Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_24

tripitaka_24

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_24

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 201 ท่ชี มุ นุมอันเปนธรรมนี้ เพ่อื จะเย่ยี มหมู พระผูท ี่ใคร ๆ ใหแพไมได. [๑๑๙] ในลําดบั นั้นแล เทวดาองคอ ่ืนอกี ไดกลา วคาถานใี้ นสํานักพระผมู ีพระภาคเจา วา ภิกษุทง้ั หลายในท่ีประชมุ นน้ั ตั้งจิต มัน่ แลว ไดท ําจิตของตนใหต รงแลว ภิกษุ ท้งั ปวงนน้ั เปน บัณฑติ ยอ มรักษาอินทรีย ท้ังหลาย ดุจดังวา นายสารถีถอื บังเหียน ฉะนนั้ . [๑๒๐] ในลาํ ดับน้ันแล เทวดาองคอ่นื อีก ไดก ลา วคาถานี้ในสํานักพระผมู พี ระภาคเจา วา ภิกษุทงั้ หลายนั้นตัดกเิ ลสดงั ตะปู เสยี แลว ตัดกิเลสดงั วาลม่ิ สลักเสียแลว ถอนกิเลสดังวาเสาเข่อื นเสียแลว มิไดมี ความหวัน่ ไหว เปน ผูหมดจดปราศจาก มลทนิ อนั พระพทุ ธเจา ผมู จี ักษทุ รงฝก ดแี ลว เปน หมูนาคหนุม ประพฤติอย.ู [๑๒๑] ในลําดบั นน้ั แล เทวดาองคอ ่นื อีก ไดก ลาวคาถานใ้ี นสํานกัพระผูมพี ระภาคเจาวา ชนเหลาใดเหลา หนึ่งถงึ แลว ซงึ่ พระ- พทุ ธเจาเปน สรณะ ชนเหลา น้นั จกั ไมไปสู อบายภูมิ ละรางกายอนั เปนของมนษุ ย แลว จกั ยงั หมูเทวดาใหบริบรู ณ.

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 202 อรรถกถาสมยสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในสมยสตู รที่ ๗ ตอ ไป :- บทวา สกฺเกสุ แปลวา ในแควนสกั กะนี้ ไดแก ชนบทแมห น่ึงทีเ่ ปน ที่อยขู องราชกมุ ารทงั้ หลาย ซึง่ มีชอ่ื อันไดแลว วา สักกะ เพราะอาศัยคาํ อุทานวา สกฺยา วต โภ กุมารา แปลวา กุมารผี เู จรญิ เหลานอ้ี าจหนอ(หรือ สามารถหนอ) ดังนี้ ทานจงึ เรียกชนบทนน้ั วา สกั กะ ตามรุฬหิสทั ทศาสตร. ในที่นไี้ ดแก ในชนบทชือ่ วาสักกะน้นั . บทวา มหาวเนแปลวา ในปา ใหญ คือไดแ ก ในปา ใหญท ีเ่ นอ่ื งเปน อนั เดยี วกนั กับหิมวันตอันเกิดข้ึนเองโดยธรรมชาตมิ ิไดม ใี ครมาปลูกไว. บทวา สพฺเพเทว อรหนเฺ ตหิแปลวา ลว นเปนพระอรหันต คือไดแก พระอรหนั ตทบี่ รรลุแลว ในวันท่ีพระองคตรัสสมยสูตรนนี้ น่ั แหละ. ในสูตรน้ัน มีอนปุ ุพพกิ ถา คือวาจาเปน เคร่อื งกลาวโดยลําดับ ดังตอ ไปน้ี. เจาศากยะและโกลิยะ วิวาทกันเรอ่ื งไขนํา้ เขานา ไดย นิ วา เจาศากยะและโกลยิ ะ ไดใ หสรางทํานบกน้ั น้าํ อันหน่งึ ในแมน้าํ ช่ือ โรหณิ ี ซ่ึงมีอยรู ะหวางนครกบลิ พสั ดุ กับโกลิยนคร แลว ใหท ําขา วกลา ทัง้ หลาย. ในคร้งั นัน้ เปน เวลาตน เดือน ๗ (พฤษภาคม-มถิ นุ ายนบาลีใชค ําวา เชฏมลู มาเส) เมอื่ ขา วกลา ทงั้ หลาย กําลงั เห่ยี วแหง กรรมกรท้งั สองพระนครจึงประชมุ กัน. ในบรรดากรรมกรทง้ั สองน้นั กรรมกรผูอยูในโกลิยนครกลา ววา น้าํ นนี้ ํามาใชเพ่ือขา วกลาแหงพวกเราท้ังสองพระนครจักไมเพยี งพอ ก็ขาวกลา ของพวกเราจกั สาํ เรจ็ ดวยน้าํ ท่มี าทางเดยี วเทานั้น ขอพวกทานจงใหนํา้ น้แี กพวกเรา ดังนี้. กรรมกรผอู ยใู นพระนครกบลิ พัสดุ

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 203กลาววา เมื่อพวกทานยงั ขา วใหเ ตม็ ยุง แลว กถ็ ือเอากหาปณะเงินทองแกวไพฑูรยและโลหะทงั้ หลายดาํ รงอยู สว นพวกเรากจ็ ะมเี พยี งกระบุง กระสอบเปน ตนอยใู นมอื จกั ไมอาจเทย่ี วไปใกลประตูบา นของพวกทา น ขา วกลาแมข องพวกเรากจ็ กั สาํ เรจ็ ดว ยนํา้ ท่มี าทางเดียวนัน่ แหละ ขอพวกทานจงใหน้าํ น้แี กพ วกเราดังน.้ี กรรมกรผูอยใู นโกลิยนครกลา ววา พวกเราจกั ไมให กรรมกรผูอยูในนครกบิลพสั ดกุ ก็ ลาววาแมพ วกเรากจ็ กั ไมใ ห จึงเกดิ การโตเ ถียงกัน คนหนง่ึลุกขนึ้ ไปประหารคนหนึ่ง แมค นน้ันกป็ ระหารคนอืน่ ๆ คร้ันประหารซึง่ กนัและกันอยางน้แี ลว ก็สืบตอ ไปถงึ ชาติ ถึงราชตระกูลยงั ความทะเลาะววิ าทกันใหเจริญแลวดวยประการฉะนี.้ กรรมกรของชาวโกลยิ นครกลา ววา พวกทา นอยใู นกบลิ พัสดุ จับพวกเดก็ ๆ ไปคกุ คาม ชนพวกใดอยรู วมกบั พน่ี อ งหญงิ ของตน ชนพวกน้นั เหมือนสนุ ขั จง้ิ จอก ชางท้ังหลาย มา ทง้ั หลาย โลอ าวธุ ทง้ั หลายของชนพวกน้ัน จกั ทําอะไรพวกเราได ดังน.ี้ กรรมกรของเจา ศากยะเหลา น้นั กลา ววา พวกทานเปนโรคเร้อื นจักพวกเด็ก ๆ ไปขูเขญ็ ชนพวกใดอาศัยอยูท่ีตน กระเบา เหมอื นคนอนาถาไมม ที ี่ไป เปนดงั สัตวด ิรจั ฉาน ชางทงั้ หลาย มาทงั้ หลาย โลแ ละอาวธุทงั้ หลายของชนพวกน้นั จักทาํ อะไรพวกเราได ดังน้.ี กรรมกรเหลา น้นั ตางก็ไปบอกแกอาํ มาตยผ ปู ระกอบในการงานนนั้ .พวกอํามาตยก ็กราบทลู แกราชตระกูล. ลาํ ดับนั้น เจาศากยะทงั้ หลายกลาววาพวกเราจกั แสดงกําลังและพลของพวกเราทอี่ ยูรว มกันกับพนี่ อ งหญิงทง้ั หลายดังน้ี เตรียมรบแลว ก็เสดจ็ ออกไป. แมเ จาโกลยิ ะทัง้ หลายกก็ ลาววา พวกเราจักแสดงกําลงั และพลของพวกเราผอู ยูท ่โี กลพฤกษ (ตน กระเบา) ดังน้ี เตรียมการรบแลวก็เสด็จออกไป.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 204 พระผูม ีพระภาคเจา เสดจ็ ออกจากพระมหากรุณาสมาบัติในเวลาใกลรุงแหง ราตรแี ลว ตรวจดูสตั วโลกอยูไดท รงเห็นชนเหลา นนั้ ตระเตรียมรบอยา งนี้ออกไปแลว ครน้ั ทรงเห็นแลวจงึ ใครครวญวา เมือ่ เราไปแลว ความทะเลาะน้ีจกั สงบหรอื ไมหนอ ดงั นี้ ไดตกลงพระทัยวา เราจกั ไปในท่นี ้ันแลวจกั กลา วชาดก ๓ ชาดก เพื่ออนั เขาไปสงบระงับความทะเลาะวิวาทกัน กาลน้ันความทะเลาะววิ าทกจ็ กั สงบลง ตอ จากน้นั เราจักแสดงชาดก ๒ ชาดก เพอ่ื แสดงความสามัคดีแลวจักแสดง อตั ตทณั ฑสตู ร แมช าวพระนครทั้งสองฟง เทศนาแลว ก็จะถวายพระกมุ ารตระกูลละ ๒๕๐ เราจักยงั กุมารเหลา นัน้ ใหบรรพชา สมาคมใหญจกั มี ดังน้ี. เพราะฉะน้นั เม่อื ชาวพระนครทั้งสองน้ี เตรียมรบแลว ออกไปพระผมู พี ระภาคเจา มิไดทรงบอกใคร ๆ ทางถือเอาบาตรและจีวรดว ยพระองคเองนนั่ แหละ เสดจ็ ไปประทับน่ังขัดสมาธใิ นอากาศในระหวางเสนามาตยทัง้ สองพระนครทรงเปลงฉัพพัณณรังสแี ลว . พวกชาวพระนครกบลิ พัสดุเห็นพระผมู พี ระภาคเจาแลวคิดวา พระ-ศาสดาผูป ระเสริฐ เปน พระญาตขิ องพวกเราเสดจ็ มาแลว ความบาดหมางกนัของพวกเราพระองคท รงทราบแลว หนอ ดังนี้ จึงคิดวากเ็ มอ่ื พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ มาแลว พวกเราไมอ าจเพอื่ จะใชศ าสตรายังสรรี ะของผอู ืน่ ใหต กไป พวกชาวโกลยิ นคร จงฆา พวกเรา หรือวา จงเผาพวกเราก็ตาม ดังนี้ จึงพากนั ท้ิงอาวธุ ทั้งหลายแลว นง่ั ลงถวายบังคมพระบรมศาสดา. แมชาวโกลยิ นครกค็ ิดเหมือนอยางน้ันน่นั แหละ พากันทง้ิ อาวุธแลว จงึ นงั่ ถวายบังคมพระบรมศาสดาเหมอื นกัน.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 205 พระผมู พี ระภาคเจา ทัง้ ทท่ี รงทราบอยูน นั่ แหละ กต็ รัสถามวาดูกอนมหาบพิตร พระองคเสดจ็ มา เพราะเหตอุ ะไร ดงั น.ี้ พระราชาทลู วา ขาแตพ ระผมู ีพระภาคเจา พวกขา พระองคมิไดม าในที่น้ี เพอื่ เลนกีฬาทท่ี านา้ํ ทภี่ ูเขา ทแ่ี มน าํ้ หรือชมทวิ ทศั นภ เู ขา แตพวกขาพระองคย งั สงความใหเ กิดข้นึ แลว จงึ มา ดงั น.ี้ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสถามวา มหาบพิตร พระองคท รงอาศัยอะไรจงึ ทรงววิ าทกนั . พระราชาทลู วา นํ้าพระเจา ขา. พระผูมพี ระภาคเจา. มหาบพติ รนา้ํ มคี ามากหรือ. พระราชา. มคี า นอ ยพระเจา ขา . พระผูมีพระภาคเจา . ชื่อวา แผน ดนิ มคี าหรือมหาบพติ ร. พระราชา. หาคา มไิ ด พระเจา ขา . พระผูม พี ระภาคเจา. กษตั ริยทง้ั หลาย มคี า หรือ. พระราชา. ธรรมดาวา กษตั รยิ ทั้งหลายหาคามไิ ด. พระผูมีพระภาคเจา. ดกู อ นมหาบพิตร พระองคอ าศัยนา อนั มคี า เพยี งเลก็ นอยแลว ยงั กษัตริยท้ังหลายอนั หาคา มไิ ดใ หพ นิ าศไป เพอื่ ประโยชนอ ะไรธรรมดาวา ความพอพระทยั ในความบาดหมางกัน ยอมไมมี ดูกอ นมหาบพิตรความอาฆาตอันรุกขเทวดาองคห นงึ่ กับหมผี กู พันกันแลว เพราะทําเวรในสิง่ ที่ไมควร ดวยอาํ นาจแหงความทะเลาะกนั ความอาฆาตน้นั จักเปน ไปตลอดกปันีแ้ มทั้งส้นิ ดงั นี้ แลว ตรสั ผันทนชาดก. ลาํ ดับน้ัน พระผูม พี ระภาคเจาจึงตรสั วา มหาบพติ ร พระองคไมพึงเปนผชู ือ่ วา มีบคุ คลอน่ื เปน ปจจัย เพราะวา บคุ คลมีผอู น่ื เปน ปจจัยแลว หมูสัตวจ ตุบาทท้ังหลายในหิมวันตอ นั แผไ ปต้งั สามพนั โยชน จึงไดพากนั แลน ไป

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 206แลว ยังมหาสมทุ ร ดว ยถอยคําของกระตายตัวหน่งึ เพราะฉะนนั้ แหละ พระองคจึงไมควรมผี ูอ่นื เปนปจจัย ดังนี้ แลว ตรสั ปฐวีอทุ ริยนชาดก. ลาํ ดับน้ันแหละตรสั วา ดูกอ นมหาบพิตร ในกาลไหน ๆ สัตวท มี่ ีกาํ ลังทรามเห็นอยูซงึ่ โทษ เหน็ โอกาสท่ปี ระทุษรา ยสตั วท ่มี ีกาํ ลงั มาก ดกู อนมหาบพิตร หรอื วาในกาลไหน ๆ สตั วที่มกี าํ ลงั มาก เหน็ โทษเหน็ โอกาสทจ่ี ะประทษุ รายสัตวท่ีมีกาํ ลังทรามมอี ยู เพราะวา แมน างนกมลู ไถ (คลา ยนกกระจาบฝนแตใหญกวา เล็กนอย) ก็ยังชา งใหญใ หตายได ดงั นี้ แลว ตรัสลฎกกิ ชาดก คร้นั ตรัสชาดกท้ัง ๓ เพื่อตอ งการความสงบระงับแหง ความวิวาทอยา งน้แี ลว เพอื่ ตองการแสดงความสามัคคี จึงตรสั ชาดกอกี ๒ ชาดก. ถามวาพระองคต รัสอยา งไร. ตอบวา ตรัสวา ดกู อนมหาบพิตร จรงิ อยู ใคร ๆชอ่ื วายอ มสามารถเหน็ ชอ งทางแหงความเปน ผูพรอ มเพรียงกัน ดังนี้ แลวกต็ รสัรกุ ขธัมมชาดก. จากนั้น ก็ตรสั อีกวา ดกู อ นมหาบพติ ร ใคร ๆ ไมสามารถเพื่อเห็นชอ งทางแหงผพู รอมเพรยี งกนั ได ก็ในกาลใด ชนทง้ั หลายทําความบาดหมางซ่งึ กันและกนั ในกาลนน้ั บตุ รของนายพรานจึงพาชนเหลา นัน้ ไปฆาเสยี เพราะเหตนุ น้ั ขึ้นชื่อวา ความชอบใจในความวิวาทกนั จึงไมมี ดงั น้ีแลว ตรัสวัฎฎกชาดก. ครัน้ ตรสั ชาดกทั้ง ๕ เหลานี้ อยา งนี้แลว ในทสี่ ดุ ก็ตรสั อัตตทัณฑสูตร. พระราชาผอู ยใู นพระนครท้ังสองทรงเล่อื มใสแลว ตรัสวา ถาพระ-ศาสดาไมเสดจ็ มาแลว ไซร พวกเราทง้ั หลายผมู อี าวธุ ในมือจักฆา ซง่ึ กนั และกนัจักยังแมน ํา้ คอื โลหติ ใหไหลไป พวกเราทัง้ หลายก็จักไมเ ห็นบุตรและพ่ชี ายนองชายของพวกเรา จักไมเ ห็นแมป ระตบู าน การนําขา วสาสนและการตอบขา วสาสนของพวกเรากจ็ กั ไมไ ดม แี ลว ชีวติ ของพวกเราไดแ ลว เพราะอาศัย

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 207พระศาสดา กถ็ าวาพระศาสดาไดอ ยูครอบครองราชสมบตั ไิ ซร บริวารสองพันทวีปกจ็ กั อยูในพระหัตถ (ในอํานาจ) ของพระองคซึ่งเสวยราชสมบตั ิในทวปีทง้ั ๔ ทงั้ บตุ รของพระองคก ็พงึ มีเกินพนั แน คราวนั้นแหละ พระองคก็จกั มีกษตั รยิ เปนบรวิ ารเทย่ี วเสด็จไป ก็แตว า พระองคท รงสละราชสมบตั นิ ้ันแลวแลเสดจ็ ออกมหาภเิ นษกรมณ บรรลสุ ัมโพธิญาณแลว แมใ นบัดนก้ี ข็ อใหพระองคม กี ษัตริยเ ปนบรวิ ารเสด็จเท่ยี วไปเถดิ ดงั น้ี แลว ถวายพระกมุ ารตระกูลละ ๒๕๐ องค. พระผมู ีพระภาคเจาทรงยังพระกมุ ารเหลา นนั้ ใหบ วชแลวเสด็จไปสูมหาวนั (ปา ใหญ) ครง้ั นนั้ ความไมย นิ ดียงิ่ เกิดขึ้นแลว แกภ ิกษเุ หลานัน้ ผูบวชดวยความเคารพตามความพอใจของตน. แมภ รรยาเกาของทานเหลา นน้ั ก็คดิ วา การครองเรอื นอยลู ําบาก ขอพระลูกเจาจงสึกเถดิ เปน ตน แลวสงขา วนัน้ ไป. ภกิ ษเุ หลา นนั้ มีความกระวนกระวายใจเปน อันมาก. พระผมู พี ระภาคเจาทรงใครค รวญอยูทรงทราบแลว ซึง่ ความท่ีภิกษุเหลาน้ันไมม ีความยินดี ทรงพระดาํ ริวา พวกภกิ ษเุ หลาน้ีอยูร ว มกบั พระพุทธเจาผเู ชน กับดว ยเรายงั กระสันอยู (อยากสกึ ) เอาเถอะ เราจักพรรณนาถงึ ทะเลสาบแหง นกดเุ หวาแกภ กิ ษเุ หลา น้ันแลวนําไปในท่นี น้ั กจ็ ักบรรเทาความไมยนิ ดีไดดงั น้ี แลวไดก ลาวพรรณนาถงึ ทะเลสาบอนั เปน ทอี่ าศัยอยูแ หง นกดเุ หวานัน้ แกภกิ ษุทัง้ หลาย. ภกิ ษเุ หลา นัน้ ใครเพ่อื จะเหน็ ทะเลสาบแหง นกนัน้ . พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั ถามวา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย พวกเธอใครเพอ่ืจะเห็นหรอื . พวกภกิ ษุกราบทลู วา ขาแตพ ระผมู พี ระภาคเจา พวกขา พระองคใ ครเพื่อจะเหน็ พระเจาขา.

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 208 พระผมู ีพระภาคเจา. ถา พวกเธอประสงคอยางน้ี ก็จงมา เราจักไป. ภิกษ.ุ ขาแตพระผมู ีพระภาคเจา พวกขา พระองคจ กั ไปสูท่เี ปน ทเ่ี ขา ถงึของบุคคลผมู ฤี ทธ์ิไดอ ยางไร. พระผมู ีพระภาคเจา. พวกเธอใครจ ะไป เราก็จกั พาไปดว ยอานภุ าพของเรา. พระภกิ ษ.ุ ดีแลว พระเจาขา. พระผูมพี ระภาคเจา ทรงพาภิกษุ ๕๐๐ รูป เหาะข้นึ ไปในอากาศแลวหยดุ ลงทีท่ ะเลสาบอนั เปน ที่อาศัยอยูแหงพวกนกดุเหวา แลว ตรสั กะภิกษุทง้ั หลายวา ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ในทะเลสาบอันเปน ที่อาศยั อยแู หงนกดเุ หวานี้พวกเธอยงั ไมร ูจักช่อื ปลาเหลา ใด จงถามเราดังนี้ ภิกษเุ หลานน้ั ทลู ถามแลว ๆพระผูมพี ระภาคเจา ก็ตรัสบอกคําอนั พวกภิกษุเหลาน้นั ทูลถามแลว ๆ อน่งึทรงอนุญาตใหพวกภิกษุเหลานัน้ ทลู ถามชื่อปลาเหลานน้ั เทานน้ั ก็หาไม ใหทูลถามถงึ ชือ่ แหง ตน ไมทงั้ หลายในไพรสณฑนนั้ บา ง ชอื่ แหง พวกนกมีสองเทาและสเ่ี ทาบา ง และก็ตรัสบอกแลว. ลําดบั นั้น นกดเุ หวา ผเู ปนสกณุ ราช เกาะท่ีทอ นไมอันพวกนกเหลาน้ันใชจ งอยปากคาบถอื เอาไวแวดลอ มมาอยูดว ยหมูแ หงนกท้งั สองขาง คือ ทง้ัขา งหนา และขา งหลงั . พวกภิกษเุ ห็นนกนัน้ แลวทลู ถามวา ขาแตพ ระองคผูเจริญ พวกขาพระองคย อ มสาํ คญั วา นกดุเหวา ตวั นน้ั จกั เปน ราชาแหงพวกนกเหลาน้ี พวกนกเหลา นี้จกั เปน บริวารของนกนั้น พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวาอยางนั้นน่ันแหละ แมข อน้กี ็เปนเชน วงศของพวกเรา เปน ประเพณขี องเราเหมือนกนั . ภิกษกุ ราบทลู วา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ในบัดนี้ พวกขาพระองคเหน็ นกเหลา นีเ้ ทานนั้ แตพ ระผมู พี ระภาคเจา ตรัสคาํ ใดวา แมน ีก้ เ็ ปน วงศของเราเปน ประเพณขี องเราเหมอื นกนั ดงั นี้ พวกขา พระองคใ ครเ พ่อื จะสดบั

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 209ฟงพระดํารัสนั้น. พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย พวกเธอตอ งการจะฟง หรือ. พวกภกิ ษุรบั พระดาํ รัสวา พระพทุ ธเจาขา. พระผมู ีพระ-ภาคเจาตรสั วา ถาอยางน้นั พวกเธอจงพึง. พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรสักุณาลชาดก อันประดับดว ยพระคาถา ๓๐๐ คาถา ทรงบรรเทาแลว ซึ่งความไมย นิ ดีย่งิ ของพวกภิกษุเหลา นน้ั . ในเวลาจบเทศนา ภิกษุแมทัง้ หมด (๕๐๐)ตัง้ อยเู ฉพาะแลวในโสดาปตติผล. แมฤทธ์ขิ องภกิ ษเุ หลา น้นั ก็มาแลว (สาํ เร็จแลว) ดว ยมรรคนน้ั น่นั แหละ. เรื่องของภกิ ษทุ ง้ั หลาย ขอหยดุ ไวเพยี งเทานี้กอน จากนัน้ พระผูมพี ระภาคเจา เสด็จขึน้ ไป ในอากาศไดเสด็จไปสูมหาวนัแลว ทเี ดยี ว. แมภกิ ษเุ หลานน้ั ในเวลาไป ไดไปดว ยอานภุ าพของพระทศพลในเวลามาไดแวดลอ มพระผูมีพระภาคเจามาหยงั่ ลงในมหาวนั ดวยอานภุ าพของตน. พระองคเ สดจ็ ประทบั น่ังบนอาสนะทีป่ ูลาดไวแ ลว ตรสั เรยี กภิกษุเหลานัน้ มาดว ยคาํ วา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย พวกเธอจงมานัง่ เราจกั บอกกรรมฐานแกพ วกเธอซ่งึ ยงั มกี เิ ลสท่ีควรฆา ดว ยมรรค ๓ เบอื้ งบน ดังน้ี แลวตรัสบอกกรรมฐาน. ภกิ ษุทั้งหลายคดิ วา พระผมู พี ระภาคเจาทรงทราบถึงความท่พี วกเรามคี วามไมยนิ ดียิง่ จึงทรงนํามายงั ทะเลสาบอนั เปนท่อี าศยั อยูแหงพวกนกดเุ หวา ทรงบรรเทาความไมย ินดี โดยตรสั กณุ าลชาดก เมอ่ื พวกเราบรรลโุ สดาปต ตผิ ลในทน่ี ัน้ แลว บัดนี้ ไดป ระทานกรรมฐานเพ่อื บรรลุมรรค ๓ ในที่มหาวนั น้ี ก็การทพี่ วกเราใหเวลาผา นไปโดยคิดวา พวกเราเขาถงึ กระแสธรรมแลว ดงั นี.้ ยอ มไมส มควรเลย การท่ีพวกเราเปน เชนกบั พวกชนทง้ั หลายก็ไมส มควร ดงั น้ี. ภิกษเุ หลา น้นั จงึ ถวายบังคมพระยคุ ลบาทพระ-ศาสดาแลว ลกุ ขนึ้ จบั ผาสสิ ีทนะสาํ หรับน่ังสะบดั แลวปนู ั่งในท่ีเฉพาะตน และนง่ัแลว ทโ่ี คนไมใ กลเง้ือมเขา.

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 210 พระผูมพี ระภาคเจาทรงพระดาํ ริวา แมว า ภกิ ษเุ หลา นี้จะมกี ารงานยังไมคนุ แลว ตามปกติ แตชือ่ วา เหตุทท่ี าํ ใหล าํ บากของภกิ ษผุ ไู ดอุบายแลว ยอ มไมม ี เมอื่ ภกิ ษุเหลา นี้แยกยา ยกันไปปฏิบตั ิ เรมิ่ ตง้ั วปิ สสนาบรรลอุ รหตัแลวกจ็ ักมาสูสาํ นักของเรา ดว ยประสงคว า พวกเราจกั บอกคณุ วิเศษท่ตี นแทงตลอดแลว ครน้ั เม่อื ภิกษุเหลา น้ีมาแลว พวกเทวดาในหม่นื จักรวาลจักประชมุกันในจกั รวาลหนึ่ง (น้)ี มหาสมัย คอื การประชุมใหญ จักมี เราจึงควรน่งั ในโอกาสอนั สงัด ดังน.ี้ ลําดับนนั้ จึงเสดจ็ ประทบั น่งั ณ พทุ ธอาสนะในทอี่ ันสงดั . พระเถระผไู ปถอื เอากรรมฐานกอ นกวาภิกษทุ ง้ั หมด บรรลุแลวซง่ึพระอรหตั พรอ มกับปฏสิ มั ภทิ าทัง้ หลาย. ตอจากนนั้ ภิกษอุ น่ื อกี ๆ โดยทาํ นองนี้ ขยายออกไปจนถงึ ๕๐๐ รปู บรรลพุ ระอรหตั พรอมกบั ปฏิสัมภทิ าทงั้ หลาย เหมือนดอกปทุมทั้งหลายขยายออกไปจากกอปทมุ ฉะนน้ั . ภิกษผุ บู รรลพุ ระอรหตั กอ นกวา ภกิ ษุท้งั ปวง คิดวา เราจกั กราบทลูพระผมู ีพระภาคเจา ดงั น้ี จงึ แยกบลั ลังกแ ลวลุกข้นึ จบั ผา นิสที นะสะบัดแลว ไดมุงหนา ตอ พระทศพลไปแลว. ภกิ ษุอ่ืนอีก ๆ ดว ยอาการอยางนแ้ี มท ัง้ ๕๐๐ รปูไดไ ปแลวโดยลําดับเทียว ราวกะวา เขา ไปสู โรงฉันอาหาร ภิกษผุ ูมากอนถวายบังคมแลวปผู า นิสีทนะ (ผาสําหรบั รองนั่ง) แลวก็น่ัง ณ ท่ีสมควรสว นขา งหนึง่ เปนผใู ครเ พ่ือจะบอกคณุ วเิ ศษท่ตี นแทงตลอดแลว และเหลียวกลับแลดทู างที่ตนมา ดวยคิดวา ใคร ๆ อืน่ มีอยหู รือไมห นอ ดังน้ีไมเ ห็นแลว แมบคุ คลอืน่ เลย เพราะฉะน้นั ภกิ ษุเหลาน้นั แมท้งั หมดมาแลวนัง่ แลว ณ ทส่ี มควรสวนขา งหน่ึง ๆ ภกิ ษนุ ้ีมาอยูกไ็ มบ อกแกภ กิ ษนุ ี้ แมภ กิ ษุนมี้ าแลว ก็ไมบ อกแกภิกษุน้ีเหมอื นกนั ไดยินวาอาการ ๒ อยาง ยอ มมี แกพระขีณาสพท้งั หลาย คือ ทานยังจติ ใหเ กดิ ขน้ึ วา โอหนอ สัตวโลก พรอ ม

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 211ท้งั เทวโลกพึงแทงตลอดซง่ึ คุณอนั เราแทงตลอดไดโดยพลนั เหมือนกันเถดิ ดังนี้และพระขณี าสพทง้ั หลาย ยอ มไมป ระสงคจ ะบอกคุณวเิ ศษแกก นั และกนัเหมือนบุรษุ ผูไดข ุมทรัพยแ ลว ไมบอกขุมทรัพยอนั ตนรเู ฉพาะแลว นน้ั . กค็ รัน้ เมื่ออริยมณฑล คอื มรรคอนั ยงั ผลใหเกิดขึน้ อยางนี้ เกดิ ขนึ้แลว มณฑลแหง พระจันทรเพญ็ ก็ปราศจากเครอ่ื งเศรา หมองเหลา น้ี คือ หมอกนาคาง ควนั ไฟ ธุลี และราหู (เจาแหง พวกอสูร) โดยรอบเทือกเขายุคันธรแหง ทศิ ปราจีน อันประกอบดวยสิรดิ จุ ลออันสาํ เรจ็ ดวยเงินท่ีบคุ คลจบั ใหหมุนไปอยโู ลดแลนขึ้นดาํ เนนิ ไปสูก ลางหาว (ทอ งฟา ) เหมือนมณฑลแหงแวน ใหญอนั สําเร็จแลว ดว ยเงินทีย่ กข้นึ ไวท างทิศปราจีน เพ่อื แสดงถงึ สิ่งซ่งึ เปนทีน่ าเพลดิ เพลินของโลกทีป่ ระดับดว ยพุทธปุ บาทนี้ ฉะนน้ั . พระผูม ีพระภาคเจาทรงประทบั อยใู นสกั กชนบทชวั่ ขณะหน่งึ คอื เปนเวลาชว่ั ระยะหนง่ึ ครูหน่ึงกับดว ยหมูแหง ภกิ ษุ ๕๐๐ รปู ซง่ึ เปน หมูใ หญใ นปา ใหญใกลพระนครกบิลพสั ดุ ภิกษุทง้ั หมดน่ันแหละเปน พระอรหนั ตด ังพรรณนามาฉะน้.ี พึงทราบความตอไปอกี วา แมพ ระผูมพี ระภาคเจา ทรงอุบตั ขิ ึ้นในวงศแหงพระเจามหาสมมต แมพวกภกิ ษุ ๕๐๐ รปู เหลา น้นั กเ็ กิดในตระกลู ของพระเจามหาสมมต. พระผมู ีพระภาคเจาทรงเกิดในครรภแหงกษตั ริย แมภิกษุเหลา น้ันก็เกดิ ในครรภแ หงกษตั ริย พระผมู ีพระภาคเจา เปนราชบรรพชิต แมภิกษุเหลา นั้นกเ็ ปน ราชบรรพชติ . พระผมู พี ระภาคเจา ทรงเศวตฉตั รสละความเปน พระเจาจกั รพรรดอิ ันอยใู นเงื้อมพระหตั ถผนวชแลว แมภิกษุเหลา นั้นก็ละเศวตฉตั รสละความเปนพระราชาท้งั หลายอนั อยใู นเงอื้ มมอื บวชแลว. พระผูม พี ระภาคเจาทรงเปน ผูบรสิ ุทธแ์ิ ลว โดยพระองคเ อง ในโอกาสอนั บริสุทธแ์ิ ลว ในสวนแหง ราตรอี นั บรสิ ุทธิแ์ ลว ทรงมีบรวิ ารอนั บริสุทธ์แิ ลวทรงมรี าคะปราศจากไปแลว มบี ริวารซึง่ มรี าคะปราศจากไปแลว มโี ทสะปราศจากไปแลว มบี ริวารซง่ึ มีโทสะปราศจากไปแลว มโี มหะปราศ

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 212จากไปแลว มีบรวิ ารซ่ึงมโี มหะปราศจากไปแลว มตี ณั หาออกแลว มบี รวิ ารผมู ีตณั หาออกแลว ไมม กี ิเลส มีบรวิ ารผูไมม ีกิเลส ทรงสงบระงบั แลว มีบรวิ ารผสู งบระงับแลว ทรงฝกดีแลว มีบริวารท่ฝี กดีแลว ทรงเปนผูพน แลว มีบรวิ ารผูพนแลว จงึ รุงโรจนย ง่ิ ในปาใหญนัน้ ดังนี้ . คาํ วา สกั กะ นมี้ ีมากประมาณเพยี งไร บณั ฑติ พึงกลาวเพยี งนัน้ น้ีช่อื วา วรรณภูม.ิ คําวา ภิกษุมปี ระมาณ ๕๐๐ รูปลวนเปน พระอรหนั ต นี้ ทา นกลาวหมายเอาภกิ ษเุ หลาน้ีดวยประการฉะนี้. คาํ วา เยภุยเฺ ยน แปลวา โดยมาก คือไดแ ก พวกเทวดาท้งั หลายทีป่ ระชุมกนั มีมาก พวกที่ไมไ ดประประชุมกันมนี อ ย คือ พวกทเี่ ปนอสัญญ-สตั วและเกิดในอรปู าวจรเทา นัน้ . พวกเทวดาหม่ืนจักรวาลประชมุ กัน พึงทราบลาํ ดบั แหงเทวดาท้ังหลายท่มี าประชมกันในปา มหาวนั ดงั ตอไปน้ี ไดยินวา พวกเทวดาผอู าศยั อยูรอบ ๆ ปามหาวัน สง เสยี งดังวา ขาแตท า นผูเจรญิ ทั้งหลาย พวกเราจงมา ชอ่ื วาการเห็นพระพทุ ธเจามีอุปการะมากการฟงธรรมมีอปุ การะมาก การเหน็ พระสงฆก ็มีอปุ การะมาก พวกเราท้งั หลายจงมา ๆ เถดิ ดังนี้ จงึ มาถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจา และพระขีณาสพซง่ึบรรลุพระอรหตั ในครูนัน้ แลว ไดย ืนอยู ณ ทสี่ มควรสวนขางหนึ่ง. โดยอุบายนี้น่นั แหละ พวกเทวดาทัง้ หลายพงึ เสียงเทวดาเหลาน้นั สิ้นสามครงั้ ในหิมวนั ตอันแผออกไปสามพันโยชนด วยสามารถแหงเสียงมเี สยี งระหวา งก่งึ คาวุต หนง่ึ คาวตุก่ึงโยชน หนง่ึ โยชนเ ปนตน พวกเทวดาในชมพทู วีปทงั้ สน้ิ คอื ผูอ าศัยอยใู นพระนคร ๖๓ พนั ที่ลํารางนํา้ ๙๙ แสน ที่เมอื งทา ๙๖ แสน และในทเ่ี ปน

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 213ท่เี กดิ แหงรตั นะ คอื ทะเล ๕๖ แสน ในจักรวาลทั้งสิน้ คือ ในบพุ วิเทหะอมรโคยานะ อตุ ตรกรุ แุ ละในทวีปเลก็ ๒ พัน ตอ จากน้ัน เทวดาทีอ่ ยใู นจกั รวาลท่ีสอง โดยทํานองนี้แหละ. บัณฑิตพึงทราบวาพวกเทวดาทัง้ หลายในหมืน่ จักรวาลนาประชมุ กนั แลว ดว ยประการฉะน.ี้ กห็ มนื่ จกั รวาลในทีน่ ้ี ทา นประสงคเอาโลกธาตสุ ิบ ดวยเหตนุ ้นั พระผูมีพระภาคเจาจึงตรสั วา ทสหิ จ โลกธาตหู ิ เทวตา เยภยุ เฺ ยน สนฺนปิ ตกิ าโหนตฺ ิ (แปลวา กเ็ ทวดานาแตโลกธาตสุ บิ แลวประชุมกันโดยมาก) ครน้ั เมอ่ืความเปน อยางนี้ หองแหง จกั รวาลทั้งสิน้ ก็เต็มไปดว ยเทวดาทั้งหลายผูมาประชมุ กันแลว ตัง้ แตพ รหมโลกมา ราวกะเข็มที่บคุ คลทะยอยใสในกลองเขม็ โดยไมขาดระยะฉะนั้น. ในท่นี ้ีนั้น พงึ ทราบความสงู ของพรหมโลก อยา งนีว้ า ไดยินวา ในโลหปราสาท มีกอ นหนิ เทาเรอื นยอดแหง บรรพต ต้ังอยูในพรหมโลก ท้ิงกอนหินนน้ั ลงมายังโลกมนษุ ยนี้ ๔ เดอื น จึงตกถงึ แผนดนิ .ในโอกาส คือทวี่ า งอนั กวา งใหญอ ยา งนี้ บุคคลยืนอยขู า งลางขวางปาดอกไมหรอื ตนไมยอ มไมไดเ พื่อไปในเบือ้ งบน หรอื ยืนอยเู บอ้ื งบนเอาเมล็ดพรรณผักกาดโยนไปขางลา ง ยอ มไมไ ดชอ งเพ่ือตกไปในเบอ้ื งลางได ดวยอาการอยางนี้เทวดาทัง้ หลายไดมาไมขาดระยะจนหาทีว่ า งมไิ ด. อน่งึ ท่เี ปน ทปี่ ระทับนงั่ ของพระเจา จกั รพรรดิ ยอมไมคบั แคบกษัตริยท ง้ั หลายผูมีศักดใิ์ หญเ สดจ็ มาแลว ๆ ยอ มไดโอกาส คือชอ งวาง ทเี่ ดยี วความคบั แคบย่ิงขา งนแี้ ละขางน้ยี อ มไมมฉี ันใด ขอนีก้ ฉ็ ันนนั้ แหละ ทเ่ี ปนที่ประทับนัง่ ของพระผมู ีพระภาคเจา ไมคบั แคบ ไมมีส่งิ ขดั ขวาง พวกเทวดาผูม ีศกั ดใิ์ หญ และพวกพรหมทั้งหลายมาแลว ๆ ยังท่ปี ระทบั ของพระผมู พี ระภาคเจายอมไมมสี ง่ิ ขดั ขวางยอมไดโอกาส คอื ชอ งวางทเี ดียว.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 214 ไดยินวา พวกเทพท้งั หลาย ๑๐ องคบา ง ๒๐ องคบา ง เนรมติ อตั ภาพใหเ ล็ก แลวอยูในท่ีสักวา เจาะเขาไปเทาปลายขน ณ ทีใ่ กลพ ระผูม ีพระภาคเจาก็มี.พวกเทพ ๖๐ พวก ไดย ืนอยขู างหนาของเทวดาทั้งปวง. บทวา สุทธฺ าวา-สกายิกาน แปลวา ผูอยูใ นสุทธาวาส. พรหมโลก ๕ ชั้น อันเปน ทอี่ ยูแหงพระอนาคามีและพระขีณาสพทั้งหลาย ช่ือวา สุทธาวาส. บทวา เอตทโหสิแปลวา พวกพรหมไดมีความดําริ. ถามวา เพราะเหตไุ ร พวกพรหมจึงมีความดาํ ร.ิ ตอบวา ไดยนิ วา พวกพรหมเหลานัน้ เขาสมาบัตแิ ละก็ออกตามที่กาํ หนดไว แลว แลดภู พของพรหมทง้ั หลายไดเ หน็ ความวางเปลา เหมือนเรือนภตั ในเวลาที่บุคคลกินแลว (ในเวลาภายหลังแหง ภตั ) ทีนนั้ จงึ พิจารณาดูวาพวกพรหมเหลานนั้ ไปไหน ทราบแลว ซึ่งสมาคมใหญว า สมาคมน้ี พวกเราโดยมากซ่งึ ถูกปลอ ยท้ิงไวข า งหลงั แลว กโ็ อกาสของบุคคลผูลาหลงั ยอ มหาไดย ากเพราะฉะนน้ั พวกเราเม่อื ไปกจ็ ะไมไ ปมือเปลา ควรแตงคาถาองคล ะคาถาแลวจกั ไป พวกเราจักใหเ ขารซู ึ่งความทีต่ นมาแลว ในสมาคมใหญ ดว ยคาถานี้และจะกลาวพรรณนาคณุ ของพระทศพล ดงั น้ดี ว ยประการฉะนี้ ความดาํ รนิ ้ีจงึ ไดมีแลว เพราะความทพ่ี วกพรหมเหลา นนั้ ออกจากสมาบตั แิ ลว พจิ ารณา. พระบาลีวา ภควโต ปรุ โต ปาตุรห สุ แปลความวา มาปรากฏอยูเ ฉพาะหนาของพระผูม ีพระภาคเจา คือไดแ ก พวกพรหมทีก่ ลา วคาถาในสาํ นกั พระผูม พี ระภาคเจา เหมอื นหย่ังลงในทีเ่ ฉพาะหนา. กเ็ นือ้ ความอยางน้ีในทนี่ ไ้ี มพ งึ เขา ใจอยา งนน้ั ก็พวกพรหมเหลาน้นั ดํารงอยใู นพรหมโลกนน่ั แหละรอ ยกรองคาถาท้ังหลายแลว องคห นง่ึ หยงั่ ลงท่ขี อบจักรวาลคานปรุ ตั ถิมทิศ(ทิศตะวนั ออก) องคหนงึ่ หยั่งลงที่ขอบจักรวาลดานทกิ ษณิ (ทิศใต) องคหน่ึงหยง่ั ลงทข่ี อบจกั รวาลดา นปจ ฉิม (ทศิ ตะวันตก) องคหนง่ึ หย่ังลงที่ชอบจักรวาลดา นอุดร (ทศิ เหนอื ).

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 215 ลาํ ดับนัน้ พระพรหมผูหยัง่ ลงที่ชอบจกั รวาลดานปรุ ตั ถมิ ทิศ เขาสมาบตั ิมีนีลกสณิ เปนอารมณแ ลว ปลอ ยรัศมสี เี ขียว ยงั เทวดาในหม่นื จกั รวาลใหร ูซงึ่ ความท่ีตนมาแลว เหมือนบุคคลสวมใสอ ยูซึ่งหนงั สาํ เรจ็ แลวดวยแกว มณีธรรมดาวา พุทธวิถใี คร ๆ ก็ไมอาจเพื่อจะใหย่งิ กวา เพราะฉะนั้น พรหมจึงมาตามพุทธวถิ อี ันตนไมสามารถผานไป ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลวไดยืนอยู. ณ ทีส่ มควรสว นขา งหน่ึง คร้นั ยนื อยู ณ ทสี่ มควรแลว กไ็ ดภ าษิตคาถาที่ตนแตง มา. พระพรหมองคหนึ่งซึง่ หย่งั ลงท่ขี อบจักรวาลดา นทักษณิ เขา สมาบัติมปี ตกสณิ เปนอารมณเ ดยี ว ปลอยรศั มีสีทอง ยงั พวกเทวดาในหมื่นจกั รวาลใหรูซ ึง่ ความที่ตนมาแลว เหมอื นบุคคลหม ผา สที องอยู แลวไดก ระทําเหมอื นอยา งน้นั นัน่ แหละ (เหมือนองคกอ น). พระพรหมผหู ยงั่ ลงท่ีขอบจักรวาลดา นปจ ฉมิ เขาสมาบัตมิ ีโลหิตกสณิเปน อารมณ แลว ปลอยรัศมีสแี ดง ยังพวกเทวดาในหม่นื จักรวาลใหรูซ ึ่งความทตี่ นมาแลว เหมือนบุคคลพนั กายอยูดว ยผา กมั พลอนั ประเสรฐิ ซ่ึงมีสีแดง แลวกระทําเหมอื นอยา งนัน้ นน่ั แหละ. พระพรหมผหู ยั่งลงทขี่ อบจักรวาลดานอุดร เขาสมาบตั โิ อทาตกสณิแลวปลอยรัศมีสีขาว ยงั พวกเทวดาในหม่นื จักรวาลใหร ูซ่ึงความทต่ี นมาแลวเหมือนบคุ คลหม อยซู ง่ึ แผนผาดอกมะลิ แลวไดท าํ เหมือนอยางน้นั เหมือนกนั . แตในพระบาลีกลา ววา ในคร้ังน้ันแหละ พวกเทวดา ๔ องคน้ันไดห ายจากหมพู รหมช้ันสทุ ธาวาส มาปรากฏอยเู ฉพาะพระพกั ตรพระผมู ีพระ-ภาคเจา ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลวไดย ืนอยู ณ ทส่ี มควรสวนขางหนึ่ง ดังนี้ ราวกะในขณะเดยี วกนั ท้ัง ๔ องค คอื วา ความปรากฏเฉพาะพระพักตรด วย ความเปน คอื ถวายบงั คมแลวไดยนื อยู ณ ท่สี มควรสวนขางหน่ึงดวย ทแ่ี ทน นั้ พระพรหมนนั้ ไดมีแลว โดยลําดบั ตามที่กลา วแลวนี้

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 216ทานกลา วแสดงกระทาํ รวมกนั . กก็ ารกลา วคาถาของเทวดาทง้ั ๔ นน้ั แมในพระบาลีทานกก็ ลา วไวค นละสวนเหมือนกัน. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา มหาสมโย แกเ ปน มหาสมูโห แปลวาการประชมุ ใหญ. พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสเรียก ปา ใหญ วาไพรสณฑ. แมดวยคําท้ังสองนี้ พระผูมพี ระภาคเจา ก็ตรัสวา การประชมุ กนั คอื การประชุม-ใหญในไพรสณฑ ในวันน้ี ดงั น้.ี ลาํ ดับน้นั เพอื่ แสดงถงึ เทวดาที่ประชุมกนัจึงกลา ววา เทวกายา สมาคตา แปลวา พวกเทวดามาประชมุ กันแลว . บรรดาคาํ เหลาน้นั คําวา เทวกายา แกเปน เทวฆฏา แปลวาพวกเทวดา. บทวา อาคตมฺห อิม ธมมฺ สมย แปลวา พวกขา พเจามาแลวสทู ีช่ ุมนุมอนั เปน ธรรมน้ี ความวา เพราะเห็นหมเู ทวดามาประชุมกนัแลว อยางนี้ แมพวกขาพเจาก็มาแลว สทู ่ปี ระชมุ อันเปนธรรมนี้. ถามวาเพราะเหตุไร. ตอบวา เพราะเพื่อจะเย่ยี มพระสงฆผูอนั ใคร ๆ ใหแพไมไ ด.บทวา ทกฺขิตาเยว อปราชติ ส ฆ แปลวา เพอื่ จะเยย่ี มหมพู ระอันใคร ๆใหแ พไมไดน ้ี อธิบายวา พวกขาพเจา มาแลว เพ่อื จะเหน็ พระสงฆผอู ันใคร ๆใหแพไ มได ผูม ีสงครามอนั ตนยํา่ ยมี ารทัง้ สามชนะไดแลวในวนั น้ีแล. ก็พรหมน้ัน คร้นั กลา วคาถานแี้ ลว ถวายบงั คมพระผูมีพระภาคเจาแลว ไดยืนอยู ขอบจกั รวาลดา นปุรตั ถมิ ทิศ. ลาํ ดบั น้นั พรหมองคท ส่ี องกม็ าแลวโดยนัยทีก่ ลาวแลว นน่ั แหละ ไดกลา วคาถาวา ตตฺร ภิกขฺ โวสมาทห สฺ เป รกขฺ นฺติ ปณฺฑตฺ า แปลความวา ภิกษทุ ั้งหลายในท่ีประชุมนนั้ ต้งั มั่น แลว ไดท าํ จิตของตนใหตรงแลว ภิกษุ ทั้งปวงนั้นเปนบัณฑติ ยอ มรกั ษาอินทรยี  ทั้งหลาย ดุจดังวานายสารถถี ือบังเหียน ฉะน้ัน.

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 217 บรรดาบทเหลานั้น บทวา ตตฺร ภิกขฺ โว แกเปน ตสมฺ ึสนฺนิปาตฏ าเน ภกิ ขฺ ู แปลวา ภกิ ษุท้งั หลายในที่ประชุมน้นั . บทวาสมาทห สุ เเปลวา ตั้งจติ มน่ั แลว คอื ไดแก ประกอบแลวดว ยสมาธ.ิ บทวาอตตฺ โน อชุ กุ มก สุ แปลวา ไดท าํ จิตของตนใหต รงแลว อธิบายวาละแลว ซง่ึ จิตทง้ั ปวงของตน อนั เปนสว นท่ีคดโคงทไ่ี มตรงแลว ทําใหต รง.บทวา สารถวี เนตตฺ านิ คเหตวฺ า แปลวา นายสารถถี อื บงั เหยี นอธบิ ายวา เมอื่ มา สินธพวิง่ ไปดแี ลว นายสารถีผูมีปะฏกั หอยลงแลว ถอื เอาซง่ึบังเหยี นท้ังปวงแลว ไมเ ตอื นอยู ไมเหยยี ดปะฏกั ออกอยู ถอื บังเหียนมนั่ อยูฉนั ใด ภกิ ษุ ๕๐๐ รปู ทง้ั หมดเหลา น้ี ประกอบดว ยฉฬังคเุ บกขา มที วารอนั คุมครองแลว เปน บณั ฑติ ยอมรักษาอนิ ทรียท ง้ั หลาย ฉันนั้น ดว ยอาการอยางนแ้ี หละ เทวดาทั้งหลายจึงกลาววา ขา แตพ ระผูม พี ระภาคเจา พวกขา -พระองคมาแลว ในทีน่ เ้ี พ่ือเหน็ ภกิ ษุเหลานนั้ . แมเทวดาองคนั้น ไปแลว ก็ยืนอยูในทสี่ มควรน่ันแหละ. ลําดับนัน้ พรหม องคที่สามกม็ าแลวโดยนยั ที่กลาวแลว นน่ั แหละไดก ลา วคาถาวา เฉตวฺ า ขลี  เฉตฺวา ปลีฆ ฯเปฯ สสุ ู นาคา แปลวา ภกิ ษุทั้งหลายนน้ั ตดั กิเลสดังตะปู เสยี แลว ตดั กเิ ลสดังวาล่มิ ลลกั เสยี แลว ถอนกิเลสดงั วาเสาเขอ่ื นเสยี แลว มิไดม ี ความหวน่ั ไหว เปนผูห มดจด ปราศจาก มลทนิ อนั พระพุทธเจาผมู ีจักษทุ รงฝกดี แลว เปนหมนู าคหนุม ไปอย.ู บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา เฉตวฺ า ขลี  แปลวา ตดั กิเลสดงัตะปูเสียแลว คือวา ตัดราคะโทสะและโมหะเพียงดังตะปูเสียแลว . บทวา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 218ปลีฆ แปลวา ลม่ิ สลัก ไดแก ราคะโทสะและโมหะนั่นแหละเปน ดงั ลมิ่ สลกับทวา อินฺทขลี  แปลวา เสาเขอื่ น ไดแก ราคะโทสะและโมหะนนั่ แหละเปน ดงั เสาเข่อื น. บทวา โอหจฺจมเนชา แปลวา มิไดมคี วามหวัน่ ไหวอธบิ ายวา ภิกษเุ หลาน้ีมไิ ดมคี วามหว่ันไหว ดว ยความหว่ันไหว คอื ตัณหาเปนผดู ึงขนึ้ แลว ถอนขึ้นแลว ซ่งึ ตัณหา เพียงดงั เสาเขื่อน. บทวา เต จรนฺติแปลวา ภิกษเุ หลา นัน้ เทีย่ วไปอยู อธิบายวา ยอมเทย่ี วจารกิ ไปโดยไมถ กูกระทบกระเทือนแลว ในทิศท้ัง ๔. บทุ วา สทุ ธฺ า แปลวา เปนผหู มดจดไดแก เปน ผไู มม ีอปุ กิเลส. บทวา วิมลา แปลวา ปราศจากมลทนิ คอืไมมีมลทิน. คาํ วา ปราศจากมลทนิ นีเ้ ปนไวพจนข องคาํ วา เปน ผูห มดจดแลว นัน้ นั่นแหละ บทวา จกขฺ ุมา แปลวา ผูมจี ักษุ คอื ไดแก ผูมีจกั ษุ ๕บทวา สทุ นฺตา แปลวา ฝก ดีแลว ไดแ ก ฝก แลวทางจักษุบา ง ทางโสตบางทางฆานะบาง ทางชวิ หาบา ง ทางกายบาง และทางใจบา ง. บทวา สสุ ู นาคาแปลวา เปน หมนู าคหนุม ไดแ ก เปน นาครนุ หนมุ . พงึ ทราบวจนัตถะในคําวา นาคะนนั้ ดงั นี้. ฉนทฺ าทหี  น คจฺฉนฺตตี ิ นาคา ชนเหลาใด ยอ มไมล าํ เอียง ดว ยอคติท้งั หลายมีฉันทะเปนตน เหตนุ นั้ชนเหลา น้นั จงึ ช่อื วา นาคา. เตน เตน มคฺเคน ปหเี น กเิ ลเส น อาคจฺฉนฺตีติ นาคา ชนเหลา ใด ยอมไมม าสกู เิ ลสท้ังหลายอนั มรรคนั้น ๆ ละแลว เหตุนนั้ชนเหลานั้น จงึ ช่อื วา นาคา. นานปฺปการ อาคุ น กโรนตฺ ตี ิ นาคา ชนเหลา ใด ยอมไมกระทาํ ความผิดมปี ระการตา ง ๆ เหตุนนั้ ชนเหลานน้ั จึงชือ่ วา นาคา.

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 219 นี้เปนเนอื้ ความยอ ในคําวา นาคะ นี้ สวนความพสิ ดาร พงึ ทราบโดยนัยที่กลา วไวในมหานทิ เทส. อกี อยา งหน่งึ พึงทราบเนื้อความอยา งนใ้ี นท่นี ี้วา บคุ คลยอ มไมท ําความชว่ั ยอมไมติดในเครือ่ งผูกอันประกอบไวในโลกอยางใด ๆ ในทท่ี ้งั ปวงเปนผหู ลดุ พนแลว ทานเรยี กวา นาคะ คอื ผคู งท่ีม่ันคง. ในบทวา สสุ ูนาคา นอี้ ธิบายวา หมูนาคหนมุ ถึงแลว ซ่ึงสมบตั ิแหง ความเปนนาคะ ดังน้.ีพวกเทวดาเหลานน้ั กลา ววา ขาแตพ ระผมู พี ระภาคเจา พวกขาพระองคม าแลว เพือ่ เย่ียมพวกนาคหนมุ อนั อาจารยผ ูมีความเพียรชนั้ ยอดเหน็ ปานน้ฝี ก แลวแมพรหมองคน ้ันก็ไดไปยืนอยูในท่ีสมควรนั่นแหละ. ลําดับนัน้ พรหมองคที่ ๔ มาแลวโดยนยั ท่กี ลา วแลว นน่ั แหละไดกลาวคาถาวา เยเกจิ พุทธฺ  สรณ คตเส เปนตน แปลความวา ชนเหลาใดเหลาหน่งึ ถงึ แลวซึ่ง พระพุทธเจา เปนสรณะ ชนเหลา น้ันจกั ไม ไปสูอบายภมู ิ ละรางกายอนั เปนของ มนุษยแ ลวจักยงั หมเู ทวดาใหบ รบิ ูรณ.บรรดาบทเหลาน้นั บทวา คตาเส แปลวา ถงึ แลว ไดแก ถึงสรณคมนอนั ปราศจากความแคลงใจ. แมพรหมน้นั กไ็ ดย ืนอยูในท่สี มควรน่ันแหละดังน้แี ล. จบอรรถกถาสมยสตู รที่ ๗

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 220 ๘. สกลิกสูตร เทวดาสรรเสริญความอดทน [๑๒๒] ขา พเจา ไดส ดบั มาแลว อยางน้ี :- สมัยหนง่ึ พระผูม พี ระภาคเจาประทบั อยู ณ มคิ ทายวนั ในสวนมัททกุจฉิ กรงุ ราชคฤห กโ็ ดยสมัยน้นั แล พระบาทของพระผูมพี ระภาคเจาถกู สะเกด็ หินกระทบแลว ไดยนิ วา เวทนาทงั้ หลาย ของพระผมู ีพระภาคเจามาก เปนความลาํ บากมใี นพระสรีระ กลา แขง เผด็ รอน ไมสําราญ ไมทรงสบาย ไดย ินวา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงมพี ระสตสิ ัมปชัญญะอดกล้ันเวทนาทง้ั หลาย ไมทรงเดือดรอน ในครั้งนน้ั แล พระผมู พี ระภาคเจารับสั่งใหป ผู าสงั ฆาฏิสีช่ ้ัน ทรงสาํ เรจ็ สีหไสยาสนโดยพระปรศั วเ บ้อื งขวา ซอนพระบาทเหล่อื มดวยพระบาท ทรงมพี ระสติสัมปชัญญะอย.ู [๑๒๓] คร้งั นน้ั แล เมื่อปฐมยามลว งไปแลว พวกเทวดาสตุลล-ปกายกิ าเจด็ รอ ย มวี รรณะงาม ยงั สวนมทั ทกุจฉทิ งั้ สิ้นใหส วาง เขาไปเฝาพระผูมีพระภาคเจา ครน้ั แลวถวายอภวิ าทพระผมู พี ระภาคเจา แลวไดย นื อยู ณทีค่ วรสวนขางหนง่ึ . [๑๒๔] เทวดาองคห นึ่งครั้นยืนอยู ณ ทค่ี วรสว นขางหนงึ่ แลว ไดเปลงอทุ านนใ้ี นสํานักพระผมู พี ระภาคเจา วา พระสมณโคดมผูเจรญิ เปน นาคหนอ ก็แหละพระสมณโคดม ทรงมพี ระสติสมั ปชญั ญะ ทรงอดกลัน้ ซง่ึ เวทนาทั้งหลายอนั มีในพระสรีระเกดิ ข้นึ แลว เปนความลาํ บาก กลาแขง็ เผ็ดรอ นไมส ําราญ ไมท รงสบาย ดวยความทพ่ี ระสมณโคดมเปนนาค มไิ ดทรงเดอื ดรอน.

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 221 [๑๒๕] ในคร้ังนนั้ แล เทวดาอื่นอีก ไดเปลง อทุ านนใ้ี นสาํ นกั พระผมู ีพระภาคเจาวา พระสมณโคดมผเู จริญ เปน สหี ะหนอ ก็แหละพระสมณโคดมทรงมพี ระสติสัมปชญั ญะอดกลั้นซง่ึ เวทนาทั้งหลายอนั มีในพระสรีระเกดิ ข้นึ แลวเปน ความลําบาก กลา แข็ง เผด็ รอน ไมสาํ ราญ ไมท รงสบาย ดว ยความที่พระสมณโคดมเปน สีหะ มไิ ดท รงเดอื ดรอน. [๑๒๖] ในคร้งั นัน้ แล เทวดาอน่ื อีก ไดเปลง อุทานนี้ในสํานกั พระ-ผูม พี ระภาคเจา วา พระสมณโคดมผเู จริญ เปน อาชาไนยหนอ กแ็ หละพระสมณโคดมทรงมีพระสติสมั ปชญั ญะอดกลัน้ เวทนาทัง้ หลายอันมใี นพระสรรี ะเกดิ ขึน้แลว เปน ความลาํ บาก กลาแขง็ เผ็ดรอ น ไมส าํ ราญ ไมทรงสบาย ดวยความทพ่ี ระสมณโคดมเปน อาชาไนย มไิ ดท รงเดอื ดรอ น. [๑๒๗] ในครง้ั นัน้ แล เทวดาอน่ื อกี ไดเ ปลงอุทานนี้ในสํานักพระผูมีพระภาคเจาวา พระสมณโคดมผูเจริญ เปน ผูองอาจหนอ ก็แหละพระสมณโคดมทรงมีพระสดิสัมปชญั ญะอดกลน้ั ซงึ่ เวทนาทัง้ หลาย อันมีในพระสรีระเกิดข้ึนแลว เปนความลําบาก กลา แข็ง เผด็ รอน ไมสาํ ราญ ไมทรงสบาย ดวยความทพี่ ระสมณโคดมเปน ผูองอาจ มไิ ดทรงเดอื ดรอน. [๑๒๘] ในครัง้ นนั้ แล เทวดาอื่นอกี ไดเปลง อุทานนใ้ี นสํานักพระผมู ีพระภาคเจาวา พระสมณโคดมผเู จรญิ เปน ผูใฝธรุ ะหนอ ก็แหละพระ-สมณโคดมทรงมีพระสติสัมปชัญญะอดกลนั้ เวทนาทั้งหลายอันมีในพระสรรี ะเกิดขึน้ แลว เปนความลําบาก กลา แข็ง เผด็ รอ น ไมส าํ ราญ ไมทรงสบายดวยความทีพ่ ระสมณโคดมเปนผูใฝธรุ ะ มิไดท รงเดือดรอน. [๑๒๙] ในคร้งั นัน้ แล เทวดาอ่นื อกี ไดเ ปลง อุทานนใี้ นสํานกัพระผมู ีพระภาคเจา วา พระสมณโคดมผเู จรญิ เปนผูฝ ก แลวหนอ ก็แหละพระสมณโคดมทรงมพี ระสตสิ มั ปชัญญะ อดกลน้ั ซ่ึงเวทนาทง้ั หลายอันมใี น

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 222พระสรรี ะเกดิ ขึน้ แลว เปน ความลาํ บาก กลา แข็ง เผ็ดรอ น ไมส าํ ราญ ไมทรงสบาย ดวยความที่พระสมณโคดมเปนผฝู ก แลว มิไดท รงเดือดรอน. [๑๓๐] ในคร้งั นัน้ แล เทวดาอ่นื อกี . ไดเ ปลง อุทานน้ีในสาํ นกัพระผมู ีพระภาคเจา วา ทานทง้ั หลายจงดูสมาธิทพ่ี ระสมณโคดมใหเ จรญิ ดแี ลวอนงึ่ จติ พระสมณโคดมใหพนดีแลว อนึ่ง จิตเปนไปตามราคะ พระสมณโคดมไมใ หน อมไปเฉพาะแลว อนง่ึ จิตเปนไปตามโทสะ พระสมณโคดมไมใหกลบั มาแลว อน่งึ จติ พระสมณโคดมหาตองตั้งใจขม ตอ งคอยหา มกันไมบุคคลใดพงึ สําคญั พระสมณโคดมผเู ปนบุรุษนาค เปนบุรุษสีหะ เปน บรุ ุษอาชาไนย เปน บรุ ุษองอาจ เปน บรุ ุษใฝธรุ ะ เปนบรุ ษุ ฝกแลว เหน็ ปานนีว้ าเปนผูอันตนพึงลวงเกนิ บุคคลน้ันจะเปน อะไรนอกจากไมม ีตา. เทวดานน้ั คร้นั กลาวดังนแี้ ลว ไดก ลา วคาถาทั้งหลายน้วี า พราหมณท งั้ หลายมีเวทหา มีตบะ ประพฤติอยูต ้ังรอยป แตจิตของพราหมณ เหลา น้นั ไมพ น แลว โดยชอบ พราหมณ เหลา นนั้ มจี ิตเลว ยอ มไมลุถึงฝง . พราหมณเ หลา น้ัน เปนผูอ นั ตัณหา ครอบงาํ แลว เกย่ี วของดว ยพรตและศีล ประพฤตติ บะอันเศราหมองอยตู ้งั รอ ยป แตจิตของพราหมณเ หลา นั้นไมพนแลว โดยชอบ พราหมณเหลานั้นมีจิตเลว ยอ มไมลุถึงฝง .

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 223 ความฝกฝนยอมไมมีบคุ คลทีใ่ คร มานะ ความรยู อ มไมม ีแกบ ุคคลท่มี ีจติ ไม ตัง้ มนั่ บคุ คลผเู ดยี วเม่อื อยูใ นปา ประมาท อยูแลว ไมพึงขา มพนฝงแหง แดนมัจจุได. บุคคลละมานะแลว มีจิตตง้ั มั่นดี แลว มีจิตดี พน ในธรรมทัง้ ปวงแลว ผูเดียวอยูใ นปา ไมป ระมาทแลว บุคคล น้ันพึงขามพน ฝงแหง แดนมัจจุได. อรรถกถาสกลสิ ตู ร พึงทราบวินิจฉัยในสกกิ สูตรท่ี ๘ ตอ ไป :- บทวา มัททกจุ ฉิ ไดแ ก สวนอนั มีชื่ออยา งนี้. จรงิ อยู สวนนัน้เมือ่ พระเจา อชาตศัตรบู งั เกิดในครรภแ ลว พระมารดาของพระเจาอชาตศัตรูนน้ัมีความประสงคจะใหค รรภต กไป ดวยทรงดาํ ริวา ครรภอันอยใู นทองของเราน้ีจักเปนศัตรขู องพระราชา จะมีประโยชนอ ะไรดวยครรภน้ี ดังน้ี จงึ ใหท าํ ลายครรภใ นสวนนน้ั เพราะเหตุน้นั สวนนนั้ จงึ ช่อื วา มทั ทกจุ ฉิ ดังนี้. กป็ าที่ทา นเรียกวา มิคทาย เพราะความทป่ี า นนั้ อันพระราชาพระราชทาน เพอื่ความปลอดภยั แหงเน้ือทง้ั หลาย. ในบทวา ก็โดยสมัยน้ันแล น้เี ปนอนุปุพพิกถาคือ วาจาเปน เครื่องกลาวโดยลาํ ดบั .

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 224 กพ็ ระเทวทตั อาศยั พระเจาอชาตศัตรูแลว แมสงนายขมังธนูทั้งหลายและชา งธนปาลกะไปแลว กไ็ มอ าจเพ่อื ทําอนั ตรายชีวิตของพระตถาคตได จงึคดิ วา เราจักยังพระตถาคตใหต ายดวยมือของเราทีเดยี ว ดงั นี้ ขึน้ สูภเู ขาคชิ ฌ-กฎู แลว ยกศลิ าใหญประมาณเรือนยอดขวางไป ดวยคิดวา พระสมณโคดม จงแหลกละเอียด ดงั น้ี. ไดยนิ วา พระเทวทัตน้ันมกี ําลังมาก ยอ มทรงกาํ ลังถงึชางพลายหา เชือก. กแ็ ล อนั ตรายแหงชวี ติ ของพระพทุ ธเจาทง้ั หลายที่จะพึงมีไดด ว ยความพยายามของบคุ คลอนื่ ขอนั้นแลเปน อฐานะ คอื เปนสิ่งทีเ่ ปนไปไมได เพราะฉะน้ัน ศลิ าอนื่ จงึ ต้ังขึ้นในอากาศแลว รับศลิ ากอ นนั้นซ่งึ มาอยูตรงพระสรีระของพระตถาคต. สะเก็ดแผนหินอนั ใหญต ้งั ขึ้นแลว เพราะศลิ าท้งั สองกระทบกัน จึงกระเด็นไปถูกท่ีสุดแหงหลังพระบาทของพระผมู ีพระ-ภาคเจา . พระบาทมีพระโลหิตหอขน้ึ ราวกะถกู ประหารดวยขวานใหญ ราวกะยอมดวยนํา้ เหลวของครง่ั . พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแลดูเบือ้ งบนแลว ไดต รสั กะพระเทวทตั วา ทานใด มีจิตประทุษรา ยแลว มจี ิตฆา ทาํ โลหิตของตถาคตใหต ง้ั ขนึ้ (ใหห อ ) ดูกอ นโมฆบรุ ษุ ทา นน้นั ประกอบสิ่งทม่ี ใิ ชบ ญุ เปน อนั มากดังนี้ ต้ังแตนนั้ มาความไมผาสกุ ไดเ กิดขึน้ แลว แกพ ระผูมีพระภาคเจา . พวกภิกษคุ ิดวา วิหารนี้เปน ท่ีดอน ไมเ รียบ ไมเหมาะแกช นจาํ นวนมากมีกษตั รยิ เ ปนตน และแกบ รรพชิตท้ังหลาย. ภิกษุเหลานน้ั จงึ ชว ยกันหามพระตถาคตดวยเสล่ยี งแหง เตยี งนอยนําไปสสู วนช่อื วา มทั ทกจุ ฉิ. ดวยเหตนุ น้ั แหละ ทา นพระอานนทเถระ จงึ กลา ววา กโ็ ดยสมยั นัน้แหละ พระบาทของพระผมู ีพระภาคเจา ถกู สะเก็ดหนิ กระทบแลว. บทวา ภสู าแปลวา มาก คือ มีกาํ ลังยงิ่ . บทวา สทุ  สักวา เปน นบิ าต.ิ บทวา ทกุ ขฺ าแปลวา ลาํ บาก ไดแกไ มมคี วามสุข. บทวา ติปฺปา แปลวา กลา ไดแ ก

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 225มีมาก. บทวา ขรา แปลวา แขง็ ไดแก หยาบ. บทวา กฏก า แปลวาเผด็ รอน ไดแก กลา แขง็ . บทวา อาสาตา แปลวา ไมสาํ ราญ ไดแ กไมชมุ ชืน่ . ชื่อวา ไมท รงสบาย เพราะอรรถวา ใจยอ มไมแ นบสนิทในอารมณเหลา นั้น อารมณเหลา นัน้ ไมย ังใจใหเ อิบอาบ คือไมใ หเจริญ. บทวา สโตสมปฺ ชาโน แปลวา มีพระสตสิ มั ปชัญญะ ไดแ ก เปนผปู ระกอบดวยพระสติและสมั ปชัญญะอดกลัน้ ในเวทนา. บทวา อวหิ ฺ มาโนป แปลวา ไมท รงเดอื ดรอ น คอื ไมถกู บบี คน้ั อยู ไมไปสอู าํ นาจแหง เวทนาท้ังหลายอนั ใหเปน ไป.ในบทวา สหี เสยฺย นี้ ไดแก การนอน ๔ อยางคอื กามโภคีเสยยฺ า คือการนอนของผมู ปี กติเสพกาม เปตเสยฺยา คือการนอนของเปรต (ผตู ายแลว ) สหี เสยฺยา คือการนอนของสหี ะ ตถาคตเสยยฺ า คือการนอนของพระตถาคต. ในการนอน ๔ เหลา นัน้ การนอนทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวว า ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย สัตวผบู รโิ ภคกามโดยมากยอ มนอนโดยขางเบอ้ื งซาย (ตะแคงซา ย) นี้ช่ือวา กามโภคีไสยา. จรงิ อยูในบรรดาสัตวผ ูบ ริโภคกามเหลา นนั้ช่ือวา การนอนโดยขางเบ้ืองขวา (ตะแคงขวา) มไี มม าก. การนอนท่พี ระผูมีพระภาคเจาตรสั ไวว า ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย เปรตท้ังหลาย โดยมากยอ มนอนหงาย นีช้ ่ือวา เปตเสยยา. จริงอยู เปรตทัง้ หลายยอมไมอาจเพ่ือนอนโดยขางหนึ่งได เพราะความท่ตี นมเี นอ้ื และเลือดนอ ยเพราะความทโ่ี ครงกระดกู ยุงเหยงิ จึงนอนหงายเทา นั้น. การนอนทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจาตรสั ไวว า ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย สหีมิคราช โดยมาก ใหหางของตนเขาไปในระหวางขาออ น แลวนอนตะแคงขวา นชี้ ่ือวา สีหไสยา. จริงอยู สหี มคิ ราชมีอาํ นาจมาก เมื่อจะนอนก็วาง

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 226เทาหนา ๒ เทา ไวทหี่ น่งึ วาง ๒ เทาหลังไวท ห่ี น่ึง แลวเอาหางใสไวระหวางขาออน กาํ หนดโอกาสท่ีวางเทา หนา เทาหลังและหางไว แลววางศรี ษะไวบนเทาหนา ท้ังสองแลวนอน คุร้นั นอนแมท ัง้ วนั เมอื่ ตืน่ ก็ไมตกใจตนื่ คือวายกศีรษะขนึ้ กาํ หนดโอกาสที่วางเทาหนาเปนตน ถา อะไร ๆ ตั้งผดิ ไป กจ็ ะไมมใี จเปน ของ ๆ ตนจะเสียใจวา เหตนุ ้ี ไมส มควรแกชาตขิ องทาน (ของตน)ทั้งไมส มควรแกความเปนผกู ลาหาญ ดังนี้ ยอ มนอนเหมือนอยางนน้ั ไมยอมไปหาอาหาร กแ็ ตเม่อื อวยั วะมีเทาหนาเปนตน ตั้งไวเรยี บรอย กจ็ ะมใี จราเรงิ วาเหตุน้นั สมควรแกช าตขิ องทาน และสมควรแกค วามเปนผกู ลาหาญ ลุกขนึ้บดิ กายแบบราชสีห สะบัดขนสรอ ยคอบันลือสหี นาทแลว กอ็ อกไปโคจร (หาอาหาร). การนอนในฌานท่ี ๔ ตรสั เรยี กวา ตถาคตไสยา. ในการนอนทง้ั ๔นั้น การนอนดังสหี ะมาในสูตรน.้ี จริงอยู การนอนนี้ ชอื่ วา การนอนอนัอุดม เพราะความท่ีการนอนนนั้ เปนอริ ิยาบถอนั มอี ํานาจมาก. บทวา ปาเท ปทไดแก วางเทาซา ยบนเทาขวา. บทวา อจฺจาธาย แปลวา ซอ นเทา ไดแกเหลอ่ื มเทา กนั หนอ ยหน่งึ เพราะวา ขอเทา กระทบกับขอ เทา เขากระทบกบั เขาเวทนายอมเกดิ บอย ๆ จติ กจ็ ะไมตงั้ ม่ัน การนอนกไ็ มผาสุก คือวา การนอนยอ มไมตดิ ตอกัน การเหล่อื มเทาแลววางอยางน้ี เวทนายอ มไมเกดิ จติ ยอมตั้งม่ัน เพราะฉะนั้น จึงนอนอยางนี้. บทวา สโต สมปฺ ชาโน ไดแ ก มสี ติ-สมั ปชญั ญะกําหนดในการนอน. กบ็ ทวา อฏุ  านสฺ  แปลวา มคี วามสาํ คญั ในการทจ่ี ะลกุ ขึ้นน้ี ทานไมไ ดกลา วไวใ นทน่ี ้ี. กก็ ารสาํ เรจ็ สหี ไสยาของพระตถาคตน้นั เปนการนอนเพราะประชวร. คร้งั น้นั แล เมอ่ื ปฐมยามลว งไปแลว พวกเทวดาสตลุ ลปกายิกาเจด็ รอยมีวรรณะงามยงั สวนมทั ทกุจฉทิ ้งั ส้นิ ใหส วา ง เขา ไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจาครัน้ แลว ถวายอภวิ าทพระผูม พี ระภาคเจา แลวไดยนื อยู ณ ท่ีควรสว นขา งหนง่ึ

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 227 บทวา สตตฺ สตา แปลวา เจด็ รอย คอื เทวดาเหลาน้นั แมท้ังหมดในพระสูตรน้ี มาสูท่ีเปนทบี่ รรทมประชวร. บทวา อทุ าน อทุ าเนสิ แปลวา ไดเปลงอทุ าน ไดแ ก พวกเทวดาผมู าสูที่บรรทมประชวรแลว จะพึงมีโทมนสั น่ันแหละไดเ ปลง แลว อธบิ ายวา ก็พวกเทวดาเหลา น้ัน เห็นความอดกล้นั ตอ เวทนาของพระตถาคตแลวจึงเปลงอทุ านวา โอ ความท่ีพระพุทธเจาทง้ั หลายมีอานภุ าพมาก เม่ือเวทนาชอื่ เห็นปานนีเ้ ปนไปอยูแ มส กั วา การครางกม็ ีไดม ี ทรงบรรทมดว ยพระวรกายอันไมห วั่นไหวราวกะรปู อนั สําเร็จดวยทองที่บุคคลประดบั แลวตั้งไวบ นทน่ี อนอันเปน สริ ิ บดั น้ี พระสรีระของพระผมู ีพระ-ภาคเจายอมรุงโรจนยง่ิ ดจุ พระจนั ทรเพญ็ สมบูรณดวยรัศมี พระพักตรของพระผมู พี ระภาคเจา ก็งดงาม ดจุ ดอกปทุมกําลงั แยม บาน ในขณะนี้ แมวรรณะเเหงพระวรกายก็ผอ งใส ดุจทองคาํ ทหี่ ลอมดแี ลว ดงั นี.้ กใ็ นบทวา นาโค วต โภ แปลวา พระสมณโคดมผเู จรญิ เปนนาคหนอ นเ้ี ปนคาํ รองเรียกพระผมู พี ระภาคเจา โดยธรรม. อธบิ ายวา ชือ่ วานาคะ เพราะอรรถวามีกาํ ลงั . บทวา นาควตา แกเปน นาคภาเวน แปลวา เพราะความเปน นาคะ ในครงั้ น้นั แล เทวดาอ่นื อีก ไดเ ปลงอุทานนี้ในสํานกั พระผูมีพระภาคเจาวา พระสมณโคดม ทรงเปนสหี ะหนอ... พระสมณโคดม ทรงเปนอาชาไนยหนอ.. พระสมณโคดม ทรงเปนผอู าจหนอ... พระสมณโคดม ทรงเปนผูใฝธ ุระหนอ... พระสมณโคดม ทรงเปนผฝู กแลว หนอ... พึงทราบวินิจฉยั ในบทวา สีโห วต เปนตน ช่อื วา สหี ะ เพราะอรรถวา เปน ผไู มส ะดุงตกใจ. ชือ่ วา อาชาไนย เพราะอรรถวา ปฏิบตั ิหนาที่

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 228ดว ยความเฉลียวฉลาด หรือเพราะรถู ึงเหตุ. ช่อื วา นิสภะ คอื ผอู งอาจเพราะอรรถวา หาผเู ปรียบเสมอมิได. จรงิ อยู โคอุสภะเปน สตั วประเสรฐิ เปนหวั หนา ในฝงู แหงโครอ ยตัว โคอาสภะ เปน สัตวป ระเสรฐิ สุดเปนหัวหนาในฝงูแหงโคพนั ตัว โคนิสภะ บัณฑติ กลาววา เปน สัตวประเสรฐิ สดุ กวาฝูงแหงโครอยตัวและพันตวั . กพ็ ระผมู พี ระภาคเจา ทรงปฎิญญา คือรบั รองอาสภฐาน(ฐานะอนั ประเสริฐ) เพราะอรรถวา หาผูเ ปรียบเสมอมิได. ในท่นี ้ี เทวดากลา วคาํ วา นิสภศัพท ดวยอรรถนัน้ นั่นแหละ. ช่ือวา เปนผใู ฝธุระ เพราะอรรถวา นําธรุ ะไป. ชื่อวา เปน ผฝู ก แลว เพราะอรรถวา มกี ารเสพผิดออกแลว. บทวา ปสฺส แปลวา จงดู ไดแ ก เปนคําสง่ั ทไ่ี มมีกาํ หนดบทวา สมาธึ ไดแก สมาธิในอรหตั ผล. บทวา สวุ ิมุตตฺ ิ แปลวาใหพนดีแลว ไดแ ก ใหพ น ดีแลว ดวยความพน ของผลจติ . อนึ่ง จิตเปนไปตามราคะพระสมณโคดมไมใ หน อมไปแลว และจติ เปนไปตามโทสะ พระ-สมณโคดมไมใ หก ลับมาแลวนี้ เทวดากลาววา ไมใ หนอ มไปเฉพาะแลวและไมใหก ลับมาแลว เพราะความไมม จี ิตทงั้ สองนน้ั . บทวา น จ สสงฺขารนคิ ฺคยฺห วาริตวต ไดแก ไมตอ งขมไมตองหามกิเลสท้งั หลายอันเปนไปกบั สมั ปโยคะ อันเปนไปกบั ดวยสงั ขาร.คือ จิตตัง้ มั่นเปนไปกับดวยผลสมาธิ เพราะทา นตดั กเิ ลสทงั้ หลายแลว . บทวาอตกิ ฺกมิตพพฺ  แปลวา เปนผอู ันตนพึงลวงเกนิ คอื วา พึงเปน ผอู ันตนขม ไดอนั ตนพงึ เบยี ดเบยี นได. บทวา อทสสฺ นา ไดแก ไมมีญาณ จริงอยูบุคคลผไู มม ญี าณ กต็ องเปนอันธพาลเทา น้ัน. คาํ วา เอวรูเป สตถฺ ริปรชเฺ ฌยฺย ความวา เทวดาทัง้ หลายยอ มกลาวตเิ ตยี นพระเทวทัตวา เมือ่พระศาสดามีคุณเห็นปานน้ี ทา นยังทําอันตรายไค ดงั น้.ี บทวา ปจฺ เวทาแปลวา มเี วท ๕ ไดแก เปนผทู รงไวซ ึ่งเวททัง้ หลาย มีอติ ิหาสเวทเปน ที่ ๕












































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook