พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 428 การแบง ดว ยจติ อยางนวี้ า \"เราจะใหแ กคนโนน ไมใหแ กคนโนน \" ช่อื วา แบง แจกบุคคล. ขอ ทบ่ี คุ คลไมทาํ แมทัง้ ๒ อยางนน้ั และบรโิ ภคอาหารท่มี ไิ ดแบงไวนี้ ชอ่ื วา ผมู ีปกติบรโิ ภคอาหารทย่ี งั มิไดแบงไว. ในคําวา \"ผมู ปี กตบิ รโิ ภคท่ัวไป กบั เพอ่ื นผูป ระพฤติพรหมจรรยรว มกนั ผมู ศี ีล\" มีอธบิ ายวา \"ภกิ ษุผูม ีปกตบิ ริโภคทั่วไปมลี กั ษณะดังน้ี เธอไดส ่งิใดๆ ประณีต ก็ไมใหส่ิงนน้ั ๆ ดวยลาภ เธอจะใหล าภแกคฤหัสถท ้งั หลายก็ดวยการมุงหนา แสวงหา ทงั้ ตนก็ไมบ ริโภค เม่อื จะรับกร็ บั เอาดวยคดิวา \"จงเปนของทั่วไปแกส งฆ\" เคาะระฆังแลว แลดูดจุ ของสงฆท ีค่ วรบริโภค. ถามวา ก็ใครบําเพ็ญธรรมเปนเคร่อื งใหร ะลกึ ถึงกนั (และ) ใครไมบําเพ็ญ\" ตอบวา ผทู ศุ ีลไมบ าํ เพ็ญกอน เพราะวา ผมู ีศลี ทง้ั หลาย ยอมไมถอื เอาส่งิ ของทเ่ี ปน ของผนู นั้ . สวนวา ผูมีศลี บรสิ ุทธิ์ ไมท าํ วตั รใหข าดใหเ ต็มอยู. ในขอนนั้ มีธรรมเนยี มนี้ (เปนอทุ าหรณ) กผ็ ทู ท่ี าํ เจาะจงแลวจึงใหแ กมารดาบดิ าหรือวา อาจารยแ ละอปุ ชฌายเปน ตนน้นั ใหส ิ่งทีค่ วรให. ผูน น้ั ยอมไมมธี รรมเปน เคร่อื งใหระลึกถงึกนั . มแี ตการรักษาความกงั วล เพราะวา ผพู น จากความกงั วลเทานั้นจึงจะสมควรกบั ธรรมเปน ทีต่ ้ังแหง ความระลึกถงึ กัน. ผูนนั้ เม่อื จะใหเ จาะจงควรใหแกภ ิกษุผเู ปนไข ผูพยาบาลภิกษไุ ข ผูจรมา ผูเตรียมจะไปบางแกผบู วชใหมท ไ่ี มรูวตั รสาํ หรับรบั สงั ฆาฏิและบาตร เมือ่ จะถวายแกภิกษุเหลานัน้ ตั้งแตอ าสนะสาํ หรับพระเถระลงมาไมควรถวายใหเ หลอื นดิหนอย ถวายเทาทท่ี านถอื เอานัน้ . เมื่อไมเ หลอื ไมม ี กค็ วรเท่ียวไปบณิ ฑบาตแลวถวายของท่ปี ระณตี นัน้ ๆ ตัง้ แตอาสนะพระเถระลงมา แลวฉันของท่ีเหลอื .
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 429 เพราะกลาวอยา งนีว้ า \"ผมู ศี ลี \" ดงั นี้ ถงึ การไมใ หแ กผูไมม ีศลีก็ควร. ดวยวา ธรรมทเ่ี ปนทีต่ ง้ั แหง ความระลกึ ถงึ กนั นเี้ ปน อนั บรษิ ัททีม่ ไิ ดศกึ ษาไมบ ําเพญ็ แลว เพราะวา เมือ่ บริษัทไดศ กึ ษาแลว ผูทไ่ี ดแ ตผูอ น่ืน้นั ยอ มไมถ อื เอา แมเม่อื ไมไ ดจ ากผูอืน่ ก็ถือเอาพอประมาณเทา นนั้ ไมถอืเอาเกนิ . ก็แล ธรรมเปนทีต่ งั้ แหงความระลึกถงึ กนั น้ี ภกิ ษผุ ูเมื่อจะใหวัตถุที่ตนเที่ยวไปบณิ ฑบาตซ้ําซากไดแ ลวๆ. ประพฤตใิ หเตม็ ตง้ั ๑๒ ป ไมหยอนกวานั้น. กถ็ า วา ภิกษผุ ูบาํ เพ็ญธรรมเปน ทตี่ ้ังแหง ความระลึกถงึ กนั วางบาตรท่ีเต็มดวยบณิ ฑบาต ทโ่ี รงฉนั แลวไปอาบนา้ํ . พระสงั ฆเถระ ถามวา \"น้บี าตรใคร\" เมอ่ื เขากลา ววา \"ของภกิ ษุผูบําเพญ็ ธรรมเปนท่ีต้งั แหง ความระลกึ ถงึกัน\" จึงกลา ววา \"พวกทานจงนาํ บาตรน้ันมา\" แลว จดั แจงบิณฑบาตทุกอยา ง ฉนั แลววางบาตรเปลาไว. ภิกษนุ ้ัน เกิดความเสยี ใจวา \"ภิกษุท้งั หลายฉนั (อาหาร) ของเราแลว ใหเหลอื แตบ าตรเปลาไว.\" สาราณยิ ธรรมยอมแตก เปน อนั เธอตองบาํ เพ็ญอกี ๑๒ ป. ก็สาราณยิ ธรรมนี้ เชน กบั ตติ ถยิ ปริวาส เมอื่ ขาดคราวเดยี วก็พึงประพฤติอกี . ภิกษุใดเกดิ ความดีใจวา \"ขอทภ่ี กิ ษผุ ูประพฤติพรหม-จรรยรวมกับเราไมถามโดยเออ้ื เฟอ ถงึ อาหารท่ีอยูใ นบาตรแลวฉัน นั้นเปนลาภของเราหนอ เราไดด แี ลว หนอ.\" ภกิ ษนุ น้ั ช่ือวา มสี าราณยิ ธรรมเต็มแลว . สวนความรษิ ยา และความตระหน่ี จะไมมีแกภ ิกษุผูบ าํ เพญ็ สาราณิย-ธรรมอยางน้แี นนอน. เธอเปน ทีร่ กั ของพวกมนษุ ย ทงั้ ปจ จัยก็หาไดงายกวานัก ถงึ สง่ิ ของท่ีอยใู นบาตรท่ีเขาถวายแกเธอกไ็ มส นิ้ ไป. ยอ มไดส่งิ ของดีเลิศ ในสวนสิ่งของท่พี ึงแบง ครนั้ ถงึ ความหวาดกลัว หรอื ความหิวโหยพวกเทพยอมขวนขวาย. ในขอ นน้ั มีเร่ืองเหลา นี้ เปน อุทาหรณ. ฟง มาวา พระตสิ สะเถระผูอ ยทู ีเ่ สลาคริ ีวหิ าร อาศยั บา นมหาคริ .ีอยู เม่อื พระมหาเถระ ๕๐ รูป กาํ ลังไปเกาะนาคเพื่อไหวเจดีย เทยี่ วบณิ ฑ-
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 430บาตในบานคิรีไมไดอะไรออกไปแลว. เมอื่ พระเถระเขา ไปเหน็ พระมหาเถระเหลานั้น ถามวา ทา นไดอ ะไรบา งครับ. ม. คุณ พวกเราไดเ ทีย่ วไปแลว . พระเถระน้นั รูวา พระมหาเถระเหลา น้นั ไมไ ดอ ะไร จงึ กลา ววา ทา นครบั ขอทา นทั้งหลาย จงอยทู น่ี ้ีจนกวากระผมจะมา. ม. คุณ พวกเราตัง้ ๕๐ คน กย็ งั ไมไดพ อใหเปยกบาตร. ถ. ทา นครบั ธรรมดาผอู ยปู ระจาํ เปน ผสู ามารถ แมเมื่อไมได ก็ยังรสู ภาพประมาณ ภิกษาจาร พวกพระเถระมาแลว. พระเถระจงึ เขาไปหมูบาน มหาอุบาสกิ าในเรอื นท่หี า งไกลไดจัดแจงนํ้านมและขาวสวย ยืนคอยดพู ระเถระ เม่ือพระเถระถงึ ประตูเทานนั้ กไ็ ดบรรจุบาตรใหเต็มถวายแลว. พระเถระถือบาตรน้นั ไปสาํ นกั พระเถระท้ังหลาย กลาวกบั พระสงั ฆ-เถระวา ทานครับ ขอทา นจงรบั เถดิ . พระเถระมองดหู นาพระเถระท่ีเหลือพลางคดิ วา พวกเราตง้ั เทา น้ีไมไดอ ะไรเลย ภิกษนุ ถี้ ือเอามาแลวเร็วทีเดยี ว น่อี ะไรกนั หนอ. พระเถระทราบดวยอาการแลดเู ทยี ว จงึ กลาววา \"บณิ ฑบาตกระผมไดมาโดยชอบธรรม ขอพวกทานจงหมดรงั เกยี จรบั เอาเถิด\" แลวไดใหแ กพ ระเถระท้ังหมดตามตองการตง้ั แตตน ถึงตนก็ฉนั ตามตอ งการ.ลําดับน้ัน เมื่อฉันเสรจ็ พวกพระเถระจงึ ถามวา \"คณุ แทงตลอดโลกตุ ตร-ธรรมเม่อื ไร คุณ\". ถ. ทานครบั กระผมยงั ไมม ีโลกตุ ตรธรรมหรอกครับ. ม. คณุ ไดฌ านหรอื ถ. แมนั่นกไ็ มม ี ครบั \".
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 431 ม. คุณ ไดปาฏิหาริยมิใชหรอื . ถ. ทานครบั กระผมบาํ เพญ็ สาราณยิ ธรรม ตัง้ แตก ระผมบาํ เพ็ญสาราณยิ ธรรมมา ถงึ มีภกิ ษุตง้ั ๑,๐๐๐ รปู อาหารในบาตร กย็ ังไมห มดไป. ม. ดแี ลว ๆ ทา นสตั บรุ ุษ นสี้ มควรแกท าน. ในคาํ วา อาหารในบาตรของทา นก็ยังไมหมดไปกอน มีเร่อื งดงั ตอ ไปนี้. พระเถระองคน้อี ีกนั่นแหละ ไดไปที่ถวายทาน ในทีบ่ ชู าใหญแ หงคิรีภัณฑว ิหารท่ีเจดยี บ รรพต ถามวา \"ทานน้ีมอี ะไรเปนของอยา งดี''\"ผา ๒ ผนื ครับทา น. \"ผาทง้ั สองผืนน้ันถงึ แกเรานะ.\" อํามาตยฟ งคํานน้ั จึงกราบทูลพระราชาวา \"พระพทุ ธเจาขา ภิกษหุ นุม กลา วอยางน้ี '' ร. \"ความคิดของภิกษหุ นมุ สมควรทเี ดยี ว แตว า พระมหาเถระทงั้ หลายกเ็ หมาะแกผา เนอ้ื ดี แลว ทรงวางไดดวยทรงดาํ รวิ า \"เราจะถวายพระมหาเถระทงั้ หลาย. เม่ือพระภิกษุยนื ตามลําดบั ผา ๒ ผนื ท่ที ูนไดบนพระเศียรของพระองคผ กู ําลังถวาย ไมลงมาสพู ระหตั ถส ักผนื หนึ่ง (สว น)ผาผืนอ่ืน ๆ เทา นนั้ ทล่ี งมา แตวา เวลาถวายพระหนมุ ผาทง้ั ๒ ผนื น้ันกล็ งมาสูพระหัตถ. ทา วเธอทรงวางมอื ภกิ ษุหนมุ นั้น มองหนาอาํ มาตยท รงใหภ กิ ษุหนุมนง่ั แลว ถวายทาน ทรงละพระสงฆมาประทับใกลภิกษุหนุม ตรัสวา ทา นครบั ธรรมน้ี ทา นแทงตลอดเมอื่ ไร เม่อื ไมกลาวแบบไมออ มๆ จงึ ถวายพระพรวา \"มหาบพิตร อาตมาภาพไมม โี ลกตุ ตรธรรม\". ร. พระคณุ เจา ไดกลาวไวก อนมใิ ชห รอื ขอรับ. ถ. ถวายพระพร มหาบพิตร อาตมาภาพบาํ เพ็ญสาราณิย-ธรรม ตงั้ แตเวลาอาตมาภาพบําเพ็ญธรรมนัน้ มา กไ็ ดสง่ิ ของอยา งดีเลิศในที่ท่ีพงึ แบง .
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 432 ร. \"ดแี ลว ดแี ลว ทา นครบั น้ีควรแกทาน\" ทรงไหวแลว หลีกไปในคาํ วา \"ไดของดีเลศิ ในท่ีทพ่ี ึงแบง\" นี้ มเี รอ่ื งนเ้ี ปน อทุ าหรณ. กภ็ ิกษทุ ้งั หลาย มปี กติอยูในบานภาตระในจัณฑาลติสสภยะวหิ ารไมบอกพระเถรีชอ่ื วานาคาหลีกไปแลว . พระเถรกี ลา วกับพวกภิกษุณสี าวเวลาเชามดื วา \"หมบู า นสงดั เสียงเหลอื เกิน พวกทา นจงสอบสวนดูกอ นซ.ิ \"ภิกษณุ สี าวเหลาน้นั ไปรวู าภกิ ษุทงั้ หมดไปแลว จึงกลบั มาบอกพระเถรี. พระเถรนี ั้น ไดฟงแลว กลาววา \"พวกทานอยาคดิ วาภกิ ษุเหลา นน้ั ไปแลว จงทาํ ความเพียรในการเลาเรียนบาลี สอบถามและการใสใ จโดยแยบคายเถอะ\" เมอื่ ถึงเวลาเที่ยวภิกษาจงึ หม ผา ไดเปนรปู ท่ี ๑๒ ยนื ทโ่ี คนตน ไทรใกลปากดง. เทวดาผูสงิ่ อยูที่ตน ไมก็ไดถ วายบณิ ฑบาตแกภ กิ ษณุ ี ๑๒ รปูจงึ กลาววา \"พระแมเจา ขออยา ไปทอ่ี ่นื เลย มาประจาํ ทนี่ ้ีเทา นั้นเถิด\".ก็พระเถรมี ีนองชายคนเลก็ ช่อื วา นาคเถระ. พระนาคเถระน้ันคิดวา\"เราไมอ าจใหภัยอยา งใหญเ ปน ไปในทน่ี ้ี พวกเราจะไปยังฝง อ่นื \" เปนรปู ท่ี ๑๒ เทียว ออกจากทีอ่ ยขู องตน แลว มาหมบู า นภาตระดว ยคดิ วา \"เราจะเย่ยี มพระเถรีแลวก็จะไป.\" พระเถรีไดฟ งวา พวกพระเถระมา จงึ ไปสํานกั พระเถระเหลาน้ัน ถามวา \" อะไรกัน พระผูเ ปน เจา \" ทานจงึ บอกความเปนไปนั้น.พระเถรีน้นั จึงกลา ววา \"ตลอดวันหน่ึง วนั น้ีพวกทา นจกั พักในวหิ าร ตอ พรุง น้ีจึงคอ ยไป.\" พวกพระเถระมาวิหาร. รุงขนึ้ พระเถรเี ทีย่ วบณิ ฑบาตทโ่ี คนตนไมแลว เขา ไปหาพระเถระกลาววา \"ขอพระคณุ เจา ทงั้ หลายจงฉันบณิ ฑ-บาตน้เี ถิด.\" พระเถระกลา ววา \"เถรี สมควรหรอื \" จงึ ไดย ินนงิ่ เสีย. เถรี. \"พอ บิณฑบาตนชี้ อบธรรม พระคณุ เจา ทง้ั หลาย อยารังเกียจ ฉันเถดิ .\"
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 433 เถระ. \"เถรี สมควรหรอื \" นางจบั บาตรแลว โยนไปบนอากาศ บาตรไดลอยอยูในอากาศ พระเถระกลาววา \"อาหารของภิกษุณลี อยอยปู ระมาณเจด็ ชั่วลําตาล\" เมื่อกลา ววา \"ข้ึนชอื่ วา ภยั มใิ ชมีอยูทุกเวลา ภยั สงบ\" เมื่อจะกลา วอรยิ วงศก็จะกลา ววา \" ทา นครับ ทา นฉนั อาหารของนางภิกษณุ ีทไี่ ดจ ากบณิ ฑบาตแลวปลอ ยเวลาใหลว งไป\" ดงั น้ี เมอ่ื จะประพฤติตามความคิดก็ไมอ าจจะสนบั สนุนได เถรี ขอพวกทา นจงไมประมาทเถิด.\" แลวเดนิ ขน้ึ หนทาง. ฝา ยรกุ ขเทวดายนื คิดอยูว า \"หากพระเถระจะบริโภคบณิ ฑบาตจากมอื พระเถรี เรากจ็ ะไมใหเ ธอกลบั \" เห็นพระเถระเดินไป จงึ ลงจากตน ไมกลาววา ''ทานเจาขา ขอจงใหบ าตร\" แลวรบั บาตรนาํ พระเถระมาโคนตนไมน่ันแหละ ปูอาสนะถวายบิณฑบาต ใหพระเถระซึง่ ฉนั แลวทําปฏญิ ญา แลว บาํ รงุ ภกิ ษณุ ี๑๒ รูป ภกิ ษุ ๑๒ รปู ตลอด ๗ ป. ในคําวา \"เทวดาขวนขวาย\" นม้ี เี รอื่ งน้ีเปนอทุ าหรณ. กใ็ นเร่อื งนี้ พระเถรีไดเ ปน ผูบ าํ เพญ็ สาราณยิ ธรรม. ในบทวา \"ไมข าด\" เปนตน มีอธบิ ายวา ภิกษใุ ด มีสิกขาบททําลายในเบอ้ื งตนและทีส่ ดุ ในกองอาบตั ิทัง้ ๗ ภิกษนุ ้ัน ชอ่ื วา มีศีลขาด ดุจผาขาดรอบๆ ริม. อน่ึง ภิกษุใดมีสกิ ขาบททาํ ลายทามกลาง ภกิ ษุนั้นช่อื วามศี ีลทะลุ ดุจผาทะลุตรงกลาง. ภิกษใุ ดทาํ ลาย ๒, ๓ สิกขาบท ตามลาํ ดับภิกษุนน้ั ชอื่ วา มศี ีลดา ง ดจุ แมโ คทีม่ ีสีดาํ หรือแดงเปน ตน อยางใดอยางหนง่ึดว ยสีทีต่ ัดกันตั้งขน้ึ บนหลังหรือทอง. ภิกษใุ ดมีสิกขาบททาํ ลายระหวา งๆภกิ ษุน้ัน ชือ่ วา ศีลพรอ ย ดจุ แมโ คทีม่ จี ุดลายไปทั้งตัว. สว นภกิ ษใุ ด มีสกิ ขาบทไมทาํ ลายหมด ภกิ ษุนัน้ ช่ือวา มีศีลเหลานนั้ไมขาด ไมทะลุ ไมด าง ไมพ รอ ย. กส็ กิ ขาบทเหลานี้น้นั ชือ่ วา เปนไท เพราะพนจากความเปนทาสแหง ตณั หาแลว ทําใหเ ปน อิสระ ช่อื วา วญิ ูชนสรร-
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 434เสริญ เพราะวญิ ูชนท้งั หลายมพี ระพทุ ธเจาเปนตน สรรเสรญิ แลวช่อืวา อะไรๆ ลบู คลาํ ไมได เพราะตัณหาเปน ตน ลบู คลําไมไ ด และเพราะกิเลสอะไรๆ ไมอาจเพื่อจะลูบคลําวา \"ทานเคยตองสิกขาบทชือ่ น\"ี้ ยอมเปน ไปเพอ่ื สมาธอิ ยางเฉยี ดๆ หรือสมาธอิ ยางแนบแนน ฉะนน้ั ทา นจงึ เรยี กวาเปน ไปเพือ่ ความตั้งมน่ั . บทวา \"ถึงความเปน ผูม ศี ีลเสมอกนั อยู\" ความวา ผูมีศีลเขาถงึ ความเสมอกัน กับภิกษุท้ังหลายผอู ยใู นสว นทิศเหลานน้ั ๆ อย.ู เพราะวา ศีลของพระโสดาบนั เปน ตน สม่ําเสมอกนั ดว ยศีลของพระโสดาบันเปนตนเหลาอน่ื . ท่ีอยูระหวา งทะเลบาง เทวโลกบางแนแท (แต) ไมมคี วามแตกตา งกันโดยมรรคและศีล พระผมู พี ระภาคเจา ทรงหมายเอาศลี น้นั จงึ ไดต รสั คาํ น้ี. บทวา \"ทิฏฐนิ ใ้ี ด\" ความวา สมั มาทฏิ ฐิท่ีประกอบพรอ มดวยมรรค. บทวา \"อริยะ\" ไดแ ก ไมมโี ทษ. บทวา \"นําออก\" คือ นาํ ออกไป. บทวา \"ผูทํากรรมน้ัน\" ไดแก ผใู ดเปน ผูทําอยา งน้นั . บทวา \"เพอ่ื สนิ้ ทุกข\" ไดแก เพื่อความสิ้นทกุ ขทง้ั หมด. บทวา \"ถงึ ความเสมอกนั ดวยความเหน็ \" ความวา เปนผเู ขา ถึงความเปนผมู ีความเหน็ เสมอกนั อยู. บทวา \"เลิศ\" ไดแ ก เจรญิ ทสี่ ดุ . บทวา \"รวมไมก ลอนทัง้ ปวงไว\" ไดแก ยึดไวด ี อธิบายวา \"ทาํกลอนทุกอนั ใหจ ดกนั เหตุนนั้ ชื่อวา ใหตอ ๆ กนั .\" บทวา \"ยอดนี้ใด\" ความวา ท่ตี อ เรือนยอดกับชอฟา เหตุนน้ั ชอ่ืวา ยอด. ก็ปราสาท ๕ ช้นั เปนตน ทย่ี อดน้นั ตรงึ ไวเ ทียวจึงตง้ั อยไู ด เม่อื
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 435ยอด น้นั ตกไป ปราสาททง้ั หมดต้งั ตนแตด ินเหนยี วกต็ กไป. เพราะฉะนนั้ พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรัสอยา งน้ี. บทวา \"ฉันนนั้ นน่ั เทียวแล\" ความวา ความเห็นอยางประเสริฐและเลศิ แหง สาราณยิ ธรรมเหลา นนี้ ้นั พึงเหน็ วา เปน ตวั รวบรวม และตัวเชอ่ื มดุจยอดของเรือนยอดฉะนั้น. ในบทวา \"ภิกษุทง้ั หลาย ก็ความเหน็ นใ้ี ด อยางไร\" อธบิ ายวาภกิ ษุทงั้ หลาย ทิฏฐิในโสดาปต ตมิ รรค ทานกลา ววา ไกลจากขา ศึก คอื เปนสภาพนําออก ยอ มนาํ ออกไป เพ่ือความสิ้นทุกขโดยชอบ ของนกั ปฏิบตั ิ.\"ทฏิ ฐินน้ั นาํ ออกอยางไร นําออกเพราะเหตอุ ะไร\" บทวา \"หรือวา เปน ผูม ีจติ ถูกรมุ แลว \" ความวา ช่อื วา เปนผูม ีจิตถูกรุมแลว แมด วยเหตุเทา น.้ี \" ในบทท้ังปวงก็นยั น้.ี บทวา \"ใจของเราตงั้ มัน่ ดีแลว \" ความวา จติ เราตัง้ ไวด ีแลว. บทวา \"เพอื่ รูสัจจะทงั้ หลาย\" ไดแก เพื่อประโยชนร ูสจั จะ ๔. ในบทเปน ตน วา \"ประเสรฐิ \" มอี ธิบายวา เพราะญาณนน้ั ยอมมแี กผปู ระเสริฐ หามแี กป ุถชุ นไม ฉะน้ัน ทานจงึ เรยี กวา \"ประเสรฐิ .\" สวนวา แมโ ลกุตตรธรรมของคนพวกใดมอี ยกู เ็ ปนของคนพวกนั้นเทา นนั้ หามีแกพวกอน่ื ไม ฉะน้ัน ทา นจงึ กลา ววา ยอดเยี่ยมในโลก. มีคาํ อธิบายวา \"ชอื่ วา ไมท่วั ไปกบั ปุถุชนท้งั หลาย เพราะไมมแี กป ุถุชน. ในวาระทั้งหมดก็นัยน้.ี บทวา \"เราไดค วามสงบเฉพาะตน\" ความวา เราไดความสงบในจิตของตน. แมในความดับกน็ ยั นี.้ ในบทวา \"ดบั แมน ้ี\" ยอมไดทัง้ ความสงบ ทัง้ ความเปนผมู อี ารมณเลิศเปน หน่ึง. บทวา \"ดับ\" ไดแก เขา ไปสงบกเิ ลส.
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 436 บทวา \"ทิฏฐิเห็นปานนั้น\" ไดแ ก โสดาปต ติมรรคทิฏฐิเห็นปานนนั้ . บทวา \"โดยธรรมดา\" คือ โดยสภาพ. สภาพนี้ ช่อื วา ธรรมดาน.ี้ บทวา \"ยอมปรากฏการตั้งขึ้น\" ความวา การตัง้ ข้ึนดวยอํานาจสงั ฆ-กรรม หรือเทศนายอ มปรากฏ. จรงิ อยู อรยิ สาวก เมือ่ ตองอาบตั ิ ก็ตองอาบตั ิดว ยไมจ งใจ เหมอื นการสรางกุฏีในครุกาบัติ (และ) เหมอื นตอ งอาบัติในเพราะการนอนรวมในทมี่ ุงทบี่ งั เดยี วกนั เปน ตนในลหุกาบตั ิ แนนอน พระอริย-สาวกน้ัน ไมแกลง คอื ไมจ งใจตองอาบตั นิ ้นั ตองแลว ก็ไมป กปด เพราะเหตุนนั้ พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ตรสั คําเปน ตนวา \"คร้งั นนั้ แล........น้ันพลนั ทเี ดยี ว.\" บทวา \"หนุม\" ไดแ ก ยังออ น. บทวา \"กุมาร\" ไดแ ก มใิ ชค นแก. บทวา \"เขลา\" คอื ชอ่ื วา เขลา เพราะตาและหูยงั ไรเดยี งสา. บทวา \"นอนหงาย\" ความวา ชือ่ วา เปนผูน อนหงาย เพราะยงั ออ นนกั ไมอาจจะนอนขา งขวาหรอื ขางซายได. บทวา \"ไดเ หยียบถาน\" ความวา เอามอื หรอื เทาทีเ่ หยยี ดไปทางน้ีบา ง ทางโนนบา ง ถกู แลว กเ็ มื่อพวกมนุษยถ ูกอยอู ยางน้ี มอื จะชักออกเร็ว ทําชา ไมไ ดแ มค รง้ั นัน้ คนทั้งหลายเอามอื ขา งหนึง่ ขางใด จับถา นเปล่ียนไปเปล่ยี นมายอ มไปไดไ กล. แตวา มือและเทาของเดก็ ออนยงั ละเอียดออน. เด็กนั้น เพยี งถูกไฟลวกเอาเทานนั้ ก็จะรอ งกร๊ดี ทงิ้ ไปโดยเรว็ฉะน้ัน พระผูม ีพระภาคเจาจึงทรงแสดงเด็กออนไวใ นทน่ี ้เี ทยี ว. คนแกเ มอ่ืถกู ไหมยอมทนได. แตว าเด็กออ นนที้ นไมไ ด. เพราะฉะนั้น จึงทรงแสดงเดก็ ออนเทยี ว.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 437 บทวา \"แสดง\" ความวา เม่อื บุคคลทพ่ี อๆ กนั เปน ผูรบั อาบัติ ก็ไมร อวา กลางวนั หรือกลางคนื ไปทอ่ี ยขู องภกิ ษุท่พี อๆ กนั น้ัน แมในกลางคนืประกอบดว ยองค ๔ แสดงทีเดยี ว บทวา \"สูง ตํา่ \" ไดแ ก สูงๆ ตาํ่ ๆ. กจิ ทค่ี วรกลา วอยางนวี้ า \"เราจะทําอยา งไร แลวทาํ ชื่อวา กจิ ท่ีควรจะทาํ อยางไร \". ในกิจเหลานั้น กจิ เปนตน อยางน้ี คอื การทาํ หรอื ยอมจีวร ๑ การงานที่พระเจดยี ๑ การงานทีค่ วรทําที่โรงอุโบสถ ๑ เรือนพระเจดีย ๑ เรอื นโพธ์ิ ๑ ช่ือวาการงานอยา งสูง. การงานเล็กนอ ยมีการลา งและทาเทา เปนตน ช่อื วา การงานอยา งต่ํา. อีกอยางหนึง่ การงานมีการฉาบทาปูนขาวเปนตน ท่เี จดยี ช่อื วา การงานอยา งสงู . ในการงานเหลานั้น การสผุ า กาสาวะ๑ การชกั นาํ้ มา ๑ การทําเกรียง ๑ การพาดบันได ๑ ช่ือวา การงานอยางต่าํ . บทวา \"ถึงความขวนขวาย\" ความวา เปนผปู ฏิบตั ิความขวนขวายทค่ี วรทํา. บทวา \"เปน ผเู พง อยา งกลา\" ความวา เปน ผมู ีความปรารถนาอยางหนาแนน . บทวา \"และถอนหญา\" ไดแ ก เลม็ หญาเคยี้ วกินอย.ู บทวา \"ใสใ จถงึ ลกู โค\" ความวา คอยแลดลู กู โคอยดู ว ย. เหมอื นอยา งวา โคแมล กู ออ น จะไมท ิง้ ลูกโคท่ีรวมกันมาปา แลว นอนในท่หี นึ่งไปไกล แมโ คน้นั จะเท่ยี วไปในท่ีใกลๆ ลกู โคและเล็มหญา แลว ก็ชูคอข้ึนชําเลอื งดูลูกโคไปดวยทีเดียว. พระโสดาบนั ก็ฉนั นั้นเหมือนกัน ทํากิจทค่ี วรทาํ
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 438ทั้งสงู ตา่ํ นอมไปในกจิ นนั้ เปน ผบู ําเพญ็ ไมยอหยอ น มีความพอใจอยา งแรงกลา เปนผูม คี วามปรารถนาอยา งหนาแนน กระทาํ . ในขอ นั้น มเี รื่องนี้เปน อทุ าหรณ. เลา กนั วา เม่อื กาํ ลงั ฉาบทาปนู ท่มี หาเจดีย พระอริยสาวกรูปหนึ่งมือขา งหนง่ึ ถอื ภาชนะใสป ูน ขางหนงึ่ ถือเกรียง คดิ วา \"ฉาบปนู แลว ขนึ้ฐานพระเจดยี \" ภิกษรุ ปู หนึง่ กายมนี าํ้ หนักมาก ไดไ ปยนื ใกลพ ระเถระพระเถระในทอ่ี น่ื เปนผูลาชาอยา งยง่ิ เพราะเหตนุ ัน้ จงึ จากทนี่ ัน้ ไปทอ่ี ่นื .ถึงภกิ ษนุ น้ั ก็ไดไปท่นี ้นั น่นั เทยี ว. พระเถระไดไ ปท่ีอื่นอีกดงั นีแ้ ล. พระเถระไดกลา วกะภิกษุผูมาในท่ี ๒-๓ แหงอยางนว้ี า ทา นสัตบรุ ษุ เนนิ พระเจดียใหญ ทา นไมไ ดโ อกาสทอี่ น่ื หรือ. พระเถระนอกนี้กไ็ มยอมหลีกไป. บทวา \"ประกอบดวยความเปน ผูมกี ําลัง\" ไดแก ประกอบดวยกาํ ลัง. บทวา \"ทําใหม\"ี ความวา ทาํ ความเปนผมู ปี ระโยชนค ือ เปนผูมีประโยชน. บทวา \"ทาํ ใหม \"ี ความวา ทาํ ไวในใจ คือรวบรวมสิง่ ทัง้ หมดมาดวยใจ ชื่อวา ไมทาํ ความฟงุ ซานแมเ พียงเล็กนอ ย รวบรวมมาดวยจติ ทัง้ ส้ิน. บทวา \"เงยี่ โสต\" ความวา มโี สตอนั ตง้ั ไวแลว . กพ็ ระอรยิ สาวกท้ังหลาย เปนผรู กั การฟงธรรม เม่อื จะไปฟงธรรม กไ็ มน่ังหลบั สนทนากับใครๆ หรอื มีจติ ฟุงซา น. โดยท่เี เทท านเปน ผูไมอ ่ิมในการฟง ธรรม เหมือนบรโิ ภคนํ้าอมฤต จนถึงอรุณขึน้ ไปในการฟงธรรม เพราะฉะน้ัน พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรัสไวอยา งน.ี้ บทวา \"ธรรมดา เปนอนั ตั้งไวดีแลว \" ความวา สภาวะเปน อนั ทา นแสวงหาไวดีแลว.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 439 คําวา \"เพราะกระทาํ ใหแ จงในโสดาปต ติผล\" นเี้ ปนคํากลา วถงึเหตุ อธบิ ายวา เพราะญาณท่ีทาํ ใหแ จง แลว ดวยโสดาปต ติผล. บทวา \"มาตามพรอมแลว ดวยองค ๗ อยางนี\"้ ความวา ประกอบดว ยญาณเปนเครอื่ งพิจารณาอยางใหญเ หลาน้ี อยา งนี้. อาจารยท ัง้ หลายมีถอ ยคาํ ท่ีเสมอกนั นก้ี อน. สว นโลกตุ ตรมรรคที่ช่ือวา มีขณะจติ มาก ไมม.ี สวนอาจารยผ ูช อบกลา วเคาะเลน ยอ มกลา ววา มรรคท่ชี ื่อวา มีขณะจิตหน่ึงไมมี การเจรญิ มรรคมีไดต ลอด ๗ ป สว นกิเลสทง้ั หลาย เม่อื จะขาดสูญโดยเร็ว ก็ยอ มขาดสูญดวยญาณทง้ั ๗ เพราะคาํ วา \"พึงใหเ จรญิตลอด ๗ ป.\" อาจารยน ัน้ จะถูกเขากลา ววา จงนําพระสูตรมา. เมื่อไมเห็นสูตรอนื่ เขากจ็ ะนําพระสตู รนี้มาแสดงอยา งแนน อนวา \"ญาณท่ีเราบรรลนุ ้ีเปนที่หน่งึ แหง พระสตู รนัน้ ญาณทีเ่ ราบรรลแุ ลวนี้ เปนทส่ี องแหง พระสตู รนั้น ฯลฯ ญาณท่ีเราบรรลุแลว นีเ้ ปนทีเ่ จด็ แหงพระสตู รนนั้ .\" ลาํ ดบั นัน้อาจารยนั้นก็จะถูกกลาววา กพ็ ระสูตรนี้ มีเนอ้ื ความท่พี ึงนําไป มเี นอื้ ความที่นาํ ไปแลวหรอื . แตนัน้ ก็จะกลา ววา มเี นื้อความทน่ี ําไปแลว. พระสตู รฉันใด เน้อื ความก็ฉันนั้น. อาจารยนัน้ กจ็ ะพึงถูกกลาววา ความเปน ธรรม กจ็ ะตงั้ มั่นดว ยดี ประโยชนมปี ระมาณเทา น้ี เพื่อทําใหแ จง ซงึ่ โสดาปตติผล. อาจารยนั้นยอ มกลา ววา \"ประโยชนแหง การทาํ ใหแจงโสดาปต ติผลมแี นนอน. แตน ้นั ก็จะถกู ถามวา ผูพ รัง่ พรอมดวยมรรคยอ มทําผลใหแ จง แลว กลายเปนผพู ร่ังพรอมดวยผลหรอื . เม่ือรูก ็ตอบวา ผพู รั่งพรอ มดว ยมรรค ยอ มทําใหแจงผล กลายเปนพรง่ั พรอ มดวยผล. แตน้นั ถกู ซกั อีกวา \"เพราะทา นยังไมอ บรมมรรค\" ในพระพุทธดาํ รัสนี้วา \"ภกิ ษทุ ัง้ หลาย อริยสาวกผูประกอบดว ยองค ๗ อยา งนี้ เปนผูประกอบดว ยโสดาปต ตผิ ล\". จงึ กระโดด
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 440ไปกลาวสะเปะสะปะเหมอื นกบั วา ผมยังไมไ ดพระสูตรวา อรยิ สาวกจะยดึเอาผลใหได ธรรมดาภิกษุผูจะแกป ญหาควรอยูใ นสาํ นักอาจารย เรียนเอาพระพทุ ธพจนทราบอรรถรสแลว กลา วถอยคาํ . ญาณ ๗ เหลา นี้ จัดเปนญาณเครื่องพจิ ารณาของพระอริยสาวกทีเดียว. โลกุตตรมรรค ทีช่ ่อื วา มีขณะจติ มากยอมไมม ี พึงใหย อมรบั วา\" มขี ณะจิตเตยี วเทานน้ั \" ถา เขาจะรูกจ็ งรหู าก ไมรู ก็จงสงไปวา \"ทานจงไปเขาวหิ ารแตเ ชาตรูแ ลว ด่ืมขา วตม เสีย.\" คาํ ทีเ่ หลือในบทท้งั ปวงตน้ื นนั่ เทยี วแล. จบอรรถกถาโกสัมพกิ สูตร.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 441 ๙. พรหมนิมันตนิกสตู ร [๕๕๑ ] ขา พเจา ไดส ดับมาแลวอยา งน้ี :- สมัยหนง่ึ พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยู ณ พระวหิ ารเชตวันอารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี ณ ท่นี นั้ แล พระผูมีพระภาคเจา ตรัสเรียกภกิ ษุท้ังหลายวา ภกิ ษุท้ังหลาย. ภกิ ษเุ หลา น้ันทลู รบัพระดํารสั ของพระผูมีพระภาคเจาวา พระเจา ขา. [๕๕๒] พระผมู พี ระภาคเจาไดตรสั พระพทุ ธพจนนวี้ า ภกิ ษทุ ง้ัหลาย. สมยั หน่งึ เราอยูท ีโ่ คนตนรงั ใหญใ นสุภควัน เมืองอุกกฏั ฐาก็สมัยน้ันแล พกพรหมมที ิฏฐอิ ันลามกเหน็ ปานฉะน้ี เกดิ ข้นึ วา พรหมสถานนี้เท่ยี ง ยั่งยนื มนั่ คง แขง็ แรง มีความไมเ คลือ่ นเปนธรรมดา พรหมสถานนี้แล ไมเ กิด ไมแก ไมต าย ไมจตุ ิ ไมอบุ ัติ ก็แหละสถานที่ออกไปจากทุกขอยา งอืน่ ทด่ี ยี ่ิงกวา พรหมสถานนไ้ี มมี ดังนี้ ภิกษทุ ้งั หลาย. ครง้ั น้นั เรารคู วามปรวิ ิตกแหงใจพกพรหมดว ยใจแลว จึงหายไปท่โี คนตนรังใหญ ในสุภควันใกลเมอื งอุกกฏั ฐา ไปปรากฏในพรหมโลกนน้ั เปรยี บเหมอื นบรุ ษุ ท่มี ีกาํ ลังเหยยี ดแขนทีค่ ู หรือพึงคูแ ขนท่ีเหยยี ด ฉะน้นั ภิกษทุ ้งั หลาย พกพรหมไดเห็นเราผมู าแตไ กล แลวไดพดู กะเราวา ทา นผนู ิรทกุ ข. เชญิ มาเถดิทานมาดีแลว นานทเี ดยี วทท่ี านเพิง่ ทาํ ทางจะมาในที่นี้ ทานผูนิรทุกข.พรหมสถานนี้เท่ียง ยงั่ ยืน มน่ั คง แข็งแรง มีความไมเคล่ือนเปนธรรมดาพรหมสถานนแ้ี ลไมเกิด ไมแก ไมต าย ไมจุติ ไมอ ุบัติ ก็แหละเหตุเปนที่ออกไปจากทุกขอยา งอนื่ ที่ดียิ่งกวาพรหมสถานนไ้ี มมี ภกิ ษทุ ้งั หลาย.เม่อื พกพรหมกลาวอยางนีแ้ ลว เราไดกลา วกะพกพรหมวา ทานผูเจรญิ . พกพรหมตกอยูใ นวชิ ชาแลว หนอ พกพรหมตกอยใู นอวิชชาแลว หนอ
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 442เพราะวา พกพรหมกลา วสิง่ ที่ไมเ ท่ียงนน่ั แลวา เที่ยง กลา วสิ่งท่ไี มย ่งั ยนื น่ันแลวา ยงั่ ยนื กลาวสง่ิ ทไี่ มม ั่นคงน้ันแลวา มนั่ คง กลา วสิ่งท่ีไมแขง็ แรงนัน้ แลวา แข็งแรง กลา วสง่ิ ท่มี คี วามเคลอ่ื นเปน ธรรมดาน่นั แลวา มคี วามไมเ คลอ่ื นเปน ธรรมดา ก็แหละสตั วท้งั เกิด ทง้ั แก ทัง้ ตาย ท้งั จตุ ิ ทั้งอุบัติอยใู นพรหมสถานใด พกพรหมก็กลา วพรหมสถานนน้ั อยางนีว้ า พรหมสถานนี้แลไมเกิด ไมแ ก ไมตาย ไมจุติ ไมอุบตั ิ และกลา วเหตุเปน ทอ่ี อกไปจากทกุ ขอยางอื่นทีย่ ง่ิ ข้ึนไปอันมอี ยวู า เหตเุ ปน ทอี่ อกไปจากทกุ ขอ ยางอ่ืนที่ยง่ิ ขึ้นไป ไมม.ี [๕๕๓] ภกิ ษทุ ้ังหลาย ครั้งน้ัน มารผลู ามกเขา สิงรา งของพรหมปารสิ ัชะองคห นง่ึ แลว กลาวกะเราวา ภกิ ษๆุ . อยา รกุ รานพกพรหมนี้เลย อยารกุ รานพกพรหมนี้เลย ภิกษุ เพราะวา พรหมผนู เี้ ปน มหาพรหมเปนใหญ (ปกครองคณะพรหม) หาใชผ อู ่ืนปกครองไม เปนผูดูโดยแท ทาํสรรพสตั วใ หอ ยใู นอาํ นาจ เปนอิสระ เปน ผูสรา งโลก นริ มติ โลก เปนผูประเสรฐิ เปน ผแู ตง สัตว เปน ผูใชอ าํ นาจ เปน บดิ าของเหลา สัตวท ่ีเกดิ แลว และกาํ ลงัจะเกดิ ภิกษ.ุ สมณะและพราหมณพ วกกอนทา น เปนผูตดิ นิ เกลยี ดดินเปนผูตนิ ้าํ เกลียดนา้ํ เปน ผูต ิไฟ เกลยี ดไฟ เปน ผตู ลิ ม เกลยี ดลม เปนผตู ิสตั วเ กลยี ดสตั ว เปนผูตเิ ทวดา เกลยี ดเทวดา เปน ผตู ิปชาบดี เกลียดปชาบดีเปนผูตพิ รหม เกลยี ดพรหมในโลก (วา ไมเที่ยง เปนทกุ ข เปน อนัตตา)สมณะและพราหมณเหลานน้ั เม่ือกายแตกขาดลมปราณ ตอ งไปเกิดในหมูสัตวท่ีเลว (จตุราบาย) ภิกษ.ุ สวนสมณะพราหมณพ วกกอ นทา น เปนผูชมดนิ เพลินดนิ เปน ผูชมนํา้ เพลนิ นํ้า เปน ผูชมไฟ เพลนิ ไฟ เปน ผชู มลมเพลินลม เปนผชู มสตั ว เพลนิ สัตว เปน ผชู มเทวดา เพลินเทวดา เปน ผูชมปชาบดี เพลนิ ปชาบดี เปนผูชมพรหม เพลนิ พรหม สมณพราหมณเ หลานนั้ เมือ่ กายแตกขาดลมปราณ กไ็ ปเกดิ ในกายประณีต หมสู ัตวชัน้ ดี (พรหม
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 443โลก) ภิกษ.ุ เพราะเหตนุ นั้ เราจงึ ขอบอกกะทานอยางนว้ี า ทานผนู ิรทกุ ขเชญิ เถดิ ทา นจงทําตามคาํ ทพ่ี รหมบอกแกทานเทาน้นั อยา งฝา ฝนคาํ ของพรหมเลย ภกิ ษ.ุ ถา ทา นจักฝาฝน คาํ ของพรหม โทษจักมีแกท าน เปรียบเหมอื นบรุ ษุ เอาทอนไมตไี ลส ิริทม่ี าหา หรือเปรยี บเหมือนบุรุษผูจะตกเหวนรก ชักมือและเทาใหหา งแผน ดินเสีย ฉะน้นั ทานผนู ริ ทุกข. เชญิเถดิ ทานจงทาํ อยา งทีพ่ รหมบอกแกท า นเทานั้น อยาฝา ฝน คําของพรหมเลยภกิ ษ.ุ ทานเหน็ พรหมบริษทั ประชุมกันแลว มิใชหรอื . ภกิ ษทุ ้งั หลาย. มารผูลามกยอ มเปรียบเทยี บเรากะพรหมบรษิ ทั ดงั นแ้ี ล ภิกษทุ ้งั หลาย. เม่ือมารกลาวอยา งน้ีแลว เราไดกลา วกะมารผูลามกนนั้ วา แนะ มาร เรายอมรูจกั ทา น ทานอยา เขา ใจวา พระสมณะไมร ูจกั เรา แนะมาร. ทานเปนมาร พรหมก็ดี พวกพรหมบริษทั ก็ดี พวกพรหมปาริสัชชะก็ดี ท้งั หมดนั่นและอยใู นมอื ของทา น ตกอยูใ นอาํ นาจของทาน และทา นมีความดําริวาแมส มณะน้ีก็ตองอยูในมือของเรา ตอ งตกอยูในอํานาจของเรา ก็แตวาเราไมไดอยใู นมือของทา น ไมไดตกอยูในอาํ นาจของทาน. [๕๕๔] ภกิ ษุทั้งหลาย เมอื่ เรากลา วอยา งน้แี ลว พกพรหมไดก ลาววา ทานผนู ิรทกุ ข. ก็เรากลา วสิง่ ที่เทย่ี งน่นั แลวา เท่ียง กลาวสงิ่ ที่มนั่ คงนัน่ แลวา มนั่ คง กลาวส่งิ ทีย่ ง่ั ยืนน่นั แลวา ยงั่ ยนื กลา วสงิ่ ท่แี ขง็ แรงนนั่ แลวา แขง็แรง กลา วสิง่ ท่ีไมม ีความเคลอ่ื นเปน ธรรมดาน่นั แลวา ไมมคี วามเคลือ่ นเปนธรรมดา ก็แหละสตั วยอมไมเ กิด ไมแ ก ไมตาย ไมจ ุติ ไมอ บุ ัติ ในพรหมสถานใด เรากลา วพรหมสถานน้นั แหละวา พรหมสถานนแ้ี ลไมเ กิด ไมแก ไมตาย ไมจ ตุ ิ ไมอ ุบตั ิ และกลา วเหตทุ ่ีออกไปจากทุกขอยา งอนื่ อนั ยิง่ ข้นึไปไมมวี า เหตุท่อี อกไปจากทุกขอ ยางอื่นยงิ่ ขึน้ ไปไมม ี ภกิ ษุ. สมณะพราหมณพวกทมี่ ีกอ นทา นไดม ีแลวในโลก อายุท้งั สน้ิ ของทา นเทาไร กรรม
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 444ท่ที าํ ดว ยตบะของทา นเทาน้นั สมณะและพราหมณเหลานนั้ แล พึงรเู หตุเปนท่ีออกไปจากทุกขอ ยางอ่นื อนั ย่ิงข้นึ ไปมอี ยวู า เหตุทอ่ี อกไปจากทุกขอยา งย่ิงอน่ื มีอยู หรือพึงรูเ หตเุ ปน ท่ีออกไปจากทุกขอ ยางอ่นื อันยง่ิ ขน้ึ ไปไมมีอยูภกิ ษุ เพราะเหตไุ รเราจึงกลาวกะทานอยา งน้ี เพราะวาทานจักไมเ หน็ เหตุทอี่ อกไปจากทุกขอยางอนื่ อันย่ิงขน้ึ ไปเลย และทานจกั เปน ผรู ับสวนแหงความลาํ บาก แหง ความคบั แคน อยางเดียวเทานัน้ ภกิ ษุ. ถาแลทานจักกลนื กนิแผนดนิ ไดไ ซร ทา นกจ็ ักช่ือวาเปน ผนู อนใกลเรา นอนในทอี่ ยขู องเรา เราพงึทําไดตามประสงค เราพึงหามได ถา และทา นจกั กลืนกินนาํ้ ไฟ ลม เหลา สตั วเทวดา ปชาบดี พรหมไดไซร ทานกจ็ กั ช่อื วาเปน ผูนอนใกลเรา นอนในท่ีอยูของเรา เราพึงทาํ ไดตามประสงค เราพงึ หามได ดังน้ี เรากลา ววาพรหม แมเ รายอ มรูเ หตนุ ี้ ถาเราจกั กลนื กนิ แผน ดนิ ไดไ ซร เรากจ็ กั ชอื่ วา เปนผูนอนใกลท า น นอนในที่อยูของทา น ทานพึงทาํ ไดตามประสงค ทานพงึ หามได ถา และเราจกั กลืนกนิ น้ํา ไฟ ลม เหลาสัตว เทวดา ปชาบดี พรหมไดไซร เรากจ็ กั ช่ือวาเปนผนู อนใกลทา น นอนในที่อยขู องทา น ทา นพึงทําไดตามประสงค ทานพงึ หามไดพ รหม ใชแ ตเ ทานน้ั เรายอ มรูค วามสาํ เรจ็ และยอ มรอู านุภาพของทานวา พกพรหมมีฤทธม์ิ ากอยา งนี้ พกพรหมมีอานุ-ภาพมากอยา งน้ี พกพรหมมศี ักดม์ิ ากอยางนี้พกพรหมถามเราวา ทานผนู ิร-ทุกข กท็ านรคู วามสําเร็จ และรอู านภุ าพของเราวา พกพรหมมีฤทธ์มิ ากอยา งนี้ พกพรหมมอี านภุ าพมากอยา งน้ี พกพรหมมีศกั ดิ์มากอยา งนไ้ี ดอ ยา งไร เรากลาววา ดวงจันทรและดวงอาทติ ยยอมโคจรสอ งทิศใหส วา งอยูเทา ใด อาํ นาจของทา นยอ มเปน ไปในพันจักรวาลเทา นน้ั ทานยอมรูจ ัก สตั วทเี่ ลวและสตั วท่ปี ระณตี รจู กั สตั วทีม่ รี าคะและสัตวทไี่ มมี
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 445 ราคะ รจู ักจกั รวาลน้ีและจักรวาลอ่นื และรจู ักความมาและ ความไปของสตั วท ง้ั หลาย ดงั น้ี พรหม เรายอ มรูค วามสาํ เร็จ และยอ มรูอานภุ าพของทา นอยา งนี้วา พกพรหมมีฤทธม์ิ ากอยางน้ี พกพรหมมอี านภุ าพมากอยางน้ี พกพรหมมีศกั ดิ์มากอยางนี้พรหม กาย หมูสัตว ๓ อยางอ่นื มีอยู ทานไมร ไู มเ หน็ ในกาย๓ อยา งน้ัน เรารูเห็นกายเหลา นนั้ พรหม กายหมูส ตั วช ่อื อาภัสสระมีอยู ทา นเคล่อื นแลว จากท่ีใด มาอุบัติแลว ในทีน่ ้ี ทานมีสติหลงลมื ไปเพราะความอยอู าศัยนานเกนิ ไป เพราะเหตุนน้ั ทานจึงไมร ไู มเ ห็นกายนน้ั เรารูเห็นกายน้นั พรหม เราเปนผูอนั ทานเทยี บเทียมไมไดดว ยความรยู ง่ิ แมอ ยา งนี้ทไี่ หนเราจะเปนผูตํ่ากวาทาน ท่ีแท เรานีแ่ หละเปนผูสูงยง่ิ กวาทา น พรหมกายช่ือสภุ กิณหะ กายชอ่ื เวหปั ผละมีอยูแล ทา นยอมไมรู ยอมไมเ หน็ กายนั้นเรารูเห็นกายน้นั พรหม เราเปน ผูอันทานเทยี บเทียมไมไดด วยความรูยิ่งแมอยางน้ี ท่ีแท เราน่ีแหละเปน ผสู งู ยิ่งกวา ทาน พรหม เรารูย่ิงดนิ แลโดยความเปนดนิ รนู พิ พานอนั สัตวถ ึงไมไ ดโดยความทด่ี นิ เปนดิน แลวไมเปน ดนิไมไ ดมคี วามยดึ ถอื แลว ในดิน ไมไ ดมีความยืดถอื แลวแตด ิน ไมไดม คี วามยดึถือแลว วา ดนิ ของเรา ไมไ ดชมดนิ พรหม เราเปน ผอู ันทานเทยี บเทียมไมไ ดดวยความรยู งิ่ แมอยา งน้ี ท่ไี หนเราจะต่าํ กวาทาน ท่ีแท เราน่แี หละเปน ผูสูงกวา ทา น พรหม เรารจู กั น้าํ ... รูจกั ไฟ...รูจ ักลม...รจู กั เหลา สตั ว...รูจ กัเทวดา...รูจกั ปชาบด.ี ..รูจักพรหม ...รูจักพวกอาภัสสรพรหม...รจู กั พวกสุภกิณหพรหม...รูจักพวกเวหัปผลพรหม...รจู กั อภิภูพรหม...พรหม เรารูจักสง่ิ ทัง้ ปวงโดยความเปน ส่งิ ทัง้ ปวง รูจักนพิ พานอันสตั วถ งึ ไมไ ดโดยความทสี่ ง่ิ ทงั้ ปวงเปนส่ิงทั้งปวง แลวไมเปน สิ่งทงั้ ปวง ไมไดมีความยดึ ถอื แลวในสง่ิทัง้ ปวง ไมไ ดม ีความยดึ ถือแลวแตส่ิงทง้ั ปวง ไมไดมคี วามยึดถอื แลว วา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 446สง่ิ ทั้งปวงของเรา ไมไ ดชมสิ่งทัง้ ปวง พรหม เราเปน ผูอนั ทานเทียบเทียมไมไดด วยความรูย ่งิ แมอยางน้ี ทไี่ หนเราจะต่ํากวาทา น ทแ่ี ท เราน่ีแหละเปน ผูสงู กวา ทาน พกพรหมกลา วกะเราวา ทา นผนู ริ ทกุ ข ถา และเพราะทา นรูนิพพานท่ีสัตวถึงไมไ ดโดยความทส่ี ง่ิ ทัง้ ปวง เปนสิง่ ท้ังปวง ถอ ยคําของทานอยา ไดว างเสียเลย อยาไดเปลา เสียเลย นพิ พานอันผบู รรลุพงึ รแู จง ได เปนอนิทสั สนะ(เห็นไมไ ดดวยจักษวุ ิญญาณ) เปนอนนั ตะ (ไมมที สี่ ุดหรือ หายไปจากความเกดิ ข้ึนและความเสื่อม) มรี ศั มใี นท่ที งั้ ปวง อนั สตั วถึงไมไ ดโดยความทดี่ ินเปนดนิ โดยความท่นี ้าํ เปน น้าํ โดยความทไี่ ฟเปน ไฟ โดยความท่ลี มเปนลม โดยความที่เหลา สตั วเปนเหลา สัตว โดยความท่เี ทวดาเปน เทวดาโดยความทปี่ ชาบดีเปนปชาบดี โดยความทีพ่ รหมเปนพรหม โดยความที่อาภัสสรพรหมเปนอาภสั สรพรหม โดยความที่สุภกิณหพรหมเปน สภุ กิณห-พรหม โดยความทเ่ี วหปั ผลพรหมเปนเวหปั ผลพรหม โดยความทอ่ี ภภิ ูพรหมเปนอภิภูพรหม โดยความที่สงิ่ ทงั้ ปวงเปนส่ิงท้งั ปวง พกพรหมกลา วกะเราวา ทานผนู ิรทุกข ผิฉะนั้น บัดน้ี เราจะหายไปจากทาน เรากลา ววา พรหม.ผฉิ ะน้ัน บดั น้ี ถาทานอาจจะหายไปไดก็จงหายไปเถิด ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ครง้ั นัน้แล พกพรหมกลา ววา เราจักหายไปจากพระสมณโคดม เราจักหายไปจากพระสมณโคดม แตก ไ็ มอ าจหายไปจากเราไดโดยแท ภิกษทุ ้ังหลายเม่ือพกพรหมกลาวอยางนแ้ี ลว เราไดก ลาวกะพกพรหมวา พรหม ผฉิ ะ-นนั้ บัดน้ี เราจะหายไปจากทาน พกพรหมกลา ววา ทา นผูนฤทุกขผฉิ ะ-นน้ั บัดน้ี ถาทานอาจหายไปได กจ็ งหายไปเถิด ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ลาํ ดบันน้ั เราบนั ดาลอทิ ธาภิสงั ขารใหเ ปน เหมือนอยา งนัน้ ดว ยเหตเุ พียงเทาน้ีพรหมก็ดี พวกพรหมบรษิ ัทกด็ ี พวกพรหมปาริสัชชะก็ดี ยอมไดย ินเสียงเรา แตมไิ ดเหน็ ตวั เรา ดงั นี้ เราหายไปแลว ไดกลา วคาถานวี้ า- เราเห็นภยั ในภพ และเห็นภพของสตั วผ ูแสวง
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 447 หาวภิ พแลว ไมช มภพ อะไรเลย ท้งั ไมย ืดมน่ั นันทิความเพลิดเพลินดว ย ดงั น้ี. [๕๕๕] ภกิ ษุทั้งหลาย คร้ังนั้น พรหมกด็ ี พวกพรหมบรษิ ัทก็ดีพวกพรหมปาริสัชชะกด็ ี ไดม ีความแปลกปลาดอศั จรรยจติ วา ทา นผูเจริญ นาอัศจรรย นาแปลกประหลาดหนอ พระสมณโคดม มฤี ทธ์ิมากมีอานุภาพมาก กอ นแตน พ้ี วกเราไมไ ดเห็นไมไดย ินสมณะหรอื พราหมณอืน่ ที่มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เหมอื นพระสมณโคดมน้ี ผูออกผนวชแตศากย-สกุล ถอนภพพรอมทงั้ รากแหงหมูสัตวผ รู นื่ รมยยนิ ดใี นภพ เพลดิ เพลนิ ในภพ. [๕๕๖] ภกิ ษุท้ังหลาย ครั้งนน้ั มารผูลามก เขา สิง พรหมปารสิ ชั ชะองคหนง่ึ แลวกลา วกะเราวา ทา นผนู ริ ทุกข ถาทานรูจักอยา งน้ี ตรสั รูอยางนี้ กอ็ ยาแนะนาํ อยาแสดงธรรม อยาทําความยนิ ดีกะพวกสาวกและพวกบรรพชิตเลย ภกิ ษุ สมณะและพราหมณพ วกกอนทา น ผปู ฏิญญาวาเปน พระอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา ในโลก สมณะและพราหมณพวกนั้นแนะนําแสดงธรรม ทําความยนิ ดีกะพวกสาวกและพวกบรรพชิต ครนั้ กายแตกขาดลมปราณ ก็ไปเกิดในหนี กายหมูสตั วชัน้ เลว สว นสมณะและพราหมณพวกกอนทา น ผปู ฏิญญาวา เปน พระอรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจา สมณะและพราหมณพวกน้นั ไมแนะนําไมแ สดงธรรม ไมท ําความยนิ ดกี ะพวกสาวกบรรพชติ ครัน้ กายแตกขาดลมปราณกไ็ ปเกดิ ในปณีตกายหมสู ตั วชน้ั ดภี ิกษ.ุเพราะฉะน้นั เราจงึ บอกกะทา นอยางนี้ ทา นผนู ริ ทุกข เชญิ ทานเปน ผูม ักนอ ย ตามประกอบความอยูสบายในชาตินี้ อยเู ถดิ เพราะการไมบอกเปนความดี ทานอยา สั่งสอนสตั วอื่นๆ เลย ภกิ ษุทง้ั หลาย เมือ่ มารกลาวอยา งน้ีแลว เราจงึ กลาววา มารผลู ามก เรารจู กั ทา น ทานอยา เขาใจวา พระสมณะไมรจู ักเรา ทา นเปน มาร ทานหามีความอณุเคราะหดว ยจติ เก้อื กูลไม จึงกลา วกะ
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 448เราอยางนี้ ทานไมมคี วามอนเุ คราะหด วยจิตเกอื้ กูล จึงกลาวกะเราอยา งน้ี ทา นมคี วามดาํ รวิ า พระสมณโคดมจักแสดงธรรมแกช นเหลาใด ชนเหลาน้ันจักลว งวสิ ยั ของเราไป ก็พวกสมณะและพราหมณนัน้ มิไดเ ปน พระสมั มาสัมพุทธเจา ปฏญิ ญาวา เราทั้งหลายเปน พระสมั มาสัมพทุ ธเจา มารผูลามก เราเปน สมั มาสมั พุทธะ ยอ มปฏญิ ญาวา เราเปนสัมมาสัมพทุ ธะมารผูล ามก! ตถาคตแมเม่อื แสดงธรรมแกพ วกสาวก ก็เปน เชน นั้นแมเมื่อไมแ สดงธรรมแกพวกสาวก ก็เปน เชนน้นั ตถาคต แมเมอ่ื แนะนําพวกสาวก ก็เปน เชนนัน้ แมเมื่อไมแนะนาํ พวกสาวกกเ็ ปน เชน น้ัน นน่ั เปน เพราะเหตุอะไร เพราะอาสวะเหลา ใด อนั ใหเ ศรา หมอง ใหเ กิดในภพใหม มีความกระวนกระวาย มีวิบากเปนทกุ ข มชี าติ ชรา มรณะ ตอ ไป อาสวะเหลานั้น ตถาคตละเสียแลว มีรากเหงาอนั ถอนขน้ึ แลว ทําไมใหม ที ี่ตั้งดงั วา ตนตาลแลว ทําไมใ หมีตอ ไปแลว มคี วามไมเ กิดข้ึนตอ ไปเปน ธรรมดา เหมือนตน ตาลมยี อดถูกตดั เสียแลว ไมค วรงอกอีกได ฉะน้นั . ไวยากรณภาษติ น้ี พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั แลว โดยมารมไิ ดเรียกรองและโดยพรหมเชื้อเชญิ ดงั นี้ เพราะฉะน้นั ไวยากรณภาษติ น้ีจงึ มีชือ่ วา พรหมนมิ ันตนิกสูตร ฉะน้แี ล. จบ พรหมนมิ ันตนกิ สตู รที่ ๙
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 449 อรรถกถาพรหมนมิ นั ตนิกสูตร พรหมนมิ ันตนิกสตู ร ขึ้นตน วา ขาพเจา ไดฟ งมาแลว อยางนี้ :- บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา \"ทฏิ ฐอิ ันชัว่ \" ไดแ ก ความเหน็ วาเทย่ี งอนัลามก คาํ วา \"นี้เปน ของเที่ยง\" คอื พูดวา ฐานะของพรหมพรอ มกบั โอกาสอันเปนของไมเทีย่ งนวี้ า เทยี่ ง. คําวา \"แนนอน\" เปนตน กเ็ ปนคําใชแทนคําวา \"เทย่ี ง\" นัน้ นัน่ เอง. ในคําเหลานนั้ คําวา \"แนนอน\" คือมัน่ คง. คาํวา \"เทย่ี งแท\" คือมีอยทู กุ เม่อื . คําวา \"ลว น\" คอื ทง้ั หมดไมมีขาด. คาํ วา\"มคี วามไมเคลอ่ื นเปน ธรรมดา\" คอื มีสภาพไมเคล่อื นไป. ถงึ ฐานะในคาํ เปนตนวา \"นี้แล ยอมไมเกดิ \" น้ีคอื พูดหมายเอาวา ผเู กิด ผูแก ผูต าย ผูเคล่อื นผบู งั เกิดขนึ้ ยอ มไมมี. คําวา \"และกอ็ ืน่ จากน้ี\" คอื ความเห็นวาเท่ียงแทอยางแรง ยอ มเปน ของทเ่ี กดิ ข้ึนแลว แกเ ขาอยางนว้ี า ชื่อวา เหตแุ หง การออกไปอยา งอื่นท่ีนอกเหนอื จากฐานะของพรหม พรอมท้งั โอกาสนไี้ มม .ี ก็แหละ ผพู ดู เชนน้นี ั้นยอมปอ งกันทุกอยางคือ ช้นั ของฌานขา งบน ๓ มรรค๔ ผล ๔ นิพพาน ๑. คําวา \"ผไู ปในความไมร \"ู ความวา ผูไปคอื ประกอบในความไมร ู ชอื่ วา เปน ผไู มรูคือ เปน ผบู อด. คาํ วา \"ก็ชอ่ื ใน...ใด\" คอืชื่อใด. มารในบททง้ั หลายวา ภกิ ษทุ ้ังหลาย! ครัง้ น้ัน มารผูมบี าป ไดเ หน็พระผมู ีพระภาคเจาอยางไร ? เลามาวา มารนั้นนง่ั คํานึงถงึ พระศาสดาในบานตวั เองตลอดเวลาวา \"วนั นพ้ี ระโคดมผสู มณะอยทู ่ตี ําบล หรืออําเภออะไร ? และตอนท่ีกําลังคาํ นงึ อยูนี้ รูว า \"กําลังอาศัยเมืองอกุ กัฏฐะอยทู ่ีปา สุภคะ จึงสํารวจดู แลวจะไปไหนอกี หนอ? กเ็ หน็ วากาํ ลังไปพรหมโลก จึงคดิ วา พระโคดมผูส มณะกําลงัไปพรหมโลก เราจะไปทาํ ใหพอใจในธรรมเทศนาอยางผิดๆ ตลอดเวลาที่
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 450มารกลา วธรรมกถาในท่ีนนั้ แลว ยงั ไมทําใหค ณะพรหมกา วพน วิสยั ของเรา\"จงึ เดินสะกดรอยพระศาสดาแลวมายนื กําบงั ตัวในระหวางหมูพ รหม. แกรูวา \"พวกพรหมถูกพระศาสดารุกราน, จงึ ไดย ืนทําตวั เปนผูคา้ํ ชูพรหมเหตนุ น้ั พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรัสวา \"ภกิ ษทุ ้ังหลาย ครัง้ นนั้ แล มารผมู ีบาป\" ดงั น้ี คําวา \"เขาสิงพรหมปาริสัชชะแลว \" คือ \"มารเขาสูรางของพรหมปรสิ ชั ชะองคห น่งึ กย็ งั ไมสามารถเขา สอดแทรกมหาพรหม หรือพวกพรหมปุโรหิตได. คําวา \"อยารุกรานผนู ี้\" คืออยาไดร ุกรานพกพรหมน้.ี คาํ วา\"ครอบงาํ (เปนผูยิ่งใหญ)\" คือเปนผคู รอบงาํ ตั้งอยู คอื เจริญท่สี ุด (ใหญท่ีสุด หัวหนา ). คําวา \"ไมถ กู ครอบงาํ \" คอื พวกอืน่ ครอบงําไมได. คาํ วา\"โดยแท\" เปนนิบาตลงในคําท่ีระบวุ าสวนเดยี ว ทรงแสดงวา ผูเ ห็นดว ยอาํ นาจการเห็น ยอมเห็นทุกส่ิงทุกอยา ง. คาํ วา \"ผหู มนุ อาํ นาจ\" คือ \"ยอ มยังชนท้ังหมดใหเ ปน ไปในอํานาจ. คาํ วา \"เปน อศิ วร\" คอื เปน ใหญใ นโลก. คาํวา ผูส ราง ผนู ริ มิต คอื เปน ผูส รา ง และผูน ิรมติ โลกไว ทานแสดงวาแผนดินหิมพานต เขาสเิ นรุ จักรวาล มหาสมุทร พระจันทร และพระอาทิตยมหาพรหมองคนีน้ ิรมติ ไว. คาํ วา \"ผปู ระเสรฐิ สุด ผูจ ัดแจง\" คอื มหาพรหมองคน ้ี เปน ผูประเสริฐสุด และเปน ผจู ดั แจง ทา นแสดงวา มหาพรหมองคนี้ ไดจ ดั หมสู ตั วไวอ ยางนว้ี า เธอเปนกษตั ริย เธอเปนพราหมณ เปนแพศย เปน ศทู ร เปนชาวบา น เปน นักบวช กระทัง่ เปน อฐู เปนโค ทา นกลาววา มหาพรหมองคน้ี ช่อื วาเปนผูม ีอํานาจ เพราะสะสมอาํ นาจไว มหาพรหมองคน ้ี เปนพระบิดาของพวกภตู และพวกภัพย ดว ยบทวา เปนผมู ีอํานาจ เปน พระบิดาของพวกภตู และภพั ย. ในคําวาพวกภตู และภพั ยน ้นั พวกสตั วทีเ่ กดิ ในไขและในมดลูก ช่อื วาภัพย ตอนอยูภายในกะเปาะไข และภายในลําไส (มดลูก) ตง้ั แตเวลาท่ีออกมาขางนอกแลว ชือ่ วา ภูต พวกท่ีเกิดตามเหงื่อไคล (เชนในนาํ้ คราํ เปนตน ) ในขณะจติ แรก เปน ภพั ย ตงั้ แตข ณะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 486
Pages: