ปนนิมติ มากอ น คอื แสงเงินแสงทอง ฉนั ใด สง่ิ ทเ่ี ปนเบอื้ งตนเปนนมิ ิตมากอนแหงการตรัสรูอ ริยสัจ ตามความเปนจรงิ คือ สมั มาทฏิ ฐิฉะนั้นเหมือนกนั อนั ภิกษุผมู ีความเห็นชอบ พึงหวงั ขอ นไ้ี ดวา จกั รูตามความเปนจรงิ วา น้ที กุ ข ฯลฯ นี้ทกุ ขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทา ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลายเพราะฉะนนั้ แหละ เธอท้ังหลายพงึ กระทาํ ความเพยี รเพอ่ื รตู ามความเปน จรงิวา นที้ ุกข ฯลฯ น้ที ุกขนิโรธคามินปี ฏิปทา. จบปฐมสุริยปู มสตู รท่ี ๗

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 457 ๘. ทุติยสุรยิ ปู มสูตร พระตถาคตอุบัตคิ วามสวา งยอ มปรากฏ [๑๗๒๑] ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย พระจนั ทรและพระอาทิตยยังไมเ กดิขน้ึ ในโลกเพียงใด ความปรากฏแหงแสงสวา งแจมจา อยา งมากกย็ ังไมมีเพยี งนั้นเวลาน้นั มีแตความมดื มดิ มแี ตค วามมวั เปนหมอก กลางคนื กลางวันไมป รากฏเดอื นหนึ่งและกงึ่ เดอื นกไ็ มปรากฏ ฤดูและปก ็ไมป รากฏ เมือ่ ใด พระจนั ทรและพระอาทิตยเ กดิ ข้ึนในโลก เมอ่ื น้นั ความปรากฏแหงแสงสวางแจมจา อยา งมากก็ยอมมี เวลานัน้ ไมมคี วามมดื มดิ ไมม คี วามมัวเปน หมอก กลางคนืกลางวนั ปรากฏ เดือนหนง่ึ และก่งึ เดอื นก็ปรากฏ ฤดูและปก ็ปรากฏ ฉันใดฉันนัน้ เหมือนกนั ภิกษุท้งั หลาย พระตถาคตอรหันตสมั มาสมั พุทธเจายงั ไมอุบตั ิขน้ึ ในโลกเพียงใด ความปรากฏแหงแสงสวา งแจม แจง อยา งมากก็ยังไมม ีเพยี งน้ัน เวลาน้ัน มแี ตความมืดมิด มแี ตค วามมวั เปน หมอก การบอกการแสดง การบญั ญัติ การแตงตั้ง การเปดเผย การจําแนก การกระทําใหงาย ซึ่งอริยสจั ๔ กย็ งั ไมมี เมือ่ ใด พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา อุบตั ิขึ้นในโลก เม่ือน้ัน ความปรากฎแหงแสงสวางแจม แจงอยางมากกย็ อ มมี เวลานน้ั ไมม ีความมอื มิด ไมม คี วามมัวเปน หมอก การบอก การแสดง.. . การกระทําใหง า ย ซ่ึงอรยิ สัจ ๔ ก็ยอ มมี อริยสจั ๔ เปนไฉน คือ ทกุ ขอรยิ สจั ฯลฯทขุ นโิ รธคามนิ ีปฏิปทาอริยสัจ ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย เพราะฉะน้นั แหละ เธอทงั้ หลายพงึ กระทาํ ความเพยี ร เพอ่ื รูต ามความเปน จรงิ วา น้ีทกุ ข ฯลฯ น้ีทุกขนโิ รธคามนิ ีปฏิปทา. จบทตุ ิยสุริยูปมสตู รท่ี ๘

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 458 ๙. อินทขลี สตู ร ผูร ูตามเปน จรงิ ยอมรผู ูอนื่ วารูห รอื ไมร ู [๑๗๒๒] ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณเ หลาใดเหลาหนงึ่ ยอมไมร ูชดั ตามความเปน จริงวา น้ีทกุ ข ฯลฯ นท้ี ุกขนโิ รธคามนิ ปี ฏปิ ทาสมณะหรอื พราหมณเ หลา นน้ั ยอ มตองมองดูหนาของสมณะหรือพราหมณอ ื่นวา ทานผนู ี้ เมอ่ื รู ยอมรูแน เม่อื เหน็ ยอมเห็นแน เปรียบเหมอื นปยุ นุน หรือปยุ ฝาย เปนของเบา คอยจะลอยไปตามลม บคุ คลวางไวทภี่ าคพืน้ อนั ราบเรียบแลว ลมทิศบรู พา พึงพดั ปุยนุนหรอื ปุยฝา ยนน้ั ไปทางทิศประจมิ ได ลมทิศประจมิ พงึ พัดเอาไปทางทศิ บรู พาได ลมทิศอุดรพึงพดั เอาไปทางทิศทกั ษิณไดลมทิศทกั ษิณพึงพดั เอาไปทางทิศอดุ รได ขอนัน้ เพราะเหตุไร เพราะปุยนนุหรือปยุ ฝา ยนน้ั เปน ของเบาฉนั ใด ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ก็สมณะหรือพราหมณเหลา ใดเหลาหน่งึ ยอมไมร ูตามความเปน จรงิ วา น้ีทุกข ฯลฯ นท้ี ุกขนิโรธคา-มนิ ีปฏิปทา สมณะหรือพราหมณเหลานนั้ ยอมตอ งมองดูหนาของสมณะหรอืพราหมณอ นื่ วา ทา นผูนี้ เม่อื รู ยอมรแู น เมอ่ื เหน็ ยอ มเห็นแน ขอนน้ัเพราะเหตไุ ร เพราะไมเ หน็ อรยิ สัจ ๔ ฉนั น้นั เหมือนกัน. [๑๗๒๓] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ก็สมณะหรอื พราหมณเ หลาใดเหลาหน่งึ ยอ มรูต ามความเปน จริงวา นที้ กุ ข ฯลฯ น้ที ุกขนโิ รธคามนิ ปี ฏิปทาสมณะหรอื พราหมณเ หลา นั้น ยอมไมต อ งมองดหู นาของสมณะหรือพราหมณอ่ืนวา ทา นผนู ้ี เมื่อรู ยอมรูแน เมอ่ื เห็น ยอมเห็นแน เปรียบเหมือนเสาเหลก็ หรือเสาหินมีรากลกึ เขาฝง ไวดีแลว ไมห ว่ันไหว ไมเ อนเอียง ถึงแมลมฝนอยางแรงจะพัดมาแตทิศบรู พา... ทิศประจิม... ทิศอุดร... ทิศทกั ษิณ

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 459กไ็ มสะเทอื นสะทานหวั่นไหว ขอนั้นเพราะเหตุไร เพราะรากลกึ เพราะเสาหินเขาฝง ไวดีแลว ฉนั ใด สมณะหรือพราหมณเ หลา ใดเหลา หนงึ่ ยอ มรูต ามความเปน จรงิ วา นีท้ กุ ข ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามนิ ปี ฏิปทา สมณะหรอื พราหมณเ หลานน้ั ไมต องมองดูหนา ของสมณะหรอื พราหมณอ ่ืนวา ทา นผนู ี้ เมือ่ รู ยอ มรแู นเม่ือเหน็ ยอ มเหน็ แน ขอน้ันเพราะเหตุไร เพราะเห็นอรยิ สจั ๔ ดีแลว ฉันน้นั เหมือนกัน อรยิ สจั ๔ เปน ไฉน คอื ทกุ ขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนโิ รธคามินีปฏิปทาอริยสจั ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย เพราะฉะนั้น แหละ เธอทั้งหลายพึงกระทําความเพยี รเพ่อื รตู ามความเปน จริงวา นที้ ุกข ฯลฯ น้ีทกุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทา. จบอินทขลี สตู รที่ ๙ อรรถกถาอนิ ทขีลสตู ร พงึ ทราบอธิบายในอินทขลี สูตรท่ี ๙. คําวา ยอมตอ งมองดหู นา ไดแก ตรวจดูอธั ยาศัย. อธั ยาศยัพระผมู พี ระภาคเจา ทรงประสงคเ อาในคําวา หนา ในบทน้ี. จบอรรถกถาอินทขลี สตู รท่ี ๙

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 460 ๑๐. วาทีสูตร ผูรูชัดตามเปนจรงิ ไมหว่ันไหวตอ ผยู กวาทะ [๑๗๒๔] ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กภ็ ิกษุรปู ใดรปู หนึง่ ยอมรชู ัดตามความเปนจรงิ วา นที้ กุ ข ฯลฯ น้ีทกุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทา ถึงแมส มณะหรอืพราหมณผ มู ีความตอ งการวาทะ ผแู สวงหาวาทะ พงึ มาจากทศิ บูรพา... ทิศประจิม... ทิศอุดร... ทศิ ทักษณิ ดวยประสงคว า. จกั ยกวาทะของภิกษนุ นั้ภกิ ษุน้นั จักสะเทือนสะทานหรอื หวัน่ ไหวตอ สมณะหรอื พราหมณโดยสห-ธรรม ขอนม้ี ิใชฐานะท่ีจะมีได เปรยี บเหมือนเสาหนิ ๑๖ ศอก เสาหนิ นน้ั มีรากลกึ ไปขางลาง ๘ ศอก ขา งบน ๘ ศอก ถงึ แมลมฝนอยา งแรงจะพดั มาแตทศิ บูรพา... ทิศประจมิ ... ทิศอุดร...ทศิ ทกั ษิณ ก็ไมส ะเทือนสะทา นหว่ันไหว ขอนัน้ เพราะเหตุไร เพราะรากลึก เพราะเสาหนิ เขาฝงไวด แี ลวฉนั ใด กภ็ กิ ษุรปู ใดรปู หนง่ึ ยอ มรตู ามความเปนจรงิ วา นีท้ ุกข ฯลฯ น้ีทกุ ขน-ิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทา ถงึ แมส มณะหรอื พราหมณต องการวาทะ ผแู สวงหาวาทะพึงมาจากทิศบูรพา... ทศิ ประจิม... ทิศอุดร... ทิศทักษิณ ดวยประสงควา จักยกวาทะของภกิ ษุน้ัน ภกิ ษุนน้ั จักสะเทอื นสะทา นหรือหว่ันไหวตอ สมณะหรือพราหมณน น้ั โดยสหธรรม ขอนัน้ มิใชฐ านะทจ่ี ะมีได ขอ น้นั เพราะเหตไุ รเพราะเห็นอริยสจั ๔ ดีแลว ฉนั น้ันเหมอื นกนั อรยิ สจั ๔ เปนไฉน คอืทกุ ขอรยิ สจั ฯลฯ ทกุ ขนิโรธคามนิ ีปฏปิ ทาอริยสจั ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย เพราะฉะนัน้ แหละ เธอท้งั หลายพึงกระทาํ ความเพยี ร เพ่อื รูตามความเปน จริงวา นี้ทกุ ข ฯลฯ น้ที กุ ขนิโรธคามนิ ปี ฏิปทา. จบวาทีสตู รที่ ๑๐ จบสสี ปาปณณวรรคที่ ๔

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 461 อรรถกถาวาทีสตู ร พึงทราบอธบิ ายในวาทีสตู รท่ี ๑๐. คําวา สิลายโู ป ไดแ ก เสาหนิ . คําวา โสฬสกุกกฺ โุ ก แปลวา๑๖ ศอก. บาลวี า โสฬสกุ กุ กฺ ุ แปลวา ๑๖ ศอก ก็มี. คําวา มรี ากลกึ ไปขางลาง ความวา เขา ไปสหู ลุมขา งลาง. คาํ วา ขา งบน ๘ ศอก คือพึงสงู พนหลุมมา ๘ ศอก. คาํ วา อยา งแรง ไดแ ก มกี ําลัง. คําทเ่ี หลือในบทท้งั ปวง ตนื้ ทั้งน้ันแล. จบอรรรถกถาวาทสี ูตรท่ี ๑๐ จบสีสปาปณ ณวรรควรรณนาที่ ๔ รวมพระสูตรท่ีมีในวรรคนคี้ ือ ๑. สสี ปาสูตร ๒. ขทริ สูตร ๓. ทณั ฑสตู ร ๔. เจลสตู ร ๕. สตั ติสตสูตร ๖. ปาณสูตร ๗. ปฐมสรุ ยิ ปู มสตู ร ๘. ทตุ ิยสุริยูปมสูตร ๙.อนิ ทขลี สูตร ๑๐ วาทีสตู ร และอรรถกถา.

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 462 ปปาตวรรคที่ ๕ ๑. จนิ ตสตู ร การคดิ เรื่องตายแลวเกดิ ขนึ้ หรอื ไม ไมมีประโยชน [๑๗๒๕] สมัยหนึง่ พระผมู พี ระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวหิ ารเวฬวุ นั กลนั ทกนวิ าปสถาน กรงุ ราชคฤห ณ ที่นัน้ แล พระผูม พี ระ-ภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษทุ ัง้ หลายมาแลวตรสั วา ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เรือ่ งเคยมีมาแลว บรุ ษุ คนหนง่ึ ออกจากกรงุ ราชคฤห เขาไปยงั สระโบกขรณีช่อื สมุ าคธาดวยประสงคว า จักคิดเรอ่ื งโลก ครน้ั แลว น่ังคิดเรอ่ื งโลกอยู ชอบสระโบก-ขรณี ชอ่ื สุมาคธา เขาไดเ หน็ กองทพั ประกอบดว ยองค เขาไปสูกา นบวัทีข่ อบสระโบกขรณีช่อื สุมาคธา ครน้ั แลว ไดม ีความคดิ วา เราชอ่ื วาเปนคนบา ช่ือวา เปน คนมจี ิตฟุงซานเสียแลว เราเหน็ สิ่งทไ่ี มม ใี นโลก ครัง้ นน้ั บรุ ษุนั้นเขา ไปยงั นครบอกแกหมมู หาชนวา ทานผเู จริญทั้งหลาย เราชอ่ื วาเปนคนถามวา ดกู อ นบุรษุ ผูเจรญิ ทา นเปน บา ไดอ ยา งไร ทา นมจี ติ ฟุงซานอยางไรสิง่ อะไรทไี่ มมีในโลกซ่งึ ทานเหน็ แลว . บ.ุ ดูกอ นทานผเู จรญิ ท้ังหลาย จะบอกใหทราบ เราออกจากกรุง-ราชคฤหเ ขา ไปยงั สระโบกขรณีชอ่ื สมุ าคธา ดว ยประสงคว า จกั คดิ เร่อื งโลกครนั้ แลว น่ังคิดเรือ่ งโลกอยู ณ ขอบสระโบกขรณชี ่อื สมุ าคธา เราไดเ ห็นกองทพั ประกอบดว ยองค ๔ เขาไปสูกานบวั ทข่ี อบสระโบกขรณชี ่อื สมุ าคธา เราเปน บาไดอยา งนี้ เรามีจติ ฟงุ ซา นอยางนี้ กส็ ิง่ นี้ ไมมีในโลก เราเห็นแลว .

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 463 มหา. ดูกอ นบุรุษผเู จรญิ ทานเปนบาแน ทา นมีจติ ฟงุ ซานแน ก็สงิ่ ที่ทานเหน็ แลวไมมีในโลก ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย บุรุษน้นั ไดเหน็ ส่ิงท่เี ปนจริง ไมใ ชไ ดเห็นสงิ่ ที่ไมเ ปน จรงิ . [๑๗๒๖] ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย เร่ืองเคยมมี าแลว สงครามเทวดากบัอสรู ประชิดกนั ก็ในสงครามนน้ั พวกเทวดาชนะ พวกอสูรแพ ก็พวกอสรูทแ่ี พก ลัวแลว ยงั จติ ของพวกเทวดาใหงวยงงอยู เขาไปสบู ุรีอสรู โดยทางกา นบวั เพราะฉะน้ันแหละ เธอทั้งหลายจงอยาคดิ เร่อื งโลกวา โลกเที่ยงโลกไมเ ทย่ี ง โลกมที ส่ี ุด โลกไมมที สี่ ุด ชพี กอ็ ันนั้น สรีระกอ็ ันน้ัน ชพีเปน อน่ื สรรี ะก็เปนอื่น สตั วเ บอ้ื งหนาแตตายแลวยอ มเปนอีก สตั วเ บื้องหนาแตต ายแลว ยอมไมเปนอกี สตั วเ บ้อื งหนา แตตายแลว ยอมเปน อีกก็มี ยอ มไมเปนอกี ก็มี สัตวเ บื้องหนา แตต ายแลว ยอ มเปนอีกกห็ ามิได ยอมไมเปนอีกก็หามิได ขอนน้ั เพราะเหตไุ ร เพราะความคดิ นน้ั ไมป ระกอบดว ยประโยชนไมใชพรหมจรรยเ บอ้ื งตน ยอมไมเ ปนไปเพื่อความหนา ย ความคลายกาํ หนดัความดับ ความสงบ ความรยู ิ่ง ความตรสั รู เพ่ือนิพพาน. [๑๗๒๗] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ก็เมื่อเธอทง้ั หลายจะคิด พึงคดิ วานี้ทกุ ข ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามนิ ีปฏิปทา ขอ นนั้ เพราะเหตุไร เพราะความคิดนัน้ ประกอบดว ยประโยชน เปนพรหมจรรยเ บื้องตน ยอ มเปน ไปเพื่อความหนา ย... เพอื่ นิพพาน ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย เพราะฉะน้ันแหละ เธอทัง้ หลายพึงกระทําความเพยี รเพือ่ รูตามความเปน จรงิ วา นีท้ ุกข ฯลฯ นี้ทกุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทา. จบจินตสูตรท่ี ๑

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 464 ปปาตวรรควรรณนาท่ี ๕ อรรถกถาจินตสูตร พึงทราบอธบิ ายในจนิ ตสตู รท่ี ๑ แหงปปาตวรรคที่ ๕. คาํ วา สระโบกขรณี ชอื่ วา สมุ าคธา ไดแก สระโบกขรณที ีม่ ีช่ืออยา งน.ี้ คาํ วา คดิ เรอ่ื งโลก ความวา นง่ั คิดเร่อื งโลกอยางนี้วา ใครหนอแล สรา งดวงจันทรด วงอาทิตย ใครสรางแผน ดินใหญ ใครสรางมหาสมทุ รใครสรา งสตั วผ ูอ ุปปาติกะ ใครสรา งภเู ขา ใครสรางมะมวง ตาล และมะพรา วเปนตน. คาํ วา วเิ จโต ไดแ ก เปน ผูมจี ติ ฟุงไปหรือวา มจี ติ ซานไป. คําวาภูต เยว อทฺทส ความวา ไดย ินวา พวกอสรู นน้ั ยังสัมพริมายา (มายาของจอมอสรู )ใหเปนไปแลวอธิษฐาน โดยประการที่บรุ ษุ น้นั เหน็ เขาเหลา นัน้ ผูข้นึบนชางและมา เปน ตน แลวยกขึน้ เขาไปทางชองกา นบัว พระศาสดาทรงหมายเอาอสรู นัน้ จงึ ตรัสวา ไดเหน็ สง่ิ ที่เปนจริงแลวเทยี ว. คาํ วา ยังจติ ของพวกเทวดาใหง วยงง คือ ยังจติ ของพวกเทวดาใหห ลงอย.ู คําวา เพราะฉะน้นั ความวา เพราะเมอ่ื คดิ เร่ืองโลก กเ็ ปน คนบา . จบอรรถกถาจนิ ตสูตรที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 465 ๒. ปปาตสูตร วาดว ยเหว คอื ความเกดิ [๑๗๒๘] สมัยหนึ่ง พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยู ณ ภเู ขาคชิ ฌกูฏกรงุ ราชคฤห ครง้ั น้ัน พระผมู พี ระภาคเจาตรัสเรยี กภกิ ษุทง้ั หลายมาแลวตรัสวาดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย มาเถิด เราจักเขา ไปยังยอดเขาก้นั เขตแดนเพ่อื พักกลางวนัภกิ ษุเหลา น้นั ทลู รบั พระดํารัสของพระผมู พี ระภาคเจาแลว ครงั้ นน้ั พระผมู ีพระภาคเจาพรอ มดวยภกิ ษุเปนอันมาก เสด็จเขาไปยงั ยอดเขากัน้ เขตแดนภิกษุรูปหน่ึงไดเหน็ เหวใหญบ นยอดเขากน้ั เขตแดน ครัน้ แลวไดท ลู ถามพระ-ผูมีพระภาคเจาวา ขา แตพ ระองคผเู จริญ เหวนใี้ หญ เหวนีใ้ หญเ เท ๆ เหวอื่นทใี่ หญกวา และนา กลวั กวาเหวนี้ มีอยหู รือ พระเจา ขา พระผูมีพระภาคเจาตรัสตอบวา เหวอ่นื ที่ใหญกวา และนา กลัวกวาเหวนีม้ อี ยู. ภ.ิ ขา แตพระองคผูเจรญิ กเ็ หวอืน่ ทีใ่ หญกวาและนากลัวกวาเหวนี้เปนไฉน. [๑๗๒๙] พ. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย สมณะหรอื พราหมณเ หลา ใดเหลาหน่งึ ยอ มไมรูช ดั ตามความเปน จรงิ วา น้ีทุกข ... นที้ ุกขนโิ รธคามิน-ีปฏิปทา สมณะหรือพราหมณเหลานน้ั ยอ มยินดีในสังขารท้งั หลาย ซึง่ เปนไปเพื่อความเกิด. . . เพ่ือความแก. . . เพื่อความตาย .. . เพอ่ื ความโศก ความร่ําไร ความทุกข ความโทมนัสและความคับแคนใจ ยินดแี ลว ยอ มปรงุ แตงสงั ขารท้ังหลาย ซ่งึ เปนไปเพือ่ ความเกิดบาง. .. และความคบั แคน ใจบางคร้ันปรงุ แตง แลว ยอมตกลงสเู หวคือความเกดิ บา ง... และความคบั แคนใจบา ง เรากลาววา สมณะหรอื พราหมณเ หลานน้ั ไมพ นไปจากความเกิด

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 466ความแก ความตาย ความเศราโศก ความรํ่าไร ความทกุ ข ความโทมนัสความคับแคนใจ ยอมไมพนไปจากทุกข [๑๗๓๐] ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย สว นสมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลา หนึ่ง ยอมรูตามความเปน จริงวา น้ที ุกข ฯลฯ นท้ี ุกขนิโรธคามนิ ีปฏปิ ทาสมณะหรือพราหมณเ หลาน้ันยอ มไมยินดใี นสังขารทัง้ หลาย ซ่งึ เปนไปเพ่อืความเกิด... และความคบั แคน ใจ ไมย นิ ดแี ลว ยอ มไมป รุงแตงสงั ขารทง้ั หลาย ซ่งึ เปน ไปเพ่อื ความเกิด... และความคับแคน ใจ คร้ันไมปรุงแตงแลว ยอมไมต กลงสเู หวคือความเกิดบา ง... และความคบั แคนใจบา ง เรากลา ววา สมณะหรือพราหมณเ หลานัน้ ยอ มพนจากความเกิด และความคนั แคน ใจ ยอ มพนจากทุกข ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เพราะฉะน้ันแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทาํ ความเพียรเพื่อรตู ามความเปน จรงิ วา น้ที ุกข ฯลฯ นท้ี กุ ข-นโิ รธคามนิ ีปฏิปทา. จบปปาตสูตรที่ ๒ อรรถกถาปปาตสตู ร พึงทราบอธบิ ายในปาปตสูตรท่ี ๒. คําวา ยอดเขากน้ั เขตแดน ความวา เขาก้นั เขตแดน เชน กับภูเขาใหญล กู หนึง่ . จบอรรถกถาปปาตสตู รที่ ๒

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 467 ๓. ปรฬิ าหสูตร วาดวยความเรารอน [๑๗๓๑] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย นรกชือ่ วา มีความเรารอนมาก มีอยูในนรกน้ัน บุคคลยงั เหน็ รปู อยา งใดอยา งหน่งึ ดวยนยั นต าได (แต) เหน็ รปูทีไ่ มน า ปรารถนาอยา งเดียว ไมเหน็ รูปทน่ี า ปรารถนา เหน็ รปู ทไี่ มนา ใครอยางเดียว ไมเหน็ รปู ท่นี า ใคร เหน็ รูปท่ไี มน า ชอบใจอยา งเดยี ว ไมเ ห็นรปูทน่ี าชอบใจ ไดฟ งเสยี งอยา งใดอยางหน่ึงดว ยหไู ด. . . ไดสดู กล่นิ อยา งใดอยา งหนง่ึ ดว ยจมกู ได ... ไดลมิ้ รสอยา งใดอยางหนึ่งดวยลน้ิ ได. . . ไดถ ูกตอ งโผฏฐพั พะอยา งใดอยางหนงึ่ ดวยกายได. . . ไดร ูแจง ธรรมารมณอยางใดอยา งหน่ึงดวยใจได (แต) รแู จง รปู ท่ไี มนาปรารถนาอยา งเดียว ไมร แู จง รูปทน่ี าปรารถนา รแู จงรปู ที่ไมน า ใครอยางเดียว ไมรแู จงรปู ท่นี า ใคร รแู จง รูปท่ีไมน าพอใจอยา งเดียว ไมร แู จงรปู ทนี่ าพอใจ. [๑๗๓๒] เม่อื พระผูมีพระภาคเจา ตรสั อยางนแ้ี ลว ภิกษรุ ูปหนึ่งไดทลู ถามพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผูเจริญ ความเรา รอนมาก ความเรา รอ นมากแท ๆ ความเรารอ นอ่นื ทมี่ ากกวา และนา กลวั กวา ความเรารอนน้ีมีอยหู รือ. พ. ดกู อนภกิ ษุ ความเรา รอนอน่ื ทม่ี ากกวา และนากลวั กวาความเรา รอนนีม้ อี ยู. ภิ. ขา แตพระองคผเู จรญิ ก็ความเรา รอ นอน่ื ทีม่ ากกวาและนากลวักวา ความเรารอ นน้ี เปน ไฉน.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 468 [๑๗๓๓] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย กส็ มณะหรอื พราหมณเ หลา ใดเหลาหนง่ึ ยอมไมรชู ัดตามความเปนจรงิ วา นีท้ กุ ข ฯลฯ น้ที ุกขนิโรธคามนิ ีปฏิปทาสมณะหรอื พราหมณเ หลาน้ัน ยอ มยินดใี นสงั ขารทงั้ หลาย ซึ่งเปน ไปเพื่อความเกิด ฯลฯ ยนิ ดีแลว ยอมปรงุ แตง คร้ันปรุงแตงแลว ยอมเรารอนดวยความเรารอนเพราะความเกิดบา ง ความแกบ า ง ความตายบา ง ความเศราโศก ความร่าํ ไร ความทุกข ความโทมนัส และความคับแคน ใจบา งเรากลาววา สมณะหรอื พราหมณเหลาน้ันยอ มไมพ นไปจากความเกิด...ความคบั แคน ใจ ยอ มไมพ น ไปจากทกุ ข. [๑๗๓๔] ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย สวนสมณะหรือพราหมณเ หลา ใดเหลาหนึง่ ยอ มรชู ัดตามความเปนจริงวา นีท้ กุ ข ฯลฯ น้ีทกุ ขนโิ รธคามินี-ปฏิปทา สมณะหรอื พราหมณเ หลา นั้นยอ มไมยินดีในสังขารทง้ั หลาย ซึง่ เปนไปเพื่อความเกิด ฯลฯ ไมย นิ ดแี ลว ยอมไมป รุงแตง ครง้ั ไมป รุงแตง แลวยอ มไมเรารอน ดว ยความเรารอนเพราะความเกิด . . . และความคับแคนใจเรากลาววา สมณะหรือพราหมณเ หลา น้นั ยอ มพนจากความเกิด ... ความคบั แคน ใจ ยอ มพนจากทุกข ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เพราะฉะนนั้ แหละ เธอทั้งหลายพงึ กระทาํ ความเพยี รเพ่อื รตู ามความเปน จริงวา น้ที ุกข ฯ ล ฯ นี้ทกุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทา. จบปรฬิ าหสตู รที่ ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 469 อรรถกถาปรฬิ าหสตู ร พงึ ทราบอธบิ ายในปริฬาหสตู รท่ี ๓. คําวา รูปทไ่ี มน าปรารถนา ไดแ ก สภาวะท่ีไมน าปรารถนา. จบอรรถกถาปรฬิ าหสตู รที่ ๓ ๔. กฏู สูตร วาดว ยฐานะที่มีไดแ ละมไี มได [๑๗๓๕] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย กผ็ ูใดพึงกลาวอยา งนว้ี า เราไมตรัสรูทุกขอริยสัจตามความเปน จริงแลว ฯลฯ ไมตรสั รทู กุ ขนิโรธคามินีปฏปิ ทาอริยสัจตามความเปน จรงิ แลว จักกระทําท่สี ุดแหงทุกขโดยชอบ ดังนี้ ขอน้ีมใิ ชฐานะท่จี ะมีได เปรยี บเหมอื นผูใ ดพงึ กลาวอยางน้ีวา เราไมไดก ระทําเรอื นชน้ั ลาง แลว จักยกเรือนชั้นบนแหง เรอื นยอด ดงั นี้ ขอ นีม้ ิใชฐ านะท่ีจะมีได ฉนั ใด ผูใดพึงกลา วอยางนวี้ า เราไมไ ดต รัสรูท ุกขอรยิ สจั ตามความเปนจรงิ แลว ฯลฯ ไมตรสั รทู ุกขนโิ รธคามนิ ปี ฏิปทาอริยสัจตามความเปน จริงแลว จกั กระทําที่สุดแหง ทุกขโดยชอบ ดังน้ี ขอ น้มี ใิ ชฐ านะท่ีจะมีได ฉนั นนั้เหมอื นกัน. [๑๗๓๖] ดูกอนภิกษุท้งั หลาย กผ็ ใู ดพงึ กลา วอยา งน้ีวา เราไดต รัสรูทกุ ขอรยิ สัจตามความเปนจรงิ แลว ฯลฯ ไดตรสั รูทุกขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทาอริยสจั ตามความเปนจริงแลว จักกระทาํ ทีส่ ดุ แหงทุกขโ ดยชอบ ดงั น้ี ขอ น้ี

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 470เปนฐานะท่จี ะมไี ด เปรยี บเหมอื น ผใู ดพงึ กลา ว อยา งนวี้ า เรากระทําเรือนชัน้ ลา งแลว จักยกเรอื นชน้ั บนแหง เรอื นยอด ดงั น้ี ขอ น้ีเปนฐานะท่ีจะมไี ดฉนั ใด ผูใ ดพึงกลา วอยา งนีว้ า เราไดตรสั รูทกุ ขอริยสัจตามความเปนจรงิ แลวฯลฯ. ไดต รัสรทู กุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทาอริยสัจตามความเปนจรงิ แลว จักกระทาํที่สุดแหง ทกุ ขโดยชอบ ดังนี้ อัน เปน ฐานะท่ีจะมีได ฉนั นนั้ เหมอื นกนัดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย เพราะฉะนนั้ แหละ เธอท้ังหลายพึงกระทําความเพียรเพอ่ื รูตามความเปนจริงวา นี้ทกุ ข ฯลฯ นท้ี กุ ขนิโรธคามนิ ีปฏปิ ทา. จบกฏู สตู รท่ี ๔ อรรถกถากูฏสตู ร พึงทราบอธบิ ายในกฏู สูตรท่ี ๔. คําวา ไมไ ดทาํ เรือนชัน้ ลาง ความวา ไมท าํ สว นชน้ั ลา งของเรือนดวยใบไมเ ปน ตน แหงเสาและเชงิ ฝา. จบอรรถกถากูฏสตู รท่ี ๔

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 471 ๕. วาลสูตร วา ดวยการแทงตลอดตามความเปน จรงิ ยาก [๑๗๓๗] สมัยหน่ึง พระผูม พี ระภาคเจาประทบั อยู กฏู าคารศาลาปามหาวนั กรุงเวสาลี ครงั้ นั้น เวลาเชา ทานพระอานนทน งุ แลว ถอื บาตรและจีวรเขาไปบิณฑบาตในกรุงเวสาลี ทา นพระอานนทไดเหน็ ลจิ ฉวีกุมารมากดว ยกัน กําลงั ทําการยงิ ศรอยูในศาลาสําหรับเรยี นศิลปะ ยิงลกู ศรใหเ ขา ไปติด ๆ กนั โดยชอ งดาลอนั เล็ก แตท ไ่ี กลไดไมผ ิดพลาด ครัน้ แลว ไดม ีความคดิวา พวกลจิ ฉวกี มุ ารเหลาน้ี ท่ยี งิ ลูกศรใหเ ขา ไปตดิ ๆ กันโดยชอ งดาลอนั เล็กแตท ไ่ี กลไดไมผดิ พลาด เปน ผศู ึกษาแลว ศกึ ษาดีแลว. [๑๗๓๘] ครงั้ น้นั ทานพระอานนท ครั้นเท่ียวไปบณิ ฑบาตในกรงุเวสาลีแลว เวลาปจฉาภตั กลับจากบณิ ฑบาต เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถึงทีป่ ระทับ ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา แลวน่ัง ณ ทค่ี วรสว นขางหนึง่ครั้นแลว ไดก ราบทลู วา ขา แตพ ระองคผ เู จริญ ขอประทานพระวโรกาส เมือ่เวลาเชา ขาพระองคน ุงแลว ถือบาตรและจีวรเขาไปบณิ ฑบาตในกรงุ เวสาลีไดเ ห็นลจิ ฉวีกมุ ารมากดวยกัน กําลงั ทําการยงิ อยใู นศาลาสาํ หรบั เรยี นศิลปะยงิ ลกู ศรใหเขาไปติด ๆ กนั โดยชองดาลอนั เล็ก แตท ี่ไกลไดไมผ ิดพลาดคร้นั แลว ขา พระองคไดม ีความคิดวา พวกลจิ ฉวกี ุมารเหลานีท้ ่ยี ิงลกู ศรใหเขา ไปตดิ ๆ กันโดยชองดาลอนั เล็ก แตท ี่ไกลไดไมผ ิดพลาด เปน ผูศกึ ษาแลวศกึ ษาดแี ลว พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อ นอานนท เธอจะสาํ คญั ความขอ นั้นเปน ไฉน อยา งไหนจะทาํ ไดย ากกวากัน หรือจะใหเกดิ ขนึ้ ไดยากกวากัน คอื การทย่ี ิงลูกศรใหเขา ไปติด ๆ กนั โดยชอ งดาลอนั เล็กแตทไ่ี กลไดไ ม

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 472ผิดพลาด กบั การแทงปลายขนทรายดว ยปลายขนทรายทแ่ี บง ออกแลวเปน๗ สว น. อา. ขา แตพระองคผเู จรญิ การแทงปลายขนทรายดวยปลายขนทรายทีแ่ บง ออกแลวเปน ๗ สวน กระทําไดยากกวา และใหเกดิ ข้นึ ไดย ากกวาพระเจา ขา . พ. ดกู อนอานนท ชนเหลา ใดยอ มแทงตลอดตามความเปนจรงิ วาน้ที ุกข ฯลฯ น้ที ุกขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทา ชนเหลา นน้ั ยอ มแทงตลอดไดย ากกวาโดยแท เพราะฉะนน้ั แหละ อานนท เธอพงึ กระทําความเพยี รเพื่อรตู ามความเปน จรงิ วา น้ที ุกข ฯลฯ น้ีทกุ ขนโิ รธคามนิ ีปฏิปทา. จบวาลสตู รท่ี ๕ อรรถกถาวาลสตู ร พงึ ทราบอธิบายในวาลสูตรที่ ๕. คาํ วา สณฺ ฐาคาเร ไดแกใ นศาลาสาํ หรบั เรยี นศลิ ปะ. คาํ วา อปุ าสนกโรนฺเต ไดแกฝก ศิลป คอื การยงิ ลูกธน.ู คาํ วา ไมผิดพลาด ไดแกไมย งิ ลกู ศรใหเลยไป. คําวา โปขานโุ ปข ความวา พระเถระไดเ ห็น กุมารเจาลจิ ฉวีทง้ั หลาย ผยู ิงลกู ศรลูกหนง่ึ ใหเ ขาไปตดิ ๆ อยางนี้ คอื ลูกศรอื่นยอมแทงลกู ศรทตี่ ิดปลายขนนกของลกู ศรนัน้ ฉนั ใด ขน้ึ ชื่อวา ลกู ศรท่ตี ิดขนนกที่ปลายลูกศรอน่ื ยอ มแทงลกู ศรทีม่ ขี นนกตดิ ปลายลกู ศรของลกู ศรที่ ๒ อีก ลกู ศรท่ีติดปลายขนนกตามมาอ่ืนอีก ก็ยอ มแทงลกู ศรท่ขี นนกติดปลายลูกศรอ่นื ของลกู ศรนนั้ อีกมาก ฉนั น้นั . คําวา ยตฺร หิ นาม ตัดบทเปน เย หิ นาม

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 473แปลวา กช็ ื่อวาเหลาใด. คาํ วา ใหเ กดิ ข้นึ ไดย ากกวา กัน คอื ทาํ ไดย ากกวา .คาํ วา แทงปลายขนทราย ดว ยปลายขนทรายท่ีแบงออกแลวเปน ๗ สว นความวา พึงแบงขนทรายเสน หนง่ึ เปน ๗ สวน แลว ถือเอาสว นทแ่ี บงหน่ึงสว นแหงขนทรายท่แี บง นนั้ แลว ผกู กลางผลมะเขือ ผูกขนทรายที่แบงแลว เสน อ่ืนอกี เขาทีป่ ลายสุดแหง ลูกธนู แลวจึงยนื ที่ทางประมาณอุสภะหนึ่ง แทงจําเพาะปลายขนทรายทีผ่ ูกผลมะเขือนนั้ ดวยปลายท่ผี ูกไวทีล่ กู ธนู. คําวา เพราะเหตุน้นั ความวา เพราะสจั จะ ๔ แทงตลอดไดย ากอยางนี.้ จบอรรถกถาวาลสูตรที่ ๕ ๖. อนั ธการสี ูตร ผรู ูตามความเปน จริงไมต กไปสูท ่มี ดื [๑๗๓๙] ... ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย โลกนั ตนรกมแี ตความทกุ ขมดื คลมุ มวั เปน หมอก สตั วในโลกนั ตนรกน้ัน ไมไดร บั รัศมีพระจนั ทรแ ละพระอาทติ ยซึง่ มฤี ทธ์มิ อี านภุ าพมากอยางน้ี. [๑๗๔๐] เม่ือพระผมู พี ระภาคเจา ตรัสอยา งนี้แลว ภิกษรุ ูปหนง่ึ ไดทลู ถามพระผมู ีพระภาคเจาวา ขา แตพ ระองคผเู จรญิ ความมืดน้ันมากความมดื น้ันมากแท ๆ ความมดื อยา งอ่นื ทีม่ ากกวา และนา กลวั กวา ความมดื นี้มีอยูหรือ. พ. ดกู อ นภิกษุ ความมืดอยางอ่นื ท่มี ากกวา และนากลัวกวาความมืดนี้มีอยู.

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 474 ภิ. ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ ความมดื อยางอน่ื ที่มากกวาและนา กลวั กวาความมดื นี้ เปนไฉน. [๑๗๔๑] พ. ดูกอ นภกิ ษุ ก็สมณะหรอื พราหมณเ หลา ใดเหลา หนง่ึยอ มไมร ูชัดตามความเปนจรงิ วา น้ที ุกข ฯลฯ นท้ี กุ ขนิโรธคามินปี ฏปิ ทาสมณะหรอื พราหมณเ หลานั้นยอ มยนิ ดีในสังขารทัง้ หลาย ซึ่งเปนไปเพอื่ ความเกดิ ฯลฯ ยินดีแลวยอ มปรงุ แตง ครน้ั ปรุงแตงแลว ยอมตกไปสคู วามมืดคือความเกดิ ... และความคับแคนใจ เรากลาววา สมณะหรือพราหมณเหลา นน้ั ยอมไมพนไปจากความเกดิ ... และความคับแคนใจ ยอมไมพน ไปจากทกุ ข. [๑๗๔๒] ดกู อนภกิ ษุ สว นสมณะหรือพราหมณเ หลาใดเหลา หน่งึยอ มรชู ดั ตามความเปน จริงวา น้ีทกุ ข ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา สมณะหรอื พราหมณเ หลา นน้ั ยอมไมย นิ ดีในสังขารทงั้ หลายซ่งึ เปนไปเพื่อความเกิดฯลฯ ไมย ินดแี ลว ยอมไมป รุงแตง ครัน้ ไมปรุงแตงแลว ยอมไมตกไปสูความมืดคอื ความเกดิ บา ง ... และความคับแคนบาง เรากลา ววา สมณะหรือพราหมณเ หลานั้น ยอ มพน ไปจากความเกดิ ... และความคบั แคน ใจ ยอ มพนไปจากทกุ ข ดูกอนภกิ ษุ เพราะฉะน้นั แหละ เธอพงึ กระทาํ ความเพียรเพื่อรูตามความจริงวา น้ที ุกข ฯลฯ นี้ทุกขนโิ รธคามนิ ีปฏปิ ทา. จบอันธการีสูตรที่ ๖

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 475 ๗. ปฐมฉิคคฬสูตร วาดวยความเปนมนุษยแสนยาก [๑๗๔๓] ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย เปรยี บเหมือนบรุ ษุ โยนแอกซ่ึงมชี อ งเดยี วลงไปในมหาสมทุ ร เตา ตาบอดมอี ยูในมหาสมทุ รน้นั ตอ ลวงรอ ยป ๆมันจะโผลขน้ึ คราวหน่ึง ๆ เธอทงั้ หลายจะสาํ คญั ความขอนนั้นเปน ไฉน เตาตาบอดน้นั ตอลว งรอยป ๆ มนั จะโผลข้นึ คราวหน่งึ ๆ จะสอดคอใหเ ขาไปในแอกซึ่งมชี องเดียวโนน ไดบ างหรอื หนอ ภิกษทุ ง้ั หลายกราบทูลวา ขาแตพระองคผ ูเ จริญ ถา ลว งกาลนานไปบางครัง้ บางคราว เตา จะสอดคอใหเขา ไปในแอกน้นั ไดบ าง. พ. ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย เตาตาบอด ตอลว งรอ ยป ๆ มันจะโผลข้ึนคราวหนึง่ ๆ สอดคอใหเขา ไปในแอกซ่ึงมีชอ งเดียวโนน ยังจะเร็วกวา เรายอมกลา วความเปนมนษุ ยเ พราะคนพาลผไู ปสวู นิ ิบาตแลว คราวเดียวกห็ ามิไดขอ นน้ั เพราะเหตุไร เพราะวา ในวินิบาตน้ี ไมมกี ารประพฤติธรรม การประพฤติชอบ การกระทาํ กศุ ล การกระทําบญุ มแี ตก ารเคีย้ วกินกนั และกันการเคย้ี วกนิ ผมู กี ําลงั นอยกวา ยอมเปนไปในวินิบาตน้ี ขอนั้นเพราะเหตไุ รเพราะไมเหน็ อริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ เปนไฉน คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทกุ -นิโรธคามินีปฏิปทาอรยิ สัจ ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เพราะฉะน้นั แหละ เธอทง้ั หลายพึงกระทําความเพยี รเพอื่ รตู ามความเปนจรงิ วา น้ีทกุ ข ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. จบปฐมฉิคคฬสตู รที่ ๗

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 476 อรรถกถาปฐมฉิคคฬสตู ร พงึ ทราบอธิบายในปฐมฉคิ คฬสตู รที่ ๗. คําวา มีแตการเคี้ยวกนิ กนั และกนั ไดแก การเคย้ี วกินซึ่งกนัและกัน. คาํ วา การเคย้ี วกินผมู กี าํ ลงั นอย ไดแก ปลาเปนตนทมี่ ีกําลงัเค้ยี วกนิ ปลาเปน ตน ตวั ทน่ี อยกาํ ลงั กวา. จบอรรถกถาปฐมฉคิ คฬสูตรท่ี ๗ ๘. ทตุ ยิ ฉิคคฬสูตร วาดว ยการไดความเปน มนษุ ยแ สนยาก [๑๗๔๔] ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เปรียบเหมอื นมหาปฐพนี ้ีมีน้ําเปนอันเดียวกัน บรุ ษุ โยนแอกซ่ึงมชี อ งเดียวลงไปในมหาปฐพนี ้ัน ลมทศิ บรู พาพัดเอาแอกน้นั ไปทางทิศประจิม ลมทิศประจมิ พดั เอาไปทางทิศบรู พา ลมทิศอุดรพดั เอาไปทางทิศทักษณิ ลมทิศทักษิณพัดเอาไปทางทศิ อุดร เตาตาบอดมีอยูในมหาปฐพีน้ัน ตอลวงรอยป ๆ มันจะโผลข้นึ คราวหนึ่ง ๆ เธอทง้ั หลายจะสาํ คญั ความขอ นัน้ เปนไฉน เตา ตาบอดนั้น ตอลว งรอยป ๆ มันจะโผลข น้ึคราวหน่ึง ๆ จะสอดคอใหเขา ไปในแอกซ่งึ มชี อ งเดยี วโนน ไดบางหรือหนอภิกษุท้ังหลายกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผ ูเ จรญิ ขอ ที่เตาตาบอด ตอลว งรอยป ๆ มันจะโผลข น้ึ คราวหนงึ่ ๆ จะสอดคอเขา ไปในแอกซึง่ มีชอ งเดียวโนนเปน ของยาก.

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 477 พ. ฉันนัน้ ภิกษุทัง้ หลาย การไดค วามเปนมนุษย เปน ของยากพระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจาจะอบุ ตั ิในโลกเปนของยาก ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแลว จะรุงเรืองใน โลก กเ็ ปน ของยาก ความเปนมนษุ ยน ี้เขาไดแ ลว พระตถาคตอรหันตสมั มาสมั พุทธเจาอุบตั แิ ลวในโลก และธรรมวินยั ทตี่ ถาคตประะกาศแลว กร็ งุ เรืองอยใู นโลก ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย เพราะฉะนน้ั แหละ เธอท้งั หลายพงึ กระทําความเพียรเพอ่ื รตู ามความเปน จริงวานท้ี ุกข ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามนิ ปี ฏิปทา. จบทุตยิ ฉิคคฬสูตรท่ี ๘ อรรถกถาทุตยิ ฉิคคฬสตู ร พึงทราบอธบิ ายในทุตยิ ฉคิ คฬสตู รท่ี ๘. คําวา มหาปฐพี ไดแ ก แผน ดินใหญร ะหวางจกั รวาล. คําวา อธจิ จฺ มทิ  ความวา ถา วาแอกนนั้ ไมพ ึงเนา นา้ํ ในทะเลจะไมแ หง และเตาน้นั ยังไมต าย เหตนุ ้ันก็จะพงึ มีดวยอาํ นาจตามความปรารถนาไดบา ง. ในคาํ วา ภิกษุทงั้ หลาย การไดความเปน มนุษยเ ปน ของยากอยา งนี้ นี้พระมหาสวี เถระไดแ สดงยตุ ท้งั ๔ คอื การไดความเปนมนุษย ช่ือวาไดยากอยา งย่งิ เหมือนการทาํ เตา ตาบอดนั้น สอดคอเขา ไปทางชองแอก ที่บุรษุยืนอยทู ่ีขอบปากจกั รวาลดานทศิ ตะวนั ออกโยนใสเ ขาไป. กก็ ารเกดิ ข้นึ แหงพระตถาคตเจา ช่ือวา เปนเหตใุ หถ งึ ฝง ก็ยากอยางยงิ่เหมือนการทีเ่ ตาตาบอดตัวท่ีบุรษุ ผูยนื ทีข่ อบปากจักรวาลดานทศิ ใต โยนใสเขา ไปแลวหมนุ ไปรอบๆ อยู ถงึ เเอกอันแรกแลว ข้ึนไปสูช อ งขางบนโดยทางชอ งสอดคอเขาไปทางชองอย.ู

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 478 ก็การแสดงธรรมและวนิ ยั ทพี่ ระตถาคตเจาทรงประกาศแลวช่ือวา เปนเหตุเกิดทย่ี ากยงิ่ กวา เหมอื นการที่เตาตาบอดตัวทบ่ี รุ ษุ ผูยืนท่ีขอบปากจกั รวาลดา นทิศตะวันตกโยนใสเ ขา ไปแลว หมุนไปรอบ ๆ แลว ถงึ แอก ๒ อนั ขา งบนแลวขนึ้ สูช องขางบนโดยทางชอง แลวสอดคอเขา ไปทางชองอย.ู กก็ ารแทงตลอดสจั จะ ๔ พึงทราบวา เปนเหตุเกิดทย่ี ากยิ่งกวาอยางย่งิเหมอื นการท่เี ตาตาบอดตวั ท่ีบุรุษผูย ืนทขี่ อบปากจักรวาลดานทศิ เหนอื โยนใสเขา ไปแลว หมนุ ไปรอบ ๆ อยู ถึงแอก ๓ อนั ขา งบนแลว ข้นึ ไปสูชอ งขา งบนโดยทางชองแลวสอดคอเขาไปทางชองอย.ู สตู รที่ ๘ เปน ตน มีนยั ตามท่กี ลาวแลว ในอภสิ มยสงั ยตุ นน่ั เทยี วแล. จบอรรถกถาทุตยิ ฉิคคฬสตู รที่ ๘ จบปปาตวรรควรรณนาท่ี ๕ ๙. ปฐมสิเนรุสตู ร* ทุกขข องพระอรยิ บคุ คลหมดไปมากกวาท่เี หลอื [๑๗๔๕] ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย เปรียบเหมอื นบุรษุ เก็บกอนหนิประมาณเทา เมลด็ ถ่วั เขยี ว ๗ กอ นแหงขนุ เขาสิเนรรุ าช เธอจะสําคัญความขอน้ันเปน ไฉน กอ นหนิ ประมาณเทาเมล็ดถั่วเขยี ว ๗ กอ นทบี่ ุรุษเกบ็ แลว กับขุนเขาสเิ นรุราช อยา งไหนจะมากกวา กัน ภิกษทุ งั้ หลายกราบทูลวา ขา แตพระ-องคผูเจริญ ขนุ เขาสิเนรรุ าชมากกวา กอนหนิ ประมาณเทาเมล็ดถว่ั เขียว ๗กอ นที่บุรุษเกบ็ แลว นอยกวา เม่อื เทียบกับขุนเขาสเิ นรรุ าชแลว กอนหนิประมาณเทา เมล็ดถัว่ เขยี ว ๗ กอ นทีบ่ รุ ุษนัน้ เก็บไวแลว ยอ มไมถ ึงซ่งึ การนบัการเปรียบเทียบ หรือแมสวนเสี้ยว.* สูตรที่ ๙ - ๑๐ ไมม อี รรถกถาแก.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 479 พ. ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ทุกขของบคุ คลผเู ปน อริยสาวก สมบรู ณดวยทิฏฐติ รัสรูแลว ผรู ูต ามความเปน จรงิ วา น้ที ุกข ฯลฯ นีท้ กุ ขนโิ รธคามินีปฏิปทาทีส่ น้ิ ไป หมดไปแลว มากกวา ที่ยังเหลอื มีประมาณนอ ย ยอมไมถงึ ซง่ึ การนบั การเปรยี บเทียบ หรือแมสว นเสย้ี ว เมื่อเทียบกบั กองทุกขอ ันมีในกอนทีส่ ิน้ ไปหมดไปแลว อยา งสูงเพียง ๗ ชาติ ฉนั น้นั เหมอื นกนั ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เพราะฉะนัน้ แหละ เธอทั้งหลายพึงกระทาํ ความเพียรเพอื่ รูต ามความเปนจริงวา นที้ ุกข ฯลฯ นที้ ุกขนิโรธคามนิ ปี ฏิปทา. จบปฐมสเิ นรุสูตรท่ี ๙ ๑๐. ทุตยิ สิเนรุสูตร ทกุ ขของพระอริยบคุ คลหมดไปมากกวา ท่เี หลอื [๑๗๔๖] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย เปรียบเหมอื นขนุ เขาสิเนรุราชพงึ ถงึความสน้ิ ไป หมดไป เวนกอ นหนิ ประมาณเทาเมลด็ ถว่ั เขียว ๗ กอน เธอทั้งหลายจะสําคัญความขอน้ันเปนไฉน ขนุ เขาสเิ นรุราชทีส่ ้นิ ไป หมดไป กบักอ นหินประมาณเทาเมล็ดถวั่ เขียว ๗ กอนท้ังเหลอื อยู อยา งไหนจะมากกวากัน ภิกษทุ ั้งหลายกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผเู จริญ ขุนเขาสเิ นรุราชทส่ี นิ้ ไปหมดไป นีแ้ หละมากกวา กอ นหินประมาณเทา เมล็ดถวั่ เขยี ว ๗ กอนทยี่ งั เหลืออยู นอ ยกวา เมอื่ เทยี บกับขนุ เขาสิเนรรุ าชทีส่ ้นิ ไป หมดไป กอ นหินประมาณเทาเมลด็ ถ่ัวเขียว ๗ กอ นท่ยี ังเหลืออยู ยอ มไมถงึ ซึ่งการนบั การเปรยี บเทยี บหรอื แมสว นเส้ียว.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 480 พ. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ทุกขข องบคุ คลผเู ปน อรยิ สาวก ผูสมบูรณดวยทฏิ ฐิตรัสรแู ลว ผรู ตู ามความเปน จรงิ วา นท้ี กุ ข ฯลฯ นี้ทกุ ขนโิ รธคามินีปฏิปทาที่สนิ้ ไป หมดไปแลว มากกวา ท่ียงั เหลอื มปี ระมาณนอย ยอมไมถ งึซงึ่ การนับ การเปรยี บเทียบ หรอื แมส ว นเสยี้ ว เม่ือเทยี บกบั กองทกุ ขอ นั มใี นกอ นทส่ี น้ิ ไปหมดไปแลว อยา งสงู เพยี ง ๗ ชาติ ฉนั นน้ั เหมอื นกัน ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย เพราะฉะน้นั แหละ เธอทงั้ หลายพึงกระทําความเพียรเพอ่ื รูตามความเปน จรงิ วา นที้ ุกข ฯลฯ นที้ ุกขน โรธคามินีปฏิปทา. จบทุติยสเิ นรสุ ูตรท่ี ๑๐ จบปปาตวรรคที่ ๕ รวมพระสตู รท่ีมีในวรรคน้ี คอื ๑. จินตสูตร ๒. ปปาตสูตร ๓. ปริฬาหสตู ร ๔. กฎู สูตร ๕.วาลสูตร ๖. อนั ธการสี ตู ร ๗. ปฐมฉคิ คฬสตู ร ๘. ทตุ ยิ ฉคิ คฬสตู ร ๙.ปฐมสเิ นรสุ ตู ร ๑๐. ทุติยสเิ นรุสูตร และอรรถกถา.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 481 อภสิ มยวรรคที่ ๖ ๑. นขสขิ าสูตร วา ดวยทกุ ขของพระอริยะเทากบั ฝายทป่ี ลายเล็บ [๑๗๔๗] คร้ังน้ันแล พระผูมพี ระภาคเจาทรงชอ นฝุนเล็กนอ ย ไวทป่ี ลายพระนขาแลว ตรสั เรยี กภิกษทุ ้ังหลายมาแลวตรัสถามวา ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย เธอทั้งหลายจะสําคญั ความขอนน้ั เปน ไฉน ฝุนเลก็ นอ ยทปี่ ลายเล็บที่เราชอ นข้ึนนีก้ บั มหปฐพนี ้ี อยา งไหนจะมากกวา กัน ภกิ ษุท้งั หลายกราบทลู วาขาแตพระองคผ เู จริญ มหาปฐพีมากกวา ฝนุ เลก็ นอ ยทปี่ ลายพระนขาอนั พระ-ผมู พี ระภาคเจาทรงชอ นขึ้นนี้ มปี ระมาณนอย เม่ือเทียบกับมหาปฐพีแลวฝุน เลก็ นอยทีป่ ลายพระนขาท่พี ระผมู พี ระภาคเจา ชอนขึน้ แลว ยอมไมถ ึงซงึ่ การนบั การเปรยี บเทยี บ หรือแมสว นเสีย้ ว. พ. อยางน้นั เหมือนกนั ภิกษทุ ้งั หลาย ทุกขข องบุคคลผเู ปนอริยสาวกผูสมบรู ณด ว ยทิฏฐิ ผตู รสั รู ผูรูตามความเปน จรงิ วา นี้ทุกข ฯลฯน้ีทกุ ขนโิ รธคามินปี ฏปิ ทา ทส่ี ิ้นไป หมดไป มากกวา ท่ียงั เหลือมปี ระมาณนอย ยอ มไมถึงซง่ึ การนับ การเปรียบเทียบ หรือแมส ว นเสี้ยว เมอ่ื เทียบกับกองทุกขอ นั มีในกอ นที่สิน้ ไป หมดไปแลว อยางสูงเพยี ง ๗ ชาติ ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะน้นั แหละ เธอทั้งหลายพึงกระทําความเพียรเพือ่ รตู ามความเปน จริงวา น้ที กุ ข ฯลฯ นท้ี กุ ขนโิ รธคามนิ ีปฏิปทา. จบนขสขิ าสูตรที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 482 ๒. โปกขรณสี ตู ร วา ดว ยทกุ ขข องพระอรยิ ะเทากับนํา้ ปลายหญาคา [๑๗๔๘] ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย เปรยี บเหมือนสระโบกขรณี โดยยาว๕๐ โยชน โดยกวาง ๕๐ โยชน สงู ๕๐ โยชน เต็มดว ยนา้ํ เปย มฝง กาดมื่กินได บุรษุ เอาปลายหญาคาจุมน้าํ ขึ้นจากสระน้นั เธอทั้งหลายจะสาํ คญั ความขอนัน้ เปน ไฉน น้ําทเ่ี ขาเลาปลายหญา คาจุม ขน้ึ กับนํา้ ในสระโบกขรณี ไหนจะมากกวา กนั ภกิ ษุทงั้ หลายกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผ ูเจรญิ นํ้าในสระ-โบกขรณีมากกวา นํา้ ท่ีเขาเอาปลายหญา คาจมุ ขนึ้ มปี ระมาณนอย เมอื่ เทยี บกบั นํ้าในสระโบกขรณีแลว นํา้ ที่เขาเอาปลายหญาคาจุมขน้ึ ยอมไมถ ึงซึ่งการนบั การเปรยี บเทียบ หรือแมส ว นเสยี้ ว. พ. ฉนั นั้นเหมือนกนั ภกิ ษทุ งั้ หลาย ทุกขข องบคุ คลผเู ปนอริยสาวกฯลฯ เธอท้ังหลายพงึ กระทาํ ความเพียรเพื่อรูตามความเปน จริงวา นท้ี กุ ข ฯลฯน้ที กุ ขนิโรธคามินปี ฏปิ ทา. จบโปกขรณีสูตรท่ี ๒ ๓. ปฐมสัมเภชชสตู ร เปรยี บทุกขท่ียงั เหลือเทากบั หยดนา้ํ [๑๗๔๙] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เปรียบเหมอื นแมน ํ้าใหญเหลาน้ี คือแมน ้ําคงคา ยมนุ า อจิรวดี สรภู มหี ยอมไหลไปไมข าดสายในท่ีใด บุรุษตกัน้ํา ๒-๓ หยดข้ึนจากท่ีนนั้ เธอทงั้ หลายจะสาํ คญั ความขอน้นั เปนไฉน นาํ้

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 483๒-๓ หยดที่เขาตกั ขนึ้ กับนํา้ ที่ไหลไปประจบกัน ไหนจะมากกวา กนั ภิกษุทั้งหลายกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผ ูเจรญิ น้ําท่ไี หลไปประจบกันมากกวาน้าํ ๒-๓ หยดที่เขาตกั ข้ึนมปี ระมาณนอย เมอื่ เทยี บกับนาํ้ ท่ีไหลไปประจบกนั .นาํ้ ๒-๓ หยดทเ่ี ขาตักข้นึ ยอ มไมถงึ ซ่งึ การนับ การเปรียบเทียบ หรอื แมส ว นเส้ยี ว. พ. ฉันน้นั เหมือนกนั ภกิ ษุทั้งหลาย ทกุ ขข องบคุ คลผูเปน อรยิ -สาวก ฯลฯ เธอท้งั หลายพงึ กระทําความเพียรเพ่อื รูต ามความเปน จริงวา น้ที กุ ขฯลฯ น้ีทุกขนโิ รธคามินีปฏิปทา. จบปฐมสัมเภชชสูตรท่ี ๓ ๔. ทตุ ยิ สมั เภชชสูตร เปรยี บทกุ ขท ่ีหมดไปเทา กบั นาํ้ ในแมนาํ้ [๑๗๕๐] ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย เปรยี บเหมือนแมนาํ้ ใหญเ หลา น้ี คือแมน ํ้าคงคา ยมุนา อจริ วดี สรภู มหี ยอ มไหลไปไมขาดสายในท่ีใดน้ํานัน้ พงึ ถึงความสิ้นไป หมดไป ยังเหลอื น้ํา ๒-๓ หยด เธอทั้งหลายจะสําคญั ความขอนัน้ เปนไฉน เม่อื เทียบน้ําที่ไหลไปประจบกนั ซ่ึงสิ้นไป หมดไปกบั นํา้ ๒-๓ หยดทีย่ ังเหลือ ไหนจะมากกวากนั ภกิ ษทุ ั้งหลายกราบทูลวาขาแตพระองคผ เู จริญ น้าํ ทีไ่ หลไปประจบกันซึ่งสน้ิ ไป หมดไป มากกวาน้ํา ๒-๓ หยดทีย่ ังเหลอื อยู นอยกวา เมื่อเทยี บกบั นา้ํ ทไี่ หลไปประจบกันซึ่งส้นิ ไปหมดไปแลว นาํ้ ๒-๓ หยดท่ียงั เหลืออยู ยอมไมถ งึ ซึ่งการนบั การเปรยี บเทยี บ หรอื แมส วนเสี้ยว.

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 484 พ. ฉันนั้นเหมือนกนั ภิกษทุ ั้งหลาย ทกุ ขของบุคคลผูเปน อรยิ สาวกฯลฯ เธอท้ังหลายพงึ กระทําความเพยี รเพอ่ื รตู ามความเปนจริงวา น้ีทุกข ฯลฯน้ที ุกขนิโรธคามินปี ฏิปทา. จบทุติยสมั เภชชสตู รท่ี ๔ ๕. ปฐมปฐวีสูตร เปรยี บทกุ ขท ย่ี ังเหลอื เทากบั กอนดนิ [๑๗๕๑] ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เปรยี บเหมอื นบรุ ษุ เก็บกอ นดนิประมาณเทา เมล็ดกระเบา ๗ กอ นจากเเผน ดนิ ใหญ เธอทง้ั หลายจะสาํ คญั ความขอ นั้นเปนไฉน กอ นดนิ ประมาณเทาเมล็ดกระเบา ๗ กอ น ท่ีเขาเกบ็ ไวกบั แผน ดนิ ใหญ ไหนจะมากกวา กนั ภิกษทุ ้งั หลายกราบทูลวา ขา แตพระองคผเู จรญิ แผนดินใหญม ากกวา กอนดนิ เทา เมลด็ กระเบา ๗ กอ นทเ่ี ขาเกบ็ ไวมีประมาณนอ ย เมื่อเทียบกับแผน ดินใหญ กอนดินประมาณเทาเมลด็ กระเบา๗ กอ นทเี่ ขาเก็บไว ยอมไมถ ึงซง่ึ การนบั การเปรียบเทียบ หรอื แมส วนเส้ียว. พ. ฉนั นน้ั เหมอื นกนั ภกิ ษุทัง้ หลาย ทกุ ขข องบุคคลผเู ปน อรยิ -สาวก ฯลฯ เธอทัง้ หลายพงึ กระทาํ ความเพยี รเพ่อื รูตามความเปนจรงิ วานท้ี กุ ข ฯลฯ นี้ทกุ ขนโิ รธคามินปี ฏิปทา. จบปฐมปฐวสี ูตรที่ ๕
































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook