พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 69 ๙. อภยาเถรีคาถา [๔๒๘] ดกู อนอภยา ปุถุชนของอยูใ นกายใด กายนั้น มสี ภาพแตกดับ เรามีสติรสู กึ ตัว จกั ทอดท้ิงกายนี้ เราอันความทุกขเปนอันมากถกู ตองแลว ยินดแี ลว ใน ความไมป ระมาท บรรลุความส้นิ ตัณหาแลว ไดป ฏบิ ัติ คาํ สอนของพระพทุ ธเจาแลว . จบ อภยาเถรีคาถา ๙. อรรถกถาอภยาเถรีคาถา คาถาวา อภเย ภทิ โุ ร กาโย เปนตน เปนคาถาของพระเถรีช่ืออภยา เปนสหายของพระอภัยมาตุเถร.ี แมพระเถรีช่ืออภยาน้ี กไ็ ดส รางสมบญุ บารมีไวใ นพระพทุ ธเจา องคกอน ๆ สง่ั สมบุญอนั เปนอปุ นิสัยแหง พระนพิ พานในภพนน้ั ๆ ในกาลแหงพระผูม ีพระภาคเจา พระนามวาสขิ ี เกิดในตระกูลกษตั รยิ ม หาศาล รูความแลวไดเ ปนอัครมเหสีของพระเจาอรุณราช วันหนง่ึ พระเจาอรุณราชไดประทานดอกอุบลหอม ๗ ดอกแกเธอ เธอรับดอกอุบลเหลาน้นั แลว น่ังคิดวา เราประดับ ดอกอุบลเหลา นจ้ี ะมปี ระโยชนอะไร อยา กระนั้นเลย เราจักเอาดอกอบุ ลเหลา น้บี ูชาพระผมู ีพระภาคเจา กพ็ ระผมู พี ระภาคเจาเสด็จเขาพระราชนิ-เวศนใ นเวลาภกิ ขาจาร เธอเห็นพระผมู ีพระภาคเจาแลวมใี จเลื่อมใส ตอ นรบับูชาพระผมู ีพระภาคเจา ดวยดอกไมเหลาน้ัน แลวถวายบังคมดวยเบญจางคประดษิ ฐ ดว ยบุญกรรมน้ัน เธอทอ งเทยี่ วอยใู นเทวโลกและมนุษยโลก ใน
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ที่ 70พทุ ธปุ ปาทกาลนี้ เกิดในเรือนแหง ตระกูลในกรุงอชุ เชนี รคู วามแลว เปนสหายของพระอภัยมาตเุ ถรี เมื่อพระอภยั มาตุเถรีบวช เธอเองกบ็ วชดวยความสิเนหาพระเถรนี ้ัน อยูในกรุงราชคฤหก ับพระเถรนี ั้น วันหนง่ึ ไดไ ปปาสีตวันเพือ่ ดอู สภุ พระศาสดาประทับนัง่ ในพระคันธกฎุ ิน้นั เอง ทรงทําอารมณท่เี ธอเคยประสบมาไวตอ หนา ประกาศความเปน ศพขน้ึ พองเปน ตนแกเ ธอ เธอเห็นดงั นน้ั ยืนสลดใจอยู พระศาสดาทรงแผรศั มีแสดงพระองคเหมือนประทับนัง่ อยตู อหนา ไดต รัสพระคาถาเหลานน้ั วา ดูกอนอภยา ปุถชุ นขอ งอยูใ นกายใด กาย นนั้ มสี ภาพแตกดบั เรามสี ตริ สู กึ ตัวจกั ทอดท้ิงรา งกาย นี้ เราอันความทกุ ขเปน อันมากถกู ตอ งแลว ยินดแี ลว ในความไมป ระมาท บรรลุความสนิ้ ตณั หาแลว ได ปฏิบตั คิ ําสอนของพระพุทธเจา แลว.เวลาจบคาถา พระเถรีน้นั ไดบรรลุพระอรหตั เพราะเหตนุ ั้นทานจงึ กลา วไวในอปทานวา ๑ ในพระนครอรณุ วดมี ีกษัตรยิ พระนามวาอรณุ - ราช ขาพเจาเปน มเหสีของทาวเธอ ขาพเจา รอ ยพวง- มาลัยอยู ไดถอื ดอกอบุ ลมีกลิน่ หอมเหมือนทพิ ย น่ัง อยูในปราสาทอันประเสรฐิ คดิ ขนึ้ ในขณะน้ันเอง อยางนว้ี า เราจะไดประโยชนอ ะไรทเ่ี อาพวงมาลัย เหลา น้ีประดบั บนศรี ษะของเรา เราเอาบชู าในพระ ญาณของพระพุทธเจาผปู ระเสริฐสุดจะประเสรฐิ กวา คนทั้งหลายเขาพากนั บูชานับถอื พระสมั พทุ ธเจา เรา๑. ขุ. ๓๓/ขอ ๑๔๘ สตั ตอปุ ปลมาลิกาเถรอี ปทาน.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 71จะนงั่ ใกลป ระตู จกั บูชาพระมหามุนสี ัมพุทธเจา ในเวลาทีเ่ สด็จมา พระพิชิตมารงามดงั ตน รกฟา หรอื ดังพญาไกรสรมฤคราช พรอมดวยภิกษุสงฆเ สด็จมาตามถนน ขา พเจา เห็นพระรัศมีของพระพุทธองคแ ลว ราเริง สลดใจ ยงั ไมท ันถึงประตู กบ็ ชู าพระพุทธเจาผูประเสรฐิ สุด ขาพเจา ทาํ ดอกอุบลบานเตม็ ท่ี ๗ ดอกเปนทกี่ ันแดดในอมั พร ดอกอุบลเหลา น้ันกนั แดดอยูเหนอื พระเศยี รของพระพทุ ธเจา ขา พเจามจี ิตรา เรงิดใี จ ปลื้มใจ ประคองอัญชลี ทาํ จิตใหเลอื่ มใสในกาลนั้น ไดไ ปสวรรคช น้ั ดาวดงึ ส เหมือนศรี ษะของขาพเจา เขาก้นั เศวตฉัตรขนาดใหญ กลน่ิ ทพิ ยหอมฟงุ ไป นเ้ี ปนผลแหงดอกอบุ ล ๗ ดอก บางครั้งเมื่อหมูญาตนิ ําขา พเจาไป ครั้งน้ันเศวตฉตั รขนาดใหญก็กันแดดไวต ลอดไปถึงบริษัทของขา พเจา ขาพเจา ไดเปนมเหสีของเทวราช ๗๐ องค เปน อิสระในทท่ี ้งัปวง ทอ งเท่ยี วไปในภพนอยใหญ ไดเ ปนมเหสีของพระเจา จักรพรรดิ ๖๓ องค ชนทง้ั ปวงประพฤติตามขาพเจา ขาพเจามีวาจานา เช่ือถอื ผวิ พรรณของขาพ-เจา เหมือนดอกอบุ ล และกลิ่นหอมฟงุ ไป ขา พเจา ไมรูจกั ทคุ ติ นีเ้ ปนผลแหง การบูชาพระพทุ ธเจา ขา พเจาฉลาดในอิทธิบาท ยินดใี นการเจริญโพชฌงค บรรลุอภิญญาบารมี น้เี ปน ผลแหง การบชู าพระพทุ ธเจาขา พเจา ฉลาดในสติปฎฐาน มีสมาธฌิ านเปน โคจร
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาที่ 72 ขวนขวายสัมมัปปธาน นเี้ ปน ผลแหง การบูชาพระพุทธ เจา ความเพียรของขา พเจานาํ เอาธรุ ะนอยใหญไ ป นําเอาธรรมท่เี ปนแดนเกษมจากโยคะมาให ขาพเจามี อาสวะทงั้ ปวงหมดส้ินแลว บัดน้ีภพใหมไมม ี ในกปั ท่ี ๓๑ แคภ ทั รกัปนี้ ขาพเจาเอาดอกไมบ ูชา จึงไมร ูจ กั ทุคติ นี้เปนผลแหง การบูชาพระพทุ ธเจา ขาพเจาเผา กเิ ลสแลว ฯลฯ ขา พเจา ไดป ฏิบตั ติ ามคําสอนของ พระพุทธเจาแลว .ครนั้ บรรลพุ ระอรหตั แลว พระอภยาเถรไี ดเปล่ยี นคาถาเหลา นัน้ แหละกลาวเปนอทุ าน. บรรดาบทเหลานั้น พระอภยาเถรเี รยี กตนเองดว ยบทวา อภเย.บทวา ภิทโุ ร แปลวา มสี ภาพแตกทําลาย ความวา ไมเ ท่ียง. บทวายตถฺ สตฺตา ปุถุชฺชนา ความวา อันธปถุ ชุ นเหลา นี้ ของ ตดิ คือตดิ อยูแลวในกายใด ท่ีมเี วลาแตกทําลายเปนปกติ เพราะสภาวะไมสะอาด มีกล่นิเหมน็ นาเกลียด และปฏิกูล. บทวา นกิ ฺขิปสสฺ ามมิ เทห ความวาเราไมเพงเล็งเพราะไมย ึดถืออีก จกั ซดั คือจกั ท้ิงรางกาย คือกายที่เปอ ยเนานี.้ในคาถาน้ัน ทา นกลา วเหตุ ดว ยบทวา สมฺปชนา ปติสฺสตา. บทวา พหูหิ ทุกฺขธมฺเมหิ อธบิ ายวา อันความทกุ ขไ มนอ ยมชี าติและชราเปนตนถกู ตองแลว. บทวา อปปฺ มาทรตาย ความวา ยินดแี ลวในความไมประมาท กลาวคือความไมอยปู ราศจากสติ เพราะไดค วามสลดใจดว ยความเปนผูหยั่งลงสูทกุ ขน นั้ นั่นเอง. คําทเ่ี หลอื มีนัยดงั กลาวแลว น้นั แล.ในคาถานมี้ ีปาฐะโดยทํานองทพี่ ระศาสดาตรัสวา
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาท่ี 73 ทานพึงยนิ ดใี นความไมป ระมาท จงทอดทิง้ กายน้ี จงถงึ ความสนิ้ ตัณหา จงปฏิบัติคําสอนของ พระพทุ ธเจา.ก็คาถาน้ี พระสงั คตี ิกาจารยยกขนึ้ สสู ังคีติตามทาํ นองที่พระเถรกี ลาวแลว นั่นแล.บทวา อปปฺ มาทรตาย เต ความวา ทานพงึ เปน ผูยินดีแลวในความไมประมาท. จบ อรรถกถาอภยาเถรคี าถา ๑๐. สามาเถรคี าถา [๔๒๙] เราทําใจใหอยูในอาํ นาจไมไ ด จงึ ไม ไดค วามสงบใจ ตองเขาออกจากวหิ าร ๔ ครง้ั ๕ ครัง้ เราน้ันถอนตัณหาขน้ึ แลว ในวนั ท่ี ๘ จากวนั ท่ไี ดร ับ โอวาทของพระอานนทเถระ เราอันความทกุ ขเปน อนั มากถูกตองแลว ยนิ ดีแลว ในความไมป ระมาท บรรลคุ วามส้นิ ตณั หาแลว ไดป ฏิบัตคิ ําสอนของพระ พทุ ธเจา แลว . จบ สามาเถรีคาถา จบทุกนบิ าต
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 74 ๑๐. อรรถกถาสามาเถรคี าถา คาถาวา จตุกฺขตตฺ ุ ปฺจกฺขตฺตุ เปน ตน เปนคาถาของพระเถรีชื่อสามา. แมพ ระเถรชี ือ่ สามานี้ กไ็ ดส รา งสมบญุ บารมไี วในพระพทุ ธเจาองคกอน ๆ ส่ังสมกศุ ลอนั เปนอุปนสิ ยั แหงพระนพิ พานในภพนน้ั ๆ ทองเทย่ี วอยูในในสคุ ติทง้ั หลายน่นั แล ในพทุ ธุปปาทกาลน้ี เกดิ ในตระกลู คฤหบดีมหาศาลในกรงุ โกสมั พี มีชอ่ื วา สามา. นางสามานนั้ รคู วามแลว เปน สหายรกั ของอุบาสกิ าสามาวดี เมอ่ื อบุ าสกิ าสามาวดตี าย เกดิ ความสังเวช บวชครั้นบวชแลวไมอ าจบรรเทาความโศกทีเ่ กดิ ข้ึนเพราะนกึ ถงึ อบุ าสิกาสามาวดี จงึไมอาจยดึ เอาอรยิ มรรคไวไ ด. กาลตอมา นางไดฟงโอวาทของพระอานนทเถระผูน่งั อยูบนอาสนศาลา เรม่ิ ต้ังวปิ สสนา ไดบ รรลุพระอรหัตพรอ มดวยปฏิสมั -ภทิ าทง้ั หลาย ในวนั ที่ ๗ แตวันนั้น. ครัน้ บรรลพุ ระอรหตั แลว พจิ ารณาการปฏบิ ตั ขิ องตน เมื่อประกาศการปฏบิ ัติน้ัน ไดก ลา วคาถาสองคาถาเปน อทุ านวา เราทาํ ใจใหอยูในอํานาจไมได จงึ ไมไ ดความ สงบใจตอ งเขา ออกจากวิหาร ๔ คร้งั ๕ คร้งั เรานนั้ ถอนตัณหาขนึ้ แลวในวันท่ี ๘ จากวนั ทไี่ ดร ับโอวาท ของพระอานนทเถระ เราอันความทกุ ขเปน อันมากถูก ตองแลว ยินดแี ลว ในความไมป ระมาท บรรลคุ วาม สิ้นตณั หาแลว ไดป ฏบิ ตั คิ ําสอนของพระพทุ ธเจา แลว .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 75 บรรดาบทเหลานัน้ บทวา จตกุ ฺขตฺตุ ปฺจกขฺ ตฺตุ วิหาราอุปนิกฺขมึ ความวา เราน่งั มนสกิ ารวปิ ส สนาอยใู นวหิ ารอันเปน ทอ่ี ยขู องเราไมอาจทาํ สมณกิจใหถ ึงทสี่ ุดได จึงคดิ วา วิปส สนาของเราสืบตอ กับมรรคไมไ ดเ พราะไมมีฤดเู ปน ทส่ี บายหรือหนอ ไดออกนอกวหิ ารซ่งึ เปน ทพี่ ักพิง ๔ครง้ั ๕ ครั้ง รวมเปน ๙ คร้งั เพราะเหตนุ ั้น ทานจงึ กลา ววา อลทฺธาเจตโส สนตฺ ึ จิตฺเต อวสวตฺตินี ดังน.้ี บทวา เจตโส สนฺตึ ในคาถานั้น ทานกลาวหมายอริยมรรคสมาธิ. บทวา จติ เฺ ต อวสวตตฺ นิ ี ความวา ทําภาวนาจติ ของเราใหเ ปนไปในอํานาจไมไ ด เพราะไมม ีความเพียรสม่ําเสมอ. ไดยินวา พระเถรนี ้นั ประคับประคองความเพยี รมากเกนิ ไป. บทวาตสฺสา เม อฏ มี รตฺติ ความวา พระเถรีไมเ กยี จครานทง้ั กลางคนื ทั้งกลางวนั เจริญวิปส สนาต้งั แตไดร ับโอวาทในสํานกั ของพระอานนทเถระ ออกจากวิหารคนื หนงึ่ ๔-๕ ครง้ั ยังมนสิการใหเปน ไป ไมบรรลคุ ุณวเิ ศษ ในราตรที ่ี ๘ ไดความเพยี รสม่าํ เสมอ ทํากเิ ลสทั้งหลายใหสิน้ ไปตามลาํ ดบั มรรคเพราะเหตุนน้ั ทา นจงึ กลาววา ตสสฺ า เม อฏมี รตตฺ ิ ยโต ตณฺหาสมหู ตา ดงั นี้. คาํ ทีเ่ หลอื มนี ัยดงั กลา วแลวนัน่ แล. จบอรรถกถาสามาเถรีคาถา จบอรรถกถาทุกนิบาต
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาที่ 76 เถรีคาถา ติกนบิ าต วาดว ยคาถาตา ง ๆ ในติกนิบาต ๑. อัญญตราสามาเถรีคาถา๑ [๔๓๐] ต้งั แตขา พเจาบวชมาแลว ๒๕ พรรษา ขา - พเจาไมร สู กึ กวา ไดค วามสงบจิตในกาลไหน ๆ เลย ขา- พเจาทาํ ใจใหอ ยูในอาํ นาจไมได จึงไมไ ดค วานสงบใจ ตอ จากนั้น ขา พเจา ระลึกถงึ คําสอนของพระชินเจา จงึ ไดถึงความสงั เวช ขาพเจา อันความทุกขเปน อันมาก ถกู ตอ งแลว ยนิ ดแี ลว ในความไมประมาท บรรลุ ความสิ้นตัณหาแลว ไดป ฏบิ ัติคําสอนของพระพุทธ เจา แลว วันน้เี ปนราตรีที่ ๗ นบั แตวันท่ีขาพเจาทาํ ตณั หาใหแ หงสนทิ แลว . จบ อัญญตราสามาเถรคี าถา อรรถกถาติกนบิ าต ๑. อรรถกถาอปราสามาเถรีคาถา ในติกนบิ าตมวี ินิจฉัยดังตอไปนี.้ คาถาวา ปณฺณวสี ติ วสสฺ านิ เปน ตน เปน คาถาของพระเถรชี อ่ืสามาอีกองคหนึง่ แมพ ระเถรีช่อื สามาอีกองคหนึ่งนี้ ก็ไดสรา งสมบญุ บารมไี วในพระพุทธเจาองคก อน ๆ ส่ังสมกศุ ลอันเปน อุปนิสยั แหงพระนิพพานในภพนัน้ ๆในกาลแหงพระผูมพี ระภาคเจา พระนามวาวิปสสี เกิดในกําเนดิ กนิ นร ที่ฝงแม๑. อรรถกถา เปน อปราสามาเถรคี าถา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาท่ี 77นาํ้ จนั ทภาคา กนิ รนี ัน้ เที่ยวขวนขวายในการเลน เพลนิ อยูกับเหลากินนรในท่ีนัน้ อยูมาวนั หนง่ึ พระศาสดาเสดจ็ ไปในทนี่ น้ั เพอ่ื ทรงปลกู พืชคือกศุ ลแกกินรีแมนนั้ เสดจ็ จงกรมอยทู ฝี่ ง แมน้าํ กนิ รนี ้นั เห็นพระผูม พี ระภาคเจา รา เริงยินดี ถือเอาดอกไมชา งนา วไปเฝา พระศาสดา ถวายบงั คมแลว บชู าพระผมู ีพระภาคเจา ดวยดอกไมเ หลา น้นั ดวยบุญกรรมนั้นกนิ รนี นั้ ทองเท่ียวอยโู นเทวโลกและมนษุ ยโลก ในพทุ ธปุ ปาทกาลนี้ เกิดในเรือนตระกูลในกรงุ โกสมั พี เจริญวยั แลวเปน สหายของนางสามาวดี เวลานางสามาวดนี ัน้ ตาย เกดิ ความสงั เวชบวช ๒๕ พรรษายงั ไมไ ดส มาธิจิต ในเวลาแกไ ดโอวาทของพระสคุ ตแลวเจรญิ วิปสสนา ไดบรรลพุ ระอรหัตพรอมดวยปฏสิ ัมภทิ าทง้ั หลาย เพราะเหตุนน้ั ทานจึงกลาวไดใ นอปทานวา๑ ขา พเจาเปนกินรอี ยูท ี่ฝง แมน ํ้าจันทภาคา ครง้ั นน้ั ขาพเจา ไดเ ห็นพระนราสภ ผเู ปน เทพของทวยเทพ กําลงั เสดจ็ จงกรมอยู จึงไดเลอื กเกบ็ ดอกไมชางนาวมา ถวายแดพ ระพุทธเจา ผปู ระเสรฐิ สดุ พระมหาวรี สมั - พทุ ธเจาพระนามวิปส สีผเู ปน นายกของโลก ทรงรับ ดอกไมช างนา วซ่ึงมกี ล่นิ เหมือนทพิ ยท รงดมแลว พระ มหาวรี ะ ทรงดม เม่ือขาพเจากําลงั เพงดอู ยใู นกาลน้ัน ขา พเจาประคองอัญชลี ถวายบงั คมพระพทุ ธองคผสู งู สดุ กวา สตั วสองเทา ทาํ จิตองตนใหเลื่อมใส ตอ น้ัน ก็เดนิ ขึน้ ภเู ขาไป ในกปั ที่ ๙๑ แตภทั รกัปน้ี ขา พเจา ไดถ วายดอกไมใดในกาลนนั้ ดวยการถวายดอกไม นัน้ ขา พเจาไมรจู ักทุคติ น้เี ปน ผลแหง การบชู าพระ พุทธเจา .๑. ขุ. ๓๓/ขอ ๑๕๒ สลฬปปุ ผกิ าเถรอี ปทาน.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาที่ 78 ขาพเจา เผากเิ ลสแลว ฯลฯ ขาพเจาไดปฏบิ ัติ คาํ สอนของพระพทุ ธเจาแลว .ครัน้ บรรลุพระอรหัตแลวพิจารณาการปฏิบัตขิ องตน ไดก ลาวคาถาเหลา น้ีเปนอุทานวา ตัง้ แตขา พเจา บวชมาแลว ๒๕ พรรษา ขาพ- เจาไมร ูสกึ วาไดความสงบจติ ในกาลไหน ๆ เลย ขาพ- เจาทําใจใหอ ยใู นอาํ นาจไมได จึงไมไดค วามสงบใจ ตอ จากน้นั ขา พเจาระลึกถงึ คําสอนของพระชนิ เจา ได จึงถงึ ความสังเวช ขาพเจา อันความทกุ ขเปนอัน มากถูกตองแลว ยนิ ดีแลว ในความไมประมาท บรรลุ ความสิ้นตัณหาแลว ไดป ฏบิ ตั คิ ําสอนของพระพทุ ธ เจา แลว วันนี้เปน ราตรีท่ี ๗ นับแตวนั ทีข่ าพเจา ทํา ตัณหาใหแ หง สนิทแลว. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา จติ ฺตสสฺ สม ไดแ กค วามเขาไปสงบแหงจติ ความวา มรรคสมาธแิ ละผลสมาธทิ เี่ กดิ แตค วามสงบใจ. บทวา ตโต ไดแก จากความเปนผูไมส ามารถยงั อํานาจจติ ใหเ ปนไป. บทวา ส เวคมาปาทึความวา แมเม่ือพระศาสดายังดํารงพระชนมอยู ยังไมอาจทาํ กิจของบรรพชิตใหถ ึงทส่ี ดุ ได ภายหลงั จกั ใหถงึ ไดอ ยางไร ขาพเจาถงึ ความสังเวช คอื ความสะดุง เพราะญาณ ดงั วา มาน้.ี บทวา สรติ วฺ า ชินสาสน ไดแ กระลกึ ถึงโอวาทของพระศาสดามอี ุปมาดว ยเตาตาบอดเปนตน. คําท่เี หลือมนี ยั ดงั กลา วแลว แล. จบ อรรถกถาอปราสามาเถรคี าถา
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาท่ี 79 ๒. อตุ ตมาเถรคี าถา [๔๓๑] ขา พเจาทาํ ใจใหอยูในอํานาจไมได จงึ ไมได ความสงบใจ ตองเขาออกจากวิหาร ๔ คร้ัง ๕ คร้ัง ขาพเจาไดเขาไปหาภกิ ษุ ผมู ีวาจาท่ขี า พเจาพึงเชือ่ ถือ ได ภิกษุณีนนั้ ไดแสดงธรรม คอื ขนั ธ อายตนะ และ ธาตุ แกขาพเจา ขาพเจาฟงธรรมของภิกษณุ ีนน้ั ได ปฏบิ ตั ิตามทที่ า นพร่าํ สอนขาพเจา เปนผเู อบิ อมิ่ ดวย ปต ิสขุ นงั่ โดยบัลลังกเ ดียวตลอด ๗ วัน ในวนั ท่ี ๘ ขา พเจาทําลายกองแหงความมืดแลว จงึ เหยียดเทา ออก. จบ อตุ ตมาเถรคี าถา ๒. อรรถกถาอุตตมาเถรีคาถา คาถาวา จตกุ ฺขตฺตุ ปฺจกฺขตตุ เปน ตน เปนคาถาของพระเถรีช่อื อตุ ตมา. แมพระเถรีช่ืออุตตมาองคน ้ี กไ็ ดส รางสมบญุ บารมไี วในพระพทุ ธเจาองคกอ น ๆ ส่งั สมกุศลอันเปนอุปนสิ ยั แหง พระนิพพานในภพนน้ั ๆ ในกาลแหง พระผมู ีพระภาคเจา พระนามวาวปิ ส สี เกดิ เปนฆรทาสีในเรือนตระกลู ของกฎุ ม พคี นหน่งึ ในพระนครพันธุมดี นางเจริญวัยแลว ทํางานขวนขวายชว ยเหลอื ตายายของตนเลีย้ งชีพ สมยั นน้ั พระเจาพนั ธมุ ราชทรงรักษาอุโบสถในวันเพญ็ เวลากอ นอาหารทรงใหท าน เวลาหลังอาหารเสดจ็ ไปฟงธรรม ครัง้ น้ัน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 80มหาชนประพฤติสมาทานองคอ โุ บสถในวันเพญ็ เหมอื นพระราชาทรงปฏิบตั ิทีเดยี ว. คราวน้ัน ทาสีนัน้ ไดม ีความคิดนว้ี า บดั นี้ ทั้งมหาราชและมหาชนประพฤติสมาทานองคอ ุโบสถ อยากระนั้นเลย เราพึงประพฤติสมาทานองคอุโบสถในวนั อโุ บสถท้ังหลาย ทาสีน้นั กระทาํ อยอู ยา งน้นั รักษาอโุ บสถศลีบริสุทธด์ิ ี บงั เกดิ ในสวรรคช้นั ดาวดึงส ทอ งเทยี่ วไป ๆ มาๆ อยใู นสคุ ติทั้งหลายน่ันแล ในพทุ ธุปปาทกาลนี้ เกดิ ในตระกูลเศรษฐี กรุงสาวัตถี รคู วามแลว ไดฟ ง ธรรมในสํานกั ของพระเถรปี ฏาจารา เรม่ิ เจรญิ วปิ ส สนา ไมอ าจใหวปิ ส สนาน้นั ถงึ ทส่ี ุดได พระปฏาจาราเถรีทราบอาจาระจิตของเธอ จงึ ไดใหโอวาทเธอตัง้ อยูในโอวาทของพระเถรีน้ัน ไดบรรลพุ ระอรหตั พรอมดว ยปฏิ-สมั ภทิ าทั้งหลาย เพราะเหตุนน้ั ทา นจงึ กลาวไวในอปทานวา ๑ ในพระนครพนั ธมุ ดี มกี ษตั รยิ พระนามวา พันธุมะ ในวันเพญ็ ทา วเธอทรงรักษาอุโบสถศลี สมัย นั้น ขา พเจาเปนกมุ ภทาสอี ยใู นพระนครน้นั ในกาล นั้น เห็นเสนาพรอ มดวยพระราชา จึงคิดอยา งน้ีวา แมพระราชากย็ ังทรงละราชสมบัติมารกั ษาอุโบสถศลี กรรมน้นั ตอ งมีผลแน หมูช นจงึ เบิกบานใจ ขา พเจา พจิ ารณาทุคตแิ ละความเปนคนยากจน โดยแยบคาย ทําใจใหราเริงแลวรักษาอุโบสถศีล ขาพเจารักษา อโุ บสถศลี ในศาสนาของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา เพราะ ธรรมทท่ี ําไวด นี ้นั ขาพเจา ไดไปสวรรคชนั้ ดาวดึงส วมิ านที่บญุ กรรมสรางใหขา พเจา อยา งสวยงามในดาว ดงึ สนนั้ สูงขนึ้ ไปเบ้ืองบนโยชนห น่ึง ประกอบดวย เรอื นยอดอันประเสริฐ มที ่ีนั่งใหญประดบั ไวอยา งดี๑. ขุ. ๓๓/ขอ ๑๕๑ เอกโปสถกิ าเถรอี ปทาน.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ที่ 81อปั สรแสนนางตา งบํารงุ บาํ เรอขาพเจา อยทู ุกเมื่อขาพเจารงุ โรจนเกนิ เทพเหลาอ่นื ในกาลทั้งปวง ไดเ ปนมเหสีของเทวราช ๖๔ องค ไดเปน มเหสีของพระเจา -จักรพรรดิ ๖๓ องค ขาพเจามวี รรณะดังวรรณะแหงทอง ทองเท่ยี วไปในภพทงั้ หลาย เปนผูป ระเสริฐในท่ีท้ังปวง น้ีเปนผลแหง อโุ บสลศีล. ขาพเจา ไดย านชา งยานมา ยานรถ และวอท้ังปวงน้ี นเ้ี ปน ผลแหงอโุ บสถศีล. ภาชนะทอง เงิน แกว ผลึกและปท มราคขาพเจา ไดทกุ อยา ง ผา ไหม ผาขนสัตว ผาเปลอื กไมผา ฝาย และผา ทีม่ รี าคามาก ขา พเจาไดทกุ อยาง ขาวนาํ้ ของเค้ียว ผา และเสนาสนะ ขา พเจาไดทุกอยา งนเ้ี ปน ผลแหง อโุ บสถศลี . ของหอมอยางดี ดอกไม จุรณเครอื่ งลูบไล ขาพเจาไดท กุ อยา ง นเี้ ปนผลแหงอโุ บสถ-ศีล. เรอื นยอด ปราสาท มณฑป เรอื นโลน และถํ้าขาพเจาไดทุกอยาง นเี้ ปนผลแหงอุโบสถศีล. ขาพเจาเกิดได ๗ ปก บ็ วชเปน บรรพชิต บวชไมถึงครงึ่ เดือนก็ไดบ รรลพุ ระอรหัต ขา พเจา เผากเิ ลสแลว ถอนภพทัง้ หมดข้นึ แลว อาสวะทุกอยางหมดสิน้ แลว บดั น้ีภพใหมมไิ ดม ี ในกัปท่ี ๙๑ แตภทั รกัปน้ี ขาพเจา ทํากรรมใดไวใ นกาลนัน้ ดวยกรรมน้ัน ขาพเจาไมร ูจักทุคติ นเ้ี ปน ผลแหงอุโบสถศีล. ขา พเจา เผากิเลสแลวฯลฯ ขา พเจา ไดป ฏิบตั คิ ําสอนของพระพทุ ธเจาแลว
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ที่ 82ครน้ั บรรลุพระอรหตั แลว พจิ ารณาการปฏิบัตขิ องตน ไดก ลาวคาถาเหลาน้ีเปน อุทานวา ขาพเจาทําใจใหอ ยูใ นอํานาจไมได จงึ ไมได ความสงบใจ ตองเขา ออกจากวิหาร ๔ ครัง้ ๕ คร้งั ขา พเจาไดเ ขาไปหาภิกษณุ ผี มู วี าจาที่ขาพเจา พงึ เช่อื ถอื ได ภิกษุณนี ั้นไดแ สดงธรรม คอื ขันธ อายตนะและ ธาตุแกข าพเจา ขาพเจา ฟง ธรรมของภกิ ษุณนี น้ั ได ปฏิบตั ติ ามทีท่ า นพรํา่ สอน ขา พเจา เปนผูเอิบอิ่มดว ย ปต ิสขุ นั่งโดยบลั ลังกเดยี วตลอด ๗ วัน ในวนั ท่ี ๘ ขา พเจา ทําลายกองแหงความมดื แลว จึงเหยียดเทาออก. บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา สา ภกิ ฺขุนึ อปุ าคจฉฺ ึ ยา เมสทฺธายกิ า อหุ ความวา ภิกษณุ ใี ดเปนผอู ันขาพเจาพึงเชื่อ คือมวี าจานาเชื่อ ขาพเจานั้นเขาไปใกล คอื เขา ไปหาภกิ ษณุ นี ้ัน ทานกลาวหมายถงึ พระปฏาจาราเถรี ปาฐะวา สา ภิกขฺ นุ ี อุปคจฉฺ ิ ยา เม สาธยกิ า ดังนี้ก็มีบา ง ความวา ภกิ ษณุ ีใดทาํ ประโยชนข องตนใหส าํ เรจ็ แกขา พเจา ภกิ ษณุ ีนั้นคือ พระปฏาจาราเถรไี ดเขาไปหาขาพเจาเพอื่ อนเุ คราะห. บทวา สา เมธมฺมมเทเสสิ ขนฺธายตนธาตโุ ย ความวา พระปฏาจาราเถรีนั้นเมื่อแสดงจําแนกขันธเ ปนตน วา เหลา น้ีขนั ธ ๕ เหลานอ้ี ายตนะ ๑๒ เหลานีธ้ าตุ ๑๘ไดแ สดงธรรมแกขา พเจา . บทวา ตสฺสา ธมฺม สุณิตวฺ าน ความวา ฟง ธรรมเรือ่ งวิปสสนาอนั ละเอียดสขุ ุม ทแี่ สดงใหถ ึงอริยมรรคมกี ารจําแนกขันธเ ปน ตน เปน เบ้อื งตน ในสาํ นักของพระเถรีผบู รรลุปฏสิ มั ภทิ าน้ัน. บทวา ยถา ม อนสุ าสิ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาท่ี 83สา ความวา ตามทพี่ ระเถรนี นั้ พร่ําสอนคอื กลาวสอนขาพเจา เมือ่ ปฏิบตั ิอยา งนน้ั ขา พเจา ไดย ังการปฏิบตั ิใหถึงท่ีสุด นงั่ โดยบลั ลงั กเดยี วตลอด ๗ วัน.นามวาอยา งไร. ตอบวา บทวา ปติสขุ สมปฺปตา ไดแก เปนผพู รอมเพรียงดวยปติสขุ ซึ่งสําเร็จดวยฌาน. บทวา อฏ มยิ า ปาเท ปสาเรสึตโมกฺขนฺธ ปทาลย ความวา ทาํ ลายกองโมหะไมใหเ หลอื ดว ยอรหตั มรรคทาํ ลายบัลลังกเ หยยี ดเทาออกแลว ในวนั ที่ ๘, กก็ ารเปลงอทุ านนแ้ี หละ เปนการพยากรณพระอรหัตผลของพระเถรนี ั้น. จบ อรรถกถาอตุ ตมาเถรคี าถา ๓. อัญญตราอุตตมาเถรีคาถา [๔๓๒] โพชฌงค ๗ ประการเหลาน้ี เปนบรรดา แหง การบรรลพุ ระนพิ พาน ขา พเจาเจรญิ แลว ทง้ั หมด ตามทพี่ ระพทุ ธเจาทรงแสดงไวขา พเจา ไดสุญญตสมา- บตั ิและอนิมติ ตสมาบตั ิ ตามปรารถนา ขา พเจา เปน ธิดาเกิดแตพระอุระของพระพทุ ธเจา ยินดียงิ่ แลวใน พระนิพพานทุกเมือ่ กามทง้ั ปวงท้งั เปนของทพิ ยและ ของมนุษย ขาพเจา ตัดขาดแลว ชาติสงสารขาดสนิ้ แลว บดั นภี้ พใหมมไิ ดม .ี จบ อญั ญตราอุตตมาเถรีคาถา
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาที่ 84 ๓. อรรถกถาอัญญตราอุตตมาเถรีคาถา คาถาวา เย อิเม สตฺต โพชฌฺ งฺคา เปนตน เปนคาถาของพระ-เถรชี อ่ื อุตตมาอกี องคห นึ่ง. แมพระเถรีชอ่ื อุตตมาองคนี้ ก็ไดส รางสมบุญบารมีไวในพระพทุ ธเจาองคกอน ๆ สัง่ สมกศุ ลอนั เปน อุปนสิ ยั แหง พระนพิ พานในภพนน้ั ๆ ในกาลแหงพระผูม ีพระภาคเจา พระนานวา วปิ สสี บังเกดิ เปนกุลทาสี ในพระนครพันธุมดี วนั หน่งึ กุลทาสีนน้ั เหน็ พระเถระขณี าสพองคหน่งึ ผูเปน สาวกของพระศาสดาเท่ยี วบณิ ฑบาตอยู มีใจเล่ือมใสไดถ วายขนมตม ๓ ช้นิ ดวยบุญกรรมนัน้ นางทอ งเที่ยวอยใู นเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธปุ ปาทกาลนี้เกิดในตระกลู พราหมณมหาศาลตระกูลหนงึ่ ในโกศลชนบท รูความแลว ฟงธรรมในสาํ นกั ของพระศาสดาผเู สดจ็ จารกิ ไปในชนบท ไดศ รัทธา บวชไมนานนักกไ็ ดบ รรลพุ ระอรหตั พรอ มดว ยปฏสิ ัมภทิ าทั้งหลาย เพราะเหตุน้ันทานจึงกลาวไวใ นอปทานวา ๑ ขา พเจา เปน กมุ ภทาสี อยูในพระนคร พันธมุ ดี ขาพเจา ถอื เอาขนมตมสว นของขา พเจา ไปที่ทา นํ้า ได พบสมณะผูมจี ติ สงบ มใี จเปนสมาธิทหี่ นทาง มีจิต เลือ่ มใส ดีใจ ไดถ วายขนมตม ๓ ชิ้น เพราะกรรม ท่ที าํ ไวด นี ้ัน และดว ยความตัง้ ใจแนวแน ขา พเจา ไม ไดไปสวู นิ ิบาตเลยตลอดเวลา ๒๙ กปั ขา พเจาทาํ สมบตั ิแลวไดเสวยสมบตั ินน้ั ทุกอยา ง ขา พเจา ถวาย๑. ขุ. ๓๓/ขอ ๑๕๓ โมทกทายกิ าเถรีอปทาน.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ที่ 85 ขนมตม ๓ ชิ้นแลว ไดบ รรลอุ จลบท ขา พเจา เผากเิ ลส แลว ฯลฯ ขาพเจา ไดป ฏบิ ัติคําสอนของพระพทุ ธเจา แลว .ครั้นบรรลุพระอรหตั แลว พจิ ารณาการปฏิบัติของตน ไดก ลาวคาถาเหลา นี้เปนอทุ านวา โพฌงค ๗ ประการเหลาน้เี ปน บรรดาแหง การ บรรลุพระนพิ พาน ขาพเจาเจรญิ แลวทัง้ หมด ตามท่ี พระพุทธเจา ทรงแสดงไว ขาพเจา ไดสญุ ญตสมาบตั ิ และอนมิ ิตตสมาบตั ิตามปรารถนา ขาพเจาเปนธดิ า เกดิ แตพ ระอรุ ะของพระพทุ ธเจา ยินดยี ง่ิ แลวในพระ- นิพพานทกุ เม่อื กามท้ังปวงทัง้ เปน ของทพิ ยและของ มนษุ ย ขา พเจา ตดั ขาดแลว ชาตสิ งสารขาดสน้ิ แลว บัดน้ีภพใหมม ิไดม.ี บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา สุ ฺตสสฺ านิมิตฺตสฺส ลาภินหี ยทิจฺฉก ความวา ขาพเจาไดสญุ ญตสมาบตั ิและอนิมิตตสมาบัติ ดังทป่ี รารถนาอธิบายในขอนน้ั วา ขาพเจาปรารถนาจะเขา สมาบัตใิ ด ๆ ในท่ใี ด ๆ ขา พเจายอมเขา สมาบัตินน้ั ๆ ในที่นนั้ ๆ ในกาลน้ัน ๆ อยู แมถึงจะเกิดผลท้งั สามมีสญุ ญตะเปนตนของมรรคใดมรรคหนง่ึ ท่ีมชี ือ่ วา สุญญตะและอัปปณิหติ ะเปน ตนกจ็ ริง ถึงอยา งน้นั พระเถรอี งคนี้กเ็ ขา สญุ ญตสมาบตั แิ ละอนิมติ ตสมาบัติเทา นั้นเพราะเหตุนั้น ทานจึงกลา ววา สุ ฺตสฺสานมิ ิตฺตสสฺ ลาภนิ ีห ยทจิ ฉฺ ก
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 86ดังน้ี อกี อยางหนึ่ง คําน้ีทานกลาวตามที่เปน ไปโดยมาก อาจารยบ างทา นกลา ววา นัน่ เปนเพยี งชแ้ี จง. บทวา เย ทพิ ฺพา เย จ มานสุ า ความวา วตั ถกุ ามท้งั ทีน่ บัเนือ่ งในเทวโลกท้งั ทนี่ ับเน่ืองในมนุษยโลกเหลานนั้ ท้ังหมด ขาพเจาตดั ขาดโดยชอบทเี ดียว ดว ยการละฉนั ทราคะท่เี ก่ยี วเกาะวัตถุกามนัน้ คือทําใหไ มควรบริโภค ดงั ที่ตรัสไวว า ดกู อนอาวโุ ส ภิกษขุ ีณาสพไมค วรบรโิ ภคกามท้ังหลาย เหมอื นเมอื่ เปน คฤหสั ถในกาลกอ น คาํ ทเ่ี หลือมีนัยดังกลา วแลว . จบ อรรถกถาอญั ญตราอุตตมาเถรีคาถา ๔. ทนั ติกาเถรคี าถา [๔๓๓] ขาพเจาออกจากทพ่ี ักกลางวนั บนภเู ขา คชิ กฌู ฏ ไดเหน็ ชางลงสูแ มน า้ํ แลวขนึ้ จากแมน ํา้ ทฝี่ ง นที นายหตั ถาจารยถือขอใหส ัญญาวา จงใหเทา ชา ง ไดเ หยยี ดเทาออก นายหตั ถาจารยก ข็ ้ึนชา ง ขาพเจา เหน็ ชางทไ่ี มเ คยไดรบั การฝก เมอื่ ไดรับการฝกแลว ก็ อยูในอาํ นาจของพวกมนุษย หลังจากเห็นชา งน้ัน ขา พเจา เขาปาทําจิตใหเ ปนสมาธิ เพราะกิรยิ าของ ชา งนนั้ เปนเหตุ. จบ ทันตกิ าเถรีคาถา
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 87 ๔. อรรถกถาทนั ติกาเถรีคาถา คาถาวา ทวิ าวิหารา นิกฺขมมฺ เปน ตน เปนคาถาของพระเถรีชอื่ ทันติกา. แมพระเถรีชอื่ ทนั ตกิ าองคนี้ กไ็ ดส รางสมบญุ บารมไี วในพระพทุ ธเจาองคกอ นๆ ส่งั สมกุศลอันเปน อปุ นสิ ัยแหงพระนพิ พานในภพนน้ั ๆ เกดิ ในกาํ เนดิ กินนรทฝี่ งแมน า้ํ จันทภาคา ในเวลาทว่ี างพระพุทธเจา วนั หนง่ึ กินรีนั้นเทย่ี วเลน กบั เหลา กนิ นร ไดเ ห็นพระปจเจกพุทธเจา องคหน่ึงนัง่ อยูท ีโ่ คนไมแหงหนึง่ พอเหน็ ก็มใี จเลอื่ มใส เขา ไปหาบชู าดว ยดอกสาละ ไหวแ ลวหลกี ไปดวยบุญกรรมน้นั เธอทองเที่ยวอยูในเทวโลกและมนษุ ยโลก ในพุทธปุ ปาท-กาลนี้ เกดิ ในเรอื นพราหมณผ เู ปน ปุโรหิตของพระเจา โกศล กรงุ สาวตั ถีรคู วามแลวเปน อุบาสกิ าไดศรัทธาในกาลรบั พระเชตวัน ภายหลงั บวชในสาํ นักของพระมหาปชาบดโี คตมี อยูใ นกรงุ ราชคฤห วนั หนึง่ ฉนั อาหารแลว ขึ้นเขาคิชฌกูฏ นั่งพักกลางวันเห็นชางเหยยี ดเทาเพอื่ ใหค นขชี่ างข้นึ ทําเรอื่ งน้ันแหละใหเ ปน อารมณ เจริญวปิ สสนา ไดบ รรลพุ ระอรหัตพรอมดวยปฏิสัมภทิ าทง้ัหลาย เพราะเหตุนัน้ ทานจึงกลาวไวในอปทานวา๑ ขาพเจาเปนกนิ รีอยทู ฝี่ งแมน ํ้าจนั ทภาคา ใน กาลนน้ั ขา พเจา ไดเ ห็นพระสยมั ภูพทุ ธเจาผปู ราศจาก ธลุ ี ผอู ันใคร ๆ ใหแ พไ มได ขาพเจามจี ิตเล่ือมใส ดีใจ ปลืม้ ใจ กระทาํ อัญชลี ถอื เอาดอกสาละบชู าพระ สยมั ภู ดว ยธรรมที่ทาํ ดนี ้นั และดว ยความตั้งใจมน่ั ขา พเจา ละรางกินรี ไดไปสวรรคชนั้ ดาวดงึ ส ขา พเจา๑. ขุ. ๓๓/ขอ ๑๕๖ นฬมาลิการตรีอปทาน.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาที่ 88 ไดเ ปนมเหสขี องเทวราช ๓๖ องค สิง่ ท่ีใจปรารถนา บังเกิดแกขาพเจาตามทป่ี รารถนา ขา พเจา ไดเ ปน มเหสขี องพระเจาจักรพรรดิ ๑๐ องค ขาพเจาเปนผู สรา งสรรคต นเองทองเทย่ี วไปในภพทัง้ หลาย ขาพ- เจามีบุญกศุ ลไดบวชเปนบรรพชติ วนั นี้ขาพเจาเปน ปูชารหบคุ คลในศาสนาของพระศากยบตุ ร วนั น้ขี า พ- เจา มีใจบริสทุ ธ์ิ ปราศจากใจช่วั ชา มีอาสวะทง้ั ปวง หมดสิ้นแลว บัดนีภ้ พใหมม ิไดมี ในกปั ท่ี ๙๔ แตภทั ร- กัปน้ี ขา พเจา ไดบูชาพระพทุ ธะใด ดว ยพทุ ธบชู า นั้น ขาพเจาไมร ูจ กั ทคุ ติ นเ้ี ปนผลแหงการบชู าดว ย ดอกสาละ ขา พเจาเผากิเลสแลว ฯลฯ ขาพเจาได ปฏบิ ตั ิคาํ สอนของพระพทุ ธเจา แลว.ครนั้ บรรลุพระอรหตั แลว พิจารณาการปฏบิ ตั ขิ องตน เกิดปต ิโสมนัส ไดกลา วคาถาเหลานีเ้ ปน อทุ านวา ขา พเจา ออกจากที่พกั กลางวันบนภูเขาคชิ ฌกฏู ไดเห็นชา งลงสูแมน้ําแลว ขน้ึ จากแมน้าํ ทฝ่ี ง นที นาย หัตถาจารยถอื ขอใหสัญญาวา จงใหเทา ชา งไดเหยยี ด เทา ออก นายหัตถาจารยก ข็ ้นึ ชาง ขาพเจา เห็นชา งที่ ไมเ คยไดร บั การฝก เมอื่ ไดร ับการฝก แลว ก็อยใู น อํานาจของพวกมนษุ ย หลังจากเห็นชา งนั้น ขา พเจา เขาปาทาํ จติ ใหเ ปนสมาธิ เพราะกิรยิ าของชางนนั้ เปนเหต.ุ
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ที่ 89 บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา นาค โอคาหมุตตฺ ณิ ฺณ ความวาชางทาํ การลงคือลงในแนน ้าํ แลวขน้ึ จากแมน ํ้านัน้ . อกี อยางหน่ึง ปาฐะวาโอคยฺห อตุ ฺตณิ ฺณ ลงแลว ขน้ึ ดังนี้ ม อักษรทําหนาทีเ่ ชือ่ มบท. บทวานทตี ีรมฺหิ อทฺทส ความวา ไดเหน็ ท่ฝี ง แหง แมน ํา้ จนั ทภาคา. บทวา ปรุ โิ ส เปนตน ท่ีกลาวเพอื่ แสดงความน้ีวา ทําอะไร.บาทคาถาวา เทหิ ปาทนตฺ ิ ยาจติ ในคาถานั้น ความรา ใหสัญญาเหยยี ดเทา เพอ่ื ขนึ้ หลัง วาจงใหเ ทา กผ็ ใู หสญั ญาตามทฝ่ี ก กัน ไว ทานกลาวในทีน่ ีว้ ายาจติ. บทวา ทิสฺวา อทนฺต ทมติ ความวา ตามปกติชางที่ไมเ คยฝกมากอน บัดนีไ้ ดรบั การฝกทน่ี ายหัตถาจารยฝ กดวยการศึกษาสําหรับชางประกอบความวา ฝก เชน ไรจงึ อยูในอํานาจของมนษุ ยทงั้ หลาย เห็นชา งทพ่ี วกมนุษยบงั คับนน้ั ๆ. บทวา ขลุ ในบทวา ตโต จติ ฺต สมาเธสึ ขลุตาย วน คตา เปนนิบาตลงในอรรถหา มความอืน่ ความวา หลงั จากนัน้คือจากท่เี หน็ ชา ง ขาพเจาไปยงั วนะคือปา ทําจติ ใหเปนสมาธิทเี ดียว ดว ยกิรยิ าของชางน้นั เปนเหตุอยางไร ขาพเจาคิดวา ชา งแมน ีช้ ือ่ วาเปนดริ ัจฉานยังถงึ การฝกดว ยความสามารถของผฝู ก ชา งได เหตไุ รจิตของเราผูเ ปน มนษุ ยจงึ จกั ไมถึงการฝก ดวยความสามารถของพระศาสดาผูฝก คนเลา ดังน้ี เกดิความสงั เวชเจริญวิปส สนา ทําจติ ของขา พเจาใหเ ปน สมาธิดวยอรหัตมรรคสมาธิคอื ทํากิเลสใหส้ินไปโดยประการทั้งปวงดว ยสมาธอิ นั แนวแน. จบ อรรถกถาทันตกิ าเถรคี าถา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาท่ี 90 ๕. อุพพริ ิเถรีคาถา พระศาสดาตรสั ถามวา [๔๓๔] แนะอุพพริ ิ เธอครํา่ ครวญอยใู นปาวา ลกู ชีวา เอย เธอจงรจู กั ตน ธิดาของเธอท่ีมีช่อื วา ชีวา ทง้ั หมด มปี ระมาณ ๘๔,๐๐๐ คน ถูกเผาอยใู นปาชาน้ี บรรดา ธิดาเหลานน้ั เธอเศรา โศกถงึ ธิดาคนไหน. นางอพุ พิริทลู วา ลูกศรคือความโศกทเ่ี หน็ ไดย าก เสยี บอยแู ลว ใน หทัยของขาพระองค ขา พระองคถอนขน้ึ ไดแลว ขา - พระองคบรรเทาความเศราโศกถึงธดิ าของขาพระองค ผถู ูกความโศกครอบงําไดแลว วนั นีข้ าพระองคถอน ลูกศรคอื ความโศกขนึ้ แลว หมดความอยาก ดับรอบ แลว ขา พระองคเขา ถึงแลว ซง่ึ พระพุทธเจา ผูเปนนกั ปราชญก ับท้ังพระธรรมและพระสงฆ วา เปนสรณะ. จบ อุพพริ ิเถรคี าถา ๕. อรรถกถาอุพพิรเิ ถรีคาถา คาถาวา อมฺม ชวี า เปนตน เปนคาถาของพระเถรชี อื่ อพุ พริ ิ. แมพ ระเถรชี อื่ อพุ พริ นิ ้ี ก็ไดสรางสมบญุ บารมไี วใ นพระพทุ ธเจาองคกอน ๆ สง่ั สมกศุ ลอนั เปนอุปนิสยั แหงพระนิพพานในภพน้นั ๆ ในกาลแหง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เถรีคาถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนาที่ 91พระผมู พี ระภาคเจา พระนามวาปทุมตุ ตระ เกดิ ในเรอื นแหงตระกลู ในพระนคร-หังสวดี รูค วามแลว วนั หน่ึงเมอ่ื บิดามารดาไปเรอื นอ่ืนเพอื่ รวมงานมงคลตนเองไมม ีเพอ่ื นถูกละไวใ นเรือน ในเวลาใกลภิกขาจารแลว เห็นพระเถระขี-ณาสพองคห นงึ่ ซึง่ เปน สาวกของพระผมู ีพระภาคเจา เดินเขา มาใกลประตเู รอื นประสงคจะถวายภิกษาจึงกลาววา นมิ นตทานเขา มาในท่ีน้เี จาขา เม่อื พระเถระเขา เรอื นแลว ไหวพ ระเถระดวยเบญจางคประดิษฐ ไดป ลู าดอาสนะดวยพรมทท่ี ําดวยขนแกะเปน ตนถวาย พระเถระน่งั บนอาสนะทป่ี ูลาดไว นางรับบาตรใสบิณฑบาตจนเต็มแลววางในมือพระเถระ พระเถระอนุโมทนาแลวหลกี ไป ดว ยบุญกรรมนัน้ นางเกิดในสวรรคชั้นดาวดงึ ส เสวยทิพยส มบตั โิ อฬารในดาว-ดึงสน น้ั จนตลอดอายุ จตุ ิจากดาวดึงสนน้ั ทองเท่ียวอยูในสคุ ตภิ ูมิทง้ั หลายเทาน้นั ในพทุ ธปุ ปาทกาลนี้ เกดิ ในตระกูลคฤหบดมี หาศาล กรงุ สาวัตถี ไดน ามวา อุพพิริ เปนหญงิ มรี ปู งามนา ทัศนานา เล่อื มใส เม่ือเจริญวัยแลว นางถกู นําไปสูพ ระตําหนกั สวนพระองคข องพระเจา โกศล ลว งไป ๒-๓ ป ไดธดิ าคนหน่งึ ญาตพิ น่ี อ งทงั้ หลายไปต้ังชือ่ ธิดานั้นวา ชีวา พระเจาโกศลทอดพระเนตรเห็นธดิ าของนาง ทรงมพี ระทยั ยินดี ไดพระราชทานอภิเษกดวยแผนดนิ มีพืชอดุ ม แตธ ดิ าของนางไดต ายเสยี ในเวลาทีเ่ ทีย่ ววิ่งไปวิง่ มาไดมารดาไปปา ชา ทเ่ี ขาเอารา งของธิดาไปทง้ิ ครา่ํ ครวญอยูทุกวนั . วันหนง่ึ นางไปเฝา พระศาสดาถวายบังคมแลว นัง่ อยูห นอ ยหนึง่ ก็ไปยนื ท่ฝี งแมนา้ํ อจิรวดีครา่ํ ครวญถงึ ลกู พระศาสดาทรงเห็นดงั นั้น ประทับนั่งในพระคันธกุฏิอยา งเดมิ น่ันเอง แสดงพระองคต รสั ถามวา เธอบน เพอ เพราะเหตุไร นางกราบทูลวา บน เพอถงึ ลูกสาวของขา พระองคพระเจาขา พระศาสดาตรัสวา ทปี่ าชานีเ้ ขาเผาลูกสาวของเธอประมาณ ๘๔,๐๐๐ คน บรรดาลูกสาว
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ที่ 92เหลา นัน้ เธอบน เพอถงึ คนไหน ดงั นี้แลว ทรงแสดงทีเ่ ผาศพของลูกสาวเหลา นัน้ ตรงนั้น ๆ แลว ตรัสพระคาถาคร่งึ วา แนะ อุพพิริ เธอคร่าํ ครวญอยใู นปา วา ลูก ชีวาเอย เธอจงรจู กั ตน ธดิ าของเธอทมี่ ชี อื่ วาชีวา ท้ัง หมดมีประมาณ ๘๔,๐๐๐ คน ถกู เผาอยใู นปา ชา นี้ บรรดาธิดาเหลาน้ัน เธอเศราโศกถงึ ธิดาคนไหน. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา อมมฺ ชวี า เปน คาํ เรียกธิดาตามช่อืที่ใกลเคยี งมารดา อนึ่งคําน้ีเปนคาํ แสดงอาการบนเพอของนาง. บทวา วนมฺหิกนทฺ สิ แปลวา ครํ่าครวญอยกู ลางปา. บทวา อตฺตาน อธคิ จฺฉ อุพพฺ ิริความวา แนะ อพุ พริ ิ เธอจงรูจัก คือจงรูตามความเปน จริง ซงึ่ ตวั ของเธอนั่นแหละกอ น. บทวา จุลลฺ าสตี ิสหสฺสานิ แปลวา แปดหมืน่ ส่ีพัน.บทวา สพพฺ า ชวี สนามิกา ความวา ธดิ าเหลานนั้ แมท ั้งหมด มชี ื่อเหมอื นกันวา ชีวา. บทวา เอตมฺหาฬาหเน ทฑฒฺ า แปลวา เผาในปาชา น้ี. บทวา ตาส กมนโุ สจสิ ความวา บรรดาธดิ าประมาณ ๘๔,๐๐๐คนท่ีมชี ่อื วา ชวี าเหลานนั้ เธอเศราโศก คอื ถงึ ความเศรา โศกถงึ คนไหน เมอ่ืพระศาสดาทรงแสดงพระธรรมอยา งนดี้ ว ยประการฉะน้ีแลว นางสงญาณไปตามกระแสพระเทศนาปรารภวิปสสนา ดว ยความไพเราะแหง เทศนาของพระ-ศาสดา และดวยความสมบูรณแหง เหตขุ องตน นางยนื อยูอยา งนน้ั แหละขวนขวายวิปส สนา ต้งั อยใู นพระอรหตั ซงึ่ เปนผลเลิศตามลําดับมรรคเพราะเหตุนั้น ทานจงึ กลาวไดในอปทานวา๑ ในกาลนน้ั ขา พเจาเปน ชางกรองดอกไมอ ยูใน พระนครหังสวดี บิดามารดาของขา พเจาทา นไปทํางาน๑. ข.ุ ๓๓/ขอ ๑๕๔ เอกาสนทายกิ าเถรีอปทาน.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เถรคี าถา เลม ๒ ภาค ๔ - หนา ท่ี 93ขา พเจาไดเหน็ พระสมณะกําลังเดนิ ไปตามถนนในเวลาเทย่ี งวนั ขาพเจาไดปลู าดอาสนะไว ครั้นปลู าดอาสนะดว ยผา ทที่ ําดว ยขนแกะอนั วจิ ติ รเปน ตนแลว มจี ิตเลอื่ มใส ดใี จ ไดกลา วคาํ นีว้ า ภมู ิภาครอ นแรง แกก ลาเวลาเท่ียงวัน ลมก็ไมพ ดั และเวลาน้ีกจ็ วนจะเลยเวลาแลว ขา แตพระมหามนุ ี อาสนะนีด้ ฉิ ันปูลาดถวายแดทา น ขอทานไดโปรดอนุเคราะหน ั่งบนอาสนะของดฉิ ันเถดิ พระสมณะผฝู กตนดีแลว มใี จบริสุทธ์ิ ไดนัง่ บนอาสนะนั้น ขา พเจา รบั บาตรของทานแลว ไดถวายบณิ ฑบาตตามทีห่ ุงตม ไว เพราะกรรมที่ทําไวด นี ้นัและเพราะความต้ังใจอยางแนว แน ขาพเจา ละรางมนษุ ยแ ลว ไดไปสวรรคชั้นดาวดงึ ส วิมานท่บี ุญกรรมสรา งไวใหขา พเจา นนั้ สวยงาม สูง ๖๐ โยชน กวา ง๓๐ โยชน ไดส รา งข้นึ อยา งดีเพราะการถวายอาสนะบัลลงั กข องขา พเจา มหี ลายอยา ง ตาง ๆ ชนิด สําเร็จดว ยทองก็มี ดวยแกวมณีก็มี ดว ยแกว ผลกึ กม็ ี ดว ยแกวปทมราคกม็ ี บลั ลังกข องขา พเจา ปูลาดดวยนวมก็มี ดว ยผาลาดอันวจิ ติ รดว ยรปู ราชสีหแ ละเสือโครงเปนตนกม็ ี ดว ยผา ลาดทอดว ยไหม ประดบั แกวอนัวจิ ิตรกม็ ี ดว ยเคร่อื งลาดมขี นสตั วข า งบนดา นเดยี วกม็ ีเมื่อใดขาพเจาตองการจะเดินทาง เมื่อนน้ั ขาพเจาเพรียบพรอ มดว ยการรน่ื เรงิ สนุกสนานไปยงั ท่ีท่ีขาพเจา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 539
Pages: