Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_19

tripitaka_19

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_19

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 251 ๑. พราหมณแ ละคฤหบดที ัง้ หลาย บุคคลลางคนในโลกน้ี ละการกลาวเทจ็ เปน ผเู วน ขาดจากการกลาวเท็จไมวา อยูในทีป่ ระชุม อยใู นบริษทั อยูก ลางญาติ อยกู ลางพรรคพวกหรืออยูก ลางราชตระกลู กต็ าม เม่อื ถูกนํามาซักเปน พยานวา \"มานซ่ี ินายขอใหคุณจงพูดไปตามที่คณุ รู\" เขาไมรู ก็พดู วา \" ผมไมร ู \" หรอื รอู ยู ก็พูดวา \" ผมรู \" ไมเ ห็นก็พดู วา \" ผมไมเหน็ \" หรือ เหน็ อยกู ็พดู วา \" ผมเห็น \" ทั้งนีไ้ มวา เพราะตนเปน เหตุ เพราะคนอืน่ เปนเหตุ หรือเพราะอามิสลางสงิ่ ลางอยางเปนเหตุ เปน ผูไมพ ูดเท็จท้งั ๆท่รี ูอย.ู ๒. ละคาํ พูดสอเสยี ด เปน ผูเวนขาดจากคาํ พูดสอเสยี ด คือไมเ ปนผฟู งจากทางน้แี ลวไปบอกทางโนน เพื่อทาํ ลายพวกเหลา น้ี หรอื ไมเ ปนผูฟง จากทางโนน แลว กม็ าบอกทางน้ี เพ่ือทําลายพวกโนน ดังนี้ ก็เปน อนั วา เปน ผูเชอ่ื มคนทแ่ี ตกกนั แลว ใหสนทิ กัน หรือเปนผสู งเสริมผูทีส่ นทิ กันแลวใหส นิทกันยิ่งขน้ึ พอใจผทู ่ีพรอ มเพรยี งกัน ยินดีกบั ผูท่พี รอ มเพรยี งกัน ชอบผทู ี่พรอ มเพรยี งกนั เปน ผูพูดวาจาทีท่ ําใหส มัครสมานกนั . ๓. ละคําพดู หยาบ เปนผเู วนขาดจากคําพูดหยาบ เปนผพู ดู แตคาํ ท่ไี มมีโทษ สบายหู นา รกั ดมื่ ด่ําในหัวใจ เปน ภาษาชาวกรุง คนสวนมากรกัใคร คนสว นมากชอบใจเห็นปานน้ัน. ๔. ละคําสํารากเพอ เจอ เปน ผูเวนขาดจากคําสาํ รากเพอ เจอ พูดเปนเวลา พดู คําทเ่ี ปนจริง พูดคาํ มีประโยชน พูดเปนธรรมพูดเปนวนิ ัย เปน ผูพ ดูคําทีม่ ีหลักฐาน มีท่ีอางองิ ตามเวลา มีที่สิน้ สดุ ประกอบดวยประโยชน. อยางนีแ้ ล พราหมณเ ละคฤหบดีท้งั หลาย จักเปน ความประพฤตเิ ปนธรรมและความประพฤตสิ ม่าํ เสมอทางวาจา ๔ อยา ง.

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 252 \" พราหมณแ ละคฤหบดีทัง้ หลาย ก็แหละ ความประพฤตเิ ปนธรรมและความประพฤตสิ มาํ่ เสมอทางใจ ๓ อยา ง อยา งไรบาง คอื ๑. พราหมณแ ละคฤหบดที ้ังหลาย บุคคลลางคนในโลกน้ี ไมใ ชเปน ผูมากไปดวยความเพงเล็ง ไมใชเ ปนผูเพงเลง็ ในสงิ่ ทเี่ ปนอปุ กรณเคร่อื งปล้มืใจของคนอน่ื ๆ นั้นวา โอหนอ ขอสง่ิ ทเ่ี ปนของคนอื่นน้นั พึงเปน ของเรา. ๒. และก็ไมใชเปนผูมีจิตพยาบาทไมใชเ ปนผูมีจิตคดิ แตจะแกแคนวา \" ขอใหสัตวพ วกนี้จงเปน ผไู มพ ยาบาท ไมมที กุ ข มสี ุขรักษาตนเถิด. \" ๓. อีกท้งั เปนผมู คี วามเหน็ ท่ถี ูกตอ ง ไมใชเปนผูม ีความเหน็ ทีค่ ลาดเคลื่อนวา \" ทานที่ใหแลว มีผล, การเซนสรวงมผี ล, การบูชามผี ล, ผลคือวิบากของกรรมทีท่ ําดแี ละทาํ ช่ัวมี, โลกน้ีม,ี โลกหนา ม,ี มารดามบี ญุคณุ , บิดามบี ญุ คุณ, พวกสตั วทีผ่ ดุ ข้นึ เกิดมี, ในโลกมสี มณพราหมณผูปฏบิ ตั ิดีปฏบิ ตั ชิ อบ, ชนดิ ทีท่ าํ ใหแ จงดวยความรูยง่ิ เองแลว ประกาศโลกนแี้ ละโลกหนา. \" อยางนวี้ ามานแี้ ละพราหมณและคฤหบดีทั้งหลาย จดั เปน ความประพฤตเิ ปน ธรรมและความประพฤตสิ มาํ่ เสมอทางใจ ๓ อยา ง. \" พราหมณและคฤหบดีทั้งหลาย เพราะความประพฤตเิ ปนธรรมและความประพฤตสิ มา่ํ เสมอเปนเหตอุ ยางน้แี ล เหลาสตั วบ างพวกในโลกนี้เบื้องหนาแตต ายเพราะกายแตกจงึ เขาถึงสุคติโลกสวรรค. \" [๔๘๖] พราหมณและคฤหบดที ้ังหลาย ผปู ระพฤติธรรมเปนปกติประพฤติเรยี บรอ ยเปน ปกติ ถา พงึ หวงั วา \" โอหนอ...หลังจากตายเพราะกายแตกไป. ขอใหเ ราเขาถึงความเปน พวกเดียวกนั กับเหลา กษตั รยิ มหาศาลเถดิ , ขอทีเ่ ขาหลงั จากตายเพราะกายแตกไป พงึ เขาถงึ ความเปนพวก

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 253เดยี วกนั กบั เหลากษตั ริยมหาศาลนี้ ยอมเปนไปไดโ ดยแท, นั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเขาเปนผูป ฏบิ ัติธรรมโดยปกติ ประพฤตสิ มาํ่ เสมอเปน ปกติอยางนั้น. พราหมณและคฤหบดีท้งั หลาย ผปู ระพฤติธรรมเปนปกติ ประพฤติสมํา่ เสมอเปน ปกติ ถาพงึ หวงั วา \" โอหนอ...หลังจากตายเพราะกายแตกไปขอใหเราพงึ เขาถงึ ความเปนอันหนง่ึ อนั เดียวกนั กับเหลาพราหมณมหา-ศาล ฯลฯ เหลา คฤหบดีมหาศาลเถิด.\" ขอทีห่ ลังจากตายเพราะกายแตกไป เขาพงึ เขา ถงึ ความเปนอนั หนึ่งอนั เดียวกันกบั พวกพราหมณม หา-ศาล ฯลฯ พวกคฤหบดมี หาศาลน้ี ยอ มเปนไปไดโดยแท, น้ันเพราะเหตุไร? เพราะเขาเปน ผูประพฤตธิ รรมเปน ปกติ ประพฤตสิ มํ่าเสมอโดยปกติอยา งนนั้ .\" พราหมณแ ละคฤหบดที ง้ั หลาย ถาผูประพฤติธรรมเปน ปกติ ประพฤติสมํ่าเสมอเปน ปกติ พึงหวังวา \" โอหนอ...หลงั จากตายเพราะกายแตกไป ขอใหเ ราพงึ เขา ถึงความเปนอนั เดียวกันกับเหลา เทพชั้นจาตมุ หาราชกิ า...ชนั้ ดาวดงึ ส...ชนั้ ยามา... ชน้ั ดสุ ิต...ชั้นนมิ านรด.ี ..ชั้นปรนมิ มิตวสวัตดี...ชัน้ พรหมกายิกา (พรหมปาริสัชชา พรหมปโุ รหติ า มหาพรหมา) เถิด,ขอทเี่ ขาหลงั จากตายเพราะกายแตกไป พงึ เขา ถึงความเปนพวกเดียวกนั กบัเหลาเทพช้ันจาตมุ หาราชิกา ฯลฯ ชัน้ พรหมกายิกาน้ี ยอ มเปนไปไดโ ดยแท, น้นั เพราะเหตุไร เพราะเขาเปนผปู ระพฤตธิ รรมเปน ปกติ ประพฤติสมาํ่ เสมอเปน ปกติอยา งน้นั .\" พราหมณและคฤหบดีทง้ั หลาย ถาผปู ระพฤตธิ รรมเปน ปกติ ประพฤตสิ ม่าํ เสมอเปนปกตพิ ึงหวังวา \" โอหนอ...หลังจากตายเพราะกายแตก

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 254ไป ขอใหเราพึงเขา ถงึ ความเปน พวกเดยี วกันกบั เหลาเทพช้นั อาภา๑ (ปรติ ตาภาอปั ปมาณาภา อาภัสสรา) เถิด, ขอทหี่ ลังจากตายเพราะกายแตกไป เขาพงึ เขาถึงความเปนพวกเดียวกันกับเหลาเทพชั้นอาภานี้ ยอ มเปนไปไดโดยแท, นน้ั เพราะเหตุไร? เพราะเขาเปน ผปู ระพฤตธิ รรมเปนปกติ ประพฤติสมํา่ เสมอเปนปกตอิ ยา งนัน้ .\" พราหมณและคฤหบดีทง้ั หลาย ถา ผูมปี กติประพฤตธิ รรม มปี กติประพฤตเิ รยี บรอย พงึ หวังวา \" โอหนอ...หลงั จากตายเพราะกายแตกไป ขอใหเ ราเขาถงึ ความเปนเพอื่ นกบั พวกเหลาเทพชนั้ ปริตตสภุ า...ช้นัอัปปมาณสภุ า...ชนั้ สุภกิณหกา...ชนั้ เวหปั ผลา...ชนั้ อวหิ า...ชัน้ อตปั ปา...ช้นั สุทสั สา...ชนั้ สุทสั สี...ชน้ั อกนฏิ ฐา...เขา ถงึ อากาสานญั จายตนะ...เขาถึงวญิ ญานัญจายตนะ....เขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ, ขอ ทีห่ ลังจากตายเพราะกายแตกไปเขาพึงเขาถงึ ความเปนเพอ่ื นกับพวกเหลา เทพช้ันปรติ ตสภุ า ฯลฯ ผูเขาถงึ เนวสัญญานาสญั ญายตนะ, น้ียอมเปน ไปไดโดยแท, นน้ั เพราะเหตุไร ? เพราะเขาเปน ผูมีปกติประพฤติธรรม มีปกตปิ ระพฤติเรียบรอยอยา งนัน้ .\" พราหมณเละคฤหดีทัง้ หลาย ถาผูม ปี รกติประพฤตธิ รรม มปี รกติประพฤตสิ ม่ําเสมอพงึ หวงั วา \" โอหนอ...หลงั จากตายเพราะกายแตกไป ขอใหเ ราพงึ ทําเจโตวมิ ตุ ติ ปญ ญาวมิ ตุ ติท่ไี มม ีอาสวะ เพราะพวกอาสวะส้นิ ไป ใหแจง ดวยความรอู ยางยิง่ เองในปจ จุบันนีแ้ ล แลว เขา ถึงอยูเถิด,ขอที่เขาเปนผูปกติประพฤตธิ รรม ประพฤติสมาํ่ เสมอโดยปกติ พึงทาํ๑. พวกอาภา มี ปริตตาภา, อปั ปมาณาภา, อาภสั สรา แลว ทาํ ไมบาลีถดั ไปจึงเรยี งระบุวาปริตตาภา, อัปปมาณาภา, อาภัสสรา อกี ผูแปลจึงตดั บาลถี ัดไปตามแบบพรหมกายกิ าท่ีไมระบุพรหม ๓ ช้ันไวอยา งทีแ่ ปลมาแลว.

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 255เจโตวมิ ุตติ ปญ ญาวิมตุ ติ ท่ีไมมอี าสวะ เพราะพวกอาสวะส้ินไปใหแ จง ดว ยความรยู ่งิ เองในปจจบุ ันนี้แล แลวเขาถงึ อยู น้ยี อ มเปนไปไดโดยแท, น้นั เพราะเหตไุ ร เพราะเขาเปนผมู ีปกติประพฤตธิ รรม ประพฤติสมา่ํ เสมอเปนปกติอยา งน้ัน.\" [๔๘๗] เมอื่ พระผูมีพระภาคเจา ไดตรัสอยา งนี้เสร็จแลว พวกพราหมณและคฤหบดชี าวบา นสาละ ไดพ ากนั ทลู พระผูม ีพระภาคเจาอยา งนี้ วา\" ไพเราะจรงิ ๆ พระโคดมผูเจริญ พระโคดมผูเจรญิ ไพเราะจริง ๆ ธรรมท่พี ระโคดมผเู จริญไดประกาศแลวหลายแบบ เหมอื นหงายภาชนะท่คี วาํ่เปดส่งิ ทีป่ ด บอกทางแกค นหลง หรือสองตะเกียงนา้ํ มนั ในที่มืดดว ยคิดวา \" พวกผูมีตาดี ๆ จะไดเหน็ รูป \" ฉะน้ันแลพระโคดมผูเจรญิ พวกขา -พระองคข อเขา ถงึ พระโคดมผเู จรญิ พระธรรม และพระสงฆ เปน สรณะขอพระโคดมผูเ จริญจงทรงจําพวกขาพระองคว าเปน อบุ าสกถงึ สรณะตง้ั แตวนั นเี้ ปน ตนไป. จบสาเลยยกสูตร ที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 256 พรรณนาความในจลุ ลยมกวรรค๑ อรรถกถาสาเลยยกสตู ร สาเลยยกสตู รมีคําขึน้ ตนวา \" ขา พเจา ไดฟงมาแลวอยางน้.ี \" ในคาํ เหลา นั้น คําวา \"ในแควน โกศล\" ความวา ในแควนของชาวโกศลทง้ั หลาย คือพวกชาวจงั หวดั หรอื พวกราชกมุ ารชื่อโกศล. จังหวดั ท่ีเปน ถน่ิ อาศัยของคนเหลาน้นั แมเพยี งจังหวัดเดยี ว ก็เรยี กดว ยเสียงคลอ งปากวา \" โกศลทั้งหลาย \" ได. ในจังหวดั ของพวกชาวโกศลน้ัน. ฝายพวกคนรนุ เกา ทา นวา เพราะแตกอ นพระราชาไดท รงฟงวา มหาปนาทราช-กมุ าร ทอดพระเนตรทา ตลกตาง ๆ แมแ ตย ม้ิ ก็ไมท รงทํา จึงตรสั วา ใครทาํใหลูกฉันหัวเราะได ฉันจะเอาเคร่ืองสําอางทกุ อยางมาแตง ใหค นนนั้ .เมอ่ื กลุม มหาชนทิง้ แมแตไถมาประชมุ กนั พวกคนกพ็ ากนั แสดงการละเลนตา ง ๆ ตงั้ เจด็ ปกวา ก็ยังไมอาจทําใหพระราชกมุ ารนั้นทรงพระสรวลได. ลาํ ดับนนั้ พระอินทรท รงสง ตัวตลกเทวดาไป เทพองคน ้ันแสดงทา ตลกแบบทพิ ยจ นทาํ ใหทรงพระสรวลได. ลาํ ดับนนั้ คนเหลา นัน้ ก็พากันบายหนา หลีกไปยังถิ่นของตนๆ เมอื่ พบเพอ่ื นฝงู ทสี่ วนทางมา พวกนั้นกท็ ักทายปราศรัยกันวา \" ดไี หม ?,\" ฉะนนั้ เพราะอาศยั คําวา \" ดๆี \" นั้น ประเทศนั้นจึงเรยี กวา \" โกศล \" คาํ วา \" เสด็จเทีย่ วจารกิ \" คือ กาํ ลงั เสด็จเที่ยวจารกิ แบบไมรบี รอน. คําวา \" กับหมูภ กิ ษจุ าํ นวนมาก \" คือ กบั หมูภ ิกษุจาํ นวนมากท่ีไมไ ดก ําหนดชัดลงไปอยางนี้วา รอ ย พนั หรือแสน. คําวา \" หมบู า นของพราหมณ \" ไดแก หมบู านชุมชนพวกพราหมณ เรียกวา หมูบ า นของพราหมณ. แมห มูบ านโภคของพวกพราหมณก็เปนหมูบ า นชมุ ชนในท่ี๑. บาลีใช จฬู ยมกวรรค

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 257นี้ ไมใ ชป ระสงคเ อาบา นอยูข องพวกพราหมณ. คาํ วา \" ระลึกลงท่ีนัน้ \" คอื ระลึกลงไปในที่นัน้ หมายถึงความ พรอมแลว . สวนวหิ าร ไมไ ดจาํ กัดใหแ นล งไปในทน่ี .้ี ฉะนั้น จงึ คงจะเปนปาชฏั แหง หนึง่ ทเี่ หมาะแกพระพทุ ธเจา ท้ังหลาย ซึ่งอยใู กล ๆ กบั หมูบา นของพวกพราหมณน้นั . พึงทราบวา พระศาสดาไดเสด็จพระพทุ ธดําเนนิ ไปถงึ ไพรดงน้ัน. คําวา \" ไดยินแลว \" แปลวา ฟง แลว คือเขาไปได ไดแ ก ทราบโดยทํานองเสยี งกอ งแหงคําท่ีถึงโสตทวาร. \" โข \" เปนนบิ าตลงในอรรถอวธารณะ คอื เปนเพียงทาํบทใหเต็ม. พึงทราบอธิบายในขอ น้ีอยางนวี้ า ไดฟ งแลวดว ยอาวธารณะอรรถในท่ีนเ้ี ทา นั้น อนั ตรายแหง การฟงไรๆ ไมไดม แี กพวกเขา. ดว ยการทําใหบทเตม็ กเ็ พยี งใหพยัญชนะมคี วามสละสลวยเทานัน้ . บดั นี้ เมอื่ จะประกาศขอ ความทไ่ี ดฟง น้ัน. ทา นจึงไดก ลา ววา \" เออนี่แนะ เขาวาพระสมณโคดม\" ดังนีเ้ ปน ตน. พึงทราบวา ชอ่ื วา สมณะ เพราะระงบั บาป. ในบทเหลา นัน้ . \" ขลุ \" เปนนิบาตลงในอรรถวาฟงตาม. \" โภ \"เปนคาํ รอ งเรียกกันและกนั ของพวกนัน้ . \" โคดม \" เปน คําแสดงดว ยพระโคตรของพระผูมพี ระภาคเจา ฉะน้นั ในคําเหลานี้วา \" นแี่ นะ เขาวาพระสมณะโคดม \" จึงพงึ เหน็ ความหมายอยางน้วี า \" น่แี นะทา น เขาเลา กันวา พระ-สมณะผูเปน โคดมโคตร \" สว นคาํ วา \" โอรสศากยะ \" น้เี ปน คําแสดงตระกูลอันสงู ของพระผูมพี ระภาคเจา . คาํ วา \" บวชจากตระกลู ศากยะ \" เปน คําแสดงความเปนผบู วชดวยศรทั ธา. มีคําท่ีกลา วไววา ผทู ี่ไมถกู ความฉิบหายอยา งใดอยางหนงึ่ ครอบงํา มาละตระกูลทีย่ งั ไมส ูญส้ิน (อะไรๆ ไปเลย) ชื่อวาบวชดว ยศรทั ธา. คําตอ จากนนั้ ไปกม็ ใี จความทไี่ ดกลา วไวแ ลวทเี ดยี ว. คาํ วา\" ก็นนั่ แล \" เปน ทุตยิ าวภิ ัติลงในอรรถ บอกอิตถมั ภูตะ ใจความกค็ อื \" ของพระโคดมเจริญแล \". คาํ วา \" อันงาม \" ไดแกผูประกอบดวยพระคุณอนังดงาม มอี ธิบายวา ผปู ระเสริฐสดุ . เกยี รตนิ น่ั แหละ หรอื เสยี งชมเชยช่ือ

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 258วา \" เกียรติศพั ท \". คําวา \" ฟงุ ขนึ้ \" คอื ขจรข้ึนทับโลกรวมทัง้ (โลกของพวก) เทวดา. วาอยา งไร ? วา แมเพราะเหตุน้ี พระผมู พี ระภาคเจาน้นัฯลฯ ทรงเปนผตู ื่น (ผูปลุก ผูเบกิ บานดวยพระคุณ) ทรงเปน ผูม โี ชคดี (ทรงมีสว นแหงการจาํ แนกธรรม, ทรงจาํ แนกแจกธรรม). ตอ ไปน้พี งึ ทราบความเกยี่ วของแหงบทในคาํ เหลาน้ัน. พระผูมีพระภาคเจาทรงเปน อรหันต แมเ พราะเหตนุ ี้ ทรงเปน ผูตรัสรูเองโดยชอบ แมเพราะเหตุนี้ ฯลฯ ทรงเปนผูม ีโชคดี แมเ พราะเหตุน้.ี มคี ําอธิบายวา เพราะเหตุนแ้ี ละนี้. บททง้ั หมดนีเ้ องที่ทานยกขึ้นเปนแมบ ทโดยทํานองเปน ตนวา พงึ เขา ใจวา \" พระผมู ีพระภาคเจานนั้ ทรงเปนพระอรหันตด วยเหตุเหลา น้ีกอ น คอื ทรงไกลจากขา ศกึ เพราะทรงหกั กาํ (แหงลอภพ) เพราะควรแกป จจยั เปนตน เพราะไมมีความลับในการทําชัว่ \" ไดใหพิสดารแลวแล ในพทุ ธานสุ สตนิ ิเทศ ในคัมภรี วสิ ทุ ธมิ รรค. พงึ ถือเอาความพสิ ดารแหงบทเหลา น้นั จากท่นี ั้นเถดิ . คําวา \" กแ็ ลเปนการดีโข \" คอื ก็เปนความงามโข. มีคาํ อธิบายวา เปนการนาํ เอาประโยชนมาให เปน การนาํ เอาความสขุ มาให. คาํ วา\" เหลาพระอรหันตเ ห็นปานน้นั .\" คือ พระอรหนั ตท ้งั หลาย ผูไดค วามเช่อื ถอืวา ผทู ี่เปน พระอรหนั ตทง้ั หลายในโลก กเ็ พราะการบรรลคุ ณุ พิเศษตามที่เปนจรงิ ของเหลาพระอรหันต ซง่ึ เหน็ ไดยากดว ยแสนโกฏกิ ัป แมไมใชนอ ย มรี า งกายเปน ท่ีรน่ื รมยซ ง่ึ เกล่อื นกลนดวยรศั มีแหง มหาปรุ ิสลกั ษณะสามสบิ สองประการ ประดบั ดวยแกว คอื อนุพยญั ชนะแปดสิบอยา ง แวดลอ มดว ยรศั มีวาหนงึ่ มีการเหน็ ทไี่ มเรา รอ น มเี สียงแหงธรรมที่ไพเราะย่ิง เหมือนอยางท่ีพระโคดมผเู จริญนนั้ ทา นเปน. คาํ วา \"ยอ มเปนการเห็น\" คอื กระทําอธั ยาศัยอยา งนี้วา การลมื ตาที่มปี ระสาทหยาดเย้ิมข้ึนแลว

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 259ดกู เ็ ปน การดี (ยังประโยชนใหสาํ เรจ็ ) และถาเม่ือทา นกาํ ลังแสดงธรรมดว ยเสียงดจุ เสียงพรหมท่ีประกอบพรอมไปดว ยองคแ ปด ไดฟ งแมบทเดียว กจ็ ะเปนการดกี วา . คาํ วา \" เขาไปเฝา ถึงที่ซึ่งพระผูม ีพระภาคเจาประทับ \" ไดแ ก เลิกกจิทกุ อยาง มใี จยินดมี าแลว. คาํ วา \" ไดกลาวคาํ น้ี \" ไดแก ก็การถามมสี องอยางคอื การถามแบบชาวบาน ๑ การถามแบบนกั บวช ๑ ในการถามทัง้สองอยางน้ัน การถามแบบชาวบาน มาแลว โดยแบบนว้ี า \" พระคุณเจาอะไรเปนกศุ ล อะไรเปน อกุศล \" การถามแบบนักบวชมาแลวอยางน้ีวา \" ทานผเู จริญ เหลานีห้ รือหนอ เปนอปุ าทานขนั ธ ๕ \" สว นพราหมณและคฤหบดเี หลานี้ เม่ือจะทูลถามแบบการถามของชาวบา นทเ่ี หมาะแกต น จึงไดกลา วคําเปน ตน วา \" พระโคดมผเู จรญิ อะไรหนอแลเปนเหตุ อะไรเปนปจ จยั ? \" กะพระผมู ีพระภาคเจานั้น. พระผูม ีพระภาคเจาเมือ่ ทรงแกปญ หาโดยยอจรงิ ๆ กอน แกพวกเขาชนิดทีพ่ วกเขายงั ไมสามารถกําหนดไดจงึ ตรสั คาํ เปน ตน วา \" พราหมณเละคฤหบดีทงั้ หลายเพราะความประพฤติท่ไี มถ ูกตองและความประพฤติ ทไี่ มสมควรเปนเหตุ \" ถามวา \" ทําไมเลา พระผูมพี ระภาคเจาจึงทรงแกอ ยา งที่คนพวกนนั้ ยงัไมทันกาํ หนด \" ตอบวา \" มผี กู ลา ววา เพราะคนเหลานนั้ ถือตวั วา เปนบัณฑิต ยอ มตงั้ ตัวแมบ ทแลวกาํ หนดไวแตตนทเี ดียวโดยประการใด เมื่อพระองคทรงขยายความใหพ สิ ดารโดยประการนนั้ กพ็ ากนั สาํ คัญเทศนาวา ต้นื ๆจะพากันดถู ูกวา \" แมเมอ่ื พวกเราจะกลาว ก็พงึ กลาวอยา งนี้เหมอื นกนั \" เพราะเหตุนน้ั พระผูมพี ระภาคเจา จึงทรงแกปญหาอยา งยอๆ กอนชนดิท่พี วกน้ันไมส ามารถจะกําหนดได. ตอ จากน้นั เม่ือทรงถูกพวกทไี่ มอ าจจะกําหนดไดน ัน้ คะย้ันคะยอขอใหแสดงพสิ ดาร เมอ่ื ทรงแสดงโดยพสิ ดารจึงตรัสดาํ เปน ตน วา \" ถาอยางนัน้ พราหมณและคฤหบดีทัง้ หลาย \"

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 260 ในคําเหลา น้ัน คาํ วา \" ถา อยางนั้น \" เปนนบิ าตลงในเหตุ หมายความวา เพราะเหตทุ พี่ วกทานขอรองเรา. คําวา \" สามอยาง \" คอื สามสวน.คาํ วา \" ดวยกาย \" คือดวยกายทวาร. คาํ วา \" ความประพฤติไมถ ูกตอ งและความประพฤตไิ มส มควร \" คือความประพฤติไมส มควรอนั ไดแ กค วามประ-พฤติที่ไมถูกตอ ง. และตอไปนเี้ ปน ความหมายของบทในคาํ เหลาน้.ี \" ความประพฤตอิ ธรรม ชอื่ วา อธรรมจริยา, หมายความวา การกระทําทีไ่ มเ ปนธรรมทชี่ ่ือวา วิสมจริยา เพราะประพฤติขรุขระ หรอืประพฤติลมุ ๆ ดอนๆ ความประพฤติไมเปน ธรรม และความประพฤติทข่ี รุขระน้นั เพราะเหตุนัน้ จึงชื่อวา ความประพฤติไมเ ปนธรรมและความประพฤติทไ่ี มส ม่ําเสมอ พงึ ทราบความหมายในบทฝา ยดําและฝา ยขาวทกุบทโดยอุบายน้ี. คาํ วา \" โหดรา ย \" ไดแ ก หยาบคาย เห้ียมโหด หนุ หนั พลนัแลน. คําวา \" มีมอื เปอ นเลือด \" ไดแก เปอ นดว ยเลอื ดทม่ี ือของผทู ่ีกําลงัปลงสัตวอื่นจากชวี ติ ถงึ แมจ ะไมเปอนคนแบบนนั้ ทา นกย็ งั เรยี กวา \"มีมอืเปอ นเลอื ด\" อยูน น่ั เอง. คําวา \" ตงั้ มั่นอยูใ นการฆาการประหาร \" ไดแ กตงั้ม่ันในการฆา การใหป ระหารสตั วอ่ืน และในการเขนฆา คอื การทําใหส ัตวอ่ืนตาย. คาํ วา \" ไมป ระกอบดวยความสงสาร \" คือมาถึงความเปนผูไ มมคี วามสงสาร. คําวา \" ของคนอ่ืนน้นั ใด \" คอื สง่ิ ที่มอี ยูของคนอน่ื นน้ัใด. คาํ วา \" อุปกรณเ ครอ่ื งปล้ืมใจ \" ไดแก อปุ กรณเ ครื่องปลืม้ ใจของคนอื่นนั่นเอง คอื เครื่องบริขารที่กอ ใหเกดิ ความยนิ ดแี กคนอนื่ น้นั . คาํ วา \" หรอือยูใ นหมบู า น \" คอื หรือท่ตี ้งั ไวภ ายในหมบู า น.คาํ วา \" หรืออยูในปา \"คือตงั้ ไวในปา หรือบนยอดไมย อดภเู ขาเปน ตน. คาํ วา \" ที่ไมให \" คือพวกเขาไมไ ดใหด ว ยกายหรือดวยวาจา. ผูลักชอ่ื วา \" ขโมย \" ในท่นี ้ี. ภาวะแหงขโมย ชือ่ วา ความเปน ขโมย. คํานเ้ี ปน ช่อื แหง จิตคดิ จะขโมย. คาํ วา

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 261\" สว น \" นี้ เปนชือ่ ของสวนหน่ึงโดยใจความ. เหมือนในคาํ เปน ตนวา \" กส็ ว นแหงธรรมเครื่องเนิ่นชาอนั สญั ญาเปนเคา มูล \" สวนนนั้ ดวย ความเปนขโมยดวย เหตุน้ัน ชอื่ วาสวนแหงความเปน ขโมย หมายความวา สว นแหงจิตหนง่ึ กลาวคือจติ คดิ จะขโมย. และคําวาสว นแหงความเปนขโมยนี้ เปนปฐมาวภิ ตั ลิ งในอรรถตตยิ าวิภตั ิ ฉะน้ัน จงึ ควรเห็นโดยความวา \" ดว ยสวนแหงความเปนขโมย \" ดงั นี.้ ในคําวา \" อันแมป กครอง \" เปน ตน มีอธิบายวา เม่อื พอ หายหรือตายไปแลว แมด ูแลดว ยอาหารและเครื่องนุง หม เปนตน คดิ วา จะใหม คี รอบครวั เมื่อเติบโตแลว แลว ยอ มปกครองลูกหญิงคนใดไวคนน้ชี อ่ื วา อันแมปกครอง. แมทพี่ อ ปกครองเปน ตน กพ็ งึ ทราบโดยอุบายน.้ี สว นตระกลู ท่ีชอบพอกัน ทําขอ ตกลงกนั ตั้งแตลกู ยงั อยใู นทองวา ถาฝา ยฉันเปน ลกู ชายฝายแกเปน ลกู หญงิ ไปทอ่ี น่ื ไมไ ด ตองเปน ของลูกชายฉันเทานั้น\" หญงิ ท่ีจับจองตง้ั แตอ ยใู นทอ งทํานองนี้ ชอื่ วา มีผัว. สวนหญิงท่เี ขาเจาะจงหมูบา น เรอื น หรอื ถนนแลว วางโทษอยา งนว้ี า \" ใครไปหาหญงิ ช่อื น้ี จะถูกปรับโทษเทานี้ \" ชอ่ื วา มที ัณฑโ ดยรอบ. คาํ วา \" โดยที่สดุ แมแ ตหญิงทีซ่ ัดพวงมาลัยไป \" คือ โดยกาํ หนดอยา งต่ําสดุ กวา เขาหมด หญงิ ท่ชี ายคนใดคนหนง่ึ กําลังเหวี่ยงพวงมาลัยไปบนนางดวยสาํ คญั วา \" นางนจ้ี ะเปน ภริยาของเรา \" แลวกถ็ ูกเอาเพยี งพวงมาลัยเทานน้ั ซดั ไป. คําวา \" ยอมเปน ผูละเมดิจารีต ในพวกหญงิ เห็นปานนน้ั \" ไดแ ก ยอ มเปน ผูกระทําความกาวลวงในเพราะหญิงเหน็ ปานนั้น ดว ยอํานาจลกั ษณะความประพฤติผดิ อนั กลาวแลว ในสัมมาทิฏฐิสูตร. คําวา \" อยูใ นทปี่ ระชมุ \" คอื ยนื อยใู นสภา. คอื \" อยใู นบรษิ ัท \"คือยืนอยใู นบรษิ ทั . คําวา \" อยกู ลางญาติ \" คอื อยูท า มกลางพวกทายาท. คาํ วา \" อยูทา มกลางพรรคพวก \" คอื อยทู า มกลางกองทหาร. คํา

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 262วา \"อยูกลางราชตระกูล\" คืออยใู นทอ งพระโรงใหญกลางราชตระกลู .คําวา \"ถูกนาํ พาไป\" คือถกู นําไปเพ่ือตอ งการซัก. คาํ วา \"ถกู ซกั พยาน\"คอื ถกู ทาํ เปน พยานแลว ซัก. คาํ วา \"มาน่ีแนะ นาย\" นเี้ ปนคาํ สาํ หรับรองเรยี ก. คําวา \"เพราะตนเปนเหตุหรือเพราะคนอน่ื เปน เหตุ\" คอื เพราะเหตุแหง มือและเทาเปนตนของตนหรอื ของตนอืน่ หรอื เพราะเหตุแหงทรพั ย.คาํ วา \"ลาภ\" ทา นประสงควา อามิส ในบทวา \"หรอื เพราะเหน็ แกอามสิเล็กนอยเปนเหตุ\" น้ี เพราะฉะนั้น คําวา \"เลก็ ๆ นอ ยๆ\" จงึ หมายความถงึของไมส าํ คัญ คือ เลก็ ๆ นอ ยๆ อธบิ ายวาโดยทส่ี ดุ เพราะเหตุแหง สินบนซึ่งมี แคน กกระทา นกคมุ กอนเนยใส และกอ นเนยแข็งเปนตน . คําวา \"ยอ มเปนผพู ูดเท็จทั้งทร่ี อู ยู\" คือ ทัง้ ๆ ที่รูอยแู ทๆ กย็ งั เปนผูก ระทําใหเปน คําเทจ็ . คาํ วา \"เพอ่ื ทําลายพวกนี้\" คือไดย ินในสาํ นกั ของคนเหลาใดท่ีทา นเรยี กวา \"จากนี้\" เพ่อื ทําลายพวกนัน้ . คําวา \"เพ่ือทาํ ลายพวกโนน \" คือไดฟ ง คําของพวกใดที่ทานวา \"โนน\" เพอื่ ทําลายพวกน้นั . คําวา \"หรือเปน ผทู าํ ลายคนท่ีพรอ มเพรียงกันแลวอยางน\"้ี ไดแ กหรือเปนผทู าํ ใหสหายสองฝายทสี่ มคั รสมานกนั อยา งนแ้ี ตกกัน. คําวา\"หรอื สง เสรมิ คนทีแ่ ตกกันแลว \" คือเปน ผูสง เสรมิ สนบั สนนุ เพอื่ ใหผูท่ีแตกกนั แลวสมานกนั อีกไมไ ดอ ยา งน้วี า คณุ ทาํ ดีแลวท่สี ละมนั ไดอีกสองสามวันเทา น้ันมนั จะทําใหคณุ ฉบิ หายใหญ\" อธิบายวา เปนผชู ้ีเหตใุ ห.\"พวกเปนท่มี ายินดี\" คือเปน ทตี่ ้งั แหงความยนิ ดียง่ิ ของเขา เหตนุ นั้ ขาจึงชื่อวามพี วกเปน ที่มายนิ ด.ี คาํ วา \"ผยู ินดแี ลวในพวก\" คอื ยินดแี ลว ในพวกทง้ัหลาย. ชือ่ วาบันเทงิ ในพวกเพราะเหน็ หรอื ไดยินวา พวกก็ยอมบันเทิง. คาํวา \"วาจาทําใหเปนพวก\" คือ วาจาใดทําสัตวใ หเปนพวก คือทําลายสัตวแมท พี่ รอ มเพรยี งกันแลว เปน ผพู ดู วาจาท่กี อ การทะเลาะนั้น.

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 263 คาํ วา \"เปนปม\" คอื ช่ือวาตะปมุ ตะปา ดวยคําขแู ละคาํ ขม เปนตน เพราะเปน วาทท่มี โี ทษ เหมอื นปมทีต่ ั้งข้นึ ทีต่ น ไมม โี ทษ (เสยี )ฉะนนั้ . คําวา \"หยาบ \" คอื เสีย เปน วาจาท่หี ยาบคาย เหมือนตน ไมท ่ีเสยี เปนตนไมท่ีขรขุ ระมีขุยไหลออกฉะนนั้ . วาจานน้ั ยอมเหมือนกบั ครูดหเู ขาไปฉะนัน้ทา นจึงเรยี กวา หยาบคาย. คาํ วา เผ็ดรอนแกค นอื่น\" คือเปนวาจาท่ีเผ็ดรอ นไมนา ช่นื ใจของคนเหลา อ่นื คือเปนวาจาทก่ี อ โทษ. คาํ วา \"ท่มิ แทงผูอ่นื \" คือไดแ กว าจาที่แทงไปในของรกั เหมือนกง่ิ ไมค ดมหี นามกระทบกระแทกคนเหลาอนื่ ทําใหเ กดิ ความติดขดั เพราะไมใหเ พอ่ื อันไปแมแกผ ทู อ่ี ยากไป. คําวา \"ใกลต อความโกรธ\" คือใกลช ิดตอความโกรธ. คําวา \"ไมเ ปน ไปเพอื่ สมาธ\"ิ คอื เปนวาจาทไี่ มเ ปน ไปเพ่อื อปั ปนาสมาธิ หรือ อปุ จารสมาธิ.อยางทีว่ า มาทัง้ หมดนล้ี ว นแตเ ปนคาํ ใชแทนวาจาท่ีมโี ทษท้งั น้ันแล. คาํ วา \"มปี กติพูดไมเ ปนเวลา\" คอื เปน ผพู ดู โดยไมใชเวลา. คาํ วาวา \"มีปกตพิ ดู ไมจ รงิ \" คือเปนผพู ูดสง่ิ ที่ไมม.ี คําวา \"มีปกติพดู ไมเ ปนผลประโยชน\" คอื เปน ผูพูดถอยคําไมอาศัยเหตุ. คาํ วา \"มีปกตพิ ูดไมเ ปนธรรม\" คือเปน ผพู ูดไมเปน สภาวะ.(ไมมผี ล?). คําวา \"มปี กติพูดไมเ ปนวนิ ัย\" คอื เปน ผูพูดคําท่ไี มป ระกอบดว ยสังวรวินยั เปนตน. คําวา \"ไมม หี ลกัฐาน\" คอื ยอ มเปนผูพูดวาจาทไ่ี มสมควรจะเกบ็ ไวใ นตูค อื หวั ใจ. คาํ วา \"โดยไมเลอื กเวลา\" คอื ยอ มเปนผูพูดในเวลาทสี่ มควรกอ นหรอื หลังเวลาที่ตอ งพดู . คําวา \"ไมมที ่ีอา ง\" คือเวนจากทอ่ี างองิ คือสูตร. คําวา \"ไมม ีที่จบ\"คือยกเอาพระสตู รหรือขาดกท่ีไมมขี นั้ ตอนมาแลวชักเอาเรื่องที่พอจะเขากบั พระสูตรหรอื ชาดกน้ัน ไดข อเปรยี บหรือวัตถุมาแลว กลบั ไปกลา วถอ ยคาํทต่ี กเร่อื งไปเสียหมด. คําทยี่ กมาแลวก็สกั แตว า ยกข้นึ มาเทา นน้ั เอง. เขายอมถงึ ความเปนผอู นั ผูอนื่ พึงตอวา \"เขายอมกลาวสูตรหรือหนอ? หรอืชาดก. พวกเราไมเห็นการจบหรอื ท่สี ดุ ของสูตรหรอื ชาดกนน้ั \" แมผนู ีก้ ็ยอ ม

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 264ชือ่ วาเปน ธรรมกถึกยานไทร ยอมทาํ บทท่ยี กขนึ้ มาตง้ั ใหส กั แตว ายกมาตั้งไวเทานนั้ แลวก็ไปเรอื่ ยเปอ ยแบบขา ง ๆ คูๆ อยา งน้นั แหละ เหมอื นอยางรากยอยของกง่ิ ตน ไทร ยอ ยลงไปในท่ๆี มันไปแลวๆ ถึงท่ีซง่ึ มนั หยอ นลงแลว ๆ แลว กย็ อมเจริญอกี นั่นเทียวมนั ไปไดแ บบน้นี นั่ แหละ ตง้ั กงึ่ โยชนบาง หรือโยชนบา ง ตงั้ อยเู ปน แนวทีเดียว ฉนั ใดกฉ็ ันน้ัน. สว นผใู ด แมจ ะพดูมากก็ยังสามารถเพอื่ ใหชักเอามาๆ แลว รูไดวา \"ทานพูดคาํ น้เี พื่อสิ่งนี้\"ผนู ัน้ จะกลา วกค็ วร. คําวา \"ไมป ระกอบดวยประโยชน\" คือ หาประกอบดว ยประโยชนไ ม. คําวา \"ยอ มเปนผูเพง เล็ง\" ไดแก ยอ มเปนผแู ลดดู วยความเพงเล็ง. คําวา \"โอหนอ\" เปน นิบาตลงในอรรถวา ปรารถนา. ก็ในขอน้ี ดวยอาการเพียงแตแลดูดว ยความเพงเล็งเทาน้ัน การแตกกรรมบถยังไมม ี ตอ เมอ่ื นอมมาเปน ของตนวา \"ทําอยางไรหนอ ของส่งิ น้ีจะพึงเปนของของฉัน ฉนั พงึ วางอาํ นาจใหเปน ไปในของสงิ่ น\"้ี ดงั นี้ กรรมบถจึงแตก. ทานหมายการเพงเล็งแบบนี้ในทีน่ ี้. คําวา \"มีจติ พยาบาท\" คือมีจิตเสยี ไดแ ก มจี ติ บูดเนา . คําวา\"มีความดํารดิ ว ยใจรา ย\" ไดแกม ีความดาํ รดิ วยจิตทีถ่ ูกโทสะประทุษรา ย. คาํวา \"จงถูกฆา\" คือ จงถูกทําใหตาย. คาํ วา \"จงถกู ทําใหต าย\" คอื จงถงึ การฆา . คําวา \"หรอื อยา ไดมีแลว \" คอื แมแตอะไรๆ ก็อยาไดแ ลว . แมในขอนี้ ดว ยเหตุเพยี งความกําเริบ (โกรธ) กรรมบถก็ไมมแี ตก. จะมีแตกก็เพราะคดิ เปนตนวา \"จงถูกฆา\" ฉะนัน้ พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรสั อยา งน้นั . คําวา \"ผูมคี วามเห็นผดิ \" คอื ผูม ีความเหน็ เปนอกศุ ล. คาํ วา\"มีความเหน็ วปิ ริต\" คอื มคี วามเหน็ ในใจคลาดเคลื่อนไป. คาํ วา \"ทานท่ีใหแลว ไมม ผี ล\" คอื พระผมู พี ระภาคเจาตรสั หมายเอาความไมม ผี ลของทานทใี่ ห

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 265แลว . การบูชาใหญท านเรียกวา \"ยิฏฐะการบูชา สักการะที่เพยี งพอทรงประสงควา \"หุตะ = การเซนสรวง\" เขาหมายเอาความไมมีผลเทานั้นจงึ หา มสง่ิ ทัง้ สองแมนั้น. คาํ วา \"แหงกรรมท่ที าํ ดีและทาํ ชั่ว\" หมายความวาแหงกศุ ลและอกุศลที่ทาํ ดแี ละทาํ ไมด ี. คาํ ทว่ี า \"ผลวิบาก\" นัน้ จะเรยี กวาผลหรือเรยี กวา วิบากกไ็ ด. เขาพูดวา ผล (หรือวิบาก) นั้น ไมม ี. คําวา \"โลกน้ไี มม\"ีคือไมมีโลกน้สี าํ หรับผูตัง้ อยูในโลกอ่ืน.คาํ วา \"โลกอน่ื ไมม\"ี คือไมม ีโลกอน่ื แมส าํ หรับผูต ้งั อยใู นโลกน้ี. เขาช้ีแจงวา ทงั้ หมดยอ มขาดสูญในที่นน้ั นั่นแหละ.คําวา \"ไมม ีแม ไมมีพอ\" หมายถึงวา เขายอมพูดดวยอาํ นาจความไมม ีผลแหงการปฏิบัติชอบและปฏบิ ัตผิ ิดในทา นเหลาน้นั . คําวา \"ไมม ีสัตวทีล่ อยเกิด\" นั้นคือเขาพูดวา ขึ้นช่ือวา สตั วท เี่ คล่อื นแลวเกดิ ไมม ี. คาํวา \"ทาํ ใหแ จง ดวยความรยู ่งิ เองแลวประกาศ\" คือเขาแสดงถงึ ความไมม ีแหงหมูพระสัพพัญพู ทุ ธเจาวา ผทู ี่ทําใหแจม แจง เองดว ยปญญาอันอนั พิเศษยง่ิแลวประกาศโลกนีแ้ ละโลกหนา นัน้ ไมม ี. ดงั น้.ี ดวยคาํ มีประมาณพยี งเทา น้ี ความเหน็ ผิดซงึ่ มีต้งั ๑๐ อยาง เปน อันพระผมู ีพระภาคเจา ไดต รสั ไวแลว . กรรมบถ ๗ ขอ เปน ตน วา \"ละการฆาสตั ว\" ไดขยายใหพิสดารในจุลลหัตถิปทสูตรแลว . ความไมเ พงเล็งเปนตน ก็มใี จความทง่ี ายแลวแล. คําวา \"ขอใหเราเขาถึงความเปนอนั เดยี วกนั \" คือ ขอใหเ ราเขา ถงึสหภาพ (ความเปน พวก เปนเพอื่ น เปน หนึง่ อนั เดียวกัน) คําวา \"แหงหมเู ทพท่ีเปน พวกพรหม\" ไดแ ก แหงหมเู ทพช้นั ปฐมฌาน. คําวา \"แหง หมูเทพช้ันอาภา\" คอื ชือ่ อาภา ทเ่ี ปนแผนกหน่ึงตา งหากไมม ี, คําน้ีเปน ชือ่ แหงหมูเทพชั้น ปรติ ตาภา อัปปมาณาภา และอาภัสสรา. แตค ํา \"ปริตตาภา\" เปนตน เปนการไมถ อื เอารวมกัน แตถ ือดวยการแยกหมเู ทพเหลา นน้ั นน่ัเอง. แมใ นบทเปน ตน วา \"ชั้นสภุ า ช้ันปริตตสภุ า\" ก็ทํานองเดียวกันนแี้ หละ.

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 266 พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงความสน้ิ อาสวะดว ยประการฉะนแี้ ลวก็ทรงจบเทศนาลงดว ยยอดคือพระอรหัตตผล.สําหรับในทน่ี ้ี ควรรวมเอาเทวโลกมาต้ังไวด ว ย คือก. พรหมโลก ๑๘ ชัน้ คือพรหมโลกดวยอํานาจฌานภมู ิ ๓ ชนั้ แรก(ชั้นละ ๓)รวมเปน ๙สทุ ธาวาส ๕ รวมกับอรปู ภูมอิ ีก ๔ รวมเปน ๙ (รวมทงั้ หมดเปน ๑๘)ข. พรหมโลก ๒๐ ช้นั คือเอาพรหมโลกในขอ ก. ๑๘พรอ มกับชนั้ เวหัปผลาอีก ๑+๑๘=๑๙ใสอสญั ญภี พเขามาใน ๑๙ นัน้ อกี ๑+๑๙=๒๐ (รวมท้ังหมดเปน ๒๐)ค. เทวโลก ๒๖ ชน้ั คอืเอาพรหมโลกในขอ ก. และ ข. ๒๐กบั กามาวจรอกี ๖ (เทวโลกท้งั หมดเปน ๒๖ ชัน้ ) พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงการเกิดของพวกเทพแมท ้งั หมดนัน้ ดวยกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ประการ. ใน ๒๖ ช้ัน การเกิดในกามาวจร ๖ ช้ัน ยอ มมีได ดว ยวบิ ากแหงสจุ รติ ท้ังสามอยางนั่นเอง. สวนกรรมบถเหลาน้ตี รัสดว ยอํานาจเปนอปุ นิสยั แหงเทวโลกชัน้ บน. จริงอยู กศุ ลกรรมบถทง้ั ๑๐ ขอกค็ ือศลี , การบรกิ รรมกสณิ ยอ มสําเรจ็ แกผูมศี ีลเทา นนั้ ฉะน้นั เมอ่ื ต้ังอยูใน

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 267ศลี แลว กท็ าํ การบรกิ รรมกสณิ เม่อื ยงั ปฐมฌานใหเ กดิ แลวก็ยอมเกิดในปฐมฌานภูมิ. อบรมทุติยฌานเปน ตนแลว ก็ยอมเกดิ ในทุตยิ ฌานภูมเิ ปนตน ครั้นทาํ รูปาวจรฌานใหเ ปน บาทแลวเจรญิ วปิ ส สนา ดํารงอยูใ นอนาคามิ-ผลแลว ก็ยอมเกิดในสทุ ธาวาสท้ัง ๕ ชั้น เมื่อไดทาํ รูปาวจรฌานใหเ ปน บาทแลว ยงั อรูปาวจรสมาบัตใิ หเ กิดข้นึ ก็ยอ มเกดิ ในอรูปภพ ๔ ชั้น ครัน้ ทาํรปู ฌานและอรปู ฌานใหเปนบาทแลว เจรญิ วปิ สสนา ยอ มบรรลุอรหัตตผล.สว นอสัญญภพ พวกดาบสและปรพิ าชกภายนอกสะสมกัน ฉะน้นั จึงไมทรงแสดงในทีน่ ี้. ทเ่ี หลอื ในท่ีทกุ แหง ตน้ื แลวแล. จบอรรถกถาสาเลยยกสตู ร ท่ี ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 268 ๒. เวรัญชกสูตร [๔๘๘] ขาพเจาไดฟ ง มาแลวอยางน้ี :- \" สมัยหนึง่ พระผมู ีพระภาคเจา ประทับที่พระเชตวันอารามของอนาถปณ ฑิกะ ใกลก รงุ สาวัตถี ก็โดยสมัยนีแ้ ล พวกพราหมณเละคฤหบดีชาวเมอื งเวรัญชาพกั แรมอยใู นกรุงสาวัตถี ดว ยกรณียกจิ บางอยางพวกพราหมณแ ละคฤหบดชี าวเมอื งเวรัญชาไดฟ ง วา \"ทา นผเู จริญ ดังไดขาวมาวา พระสมณโคดม ผศู ากยบตุ ร ทรงผนวชจากตระกูลศากยะประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของอนาถปณฑิกะใกลกรุงสาวตั ถี ก็เกยี รติ-ศพั ทอ นั งดงามของพระโคดมผูเจรญิ นั้นแลฟงุ ขจรไปอยางนี้วา ''แมเพราะเหตอุ ยา งนี้ พระผูมพี ระภาคเจาพระองคน้นั ทรงเปน พระอรหนั ต ตรสั รเู องโดยถกู ตอ ง สมบรู ณความรแู ละความประพฤติเสด็จไปดีแลว ทรงรจู ักโลกเปนสารถีฝกคนท่พี อจะฝก ไดอ ยางเยยี่ ม เปนผสู ง่ั สอนพวกเทพและมนษุ ยเปนผูตน่ื แลว เปนผจู ําแนกแจกธรรม พระองคทรงทําใหแจงดวยพระปญ ญาอันย่ิงของพระองคเ องแลวประกาศโลกนี้รวมทั้งเทวโลก พรอมทงั้ มารพรอมทง้ั พรหม หมสู ตั วท รี่ วมทง้ั สมณะและพราหมณ พรอมทงั้ เทวดาและมนษุ ยพระองคท รงแสดงธรรมท่ไี พเราะในเบื้องตน ไพเราะในทามกลาง ไพเราะในท่ีสดุ ประกาศหลกั ครองชวี ติ อนั ประเสรฐิ .บรสิ ุทธบิ์ รบิ ูรณส นิ้ เชงิ พรอมท้ังอรรถ (หวั ขอ ) พรอมท้งั พยญั ชนะ (คําอธิบาย) ก็การไดเ หน็ พวกพระอรหนั ตเห็นปานน้นั เปนการด\"ี . ครั้งน้นั แล พวกพราหมณแ ละคฤหบดีชาวเมอื งเวรัญชาไดเ ขาเฝาพระ-ผูมีพระภาคเจา ถึงทป่ี ระทับ แลว บางพวกถวายบังคมพระผูมีพระภาค-เจา , บางพวกก็ช่นื ชมยนิ ดีกับพระผมู พี ระภาคเจา เปลงถอยคาํ เปน ทีน่ า

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 269บันเทิงทาํ ใหระลึกนึกถงึ กนั , บางพวกเปน แตประณมมือหันไปทางทพี่ ระผูม-ีพระภาคเจา ประทับ, บางพวกเปน แตร อ งประกาศชื่อสกุลในสํานักของพระผูมีพระภาคเจา, บางพวกไมพ ูดจาวา กระไรแลว ตางก็นง่ั ลงในที่ควรสวนหน่งึ , เมื่อพวกพราหมณและคฤหบดีชาวเมืองเวรญั ชาตางนงั่ ลงในทคี่ วรสว นหน่งึ แลว กก็ ราบทูลพระผมู ีพระภาคเจา ดังน้ีวา :- \" พระโคดมผเู จรญิ อะไรหนอเปน เหตุ, อะไรเปน ปจ จัยทส่ี ัตวบางพวกในโลกนีเ้ ขาถึงอบายทคุ ติวินบิ าต นรก เบ้ืองหนา แตตายเพราะกายแตก และ พระโคดมผเู จริญ อะไรเปน เหต,ุ อะไรเปนปจจยั ทสี่ ตั วบางพวกในโลกน้เี ขา ถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรคเ บ้ืองหนา แตตายเพราะกายแตก \" ภ. \" พราหมณเ ละคฤหบดีท้ังหลาย เพราะความประพฤติไมถ ูกตองและประพฤติไมเรียบรอยเปน เหตุ, สัตวบ างพวกในโลกน้จี ึงเขา ถงึ อบายทุคตวิ นิ บิ าตนรกหลังจากทแ่ี ตกกายตายไป, พราหมณแ ละคฤหบดีทงั้ หลายเพราะเหตุทป่ี ระพฤตถิ ูกตองและประพฤติเรยี บรอย สัตวบ างพวกในโลกนี้จึงเขา ถึงสุคตโิ ลกสวรรคหลงั จากทแี่ ตกกายตายไป \" พ. คาํ ที่พระโคดมผเู จรญิ พดู ไวโดยยอ ยังไมไ ดจําแนกเนอื้ ความอยา งพสิ ดารนี้ พวกขา พเจายงั ไมเขา ใจเนือ้ ความอยางพสิ ดารเลย จึงขอความกรณุ าใหพ ระโคดมผเู จริญไดโ ปรดแสดงธรรมโดยประการที่พวกขาพ-เจาจะพงึ เขาใจเนือ้ ความของคําทีพ่ ระโคดมผูเจรญิ พดู ไวโดยยอ นโ้ี ดยพสิ ดารดวยเถิด \" ภ. พราหมณแ ละคฤหบดีทงั้ หลาย ถาเชน น้นั ขอใหพ วกทานจงตั้งใจฟง ใหดี เราจะวา ใหฟ ง \" พราหมณเ ละคฤหบดชี าวเมืองเวรญั ชารับสนองพระดํารสั ของพระ-ผูม ีพระภาคเจา วา \" อยางน้นั ทานผเู จรญิ \"

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 270 อกุศลกรรมบถ ๑๐ [๔๘๙] พระผมู พี ระภาคเจา จึงไดตรัสคํานว้ี า :- พราหมณแ ละคฤหบดที งั้ หลาย บคุ คลเปน ผูประพฤตไิ มถ กู -ตอง ประพฤติไมเ รยี บรอยทางกายมี ๓ อยางแล. เปนผปู ระพฤติไมถูก-ตอง ประพฤตไิ มเ รยี บรอ ยทางวาจามี ๔ อยา ง. เปนผปู ระพฤตไิ มถ กู -ตอ ง ประพฤตไิ มเ รยี บรอ ยทางใจมี ๓ อยา ง พราหมณและคฤหบดีท้งั หลาย กบ็ คุ คลเปน ผปู ระพฤติไมถกู ตอ ง ประพฤตไิ มเ รยี บรอ ยทางกาย ๓ อยา ง อยา งไรบา ง ? \" พราหมณแ ละคฤหบดที ้ังหลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ :- ๑. เปน คนชอบฆาสัตว คือเปน คนเหย้ี มโหด มมี อื เปอ นเลือดมงุ แตเขน ฆา ไรยางอาย ไมม คี วามสงสารในหมูส ตั วทุกชนดิ ๒. เปน คนชอบลกั ทรพั ย คือถอื เอาทรัพยส มบตั ิของคนอ่นื ทีเ่ ขายงัไมใ ห ซึ่งเปนอาการแหงขโมย ๓. เปนคนชอบประพฤตผิ ิดในของรกั ของใครทัง้ หลาย คอื ลว งละเมิดจารีต (ประเวณ)ี ในพวกผหู ญิงท่ีแมป กครอง ฯลฯ เห็นปานน้ัน พราหมณแ ละคฤหบดที ัง้ หลาย บุคคลเปนผปู ระพฤตไิ มถกู ตอ งประพฤตไิ มเ รยี บรอ ยทางกาย ๓ อยา ง อยา งนแ้ี ล \" พราหมณแ ละคฤหบดีทง้ั หลาย ก็บุคคลเปน ผปู ระพฤติไมถกู ตอ ง ประพฤตไิ มเ รยี บรอยทางวาจา ๔ อยาง อยางไรบา ง \" พราหมณแ ละคฤหบดที ้ังหลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ :-

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 271 ๑. เปน ผูช อบพดู เทจ็ , ฯลฯ* เปนผพู ูดเท็จท้งั ๆท่ีรอู ยู ๒. เปนผูก ลาวสอ เสยี ด คือฟง จากทางนีแ้ ลวไปบอกทางโนน ฯลฯเปน ผูกลาววาจาเปน เครือ่ งทําใหแ ตกกนั เปน พรรคเปนพวก ๓. และกเ็ ปนคนกลาวคาํ หยาบ คอื ชอบพูดคําทคี่ อ นขอด หยาบชาฯลฯ เปน ผพู ดู คําเห็นปานนัน้ . ๔. อีกท้งั เปน ผชู อบกลา วคาํ พดู เพอ เจอ คือพูดในเวลาไมค วรพดู คาํ ไมจ ริง ฯลฯ ไมม ีทส่ี น้ิ สดุ ไมประกอบดวยประโยชน. พราหมณและคฤหบดที ้ังหลาย บุคคลเปนผปู ระพฤติไมถูกตองประพฤติไมเ รยี บรอ ยทางวาจา ๔ อยาง อยา งนแี้ ล. \" พราหมณและคฤหบดีท้งั หลาย บคุ คลเปน ผูประพฤติไมถูกตองประพฤติไมเ รยี บรอยทางใจ ๓ อยา ง อยา งไรบาง ? พราหมณและคฤหบดที ้งั หลาย บุคคลบางคนในโลกน้ี :- ๑. เปนผมู ากไปดวยความเพงเลง็ วา ฯลฯ น้นั พึงเปน ของเรา ๒. เปน ผมู จี ิตพยาบาท คือมีความคิดในใจทรี่ ายวา \" ขอใหสัตวเหลา นี้จงเดือดรอ น ฯลฯ หรอื อยา ไดมีแลว \". ๓. อกี ท้ังเปนผูม ีความเห็นผดิ คือเหน็ คลาดเคลอ่ื นไปวา \"ทานทใ่ี หแลวไมมผี ล, การบูชาไมมีผล, การเซน สรวงไมมีผล ฯลฯ ทําใหแจงแลว ประกาศ ไมมี\" \" พราหมณและคฤหบดที ้ังหลาย บุคคลยอมเปนผูประพฤติไมถกู ตองประพฤติไมเรยี บรอยทางใจ ๓ อยา ง อยางน้ีแล.๑. ขอ ความที่ ฯลฯ ทกุ แหง เหมือนทก่ี ลา วแลวในสาเลยยกสูตร

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 272 \" พราหมณแ ละคฤหบดีทั้งหลาย เพราะเหตทุ ปี่ ระพฤตไิ มถกู ตอ งและประพฤติไมเ รยี บรอ ยดงั ที่วา มาน้แี ล สัตวบ างพวกในโลกน้ีจงึ เขา ถึงอบายทคุ ติวนิ ิบาตนรกเบอื้ งหนาแตตายเพราะกายแตกไปอยางนี.้ กุศลกรรมบถ ๑๐ [๔๙๐] พราหมณและคฤหบดีทั้งหลาย กแ็ ลบคุ คลเปนผปู ระพฤติถูกตอง ประพฤติเรียบรอ ยทางกายมี ๓ อยาง,.....ทางวาจา มี ๔ อยาง,......ทางใจมี ๓ อยา ง. \" พราหมณแ ละคฤหบดีทั้งหลาย ก็แลบุคคลเปน ผูประพฤติถูกตอ งประพฤตเิ รยี บรอ ยทางกาย ๓ อยา ง อยา งไรบา ง \" พราหมณแ ละคฤหบดที ัง้ หลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ :- ๑. ละการฆาสตั ว งดเวน การฆา สัตวไดเด็ดขาด วางทอนไมเ สียแลววางศสั ตราเสยี แลว ฯลฯ เปนผูมกี ารเกือ้ กลู อนุเคราะหสตั วทุกจําพวกอยู ๒. ละการลักทรัพย งดเวน จากการลกั ทรพั ยไ ดเ ด็ดขาด ไมถอืเอาทรพั ยสมบัตขิ องผอู นื่ ทเ่ี ขายงั ไมไดใหอ ันเปน สวนแหงขโมย ๓. ละการประพฤติผิดในเร่ืองของรกั ของใครท้ังหลาย ฯลฯไมเ ปนผูล ว งละเมดิ จารีต (ประเวณี) ในพวกหญงิ เห็นปานนนั้ พราหมณและคฤหบดที ง้ั หลาย บคุ คลยอมเปน ผปู ระพฤติถกู ตอ งประพฤติเรยี บรอย ทางกาย ๓ อยา ง อยางน้แี ล. \" พราหมณและคฤหบดที ง้ั หลาย กบ็ ุคคลยอมเปน ผูป ระพฤติถูกตอ งประพฤตเิ รยี บรอ ยทางวาจา ๔ อยา ง เปนอยา งไรบา ง ?

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 273 \" พราหมณและคฤหบดีท้งั หลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ :- ๑. ละการกลาวเทจ็ เวน จากการกลา วเท็จไดอ ยางเด็ดขาด คอื อยใู นทป่ี ระชมุ กด็ ี ฯลฯ เปนผไู มกลาวเทจ็ ทั้งๆทร่ี อู ยู. ๒. ละคําสอ เสยี ด เวน จากคําสอ เสยี ดไดอยางเด็ดขาด ฯลฯ เปนผูกลาวคําท่ที าํ ใหเ กดิ สมคั รสมานกนั เห็นปานนนั้ ๓. ละคาํ หยาบ ฯลฯ เปน ผกู ลาวคําเห็นปานน้นั ๔. ละคําสํารากเพอ เจอ ฯลฯ โดยเลอื กเวลา มที อี่ างมีทสี่ น้ิ สุดประกอบดวยประโยชน พราหมณและคฤหบดีทงั้ หลาย บคุ คลยอมเปน ผปู ระพฤตถิ ูกตอ งประพฤตเิ รยี บรอ ยทางวาจา ๔ อยาง อยางน้แี ล. พราหมณแ ละคฤหบดีท้ังหลาย กบ็ คุ คลยอมเปนผูประพฤติถูกตอ งประพฤตเิ รยี บรอ ยทางใจ ๓ อยาง เปน อยางไรบา ง? \" พราหมณแ ละคฤหบดที ้งั หลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ :- ๑. ไมเ ปน ผมู ากไปดวยความเพงเล็ง คอื ไมเพงเล็งทรพั ยสมบตั ขิ องผูอนื่ วา \" ไฉนหนอ ทรพั ยของคนอ่นื พึงเปนของเรา \" ๒. ไมเปน ผูมีจติ พยาบาท ไมมีจติ คดิ ราย (คิดในใจ) วา \" ขอใหสัตวเหลา น้จี งอยามีเวร อยาเบียดเบียนกัน อยามีทกุ ข จงมแี ตสุข รกั ษาตนเถดิ \" ๓. เปน ผมู ีความเหน็ ถูกตอ ง ไมใ ชเ หน็ คลาดเคลื่อน (คือเห็น) วา\" ทานท่ใี หแ ลว มผี ล, การบชู ามผี ล, การเซนสรวงมีผล ฯลฯ ทําใหแ จง ดวยความรูอยา งยงิ่ ของตนเองแลว ประกาศ (แกสัตวอ ืน่ ) มี \"






















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook