พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 62ภัย ทางนี้ไมเรยี บ นาสงสัย มภี ัยจาํ เพาะหนา. เขาเวน ทางอันปลอดภัยเรยี บ ตอนฝงู โคใหเ ดินไปอีกทางหน่งึ โคไดก ลน่ิ ราชสีหแ ละเสอื เปนตนหรอื อันตรายแตโ จรครอบงาํ เปรียบดว ยเน้อื ต่ืน ยนื ชคู อ จะเค้ียวกนิหญา ดม่ื นาํ้ ไมไดตามความปรารถนา นาํ้ นมของแมโ คในที่น้ัน กข็ าดไป ฯลฯ เขายอ มหา งไกล. บทวา น โคจรกสุ โล โหติ ความวา กน็ ายโคบาลพงึ ฉลาดในสถานทโี่ คเทยี่ วหากิน พึงรคู ราวละ ๕ วัน หรอื คราวละ๗ วัน ใหฝงู โคเท่ียวหากนิ ในทศิ หนึง่ แลว วนั รงุ ขึน้ ไมพงึ ใหเ ที่ยวไปที่นนั้ . กส็ ถานทฝ่ี ูงโคใหญเ คยเท่ยี วไป หญา หมดเรียบเหมือนหนากลอง แมนํา้ก็ขุนมวั เพราะฉะน้ัน ในวันท่ี ๕ หรอื ที่ ๗ จึงควรตอ นใหไ ปเท่ยี วหากนิ ในที่น้ันอกี เพราะวา แมหญา กก็ ลบั งอกงาม แมน้ําก็ใส ดวยเหตุประมาณเทานี้ สว นนายโคบาลน้ไี มรูจ ักคราวละ ๕ วัน หรอื คราวละ ๗ วัน ยอ มรักษาสถานท่ตี นรกั ษาแลว น่ันและทุกๆ วัน เม่ือเปนเชน น้ันฝูงโคของเขาไมไดเคยี้ วกนิ หญาอนั เขยี วสด เมือ่ เคี้ยวกนิ หญา แหง ดืม่ น้ําเจอื เปอกตมอยู นาํ้ นมของแมโ คในทนี่ ้นั กข็ าดไป ฯลฯ เขายอมหางไกล. บทวา อนวเสสโทหี โหติ ความวา เนือ้ และเลือดของลูกโค จะตั้งอยูไดเ พียงใด นายโคบาลผฉู ลาด พึงรดี น้ํานมใหเหลอื ไว ๑-๒ เตา เพียงนั้น นายโคบาลนี้ รดี นา้ํ นมมิไดเ หลืออะไร. สาํ หรบั ลูกโคเลย ลกู โคท่ยี งั ดูดน้าํนมยอมอิดโรย ดว ยความกระหายนา้ํ นม เม่อื ไมส ามารถดาํ รงตนอยไู ดสั่นลม ลงตายตอหนาแม แมเหน็ ลกู นอยแลวคิดวา ลกู นอ ยของเรา ไมไดแมเพื่อจะด่ืมนํ้านมของแมต น ไมสามารถเพอ่ื จะเค้ียวกนิ หญา ดม่ื นาํ้ ตามความตอ งการได เพราะความโศกถึงลกู นํา้ นมท่ีเตา นํ้าก็ขาดไป ฝูงโคของเขายอ มเสื่อมบา ง เขายอ มหางไกลจากปญจโครสบา ง ดว ยประการอยา งน้ี ชื่อวา พอโค เพราะอรรถวาทาํ หนาทเ่ี ปน พอ ของโคท้งั หลาย. ชื่อวาหัวหนา
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 63โค เพราะอรรถวา นําฝูงโคคอื พาไปไดตามชอบใจ. บทวา น อติเรกปชู ายความวา จริงอยู นายโคบาล ผฉู ลาด ปรนปรอื โคใหญเห็นปานนี้ ดวยการปรนปรือเปน พเิ ศษ คือยอมใหอ าหารอันประณีต ตกแตงดว ยของหอมและการเจิม ๕ แหง ประดับดอกไม สวมปลอกทองคําและเงินทีเ่ ขา ตามดวงไฟใหส วา งตลอดคนื ใหนอนภายใตเพดานผา สวนนายโคบาลน้ี ยอ มไมทําการเออ้ื เฟอ อยางเดียว จากการใหอาหารอันประณตี เปนตนน้นั โคใหญเ มื่อไมไดปรนปรือ เปนพิเศษกไ็ มรกั ษาฝูงโค ไมปองกันอันตราย ฝงู โคของเขายอมเส่ือมไป เขายอมหางไกลจากปญ จโครส ดว ยประการอยางน.ี้ บทวา อิธ คือ ในศาสนานี.้ บทวา น รปู ฺู โหติ ความวา ยอ มไมร ูจกั รปู ท่ีกลา วแลว อยา งน้วี า มหาภตู รปู ๔ โดยอาการ ๒ คอื โดยการนับ หรอื โดยสมุฏฐาน. ชอื่ วา ไมร จู กั โดยการนบั คือไมรวู า สว นแหง รูป๒๕ มาแลว ในบาลีอยา งนี้วา อายตนะคือตา หู จมกู ลน้ิ และกาย อายตนะคือรปู เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ อติ ถินทรีย ปรุ ิสินทรีย ชวี ิตินทรียกายวิญญตั ิ วจีวญิ ญัติ อากาสธาตุ อาโปธาตุ ความเบาแหงรูป ความออนแหงรปู ความควรแกการงาน ความกอขึ้น ความสบื ตอ ความแก ความที่รูปเปน ของไมเ ท่ียง อาหารคอื คําขา ว. ภกิ ษุนี้ เปรียบเหมือนนายโคบาลนั้น ไมร จู ักรูปแหง โคทง้ั หลายโดยการนับฉะนั้น เธอเมือ่ ไมร ูจักรูปโดยการน้นั กไ็ มส ามารถเพอ่ื จะกําหนดรปู ยึดถือรูป กําหนดปจ จัย ยกขน้ึ สสู ามัญลักษณะ กาํ หนดรูป ยึดถอื รปู กาํ หนดปจจยั ยกข้ึนสสู ามญั ลกั ษณะแลว กําหนดอรูป กาํ หนดจับอรูป กาํ หนดปจ จยั ยกข้นึ สลู ักษณะ ใหกมั มฏั ฐานถงึ ท่ีสุดได ภิกษุนน้ั ยอมไมเจริญดว ยศลี สมาธิ วปิ ส สนามรรค ผล และนิพพานในศาสนานี้ เหมอื นฝงู โคของนายโคบาลนัน้ยอ มไมเ จรญิ ฉะน้ัน. เหมือนอยางวา นายโคบาลนัน้ ยอ มหางไกลจากปญ จ
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 64โครส ฉันใด ภกิ ษนุ น้ั ก็หา งไกลจากธรรมขนั ธ ๕ คือ ศลี ขันธ สมาธขิ ันธปญญาขนั ธ วิมตุ ตขิ นั ธ วิมตุ ติญาณทัสสนขนั ธ อันเปน ของพระอเสขะฉนันน้ั ชื่อวา ไมร ูจักโดยสมฏุ ฐาน คอื ไมร ูวา รปู ประมาณเทา น้ี มสี มุฏฐานเดยี ว ประมาณเทาน้ี มสี องสมุฏฐาน ประมาณเทาน้ี มสี ามสมฏุ ฐาน ประมาณเทา นี้ มีส่สี มฏุ ฐาน ประมาณเทาน้ี ยอ มไมตงั้ ขน้ึ แตส มฏุ ฐานไหนเลย ดังนี้. ภกิ ษนุ ้เี ปรียบเหมอื นนายโคบาลนน้ั ไมรจู ักรูปแหงใดท้ังหลายโดยสีฉะนนั้ เธอไมรูจัดรูป โดยสมฏุ ฐาน ยึดถอื รปู กาํ หนดรูป แลว ฯลฯยอมหางไกล. บทวา น ลกขฺ ณกสุ โล โหติ ความวา ยอ มไมรูจกั วา กศุ ลกรรมอกุศลกรรมเปน ลกั ษณะพาล และบณั ฑิตทก่ี ลาวแลว อยา งน้วี า คนพาลมีกรรมเปน ลกั ษณะ คนเปน บณั ฑิตมีกรรมเปนลักษณะ เขาเมือ่ ไมร จู กั อยางน้ี ไมเ วนคนพาล ไมคบหาบณั ฑิต เม่ือไมเ วน คนพาล ไมค บหาบณั ฑิตไมร ูจักสงิ่ ที่ควรไมควร เปนกศุ ล อกศุ ล สง่ิ ท่มี โี ทษไมมีโทษโทษหนกั โทษเบาแกไขได แกไขไมไ ด เหตุมใิ ชเ หตุ เม่อื ไมรสู งิ่ นัน้ ยอ มไมสามารถเพื่อจะถือเอากัมมฏั ฐานไปเจรญิ ได ภกิ ษุนั้นยอ มไมเจรญิ ดวยคณุ มศี ลี เปน ตน ตามท่กี ลาวแลวในศาสนานี้ เหมือนฝงู โค ของนายโคบาลนน้ั ไมเ จรญิ คอื เปน ผูหา งไกลจากธรรมขันธ เหมอื นนายโคบาลหางไกลจากปญจโครสฉะนน้ั .บทวา น อาสาฏกิ สาเฏตา โหติ ความวา ยอ มไมบรรเทากามวติ กเปนตน ทก่ี ลาวแลวอยา งน้วี า กามวิตกเกิดข้นึ แลวดงั น้ี ไมค อยเข่ยี ไขข างเปนอกศุ ลวิตกน้ี เมอื่ เที่ยวประพฤตอิ ยใู นอาํ นาจของวิตก ยอมไมส ามารถเพื่อจะถือเอากมั มฏั ฐานไปเจริญได ภกิ ษนุ นั้ ยอมหา งไกลเหมอื นของนายโคบาล ฯลฯ บทวา น วณ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ ความวา เมือ่ ถือนมิ ิต ในอารมณทกุ อยางโดยนัยเปนตน วา เหน็ รปู ดว ยจกั ษุแลว ถือโดยนมิ ิตดงั น้ี ยอมไมย ัง
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 65ความสาํ รวมใหถึงพรอ มเหมือนนายโคบาลนน้ั ไมป ดแผลฉะนั้นเม่ือเปดทวารเที่ยวไป ยอมไมสามารถเพ่อื ถือกัมมฏั ฐานไปเจรญิ ได ฯลฯ เขายอ มหา งไกล. บทวา น ธูม กตฺตา โหติ ความวา ภกิ ษุไมสุมควนั คอื ธรรมเทศนาเหมอื นนายโคบาลนั้นไมส ุมควันฉะนัน้ คือไมทาํ ธรรมกถา หรือสรภัญญะอปุ นสิ นิ นกถา หรืออนุโมทนา แตน้นั พวกมนษุ ยไ มรจู ักคณุ นั้นวา ภกิ ษผุ ูเปนพหสู ตู มคี ณุ ดังนี้ มนุษยเ หลานนั้ เม่อื ไมร ูจักคุณและโทษ ยอ มไมกระทาํ การสงเคราะหดวยปจจยั ๔ เธอเม่ือลําบากดวยปจจัย กไ็ มส ามารถเพื่อจะทําการสาธยายพระพุทธพจน บําเพญ็ วตั รปฏิบตั ิ ถือกมั มฏั ฐานไปเจริญได ฯลฯ เขายอ มหา งไกล. บทวา น ติตถฺ ชานาติ ความวา ภิกษุยอ มไมเ ขาไปหาภิกษผุ เู ปน พหสู ตู ผูเ ปน ดุจทา เมื่อเขาไปหา ไมไ ตถ าม ถอื เอา สอบถามใหรอู ยา งนวี้ า ขา แตทานผเู จรญิ พยัญชนะน้ี พงึ ปลกู ฝงอยา งไร เน้อื ความแหงภาษติ นีเ้ ปนอยา งไร บาลใี นที่แหง บาลนี ้ี กลา วไวอ ยา งไร เนือ้ ความในท่ีนี้ แสดงไวอ ยางไร ภกิ ษผุ เู ปนพหูสตู เหลา น้นั อันเธอไมไ ตถ ามแลวอยา งนี้ ยอมไมเปดเผยขอความทย่ี งั ล้ีลับ ไมจ าํ แนกออกแสดง ไมทาํ ขอ ความทล่ี กึใหต ื้น ไมท ําขอความทไ่ี มป รากฏใหปรากฏแกเ ธอ. บทวา อเนกวหิ ิเตสุ จ กงขฺ าฏ านเี ยสุ ธมเฺ มสุ ไดแ ก ยอมไมบรรเทาแมค วามสงสยั อยางหนึง่ ในความสงสัยหลายอยา ง มีอธบิ ายวา กค็ วามสงสัย ชือ่ วา ธรรมเปนทต่ี ัง้แหงความสงสัย ยอ มไมน าํ แมความสงสยั อยา งหน่งึ ในธรรมนัน้ ออกไปได. เธอไมเ ขา ไปหาทาคอื ภิกษุผูเปน พหูสูตอยา งนี้ จึงเตม็ ดวยความสงสัย ไมส ามาร เพ่อื จะถอื กมั มัฏฐานไปเจริญได เหมือนอยา งวา นายโคบาล ยอ มไมรจู กั ทาฉนั ใด ภิกษนุ ไ้ี มรจู ักทา คอื ธรรมฉนั นัน้ เมอื่ ไมรูไดถามปญ หาในมใิ ชวสิ ัย เขา ไปหาพระนักอภธิ รรม ไดถามสง่ิ ที่ควรไมควร เขา
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 66ไปหาพระวนิ ยั ธร ไดถ ามการกําหนดรูปและอรปู ทานเหลา นั้น ถูกเธอถามในธรรมทีม่ ิใชว ิสยั ยอมไมสามารถเพ่ือจะตอบได เธอจึงเต็มไปดว ยความสงสัย ดว ยตนเอง จึงไมสามารถเพือ่ จะถอื กมั มฏั ฐานไปเจรญิ ได ฯลฯ เขายอ มหางไกล. บทวา ปต น ชานาติ ความวา ภิกษยุ อ มไมร ู คือไมไดค วามปราโมทยป ระกอบดวยธรรม เหมอื นนายโคบาลนนั้ ยอ มไมร ูจ กั ใหโคดมื่ และไมดมื่ ฉะน้ัน เธออาศัยบุญกิรยิ าวตั ถสุ าํ เร็จดวยการฟง ยอมไมประสบอานสิ งสไปยังโรงฟง ธรรมแลว ยอ มไมฟ งโดยความเคารพ น่ังหลับยอมพูดคยุ เปน ผูมีใจสงไปอน่ื เธอเมอื่ ไมฟ งธรรมโดยความเคารพ ยอ มไมส ามารถเพ่ือจะถือกัมมฏั ฐานไปเจริญได ฯลฯ เขายอ มหางไกล. บทวา น วถี ึ ชานาติ ความวา ภกิ ษุยอมไมร ูชดั อริยมรรคมอี งค ๘ ตามเปน จริงวา ทางน้ีเปนโลกยิ ะทางนีเ้ ปน โลกตุ ตระ ดงั นี้ เหมอื นนายโคบาลนน้ั ไมร ูอยซู ่ึงทางและมใิ ชทางฉะน้ัน เมื่อเธอไมร ูตั้งมั่นแลว ในทางท่ีเปนโลกิยะ ยอ มไมส ามารถเพอื่ จะยงัโลกตุ ตรธรรมใหเ กิดขึ้นได ฯลฯ เขายอ มหางไกล บทวา น โคจรกสุ โลโหติ ความวา ภิกษุยอมไมรูชดั สติปฏฐาน ๔ ตามเปน จริงวา ธรรมเหลา น้ีเปนโลกุตตระ เหมอื นนายโคบาลน้ันไมรูอยซู ง่ึ คราวละ ๕ วนั และ ๗ วันฉะน้ัน เมื่อเธอไมร ปู ลกู ฝง ญาณของตนไวในธรรมอันที่สุขุม ต้ังมัน่ ในสติปฏ ฐานเปนโลกิยะ ยอ มไมสามารถเพอื่ จะยังโลกตุ ตรธรรมใหเ กดิ ข้นึ ได ฯลฯเขายอมหา งไกล. บทวา อนวเสสโทหี ความวา ภกิ ษุ เม่ือไมร ูจกั ประมาณในการรับ ยอ มรีดเสียหมดมิไดเ หลอื ไวส วนในนทิ เทสวาร พวกคฤหบดผี ูม ีศรทั ธามาปวารณาแกภ กิ ษุนัน้ วา อภหิ ฏุ ปวาเรนิตา ในท่ปี วารณานี้ ปวารณามี ๒ คอื ปวารณาดว ยวาจา ๑ ปวารณาดว ยปจจยั . พวกมนษุ ยไปยังสาํนักของภิกษแุ ลว ปวารณาวา ขาแตท า นผเู จริญ ทา นพงึ บอกส่งิ ที่ตอ งการดงันี้ ช่อื วาปวารณาดว ยวาจา. พวกมนุษยถ อื ผา หรอื เภสชั มีนํา้ นมและนา้ํ ออ ย
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 67เปน ตน ไปสาํ นกั ของภกิ ษุ กลา ววา ขา แตทานผูเจรญิ ขอทา นจงรับตามความตองการเถดิ ดังน้ี ชอ่ื วา ปวารณาดวยปจจยั . บทวา ตตรฺ ภกิ ฺขุมตฺต น ชานาติ มีอธิบายวา ภกิ ษุ ไมร ูจกั ประมาณในปจจัยเหลาน้ัน ไมร บัแตพ อประมาณโดยนัยทีท่ านกลาวไวในรถวนิ ตี สตู รวา พึงรคู วามสามารถของทายก ความสามารถของไทยธรรม พึงรูกําลังของตน รับสง่ิ ทเ่ี ขานํามาถวายทงั้ หมด. มนษุ ย เดือดรอ นจะไมมาปวารณาอกี . เธอเมอ่ื ลาํ บากดว ยปจจยั ยอ มไมส ามารถจะถือกัมมฏั ฐานไปเจริญได ฯลฯ เขายอ มหา งไกล. บทวา เต น อตเิ รกปชู าย ปชู ิตา โหติ ความวา ภกิ ษุ ไมบ ูชาพระภกิ ษุเหลาน้นั ผูเปน พระเถระดวยบูชาเปนอดเิ รก มเี มตตากายกรรมเปนตนน้ี ทง้ั ในทแี่ จง ท้ังในทีล่ ับ เหมือนนายโคบาลไมป รนปรอื โคใหญด วยการปรนปรอื เปน พเิ ศษอยูฉ ะนัน้ เพราะฉะนน้ั พระเถระคดิ วา ภิกษทุ งั้ หลายไมทาํ ความเคารพและความยาํ เกรงในพวกเราเหลา นีแ้ ลว จึงมิไดส งเคราะหพวกนวกภกิ ษดุ ว ยการสงเคราะห ๒ คือ ไมส งเคราะหด วยธรรม ๑ ดวยอามสิ ๑ ไมบาํ รงุ นวกภกิ ษผุ ลู ําบาก เห่ียวแหง อยดู วยจวี ร หรือบาตร ส่ิงของเนอื่ งดว ยบาตร หรือที่อยู ไมใหศึกษา บาลี หรืออรรถกถาคัมภีรเ นอื่ งดวยธรรมกถา หรือคัมภรี ท ่ลี ี้ลับ พวกนวกภกิ ษุ เมื่อไมไดก ารสงเคราะห๒ อยางเหลา น้ี แตส ํานักของพระเถระทง้ั หลายโดยประการท้งั ปวง ยอ มไมอาจเพอื่ จะดาํ รงอยูในศาสนานไี้ ด. พวกเธอยอมไมเ จรญิ ดวยคุณมีศีลเปนตน เหมอื นฝูงโคของนายโคบาล ยอมไมเ จรญิ ฉะนัน้ . นายโคบาลนัน้ ยอมเปนผหู างไกลจากปญจโครสฉันใด เธอยอมเปน ผูห างไกลจากธรรมขนั ธ ๕ฉนั นั้น สกุ กปกษท านประกอบไวแ ลว พงึ ทราบดวยสามารถตรงกันขา มที่กลา วแลว ในกัณหปก ษ. จบอรรถกถามหาโคปาลสตู รที่ ๓
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 68 ๔. จฬู โคปาลสูตร [๓๘๘] ขา พเจาไดสดบั มาอยา งนี้ สมยั หน่งึ พระผูมพี ระภาคเจาประทบั อยู ณ ฝงแมนํา้ คงคา จงั หวดัอุกกเวลาแควนวัชชี. คราวนน้ั แล พระผูมีพระภาคเจา ตรัสเรยี กภกิ ษุท้ังหลาย พระภกิ ษุเหลานนั้ จงึ รบั สนองพระดาํ รัสของพระผมู พี ระภาคเจา วาพระเจา ขา . [๓๘๙] ภกิ ษุทงั้ หลาย เรอ่ื งเคยมีมาแลว นายโคบาลชาวมคธผมู ีมาแลว นายโคบาลชาวมคธผูมีปญญาทราม ไมน ึกถงึ ฤดูสารทในเดือนทายฤดฝู น ไมตรวจตราดฝู ง แมน้าํ คงคาขา งนี้ เริม่ ตอ นฝงู โคขามไปฝง เหนอื แหงวิเทหรัฐฟากโนน โดยไมถ ูกทา เลย ทันใดนั้นแล ฝูงโคไดวา ยเวียนวนในทามกลางกระแสแมน ํา้ คงคา ถงึ ความวอดวายเสยี ท่ตี รงน้ันเอง ขอนน้ั เปนเพราะเหตุไร ภกิ ษุท้งั หลาย กเ็ พราะคาทนี่ ายโคบาลชาวมคธเปนผูมปี ญญาทราม ไมนึกถึงฤดูสารทในเดือนทา ยฤดฝู น ไมตรวจตราดฝู ง แมนํ้าคงคาขา งน้ี เริ่มตอ นฝูงโคใหขามไปฝงเหนือแหง วเิ ทหรฐั ฟากโนน โดยไมถ ูกทาเลย ภกิ ษุทงั้ หลาย สมณะหรือพราหมณพ วกใดพวกหน่ึง ทไ่ี มฉลาดตอโลกนี้ ไมฉลาดตอโลกหนา ไมฉลาดตอส่ิงใตอาํ นาจมาร ไมฉ ลาดตอ สง่ิ เหนอื อํานาจมาร ไมฉ ลาดตอส่งิ ใตอาํ นาจมฤตยู ไมฉ ลาดตอ สิ่งเหนืออํานาจมฤตยู ชนเหลา ใดจกั สาํ คญั สิง่ ทค่ี วรฟง ควรเชอื่ ตอสมณพราหมณเ หลานัน้ ขอนัน้ จักเปนไปเพื่อไรประโยชนเละทกุ ขแกชนเหลานน้ั สิ้นกาลนานเชนนั้นเหมือนกัน.
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 69 [๓๙๐] ภิกษทุ ้งั หลาย เรือ่ งเคยมมี าแลว นายโคบาลชาวมคธผมู ีปญ ญา นึกฤดสู ารทในเดอื นทา ยฤดูฝน ตรวจตราดฝู ง แมน า้ํ คงคาขางนแี้ ลวเริ่มตอนฝูงโคใหข ามไปฝง เหนอื แหง วเิ ทหรฐั ฟากโนนโดยถกู ทา ทีเดียว.เขาขบั ตอ นเหลาโคอสุภ เปนโคพอ สูง เปนโคนําหนา ฝงู ขามไปกอน มนัได (วา ย) ตดั ตรงกระแสแมนา้ํ คงคา ถึงฝง โดยสวสั ดี. ตอน้นั จงึ ตอ นโคอ่ืนอีก ทีใ่ ชการได ทพ่ี อจะฝก ใชไ ด มนั ได (วาย) ตัดตรงกระแสแมน า้ํ คงคา ถงึ ฝง โดยสวัสด.ี ตอน้ันจงึ ไปตอนโคผูและโคเมยี ท่ีรุนคนอง มนั กไ็ ด(วาย) ตดั ตรงกระแสแมน า้ํ คงคา ถึงฝง โดยสวัสดี. ตอ นัน้ ไปจึงตอนลูกโคและโคทีซ่ ูบผอม มันก็ได (วา ย) ตดั ตรงกระแสแมน าํ้ คงคา ถงึ ฝง โดยสวสั ดี. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เรอ่ื งเคยมมี าแลว ลูกโคออ นทเี่ กิดในวันน้นั วายไปตามเสยี งรองของแมมันก็ได (วา ย) ตดั ตรงกระแสแมนํ้าคงคา ถึงฝง โดยสวสั ด.ี ขอน้นั เปน เพราะเหตุไร เปนเพราะเขาฉลาด จริงอยางนนั้ นายโคบาลชาวมคธเปนคนมีปญ ญา นกึ ถึงฤดูสารทในเดือนทา ยฤดูฝน ตรวจตราดูฝง แมน าํ้ คงคาขา งนแ้ี ลว ขบั ตอ นฝูงโคใหขามไปฝง เหนอื แหงวเิ ทหรฐั ฟากโนน โดยถูกทาทีเดียว ภกิ ษทุ ัง้ หลาย สมณะหรอื พราหมณพ วกใดพวกหนง่ึ ท่ีฉลาดตอโลกน้ี ฉลาดตอ โลกหนา ฉลาดตอส่ิงใตอ ํานาจมาร ฉลาดตอส่งิ เหนืออาํ นาจมาร ฉลาดตอ ส่ิงทใ่ี ตอ าํ นาจมฤตยู ฉลาดตอ สงิ่ เหนอื อาํ นาจมฤตยู ชนเหลา ใดจกั สําคัญสงิ่ ท่ีควรฟงควรเชือ่ ตอ สมณพราหมณเ หลานน้ั ขอ น้นั จกั เปนไปเพือ่ ประโยชนและสุขแกชนเหลานนั้ ส้นิ กาลนาน เชนน้นัเหมอื นกัน. [๓๙๑] ภกิ ษทุ ง้ั หลาย บรรดาโคอุสภุ เปน โคพอ ฝูง เปน โคนําฝูงได (วาย) ตดั ตรงกระแสแมนํา้ คงคา ถงึ ฝงโดยสวสั ดแี มฉ นั ใด ภกิ ษเุ หลาใด เปน พระอรหนั ตส ้นิ อาสวะ อยจู บพรหมจรรยเ สร็จกิจทีต่ อ งทํา ปลงภาระ
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 70แลว สาํ เร็จประโยชนต น สนิ้ สังโยชนในภพ หลุดพน เพราะรูชอบแมภ ิกษุเหลาน้นั ตัดตรงกระแสมาร ถงึ ฝง โดยสวสั ดี ฉนั น้ันและ. ภิกษทุ ั้งหลายโคท่ีใชการไดและที่พอจะฝกใชไ ด (วาย) ตัดตรงกระแสแมน าํ้ คงคา ถึงฝงโดยสวสั ดี แมฉ นั ใด ภิกษเุ หลาใดซึ่งเกดิ ผดุ ขึ้นและปรินพิ พานในชน้ั (สทุ ธาวาส) น้นั ไมจ ําตองวกกลับมาจากโลกน้ัน เพราะสิ้นสงั โยชนเบื้องตํา่ ๕.แมภกิ ษุเหลา น้ัน จกั ตัดตรงกระแสมารแลว ถงึ ฝง โดยสวสั ดี. ภิกษุทง้ั หลาย โคผแู ละโคเมยี ทรี่ ุนคนอง ได( วา ย) ตดั ตรงกระแสแมนาํ้ คงคา ถึงฝง โดยสวสั ดี แมฉ นั ใด ภกิ ษุเหลา ใด เปนพระสกทาคามี เพราะสิน้ สงั โยชน ๓ และทําราคะ โทสะ โมหะ ใหเบาบาง จักมาสโู ลกนี้อีกคราวเดยี วแลว จกั ทาํ ทส่ี ุดทุกข แมภ ิกษุเหลานน้ั กจ็ กั ตัดตรงกระแสมารถงึ ฝง โดยสวัสดี. ภกิ ษทุ ั้งหลาย ลูกโค (และ) โคท่ีซูบผอม ได (วาย) ตดั ตรงกระแสแมน้าํ คงคา ถึงฝงโดยสวัสดี แมฉ นั ใด ภิกษุเหลา ใดเปนพระโสดาบนั เพราะสิน้สังโยชน ๓ มอี นั ไมต กตํา่ เปน ธรรมดาเปน ผเู ทย่ี งท่จี ะตรสั รตู อไปขา งหนา แมภิกษเุ หลานนั้ ก็ไดต รัสตรงกระแสมาร ถึงฝงโดยสวัสดี. ภิกษทุ งั้ หลาย ลกู โคออนท่เี กิดในวนั น้นั วา ยไปตามเสียงรองของแม ได (วาย) ตดั ตรงกระแสแมน ้าํ คา ถงึ ฝงโดยสวัสดี แมฉ ันใด ภิกษเุ หลาใด ซง่ึ หนวงธรรมและศรัทธาเปนหลกั แมภ ิกษเุ หลา นนั้ ก็จกั ตดั ตรงกระแสมาร ถึงฝง โดยสวสั ดี ฉนั น้นั แหละ. ภิกษุทั้งหลายตัวเราเปนผฉู ลาดตอโลกน้ี ฉลาดตอ โลกหนา ฉลาดตอสิง่ ใตอาํ นาจมาร ฉลาดสง่ิ เหนอื อาํ นาจมาร ฉลาดตอส่ิงใตอ าํ นาจมฤตยู ฉลาดตอสิ่งเหนืออํานาจมฤตยู ชนเหลา ใดจักสาํ คญั ส่งิ ที่ควรฟง ควรเชือ่ ตอเราน้ัน ขอ นนั้ จักเปน ไปเพ่ือประโยชนและสขุ แกช นพวกน้ันตลอดกาลนาน ดงั น้ี.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 71 พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรสั เวยยากรณพจนนแ้ี ลว ภายหลงั จงึ ไดตรสัคาถาประพันธน้ตี อ ไปวา โลกนี้ โลกหนา เรารอู ยู ประกาศไวด ี แลว เราผเู ปนสมั พทุ ธะ ทราบชดั โลกทั้งปวง ซ่งึ แออัดดว ยมาร และอา งวางจากมฤตยู ดว ยปญ ญาอันยิ่ง เปดประตูอมฤตอนั ปลอด โปรง เพอื่ บรรลพุ ระนพิ พาน กนั้ กระแสมาร ผูลามก ขจัด (กิเลส) และกระทาํ ใหห มด มานะ พวกเธอจงเปนผมู ากไปดว ยปรา- โมทย ปรารถนาพระนิพพาน ซึง่ เปน ทีเ่ กษมเถิด ภกิ ษทุ ้ังหลาย. จบจฬู โคปาลสตู ร ที่ ๔
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 72 อรรถกถาจฬู โคปาสสูตร จูฬโคปาสสตู รมบี ทเริ่มตน วา เอวมเฺ ม สตุ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา อกุ กฺ เจลาย คือ ในเมอื งมีช่ืออยา งนน้ั .ไดยินวา เมื่อเขากําลงั สรา งเมอื งนั้น ปลาจากกระแสแมน ํ้าคงคา ขึ้นบกในเวลากลางคืน พวกมนษุ ยชุบผา ในถาดน้ํามันใหเปย กทําเปนคบเพลิงจับปลา. เมอ่ื เมอื งน้นั สรา งเสรจ็ แลว พวกเขาเมอ่ื จะตง้ั ชื่อเมอื งน้นั จงึ ไดตง้ั ช่ือเมืองน้ันวา อกุ กเจลา ดวยคดิ วา ในวันสรางเมอื งพวกเราจับปลาไดดวยคบเพลงิ ผา . บทวา ภิกฺขู อามนเฺ ตสิ ความวา แมน ้าํ คงคาท้ังหมด ยอ มปรากฏแกผ ูน ัง่ ในสถานทใ่ี ด พระผูม พี ระภาคเจา ภิกษุสงฆเปนอนั มากหอมลอ ม ประทบั นั่งในสถานทีเ่ ชนนัน้ เปน หาดทรายฝงแมนาํ้ คงคา เวลาเยน็กาํ ลังทอดพระเนตรแมน้ํามหาคงคาเต็มเปย มกําลงั ไหล ทรงใครครวญวา มีใคร ๆ หนออาศยั แมนาํ้ คงคานีแ้ ลว ไดร ับความเจรญิ และความเสอ่ื มในกาลกอ น ไดทรงเหน็ วาฝงู โคหลายพนั อาศัยนายโคบาลโงค นหน่ึง ตกท่วี นแมน ้าํคงคาน้เี ขา ไปสูสมุทร สว นฝงู โคหลายแสนไดมีความสวัสดี ความเจรญิความไมม ีโรค เพราะอาศยั นายโคบาลผูฉ ลาดอีกคนหนึ่ง. ครัน้ ทรงเหน็แลว ทรงดาํ ริวา เราจกั อาศัยเหตุนี้ แสดงธรรมแกพ วกภิกษนุ ด้ี งั นี้ จงึ ตรัสเรียกภิกษุท้งั หลาย. บทวา มาคธโก คือชาวมคธรฐั บทวา ทปุ ปฺ ฺชาตโิ ก ไดแ กมหาชนพวกไมม ีปญญาเปน สภาพ. บทวา อสมเวกฺขติ วฺ า ไดแก ไมก าํหนด คือไมใ ครค รวญ. บทวา ปตาเรสิ เรม่ิ เพอื่ จะใหข าม บทวา อุตฺตร
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 73ตรี สุวเิ ทหาน ความวา ใหโคขา มไปสฝู ง เหนอื ดวยคดิ วา เราจกั นําชาวมคธรฐั ทฝ่ี ง นี้แหง แมนํา้ คงคาไปยงั วเิ ทหรัฐทฝี่ ง โนน นําโคจากมคธรฐั ไปยงั วิเทหรฐั แลวรักษา พระผูม ีพระภาคเจา ทรงหมายเอานายโคบาลนนั้ จึงตรัสวา อตุ ฺตร ตีร สุวเิ ทหาน ดงั น้.ี บทวา อามณฑฺ ลกิ กรติ วฺ า ไดแกท ําใหวน. บทวา อนฺยพฺยสน อาปชชฺ ชึสุ ไดแ ก ถงึ ความพนิ าศ คือไมเจริญ คือเขา ไปสมู หาสมทุ ร. ก็นายโคบาลนน้ั เมอื่ ใหโ คขาม พึงตรวจดูทา ทีเสมอ และไมเสมอทฝ่ี ง นี้แหง แมนา้ํ คงคา พงึ กําหนด เนนิ ทรายไว ๒-๓แหง เพื่อเปนสถานทพี่ กั โคกลางแมน ้ําคงคา อน่งึ พึงกําหนดทาไว ๓-๔ทา ทีฝ่ งโนนวาโคลงแลวจากทา นน้ีจกั ไปขนึ้ เทานี้ ลงจากทา นจี้ กั ไมข้ึนทานีด้ งัน้ี. สวนนายโคบาลโงนี้ ไมตรวจดูทา สําหรับโคที่ฝงนี้ เรียบหรอื ไมเ รียบไมก ําหนดเนนิ ทรายไว ๒-๓ แหง เพ่ือเปน สถานทพี่ ักโคกลางแมนาํ้ คงคา ไมพ ิจารณาหาท่เี ปนท่ขี ึน้ ไว ๔-๕ แหง ทอี่ ีกฝง หนึ่ง ใหโ คขา มไปโดยสถานท่มี ิใชทา . ครั้งน้ันโคใหญข องเขาวายตดั กระแส แมน ้ําคงคาขวางไปถึงฝง โนน เพราะถงึ พรอมดว ยความเรว็ และเพราะถงึ พรอ มดว ยกาํ ลัง เหน็ เขาขาด และหนามพุงไมห นาแนน แลว รูวา นั่น ออกไปไดย ากดังน้ี ไมไ ดทีว่ างสาํ หรับยนื ขางบนก็วา ยกลบั . โคทั้งหลายคดิ วา โคใหญวา ยกลบั แลว แมพวกเราจกั วายกลับดังน้ี กว็ า ยกลบั ดว ยกนั . ในที่ฝงู โคจาํ นวนมากกลบั น้ําวนตดั น้ําตง้ั ข้นึ กลางแมน้ําคงคา ฝงู โคเขา ไปในน้ําวนถงึ สมทุ ร โคตวั หน่ึงชื่อวาไมมีอันตราย มไิ ดมีแลวแล. เพราะเหตนุ ั้น พระผมู ีพระภาคเจา จึงตรสั วาโคทัง้ หลายถงึ แลว ซ่ึงความฉิบหายมใิ ชประโยชนในทนี่ ั้นแล บทวาอกสุ ลา อมิ สฺส โลกสฺส ไดแ ก สมณพราหมณ เปนผไู มฉลาด คือเฉียบแหลมในโลกนี้ คือ ขันธ ธาตุ อายตนะ. แมในปรโลกก็มนี ยั นแี้ ล. บวงมารทา นเรยี ก เตภูมกิ ธรรม มิใชบวงมารทานเรียกวา โลกตุ ตรธรรม แมที่ตั้งมัจจทุ านเรยี กเตภมู ิกธรรม แมท่ีตั้งอมัจจุทานเรียกนวโลกุตตรธรรม สมณ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 74พราหมณ ผไู มฉ ลาดคือเฉยี บแหลมในธรรมเหลา นน้ั สว นโดยเน้ือความของคาํ บว งมาร ชอื่ วา มารเธยยฺ า โคจรอันเปนฐานะทอ่ี ยแู ละทอี่ าศยั ชอ่ืเธยฺยา แมใ นมัจจุเธยยา ก็มีนัยนแ้ี ล. บทวา เตส ไดแ ก สมณพราหมณเหลานน้ั คือเห็นปานน้ัน. พึงทราบวา ครูท้ัง ๖ ทา นแสดงไวแ ลว ดว ยบทนี้. พระผูมีพระภาคเจา เม่อื ทรงจบกณั หปก ษอ ยางน้ีแลว จงึ ทรงแสดงสุกกปกษตรสั คาํ เปน ตน วา ภตู ปุพพฺ ภกิ ขฺ เว ดังน้ี บรรดาบทเหลานั้น บทวา พลวคาเวคือ โคทีฝ่ กแลว และแมโ คนม. บทวา ทมมฺ คาเว คอื โคท่ีควรฝก และโคสาวบทวา วจฺฉตเร ไดแ ก ลูกโคมีกาํ ลงั ท่ีผานความเปนลกู โค. บทวา วจฺฉเกคือ ลกู โคหนมุ ยงั ดม่ื นม. บทวา กสี พลเิ ก คอื มีเนือ้ และเลือดนอย กาํ ลังนอ ย. บทวา ตาวเทว ชาตโก คอื ลกู โคทเี่ กิดในวันน้นั . บทวา มาตุ โครวเกนวุยฺหมาโน ความวา แมโ คสง เสยี งโค ขางหนาวา หุง หุง ใหส ัญญาณวายตัดนา้ํ ไป. ลกู โควา ยไปตามนา้ํ ตามแมโ คน้ันแล โดยเสยี งรองของแมโคนน้ั ทา นเรยี กวาลอยตามเสยี งรอ งของแม. บทวา มารสฺส โสต เฉตวฺ า ความวา ตดั กระแสแหงตณั หาของมาร ดวยอรหัตตมรรค. บทวา ปาร คตา ไดแก ภกิ ษุถงึ ฝงสงสาร คอื นพิ พาน เหมือนโคใหญว ายไปถงึ ฝงแมนํา้ฉะนั้น. บทวา ปาร อคม สุ ความวา ในขณะท่ีโคใหญถึงฝง โคทัง้ หลายวายลวง ๓ สวนกระแสะนํ้าคงคาแลวเหน็ โคใหญถงึ ฝง จึงไปตามทางที่โคใหญเหลา น้นั ไปแลว. บทวา ปาร คมสิ ฺสนฺติ ความวา ผูย งั กิเลสทมี่ รรค ๔ พงึฆา ๓ สว นใหสิน้ แลวตัง้ อยู บดั นี้ พงึ ทราบเนอ้ื ความในวาระทง้ั ปวงโดยนัยนี้วา ภกิ ษผุ ูตดั กระแสตัณหาหมดสิน้ ไป ดว ยอรหัตตมรรคแลว จักถงึ ฝง สงสารคอื นพิ พานเหมือนโคที่กาํ ลงั วายตดั กระแสแมนาํ้ คงคา ถึงฝงแมน้ําฉะนัน้ . ภกิ ษุ ๒ รปู เหลาน้ีคือ ทเ่ี ปน ธัมมานสุ ารี สัทธานสุ ารี เปนผพู รอ มเพรยี งดว ยมรรคชั้นตน . บทวา ชานตา คอื พระพทุ ธเจาทรงรอู ยซู ึง่ ธรรมท้งัปวง. บทวา สุปกาสโิ ต แปลวา กลา วไวดแี ลว บทวา ววิ ก แปลวาเปด
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 75แลว. บท อมตทฺวาร ไดแ ก อรยิ มรรค.บทวา นิพพานปตตฺ ยิ า คอื เปดเพอ่ืประโยชนเ กนิพพานน้นั . บทวา วินฬกี ต คอื ทาํ มานะดจุ ไมอ อใหป ราศจากไป. บทวา เขม ปตฺเถถ ความวา พวกเธอเปนผูปรารถนาพระอรหัตคอื เปน ผูตองการใหพ ระอรหัตเกิดข้นึ ดว ยกัตตกุ ัมยตาฉันทะ. บาลีวา ปตตฺ ตฺถดังนี้กม็ ี. มอี ธิบายวา พวกเธอไดพระศาสนาเหน็ ปานนี้ ชอ่ื วา บรรลุแลวเหมือนกัน. คําทเี่ หลือในบททัง้ ปวงงายทัง้ น้นั แล ก็พระผูมพี ระภาคเจาทรงจบการแสดงธรรมตามอนุสนธิดวยประการฉะน้.ี จบอรรถกถาจูฬโคปาลสูตรท่ี ๔.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 76 ๕. จูฬสัจจกสูตร [๓๙๒] ขาพเจา ไดสดบั มาแลว อยา งน้ี :- สมยั หนึ่ง พระผูม ีพระภาคเจา เสดจ็ อยูใ นพระวหิ ารยอดในปามหาวนั ใกลเมืองเวสาลี สมยั นัน้ บุตรแหงนิครนถผ ูหนึ่ง ชอื่ สจั จกะ อาศัยอยใู นเมอื งเวสาลี เปน คนพอใจพดู สงั สนทนาลทั ธิน้นั ๆ กลา วยกตนวา เปน คนเจาปญ ญา มหาชนสมมตวิ า เปน คนดีความรดู ี. เขาไดก ลา ววาจาในทป่ี ระชุมชนในเมืองเวสาลีอยางนีว้ า เราไมเห็นสมณะหรือพราหมณทเ่ี ปนเจา หมเู จาคณะเปน คณาจารย ครูของหมู แมปฏญิ ญา (ยืนยนั ) ตนวา เปน พระอรหันตผูไกลจากกเิ ลสควรนบั ถอื ผูร ชู อบเอง ท่ีเราโตต อบถอยคาํ แลว จะไมป ระหมาตัวสั่นหวั่นไหว ไมมีเหง่ือไหลโทรมจากรักแรเ ลย ถาแมเ ราจะโตต อบถอ ยคําดว ยถอ ยคํากบั เสาทไี่ มมีเจตนา แมเสาน้ันกจ็ ะสะทา นหวั่นไหว จะกลาวอะไร ถึงสัตวท ่ีเปน มนษุ ย. [๓๙๓] คร้ังน้ัน เวลาเชา วนั หนงึ่ พระอัสสชผิ ูม อี ายุ ครองผาตามสมณวัตรแลว ถอื บาตรจีวร เขาไปบณิ ฑบาต ณ เมืองเวสาลี. สัจจกะเดนิ เท่ยี วมาในเมืองเวสาลี ไดแลเหน็ พระอสั สชผิ ูมอี ายมุ าอยแู ตไ กล จงึ เขา ไปใกลกลาวปราศรัยกับทา นแลว ไดย นื สวนขา งหน่งึ แลว ถามทา นวา พระอัสสชิ พระโคดมแนะนําสั่งสอนสาวกทง้ั หลายอยางไร แลคําส่ังสอนของพระโคดม ที่เปน ไปมากในสาวกทง้ั หลายมีสว นอยา งไร. พระอัสสชิผมู อี ายตุ อบวา อคั คิเวสสนะ พระผูมีพระภาคเจาทรงแนะนาํ ส่งั สอนสาวกท้งั หลายอยา งนี้ แลคาํ สง่ั สอนของพระผูมพี ระภาคเจา ท่เี ปน ไปมากในสาวกทัง้ หลายมีสวน
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 77อยางนี้วา รูปไมเที่ยง เวทนาไมเ ที่ยง สัญญาไมเท่ียง สงั ขารทง้ั หลายไมเทีย่ ง วิญญาณไมเ ทยี่ ง รปู ไมใชต วั เวทนาไมใ ชต วั สญั ญาไมใชตวั สังขารท้งั หลายไมใ ชต ัว วิญญาณไมใ ชตวั สังขารท้งั หลายทัง้ ปวงไมเ ทย่ี ง ธรรมทง้ัหลายท้งั ปวงไมใชตัว ดงั นี้ พระผูมีพระภาคเจาทรงแนะนําส่งั สอนสาวกท้งัหลายอยางนี้ แลคาํ สั่งสอนของพระผมู ีพระภาคเจา ที่เปน ไปมากในสาวกท้ังหลายมีสว นอยา งนแ้ี ล. สจั จกะตอบวา ขา พเจาไดฟ ง วา พระโคดมมถี อ ยคาํอยา งนี้ ขา พเจา ไดฟ ง ไมด แี ลว ถาอยางไรบางคราว ขา พเจา จะไดพ บกบั พระโคดม จะไดเ จรจากนั สักหนอย ถาอยา งไร จะเปล้อื งจากความเหน็ ท่ีเลวทรามนัน้ เสียได. [๓๙๔] สมัยน้ัน เจาลิจฉวี ประมาณหา รอยองค ประชุมกันอยใู นศาลาที่วาราชการ ดวยกจิ อันหน่งึ สัจจกะเขาไปหาเจาลจิ ฉวีเหลาน้นั แลว พูดวา ขอเจาลจิ ฉวีทงั้ หลายจงไปดว ยกนั ขอเจา ลจิ ฉวีทั้งหลายจงไปดวยกนั วันนข้ี า พเจาจกั เจรจา กับพระสมณโคดม. ถา พระสมณโคดมจักตง้ั อยูตามคาํ ทภ่ี ิกษุชือ่ อัสสชผิ ูเปน สาวกมีชื่อผหู นง่ึ ไดพ ูดแกขาพเจา ขา พเจาจกัชกั ลากถอ ยคาํ พระสมณโคดมมาตามถอยคําของขา พเจาเหมอื นบรุ ษุ มีกาํลัง จบั แกะอนั มขี นยาวทข่ี น ฉดุ ลากมาฉะน้ันหรือมิฉะน้ัน เหมือนคนทําการในโรงสุรา ผมู กี าํ ลัง วางลําแพนสาํ หรับรองแปง สุราอันใหญใ นหว งน้าํ อันลึกแลว จับท่ีมุมชักลากไปมา ฉะนั้น ขาพเจาจะสลดั ถอ ยคําของพระสมณโคดมเสยี เหมอื นบุรุษมกี าํ ลังท่เี ปนนักเลงสรุ า จบั ภาชนะสําหรับตวงสุราทีม่ ุมตวงสรุ าอยู ฉะนนั้ ขาพเจา จกั ฟาดพระสมณโคดมเลน เหมอื นชางท่ีมวี ยั ลวงหกสบิ ป หยง่ั ลงสูสระโบกขรณอี นั ลกึ เเลว พน นํ้าเลนฉะน้ัน. ขอเจาลิจฉวที ง้ัหลายจงไปดว ยกัน ขอเจา ลจิ ฉวีทัง้ หลายจงไปดว ยกนั วนั นีข้ า พเจา จักเจรจากับพระสมณโคดม ดงั น.้ี ในเจาลิจฉวเี หลาน้ัน บางพวกกลา ววา เหตุอะไร
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 78พระสมณโคดมจักยกถอยคาํ ของสจั จกะได ท่ีแทส ัจจกะกลับจะยกถอยคําของพระสมณโคดมเสียอกี . บางพวกกลาววา สจั จกะเปนอะไรมา จึงจะยกถอ ยคาํ ของพระผูม ีพระภาคเจาได ทีแ่ ทพระผมู พี ระภาคเจา กลับจะยกถอ ยคําของสัจจกะไดอีก ลําดับนั้น สัจจกะ. อนั เจา ลิจฉวีประมาณหา รอยหอ มลอมไปสูพ ระวหิ ารยอดในปา มหาวนั . [๓๙๕] สมยั นั้น ภกิ ษมุ ากหลายรปู จงกรมอยใู นที่แจง . เขาเขาไปถามเธอวา เด๋ียวน้ีพระโคดมอยูทไ่ี หน ขาพเจา ทงั้ หลายปรารถนาจะเขาไปเฝาพระโคดม ภิกษทุ ง้ั หลายน้นั ตอบวา นั่นแนะ อัคคิเวสสนะ พระผมู ีพระ-ภาคเจา เสดจ็ ลงสูปามหาวนั ประทับน่ังพักรอนอยูทร่ี ม ไมแ หง หน่งึ สัจจกะพรอมดวยเจา ลิจฉวหี มใู หญ เขาไปสปู ามหาวนั ถึงทพ่ี ระผูมพี ระภาคเจาประ-ทับอยูแลว ไดท ลู ปราศรัยกบั พระผูม ีพระภาคเจาแลวน่ัง ณ ท่คี วรสว นขางหนึง่ . แมเจา ลจิ ฉวีทั้งหลายน้นั บางพวกถวายอภวิ าทตามอาการของผเู ลื่อมใส บางพวกกเ็ ปนแตก ลาววาจาปราศรยั แสดงความยินดี บางพวกเปนแตป ระคองอัญชลีประณมมือ บางพวกกร็ อ งประกาศชื่อแลโคตรของตน ๆ บางพวกเปน คนน่งิ เฉยอยู ตางคนก็นง่ั ณ ทค่ี วรสว นขางหนงึ่ ๆแลว. [๓๙๖] สัจจกะทลู พระผูมพี ระภาคเจาวา ขา พเจาขอถามปญ หากะพระโคดมสกั หนอ ยหนง่ึ ถาพระโคดมจะทําโอกาสเพ่อื การกลา วแกป ญหาแกขา พเจา . พ. ทา นประสงคจะถามขอใด ก็ถามเถิด อัคคเิ วสสนะ. ส. พระโคดมแนะนําส่ังสอนสาวกทั้งหลายอยางไร แลคาํ สัง่ สอนของพระโคดมเปนไปมากในสาวกทงั้ หลาย มสี ว นอยางไร.
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 79 พ. อัคคเิ วสสนะ เราแนะนาํ สง่ั สอนสาวกทัง้ หลายอยางน้ี และคําส่งัสอนของเรา เปน ไปมากในสาวกทง้ั หลาย มสี ว นอยางนีว้ า รูปไมเ ที่ยงเวทนาไมเทยี่ ง สัญญาไมเ ทีย่ ง สงั ขารทงั้ หลายไมเท่ยี ง วญิ ญาณไมใ ชตัว สังขารทั้งหลายท้งั ปวงไมเ ทย่ี ง ธรรมท้ังหลายทง้ั ปวงไมใชตวั ดงั น้ี เราแนะนําส่ังสอนสาวกทงั้ หลายอยา งนี้ และคาํ สง่ั สอนของเราเปน ไปมากในสาวกทง้ั หลายมสี วนอยา งนแี้ ล. ส. อุปมาแจมแจง แกขา พเจา พระโคดม. พ. อุปมาน้นั แจมแจง แกท า นเถิด อัคคเิ วสสนะ ส. พระโคดม เหมอื นหนึ่งพืชพรรณไมท ้ังหลาย เหลาใดเหลาหนึง่ ท่ถี ึงความเจริญงอกงามไพบลู ย พชื พรรณไมท ้ังหลายนนั้ ทง้ั หมดตองอาศัยแผนดนิ ตงั้ อยใู นแผน ดิน จงึ ถึงความเจริญงอกงามไพบลู ยได หรอื มิฉะนั้น เหมือนหนงึ่ การงานเหลาใดเหลา หนงึ่ ทต่ี องทาํ ดว ยกําลงั แขน ทบ่ี คุ คลทําอยู การงานเหลานั้นทง้ั หมด บคุ คลตองอาศัยแผน ดิน ตองต้งั อยใู นแผนดนิ จึงทําไดฉนั ใด บุรุษ บคุ คลมีรูปเปนตวั มีเวทนาเปนตวั มสี ญั ญาเปนตวั มสี ังขารเปน ตัว มีวิญญาณเปนตัว ตองต้ังอยูใ นรปู เวทนา สัญญาสงั ขาร วิญญาณ จึงเสวยผลแหง บุญ หรอื ไมใชบ ญุ ไดฉนั นนั้ . พ. อัคคิเวสสนะ ทานวาอยางน้ัน ชอื่ วากลาวอยางนว้ี า รูปเปน ตวั ของเรา เวทนาเปนตวั ของเรา สัญญาเปนตัวของเรา สังขารเปน ตัวของเราวิญญาณเปนตวั ของเรา ดังนไ้ี มใชหรือ. ส. พระโคดม ขาพเจากก็ ลาวอยา งนนั้ ประชุมชนหมใู หญน้ีกก็ ลาวอยา งน้ัน.
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 80 พ. อคั คิเวสสนะ ประชุมชนหมูใ หญ จักทาํ อะไรแกท าน เอาเถดิทานแกแตถ อยคาํ ของตวั เถดิ . ส. พระโคดม ขา พเจากลาวอยางนว้ี า รูปเปนตวั ของเรา เวทนาเปนตัวของเรา สญั ญาเปน ตัวของเรา สังขารทงั้ หลายเปน ตัวของเรา วญิ ญาณเปน ตัวของเรา ดังน้.ี [๓๙๗] พ. อัคคเิ วสสนะ ถาอยา งนั้น เราจักถามทานเฉพาะในขอ น้ีทานเหน็ อยางไร จึงกลาวแกอยา งนนั้ . ทานจะสาํ คัญความขอนเ้ี ปนไฉนอาํ นาจของพระราชามหากษัตรยิ (พระเจาแผนดินใหญ) ผไู ดมุรธาภิเษกแลว(สรงน้าํ ท่ัวพระองคตลอดถงึ พระเศยี ร ในเวลาจะเปนพระเจาแผนดนิ ) เหมอื นพระเจา ปเสนทโิ กศล แลพระเจา มคธราชอชาตศตั รู อาจฆาคนท่ีควรตอ งฆา รบิ ราชบาตรคนท่ีควรตองริบ เนรเทศคนทีค่ วรตอ งเนรเทศ ตองเปน ไปได ในพระราชอาณาเขตของพระองค หรือมใิ ช. ส. พระโคดม อํานาจของพระราชามหากษัตรยิ ผูไดม ุรธาภเิ ษกแลว เหมอื นพระเจาปเสนทโิ กศล และพระเจามคธราชอชาตศตั รู อาจฆาคนท่ีควรตอ งฆา ริบราชบาตรคนทีค่ วรตอ งริบ เนรเทศคนท่ีควรตอ งเนรเทศ ตองเปนไปไดใ นพระราชอาณาเขตของพระองค เพราะวา แตอํานาจของหมูคณะเหลานี้ คอื วชั ชี มลั ละ ท่ีอาจฆา คนที่ควรตองฆา รบิ ราชบาทวคนท่ีควรตองริบ เนรเทศคนที่ควรตอ งเนรเทศ ยังเปน ไปไดในแควน ของตนๆ เหตุไฉนอํานาจเชน นนั้ ของพระราชามหากษตั ริยผ ูไ ดม รุ ธาภิกเษกแลว เหมอื นพระเจา ปเสนทิโกศล และพระเจา มคธราชอชาตศตั รู จกั ไมเปนไปไดเชน น้ัน อํานาจเชน นน้ั ของพระราชามหากษตั รยิ ผ ูไดมรุ ธาภิเษกแลวน้นั ตอ งเปน ไปไดดว ย ควรจะเปน ไปไดดว ย.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 81 พ. อัคคเิ วสสนะ ทา นจะสาํ คญั ความน้ันเปน ไฉน ขอ ท่ีทานกลา ววา รูปเปนตัวของเราดังนี้ อํานาจของทานเปนไปในรูปนนั้ วา รปู ของเรา จงเปนอยา งนัน้ เถิด อยาไดเ ปนอยางน้เี ลย ดังนี้หรอื . เมือ่ พระผูมีพระภาคเจา ตรัสถามอยา งนี้ สจั จกะไดน่ิงอยู พระองคตรสั ถามอยา งนถ้ี ึงคร้งั ทีส่ าม จงึ ไดทูลตอบวา ขอน้ไี มเปนอยา งนัน้ ไดพระโคดม. พ. อคั คเิ วสสนะ ทานจงทาํ ในใจเสียกอ นแลว จงึ คอ ยกลาวแกค าํ หลงัของทา นไมตอกนั กบั คาํ กอน คํากอ นไมต อกนั กบั คาํ หลัง. [๓๙๘] อคั คิเวสสนะ ทานจะสาํ คญั ความนัน้ เปน ไฉน ขอท่ที านกลา ววา เวทนาเปนตวั ของเรา สญั ญาเปน ตวั ของเรา สังขารท้ังหลายเปนตวั ของเรา วญิ ญาณเปนตัวของเรา ดังน้ี อํานาจของทานเปนไปในเวทนา ในสญั ญาในสงั ขารทัง้ หลาย และในวญิ ญาณวา เวทนา สัญญา สังขารทง้ั หลายสละวิญญาณของเรา จงเปน อยางนน้ั เถดิ อยาเปนอยา งนเี้ ลย ดงั นห้ี รือ. ส. ขอ น้ไี มเปน อยางนนั้ พระโคดม. พ. อัคคิเวสสนะ ทานจงทําในใจเสียกอนแลว จึงคอยกลา วแก คาํ หลังของทา นไมตอ กนั กบั คาํ กอน คาํ กอ นไมตอกนั กบั คาํ หลงั . อคั คิเวสสนะทา นจะสาํ คัญความนน้ั เปนไฉน รูป เวทนา สัญญา สังขารทง้ั หลาย และวญิ ญาณ เทย่ี งหรอื ไมเ ทย่ี ง. ส. มันไมเที่ยง พระโคดม. พ. ก็สง่ิ ใดไมเ ท่ียง สิง่ นนั้ ทุกขหรอื สขุ .
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 82 ส. สิง่ นั้นทุกข พระโคดม. พ. กส็ ิ่งใดไมเ ทย่ี ง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดา ควรหรือจะตามเหน็ สิ่งนน้ั วา สิง่ นั้นของเรา เราเปน สวนนนั้ สว นนน้ั ตวั ของเรา ดังนี.้ ส. ขอนั้นไมค วรเลย พระโคดม. พ. อคั คเิ วสสนะ ทานจะสาํ คัญความนนั้ เปนไฉน ผใู ดติดทกุ ขอ ยูเขาไปถงึ ทุกขแ ลว ยนิ ดีทกุ ขแ ลว ตามเหน็ ทกุ ขว า ส่งิ นน้ั ของเรา เราเปน สว นนน้ั สวนน้นั ตัวของเรา ดงั นี้ ผูนนั้ จะกาํ หนดรทู กุ ขไ ดเ อง หรอื จะทาํ ทกุ ขใหส้ินได มีบา งหรอื . ส. จะมีได เพราะอะไร ขอ นีไ้ มม ไี ดเ ลย พระโคดม. พ. อคั คิเวสสนะ ทานจะสาํ คญั ความนนั้ เปนไฉน เม่อื เปนเชน นี้ทา นกต็ ดิ ทุกขอยู เขา ไปถงึ ทกุ ขแ ลว ยินดที ุกขแ ลว ตามเห็นทุกขว า สงิ่ นนั้ของเรา เราเปน สว นนนั้ สวนนั้นตัวของเรา ดังน้ี ไมใ ชห รือ. ส. จะไมม เี พราะอะไร ขอนั้นตองเปนอยา งนน้ั พระโคดม. [๓๙๙] พ. อัคคิเวสสนะ เหมอื นหน่ึงบุรษุ มีความตองการแกน ไมเที่ยวหาแกนไมอ ยู ถือเอาผ่งึ สาํ หรบั ถากไมท ค่ี มเขาไปปา เขาเห็นตนกลว ยใหญในปา นัน้ ตนหนงึ่ ซึง่ มีลาํ ตนตรง กําลังรนุ ยงั ไมท นั ตกเครอื ไมเหลือวสิ ัยทีจ่ ะตัด เขากต็ ดั ตน กลว ยน้ันทโ่ี คนตนแลว ตัดยอดลิดใบออก เขาจะไมไดพบแมแ ตเพียงกระพี้ จะไดพ บแกนมาแตขางไหน ขอ น้ีฉันใด เราซักถามทานใหก ลา วแกในถอ ยคาํ ของตวั เอง ทา นก็เปลาวา งแพไปเอง ฉนั นนั้ . อัคคเิ วสสนะทานไดกลา ววาจาน้ใี นท่ีประชมุ ชน ในเมอื งเวสาลวี า เราไมเ หน็ สมณะหรอืพราหมณที่เปนเจา หมูเจาคณะเปนคณาจารย แมป ฏิญญาตนวา เปนพระ
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 83อรหันตผรู ชู อบเอง ท่เี ราโตต อบถอ ยคาํ ดว ยถอ ยคําแลวจะไมป ระหมา ตวัส่ัน หว่นั ไหว ไมมีเหงื่อไหลโทรมจากรกั แรเลย ถาแมเราจะโตต อบถอ ยคําดวยถอยคํากับเสา ท่ไี มมีเจตนา แมเ สานัน้ กจ็ ะสะทา นสั่นหวนั่ ไหวจะกลาวอะไร ถงึ สตั วทเี่ ปน มนษุ ย ดังน้ี หยาดเหงอื่ ของทา นบางหยาด หยดจากหนาผาก ลงผาหมแลวตกทพ่ี น้ื สวนเหงื่อในกายของเราเดย๋ี วนี้ ไมมีเลย. เมอื่ พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสอยางน้ีแลว สจั จกะไดน ่ังนง่ิ อ้นั เกอเขนิ คอตก กมหนาหงอยเหงา ไมมปี ฏิภาณ ( ปญ ญาอนั แจม แจง) ทจี่ ะคดิ โตเ ถยี งอีก. [๔๐๐] เจา ทุมมุขลิจฉวรี ดู ังนั้นแลว ทูลพระผูม ีพระภาคเจาวา พระผูมพี ระภาคเจา อุปมายอมแจม แจงแกข าพระองค. พระผูมีพระภาคเจาตรัสตอบวา อุปมานนั้ แจม แจงแกท า นเถิด ทมุ มขุ ดงั นแ้ี ลว เธอทลู วาเปรียบเหมือนในที่ใกลแหง บา นหรอื นิคม มสี ระโบกขรณอี ยูส ระหนง่ึ ในสระน้ันมีปูตัวหน่งึ มีเดก็ ชายหญิงเปน อันมาก ออกจากบานหรือนคิ มนนั้ ไปถงึสระโบกขรณีน้นั แลว กล็ งจับปนู ้ันข้นึ มาจากน้าํ วางไวบ นบก ปนู ั้นนอมกามไปขางไหน เดก็ เหลาน้นั กจ็ ะคอยตอยกา มปนู นั้ ดวยทอนไมหรอื ทอนกระเบื้อง คร้ันปนู ั้นมกี ามหักหมดอยา งนแ้ี ลว กไ็ มอาจลงสสู ระโบกขรณีน้ันไดอีก เหมือนอยา งกอน ขอนีฉ้ ันใด ทิฏฐิทเ่ี ปนเสี้ยนหนามปกคลมุ อยู ยกั ไปยักมาไมอยใู นรอ งรอย บางอยา งๆ ของสจั จกะอันพระผูมพี ระภาคเจา ทรงหักเสียแลว ตอนไ้ี ปสจั จกะไมอ าจจะเขามาใกลพระผูมีพระภาคเจาดว ยประสงคจะโตต อบไดอกี ฉันน้ัน เมอ่ื เจาทมุ มุขลิจฉวีกลาวอยางน้ีแลว สัจจกะพดู กะเธอวา เจา ทมุ มุขทานหยุดเถิด ทานหยุดเถิด ทา นเปนคนปากมากนัก ขาพเจาไมไ ดพดู หารอื กับทาน ขา พเจาพดู หารือกับพระโคดมตา งหาก. ครั้นพูดอยา งนี้แลว ไดทลู พระผมู ีพระภาคเจาวา พระโคดมวาจาของขาพเจาและของพราหมณ เปนอนั มากเหลา อ่ืน ยกเสียเถดิ เพราะเปน แตเครื่องพูดเพอกพ็ ดู เพอ ไปแลวเทา นน้ั
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 84 [๔๐๑] สว นสาวกของพระโคดม ดว ยเหตุเพียงไรจึงชอื่ วา เปน ผไู ดท าํ ตามคาํสั่งสอน ไดท าํ ตามโอวาท ขา มความสงสัยเสยี ได ไดป ราศจากความแคลงใจท่ีเปนเหตุกลาววา ขอ น้ีอยา งไร ถึงความแกลว กลาปราศจากคร่นั คราม ไมต องเชอื่ แตผ ูอ่นื ในคาํ สอนของศาสนาของตนอยูไ ด. พ. อัคคิเวสสนะ สาวกของเราในศาสนาน้ี พิจารณาเห็นเบญจขันธน นั้ ดวยปญ ญาอันชอบตามเปนแลวอยา งไร อยางนี้วา รูป เวทนา สญั ญาสังขาร วญิ ญาณ อนั ใดอนั หนงึ่ ท้งั ทลี่ วงไปแลว ทัง้ ที่ยงั ไมมาถึง ทั้งที่เกิดขึน้ เฉพาะในบัดน้ี ท่ีเปนภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบกด็ ี ละเอยี ดก็ดี เลวกด็ ีดกี ็ดี ในทไี่ กลกด็ ี ในทใ่ี กลก ็ดี ท้ังหมด กเ็ ปนแตร ปู เวทนา สัญญา สงั ขารวิญญาณ ส่ิงนั้นไมใชของเรา สวนน้ันไมเปนเรา สว นนน้ั ไมใชต ัวของเราดังนี้ ดวยเหตุเทานแี้ ล อคั คเิ วสสนะ สาวกของเรา ชื่อวา เปน ผไู ดท าํ ตามคําสัง่สอน ไดท ําตามโอวาท ขามความสงสัยได ไปปราศจากความแคลงใจท่ีเปนเหตุกลาววา ขอ น้ีอยางไร ถงึ ความแกลว กลา ปราศจากครน่ั ครา มไมตองเชื่อแตผ อู ่นื ในคําสอนของศาสดาของตนอยไู ด. [๔๐๒] ส. ดว ยเหตเุ พยี งไร พระโคดม ภกิ ษุ ชอ่ื วา เปน พระอรหันต (ผูไกลจากกเิ ลส และควรนบั ถอื ) สิ้นอาสวะ (กิเลสท่หี มกั หมมอยูในสนั ดาน) อยจู บพรหม-จรรย (ศาสนา) มกี ิจที่จาํ จะตอ งทาํ ไดทําเสร็จแลว ปลงภาระ (ของหนกั ) ลงไดแลว บรรลถุ งึ ประโยชนของตนแลว มสี งั โยชนธรรม (ธรรมอันประกอบสตั วไวก ับทกุ ข)อันจะนําไปเกิดในภพส้ินแลว รชู อบจึงพน ไปไดแลว . พ. อัคคเิ วสสนะ ภกิ ษใุ นศาสนาน้ี พจิ ารณาเหน็ เบญจขนั ธนัน้ ดว ยปญญาอนั ชอบ ตามเปน จริงแลวอยางไร ดงั น้ันแลว พน จากอาสวะ ไมถอื มนั่ ดว ยอุปาทาน (ความถือม่นั ความยึดม่ัน กเิ ลสทีเ่ ปนเคร่ืองถือมัน่ เปนเคร่ืองยึดม่นั ) ดวยเหตุเทา น้ีแล อัคคเิ วสสนะ ภิกษชุ ื่อวา เปนพระอรหนั ตส ิน้ อาสวะอยจู บพรหมจรรย มีกิจท่ี
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 85จะตอ งทําไดท ําเสรจ็ แลว ปลงภาระลงไดแลว บรรลปุ ระโยชนข องตนแลวมสี ังโยชนธรรมอนั จะนาํ ไปเกดิ ในภพสน้ิ แลว รชู อบจงึ พน ไปไดแลว . ภกิ ษุท่ีพนจากอาสวะอยา งน้ีแลว แล อัคคเิ วสสนะ ประกอบดว ยคณุ ท่ีเลิศไมมีคณุ อน่ืจะยง่ิ กวา ๓ ประการ คอื ญาณ เครอ่ื งเห็นอันเลศิ ไมมญี าณอ่ืนจะยิ่งกวาอยา ง ๑ ความปฏบิ ตั อิ นั เลศิ ไมม คี วามปฏิบตั อิ น่ื จะยงิ่ กวาอยาง ๑ ความพน อนัเลิศไมมีความพน อ่ืนจะยิ่งกวา อยา ง ๑ และเธอสักการะเคารพนบั ถือบูชาพระตถาคตดว ยศรทั ธาเล่อื มใสวา พระผูมีพระภาคเจา นน้ั ทรงรูเองแลว ทรงแสดงธรรมเพ่อื สอนผูอ่ืนใหรูตาม ทรงทรมาน ฝก พระองคก อ นแลวทรงแสดงธรรมเพื่อทรมานฝก สอนผอู ่นื ทรงสงบระงบั กองกเิ ลส (สภาพท่ีเกิดในใจแลวทําใจใหเศรา หมอง) ไดแลว ทรงแสดงธรรมเพื่อสอนผูอน่ื ใหส งบระงับกองกเิ ลส ทรงขามหว งกเิ ลสไดแลว ทรงแสดงธรรมเพ่ือสอนผูอ่นื ใหข ามหวงกิเลส ทรงดับเพลงิ กิเลสไดแลว ทรงแสดงธรรมเพอื่ สอนผอู ่ืนใหด บั เพลงิกิเลส ดงั นี.้ [๔๐๓] เมอ่ื พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสอยา งนีแ้ ลว สจั จกะทลู วา ขา พเจานนั่เทียว พระโคดม เปนคนคอยกําจดั คุณ เปนคนคนองวาจา เพราะไดส ําคญั ถอยคําของพระโคดมวา ตวั อาจจะโตเ ถยี งไดด ว ยถอ ยคําของตวั บุรษุ มาปะทะชา งอันซบั มนัเขากด็ ี เจอะกองไฟอนั กาํ ลงั ลกุ โชนกด็ ี กระทบงูที่มีพิษรา ยก็ดี ยงั มีเอาตัวรอดไดบา ง ก็แตม าจดพระโคดมเขา แลว ไมม ีเอาตัวรอดไดเ ลย ขา พเจา นัน่ เทยี ว เปน คนคอยกาํ จดั คุณ เปนคนคนองวาจา เพราะไดสาํ คัญถอยคาํ ของพระโคดมวา ตวั อาจจะโตเ ถยี งไดดว ยถอยคําของตวั . ขอพระโคดมพรอ มดว ยภกิ ษุสงฆ จงรับภตั ตาหารของขาพเจา เพือ่ จะฉนั ในวันพรุงนี้. สจั จกะทราบวา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงรบั นมิ นตแลว จึงสั่งเจาลิจฉวเี หลานั้นวา เจา ลจิ ฉวีท้งั หลายจงฟงขา พเจา ขาพเจาไดน มิ นตพ ระสมณโคดมพรอ มดวยภกิ ษสุ งฆ เพ่อื จะฉันในวนั พรงุ น้ี ทา นจะนาํ อาหารใดมาเพ่ือขาพเจา จงเลือกหาแตของทค่ี วรแกพระสมณโคดม. ลว งราตรนี ้ันแลว เจาลจิ ฉวีเหลา
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 86น้ันไดนาํ ภตั ตาหารไปใหแ กสัจจกะประมาณหารอยหมอ. สัจจกะใหจ ดั ของเค้ยี วของฉันอนั ประณตี ในอารามของตนเสร็จแลว ใหก ราบทลู ภตั ตกาล แดพ ระผมู ีพระภาคเจา วา เปนกาลท่สี มควรจะเสดจ็ พระพทุ ธดําเนนิ ภัตตาหารพรอ มเสรจ็ แลว . [๔๐๔] เวลาเชา วนั น้นั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงผาตามสมณวัตรแลวทรงบาตร จวี ร พรอมดวยภกิ ษุสงฆเ สด็จพุทธดาํ เนนิ ไป ถงึ อารามแหงสัจจกะแลว ประทบั ณ อาสนะท่ปี ูลาดไวถวาย. สัจจกะอังคาสพระภิกษสุ งฆม ีพระพุทธเจาเปนประธาน ดวยของเคย้ี วของฉันอันประณีต ดว ยมือของตนใหอ ม่ิ ดวยดีใหห ามเสยีแลว ครั้นทราบวา พระผูม ีพระภาคเจา เสวยเสร็จแลว ทรงนําพระหตั ถจากบาตรแลว นง่ั ณ อาสนะตํ่าแหงหนง่ึ แลว ทูลวา พระโคดม ขอบุญและผลบุญในทานนี้จงมีเพือ่ ความสขุ แกท ายกท้งั หลายเถดิ . พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั ตอบวา อคั คิเวสสนะ บุญและผลบญุ ในทานนี้ คอื อาศัยทกั ขเิ ณยยบุคคล (คนควรรบั ทานทที่ ายกใหดวยความนับถอื ) ซ่งึ ยังไมส ้ินราคะ โทสะ โมหะ เหมือนกบั ทาน จกั เปน ของทายกทง้ัหลาย สว นบญุ และผลบญุ ทอี่ าศัยทักขเิ ณยยบคุ คลซ่งึ สิน้ ราคะ โทสะ โมหะแลว เหมอื นกับเราจกั เปนของทา น ดงั นแ้ี ล. จบจูฬสัจจกสูตร ท่ี ๕
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 87 อรรถกถาจฬู สัจจกสูตร จฬู สัจจกสูตรมบี ทเร่ิมตนวา เอวมฺเม สตุ . บรรดาบทเหลาน้นั บทวา มหาวเน กูฏาคารสาลาย ความวา ปาใหญมกี ําหนดเกิดเอง มไิ ดปลูก ช่ือวา มหาวัน. สว นปามหาวนั ใกสกั รุงกบลิ -พสั ดุ เน่อื งเปนอนั เดยี วกนั กบั ปาหมิ พานต แตไมมีกาํ หนด ตัง้ จดมหาสมุทร.ปา นี้ หาเปนเชน น้ันไม ชือ่ วา ปามหาวนั เพราะอรรถวา เปน ปา ใหญม ีกําหนด. สวนกฏู าคารศาลา เมื่อสรา งอารามเสรจ็ แลว จงึ ทาํ กฏู าคารไวภ ายใน มงุ หลงั คาดว ยเครือ่ งมุงอยา งหงสและนกกระจาบมุงแลว พงึ ทราบวา เปน พระคนั ธกฏุ ขี องพระผมู ีพระภาคเจา ถึงพรอ มดวยอาการทง้ั ปวง. บทวา สจฺจโก นิคนถฺ ปุตโฺ ต ความวา ไดยินวา ในกาลกอ น ชายนคิ รนถค นหน่งึ หญงิ คนหนึง่ เรียนไดวาทะคนละ ๕๐๐ แลว คดิ วา เราจกั ยกวาทะ ดังน้ี เม่ือเท่ียวไปในชมพทู วีปมาอยรู วมกนั ในกรงุ เวสาล.ีพวกเจา ลิจฉวเี ห็นแลว จงึ ถามวา ทานเปนใคร ทานเปนใคร ดงั น้.ี ชายนิครนถกราบทลู วา ขา พระองคเทยี่ วไปในชมพทู วีปดวยคิดวา ขาพระองคจักยกวาทะ ดงั น.ี้ หญิงนิครนถก็ไดก ราบทลู อยา งนัน้ . เจา ลิจฉวีตรสั วาขอทา นจงยกวาทะ กนั และกันในทน่ี ี้เถดิ . หญงิ นิครนถ จึงไดถ ามวาทะ๕๐๐ ที่ตนเรียนแลว . ชายนิครนถไดตอบแลว เมอ่ื ชายนิครนถถ าม หญงินิครนถก็ตอบไดห มด. แมค นหน่ึงไมม ีชนะ ไมม ีแพกัน ทง้ั ๒ คน ไดเปนผูเสมอๆ กัน.เจา ลิจฉวตี รสั วา ทานแมทั้ง ๒ คนเสมอๆ กนั จกั เที่ยวไปทําอะไร จงอยูในที่น้เี ถิด พระราชทานเรอื น ทรงตงั้ สว ยให. เพราะการอยรู ว มกัน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 88ของคนทัง้ ๒ เหลานนั้ เกดิ ธดิ า ๔ คน คือ ชือ่ สัจจาคนหน่ึง ช่อื โลลาคนหน่ึง ชอ่ื ปฏาจาราคนหนง่ึ ชอ่ื สิลาวตกาคนหน่ึง ธิดาเหลานน้ั ก็ไดเ ปนบัณฑิตดว ยกัน ไดเรยี นวาทะคนละ ๕๐๐ อันมารดาบิดาเรยี นมาแลว . หญงิ เหลาน้นั เจริญวัยไดกลา วกะมารดาบิดาวา แมชื่อวา กุลทาริกาของเราไมตองใหเงนิ และทองเปน ตนแลว สง ไปยังเรอื นแหงตระกูล สวนผูใ ดอยคู รองเรอื น ยอมสามารถเพื่อจะย่าํ ยีวาทะ ของหญงิ เหลาน้นั ได หญงิ เหลา นนั้ จะเปน บาทบริจารกิ าของผูน้นั ผใู ดเปน นกั บวช ยอมสามารถเพื่อจะย่าํ ยีวาทะของหญิงเหลา นน้ั ได หญิงเหลาน้นั ก็จะไดบ วชในสาํ นกั ของผนู น้ั พอ แมจ กัทําอยางไร ดงั น้ีหญิง ๔ คน ถอื เพศเปนนักบวชดวยคดิ วา แมพวกพวกเราจกั กระทําอยา งน้แี หละ คิดวา ช่ือวา ชมพทู วปี น้ี ยอ มปรากฏดวยไมห วาดังนี้ ถอื กงิ่ ไมห วา ทอ งเทย่ี วไป ถึงหมูบา นใด กป็ ก ธงไมหวา บนกองฝุนหรอื กองทรายแลว จงึ กลาววา ผใู ดสามารถยกวาทะ เชิญผูน น้ั เหยยี บธงนี้เถิด เขา ไปหมูบ า น พวกเขาเที่ยวไปทกุ ๆ หมูบ า นอยา งน้ี - ถึงกรุงสาวัตถี ปก ธงไมห วา ไวท่ปี ระตูหมบู าน เหมอื อยา งนนั้ บอกแกพ วกมนษุ ยท ่ีมาถงึ แลว เขา ไปภายในพระนคร. กส็ มัยนัน้ พระผูมีพระภาคเจา ทรงอาศัยกรงุ สาวัตถปี ระทับอยใู นพระเชตวัน คร้ังนั้นทา นสารีบุตร ถามอาการทป่ี วย มัวจัดสถานท่ีที่ เขายงัไมไดจ ัด เมอ่ื เขา ไปที่หมูบา นเพ่ือบิณฑบาต จงึ สายกวาภกิ ษุเหลาอื่น เพราะมีกิจมาก ไดเ หน็ ธงไมห วาทป่ี ระตูหมูบา น จึงถามพวกเด็กวา น้อี ะไรกันพวกเขาไดบ อกความนัน้ . พระเถระกลา ววา ถาอยางน้ัน พวกเจาจงเหยยี บเถดิ .พวกเด็กกลา ววา ขาแตทา นผูเจรญิ พวกขา พเจา ไมส ามารถ กลวัอยู. พระเถระกลาววา พวกเจาไมต อ งกลวั . พระเถระกลา ววา เมือ่ นางปรพิ า-ชิกาถามวา ใครใหเหยียบธงไมห วาของเรา พวกเธอพึงบอกวา พระสารี-
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 89บุตรผูเ ปนพุทธสาวกใหเหยยี บ ทา นอยากจะยกวาทะ จงไปยังสํานกั ของพระเถระท่พี ระเชตวัน. พวกเดก็ ฟง คาํ ของพระเถระจงึ พากนั เหยียบธงไมหวา ทิ้งไป. พระเถระเทยี่ วบิณฑบาตแลวกลับไปยงั วิหาร. พวกปริพาชกิ า ออกจากหมูบา นแลว จงึ ถามวา ใครใหเ หยียบธงของเรา. พวกเด็กบอกความน้ัน.พวกปรพิ าชิกาเขา ไปหมูบา นอกี ไปคนละทางบอกแลววา ไดยินวา สารีบตุ รเปนพุทธ-สาวกจกั โตว าทะ กบั พวกเรา ทา นประสงคจะฟงจงออกไปเถิด.มหาชนออกไปแลว . ปรพิ าชิกามาแลว สพู ระเชตวันกบั มหาชนน้นั . พระเถระคิดวา มาตคุ ามจะมาในที่พักของเราไมเ ปน ความผาสุกดงั นี้ จึงนง่ั ในทา มกลางวิหาร. นางปริพาชิกาไปถามพระเถระวา ทานใหเหยียบธงของเราหรือ ? พระเถระกลา ววา ถกู แลว เราใหเ หยยี บเอง ดังน.้ี นางปรพิ าชิกากลา ววา เราจกั โตว าทะกบั ทา น. พระเถระกลาววา ดลี ะ เชญิ โตเ ถิด ใครถามใครตอบ. นางปรพิ าชิกากลาววา เราถาม. พระเถระกลาววา ก็ทานเปน มาตุคามเชิญถามกอ นเถดิ . พวกนางปรพิ าชิกา ๔ คน เหลา นนั้ ยืนอยูใน ๔ ทศิ ไดถามพนั วาทะท่ีไดเ รยี นในสาํ นกั ของมารดาบิดา. พระเถระกลาวทาํ คําถามไมใหยงุ ยาก ไมใหมปี ม เหมือนตัดกานบวั ดวยมีดฉะน้นั .ครัน้ กลาวแลว จงึ กลา วเชิญถามอกี . นางปรพิ าชกิ า กลาววา ขา แตทานผูเจริญ ดฉิ นั รูเทา นแ้ี หละ. พระเถระกลาววา ทา นถามพนั วาทะแลว เราก็ไดต อบแลว แตเราจกั ขอถามปญ หาสักขอหนึง่ ทา นจงตองตอบปญ หาน้นั . นางปริพาชกิ าเหลานั้น เหน็ วิสยั ของพระเถระไมอาจท่ีจะพดู วา ขา แตทา นผูเจรญิ ถามเถดิ พวกดฉิ ันจักตอบชี้แจง ดังนจ้ี งึ กลา วอกี วา ขา แตท านผูเจริญ ขอทา นจงถามเถิด เม่ือพวกดฉิ นั รจู ักตอบช้ีแจง. พระเถระกลา ววา ปญ หาน้ีตอ งใหกลุ บตุ รบรรพชาใหศ กึ ษาเปนครัง้ แรกแลว จงึ ถามวา อะไรชอ่ื วาหนงึ่ นางปรพิ าชกิ าเหลานน้ั ไมเ หน็ ตน ไมเ ห็นปลาย. พระ
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 90เถระกลาววา ตอบซ.ิ นางปรพิ าชกิ ากลา ววา พวกดฉิ นั ไมเหน็ เจา คะ พระเถระกลาววา ทานถามตง้ั พันวาทะ เราก็ตอบแลว ทา นไมสามารถจะตอบปญ หาขอเดียวของเรา เม่ือเปนอยา งนี้ ใครเลา เปน ฝายชนะ ใครเลา เปนฝายแพ. นางปรพิ าชิกากลาววา ทานเปน ฝายชนะ พวกดิฉนั เปนฝายแพเจาคะพระเถระกลา ววา คราวนี้ ทานจกั ทาํ อยางไร. นางปริพาชกิ าบอกคําที่มารดาบิดากลา วแลว จงึ กลาววา พวกดิฉนั จกั บวชในสํานักของทาน. พระเถระกลา ววา ทา นเปน มาตคุ าม ไมค วรจะบวชในสํานักของเรา แตทา นถอื สาสนของเราไปยังสาํ นกั ภกิ ษุณบี วชเถดิ . นางปรพิ าชิการบั วา สาธุ ถอื สาสนของพระเถระไปสาํ นักภิกษุณสี งฆบวชแลว กแ็ ลครั้นบวชแลว เปนผูไมประมาท มีความเพียร ไมชากไ็ ดบรรลพุ ระอรหตั . สัจจกนิครนถน ีเ้ ปน นอ งชายของนางปรพิ าชิกา ๔ คนนนั้ เปน ผูม ีปญญาย่ิงกวา นาง ๔ คนเหลา นั้น ไดเรยี นพันวาทะแตสํานักของมารดาบิดาและตอ จากนั้นไดเ รยี นลทั ธภิ ายนอกมากกวา ไมไปไหน สอนราชกุมารใหศึกษาศิลปะอยใู นกรุงเวสาลีนั้น เขากลวั วา ทอ งของเรานาจะแตก เพราะเตม็ ดว ยปญ ญาเกินไป เอาแผนเหลก็ คาดทองเท่ียวไป. ทา นหมายเอาผูนี้ จึงกลา ววา สจฺจโก นคิ นฺถปุตฺโต ดังน้.ี บทวา ภสฺสปฺปวาทโิ ก ไดแ ก กถามรรคทา นกลา ว ภสั สะ ช่ือวาเปน นักโตต อบเพราะอรรถวา พูดคอื กลา วตอบภสั สะนัน้ . บทวา ปณฑฺ ิตวาโทไดแก พดู ยกตนวา เปน บณั ฑิต. บทวา สาธุ สมฺมโต พหชุ นสสฺ ความวา ยอมอางสิ่งใด ๆ มาดว ยนกั ขัตตวาร. โดยมากส่งิ นน้ั ๆ ยอมเปนอยางน้ัน เพราะฉะนัน้ ชนเปน อนั มากยอมยกวา เปน เจาลัทธดิ ี เจริญ. บทวาวาเทน วาท สมารทโฺ ธ ไดแ ก ยกความผิดขึน้ ดวยกถามรรค. บทวาอายสมฺ า อสสฺ ชิ ไดแ ก พระอสั สชเิ ถระเปนอาจารยของพระสารบี ตุ รเถระ.
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 91บทวา ชงฺฆาวิหาร อนจุ งกฺ มมาโน ความวา จงกรมอยจู ากพระตาํ หนักของเจาลิจฉวีนน้ั ๆ เพ่ือไปยังพระตาํ หนกั นนั้ ๆ. บทวา เยนายสฺมา อสสฺ ชิเต ปสงฺกมิ ความวา ถามวา เขา ไปหาเพราะเหตไุ ร. ตอบวา เพื่อรลู ทั ธ.ิไดยินวา สจั จกนคิ รนถไ ดม คี วามคดิ อยางน้วี า เราเทีย่ วเดินดวยคิดวา เราจกั ยกวาทะของพระสมณโคดม ไมยกขน้ึ วา เราไมรูลทั ธขิ องพระสมณ-โคดม ก็ผทู ี่รูลัทธิของผูอืน่ ยกวาทะขึ้น เปนอนั ถือวา ยกขึน้ ดีแลว สว นพระ-อัสสชิเถระนีป้ รากฏเปนสาวกของพระสมณโคดม ทา นเปนผฉู ลาดในลัทธิของศาสดาของตน เราถามลัทธนิ นั้ แลว ยังถอยคาํ ใหต ัง้ อยูแลว จักยกวาทะตอ พระสมณโคดมดังน้ี เพราะฉะน้นั จึงเขา ไปหา. บทวา วเิ นติ ความวาสัจจกนิครนถถ ามวา สมณโคดม แนะนําอยา งไร ใหศ กึ ษาอยา งไร ดงั น.้ี ก็เพราะเมอ่ื พระเถระกลาววา เปน ทุกขย อมเปน โอกาสแหงการโตแยง ก็มรรคผลมาแลวโดยปรยิ ายวา เปน ทุกขเ ม่อื พระเถระกลาววา ทุกข ดังนี้ สจั จกนิครนถน้ี พึงถามพระเถระวา อัสสชิผเู จรญิ ทานบวชเพ่ืออะไร จากนั้น พระเถระตอบวา เพอื่ มรรคผล พงึ ยกความผิดขน้ึ วาอสั สชิ นไ้ี มใ ชค าํ สอนของทา นนนั้ ความอาฆาตอยางแรง ความแออดัในนรกนั้น ไมม ีเพอ่ื ความสขุ ของทาน ทา นจะมาลุกลล้ี ุกลนเท่ยี วทําทุกขใ หเสื่อมโทรม ฉะน้นั ไมค วรทาํ ปริยายกถาแกผ เู ปนนกั โตตอบ คิดวา เขาจะตง้ัอยไู มไ ด ฉันใด เราจกั กลา วกถาโดยตรงแกเ ขาฉนั นัน้ จึงยกพระดาํ รสั นี้วา รูป ภิกฺขเว อนจิ ฺจ เปน ตน ดว ยอาํ นาจอนจิ จัง อนั อนัตตา. บทวา ทุ สฺสุตคอื ไมควรฟง.บทวา สณฺาคาเร ไดแ ก ศาลาคืออาคารที่ประชมุ สอนอรรถแกร าชตระกูล. บทวา เยน เต ลิจฉฺ วี เตนุปสงกฺ มิ ความวา ไดย นิ วา สัจจก-นคิ รนถน ัน้ ไดม คี วามคดิ อยางน้ีวา เราไมยกวาทะตอ พระสมณโคดม เพราะไมรลู ัทธใิ นกาลกอน แตเดี๋ยวนี้ เรารลู ทั ธอิ ันพระมหาสาวกของสมณโคดมนนั้ กลา วแลว ก็แหละ ลจิ ฉวี ๕๐๐ เหลา นี้ เปนศษิ ยเรา มาประชมุ กันแลว
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 92เราจักไปพรอมกบั ลจิ ฉวเี หลา นัน้ แลวจึงยกวาทะข้นึ ตอ พระสมณโคดม ดงั น้ีเพราะฉะน้นั จึงเขา ไปหา. บทวา าตตเรน ความวา บรรดาพระปญ จ-วัคคยี เ ถระผูมีช่อื เสียงเหลาน้ัน รปู ใดรปู หน่ึง. บทวา ปติฏิต ความวาพระอสั สชเิ ถระนั้นยงั ดาํ รงอยู ฉนั ใด สมณโคดมจักดาํ รงอยฉู นั น้ัน เม่ือเปนเชนน้ัน เขาจักกลาวขออืน่ อกี . บัดนี้ เม่ือจะหนั หลังกลับ จึงทูลวา เราจะทําอะไรกไ็ ด ในท่ีน้ัน. บทวา อากฑฺเฒยยฺ ไดแก พงึ กระชากใหหันหนา มาหาตน. บทวา ปรกิ ฑฺเฒยฺย ความวา พงึ ดงึ มาใหหมอบอยูขางหนา. บทวา สมฺปริกฑฺเยฺย ความวาฉดุ กระชากอยไู ปมา. บทวา โสณฑฺ ธิ ตุ ฺโตแปลวา นกั เลงสรุ า. บทวา ถาล กณเฺ ณ คเหตฺวา ความวา ผใู ครจะลางกะทะสําหรับกล่นั สรุ า จบั ทหี่ ทู งั้ ๒ แลว สลัดกากทิง้ . บทวา โอธเุ นยฺย ไดแกเทควาํ่ หนา . บทวา นทิ ธฺ เมยยฺ ไดแก หงายหนาขึ้น. บทวา นปิ โปเยยฺไดแก พงึ กระแทกบอ ยๆ มนษุ ยนําเอาเปลอื กปานมัดเปน กําๆ แชนา้ํ เพ่ือทาํผาปา น.ในบทวา สาณโธวกิ นาม นีใ้ นวันท่ี ๓ เปลอื กปานเหลา น้ัน เปน ของเปย กชมุ ดี. ตอมาพวกมนษุ ยนําเอานาํ้ สม ขา วตม และสรุ าเปนตนไปที่นนั้ ถอื เอากาํ ปานไปทบุ บนแผนกระดาน ๓ หน ขางขวา ขา งซายหรอื ขางหนา คือบนแผนกระดานขางขวาหนหนึ่ง ขา งซายหนหนึง่ ขา งหนาหนหน่ึง กินพลางดื่มพลางเคยี้ วกนิ พลาง นํา้ สมขา วตม และสุราเปนตน ชว ยกนัลา งสรุ าเปนตน เปน กีฬาใหญ ชางของพระราชาเหน็ กฬี านน้ั แลว ลงนาํ้ ลกึเอางวงดดู น้ําแลว เลน พนบนกระพองหนหน่ึง บนหลังหนหนึ่ง ทส่ี ีขางทงั้ สองหนหนง่ึ บนระหวา งหลงั หนหนึง่ เพราะอาศัยเหตนุ ้ัน การเลนกฬี านน้ั เรียกชือ่วา เลน ซักปาน สัจจกนิครนถห มายเอาการเลน น้นั จงึ กลา ววา เลนกีฬาซักปาน. ในบทวา กึ โส ภวมาโน สจฺจโก นิคนฺถปุตฺโต โย ภควโต วาทอาโรเปสฺสติ นี้ มอี ธบิ ายวา สัจจกนคิ นั ถบุตรจกั โตว าทะกบั พระผูม พี ระภาค
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 93เจา สจั จกนิครนถน ัน้ เปนอะไร เปนยักษหรือเปนพระอินทร หรอื เปน พระพรหมทีจ่ กั โตว าทะกบั พระผมู ีพระภาคเจา สว นมนษุ ยต ามปกตไิ มอาจเพื่อจะโตวาทะกบั พระผมู ีพระภาคเจาไดด งั นี.้ บทวา เตน โข ปน สนเยน ความวา ในสมัยที่สจั จกะเขาไปสูอาราม. ถามวา เขาไปในสมัยไหน ? ตอบวา ในสมัยเทยี่ งตรง. ถามวา เพราะเหตไุ ร ? ภกิ ษุทั้งหลายจงึ จงกรมอยูใ นสมยันน้ั . ตอบวา เพอ่ื บรรเทาถนี มทิ ธะมโี ภชนะอันประณตี เปน ปจจัย. อีกอยา งหนึ่ง ภิกษเุ หลานน้ั ประกอบความเพียรในเวลากลางวัน. เมอ่ื ภกิ ษผุ เู ชนนน้ั จงกรมอาบนาํ้ ภายหลังอาหาร ใหร างกายไดร บั ความสบายแลว น่ังบําเพญ็ สมณธรรม จิตก็มอี ารมณแ นว แนเปนหน่งึ . บทวา เยน เต ภกิ ขฺ ู ความวาไดยนิ วา สจั จกนคิ นั ถบุตรน้ันคดิ วา พระสมณโคดมอยทู ี่ไหนจงึ เท่ียวไปรอบคิดวา จักถาม แลวเขา ไป เมอ่ื มองดเู ห็นพวกภิกษผุ ถู อื ผา บังสุกลุ เปนวัตร จงกรมอยูบนจงกรมใหญเ หมือนชา งปา จึงไดไ ปยังสาํ นักของภกิ ษุเหลานน้ั . คํามีอาทิวา เยน เต ภกิ ขฺ ู สจั จกนิคันถบตุ รกลา วหมายเอาภิกษุน้นั . บทวา กห นโุ ข โภ ความวา พระโคดมผูเจริญน้ันอยใู นอาวาสในถา้ํหรือมณฑปไหน. บทวา เอส อคคฺ เิ วสฺสน ภควา ความวา ไดยินวา ในกาลน้นั ในเวลาใกลร ุง พระผมู พี ระภาคเจาทรงเขามหากรณุ าสมาบัติ ทรงแผขายคือพระสัพพญั ุตญาณไปในหมื่นจกั รวาล เมอื่ ทรงตรวจดูสตั วท ี่ควรแนะนําใหต รสั รู ทรงเห็นวา พรงุ นี้ สัจจกนิคันถบตุ รตองการพาเอาเจาลจิ ฉวบี รษิ ทั เปน จํานวนมากจักมาโตวาทะกับเราดังน้ี. ฉะน้นั ทรงชําระพระวรกายแตเชาตรู มภี ิกษุสงฆเปน บริวารเสด็จเท่ียวบิณฑบาตในกรงุ เวสาลีเสดจ็ กลับจากบิณฑบาตทรงดาํ ริวา เราจักนั่งในทสี่ บาย เพ่ือจะประทบั นง่ัในบรษิ ทั มีจาํ นวนมาก จงึ ไมเ สด็จเขาไปพระคนั ธกฏุ ี ประทบั น่งั พักกลางวันทโ่ี คนตน ไมแหงหน่ึงในปา มหาวัน. ภกิ ษเุ หลาน้นั มาแสดงวัตรแดพระผูมีพระภาคเจา ถกู สัจจนิครนถถาม เม่อื จะแสดงพระผูมีพระภาคเจาผูป ระทับ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 486
Pages: