Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_08

tripitaka_08

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_08

Search

Read the Text Version

พระวนิ ยั ปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 101 วัตรท่ีควรระงับ ๑๘ ขอ หมวดท่ี ๑ [๑๗๐] ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุประกอบดว ยองค ๕ สงฆพ งึระงับปฏิสารณียกรรม คอื :- ๑. ไมใ หอ ุปสมบท ๒. ไมใ หนิสยั ๓. ไมใหสามเณรอุปฏฐาก ๔. ไมรับสมมตเิ ปนผสู ่งั สอนภกิ ษุณี ๕. แมไ ดรับสมมตแิ ลว กไ็ มสัง่ สอนภกิ ษณุ ี ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ภกิ ษปุ ระกอบดวยองค ๕ นแี้ ล สงฆพงึ ระงบัปฏสิ ารณียกรรม. หมวดที่ ๒ [๑๗๑] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษปุ ระกอบดวยองค ๕ แมอ ่ืนอีกสงฆพงึ ระงับปฏิสารณียกรรม คือ:- ๑. สงฆท าํ ปฏิสารณยี กรรมเพราะอาบตั ใิ ด ไมตอ งอาบตั นิ ้ัน ๒. ไมต องอาบตั ิอน่ื อันเชน กัน ๓. ไมต องอาบัตอิ ันเลวทรามกวา นั้น ๔. ไมติกรรม ๕. ไมต ิภิกษทุ ัง้ หลายผูทํากรรม ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ภิกษุประกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล สงฆพ ึงระงบัปฏสิ ารณยี กรรม.

พระวินัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 102 หมวดท่ี ๓ [๑๗๒] ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๘ สงฆพงึระงบั ปฏิสารณียกรรม คือ:- ๑. ไมห ามอุโบสถแกปกตัตตะภิกษุ ๒. ไมห า มปวารณาแกป กตตั ตะภิกษุ ๓. ไมท ําการไตส วน ๔. ไมเรมิ่ อนวุ าทาธิกรณ ๕. ไมย ังภิกษุอ่ืนใหท าํ โอกาส ๖. ไมโ จทภิกษุอืน่ ๗. ไมใหภกิ ษุอน่ื ใหการ ๘. ไมชว ยภิกษกุ ับภิกษุใหสอู ธิกรณก นั ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๕ นีแ้ ล สงฆพึงระงับปฏสิ ารณยี กรรม. วัตรท่ีควรระงับ ๘ ขอ ในปฏสิ ารณยี กรรม จบ วิธรี ะงับปฏิสารณยี กรรม [๑๗๓] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ก็แล วธิ ีระงับปฏิสารณียกรรมพงึระงบั อยา งนี้ คอื ภกิ ษุสธุ รรมนั้นพึงเขาไปหาสงฆ หมผา อุตราสงคเ ฉวยี งบา ไหวเ ทา ภกิ ษผุ ูแกพ รรษากวา นง่ั กระโหยงประคองอญั ชลี แลว กลา วคาํ ขอระงบั กรรมนัน้ อยา งน้ี วา ดังน้ี :-

พระวินัยปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 103 ทานเจา ขา ขา พเจาถกู สงฆล งปฏสิ ารณยี กรรมแลว ประ-พฤตโิ ดยชอบ หายเยอหย่งิ ประพฤติแกต วั ได ขาพเจา ขอระงบั ปฏิสารณยี กรรม พึงขอแมค ร้ังท่ีสอง พึงขอแมครั้งทสี่ าม ภกิ ษุผฉู ลาด ผูสามารถ พึงประกาศใหสงฆท ราบดวยญตั ติจตุตถ-กรรมวาจา วา ดังนี้ :- กรรมวาจาระงบั ปฏสิ ารณียกรรม ทานเจา ขา ขอสงฆจ งฟงขา พเจา ภกิ ษสุ ธุ รรมน้ี ถกู สงฆล งปฏสิ ารณยี กรรมแลว ประพฤตโิ ดยชอบ หาย เยอหยิ่ง ประพฤติแกตัวได บัดน้ี ขอระงบั ปฏสิ ารณยี - กรรม ถา ความพรอมพร่ังของสงฆถ งึ ท่แี ลว สงฆพ ึง ระงบั ปฏสิ ารณียกรรม แกภ กิ ษสุ ุธรรม น้ีเปน ญัตติ ทา นเจาขา ขอสงฆจ งพงึ ขาพเจา ภกิ ษสุ ุธรรมนี้ ถูกสงฆลงปฏสิ ารณยี กรรมแลว ประพฤติโดยชอบ หาย เยอหยิง่ ประพฤตแิ กต ัวได บัดน้ี ขอระงับปฏสิ ารณีย- กรรมสงฆร ะงับปฏสิ ารณียกรรมแกภิกษุสุธรรม การระงับ ปฏิสารณยี กรรมแกภ กิ ษุสธุ รรม ชอบแกท า นผูใด ทานผู นั้นพงึ เปน ผูนิ่ง ไมช อบแกท า นผูใด ทา นผูน้นั พึงพูด

พระวินยั ปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 104 ขา พเจากลาวความน้ีแมคร้ังทสี่ อง ทานเจาขาขอสงฆจ งฟงขา พเจา ภิกษสุ ุธรรมน้ี ถกู สงฆลงปฏิสารณยี -กรรมแลว ประพฤตโิ ดยชอบ หายเยอหยิ่ง ประพฤตแิ กตวั ได บัดน้ี ขอระงบั ปฏิสารณยี กรรม สงฆระงบัปฏิสารณียกรรมแกภ กิ ษุสธุ รรม การระงับปฏสิ ารณยี กรรมแกภ ิกษสุ ธุ รรม ชอบแกท านผใู ด ทา นผูนนั้ พงึ เปน ผูนง่ิไมช อบแกท า นผูใด ทานผนู ัน้ พึงพดู ขา พเจากลา วความนี้แมครั้งท่ีสาม ทา นเจา ขา ขอสงฆจ งฟง ขา พเจา ภกิ ษุสธุ รรมน้ี ถกู สงฆลงปฏสิ ารณยี -ธรรมแลว ประพฤติโดยชอบ หายเยอหยง่ิ ประพฤตแิ กตัวได บดั น้ี ขอระงบั ปฏิสารณียกรรม สงฆระงับปฏ-ิสารณียกรรมแกภ กิ ษุสธุ รรม การระงบั ปฏิสารณียกรรมแกภิกษุสธุ รรม ชอบแกท า นผใู ด ทานผูน นั้ พงึ เปนผนู ่ิงไมชอบแกท า นผูใ ด ทานผูน ัน้ พงึ พดู ปฏิสารณียกรรม อันสงฆระงับแลว แกภกิ ษุสุธรรมชอบแกส งฆ เหตนุ ั้นจงึ นิ่ง ขาพเจาทรงความน้ไี ว ดว ยอยา งน.ี้ ปฏสิ ารณยี กรรม ท่ี ๔ จบ

พระวินยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 105 อกุ เขปนยี กรรม ท่ี ๕ เรอ่ื งพระฉนั นะ [๑๗๔] โดยสมยั นัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ โฆสิตารามเขตพระนครโกสัมพี คร้งั นั้น ทานพระฉันนะตอ งอาบัติแลว ไมป รา-รถนาจะเหน็ อาบัติ บรรดาภิกษทุ ่เี ปนผมู ักนอ ยตางก็เพง โทษ ตเิ ตยี นโพนทะนาวา ไฉนทานพระฉนั นะตองอาบตั แิ ลว จึงไดไ มปรารถนาจะเหน็ อาบตั ิเลา แลว กราบทลู เร่อื งนัน้ แดพระผูม พี ระภาคเจา . ประชุมสงฆท รงสอบถาม [๑๗๕] ลําดับนนั้ พระผูมพี ระภาคเจารับส่ังใหประชมุ ภิกษุสงฆในเพราะเหตเุ ปนเคา มูลนนั้ ในเพราะเหตแุ รกเกิดนน้ั แลว ทรงสอบถามภิกษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ไดยนิ วา ภกิ ษฉุ ันนะตองอาบัติแลว ไมป รารถนาจะเหน็ อาบตั จิ รงิ หรอื ? ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทลู วา จรงิ พระพุทธเจา ขา. ทรงตเิ ตยี น พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตียนวา ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย การกระทาํ ของโมฆบรุ ษุ นัน้ นน่ั ไมเหมาะ ไมสม ไมควร มใิ ชก จิ ของสมณะใชไมไ ด ไมควรทาํ ไฉน โมฆบรุ ุษนัน้ ตองอาบัติแลวจงึ ไมป รารถนาจะเหน็ อาบตั ิเลา ดกู อนภิกษุท้ังหลาย การกระทาํ ของโมฆบรุ ุษน้ันนนั่ ไมเปน ไปเพือ่ ความเลอ่ื มใสของชนุ ชนที่ยงั ไมเ ล่อื มใส........คร้ันแลว ทรงทาํ

พระวนิ ัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 106ธรรมกี ถารบั สัง่ กะภิกษทุ ้งั หลายวาดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ถาเชนนัน้ สงฆจ งทําอกุ เขปนียกรรม ฐานไมเ ห็นอาบัตแิ กภ ิกษฉุ ันนะ คือ หา มสมโภคกบั สงฆ. วิธีลงอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเหน็ อาบตั ิ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ก็แล วธิ ลี งอุกเขปนียกรรม ฐานไมเหน็อาบัติ พึงทําอยา งนี้ คอื พึงโจทภกิ ษุฉันนะกอน คร้ันแลวพึงใหเธอใหการ แลว พงึ ปรบั อาบตั ิ ครน้ั แลว ภิกษผุ ูฉลาด ผูส ามารถ พงึประกาศใหส งฆท ราบ ดวยญัตติจตุตถกรรมวาจา วา ดงั น้ี:- กรรมวาจาลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมเ ห็นอาบัติ ทา นเจา ขา ขอสงฆจ งฟง ขา พเจา พระฉนั นะนี้ ตอ งอาบิตแลว ไมป รารถนาจะเหน็ อาบตั ิ ถา ความพรอม พรง่ั ของสงฆถ ึงทีแ่ ลวสงฆพึงทําอุกเขปนียกรรม ฐานไม เห็นอาบิตแกพระฉนั นะ คือ หา มสมโภคกับสงฆ นี่เปน ญตั ติ ทา นเจาขา ขอสงฆจ งฟงขา พเจา พระฉันนะนี้ ตองอาบตั แิ ลวไมปรารถนาจะเหน็ อาบตั ิ สงฆทาํ อกุ เขป- นียกรรม ฐานไมเ ห็นอาบิตแกพ ระฉันนะ คือ หา มสม- โภคกับสงฆ การทาํ อกุ เขปนียกรรม ฐานไมเ ห็นอาบตั ิ แกพระฉันนะ คือ หา มสมโภคกับสงฆ ชอบแกทา นผใู ด

พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 107 ทานผนู ้ันพงึ เปนผูน่งิ ไมชอบแกทานผูใด ทานผูนั้นพงึ พดู ขาพเจากลาวความนีแ้ มครั้งทส่ี อง.... ขา พเจา กลา วความนแี้ มครงั้ ทสี่ าม ทา นเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา พเจา พระฉนั นะนตี้ องอาบตั แิ ลว ไม ปรารถนาจะเห็นอาบัติ สงฆทําอกุ เขปนียกรรม ฐานไม เห็นอาบิตแกพระฉันนะ คอื หามสมโภคกับสงฆ การทาํ อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเหน็ อาบติ แกพระฉันนะ คือหาม สมโภคกับสงฆ ชอบแกท า นผูใด ทานผูน้ัน พึงเปนผนู งิ่ ไมชอบแกท านผใู ด ทานผูนัน้ พงึ พูด อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเห็นอาบัติ สงฆท าํ แลว แกพ ระฉันนะคอื หามสมโภคกบั สงฆ ชอบแกส งฆ เหตนุ น้ั จึงนิง่ ขาพเจา ทรงความน้ไี ว ดวยอยา งนี้ ดกู อนภิกษุท้งั หลาย พวกเธอจงบอกภกิ ษผุ ูอยใู นอาวาสตอ ๆ ไปวาพระฉันนะถกู สงฆท าํ อกุ เขปนียกรรม ฐานไมเห็นอาบัตแิ ลว คือ หามสมโภคกบั สงฆ. ลักษณะกรรมไมเ ปนธรรม ๑๒ หมวด หมวดที่ ๑ [๑๗๖] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเ หน็ อาบตั ิทป่ี ระกอบดว ยองค ๓ เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเ ปน วนิ ยั และระงับ

พระวนิ ัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 108แลวไมด ี คอื ทาํ ลับหลัง ๑ ไมสอบถามกอ นแลวทาํ ๑ ทาํ ไมต ามปฏิญาณ ๑ ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมเหน็ อาบัติท่ปี ระกอบดว ยองค ๓ นแ้ี ล เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเ ปน วินยั และระงบั แลวไมด .ี หมวดท่ี ๒ [๑๗๗] ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเ หน็ อาบตั ิทป่ี ระกอบดว ยองค ๓ แมอ ่นื อกี เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเปน วนิ ยัและระงบั แลวไมด ี คือ ทําเพราะไมต อ งอาบัติ ๑ ทาํ เพราะอาบัตมิ ิใชเทสนาคามนิ ี ๑ ทําเพราะอาบตั ทิ ่แี สดงแลว ๑ ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเห็นอาบัติทปี่ ระกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเ ปนวินัย และระงับแลวไมด.ี หมวดท่ี ๓ [๑๗๘] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมเหน็ อาบัติประกอบดว ยองค ๓ แมอืน่ อกี เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเ ปนวินยัและระงบั แลวไมด ี คือ ไมโจทกอนแลวทํา ๑ ไมใหจ ําเลยใหการกอนแลวทาํ ๑ ไมป รับอาบตั ิแลว ทาํ ๑ ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมเหน็ อาบัติทปี่ ระกอบดวยองค ๓ นแ้ี ล เปน กรรมไมเ ปน ธรรม ไมเปนวินยั และระงบั แลวไมด.ี

พระวินัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาที่ 109 หมวดที่ ๔ [๑๗๙] ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเ ห็นอาบตั ิทป่ี ระกอบดว ยองค ๓ แมอื่นอกี เปนกรรมไมเ ปนธรรม ไมเปนวนิ ยัและระงบั แลวไมดี คอื ทาํ ลับหลัง ๑ ทําโดยไมเปนธรรม ๑ สงฆเปนวรรคทํา ๑ ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเหน็ อาบัติ ทป่ี ระกอบดวยองค ๓ นแี้ ล เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเปนวินยั และระงับแลวไมดี. หมวดที่ ๕ [๑๘๐] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเ ห็นอาบัติท่ีประกอบดว ยองค ๓ แมอ ่ืนอีก เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเ ปนวนิ ยัและระงับแลวไมดี คอื ไมส อบถามกอนแลวทาํ ๑ ทาํ โดยไมเ ปน ธรรม ๑สงฆเปนวรรคทาํ ๑ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมเหน็ อาบัติ ท่ปี ระ-กอบดวยองค ๓ นี้แล เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเ ปน วนิ ัย และระงบัแลว ไมดี. หมวดท่ี ๖ [๑๘๑] ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเห็นอาบตั ิท่ปี ระกอบดวยองค ๓ แมอนื่ อกี เปน กรรมไมเปน ธรรม ไมเ ปนวนิ ัยและระงับแลว ไมดี คอื ทาํ ไมตามปฏญิ าณ ๑ ทาํ โดยไมเ ปน ธรรม ๑สงฆเ ปนวรรคทํา ๑

พระวนิ ัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 110 ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย อกุ เขปนีกรรม ฐานไมเห็นอาบัติ ที่ประกอบดวยองค ๓ นแี้ ล เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเ ปน วนิ ัย และระงบั แลวไมด ี. หมวดท่ี ๗ [๑๘๒] ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมเห็นอาบตั ทิ ี่ประกอบดวยองค ๓ แมอ ื่นอีก เปน กรรมไมเ ปน ธรรม ไมเ ปน วนิ ยัและระงบั แลวไมดี คือ ทาํ เพราะไมต อ งอาบัติ ๑ ทาํ โดยไมเปน ธรรม ๑สงฆเ ปน วรรคทํา ๑ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเ หน็ อาบัติทป่ี ระกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปนกรรมไมเปน ธรรม ไมเปนวินัย และระงบั แลวไมด .ี หมวดท่ี ๘ [๑๘๓] ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมเ ห็นอาบตั ิที่ประกอบดวยองค ๓ แมอืน่ อกี เปน กรรมไมเปนธรรม ไมเ ปน วินยัและระงับแลวไมด ี คือ ทาํ เพราะมิใชอาบตั ิเปนเทศนาคามินี ๑ ทําโดยไมเ ปน ธรรม ๑ สงฆเ ปน วรรคทํา ๑ ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเ หน็ อาบตั ทิ ่ีประกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปนกรรมไมเ ปนธรรม ไมเปนวนิ ัย และระงับแลวไมด ี. หมวดที่ ๙ [๑๘๔] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมเห็นอาบัติท่ีประกอบดวยองค ๓ แมอน่ื อกี เปน กรรมไมเปน ธรรม ไมเปนวนิ ัย

พระวินัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 111และระงบั แลวไมดี คอื ทําเพราะอาบัติที่แสดงแลว ๑ ทาํ โดยไมเปนธรรม ๑ สงฆเ ปน วรรคทํา ๑ ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเหน็ อาบตั ทิ ่ปี ระกอบดว ยองค ๓ นแ้ี ล เปนกรรมไมเ ปนธรรม ไมเปน วินัย และระงับแลวไมด.ี หมวดท่ี ๑๐ [๑๘๕] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเ ห็นอาบัติท่ีประกอบดวยองค ๓ แมอ ่นื อีก เปนกรรมไมเปน ธรรม ไมเปน วินัยและระงบั แลวไมด ี คอื ไมโจทกอนแลวทาํ ๑ ทําโดยไมเปนธรรม ๑สงฆ เปนวรรคทํา ๑ ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเ ห็นอาบตั ทิ ปี่ ระกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปนกรรมไมเปนธรรม ไมเปน วนิ ัย และระงบั แลวไมดี. หมวดท่ี ๑๑ [๑๘๖] ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อกุ เขปนยี ธรรม ฐานไมเห็นอาบตั ิทีป่ ระกอบดวยองค ๓ แมอ่นื อีก เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเ ปน วินยัและระงบั แลวไมด ี คอื ไมใหจาํ เลยใหการกอนแลวทาํ ๑ ทาํ โดยไมเปน ธรรม ๑ สงฆเปนวรรคทํา ๑ ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเ หน็ อาบัติที่ประกอบดวยองค ๓ นี้แล เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเปน วินัย และระงบั แลวไมด .ี

พระวินัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 112 หมวดท่ี ๑๒ [๑๘๗] ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเ หน็ อาบตั ิทป่ี ระกอบดว ยองค ๓ แมอ่นื อกี เปนกรรมไมเปนธรรม ไมเ ปนวินัยและระงบั แลว ไมด ี ตอ ไมปรับอาบตั ิแลวทํา ๑ ทาํ โดยไมเ ปน ธรรม ๑สงฆเปนวรรคทํา ๑ ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมเ ห็นอาบัติทป่ี ระกอบดว ยองค ๓ นีแ้ ล เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเ ปนวินยั และระงับแลวไมด ี. ลักษณะกรรมไมเ ปน ธรรม ๑๒ หมวด ในอุกเขปนียกรรม ฐานไมเ หน็ อาบัติ จบ ลักษณะกรรมเปน ธรรม ๑๒ หมวด หมวดที่ ๑ [๑๘๘] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเหน็ อาบตั ิทีป่ ระกอบดวยองค ๓ เปนกรรมเปนธรรม เปน วนิ ัย และระงับดีแลวคอื ทําตอ หนา ๑ สอบถามกอนแลว ทํา ๑ ทําตามปฏิญาณ ๑ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมเ หน็ อาบัติทีป่ ระกอบดว ยองค ๓ นีแ้ ล เปน กรรมเปนธรรม เปนวนิ ยั และระงับดีแลว. หมวดท่ี ๒ [๑๘๙] ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมเหน็ อาบัติท่ีประกอบดวยองค ๓ แมอื่นอกี เปนกรรมเปนธรรม เปนวนิ ัย และ

พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาที่ 113ระงับดแี ลว คือ ทาํ เพราะตอ งอาบัติ ๑ ทําเพราะอาบัติเปน เทสนาคา-มนิ ี ๑ ทําเพราะอาบัตทิ ่ยี ังไมไ ดแ สดง ๑ Iดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเห็นอาบตั ทิ ป่ี ระกอบดวยองค ๓ น้ีแล เปน กรรมเปนธรรม เปนวนิ ยั และระงบั ดแี ลว . หมวดที่ ๓[๑๙๐] ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเหน็ อาบตั ิทปี่ ระกอบดวยองค ๓ แมอ ื่นอกี เปนกรรมเปน ธรรม เปนวนิ ัย และระงบั ดแี ลว คือ โจทกอ นแลว ทาํ ๑ ใหจาํ เลยใหการกอ นแลว ทํา ๑ปรบั อาบัตแิ ลว ทาํ ๑ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมเหน็ อาบัติที่ประกอบดว ยองค ๓ นี้แล เปนกรรมเปนธรรม เปนวนิ ัย และระงบั ดแี ลว . หมวดที่ ๔[๑๙๑] ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมเ หน็ อาบตั ิท่ีประกอบดว ยองค ๓ แมอ ื่นอีก เปนกรรมเปนธรรม เปนวนิ ยั และระงับดแี ลว คือ ทาํ ตอ หนา ๑ ทําโดยธรรม ๑ สงฆพ รอ มเพรยี งกันทํา ๑ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมเหน็ อาบัตทิ ี่ประกอบดว ยองค ๓ นแ้ี ล เปนกรรมเปน ธรรม เปน วนิ ัย และระงบั ดแี ลว. หมวดที่ ๕[๑๙๒] ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมเหน็ อาบตั ิท่ีประกอบดว ยองค ๓ แมอืน่ อกี เปนกรรมเปน ธรรม เปน วินัย และ










































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook