พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 151สว น เปน ผูประเสริฐกวา เทวดาและมนุษยทั้งหลาย เมอ่ื ขาพเจา ทูลถามอยางน้แี ลว พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา ดกู อนจอมเทพภกิ ษใุ นธรรมวินัยน้ีไดสดับวา ธรรมท้ังปวงไมควรยดึ มัน่ ถา ขอนน้ั ภิกษไุ ดส ดับแลว ภิกษุนนั้ยอ มทราบชัดธรรมทั้งปวงดว ยปญญาอนั ยง่ิ ครัน้ ทราบชัดธรรมท้ังปวงดวยปญ ญา อนั ยิง่ แลว ยอมกาํ หนดรูธรรมทง้ั ปวง คร้นั กําหนดรธู รรมท้งั ปวงดังนนั้ แลว เธอไดเสวยเวทนาอยา งใดอยา งหนงึ่ สขุ ก็ดี ทกุ ขกด็ ี มิใชท ุกขม ใิ ชสขุ กด็ ี เธอยอ มพิจารณาเห็นวา ไมเ ทย่ี ง พจิ ารณาเหน็ ความหนา ย พิจารณาเหน็ ความดบั พิจารณาเห็นความสละคืนในเวทนาทัง้ หลายนน้ั เมอื่ พจิ ารณาเหน็ ดงั น้นั กไ็ มยดึ มน่ั ส่งิ อะไร ๆ ในโลก เมอื่ ไมย ึดมนั่ ยอ มไมส ะดุง หวาดหวัน่ เมื่อไมสดุ สะดุง หวาดหวั่น ยอมดบั กิเลสใหสงบไดเ ฉพาะตัว และทราบชดัวา ชาติส้ินแลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจที่ควรทําทําเสร็จแลว กจิ อื่นเพื่อความเปนอยางน้มี ิไดม ี ดังน้ี ดกู อ นจอมเทพ กลา วโดยยอ ดว ยขอปฏิบัติเพยี งเทาน้ีแล ภิกษชุ ือ่ วา พน แลว เพราะความสิน้ แหงตัณหามคี วามสําเร็จลว งสว น มคี วามปลอดโปรง จากกเิ ลสเปน เคร่อื งประกอบลวงสว น เปน พรหมจารีลว งสว นมีท่ีสุดลว งสวน เปนผปู ระเสรฐิ กวาเทวดาและมนษุ ยทั้งหลายขา แตท า นพระมหาโมคคลั ลานะ พระผมู พี ระภาคเจาไดต รัสความพน เพราะความสน้ิ แหงตัณหาโดยยอแกขา พเจาอยา งน้แี ล. ครัน้ น้ัน ทา นพระมหาโมคคัลลานะ ชื่นชมยนิ ดภี าษิตของทาวสกั กะ แลว ไดหายไปในหมูเทวดาชน้ั ดาวดงึ ส มาปรากฏทป่ี ราสาทของมคิ ารมารดา ในวหิ ารบพุ พาราม ประหน่ึงวา บรุ ุษผูมีกําลังเหยยี ดแขนทีอ่ อกไป หรืองอแขนท่ีเหยียดเขา มา ฉะนน้ั . ครัง้ น้ัน พวกเทพธิดาผบู าํ เรอของทา วสกั กะจอมเทพ เมอ่ื ทา นพระมหาโมคคัลลานะหลกี ไปแลว ไมนาน ไดท ลู ถามทา วสักกะวา ขา แตพ ระองค
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 152ผนู ฤทุกข พระสมณะนน้ั เปนพระผมู ีพระภาคเจาผศู าสดาของพระองคหรอื หนอ ทา วสักกะตรัสบอกวา ดูกอนเหลา เทพธดิ าผูน ฤทุกข พระสมณะน้นั ไมใชพ ระผมู พี ระภาคเจาผูพระศาสดาของเรา เปนทานพระมหาโมคคัลลานะผเู ปน สพรหมจารีของเรา พวกเทพธิดานั้นทูลวา ขาแตพระองคผูนฤทุกข เปนลาภของพระองคๆไดดีแลว ท่ีไดสมณะทมี่ ีฤทธ์ิมาก มีอานภุ าพมากอยา งน้ี เปน สพรหมจารีของพระองค พระผูมีพระภาคเจา ผูพระศาสดาของพระองค คงมฤี ทธ์ิมาก มอี านภุ าพมากเปนอศั จรรยเ ปน แน. [๔๓๙] ครัง้ นั้น ทา นพระมหาโมคคัลลานะ เขา ไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา ถวายอภิวาทแลว นง่ั อยู ณ ท่คี วรสว นขางหนึ่ง ครน้ั แลว ไดท ูลวา ขาแตพ ระองคผเู จริญ พระผมู พี ระภาคเจายอมทรงทราบวา พระองคเ ปน ผตู รสัความนอมไปในธรรมเปน ทีส่ ้นิ แหง ตัณหาโดยยอ แกเทพผมู ศี ักดม์ิ ากผใู ดผูหน่งึ บา งหรอื หนอ. พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา ดกู อ นโมคคัลลานะ เรารูเฉพาะอยูจะเลา ใหฟ ง ทาวสกั กะจอมเทพเขามาหาเรา อภวิ าทเราแลว ไดไ ปยนือยู ณ ทค่ี วรสว นขา งหน่งึ คร้นั แลว ไดถามเราวา ขา แตพ ระองคผูเ จรญิกลาวโดยยอ ดวยขอปฏบิ ตั ิเพียงไร ภิกษชุ ือ่ วานอ มไปแลวในธรรมเปน ท่ีสน้ิ แหงตัณหา มคี วามสาํ เร็จลวงสวน มีความปลอดโปรงจากกิเลสเปน เครอื่ งประกอบลว งสว น เปน พรหมจารีลว งสว น มีทส่ี ดุ ลว งสว น เปน ผูประ-เสริฐกวา เทวดาและมนุษยท ง้ั หลาย ดกู อนโมคคัลลานะ เมื่อทาวสักกะนัน้ถามอยางน้ีแลว เราบอกวา ดกู อนจอมเทพ ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ีไดสดับวา ธรรมท้งั ปวงไมค วรยึดม่นั ถาขอนัน้ ภิกษุไดส ดบั แลว ภกิ ษนุ น้ั ยอมทราบ
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 153ชดั ธรรมท้งั ปวงดวยปญ ญาอันยิง่ ครน้ั ทราบชัดธรรมทงั้ ปวงดวยปญญาอันน้แี ลว ยอมกาํ หนดรธู รรมทั้งปวง ครัน้ กําหนดรูธ รรมทง้ั ปวงแลว เธอไดเ สวยเวทนาอยางใดอยา งหนึ่ง สุขกด็ ี ทุกขก ด็ ี มิใชท ุกขมใิ ชสกุ กด็ ี เธอยอ มพจิ ารณาเหน็ วา ไมเทยี่ ง พจิ ารณาเหน็ ความหนาย พจิ ารณาเหน็ ความดับ พิจารณาเหน็ ความสละคืนในเวทนาทงั้ หลายนนั้ เมื่อพิจารณาเหน็ ดังนนั้ ยอมไมยึดม่ันสงิ่ อะไร ๆ ในโลก เม่อื ไมย ึดมั่น ยอ มไมส ะดงุ หวาดหวั่น เมื่อไมส ะดงุ หวาดหวัน่ ยอ มดับกิเลสใหสงบไดเ ฉพาะตน ยอมทราบชัดวา ชาติสิ้นแลว พรหม-จรรยอยูจบแลว กิจทีค่ วรทําทาํ เสร็จแลว กิจอ่ืนเพือ่ ความเปน อยางนี้มไิ ดมี ดังน้ี ดูกอ นจอมเทพ กลา วโดยยอดว ยขอ ปฏิบตั เิ พยี งเทานแ้ี ล ภิกษชุ ่อื วาพนไปแลวเพราะสน้ิ ไปแหงตัณหา มคี วามสําเร็จลว งสว นมีความปลอดโปรงจากกิเลสเปน เครอ่ื งประกอบลว งสวน เปน พรหมจารลี ว งสวน มีที่สุดลวงสวน เปนผปู ระเสรฐิ กวาเทวดาและมนุษยทัง้ หลาย ดูกอนโมคคลั ลานะเราจําไดอ ยูว า เราเปน ผกู ลา วความพน เพราะสิ้นแหงตัณหาโดยยอ แกท า วสกั กะจอมเทพอยา งนแ้ี ล. พระผูมีพระภาคเจา ตรัสพระพุทธพจนน้จี บแลว ทา นพระมหาโมคคลัลานะ ชน่ื ชมยนิ ดีพระภาษติ ของพระผูมพี ระภาคเจา ฉะน้แี ล. จบ จฬู ตณั หาสังขยสูตรท่ี ๗
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 154 อรรถกถาจูฬตณั หาสังขยสตู ร จูฬตณั หาสงั ขยสตู รมีบทเร่มิ ตน วา เอวมเฺ ม สตุ . พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในบทเหลา น้ัน ในขอ วา ปพุ พฺ าราเม มิคารมาตุปาสาเท ไดแกปราสาทของมิคารมารดาในวิหาร ชอื่ วา บพุ พาราม. ในขอน้นั มกี ารพรรณนาความตามลําดบั ดังตอ ไปนี้. - ครั้งอดีตกาล ในท่สี ดุ แหงแสนกปั ป มีอบุ าสกิ าคนหนึ่ง นมิ นตพ ระผูมีพระภาคเจา พระนามวา ปทมุ ุตตระแลว ถวายทานแสนหนง่ึ แกภ กิ ษุสงฆมพี ระพทุ ธเจา เปน ประมุข แลวหมอบลงใกลพ ระยุคลบาทพระผูมีพระภาคเจา ทาํ การปรารถนาวา ในอนาคตกาล ขอใหขาพเจา เปนอัคคอปุ ฏ ฐายิกาของพระพทุ ธเจา เชน กับพระองค ดงั นี้. เขาทองเท่ยี วไปในเทวดาและมนษุ ยท ั้งหลายสน้ิ แสนแหง กัปปแ ลว ถอื ปฏสิ นธใิ นครรภของนางสมุ นทวีในเรอื นเศรษฐผี เู ปนบุตรของเมณฑกะในภัททิยนคร ในกาลแหงพระผูม พี ระภาคเจา ของเราทั้งหลาย. ในเวลาคลอด พวกญาติไดตง้ั ชอื่ เขาวาวสิ า-ขา. เม่อื พระผูมีพระภาคเจาไดเ สด็จไปยงั ภทั ทิยนคร นางวสิ าขานน้ั พรอ มดวยเหลาทาริกา ๕๐๐ ไดทาํ การตอนรบั พระผูม พี ระภาคเจา แลวไดเ ปน พระโสดาบนั ในการเหน็ คร้ังแรกทีเดียว. ในกาลอ่นื อีกนางไปสูเ รือนของปณุ ณ-วัฑฒนกุมาร บตุ รมิคารเศรษฐใี นพระนครสาวัตถี ในทนี่ ัน้ มิคารเศรษฐไี ดต้ังนางไวในตาํ แหนงแหง มารดา เพราะฉะน้ัน จงึ เรียกวา มคิ ารมารดา.ก็เม่อื นางจะไปสูตระกูลสามี บิดาของนางไดใ หท าํ เครื่องประดับชอื่ วา มหาลดาให. เคร่ืองประดับนัน้ ประกอบไวดว ยเพชร ๔ ทะนาน แกวมกุ ดา ๑๑ทะนาน แกว ประพาฬ ๒๒ ทะนาน แกว มณี ๓๓ ทะนาน เคร่ืองประดับนนั้ สาํ เร็จแลวดวยรัตนะเหลา นี้ และดวยรัตนะอื่นมีวรรณะ ๗ ดวยประการฉะน.ี้ เครอื่ งประดบั นัน้ สวมศีรษะยาวพาดไปถงึ หลังเทา. ก็หญงิ ผูมีกําลงั ถึง
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 184เรายอมเปน อะไร หรือวา เรายอ มเปน อยา งไร สตั วน ี้มาแลว จากไหน สัตวน ัน้จักไป ณ ทไี่ หน ดังน้บี างหรอื ไม. ภ. ขอนไ้ี มม ีเลย พระพุทธเจา ขา . พ. ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย พวกเธอรูเหน็ อยูอยา งนี้ พึงกลาวอยางน้ีวา พระศาสดาเปนครูของพวกเรา พวกเราตองกลา วอยางนี้ ดวยความเคารพตอ พระศาสดาเทานนั้ ดงั น้ีบางหรือไม. ภ. ขอ นี้ไมม ีเลย พระพุทธเจา ขา . พ. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย พวกเธอรูเห็นอยอู ยา งน้ี พงึ กลา ววา พระสมณะตรัสอยา งน้ี พระสมณะทั้งหลายและพวกเรา ยอมไมก ลาวอยา งนี้ดังนบี้ า งหรอื ไม. ภ. ขอ นไ้ี มมีเลย พระพุทธเจา ขา. พ. ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย พวกเธอรเู หน็ อยูอยา งน้ี จะพงึ ยกยอ งศาสดาอ่ืนดงั น้บี างหรอื ไม. ภ. ขอนีไ้ มม เี ลย พระพุทธเจาขา . พ. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย พวกเธอรูเห็นอยูอ ยา งน้ี พงึ เช่อื ถือสมาทานวตั ร ความตน่ื เพราะทฏิ ฐิ และทิฏฐาทิมงคล ของพวกสมณะและพราหมณเปนอันมาก ดงั นีบ้ างหรือไม. ภ. ขอ นไ้ี มมเี ลย พระพุทธเจา ขา . พ. ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย สิง่ ใดทพี่ วกเธอรูเหน็ ทราบเองแลว พวกเธอพึงกลา วถึงสิง่ น้นั มิใชหรือ.
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 185 ภ. อยางนัน้ พระพทุ ธเจาขา . พ. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ขอ ทก่ี ลา วนน้ั ถกู ละ พวกเธออันเรานําเขาไปแลวดว ยธรรมนี้ อนั เหน็ ไดด ว ยตนเอง ซึง่ ใหผ ลไมม ีกาล ควรเรยี กใหมาชม ควรนอมเขามา อันวญิ ชู นพงึ รไู ดเ ฉพาะตน คําทเี่ รากลาววา ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ธรรมน้ี อันเห็นไดดวยตนเอง ใหผ ลไมมีกาลควรเรียกใหมาชม ควรนอ มเขา มา อันวญิ ชู นพงึ รไู ดเฉพาะตน ดงั นี้ เราอาศยั ความขอนี้กลาวแลว. การกาวลงสูครรภ [๔๕๒] ดกู อนภิกษุท้ังหลาย เพราะความประชุมพรอ มแหง ปจจยั๓ ประการ ความเกดิ แหง ทารกก็มี ในสตั วโลกนี้ มารดา บิดา อยรู วมกนั แตม ารดายังไมมีระดู และสตั วท่จี ะมาเกิดยังไมปรากฏ ความเกดิ แหงทารกก็ยังไมม กี อ น ในสตั วโ ลกนี้ มารดา บดิ า อยรู วมกัน มารดามีระดูแตสตั วท่จี ะมาเกดิ ยงั ไมป รากฏ ความเกดิ แหง ทารกก็ยงั ไมมกี อน ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย เมือ่ ใดมารดา บิดาอยูร ว มกันดว ย มารดามรี ะดูดว ย สตั วท ี่จะมาเกิดก็ปรากฏดว ย เพราะความประชมุ พรอ มแหง ปจ จยั ๓ ประการอยางนี้ ความเกดิ แหงสัตวจ ึงมี ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย มารดายอมรักษาทารกนน้ัดวยทอ งเกา เดือนบาง สิบเดือนบา ง เม่ือลวงไปเกา เดือน หรอื สบิ เดอื นมารดากค็ ลอดทารกผูเปนภาระหนักนั้น ดวยความสงสยั ใหญ และเล้ียงทารกผเู ปน ภาระหนักน้ันซ่งึ เกดิ แลวดว ยโลหติ ของตนดวยความสงสยั ใหญ. [๔๕๓] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย นาํ้ นมของมารดานบั เปนโลหิตในอริย-วนิ ยั ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลายกมุ ารน้ันอาศัยความเจริญ และความเตบิ โตแหงอินทรยี ท ้ังหลาย ยอ มเลนดว ยเคร่อื งเลนสําหรับกุมาร คือ ไถเลก็ ตีไมหึ่งหกขะเมน จังหัน ตวงทราย รถเลก็ ธนเู ลก็ ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย กมุ ารนน่ั นน้ั
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 186อาศัยความเจรญิ และความเติบโตแหงอินทรียท ้ังหลาย พร่ังพรอ มบาํ เรออยูดว ยกามคุณ ๕ คอื รูปทีร่ ูแจงดว ยจกั อนั นา ปรารถนา นา ใคร นา ชอบใจ นารกั ประกอบดว ยกามเปนที่ต้ังแหงความกําหนัดและความรัก เสยี งทรี่ ูแจง ดวยโสต... กลิน่ ทีร่ แู จง ดว ยฆานะ...รสทรี่ ูแจง ดวยลิ้น...โผฏฐพั พะท่ีรแู จงดวยกาย อันนา ปรารถนา นา ใคร นา ชอบใจ นารกั ประกอบดวยกาม เปนท่ีต้ังแหงความกาํ หนัดและความรกั กุมารนัน้ เหน็ รูปดว ยจกั ษแุ ลว ยอมกําหนัดในรูปท่ีนารัก ยอ มขัดเคืองในรปู ทีน่ าชัง ยอมเปนผูมีสตใิ นกายไมตงั้ ม่นัและมีจติ เปนกุศลอยู ยอ มไมท ราบชัดเจโตวมิ ุตแิ ละปญ ญาวิมตุ ิ อันเปน ท่ดี ับหมดแหง เหลาอกุศลธรรมอันลามก ตามความเปนจรงิ เขาเปนผถู งึ พรอมซ่งึความยนิ ดียนิ รา ยอยางน้ี เสวยเวทนาอยา งใดอยางหนึ่ง เปน สขุ ก็ดี เปน ทุกขก ด็ ีดี มใิ ชท ุกขมใิ ชส ุขอยางนี้ เสวยเวทนาอยางใดอยางหนึง่ เปนสุขก็ดี เปน ทกุ ขก็เพลิดเพลิน บน ถึง ติดใจ เวทนานัน้ อยู ความเพลดิ เพลินก็เกดิ ขึ้น ความเพลดิเพลินในเวทนาทัง้ หลายเปนอปุ าทาน เพราะอุปาทานเปนปจจยั จงึ มภี พเพราะภพเปน ปจ จยั จงึ มชี าติ เพราะชาตเิ ปน ปจจยั จึงมชี รา มรณะโสกะ ปริเทวะ ทกุ ข โทมนสั และอปุ ายาส ความเกิดแหงกองทกุ ขท ้ังสิน้นัน้ ยอมมีไดอยา งนี้ กุมารนนั้ ไดยินเสยี งดว ยโสต ...ดมกลิน่ ดวยฆานะ....ลมิ้ รสดว ยลิน้ ...ถูกตองโผฏฐพั พะดว ยกาย...รแู จงธรรมารมณดว ยใจแลว ยอมกาํ หนดั ในธรรมารมณท่นี ารัก ยอมขดั เคอื งในธรรมารมณท น่ี าชัง ยอมเปนผูมสี ติในกายไมตง้ั มนั่ และมจี ิตเปนอกศุ ลอยู ยอ มไมท ราบชัดเจโตวมิ ตุ ติและปญญาวมิ ตุ ิ อันเปน ที่ดับหมดแหงเหลา อกศุ ลธรรมอันลามกตามความเปน จรงิ เขาเปนผถู ึงพรอมซ่งึ ความยินดียินรา ยอยา งน้ี เสวยเวทนาอยางใดอยางหน่ึง เปนสขุ ก็ดี เปนทกุ ขก็ดี มใิ ชท กุ ขมิใชส ขุ ก็ดี ยอ มเพลิดเพลนิ บน ถงึ ตดิ ใจเวทนานัน้ อยู ความเพลดิ เพลินกเ็ กิดขึ้น ความเพลิดเพลินในเวทนาท้ังหลายเปน อปุ าทาน เพราะอุปาทานเปนปจจัย จึงมภี พ เพราะภพ
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 187เปนปจจัย จงึ มชี าติ เพราะชาติเปนปจจัย จึงมชี รา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะทกุ ข โทมนสั และอปุ ายาส ความเกดิ แหงกองทกุ ขท้งั สนิ้ น้นั ยอ มมีไดอยา งน้.ี กถาวา ดว ยพทุ ธคุณ [๔๕๔] ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ตถาคตอบุ ัติในโลกน้ี เปนพระอรหันต ตรสั รเู องโดยชอบ ถึงพรอมแลวดว ยวชิ ชาและจรณะ ไปดแี ลว รูแจงโลก เปนสารถฝี กบรุ ุษทีค่ วรฝก ไมม ีผอู ่นื ยิง่ กวา เปนศาสดาของเทวดาและมนุษยทงั้ หลาย เปน ผูต่ืนแลว เปน ผูจําแนกธรรม ตถาคตนน้ั ทําโลกนพี้ รอ มท้ังเทวโลก มารโลก พรหมโลก ใหแ จง ชัดดวยปญญาอนั ยิง่ ดว ยตนเองแลวสอนหมสู ตั วพรอ มทง้ั สมณพราหมณ เทวดาและมนุษยใหร ตู าม แสดงธรรมงามในเบื้องตน งามในทา มกลาง งามในทีส่ ุด ประกาศพรหมจรรยพ รอมท้ังอรรถ ทัง้ พยัญชนะบริสุทธิ์ บริบูรณส ิน้ เชิง คฤหบดี บุตรคฤหบดี หรือผเู กิดภายหลงั ในสกุลใดสกุลหนงึ่ ยอ มฟงธรรมน้ัน ครน้ั ฟง ธรรมแลว ไดศ รทั ธาในตถาคต เม่อื ไดศรัทธานัน้ แลว ยอ มตระหนักวา ฆราวาสคบั แคบเปน ทางมาแหงธุลี บรรพชาเปนทางปลอดโปรง การท่ีบคุ คลผคู รองเรือนจะประพฤติพรหมจรรยใหบรบิ ูรณใ หบ ริสทุ ธิ์ โดยสว นเดียวดจุ สงั ขท เี่ ขาขดั ไมใ ชทาํ ไดง า ย ถากระไร เราพึงปลงผมและหนวด นงุ หมผา กาสาวพสั ตร ออกบวชเปน บรรพชติ สมยั ตอมา เขาละกองโภคสมบตั ินอ ยใหญ ละเครอื ญาตินอ ยใหญ ปลงผมและหนวด นงุ หมผากาสาวพัสตร ออกบวชเปนบรรพชติ . ความเปน ผูถ ึงพรอมดว ยสิกขาสาชีพ [๔๕๕] เม่อื เขาบวชแลว ถงึ พรอมดวยสกิ ขาและสาชพี ของภิกษุทัง้หลาย ละการฆาสตั วเ วน ขาดจากการฆา สัตว วางไม วางมดี แลว มคี วาม
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 188ละอาย มีความเอน็ ดู มีความกรณุ าหวงั ประโยชนแ กส ตั วทงั้ ปวงอยู. ละการลักทรพั ย เวน ขาดจากการลกั ทรัพย รับแตของทีเ่ ขา ใหตองการแตข องทีเ่ ขาให ไมป ระพฤติตนเปน ขโมย เปนสะอาดอยู. ละกรรมเปน ขาศกึ แกพรหมจรรย ประพฤติพรหมจรรย ประพฤติหา งไกล เวน ขาดจากเมถนุ อันเปนกจิ ของชาวบา น. ละการพูดเท็จ เวน ขาดจากการพูดเทจ็ พดู แตคําจรงิ ดาํ รงคําสตั ย เปนหลักฐานควรเชอ่ื ได ไมพ ูดลวงโลก. ละคาํ สอเสยี ด เวน ขาดจากคาํ สอ เสียด ฟง จากขา งนแี้ ลว ไมไ ปบอกขา งโนน เพ่อื ทําลายขางน้ี หรือฟงจากขา งโนน แลว ไมม าบอกขา งน้ี เพื่อทําลายขางโนน สมานคนท่แี ตกรา วกันแลวบาง สง เสรนิ คนท่พี รอมเพรยี งกนัแลวบา ง ชอบคนผพู รอ มเพรยี งกนั ยินดใี นคนผูพ รอมเพรียงกนั เพลดิ เพลินในคนผูพรอ มเพรยี งกนั กลา วแตคําทท่ี าํ ใหค นพรอมเพรียงกัน ละคําหยาบ เวน ขาดคําหยาบ กลา วแตค ําทไ่ี มม โี ทษ เพราะหู ชวนใหร ัก จบั ใจ เปนของชาวเมอื ง อันคนสวนมากใคร พอใจ. ละคําเพอเจอ เวนขาดจากคําเพอ เจอ พดู ถูกกาล แตค ําที่เปนจริง พูดอิงอรรถ พดู องิ ธรรม พูดองิ วนิ ยั พดู แตค าํ มหี ลักฐาน มีทอ่ี า ง มีท่ีกําหนด ประกอบดวยประโยชน โดยกาลอนั ควร. เวนขาดจากการพรากพืชคาม และภตู คาม. ฉันหนเดียว เวน จากการฉนั ในราตรี เวนจากการฉนั ในเวลาวิกาล. เวนขาดจากการฟอ นราํ ขบั รอง ประโคมดนตรี และดกู ารเลนอันเปน ขา ศึกแกกศุ ล.
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 189 เวน ขาดจากการทัดทรงประดับเละตกแตงรา งกาย ดว ยดอกไมของหอม และเครื่องประเทืองผวิ อันเปนฐานแหงการแตงตัว. เวน ขาดจากการนอนบนที่นอนอนั สงู และใหญ. เวนขาดจากการรับทองและเงนิ . เวนขาดจากการรับธญั ญาหารดิบ. เวน ขาดจากการรับเนอ้ื ดบิ . เวนขาดจากการรับสตรแี ละกุมารี. เวนขาดจากการรบั ทาสแี ละทาส. เวนขาดจากการรบั ไรน าและท่ดี ิน. เวนขาดจากการรับแพะและแกะ. เวนขาดจากการรบั ไกแ ละสุกร. เวน ขาดจากการรับชา ง โค มา และลา. เวน ขาดจากการประกอบทูตกรรม และการรับใช. เวนขาดจากการซอ้ื และการขาย. เวนขาดจากการโกงดวยตราช่งั การโกงดวยของปลอม และการโกงดวยเคร่ืองตวงวัด. เวน ขาดจากการรับสนิ บน การลอ ลวง และการตลบตะแลง. เวน ขาดจากการตดั การฆา การจองจํา การตชี ิง การปลน และการกรรโชก. ภกิ ษนุ น้ั เปน ผสู นั โดษดว ยจีวรเปน เคร่อื งบริหารกาย ดวยบิณฑบาตเปน เครอ่ื งบริหารทอ ง จะไปทางทิศาภาคใดๆ ก็ถอื ไปไดเ อง นกมปี ก จะบนิ
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 190ไปทางทศิ าภาคใดๆ ก็มแี ตปก ของตัวเปนภาระบนิ ไป ฉนั ใด ภกิ ษกุ ็ฉนั นัน้แล เปน ผสู ันโดษดว ยจีวรเปน เครือ่ งบริหารกาย ดว ยบิณฑบาตเปน เครอ่ื งบริหารทอง เธอจะไปทางทิศาภาคใด ๆ ก็ถอื ไปไดเอง. ภกิ ษุนั้นประกอบดว ยศลี ขนั ธอันเปน อริยะเชนน้ียอ มเสวยสขุ อนั ไมมีโทษในภายใน. ภกิ ษุนน้ั เห็นรปู ดวยจักษแุ ลว ไมถ ือนมิ ติ ไมถ อื อนพุ ยญั ชนะ เธอยอ มปฏบิ ตั ิเพอ่ื สาํ รวมจักขุนทรีย ทีเ่ มอ่ื ไมส ํารวมแลว จะเปนเหตุใหอกศุ ลธรรมอนั ลามก คอื อภชิ ฌาและโทมนัสครอบงาํ น้ัน ชือ่ วารักษาจักขุน-ทรีย ชอ่ื วาถงึ ความสาํ รวมในจักขนุ ทรีย ไดย ินเสยี งดวยโสต...ดมกล่ินดวยฆานะ...ลม้ิ รสดวยลิ้น...ถูกตอ งโผฏฐัพพะดวยกาย...รแู จง ธรรมารมณด วยใจแลว ไมถอื นิมติ ไมถ อื อนุพยญั ชนะ ยอมปฏบิ ตั เิ พื่อสาํ รวมมนนิ ทรยี ท เี่ มือ่ ไมสาํ รวมแลวจะเปนเหตุใหอ กุศลธรรมอนั ลามกคือ อภชิ ฌาและโทมนัสครอบงาํ นน้ั ชื่อวารักษามนนิ ทรีย ช่ือวา ถึงความสํารวมในมนนิ ทรีย. ภิกษนุ น้ั ประกอบดวยอินทรียส ังวรอนั เปนอรยิ ะเชน น้ี ยอ มเสวยสุขอันไมระคนดวยกิเลสในภายใน. ภิกษุนัน้ ยอมทาํ ความรสู ึกตัวในการกา ว ในการถอย ในการแลในการเหลยี ว ในการคูเขา ในการเหยียดออก ในการทรงสังฆาฏิบาตร และจวี ร ในการฉนั การดื่ม การเค้ียว การลิม้ ในการถายอุจจาระปส สาวะ ยอมทาํ ความรสู กึ ตัวในการเดนิ การยนื การนง่ั การหลบัการต่นื การพูด การนิ่ง. การชาํ ระจิต [๔๕๖] ภกิ ษุน้ันประกอบดว ยศีลขนั ธ อินทรยี สังวร และสติสัมปชัญญะอันเปนอริยะเชน นแี้ ลว ยอมเสพเสนาสนะอันสงดั คอื ปา โคนไม ภูเขา
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 191ซอกเขา ถาํ้ ปา ชา ปา ชฏั ท่แี จง ลอมฟาง เธอกลับจากบณิ ฑบาตในกาลภายหลงั ภตั แลว น่ังขัดสมาธิ ตง้ั กายตรง ดํารงสตไิ วเ ฉพาะหนาเธอละความเพงเลง็ ในโลกแลว มใี จปราศจากความเพงเล็งอยู ยอมชาํ ระจติใหบรสิ ุทธจิ์ ากความเพง เลง็ ได ละความประทุษรา ยคอื พยาบาทแลว ไมค ิดพยาบาท มีความกรณุ า หวงั ประโยชนแกสัตวท งั้ ปวงอยู ยอ มชาํ ระจิตใหบรสิ ทุ ธิ์จากความประทุษรายคอื พยาบาทได ละถน่ิ มทิ ธะไดแลว เปนผปู ราศจากถนิ่ มทิ ธะ มคี วามกําหนดหมายอยทู ่แี สงสวาง มีสติสมั ปชญั ญะอยูยอมชําระจติ ใหบริสทุ ธจ์ิ ากถีนมิทธะได ละอุทธัจจกกุ กุจจะไดแ ลว เปน ผูไมฟงุ ซา น มีจติ สงบ ณ ภายในอยู ยอมชาํ ระจิตใหบรสิ ุทธิ์ จากอทุ ธัจกุกกุจะได ละวิจกี ิจฉาไดแ ลว เปน ผขู ามวิจกิ จิ ฉา ไมมคี วามคลางแคลงในกุศลธรรมท้ังหลายอยู ยอมชําระจิตใหบรสิ ุทธิ์จากวจิ ิกิจฉาได. [๔๕๗] ภิกษุน้นั ละนิวรณ ๕ ประการนอ้ี ันเปนเครอื่ งเศราหมองแหงจิต อนั เปน เคร่อื งทาํ ปญญาใหถอยกาํ ลงั ไดแ ลว สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรม เขา ถงึ ปฐมฌาน มวี ติ ก มวี ิจาร มปี ตแิ ละสขุ เกิดแตวเิ วกอยู เขาถงึทตุ ิยฌาน มคี วามผองใสแหง จติ ณ ภายใน เปนธรรมเอกผุดขน้ึ เพราะวิตกและวจิ ารสงบไป ไมมีวิตก ไมม วี ิจาร มปี ติ และสขุ เกิด แตสมาธิอยู เขาถึงตตยิ ฌาน เขา ถึงจตตุ ถฌานอยู. [๔๕๘] ภกิ ษนุ ั้นเหน็ รูปดวยจักษุแลว ยอมไมก าํ หนัดในรูปทน่ี ารัก ยอมไมขัดเคืองในรปู ท่ีนาชงั เปน ผมู สี ตใิ นกายตัง้ มัน่ และมจี ิตหาประมาณมิไดอยู ยอมทราบชัดเจโตวิมุติ และปญญาวิมุติ อันเปนทดี่ บั หมดแหงอกุศลธรรมอันลามกตามความเปนจรงิ เธอละความยนิ ดยี นิ รา ยอยางนี้แลว เสวยเวทนาอยา งใดอยางหน่งึ เปนสุขกด็ ี เปน ทกุ ขก็ดี ไมใ ชท ุกขไมใชสุขกด็ ี กไ็ มเพลิดเพลิน ไมบ น ถึง ไมต ดิ ใจเวทนานั้น เมื่อภิกษนุ นั้ ไมเพลดิ
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 192เพลนิ ไมบ น ถงึ ไมต ิดใจ เวทนานนั้ อยู ความเพลดิ เพลินในเวทนาท้งั หลายก็ดับไป เพราะความเพลิดเพลินดบั อุปทานก็ดบั เพราะอปุ าทานดบั ภพก็ดับ เพราะภพดับ ชาติกด็ บั เพราะชาตดิ ับ ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะทกุ ข โทมนัส และอปุ ายาสของภกิ ษุนนั้ กด็ บั ความดบั แหง กองทกุ ขทั้งสิน้น้นั ยอมมีไดอ ยางนี้ ภิกษนุ ้นั ไดยนิ เสียงดวยโสต... ดมกล่นิ ดวยฆานะ...ลิม้ รสดว ยล้ิน... ถกู ตอ งโผฏฐพั พะดวยกาย...รูแ จง ธรรมารมณดวยใจแลว ยอ มไมก ําหนัดในธรรมารมณท่นี า รัก ยอมไมขดั เคืองในธรรมารมณท ่ีนา ชงั เปนผมู สี ติในกายต้ังมน่ั และมจี ติ หาประมาณมไิ ดอยู ยอมทราบชัดเจโตวิมตุ แิ ละปญ ญาวิมตุ ิ อนั เปนท่ดี บั หมดแหง อกุศลธรรมอันลามกตามความเปนจรงิ เธอละความยนิ ดยี นิ รา ยอยา งน้ีแลว เสวยเวทนาอยางใดอยางหนึ่ง เปน สขุ ก็ดี เปนทุกขก็ดี มใิ ชท ุกขม ใิ ชสุขก็ดี ก็ไมเ พลิดเพลิน ไมบ นถึง ไมติดใจเวทนาน้นั เมือ่ ภกิ ษุน้ันไมเพลิดเพลนิ ไมบนถงึ ไมต ดิ ใจเวทนาน้ันอยู ความเพลิดเพลนิ ในเวทนาทั้งหลายกด็ ับไป เพราะความเพลิดเพลนิ ดับอปุ าทานกด็ บั เพราะอุปาทานดับ ภพกด็ บั เพราะภพดับ ชาตกิ ็ดับ เพราะชาติดบั ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนสั และอุปายาสของภิกษนุ ั้นก็ดบั ความดับแหงกองทกุ ขทั้งสนิ้ นน้ั ยอมมไี ดอยางน้ี ดกู อ นภกิ ษุทง้ัหลาย พวกเธอจงทรงจําตัณหาสังขยวมิ ุติ โดยยอ ของเราน้ี อน่งึ พวกเธอจงทรงจําสาตภิ ิกษุผเู กวฏั ฏบตุ รวา เปน ผสู วมอยใู นขา ยตัณหาและกองตณั หาใหญ ดงั นี.้ พระผมู ีพระภาคเจา ไดต รสั พระพทุ ูพจนน ้ีแลว ภิกษุเหลาน้ันช่นื ชมยินดี พระภาษติ ของพระผมู ีพระภาคเจา ฉะนแี้ ล. จบ มหาตัณหาสงั ขยสตู รท่ี ๘
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 193 อรรถกถามหาตณั หาสงั ขยสูตร มหาตณั หาสังขยสูตรมบี ทเรม่ิ ตน วา เอวมฺเม สตุ . พึงทราบวินจิ ฉัยในบทเหลา นนั้ บทวา ทิฏิคต นี้ ในอลคทั ทสูตรกลา วบทวา ทฏิ ฐวิ าเปน ลัทธ.ิ ในทนี่ ี้ ทา นกลาววา เปน สสั สตทิฏฐิ. กภ็ ิกษนุ ้นัเปน ผูสดบั มาก แตภกิ ษุท่สี ดับนอ ยกวา ชาดก ฟงพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสประชุมเรื่องชาดกวา ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ครง้ั นั้น เราไดเ ปน เวสสนั ดร ไดเปนมโหสถ ไดเปน วธิ ูรบณั ฑิต ไดเ ปน เสนกบณั ฑติ ไดเปนพระเจา มหาชนกดังน้ี. ทีนน้ั เธอไดม ีความคดิ วา รูป เวทนา สญั ญา สังขารเหลา นี้ ยอมดับไปในที่นัน้ ๆ น่นั แหละ แตว ญิ ญาณยอมทอ งเทย่ี ว ยอ มแลนไปจากโลกน้ีสโู ลกอน่ื จากโลกอ่ืนสโู ลกนี้ ดงั น้ี จึงเกิดสัสสตทฏิ ฐิ. เพราะเหตนุ ัน้ เธอจงึ กลาววา วญิ ญาณนีน้ ั่นแหละยอมทองเทย่ี วไป ยอ มแลนไป ไมใชอ ยา งอืน่ ดังน้ี. กพ็ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา ตรัสไววา เมือ่ ปจจยั มอี ยูความเกิดขึ้นแหงวิญญาณจงึ มี เวน จากปจ จัย ความเกดิ ข้นึ แหง วิญญาณยอ มไมมี ดงั นี้. เพราะฉะนน้ั ภกิ ษนุ ชี้ ่ือวา ยอ มกลาวคาํ ทพ่ี ระพทุ ธเจามิไดตรัสไว ยอมใหการประหารชนิ จักร ยอมคดั คา นเวสารัชชญาณ ยอมกลาวกะชนผูใครเพอ่ื จะฟงใหผิดพลาด ทงั้ กีดขวางทางอรยิ ะเปน ผูป ฏบิ ัตเิ พ่อื สิ่งมิใชป ระโยชน เพือ่ ความทกุ ขแ กม หาชน มหาโจรเมอ่ื เกดิ ในราชสมบตั ขิ องพระราชา ยอ มเกิดข้ึนเพอื่สิ่งมใิ ชป ระโยชน เพื่อความทุกขแ กมหาชนชอ่ื ฉันใด บณั ฑติ พึงทราบวา โจรในคําส่ังของพระชินเจา เกดิ ขึ้นแลวเพ่ือสิ่งมิใชป ระโยชน เพื่อความทุกขแกม หาชน ฉันนนั้ . บทวา สมฺพหลุ า ภกิ ขฺ ู ไดแ ก ภิกษผุ บู ิณฑบาตเปนวัตรผมู ปี กติอยูในชนบท. บทวา เตนุปสงกฺ มึสุ ความวา ภกิ ษเุ หลาน้ันคดิ วา ภกิ ษุสาตนิ ้ี
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 194ไดพวกแลว จะพึงยงั พระศาสนาใหอันตรธานไป เธอยงั ไมไดพ วกเพียงใด พวกเราจักปลดเปล้ืองเธอจากความเห็นผดิ เพยี งนน้ั ดงั นี้ จงึ ไมย นื ไมนัง่ เขาไปหาจากทท่ี ตี่ นฟง แลวๆ นน่ั แหละ. บทวา ย กตมนฺต สาติ วิฺาณ ความวา พระผูมพี ระภาคเจาตรัสถามวา ดกู อ นสาติ เธอกลา วหมายเอาวิญญาณใด วญิ ญาณน้ันเปน ไฉน. ขอ วา ยฺวาย ภนเฺ ต วโท เวเทยโฺ ย ตตรฺ ตตฺร กลยฺ าณปาปกานกมมฺ าน วปิ าก ป ปฏสิ เวเทติ ความวา สาตภิ กิ ษุกราบทลู วา ขาแตพระองคผ ูเจรญิ สภาวะใด ยอ มพดู ได ยอ มเสวยอารมณได ก็ ภาวะน้ัน ยอมเสวยวิบากของกุศลกรรม และอกศุ ลกรรมในทนี่ น้ั ๆ ไดข าพระองคกลา วหมายถงึวิญญาณอันใด ขา แตพระองคเจรญิ น้ีเปนวิญญาณนั้นดงั นี้. บทวากสสฺ นุ โข นาม ความวา ก็ใครคอื วา แกก ษตั รยิ ห รือวา พราหมณ หรือวาแกแ พศย ศูทร คฤหสั ถ บรรพชติ เทวดาและมนษุ ยท ้ังหลาย คนใดคนหนึง่ . บทวา อถโข ภควา ภิกขฺ ู อามนเฺ ตสิ ถามวา เพราะเหตุไร จึงตรสัเรียกภกิ ษุทงั้ หลาย. ตอบวา ไดย ินวา สาตภิ ิกษไุ ดม ีความคิดอยางนี้วาพระศาสดาตรัสเรียกเราวา โมฆบุรษุ ดังน้ีจะไมมอี ปุ นสิ ัยแหงมรรคและผลทง้ั หลายโดยสกั แตค าํ ท่กี ลาวแลว วา โมฆบรุ ษุ นีเ้ ทา นนั้ ก็หามิได เพราะวา แมพระอปุ เสนเถระ พระผมู ีพระภาคเจากต็ รสั อยางนี้วา ดกู อนโมฆบุรุษเธอเวยี นมาเพื่อความเปน ผูมกั มากเร็วนักดงั นี้ ภายหลงั สืบตออยู พยายามอยู ก็ไดกระทาํ ใหแจงซง่ึ อภญิ ญา ๖ แมเ ราประคองความเพียรแลว ก็จักกระทําใหแ จงซึ่งมรรคและผลทง้ั หลายดงั น้.ี ลาํ ดบั นัน้ พระผมู พี ระภาคเจา เมอ่ื จะแสดงแกเธอวา สาตภิ ิกษุนี้ มีปจจยั อนั ขาดแลว เปน ผมู ธี รรมอันไมงอกงามในศาสนาดังนีจ้ งึ ตรัสเรยี กภิกษุทั้งหลาย. บทวา อสุ มฺ ีกโต เปนตนบณั ฑติ พงึ ทราบอธิบายตามที่ไดกลา วแลว ในหนหลงั นนั่ แหละ.
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 195 บทวา อถโข ภควา ความวา อนสุ นธิแมน ้ีเปนของเฉพาะบุคคล.ไดยินวาสาติภกิ ษไุ ดม ีความคดิ วา พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสวา ธรรมอนั เปนอปุ นิสัยแหงมรรคและผลทง้ั หลายของเราไมม ี ดังนี้ เมอ่ื ธรรมอันเปนอปุ นสิ ัยไมมีอยู เราอาจเพอ่ื จะแกไขธรรมอันเปนอปุ นิสสยั ไดหรือ เพราะวา พระตถาคตทง้ั หลาย ยอ มไมแสดงธรรมแกบคุ คลผมู ีอุปนสิ สยั เทานั้น แสดงอยแู กใ คร ๆ น่นั แหละ เราไดโอวาทของพระสุคตจากสาํ นักของพระพุทธเจาแลว จักกระทาํ กศุ ล เพอ่ื สวรรคสมบัตดิ งั น้ี. ลาํ ดับนัน้ พระผูมีพระภาคเจา ตรัสแกส าติภกิ ษุนัน้ วา ดูกอนโมฆบรุ ษุ เราไมใ หโอวาทหรืออนสุ าสนีแกเธอ ดงั นี้ เมือ่ จะทรงระงบั โอวาทของพระสุคตเจา จึงเรม่ิเทศนานี้. เนื้อความแหง พระดํารัสน้ัน พงึ ทราบโดยนัยท่ีกลา วแลว ในหนหลงันนั่ แหละ. บดั น้ี พระผมู ีพระภาคเจา เม่ือจะทรงชําระลทั ธใิ นบรษิ ัท จึงตรสัคําวา อิธาห ภกิ ขฺ ู ปฏปิ จุ ฉฺ สิ สฺ ามิ เปนตน . ถอ ยคาํ แมทั้งหมด บัณฑิตพงึทราบโดยนยั ทก่ี ลาวแลว ในหนหลังนั่นแหละ. จบสาติกัณฑ บดั นี้ พระผูม พี ระภาคเจา เพ่ือจะทรงแสดงซึ่งความท่วี ญิ ญาณมปี จจยัจึงตรัสคาํ วา ย ยเทว ภกิ ฺขเว เปนตน. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา มนจฺปฏจิ ฺจ ธมเฺ ม จ ไดแ ก วิญญาณอาศัยภวังคจติ พรอ มท้งั อาวัชชนะ และธรรมดนั เปน ไปในภูมิสาม. บทวา กฏฺจ ปฏิจฺจ เปนตน พระผมู ีพระภาคเจาเจาตรัสแลวเพอ่ื แสดงชีแ้ จงดวยอปุ มา. พระผูมีพระภาคเจา ทรงแสดงไวอยางไร ดว ยอุปมาน้ัน. ทรงแสดงถงึ ความไมม คี วามพอใจในทวาร. เหมือนอยา งวา ไฟอาศัยไมจ งึ ลกุ โพลงอยู เม่อื ปจ จัยคือเชื้อยงั มอี ยนู นั่ แหละ กย็ ังลกุอยู เมื่อปจ จัยคือเชอ้ื ไมมอี ยู กย็ อมดับไปในที่น้ันน่ันเอง เพราะความขาด
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 196แคลนปจจัย ยอมไมถงึ ซึง่ การนับเปนตนวา ไฟสะเกด็ ไมเ ปนตน เพราะกาวลว งวตั ถุท้งั หลายมสี ะเกด็ ไมเปน ตน ฉันใด วิญญาณเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยจกั ษุและรูปฉนั นนั้ เหมอื นกนั เม่อื ปจ จัยกลา วคือ จักขุประสาท รปู อาโลกะและมนสกิ ารในทวารนนั้ ยังมอี ยู ยอมเกิดขนึ้ เมอื่ ปจ จัยนัน้ ไมมีอยู ยอ มดงั ไปในที่นั้นแหละ ดว ยความบกพรองแหง ปจ จัย ยอ มไมถงึ ซง่ึ การนับเปนตนวา โสตวญิ ญาณเปน ตน เพราะกา วลว งโสตประสาทเปน ตน. ในวาระท้ังปวงก็มีนัยนี้แหละ. ดว ยเหตนุ ้ี พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ทรงตเิ ตียนภกิ ษุสาตดิ วยพระดํารสั วา เรายอมไมกลาวเหตุแมส ักวาความพอใจในทวาร ในความเปนไปแหง วิญญาณ ก็สาตภิ ิกษโุ มฆบรุ ุษน้ี ยอ มกลาวถึงความพอใจในภพดงั นี้. พระผูมพี ระภาคเจา ครั้นทรงแสดงความทีว่ ญิ ญาณมปี จ จัยแลวบดั น้ี เม่อื จะทรงแสดงถึงความทขี่ ันธแ มท้งั หา มปี จ จยั จึงตรัสคาํ วา ภูตมทิ เปน ตน . บรรดาบทเหลานั้น บทวา ภูตมทิ น้ี ไดแก ขันธปญ จกะ อันเกิดแลว เปน แลว บงั เกิดแลว พระผมู ีพระภาคเจาตรสั ไววา ดูกอ นภิกษุทงั้หลาย พวกเธอเหน็ วา ขันธปญจกะที่เกดิ แลวหรือ. บทวา ตทาหารสมฺภวความวา ก็ขันธปญจกะน่นั นน้ั เกิดข้นึ เพราะอาหาร เกิดข้ึนเพราะปจจยัพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสถามวา พวกเธอเห็นปานน้วี า เมื่อปจจยั มีอยูขนั ธปญจกะยอมเกิดขึน้ หรือดังน้.ี บทวา ตทาหารนโิ รธา ไดแก เพราะความดับแหง ปจ จัยนัน้ . บทวา ภูตมทิ โนสุ ไดแก ขนั ธปญ จกะน้เี กดิ ข้ึนแลว.คอื เปน แลว มีอยหู รือหนอ. บทวา ตทาหารสมภฺ ว โนสุ ความวา พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสถามวา ก็ขันธปญ จกะทมี่ แี ลวนี้ เกดิ ขึน้ เพราะปจจยั หรือไมหนอ. บทวา ตทาหารนิโรธา ไดแก เพราะการดับแหง ปจ จัยนัน้ . บทวา นิโรธธมฺม โนสุ ความวา พระผมู พี ระภาคเจา ถามวา ขันธปญ จกะ
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 197มคี วามดบั ไปเปนธรรมดาหรือไมห นอ. บทวา สมฺมปปฺ ฺ าย ปสฺสโตความวา เมือ่ บคุ คลเห็นอยโู ดยชอบดวยวปิ ส สนาปญญา โดยลักษณะ อนัมรี สตามความเปน จริงวา ขันธปญจกะนี้ เกิดแลว เปน แลว บังเกิดแลวดงั นี้. บทวา ปฺ าย สทุ ิฏ ไดแ ก เห็นแลว โดยชอบ ดวยวิปสสนาปญญาโดยนยั ท่กี ลาวแลวนั่นแหละ. บุคคลเหลาใดๆ กาํ หนดคาํ ถามนั้น ดว ยอาการอยางน้ี พระผมู ีพระภาคเจา เมอ่ื ทรงรบั ปฏิญญาของคนเหลา นนั้ ๆกจ็ ักแสดงถึงความท่ขี นั ธห ามปี จจยั ดงั นี้. บัดน้ี พวกภิกษมุ ีความเปน ขันธป ญ จกะนัน้ มีปจ จัย และมนี ิโรธเปนอยา งดี ดว ยปญ ญาใด พระผูมีพระภาคเจา เม่อื จะตรสั ถามถึงความที่ขันธ-ปญ จกะน้ันไมมีตัณหาในทีน่ น้ั จึงตรสั คาํ วา อมิ เจ ตมุ ฺเห เปนตน . บรรดาบทเหลา นน้ั . บทวา ทิฏิ ไดแ ก วิปสสนาสัมมาทฏิ ฐิ. ชอ่ื วา บรสิ ทุ ธิ์ เพราะเห็นโดยสภาวะ ช่ือวา ผดุ ผอง เพราะเห็นปจ จัย. บทวา อลลฺ เิ ยถ ไดแ ก พึงติดดว ยตณั หาและทฏิ ฐทิ ัง้ หลายอย.ู บทวา เกฬาเยถ ไดแ ก พึงเพลดิ เพลนิ อยู ดว ยตณั หาและทิฏฐ.ิ บทวา ธเนยยฺ าถ ไดแก ถงึ ถงึ ความอยากได เหมือนผปู รารถนาทรัพย. บทวา มมาเยถ ไดแก พึงยังเหตุสกั วา ตัณหาและทฏิ ฐิใหเ กดิขน้ึ . บทวา นติ ฺถรณตฺถาย โน คหณตฺถาย ความวา พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา ธรรมใด เปรียบดวยทุน (แพชนิดหนง่ึ ) ท่เี ราแสดงแลว เพ่อื ประโยชนใ นอันสลดั ออกจากโอฆะ ๔ พวกเธอพงึ รธู รรมน้ัน มิใชเพื่อประโยชนในอันถือเอาดว ยสามารถแหง ความใคร บา งหรือหนอ ดังน.ี้ บัณฑติ พงึ ทราบธรรมฝา ยขาวโดยตรงกนั ขา ม. บัดนี้ พระผูมพี ระภาคเจา เม่อื จะทรงแสดงปจจยั แหงขันธเหลานน้ั จงึ ตรัสคาํ วา จตตฺ าโร เม ภิกฺขเว อาหารา เปน ตน. คาํ น้นั มีอรรถตาม
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 198ท่กี ลา วไวแ ลว นน่ั แหละ. มีอธบิ ายวา เหมอื อยางวา ธรรมอยา หนึง่ ทีพ่ ระผูมีพระภาคเจาตรสั ไวว า เธอยอมรูธรรมน้ี คือวา บุคคลเม่อื รูด ว ยสามารถแหง ประเพณีเปนมาอยางน้ีวา เรายอมไมรมู ารดาของบคุ คลนีอ้ ยางเดยี ว ยอมรแู มซง่ึ มารดาของมารกา ดงั น้ี ช่ือวา ยอมรอู ยางดี ฉนั ใด พระผูมีพระภาคเจา กฉ็ ันนั้นเหมอื นกัน ยอมทรงทราบชดั แตเ พียงขันธอ ยางเดยี วเทา น้นั กห็ าไม ทรงทราบความสบื ตอ เนอ่ื งๆ กันมาแหงธรรมทเี่ ปนปจจยั ทง้ัปวง อยางนว้ี า ยอ มทรงทราบชัดแมปจ จยั แหง ขันธท ัง้ หลาย ยอมทรงทราบแมปจ จัยแหง ปจ จยั ทั้งหลายเหลา นัน้ . พระผมู พี ระภาคเจา เม่ือทรงแสดงกําลังของพระพทุ ธเจา เพอื่ ทรงแสดงความสบื เน่อื งตอ ๆ กันมาแหงปจจยั ในบัดนี้ จึงตรสั คําวา อเิ ม จ ภิกขฺ เวจตฺตาโร อาหารา เปน ตน . แมค ํานน้ั ก็มอี รรถเหมอื นท่ีกลาวแลว . กถาวาดว ยปฏิจจสมปุ บาทในพระบาลีน้วี า กอนภกิ ษทุ ั้งหลายสังขารทงั้หลาย มเี พราะอวิชชาเปน ปจ จัย ฯลฯ ดวยประการฉะนี้แล ความเกิดข้นึแหง กองทุกขท้งั สิน้ น้ัน ยอมมไี ดอ ยา งนี้ ดงั น้ี พงึ ใหพิสดาร ก็กถานั้นกลา วพสิ ดารไวแ ลวในวิสทุ ธิมรรค. บทวา อมิ สมฺ ึ สติ อิท โหติ ไดแ ก เมอ่ื ปจจยั มอี วิชชาเปนตนนมี้ ีอยู ผลมีสงั ขารเปน ตน นีก้ ม็ ี. บทวา อิมสสฺ ุปปฺ าทา อทิ ิ อุปปฺ ชชฺ ติ ไดแ กเพราะปจจยั มีอวชิ ชาเปนตนนเ้ี กิดขึ้นผลมีสังขารเปนตน นี้ ก็เกดิ ขึน้ . ดวยเหตุน้ันเหละ พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรัสวา เพราะอวชิ ชาเปนปจจัย สังขารทั้งหลาย จงึ มี ฯลฯ ความเกิดข้นึ แหง กองทุกขท ัง้ มวลนั้น ยอมมไี ดอยา งน้ีดงั น.ี้ พระผมู ีพระภาคเจา ครนั้ ทรงแสดงวัฏฏะอยางนี้แลว บดั นี้ เมอ่ื จะ
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 199ทรงแสดงถงึ วิวัฏฏะจงึ ตรสั คําวา อวิชฺชาย เตวฺ ว อเสสวริ าคนิโรธา เปนตน . บรรดาบทเหลา นั้น บทวา อวิชฺชาย เตวฺ ว คอื อวิชชานน่ั แหละ. บทวา อเสสวิราคนโิ รธา คําน้ี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา เพราะสังขารดับไป วิญญาณจงึ ดังดงั นีเ้ ปน ตน เพื่อแสดงวา ก็เพราะความดบั ไปแหงสงั ขารทง้ั หลาย อนั ดับไปแลว อยางน้ีวา เพราะความดบั โดยไมเ หลือดว ยมรรคกลาวคอื วริ าคะ ความดับไมเกิดขึ้นแหงสังขารทง้ั หลาย จงึ มี ดังน้ี วิญญาณกด็ บั และเพราะความดบั แหง ธรรมท้งั หลายมวี ญิ ญาณเปนตน ช่ือวา ธรรมท้ังหลายมีรปู เปน ตน กย็ อมดบั ไปเหมือนกัน ดังน้ี แลวจึงตรสั วา ความดับแหง กองทกุ ขท ้ังส้ินนัน้ ยอ มมิไดอ ยา งน.้ี บรรดาบทเหลานน้ั บทวา เกวลสฺสไดแก ทัง้ ส้ิน อธิบายวา กองทกุ ขล วน ๆ เวนจากความเปนสัตว. บทวาทกุ ขฺ กฺขนธฺ สสฺ แปลวา กองทุกข. บทวา นิโรโธ โหติ ไดแก ความไมเกดิขึ้น. บทวา อมิ สมฺ ึ อสติ เปนตน บณั ฑิตพึงทราบโดยนยั ตรงกันขา มกับคาํทกี่ ลาวแลว . พระผมู ีพระภาคเจา คร้นั ตรสั ปฏจิ จสมปุ บาททั้งวฏั ฏะและววิ ฏั ฏะดว ยอาการอยางนแี้ ลว บัดนเี้ ม่ือจะตรัสถามถึงความไมม แี หง การทอ งเทย่ี วไป อนั บคุ คลผูรูอยซู ่ึงความหมนุ เวียนไปแหง ปจจยั ๑๒ นีพ้ รอ มดวยมรรคในวิปส สนาญาณทีล่ ะไดแ ลวนนั้ จึงตรัสคําวา อปนุ ตุมฺเห ภกิ ขฺ เว เปนตน . บรรดาบทเหลานนั้ บทวา เอว ชานนตฺ า ไดแก รูอยูอยางนี้พรอ มดว ยวปิ สสนามรรค. บทวา เอว ปสสฺ นฺตา เปน ไวพจนข องคํานั้นนน่ั แหละ.บทวา ปุพฺพนฺต อธิบายวา ขันธ ธาตุ และอายตนะทง้ั หลายในอดีต. บทวา ปฏิธาเวยฺยาถ คือวา พงึ แลนไปดว ยอํานาจแหง ตณั หาและทฏิ ฐ.ิ คําท่ีเหลือพิสดารแลว ในสพั พาสวสตู ร.
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 200 บดั น้ี พระผมู พี ระภาคเจา เมื่อจะตรัสถามถงึ ความไมห วัน่ ไหวของภิกษุเหลา นัน้ ในท่ีนั้นจึงตรสั คาํ วา อปน ุ ตมุ เฺ ห ภิกขฺ เว เอว ชานนตฺ า เอวปสสฺ นตฺ า เอว วเทยยฺ าถ สตถฺ า โน ครุ ดังนเ้ี ปนตน . แปลวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้งัหลาย พวกเธอรอู ยูอยา งน้ี เหน็ อยอู ยา งนี้ พงึ กลาวอยางน้วี า พระศาสดาเปนครูของพวกเรา. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา ครุ ไดแก ผเู ตม็ ไปดวยภาระ เปน ผคู ลอยตามความใครก ม็ ไิ ด. บทวา สมโณ ไดแก สมณะผูตรัสรูแลว. บทวาอฺ สตถฺ าร อุทฺทเิ สยยฺ าถ ความวา พวกเธอพงึ เปนผสู าํ คญั อยางน้ีวาพระศาสดาน้ี ไมส ามารถยังกิจของพวกเราใหสาํ เร็จดังน้ี แลวพึงยกยองศาสดาอื่น คือภายนอกพระศาสนาบา งหรือ. บทวา ปถุ ุสมณพฺราหมฺ ณานคือ สมณะเดียรถยี แ ละพราหมณเ ปนอนั มาก. บทวา วตกุตหุ ลมงฺคลานิ ไดแก สมาทานขอ ปฏบิ ตั อิ ยางหน่ึง ต่ืนความเหน็ อยางหนึ่ง และทิฏฐมงคลสุตมงคล มตุ ตมงคลอยางหนึง่ . บทวา ตานิ สารโต ปจจฺ าคจฺเฉยิยาถ ความวา พงึ เปน ผูสาํ คญั เหลา น้นั อยางนวี้ า เปนสาระ ดังน้ี ยึดถือเอา อธิบายวา แมสละออกแลว อยา งน้ี แลว กย็ ดึ ถอื เอาอกี . บทวา สมม าต ไดแกรูไดเ องดว ยญาณ. บทวา สาม ทิฏ ไดแ ก เห็นไดเ องดว ยปญ ญาจกั ษุ.บทวา สาม วิทติ ไดแก กระทาํ ใหแ จง คือทาํ ใหปรากฏไดเอง. บทวา อปุ นี-ตา โข เม ตุมเฺ ห ความวา ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย พวกเธออันเรานําเขา ไปสูนพิ พานโดยธรรมอนั มีสภาวะทตี่ นพึงเห็นเองเปนตนน.ี้ อธบิ ายวา อันเราให ถึงแลว เนอ้ื ความแหง ธรรมท้ังหลายมีสนฺทฏิ ิโก เปน ตน พสิ ดารแลว ในวิสทุ ธิมรรค. บทวา อทิ เมต ปฏจิ ฺจ วุตตฺ ความวา คาํ นี้ อยางน้ี เรากลา วแลว เพราะอาศัยความทพี่ วกเธอรูเองเปนตน . ถามวา เพราะเหตุไร พระผูมพี ระภาคเจาจึงเริ่มคาถาวา ดกู อ นภิกษุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 486
Pages: