พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 306เหรญั ญกิ ใหญ ยอ มรูถงึ ความวิจติ รเปนตนดว ย รูถงึ ความทีเ่ ขายอมรบั รูกนัวา เปนแกวดว ย รถู งึ ความเกเปนตนดวย. และกเ็ มอื่ รูอยู กด็ รู ูปนัน้ บางฟง เสียงบา ง ดมกลิ่นบา ง ลม้ิ รสบา ง เอามอื หยบิ สาํ รวจดคู วามหนกั และเบาบา ง แลวกร็ ูวาผลติ ทีห่ มูบา นโนนบา ง รวู าผลติ ในจังหวัดโนน ในเมอื งโนน ใกลสระธรรมชาตโิ นน ใตเ งาภูเขาโนน ท่ีฝงแมนาํ้ โนน ผลติ โดยอาจารยค นโนน บาง ฉนั ใด, ความรจู าํ ก็เหมือนเด็กที่ยังไมมคี วามรูด ูกหาปณะ ยอมรูจาํ แตอารมณด ว ยอาํ นาจสีเขยี วเปน ตน เทานั้น. ความรูแ จง ก็เหมอื นชายชาวบา นดูกหาปณะ ยอมรจู ําอารมณด ว ยอาํ นาจสีเขียวเปน ตนดว ย ใหถงึ ความแทงทะลลุ กั ษณะดว ยสามารถไมเทีย่ งเปน ตน ดวย. ความรูชัด กเ็ หมอื นเหรญั ญกิ ใหญดกู หาปณะ ยอ มรอู ารมณดวยอาํ นาจสีเขียวเปนตน ดว ย ใหถ งึ การแทงทะลุลกั ษณะดวยอาํ นาจไมเ ทีย่ งเปนตนดวย ใหขวนขวายแลว ถึงความปรากฏแหง หนทาง (มรรค) ดวย ฉนั น้ันนนั่ แล. สวนความแตกตา งแหง สิ่งเหลา นนั้ นัน้ เจาะทะลุไดยาก. เพราะเหตนุ ้นั ทานพระนาคเสน จึงกลา ววา \"มหาบพติ ร พระผูมพี ระภาคเจา ไดท รงทาํ ส่ิงที่ทาํ ไดย ากแลว \" \"ทา นนาคเสนผเู จริญ สง่ิ ท่ีทําไดยากอะไรที่พระผมู พี ระภาคเจา ไดท รงกระทาํ แลว \" \"มหาบพิตร สงิ่ ท่ที ําไดย าก ทพี่ ระผูม ีพระภาคเจาไดทรงกระทําแลว คอื ขอ ที่ทรงบอกการกําหนดส่งิ ทเ่ี ปนจติ และส่ิงที่เกดิ กับจิตซึง่ ไมม รี ปู รางเปนไปในอารมณอ ยางเดยี วกันวา \"น้คี ือส่ิงที่ทําหนา ท่กี ระทบ นีค้ อื สง่ิ ท่ที ําหนาทีร่ ูสกึ นคี้ ือสง่ิ ที่ทาํหนา ทรี่ ูจ าํ น้ีคอื สิ่งท่ที าํ หนาท่จี งใจ นค้ี ือสงิ่ ที่ทําหนาที่คิด\". ขนาดคนท่ีเอานํา้มัน ๕ ชนดิ นี้คอื นํ้ามันงา นา้ํ มันผกั กาด นา้ํ มันมะซาง น้าํ มันละหงุ นาํ้ มนัเหลวมาใสร วมในภาชนะเดยี วกัน แลว เอาไมคนคมู าคนทง้ั วนั แลว ก็ตักแยกจากกันแตละอยาง ๆ วา น้นี ํ้ามันงา นน้ี ํ้ามันผกั กาด น้กี ็นบั วาทาํ ไดยากอยูแลว น้ียิ่งทาํ ใหย ากยิ่งกวา นัน้ เสียอกี เพราะพระผูมพี ระภาคเจาทรงเปน พระ
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 307ธรรมราชา พระธรรมเมศวร เพราะความท่ที รงแทงทะลุพระสัพพัญ-ุตญาณอยางดีแลวตรสั บอกการกาํ หนดสิง่ หารูปรา งไมไ ดที่กาํ ลงั เปน ไปในอารมณอยา งเดยี วกนั เหลา น.ี้ พึงทราบความขอ นี้วา เหมอื นกับตกั นํ้ามาแยกเปนสว นๆ อยา งน้วี า นีเ้ ปน นํา้ ของแมนํา้ คงคา น้ีของแมน ้ํายมุนา ในท่ีที่แมน ํ้าใหญท้ัง ๕ สายไหลเขาสทู ะเลแลว ฉะน้นั . คาํ วา \"ทส่ี ละออกแลว\" คอื สลัดออกไปแลว หรือท่ีถกู ทง้ิ ไปแลว. เม่อื ใน คําวา \"ท่สี ละออกแลว\" นนั้ท้งั หา\" เม่ือมคี วามหมายวา \"ทถ่ี ูกท้งิ ไปแลว\" ก็พงึ ทราบวาเปนตตยิ า-วิภัติ. มคี าํ ท่ีทา นอธบิ ายไวว า อันความรแู จงที่สลัดออกไปจากอินทรียทงั้๕ แลวเปน ไปในประตูใจ หรือที่ถูกอินทรยี ทั้ง ๕ ทอดทิง้ ไปแลว เพราะความทคี่ วามรแู จง นัน้ ไมเ ขา ถงึ ความเปน ทีต่ ้งั ได. คําวา \"หมดจด\" คือไมม อี ะไรเขา ไปทาํ ใหแ ปดเปอ น คําวา ดวยความรแู จงทางใจ\" คือ ดว ยจิตท่ีมฌี านที่สี่ชนิดทย่ี ังทองเท่ยี วไปในรูปเปน อารมณ. คาํ วา \"พงึ แนะนําอะไร \" คอื พงึรอู ะไร เพราะสง่ิ ทพ่ี งึ รใู นคาํ เปน ตนวา \"ธรรมดาสงิ่ ท่ีพึงแนะนําบางส่งิบางอยา งยังมอี ยู. ..ธรรม\" ทานเรยี กวา \"เนยฺย = พึงแนะนาํ พึงรู\" พึงรูอากาสานัญจายตนะอยา งไร อรปู าวาจรสมาบตั ิ อันบุคคลพงึ รูไดดวยจิตทมี่ ีฌานทสี่ ี่ชนดิ ท่ียังทอ งเทย่ี วไปในรูปเปน อารมณ; เพราะฉะน้ัน ผทู อ่ี ยูใ นฌานทสี่ ่ีทีท่ องเทีย่ วไปในรูป ยอมสามารถทาํ ใหอ รปู าวจรสมาบตั ิ (การเขาถงึฌานที่ไมทอ งเท่ียวไปในรูป หรอื ทอ งเทยี่ วไปในสิ่งทไ่ี มใ ชรปู ) เกิดข้นึได. เพราะอรูปาวจรสมาบัติยอ มสาํ เร็จแกผูทอี่ ยูในฌานท่ีสท่ี ีท่ องเทยี่ วไปในรปู ได. ฉะนัน้ พระสารบี ตุ รเถระ จึงตอบวา \"พงึ รู (หรือแนะนาํ )อากาสานัญจายตนะ\" ดงั นี.้ เมือ่ เปน อยา งนัน้ ทาํ ไมจงึ ไมกลาวถึง เนวสญั -ญานาสญั ญายตนะดวยเลา เพราะไมม กี ารยึดไวเ ปน อกี แผนกหนง่ึ ตางหากในเนวสัญญานาสญั ญายตนะนั้น บุคคลจะพิจารณาโดยเปนหมวดๆ (และ)โดยเปน นยั ๆ ก็ได. การยดึ เปน แผนกๆ ยอมไมเ กดิ แกภกิ ษุ แมข นาดพระ
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 308ธรรมเสนาบดีก็ตามท.ี เพราะฉะน้ัน แมพระเถระก็พิจารณาโดยเปนหมวดๆ (และ)โดยเปนนยั ๆ แลวก็แกวา \"ไดยินเขาวา มาวา สง่ิ เหลา นี้ไมม ีแลว ยอ มมพี รอ ม ทีม่ ีแลวยอมเสอ่ื มไปอยา งนี้\" ดว ยประการฉะนี.้ สว นพระผูมพี ระภาคเจา เพราะความทพี่ ระสพั พัญุตญาณอยูในกาํ พระหตั ถ ทรงยกสง่ิ มากกวา หาสบิ อยา ง แมใ นเนวสญั ญานาสญั ญายตนะ ดวยการยกขน้ึเปนองคจ ักไวเปนแผนกๆ แลวตรัสวา \"การแทงทะลอุ รหตั ตผลมีประมาณเทากบั การเขา ถึงความรูจาํ (สญั ญาสมาบัต)ิ \" ดังน้.ี คาํ วา \"ยอ มรูชดั ดวยตาคือปญ ญา\" คอื ยอมรูด วยปญ ญาท่ีชอ่ื วาเปน ดวงตา เพราะอรรถวาเปนผนู ําทกุ ทางในการเห็น. ในคาํ วา \"ยอ มรชู ัดดวยตาคือปญญา\" น้นั ปญ ญามี ๒ อยา ง คือ ปญ ญาในสมาธิ และปญ ญาในวิปส สนา. ยอ มรูชดั ทัง้ โดยหนา ท่ี ทั้งโดยความไมหลงลมื ดว ยปญ ญาในสมาธ.ิ ทา นกลาวความรโู ดยอารมณดว ยการแทงลกั ษณะไดทะลุดว ยปญญาในวิปส สนา. คําวา \"เพือ่ ตองการอะไร คอื อะไร เปน ความตองการแหงปญญานี้. ในคาํ เปน ตนวา \"มีความรูยงิ่ เปน ท่ตี อ งการ\" คือ ชอ่ื วา มคี วามรยู ่ิงเปนที่ตองการ เพราะยอมรูย่งิ ซึ่งส่งิ ท่จี ะพงึ รูเปน อยา งย่ิง ท่ีชือ่ วา มคี วามกําหนดรูเปน ทีต่ อ งการเพราะยอมกาํ หนดรสู ่ิงทจ่ี ะตองกาํ หนดใหร ู. ช่อื วามีการละเปน ท่ีหมาย ก็เพราะยอมละสงิ่ ทจ่ี ะตอ งละ. กแ็ ลปญ ญานี้ แมที่เปน ปญ ญาแบบโลกๆ ก็มีความรยู ิ่งเปน ท่ีตอ งการ มีความกาํ หนดรเู ปน ท่ีประสงค และมีการละโดยการขมไวเปน ท่ีหมาย. ที่เปนแบบอยูเ หนือโลก ก็มคี วามรูย ง่ิ เปน ทีต่ องการ มคี วามกําหนดรเู ปน จุดประสงค และมีการละโดยการตัดขาดเปน เปา หมาย. ในปญญาทงั้ สองนั้น ปญ ญาแบบโลกๆ ยอ มรชู ัดทง้ั โดยหนา ที่ ท้ังโดยความไมห ลงลืม ปญญาท่อี ยูเหนอืโลก ยอ มรชู ดั โดยความไมหลงลมื . คาํ วา \"อาศัยความเหน็ ทีถ่ กู ตอ ง\" คืออาศยั ความเหน็ ทถี่ กู ตอ งในวปิ สสนา, และความเห็นทถ่ี กู ตองในมรรค. คํา
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 309วา \"และเสียงจากผูอ่ืน\" คือ การฟงเสียงทเ่ี ปน ทสี่ บาย. คําวา \"ความเอาใจ-ใสอยางมเี หตุผล\" คือ เอาใจใสในอุบาย (วิธีการ) ของตน. แมใ นหมูพระสาวกเหลาน้ันเลา ปจจยั ท้งั สองยอมควรไดแ กทา นแมท พั ธรรม (พระสาร-ีบตุ ร) เทานัน้ . เพราะพระเถระ ถงึ จะบําเพญ็ บารมมี าตง้ั หน่งึ อสงไขยกาํ ไรอกี แสนกปั กย็ งั ไมสามารถละกิเลสแมแตนดิ เดยี วโดยธรรมดาของตนได. ตอ เม่ือไดฟงคาถาน้จี ากพระอสั สชเิ ถระ ท่ขี ้ึนตนวา \"สิง่ เหลา ใด มีเหตุเปน แดนเกดิ (=เกดิ มาจากเหต)ุ \" จึงแทงทะลุได. สาํ หรับเหลา พระปจเจกพุทธเจาและเหลา พระสัพพัญพู ุทธเจา ไมมีงานเกยี่ วกบั เสียงจากคนอื่น. ผทู ่ีดาํ รงอยูใ นความเอาใจใสอยา งมีเหตุผลเทาน้ัน จึงจะใหเ กดิ ปจเจกโพธญิ าณและสพั พญั ูคุณท้งั หลายได. คาํ วา \"อัน...ชวยเก้อื หนนุ แลว \"คอื ไดรบั อปุ การะแลว. คําวา \"ความเหน็ ทถี่ กู ตอง\" คอื ความเห็นท่ถี ูกตอ งในอรหัตตมรรค (ทางแหง ความเปน พระอรหันต) ความเห็นทีถ่ ูกตอ งในอรหตั ตมรรคนัน้ เกิดในขณะแหง ผล. ทชี่ ่อื วา มีความเห็นหลุดพน เพราะจิตเปน ผล เพราะความหลดุ พน เพราะปฏบิ ัตทิ างจติ เปน ผลของทา น ทีช่ อื่ วา มผี ลคือสงิ่ ที่ไหลออกมาจากความหลดุ พนในทางจติ ใจ เพราะผลคอื สิง่ ทไี่ หลออกมากลา วคือความหลุดพน ในทางจิตใจของทา นมอี ยู. แมในบทท่สี องก็ทา นองเดยี วกันนี้แหละ. และพงึ ทราบวาในผลเหลา น้ีผลที่ ๔ ชอื่ วา ความหลดุ พนเพราะความรูชดั สิ่งท่เี หลอื เปน ความหลดุ พน เพราะจติ ใจ. ในคําเปน ตนวา \"อนั ศลี เกอ้ื หนุนแลว \" ศีลอนั มคี วามบรสิ ทุ ธิ์ ๔ อยา งช่อื วาศลี . คาํวา \"การฟง\" คอื การฟง เร่ืองราวอันเปนทสี่ บาย (ถูกอารมณ). คําวา\"สากจั ฉา\" ไดแก ถอ ยคาํ ทต่ี ดั ความผดิ พลาดคลาดเคลื่อนในกมั มัฏ-ฐาน. คําวา \"สมถะ (ความสงบ)\" ไดแ กส มาบตั ิ ๘ ทม่ี ีวปิ สสนารองรับ. คาํ วา \"วปิ ส สนา (ความเห็นแจม แจง )\" คอื การตามเหน็(อนปุ ส สนา) ๗ อยา ง.
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 310 ก็แหละ พระอรหัตตมรรคยอมเกดิ ข้ึนแลวใหผ ลแกผทู ่กี าํ ลงั บําเพญ็ศลี อันมีความหมดจดสอี่ ยา ง ฟง เรอ่ื งราวอนั เปน ท่ีสบาย ตัดความผดิ พลาดคลาดเคลื่อนในกัมมัฏฐาน ทาํ งานในสมาบัติแปดทีม่ วี ิปส สนารองรบั อบรมการตามพิจารณาเหน็ ๗ อยางอยู. พึงทราบขอ เปรยี บเทียบทีเ่ หมอื นอยา งคนทอี่ ยากกินมะมว งสุกหวาน ติดซมุ นาํ้ ไวร อบลกู ตน มะมวงอยางมั่นคง, ถอืหมอ นํา้ รดน้ําเปน บางครง้ั บางคราว, สรา งคันเพื่อกนั น้ําไมใ หไหลออกอยางมนั่ คง, เอาเถาวลั ยท ่อี ยูใกลๆ ทอนไมแหง ๆ รังมดแดงหรือใยแมลงมุมออกไป. เอาจอบ (หรือเสยี ม)ไปขดุ รอบๆโคนเปน บางเวลา, เมือ่ เขาระแวดระวังทาํเหตุครบ ๕ อยาง ดังท่กี ลา วมาน้อี ยู มะมวงก็เจริญแลว ใหผล. พึงเหน็ ศลี อนั มคี วามหมดจดสี่อยา ง เหมอื นการติดซมุ รอบตนไม, การฟง เรอื่ งราว (ธรรม) เหมอื นการรดนํา้ เปนบางเวลา, สมถะ เหมือนการกระทาํ ความม่นั คงดว ยคนั , การตัดความผดิ พลาดคลาดเคลอื่ นในกัมมฏั -ฐาน เหมือนการเอาเถาวลั ยที่อยูใกลๆ ออก, การอบรมปญ ญาเคร่อื งตามพิจารณาเห็น ๗ อยาง เหมือนการเอาจอบมาขุดรอบๆ โคนเปนบางเวลา,พงึ ทราบการใหผ ลคือความเปนพระอรหันตเ พราะความเขาใจทถี่ กู ตอ งซึง่ ส่งิ หาอยางเหลา นี้ของภิกษนุ ี้ตามเก้ือหนนุ แลว เหมือเวลาตนมะมว งทเี่ หตุทัง้ หาอยางเหลา นัน้ ตามเกอื้ หนุนแลว ใหผ ลหวานอรอ ย ฉะน้ัน. ทานพระมหาโกฏฐกิ เถระ ยอ มถามถึงอะไรในคาํ นีว้ า \"ผมู อี ายุกแ็ ลภพมีเทา ไร\" พระเถระยอมถามวา ความสบื ตอ ไปถงึ รากทีเดียวคนโงยอมไมขน้ึ จากภพเหลาใด ขา พเจา จะขอถามถงึ ภพเหลานนั้ \" ในภพเหลานัน้ คาํ วา \"กามภพ\" เพราะพระเถระทา นรวมเอาสิ่งท้ังสองคอื การกระทาํ ทเ่ี ขา ถงึ กามภพและขันธทตี่ ัณหามานะและทฏิ ฐิยึดเอาไว ซ่งึ เกิดขึ้นมาเพราะการกระทําเปนอันเดยี วกันแลว จงึ กลาววา \"กามภพ\"
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 311แมในรปู ภพและอรูปภพ ก็มีทาํ นองเดียวกันนแี้ หละ. คําวา \"ตอ ไป\"ไดแ กในอนาคต. การเกิดข้นึ ในภพใหมอีก ชื่อวา \"การเกิดขึน้ อยางยงิ่ ในภพใหมอกี \" ในทนี่ ้ีทา นถามถงึ การเวียนวา ยตายเกดิ . ความยินดอี ยางยิ่งในสิ่งน้ันๆ อยางน้คี อื ความยนิ ดอี ยางยง่ิ ในรปู ความยินดีอยางยงิ่ ในเสยี งเปนตน ชอื่ วา \"ความยนิ ดอี ยางยงิ่ ในสิ่งน้นั ๆ \"คาํ น้ีเปนปฐมาวภิ ัติ ลงในตติยา-วภิ ตั ินั่นเทยี ว จึงมอี ธบิ ายวา \"การเกิดขน้ึ ในภพใหมอ ีกยอมมี เพราะความยนิ -ดีอยา งยง่ิ ในสิ่งน้นั ๆ. กแ็ ล ดวยคํามปี ระมาณเทา นี้ ก็เปน อันวา พระเกระทาํใหค วามหมนุ เวยี น (แหง ชีวติ ) ถึงที่สุดแลวแสดงวา \"การไปมี, การมาก็มี การไปและการมากม็ ี ความหมนุ เวียนก็ยอมหมุนไป\" ดงั นี้. บดั น้ี เมื่อจะถามถงึ ความเลิกหมุนเวยี น พระมหาโกฏฐิ กิ เถระ จงึไดกลาวคําเปน ตนวา \"ก็อยา งไร ทานผมู ีอายุ\" ในการตอบคําถามน้นัพงึ ทราบวินิจฉยั ดังตอ ไปน.้ี คําวา \"เพราะสาํ รอกความไมร \"ู ไดแกเ พราะความสิ้นไป และจืดจางแหงความไมร.ู คาํ วา \"เพราะเกิดความรขู นึ้ \" ไดแกเพราะเกิดความรูใ นพระอรหัตตมรรค. อยาไปกลาวคําท้ังสองนว้ี า \"ความไมร ดู บั กอน หรือความรูเกิดกอ น\" เพราะเกดิ ความรขู น้ึ ความไมร ูจงึ เปนอนั ดับไปโดยแท เหมือนความมดื หายไป เพราะแสงโพลงของตะเกยี ง. คาํ วา \"เพราะความทะยานอยากดับไปโดยไมเ หลอื \" ไดแ ก เพราะความดบั ไปโดยไมเ หลอื คือความส้ินไปแหง ความทะยานอยาก. คําวา \"ไมมีความเกิดข้นึ ในภพใหมอีก\" คอื ความเกิดขึน้ แหง ภพใหมอีกตอ ไปอยางน้ียอมไมม,ี การไป การมา ทง้ั การไปและการมาก็ยอมไมม.ี วงกลม (ของชวี ิต) ก็หยดุ หมนุ ไปดวยประการฉะน้.ี ก็เปน อันวา พระเถระทาํ ใหวงกลม (ของชวี ิต ) ถงึ ทีส่ ดุแลว แสดง.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 312 พระเถระยอมถามถึงอะไรในคาํ นวี้ า \"ทา นผมู ีอายุ ก็เปนไฉนเลา ?\"ภกิ ษผุ ูหลุดพน ทง้ั สองสว น (คือทัง้ เจโตวิมตุ ติ และ ปญญาวิมตุ ต)ิ ยอมเขานิโรธเปน บางครงั้ บางคราว. พระเถระยอ มถามวา \"ขา พเจา ขอถามฌานท่ีหนงึ่ ซงึ่ มนี โิ รธเปนเครื่องรองรบั ของภกิ ษุน้ัน\" ในคําน้ีวา \"ผูม อี ายุ กแ็ ลฌานที่หน่ึงน\"้ี พระเถระยอมถามถึงอะไร? ธรรมดาภิกษผุ ูเ ขานโิ รธตอ งเขาใจถงึ ขอบเขตสว นกาํ หนดองคว า ฌานนีม้ ีองคห า นีม้ อี งคส ่ี นีม้ ีองคสาม นี้มีองคสอง. พระเถระจงึ ถามวา \"ขา พเจา จะขอถามถงึ ขอบเขตสวนสํา-หรับกําหนดองค. ในองคเ ปนตนวา \"ความตรึก\" (น้)ี ความตรึกมีการยกข้นึ (คือยกอารมณข นึ้ สจู ิต หรอื ยกจิตขึ้นสูอารมณ) เปนลกั ษณะ ความตรองมกี ารเคลาคลึง (อารมณ) เปนลักษณะ, ความเอบิ อม่ิ มีการแผไ ปเปนลักษณะ. ความสบายมีความชนื่ ใจเปน ลกั ษณะ. ความทีจ่ ิตมีอารมณเดยี ว มีความไมฟงุ ซานเปน ลักษณะ สง่ิ ท้ังหาอยางน้ี ยอมเปน ไปดวยประการฉะน้.ี ในคําวา \"ท่อี งคนน้ั ละไดแลว \" น้ี พระเถระยอมถามถงึ อะไร?ทานถามวา ธรรมดาภิกษุผูจ ะเขา นิโรธ ตอ งเขาใจองคท ี่เปน อุปการะและท่ีไมใชเ ปน อปุ การะ ขาพเจา จะขอถามองคเ หลา น้ัน. สําหรับคาํ ตอบในคาํ ถามนี้ ปรากฏแลวแล. ดว ยประการฉะนี้ กเ็ ปนอนั วา ทา นไดถอื เอาฌานทีห่ นึง่ ซงึ่มนี โิ รธเปน ที่รองรับไวใ นชั้นลางแลว พระเถระจงึ จะถามการเขาเนวสญั ญา-นาสัญญายตนะ อันเปนอนันตรปจ จัยแหงฌานท่หี นง่ึ นัน้ ในช้ันบน. กแ็ ลสมาบัติทงั้ ๖ ในระหวา งแหง เนวสญั ญานาสัญญายตนะนนั้ พงึ ทราบวา ทานไดยอ ไว หรือทานชน้ี ัยแกไวแ ลว . บัดน้ี เม่ือจะถามประสาทท้งั หาทอ่ี าศัยวิญญาณพระมหาโกฏฐกิ -เถระจงึ กลาววา \"ผูมอี ายุ หาเหลาน้\"ี เปนตน. ในคาํ เหลา น้นั คําวา \"โคจร-
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 313วิสยั \" คือ วิสยั อนั เปนโคจร. คําวา \"ของกันและกนั \" ไดแกไ มย อมเสวยเฉพาะโคจรวสิ ัย (อารมณเปน ทีเ่ ทย่ี วไป) ของแตล ะอยา งๆ อยางนี้ คอืหู (รับอารมณไดทง้ั ) ของตาและของหู หรือ (รบั อารมณ) ของตา. หากรวมเอาอารมณท่ีเปนรปู ตางดวยสเี ขยี วเปน ตน แลวโอนไปใหอ ินทรียคอื หแู ลวพดูวา \" เอา ... แกลองกําหนดมนั กอนซิ...ลองวา ใหแจม แจง มาซิวา นีม้ ันช่ืออารมณอะไร \" ถึงวิญญาณทางตาก็เถอะ ยกปากออกแลว มนั ก็จะพึงพูดตามธรรมดาของตนอยางนีว้ า \"เฮย ...ไอบอดแลว โงด วย ตอ ใหมึงวิง่ วนอยตู ้ังรอยพนั ปก เ็ ถอะ นอกจากกูแลว มงึ จะไดผรู ูจกั สิ่งน้ีทไี่ หน เอามนั มานอมใสใ นประสาทตาซิ กูจะรจู ักอารมณนั้นไมว ามันจะเขยี วหรือเหลือง น่นั มันไมใ ชว สิ ัยของผูอ่นื เลยมนั ตองเปนวิสยั ของกเู ทา นั้น \"แมในทวารที่เหลือก็มนี ัยอยา งเดียวกันน้ีแล. อยางนชี้ ือ่ วาอนิ ทรีย เหลาน้ไี มย อมรบั เสวยโคจรวสิ ยั ของกนั และกัน. คําวา \"อะไรเปนท่ีพึ่งอาศยั \" ไดแก ทานถามวา \"อะไรเปนที่พงึ่ อาศยั ของอินทรียเหลานี้ คอื อนิ ทรยี เหลานี้อาศัยอะไร-\" คําวา \"มใี จเปนท่พี ึ่งอาศยั \" ไดแก มใี จเปน ทีแ่ ลน ไป (เสพอารมณ หรอื ทาํ กรรม)เปน ทพี่ ่ึงอาศยั . คําวา \"ใจน่นั แหละ...ของ...เหลานน้ั \" ไดแกใ จทแ่ี ลนไปตามมโนทวาร หรือใจท่ีแลน ไปทางทวารทั้งหา ยอมเสวยโคจรวสิ ยั แหงอินทรียเหลานน้ั ดว ยอํานาจความกําหนดั เปน ตน. จรงิ อยู ความรแู จงในทางตา ยอมเปน สักแตวา เหน็ รูปเทา นน้ั ไมมคี วามกําหนดั ความคดิ ประทุษ-ราย หรอื ความหลงในการเห็นรูปเปนตน แตจติ ทแ่ี ลน ไปในทวารนีต้ า งหาก ยอมกําหนัด ยอ มประทุษรา ย หรือ ยอ มหลง. แมในความรูแจง ทางหูเปน ตน กท็ าํ นองเดียวกันนแี้ หละ. ตอไปนี้เปนการเปรียบเทยี บในเรื่องอินทรียเ หลาน้ัน คอื มีเร่ืองเลา วา มกี ํานันออ นแอ ๕ คน พากันสองเสพพระราชา แลวก็ไดก าํ ไรเลก็ นอยในหมบู า น ๕ ตระกูล แหงหนึง่ ดวยความยากลาํ บาก.
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 314ของเพยี งเทา นแ้ี หละ คือปรับเปน ปลาหนึ่งสว น เน้ือหน่ึงสวน กหาปณะพอซือ้เชือกไดหนง่ึ เสน กหาปณะพอซื้อเชอื กผกู ชางได ๑ เสน สี่กหาปณะ แปดกหาปณะ สบิ หกกหาปณะ สามสบิ สองกหาปณะ หรอื หกสิบสกี่ หาปณะในหมูบา นนัน้ ยอ มถึงพวกกํานนั เหลานั้น. พระราชาเทา น้นั ทรงรบั พลใี หญโ ตเปน หมวดสิง่ ของรอ ยสง่ิ หารอยสง่ิ พนั ส่งิ . พึงทราบวาประสาททัง้ หาเหมือนหมูบานหา ตระกูล ในท่ีนน้ั . ความรูเเจง (วิญญาณ) ทั้งหา เหมอื นกํานันออนแอหาคน การแลน ไปเสพอารมณ (ชวนะ)เหมือนพระราชา หนา ทีแ่ ตการเหน็ รปู เปน ตนแหงความรแู จงในทางตาเปน ตน เหมอื นกาํ นันออ นแอไดรบั กาํ ไรเลก็ นอ ย. สวนความกาํ หนัดเปน ตนไมม ีในประสาทเหลานี.้ พงึ ทราบความกาํ หนดั เปน ตน ของจติ ท่ที าํหนาท่ีแลน ไปเสพอารมณในทวารเหลา น้ัน เหมอื นการรับพลีจาํ นวนมากของพระราชา. ในคาํ วา \"หา เหลา น้ี ผมู ีอาย\"ุ นี้ พระเถระยอมถามถงึ อะไร ทานถามถึงประสาททง้ั หา ภายในนิโรธวา สําหรับพวกสง่ิ ทีห่ ารปู รา งไมได(น้นั ) เมอื่ ความเปนไปท่สี าํ เร็จมาจากกิริยา (จิต) กําลังดําเนินไปอยู กจ็ ะเปนปจจยั ที่เขมแขง็ แกป ระสาททง้ั หลาย ก็ผใู ดดบั ประสาททเ่ี ปน ไปแลวนั้นแลวเขานโิ รธสมาบัติ ประสาททั้งหาภายในนโิ รธของผนู ้ันอาศยั อะไรจงึ ตง้ั อยูได ขาพเจา ขอถามส่งิ น้ดี ว ยประการฉะนี้ คําวา \"อาศัยอายุ\" ไดแ กอาศยั ธรรมชาตทิ ี่เปนใหญทาํ หนา ทเี่ ปน อยู (ชวี ติ นิ ทรีย) ตง้ั อย.ู คําวา \"อาศยัไออนุ \" ไดแ กส ง่ิ ทเี่ ปน ใหญในการเปนอยู อาศัยไฟทีเ่ กดิ จากกรรมตงั้อย.ู กเ็ พราะแมไ ฟท่ผี ลิตมาจากกรรม เวน สงิ่ ทีเ่ ปน ใหญใ นการเปน อยูยอ มตงั้ อยไู มไ ด ฉะนั้น ทา นจงึ วา ไออนุ อาศัยอายตุ ง้ั อย.ู คําวา \"ลุกไหมอยู\" ไดแกโพลงอยู. คําวา \"อาศยั เปลวไฟ\" ไดแ กอาศัยเปลวแสง. คํา
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 315วา \"แสงยอมปรากฏ\" ไดแ กแ สงสวางยอมปรากฏ. คําวา \"เปลวไฟอาศยัแสง\" ไดแ กเ ปลวไฟอาศยั แสงสวางจึงปรากฏ. ในคําวา \"ฉนั นนั้ นนั่ แลทานผูม ีอายุ อายุยอ มอาศยั ไออุน ต้ังอย\"ู นีค้ อื ไฟที่เกดิ จากกรรมเหมือนเปลวไฟ, ส่ิงท่เี ปน ใหญใ นการเปน อยู เหมือนแสงสวาง, จรงิ อยู เปลวไฟเมือ่ จะเกดิ ก็ถอื เอาแสงสวา งนนั่ แหละ เกดิ ขึน้ . แมเ ปลวไฟเองน้ันก็ยอ มเปนของปรากฏเปน เล็กใหญย าวสั้น ตามแสงสวา งท่ีตนนน้ั ใหเ กดิ นน่ั แหละการใชส ิ่งท่ีเปน ใหญใ นการเปนอยู ซง่ึ เกดิ พรอ มกบั มหาภูตรูปที่เกดิ จากกรรมซง่ึ อาศัยไออนุ ตามรกั ษาไออุน ก็เหมือนความปรากฏแหง ความเปนไปของเปลวไฟน้นั เอง เพราะแสงสวา งท่ีความเปน ไปแหงเปลวไฟในแสงสวา งน้นั ใหเกิด จริงอยู ส่งิ ท่เี ปนใหญใ นการเปนอยู ยอมรกั ษาไออุน ทเี่ ปน ไปอนั เกิดจากกรรมไว สิบปบา ง ย่สี บิ ปบ า ง ฯลฯ รอยปบา ง. ดวยประการฉะนี้มหาภูตรูป จงึ เปน ปจ จัยดว ยอาํ นาจนสิ สัยปจ จยั เปนตน แหง รปู อาศัย.ฉะน้ัน จงึ เปน อันวา อายุยอ มอาศัยไออนุ ตงั้ อย.ู ความเปนใหญในความเปน อยยู อมรกั ษามหาภูตรูปท้ังหลายไว ดวยเหตุน้จี ึงควรเขาใจวา ไออุนยอมอาศัยอายุตั้งอยู. คาํ วา \"อายุสังขาร\" ก็คือ อายุน่นั เอง. คําวา \"สิ่งทีม่ คี วามร-ูสกึ \" คอื ส่ิงท่เี ปน เคร่อื งรสู กึ . คาํ วา \"การออกยอมปรากฏ\" คอื การออกจากสมาบัตกิ ป็ รากฏ. จรงิ อยู ภกิ ษใุ ด เกิดพอใจในอรปู ทเี่ ปน ไปแลว จงึ ดบั ความรจู าํ และความรูสกึ แลวเขาสนู โิ รธ ส่ิงทีไ่ มมีรปู ราง ซง่ึ มสี งิ่ ที่เปนใหญในการเปน อยขู องรปู เปนปจจัยก็เกดิ แกภ ิกษุนัน้ ตามอํานาจเวลาตามทกี่ ะไว สวนสง่ิ ทงั้ ท่มี รี ปู และไมม รี ปู ทเ่ี ปน ไปแลว อยา งน้ันกค็ งเปนไป. เหมอื นอะไร ? เหมือนชายคนหนงึ่ เกดิ กลุมขน้ึ มา ในเพราะเปลวไฟที่เปนไปจงึ เอาน้ํามาสา ทําใหเปลวไฟเลกิ เปนไป เอาขเี้ ถามากลบถานไวแลว ก็นง่ั นง่ิ . เมื่อเขาอยากใหมเี ปลวอีก ก็เข่ียขีเ้ ถาออกแลวพลิกถา นกลบั เติมเช้ือ
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 316แลว เปาลมดวยปาก หรือพัดลมดวยกา นตาล (เอาพัดใบตาลพดั ) ทนี ัน้ เปลวไฟท่ีเปนไปก็เปนไปอีกฉันใด, ฉนั นนั้ นนั่ แล สง่ิ ทีไ่ มม ีรปู ก็เหมอื นเปลวไฟที่เปน ไป, การทภี่ กิ ษุเกดิ กลุม ใจขนึ้ มา ในเพราะอรปู (ฌาน) ทเ่ี ปน ไปแลว จงึ ดับความรูจําและความรูสึก เขานโิ รธ ก็เหมอื นการทคี่ นเกิดราํ คาญในเพราะเปลวไฟท่เี ปนไปแลว จึงเอาน้ํามาสาดทาํ ใหเ ปลวไฟเลกิ เปน ไปเอาขเ้ี ถามากลบถานไวแ ลว น่งั น่ิง, สิ่งท่เี ปนใหญใ นการเปนอยขู องรูปคอื ธาตไุ ฟท่ีเกิดจากกรรม กค็ งเปน ไปเหมือนกบั ถานที่เอาข้เี ถากลบไว, การไปตามเวลาที่ภิกษุกะไว เหมอื นกบั การท่เี มอื่ คนตองการเปลวไฟอกี เขย่ี ข้เี ถา เปน ตน ออกไป, ความเปนไปของสิง่ ที่มีรูปและไมม รี ปู ในเม่ือสงิ่ ทไี่ มมรี ปู เกดิ ข้นึ อกีพึงทราบวา เหมอื นความเปน ไปของแสงไฟ. คาํ วา \"อายุ ไออนุ และวญิ -ญาณ\" หมายความวาสง่ิ สามอยา งเหลา นค้ี ือ ส่ิงที่เปนใหญในการเปนอยูข องรปู ๑ ธาตุไฟที่เกิดจากกรรม ๑ จิต ๑ ละทิ้งรูปกายน้เี มอื่ ไร เม่อื นั้น -ก็ ถกู ทอดทง้ิ นอนบนแผน ดนิ เหมอื นทอ นไมท ไ่ี รจ ติ ใจฉะนนั้ สมจริงดังคําทท่ี านกลาวไวอยา งน้วี า \"อายุ ไออนุ และวิญญาณ ละรา งนี้ไปเมอื่ ใด เมื่อนนั้ ก็ถกู ทิ้งใหน อนอยางไรจ ิตใจ กลายเปน อาหารของสตั วอ ืน่ ไป\". การหายใจเขาและการหายใจออก ชื่อวา \"เครอ่ื งปรุงกาย\" ความตรึกและความตรองช่ือวา \"เครอื่ งปรุงวาจา\" ความรจู ําและความรูสกึช่อื วา \"เครอ่ื งปรุงจิต\" ความเปนใหญใ นการเปนอยขู องรปู ช่อื วา\"อายุ\". คาํ วา \"แตกไปโดยรอบ\" ไดแกถ ูกกาํ จดั ฉบิ หายแลว ในเรอ่ื งของนโิ รธ (ความดบั ) นน้ั บางทานกลาววา จิตยังไมด ับเพราะคํา (บาล)ี วา\"เครื่องปรุงจิตของผเู ขา นิโรธเทานั้น ท่ดี ับไป, ฉะน้นั จึงเปน การเขา ถึงกายพรอมกับจติ \" พงึ กลาว (คา น) ทานเหลา น้นั วา \"คาํ พูดก็ไมดับนะ ซี เพราะ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 317คํา (บาล)ี วา แมเครือ่ งปรุงคาํ พูดของเธอ ก็ดับไปดว ย ฉะนน้ั ผเู ขานโิ รธ-สมาบตั ิ พึงนั่งกลา วธรรมอยกู ไ็ ด พงึ นั่งทําการทองหนังสืออยูก ไ็ ด ละจติของผูทท่ี ํากาละตายไปแลว กพ็ ึงไมด ับ เพราะคาํ (บาล)ี วา \"แมเ คร่ืองปรงุจติ ของเขากด็ บั ไปแลว \" ฉะน้นั ผูเผา แมพอ หรอื พระอรหนั ตที่ตายไปแลว กจ็ ะพึงเปน ผูทําอนนั ตรยิ กรรมนะ ซ\"ี ...เพราะฉะนั้นอยา ไปทาํ ความยึดมนั่ ในพยญั ชนะ พงึ ตั้งอยใู นแบบแผน (นยั ) แลวพจิ ารณาใจความใหร อบคอบจรงิ อยู ใจความเปนหลกั ท่พี ึง่ อาศยั ไมใ ชพยัญชนะ คําวา \"อินทรียท ้งัหลายผอ งใสแลว \" ความวา จริงอยู เมอื่ ความเปน ไปที่สาํ เร็จมาจากกริ ยิ าจิต กําลังเปนไป เมื่ออารมณภ ายนอกกําลงั กระทบประสาท อินทรียทงั้ หลายยอมเหน่อื ยเปน เหมอื นกบั ถกู กระแทกถกู ทาํ เหมือนกับกระจกท่ตี ้ังไวใ นทางใหญส่แี ยก ถูกละอองฝุนทฟี่ ุงข้นึ เพราะลมเปนตน ทําใหแ ปดเปอ นฉะนน้ั .ประสาททั้งหาทอ่ี ยภู ายในนิโรธของภิกษุผเู ขา นโิ รธ ยอ มรงุ เรืองเหลือที่จะเปรยี บ เหมอื นกระจกทีใ่ สไ วใ นถงุ แลวต้ังไวในตเู ปนตน ยอ มรงุ เรอื งในภายในนัน่ เอง ฉนั ใด ก็ฉันนนั้ . เพราะฉะน้ัน พระสารบี ุตรเถระจึงไดกลา ววา \"อินทรยี ท ้ังหลายผอ งใสแลว\". ในคําวา \"ผูมอี ายุ ก็ปจ จยั มีเทา ไร\"พระมหาโกฏฐิกเถระยอมถามถงึ อะไร ทานยอมถามวา \"ขาพเจา จะขอถามถึงเนวสญั ญานาสญั ญายตนะ อนั เปนอนนั ตรปจจัยของนโิ รธ. สาํ หรับในการแกป ญหานั้น พระสารีบุตรเถระไดกลาวถึงปจจยั ทีไ่ ปปราศไวสอ่ี ยางวา \"และเพราะละสขุ เสยี ได\" เปนตน . ในคําวา \"ไมม เี ครื่องหมาย\" น้ี ทา นยอมถามถึงอะไร ทา นถามวา ขา พเจา จะขอถามถึงผลสมาบตั ิของผอู อกจากนิโรธ. ก็แหละการออกจากสมาบตั ิทเี่ หลอื ยอมมีเพราะภวงั ค. สว นการออกจากนิโรธ ยอ มมีเพราะผลสมาบัตอิ นั หล่งั ไหลมาจากวปิ ส สนา. ฉะนั้น พระเถระจงึ ถามถึงการออก
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 318จากนโิ รธนน้ั แล. คาํ วา \"มเี ครอ่ื งหมายทกุ อยาง\" ไดแกอารมณทั้งหมดมรี ปูเปน ตน . คําวา \"และการใสใจในธาตทุ ่ไี มมีเครอ่ื งหมาย\" ไดแ กการใสใ จในนิพพานธาตุทป่ี ราศจากเครื่องหมายทกุ ชนิด. พระเถระกลา วหมายเอาความใสใ จท่เี กิดพรอ มกับผลสมาบตั ิ ดวยประการฉะนี.้ เปนอันวา ทานถอื เอาฌานที่หนง่ึ ทม่ี ีนิโรธเปน ทีร่ องรบั ในชัน้ ลางแลว . เนวสัญญานาสญั ญายตนะที่เปนอนันตรปจ จยั ของนิโรธ ทานกถ็ ือเอาแลว . ผลสมาบตั ขิ องผอู อกจากนโิ รธ ทานก็ถอื เอาในบทนแี้ ลวแล. ในท่ีน้ีพงึ กลา วถงึ นิโรธกถา (ถอยคาํ วาดวยความดบั ) นิโรธกถาน้นั มาแลวในปฏิสัมภทิ ามรรคอยางน้ีวา ''ความรูชดัสําหรบั ใชอ บรมบม ความชาํ นิชาํ นาญ ยอมมไี ดด วยความสงบ ระงบั เครื่องปรงุ แตงต้ังสามอยาง เพราะผปู ระกอบดวยผลสองอยา ง ดว ยการดําเนินไปในความรูทัง้ สิบหกอยา ง และการดําเนนิ ไปในสมาธิเกา อยาง ความรู(ญาณ) ยอมมีไดด วยการเขา นโิ รธ\" สวนคําวินิจฉยั ทกุ แงทกุ มุมของนโิ รธ-กถาน้นั ทานกลา วไวแลว ในวสิ ุทธมิ รรค. บดั น้ี เมื่อจะถามถึงสมาบัตสิ ําหรับใชสอย พระเถระจงึ กลา วคาํ เปนตน วา \"ผูมอี ายุ กแ็ ลปจ จยั มเี ทา ไร\" กธ็ รรมดาการหยดุ ของผลสมาบัติของผูออกจากนโี้ รธไมม.ี การหยดุ (ฐติ ิ ไดแก ฐติ ขิ ณะ) เปน ไปหน่ึงหรอื สองวาระจติเทา นัน้ แลวก็หยงั่ ลงสภู วงั ค สาํ หรับภกิ ษุที่นั่งดับสง่ิ ท่ไี มมีรูปที่เปนไปแลว ตลอดเจด็ วนั น้ี จะตงั้ อยูในผลสมาบัติของผอู อกจากนิโรธไดไมนาน.แตในสมาบตั สิ าํ หรับใชส อย การกาํ หนดเวลา เปนเรอ่ื งสําคญั แท. ฉะ-น้นั ช่อื วา การหยุดน้ัน จงึ ยอ มมีได. เพราะเหตนุ ้ัน พระมหาโกฏฐกิ เถระจงึ กลาววา \"ดว ยการต้งั อยู (ฐิติ) แหงผลสมาบัตทิ ไ่ี มม ีเคร่อื งหมาย\" หมายความวา \"ปจจัยเพื่อความตงั้ อยูไดนานแหงผลสมาบัตนิ ้นั มเี ทาไร\" สวนในการแกป ญ หานน้ั ทานกลา วถงึ การกะเวลาวา \"และการปรุงแตงอยางยิ่งใน
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 319กาลกอน\" พระมหาโกฏฐกิ เถระ ถามถึงการออกจากภวังคในคําวา \"แหงการออก\" นี้. แมในการแกปญหานั้น ทานก็ไดกลา วถงึ ความใสใจท่เี กดิ ข้ึนพรอมกับภวงั คดวยอาํ นาจเครอื่ งหมายมรี ปู เปนตนวา \"และการใสใ จเครอ่ื งหมายทุกชนิด\" ในคาํ วา \"ผมู ีอาย.ุ ..ก็แลนใ้ี ด\" น้ี พระมหาโกฏฐิกเถระถามถงึ อะไร ทานถามวาในท่ีนไ้ี มม ีขอ ใหมอยา งอนื่ ขา พเจา จะขอเอาสิ่งท่ีกลาวเสร็จแลว ในหนหลังนน่ั แหละมารวมเปน อนั เดียวกันแลว จึงถาม.กแ็ ล สง่ิ เหลา น้ี ทา นกลา วไวทไี่ หน ทานกลาวความหลดุ พนทางใจท่ไี มมีขอบเขตจํากัดไวใ นทีน่ ีแ้ ลวา \"ยอมจําสีเขียวก็ได ยอ มจําเหลอื ง สแี ดง สขี าวก็ได.\" ทา นกลา วถงึ ความเปนของวา งเปลา ในสตู รนว้ี า \"ยอมรูชดั อากญิ จญั ญา\"ในท่นี วี้ า \"พึงรอู ากญิ จัญญายตนะทีบ่ รกิ รรมวา\" \"ไมม ีอะไรๆ (หรืออะไรนอ ยหนง่ึ ก็ไมม ี)\" ดวยตาคอื ความรูช ัด. ทา นกลาวถงึ ความหลุดพนทางใจท่ีไมม ีเครื่องหมายในพระสตู รน้ีวา \"ผมู ีอายุ...กป็ จจยั ของความหยดุ อยูของการออกแหงความหลดุ พน ทางใจซ่งึ ไมมีเคร่ืองหมายมีเทาไร\" ทานยอ มเอาส่ิงทก่ี ลา วเสรจ็ แลวในหนหลังนั่นแหละมารวมเขา เปนอนั เดยี วกนั ในที่นี้ แลวจงึ ถามอยางน.้ี เพราะกลาววา \"ก็และทา นใสค วามหลุดพนน้ันแลว จึงแสดงความหลุดพนนี้ไวในท่ีน้ันๆ หรือ \"จงึ ยังมีสิง่ เหลาอ่ืนอกี สีอ่ ยา งทมี่ ชี ่ืออยา งเดียวกนั . ส่ิงอยา งเดียวกนั ช่อื ถงึ ๔ อยางก็ม.ี ทานจงึ ถามเพ่อื ใหผ ูตอบทาํ สง่ิ หนึ่งใหแจม แจง แลว บอกในท่ีน้ี. ในอรรถกถาทา นทําความตกลงใจดังน.ี้ คําในการตอบคําถามน้นั วา \"ผมู ีอาย.ุ ..น้ีเรียกวาความหลดุ พน ทางใจที่ไมมีประมาณ (ไมม ีขอบเขตจาํ กดั )\" คือ นี้ชอ่ื วา ความหลุดพน ทางใจท่ีไมมปี ระมาณเพราะไมมปี ระมาณแหงการแผไ ป. จริงอยู ความหลุดพนทางใจที่ไมม ปี ระมาณนี้ ยอ มแผไ ปในสัตวไ มจ าํ กัดจํานวน หรือแผไปในสัตวหน่ึง จนถึงไมม ีสัตวเ หลอื อย.ู
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 320 คําวา \"ผมู อี ายุ...นเ้ี รยี กวา อากิญจญั ญา\" คือ ท่ีชือ่ วาอากิญจัญญาเพราะไมมคี วามกงั วลในอารมณ. คาํ วา \"หรอื จากตน\" คอื วางจากตน กลาวคืออัตภาพบุรุษและบคุ คลเปน ตน . คาํ วา \"หรือจากของตน\" ไดแกวางจากของตน กลา วคือ เคร่อื งเครามจี วี รเปน ตน . คําวา \"ไมมีเครื่องหมาย\" ไดแก ชือ่ วาไมม ีเคร่ืองหมายเพราะไมมเี ครื่องหมายมคี วามกําหนดั เปน ตน . พระเถระกลา วหมายเอาการเขา ถึงอรหตั ตผล. คําวา \"ใจความกต็ างกนั และ พยญั ชนะกต็ างกนั \" ไดแก ท้งั พยัญชนะทั้งใจความของส่งิเหลานั้นแตกตางกนั . ในความแตกตางกนั เหลานน้ั ความแตกตางกนั แหงพยัญชนะแจมแจง แลว. สว นใจความ คือความหลดุ พนทางใจทไ่ี มจาํ กดัจาํ นวน (อปฺปมาณา เจโตวิมตุ ฺต)ิ เปน มหัคคตะ. เปนรูปาวจรโดยภูมิ แตโ ดยอารมณมสี ัตวบัญญตั ิเปนอารมณ. อากิญจัญญาโดยภูมเิ ปนอรูปาวจรโดยอารมณมีอารมณทไ่ี มพึงกลา ว. ความเปนของวา ง (สุ ฺ ตา) โดยภมู ิเปน กามาวจร โดยอารมณ มสี ังขารเปนอารมณ. สาํ หรบั ในทีน่ ที้ า นหมายเอาวิปสสนาวา ความเปน ของวา ง. ความไมมีนมิ ิต (อนิมติ ตฺ า) โดยภมู ิเปนโลกุตตระ โดยอารมณมีพระนพิ พานเปน อารมณ ในคําเปนตนวา \"ผมู ีอายุ ความกําหนัดแล เปน สิง่ ทําความประมาณ\" ทานกลา วสง่ิ ทที่ ําความประมาณไววา เหมอื นอยางวา ทีเ่ ชิงเขา มนี ้ําเนาสิบหา ชนิด เปน นํ้ามีสดี าํปรากฏราวกบั วาลกึ ต้งั รอยวา แกผ มู องดู ไมม แี มแคทวมหลังเทาของผเู อาไมเทาหรอื เชือกวัดอยูฉันใด. ฉันนั้นเหมือนกัน กเิ ลสมคี วามกาํ หนดั เปนตนยงั ไมเ กิดข้นึ ตราบใด ตราบน้นั กไ็ มม ีใครสามารถรจู ักบุคคลได ตางกป็ รากฏเหมือนพระโสดาบนั เหมือนพระสกทาคามี และเหมอื นพระอนาคามีตอ เมอื่ ความกําหนดั เปนตน เกิดขึ้นแกเขา จงึ ปรากฏออกมาวา เปน ผูก าํ หนดัผูดุราย ผูห ลง. ความกําหนดั เปน ตนเหลา น้ัน ยอ มเกิดขึ้นแสดงประ-มาณของบุคคลวา \"คนนีเ้ พียงเทา น้\"ี ดงั ท่ีวามาน.ี้
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 321 คําวา \"ผมู อี ายุ ความหลดุ พนทางใจท่ีมีสตั วอนั บุคคลพึงประมาณไมได มปี ระมาณเทา ใดแล\" คือความหลุดพนทางใจท่ไี มมีประมาณมปี ระมาณเพยี งใด กแ็ ลการหลุดพน ทางใจที่ไมมปี ระมาณเหลานน้ั มเี ทาไร มี ๑๒ อยา ง คอื พรหมวิหาร ๔ มรรค ๔ ผล ๔. ใน ๑๒ อยา งนน้ัพรหมวิหารชอื่ วา ไมมีประมาณ เพราะความทก่ี ารแผไ ปไมมปี ระมาณทเี่ หลอื ช่อื วา ไมม ปี ระมาณ เพราะไมม กี ิเลสเคร่อื งทาํ ประมาณ.แมพระนิพพานกป็ ระมาณไมไ ดเ หมือนกัน. สวนความหลดุ พน ทางใจไมม ี (ในพระนพิ พานน้นั ). ฉะนั้น ทานจงึ ไมจดั เขา . คําวา \"ไมกาํ เริบ\" หมายเอาความหลุดพน ทางใจคือพระอรหัตตผล. กแ็ ล ความหลุดพน ทางใจคือพระอรหตั ตผลนัน้ เปนใหญกวาอะไรๆ หมด. ฉะนน้ั ทา นจงึ วา \"อนั ทานยอมกลา ววา เปนเลศิ \" คําวา \"ผมู อี ายุ ความกาํ หนดั แล เปนตวั เบยี ดเบียน\" คอื ความกําหนดัแมเ ม่ือเกดิ ขึ้นแลว ยอมเบียดเบียน ยา่ํ ยี รบกวน บคุ คล ฉะนั้น ทา นจึงวา เปน ตวั เบียดเบียน (ตัวกอ ใหเ กดิ ความกังวล, ความยงุ ). เลา กนั มาวาพวกคนกําลังพากนั เอาววั นวดลานขา วอยู ตา งพากนั พูดวา \"ไอดาํ ..เบยี ดเขาไป เบียดไอแดงเขาไป\" พงึ ทราบอรรถวา ย่ํายี อรรถวา เบียดเบยี น ดงั ทวี่ ามาน้ี. แมใ นความประทุษรายและความหลง กม็ ีทํานองเดยี วกันนเ้ี หมอื นกัน. สิ่งเกาอยางคอื อากญิ จญั ญายตนะ ๑ มรรคและผลอยางละหน่งึ ๆ (รวมเปน แปด) ช่ือ อากญิ จญั ญาเจโตวมิ ุตติ. ใน ๙ อยา งน้ัน อากญิ จญั ญาย-ตนะ ชอื่ อากญิ จัญญา เพราะไมมีอารมณท ่ีกอใหเกิดความกงั วล (ความเบยี ดเบยี น, ความยา่ํ ย,ี ความรบกวน, ความยงุ ยาก, หรือนอ ยหนง่ึ , อะไรๆนอ ยหน่ึง) แกใ จ. มรรค (๔) และผล (๔) ชอ่ื อากญิ จัญญา เพราะไมม ีความเบียดเบยี น คอื เพราะความไมมีกเิ ลสเคร่ืองยํ่ายีและเคร่อื งกอ ใหเกิดความกังวล, แมพระนิพพานก็เปน อากิญจัญญา. แตไมมีความหลุดพน แหงใจ(เพราะใจไมม ีในพระนิพพาน พระนิพพานไมมใี จ) เพราะฉะน้นั จึงไมจัด
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 322เขา. ในคําวา \"ผมู อี ายุ ความกาํ หนัดแลเปน เคร่ืองทําเครื่องหมาย\" เปนตน ความวา เมอื่ ความกําหนดั ยงั ไมเ กิดตราบใด ตราบน้ัน ไมมใี ครสามารถรูไดว า เปน อริยะหรือเปนปถุ ชุ น. กแ็ ลความกําหนัดเมื่อจะเกิดข้ึนกเ็ กิดขน้ึเหมอื นกาํ ลังทาํ เครื่องหมายสําหรับจาํ ไดว า \"บุคคลนี้ ชื่อวา ผูม ีความกําหนัด\" เพราะฉะนนั้ ทา นจงึ วา \"เปน เครอ่ื งทาํ เคร่ืองหมาย เหมือนลกู ววั๒ ตวั ทีเ่ หมือนกนั ของ ๒ ตระกูล ตราบเทาทย่ี งั ไมไดทําเครือ่ งหมายแกลูกวัวท้งั ๒ ตัวนน้ั กย็ อ มไมมีใครท่สี ามารถรไู ดว า \"นีเ้ ปน ลกู วัวของตระกูลโนน น้ีของตระกลู โนน \" แตเม่ือใดเอาเหลก็ แหลมทป่ี ลายหอกเปนตน มาทําเครือ่ งหมายอยางใดอยา งหน่ึง ก็มผี สู ามารถรูได ฉนั ใด กฉ็ ันน้ันเหมือนกัน. แมใ นความดรุ ายและความหลง กม็ ที าํ นองอยางเดียวกันน้ีเหมือนกนั . วิปส สนา๑ อรปู ๔ มรรค ๔ และผล ๔ รวมเปน ๑๓ สิง่ (น้ี) ชื่อวา ความหลุดพน แหงใจทีไ่ มมีอะไรเปน เครอ่ื งหมาย ในสบิ สามส่ิงนั้นวปิ สสนา ชื่อวา ไมมอี ะไรเปน เครอ่ื งหมาย กเ็ พราะเพกิ ถอนเครือ่ งหมายวาเทีย่ ง เครอื่ งหมายวา สขุ เครอ่ื งหมายวา ตัวตนเสียได. อรูป ๔ ชื่อวาไมม ีอะไรเปน เคร่อื งหมาย เพราะไมมีรปู เปน เครอื่ งหมาย. มรรคผล ช่อื วาไมมอี ะไรเปน เคร่ืองหมายก็เพราะไมม กี ิเลสทีเ่ ปนเคร่ืองทาํ เคร่อื งหมาย. แมพระนพิ พานกไ็ มม ีอะไรเปน เคร่อื งหมายเหมอื นกนั แตพระนิพพานนนั้ ไมเปนความหลุดพนแหงใจ เพราะฉะน้นั ทานจึงไมไ ดจ ัดเขา ไว. แลว ทําไมจึงไมจ ดัความหลดุ พนแหงใจชนดิ ทเี่ ปนของวางไวด วยเลา ความหลุดพนแหง ใจทีเ่ ปนของวา งนนั้ ชอื่ วา ไมเขาไปในกิเลสทกุ ชนิดเลย เพราะคํา (บาลี) เปนตนวา \"วางจากความกําหนัด\" เพราะฉะน้นั จึงไมจ ัดเขาไวเปนแผนกหนง่ึ ตางหาก. คําวา \"มีใจความเปน อันเดยี วกัน\" ไดแ ก และดวยอาํ นาจอารมณ กม็ ีใจความเปนอนั เดยี วกนั . กแ็ ล คาํ ท้งั หมดนี้คือ \"ไมม ีประ
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 323มาณ, ความเปน ของไมมเี ครอ่ื งกงั วล, ความเปน ของวา ง, ไมม อี ะไรเปนเครื่องหมาย\" เปน ชอ่ื ของพระนิพพานท้งั น้ัน. จึงเปน อันสรุปไดวา กแ็ ลตามแบบน้คี วามหลุดพน แหง ใจที่ไมมปี ระมาณในทอี่ ่ืน ความเปน ของไมมีเครือ่ งกงั วลในท่ีอืน่ ความหลุดพน แหงใจท่ไี มมีอะไรเปน เครื่องหมายในท่ีอ่ืน (ท้งั หมดนนั้ ลว นแต) มใี จความเปน อันเดยี วกัน, ตามแบบนี้ ตา งกันแตพ ยัญชนะ (เทานั้น). พระเถระ จบเทศนาลงตามอนสุ นธแิ ท ดังที่ไดแสดงมาดว ยประการฉะน้ีแล. จบอรรถกถามหาเวทลั ลสตู ร ที่ ๓
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 324 ๔. จูฬเวทลั ลสตู ร [๕๐๕] ขา พเจา ไดฟงมาอยา งนี้ :- สมยั หนง่ึ พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยใู นเวฬุวนั ซ่งึ เปนทป่ี ระทานเหยือ่ แกกระแต ใกลกรุงราชคฤห. คร้ังนัน้ อุบาสกชื่อวิสาขะเขาไปยงั สํานกั นางภิกษุณธี รรมทินนาถวายนมัสการแลว น่ัง ณ ทีค่ วรสว นขางหนึ่งแลว . [๕๐๖] วสิ าขะอุบาสกถาม นางธรรมทินนาภกิ ษณุ ี ปรารภจตุ-สัจจธรรมวา พระแมเจา พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา สกั กายะ สักกายะกายของตน กายของตน ดงั น้ี ธรรมอยา งไรเลา พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา กายของตน. นางธรรมทินนาภกิ ษุณี วิสัชนาวา วิสาขะอบุ าสกผมู ีอายุ ขนั ธทง้ัหลายท่ีเปน อปุ าทานเหลา น้ี คือกองรปู ที่ยงั มีความยึดมั่น กองเวทนาท่ยี ังมีความยดึ มน่ั กองสญั ญาทย่ี ังมคี วามยดึ มั่น กองสังขารทีย่ งั มคี วามยึดม่ัน กองวญิ ญาณที่ยงั มคี วามยึดม่ัน อปุ าทานขันธ ๕ ประการนี้แล พระองคตรัสวา กายของตน. วิสาขะอุบาสก อนุโมทนาชื่นชมตามภาษติ ของนางธรรมทนิ นาภิกษณุ ีวา ถกู ละ พระแมเ จา ดงั น้แี ลว จึงถามย่งิ ขน้ึ ไปกับนางธรรมทนิ นาภกิ ษุณีวา พระแมเ จา ขอ ท่พี ระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา สกั กายสมุทัยสกั กายสมทุ ยั ธรรมเปน ทีเ่ กิดขน้ึ พรอ มแหง สักกายะ ธรรมเปนท่เี กิดขึ้นพรอ มแหง สักกายะ ท่พี ระผูมีพระภาคเจา ตรัสไว. ธ. ตณั หา อนั ใดไปพรอ มดว ยความกาํ หนัด ดวยอํานาจความเพลนิ มักเพลินเฉพาะในภพน้ัน ๆ ตณั หานั้น ๓ อยาง กามตัณหาหนง่ึ ภวตณั -
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 325หาหน่งึ วิภวตัณหาหน่ึง นแ้ี ลพระผูมีพระภาคเจาตรสั วา ธรรมเปนทเ่ี กดิ ข้นึพรอมแหง สกั กายะ.. วิ. พระผูมีพระภาคเจา ตรัสอยวู า สักกายนิโรธ สกั กายนิโรธธรรมเปนท่ีดับแหงสักกายะ ธรรมเปนทดี่ ับแหง สกั กายะ กธ็ รรมส่ิงไรเลาพระผูมีพระภาคเจาตรสั วาธรรมเปนทด่ี ับแหงสักกายะ แมเ จา ธ. ความดบั ดว ยความคลายเสยี โดยไมเหลือแหงตณั หาน้นั อนั ใดความสละ สละคืน ความปลอ ยวาง ความพนไป ความไมพ ัวพนั นี้แลพระผมู พี ระภาคเจาตรัสวาสักกายนโิ รธ. วิ. พระแมเจา พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสแลววา ทางปฏบิ ตั ใิ หส ตั วถ งึสักกายนโิ รธ ทางปฏิบัติใหสตั วถงึ สกั กายนโิ รธ ขอ ปฏิบัตอิ ยา งไรพระองคต รสั วา ทางปฏบิ ัติจะใหสตั วถึงสักกายนิโรธ แมเ จา? ธ. อรยิ มรรคมอี งค ๘ นีแ้ ล คอื ปญ ญาเห็นชอบ ความดาํ ริชอบกลาววาจาชอบ ทาํ การงานชอบ เลย้ี งชวี ติ ชอบ ความเพยี รชอบระลกึ ชอบ ความตงั้ จติ ไวเสมอชอบ อันนแี้ ล พระผูมีพระภาคเจาตรัสวา ทางปฏบิ ัตจิ ะใหส ัตวถ ึงสักกายนโิ รธ คณุ วสิ าขะ. วิ. พระแมเจา ! อุปาทานกน็ ้ันแล อุปาทานขันธท ง้ั ๕ ก็นน้ั แล หรืออปุ าทานอน่ื จากุปาทานขันธท ัง้ ๕. ธ. วสิ าขะ อุปาทานกน็ นั้ แล ปาทานขันธทงั้ ๕ กน็ ัน้ แล หาใชไม อุปาทานอน่ื จากอุปาทานขันธทั้ง ๕ กห็ าใชไ ม คุณวสิ าขะ ความกาํ หนัดดวยอํานาจความพอใจในอปุ าทานขันธทัง้ ๕ อนั ใด ฉันทราคะนัน้ แล เปนปาทาน ในปญจปุ าทานขันธเ หลา นั้น.
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 326 [๕๐๗] วิ. พระแมเ จา ความเหน็ วา กายแหงตน ยอมเปนอยา งไร ธ. คุณวสิ าขะ ปถุ ุชชนไมไดสดับแลว ในโลกน้ี เปน ผูไ มไดพ บเห็นพระอริยเจา ทง้ั หลาย ไมฉลาดในธรรมของพระอรยิ เจา มไิ ดฝกใจในธรรมของพระอริยเจา แลว และเปนผไู มไ ดพบเหน็ สัตบรุ ุษท้งั หลาย ไมฉลาดในธรรมของสัตบรุ ุษ มิไดฝกใจในธรรมของสตั บรุ ุษ ผูนนั้ ยอมตามเหน็รปู โดยความเปนตนหรอื ตามเห็นตนวา มรี ปู พจิ ารณาเห็นรูปในตน หรอืพจิ ารณาเห็นตนในรปู อน่งึ ปถุ ชุ ชนผไู มไดสดบั แลว นนั้ ยอ มตามเห็นเวทนาสัญญา สงั ขาร วิญญาณ โดยความเปนคน หรอื ตามเห็นตนวา มเี วทนาสญั ญา สังขาร วิญญาณ หรอื พจิ ารณาเห็น เวทนา สัญญา สังขารวิญญาณในตน หรอื พิจารณาเห็นตนใน เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญ-ญาณ คุณวิสาขะ สักกายทฏิ ฐิ ยอ มเปนอยา งน้.ี ว.ิ พระแมเ จา สักกายทฏิ ฐิ ยอ มไมมดี วยอยา งไรเลา ธ. คณุ วิสาขะ อริยสาวกผไู ดส ดบั แลว ในธรรมวินัยน้ีเปนผไู ดพบเห็นพระอริยเจาทั้งหลาย ฉลาดในธรรมของพระอรยิ เจา ฝกใจในธรรมของพระอรยิ เจาดีแลว และเปน ผูไดพบเหน็ สัตบรุ ษุ ท้ังหลาย ผูฉลาดในธรรมของสตั บุรษุ ฝก ใจในธรรมของสตั บุรุษดีแลว ทานยอมไมตามเหน็ รปู เวทนาสัญญา สงั ขาร วิญญาณ โดยความเปนตน หรือไมต ามเหน็ ตนวา มีรปู เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ หรือไมต ามเห็นรูป เวทนา สญั ญาสงั ขาร วิญญาณในตน หรอื ไมต ามเหน็ ตนในรูป เวทนา สญั ญา สงั ขารวิญญาณ คณุ วิสาขะ. สักกายทฏิ ฐิ ยอ มไมม ีอยา งน้.ี [๕๐๘] วิ. พระแมเจา ก็ทางมีองค ๘ ซึ่งเปน ธรรมไปพน กเิ ลสเปนอยา งไร ? ธ. คุณวิสาขะ ก็หนทางมีองค ๘ ซง่ึ เปนอริยะทางเดยี วนี้แล คอื ปญญาเห็นชอบอยา งหน่ึง ความดาํ รชิ อบอยา งหนึ่ง เจรจาชอบอยา ง
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 327หนึ่ง ทําการงานชอบอยางหนึง่ เลย้ี งชวี ติ ชอบอยา งหนึง่ เพยี รชอบอยา งหน่ึง ระลกึ ชอบอยางหน่งึ ตัง้ จติ ไวชอบอยา งหนง่ึ . วิ. อริยมรรคมอี งค ๘ เปนธรรมทป่ี จ จัยประชมุ แตงหรอื เปนธรรมที่หาใชป จ จัยประชุมแตง ไมเลา. ธ. คณุ วสิ าขะ อริยมรรคมอี งค ๘ นี้ เปน ธรรมที่ปจจัยประชมุ แตง. วิ. พระแมเจา ขนั ธท ั้ง ๓ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงสงเคราะหแลว ดว ยอริยมรรคมีองค ๘ หรือวาอริยมรรคมอี งค ๘ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงยน เขา ถอื เอาดว ยขันธทัง้ ๓. ธ. คณุ วิสาขะ ขันธท ัง้ ๓ พระผูมีพระภาคเจา จะไดทรงสงเคราะหดว ยอรยิ มรรคมีองค ๘ หามิได ก็แลอรยิ มรรคมีองค ๘ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสงเคราะหดว ยขนั ธท ัง้ ๓ ตา งหาก คุณวสิ าขะ สมั มาวาจา สมั มา-กมั มันตะ ๑ สมั มาอาชวี ะ ๑ ธรรมเหลาน้ี พระผมู ีพระภาคเจาทรงสงเคราะหดว ยกองศีล. สัมมาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑ สัมมาสมาธิ ๑ ธรรมเหลา นี้พระผูมีพระภาคเจาทรงสงเคราะหด วยกองสมาธิ. สมั มาทิฏฐิ ๑ สัมมาสงักัปปะ ๑ ธรรมเหลา น้ี พระผมู ีพระภาคเจาทรงสงเคราะหด ว ยกองปญญา. วิ. พระแมเจา ธรรมอะไรเปนสมาธิ ธรรมเหลา ไรเปน นิมติ แหงสมาธิ? ธรรมเหลา ไรเปนปริกขารของสมาธิ สมาธิภาวนาอยา งไร ธ. คณุ วิสาขะ ความที่จติ เปน สภาพมอี ารมณอนั เดยี ว อนั นเี้ ปน สมาธิสติปฏฐาน ๔ เปน นมิ ติ แหงสมาธิ สัมมัปปธาน ๔ เปน ปรกิ ขารของสมาธิความเสพธรรมเหลานน้ั เนืองๆ การใหธ รรมเหลานั้นเจริญ การทําใหธรรมนั้นมากขน้ึ อันน้ีเปนสมาธิภาวนา.
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 328 [๕๐๙] ว.ิ ธรรมทีไ่ ดชอื่ วาสังขารมีเทา ไร พระแมเจา- ธ. สังขารทง้ั หลายเหลาน้ี ๓ ประการ คอื กายสงั ขาร ๑ วจีสงั ขาร ๑ จิตตสังขาร ๑ คุณวสิ าขะ. ว.ิ พระแมเจา ก็กายสังขารเปน อยางไร วจีสงั ขารแลจติ ตสงั ขารเปนอยา งไร ธ. คณุ วสิ าขะ ลมหายใจออกแลหายใจเขา กลบั เปน กายสงั ขารวิตกแลวจิ าร เปนวจีสงั ขาร สัญญา ๑ เวทนา ๑ เปน จิตตสังขาร. วิ. พระแมเจา ! เพราะเหตอุ ะไร ลมหายใจออกแลหายใจเขา จงึ เปนกายสังขาร วิตกและวิจารจงึ เปนวจีสงั ขาร สัญญาแลเวทนาจึงเปน จติ ตสังขาร ธ. คุณวิสาขะ สภาพคือลมหายใจออกแลหายใจเขา เปนสว นมใี นกาย ตดิ เนือ่ งดว ยกาย เพราะฉะนัน้ จึงเปนกายสังขาร. บุคคลยอ มตรึกตรองแลวจงึ เปลง วาจา เพราะฉะนน้ั วิตกแลวิจาร จึงเปน วจสี งั ขาร. สภาพทงั้๒ นค้ี อื ความจาํ อารมณได ความรูแ จง อารมณ ความเสวยอารมณ เปน สวนมีในจิต เพราะเนอ่ื งดวยจิต เพราะฉะนั้นสัญญาแลเวทนา จงึ เปนจิตตสังขาร [๕๑๐] วิ. พระแมเจา การเขาสัญญาเวทยติ นโิ รธยอ มมดี วยอยางไร ธ. คุณวสิ าขะ ภกิ ษผุ ูเขาสญั ญาเวทยติ นิโรธอยู จะไดคดิ วา เราจักเขา สัญญาเวทยิตนโิ รธกด็ ี วา บดั นีเ้ ราจะเขา สญั ญาเวทยติ นโิ รธอยดู งั นก้ี ็ดี หรือวา เราสญั ญาเวทยติ นโิ รธแลว ดังนกี้ ด็ ี หามไิ ด ก็แตจ ติ เชนนั้นอนั นําเขาไปเพ่ือความเปน เชนนนั้ ทานไดใหเกดิ แลวแตแ รกเทียว. วิ. พระเจา เมอื่ ภกิ ษุเขา สัญญาเวทยติ นิโรธอยู ธรรมเหลา ใดยอ มดบั ไปกอ น กายสังขารดบั ไปกอ น หรือวจสี งั ขาร หรอื จิตตสงั ขารดบั ไปกอ น
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 329 ธ. เมอื่ ภกิ ษเุ ขาสัญญาเวทยิตนโิ รธ วจีสงั ขารยอมดบั ไปกอ น ตอนน้ักายสังขาร ภายหลังจิตสงั ขาร คณุ วสิ าขะ. วิ. พระแมเจา การออกจากสัญญาเวทยิ นิโรธสมาบัติเปน อยา งไร? ธ. คุณวิสาขะ เมอื่ ภิกษอุ อกอยูจากสัญญาเวทยิตนโิ รธสมาบตั ิจะมสี ําคัญหมายรูว า เราจกั ออกกด็ ี เราออกอยูก ็ดี เราออกแลวก็ดี จากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบตั ดิ ังน้ีหามไิ ด กแ็ ตจ ิตเชน น้นั อนั นาํ เขา ไปเพ่อื ความเปนเชนนนั้ ทานไดใ หเกิดแลวแตแ รกเทยี ว. วิ. เม่อื ภิกษุออกจากสัญญาเวทยติ นโิ รธสมาบตั ิ ธรรมเหลา ใดเกดิข้นึ กอ น กายสังขาร หรือวจีสังขาร หรือจติ ตสงั ขาร พระแมเจา . ธ. คณุ วิสาขะ. เม่ือภกิ ษุออกจากสญั ญาเวทยติ นโิ รธสมาบัติ จิตต-สังขารเกิดข้นึ กอ น ตอ นนั้ กายสงั ขาร แลววจสี งั ขาร. ว.ิ พระแมเจา กผ็ สั สะเทาไรถูกตองภกิ ษผุ ูออกจากสัญญาเวทยติ นิโรธสมาบัตแิ ลว . ธ. ผัสสะ ๓ ประการ คือผสั สะคือรูส ึกวา งหนึง่ ผัสสะคือรสู ึกไมม ีนิมติ หน่งึ ผัสสะคือรสู กึ หาทต่ี ง้ั มไิ ดห นึง่ เหลานี้ ยอมถกู ตอ งภิกษผุ อู อกจากสญั ญาเวทยติ นิโรธสมาบตั แิ ลว. วิ. พระแมเจา. จติ ของภิกษผุ ูออกจากสญั ญาเวทยติ นิโรธสมาบตั ิแลว ยอ มนอ มไปในธรรมส่ิงใด โอนไปในธรรมสงิ่ ใด โอนไปในธรรมส่งิ ไร. ธ. คุณวสิ าขะ. จิตของภกิ ษผุ อู อกจากสญั ญาเวทยติ นิโรธสมาบัติแลว ยอ มนอมไปในความสงัด โอนไปในความสงดั เงือ้ มไปในความสงัด.
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 330 [๕๑๑] วิ. พระแมเ จา กค็ วามเสวยอารมณม เี ทาไร. ธ. คณุ วสิ าขะ ความเสวยอารมณมี ๓ ประการเหลา นี้ คอื ความเสวยอารมณเปนสุขอยางหนง่ึ ความเสวยอารมณเปนทุกขอยา งหนงึ่ ความเสวยอารมณไมใ ชสขุ ไมใชทกุ ขอยา งหนงึ่ ว.ิ พระแมเ จา . สุขเวทนาเปน อยา งไร ทกุ ขเวทนาเปนไฉน อทกุ ขมสุขเวทนาคอื สง่ิ อะไร. ธ. คุณวิสาขะ. ความเสวยอารมณท เ่ี ปน สขุ สําราญ ซึง่ เปน ไปในกาย หรือเปน ไปในจิต อนั นีเ้ ปน สขุ เวทนา ความเสวยอารมณท ่เี ปน ทกุ ขไ มสําราญ ซงึ่ เปนไปในกาย หรอื เปน ไปในจิต อันน้ีเปน ทกุ ขเวทนา ความเสวยอารมณท่ีมใิ ชความสาํ ราญแลมใิ ชความไมสาํ ราญ เปนไปในกาย หรอื เปนไปในจติ อันนเี้ ปน อทุกขมสุขเวทนา คณุ วิสาขะ. วิ. พระแมเจา . กส็ ขุ เวทนาคงเปนสขุ อยไู ดเพราะอะไร กลายเปนทุกขเพราะอะไร. ธ. คุณวสิ าขะ สขุ เวทนาคงเปน สุขเพราะทรงอยู กลายเปนทกุ ขเพราะแปรไป ทุกขเวทนาคงเปน ทุกขเพราะทรงอยู กลายเปน สุขเพราะแปรไป อทุกขมสขุ เวทนาเปนสุขเพราะรูชอบ เปน ทุกขเพราะรูไมช อบ. ว.ิ พระแมเจา อนุสยั อะไรยอมตามนอนอยใู นสขุ เวทนา อนสุ ัยอะไรตามนอนอยูในทกุ ขเวทนา อนสุ ัยอะไรตามนอนอยใู นอทุกขมสุขเวทนา. ธ. คุณวสิ าขะ. กามราคานุสัย ยอ มตามนอนอยใู นสขุ เวทนาปฏมิ านุสยั ตามนอนอยูในทกุ ขเวทนา อวชิ ชานสุ ัย ตามนอนอยใู นอทกุ ขม-สขุ เวทนา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 331 ว.ิ พระแมเ จา. ก็ราคานุสัยยอ มตามนอนอยูในสขุ เวทนาทั้งหมดหรือ ปฏฆิ านสุ ยั ยอ มตามนอนอยใู นทุกขเวทนาทง้ั สิ้น หรือวาอวิชชานุสัยยอ มตามนอนอยูในอทุกขมสุขเวทนาทง้ั ปวง. ธ. คณุ วสิ าขะ. ราคานสุ ยั ปฏิฆานสุ ัย แลอวิชชานุสัย จะไดม าตามนอนอยใู นสุขเวทนา ทกุ ขเวทนา แลอทกุ ขมสุขเวทนา ทัง้ หมดหามิได. ว.ิ พระแมเ จา ! อะไรอนั สุขเวทนาจะพึงละไดด ว ย อะไรจะพึงละไดดวยทุกขเวทนา อะไรจะพงึ ละไดดวยอทกุ ขมสขุ เวทนา. ธ. คณุ วสิ าขะ. ราคานสุ ยั จะพงึ ละไดด วยสุขเวทนา ปฏิฆานุสยั จะพงึละไดดวยทุกขเวทนา อวิชชานุสยั จะพงึ ละไดดว ยอทกุ ขมสขุ เวทนา. ว.ิ พระแมเ จา. ราคานสุ ัยจะพึงละเสียในสขุ เวทนาทง้ั นัน้ ปฏฆิ านุสัยจะพึงละเสยี ดวยทกุ ขเวทนาท้ังน้นั อวิชชานุสยั จะพึงละเสยี ดว ยอทุกขมสุขเวทนาทงั้ นนั้ หรือ ธ. คุณวสิ าขะ ราคานุสยั ปฏฆิ านสุ ยั แลอวชิ ชานุสัย จะพงึ ละไดดว ยสุขเวทนา ทกุ ขเวทนา อทกุ ขมสขุ เวทนาท้ังนนั้ หามิได. ว.ิ พระแมเจา ราคานสุ ัย ปฏฆิ านุสยั อวิชชานุสัย พงึ ละเสยี ไดดว ยสขุ เวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสขุ เวทนา ทั้งปวงหรอื ธ. คุณวสิ าขะ ราคานสุ ยั ปฏฆิ านสุ ยั อวิชชานสุ ัย จะพึงละไดด ว ยสุขเวทนา ทุกขเวทนา อทกุ ขมสุขเวทนา ทั้งปวงหามไิ ด. ภิกษุในธรรมวนิ ยันี้ สงัดจากกามท้งั หลาย สงัดจากธรรมที่เปน อกศุ ลท้งั หลายแลวเทียว ไดบรรลุปฐมฌาน อนั ประกอบดว ยวิตกวิจารมปี ต ิแลอกุศลเกิดแตความสงดั จากนิวรณแลว แลอยู ทานยอ มละราคะดวยปฐมฌานนั้น, ราคานุสัย จะไดมาตามนอนอยูในปฐมฌานนนั้ หามิได. อน่งึ ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นพี้ จิ ารณาอยวู า เมือ่ ไรเราจักไดบรรลอุ ายตนะท่พี ระอริยะทัง้ หลายไดบ รรลุแลวแลอยูบดั น้ี แลวแลอยู
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 332เหมอื นทา น ดังนี้ เมื่อภกิ ษเุ ขาไปตง้ั ความรกั ใครท ยานไวในวโิ มกข ซง่ึ เปนอนตุ รธรรมทัง้ หลายอยา งน้ี เพราะความรกั ใครท ยานในวโิ มกขเ ปน ปจจัยโทมนัสยอมเกดิ ขน้ึ ทา นละปฏิฆะไดเพราะความทยานในอนตุ รวิโมกขน้นั ปฏิฆานุสยั ยอมไมต ามนอนอยใู นความทยานในอนุตรวโิ มกขน ัน้ คณุ วิสาขะอนง่ึ ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เพราะละความสขุ ความทุกขเสยี เพราะความโสมนัสแลความโทมนัสท้ัง ๒ ดบั สญู ในกอ นเทยี ว แลว ไดบรรลุฌานท่ี ๔อนั ไมมสี ุขไมมีทกุ ข มีความทสี่ ติเปนคณุ บรสิ ุทธเิ์ พราะอเุ บกขาแลว แลอยู ทานยอ มละอวชิ ชาไดดว ยจตุตถฌานนั้น อวชิ ชานุสัยยอ มไมต ามนอนอยูในจตตุ ถฌานนน้ั . [๕๑๒] ว.ิ พระแมเ จา . กส็ ง่ิ ใดเปน สว นเปรยี บแหงสขุ เวทนา ธ. คณุ วสิ าขะ. ความกาํ หนัด เปน สวนเปรียบแหงสขุ เวทนา ว.ิ สิ่งใดเลา เปน สวนเปรยี บแหง ทกุ ขเวทนา พระแมเ จา ธ. คณุ วิสาขะ. โทษะกระทบใจ เปน สวนเปรยี บแหง ทุกขเวทนา วิ. พระแมเ จา. สงิ่ ใดเลา เปนสว นเปรยี บแหงอทุกขมสุขเวทนา ธ. ความไมร ูแ จง เปนสว นเปรยี บแหงอทุกขมสขุ เวทนา คุณวิสาขะ. วิ. พระแมเ จา. กส็ ่ิงใดเลา เปนสวนเปรียบแหง อวิชชา. ธ. คณุ วิสาขะ. ความที่ไมร ูแ จงชดั เปน สว นเปรยี บแหงอวชิ ชา. ว.ิ พระแมเจา . กส็ ิ่งใดเลา เปนสวนเปรยี บแหงวิชชา. ธ. คณุ วิสาขะ. ความพนกิเลส เปน สว นเปรียบแหงวชิ ชา. ว.ิ พระแมเ จา. กส็ งิ่ ใดเลาเปนสวนเปรยี บแหงวมิ ตุ ติ. ธ. คุณวิสาขะ. พระนิพพาน เปน สว นเปรยี บแหง วมิ ตุ ต.ิ
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 333 ว.ิ พระแมเจา ก็อะไรเลา เปนสวนเปรียบแหง นิพพาน. ธ. วิสาขะ ทา นลวงเกนิ ปญหาเสียแลว ไมอาจถือเอาท่ีสดุ รอบ แหง ปญ หาท้ังหลายได ดว ยวา การประพฤตพิ รหมจรรย ก็ยอ มหยั่งลงในพระนพิ พาน มพี ระนิพพานเปน ทถ่ี ึงในเบือ้ งหนา มีทส่ี ดุ จบลงเพยี งพระนพิ พานเทา น้นั . ถา หากทา นจาํ นงอยไู ซร พงึ ไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจาแลวกราบทลู ถามความเรื่องนี้เถดิ และพระผมู ีพระภาคเจาจะตรสั พยากรณแกทา นฉนั ใด ทานก็พงึ ทรงจําขอ พยากรณน้นั ไว ฉันน้ันเถิด. [๕๑๓] ลําดบั น้ัน วสิ าขอบุ าสก ชื่นชมอนโุ มทนาขอ ภาษิตแหง นางธรรมทนิ นาภิกษุณีแลว ลุกข้นึ จากอาสนะที่นัง่ ถวายนมสั การทําประทกัษิณ นางธรรมทนิ นาภกิ ษณุ ีแลว เขา ไปเฝาพระผูมีพระภาคเจาถึงทีป่ ระพบั ถวายบังคมแลวนงั่ ณ ทค่ี วรแลว กราบทลู ขอ ปุจฉาแลพยากรณ ทีต่ นไตถามและขอ ความที่นางธรรมทนิ นาภิกษุณีวสิ ัชนาทกุ ประการ ใหพระผูมพี ระภาคเจา ทรงทราบ แตเ บื้องตนตลอดถงึ ทส่ี ดุ . คร้ันวสิ าขอบุ าสกกราบทูลอยางน้ันแลว พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา วิสาขะ. นางธรรมทินนาภิกษณุ ีเปนบณั ฑติ มปี ญญาย่ิงใหญ และขอความอนั นี้ แมห ากวาทานจะถามเราผูต ถาคต ตถาคต ก็จะพงึ พยากรณกลา วแกขอวสิ ัชนาอยางนี้ เหมือนขอความท่นี างธรรมทินนาภิกษุณีไดพยากรณแ ลว ไมแปลกกนั เลย อันนแ้ี ลเปนเน้อื ความน่นั แลว ทานจงจําทรงไวใ หแนนอนเถดิ . พระผมู พี ระภาคเจาตรสั พระพทุ ธพจนอ ันนแ้ี ลว วิสาขอุบาสกก็ไดช ่นื ชมเพลนิ เฉพาะภาษติแหง พระผมู ีพระภาคเจาดวยประการฉะน.ี้ จบจูฬเวทลั ลสตู รที่ ๔
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 334 อรรถกถาจุลลเวทัลลสูตร จุลลเวทลั ลสตู รขึน้ ตนวา \"ขาพเจา ไดฟงมาแลวอยา งน\"้ี . ในคําเหลานั้น คาํ วา \"วสิ าขอุบาสก\" ไดแ ก อุบาสกผมู ีช่ืออยางน้ันวา \"วสิ าข\". คาํ วา \"โดยทใ่ี ดนางธรรมทนิ นา\" คอื เขาไปหาถึงที่ซ่ึงภิกษุณีชอื่ ธรรมทนิ นาอย.ู วิสาขะนี้คือใครกนั เลา นางธรรมทินนาเปนใคร ทําไมจงึ เขา ไปหา เมอ่ื นางธรรมทินนายงั เปนคฤหสั ถ วิสาขะเปนเจาของเรือน (เปนสาม)ีเมอื่ พระผูมีพระภาคเจาพระองคน น้ั ไดตรสั รพู ระสมั มาสมั โพธญิ าณแลวทรงหมนุ ลอพระธรรมอันประเสรฐิ ไดท รงแนะนาํ กลุ บตุ รมยี ศเปนตนเสด็จบรรลถุ งึ ตําบลอุรเุ วลา. ในทีน่ น้ั ไดทรงแนะนาํ ชฏลิ พันคนแลว เสดจ็ ดาํ เนนิไปยงั กรุงราชคฤหก บั หมภู ิกษณุ ขี ณี าสพชฏิลเกา แลว ทรงแสดงธรรมถวายพระเจาพมิ พิสารมหาราชซ่งึ เสด็จดาํ เนนิ มาพรอมกบั บรษิ ัทแสนสองหมื่นคนเพอื่ เฝา พระพุทธเจา. ในแสนสองหมืน่ คนทม่ี าพรอ มกบั พระราชาในครัง้ นนั้หนึง่ หมืน่ คนประกาศตนเปนอุบาสก. อีกหนงึ่ แสนหนงึ่ หม่นื คนพรอ มกับพระเจา พมิ พสิ าร ดาํ รงอยใู นโสดาปต ติผล. อุลาสกน้ีเปน คนหนงึ่ ในจาํ นวนนน้ัเมอ่ื ดํารงอยใู นโสดาปต ตผิ ลในการเฝาคร้งั แรกนัน่ เอง พรอ มกบั คนเหลา นนั้แลว ในอกี วนั หน่ึงกไ็ ดฟงธรรมสาํ เร็จสกทาคามิผล แตน น้ั มาในภายหลังวนั หนงึ่ ไดฟ ง ธรรมจงึ ไดดํารงอยใู นอนาคามิผล เมือ่ ไดเปน พระอนาคามแี ลวมาสเู รอื น ไมไดมาอยา งวนั เหลาอ่ืนท่มี องนัน่ ดูนี่ หวั เราะย้ิมแยม พลางเดินเขา มา. หากแตก ลายเปนคนสงบอินทรยี ม ีใจสงบเดินเขาไป.๑. พระสูตร-จฬู เวทัลลสตู ร
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 335 นางธรรมทนิ นาแงม หนาตางพลางมองไปที่ถนนเหน็ เหตกุ ารณในการมาของเขาแลว กค็ ิดวา \"นอี่ ะไรกนั หนอ\" เมอ่ื ยืนท่ีหวั บันไดทาํ การตอนรบั เขาพลางกเ็ หยียดเมือ่ ย่ืนออกไป. อบุ าสกกลบั หดมือของตนเสยี . นางคิดวา \"เราจงรูใ นเวลารับประทานอาหารมอ้ื เชา \". แตกอนอบุ าสกยอมรับประทานพรอ มกันกับนาง แตว ันนนั้ ไมยอมมองนาง ทําราวกะวา โยคาวจรภิกษุ รบั ประทานคนเดียวเทา นน้ั . นางคดิ วา \"เวลานอนเราจะรู\" อุบาสกไมยอมเขา หอ งพระศรนี นั้ , สัง่ ใหจดั หองอื่นใหต้งั เตยี งนอยทสี่ มควรแลวนอน. อุบาสิกามาคดิ วา \"อะไรกนั หนอ เขามีความปรารถนาขา งนอก หรอื คงถูกผูชอบยแุ หยค นใดคนหน่ึง ยุใหแตก ? หรือวา เรานแ่ี หละมีความผิดอะไรๆ\" แลว กเ็ กดิ เสียใจอยางแรง ตดั สนิ ใจวา \"ตลอดเวลาวนัสองวนั ทีเ่ ขาอยนู แ่ี หละ จะตองรูใหจ นได\" แลวจึงไปสทู ี่บาํ รงุ เขาไหวแลว ก็ยนือย.ู อุบาสกถามวา \"ธรรมทนิ นา ทําไมจงึ มาผิดเวลาละ\" ธรรม. \"คะ ลูกเจา. ดิฉนั มา, ทานไมเ หมอื นคนเกา , ขอถามหนอยเถดิ คะวา ทานมีความปรารถนาภายนอกหรือคะ?\" อ.ุ \"ไมมหี รอก ธรรมทนิ นา.\" ธรรม. \"มีใครอ่นื เปนคนยุแหยหรือคะ\" อุ. \"แมน ก้ี ็ไมมี\" ธรรม. \"เมอ่ื เปน เชน นั้น ตวั ดิฉันเองคงจะมีความผิดไรๆ หรอื คะ?\" อ.ุ \"ถงึ เธอเอง ก็ไมมีความผดิ \" ธรรม. \"แลว ทําไมทา นจงึ ไมทาํ แมเพยี งการพูดจาปราศรยั ตามปกติกับดิฉนั เลาคะ\" เขาคิดวา \"ชอ่ื วา โลกตุ ตรธรรมน้ีเปน ภาระหนัก ไมพึงเปด เผย แตถ าแลเราไมบอก, ธรรมทินนาน้จี ะพึงหัวใจแตกตายในที่นเ้ี อง\" เพ่ืออนเุ คราะห
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 486
Pages: