Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_24

tripitaka_24

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_24

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 331 พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ชนเหลา ใด ยนิ ดีแลว ในความสงบ อนิ ทรยี  ชนเหลานัน้ ชือ่ วายอมต้งั ม่ันซงึ่ จติ ทีต่ ั้งม่ันไดย าก ดูกอ นกามทเทวบตุ ร อริยะ ทงั้ หลายเหลานน้ั ยอมตัดขายแหงมจั จุไป. [๒๓๕] กามทเทวบตุ รทูลวา ขา แตพระผูมีพระภาคเจา ทางทไี่ ปไดยาก คอื ทางทไ่ี มเรียบ. พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ดูกอนกามทเทวบตุ ร พระอริยะ ทงั้ หลาย ยอมไปได แมใ นทางทไี่ มเ รียบ ทไี่ ปไดยาก ผูมใิ ชอ รยิ ะ ยอมเปนผูบาย ศรี ษะลงตํา่ เบ้ืองต่าํ ตกไปในทางอันไมเรียบ ทางน้ันยอ มสมาํ่ เสมอสาํ หรบั อรยิ ะทั้งหลาย เพราะอรยิ ะทงั้ หลาย เปน ผูสมํ่าเสมอ ใน ทางอนั ไมเ รยี บ.

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 332 อรรถกถากามทสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในกามทสตู รที่ ๖ ตอ ไป :- บทวา ทุกกฺ ร ความวา ไดย นิ วา เทพบตุ รองคนี้ เคยเปนพระ-โยคาวจร ขมกเิ ลสทั้งหลาย ดว ยความพากเพยี ร เพราะเปน ผูมีกเิ ลสหนากระทําสมณธรรม กย็ งั ไมบ รรลุอรยิ ภูมิ เพราะมอี ุปนสิ ัยในปางกอ นนอ ยกระทาํ กาละ [ตาย] แลว ไปบงั เกดิ ในเทวโลก ไปยงั สํานกั พระตถาคตมาดว ยหวงั จะทลู บอกวา. สมณธรรมทาํ ไดย าก จงึ ทูลอยา งน.้ี บรรดาบทเหลานน้ับทวา ทกุ กฺ ร ความวา ขน้ึ ช่อื วา การกระทําสมณธรรมใหบ รสิ ทุ ธิโ์ ดยสว นเดยี วตลอด ๑๐ ปบ า ง ฯลฯ ๖๐ ปบ าง ช่อื วากระทาํ ไดย าก. บทวา เสกขฺ า ไดแกพระเสขะ ๗. บทวา สีลสมาหิตา แปลวา ต้งั มัน่ เขาประกอบแลวดวยศีล.บทวา ิตตฺตา แปลวา สภาวะท่ตี ้ังม่นั แลว พระผมู ีพระภาคเจา คร้นั ทรงแกปญ หาทเี่ ทพบุตรทูลถามอยา งนแี้ ลว บดั น้ี เมอื่ จะทรงตง้ั ปญหาใหส งู ข้ึนไปอกี จงึ ตรสั วา อนคารยิ ุเปตสสฺ เปนตน . บรรดาบทเหลานน้ั บทวาอนคารยิ ุเปตสฺส ไดแ ก ผูเขาถึงความไมมีเรอื น คือปราศจากเรือน. จริงอยูภิกษุอยบู นปราสาทแม ๗ ชนั้ เม่ือถูกพระภิกษุผแู กกวามาบอกวา เสนาสนะนี้ตกถึงผม ดังนี้ ยอมถอื เอาบาตรจวี รออกไปโดยดี เพราะฉะน้นั ภิกษุน้ันพระผูม พี ระภาคเจาจงึ ตรสั เรียกวา ผเู ขา ถงึ ความไมม เี รือน. บทวา ตฏุ  ิ ไดแกความสนั โดษดว ยปจ จัย ๔. บทวา ภาวนาย ไดแก ในการอบรมความสงบแหง จติ . บทวา เต เฉตฺวา มจจฺ โุ น ชาล ความวา พระอริยะเหลา ใดยินดแี ลว ในความสงบแหง อินทรยี  ทั้งกลางวันและกลางคนื พระอริยะเหลานน้ั

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 333ยอมต้งั ม่ันจติ ทต่ี ัง้ มนั่ ไดย าก. พระอรยิ ะเหลาใด มจี ิตตัง้ ม่นั แลว พระอรยิ ะเหลา นั้น ทําความสันโดษในปจจัย ๔ ใหบ ริบรู ณ ยอมไมลาํ บาก พระอรยิ ะเหลาใดสันโดษแลว พระอริยเหลา นนั้ ทําศลี ใหบ ริบูรณ ยอ มไมลาํ บากพระอรยิ เหลา ใดต้ังมน่ั ในศลี พระอรยิ ะเหลา น้นั คอื พระเสขะ ๗ ตัดขายคอืกเิ ลส ท่ีเรยี กวา ขา ยมจั จุไป. คําทง้ั หมดวา ทคุ ฺคโม น้ี ทานอธบิ ายวาเทพบุตรทลู ถามวา ขาแตพ ระองคผ ูเจรญิ พระอรยิ ะเหลา ใด ยนิ ดีในอนิ ทรยี อนั สงบ พระอรยิ ะเหลา น้ัน ยอ มต้ังม่ันจิตท่ีต้ังมั่นไดย าก พระอริยะเหลา ใดต้ังมนั่ ในศลี พระอริยะเหลานน้ั ตดั ขายมัจจุไปได ก็บุคคลนจี้ กั ไปไดอ ยางไรขา แตพระผมู พี ระภาคเจา ทางนี้เปน ทางที่ไปไดยาก เปนทางท่ไี มเ รยี บมใิ ชห รอื ดังนี้ ในขอน้นั อริยมรรคไมเ ปนทางทไ่ี ปไดย าก ไมเ ปนทางที่ไมเรียบ กจ็ ริงอยู ถงึ อยา งนน้ั อันตรายเปน อนั มาก ยอมมแี กบ คุ คลนน้ัเพราะปฏิปทาเปน บุพภาคสว นเบอ้ื งตน เพราะฉะนนั้ พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรัสอยา งนัน้ . บทวา อว สริ า ไดแ ก เปน ผูบ ายศรี ษะลง เพราะศีรษะคอื ญาณ ยอ มตกไป และเพราะไมอ าจยกขน้ึ สอู ริยมรรคได ชนเหลาน้ันพระผูมีพระภาคเจาจงึ ตรสั เรียกวา ตกไปในทางอันไมเรียบ. บทวา อรยิ านสโม มคโฺ ค ความวา ทางนน้ั น่นั แล ยอ มเปนทางเรยี บของพระอริยะทง้ั หลาย.บทวา วสิ เม สมา ความวา แทจริง พระอรยิ ะทง้ั หลายเปนผูเ รยี บอยางเดยี ว ในหมูสตั วทีไ่ มเ รียบ. จบอรรถกถามทสูตรท่ี ๖

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 334 ๗.ปญจาลจณั ฑสูตร [๒๓๖] ปญจาลจัณฑเทวบตุ ร ยืนอยู ณ ท่คี วรสวนขางหนง่ึ แลวไดกลาวคาถานี้ ในสาํ นกั พระผูมพี ระภาคเจา วา บุคคลผมู ปี ญญามาก ไดพบโอกาส ชอ งทางในท่คี ับแคบหนอ ผใู ดไดร ฌู าน เปนผตู ่ืน ผนู ้นั เปน ผูอ งอาจในการเรน เปนมุนี. [๒๓๗] พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา ดกู อ นปญ จาลจณั เทวบตุ ร ชนเหลา ใด แมอ ยูในที่คบั แคบ แตกลับไดซง่ึ สติ เพือ่ การบรรลธุ รรม คือพระนิพพาน ชนเหลา นั้น ช่ือวา ตัง้ มน่ั ดแี ลวโดยชอบ. อรรถกถาปญจาลจณั ฑสตู ร พงึ ทราบวินิจฉัยในปญ จาลจณั ฑสตู รท่ี ๗ ตอ ไป :- ในบทวา สมฺพาเธ ท่คี บั แคบมี ๒ ไดแก ทีค่ บั แคบ คอื นวิ รณ ที่คบั แคบ คอื กามคณุ . ในท่คี บั แคบทงั้ สองนนั้ ในพระสูตรน้ี ทานประสงคเอาท่ีคบั แคบ คือ นิวรณ. คําวา โอกาโส นีเ้ ปน ช่อื ของฌาน. บทวาปฏลิ ีนนสิ โภ แปลวา เปน ผูหลกี ออกไดประเสรฐิ สดุ . ผลู ะมานะไดแ ลว

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 335ตรัสเรยี กชอ่ื วา ผหู ลีกออก เหมอื นอยางที่ตรัสไวว า ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลายก็ภิกษุเปน ผูห ลกี ออกเปน ไฉน ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นี้ มีอสั มมิ านะ [ความถอื วาเปน เรา] อนั ละไดแลว มมี ลู อนั ถอนเสียแลว ทาํ เปนดจุ ตนตาลมรี ากอันถอนแลว ทําใหไมมี ไมมกี ารเกิดข้ึนตอไป ดังนี.้ บทวาปจจฺ ลทธฺ  สุ แปลวา ไดเ ฉพาะแลว. ดวยบทวา สมฺมา เต ทา นกลา วฌานผสมกนั ไวว า ชนเหลา ใดไดเ ฉพาะสติ เพื่อบรรลพุ ระนพิ พาน ชนเหลา นน้ัเปน ผตู ้ังม่นั ดแี ลว แมดว ยโลกุตรสมาธ.ิ จบอรรถกถาปญจาลจัณฑสตู รที่ ๗

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 336 ๘. ตายนสตู ร [๒๓๘] คร้ังนน้ั ตายนเทวบุตรผูเ ปนเจา ลทั ธิมาเกากอน เมื่อส้นิราตรีปฐมยาม มีวรรณะอนั งามยิ่งนกั ทาํ พระวิหารเชตวนั ใหสวา งทว่ั แลว เขาไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจาถึงท่ปี ระทับ ครั้นแลวกถ็ วายบงั คมพระผูมีพระภาคเจาแลวไดยนื อยู ณ ท่ีควรสวนขา งหน่งึ . [๒๓๙] ตายนเทวบตุ ร ยนื อยู ณ ที่ควรสว นขางหน่ึงแลวไดกลาวคาถาเหลาน้ี ในสาํ นักพระผมู ีพระภาคเจาวา ทา นจงพยายามตกั กระแสตณั หา จง บรรเทากามเสยี เถิดพราหมณ. มุนไี มละกาม ยอมเขาไมถ งึ ความท่ี จิตมอี ารมณเ ปนหนงึ่ ได ถา บคุ คลจะพึง ทาํ ความเพยี ร พึงทาํ ความเพียรน้ันจรงิ ๆ พงึ บากบ่นั ทําความเพยี รนัน้ ใหมนั่ เพราะ วา การบรรพชาทปี่ ฏิบัติยอหยอ น ยงิ่ โปรย โทษดุจธุลี. ความชั่วไมท ําเสยี เลยประเสริฐกวา ความชวั่ ยอ มเผาผลาญในภายหลงั . ก็กรรมใดทําแลว ไมเดือดรอ นใน ภายหลัง กรรมนนั้ เปน ความดี ทําแลว ประเสรฐิ กวา หญา คาอันบคุ คลจับไมด ี ยอ มบาดมอื นนั่ เอง ฉนั ใด.

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 337 ความเปน สมณะ. อันบคุ คลปฏบิ ตั ิ ไมดี ยอ มฉุดเขาไปในนรก ฉนั นน้ั . กรรมอนั ยอ หยอนอยา งใดอยา งหนึง่ วตั รอันใด ทเ่ี ศรา หมอง และพรหมจรรยท ่ี นารงั เกยี จ ทง้ั สามอยางนนั้ ไมม ีผลมาก. ตายนเทวบุตร ครน้ั ไดก ลาวดงั นแี้ ลว ก็ถวายบงั คมพระผูมีพระภาคเจาทําประทักษณิ แลวอนั ตรธานไปในที่น้ันเอง. [๒๔๐] ครงั้ นั้น โดยลวงราตรีนน้ั ไป พระผมู พี ระภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษทุ ้ังหลายมาวา ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย เม่ือคืนนี้ เทวบุตรนามวาตายนะผูเ ปนเจาลทั ธแิ ตเ กา กอ นเมอื่ ส้นิ ราตรีปฐมยาม มีวรรณะงามย่งิ นัก ทําพระวหิ ารเชตวนั ใหส วา ง เขามาหาเรา อภวิ าทเราแลว ไดยืนอยู ณ ทค่ี วรสว นขา ง-หน่งึ ตายนเทวบตุ ร กลาวคาถาเหลาน้ใี นสํานักของเราวา ทานจงพยายามตดั กระแสตัณหา จง บรรเทากามเสียเถดิ พราหมณ. มุนีไมล ะกาม ยอ มเขาไมถ ึงความท่ี จติ มีอารมณเ ปนหน่งึ ได ถาบคุ คลจะพึง ทําความเพียร พงึ ทาํ ความเพยี รน้นั จรงิ ๆ พึงบากบนั่ ทาํ ความเพยี รนนั้ ใหม น่ั เพราะ วา การบรรพชาท่ีปฏิบัติยอหยอ น ยงิ่ โปรย โทษดุจธุลี. ความชวั่ ไมทําเสยี เลยประเสรฐิ กวา ความชั่วยอ มเผาผลาญในภายหลงั .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 338 กก็ รรมใดทาํ แลวไมเดอื ดรอ นใน ภายหลงั กรรมน้ันเปนความดี ทาํ แลว ประเสรฐิ กวา หญาคาอนั บคุ คลจบั ไมด ี ยอ มบาดมือนั่นเอง ฉันใด. ความเปนสมณะ อันบุคคลปฏบิ ตั ิ ไมด ี ยอ มฉุดเขาไปในนรก ฉันนน้ั . กรรมอนั ยอหยอ นอยางใดอยา งหน่งึ วัตรอนั ใดทเี่ ศราหมอง และพรหมจรรยท่ี นารังเกียจ ทง้ั สามอยางนั้น ไมมผี ลมาก. ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ตายนเทวบุตรครน้ั ไดก ลา วดงั นแ้ี ลว กอ็ ภวิ าทเราทําประทกั ษณิ แลวอนั ตรธานไปในทนี่ น้ั เอง ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เธอทงั้หลาย จงศกึ ษา จงเลา เรียน จงทรงจาํ ตายนคาถาไว ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลายตายนคาถาประกอบดวยประโยชน เปน เบื้องตนแหง พรหมจรรย. อรรถกถาตายนสูตร พึงทราบวินิจฉัยในตายนสูตรท่ี ๘ ตอไป :- บทวา ปุราณติตฺถกโร แปลวา ผเู ปนเจา ลทั ธิมาแตกอ น. ในคาํ วาปุราณติตถฺ กโร น้ัน ทิฎฐิ ๖๒ ชอื่ วา ลัทธิ [ตติ ถ]. ศาสดาผูกอกาํ เนดิลทั ธิเหลานัน้ ชอื่ วา เจาลทั ธิ คือใคร. คือ นนั ทะ มัจฉะ กสิ ะ สงั กจิ จะและทช่ี ื่อวา เดยี รถยี ท งั้ หลาย มปี ุรณะเปนตน. ถามวา กต็ ายนเทพบุตรน้ีกอ ทฎิ ฐิข้นึ แลว บังเกิดในสวรรคไ ดอ ยา งไร. ตอบวา เพราะเปน กัมมวาท.ีไดยนิ วา ตายนเทพบตุ รน้ี ไดใ หอาหารในวนั อุโบสถเปน ตน เรม่ิ ตั้งอาหาร

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 339ไวสาํ หรับคนอนาถา ทําทพ่ี กั ใหขดุ สระโบกขรณีทั้งหลายไดทาํ ความดีมากแมอ ยา งอื่น. เพราะผลวบิ ากแหง ความดีนั้น เขาจึงบังเกดิ ในสวรรค แตเขาไมรูวา พระศาสนาเปน ธรรมนําสตั วอ อกจากทุกข. เขามายงั สาํ นักพระตถาคตดว ยประสงคจ ะกลาวคาถาคํารอยกรอง ประกอบดว ยความเพียรอันเหมาะแกพระศาสนา จงึ กลาวคาถาวา ฉินทฺ โสต ดงั น้เี ปน ตน . บรรดาบทเหลานน้ั บทวา ฉินทฺ เปน คาํ สงั่ ท่ไี มแนน อน. บทวาโสต ไดแกกระแสตณั หา. บทวา ปรกกฺ ม ไดแก ทาํ ความเพียร. บทวากาเม ไดแก กิเลสกามบา ง วัตถกุ ามบา ง. บทวา ปนทู แปลวา จงนาํ ออก.บทวา เอกตตฺ  ไดแ ก ฌาน. ทา นอธิบายวา มุนไี มล ะกามท้งั หลาย ยอมไมเขาถงึ คือ ไมไดฌาน. บทวา กยิรา เจ กยริ าเถน ความวา ถา บุคคลพึงทําความเพยี รไซร ก็ไมพงึ ทอ ถอยความเพยี รน้นั . บทวา ทฬหฺ เมนปรกฺกเม ความวา พงึ ทาํ ความเพียรน้ันใหมั่นคง. บทวา สิถโิ ล หิ ปริพฺ-พาโช ไดแ ก บรรพชาที่ถอื ไวห ยอ น ๆ. บทวา ภิยฺโย อากรเต รชแปลวา พึงโปรยธลุ ี คือกิเลสไวเบอื้ งบนมากมาย. บทวา อกต ทุกกฺ ฏเสยโฺ ย แปลวา ความชั่ว ไมท ําเสยี เลยดกี วา . บทวา ยงฺกิฺจิ ความวามิใชแตส ามัญญผล คุณเครือ่ งเปน สมณะ ทีผ่ ูบวชทําชั่วทําไวอยางเดยี ว แมกจิ กรรมอยางอน่ื อะไร ๆ ทีผ่ บู วชทํายอหยอ น กเ็ ปน เชน นน้ั เหมือนกนั . บทวาสงฺกลิ ฏิ   ความวา วัตรทที่ ําไดยาก คือ ธดุ งควตั ร ทส่ี มาทานเพราะปจจยั ลาภเปน เหตุในพระศาสนานี้ กเ็ ศรา หมองท้ังนั้น. บทวา สงกฺ สสฺ รไดแก ทีร่ ะลกึ ดว ยความรงั เกียจ คอื ที่สงสยั รังเกยี จอยางนี้วา แมข อน้ี ก็จักเปน ขอ ทผ่ี นู ก้ี ระทาํ แลว แมข อนีก้ จ็ ักเปนขอท่นี ้กี ระทาํ แลว. บทวา อาท-ิพฺรหมฺ จริยกา ไดแก เปนเบอ้ื งตน คือ เปนทป่ี รากฏแหงมรรคพรหมจรรย. จบอรรถกถาตายนสตู รที่ ๘

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 340 ๙. จนั ทมิ สตู ร [๒๔๑] พระผูมีพระภาคเจา ประทบั . . . กรุงสาวตั ถี สมยั น้ันจนั ทิมเทวบตุ รถูกอสรุ ินทราหูเขา จับแลว ครัง้ นนั้ จันทิมเทวบตุ รระลึกถึงพระผมู ีพระภาคเจา ไดกลา วคาถานีใ้ นเวลานัน้ วา ขา แตพระพทุ ธเจา ผแู กลวกลา ขอ ความนอบนอมจงมีแตพระองค พระองค เปน ผูห ลุดพน แลว ในธรรมท้ังปวง ขา พระองคถงึ ฐานะอนั ดับขัน ของพระองค จงเปน ทพ่ี งึ แหงขา พระองคนน้ั . [๒๔๒] ลําดบั นัน้ พระผูมีพระภาคเจา ทรงปรารภจันทมิ เทวบุตรไดต รัสกะอสุรนิ ทราหูดวยพระคาถาวา จนั ทมิ เทวบตุ ร ถงึ ตถาคตผเู ปน พระอรหันต วาเปนทพี่ ่ึง ดกู อ นราหู ทา นจงปลอ ยจนั ทมิ เทวบุตร พระพุทธเจา ทงั้ หลายเปนผอู นเุ คราะหโ ลก. [๒๔๓] ลาํ ดบั นนั้ อสรุ นิ ทราหู ปลอยจันทมิ เทวบุตรแลว เรง รบีเขาไปหาทา วเวปจิตตจิ อมอสูร แลว ก็เปนผเู ศราสลด เกดิ ขนพอง ไดยืนอยูณ ที่ควรสว นขา งหนึ่ง. [๒๔๔] ทาวเวปจติ ตจิ อมอสตู ร ไดกลา วกะอสุรินทราหูดวยคาถาวา ดูกอนราหู ทําไมหนอ ทานจงึ เรง รีบปลอ ยพระจันทรเสยี ทําไมหนอ ทา นจงึ มรี ปู สลด มายนื กลัวอย.ู

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 341 [๒๔๕] อสุรนิ ทราหกู ลา ววา ขาพเจาถูกขบั ดว ยคาถาของ พระพุทธเจา หากขาพเจาไมพ งึ ปลอ ย จนั ทมิ เทวบุตร ศรี ษะของขา พเจาพงึ แตก เจด็ เสย่ี งมีชวี ติ อยู ก็ไมพึงไดค วามสุข. อรรถกถาจนั ทิมสตู ร พึงทราบวินิจฉยั ในจนั ทมิ สตู รท่ี ๙ ตอไป :- บทวา จนทฺ ิมา คือเทพบุตรผูสถิตอยู ณ จันทรวมิ าน. บทวาสพฺพธิ ไดแ ก ในขนั ธอายตนะ เปน ตนท้ังหมด. บทวา โลกานกุ มปฺ กาไดแก เปนผูอนเุ คราะห ทง้ั ทา น ท้ังจนั ทรเทพบตุ ร เชน เดียวกัน. บทวาสนตฺ รมาโน ไดแก ดจุ รีบดว น. คาํ วา ปมุจฺ สิ เปน ปจจปุ น กาลลงในอรรถอดีตกาล. จบอรรถกถาจนั ทมิ สูตรท่ี ๙

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 342 ๑๐. สรุ ยิ สตู ร [๒๘๖] สมยั นน้ั สุรยิ เทวบตุ ร ถูกอสุรนิ ทราหูเขา จบั แลว คร้งั นนั้สรุ ยิ เทวบุตร ระลึกถึงพระผมู ีพระภาคเจาไดกลาวคาถาน้ใี นเวลานัน้ วา ขา แตพระพุทธเจา ผแู กลวกลา ขอ ความนอบนอมจงมแี ดพ ระองค พระองค เปนผหู ลดุ พน แลวในธรรมท้งั ปวง ขา พระองคถึงฐานะอันดบั ขัน ขอพระองค จงเปน ที่พง่ึ แหง ขาพระองคน ้ัน. [๒๔๗] ลําดับนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงปรารภสุริยเทวบุตรไดตรัสกะอสุรนิ ทราหดู วยพระคาถาวา สุริยเทวบตุ ร ถึงตถาคตผเู ปน พระ- อรหันต วา เปนที่พึง ดกู อนราหู ทานจง ปลอยสรุ ิยะ พระพุทธเจาทัง้ หลาย เปน ผู อนเุ คราะหโ ลก สรุ ิยะใดเปนผสู องแสง กระทําความสวา งในทีม่ ืดมิด มสี ณั ฐาน เปนวงกลม มเี ดชสูง ดูกอนราหู ทา น จงปลอ ยสุรยิ ะ ผูเปน บตุ รของเรา. [๒๔๘] ลาํ ดบั น้นั อสุรนิ ทราหู ปลอ ยสรุ ยิ เทวบตุ รแลว เรงรีบเขาไปหาทา วเวปจติ ตจิ อมอสรู แลวกเ็ ปนผูเ ศราสลด เกิดขนพอง ไดยนื อยูณ ท่ีควรสว นขา งหนงึ่ .

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 343[๒๔๙] ทาวเวปจติ ติจอมอสรู ไดกลาวกะอสุรนิ ทราหู ดว ยคาถาวา ดกู อ นราหู ทาํ ไมหนอ ทานจึงเรง รบี ปลอยพระสุริยะเสยี ทําไมหนอ ทา น จึงมรี ปู เศราสลด มายืนกลวั อยู.[๒๕๐] อสุรินทราหู กลาววา ขา พเจาถูกขบั ดว ยคาถาของ พระพุทธเจา ถาขาพเจาไมพ ึงปลอ ยพระ- สุริยะ ศีรษะของขา พเจาพึงแตกเจด็ เส่ียง มีชีวติ อยู ก็ไมพ งึ ไดรับความสขุ . จบสุริยสตู ร จบ วรรคที่ ๑

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 344 อรรถกถาสุรยิ สูตร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในสรุ ิยสูตรที่ ๑๐ ตอ ไป :- บทวา สรุ โิ ย คอื เทวบตุ ร ผูสถิตอยู ณ สรุ ยิ วิมาน. บทวา อนธฺ -กาเร ไดแ ก ในการทาํ ความมืดดจุ ตาบอด เพราะหามความเกดิ แหงจักษุวิญญาณ. บทวา เวโรจโน แปลวา สองสวา ง. บทวา มณฺฑลี ไดแกมีสัณฐานกลม ดวยบทวา มา ราหุ คลิ ี จรมนตฺ ลกิ ฺเข ดงั น้ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ดูกอ นราหู ทานอยากลืนสรุ ยิ ะผูโคจรไปในอากาศเลย. ถามวาก็ราหนู น้ั กลืนสุรยิ ะนัน้ ไดหรือ. ตอบวา กลนื ไดสิ เพราะวา ราหูมีอัตภาพใหญ วาโดยสว นสงู สูงถึง ๔,๘๐๐ โยชน ชวงแขน ยาว ๑,๒๐๐โยชน วาโดยสว นหนา ๖๐๐ โยชน ศรี ษะ ๙๐๐ โยชน หนา ผาก ๓๐๐ โยชนระหวางคว้ิ ๕๐ โยชน ควิ้ ๒๐๐ โยชน ปาก ๒๐๐ โยชน จมูก ๓๐๐ โยชนขอบปากลึก ๓๐๐ โยชน ฝา มือฝา เทาหนา ๒๐๐ โยชน ขอ น้วิ ๑๕ โยชน.ราหนู ้นั เหน็ จนั ทระและสรุ ยิ ะ สองสวางอยู มีความรษิ ยาเปนปกตอิ ยแู ลว กล็ งสูวิถโี คจรของจันทรและสรุ ิยะนัน้ ยืนอาปากอยู. จนั ทรวมิ านหรอื สุรยิ วมิ านกเ็ ปนประหนงึ่ ถูกใสเขาไปในมหานรก ๓๐๐ โยชน เทวดาท้งั หลายท่ีสถติ อยูในวิมานถกู มรณภยั คกุ คาม ก็รอ งเปน อนั เดียวกนั ราหนู ั้น บางคราวกเ็ อามือบงั วมิ านบางคราวก็ใสไวใตคาง บางคราวก็เอาล้นิ เลีย บางคราวก็วางในกระพงุ แกมเหมอื นกินทําแกมตยุ แตร าหูนัน้ ไมอาจชลอความเรว็ ได คิดวาเราจักฆา เสยี ก็ยืนอมทาํ แกม ตยุ หรือคิดวา ขมองของเทพบุตรนัน้ จกั แตกออกไป ราหกู ค็ ราวิมานน้นั นอ มเขา มา. เพราะฉะนั้น เทพบตุ รนน้ั จึงไปพรอ มดว ยกนั กับวิมาน. บทวา

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 345ปช มม ความวา ไดย นิ วา เทพบตุ รแมท้งั สองคือ จนั ทระและสุรยิ ะ บรรลุโสดาปต ตผิ ล ในวนั ท่ตี รสั มหาสมยสตู ร. ดว ยเหตนุ ้ัน พระผูม พี ระภาคเจาจึงตรัสวา ปช มม อธบิ าย น่นั เปน บตุ รของเรา. จบอรรถกถาสรุ ิยสตู รที่ ๑๐ จบวรรคที่ ๑ รวมพระสตู รในวรรคนี้ ๑. ปฐมกสั สปสตู ร ๒. ทุติยกสั สปสตู ร ๓. มาฆสตู ร ๔. มาคธสตู ร๕. ทามลิสตู ร ๖. กามทสตร ๗. ปญ จาลจณั ฑสูตร ๘. ตายนสูตร ๙. จนั -ทมิ สูตร ๑๐. สุรยิ สูตร พรอ มท้งั อรรถกถา.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 346 อนาถปณ ฑกิ วรรคที่ ๒ ๑. จันทมิ สตู ร วาดว ยผถู งึ ฝง [๒๕๑] พระผูม พี ระภาคเจาประทับอยใู นพระวิหารเชตวัน อารามของทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ครัง้ น้ัน จันทิมสเทวบตุ ร เมื่อส้ินปฐมยาม มีวรรณะงามย่งิ นัก ทําพระวหิ ารเชตวันใหส วางทวั่ แลว เขาไปเฝาพระผูมีพระภาคเจาถึงท่ีประทับ ครั้นแลว ก็ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลวไดยนื อยู ณ ที่ควรสว นขา งหนง่ึ . [๒๕๒] จันทมิ สเทวบตุ ร ยนื อยู ณ ท่คี วรสวนขา งหนึ่งแลว ไดกลาวคาถาน้ี ในสํานักพระผมู พี ระภาคเจาวา กช็ นเหลาใด เขา ถงึ ฌาน มจี ติ เปน สมาธิ มปี ญญา มีสติ ชนเหลา นัน้ จักถึง ความสวัสดี ประดุจเนอื้ ในชะวากเขา ไร ริ้นยุง ฉะน้ัน. พระผูม ีพระภาคเจาตรสั วา ก็ชนเหลาใด เขา ถงึ ฌาน ไมประ- มาท ละกิเลสได ชนเหลาน้นั จกั ถึงฝง คือ นิพพาน ประดจุ ปลา ทาํ ลายขายได แลว ฉะนัน้ .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 347 อนาถปณฑกิ วรรคที่ ๒ อรรถกถาจันทมิ สสตู ร พึงทราบวินจิ ฉัยในจันทมิ สสูตรท่ี ๑ วรรคที่ ๒ ตอไป :- บทวา กจเฺ ฉว แปลวา ประดุจชะวาก ชะวากเขากด็ ี ชะวากไมแ ละนาํ้กด็ ี ช่อื วา ชะวาก. บทวา เอโกพินปิ ทา ไดแ กป ระกอบดวยจิตตมอี ารมณเดียว และปญหาเคร่ืองรักษาตัว. บทวา สตา แปลวา มีสต.ิ ทา นอธบิ ายวา ชนเหลา ใดไดฌ าน มีจติ มอี ารมณอันเดียวผุดขน้ึ มปี ญ ญาเครื่องรักษาตวัมีสตอิ ยู ชนเหลา นนั้ จกั ถงึ ความสวสั ดี เหมอื นเหลา มฤค ในชะวากเขา หรอืชะวากแมน้ํา ท่ไี มมยี ุง. บทวา ปาร ไดแกพระนพิ พาน บทวา อมฺพุโชแปลวา ปลา. บทวา รณ ชหา แปลวา ละกิเลส. ทา นอธิบายวา ชนเหลา ใดไดฌ านไมป ระมาท ยอมละกเิ ลสได ชนเหลาน้ัน กจ็ ักถงึ พระนพิ พานเหมือนปลาทําลายขา ยท่ีทําดวยดายฉะน้ัน. จบอรรถกถาจันทิมสสตู รท่ี ๑

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 348 ๒. เวณฑสุ ูตร [๒๕๔] เวณฑเุ ทวบตุ ร ยืนอยู ณ ทคี่ วรสวนขา งหนง่ึ แลว ไดก ลา วคาถาน้ี ในสํานกั พระผมู ีพระภาคเจา วา ชนเหลา ใด นงั่ ใกลพระสุคต ประกอบความเพียรในศาสนาของพระ- โคดม ไมป ระมาทแลว ตามศกึ ษาอยู ชนเหลา นั้น มีความสุขหนอ. [๒๕๕] พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ชนเหลา ใด เปน ผเู พง พนิ ิจ ตาม ศกึ ษาในขอสง่ั สอน อนั เรากลา วไวแ ลว ชนเหลานนั้ ไมประมาทอยใู นกาล กไ็ ม พึงตกอยใู นอาํ นาจแหง มจั จ.ุ อรรถกถาเวณาฑุสตู ร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในเวณฑุสูตรที่ ๒ ตอ ไป :- คําวา เวณฑะ [บาลวี า เวณฑุ] เปน ช่ือของเทพบุตรองคน้ัน. บทวาปยริ ปุ าสิย ไดแก เขาไปนั่งใกล. บทวา อนุสกิ ขฺ เร ไดแก ศึกษา.บทวา สตฺถปเท ไดแก บท คือ คําสง่ั สอน. บทวา กาเล เต อปปฺ มช-ฺชนฺตา ไดแก กระทาํ ความไมประมาทในกาล. จบอรรถกถาเวณฑสุ ตู รที่ ๒

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 349 ๓. ทฆี ลกั ฐิสตู ร [๒๕๖] ขาพเจา ไดสดับมาแลวอยางนี้ :- สมัยหนึง่ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวิหารเวฬุวัน อนัเปนทป่ี ระทานเหยอื่ แกก ระแต กรงุ ราชคฤห ครั้งนัน้ ทีฆลฏั ฐิเทวบตุ ร เมือ่ สิน้ราตรีปฐมยาม มวี รรณะอนั งามยงิ่ นัก ทาํ พระวหิ ารเวฬุวนั ใหส วา งทว่ั แลวเขาไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจา ถวายบงั คมแลว ไดยืนอยู ณ ที่ควรสว นขางหนง่ึ . [๒๕๗] ทีฆลฏั ฐเิ ทวบุตร ไดก ลาวคาถาน้ี ในสาํ นักพระผมู ีพระ-ภาคเจา วา ภิกษพุ งึ เปน ผูมปี กติเพง พนิ ิจฌาน มีจิตหลดุ พน แลว พงึ หวงั ความไมเ กดิ ขน้ึ แหงหทยั คือพระอรหตั ผล รูค วามเกดิ ขึ้น และควานเส่อื มไปแหง โลกแลว มใี จดี อันตัณหาและทฐิ ิไมอิงอาศยั แลว มีพระ- อรหัตผลนน้ั เปนอานสิ งส. อรรถกถาทีฆลัฏฐิสูตร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในทฆี ลัฏฐิสูตรที่ ๓ ตอไป :- บทวา ทฆี ลฏ ิ ความวา เหลา เทพในเทวโลก มีพฤตินยั วา มีขนาดเทากันหมด สวนทีฆลฏั ฐเิ ทพบตุ รนั้น มชี ่ืออยางนี้ กเ็ พราะเม่อื อยูในมนุษยโลกมีตัวสงู . เขาทาํ บุญทงั้ หลาย แมบ งั เกิดในเทวโลก กป็ รากฏช่อือยางน้นั นนั่ แหละ. จบอรรถกถาทีฆทัฏฐิสูตรท่ี ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 350 ๔. นนั ทนสูตร [๒๕๘] นันทนเทวบุตร ยืนอยู ณ ทค่ี วรสว นขา งหนง่ึ แลว ไดท ูลพระผูม ีพระภาคเจา ดว ยคาถาวา ขา แตพ ระโคดม ผมู พี ระปญญา กวางขวาง ขา พระองคข อทูลถามพระองค ถึงญาณทสั สนะ อนั ไมม อี ะไรขวางก้ัน ของพระผมู ีพระภาคเจา บณั ฑิตทัง้ หลาย เรยี กบคุ คลชนิดไรวา เปน ผมู ีศีล เรียก บคุ คลชนิดไรวา เปน ผูม ีปญ ญา บคุ คล ชนดิ ไรลวงทุกขอยูไ ด เทวดาทั้งหลาย บชู าบุคคลชนิดไร. [๒๕๙] พระผมู ีพระภาคเจาตรสั ตอบวา บุคคลใด มีศีล มีปญญา อบรม ตนแลว มีจิตตง้ั ม่นั ยินดีในฌาน มสี ติ ปราศจากความโศกทัง้ หมด ละไดข าดสน้ิ อาสวะแลว ทรงไวซ ่งึ รางกายสุดทา ย บณั ฑติ ทงั้ หลายเรยี กบุคคลชนิดนัน้ วา เปน ผมู ศี ีล เรียกบคุ คลชนิดนั้นวา เปนผู มีปญ ญา บคุ คลชนิดนน้ั ลว งทุกขอ ยไู ด เทวดาทั้งหลายบูชาบคุ คลชนิดนน้ั .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook