พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 367 ก็อยา งนั้น ในขณะสง่ั สมกรรม ความโลภ ความโกรธและความหลงทงั้ ๓ ของผใู ดมกี ําลงั ความไมโ ลภเปนตนออ นกําลงั เขายอ มไมโลภ ไมป ระทษุ ราย และไมห ลงตามนยั กอ นน่ันเทยี ว แตว า ในขณะสงั่ สมกรรม ความไมโลภ ความไมประทุษรา ยและความไมห ลง ของผูใ ดมีกําลงั นอกน้ีออ นกําลัง เขายอมเปน ผมู ีกเิ ลสนอ ย ครัน้ เหน็ อารมณอ ยา งทพิ ย ก็ไมห วนั่ ไหวตามนัยกอ นน่นั แหละ แตเ ปน ผูประทษุ รา ย และมปี ญ ญาโงเ ขลา. ในขณะสัง่ สมกรรม ความไมโลภ ไมประทษุ ราย และไมห ลงของผูใ ดมีกาํ ลังนอกน้ีออ นกาํลัง เขายอมเปน คนไมโ ลภ มปี กติเปน สขุ ไมโ กรธ แตเปน คนโงเขลา ตามนัยกอ นนัน่ เทยี ว. อยา งนน้ั ในขณะสัง่ สมกรรม ความไมโ ลภ ไมประทษุรา ย และไมห ลงของผูใ ดมีกาํ ลัง นอกนอี้ อนกาํ ลงั เขายอมเปน คนไมโลภ มปี ญ ญา แตเ ปน ผปู ระทุษรา ย และมักโกรธ ตามนยั กอ นนัน่ แหละ.แตว า ในขณะสง่ั สมกรรม กเิ ลสทง้ั ๓ มคี วามไมโลภ เปนตน ของผูใดมกี ําลัง ความโลภเปนตน ออนกําลงั เขายอ มเปน ผไู มโ ลภ ไมป ระทุษราย และมีปญ ญา ดุจพระมหาสังฆรกั ขติ เถระ เนอื้ ความในทกุ บทแหงบททั้งปวงต้ืนนั่นเทยี วแล. จบอรรถกถาจูฬธัมมสมาทานสูตรที่ ๕.
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 368 ๖. มหาธรรมสมาทานสตู ร [๕๒๐] ขาพเจา ไดฟ ง มาแลวอยางน้ี :- \"สมยั หนึง่ พระผูม ีพระภาคเจา ประทับทีพ่ ระเชตวันอารามของอนาถบิณฑกิ ะ กรงุ สาวัตถุ ครง้ั น้นั แลพระผมู ีพระภาคเจาไดต รัสเรียกภิกษทุ ง้ั หลายมาตรสั วา \"ภกิ ษุทั้งหลาย\" \"พระพทุ ธเจา ขา \" ภิกษเุ หลา น้ันสนองพระดาํ รสั ของพระผมู ีพระภาคเจา . [๕๒๑] พระผูมีพระภาคเจาจึงไดต รัสพระพุทธพจนน้ีวา :- \"ภิกษุทัง้ หลาย สัตวส วนมาก มคี วามใครอยางนี้ มีความพอใจอยา งนี้ มีความประสงคอยางน้วี า \"ไฉนหนอ ขอใหส ิ่งท่ีไมนา ปรารถนา ไมน าใคร ไมนา พอใจ พึงเสือ่ มไป, ขอใหส ิง่ ทนี่ า ปรารถนา นาใคร นาพอใจพึงเจรญิ แทนทเี่ ถิด\" แตท้ังๆ ทสี่ ัตวเหลา นั้น มคี วามใครอยางน้นั มคี วามพอใจอยา งนั้น มีความประสงคอยา งนัน้ , ส่งิ ที่ไมนา ปรารถนา ไมนาใคร ไมนา พอใจ กย็ ังเจรญิ ข้นึ มาจนได, ส่งิ ท่นี า ปรารถนา นาใคร นาพอใจ กลับเส่อื มไป. ในขอน้นั พวกเธอเขาใจวา เพราะเหตุไร\" ภิ. \"พระพทุ ธเจาขา ธรรมท้งั หลายของพวกขาพระองคมีพระผมู พี ระภาคเจาเปนเคามลู มพี ระผูม พี ระภาคเจา เปนผนู าํ มีพระผูมีพระภาคเจา เปน ที่พึงอาศยั , พระพทุ ธเจา ขา ขอใหเน้อื ความแหง ภาษติ น้ัน จงแจมแจง แตกบัพระผูมพี ระภาคเจา เทา นนั้ เถิด, เม่ือพวกภิกษไุ ดฟ ง พระผูม ีพระภาคเจาแลว จะทรงจําไว\" พ. ภกิ ษุทง้ั หลาย ถาอยางนัน้ ขอใหพ วกเธอจงตง้ั ใจฟงใหด ี ๆเราตถาคตจะวาใหฟง \"
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 369 ภิ. อยา งนั้น พระพุทธเจาขา \" ภกิ ษเุ หลา นน้ั สนองพระดํารสั ของพระผูม ีพระภาคเจา [๕๒๒] พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ไดตรสั อยางน้วี า :- \"ภกิ ษุท้งั หลาย ปุถุชนผูไมไ ดรบั การศกึ ษา ไมเ หน็ พวกพระอริยเจา ไมฉ ลาดตอคุณธรรมของพระอรยิ เจา ไมไดรบั การแนะนาํ ในคณุ ธรรมของพระอรยิ เจา. ไมเหน็ พวกคนดี ไมฉ ลาดตอคณุ ธรรมของคนดี ไมไ ดร ับการแนะนําในคุณธรรมของคนดี, ไมรูจ กั สง่ิ ทีค่ วรเสพ, ไมร ูจ กั สง่ิ ทไ่ี มควรเสพ, ไมรจู ักสิ่งทค่ี วรคบ, ไมรูจักสงิ่ ท่ไี มควรคบ. เม่ือเขาไมร จู กั สิง่ ทค่ี วรเสพ,...ไมค วรเสพ,..ควรคบ,...ไมค วรคบ, กเ็ สพสิ่งท่ีไมควรเสพ ไมเสพสิ่งทค่ี วรเสพ; คบสงิ่ ทไี่ มค วรคบ. ไมคบสิ่งที่ควรคบ, เม่ือเขาเสพส่งิ ท่ไี มควรเสพ ไมเ สพสงิ่ ทค่ี วรเสพ, คบสงิ่ ทไี่ มค วรคบ ไมค บสิ่งที่ควรคบเขา, สง่ิ ที่ไมนาปรารถนา ไมน า ใคร ไมน า พอใจ ก็เจริญยิ่งข้ึน, ส่ิงทนี่ าปรารถนานา ใคร นาพอใจ กเ็ สื่อมหายไป. ภิกษทุ ั้งหลาย ขอ นนั้ เพราะเหตไุ ร เพราะเหตุ เขาไมร ูตามทเี่ ปน จรงิ เชน น้ัน. \"ภิกษุท้งั หลาย สว นอริยสาวก ผูไดร บั การศกึ ษา ไดเห็นพวกพระอรยิ เจามา ฉลาดตอคณุ ธรรมของพระอรยิ เจา ไดรับการแนะนําในคุณธรรมของพระอริยเจาเปน อยางดีมาแลว, ไดเ ห็นพวกคนดมี า ฉลาดตอคุณธรรมของคนดี ไดรับการแนะนําในคณุ ธรรมของคนดีเปนอยา งดีมาแลว , ยอ มรจู ักสิง่ ท่ีควรเสพ...ส่ิงที่ไมค วรเสพ...สง่ิ ท่ีควรคบ...ส่ิงท่ีไมควรคบ. เมอ่ื เขารจู ักส่ิงทค่ี วรเสพ...สงิ่ ทไี่ มค วรเสพ...สงิ่ ทีค่ วรคบ...สง่ิ ทไี่ มควรคบ; ก็ไมเสพสง่ิ ท่ีไมค วรเสพ เสพแตส ิง่ ท่คี วรเสพ; ไมค บสิง่ ท่ีไมควรคบ คบแตก บั ส่งิ ที่ควรคบ. เมือ่ เขาไมเสพสง่ิ ท่ีไมค วรเสพ เสพแตส ิ่งทค่ี วรเสพ; ไมค บสิ่งทไ่ี มควรคบ คบแตส ่ิงท่คี วรคบ, ส่งิ ที่ไมนา ปรารถนา ไมน า ใคร ไมนาพอใจ กย็ อม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 370เสื่อมหายไป; สิง่ ทน่ี าปรารถนา นาใคร นาพอใจ ก็ยอ มเจรญิ ข้นึ มา ขอนนั้ เพราะเหตไุ ร ภกิ ษทุ ั้งหลาย เพราะเขารูตามทเี่ ปนจรงิ เชนน้นั \" [๕๒๓] \"ภิกษุทง้ั หลาย การถอื มนั่ สง่ิ ท้ังหลายเหลาน้มี ี ๔ อยา ง.๔ อยางอะไรบาง คอื :- ๑. ภกิ ษทุ ัง้ หลาย การถือมน่ั สิ่งท่ปี จ จบุ นั ก็เปนทุกข และตอไปก็ใหผลเปนทกุ ขอกี กม็ ี, ๒. ภิกษุท้งั หลาย การถือมัน่ สง่ิ ทป่ี จ จุบันเปนสุข แตตอ ไปใหผลเปนทกุ ข ก็ม,ี ๓. ภิกษทุ ้งั หลาย การถอื มน่ั สิง่ ทป่ี จจบุ นั เปนทกุ ข แตต อ ไปมผี ลเปนสุข กม็ ี, ๔. ภิกษุทง้ั หลาย การถือม่นั สง่ิ ท่ีปจ จุบนั ก็เปนสุข และตอ ไปก็ใหผ ลเปนสุขอกี ก็ม.ี [๕๒๔] \"ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ในจาํ พวกการถือม่นั สง่ิ เหลานัน้ การถือมนั่ สิ่งที่ผไู มรู อยใู นอํานาจความโง ไมเขา ใจชัดเจนตามทเ่ี ปน จรงิ วา ''การถอื มัน่ สิง่ แบบนีแ้ ล ทป่ี จจบุ นั กเ็ ปนทุกขและตอไปกเ็ ปนทกุ ขอกี \" น้เี ปนการถอื มันสงิ่ ชนดิ ที่ปจ จุบันก็เปน ทุกข และตอ ไปก็ยงั เปน ทกุ ขอ กี เมือ่ ไมร ูมัน อยใู นอํานาจความโง ไมเ ขาใจชดั เจนตามท่เี ปน จริง ก็เสพมัน ไมงดเวนมนั เมอ่ื เขาเสพมนั ไมงดเวนมนั อยู. สิ่งทไี่ มน าปรารถนา ไมนาใคร ไมนาพอ กเ็ จรญิ ขน้ึ มา; สิง่ ที่นา ปรารถนา นา ใคร นา พอใจ ก็เส่อื มลงไปขอน้ัน เพราะเหตุไร ภิกษทุ ้ังหลาย เพราะเหตุทีเ่ ขาไมร ตู ามทีเ่ ปนจริงเชน นั้น. \"ภิกษุทั้งหลาย ในจาํ พวกการถอื ม่ันสิง่ เหลา นัน้ การถือมนั่ สง่ิ ท่ีผูไมรู ตกอยใู นอาํ นาจความโง ไมเขาใจชัดเจนตามที่เปน จรงิ วา \"นีแ้ ล เปนการ
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 371ถือมน่ั สง่ิ ชนิดทีป่ จจุบนั เปนสขุ แตต อ ไปใหผลเปน ทกุ ข\" น้เี ปนการถอื มนั่ สิ่งชนิดที่ปจ จบุ นั เปนสุข แตตอไปใหผ ลเปน ทุกข. เมอ่ื ไมร มู ัน ตกอยใู นอาํ นาจความโง ไมเขาใจชัดเจนตามที่เปน จรงิ กเ็ สพมนั ไมงดเวนมัน. เมื่อเขาเสพมนั ไมงดเวน มนั อย,ู สง่ิ ทีไ่ มนา ปรารถนา ไมนา ใคร ไมนา พอใจ กเ็ จริญขึน้ มา, สงิ่ ทนี่ า ปรารถนา นา ใคร นาพอใจ ก็เส่ือมลงไป. ขอน้นั เพราะเหตุไร ภิกษุทงั้ หลาย เพราะเหตทุ ีเ่ ขาไมรูตามทเ่ี ปนจรงิ เชนน้นั . \"ภิกษุทงั้ หลาย ในจําพวกการถอื มนั่ สง่ิ เหลาน้ัน การถอื มน่ั ส่งิ ทีผ่ ูไ มรู ตกอยใู นอาํ นาจความโง ไมเขาใจชดั เจนตามทเี่ ปนจริงวา \"นี้แลเปน การถอืมั่นสง่ิ ชนดิ ที่ปจจบุ ันเปน ทุกข แตต อไปใหผลเปนสขุ \" น้ีเปน การถอื มั่นส่งิชนดิ ท่ปี จ จบุ นั เปน ทกุ ข แตต อไปใหผลเปนสุข. เมอื่ ไมร มู ัน ตกอยใู นอาํ นาจความโง ไมเขา ใจชดั เจนตามท่เี ปน จรงิ ก็เสพมัน ไมย อมงดเวน มนั . เม่อื เขาเสพมนั ไมยอมงดเวน มนั อย.ู สงิ่ ทีไ่ มนา ปรารถนา ไมน าใคร ไมนา พอใจ ก็เจริญขึ้นมา; สง่ิ ท่นี าปรารถนา นาใคร นา พอใจ ก็เสอ่ื มลงไป. ขอ น้ัน เพราะเหตุไร ภิกษุทง้ั หลาย เพราะเหตทุ ีเ่ ขาไมร ูต ามทเี่ ปน จริงเชนน้ัน. \"ภกิ ษุทงั้ หลาย ในจําพวกการถอื ม่ันสิ่งเหลา นนั้ การถือมนั่ ส่ิงท่ีผูไมรูตกอยใู นอาํ นาจความโง ไมเขาใจชดั เจนตามทีเ่ ปนจรงิ วา \"น้ีแล คอื การถอืมน่ั สิ่งชนดิ ทป่ี จจุบนั ก็เปน สุข และตอไปกย็ ังใหผลเปน สขุ อกี .\" นค้ี ือการถอืมนั่ สง่ิ ชนดิ ที่ปจ จุบันกเ็ ปนสขุ และตอไปกย็ งั ใหผ ลเปน สขุ อกี . เม่อื ไมร ูมนั ตกอยูใ นอํานาจความโง ไมเ ขาใจชดั เจนตามทเ่ี ปน จริง กเ็ สพมนั ไมย อมงดเวนมนั . เมอ่ื เขาเสพมนั ไมย อมงดเวนมนั อย,ู สง่ิ ทไ่ี มน า ปรารถนา ไมน าใคร ไมน าพอใจ ก็เจรญิ ข้ึนมา; ส่งิ ท่นี าปรารถนา นา ใคร นาพอใจ กพ็ ลอยเสือ่ มลงไป. ขอ นัน้ เพราะเหตุไร ภิกษุท้งั หลาย เพราะเหตทุ เ่ี ขาไมร ตู ามท่ีเปน จรงิ เชน นนั้ .
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 372 [๕๒๕] ภกิ ษุทง้ั หลาย ในจาํ พวกการถือม่ันสิง่ เหลา นน้ั การถอื มน่ัส่งิ ที่ผูร ู อยใู นอาํ นาจความรู เขาใจชัดเจนตามทีเ่ ปน จรงิ วา \"นแ้ี ล คือการ ถอื มัน่ ส่งิ ชนิดทปี่ จจบุ นั กเ็ ปนทุกขแ ละตอ ไปกย็ งั ใหผ ลเปน ทกุ ขอีก\" น้ีคือการถือมั่นส่ิงชนดิ ท่ีปจจบุ นั ก็เปนทุกขแ ละตอไปกม็ ผี ลเปนทุกขอกี . เมื่อรูม ัน อยูในอํานาจความรู เขาใจชัดเจนตามทเี่ ปนจริง ก็เลกิเสพมนั ยอมงดเวนมัน, เม่อื เขาเลิกเสพมนั ยอมงดเวน มนั อยู, ส่ิงที่ไมนาปรารถนา ไมนา ใคร ไมนา พอใจ กเ็ ส่อื มลงไป. สงิ่ ท่ีนา ปรารถนา นาใคร นาพอใจ ก็เจริญขึ้นมาแทนท่ี. ขอนน้ั เพราะเหตไุ ร ภกิ ษทุ ั้งหลาย เพราะเหตทุ เี่ ขารูตามที่เปน จริงเชน นนั้ . ภกิ ษทุ ้งั หลาย ในจําพวกการถอื ม่ันสงิ่ เหลาน้นั การถือม่ันสงิ่ ทผ่ี รู ูอยใู นอาํ นาจความรู เขาใจชดั เจนตามทีเ่ ปน จริงวา \"น้ีแล คอื การถอื มนั่ ส่งิชนดิ ที่ปจจบุ นั เปนสขุ แตตอไปใหผลเปน ทุกข นคี้ อื การถอื ม่ันส่งิ ชนิดที่ปจจบุ ันเปน สุข แตตอไปใหผลเปนทกุ ข. เมือ่ รูมนั อยูในอํานาจความรู...ฯลฯ เพราะเหตุท่ีเขารูตามท่เี ปนจรงิ เชนนัน้ \" \"ภกิ ษทุ ้ังหลาย ในจาํ พวกการถือมัน่ ส่ิงเหลานัน้ การถอื มน่ั สงิ่ ที่ผูรู อยใู นอํานาจความรู เขา ใจชัดเจนไดต ามทีเ่ ปน จรงิ วา \"นแี้ ล คือการถอื มนั่สง่ิ ชนดิ ทีป่ จ จุบันเปน ทกุ ข แตตอไปใหผ ลเปนสขุ \" นค้ี อื การถือม่ันสิง่ ชนดิ ที่ปจจบุ นั เปน ทุกขแตต อ ไปใหผ ลเปน สุข. เม่อื รูมันอยูใ นอํานาจความรู. ..ฯลฯเพราะเหตทุ ่ีเขารตู ามทเ่ี ปนจรงิ เชน นน้ั . ภกิ ษทุ งั้ หลาย ในจําพวกการถอื ม่นั สง่ิ เหลาน้นั การถือมน่ั ส่ิงท่ีผูร ูอยูในอํานาจความรู เขา ใจชดั เจนไดต ามท่ีเปนจรงิ วา \"นแ้ี ล คอื การถือมั่นสิง่ ชนดิ ที่ปจ จบุ นั กเ็ ปนสขุ และตอไปก็ยงั ใหผลเปน สขุ อกี \" นี้คอื การถอื ม่ัน
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 373สิ่งชนดิ ทป่ี จ จบุ นั ก็เปน สขุ และตอ ไปก็ยงั มผี ลเปนสขุ อกี เมื่อรูมนั อยูในอํานาจความรูเขา ใจไดชดั เจนตามท่เี ปน จรงิ กเ็ ลกิ เสพมัน ผอมงดเวน มัน.เมื่อเขาเลกิ เสพมนั ยอมงดเวนมันอยู, ส่งิ ทีไ่ มน าปรารถนา ไมนา ใคร ไมนา พอใจ กเ็ สอ่ื มลงไป, สงิ่ ท่ีนา ปรารถนา นา ใคร นาพอใจ ก็เจริญขนึ้ มาแทนท่ี ขอ น้นั เพราะเหตไุ ร? ภกิ ษุทัง้ หลาย เพราะเหตทุ ่เี ขารูต ามที่เปน จริงเชนน้ัน. [๕๒๖] \"ภกิ ษุท้งั หลาย ก็แลการถอื ม่ันสิง่ ทมี่ ที ุกขท้งั ในปจจบุ ัน และตอไปกย็ ังใหผ ลเปนทกุ ขอ กี เปนไฉน \"ภกิ ษทุ ้ังหลาย บคุ คลบางคนในโลกน้ี :- ๑. เปนผชู อบฆาสัตว พรอ มกบั ทุกขบา ง พรอ มกบั โทมนัสบา ง,และเพราะการฆา สัตวเปนปจ จัย เขายอ มเสวยทุกขโทมนัส. ๒. เปน ผูชอบลกั ทรพั ย พรอมกบั ทกุ ขบา ง พรอ มกบัโทมนสั บาง, และเพราะการลกั ทรัพยเ ปนปจจยั เขายอมเสวยทุกขโ ทมนัส ๓. เปน ผชู อบประพฤตผิ ิดในกามทัง้ หลาย พรอมกบั ทกุ ขบาง พรอ มกบั โทมนัสบา ง, และเพราะความประพฤติผิดในกามเปน ปจจยั เขายอมเสวยทุกขโ ทมนสั . ๔. เปนผชู อบพดู เท็จ พรอมกับทุกขบ าง พรอ มกบั โทมนัสบาง,และเพราะการพูดเท็จเปน ปจจัย เขายอมเสวยทุกขโ ทมนสั . ๕. เปนผูพดู สอเสียด พรอ มกบั ทกุ ขบ า ง พรอ มกบั โทมนสั บา ง.และเพราะการพดู สอเสยี ดเปน ปจจัย เขายอ มเสวยทุกขโ ทมนสั ๖. เปนผพู ดู คาํ หยาบ พรอมกับทกุ ขบาง พรอ มกับโทมนสั บา งและเพราะการ คาํ หยาบเปน ปจจยั เขายอ มเสวยทกุ ขโ ทมนสั .
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 374 ๗. เปน ผูพ ดู สาํ รากเพอ เจอ พรอมกบั ทกุ ขบาง พรอ มกับโทมนสับาง, และเพราะการพดู สาํ รากเพอเจอเปน ปจ จัย เขายอ มเสวยทุกขโทมนัส. ๘. เปนผมู ากดวยความเพง เล็ง พรอมกบั ทกุ ขบา ง พรอมกบัโทมนัสบาง, และเพราะความเพง เล็งเปนปจจยั เขายอมเสวยทุกขโทมนสั . ๙. เปน ผมู จี ติ พยาบาท พรอ มกับทกุ ขบาง พรอมกบั โทมนสับาง และเพราะพยาบาทเปนปจจัย เขายอมเสวยทกุ ขโ ทมนสั . ๑๐. เปน ผูม ีความเหน็ ผิด พรอ มกับทกุ ขบ า ง พรอ มกบัโทมนสั บาง, และเพราะความเหน็ ผิดเปนปจ จยั เขายอ มเสวยทุกขโทมนัส. เบื้องหนาแตต ายเพราะกายแตก เขายอมเขาถึงอบายทุคติวนิ ิบาต นรก. ภกิ ษุท้งั หลาย นเี้ รียกวาการถอื ม่ันสิ่งทใ่ี นปจ จุบนั ก็เปนทุกข และตอไปกย็ ังมผี ลเปนทกุ ขอีก. [๕๒๗ ] \"ภกิ ษุทง้ั หลาย อนงึ่ การถอื มั่นส่งิ ทม่ี สี ุขในปจจบุ ันแตต อไปมีผลเปน ทกุ ข เปนไฉน \"ภกิ ษทุ ง้ั หลาย คอื บคุ คลบางคนในโลกน้ี :- ๑. เปน ผชู อบฆาสัตว พรอ มกับสขุ บา ง พรอ มกับโสมนัสบาง, และเพราะการฆาสัตวเ ปนปจจยั เขายอมเสวยสุขโสมนัส. ๒. เปนผชู อบลักทรพั ยพรอมกับสุขบาง พรอ มกับโสมนสั บาง,และเพราะการลักทรพั ยเปนปจจยั เขายอมเสวยสุขโสมนสั . ๓. เปนผชู อบพระพฤติผิดในกามทัง้ หลาย พรอ มกับสขุ บา ง พรอมกับโสมนสั บา ง, และเพราะความประพฤตผิ ดิ ในกามเปน ปจจัย เขายอ มเสวยสุขโสมนัส.
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 375 ๔. เปน ผูชอบพดู เท็จ พรอ มกับสขุ บา ง พรอมกบั โสมนสั บา ง, และเพราะการพูดเทจ็ เปน ปจจยั เขายอมเสวยสขุ โสมนสั . ๕. เปนพูดสอ เสยี ด พรอมกบั สขุ บา ง พรอ มกับโสมนัสบา ง, และเพราะการพดู สอ เสียดเปน ปจ จัย เขายอมเสวยสขุ โสมนัส. ๖. เปนผูพูดคาํ หยาบ พรอ มกบั สุขบาง พรอ มกบั โสมนสั บาง และเพราะการพดู คาํ หยาบเปน ปจจยั เขายอ มเสวยสุขโสมนัส. ๗. เปนผูช อบพูดคาํ สํารากเพอเจอ พรอมกับสขุ บาง พรอ มกับโสมนสับาง, และเพราะการพูดสํารากเพอ เจอ เปน ปจ จัย เขายอมเสวยสขุ โสมนสั . ๘. เปน ผมู ากดวยความเพงเลง็ พรอมกบั สุขบา ง พรอมกับโสมนสั บาง, และเพราะความเพง เล็งเปน ปจ จยั เขายอ มเสวยสุขโสมนสั . ๙. เปน ผมู จี ิตพยาบาท พรอ มกับสุขบา ง พรอ มกบั โสมนสั บาง,และเพราะความพยาบาทเปน ปจ จัย เขายอ มเสวยสุขโสมนัส. ๑๐. เปนผมู ีความเห็นผิด พรอ มกับสุขบาง พรอมกบั โสมนัสบา ง, และเพราะความเหน็ ผิดเปน ปจจยั เขายอ มเสวยสขุ โสมนัส. (แต) เบือ้ งหนา แตต ายเพราะกายแตก เขายอ มเขาถึงอบายทุคติวนิ บิ าต นรก. ภิกษุทง้ั หลาย นเ้ี รยี กวา การยดึ ถอื สงิ่ ท่ีมสี ุขในปจจบุ นั แตตอไปมผี ลเปนทกุ ข. [๕๒๘] \"ภกิ ษุทั้งหลาย ก็แลการถอื มั่นสงิ่ ทีม่ ที ุกขใ นปจ จุบนั แตม ีสขุ เปนวบิ ากตอ ไป เปน ไฉน \"ภิกษุท้ังหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ :-
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 376 ๑. เปน ผเู วนจากการฆา สตั วไดเดด็ ขาด พรอมกบั ทุกขบา ง พรอมกบัโทมนสั บาง, และเพราะการเวน จากการฆา สัตวเ ปน ปจ จยั เขายอ มเสวยทกุ ขโทมนสั . ๒. เปนผูเวน จากการลักทรัพยไ ดเดด็ ขาด พรอมกบั ทุกขบาง พรอ มกับโทมนสั บา ง, และเพราะการเวนจากการลักทรัพยเ ปนปจจัย เขายอมเสวยทกุ ขโทมนสั . ๓. เปน ผูเ วน จากความประพฤติผดิ ในกามท้ังหลาย พรอ มกับทกุ ขบาง พรอ มกบั โทมนสั บา ง, และเพราะการเวนจากความประพฤติผดิ ในกามเปน ปจจัย เขายอ มเสวยทกุ ขโทมนัส. ๔. เปน ผเู วนจากการพูดเท็จไดเด็ดขาด พรอ มกบั ทุกขบา ง พรอมกับโทมนสั บา ง, และเพราะการเวน จากการพดู เท็จเปน ปจจยั เขายอ มเสวยทุกขโทมนสั . ๕. เปนผูเ วน จากการพดู สอเสียดไดเ ด็ดขาด พรอมกบั ทุกขบา งพรอ มกับโทมนสั บาง, และเพราะการเวนจากการพดู สอ เสียดเปนปจจัย เขายอ มเสวยทุกขโทมนัส. ๖. เปน ผเู วน จากการพดู คําหยาบไดเ ด็ดขาด พรอมกบั ทกุ ขบางพรอ มกับโทมนสั บาง และเพราะการเวนจากการพดู คําหยาบเปน ปจจยัเขายอมเสวยทกุ ขโทมนัส. ๗. เปนผูเวน จากการพูดคาํ สาํ รากเพอ เจอไดเด็ดขาด พรอ มกับทกุ ขบา ง พรอ มกับโทมนัสบาง, และเพราะการเวนจากการพูดคาํ สํารากเพอ เจอเปนปจจัย เขายอมเสวยทกุ ขโ ทมนัส.
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 377 ๘. เปน ผไู มมากดว ยความเพงเล็ง พรอ มกบั ทุกขบ าง พรอ มกับโทมนัสบาง, และเพราะความไมเ พงเลง็ เปนปจจยั เขายอ มเสวยทกุ ขโ ทมนัส. ๙. เปน ผไู มม จี ิตคดิ พยาบาท พรอมกบั ทกุ ขบา ง พรอ มกบั โทมนัสบา ง,และเพราะความไมพ ยาบาทเปน ปจจัย เขายอมเสวยทุกขโทมนสั . ๑๐. เปน ผมู คี วามเหน็ ถูกตอ ง พรอมกบั ทกุ ขบา ง พรอ มกบั โทมนัสบาง, และเพราะความเห็นถูกตองเปนปจจยั เขายอ มเสวยทุกขโทมนัส. (แต) เบอื้ งหนา แตตายเพราะกายแตก เขายอมเขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค. \"ภิกษทุ ั้งหลาย นเ้ี รียกวา การถือมนั่ ส่ิงท่มี ีทุกขในปจจบุ ัน แตตอไปมสี ุขเปน ผล. [๕๒๙] \"อน่ึง, ภกิ ษุทัง้ หลาย การถอื มัน่ สิง่ ท่มี สี ุขทั้งในปจจุบนั และตอไปกย็ งั มีผลเปน สขุ อกี เปนไฉน \"ภกิ ษทุ ้งั หลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ :- ๑. เปน ผเู วน จากการฆา สัตวไดเด็ดขาด พรอ มกบั สขุ บาง พรอมกับโสมนัสบาง, และเพราะการเวน จากการฆา สตั วเปนปจจัย เขายอมเสวยสขุโสมนสั ..ฯลฯ... ๑๐. เปน ผมู ีความเห็นถูกตอ ง พรอ มกับสุขบา ง พรอ มกับโสมนสับา ง, และเพราะความเหน็ ถูกตองเปน ปจ จัย เขายอมเสวยสขุ โสมนสั . (และ) เบ้ืองหนาแตตาย เพราะกายแตก, เขายอ มเขาถงึ สคุ ติโลกสวรรค. ภิกษุท้ังหลาย นเ้ี รยี กวาการถือมั่นส่ิงทีม่ ีสขุ ท้งั ในปจจบุ ันและตอไปกย็ งั มีสขุ เปน ผลอีก.
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 378 \"ภิกษุทง้ั หลาย เหลา นีแ้ ล คือการถือมั่นสงิ่ ทัง้ หลาย ๔ ประการ. [๕๓๐] \"ภิกษทุ ้ังหลาย (สมมตวิ า) มนี า้ํ เตา ขมเจอื ยาพิษ แลว ทีนนั้มคี นอยากเปน ไมอ ยากตาย รักสขุ เกลยี ดทกุ ขม าถึง. พวกคนกก็ ลา วกะเขาอยา งนี้วา \"น่ีแนะ นาย นเี้ ปน นํา้ เตาขมเจือยาพิษนะ, ถาคุณประสงคก ็จงดื่มเถิด, เพราะวาขณะทคี่ ุณกําลงั ด่ืมมันอยูน ัน้ แหละ จะไมอ าเจียนเพราะสีเพราะกลนิ่ หรอื เพราะรสเลย, แตท วา เมอ่ื คุณด่ืมเสร็จแลว จะถึงความตาย หรอื ไมอยา งน้นั ก็จะถงึ ทุกขป างตาย\" เขากด็ ื่มมันโดยทยี่ ังไมพิจารณาและก็ไมบ วนทิ้งดวย. และขณะทเ่ี ขากาํ ลังด่มื มันอยนู ้ันแหละ ไมวาสี ไมวา กล่ิน หรอื รส ไมท ําใหเขาอาเจียนเลย แตท วาเม่ือดม่ื เสรจ็ เขาจะพงึถงึ ความตายหรือถึงทุกขเจียนตาย แมฉ ันใด, ภิกษทุ ัง้ หลาย เราตถาคตกลา วถึงการถอื มั่นส่ิงนี้ คอื การถอื ม่นั สงิ่ ท่ีมีทกุ ขทง้ั ในปจจบุ ันและตอ ไปก็ยงัมีผลเปนทกุ ขอีกนวี้ ามกี ารเปรียบเปนฉนั นนั้ . [๕๓๑] \"ภกิ ษทุ ้ังหลาย (สมมตวิ า) มหี มอนาํ้ สมั ฤทธิส์ ีก็งาม กล่นิก็หอม รสกอ็ รอย. แตท วา หมอ นํ้าสัมฤทธนิ์ นั้ แลเจอื ยาพิษ. คราวนี้กม็ ีคนท่ีอยากเปนไมอยากตาย รกั สุขเกลียดทุกขมาถึง พวกคนก็พูดกะเขาอยา งน้ีวา \"น่แี นะ นาย มหี มอน้ําสัมฤทธสิ์ กี ง็ าม กลิ่นก็หอม รสก็อรอย. แตทวา หมอ นา้ํ สมั ฤทธิ์นน้ั แลมนั เจอื ยาพษิ ถา คณุ ตองการกด็ ่มื เถิด. เพราะวา ขณะทคี่ ณุ กาํ ลงั ดื่มมนั อยนู น้ั แหละ ไมวาสี ไมวากลิ่น หรอื รส จะทําใหอาเจยี นออก, แตท วา เม่ือดม่ื เสร็จแลว คุณจะถึงความตาย หรอื ไดร บั ทกุ ขเจียนตาย เขาก็ดม่ื มันโดยท่ียังไมท นั ไดพ จิ ารณา และก็ไมยอมบว นท้ิง และเมื่อเขากาํ ลังด่มื มันอยูนั้นแหละ เกดิ อาเจยี นออกมา เพราะสี เพราะกลิน่ หรือเพราะรส แตทวา เมือ่ ดมื่ เสร็จแลว เขากถ็ งึ ความตาย หรอื ไดรับทุกขปางตาย แมฉนั ใด, ภิกษทุ ง้ั หลาย เราตถาคตกลาวถงึ การถอื มั่นสงิ่ นีค้ อื ถือมน่ั ส่งิทม่ี สี ุขในปจ จุบัน แตตอ ไปมผี ลเปนทุกขว า มีการเปรยี บเปนฉันนนั้ .
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 379 [๕๓๒] \"ภิกษุทัง้ หลาย (สมมติวา) มีนํา้ มตู รเนาที่ระคนดว ยตัวยาตางๆ ทนี ้ัน กม็ คี นเปน โรคผอมเหลอื งมาถึง, พวกคนก็พดู กะเขาอยางนี้วา \"นแ่ี นะ นาย นีน้ ้ํามตู รเนา ทเี่ อาตวั ยาตางๆ มาระคน ถาคุณตอ งการก็ด่ืมเถิด, และขณะทีค่ ุณกาํ ลังดมื่ มนั อยูนั้นแหละ จะไมอ าเจียน เพราะสี เพราะกลนิ่ หรือเพราะรสเลย อกี ทั้งเมื่อดม่ื เสรจ็ แลว คณุ ก็จะมคี วามสุขดวย\"เขากด็ ม่ื มนั โดยทีไ่ ดพ จิ ารณาแลว และกไ็ มบว นท้ิงดวย. และตอนทเ่ี ขากําลังดื่มมันอยูน้ันแหละ ไมว าสีไมวา กล่ิน หรือรส กไ็ มท าํ ใหอาเจยี น แตท วาเม่ือด่ืมเสรจ็ แลว เขาก็มีความสขุ แมฉันใด; ภิกษทุ ้งั หลาย เราตถาคตกลาวถึงการถือม่นั สงิ่ น้ี คือถอื มน่ั สิ่งทีม่ ที กุ ขในปจจบุ ัน แตตอ ไปมีสขุ เปนผลวา มกี ารเปรียบเปน ฉันนัน้ . [๕๓๓] \"ภกิ ษุท้ังหลาย (สมมติวา) มนี มสม นาํ้ ผงึ้ เนยใส และนา้ํออ ย ท่เี อามาระคนขา ดวยกัน. ตอนน้ัน มคี นทเี่ ปน โรคลงแดงมาถึง พวกคนกพ็ ดู กะเขาอยางนี้วา \"นี่แนะ นาย!น้เี ปนนมสม นา้ํ ผึง้ เนยใส และน้ําออยท่ีเอามาระคนเขาดวยกัน. ถา คณุ ตอ งการ กด็ ื่มเถดิ และทั้งตอนทค่ี ณุ กาํ ลงั ดืม่ของเหลานัน้ อยูนัน้ แหละ ไมว าสีไมว ากล่นิ หรือรส ก็ไมทาํ ใหอาเจียน,แตท วา เมอื่ ดมื่ เสร็จแลว คณุ จะมคี วามสขุ \" เขากด็ ื่มมันโดยที่ไดพิจารณาแลว และไมบ ว นท้งิ เสยี ดว ย อีกท้งั เม่ือเขากําลงั ดื่มมนั อยูน ้ัน แหละ เพราะสี เพราะกล่ิน หรอื เพราะรสก็ไมท าํ ใหอาเจียนออกมาเลย, แตท วา เมือ่ ดม่ืเสรจ็ แลว เขากม็ คี วามสุข แมฉ นั ใด, ภกิ ษทุ ้ังหลาย เราตถาคตกลา วถงึ การถอื มนั่ สิง่ น้ี คือการถือมน่ั สงิ่ ท่มี สี ุขท้ังในปจ จุบนั และตอไปก็ยังมีความสุขเปนผลอีกวามกี ารเปรยี บเปน ฉนั นัน้ . [๕๓๔] ''ภิกษุทงั้ หลาย ในฤดูสารท เดือนทายฤดูฝน เมือ่ ฝน
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 380ซาลง เมฆกป็ ราศไปแลว พระอาทติ ยส ูท อ งฟา กําจัดความมดื ในอากาศยอมสองแสงแผดแสง และแจง จา แมฉนั ใด; ฉนั นนั้ น่นั แล ภิกษทุ ั้งหลาย การถอืม่ันสง่ิ ท่มี ีสขุ ทง้ั ในปจ จบุ นั และตอไปกย็ ังมผี ลเปนสขุ อีก ขจดั คาํ ตเิ ตียนของสมณพราหมณเ ปนอนั มากเหลา อนื่ ได แลว ยอมสวา งแจมแจง และรงุ เรอื ง.\" พระผูม ีพระภาคเจา ไดตรสั พระสูตรนจี้ บแลว ภิกษุเหลานั้นตางมคี วามพอใจ ชื่นชมภาษติ ของพระผูมพี ระภาคเจาเปน อยางยงิ่ ดวยประการฉะน้ี จบมหาธัมมสมาทานสูตรท่ี ๖
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 381 อรรถกถามหาธรรมสมาทานสตู ร มหาธรรมสมาทานสูตร ขึน้ ตนวา \" ขาพเจา ไดฟ ง มาแลวอยา งน้.ี \" ในบทเหลานั้น บทวา \"มีความอยากอยางน้\"ี คอื มีความตองการอยางนี้. บทวา \"มคี วามพอใจอยา งน้ี\" คอื มคี วามโนม เอยี งไปอยา งน้ี. บทวา \" มคี วามประสงคอยางน้\"ี คือมีลัทธิอยา งนี.้ บทวา \"ใน...นนั้ \" คอืในความเจริญแหงอารมณท ไี่ มน า พอใจ และในความเสือ่ มไปแหง อารมณท ่ีนาพอใจนัน้ . คาํ วา \"มพี ระผูม พี ระภาคเจาเปน เคามูล\" คือ ช่ือวามีพระผูมพี ระภาคเจาเปนรากเงา เพราะพระผมู พี ระภาคเจาทรงเปน เคามูลแหง สงิ่เหลา น้.ี มีคําที่กลา วไววา \" พระพุทธเจาขา! สิ่งทั้งหลายเหลา นี้ ของพวกขา พระพุทธเจาครั้งแรก พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจา ไดท รงใหเ กิดขน้ึเมอ่ื พระองคทา นปรินิพพานแลว ไมไ ดมีสมณะหรือพราหมณท ขี่ ้ึนชอ่ื วาผูสามารถใหธรรมเหลานเ้ี กดิ ขึ้นอกี เลย สิน้ พุทธันดรหนงึ่ แตพ ระผูมพี ระภาคเจาไดทรงใหธ รรมเหลา น้ขี องพวกขาพระพุทธเจาเกดิ ขนึ้ แลว พวกขาพระพุทธเจาไดอ าศัยพระผมู ีพระภาคเจาโดยแท จึงเขา ใจทั่วถึง คือรเู ฉพาะธรรมเหลานไ้ี ด พระพุทธเจา ขา! เพราะเหตุนี้ ธรรมของพวกขา พระพุทธเจา จึงชื่อวามพี ระผูมีพระภาคเจา ทรงเปน เคา มูล ดว ยประการฉะนี.้ คาํ วา \"มพี ระผูมพี ระภาคเจาทรงเปนผนู ํา\" คอื พระผูมพี ระภาคเจาทรงเปน ผูแ นะ ผนู ําผคู อยชกั จูงเก่ียวกับเรอ่ื งของธรรมโดยแท. ธรรมท้งั หลายทพ่ี ระองคทรงตั้งชื่อเปน หมวดๆ ตามทเี่ ปนจริง จงึ ยอ มช่อื วามพี ระผมู ีพระภาคเจาทรงเปนผูชกั นาํ . คําวา \"มีพระผมู พี ระภาคเจา เปน ทพี่ ่งึ อาศัย\" ไดแก ธรรมท้งั ๔ช้นั มาสคู ลองพระสัพพัญุตญาณ ยอมจับกลมุ รวมประชมุ ลงอยางพรอ มเพรียงในพระผูม พี ระภาคเจา อกี อยา งหนึง่ เมอื่ ตอนทพ่ี ระผมู ีพระภาค
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 382เจาประทบั นั่งท่ีควงมหาโพธ์ิ เมือ่ จะทรงถอื เอาชอื่ เปน หมวดๆ ตามความเปนจรงิ ของธรรมทง้ั ๔ ชั้นอยา งนี้ คือ ผสั สะมาดว ยอาํ นาจปฏเิ วธ (กท็ รงคิดวา) \"ฉนั เปนผจู ําแนกธรรม แกชื่อไร \" (แลวทรงตัง้ ชื่อวา ) \" แกชื่อผัสสะ เพราะอรรถวาถกู ตอ ง.\" เวทนา (สญั ญา) สังขาร วญิ ญาณมา (ก็ทรงคดิ วา ) \"ฉนั เปนผจู าํ แนกธรรม แกละ ชื่อไร \" (แลว กท็ รงตงั้ ชื่อวา ) \"แกชอ่ืเวทนา (สัญญา) สังขาร (เพราะอรรถวา รสู ึกอารมณ...(รูจ าํ อารมณ) ...ปรุงแตงอารมณ) แกชื่อวิญญาณ เพราะอรรถวา รูแจง \" พระผูม ีพระภาคเจา ทรงเอาธรรมมาจดั รวมเปน กลมุ เพราะฉะนัน้ ธรรมเหลา นนั้ จงึ ชื่อวา มีพระผมู พี ระภาคเจา เปน ที่พ่งึ อาศยั (คอื รวมเปนหมวดเปนหมูไ ด เพราะพระผมู พี ระภาคเจา ). คาํ วา \"จงแจมแจงกะพระผูมีพระภาคเจาเทา นั้นเถิด\" ไดแก ขอใหใ จความของภาษิตบทน้ี จงปรากฏแดพ ระผูมพี ระภาคเจาเทาน้ันเถดิ คอื ขอใหพระองคนัน่ แหละ โปรดทรงแสดงประทานใหแกพ วกขาพระองคด ว ยเถดิ . คาํ วา \"ิ\" คือพงึ อาศยั คาํ วา \"พงึ คบ\" คอืพงึ เขา ใกล คาํ วา \"เหมอื นผไู มร ูแจง\" คอื เหมือนปุถชุ นท่ีบอดโง. คําวา\"เหมอื นผูร แู จง \" คอื เหมือนบณั ฑติ ทร่ี ู. พระผูมพี ระภาคเจา ทรงวางแมบ ทตามแบบทค่ี อ ยขยบั สูงขึน้ ตามลําดบั ในสูตรกอนวา \"ภกิ ษทุ ั้งหลาย มกี ารยึดถอื ธรรม\" แตใ นพระสูตรน้ี พระศาสดาทรงต้ังแมบ ทตามรสแหงธรรมเทาน้นั . ในคาํ เหลาน้นั คําวา \"การยดึ ถือธรรม\" ไดแก การถือธรรมมกี ารฆา สตั วเ ปนตน คาํ วา \"ผอู ยใู นความไมรู\" ไดแกผปู ระกอบพรอ มดวยความไมร .ู คําวา \"ผูอยูในความรู\" ไดแกผ ปู ระกอบพรอมดว ยควานรูคอื ผมู ีปญ ญา. ส่งิ ท้ังสามน้ีกอ นคือมจิ ฉาจาร อภชิ ฌา มจิ ฉาทิฏฐิ ในคาํ เหลานคี้ อื\"พรอมดว ยทกุ ขบ าง\" เปนทุกขเวทนาดวยอาํ นาจเจตนาทั้งสองคอื บุพเจตนา
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 383และอปรเจตนา. สวนเจตนาทีใ่ หส ําเรจ็ เรยี บรอ ย เปน เจตนาท่ปี ระกอบดว ยสขุ หรือประกอบดวยอเุ บกขา. สวนเจตนาทีเ่ หลือมีการฆา สัตวเปน ตนอกี ๗ ขอ เปนทกุ ขเวทนาดวยอํานาจเวทนาครบทงั้ สาม พระผูม ีพระภาคเจาทรงหมายเอาความขอนี้ จงึ ตรัสวา \"พรอ มกบั ทุกขบ าง พรอมกบั โทมนสับาง\" ดังน.ี้ ก็แหละโทมนัสในพระพุทธดํารสั นี้ พึงเขา ใจวาเปนทุกขเมื่อคนมาถงึ การแสวงหา แมท ุกขใ นทางกาย กย็ อ มถกู ทง้ั ในสว นเบือ้ งตนและเบ้ืองปลายโดยแท. สิ่งสามอยา งน้ีกอ นคือ การฆา สตั ว การพูดคาํหยาบ พยาบาท ในบทนค้ี ือ \"พรอ มกับแมสขุ บา ง\" เปน สขุ เวทนา ดว ยอํานาจเจตนาสองอยา งคือ บพุ เจตนาและอปรเจตนา สว นเจตนาท่ใี หส าํ เร็จเรยี บรอย เปน เจตนาทปี่ ระกอบดว ยทุกข ท่เี หลอื อีก ๗ อยาง ยอ มเปนสขุ เวทนาดว ยอาํ นาจเจตนาครบทงั้ ๓. กแ็ ล โสมนัสน่ันแล ก็พงึ เขาใจวาสุขในที่นี้. หรือสําหรับผทู ่ีพร่ังพรอมดวยโผฏฐพั พารมณท น่ี า พอใจ แมสุขในทางกาย ก็ยอมถูกในสว นเบ้อื งตน และสว นเบ้อื งปลายโดยแท. ในการยดึ ถือธรรมขอท่ีสามนแี่ หละ บางคนในโลกน้ีเปนคนตกปลา (ชาวประมง) หรือเปนคนลา เนอ้ื อาศยั การฆา สัตวเทานัน้ เลีย้ งชวี ติ ภกิ ษผุ ูอยูในตาํ แหนงเปน ท่ีเคารพของเขาแสดงโทษการฆา สตั ว และอานิสงสก ารงดเวน จากการฆาสัตวแลว ใหส กิ ขาบทแกเขาผูไมต อ งการเลย เม่อื เขาจะรับกย็ อมรบั ท้งั ๆท่เี ปนทุกขโทมนสั ทีเดยี ว. ภายหลงั เม่ือลวงมาสองสามวนั เมอื่ เขาไมส ามารถรักษาไดก เ็ กดิ เปน ทุกขอ กี บุพเจตนาและอปรเจตนาของเขายอมควบคกู ันไปกับทกุ ขทเี ดียว. สวนเจตนาที่ใหสําเรจ็ เรียบรอย ไปดว ยกันกับสุขบาง ไปดว ยกนั กับอเุ บกขาบา ง. ในที่ทกุ แหงพงึ เขาใจใจความอยางน.้ี พระผมู พี ระภาคเจา ทรงหมายเอาเจตนาท้ังที่เปนสว นเบ้ืองตน และสวนเบ้ืองปลายน่แี หละ ดว ยประการฉะน้แี ลว จงึ ตรัสวา \"พรอ มกบั ทกุ ขบาง พรอ มกับโทมนสั บา ง, ดังนี้. แหละกพ็ งึ ทราบวา โทมนสั นน่ั เองเปน ทกุ ข.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 384ในการยึดถอื ธรรมขอทสี่ ี่ เจตนาท่ีเปนสวนเบื้องตน สวนเบ้ืองปลายและเจตนาทีใ่ หสําเรจ็ เรียบรอ ยครบท้งั สาม ในบทครบท้งั สิบ ยอมประกอบดว ยสุขโดยแท, พระผูมพี ระภาคเจา ทรงหมายเอาความขอ นนั้ จึงไดตรสั วาพรอมดวยสขุ บาง พรอ มดว ยโสมนสั บาง แหละก็โสมนัสน่นั เอง กพ็ ึงทราบวาสุขในทีน่ ้ี.\" คําวา \"ตติ ตฺ กาลาพุ\" แปลวา น้าํ เตา ขม. คําวา \"เจือดว ยยาพษิ \"ไดแกระคน ปน เคลากบั ยาพษิ ชนดิ รายแรง. คําวา \"ไม ชอบใจ\" คอื จะไมช อบใจ จะไมทําความยนิ ดี. คาํ วา \"จะถึง\" คอื จะบรรลุ. คาํ วา \"ไมพิจารณาแลวพึงดื่ม\" คอื พึงดืม่ อยางไมพจิ ารณา. คําวา \"ภาชนะน้ําดม่ื \" คอื ภาชนะเต็มปรม่ิ ไปดวยเครอ่ื งด่มื อรอ ยนาด่ืม. คําวา \"สมบรู ณด ว ยส\"ี คอื เปนภาชนะประกอบดว ยสแี หงเครือ่ งด่มื เปนตน ทค่ี นพดู อยา งน้วี า \"ภาชนะที่สมบรู ณด ว ยเครื่องประสมท่ใี สไ วแลว. คําวา \"จะชอบใจ\" ไดแก กแ็ ลยาพษิรายแรงนัน้ ยอ มเปน อันใสไวแ ลว ในเครอื่ งด่ืมใดๆ ยอมใหรสของเครอื่ งดมื่น้ันๆ แล เพราะเหตุนั้นจงึ กลาววาจะชอบใจ. คําวา \"น้ํามตู รเนา \" กค็ ือน้ํามูตรน่นั แหละ. เหมือนอยางวา รา งกายของตนเราตอใหเ ปนสที อง ก็ยังถูกเรยี กวาตายเนาอยนู ่ันแหละ และเถาออ นทแ่ี มแ ตเ พ่ิงเกดิ ในวันนัน้ กย็ อ มถกูเรียกวา เถาออนอยนู น่ั แหละ ฉันใด; นาํ้ มูตรออนๆ ท่รี องเอาไวในทนั ทีทันใด กเ็ ปน นาํ้ มตู รเนาอยูนัน่ เองฉนั นน้ั . คําวา \"ดว ยตวั ยาตางๆ\" คือ ดวยตวั ยานานาชนิดมีสมอและมะขามปอมเปนตน . คาํ วา \"จงเปน สขุ \" คือจงเปน ผูมีสขุ ไรโรค มีสเี หมือนทอง.คําวา \"นมสม นํา้ ผึง้ \" คอื นมสม ท่ีแสนบริสทุ ธ์ิ และนา้ํผงึ้ ท่ีอรอยหวาน. คําวา \"เจอื เคลา เขา ดวยกัน\" ไดแ ก ปนระคนเขา เปน อนัเดยี วกนั . คาํ วา \"นัน้ แกเขา\" คือ พงึ ชอบใจแกเ ขา ผดู ืม่ เภสัชท่มี ีรสหวานส่ีอยาง ก็แล อันใดท่เี จือดวยโรคบาทโรค อันนี้ พงึ (ทาํ ให) ลงแดง ยาของเขาทําใหอาหารแขง็ กระดา ง ถา ยไมออก. (ฤทธย์ิ าทาํ ใหทอ งผกู ถา ย
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 385ไมอ อก) สว นเลอื ดทปี่ ระสมกบั ดี ยาของเขานีน้ น้ั ลงทายกท็ ําใหร า งกายเย็นยะเยือก. คําวา \"ลอยไป\" คอื ลอยลงข้ึน คือไมม เี มฆ หมายความวา เมฆอยูไกล. คาํ วา \"ปราศจากวลาหก\" คือ เมฆหลีกไปแลว . คาํ วา \"เมื่อเทพ\"ไดแก เมื่ออากาศ. คําวา \"ความมดื อยูใ นอากาศ\" คอื ความมดื ในอากาศ. คําวา \"ปรบั ปวาทของสมณพราหมณสวนมาก\" ไดแ ก วาทะของตนเหลา อื่น อันไดแ กส มณพราหมณสวนใหญ. คําวา \"เบยี ดเบียนยิ่ง\" ไดแก เขน ฆา.คําวา \"สอ ง สง แสง และรงุ เรอื่ ง\" ไดแก ตอนกลางวนั ในฤดูสารท พระอาทิตยยอมเปลง แสง คอื สง แสงรอนจา สวางไสว. ก็แล สูตรน้ี พวกเทวดารักใครช อบใจเหลือเกนิ . ดงั มีเรือ่ งตอ ไปน:ี้ - เขาเลา กนั มาวา ทางทิศใต ในจังหวดั หสั ดโิ ภค มวี ดั บังกูรอยู ที่ประตูโรงอาหารของวดั นนั้ มีเทวดาสิงอยทู ่ีตน บังกูร ตอนกลางคนื ไดฟ ง ภิกษุหนุมรูปหนึง่ กําลงั สรปุ พระสูตรนี้ดว ย ทาํ นองสวดบท จึงใหส าธกุ าร ภกิ ษุหนมุ : \"น่นั ใคร\" เทวดา : \"ขาพเจา เปน เทพสิงอยูที่ตน ไมน้ีครับทาน\" ภิกษหุ นมุ : \"เทพ ทานเลอ่ื มใสในอะไร คือในเสยี งหรอื ในสูตร ?\" เทวดา : \"ทานผเู จริญ ใครๆ กม็ ีเสียงทัง้ นั้นแหละ ขา พเจาเลอ่ื มใสในสูตร, ในวันทีพ่ ระศาสดาทรงนัง่ กลางในพระเชตวนั และในวนั น้ีไมมีความแตกตา งแมแตพยัญชนะตัวเดียว\" ภกิ ษุหนุม : \"เทพ ในวันท่ีพระศาสดาตรสั ทานไดย นิ หรือ\" เทวดา : \" ครบั ทาน\" ภกิ ษหุ นุม : \"ทานยนื ฟง ที่ไหน\" เทวดา : \"ทานครับ ขาพเจา ไปพระเชตวัน แตเมือ่ เหลาเทพผูบ ุญหนกั ศักดใ์ิ หญพากันมา, ขาพเจาเลยหมดโอกาสจึงยืนฟง ในท่ีนี้แหละ\"
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 386 ภิกษหุ นุม : \"ยืนอยูท่ีนี้ แลว จะไดยินเสยี งพระศาสดาหรอื \" เทวดา : \"แลว ทานละ ยินเสยี งขาพเจาไหม\" ภิกษุหนุม : \"ยนิ จะ เทพ\" เทวดา : \"เปนเหมอื นกับเวลานั่งพดู ขา งหขู วา ครับทา น\" ภกิ ษุหนุม : \"เทพ! แลว ทานเหน็ พระรูปพระศาสดาไหม\" เทวดา : \" ขา พเจาเขาใจวา พระศาสดาทอดพระเนตรดูแตขาพเจาเทานนั้ แหละ เลยตงั้ ตัวไมตดิ ครับทาน \" ภกิ ษหุ นุม : \"แลว ทา นมีคุณพเิ ศษเกดิ ขน้ึ บา งไหม เทวดา\" เทวดาหายไปในที่นน้ั นน่ั แหละ วากนั วา วันนน้ั เทพองคน ้ี ดํารงอยใู นโสดาปตตผิ ล. เทวดาทง้ั หลาย ตา งรักใครชอบใจ พระสูตรน้ีดังที่วา มาน.ี้ คาํ ท่เี หลอืในท่ีทง้ั หมด งายทั้งน้ันแล. จบอรรถกถามหาธมั มสมาทานสตู ร ที่ ๖
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 387 ๗. วีมังสกสตู ร เรื่องสอบสวนพระธรรม [๕๓๕] ขา พเจาไดฟง มาแลวอยางน้ี. สมยั หน่ึงพระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยใู นพระเชตวนั วิหาร อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ ะใกลกรงุ สาวตั ถี. คร้ังน้นั แล พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสเรียกภิกษทุ ้งั หลายมาวา \"ภิกษทุ ้งั หลาย ดังน้ี. ภิกษเุ หลา นัน้ รับสนองพระดํารสั พระผมู ีพระภาคเจา วา \"พระพุทธเจา ขา \" [๕๓๖] พระผูม ีพระภาคเจา ไดต รัสคาํ อยางน้วี า \"ภิกษทุ ั้งหลาย! ภิกษุผใู ครครวญ เม่อื ไมรูกระบวนจิตของผอู ่นื จะพึงทําความสอบสวนในพระตถาคตเจาวา \"พระผมู ีพระภาคเจา ทรงเปน พระสัมมาสมั พุทธะดว ยความรูแจม แจง ดว ยประการฉะนี้ หรือไม. ขา แตพ ระองคผ ูเ จรญิสิง่ ทั้งหลายของพวกขา พระองคมีพระผมู พี ระภาคเจาเปน มูล มพี ระผูม ีพระภาคเจา เปนผูนาํ มีพระผมู พี ระภาคเจา เปน ท่พี ึ่ง พระพทุ ธเจา ขา ดีหนอขอเนอื้ ความภาษิตนัน่ จงเเจม แจง กับพระผมู พี ระภาคเจาเถิด\" พวกภกิ ษุฟง (เน้อื ความภาษติ น้นั ) ของพระผูมีพระภาคเจา จักจาํ ไว. พ. \"ภกิ ษุท้งั หลาย ! ถา เชน น้ัน พวกเธอจงฟง ต้งั ใจใหด ี เราจกั กลาว\" ภกิ ษเุ หลา นน้ั รับสนองพระดํารัสของพระผูมีพระภาคเจาวา\"อยา งนนั้ พระพุทธเจา ขา\" [๕๓๗] พระผูมพี ระภาคเจาไดตรสั อยา งนีว้ า \"ภกิ ษทุ ัง้ หลายภิกษุผูจะสอบสวน เม่ือไมร ูกระบวนจิตผูอื่น พงึ สอบสวนพระตถาคต
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 388เจา ในสิ่งทั้ง ๒ คือ ในสิ่งทจ่ี ะพึงรูแ จงดวยตาและฟง ดวยหวู า \"สิง่ เหลาใดเศรา หมองทีจ่ ะพึงรูดวยตาและฟง ดว ยหู สิ่งเหลา นนั้ ของพรตถาคตเจา มีหรอื ไม ?\" \"ภิกษุ เมอ่ื สอบสวนพระตถาคตเจา น่นั จะรูอ ยา งนีว้ า \"ส่งิ เหลาใดเศราหมอง พรอมพึงรแู จงดว ยตาและฟงดวยหู ส่ิงเหลา นัน้ ของพระตถาคตเจาไมม\"ี เพราะเมื่อภกิ ษุสอบสวนพระตถาคตเจา นั้น จะรูอยางน้วี า \"สงิ่ เหลา ใดเศราหมองท่ีจะพึงรแู จง ดว ยตาและดวยหู ส่ิงเหลาน้นั ของพระตถาคตเจายอ มไมมี.\" ภิกษจุ ะสอบสวนใหยิ่งขน้ึ ไปกวา น้ันวา สง่ิ เหลาใดทีย่ งั เปน ความมดื ท่ีจะพึงรแู จงดว ยตาและดวยหู สิ่งเหลา นั้น ของพระตถาคตเจามีอยหู รือ ภกิ ษุเมื่อจะสอบสวนพระตถาคตเจานน้ั ยอมรอู ยางน้ีวา \"สิ่งเหลาใดยงั เปน ความมืด ทีจ่ ะพึงรูแจงดว ยตาและดวยหู สิง่ เหลา นน้ั ของพระตถาคตเจา ไมม ี\" เพราะภิกษุ เมอ่ื จะสอบสวนพระตถาคตเจา น้ัน ยอมรูอ ยา งนี้วา สิง่ เหลา ใดเปน ความมืด ทจี่ ะพึงรูแจง ดว ยตาและดว ยหู สิ่งเหลา นนั้ ของพระตถาคตเจาไมม.ี \" ภกิ ษุเมื่อจะสอบสวนพระตถาคตเจานั้นใหญยิ่งขน้ึไปกวาน้ันวา \"ส่ิงเหลาใดแจมแจงที่จะพึงรแู จงดวยตาและดวยหู ส่งิ เหลา นน้ัของพระตถาคตเจามีอยูหรือไม\" ภกิ ษเุ มอ่ื จะสอบสวนพระตถาคตเจาน้ัน ยอมรูอยางน้ีวา \"ส่ิงเหลาใด ทีแ่ จมแจงพึงรูแจง ดว ยตาและดวยหู สง่ิ เหลานัน้ ของพระตถาคตเจามอี ยูพ รอม.\" เพราะภิกษเุ มือ่ จะสอบสวนพระตถาคตเจา นน้ั ยอมรอู ยา งนี้วา สิ่งเหลาใดแจมแจง ทจี่ ะพงึ รูแจง ดวยตาและดวยหู สิ่งเหลาน้นั ของพระตถาคตเจา มีอยพู รอม.\" ภกิ ษุจะสอบสวนคนอน่ื นั้น ใหย่ิงขนึ้ ไปกวา นัน้วา \"ทา นผูนี้ถงึ พรอ มดวยกุศลธรรมนต้ี ลอดกาลนานหรอื วา เขาถึงอกศุ ลธรรมนอกนี้. \"
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 389 ภิกษุน้ัน เม่ือสอบสวนผูน้ัน ยอมรูอยา งน้วี า \"ทา นผนู ีเ้ ขา ถึงกศุ ลธรรมน้สี น้ิ กาลนานแลว, ทานผนู ้ไี มใ ชเ ขา ถงึ กุศลธรรมนอกน้ี.\" เพราะภกิ ษุนัน้ เมอื่ สอบสวนผูน น้ั จะรอู ยา งนว้ี า \"ทา นผนู ีเ้ ขาถงึ กศุ ลธรรมนส้ี น้ิ กาลนานแลว, ทา นผูน ้ไี มไดเ ขาถึงอกุศลธรรมนอกน้.ี \" เม่ือจะสอบสวนใหยิ่งขึ้นไปกวา น้นั วา \"ภกิ ษุผูมอี ายุนปี้ รากฏช่ือเสยี ง มยี ศ โทษบางอยา งของเธอยงัมีอยูในเรือ่ งนี.้ \" \"ภกิ ษุท้ังหลาย! โทษบางอยา งไมม ีแกภกิ ษุในเรอ่ื งนี้ ตราบเทาที่เธอยงั ไมเปน ผูม ชี ่อื เสยี งปรากฏ(และ) ภกิ ษทุ ั้งหลายเมอ่ื ใดแล ภิกษุเปน ผมู ีช่ือเสียงปรากฏ(และ) มียศ เมื่อน้ันโทษบางอยา ง ของเธอในเรื่องนี้จงึ ม.ี \"ภิกษนุ นั้ เม่ือจะสอบสวนผนู ้ันนน่ั แหละยอ มรูอยางนวี้ า ภิกษุผมู ีอายนุ ี้ เปนปรากฏชอ่ื เสยี งเปนผูไดยศ, โทษบางอยางของเธอไมมใี นเร่ืองน้.ี \" เพราะภิกษนุ ้นั เมอื่ สอบสวนนน้ั ยอ มรูอ ยางนีว้ า \"ภกิ ษผุ ูมีอายุนี้เปนผูป รากฏชอ่ื เสียง เปนผูไดย ศ โทษบางอยา งไมม ีแกเธอในกรณีนี.้ เพราะเม่อื ภิกษุน้ัน. เมอื่ จะสอบสวนผนู ั้น ใหย ่ิงขนึ้ ไปกวา นัน้ วาทานผนู ้เี ขาถึงความยินดใี นสิง่ ไมน า กลัว, ทา นผนู ้เี ปนผไู มเขาถึงความยนิ ดีในส่งิ ทนี่ ากลัว, เธอยอ มไมเสพกามเพราะปราศจากความกาํ หนัด เพราะความกําหนัดสน้ิ ไป.\" เพราะฉะนนั้ เมือ่ จะสอบสวนผูนั้นยอ มรอู ยางนีว้ า \"ทานนี้เขา ถงึ ความยินดใี นส่งิ ท่ไี มนา กลวั , ไมเปน ผูเขา ถึงความยนิ ดใี นสง่ิ ท่ีนา กลัว, ไมเสพกามเพราะปราศจากความกาํ หนัด เพราะสิน้ ความกาํ หนัด.\" \"ภิกษุท้งั หลาย ถาหากคนพวกอื่นจะพงึ ถามภิกษุนัน้ อยา งนวี้ าอะไรเปนอาการของทาน, อะไรเปน ท่ีคลอ ยตามทา น ซึ่งเปน เหตุที่ใหทา นกลัวอยางนีว้ า . \"ทานเขาถงึ ความยนิ ดีในส่ิงท่ไี มน ากลวั ทานผนู ีไ้ มเขาถงึความยินดใี นส่ิงท่นี ากลัว, เธอยอ มไมเสพกามเพราะปราศจากความกํา
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 390หนดั เพราะส้นิ ความกําหนัด.\" ภิกษุทัง้ หลาย เม่อื พยากรณโ ดยชอบพึงพยากรณอ ยางน้วี า ทานผนู ีอ้ ยูในหมู หรือเปนผูเทย่ี วอย,ู พวกใดไปดีแลวในท่ีนน้ั , พวกใดไปไมดีแลว ในทีน่ ้ัน, พวกใดตามส่งั สอนคณะในทนี่ ั้น,บางเหลาบางพวกปรากฏในอามสิ และบางเหลา บางพวกถูกอามสิ แปดเปอน ทา นผูน้ียอมไมด ูหมนิ่ ผนู น้ั เพราะเหตนุ ั้น. ก็คาํ นีเ้ ราไดฟ งไดรับเฉพาะพระพกั ตรพ ระผูมพี ระภาคเจา วา \" เราเปนผเู ขาไปยินดใี นสิง่ ที่ไมนา กลวั ไมเ ขา ไปยนิ ดีในส่งิ ที่นากลวั เราไมเ สพกามเพราะปราศจากกําหนัด เพราะสนิ้ ความกาํ หนดั .\" เรือ่ งทวนถาม [๕๓๘] ภกิ ษทุ ้งั หลาย ครนั้ พระตถาคตเจาถกู ถามกลับยิ่งข้นึไปอีกวา \"ส่ิงเหลาใดเศราหมองพรอ มทจี่ ะพึงรแู จงดว ยตาและดว ยหู ส่ิงเหลานนั้ อยูหรือวาไมมีแกพระตถาคตเจา .\" ภกิ ษทุ ัง้ หลาย พระตถาคตเจาเมือ่ พยากรณจะพึงพยากรณอยางนี้วา ส่งิ เหลาใดเศราหมองพรอ มทจ่ี ะพงึ รูแจงดวยตาและดว ยหู ส่งิ เหลานั้นไมม ีแกพ ระตถาคตเจา .\" (ภกิ ษุทง้ัหลาย. พระตถาคตเจา จะพงึ กลบั ถูกถามย่ิงข้ึนไปอีกวา) \"สิ่งเหลาใดมดื ท่จี ะพึงรูแจง ดว ยตาและดว ยหู ส่ิงเหลา นน้ั มอี ยหู รอื วาไมมแี กพระตถาคต-\"ภิกษุท้ังหลาย เมื่อพระตถาคตเจา พยากรณจะพึงพยากรณอยา งนว้ี า\"ส่ิงเหลาใดมืดทีจ่ ะพงึ รูแจึงไดดว ยตาและดว ยหูเหลา น้ันไมมีแกพระตถาคตเจา.\" (ภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตเจากลับถกู ถามใหย ่งิ ขึ้นอกี วา) \" สง่ิ เหลาใดแจม แจง พึงรูแจง ดวยตาและดว ยหู เหลา นม้ี อี ยูห รอื วาไมมแี กพ ระตถาคตเจา\" ภิกษุทั้งหลาย เมือ่ พระตถาคตจะพยากรณก็จะพงึ พยากรณอ ยา งนี้วา สง่ิ เหลา ใดแจมแจง พึงรแู จงดวยตาและดวยหู, เหลา น้ันมีอยูแกตถาคต.\"
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 391ภกิ ษุทงั้ หลาย สาวกควรเขา ไป พระศาสดาผมู ีวาทะอยา งนีว้ า เราเปนผูมีศีลนัน่ เปน ทาง มศี ลี นนั่ เปนอารมณ และไมม ีตัณหาเพราะศลี อนั บริสทุ ธ์ินั้นดังนี้ เพอ่ื ฟงธรรม, พระศาสดายอ มแสดงธรรมสูงยิง่ ขน้ึ ไปอันประณีตและประณตี เปรยี บเทยี บใหเห็นทัง้ ดาํ ทัง้ ขาวแกภิกษุน้นั ภกิ ษุทงั้ หลายพระศาสดายอมแสดงธรรมแกภกิ ษุย่งิ ๆ ขึน้ ไป ประณตี ขึ้นไป พรอมกบั สวนเปรียบใหเ หน็ ท้ังดาํ ทง้ั ขาว โดยประการใดๆ ภิกษนุ ั้น เพราะรูย ่งิ ธรรมบางชนดิ ในธรรมนน้ั ถึงความตงั้ ลงในธรรมในพระศาสนานี้ ยอมเล่อื มใสในพระศาสดาวา \"พระผูมพี ระภาคเจาทรงตรัสรเู องโดยชอบ. พระธรรมอนั พระผูมีพระภาคเจาตรัสไวดีแลว พระสงฆป ฏิบตั ิดแี ลว โดยประการนั้นๆ.\" ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถาคนทง้ั หลายพงึ ถามภกิ ษุน้ันอยา งน้ีอกี วา อะไรเปนอาการของทา น อะไรเปน เครอ่ื งคลอ ยตามทา น ซงึ่ เปนเหตุใหท านกลาวไวอ ยางน้ีวา \" พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั รูเองโดยชอบ พระธรรมอันพระผูมพี ระภาคเจาตรัสไวดีแลว พระสงฆป ฏิบัติแลว .\" ภกิ ษทุ ัง้ หลาย เมอ่ื ภกิ ษุจะพยากรณกค็ วรพยากรณอยางน้วี า \" คุณ เราเขาไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจา ถึงทปี่ ระทบั เพอ่ื ฟง ธรรมในศาสนานี้ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงธรรมแกเ ราย่ิงๆ ข้นึ ไป ประณีตยงิ่ ขึ้นไป พรอมทง้ั เปรียบเทยี บใหเ หน็ ทงั้ขาวและดํา คุณ พระผูมีพระภาคเจา ทรงแสดงธรรมแกเราใหย ่ิงขนึ้ ไปใหประณตี ย่ิงขึ้น ใหเ ปนสว นเปรยี บเทียบพรอมใหเห็นทง้ั ดําและขาว โดยประการใดๆ เรารยู งิ่ ในบางส่ิงบางอยา ง ในสง่ิ น้นั ที่ใหถึงความตัดสนิ ใจไดเ ด็ดขาดในธรรมในศาสนา จึงเล่ือมใสพระศาสดาวา \"พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั รูเองโดยชอบ พระธรรมพระผูม พี ระภาคเจา ตรสั ไวดีแลว พระสงฆปฏบิ ตั ดิ ีแลว ฉนั น้ันๆ\" ดงั นี.้ [๕๓๙] พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรสั คําน้วี า \"ภกิ ษุทง้ั หลาย ผูใดผูหน่งึ มีศรทั ธาตัง้ มนั่ ในพระตถาคตเจาดวยอาการเหลา นี้ บทเหลาน้ี พยญั ชนะ
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 392เหลาน้ี เปนรากเหงา เปนท่ีพงึ่ ภกิ ษทุ ้งั หลายศรัทธาที่มีอาการอยางนี้ทใี่ ครๆ เปนสมณะก็ตาม, พราหมณก ็ตาม เทวดา พรหม หรือวา มารก็ตาม ในโลกกลาววา มคี วามเหน็ เปน รากเหงา ม่นั คง ไมง อ นแงน ภกิ ษทุ ้งัหลาย การปรึกษาธรรมในพระตถาคตเจา ยอ มมีอยา งนี้แล. กแ็ ลพระตถาคตเจา ยอ มเปน ผูอันบคุ คลสอบสวนแลวโดยชอบธรรมอยา งน.ี้ \" ภกิ ษเุ หลา น้นั ตา งพอใจช่นื ชมภาษติ ของพระผูม ีพระภาคเจาแล. จบวีมงั สกสตู ร ท่ี ๗
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 393 อรรถกถาวีมงั สกสตู ร วมี งั สกสตู รมคี ําเร่ิมตน วา ขาพเจา ไดฟ ง มาแลว อยางน้ี. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา \"ผูสอบสวนอยู\" ความวา \"ผจู ะสอบสวนมี ๓ คือ ผูส อบสวนในอรรถ ผสู อบสวนในสงั ขาร ผูสอบสวนในพระศาสดา.\"ในผสู อบสวนเหลาน้ัน ผสู อบสวนเนอื้ ความมาแลว ในบทน้วี า \"ทานผมู ีอายุมนษุ ยทั้งหลาย ผฉู ลาดยอมเปนผสู อบสวน. ผูส อบสวนในสังขารมาแลวในบทน้วี า \"พอละดวยคาํ วา \"อานนท\" เม่อื ใดแล ภิกษุเปน ผฉู ลาดในธาตุฉลาดในอายตนะ ฉลาดในปฏิจจสมปุ บาท และเปน ผฉู ลาดในฐานะและมิใชฐานะ อานนท ดว ยเหตเุ ทาน้แี ล ภิกษุผฉู ลาดยอมเปน ผูสอบสวน. สว นผูฉลาดในพระศาสดาทานประสงคเ อาในพระสตู รน.ี้ บทวา \"กระบวนจติ \" ความวา \"วาระแหง จิต คือ การกาํ หนดจิต\" บทวา \"ตามแสวงหาพรอม\" ความวา \"แสวงหา คือ เสาะหา ไดแ กใครครวญหา.\" บทวา \"เพ่ือรูแจง ดวยประการฉะน้\"ี ความวา \"เพอ่ื ประโยชนรแู จงอยา งน.ี้ \" พระผูม ีพระภาคเจา ทรงแสดงการเขา ไปอาศัยกัลยาณมิตรในคาํ น้ีวา \"ภิกษุ พงึ แสวงหาพระตถาคตเจา ในเหตุทง้ั ๒ เพราะวา พระตถาคตเจาน้ีชอื่ วา เปน ท่พี ่ึง คือกัลยาณมติ รผูใหญ พงึ ทราบความท่ีพระตถาคตเจา นน้ั เปนกลั ยาณมติ รอยา งใหญห ลวงน.้ี \" สมยั หนงึ่ ทา นอานนทค ิดวา \"พรหมจรรยค รึง่ หนึ่ง มเี พราะอานุภาพตน ครึ่งหน่งึ มไี ดเพราะอานุภาพกัลยาณมิตร แลว ไมอาจจะวนิ จิ ฉยั ตาม
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 394ธรรมดาของตนได จงึ เขาไปเฝาพระผูม ีพระภาคเจา ทลู ถามวา \" พระพทุ ธเจาขา กึ่งหนงึ่ ของพรหมจรรยนี้ คือความเปน ผมู ีมติ รงาม ๑ ความเปนผมู ีสหายงาม ๑ ความเปนผโู นม เขา ไปในมติ รท่งี าม ๑\" พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา \"อานนท! เธออยา ไดกลาวอยา งนี้เลยๆ อานนท พรหมจรรยทง้ั สิน้ น้ีคอื ความเปนผมู มี ติ รงาม ๑ ความเปน ผูมีสหายงาม ๑ ความเปน ผโู นม ไปในมติ รงาม ๑ อานนท เหตนุ ้ัน อนั ภกิ ษผุ มู ีมิตรอันงาม มีสหายงาม โนม ไปในมิตรทงี่ าม พงึ หวังไดเ ฉพาะ เธอจกั เจรญิ ทําใหมากซ่งึ มรรคมีองค ๘ ทเ่ี ปนของพระอริยะ อยางไร อานนท ก็ภิกษผุ ูมกี ลั ยาณมติ ร ฯลฯ เจริญ ทําใหมากซึง่ มรรคมอี งค ๘ อนั เปน ของพระอริยะ. อานนท ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี เจรญิ สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ เจริญสัมมาสมาธทิ ีอ่ าศัยวิเวก. อานนท อยา งนี้แล ภิกษผุ มู ีกัลยาณมิตร ฯลฯ ทําใหมาก อานนท เหตุน้นี ัน้ พึงทราบโดยทํานองน้ี เหมอื นอยางพรหมจรรยน ีท้ งั้ สิน้ คือ ความเปน ผูมีมิตรทีง่ าม ๑ ความเปนผมู ีสหายงาม ๑ ความเปนผโู นมไปในมิตรทั้งงาม ๑ อานนท กส็ ัตวทง้ัหลาย ผูมกี ารเกิดเปน ธรรมดาอาศัยเราผูเปนกลั ยาณมติ ร ยอ มพนจากชาต.ิสตั วท งั้ หลายผูมคี วามแกเปน ธรรมดา ฯลฯ มคี วามโศก ความรํ่าไรทกุ ข ความโทมนสั และความคบั แคนใจเปน ธรรมดา ยอมพน จากความโศก ความรํ่าไร ความทกุ ข ความโทมนสั และความคบั แคนใจ. พระผมู ีพระภาคเจา แมเม่ือจะตรัสความถึงพรอ มดว ยองคในภายนอก แกภ ิกษุทั้งหลาย จึงตรสั วา \"ภิกษุท้ังหลาย เมอ่ื ทําสง่ิ ในภายนอกวา เปน องคแลว เราไมพ จิ ารณาเหน็ องคอ่นื แมสกั องคเ ดยี วทีเ่ ปน ไปเพอ่ื ประโยชนย ง่ิ ใหญอยางนี้ เหมอื นความเปน ผูมีมิตรงามน้ี ภกิ ษุทงั้หลาย ความเปน ผูมมี ติ รงาม เปนไปเพือ่ ประโยชนอยางใหญ.\" แมเ ม่อื จะตรสั ขอปฏิบตั เิ ปน เคร่ืองขดั เกลากิเลส แกพ ระมหาจนุ ทะ
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 395จงึ ตรัสวา \"ภกิ ษทุ งั้ หลายควรทําความขัดเกลาวา \" คนเหลา อน่ื จักมคี นช่วัเปนมิตร พวกเราจกั มีมติ รทีง่ าม.\" แมเ ม่ือจะตรัสธรรมสาํ หรับบมวมิ ุตติ แกพ ระเมฆิยะเถระ จงึ ตรัสธรรมเปน เครอ่ื งเขาไปอาศัยกัลยาณมิตรใหวเิ ศษน่ันเทยี ววา \"เมฆิยะธรรมท้งั ๕ ยอมเปนไปเพ่ือความสกุ หงอ ม แหง เจโตวมิ ตุ ตทิ ี่ยังไมสุกหงอม ๕ อยา ง เปน ไฉน คือ เมฆิยะ. ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปน ผมู ีกัลยาณมิตร. แมเ ม่อื จะประทานโอวาทเปน เคร่ืองพจิ ารณาเนอื งๆ แกพระราหลุเถระปย บตุ ร จงึ ตรัสธรรมเปน เครือ่ งเขา ไปอาศยั กัลยาณมติ รนั่นแหละกอนธรรมทงั้ หมดวา. \"เธอจงคบกลั ยาณมิตร ที่นอนที่นงั่ อันสงัด ที่อันเงียบปราศจากเสยี ง กกึ กอ ง เธอจงเปนผรู ปู ระมาณในการกนิ . เธออยา ไดทาํ ความ อยากในปจจยั เหลา น้ี คอื จวี รบณิ ฑบาต ปจ จยั คือที่นอนและที่น่ัง เธอจงอยามาสโู ลกอีก.\"ขนึ้ ช่ือวา ธรรมเปน เครอื่ งเขาไปอาศยั กลั ยาณมติ รนี้ เปนธรรมมคี ุณมากอยา งน.ี้ เมือ่ จะทรงแสดงธรรมแมใ นพระสตู รนี้ พระผูมีพระภาคเจา จึงทรงปรารภเทศนาวา ภิกษุท้งั หลายพึงแสวงหาพระตถาคตเจาในสิ่งทั้ง ๒.\"อธิบายวา ภิกษผุ ูฉ ลาด จงเสาะหาคอื แสวงหาพระตถาคตเจาในสง่ิ ทง้ัสอง ดว ยเหตุนัน้ พระผูมพี ระภาคเจา จึงทรงเปลง สหี นาทวา \"กิจดว ยการคดิอยา งนี้วา \" พระพุทธเจาน้ีมีชาติใหญ ถึงพรอมดวยลักษณะ รปู งามนาชม มชี ือ่ เสยี ง ทเี่ ขาถือวา สาํ คัญอยา งย่งิ หรอื เราอาศยั ผูน ี้แลวจะไดป จ จัยมีจวี รเปน ตน แลว อยอู าศยั เราไมม\"ี สว นผใู ดมากาํ หนดอยางนีว้ า พระพทุ ธเจา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 486
Pages: