พระวนิ ัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 251 [๓๗๕] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ถาสงฆมภี ิกษผุ ูควรอพั ภานเปนท่ีพึงใหปรวิ าสพึงชักเขา หาอาบัตเิ ดมิ พงึ ใหมานัต สงฆ ๒๐ รปู ท้ังภกิ ษุผูค วรอัพภานน้นั พึงอพั ภาน การกระทาํ ดงั นนั้ ใชไมไ ด และไมค วรทํา. อพั ภานารหวตั ร จบ ปาริวาสิกขันธกะ ที่ ๒ จบ ในขนั ธกะนม้ี ี ๕ เร่อื ง หัวขอประจาํ ขนั ธกะ [๓๗๖] ๑. ภิกษทุ ้งั หลายผูอยูปรวิ าส ยนิ ดกี ารกราบไหว การลกุ รับ อัญชลีกรรม สามีจกิ รรม การนําอาสนะมาให การนาํ ที่นอนมาให การลางเทา การตง้ั ตั่งรองเทา การตั้งกระเบอื้ งเชด็ เทา การรบับาตรจีวร การถหู ลงั ใหเ มอื่ อาบนํา้ ของปกตัตตะภิกษุทั้งหลายบรรดาภกิ ษผุ ูมศี ีลเปนท่รี ัก จงึ เพง โทษ เปนทกุ กฏแกภกิ ษุผูอยปู ริวาสผูย ินดี ทรงอนุญาตแกภ ิกษผุ ูอยปู รวิ าสดวยกันตามลําดบั ผูแกพ รรษา และทรงอนุญาตกิจ ๕ อยา ง คอื อโุ บสถ ๑ ปวารณา ๑ ผาอาบน้าํ ฝน ๑การสละภตั ร ๑ การรับภัตร ๑ วธิ ปี ระพฤติชอบ คอื ภิกษุผูอ ยูป ริวาสไมไ ปขางหนา ปกตัตตะภิกษุ พอใจดวยท่ีสุดทาย ไมมีสมณะนําหนา และตามหลังเขาไปสสู กลุ ไมสมาทานอารญั ญกิ ธดุ งค ปณฑปาติกธดุ งคไมใหเขานาํ บณิ ฑบาตมาสง เปนอาคนั ตุกะไป และมีอาคันตุกะมา
พระวนิ ยั ปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 252ตอ งบอก พึงบอกในอุโบสถ ในปวารณา ส่ังทูตไหบ อก ไปสอู าวาสและถ่นิ มใิ ชอ าวาสท่มี ภี ิกษุ ไมพ งึ อยูใ นท่ีมงุ เดยี วกนั เมื่อปกตตั ตะภกิ ษุนง่ั ณ พ้ืนดิน ไมน ัง่ ณ อาสนะ เมอื่ ปกตตั ตะภิกษนุ งั่ อาสนะตํา่ ไมนง่ัอาสนะสูง เมอ่ื ปกตตั ตะภิกษจุ งกรมในที่ตาํ่ ไมจงกรมในทสี่ งู หรือจงกรม ณ พื้นดิน ไมจ งกรมในท่จี งกรม ไมพ ึงอยูใ นท่มี งุ เดียวกนั ....กบั ภกิ ษุผูอยูปริวาสผูแกพ รรษากวา ทาํ กรรมใชไ มได รัตตเิ ฉท ชําระปรวิ าส ภิกษุผอู ยปู ริวาส พงึ ทราบวธิ เี กบ็ วตั ร สมาทานวัตร ภกิ ษุผูค วรชักเขาหาอาบัตเิ ดิม ผูควรมานตั ผปู ระพฤติมานตั และผูควรอพั ภาน ปราชญพ ึงทราบโดยนยั ท่ีเจือกันอีก รตั ติเฉทของภิกษุผูอยปู ริวาสมี ๓ ของภกิ ษผุ ปู ระพฤติมานัตมี ๔ ไมเทากัน และประพฤติมานัตใหครบวัน กรรม ๒ อยางคลา ยกัน ๓ อยา งนอกนน้ั เหมอื นกนั แล. หัวขอ ประจาํ ขันธกะ จบ
พระวินยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 253 ปาริวาสิกักขนั ธกวรรณนา ปาริวาสกิ วัตรกถา วนิ ิจฉัยในปารวิ าสกิ กั ขันธกะ นี้ พึงทราบดงั น้ี :- บทวา ปาริวาสกิ า ไดเเก ภกิ ษผุ อู ยูปรวิ าส. ในคาํ วา ปารวิ าสิกา นัน้ ปรวิ าสมี ๔ อยา ง คอื อัป-ปฏิจฉนั นปริวาส ๑ ปฏจิ ฉนั นปรวิ าส ๑ สุทธนั ตปรวิ าส ๑ สโมธานปริวาส ๑. บรรดาปริวาส ๔ อยา งนนั้ ตติ ถิยปรวิ าส ทพ่ี ระผูมีพระภาคเจาตรสั ไวใ นมหาขนั ธกะอยางนวี้ า ภิกษทุ งั้ หลาย บคุ คลใดแมอ่ืนผูเ คยเปน อัญญเดยี รถยี หวงั บรรพชา หวังอุปสมบท ในธรรมวนิ ยั น,้ีสงฆพ ึงใหปรวิ าส ๔ เดือนแกบคุ คลน้ัน ดงั นี้ ชื่ออปั ปฏจิ ฉนั นปรวิ าสคําใดทจี่ ะพงึ กลาวในอปั ปฏิจฉนั นปริวาสน้ัน คํานนั้ ขาพเจาไดกลาวไวด ีแลวแล. แตวา อปั ปฏจิ ฉนั นปริวาสนี้ พระผมู ีพระภาคเจาไมท รงประสงคในปารวิ าสกิ กั ขนั ธกะน.้ี ปริวาส ๓ อยางท่เี หลอื สงฆพงึ ใหแกภ กิ ษผุ ูตอ งอาบัตสิ ังฆาทิเสสแลว และปกปดไว. คาํ ใดทีจ่ ะพงึ กลา วในปริวาส ๓อยา งน้นั คาํ นั้นขา พเจา จกั พรรณนาในสมจุ จยกั ขนั ธกะ. ก็แลปรวิ าส ๓อยา งนี้ พระผูมีพระภาคเจา ทรงประสงคใ นปารวิ าสกิ กั ขันธกะน้.ี เพราะเหตุนน้ั ภิกษุผอู ยูปริวาสอยา งใดอยา งหน่งึ ใน ๓ ปริวาสน้ี พึงทราบวาปาริวาสกิ ภิกษุ.
พระวินัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 254 สองบทวา ปกตตตฺ าน ภกิ ฺขูน ไดแกภิกษุปกตตั ตะท่ีเหลอืโดยทสี่ ดุ แมภิกษุผูควรแกม ูลายปฏกิ ัสสนาเปน ตน เวน ปาริวาสกิ ภิกษุผใู หมกวาเสยี . สองบทวา อภิวาทน ปจฺจปุ ฏาน มีความวา ภิกษปุ กตตั ตะเหลาน้ัน ทาํ ควานเคารพมีอภวิ าทเปน ตน อนั ใด ปารวิ าสกิ ภกิ ษุทั้ง-หลายยอ มยินดี คือ ยอมรบั ความเคารพอันนั้น. อธบิ ายวา ไมห า มเสยี . บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สามีจิกมมฺ น้ี เปนช่ือของอภสิ มา-จารกิ วตั ร มกี ารพัดลมใหเ ปนตน แกภ กิ ษุอน่ื ซง่ึ สมควร เวน ความเคารพมอี ภวิ าทเปน ตนเสยี . บทวา อาสนาภหิ าร ไดแก การจัดอาสนะให คือ หยบิ อาสนะไปให คอื ปลู าดใหนง่ั เอง. แมใ นการจัดทนี่ อนให กน็ ัยน้ีแล. บทวา ปาโททก นน้ั ไดแก น้าํ สําหรบั ลางเทา . บทวา ปาทป นน้ั ไดแ ก ตง่ั สําหรบั รองเทา ท่ลี างแลว . บทวา ปาทกถลกิ นั้น ไดแก แผน กระดานสาํ หรับวางเทา .ซึง่ ยังไมไดลาง หรือแผนกระดานสาํ หรับเช็ดเทา. สองบทวา อาปตฺติ ทุกกฺ ฏสสฺ มีความวา คงเปนอาบตั ิทกุ กฏแกภ ิกษผุ ยู นิ ดี แมของสทั ธวิ ิหารกิ เปน ตน . เพราะเหตนุ น้ั ปาริ-วาสกิ ภิกษนุ น้ั พึงบอกนิสติ ท้ังหลายมีสทั ธิวหิ ารกิ เปนตน น้นั วา ขาพเจากําลังทาํ วนิ ยั กรรมอยู, พวกทา นอยาทําวัตรแกขา พเจา เลย อยาบอกลา
พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 255เขาบา นกะขา พเจา เลย. ถาพวกกุลบุตรผูมีศรัทธาบวชกลาววา ขอทา นจงทําวินยั กรรมของทา นเถดิ ขอรบั ดงั น้ี แลว ยงั คงทําวัตร ทงั้ บอกลาเขาบานดวย จาํ เดิมแตเ วลาท่หี า มแลวไป ไมเ ปนอาบตั ิ . สองบทวา มถิ ุ ยถาวฑุ ฺฒ มีความวา ในปาริวาสิกภกิ ษุดว ยกัน ภิกษใุ ด ๆ เปนผูแกก วา กันและกนั . เราอนุญาตใหภิกษนุ ั้น ๆยนิ ดีอภิวาทเปนตน ของภกิ ษุผูออ นกวา ได. สองบทวา ปฺจ ยถาวุฑฺฒ มคี วามวา เราอนุญาตสวน ๕ตามลาํ ดับผูแก พรอ มดว ยภิกษุทั้งหลายแมผปู กตตั ตะ เพราะเหตุน้นั เม่อืกําลงั สวดปาติโมกข ปาริวาสกิ ภิกษุนงั่ ในหตั ถบาส ยอมควร. แตในมหาปจจรกี ลา ววา อยา นง่ั ในลาํ ดับ พงึ ละลาํ ดับเสยี แตอยานง่ั ละหัตถบาส. เมื่อทาํ ปาริสทุ ธิอโุ บสถ พึงนง่ั ในทขี่ องสงั ฆนวกะ และคงนั่งในทนี่ ้นั เอง ทําปารสิ ทุ ธิอุโบสถในลาํ ดับของตน. แตใ นมหาปจจรกี ลาววา พึงทาํ ปารสิ ทุ ธิอโุ บสถในลาํ ดบั . แมเมอ่ืทาํ ปวารณาเลา กพ็ งึ น่งั ในท่ขี องสังฆนวกะ และคงนง่ั ในทีน่ ้ันเองปวารณาในลําดับของตน. แมผาวสั สกิ สาฎกทส่ี งฆต ีระฆงั แลว แจกกนัปารวิ าสิกภกิ ษุจะรับในทซี่ ง่ึ ถงึ แกต นก็ควร. ภัตอันภกิ ษสุ ละให เรียกวา ภัตทภ่ี ิกษโุ อนให. ก็ถาอุทเทสภัตเปนตน ๒-๓ ทีถ่ ึงแกปาริวาสิกภิกษุไซร. แตเ ธอมคี วามหวงั เฉพาะปคุ -คลกิ ภตั อืน่ , อุทเทสภัตเปนตนเหลาน้ัน เธอพึงรบั ตามลาํ ดับ แลว
พระวินัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 256บอกสละเสยี วา ทานจงใหผ มรับคราวหลงั เถิดขอรับ, วันน้คี วามหวงัเฉพาะภตั ของผมม,ี พรงุ นี้ผมจักรับ. ดวยการเสยี สละอยา งนี้ เธอยอมไดเ พอ่ื รับภตั เหลาน้ันในวนั รุงข้นึ . ในกรุ นุ ทีกลา ววา ในวันรงุ ขึ้น พึงใหแ กปารวิ าสกิ ภกิ ษนุ น้ักอ นภิกษทุ ้งั ปวง. แตถา เธอไมร บั ไมโ อนใหเสยี , ในวนั รุงข้ึนยอ มไมได. ภัตท่ภี กิ ษุโอนใหน้แี ล พระผมู ีพระภาคเจา ทรงอนุญาตเฉพาะปาริวาสกิ ภกิ ษุเทา นั้น. เพราะเหตไุ ร? เพราะวา ยาคู และของขบเคยี้ วเปน ตนในโรงอาหาร ยอมถงึ แกเ ธอผูน่งั ในทีส่ ังฆนวกะบา ง ไมถ ึงบา ง เพราะเหตุน้ันภัตท่ภี กิ ษุโอนใหน ้ี พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ทรงอนุญาตเฉพาะเพอ่ื ทาํ การสงเคราะหแ กปาริวาสิกภกิ ษุนน้ั วา เธออยา ตอ งลําบากดว ยภกิ ษาจารเลย. บทวา ภตตฺ ไดแ ก จตสุ าลภัตของสงฆในวิหารทีภ่ กิ ษผุ มู าแลว พงึ รับไปตามลาํ ดบั ผูแ ก, ปาริวาสกิ ภกิ ษยุ อมไดภ ัตนั้น ตามลาํ ดับผูแ ก. แตไ มไ ดเ พือ่ ไปหรือยืนในแถว. เพราะเหตุน้นั พงึ ถอยหา งจากแถวแลว ยนื ในหตั ถบาส เอื้อมมือรบั อยา งเหยย่ี วโผลงฉวยเอาฉะนัน้ .เธอไมไ ดเ พ่อื จะใชอ ารามิกบรุ ุษหรือสมณุทเทสใหนาํ มา. ถาเขานามาเองขอ นน้ั ควรอยู แมใ นมหาเปฬภัตของพระราชาก็นยั นี้แล. ในมหาปจจรีกลา ววา แตในจตสุ าลภัต ถา ปารวิ าสกิ ภกิ ษุ เปนผใู ครจะทําการโอนใหไซร, เมื่ออาหารอนั เขายกขน้ึ แลว เพอ่ื ตนพงึ บอกวาวนั น้ี ภตั ของเรายอ มมี, พรงุ น้ีเราจกั รบั ดังน้ี ในวนั รงุ ขึ้นยอ มไดอาหาร ๒ สวน. แมอ ทุ เทสภัตเปน ตน พึงถอยหางจากแถวกอ นจงึ รบั .
พระวินัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาที่ 257และพวกทายกนิมนตใหน ัง่ ในทใ่ี ดแลว อังคาส, พงึ เปนหัวหนา ของพวกสามเณร เปนสงั ฆนวกะของพวกภิกษุ นง่ั ในที่นนั้ . บัดนี้ วนิ จิ ฉยั ความประพฤตชิ อบที่พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสไวน้ี. บทวา น อุปสมฺปาเทตพพฺ มคี วามวา เปน อปุ ชฌายไ มพึงใหอ ปุ สมบท แตจ ะเกบ็ วัตรแลว ใหอุปสมบท ควรอย.ู เปน อาจารยแ ลว แมกรรมวาจาก็ไมค วรสวด, เมือ่ ภกิ ษอุ นื่ ไมมีจะเก็บวัตรแลว สวด ควรอยู. บทวา น นิสสฺ โย ทาตพโฺ พ มคี วามวา ไมพงึ ใหนิสยัแกพ วกภกิ ษอุ าคันตกุ ะ. แมภ ิกษเุ หลาใดไดถอื นสิ ยั ตามปกติเทียว พงึบอกภกิ ษเุ หลา น้นั วา ขาพเจากําลงั ทาํ วินยั กรรม. พวกทานจงถอื นสิ ยัในสํานกั พระเถระช่อื โนน อยา ทําวัตรแกขา พเจา เลย อยา บอกลาเขาบา นกะขา พเจา เลย. ถาแมเ มื่อบอกอยา งน้ันแลว พวกนิสิตก็ยงั ขืนทาํแมพวกเธอยังขนื ทําอยู จาํ เดิมแตก าลทีไ่ ดหา มแลวไป ไมเ ปนอาบัติแกปาริวาสกิ ภิกษุนั้น. บทวา น สามเณโร มคี วามวา ไมพ งึ รับสามเณรอนื่ ; แมพวกสามเณรท่คี นเปนอุปชฌายรบั เอาไว ตนก็ควรบอกวา ขาพเจา กาํ ลงัทาํ วนิ ัยกรรม, พวกเธออยาทําวัตรแกขา พเจา เลย อยา บอกลาเขาบา นกะขาพเจา เลย. ถาแมเ ม่ือบอกอยา งนนั้ แลว เธอท้งั หลายยังขืนทํา; แมเ มื่อเธอทงั้ หลายขนื ทําอยู เดมิ แตก าลที่ไดหามแลวไป ไมเปนอาบัติแกปารวิ าสิกภิกษุน้นั .
พระวินัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 258 ขนึ้ ชอื่ วา การสมมติใหเ ปนผสู อนนางภิกษณุ ี ซง่ึ เปน ตาํ แหนงของผูเปน ใหญ ทานหา ม, เพราะฉะนนั้ ปาริวาสกิ ภกิ ษพุ ึงเรียนแกภกิ ษุสงฆว า ทานเจา ขา ขาพเจากาํ ลังทาํ วนิ ัยกรรม, ทานทัง้ หลายจงรูภิกษุผสู อนนางภกิ ษุณี หรอื พงึ มอบภาระแกภ ิกษุผูสามารถกไ็ ด และพงึ บอกนางภิกษณุ ที ้งั หลายทพ่ี ากนั มาวา ทานทั้งหลาย จงไปหาสงฆ. สงฆจกัรภู ิกษผุ ูใหโ อวาทแกท า นทัง้ หลาย หรอื พงึ บอกวา ขาพเจา กาํ ลังทําวินยักรรม ทา นท้งั หลายจงไปหาภกิ ษุผชู ื่อโนน. เธอจักใหโอวาทแกทา นทง้ั หลาย. บทวา สา อาปตตฺ ิ มีความวา ไมพ ึงถงึ การปลอยสุกกะอกีในเมอ่ื ปรวิ าสเพอื่ การปลอ ยสุกกะอันสงฆใ หแ ลว. สองบทวา อฺา วา ตาทสิ กิ า ไดแ ก ครกุ าบัตมิ กี าย-สังสัคคะเปนตน. สองบทวา ตโต วา ปาปฏ ตรา ไดแก อาบัตปิ าราชกิ ,ในอาบัติ ๗ อาบตั ิทพุ ภาสติ เปนอาบัตเิ ลวทราม อาบัติทกุ กฏ เปนอาบัตเิ ลวทรามกวา อาบัตทิ ุกกฏเปนอาบัติเลวทราม อาบตั ปิ าฏิเทสนยี ะเปน อาบตั ิเลวทรามกวา. พึงทราบนัยในอาบัตปิ าจิตตีย ถุลลัจจยั สังฆาทเิ สส และปาราชกิโดยอบุ ายอยา งนี.้ แมใ นวตั ถุทัง้ หลายแหงอาบัตเิ หลา นั้น พงึ ทราบความตางกนั โดยนยั กอ นน่นั แล วัตถุแหงทุพภาสิตเลวทราม วัตถแุ หงทกุ กฏเลวทรามกวาแตใ นสกิ ขาบทท่เี ปนปณ ณตั ติวัชชะ ท้งั วตั ถุ ท้ังอาบัติเลวทราม. สวน
พระวนิ ัยปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 259สิกขาบทท่ีเปน โลกวัชชะ เลวทรามกวา ทัง้ ๒ อยาง. กรรมวาจาแหงปรวิ าสทานเรียกวา กรรม, ไมพ ึงตดิ ว ยคาํ เปนตนวา กรรมนน้ั ไมเปนอันทาํ ทาํ เสยี หรือดวยคําเปนตน วา กรรมชนิดน้เี ปน กสกิ รรม เปนโครักขกรรมดวยหรอื ? บทวา กมฺมิกา มคี วามวา กรรมอนั ภิกษุเหลา ใดทาํ แลว ภกิ ษุเหลา นั้น ทานเรียกวา กัมมกิ า. ไมพ ึงติภิกษเุ หลานั้นดว ยคําวา เปนพาล ไมฉลาด เปน ตน . ขอวา น สวจนยี กาตพพฺ มคี วามวา ไมพ ึงทาํ ความเปนผูม ีคาํ จาํ ตองกลาว เพื่อประโยชนแ กการประวิงหรือเพือ่ ประโยชนแกการเกาะดวย. จรงิ อยู เม่อื จะทาํ เพอื่ ประโยชนแกก ารประวงิ ยอมทาํ อยา งนี้วาขาพเจา จะทาํ ทา นใหเปน ผใู หการโนคดีน,ี้ ทา นอยา ไดยา งออกจากอาวาสน้ีแมเพียงกา วเดียว ตลอดเวลาท่ีอธิกรณย งั ระงับไมเ สร็จ ดงั น,ี้ เมื่อจะทาํ เพ่อื ประโยชนแกการเกาะตวั ยอมทาํ อยา งนวี้ า ขาพเจาจะทําทา นใหเปน ผใู หการ, ทา นจงมา ไปตอ หนา พระวนิ ยั ธร พรอ มกับขา พเจาไมพ ึงทาํ ความเปนผมู คี าํ จําตอ งกลา วทง้ั ๒ อยา งน้ัน. บทวา น อนวุ าโท มคี วามวา ไมพึงรับตาํ แหนง หวั หนา ในวหิ าร, คือ ไมพงึ เปนผูส วดปาติโมกข หรอื เชิญแสดงธรรม ไมพ ึงทาํ การเน่อื งดว ยความเปนใหญ แมดว ยอาํ นาจสมมติอยางหนง่ึ ในสมมติ๑๓.
พระวนิ ยั ปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 260 บทวา น โอกาโส มคี วามวา ไมพงึ ทาํ โอกาสแกภ กิ ษุผูป กตัตตะอยา งนี้วา ทานจงทําโอกาสแกข า พเจา, ขา พเจาอยากจะพูดกะทาน, คือไมพงึ โจทดวยวัตถุหรอื อาบตั ,ิ ไมพ ึงใหภิกษอุ ่ืนใหก ารดว ยคําวา นเ้ี ปนโทษของทา นหรือ ? บทวา น ภกิ ขฺ ู ภิกฺขหู ิ สมปฺ โยเชตพพฺ มคี วามวา ไมพึงชวยกันและกันใหทําความทะเลาะ. บทวา ปรู โต มีความวา เปน สงั ฆเถระไมค วรไปขางหนา คอืพงึ ละการไปใกลก นั เสยี ๑๒ ศอก ไปตามลําพัง. แมในการนง่ั ก็มีนัยเหมือนกัน . อาสนะที่จัดวาสุดทายของสงั ฆนวกะ ในโรงอาหารเปนตน ชือ่ วาอาสนะสดุ ทาย, อาสนะสุดทา ยนั้น ควรใหแ กปารวิ าสกิ ภกิ ษนุ นั้ , เธอพงึ นง่ั บนอาสนะน้นั . สดุ ทายของทน่ี อนท้งั หลาย ไดแ ก เตยี งต่ังทเี่ ลวกวาเตียงตงั่ ท้งัหมด ชอื่ วา ทน่ี อนสดุ ทาย. จริงอยู ปาริวาสิกภิกษุน้ี ไมไ ดเพ่อืถือเอาทน่ี อนในที่ซึง่ ถงึ แกต นตามลาํ ดบั พรรษา. แตท ี่นอนท่เี ลว ซ่งึสานดวยหวายและเปลือกไมเ ปนตน มขี เี้ รอื ดเกรอะกรงั ทีเ่ หลอื จากท่ีนอนซงึ่ ภิกษทุ งั้ ปวงเลือกถอื เอาแลว ควรใหแกเธอ. บทวา วหิ ารปรยิ นโฺ ต มีความวา เหมอื นอยางวา ทีน่ อนเปนฉนั ใด ที่อยกู เ็ ปน ฉนั น้ัน, อกี อยา งหนงึ่ แมอาวาสกไ็ มค วรแกเธอในทซี่ ่ึงถึงแกตนตามลาํ ดับพรรษา. แตบ รรณศาลาท่ีมีพืน้ มาดว ยธลุ ีเต็มไปดว ยมลู คางคาวและหนู ซึ่งเหลือจากทีภ่ ิกษุทัง้ ปวงเลอื กถือแลว
พระวนิ ยั ปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 261ควรใหแ กเ ธอ. ถา ภิกษุปกตตั ตะท้ังหมด ถือรุกขมูล หรืออพั โภกาสไมเ ขาที่มุง, อาวาสทัง้ หมดจดั วา เปนอาวาสท่ภี ิกษุเหลา น้นั ละเลยเสยี แลว .บรรดาอาวาสเหลาน้นั เธอยอ มไดอ าวาสที่คนตอ งการ. อนึง่ ในวนั วสั สูปนายิกา เธอยอ มไดเพื่อยืนอยูข า งหนึง่ รบั ปจจยัตามลาํ ดบั พรรษา, แตไ มไ ดเ พอื่ ถอื เอาเสนาสนะ. ปารวิ าสิกภกิ ษผุ ใู ครจะถอื เอาเสนาสนะท่ีมีผา จาํ นาํ พรรษาเปนนิตย พึงเก็บวตั รกอนแลวจึงถือเอา. บทวา เตน จ โส สาทิตพฺโพ มคี วามวา ภกิ ษทุ ัง้ หลายใหอาสนะสุดทายเปนตนอันใดแกเ ธอ, อาสนะสุดทา ยเปนตน นั้นแล อันเธอพงึ รับ . บทวา ปเุ รสมเณน วา ปจฉฺ าสมเณน วา มีความวาเธอรับนมิ นตใ นที่แหง ญาติและคนปวารณาวา ขอทานจงพาภกิ ษุมาเทาน้ีดังนี้ แลวชกั ชวนอยา งน้วี า สกุลชือ่ โนน นิมนตภิกษทุ ้ังหลายขอรบั ,พวกทานจงมา เราท้ังหลายจงไปในสกลุ น้นั ดังนี้ ไมพ งึ ทาํ ภิกษผุ ูปกตตั ตะ ใหเปนปเุ รสมณะหรอื ปจ ฉาสมณะไป. แตว าสมควรจะกลาวโดยปริยายอยางนว้ี า ทานผูเจริญ ชนทัง้หลายในบานชือ่ โนน หวังความมาภกิ ษทุ ัง้ หลาย, ดแี ลวหนอ ถาทา นท้ังหลายพงึ ทําความสงเคราะหแ กช นเหลา นั้น . บทวา น อารฺ กิ งคฺ มีความวา เม่ือระอาท่จี ะบอกแกภกิ ษุทงั้ หลายที่มาแลว ๆ ไมควรสมาทานอารญั ญิกธดุ งค.
พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 262 อารัญญกิ ธดุ งคนนั้ แมภกิ ษใุ ดสมาทานแลวตามปกติ ภิกษุนัน้พงึ ชวนภกิ ษผุ เู ปนเพื่อนรับอรณุ ในปา, แตไ มควรไปตามลาํ พัง. อนึง่ เม่ือเบ่อื หนายการนงั่ บนอาสนะสุดทายในโรงอาหารเปนตน ไมควรสมาทานแมซ ่งึ ปณฑปาติกธดุ งค แตไ มม กี ารหามแกภ ิกษผุ ูถือบิณฑบาตตามปกต.ิ บทวา น จ ตปฺปจฺจยา มคี วามวา ไมค วรใหนําบณิ ฑบาตออกไป เพราะเหตนุ ้วี า เราเปน ผมู อี าหารอนั นา ไปแลวนง่ั ฉนั อยูใ นกฎุ ีทอ่ี ยนู ้นั แล จักนับราตรีได คอื วา รัตตเิ ฉท พึงมแี กเ ราผูไปเห็นภกิ ษุมาในบานแลวไมบ อก. บทวา มา ม ชานสึ ุ มีความวา เธอไมไดแมเ พอ่ื ใหสามเณรหุงตม ฉนั ทว่ี ดั ดว ยอธั ยาศยั น้วี า แมภ กิ ษุรูปเดยี ว จงอยารจู กัเรา, คือพงึ เขา บา นเพอ่ื บณิ ฑบาตน่งั เอง. แตป าริวาสกิ ภิกษุผูอาพาธหรือผูขวนขวายในนวกรรม และกจิ ของอาจารยอปุ ช ฌาย เปน ตนควรอยูในกฎุ ที ีอยแู ท. ถาภิกษหุ ลายรอ ยรูปเทย่ี วอยใู นบา น ไมส ามารถจะบอกได, ควรไปยงั คามกาวาสแลว อยใู นทแ่ี หง ภิกษุผูเปนสภาคกัน . แมเ ปนอาคนั ตกุ ะมายงั วดั บางตาํ บล ก็พึงบอกแกภกิ ษุทั้งหลายในวัดนนั้ . ถาเหน็ ภิกษุท้ังหมดอยูในทีเ่ ดียวกนั พึงยืนบอกในทเ่ี ดียวกันทีเดยี ว ถา ภิกษุทัง้ หลายแยก ๆ กันอยตู ามโคนไมเ ปน ตน, พึงไปบอกในท่ีนนั้ ๆ. เมอ่ื จงใจไมบอก เปน รัตติเฉทดวย เปนทกุ กฏเพราะวัตต-เภทดว ย ถา คนไมพบบางพวก เปนแตร ตั ติเฉท ไมเปน ทุกกฏเพราะวัตตเภท.
พระวินยั ปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 263 บทวา อาคนฺตุกสฺส มคี วามวา พึงบอกแกภกิ ษุอาคนั ตกุ ะรปูเดยี ว หรอื หลายรปู แมทมี่ าสกู ฎุ ีท่ีอยูข องตน ตามนัยทีก่ ลา วแลวนน่ั แล. อน่งึ แมรัตตเิ ฉทและวตั ตเภท ในอาคันตุกาโรจนาธกิ ารนี้ ก็พงึ ทราบตามนยั ทกี่ ลา วแลวเหมอื นกนั . ถาภิกษอุ าคนั คุกะพักครเู ดยี ว หรือไมพัก ไมไ ปในทามกลางวดัอยา งนนั้ . ควรบอกแมแกภิกษอุ าคันตะกะเหลาน้ัน, ถา ภกิ ษอุ าคนั ตกุ ะไปเสยี แตเ มอื่ ปาริวาสกิ ภิกษนุ นั้ ยังไมทนั รู แตวาปารวิ าสิกภิกษนุ ี้รูในเวลาท่ไี ปเสยี แลว, พึงไปบอก. เม่ือไมอาจจะไปทนั คงเปน แตร ตั ติเฉทไมเ ปนทุกกฏเพราะวัตตเภท. ฝา ยภกิ ษอุ าคนั ตุกะเหลาใด ไมเ ขา สภู ายในวดั เขาอุปจารสมี าแลวไปเสยี , และปารวิ าสกิ ภกิ ษนุ ้ีไดย นิ เสยี งรม หรอื เสียงไอ หรอืเสยี งจาม ของภิกษอุ าคันตกุ ะเหลา น้นั รวู าเปนอาคนั ตุกะ พึงไปบอก. แมร ใู นเวลาท่ีพวกเธอไปแลว กค็ วรตามไปบอกจนได เมือ่ ไมสามารถจะไปทัน คงเปน แตร ัตตเิ ฉท ไมเปน ทุกกฏเพราะวตั ตเภท. ฝายภิกษอุ าคันตุกะใด มาในกลางคนื แลว ไปเสียในกลางคนื น่ันเอง แมภิกษุอาคันตุกะนน้ั ยอ มทาํ รตั ตเิ ฉทแกป ารวิ าสิกภิกษนุ ั้น. แตเพราะไมรู จงึ ไมม อี าบัตทิ กุ กฏเพราะวัตตเภท. ในกรุ ุนทีกลา ววา ถา ไมทันรูก ระทําอพั ภานกรรม ๆ นนั้ ไมเ ปนอนั ทาํ แท เพราะเหตุน้นั ควรนบั ราตรใี หเกินไว แลวจึงคอ ยทําอัพภานกรรม. นีเ้ ปน ขอ ปฏบิ ัติทีไ่ มผิด.
พระวินัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 264 เห็นภกิ ษไุ ปเรือในแมน ้าํ เปนตนก็ดี ยนื อยูท่ีฟากโนน ก็ดี ไปในอากาศกด็ ี ตงั้ อยูในทไ่ี กลมภี เู ขาบนบกและปาเปน ตน กด็ ,ี ถา มีความกําหนดไดวา เปน ภิกษุ พงึ ไปบอกดว ยเรอื เปนตนก็ได พึงรีบตามไปบอกกไ็ ด. เมอ่ื ไมบอกเปนรัตติเฉทดว ย เปนทุกกฏเพราะวัตตเภทดว ย.ถาวา แมพ ยามอยู กไ็ มสามารถจะไปทนั หรอื ใหไดยนิ เปน เพยี งรัตติเฉท ไมเ ปน ทกุ กฏเพราะวัตตเภท. ฝา ยพระสงั ฆเสนาภยเถระ กลาวดว ยอาํ นาจแหงวิสยั และอวสิ ยั วาไดย นิ วา เมือ่ ไมบอก ในวสิ ยั (ทจ่ี ะบอกได) เปน รตั ตเิ ฉทดว ยเปนทกุ กฏเพราะวตั ตเภทดว ย, แตในอวิสัยไมม ที ัง้ ๒ อยา ง. สว นพระกรวกิ ติสสเถระกลาววา ความกําหนดวา ผนู ี้เปนสมณะน่นั แลเปนประ-มาณ. ถา แมไมใ ชว สิ ัย, ไมม ีทกุ กฏ เพราะวัตตเภทเทาน้ัน แตคงเปน รตั ติเฉทแท. บทวา อโุ ปสเถ มคี วามวา จรงิ อยู ภิกษอุ าคนั ตุกะทง้ั หลายยอ มมาดวยต้งั ใจวา เราจักทันอุโบสถ แมไ ปดว ยฤทธ์ิทราบวา เปนวันอุโบสถ ยอมลงทําอุโบสถกรรม. เพราะเหตนุ ั้น จงึ ควรบอกในวันอุโบสถ เพื่อชาํ ระอาคนั ตุกะ. แมใ นปวารณา ก็มีนัยเหมือนกัน ผอู าพาธ นั้น ไดแ ก ภกิ ษุผูไมสามารถจะไป. แมว ินจิ ฉัยในคาํ วา ทูเตน นี้ พึงทราบวา ไมควรสงอนุป-สัมบนั ไป. พึงสงภิกษใุ หไ ปบอก. บทวา อภิกขฺ โุ ก อาวาโส ไดแก วัดที่วา ง, ภกิ ษแุ มร ูปเดยี ว ไมม ีในวัดใด ไมพงึ ไปเพ่ือตอ งการอยใู นวัดน้ัน เพราะราตรี
พระวินัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 265ทอ่ี ยใู นวัดวา งเปลาน้ัน เปน ราตรีท่ไี มยอมใหน ับ. แตจะอยูกับภกิ ษปุ ก-ตตั ตะ สมควรอยู. แตเมอ่ื อนั ตราย ๑๐ อยางมอี ยู ถึงแมว า ราตรีทง้ั หลายจะไมยอมใหนับ ก็ควรไปเสยี เพอื่ พน จากอนั ตรายแท. เพราะเหตุนั้น พระผูมพี ระภาคเจาจึงตรัสวา เวน แตอ ันตราย ดังน้ี จงึ ไมควรทาํ วินัยกรรมกับภกิ ษุผเู ปน นานาสังวาส. แมเพราะไมบอกแกภกิ ษุนานาสงั วาสเหลา นน้ั รัตตเิ ฉทยอมไมมี, ทีอ่ ยนู ั้นยอ มเปน เหมอื นอาวาสไมมีภิกษนุ ง่ั เอง เพราะเหตนุ ั้น พระผูมพี ระภาคเจาจงึ ตรสั คาํ นี้วา ในอาวาสใดเลา ภิกษุทัง้ หลายเปนนานาสงั วาส? คาํ ทเี่ หลือมนี ัยดังกลา วแลวในอุโบสถักขันธกะนนั่ แล. วินิจฉยั ในบทวา เอกจฺฉนเฺ น อาวาเส เปนตน พึงทราบดงั น:ี้ - เสนาสนะทที่ ําไวเพ่ือประโยชนแ กก ารอยู ช่อื วาอาวาส. สถานมอี าทอิ ยางน้ี คือ เรือนเจดีย เรือนโพธิ รา นเก็บไมกวาด รานเก็บไม โรงน้ํา เวจกุฎี ซมุ ประตู ชือ่ อนาวาส. หมวด ๒ แหงอาวาสและอนาวาสนน้ั พระผูมพี ระภาคเจาทรงถือเอาดวยบทที่ ๓. ในมหาปจ จรี กลาววา ภิกษุผูถูกสงฆย กวตั รแลว ไมไดเพ่ือยูในโอกาสเหลานี้ โอกาสอันใดอนั หนึง่ ซง่ึ มงุ เปนอนั เดียวกนั กําหนดดวยท่ีตกแหง นํ้าจากชายคา. แตป าริวาสิกภิกษุ ไมไดเ พื่ออยภู ายในอาวาสเทานน้ั .
พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 266 สว นมหาอรรถกถาแกวา การอยูนนั้ หา มดว ยชายคา โดยไมแปลกกนั . ในกรุ นุ ทแี กว า การที่ปารวิ าสกิ ภิกษุและภกิ ษุท่ีถูกสงฆย กวตั รอยูรวมกบั ภิกษุปกตตั ตะ ในท่ีมงุ ดวยเคร่ืองมุง ๕ อยา ง เหลานั้น ทานหา มดว ยชายคา. เพราะเหตนุ ัน้ ปารวิ าสิกภกิ ษุไมควรอยูในทมี่ ุงอนั เดยี วกัน แมมีอุปจารตางๆ กัน. กถ็ าวา เปนภกิ ษุผปู กตตั ตะ แมอ ปุ สมบทในวนันน้ั เขา ไปนอนกอนในโอกาสทม่ี งุ อนั เดยี วกนั นี้ ปารวิ าสกิ ภกิ ษุ แมมพี รรษา ๖๐ เขาไปทหี ลังรอู ยแู ละนอน เปนรัตตเิ ฉทดว ย เปนทกุ กฏเพราะวัตตเภทดว ย. เมอ่ื ไมรู เปน แตร ตั ติเฉท ไมเ ปน ทุกกฏเพราะวตั ตเภท. แตถาเม่อื ปารวิ าสกิ ภกิ ษุนน้ั นอนกอ น ภกิ ษุผปู กตตั ตะเขา ไปนอนทหี่ ลงั , และปาริวาสกิ ภิกษุรอู ยู, เปนรตั ตเิ ฉทดวย เปน ทุกกฏเพราะวัตตเภทดวย. ถาไมร ู, เปน เพียงรัตตเิ ฉท ไมเปน ทกุ กฏเพราะวตั ตเภท. สองบทวา วฏุ าตพพฺ นิมนเฺ ตตพโฺ พ มีความวา ปาร-ิวาสิกภิกษุ เห็นภิกษุปกตัตตะ แมอุปสมบทในวนั นน้ั พงึ ลุกขึ้นแท,และครัน้ ลกุ ข้นึ แลว ไมพ ึงหลบหนา ไปเสีย ดวยคิดวา เรานัง่ สบายแลวภกิ ษนุ ้ที ําใหเราตอ งลุก. ภิกษปุ กตัตตะนน้ั อนั เธอพึงนมิ นต อยา งน้ีแลวา ทานอาจารย นอี่ าสนะ, นิมนตน ั่งบนอาสนะน่.ี ฝา ยนวก-ภิกษผุ ูป กตตั ตะ ไมค วรไปยังสํานักพระเถระผูอ ยูปรวิ าส ดว ยต้งั ใจวาเราจะทาํ พระมหาเถระใหเปน ผูกระอกั กระอว น.
พระวนิ ัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 267 บทวา เอลาสเน มีความวา บนเตียงหรอื ตง่ั ซึ่งเปนทน่ี ่ังแหง ภิกษผุ มู ีพรรษาเทากนั . บทวา น ฉมาย นสิ ินฺเน มคี วามวา เปนภิกษผุ ปู กตัตตะน่ังบนแผนดนิ ฝา ยปารวิ าสกิ ภกิ ษไุ มพงึ น่งั บนอาสนะ โดยที่สุดแมเ ปนเคร่อื งลาดหญาหรอื แมเ ปน เนินทรายที่สงู กวา แตจ ะนงั่ เวนอปุ จาระไว ๑๒ศอก ควรอยู. บทวา น เอกจงกฺ เม มีความวา ไมพ งึ จงกรมในท่ีจงกรมอันเดยี วกับภิกษผุ ปู กตัตตะดงั เพ่ือนกนั . คาํ วา ฉมาย จงฺกมติ ความวา เมื่อภกิ ษผุ ปู กตตั ตะจงกรมอยบู นแผน ดนิ . อกี อยางหน่ึง นเ้ี องเปนบาลี. และพงึ ทราบเนือ้ ความในคาํ นี้ดงั ตอไปนี:้ - เมื่อภิกษผุ ปู กตตั ตะจงกรมอยู ณ พ้นื ดนิ ที่ไมไ ดป นแดน ไมพึงจง-กรม ณ ท่ีจงกรมที่ปน แดนเกลี่ยทรายประกอบราวทีเ่ หนี่ยว แมเ ปน ทีต่ า่ํและไมจาํ เปนตองกลา วอะไรในทีจ่ งกรมที่พรอ มเสรจ็ ดวยการกอ อิฐ ท้ังแวดลอมดว ยกําแพงแกว. แตถ ามีจงกรมที่ลอมดว ยกาํ แพงประกอบดวยซมุ ประตู หรอื วามีท่ีจงกรมที่กาํ บังดี ณ ระหวา งเขาระหวา งปา และระหวา งกอไม; จะจงกรมในทีจ่ งกรมเชน น้นั สมควรอยู, จะเวน อุปจาระจงกรม ณ ที่จงกรมแมไมไดกาํ บัง กค็ วร. วินิจฉัยในคําวา วุฑฒฺ ตเรน น้ี พงึ ทราบดังนี้:-
พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 268 ในกรุ นุ ทีแกวา ถาเมื่อปารวิ าสิกภิกษุผูแกก วานอนกอน ฝายปาริวาสิกภกิ ษุ (ผูอ อ นกวา) รอู ยู นอนทหี ลงั เปนรตั ติเฉทดวยเปน ทุกกฏเพราะวตั ตเภทดวยแกเ ธอ แตสําหรับปาริวาสกิ ภกิ ษุผูแ กก วาเปน เพยี งรตั ตเิ ฉท ไมเ ปนทกุ กฏเพราะวตั ตเภท. ผอู อนกวาไมรูน อน,ไมเ ปน วัตตเภทดว ยกันทัง้ ๒ ฝา ย, แตเ ปน รตั ตเิ ฉท. ถา เม่อื ปารวิ าสกิภกิ ษุผูออ นนอนกอน ผูแ กกวาจึงนอน, และผอู อนร,ู ราตรีของเธอยอมขาดดวย เปน ทกุ กฏเพราะวตั ตเภทเเกเธอดวย. ฝา ยผูแ กก วา เปนเพยี งรัตติเฉท ไมเ ปนวัตตเภท. ถาผอู อ นไมร,ู ไมเปนวตั ตเภทดวยกนัทง้ั ๒ ฝา ย แตค งเปน รัตตเิ ฉท ถา ท้งั ๒ ฝายนอนไมห ลงั ไมก อ นกัน,ผแู กกวา เปน เพยี งรัตติเฉท. ฝา ยผอู อนเปนท้งั รตั ตเิ ฉท ทั้งวตั ตเภท. ปารวิ าสิกภกิ ษุ ๒ รปู มีพรรษาเทา กัน รูปหนึ่งนอนกอ นรูปหนง่ึรอู ยูเทียว นอนทหี ลัง, ราตรขี องเธอผนู อนทีหลงั ยอ มขาดและเปนทกุ กฏเพราะวตั ตเภทแกเธอดวย. สาํ หรบั ผูน อนกอ น เปน เพียงรัตตเิ ฉทไมเ ปน วัตตเภท. ถาแมผูน อนทหี ลงั ก็ไมรู ไมมวี ตั ตเภทดวยกันทงั้ ๒ฝาย, แตคงเปนรัตติเฉท. หากแมทง้ั ๒ ฝา ยนอนไมห ลงั ไมกอนกัน.เปน รัตตเิ ฉทเทานนั้ ไมเปนวัตตเภทท้งั ๒ ฝา ย. กถ็ าปารวิ าสกิ ภิกษุ ๒ รูปพึงอยดู วยกนั . เธอพงึ รอู ัชฌาจารของกันและกนั จะพึงเปน ผไู มเคารพ หรือมคี วามเดือดรอนแลวตอ งอาบตั ทิ ่ีเลวทรามกวา หรอื สึกเสีย เพราะเหตุนั้น การนอนรว มกนั ของพวกเธอ พระผูม พี ระภาคเจาจึงทรงหามโดยประการทง้ั ปวงฉะนีแ้ ล. คําทเี่ หลอื พงึ ทราบตามนัยท่กี ลาวแลวน่ันแล.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 622
Pages: