Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_08

tripitaka_08

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_08

Search

Read the Text Version

พระวินยั ปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 157 ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ภิกษปุ ระกอบดว ยองค ๕ น้แี ล สงฆพงึระงับอกุ เขปนียกรรม ฐานไมทําคนื อาบัต.ิ หมวดที่ ๓ [๒๖๙] ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๕ แมอ น่ื อีกสงฆพงึ ระงบั อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมท าํ คนื อาบัติ คือ :- ๑. ไมยนิ ดีการกราบไหว ของปกตตั ตะภิกษุ ๒. ไมยนิ ดีการยืนรบั ของปกตตั ตะภกิ ษุ ๓. ไมยนิ ดีอัญชลีกรรม ของปกตตั ตะภกิ ษุ ๔. ไมยินดีสามีจิกรรม ของปกตตั ตะภกิ ษุ ๕. ไมยินดกี ารนาํ อาสนะมาให ของปกตัตตะภกิ ษุ ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภิกษปุ ระกอบดว ยองค ๕ นแ้ี ล สงฆพ ึงระงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมท าํ คนื อาบตั .ิ หมวดที่ ๔ [๒๗๐] ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษุประกอบดวยองค ๕ แมอ่นือกี สงฆพึงระงบั อุกเขปนียกรรม ฐานไมทําคนื อาบตั ิ คือ:- ๑. ไมยินดีการนําทีน่ อนมาให ของปกตตั ตะภิกษุ ๒. ไมย ินดกี ารนําน้าํ ลางเทามาให การตง้ั ตงั่ รองเทา ให ของปกตตั ตะภิกษุ ๓. ไมย ินดีการต้งั กระเบ้อื งเชด็ เทา ให ของปกตตั ตะภกิ ษุ ๔. ไมยินดกี ารรับบาตรจวี ร ของปกตัตตะภกิ ษุ ๕. ไมย ินดกี ารถูหลังใหเ มื่ออาบนาํ้ ของปกตตั ตะภกิ ษุ

พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 158 ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ภกิ ษปุ ระกอบดว ยองค ๕ นี้แล สงฆพ ึงระงบั อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมท าํ คนื อาบตั .ิ หมวดที่ ๕ [๒๗๑] ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๕ แมอื่นอกี สงฆพ ึงระงบั อกุ เขปนียกรรม ฐานไมท าํ คืนอาบตั ิ คือ :- ๑. ไมก าํ จัดปกตตั ตะภกิ ษุ ดวยศีลวบิ ตั ิ ๒. ไมก ําจัดปกตัตตะภิกษุ ดว ยอาจารวิบตั ิ ๓. ไมกาํ จดั ปกตัตตะภกิ ษุ ดว ยทฏิ ฐิวิบัติ ๔. ไมกําจดั ปกตตั ตะภกิ ษุ ดว ยอาชีววิบตั ิ ๕. ไมยภุ ิกษุกับภกิ ษใุ หแตกกัน ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษปุ ระกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล สงฆพ ึงระงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมท ําคนื อาบัต.ิ หมวดที่ ๖ [๒๗๒] ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภิกษุประกอบดว ยองค แมอ่ืนอกี สงฆพึงระงบั อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมทําคนื อาบัติคอื :- ๑. ไมใชเ ครือ่ งนุงหม อยางคฤหัสถ ๒. ไมใชเคร่อื งนงุ หมอยางเดยี รถยี  ๓. ไมค บพวกเดียรถีย ๔. คบพวกภิกษุ ๕. ศึกษาสิกขาของภกิ ษุ

พระวินัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 159 ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ภิกษปุ ระกอบดว ยองค ๕ น้แี ล สงฆพ งึระงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมทําคนื อาบตั ิ. หมวดที่ ๗ [๒๗๓] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ภกิ ษปุ ระกอบดวยองค ๕ แมอ่ืนอกี สงฆพ ึงระงบั อุกเขปนยี กรรม ฐานไมทําคนื อาบตั ิ คอื :- ๑. ไมอ ยใู นอาวาสมีเครอื่ งมุงเดียวกันกบั ปกตัตตะภกิ ษุ ๒. ไมอ ยูในอนาวาสมีเครอ่ื งมุงเดยี วกนั กับปกตัตตะภกิ ษุ ๓. ไมอยใู นอาวาส หรอื ในอนาวาส มเี ครือ่ งมงุ เดียวกนั กับ ปกตตั ตะภิกษุ ๔. เหน็ ปกตตั ตะภิกษุแลว ลกุ จากอาสนะ ๕. ไมรกุ รานปกตตั ตะภกิ ษุ ขางในหรือขา งนอกวิหาร ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๕ นแี้ ล สงฆพงึระงับอุกเขปนยี กรรม ฐานไมทาํ คืนอาบตั .ิ หมวดท่ี ๘ [๒๗๔] ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษปุ ระกอบดว ยองค ๘ แมอื่นอกี สงฆพ งึ ระงบั อกุ เขปนียกรรม ฐานไมท าํ คนื อาบัติ คือ :- ๑. ไมห า มอุโบสถแกป กตัตตะภิกษุ ๒. ไมหามปวารณาแกป กตตั ตะภกิ ษุ ๓. ไมท ําการไตส วน ๔. ไมเ รมิ่ อนุวาทาธกิ รณ ๕. ไมย ังภิกษอุ ่ืนใหท ําโอกาส

พระวินยั ปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 160 ๖. ไมโจทภิกษอุ ่นื ๗. ไมใหภิกษอุ ่นื ใหก าร ๘. ไมช วยภิกษกุ ับภกิ ษุใหส ูอ ธกิ รณก นั ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษปุ ระกอบดวยองค ๘ นี้แล สงฆพ ึงระงบั อกุ เขปนียกรรม ฐานไมท ําคนื อาบตั ิ. วัตรที่ควรระงบั ๔๓ ขอ ๘ หมวด ในอุกเขปนยี กรรม ฐานไมท าํ คนื อาบตั ิ จบ วิธีระงบั อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมท ําคนื อาบตั ิ [๒๗๕] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย กแ็ ล วิธีระงบั อกุ เขปนยี กรรมฐานไมท าํ คนื อาบตั ิ พึงระงับอยา งนี้ ภิกษฉุ นั นะนนั้ พงึ เขาไปหาสงฆ หมผาอุตราสงคเฉวยี งบา ไหวเทา ภกิ ษุผแู กกวา น่ังกระโหยง ประคองอัญชลี แลว กลาวคาํ ขอระงบักรรมน้นั อยา งนี้ วาดังนี้ :- คาํ ขอระงับอุกเขปนยี กรรม ฐานไมคนื อาบตั ิ ทา นเจาขา ขา พเจาถูกสงฆลงอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมทําคนื อาบตั ิ แลวประพฤตโิ ดยชอบ หายเยอ หยงิ่ ประพฤติแกต ัวได ขา พเจา ขอระงบั อกุ เขปนียกรรม ฐานไมท ําคืนอาบัติ

พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 161 พึงขอแมค ร้งั ทีส่ อง พึงขอแมครง้ั ทส่ี าม ภกิ ษุผฉู ลาด ผูสามารถ พงึ ประกาศใหสงฆทราบดว ยญัตติจตุตถ-กรรมวาจา วาดังน้:ี - กรรมวาจาระงับอกุ เขปนียกรรม ฐานไมท ําคืนอาบัติ ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟงขาพเจา พระฉนั นะน้ี ถูกสงฆล งอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมท ําคืนอาบัติแลว ประ- พฤตโิ ดยชอบ หายเยอหย่งิ ประพฤติแกต วั ได บดั น้ี ขอระงับอุกเขปนยี กรรม ฐานไมท าํ คืนอาบัติ ถาความ พรอ มพรั่งของสงฆถึงที่แลว สงฆพ งึ ระงับอกุ เขปนยี - กรรม ฐานไมท าํ คืนอาบัติแกพ ระฉันนะ นี้เปน ญตั ติ ทา นเจาขา พระฉันนะนี้ถูกสงฆลงอกุ เขปนียกรรม ฐานไมทําคนื อาบัตแิ ลว ประพฤตโิ ดยชอบ หายเยอหยิง่ ประพฤตแิ กต ัวได บัดน้ี ขอระงบั อกุ เขปนียกรรม ฐาน ไมท าํ คืนอาบัติ สงฆระงบั อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมทําคืน อาบัติแกพระฉันนะ การระงับอุกเขปนยี กรรม ฐานไมทํา อาบตั ิคืนแกพ ระฉนั นะ ชอบแกท า นผูใ ด ทา นผนู ้ันพึงน่ิง ไมช อบแกทานผใู ด ทา นผูนั้นพึงพูด

พระวนิ ัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 162 ขาพเจากลาวความนแ้ี มครง้ั ท่สี อง.... ขา พเจากลาวความน้ีแมครั้งทสี่ าม ทานเจาขา ขอสงฆจงฟง ขาพเจา พระฉันนะนี้ ถูกสงฆล งอุกเขปนยี กรรมฐานไมท าํ คืนอาบัตแิ ลว ประพฤตโิ ดยชอบ หายเยอ หย่งิประพฤติแกตัวได บัดนี้ขอระงับอุกเขปนียกรรม ฐานไมทําคนื อาบตั ิ สงฆร ะงับอเุ ขปนียกรรม ฐานไมท าํ คนือาบตั แิ กพระฉนั นะ การระงบั อุกเขปนยี กรรม ฐานไมทาํ คนื อาบตั แิ กพ ระฉนั นะ ชอบแกทานผูใด ทา นผูนน้ัพึงเปน ผูนงิ่ ไมชอบแกท า นผใู ด ทานผนู น้ั พึงพดู อุกเขปนยี กรรม ฐานไมทําคืนอาบัติ อันสงฆระงับแลวแกพ ระฉนั นะ ชอบแกส งฆ เหตนุ ้นั จึงนิง่ ขา พเจาทรงความนี้ไวอ ยางน้.ี อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมทําคนื อาบัติ ท่ี ๖ จบ

พระวินัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 163 อุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ ันเปน บาป เร่ืองพระอรฏิ ฐะ [๒๗๖] สมยั นน้ั พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ประทับอยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบิณฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครัง้ นน้ัพระอรฏิ ฐะผเู กิดในตระกลู พรานแรง มที ฏิ ฐอิ นั เปน บาปเห็นปานนี้เกดิ ขน้ึวา เรารทู ั่วถึงธรรมทพ่ี ระผูม พี ระภาคเจาทรงแสดงแลว โดยประการที่ตรสั วา เปน ธรรมทาํ อันตราย ธรรมเหลา น้นั หาอาจทําอนั ตรายแกผเู สพไดจ ริงไม, ภกิ ษหุ ลายรปู ดว ยกันไดทราบขา ววา พระอริฏฐะผเู กดิ ในตระกลู พรานแรง มที ิฏฐอิ นั เปนบาปเหน็ ปานน้เี กดิ ขึน้ วา เรารูทัว่ ถึงธรรมทพ่ี ระผูมีพระภาคเจา ทรงแสดงแลว โดยประการทีต่ รัสวา เปน ธรรมทําอนั ตรายธรรมเหลา น้ันหาอาจทําอันตรายแกผูเสพไดจรงิ ไม แลวพากนั เขาไปหาพระอริฏฐะผเู กิดในตระกลู พรานแรง ถามวา อาวุโสอริฏฐะ ไดยินวา ทา นมที ิฏฐิอนั เปนบาปเห็นปานนี้เกิดขึน้ วา ขา พเจา รทู ่ัวถงึ ธรรมท่ีพระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงแลว โดยประการท่ตี รัสวา เปน ธรรมทาํอนั ตรายธรรมเหลา นั้นหาอาจทําอนั ตรายแกผ ูเ สพไดจ รงิ ไมด ังน้ี จริงหรอื ? พระอริฏฐะตอบวา จรงิ เหมือนอยา งนั้นแล อาวุโสท้ังหลายผมรูท่ัวถึงธรรมทพ่ี ระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงแลว โดยประการทตี่ รัสวาเปนธรรมทําอันตราย ธรรมเหลาน้ันหาอาจทําอนั ตรายแกผ เู สพไดจรงิ ไม. ภิกษุทงั้ หลายกลาวหา มวา อาวุโสอริฏฐะ ทานอยาไดพ ดู เชนนั้นทานอยาไดก ลาวตูพระผมู พี ระภาคเจา การกลา วตูพ ระผมู ีพระภาคเจาไมดี

พระวนิ ยั ปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 164แน พระผมู พี ระภาคเจา ไมไ ดตรัสอยางนน้ั เลย พระผูม ีพระภาคเจาตรัสธรรมอนั ทาํ อนั ตรายไวโดยปริยายเปน อนั มาก กแ็ ลธรรมเหลา นั้นอาจทําอันตรายแกผ ูเสพไดจ ริง กามท้งั หลายพระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา มคี วามยินดนี อ ย มีทุกขม าก มคี วามคับแคนมาก โทษในกามทั้งหลายนม้ี ากยิ่งนัก กามท้ังหลายพระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา เปรยี บเหมือนรางกระดกู มีทกุ ขมาก มีความคบั แคนมาก โทษในกามท้ังหลายนม้ี ากยง่ิ นกั กามท้ังหลายพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา เปรยี บเหมือนชิ้นเน้ือ..... กามทง้ั หลายพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา เปรียบเหมือนคบหญา ....กามทัง้ หลายพระผูมีพระภาคเจาตรสั วา เปรยี บเหมอื นหลมุ ถานเพลิง....กามทั้งหลายพระผูม ีพระภาคเจาตรสั วา เปรยี บเหมือนความฝน....กามทัง้ หลาย พระผูมพี ระ-ภาคเจาตรัสวา เปรยี บเหมอื นของยมื .....กามทง้ั หลายพระผูมีพระภาคเจาตรสั วาเปรยี บเหมอื นผลไม. ......กามทั้งหลายพระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วาเปรียบเหมือนเขียงสาํ หรบั สับเนอ้ื ....กามทั้งหลายพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวาเปรียบเหมอื นหอกและหลาว .....กามทง้ั หลายพระผูมพี ระภาคเจาตรสั วาเปรียบเหมือนศรี ษะงู มที ุกขมาก มคี วามคับแคน มาก โทษในกามทั้งหลายนมี้ ากย่ิงนัก พระอริฏฐะผูเกดิ ในตระกูลพรานแรง แมอ ันภิกษเุ หลานน้ั วา กลา วอยอู ยา งนี้ กย็ ังยดึ ถอื ทิฏฐอิ ันเปนบาปนนั้ ดวยความยดึ ถือม่ันอยางเดมิ กลา วยนื ยนั วา ผมกลาวอยา งนั้นจริง ทา นท้งั หลายผมรูทั่วถึงธรรมที่พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงแลว โดยประการท่ตี รัสวา เปน ธรรมทําอันตรายธรรมเหลานนั้ หาอาจทําอันตรายแกผเู สพไดจ ริงไม

พระวินัยปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 165 ก็เพราะเหตุทภ่ี ิกษเุ หลาน้ัน ไมอาจเปลอื้ งพระอรฏิ ฐะผูเ กดิ ในตระกลูพรานแรงจากทิฏฐิอนั เปนบาปน้ันได ภิกษเุ หลา นั้นจงึ เขาไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจา แลว กราบทลู เรอ่ื งน้ันแดพระผมู พี ระภาคเจา ประชุมสงฆทรงสอบถาม [ ๒๗๗] ลําดบั นนั้ พระผูมพี ระภาคเจารบั สงั่ ใหป ระชุมภิกษุสงฆในเพราะเหตุเปนเคามูลนนั้ ในเพราะเหตุแรกเกดิ นน้ั แลว ทรงสอบถามพระอรฏิ ฐะ ผูเกดิ ในตระกลู พรานแรงวา ดูกอนอริฏฐะ ไดย ินวา เธอมีทิฏฐอิ นั เปน บาปเห็นปานนีเ้ กิดขึน้ วา เรารูท ่ัวถึงธรรมทีพ่ ระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงแลว โดยประการท่ีตรสั วา เปน ธรรมทาํ อนั ตราย ธรรมเหลานัน้หาอาจทําอันตรายแกผ ูเสพไดจริงไม ดงั นี้ จรงิ หรือ? พระอรฏิ ฐะทลู รบั วา ขา พระพทุ ธเจา กลาวอยา งนน้ั จรงิ พระพทุ ธเจา ขา ขาพระพทุ ธเจารูถงึ ธรรมทพ่ี ระองคท รงแสดงแลว โดยประการที่ตรัสวา เปนธรรมทําอันตราย ธรรมเหลานั้นหาอาจทาํ อันตรายแกผูเสพไดจริงไม. ทรงตเิ ตยี น พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นโมฆบรุ ษุ เพราะเหตไุ ร เธอจึงเขา ใจธรรมท่เี ราแสดงแลว อยางนน้ั เลา เรากลาวธรรมอนั ทาํ อันตรายไวโดยปรยิ ายเปน อันมากมิใชหรอื และธรรมเหลาน้นั อาจทาํ อันตรายแกผเู สพ

พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาที่ 166ไดจ รงิ กามท้งั หลายเรากลาววา มคี วามยนิ ดีนอย มที กุ ขม าก มคี วามคบั แคน มาก โทษในกามท้ังหลายนี้มากยงิ่ นัก กามท้งั หลายเรากลาววาเปรียบเหมอื นรางกระดกู มที กุ ขมาก มคี วามคบั แคนมาก โทษในกามท้งั หลายนม้ี ากย่ิงนัก กามทั้งหลายเรากลาววา เปรยี บเหมือนช้ินเนอ้ื ....กามทง้ั หลายเรากลา ววา เปรียบเหมอื นคบหญา .... กามทงั้ หลายเรากลา ววาเปรียบเหมอื นหลุมถา นเพลิง..... กามทงั้ หลายเรากลา ววา เปรยี บเหมือนความฝน.... กามทั้งหลายเรากลา ววา เปรียบเหมือนของยมื .... กามท้ังหลายเรากลา ววา เปรียบเหมอื นผลไม.... กามทั้งหลายเรากลา ววา เปรียบเหมอื นเขียงสําหรบั สบั เนอื้ .... กามทั้งหลายเรากลาววา เปรยี บเหมอื นหอกและหลาว...... กามทั้งหลายเรากลาววา เปรยี บเหมือนศรี ษะงู มีทุกขมากมคี วามคบั แคน มาก โทษในกามท้ังหลายน้ีมากย่งิ นกั เมือ่ เปน เชน นน้ัเธอชอื่ วา กลา วตเู ราดว ยทฏิ ฐทิ ีต่ นยดึ ถอื ไวผิด ชอ่ื วา ทําลายตนเอง และชอื่วาประสพบาปมิใชบ ุญมาก ขอนัน้ แหละจักเปนไปเพื่อความไมเ กือ้ กูลเพอ่ืทุกขแกเธอ ตลอดกาลนาน ดกู อ นโมฆบุรษุ การกระทําของเธอน่นั ไมเ ปน ไปเพอ่ื ความเลอ่ื มใสของชมุ ชนท่ียังไมเลอื่ มใส หรือเพือ่ ความเล่ือมใสย่งิ ของชุมชนที่เลอ่ื มใสแลว .....ครนั้ แลวทรงทาํ ธรรมีกถา รบั สง่ั กะภิกษุทงั้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย เพราะเหตุน้นั แล สงฆจ งทําอุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐิอนั เปน บาปแกภ ิกษุอรฏิ ฐะผเู กิดในตระกลู พรานแรง คือ หามสมโภคกบัสงฆ.

พระวินยั ปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาที่ 167 วิธีลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปน บาป [๒๗๘] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย กแ็ ล วิธลี งอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอันเปน บาป พึงทาํ อยา งนี้ คือ พึงโจทภกิ ษุอรฏิ ฐะผูเกิดในตระกลู พรานแรง กอ น ครนั้ แลวพงึ ใหเ ธอใหก าร แลว พึงปรบั อาบตั ิคร้นั แลวภิกษุผฉู ลาด ผสู ามารถพึงประกาศใหส งฆทราบดว ยญตั ติจตตุ ถ-กรรมวาจาวาดังน้ี :-กรรมวาจาทําอุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปน บาป ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา พเจา ภิกษอุ รฏิ ฐะผู เกดิ ในตระกลู พรานแรง มีทฏิ ฐิอนั เปน บาปเห็นปานน้เี กิด ข้ึนวา เรารทู ัว่ ถงึ ธรรมท่ีพระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงแลว โดยประการท่ตี รัสวา เปน ธรรมทําอันตราย ธรรมเหลา นน้ั หาอาจทาํ อนั ตรายแกผ ูเ สพไดจ รงิ ไม ดังนี้เธอไมย อมสละ ทิฏฐนิ น้ั ถา ความพรอมพร่ังของสงฆถึงท่แี ลว สงฆพงึ ทาํ อกุ เขปนียกรรม ฐานไมละทฏิ ฐอิ นั เปนบาปแกภ กิ ษอุ รฏิ ฐะ ผเู กิดในตระกลู พรานแรง คือ หา มสมโภคกบั สงฆ นเ้ี ปน ญัตติ ทานเจาขา ขอสงฆจ งฟง ขา พเจา ภิกษุอริฏฐะผู เกิดในตระกูลพรานแรง มที ิฏฐอิ ันเปนบาปเหน็ ปานน้ีเถิด ขึ้นวา เรารูท วั่ ถงึ ธรรมทีพ่ ระผูมีพระภาคเจา ทรงแสดงแลว โดยประการทตี่ รสั วา เปน ธรรมทาํ อันตราย ธรรมเหลา

พระวินยั ปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 168น้ันหาอาจทาํ อันตรายแกผ เู สพไดจรงิ ไม ดังนเ้ี ธอไมย อมสละทิฏฐนิ นั้ สงฆท าํ อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปน บาปแกภกิ ษอุ ริฏฐะผูเ กดิ ในตระกูลพรานแรง คือหา มสมโภคกบั สงฆ การทาํ อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาปแกภ ิกษุอรฏิ ฐะผเู กิดในตระกูลพรานแรงคอื หามสมโภคกับสงฆ ชอบแกท านผูใด ทา นผูน้นั พงึเปนผนู ่ิง ไมชอบแกทานผูใ ด ทา นผนู ั้นพงึ พูด ขา พเจา กลา วความน้แี มคร้งั ทส่ี อง.... ขาพเจา กลาวควานนี้แมครง้ั ทสี่ าม ทานเจาขา ขอสงฆจงฟงขาพเจา ภิกษอุ รฏิ ฐะผูเ กดิ ในตระกลู พรานแรงมที ฏิ ฐิอันเปนบาปเหน็ ปานน้ีเกิดข้ึนวา เรารูท่ัวถึงธรรมท่ีพระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงแลว โดยประการที่ตรสั วาเปน ธรรมทําอนั ตราย ธรรมเหลา นัน้ หาอาจทาํ อันตรายแกผเู สพไดจ รงิ ไม ดงั นี้ เธอไมยอมสละทฏิ ฐินนั้ สงฆทําอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ ันเปนบาปแกภ กิ ษุอริฏฐะผูเกิดในตระกลู พรานแรง คือ หา มสมโภคกบั สงฆการทําอุกเขปนียกรรม ฐานไมสะทิฏฐิอนั เปนบาปแกภกิ ษอุ ริฏฐะผูเ กดิ ในตระกลู พรานแรง คือ หามสมโภคกับสงฆ ชอบแกท านผใู ด ทานผูนนั้ พงึ เปน ผนู ิ่ง ไมช อบแกทา นผใู ด ทา นผูน ้ันพึงพูด

พระวินยั ปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 169 อุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปนบาป อนั สงฆทําแลว แกภกิ ษอุ ริฏฐะผูเ กดิ ในตระกูลพรานแรง คือ หามสมโภคกบั สงฆ ชอบแกส งฆ เหตุนั้นจงึ น่ิง ขา พเจา ทรงความนไี้ วอยา งน้ี ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย พวกเธอจงบอกภกิ ษทุ ่ีอยใู นอาวาสตอๆ ไปวาภิกษอุ ริฏฐะผูเ กดิ ในตระกูลพรานแรง อันสงฆท าํ อุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาปแลว คอื หา มสมโภคกับสงฆ. ลักษณะกรรมไมเ ปนธรรม ๑๒ หมวด หมวดที่ ๑ [๒๗๙] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปน บาป ที่ประกอบดว ยองค ๓ เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเปน วนิ ัยและระงับแลวไมด ี คอื ทาํ ลับหลงั ๑ ไมส อบถามกอนแลวทํา ๑ ทาํ ไมตามปฏิญาณ ๑ ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐเิ ปน บาป ท่ีประกอบดว ยองค ๓ น้แี ล เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเปนวินยั และระงับแลวไมด .ี หมวดที่ ๒ [๒๘๐] ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ นัเปน บาป ที่ประกอบดวยองค ๓ แมอ ่นื อีก เปนกรรมไมเปน ธรรม ไม

พระวนิ ยั ปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาที่ 170เปนวินยั และระงับแลวไมดี คอื ทําเพราะไมต องอาบตั ิ ๑ ทําเพราะอาบตั มิ ิใชเปน เทสนาคามนิ ี ๑ ทาํ เพราะอาบตั ทิ ีแ่ สดงแลว ๑ ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาปท่ปี ระกอบดว ยองค ๓ นแี้ ล เปนกรรมไมเปน ธรรม ไมเปนวนิ ยั และระงับแลว ไมด ี. หมวดท่ี ๓ [ ๒๘๑] ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปนบาป ท่ีประกอบดว ยองค ๓ แมอ นื่ อกี เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเปน วินยั และระงบั แลวไมดี คอื ไมโ จทกอ นแลวทาํ ๑ ไมใ หจ าํ เลยใหก ารกอ นแลว ทาํ ๑ ไมป รับอาบตั ิแลวทาํ ๑ ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปน บาปทป่ี ระกอบดวยองค ๓ นแ้ี ล เปนกรรมไมเ ปน ธรรม ไมเ ปนวินัย และระงบัแลวไมด ี. หมวดที่ ๔ [๒๘๒] ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ นัเปน บาป ทปี่ ระกอบดวยองค ๓ แมอ ืน่ อีก เปนกรรมไมเปน ธรรม ไมเปนวนิ ยั และระงับแลวไมด ี ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปน บาปท่ีประกอบดว ยองค ๓ น้แี ล เปนกรรมไมเปนธรรม ไมเปน วินยั และระงับแลวไมด.ี

พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 171 หมวดที่ ๕ [๒๘๓] ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ นัเปนบาป ท่ีประกอบดว ยองค ๓ แมอ ่ืนอกี เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเปนวนิ ัย และระงับแลว ไมดี คือ ไมส อบถามกอ นแลว ทาํ ๑ ทาํ โดยไมเปนธรรม สงฆเ ปนวรรคทํา ๑ ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปนบาปท่ีประกอบดวยองค ๓ น้แี ล เปนกรรมไมเปนธรรม ไมเปนวนิ ัย และระงับแลวไมด ี. หมวดท่ี ๖ [๒๘๔] ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอนัเปนบาป ที่ประกอบดว ยองค ๓ แมอนื่ อกี เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเปนวนิ ัย และระงบั แลว ไมด ี คือ ไมทําตามปฏญิ าณ ๑ ทาํ โดยไมเปนธรรม ๑ สงฆเ ปน วรรคทํา ๑ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ ันเปนบาปทป่ี ระกอบดวยองค ๓ นี้แล เปนกรรมไมเปน ธรรม ไมเ ปนวินยั และระงบั แลวไมดี. หมวดท่ี ๗ [๒๘๕] ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปน บาป ที่ประกอบดวยองค ๓ แมอ่ืนอีก เปน กรรมไมเปน ธรรม ไมเปนวินยั และระงบั แลว ไมดี คอื ทําเพราะไมตอ งอาบัติ ๑ ทาํ โดยไมเ ปนธรรม ๑ สงฆเ ปนวรรคทํา ๑

พระวินยั ปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 172 ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปน บาปท่ีประกอบดวยองค ๓ นแ้ี ล เปน กรรมไมเปน ธรรม ไมเ ปนวินัย และระงับแลว ไมด .ี หมวดที่ ๘ [๒๘๖] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ ันเปน บาป ทีป่ ระกอบดว ยองค ๓ แมอ่ืนอกี เปน กรรมไมเปนธรรม ไมเปน วนิ ัย และระงบั แลว ไมดี คือ ทาํ เพราะอาบตั มิ ใิ ชเ ปนเทสนาคามินี ๑ทําโดยไมเ ปนธรรม ๑ สงฆเ ปนวรรคทาํ ๑ ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ นั เปนบาปทปี่ ระกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปนกรรมไมเปน ธรรม ไมเปน วนิ ัย และระงบั แลวไมด ี. หมวดท่ี ๙ [๒๘๗] ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปน บาป ทปี่ ระกอบดวยองค ๓ แมอ น่ื อีก เปน กรรมไมเปน ธรรม.ไมเ ปน วินัย และระงับแลวไมดี คือ ทําเพราะอาบัติท่ีแสดงแลว ๑ ทาํโดยไมเ ปนธรรม ๑ สงฆเ ปน วรรคทํา ๑ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ นั เปน บาปทีป่ ระกอบดวยองค ๓ นแี้ ล เปนกรรมไมเ ปนธรรม ไมเ ปน วินัย และระงบั แลวไมด ี. หมวดที่ ๑๐ [๒๘๘] ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปน บาป ทีป่ ระกอบดวยองค ๓ แมอ่นื อกี เปน กรรมไมเปน ธรรม

พระวนิ ัยปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 173ไมเปน วนิ ยั และระงบั แลวไมด ี คือ ไมโจทกอนแลวทาํ ๑ ทําโดยไมเปนธรรม ๑ สงฆเ ปนวรรคทํา ๑ ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ นั เปน บาปท่ปี ระกอบดว ยองค ๓ นีแ้ ล เปน กรรมไมเปนธรรม ไมเปน วนิ ยั และระงับแลว ไมด.ี หมวดท่ี ๑๑ [๒๘๙] ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปน บาป ที่ประกอบดวยองค ๓ แมอ นื่ อกี เปน กรรมไมเ ปนธรรมไมเ ปนวนิ ัย และระงับแลวไมดี คอื ไมใ หจ ําเลยใหก ารกอนแลวทํา ๑ทําโดยไมเปน ธรรม สงฆเปนวรรคทาํ ๑ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ ันเปน บาปท่ีประกอบดว ยองค ๓ นแ้ี ล เปนกรรมไมเปน ธรรม ไมเ ปนวินยั และระงับแลว ไมด.ี หมวดท่ี ๑๒ [๒๙๐] ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอนั เปนบาป ที่ประกอบดว ยองค ๓ แมอ่นื อีก เปน กรรมไมเ ปนธรรมไมเปน วินัย และระงบั แลว ไมด ี คอื ไมป รับอาบตั ิแลวทาํ ๑ ทาํ โดยไมเปน ธรรม ๑ ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ นั เปนบาปที่ประกอบดว ยองค ๓ นแ้ี ล เปน กรรมไมเ ปนธรรม ไมเ ปนวนิ ยั และระงบั แลวไมด .ี

พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 174 ลักษณะกรรมไมเ ปนธรรม ๑๒ หมวด ในอกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปนบาป จบ ลกั ษณะกรรมเปน ธรรม ๑๒ หมวด หมวดที่ ๑ [๒๙๑] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปน บาป ท่ีประกอบดว ยองค ๓ แมอ่นื อกี เปน กรรมเปนธรรม เปนวนิ ัย และระงบั ดีแลว คอื ทาํ ตอ หนา ๑ สอบถามกอนแลว ทํา ๑ ทาํตามปฏญิ าณ ๑ ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาปที่ประกอบดวยองค ๓ น้ีแล เปน กรรมเปน ธรรม เปนวินยั และระงบัดแี ลว . หมวดท่ี ๒ [๒๙๒] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปน บาป ทีป่ ระกอบดว ยองค ๓ แมอ น่ื อกี เปนกรรมเปนธรรมเปนวินยั และระงบั ดีแลว คอื ทําเพราะตอ งอาบตั ิ ๑ ทาํ เพราะอาบัติเปน เทสนาคามนิ ี ๑ ทาํ เพราะอาบัตทิ ีย่ ังมไิ ดแ สดง ๑ ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ ันเปนบาปทีป่ ระกอบดวยองค ๓ น้แี ล เปนกรรมเปนธรรม เปนวนิ ัย และระงับดีแลว .

พระวินัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 175 หมวดที่ ๓ [๒๙๓] ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปนบาป ทปี่ ระกอบดว ยองค. ๓ แมอน่ื อกี เปน กรรมเปนธรรมเปนวนิ ัย และระงับดแี ลว คอื โจทกอนแลวทํา ๑ ใหจาํ เลยใหก ารกอนแลวทํา ๑ ปรับอาบัติแลวทํา ๑ ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปน บาปทป่ี ระกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปนกรรมเปนธรรม เปนวินัย และระงบัดแี ลว. หมวดท่ี ๔ [๒๙๔] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอนั เปนบาป ทปี่ ระกอบดวยองค ๓ แมอน่ื อกี เปน กรรมเปนธรรมเปน วินยั และระงบั ดีแลว คอื ทําตอหนา ๑ ทาํ โดยธรรม ๑ สงฆพรอมเพรียงกันทํา ๑ ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอนั เปนบาปท่ปี ระกอบดวยองค ๓ น้แี ล เปน กรรมเปน ธรรม เปนวนิ ัย และระงับดแี ลว . หมวดท่ี ๕ [๒๙๕] ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปนบาป ท่ปี ระกอบดวยองค ๓ แมอน่ื อีก เปน กรรมเปนธรรมเปน วนิ ัย และระงับดีแลว คือ สอบถามกอ นแลวทาํ ๑ ทาํ โดยธรรม ๑สงฆพ รอมเพรียงกันทาํ ๑

พระวนิ ยั ปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 176 ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปนบาปท่ีประกอบดวยองค ๓ นแ้ี ล เปน กรรมเปน ธรรม เปนวนิ ัย และระงับดีแลว . หมวดท่ี ๖ [๒๙๖] ดูกอนภิกษุท้งั หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปน บาป ทปี่ ระกอบดวยองค ๓ แมอืน่ อกี เปน กรรมเปนธรรมเปน วินัย และระงับดแี ลว คอื ทําตามปฏิญาณ ๑ ทาํ โดยธรรม ๑สงฆพ รอ มเพรียงกันทํา ๑ ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐิอนั เปน บาปที่ประกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปน กรรมเปนธรรม เปน วนิ ัย และระงบัดีแลว . หมวดที่ ๗ [๒๙๗] ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปนบาป ที่ประกอบดว ยองค ๓ แมอน่ื อีก เปน กรรมเปน ธรรม เปนวินัย และระงับดแี ลว คอื ทําเพราะตอ งอาบัติ ๑ ทําโดยธรรม ๑ สงฆพรอ มเพรียงกันทาํ ๑ ดูกอนภิกษุท้งั หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ นั เปนบาปที่ประกอบดวยองค ๓ นแ้ี ล เปนกรรมเปน ธรรม เปน วนิ ยั และระงบัดแี ลว .

พระวินัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 177 หมวดที่ ๘ [๒๙๘] ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปนบาป ท่ีประกอบดว ยองค ๓ นแี้ ล แมอน่ื อกี เปนกรรมเปนธรรมเปนวินัย และระงบั ดแี ลว คือ ทาํ เพราะอาบตั เิ ปนเทสนาคามนิ ี ๑ ทาํโดยธรรม ๑ สงฆพ รอมเพรียงกนั ทํา ๑ ดกู อนภิกษุทั้งหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ นั เปน บาปท่ปี ระกอบดว ยองค ๓ นแ้ี ล เปนกรรมเปนธรรม เปน วนิ ยั และระงบัดแี ลว. หมวดที่ ๙ [๒๙๙] ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปนบาป ทปี่ ระกอบดว ยองค ๓ แมอ ่ืนอีก เปนกรรมเปนธรรมเปนวนิ ยั และระงับดแี ลว คอื ทําเพราะอาบัติมไิ ดแ สดง ๑ ทาํ โดยธรรม ๑ สงฆพรอมเพรียงกันทาํ ๑ ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาปท่ีประกอบดว ยองค ๓ น้แี ล เปน กรรมเปนธรรม เปนวินยั และระงบัดีแลว . หมวดท่ี ๑๐ [๓๐๐] ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปน บาป ท่ีประกอบดวยองค ๓ แมอน่ื อีก เปนกรรมเปนธรรมเปน วนิ ยั และระงับดแี ลว คอื โจทกอ นแลวทาํ ๑ ทําโดยธรรม ๑สงฆพ รอมเพรยี งกนั ทาํ ๑

พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 178 ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปน บาปท่ปี ระกอบดว ยองค ๓ น้ีแล เปน กรรมเปนธรรม เปนวนิ ัย และระงบัดแี ลว . หมวดท่ี ๑๑ [๓๐๑] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย อุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปน บาป ท่ีประกอบดวยองค ๓ แมอนื่ อีก เปนกรรมเปน ธรรม เปนวินัย และระงับดแี ลว คอื ใหจาํ เลยใหก ารกอนแลวทาํ ๑ ทาํ โดยธรรม๑ สงฆพรอมเพรียงกนั ทํา ๑ ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ นั เปน บาปที่ประกอบดวยองค ๓ น้ีแล เปน กรรมเปน ธรรม เปนวนิ ัย และระงับดแี ลว. หมวดที่ ๑๒ [๓๐๒] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปนบาป ท่ปี ระกอบดวยองค ๓ แมอื่นอกี เปนกรรมเปนธรรมเปนวนิ ัย และระงับดแี ลว คือปรับอาบตั ิแลว ทาํ ๑ ทาํ โดยธรรม ๑สงฆพรอมเพรียงกันทํา ๑ ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย อกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปน บาปที่ประกอบดวยองค ๓ นี้แล เปนกรรมเปนธรรม เปน วินัย และระงับดีแลว. ลักษณะกรรมเปน ธรรม ๑๒ หมวด ในอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปนบาป จบ

พระวินัยปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 179 ขอ ท่ีสงฆจ าํ นง ๖ หมวด หมวดที่ ๑ [๓๐๓] ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๓ เม่ือสงฆจาํ นงจะพงึ ลงอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปนบาป คอื เปน ผูกอความบาดหมาง กอ การทะเลาะ กอการวิวาท ทาํ ความอ้ือฉาว กออธิกรณในสงฆ ๑ เปน พาล ไมฉลาด มอี าบตั มิ าก มีมารยาทไมส มควร ๑ อยูคลุกคลกี บั คฤหัสถดว ยการคลกุ คลอี ันไมสมควร ๑ ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ภกิ ษปุ ระกอบดวยองค ๓ นแ้ี ล เมือ่ สงฆจ าํ นงพงึ ลงอกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาป. หมวดที่ ๒ [๓๐๔] ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๓ แมอ ่นื อีกเมื่อสงฆจ ํานงพึงลงอกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปน บาป คอืเปนผูมีศลี วิบตั ใิ นอธิศลี ๑ เปน ผมู อี าจารวบิ ตั ิ ในอัธยาจาร ๑ เปนผมู ีทฏิ ฐวิ ิบตั ิ ในอติทฏิ ฐิ ๑ ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุประกอบดวยองค ๓ น้แี ล เมื่อสงฆจาํ นงพงึ ลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ ันเปนบาป. หมวดที่ ๓ [๓๐๕] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษุประกอบดวยองค ๓ แมอ ่ืนอีกเม่อื สงฆจ ํานงพงึ ลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ นั เปนบาป คอืกลาวตเิ ตยี นพระพุทธเจา ๑ กลา วตเิ ตียนพระธรรม ๑ กลา วติเตียนพระ-สงฆ ๑

พระวนิ ยั ปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 180 ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุประกอบดวยองค ๓ น้ีแล เมือ่ สงฆจ ํานงพงึ ลงอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปน บาป. หมวดที่ ๔ [๓๐๖] ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย เมอ่ื สงฆจํานงพึงลงอุกเขปนยี กรรมฐานไมสละทิฏฐอิ นั เปน บาป แกภิกษุ ๓ รปู คือ รูปหนงึ่ เปนผกู อ ความบาดหมาง กอ การทะเลาะ กอการวิวาท ทาํ ความอ้ือฉาว กออธกิ รณในสงฆ รปู หนง่ึ เปน พาล ไมฉลาด มีอาบัติมาก มมี รรยาทไมส มควร รูปหนึ่งอยูคลกุ คลกี บั คฤหัสถ ดวยการคลกุ คลีอันไมส มควร ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เมอ่ื สงฆจ ํานงพึงลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐิอนั เปนบาป แกภกิ ษุ ๓ รปู น้ีแล. หมวดท่ี ๕ [๓๐๗] ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย เมอื่ สงฆจํานงพึงลงอกุ เขปนียกรรมฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาป แกภกิ ษุ ๓ รูป แมอ่ืนอกี คอื รปู หนึ่งเปน ผมู ีศีลวิบัติในอธศิ ลี รูปหน่งึ เปน ผูมีอาจารวิบัติ ในอัธยาจาร รูปหนงึ่ เปน ผูมที ฏิ ฐวิ บิ ตั ิ ในอตทิ ฏิ ฐิ ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เมือ่ สงฆจ ํานงพงึ ลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ นั เปนบาป แกภ ิกษุ ๓ รูปน้แี ล. หมวดที่ ๖ [๓๐๘] ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย เม่ือสงฆจาํ นงพึงลงอุกเขปนยี กรรมฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปน บาป แกภกิ ษุ ๓ รูป แมอ นื่ อีก คอื รูปหน่งึ

พระวินัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 181กลาวตเิ ตียนพระพุทธเจา รูปหน่งึ กลาวติเตยี นพระธรรม รูปหนึ่งกลา วติเตยี นพระสงฆ ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย เมือ่ สงฆจาํ นงพึงลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐิอนั เปน บาป แกภ กิ ษุ ๓ รูปนีแ้ ล. ขอ ท่สี งฆจ าํ นง ๖ หมวด ในอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอนั เปน บาป จบ วตั ร ๑๘ ขอ [๓๐๙] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ภิกษุถกสงฆล งอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปน บาปแลว ตอ งประพฤตโิ ดยชอบ วธิ ีประพฤตชิ อบในอุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ ันเปน บาปน้ัน ดงั ตอ ไปนี้ :- ๑. ไมพ งึ ใหอุปสมบท ๒. ไมพ ึงใหนสิ ัย ๓. ไมพงึ ใหสามเณรอปุ ฏฐาก ๔. ไมพงึ รับสมมตเิ ปนผูส่งั สอนภิกษุณี ๕. แมไดรับสมมติแลว กไ็ มพ ึงสัง่ สอนภกิ ษุณี ๖. สงฆล งอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ นั เปนบาปเพราะอาบตั ิใด ใหพึงตอ งอาบัตินน้ั ๗. ไมพ งึ ตอ งอาบัตอิ ื่นอนั เชนกัน

พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 182 ๘. ไมพงึ ตองอาบัติอันเลวทรามกวา นนั้ ๙. ไมพึงติกรรม ๑๐. ไมพ ึงตภิ ิกษทุ ั้งหลายผูท ํากรรม ๑๑. ไมพ ึงหามอโุ บสถแกปกตตั ตะภิกษุ ๑๒. ไมพ ึงหา มปวารณาแกป กตัตตะภกิ ษุ ๑๓. ไมพงึ ทําการไตส วน ๑๔. ไมพึงเร่มิ อนวุ าทาธกิ รณ ๑๕. ไมพึงยงั ภกิ ษุอนื่ ใหทาํ โอกาส ๑๖. ไมพึงโจทภกิ ษอุ ่นื ๑๗. ไมพงึ ใหภิกษอุ ่ืนใหการ ๑๘. ไมพงึ ชวยภิกษกุ ับภกิ ษุใหสูอ ธิกรณกัน . วตั ร ๑๘ ขอ ในอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปนบาป จบ สงฆลงโทษและระงับกรรม [๓๑๐] คร้ังน้ัน สงฆไ ดลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปน บาปแกพ ระอรฏิ ฐะผูเกดิ ในตระกูลพรานแรง คือ หามสมโภคกบั สงฆทานถกู สงฆลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ัน เปนบาป แลวสึกเสีย

พระวนิ ัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 183บรรดาภกิ ษุท่เี ปน ผมู ักนอ ย....ตา งก็เพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนพระอรฏิ ฐะผูเ กิดในตระกูลพรานแรง ถูกสงฆลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐิอนั เปนบาปแลว จึงไดสึกเสยี ลา แลวกราบทลู เรอ่ื งนนั้ แดพระผมู พี ระภาคเจา . ประชมุ สงฆทรงสอบถาม [๓๑๑] ลําดับนั้น พระผูม พี ระภาคเจา รบั สัง่ ใหป ระชุมภกิ ษุสงฆในเพราะเหตุเปน เคา มลู นน้ั ในเพราะเหตุแรกเกดิ น้ัน แลว ทรงสอบถามภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ไดยินวา ภิกษุอรฏิ ฐะผูเกดิ ในตระกลู พรานแรง ถูกสงฆสงอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปนบาปแลวสึกเสยี จริงหรอื ? ภิกษุทัง้ หลายทูลรับวา จรงิ พระพุทธเจาขา . ทรงติเตยี น พระผูมีพระภาคพทุ ธเจา ทรงตเิ ตียนวา ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ไฉนโมฆบุรุษน้ัน ถกู สงฆล งอุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปนบาปแลวจงึ ไดสกึ เสยี เลา ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย การกระทาํ ของโมฆบุรุษนั้นนนั่ ไมเ ปนไปเพอื่ ความเล่อื มใสของชมุ ชนท่ียังไมเ ล่อื มใส........ครน้ั แลว ทรงทาํ ธรรมีกถารับสงั่ กะภิกษุท้งั หลายวา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ถา เชนน้ัน สงฆจงระงบัอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ นั เปน บาป.

พระวนิ ัยปฎก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 184 วตั รท่ไี มค วรระงบั ๑๘ ขอ ๓ หมวด หมวดที่ ๑ [๓๑๒] ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย สงฆไ มพ งึ ระงับอกุ เขปนยี กรรมฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปน บาป แกภ กิ ษผุ ปู ระกอบดวยองค ๘ คือ :- ๑. ใหอ ุปสมบท ๒. ใหนิสยั ๓. ใหสามเณรอปุ ฏฐาก ๔. รบั สมมตเิ ปน ผสู ัง่ สอนภกิ ษุณี ๕. แมไ ดรบั สมมตแิ ลว ก็ยงั สัง่ สอนภิกษุณี ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษุประกอบดว ยองค ๕ น้ีแล สงฆไ มพงึระงบั อกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปน บาป. หมวดที่ ๒ [๓๑๓] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย สงฆไ มพ ึงระงับอุกเขปนยี กรรมฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาป แกภกิ ษุผูประกอบดว ยองค ๕ แมอ ่นื อกีคือ:- ๑. สงฆลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอันเปน บาป เพราะอาบตั ิใด ตองอาบตั ิน้นั ๒. ตอ งอาบัตอิ นื่ อันเชนกัน ๓. ตองอาบตั ิอันเลวทรามกวานนั้ ๔. ติกรรม

พระวนิ ยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 185 ๕. ตภิ ิกษทุ ้งั หลายผทู าํ กรรม ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษปุ ระกอบดว ยองค ๕ นแ้ี ล สงฆไ มพ งึระงบั อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ ันเปนบาป. หมวดท่ี ๓ [๓๑๔] ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย สงฆไมพึงระงับอุกเขปนียกรรมฐานไมสละทิฏฐอิ นั เปน บาป แกภกิ ษุผูประกอบดว ยองค ๘ คอื :- ๑. หามอุโบสถแกป กตตั ตะภิกษุ ๒. หา มปวารณาแกปกตตั ตะภกิ ษุ ๓. ทาํ การไตส วน ๔. เร่มิ อนุวาทาธิกรณ ๕. ยงั ภิกษอุ ืน่ ใหทําโอกาส ๖. โจทภกิ ษอุ ่ืน ๗. ใหภิกษอุ ื่นใหก าร ๘. ชวยภิกษกุ ับภิกษุใหส อู ธกิ รณกัน ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๘ นีแ้ ล สงฆไมพ งึระงบั อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปน บาป. วัตรท่ีไมค วรระงับ ๑๘ ขอ ๓ หมวด ในอกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอันเปน บาป จบ

พระวนิ ัยปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาที่ 186 วัตรท่คี วรระงับ ๑๘ ขอ ๓ หมวด หมวดที่ ๑ [ ๓๑๕ ] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย สงฆพ ึงระงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ นั เปน บาป แกภ ิกษผุ ูประกอบดวยองค ๕ คอื ๑. ไมใหอปุ สมบท ๒. ไมใหนิสยั ๓. ไมใหสามเณรอปุ ฏ ฐาก ๔. ไมร บั สมมติเปน ผูส่งั สอนภิกษณุ ี ๕. แมไ ดร ับสมมติแลว กไ็ มสง่ั สอนภกิ ษุณี ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุประกอบดว ยองค ๕ นีแ้ ล สงฆพ งึ ระงับอกุ เขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐอิ นั เปน บาป. หมวดท่ี ๒ [ ๓๑๖] ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย สงฆพงึ ระงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปนบาป แกภิกษุผูประกอบดว ยองค ๕ แมอ่นื อกี คอื :- ๑. สงฆลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปนบาป เพราะ อาบตั ิใด ไมตองอาบัตินน้ั ๒. ไมต องอาบัตอิ ื่นอันเชนกัน ๓. ไมต อ งอาบตั อิ นั เลวทรามกวา น้ัน ๔. ไมตกิ รรม ๕. ไมต ภิ กิ ษทุ ั้งหลายผูท าํ กรรม

พระวนิ ัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 187 ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษปุ ระกอบดวยองค ๕ น้ีแล สงฆพึงระงบัอุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปนบาป. หมวดที่ ๓ [๓๑๗ ] ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย สงฆพึงระงบั อุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอันเปนบาป แกภ ิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๘ คอื :- ๑. ไมหามอุโบสถแกปกตัตตะภกิ ษุ ๒. ไมหา มปวารณาแกปกตัตตะภกิ ษุ ๓. ไมท าํ การไตส วน ๔. ไมเ ร่มิ อนุวาทาธิกรณ ๕. ไมยังภกิ ษุอื่นใหทาํ โอกาส ๖. ไมโจทภกิ ษุอนื่ ๗. ไมใ หภ ิกษอุ ่ืนใหการ ๘. ไมชวยภกิ ษกุ บั ภกิ ษใุ หสอู ธิกรณก ัน ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษุประกอบดว ยองค ๘ นีแ้ ล สงฆพึงระงับอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปนบาป. วตั รท่คี วรระงบั ๑๘ ขอ ๓ หมวด ในอุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ นั เปนบาป จบ วธิ ีระงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอันเปน บาป [๓๑๘] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย กแ็ ล วิธรี ะงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ นั เปน บาป พึงระงบั อยางน้ี :-

พระวนิ ยั ปฎก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ท่ี 188คาํ ขอระงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอันเปน บาป ภกิ ษุผูถูกสงฆลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาปนนั้พึงเขา ไปหาสงฆห มผาอตุ ราสงคเฉวียงบา ไหวเทา ภิกษุผูแกก วา น่งักระโหยงประคองอญั ชลี แลว กลา วคําขอระงับกรรมน้นั อยา งน้ี วาดังน:ี้ - ทา นเจาขา ขา พเจา ถูกสงฆล งอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปนบาป แลวประพฤติโดยชอบ หายเยอ หยิ่งประพฤตแกต วั ได ขาพเจาขอระงบั อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐิอนั เปนบาป พึงขอแมค รงั้ ทีส่ อง พงึ ขอแมครง้ั ทส่ี าม ภกิ ษุผฉู ลาด ผสู ามารถ พึงประกาศใหส งฆท ราบดวยญตั ตจิ ตุตถ-กรรมวาจา ดังนี้ :- กรรมวาจาระงับอุกเขปนียกรรม ทานเจาขา ขอสงฆจงฟง ขาพเจา ภิกษุมีชือ่ นีร้ ปู น้ี ถกู สงฆล งอกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐิอันเปน บาป แลว ประพฤติโดยชอบ หายเยอ หยิง่ ประพฤติแก ตวั ได บัดนี้ ขอระงับอกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิ อันเปนบาป ถา ความพรอ มพรัง่ ของสงฆถ ึงท่แี ลว สงฆ พงึ ระงบั อกุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปนบาป แก ภกิ ษมุ ชี อ่ื น้ี นีเ้ ปนญัตติ ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา พเจา ภิกษมุ ีชื่อนี้รปู น้ี ถูกสงฆล งอุปเขปนยี กรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ นั เปน.

พระวนิ ยั ปฎ ก จลุ วรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนาท่ี 189บาป แลว ประพฤติโดยชอบ หายเยอหย่งิ ประพฤตแิ กตวั ได บัดน้ี ขอระงับอุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอันเปนบาป สงฆร ะงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอนั เปนบาปแกภ ิกษมุ ชี ่ือน้ี การระงับอปุ เขปนียกรรม ฐานไมสละทฏิ ฐิอนั เปน บาป แกภ กิ ษุมชี ือ่ นี้ ชอบแกท า นผใู ดทา นผนู ัน้ พงึ เปนผูนิ่ง ไมช อบแกท านผใู ด ทา นผูนัน้ พึงพูด ขาพเจากลาวความน้แี มค รงั้ ทสี่ อง.... ขาพเจา กลา วความนแี้ มคร้ังท่ีสาม ทา นเจาขา ขอสงฆจ งฟงขา พเจา ภกิ ษมุ ชี ื่อนีร้ ูปน้ี ถูกสงฆลงอุกเขปนียกรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปนบาป แลว ประพฤติโดยชอบ หายเยอ หยิง่ ประพฤตแิ กต ัวได บดั น้ี ขอระงับอุกเขปนียกรรม ฐานไมสละทิฏฐอิ ันเปน บาป สงฆร ะงับอกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทฏิ ฐิอนั เปนบาปแกภ กิ ษุมชี อ่ืนี้ การระงบั อกุ เขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐิอนั เปน บาปแกภกิ ษมุ ีชอื่ นี้ ชอบแกทานผใู ด ทา นผนู น้ั พงึ เปนผูน ่งิไมช อบแกทานผูใด ทานผนู น้ั พงึ พูด อุกเขปนยี กรรม ฐานไมสละทฏิ ฐอิ นั เปน บาปสงฆระงบั แลว แกภกิ ษุมชี ือ่ นี้ ชอบแกส งฆ เหตุนัน้ จึงนิ่งขา พเจาทรงความนไี้ วอยางน.ี้

พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๖ ภาค ๑ - หนา ที่ 190 อุกเขปนยี กรรม ฐานไมส ละทิฏฐอิ ันเปนบาป ท่ี ๗ จบ กัมมขนั ธกะ ท่ี ๑ จบ ในขันธะน้มี ี ๗ เรือ่ ง หวั ขอประจาํ ขันธกะ [๓๑๙] ๑. ภิกษพุ วกพระปณ ฑกุ ะและพระโลหติ กะ กอความบาดหมางเอง ไดเ ขาหาภิกษผุ ูเชน กัน แลวใหขมักเขมนในการกอความบาดหมางข้ึน ความบาดหมางท่ยี งั ไมเกดิ ยอมเกิดขน้ึ แมท่ีเกิดข้ึนแลว กข็ ยายตวั ออกไป ภกิ ษทุ ้ังหลายทม่ี กั นอย มศี ลี เปนท่รี ัก ยอ มเพง โทษในบรษิ ทั พระพุทธชินเจาผสู ยัมภอู ัครบุคคล ผทู รงพระสทั ธรรม รบั สั่งใหลงตัชชนยี กรรม ณ พระนครสาวตั ถี ตัชชนยี กรรมทไ่ี มเ ปน ธรรม ไมเ ปน วินัย คอื ทําลับหลงั ไมส อบถามกอ นแลว ทํา ไมทําตามปฏิญาณ หมวด ๑ ทาํ เพราะไมต องอาบตั ิทาํ เพราะอาบัติ มิใชเ ทศนาคามินี ทาํ เพราะอาบัติทีแ่ สดงแลว หมวด ๑ไมโ จทกอ นแลว ทาํ ไมใ หจ ําเลยใหก ารกอนแลว ทาํ ไมปรบั อาบัตแิ ลวทําหมวด ๑ ทาํ ลบั หลัง ทาํ โดยไมเปนธรรม สงฆเปน วรรคทํา หมวด ๑ไมส อบถามกอ นแลว ทาํ ทําโดยไมเ ปนธรรม สงฆเปน วรรคทาํ หมวด ๑ไมท าํ ตามปฏิญาณ ทําโดยไมเปนธรรม สงฆเ ปนวรรคทาํ หมวด ๑ ทําเพราะไมต องอาบัติ ทาํ โดยไมเปน ธรรม สงฆเ ปน วรรคทาํ หมวด ๑ทาํ เพราะอาบตั ิมใิ ชเปนเทศนาคามนิ ี ทาํ โดยไมเปนธรรม สงฆเ ปน วรรค




















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook